พล นิกร กิมหงวน เดอะมิวสิคัล ตอนที่ 10 ตอน รัฐนิยม
พศ. 2482
ภายในห้องกินข้าว บ้านศิริสวัสดิ์ เจ้าคุณปัจจนึกนั่งอ่านหนังสือพิมพ์รออาหารเช้าอยู่ที่โต๊ะ ประภาเดินเข้ามาพร้อมสาวใช้ ที่ถือถาดใส่นมสดและไข่ลวกสามใบ
"คุณพ่อคะ อาหารเช้าค่ะ"
เจ้าคุณลดสายตา ดูอาหารแล้วขมวดคิ้ว
“อ้าว แล้วขนมปังของพ่อละ”
“วันนี้เจ๊กที่มาส่งขนมปังหยุดน่ะค่ะ เพราะว่าเป็นวันตรุษจีน”
“หา จริงหรือ”
“คะ หนูเลยได้แต่จัดนมสดกับไข่ลวกมาให้คุณพ่อ”
ปัจจนึกอารมณ์เสีย
“อย่างอื่นไม่มีแล้วเหรอ ขนมจีบซาลาเปาหรือซุบไก่ก็ได้”
“ไม่มีค่ะ ร้านผิดหมดเลย คนจีนหยุดทำการค้าขาย ที่ตลาดไม่มีหมูเห็ดเป็ดไก่เหลือเลยค่ะ”
“แล้วพวกเครื่องกระป๋องละ”
“ไม่มีค่ะ ร้านปิดหมด”
“แล้วตอนกลางวันละ หอยแมลงภู่ทอดมีมั้ย”
“ไม่มีค่ะ “
“ก๋วยตี๋ยวละ”
“ไม่มีค่ะ “
“แล้วแกจะให้พ่อกินอะไร ฮึ ยายภา”
“คือ แม่ครัวบอกว่ามีแค่ข้าวผัดใส่ไข่เป็ด กับกุนเชียงเหลืออยู่คู่นึงค่ะ”
ปัจจนึกโมโหมา
“ชิชะมีแต่อาหารเลวๆเหลือเดน เป็นอย่างนี้ทุกปีเลย วันตรุษจีนร้านปิดหมดไม่มีอะไรจะกินสักอย่างเดียว”
เจ้าคุณผุดลุกขึ้น เดินมาทางห้องรับแขก ประภาตามมา
“ต้องพึ่งต่างชาติอย่างนี้ ชาติไทยไม่มีวันเจริญ ไม่ได้แล้ว เราจะต้องทำตามรัฐนิยมของหลวงพิบูลสงครามอย่างเคร่งครัด ใช้แต่ของไทย ทำการเกษตรไร่สวนเรือกนาเอง จะได้ไม่ต้องกินไข่ลวกเลวๆนี่อีกในวันตรุษจีนปีหน้า ประภา เดี๋ยวแกโทรศัพท์ไปเชิญทุกคนให้มาที่นี่ ในวันพรุ่งนี้ บอกว่าพ่อมีเรื่องด่วนที่สุด”
“เรื่องไข่ลวกนี่นะหรือคะ”
“ไม่ใช่เว้ย เรื่องอื่น”
ดิเรกในชุดสูทสากลเพิ่งมาถึงสวนเข้ามาพอดี
“กู๊ด มอร์นิ่งครับ คุณอา”
ปัจจนึก มองหัวจรดเท้า
“เจ้าด็อก เสื้อผ้าของแกชุดนี้มาจากไหน หา”
ดิเรกภูมิใจ
“โอ มาจากต่างชาติทั้งชุดเลยครับ เสื้อสูทชาร์กสกินอย่างดี เสื้อเชิ้ตผ้าออกซ์ฟอร์ด หมวกปานามา เข็มขัดยี่ห้อโทน ก็มาจากต่างชาติ ทั้งนั้น”
“ต่อไปนี้หากแกรักจะสมัครเป็นลูกเขยอา แกจะต้องเลิกอุดหนุนสินค้าต่างชาติและหันมาอุดหนุนสินค้าไทยเท่านั้น แกจะต้องศึกษาวัฒนธรรมไทย แต่งกายแบบไทย ไม่อย่างนั้น อาไม่อนุญาตให้แกเต๊าะประภาอีกเด็ดขาด”
“คุณพ่อ” ประภาเสียงหลง
ปัจจนึกเอียงหน้ามาหาดิเรก
“อาพูดเล่น แกเต๊าะตามสบาย แต่ต้องเลิกใช้ของต่างชาติตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เข้าใจมั้ย”
“เข้าใจครับ”
เจ้าคุณเดินออกไป
ดิเรกทำตาหวานใส่ประภาทันที
“คิดถึงผมบ้างหรือเปล่าครับ คุณภา”
“ไม่เลยค่ะ”
ประภาเดินออกไป ดิเรกเศร้ามองตาม
เจ้าคุณและคุณหญิงประสิทธิ์นั่งอยูบนเก้าอี้รับแขก เช่นเดียวกับเจ้าคุณวิจิตร ประไพ นันทาและนวลลออเดินเข้ามา
“แหม ตรงเวลากันดีจริง ไอ้ลิงสามตัวมาด้วยหรือเปล่า” คุณหญิงวาดบอก
“เปล่าค่ะ เมื่อตอนเที่ยงคุณพลกับคุณนิกรมารับเฮียไปค่ะ เดี๋ยวจะมาที่นี่เลยมังคะ” นวลลออว่า
“เออแน่ะ ไอ้สามตัวสงสัยไปกินเลี้ยงตรุษจีนเป็นแน่ ป่านนี้คงจะไปเมาที่ไหนแล้วไม่รู้ เฮ้อ กลุ้มใจมีลูกหลานไม่เหมือนคนอื่นเค้า”
“อย่าไปโทษมันเลย หล่อนนั่นละ ตามใจเจ้าพลจนเสียคน” เจ้าคุณวิจิตรว่า
“อ้าว แล้วคุณพี่ละ ไม่ได้ตามใจเจ้ากรจนเสียคนเหมือนกันเหรอ”
“ชั้นตามใจยังไงก็ไม่เท่าหล่อนหรอก”
“พอเถอะครับ มันก็ตามใจทั้งคู่นั่นละ” เจ้าคุณประสิทธิ์บอก
เจ้าคุณวิจิตรกับคุณหญิงโพล่งพร้อมกัน
“เจ้าคุณก็ด้วย!”
เจ้าคุณประสิทธิ์สะดุ้ง
ทันใดนั้นเอง เสียงรถบีบแตรดังลั่นมาแต่ไกล
“ท่าจะมากันแล้วมังคะ “
ประไพ นวลลออ นันทาเดินมาจะไปรับสามเกลอพอดี จึงเจอเข้ากับประภาที่วิ่งออกมาดูรถเหมือนกัน
“คุณนวล คุณนัน ดีใจที่ได้เจอกันค่ะ” ประภาบอก
“พี่ภา คุณพ่อละคะ” ประไพถาม
“อยู่ข้างบนจ้ะ เดี๋ยวคงลงมา น้องไพ ดูนั่นสิ”
ประไพหันไปดูที่หน้าตึก เห็นสามเกลอในชุดสูทสากลยับยู่ยี่เดินเมาแประมา นวลลออมองหน้านันทาและประไพ
“มันไม่แปลกใช่มั้ยคะ คุณนวล” นันทาบอก
“ไม่แปลกค่ะ แต่มันแสนจะทุเรศ” นวลลออว่า
“อย่างนี้ต้องตบล้างน้ำเลย” ประไพบอก
เจ้าแห้วพยายามพยุงสามเกลอโซเซมาตามทาง ระหว่างนี้ สี่นางเดินมาทางระเบียง เจ้าคุณประสิทธิ์ คุณหญิง และเจ้าคุณวิจิตร เดินมาสมทบ ต่างมองด้วยความทุเรศ
“นี่มันคนหรือหมากันแน่”
“หมาค่ะ หมาขึ้เรื้อนด้วย ไอ้แห้ว มานี่เชียว”
แห้ววิ่งไปหาคุณหญิงวาด
“มึงพาเจ้านายไปสำมะเลเทเมาที่ไหนมา หา”
“สาบานเลยครับ ผมไม่ได้พาไป ผมแค่ขับรถไปตามที่คุณพลบอกแค่นั้น ส่วนการสำมะเลเทเมาพวกคุณๆทั้งสามกระทำการเองครับ”
“หนอย เล่นสำนวน”
คุณหญิงจ้องหน้าไอ้แห้ว เห็นตาเยิ้มๆ
“แล้วทำไมตาแกถึงเยิ้มๆฉ่ำๆ หา กินเหล้ากับเค้าเหมือนกันรึ”
“สาบานให้พระแก้วพระกาฬบีบคอสิขอรับ ผมไม่ได้กินเหล้าสักอึก”
คุณหญิงทำตาถลึงตวาด
“ไอ้แห้ว”
“ผมแค่สูบกัญชาไปบ้องเดียวขอรับ”
คุณหญิงตบหัวพลั่ก
“พอกันทั้งนายทั้งบ่าว”
สามเกลอเดินมาสลบตรงบันได
เจ้าคุณประสิทธิ์ว่า
“เอาเลือดหัวมันออกเสียทีดีมั้ย”
“ดีค่ะ เอาเลยค่ะ ดิชั้นจะรอดู” คุณหญิงวาดหันมาบอกกับเจ้าคุณวิจิตร
“คุณพี่ด้วย เอาสิคะ เอาเลย ฟาดตากรเลยค่ะ เอาตรงแสกหน้าเลยค่ะ”
เจ้าคุณวิจิตรทำเป็นขยับไม้ตะพด
“คิดอีกทีอย่าเพิ่งเลย ขืนตีมันเวลาหลับๆเดี๋ยวกบาลจะแยก”
“ฮึ นึกว่าจะแน่”
เจ้าคุณวิจิตรกระชากผมพลขึ้นมา
พลยิ้มแป้น
“อ้ายบ้า อย่าเล่นน่า ปัดโธ่”
เจ้าคุณวิจิตรสะดุ้งเฮือก เอาหลังมือตบหน้าพลดังฉาด พลสะดุ้งลืมตาเห็นทุกคน
พลยกมือไหว้บอก “ขอโทษครับ” แล้วหลับต่อ
ประภาหัวเราะกิ๊ก
เจ้าคุณประสิทธิ์คว้าคอขึ้นมา
“ไอ้ลูกระยำ ประเดี๋ยวพ่อเตะดิ้น”
วิจิตรเดินไปที่นิกร กระชากขึ้นมา เชกหัวดังโป๊ก
“อ้ายเปรต อย่าเล่นน่า เอาเหล้าอีกขวดสิ”
“มีแต่ตะพดเว้ย จะแดกมั้ย”
นิกรสะดุ้งฮือก
“คุณพ่อ”
“มึงเลวที่สุดในโลก เดี๋ยวพ่อซื้อเหล้ามาใส่ถังใหญ่ๆจับแช่ทั้งวันเลย”
กิมหงวนหลับตาพูด
“ก็ดีเหมือนกัน”
นวลลออกระโจนเข้าไปหา กระชากคอผัวขึ้นและใช้หมัดสวิงเข้าให้เต็มรัก กิมหงวนสะดุ้ง หายเมาทันที
"พูดกับผู้ใหญ่อย่างนี้ได้ยังไง ท่านไม่ใช่เพื่อนเล่นนะ"
คุณหญิงดึงนวลลออเข้ามากอด
"เก่งมากหลานสาว"
ประไพดึงหูนิกร
"ไปเลย เข้าไป ล้างตาเลย เดี๋ยวจะถึงเวลาที่คุณพ่อเรียกประชุมแล้ว"
"อ้าว แล้วนี่ท่านอยู่ไหน ไม่เห็นหน้าเห็นตาเลย" เจ้าคุณประสิทธิ์ถาม
"ท่านกำลังร่างสัญญารัฐนิยมค่ะ" ประภาบอก
"สัญญารัฐนิยม มันคืออะไร" คุณหญิงวาดถามอย่างงงๆ
กลางห้องหนึ่งในบ้านศิริสวัสดิ์มีโต๊ะประชุม มีเก้าอี้จัดไว้ครบตามจำนวนคน บนโต๊ะ มีกระดาษดินสอ
คนอื่นนั่งรอบๆ กิมหงวนเดินเพ่นพ่านไปทั่ว
"นั่งเสียทีสิคะ คุณหงวน" ประภาบอก
"รีบไปเชิญคุณอามาเร็วๆสิครับ ดูรูปการ โต๊ะประชุมอย่างนี้ จะตั้งสมาคมลับอั้งยี่หรือยังไง" กิมหงวนบอก
นวลลออลุกขึ้นเดินปังๆๆๆ ไปหา เอามือคว้าหูหมับ ลากคอมานั่งที่เก้าอี้
"โอ๊ย"
ทุกคนหัวเราะ
ทันใดนั้น เจ้าคุณปัจจนึกในชุดโสร่งไหม เสื้อกุยเฮงสีนวลเดินเข้ามา ในมือถือแฟ้มเอกสาร อีกมือถือขวาน
"เฮ้ย รามสูรมาเว้ย"
พลหัวเราะกิ๊กกั๊ก
กิมหงวนบอก
"ทั้งหมด ตรง"
ทุกคนยืนขึ้น
"นั่งได้ ข้าพเจ้าขอขอบคุณทุกท่านมากที่มาประชุมโดยพร้อมเพรียงกัน ข้าพเจ้าจะเปิดการประชุม ณ บัดนี้ ตามที่คณะรัฐบาลของเราได้ออกกฎรัฐนิยมขึ้นเพื่อให้ชาติไทยที่เปรียบเสมือนขวานเล่มนี้ มีความเจริญเท่าเทียมอารยะประเทศทั้งหลาย"
คุณหญิงวาดถาม
"เช่นประเทศอะไรบ้างคะ"
"อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน ญี่ปุ่น"
นิกรหาว นันทาหันไปตบฉาด
"ฟังสิ"
"สถานการณ์โลกก็อยู่ในระหว่างสงครามแทบทุกประเทศ เราจึงจำเป็นที่จะต้องช่วยประเทศชาติของเราด้วยการอุดหนุนใช้แต่ผลิตภัณฑ์ของไทยเท่านั้น ยกเว้นแต่ของที่มีอยู่แล้วอย่างเครื่องเรือน หรือของที่จำเป็นจริงๆเท่านั้น จึงจะอนุโลมให้ได้"
กิมหงวนเรอ
"อยากโดนขวานมั้ย ไอ้หงวน" นวลลออว่า
"ไม่อยากครับ"
"ดังนั้นข้าพเจ้าจึงจะก่อตั้งสมาคมรัฐนิยมขึ้น ขอให้ทุกท่านปฎิบัติตามโดยเคร่งครัดเพื่อเป็นตัวอย่างแก่พี่น้องประชาชนชาวไทยทั้งปวง"
ทุกคนตบมือ
ดิเรกเดินเข้ามาในชุดผ้าโจงกระเบนลายไทย เสื้อแบบไทย ทุกคนสะดุ้ง
"ฮิๆๆๆ ลิเกหลงโรงหรือพี่ภา" ประไพถาม
"ผมแต่งกายแบบนี้ถูกต้องตามรัฐนิยมไหมครับ คุณอา" ดิเรกถาม
"ถูกต้องแล้ว ดิเรก แกดีมาก ได้รับใบอนุญาตให้เต๊าะลูกสาวชั้นได้ตลอดไป"
ดิเรกยิ้มแป้น
"ขอบคุณครับ"
ประภาค้อนให้ ดิเรกตรงไปนั่งข้างเจ้าคุณ
"พวกเรายินดีปฏิบัติตามครับ คุณอา เพียงแต่ว่า เอ้อ หากเป็นของจำเป็น เราจะสามารถใช้ของฝรั่งได้บ้างมั้ยครับ" พลถาม
"เช่น อะไร"
"เช่น วิสกี้"
"ไม่ได้ เหล้าไทยมีเยอะไป กินเข้าไปมันก็เมาเหมือนกันละวะ จริงมั้ย"
ทุกคนบอก "จริง"
"แล้วดินสอเขียนคิ้วละคะ" ประไพถาม
"แกก็เอาเนื้อมะพร้าวมาหั่นตากแห้งพอจะใช้ก็เอาไฟลนให้ดำทาเอาแล้วกัน"
พวกผู้หญิงสะดุ้งเฮือก
"แล้วถ้าไม่ทาลิปสติก ปากหนูก็เขียวอื๋อเหมือนคนสูบฝั่นสิคะ" นันทาบอก
ทุกคนฮาครืน
"พวกเจ้าก็เอาก้านธูปฝนแล้วทาเอา แดงเหมือนกันละ ในเมื่อพวกเราตกลงกันในหลักการแล้ว ก็จะบิดพลิ้วไม่ได้ เข้าใจมั้ย"
ทุกคน "เข้าใจ"
"ออลไรท์ๆ" ดิเรกว่า
ทุกคนหัวมาจ้อง ดิเรกสะดุ้ง เจ้าคุณลุกขึ้น
"เพื่อแสดงให้เห็นว่าผมเคร่งครัดกับรัฐนิยม ผมจะทิ้งของของผมที่เป็นของนอกให้หมด"
ทุกคนตบมือ
"รวมทั้งของประภา ลูกสาวผมด้วย"
ประภาสะดุ้งเฮือก
"หนูด้วยหรือคะ"
"แน่นอน เจ้าน่ะต้องทำตัวเป็นผู้นำรู้มั้ย"
"แต่ว่า"
"ไม่ต้องแต่!"
บริเวณหน้าห้อง เจ้าคุณเดินนำหน้า พล นิกร กิมหงวน ถือธงเดินตาม ตามมาด้วยผู้อาวุโสและสี่นาง เจ้าแห้วรั้งท้ายถือกระโถนปากแตร
อ่านต่อหน้า 2
พล นิกร กิมหงวน เดอะมิวสิคัล ตอนที่ 10 ตอน รัฐนิยม (ต่อ)
บริเวณหน้าห้อง เจ้าคุณเดินนำหน้า พล นิกร กิมหงวน ถือธงเดินตาม ตามมาด้วยผู้อาวุโสและสี่นาง เจ้าแห้วรั้งท้ายถือกระโถนปากแตร
เพลง "ไทย เพื่อไทย" (คำร้อง สมศักดิ์ เทพานนท์ ทำนอง เอื้อ สุนทรสนาน)
ปัจจนึก "ตื่นเถิดชาวไทย ขอจงร่วมใจปรองดอง ในพื้นดินแดนทองนี้มีของไทยไทยทำ"
คุณหญิงวาด เจ้าคุณวิจิตรและประสิทธิ์ "หยุดก่อนฟังสิ ของไทยมากมีจงจำ ของคนไทยไทยทำนั้นมิใช่ต่ำเกินการ"
ภายในห้องประภาเธอหยิบเสื้อผ้าของฝรั่งออกมาให้สี่นางช่วยกันทิ้ง เจ้าแห้วถือกระโถนรับ
สี่นาง "ผลิตภัณฑ์ไทยที่ดีนั้นเราก็มีอยู่ช้านาน เชิญมาพร้อมกัน อุดหนุนผลงานงานของไทย"
สี่สหาย "ไทยทำไทยใช้เอง มิต้องกลัวเกรงเงินทองสูญไป หากไทยไม่ช่วยไทยก็แล้วใครจะมาช่วยเรา ไทยเพื่อไทยอุดหนุนไทยไทยพวกเรา"
ทั้งหมดเข้าไปในห้องนอนทำงานเจ้าคุณ เจ้าคุณเอาของต่างประเทศทิ้ง
ปัจจนึก "สิ่งหนึ่งเตือนใจ ผองไทยทั่วในไทยเรา ควรหรือไปมัวเมา ใช้ของเขาเข้าทำไม แต่ก่อนโบราณนั้นเราอยู่กันยังไง ทุกคนควรภูมิใจ เลี้ยงตัวมาได้นมนา"
คุณหญิงวาด เจ้าคุณประสิทธิ์และวิจิตร "ไม่เคยไปพึ่งใคร พื้นดินถิ่นไทยสุขสำราญ เราทำใช้กัน แต่ครั้งโบราณเป็นของไทย"
ทุกคนเดินต่อ "ไทยทำไทยใช้เองมิต้องกลัวเกรงเงินทองสูญไป หากไทยไม่ช่วยไทยก็แล้วใครจะมาช่วยเรา
ไทยเพื่อไทยอุดหนุนไทยไทยพวกเรา"
เวลาต่อมา ภายใน กาเซโบ บ้านศิริสวัสดิ์ สามเกลอกำลังรุมซักดิเรกอยู่
"ไงละ ดิเรก คุณภาตกลงรับรักแกหรือยัง" นิกรถาม
"ยังเลย บางทีหล่อนก็ดูจะชอบกัน แต่บางทีก็ทำหน้างอขึ้นมาเฉยๆ"
เพลง "จะทำยังไง" (คำร้อง สมศักดิ์ เทพานนท์ คำร้อง เอื้อ สุนทรสนาน)
ดิเรก "จะทำยังไง จะทำยังไง จะทำยังไง เอ่ยปากรักหญิงยังไง จะชนะใจผู้หญิงโดยดี"
พล "จะทำยังไง"
นิกร "จะทำยังไง"
ดิเรก "ไม่รู้น่ะซี ร่วมจิตร่วมคิดดูที จะมีวิธีใดบ้างอย่างไร"
กิมหงวน "ใช้เงินเป็นสื่อสวาท เห็นอำนาจเงินตาพอง"
ดิเรก "ฉันได้ทดลองแล้วไม่สมปอง เธอไม่สนใจ"
นิกร "ใช้รถยนต์พาเธอควง"
พล "ใช้มายาลวงเธอไป"
ดิเรก "หญิงต่างรู้ใจ รู้เท่าถึงใจ เธอไม่หันมา"
พล "ไม่มีปัญญา"
นิกร "ไม่มีปัญญา"
กิมหงวน "ไม่มีปัญญา"
สามเกลอ "อวดเก่งให้เสียเวลา กลับไปทำนา อยู่นาเป็นควาย"
กิมหงวน " หว่านเงินลงไป หว่านเงินลงไป"
ดิเรก "หว่านไปเป็นกอง จะหว่านแก้วแหวนเงินทอง ไม่เคยสมปอง ไม่สมใจกาย"
พล "แต่งกายงามตา"
นิกร "พูดจาดี ๆ"
กิมหงวน "มีเงินเดินกราย"
พล นิกร กิมหงวน "หากหล่อนไม่รักจนตาย ไม่ยอมสนใจ ไม่ต้องกราบวอน"
พล "ใช้กลมนต์เป่าเสน่ห์"
นิกร " ใช้เล่ห์มายาเชิงกล"
ดิเรก "หญิงแทบทุกคนรู้เหลี่ยมรู้กล เธอไม่ม้วยมรณ์"
พล "ใช้คำลวงพาเธอมา"
นิกร "ใช้กำลังพาเธอจร"
ดิเรก "หญิงไม่ร้าวรอน รู้รู้ทุกตอนทุกอย่างรู้ใจ หากใครมีดี หากใครมีดี เชิญมาเร็วไว บอกหน่อยให้ผมดีใจ จะทำยังไง จะทำยังไง จะทำยังไง"
"กันเกี้ยวผู้หญิงไม่เป็นจริงๆ พวกแกช่วยกันหน่อยเถอะ" ดิเรกว่า
"ในเมื่อแกใช้ทุกวิธีแล้ว แต่ไม่ได้ผล แกก็ต้องบอกหล่อนตรงๆไปเลย" พลบอก
"เป็นบอกตรงๆเลยเหรอ"
"ใช่ เป็นไงเป็นกันสิวะ ลูกผู้ชายเว้ย" นิกร
"ในสมองของแกคิดยังไงก็พูดไปตามนั่นละ เชื่อกันเถอะ" กิมหงวน
ดิเรกพยักหน้า "คิดยังไง พูดไปอย่างนั้น"
ภายใน ห้องนั่งเล่นด้านล่าง บ้านศิริสวัสดิ์ ประภา ประไพ นวลลออ นันทานั่งคุยกันอยู่
"คุณพ่อนะคุณพ่อ เอาเสื้อผ้าดีๆไปทำลายหมด น้ำหอมลิปสติกก็โยนทิ้ง บางชิ้นเพิ่งซื้อมายังไม่ทันใช้เลย" ประภาว่า
"เอาเถอะค่ะ ไหนๆเราก็ยอมลงนามเป็นสมาชิกสภารัฐนิยมแล้ว เราก็ต้องปฎิบัติตามอย่างเคร่งครัด" นวลลออบอก
หน้าทางเข้าห้อง ดิเรกเดินองอาจมา
"พี่ภาๆ ขวัญใจพี่ภามาแล้ว" ประไพบอก
"บ้า ขวัญใจอะไร เธอก็พูดไปได้"
"คุณภาครับ"
ดิเรกคุกเข่าลงกับพื้น
"ผมรักคุณ อยากได้คุณเป็นเมียใจจะขาดแล้วครับ"
ทุกคนตะลึง แล้วหัวเราะกันกิ๊กกั๊ก
"นะครับ ได้โปรดให้ผมเป็นผัวด้วย"
ประภาแค้นและอับอายขายหน้า ลุกขึ้น
"อีตาบ้า บ้าๆๆ"
ประภากระทืบเท้าแล้ววิ่งออกไป
ดิเรกงง
"ผมพูดอะไรผิด ตรงไหนหรือครับ"
"ใครสั่งใครสอนมาให้พูดอย่างนี้หา คุณดิเรก" ประไพถาม
"อาเสี่ยกิมหงวนครับ"
หลายวันต่อมา เจ้าคุณปัจจนึกเดินเข้าไปในห้าง เจ้าแห้วนั่งเก๋ไก๋อยู่ที่โต๊ะเลขา เจ้าคุณเดินขึ้นบันไดมา หน้าโทรมเหงื่อไหลพลั่ก เอาผ้าเช็ดหัวล้านไปมา
แห้วรีบออกมา ไหว้
"รับประทานท่านเจ้าคุณมา ไม่ทราบมีนัดไว้กับคุณพลหรือเปล่าครับ"
"ไม่มี แล้วข้าก็ไม่ต้องการให้มันรู้ตัวด้วย เจ้านายแกทำอะไรอยู่"
"รับประทานทำงานหนักมากขอรับ"
แห้วเปิดประตูห้อง
"ท่านเจ้าคุณปัจจนึกมาขอรับ"
พลนั่งเอกเขนกอยู่บนเก้าอี้ทำงาน บนโต๊ะมีกาแฟร้อนใส่นมหนึ่งแก้ว ขนมปังทาเนยสองชิ้น ไข่ลวกสามฟอง
เจ้าคุณเดินยิ้มกริ่มเข้ามาในห้อง พลสะดุ้ง
"เชิญสิครับ คุณอาไปไหนมาครับนี่"
ปัจจนึกมองดูแก้วกาแฟแล้วอมยิ้ม
"เปล่า อาตั้งใจมาหาแกนี่ละ นั่งรถบัสแดงจากเชิงสะพานกษัตริย์ศึกไปลงที่โรงหนังโอเดี้ยนแล้วก็ขึ้นรถบัสเทศบาลต่อมานี่ละ"
"แหม คุณอาทำตามนโยบายสมาคมรัฐนิยมอย่างเคร่งครัดเลยนะครับ"
"แล้วแกละ"
"ผมก็เหมือนกันละครับ รถยนต์ก็เลิกใช้ มาสามล้อหรือรถบัสแทน ไปไหนก็ขี่จักรยานไป"
"ดีมาก อาภูมิใจในตัวแกจริงๆ พล ที่รักชาติขนาดนี้ เออ อาเดินทางมาไกลเหนื่อยเหลือเกินเชียว ช่วยสั่ง กาแฟให้แก้วสิ"
"เอาขนมปังไข่ลวกด้วยนะ ร้านเดียวกันใช่มั้ย"
"ครับ ร้านกาแฟตงเฮงอยู่ตรงข้ามนี่เอง ไอ้แห้ว"
แห้วเข้ามา
"ไปซื้อกาแฟขนมปังไข่ลวกแบบนี้มาอีกชุดนึง นะ"
"ครับ"
แห้วออกไป
"ร้านอะไรนะ"
"ร้านตงไ พลนึกขึ้นได้ สะดุ้งเฮือก
เจ้าคุณกระชากแก้วมาจากมือ เอาเทใส่กระโถนทันที และเอากาแฟและไข่ลวกทิ้งไปด้วย
"แกฝ่าฝืนข้อบังคับของสมาคมรัฐนิยมแล้ว"
"แหะๆ ครับ"
เจ้าคุณหยิบกระป๋องบุหรี่ฝรั่งบนโต๊ะออกมาดู
"ของต่างประเทศ"
เจ้าคุณฉีกบุหรี่ทิ้งทีละมวน
"คือ คือ ง่า ผมสูบบุหรี่ไทยไม่ได้ครับ มันฉุน แล้วอีกอย่างบุหรี่กระป๋องนี้ก็ซื้อไว้ตั้งแต่เดือนที่แล้ว"
เจ้าแห้วเปิดประตูเดินเข้ามาใหม่
"รับประทานคุณยังไม่ได้ให้เงินไปเลยขอรับ แล้วก็ค่าบุหรี่กระป๋องนี้ที่เมื่อกี้มาได้จ่ายด้วย"
พลสะดุ้ง
"อ้าว ไหนบอกบุหรี่นี้ซื้อมาเมื่อเดือนก่อนไงละ"
"โอ๊ย ใครว่าขอรับ ผมเพิ่งเดินข้ามถนนไปซื้อมาเมื่อกี้เอง" แห้วบอก
"ไปได้แล้วไอ้แห้ว!"
"เงินละขอรับ"
พลเปิดลิ้นชักหยิบให้1 บาท เหงื่อเจ้าคุณไหล เจ้าคุณเอาผ้าซับหัวล้าน แห้วมองแล้วอดหัวเราะไม่ได้ เดินออกไป
"ไอ้เปรตนี่ไม่ถูกชะตาอาเลย เมื่อไรแกจะไล่ออกสักที"
"มันทำอะไรผิดหรือครับ"
"มันมองดูหัวล้านอาแล้วหัวเราะ"
"มันก็แค่หัวเราะ คุณอาก็อย่าไปถือมันสิครับ"
"อ้อ จะให้มันลูบกบาลอาก่อน แล้วแกจึงจะไล่ออกใช่มั้ย หา"
เจ้าคุณเดินไปหยิบหมวกปานามาที่แขวนไว้ที่เสา
"เท่าไร" ปัจจนึกถาม
พลหน้าจ๋อยเจออีกดอก
"ยี่สิบสี่บาทครับ"
เจ้าคุณใช้นิ้วชี้ควงหมวกเดินกลับมาที่โต๊ะ หยิบปากกาหมึกซึมบนโต๊ะที่มีหมึกแดงใส่อยู่แล้วเขียนรูปกิ้งกือลงไปบนหมวก
"คุณอา!"
"อาทำตามกฎ แกไม่มีสิทธิ์แย้ง ..เอางี้สิหลานชาย แกไปบ้านอานะ ถ้าหากเจอของต่างชาติ อาให้ทำลายเต็มที่เลย ฮิๆๆ"
พลค้อนขวับรู้สึกโมโหแต่ทำอะไรไม่ได้
"อาไปละ"
เจ้าคุณหันหลังไป
ภายใน บ้านไทยแท้ ห้องรับแขกในเวลาต่อมา เจ้าคุณกำลังพูดกับนวลลออและกิมหงวน
"หนูแน่ใจหรือว่าไม่มีของต่างชาติอะไรเหลืออยู่"
นวลลออหน้าเสีย เพราะมีแอบไว้
"ม... ไม่มีค่ะ หนูทำลายมันหมดสิ้นแล้ว"
ปัจจนึกมองไปรอบห้อง หัวเราะหึๆ
"ยังไงหนูก็ต้องให้อาตรวจเพื่อความบริสุทธิ์ใจ"
กิมหงวนบอก
"ไหนหมายค้นละครับ คุณอา จู่ๆจะมาตรวจได้ยังไง"
"อย่าร่ำไร พาชั้นไปห้องแกกับยายนวลเดี๋ยวนี้"
"คุณอามาวันหลังไม่ได้หรือคะ หนูยังไม่ได้จัดห้องหับเลยค่ะ หนูอายคุณอา"
เจ้าคุณปัจจนึกจ้องไปที่นวลลออที่หน้าจ๋อยไม่กล้าสบตา
เสียงหัวใจนวลลออเต้นตึ้กๆ
"มีพิรุธ! พาอาไปห้องนอนเดี๋ยวนี้"
อ่านต่อหน้า 3
พล นิกร กิมหงวน เดอะมิวสิคัล ตอนที่ 10 ตอน รัฐนิยม (ต่อ)
กิมหงวน นวลลออพาเจ้าคุณปัจจนึกเข้ามา สายตาเจ้าคุณกวาดไปทั่วราวกับเรด้าร์ ... ที่ตู้
ปัจจนึกบอก “เปิด”
“ไม่มีอะไรหรอกครับ” กิมหงวนบอก
“อุวะ ถ้าไม่มีจริงก็ต้องเปิดสิ”
กิมหงวน เปิดตู้ เห็นหีบเครื่องสำอางของนวลลออ เจ้าคุณหยิบขึ้นมา
“หีบเครื่องสำอาง!” ปัจจนึกเปิดออก เห็นน้ำหอมฝรั่งจำนวนมาก ยาทาเล็บ ยาหยอดตา กรรไกรตัดเล็บ ดินสอเขียนคิ้ว ลิปสติก ที่ทาแก้ม
“คุณอา หนูซื้อไว้แต่ปีกลายแล้วนะคะ”
“โกหกครับ เพิ่งซึ้อมาจากร้านฟ.พึ่งพระเกียรติเมื่อวานนี้เอง”
นวลลออลอยหน้าพูดกับกิมหงวน
“แต่เป็นร้านคนไทยนะ ไม่ใช่ร้านต่างชาติ”
“จะล้านไทย ล้านฝรั่ง ล้านแขก ล้านเจ๊กก็ไม่ดี เพราะของนี้ไม่ได้ประดิษฐ์ขึ้นในไทยและไม่จะเป็นต้องใช้”
ปัจจนึกเอื้อมมือไปผลักหน้าอาเสี่ย
“ร้านโว้ย ไม่ใช่ล้าน พูดชัดๆสิไอ้เวร” ปัจจนึกพูดกับนวลลออ “หลานสาว เจ้าฝ่าฝืนข้อบังคับเสียแล้ว น้ำหอมของคนไทยทำไมไม่ใช้” ปัจจนึกเปิดจุก เททิ้งไปในกระโถน “กรรไกรตัดเล็บของนอก วันหลังใช้มีดพับตัดเล็บนะ” ปัจจนึกทิ้งหมด
“ไม่เอามีดอรัญญิกเลยละคะ คุณอา”
“ไม่ต้องประชด นี่ ยาทาเล็บ ดินสอเขียนคิ้ว ลิปสติก” ปัจจนึกปาทิ้งหมด
กิมหงวนเดินไปหยิบหีบใส่ผ้าเช็ดหน้าปิรามิดมาให้
“นี่ครับคุณอา ใหม่เอี่ยม ผ้าเช็ดหน้าตราปิรามิด ทั้งหีบเลยฉีกทิ้งเลยสิครับ”
นวลลออกระโดดทุบสามีดังอั้ก
“กงการอะไรของเฮีย แหม อวดดี! ไม่อยากเชียว”
ปัจจนึกยิ้มกริ่ม
“อย่าไปโกรธมันเลย ยายนวล ความผิดของเจ้าเองนั่นละ”
เจ้าคุณเอามีดกรีดผ้าเช็ดหน้าทีละผืนแล้วฉีกทิ้งหมด นวลลออยืนทำตาปริบๆ หน้าคว่ำเหมือนตะหลิว เจ้าคุณเดินมาที่ตู้อีกใบ
“ไขออก”
กิมหงวนไขตู้ เจ้าคุณมองเห็นเสื้อกางเกงปาล์มบีชใหม่เอี่ยม
ปัจจนึกหยิบมาดูแล้วหัวเราะก๊าก ร้องเพลงลำตัดทันที
“โอเละเห่ โอละหึก ลุกขึ้นแต่ดึก ข้าต้องกรีดทิ้ง”
เจ้าคุณเปิดมีด กิมหงวนอยากจะร้องไห้ คุกเข่าอ้อนวอน
“คุณอาครับ เสื้อกางเกงชุดนี้ขอเถอะครับ เพราะมันตัดได้รูปกะทัดรัดถูกใจผมมาก”
ปัจจนึกคิด
แกขอใช่มั้ย”
“ครับ”
“ไม่ให้”
เต้าคุณปัจจนึกอามีดกรีดทิ้ง กิมหงวนปากเบะ ตาตก
“คุณอา...”
“ไง เสียดายมากเชียวเหรอ”
สายตาเจ้าคุณมองไปเห็นกล่องในตู้
“กล่องอะไรนั่น”
“แผ่นเสียงครับ”
เจ้าคุณเปิดกล่องดูเห็นแผ่นเสียงประมาณสิบกว่าแผ่น
“ฮ่ะๆๆๆ”
เจ้าคุณเอาแผ่นมาร่อนไปกลางห้อง แตกกระจาย
“สนุกดีครับ เอาอีกสิครับ”
“แน่นอน แกไม่ต้องท้า”
เจ้าคุณหยิบออกมาอีกแผ่น ยกขึ้นเหนือหัวทุ่มโครมลงบนพื้น
“น่าเสียดายนิหงวน แผ่นเท่าไรเนี่ย”
“สิบสลึงครับ”
ปัจจนึกหัวเราะสะใจ หยิบมาอีกสามแผ่นวางบนพื้นแล้วกระโดดกระทืบๆ จนแผ่นแตกเป็นเสี่ยงๆ นวลลออและกิมหงวนเกาะแขนกันมองการทำลายล้างของเจ้าคุณ
ปัจจนึกหันมายิ้ม
“แล้วคราวนี้แกจะฟังอะไรละ”
“ผมก็ซื้อมาใหม่สิครับ คุณอาเป็นคนทำแตก คุณอาก็ต้องใช้เงินผม ทั้งหมดนี่ห้าสิบบาทถ้วน”
“ไอ้บ้า จ้างชั้นก็ไม่ใช้แก สัญญาต้องเป็นสัญญาสิวะ”
“แต่แผ่นเสียงแผ่นนี้เป็นแผ่นเสียงตราพระปรางค์ ร้องโดยคนไทย ดนตรีของคนไทย เป็นอุตสาหกรรมของคนไทยที่เราต้องช่วยกันบำรุง”
เจ้าคุณตกตะลึงพรึงเพริด
“ไอ้เสี่ย แล้วทำไมแกไม่บอกชั้นก่อน”
“อ้าว ถ้าบอกก็ไม่ทุบสิครับ ฮิๆๆ เอามา ห้าสิบบาท จุ๊กกรู”
สองคนผัวเมียหัวเราะกันฮิฮะ
“ไม่รู้ ข้าไม่ใช้”
“ไม่ใช้ก็ไปโรงพักเท่านั้นสิครับ ผมต้องมอบให้โปลิศจัดการ”
“ไม่รู้ ข้ากลับละ”
เจ้าคุณเดินออกไปจากห้อง
กิมหงวนแกล้งตะโกน
“โปลิศ”
เจ้าคุณกระโดดตัวลอยแล้วโกยอ้าวออกไปจากห้อง
กิมหงวนนวลลออหัวเราะลั่น
“นี่ท่านคงจะเลยไปบ้านคุณไพคุณนันแน่ๆเลย หรือไม่ก็ไปหาคุณพลที่ห้าง วันนี้ท่านคงตั้งใจตรวจค้นตามบ้านสมาชิก”
กิมหงวนเดินไปที่โทรศัพท์แล้วหมุนหมายเลขที่ต้องการ
“เออ จริงๆ เฮียต้องโทรไปเตือนพวกมันหน่อย”
เจ้าคุณปัจจนึกนั่งสามล้อเข้ามาจอดหน้าบ้าน ประไพและนิกรออกมารอรับที่หน้าตึก และไหว้เจ้าคุณ
“ขอเชิญพระบิดาประทับในท้องพระโรงขอรับ”
“เจอหน้าก็ทะลึ่งเชียวนะ พ่อกระดิ่งทอง”
นิกรถวายบังคม
“คร้าบ”
ปัจจนึกหมั่นไส้เอามะเหงกเขกกบาลหนึ่งที
“คุณพ่อแกละ”
“ไม่อยู่ขอรับ ท่านออกไปข้างนอก”
“ไง ประไพ แหม แกนุ่งซิ่นยกลำพูนดูเข้าที อย่างนี้สิเรียกว่ารักชาติจริง”
“เชิญในห้องสิครับคุณพ่อ”
ในห้องโถง บ้านการุณวงศ์ เจ้าคุณเดินเข้ามา สายตาสอดส่ายไปทั่ว
“ไม่ทราบมีอะไรของต่างชาติให้คุณพ่อทำลายเล่นมั้ยคะ”
“เฮ่ย ไม่ต้องมาแดกดัน อือม์ นิกร คุณพ่อของแกปฎิบัติได้เคร่งครัดมาก นอกเหนือจากเครื่องเรือนโบราณแล้ว ไม่มีของต่างชาติเลยทีดียว ไป พาพ่อไปข้างบน”
“เชิญเลยครับ”
นิกรพาเจ้าคุณขึ้นบันไดไปชั้นสอง
“ไปในห้องนอนแกสิ”
ทั้งสามเดินเข้าไปในห้องนอน เจ้าคุณมองปราดไปทั่วห้อง สายตาเหมือนกล้องติดปลายปืน แล้วมาหยุดที่โต๊ะเครื่องแป้ง เห็นขวดครีม
ปัจจนึกเดินไปหยิบ
“นี่ของใคร”
“ของผมครับ”
“ของนอกนี่ ทำไมไม่ทิ้ง ของไทยเราเยอะไป”
“ผมเพิ่งซื้อมา เสียดายน่ะครับ”
“มา งั้นพ่อเทให้เอง” ว่าแล้ว ปัจจนึกก็เปิดจุกออก เทครีมทิ้งไปในกระโถน
“คุณพ่อ”
ปัจจนึกสั่งต่อไป
“ประไพ เปิดตู้”
ประไพทำตามคำสั่ง ทันใดนั้นท่านเจ้าคุณตาโตเท่าไข่ห่าน ในตู้นอกจากจะมีผ้าถุงไทยและเสื้อผ้าไทยแล้ว ยังเห็นหัวล้านจำลอง 4 หัววางอยู่
“ไอ้...ไอ้กร แกจะซื้อมาทำไมหา”
“ผมสะสมครับ งานช่างไทยแท้นะครับ มาจากหน้าวัด”
“แกเลวมาก” ปัจจนึกเปิดกระเป๋าเสื้อนอกหยิบมีดพกสปริงออกมา กรีดหัวล้าน “เดี๋ยวพ่อเตะขาดสองท่อนเลย ประไพ!ทำไมเจ้าไม่ขนาบผัวบ้าง”
ประไพยิ้ม
“คุณพ่อจะให้หนูทำอะไรละคะ”
“ตบหน้ามันสิวะ เอากระโปรงฟาดหน้ามันก็ได้ เห็นมั้ยมันซื้อหัวล้านมาล้อพ่อ”
ประไพหัวเราะกิ๊ก
“ไม่ได้ล้อนะคะ กรเค้าอุดหนุนสินค้าไทยต่างหาก”
ปัจจนึกเอามือเท้าเอว
“แหม แกนะ ช่างไม่เจ็บร้อนแทนพ่อบ้างเลย”
ประไพอียงคอ ยิ้ม
“ก็หนูไม่ได้หัวล้านนี่คะ จะได้ใจน้อย”
“หยุดเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นพ่อชู้ตออกไปนอกหน้าต่าง”
ปัจจนึกเดินไปที่อีกตู้นึง
“ในนั้นอะไร”
“ไม่มีอะไรครับ” นิกรบอก
“ไม่เชื่อ เปิดเดี๋ยวนี้”
นิกรไม่ค่อยเต็มใจเปิดลิ้นชักออก ปัจจนึกหยิบไปป์ขึ้นมา
“ของนอก”
เจ้าคุณหักเป็นสองท่อน
นิกรอึ้ง
“ตั้งสี่สิบบาทเชียวนะครับ”
“แล้วนี่กล่องอะไร”
“ไม่ทราบ คุณพ่อเปิดดูเองสิครับ”
เจ้าคุณปัจจนึกเปิดออกแล้วก็ร้องลั่น “อุแว้ก” เมื่อเห็นงูเขียววางอยู่ ประไพร้องลั่นเช่นกันแล้วตบหน้านิกรฉาด
“ตกใจหมดเลย เล่นอย่างนี้ได้ไง หา”
“โอย”
“สม”
เจ้าคุณมองไปรอบห้อง เดินไปที่เตียง ตบเตียง แล้วเปิดหมอนออก ใต้นั้นคือ แร็คเก็ตเทนนิส
ปัจจนึกหัวเราะเสียงเหี้ยม “ของฝรั่ง” ก่อนแกว่งไม้ไปมา
นิกรกระโดดไปคว้าข้อมือ
“อย่านะคุณพ่อ นี่มันของจำเป็นสำหรับสุขภาพของผม”
“ไม่จำเป็นเลย แกเล่นอย่างอื่นสิ อีกาฟักไข่ก็ได้ ตั้งเตก็ได้”
เจ้าคุณชูมีดพับขึ้น
“อย่า”
เจ้าคุณไม่ฟังเสียง เอามีดกรีดเอ็นทันที
“ไอ้คนไม่รักชาติ ต้องโดนอย่างนี้”
นิกรจะร้องไห้
“คุณพ่อ”
ปัจจนึกเดินผ่านหน้ากล้องไป
อ่านต่อหน้า 4
พล นิกร กิมหงวน เดอะมิวสิคัล ตอนที่ 10 ตอน รัฐนิยม (ต่อ)
เจ้าคุณเดินนำหน้าไปตรวจตามห้องต่างๆ นิกรและประไพเดินตามหลัง นิกรสังเกตเห็นเข็มขัดท่านเจ้าคุณ
“คุณพ่อ หยุดก่อนครับ”
“อะไร”
“ในตัวคุณพ่อมีอะไรบางอย่างที่เป็นของต่างชาติและไม่จำเป็นต้องใช้”
ปัจจนึกยิ้ม
“ยินดีให้ทำลาย ถ้าเป็นเรื่องจริง”
“เข็มขัดยี่ห้อนี่ของฝรั่ง”
เจ้าคุณสะดุ้ง ตีหน้าปูเลี่ยน
“อ้า ถูกแล้ว แต่มันเป็นของจำเป็นนะ”
“ของไทยมีถมไปครับ เส้นละไม่กี่สตางค์เอง คุณพ่อถอดออกมาซะดีๆ อย่าให้ต้องบังคับ”
“อ้าวแล้วพ่อจะเอาอะไรคาดล่ะ”
“คุณพ่อก็ปล่อยชายออกแล้วนุ่งเป็นโสร่งสิคะ”
“ไม่ได้ ใครเค้าเห็นพระยาพานทองอย่างพ่อนุ่งโสร่งออกนอกบ้านมันจะผิดรัฐนิยม”
“ไม่รู้ละ ถอดออกมาเลย” นิกรบอก
ปัจจนึกถอดเข็มขัดออก
“หนู ไปหาอะไรให้พ่อคาดหน่อย”
ประไพหัวเราะกิ๊กเดินไปเปิดตู้
“คุณพ่อมีแต่ผ้าพันแผลนะคะ”
เจ้าคุณมือซ้ายจับชายพก มือขวาคลี่ผ้าพันแผลให้รอบเอว มัวพะว้าพะวัง มือที่จับชายพกหลุด ผ้าม่วงหล่นตุ้บลงไปกองที่ตาตุ่ม เห็นกางเกงในลายพร้อย
“เฮ่ย”
นิกรกับประไพหัวเราะงอหาย
“กางเกงในของนอกหรือเปล่านี่ ถ้าใช่ต้องถอดนะคุณพ่อ”
เจ้าคุณสะดุ้งเฮือก รีบกุมกางเกงในแน่น
บ้านพัชราภรณ์ สามวันต่อมา บริเวณเฉลียงเทอเรซ ประไพ และนวลลออเแต่งกายแบบไทย ตามรัฐนิยม นุ่งซิ่น สวมหมวก
“คุณนัน” นวลลออทักทาย
“มากันแล้วหรือคะ”
“ค่ะ โอ๊ยเหนื่อย ไปแวะ ซื้อของมาค่ะ”
“ไปซื้อผ้าแล้วก็หมวกมาจากห้างอุตสาหกรรมไทยค่ะ เลยเอามาฝากพี่นันใบหนึ่ง”
ประไพหยิบถุงที่ใส่หมวกอยู่สามสี่ใบออกมา
“ดีเลย พอดีหมวกสวยๆของพี่เพิ่งถูกคุณอามาทำลายไปวันก่อนตั้งหลายใบแน่ะ กระโปรงสีฟ้าตัดมาใหม่ยังไม่ทันได้ใส่เลย คุณอาเอากรรไกรตัดขาดหมด”
“แล้วเราจะยอมหรือคะพี่นัน” ประไพว่า
“อ้าว ไม่ยอมแล้วจะยังไงได้ละ ก็เราเซ็นสัญญารัฐนิยมไปกับท่านแล้ว”
“เราน่าจะแก้เผ็ดท่านบ้าง ด้วยการไปค้นของที่บ้านท่าน เผื่อเจอจะได้ทำลายเสีย” นวลลออบอก
“แล้วจะเจอหรือคะ ท่านออกเคร่งครัด” นันทาบอก
“ต้องเจอแน่เลยค่ะ คุณพ่อน่ะ เจ้าเล่ห์จะตาย ยังไงก็ต้องมีแอบๆไว้บ้างละ พี่ภาก็เหมือนกัน”
“แต่วันนั้น คุณอาก็ทำลายของคุณภาไปแล้วนะ”นันทาบอก
“พี่ภาก็ไปซื้อใหม่สิคะ หรือไม่ก็ต้องมีแอบๆไว้บ้างละ ก็เหมือนพวกเราละค่ะ แหะๆ” ประไพบอก
สองคนมองหน้ากัน “จริง”
“เดี๋ยวดิชั้นจะไปนัดหมายกับเฮียเอง คุณนันกับน้องไพนัดคุณพลกับคุณกรแล้วกัน เราต้องไปไม่ให้ท่านรู้นะคะ เดี๋ยวไก่จะตื่น ฮิๆๆๆ” นวลลออบอก
สามคนหัวเราะกันคิกคัก คุณหญิงวาดและเจ้าคุณประสิทธิ์เดินเข้ามา นวลลออและประไพรีบทรุดตัวลงไหว้
“อ้าว หนูนวล หนูไพมากันเมื่อไรนี่”
“เมื่อครู่นี้เองค่ะ หนูไปซื้อหมวกมาฝากคุณอาด้วยค่ะ”
นวลลออหยิบหมวกขึ้นมา
“อุ๊ยต๊าย อาไม่กล้าใส่หรอก ให้สาวๆแส้ๆใส่กันเถอะ”
“ทำไมละคะคุณอา โธ่ ท่านผู้นำอุตส่าห์เชิญชวน”
“จริงด้วยค่ะคุณอา นี่ไงหมวก สวยออก ใส่แล้วรับหน้าคุณอามากเชียวค่ะ “ ประไพบอก
“จะดีเร้อ”
ทุกคนบอก “ดีค่ะ”
“ลองหน่อยเถอะค่ะ คุณอา” นันทาบอก
เพลง “สวมหมวก” (คำร้อง จมื่นมานิตย์นเรศร์ ทำนอง เอื้อ สุนทรสนาน)
นวลลออ “เชิญซิคะ เชิญร่วมกันสวมหมวก”
นันทา “แสนสะดวกสบายด้วย ทั้งสวยหรู”
ประไพ “ปรุงใบหน้าให้อร่าม งามหน้าดู”
นวลลออ “อีกจะชูอนามัยให้มั่นคง”
นันทา “สมศักดิ์ศรีมีสง่าเป็นอารยะ”
ประไพ “หมวกนี้จะชวนให้ชมสมประสงค์”
คุณหญิงวาด “ถึงไม่สวย”
นวลลออ “หมวกจะช่วย เสริมทรวดทรง”
คุณหญิงวาด “งามระหงเลิศวิไลหญิงไทยเรา”
ทั้งสามสาว “อย่ารีรอเลยเจ้าขามาช่วยกัน สมานฉันท์สร้างไทยให้เทียมเขา”
สามสาวและคุณหญิง “สวมหมวกเถิดจะสำรวยสวยไม่เบา สนองเค้าท่านผู้นำกล่าวคำชวน เชิญสิคะ มาร่วมกันสวมหมวก”
ทุกคนต่างสวมหมวกสวยงาม หน้ายิ้มแป้น
ภายใน ห้องรับแขก บ้านศิริสวัสดิ์ เวลาบ่าย เจ้าคุณปัจจนึกนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ ประภานั่งร้อยมาลัยอยู่ข้างๆ
สามเกลอและสามนางเดินเข้ามา พวกผู้หญิงนุ่งยกลำพูน สวมเสื้อนอดผ้าไทยง่ายๆ ส่วนสามเกลอนุ่งโจงกระเบนจากผ้าทอ
อ่างหิน สวมเสื้อชั้นนอกด้วยผ้าเชียงใหม่ กระดุมนอกเป็นถมเงินจากห้างไทยนคร สวมคัทชูโรงเรียนช่างเย็บหนัง
ทั้งหมดไหว้เจ้าคุณ
“นี่พวกแกขับรถยนต์มารึ”
“ครับ”
“ฝ่าฝืนข้อบังคับอีกแล้วนะ มีความจำเป็นยังไงถึงต้องมารถยนต์ หา! กลัวบริษัทน้ำมันอดตายงั้นรึ รู้มั้ยเดี๋ยวนี้น้ำมันลิตรละเท่าไร ห้าลิตรก็บาทสิบห้าตังค์แล้ว”
“แต่เรามีความจำเป็นนี่ครับ” นิกรบอก
“จำเป็นอะไร”
“เราต้องการมาค้นบ้านคุณอาครับ ครั้นจะนั่งสามล้อมาก็ช้า คุณอาอาจมีเวลาซุกซ่อนของต้องห้ามทัน นี่ละครับ เราจึงต้องมารถยนต์ “ พลบอก
ปัจจนึกกะพริบตาถี่ๆ
“แกจะมาค้นบ้านชั้น”
“ไม่ใช่แก พวกเรา พูดเสียให้ถูกไวยากรณ์” กิมหงวนบอก
“ไอ้ลูกหมา แกน่ะจบโรงเรียนไหนวะ”
“โรงเรียน ยกหมิ่นครับ อยู่ได้สองปีก็ออก”
“ไปอยู่ไหนต่อ”
“สายปัญญาครับ”
เจ้าคุณตบฉาด
“อูย”
“ไปค้นของต้องห้ามกันเถอะพวกเรา” นิกรบอก
“นี่แกจะค้นจริงๆเหรอ”
“จริงสิคะ ก็วันก่อนคุณอายังไปค้นหนูเลย” นวลลออบอก
“ใช่ๆ” นันทาว่า
“พวกเราต้องค้นให้ทั่ว พบอะไรไม่ต้องเอาไว้ พังให้หมดเลย” ประไพบอก
ทุกคน “ใช่ๆ”
“ไปสิ ไปเลย ไม่มีอะไรหรอก”
สามเกลอถอดเสื้อและโรงกระเบนออก เหลือกางเกงขาสั้นและเสื้อเชิ้ตแขนสั้นข้างใน
กิมหงวนเอาขวานหนึ่งเล่ม ชะแลงเหล็ก และ ค้อน หนึ่งอันออกมาจากกล่องเครื่องมือที่ถือมา ส่งชแลงให้พล ส่งค้อนให้นิกร
เจ้าคุณสะดุ้งเฮือก
“พวกเราค้นห้องพี่ภาด้วย” ประไพบอก
ประภาร้อง “หา”
“พวกเราพร้อม ไอ้เสือเอาวา”
“เฮ”
ทั้งหมดกรูกันขึ้นบ้านไป
“คุณพ่อคะ กล้องถ่ายรูปของคุณพ่อที่เอาออกมาเมื่อเช้า ยังไม่ได้เก็บเลย”
“หา จริงด้วยลูก ไปเร็ว”
เจ้าคุณวิ่งนำ ประภาวิ่งตาม
ในห้องทำงาน กล้องถ่ายรูปวางอยู่บนโต๊ะ สามเกลอเข้ามาเห็นพอดี ต่างรำชูขวานค้อน
สามคนร้อง “เอ้า โอละเห่ โอละหึก ลุกขึ้นแต่ดึก ทำขนมดึกๆ ชะ”
เจ้าคุณเข้ามาพอดี
“อ๊าก อย่านะเว้ย ของข้า ซื้อไว้นานแล้ว ไหว้ละ” ปัจจนึกยกมือไหว้
“อะไรกันคุณอา หัวหน้ารัฐนิยมแท้ๆ ทำผิดกฎได้ไง” พลบอก
เจ้าคุณอึกอัก จำยอม กิมหงวนกระชากกล้องออกมา ถอยหลังไป เงื้อ
“พล ฟาดเลย”
กิมหงวนโยนกล้องให้ พลใช้ชะแลงฟาดกลางอากาศ กล้องตกลงกับพื้น นิกรเข้าไปนั่งยองๆเอาค้อนทุบซ้ำๆ
เจ้าคุณแค้นแต่ทำอะไรไม่ได้ ทันใดนั้นนิกรมองไปเห็นกล่องแว่นตาจึงหยิบมาดู
“แว่นของนอกนี่”
“เฮ้ย อย่า”
นิกรหยิบแว่นออกมาโยนขึ้นไปเกือบติดเพดานแล้วดีดลูกหลังเหมือนเตะตะกร้อ แว่นตาลอยขึ้นแล้วตกลงมาแตกกระจาย
ปัจจนึกแค้น
“อ๊าก มึง มึงเตะแว่นตาข้าแตก มึงต้องตาย”
เจ้าคุณวิ่งไปหยิบปืนมา
“พระบิดา อย่า นี่พระราชบุตรเขยนะ แว่นนี่เป็นของต่างประเทศไม่ใช่หรือครับ คุณพ่อ”
“แต่นี่มันเป็นของต่างประเทศ คนไทยทำไม่ได้และเป็นของจำเป็น มึงต้องใช้เงินข้า 80 บาท”
“อาไร้ แถวแบกะดิน อันละยี่จั๊บเอง” กิมหงวนบอก
“เสือก เดี๋ยวพ่อยิงไส้แตก”
“เหวออ อย่านะคุณอา”
“แกใช้เงินท่านซะเถอะวะ ที่คุณอาพูดมีเหตุผล” พลบอก
“ไม่ใช้ คุณพ่อผิดกฎก่อนนี่” นิกรว่า
เจ้าคุณเดินไปหานิกร เอาปืนจี้
“ถ้าไม่ใช้พ่อจะยิงเลย”
“ยิงเลยก็ไม่โดนสิครับ ฮิๆๆ” กิมกงวนบอก
“ว่าไง ไอ้กร จะใช้มั้ย”
“ใช้ก็ได้ครับ”
เจ้าคุณพอใจ ลดปืนลง เอาวางไว้ที่เดิม
“เห็นปากกระบอกปืนเลี่ยนเป็นมันแผล็บอย่างนี้ใจไม่ดีเลย”
ปัจจนึกสะดุ้ง
“นี่หลอกด่าข้านี่ เดี๋ยวปั๊ด”
ทันใดนั้นนันทาวิ่งตึงๆมา
“คุณอาขา คุณอา เร็ว ฆ่ากันตายแล้วค่ะ เร็ว คุณภาตีกับน้องไพค่ะ”
ทุกคนร้องลั่นแล้ววิ่งออกไป
ที่ระเบียงหน้าห้องนอน ประภาและประไพกำลังกอดปล้ำกันไปมาบนพื้น ต่างทุบ ถอง หยิก ฟัด ทึ้งกัน แต่เนื่องจากเป็นพี่น้องจึงไม่กล้ารุนแรง เช่น เงื้อมือสุดแขนทำท่าจะตบหน้าหัน แต่ก็ตบเพียงเบาๆ ทั้งสองผมเผ้ายุ่งเหยิง นวลลออยืนอมยิ้มมองอยู่
“เอ้า เฮ้ย ทำอะไรกัน”
นิกรทำเสียงปี่มวย
“เอ้า โผงเข้าไป ศอกกลับ คุณภาเปรี้ยงเข้าไป คุณไพอย่าฉีกเสื้อคุณภาสิ”กิมหงวนบอก
“คุณนวลไม่ห้ามเหรอครับ” พลถาม
“มวยซูเอี๋ยค่ะ ดูสิคะ กล้าทำกันเมื่อไร” นวลว่า
เจ้าคุณเผ่นเข้าแยก ประไพไม่ทันเห็น ลั่นหมัดขวาปังเข้าให้ เจ้าคุณล้มก้นกระแทก มวยทั้งสองยุติทันที
“โอย ประไพ แกจะฆ่าพ่อเหรอ”
“ไม่รู้ละ ก็คุณพ่อ เข้ามาเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานทำไม”
“มันยังไงกัน หา ประภา แกรังแกน้องละซี”
“แหมคุณพ่อนี่ ยังไม่ทันรู้เรื่องก็เข้าข้างน้องไพแล้ว ฮือๆ เจ็บใจนัก”
“อ้าว ร้องไห้เลย โตจนหมาเลียก้นไม่ถึงแล้วยังขี้แงอีก”
ประไพแลบลิ้นหลอก
“อิ๊ว หน้าไม่อาย ตีกันก็สู้เค้าไม่ได้”
ประภาร้องลั่นวิ่งเข้าหาน้องสาวเงื้อมือสูง แต่พอมาใกล้ๆก็ยกมือเขกหัวเบาๆ
“นี่แน่ะ”
“เขกหัวไม่ดีนะคุณภา เดี๋ยวเยี่ยวรดที่นอน” กิมหงวนบอก
“ทำไมตบตีกัน หา เลวมากทั้งสองคน ไอ้เสี่ยเลวที่สุด”
กิมหงวนสะดุ้งเฮือก
ประไพช็ดน้ำตา
“ก็ไอ้น้ำอบขวดนี้ละค่ะ ต้นเหตุ พี่ภาซ่อนเอาไว้ใต้ที่นอน พี่นันพบเข้าก็ส่งให้หนู พี่ภากระโดดแย่ง หนูก็แย่งคืน แย่งไปมา พี่ภาก็ตบหนู”
“ประภาแกเหลวไหลมาก ทำไมข่มเหงน้อง”
“ฮือๆ คุณพ่อฟังความข้างเดียว น้องไพตบหนูก่อน หนูก็ตบให้สิ”
“เป็นไปไม่ได้ น้องตบพี่ก่อนไม่มีธรรมเนียม พ่อไม่เชื่อเด็ดขาด” ปัจจนึกยิ้มให้ประไพ “แกไม่ได้ทำใช่มั้ย”
ประไพยิ้มย่อง
“พี่ภาตบหนูก่อนยี่สิบสองทีหนูถึงตบเข้าให้บ้างเพื่อป้องกันตัว”
“ขี้ปด ขี้ปดอย่างร้ายกาจ ทำไมแกเป็นอย่างนี้ อยู่กับคุณนิกรไม่นานก็ถอดนิสัยมาหมด”
นิกรสะดุ้ง
“เออน่ะ พระพี่นาง ทำไมถึงพาดพิงมาถึงน้องละ กระดิ่งทองไม่รู้เรื่อง”
นันทาปราดเข้ามา เอื้อมมือบิดหูเต็มแรง นิกรร้องลั่น
“อย่าทะเล้นนัก แน่ะ ยังจะแหกตาหลอกอีก เดี๋ยวแม่ตบหน้าหันเลย”
“ประภา แกรังแกน้องก่อนใช่มั้ยละ”
“ฮือๆ คุณพ่อถามคุณนวลกับคุณนันสิว่าใครทำก่อน”
“นวลลออบอกตามตรงเถอะหลาน ประภาตบประไพก่อนใช่มั้ย”
“เปล่าค่ะ คุณไพตบก่อน”
ประภายิ้มทั้งน้ำตา
“ได้ยินมั้ยคะคุณพ่อ”
“เหลวไหลละ เจ้าเห็นไม่ถนัดตาละมั่ง”
“เห็นเต็มตาเลยค่ะ” นงวลลออยืนยัน
“นันทา เจ้าคงเห็นประภาตบประไพก่อนอย่างถนัดใช่มั้ย”
นันทาหัวเราะ
“น้องไพทุบก่อนค่ะ ทั้งทุบทั้งตบ หนูเองละเป็นคนยุให้คุณภาสู้”
ปัจจนึกอึ้งไป
“เลิกแล้วต่อกันเว้ย ยกฟ้อง ต่างคนต่างผิด” ปัจจนึกตบศีรษะประไพเบาๆ “เป็นไงลูกเจ็บมั้ย”
“อูย เจ็บค่ะ เจ็บจังเลย อ๋อย”
“สำออย แหม หมั่นไส้ นึกว่าคุณพ่อรัก อ้วก”
ประไพแผดเสียงลั่น
“ไม่ย้อม คุณพ่อพี่ภาอ้วกรดหัวหนู”
“อ้วก!”
“คุณภาครับ กรุณาอย่าร้องอ้วกอีกเลยครับ” กิมหงวนว่า
“ทำไม คุณเป็นเจ้าดิชั้นเหรอ อ้วก” ประถาว่า
“เปล่าครับ มันทำให้ผมนึกถึงเหล้าแล้วก็จะพาลอ้วกออกมา” กิมหงวนทำท่าจะอ้วก
“แล้วกันไอ้เสี่ย อย่าทำอย่างนี้สิเว้ย ไม่ไหวแล้ว... โอย”
นิกรวิ่งปิดปากไปโก่งคออ้วกที่ระเบียง กิมหงวนทนไม่ไหว วิ่งตามไปเกาะระเบียงอ้วกบ้าง ตามด้วยพล สามคนยืนอ้วกเรียงกัน
พวกผู้หญิงหัวเราะลั่น เจ้าคุณมองไปมา ทำใจไม่ได้ ทำหน้ากะเรี่ยกะราดแล้วก็วิ่งออกไปเกาะระเบียงอ้วกด้วย
“ฮาๆๆๆ พี่ภาดูสิ คุณพ่อเราโก่งคออ้วกยังกะไก่ฝรั่งแน่ะ” ประไพบอก
ประภาหัวเราะจนน้ำตาไหล เข้ามาเกาะแขนน้อง ทั้งสี่สาวหัวเราะไม่หยุด
อ่านต่อตอนต่อไป ทุกวัน อังคารและพุธ