ดาวเคียงเดือน ตอนที่ 10
ดาราราย กับคุณชายจันทรออกมาจากห้องด้านใน หลังจากพบคุณหมอ ดาราราย ที่ถือเอกสารผลการตรวจออกมาด้วย หน้าเครียด ไม่เชื่อในสิ่งที่เพิ่งได้ยินมา จากนั้นก็ทรุดลงนั่งที่มุมโซฟาข้างทางอย่างหมดเรี่ยวแรง น้ำตารื้น คุณชายจันทรตามมานั่งข้างๆ
“ไม่น่าเชื่อว่าลูกเราเป็นหมัน จนสืบสกุลทัศนัยต่อไม่ได้”
ดารารายเช็ดน้ำตา คุณชายจันทรโอบภรรยาไว้
“มันเป็นกรรมพันธุ์ที่มาจากทางตระกูลผม แต่ไม่คิดเลยว่าคุณจันทร์จะรับไปเต็มๆ ผมขอโทษนะครับ”
“ขอโทษทำไม ไม่ใช่ความผิดคุณสักหน่อย”
“ยังไงผมก็รู้สึกผิด” คุณชายจันทรแกล้งทำหน้าสลด
“อย่าค่ะ ที่คุณให้คุณจันทร์กับฉัน มันก็เป็นสิ่งวิเศษที่สุดในชีวิตฉันแล้วละค่ะ มาแก้ปัญหาตรงนี้ก่อนดีกว่า จะรายงานคุณหญิงยังไงดีคะ เธอรอฟังข่าวอยู่”
“ก็ต้องรายงานไปตามจริงน่ะครับ ไม่เป็นไร ผมช่วยพูดนะ”
ดารารายพยักหน้า คุณชายจันทรกอดภรรยาไว้แนบแน่น
จันทรกานต์นั่งยิ้มละไมอยู่ที่โซฟาในคอนโด ดาริกาถือถาดอาหารค่ำที่เป็นอาหารอ่อน ๆ มาวางตรงหน้า จันทรกานต์ชวนให้ดาริกานั่งทานด้วยกัน แต่ดาริกาปฏิเสธ
“ถ้าคุณไม่ทานด้วย ผมก็ไม่ทาน”
ดาริกามองค้อน
“นี่อย่ามางอแงนะ คุณงอแงกับคุณแม่ไปแล้วยกนึง ที่คุณไม่ยอมกลับไปค้างที่วัง จะมางอแงกับฉันต่ออีกเหรอ”
“ใช่ จะได้อยู่กับคุณไง”
ดาริกาถอนหายใจ “เดี๋ยวคุณแม่คุณก็มาตามอาละวาดฉันอีก”
“คงไม่แล้วละ เพราะหลังจากที่ผมเป็นชายผู้ไร้สมรรถภาพแบบนี้ ผมคงขายให้สาวที่ไหนไม่ได้แล้วละ”
“แม่คุณคงปล่อยคุณง่ายๆ หรอกนะ แล้วเมื่อไหร่ทางผู้ใหญ่จะเจรจาเรื่องคุณกับคุณอิงฟ้าละคะ”
จันทรกานต์ยิ้มนิดๆ
“พ่อบอกว่าจะเร่งรัดให้เร็วที่สุดครับ ตอนนี้ก็ต้องรอดูท่าทีของทางคุณหญิงอรชรอยู่”
“เพี้ยง ขอให้คุณหญิงเธอตัดใจจากคุณเสียทีเถอะ” ดาริกายกมือพนม
“หวงผมใช่ไหม”
“บ้า ฉันนึกถึงความรักของน้องอิงฟ้ากับคุณวิวิทธิ์ต่างหากล่ะ”
“แต่ผมรู้ว่าคุณก็หวงผมด้วย”
จันทรกานต์เข้ากอดดาริกาดื้อ ๆ
คุณหญิงอรชรรับโทรศัพท์ ด้วยอาการอึ้ง
“เข้าใจค่ะ ไม่เป็นไรค่ะ ขอดิฉันตัดสินใจอีกทีก็แล้วกันนะคะ ค่ะ สวัสดีค่ะ”
อรชรวางสาย แล้วถอนหายใจ อิงฟ้าแอบฟังอยู่ หัวเราะคิก
สองวันต่อมา ที่วังทัศนัย เหมือนมีการประชุมย่อยๆ เพราะทุกคนอยู่กันครบ จันทรกานต์กับอิงฟ้านั่งอยู่เคียงกัน คุณชายจันทร ดาราราย คุณหญิงอรชร รวมถึงป้าแมวนั่งประจำที่ ช้าง น้อย และป้าเรียมคอยรับใช้อยู่ห่างๆ
“เออ คุณจันทร์ หนู อิงฟ้า” คุณชายจันทรเริ่มเข้าประเด็น “วันนี้ทางพ่อ แม่และทางคุณหญิงจะบอกให้ลูกทั้งสองฟังถึงเรื่องที่เราตัดสินใจกันแล้ว เชิญคุณหญิงครับ”
คุณหญิงอรชร มีสีหน้าลำบากใจ
“แม่ก็ลำบากใจนะคะที่จะพูดออกมา แต่เมื่อผลการตรวจของคุณจันทร์ออกมาแบบนี้ แม่ก็คิดว่า เออ..การแต่งงานอาจจะต้องเลื่อนออกไปเสียหน่อย”
จันทรกานตือมยิ้ม “เลื่อนเหรอครับ เลื่อนไปเมื่อไหร่ล่ะครับ”
ส่วนอิงฟ้าหน้าบาน “เลื่อนหรือว่าระงับการแต่งไปเลยคะ”
ดารารายรีบอธิบาย
“คืออย่างนี้จ๊ะ สุขภาพของ คุณจันทร์ยังไม่ดีพอ แม่ว่ารอให้คุณจันทร์ บำรุงร่ายกายให้พร้อมกว่านี้ดีไหม แล้วอีกสักสี่ห้าเดือนเราไปตรวจเช็คกันใหม่ ตอนนั้นแหละ แม่ว่าคุณจันทร์พร้อมจะมีทายาทแน่นอนเลย”
จันทรกานต์กับ อิงฟ้ามองหน้ากัน
“หมายความว่าผมกับน้องฟ้ายังหมั้นหมายกันเหมือนเดิม แล้วถ้าอาการของผมมันรักษาไม่ได้ละครับ”
คุณหญิงอรชรหน้าเครียด “เอ่อ เราค่อยมาตัดสินใจอีกที”
“คุณแม่ครับ พอผมทราบผลตรวจแล้ว ผมได้ไปปรึกษาคุณหมอมาแล้วเหมือนกัน หมันจากกรรมพันธุ์ค่อนข้างยากนะครับที่จะรักษา ยิ่งในกรณีของผมไม่ได้เกิดจากท่อนำอุดตัน แต่เกิดจากการผลิตสเปิร์มได้น้อยจนถึงน้อยมาก ไม่มีทางรักษาหรอกครับนอกจาก….ขอบริจาคจากผู้เหมาะสม”
ทั้งดาราราย และคุณหญิงอรชร้องขึ้นมาพร้อมกัน
“ไม่เหมาะนะลูก”
จันทรกานต์แสร้งปั้นหน้าเศร้า แล้วหนมาทางอิงฟ้า
“ถ้าอย่างนั้น น้องฟ้า เรายังมีทางออกอีกทางใช่ไหม”
อิงฟ้ารับคำ “ใช่ค่ะ เพื่อให้เป็นตามความประสงค์ของคุณพ่อคุณแม่ ที่จะให้เราแต่งงานกัน
ก็เลยตัดสินใจว่าเราจะไม่ล้มเลิกการแต่งค่ะ เพราะว่าตอนนี้...”
อิงฟ้าหันไปยิ้มหวานกับจันทรกานต์ แล้วทำท่าเอียงอาย
“น้องฟ้าเขินน่ะครับ คือหลังจากที่เราสนิทสนมกันพักใหญ่ เราพบว่าเราเหมาะสมกันเกือบทุกอย่าง อย่างที่เราเองก็คาดไม่ถึง เราเป็นคู่ที่เกิดมาเพื่อกันและกันน่ะครับ”
อิงฟ้าพยักหน้า แล้วช่วยยืนยัน “ค่ะ ยิ่งสนิทก็ยิ่งผูกพันกับพี่ชาย”
บรรดาผู้ใหญ่มองหน้ากัน ยิ้มอย่างจืดเจื่อนยิ่งกว่าเดิม ป้าแมวเขม้นมองอย่างไม่เชื่อนัก
“ถ้าแต่งงาน แล้วเรื่องทายาทล่ะ” ดารารายยังกังวล
“ไม่ใช่ปัญหาแล้วละค่ะ ฟ้ารักเด็กทุกคน ถึงไม่ใช่ลูกที่แท้ ฟ้าก็รัก เพราะฉะนั้นเราตัดสินใจร่วมกันแล้วค่ะ เราจะรับบุตรบุญธรรมมาเลี้ยงค่ะ”
ดาราราย สะดุ้ง “หา บุตรบุญธรรม จากไหนจ๊ะ”
“รอแป๊บค่ะ”
อิงฟ้าวิ่งออกไปนอกห้องทันที คุณหญิงอรชรกับป้าแมว มองหน้ากันเลิ่กลั่ก
เสียงเด็กเอะอะดังมาทันทีจากนอกห้อง
“เชิญด้านนอกเลยครับ ลูกๆ ของผมกับอิงฟ้ามาแล้ว”
คุณหญิงอรชร ดารารายป้าแมว รีบออกไป คุณชายจันทรแอบยิ้มให้ลูกชาย
คุณหญิงอรชรกับป้าแมว ร้องเอะอะที่เห็นข้าวตู ข้าวตอก ดอกไม้ วิ่งพล่านอยู่ในห้องโถง อิงฟ้าหัวเราะระรื่น คุณชายจันทรกับจันทรกานต์เดินตามมา
“เด็กๆ มาทางนี้ก่อนค่ะ มาสวัสดีผู้ใหญ่ก่อนลูก”
เด็กทั้งสามวิ่งมายืนตรงหน้าผู้ใหญ่ พนมมือไหว้และพูดพร้อมกัน
“สวัสดีครับ/ค่ะ”
คุณหญิงอรชร กับดารารายทำหน้าอยากตาย
“ยายฟ้า นี่อะไรของแก”
อิงฟ้ายิ้มหวาน “นี่ไงคะ ลูกของฟ้าและคุณจันทร์”
“ลูกเห็นด้วยที่จะรับเด็กสามคนนี่มาเป็นลูกบุญธรรมเหรอจ๊ะ”
ดารารายหันไปถามล๔กชาย จันทรกานต์ยิ้มรับ
“ครับแม่ ว่าไงลูกพ่อ ข้าวตอก ดอกไม้ ข้าวตู”
เด็กทั้งสามวิ่งมารุมจันทรกานต์
“ดีใจจังเลย เราจะเป็นลูกพ่อกันแล้วนะ”
“เป็นลูกแม่ด้วย”
ดารารายยิ่งดูเครียด
จันทรกานต์ลงนั่งที่เก้าอี้ ให้เด็กทั้งสามนั่งตัก
“เดี๋ยวพ่อจะจัดห้องให้อยู่คนละห้องเลยนะ”
ทั้งสามเฮลั่น
คุณชายจันทร ดาราราย และคุณหญิงอรชรลงนั่งที่เก้าอี้ อิงฟ้าและจันทรกานต์ พาเด็กมายืนตรงหน้า
แล้วแนะนำคุณชายจันทร ดารารายและคุณหญิงอรชรว่าเป็นคุณปู่ คุณย่า และคุณยาย ส่วนแมวนั้น อิงฟ้าแนะนำว่าเป็นคุณทวดแมว
เด็กๆ ไหว้สวัสดีผู้ใหญ่ทีละคน เสร็จแล้วก็แหกปากวิ่งเล่นกันลั่น ดารารายส่ายหน้าเซ็งๆ คุณหญิง อรชรถึงดมยาดม
พอกลับมาถึงบ้านวรรณรัตน์ คุณหญิงอรชรก็โวยวายใส่อิงฟ้าทันที
“แกเป็นบ้าอะไรของแก เอาไอ้เด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้าไปเสนอเป็นลูกบุญธรรมทัศนัยได้ยังไง”
อิงฟ้าทำหน้าใม่รู้เรื่อง
“ทำไมละคะแม่ ในเมื่อ คุณจันทร์ไม่สามารถมีลูกกับหนูได้ นี่ก็เป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้ว”
อรชรส่ายหน้าอย่างเซ็งๆ
“แย่ที่สุดน่ะซี แกไม่รู้หรอกหรือว่าคุณดารารายเขาปฏิเสธรับแกเป็นสะใภ้ทันทีที่แกเสนอเด็กเหลือขอพวกนั้นเป็นทายาททัศนัย”
อิงฟ้าแกล้งทำหน้าเหวอ
ทางด้านจันทรกานต์ก็แกล้งทำเป็นเอะอะใส่ดาราราย โดยมีคุณชายจันทรนั่งฟังอยู่ข้างๆ
“แม่ปฏิเสธคุณหญิงทันทีเลยเหรอครับ”
“ใช่ ได้ยังไงล่ะ แม่รับไม่ได้หรอกนะที่จะมีทายาทเป็นทะโมนสามตัวนั่นน่ะ”
จันทรกานต์ทำหน้าสลด
“โธ่ ข้าวตอก ดอกไม้ ข้าวตู น่ารักนะครับ”
“ทายาททัศนัยนะลูก ยังไงก็ต้องสืบเชื้อสกุลเก่าของเราเท่านั้น”
“ยังไงล่ะครับ ผมมีลูกของตัวเองไม่ได้แล้ว ผมจะทำยังไง สิ่งที่ผมเลือกแล้วว่าดี แม่ก็ยังมาขัดขวาง ไม่ใช่แค่ทายาท แต่ยังเรื่องความรัก”
คุณชายจันทรแอบอมยิ้มกับมารยาของลูกชาย ดารารายถึงกับอึ้งไป
“แม่ขอโทษ โธ่ แม่หวังดีกับลูกแท้ ๆ”
“ความหวังดีของแม่มันทำร้ายผมนะครับ โทษนะครับ คุณพ่อคุณแม่ออกไปก่อน ผมขออยู่ลำพัง”
จันทรกานต์เดินหน้าเศร้าเข้าห้องนอน ทำทีเป็นสะอื้นจนหลังกระเพื่อม ดารารายใจเสีย ส่วนคุณชายจันทรแอบขำที่จันทรกานต์ตีบทแตกกระจุย
“หมายความว่าหนูกับคุณจันทร์จะไม่ได้แต่งงานกันหรือคะ”
อิงฟ้าปั้นหน้าผิดหวัง กล้ำกลืนความเจ็บปวด
“ก็ใช่น่ะซียะ ความฝันของฉันที่แกจะได้ดองกับทัศนัย เป็นอันพังครืน ล้มไม่เป็นท่า”
“แต่หนูรักพี่ชายจันทร์แล้วนะคะ”
อิงฟ้าแสร้งสะอื้นหนัก
“ช่วยไม่ได้ รักได้ก็เลิกได้”
“โธ่ .หนูอุตส่าห์ตัดใจจากคุณวิวิทธิ์ มารักพี่ชาย แล้วมาทำกับหนูแบบนี้ ยัยคุณน้าดาวใจร้ายที่สุดเลย”
“ไม่ต้องไปว่าเขา แกทำตัวแกเอง ฉันจะหาผู้ชายดีๆ มาให้แกเอง เอาให้ดีกว่าคุณจันทร์เลยด้วยซ้ำ”
คุณหญิงอรชรเดินหน้าเชิ่ดออกไปจากห้อง ป้าแมวเข้ามาจ้องหน้าอิงฟ้า
“เรื่องจริงรึเปล่าคะ ทั้งเรื่องรักคุณจันทร์ ตัดใจจากนายเลขาได้ มันดูหลอกๆ เหมือนนิยาย หรือละครยังไงก็ไม่รู้”
อิงฟ้ายิ้มขำ “เรื่องจริงบางเรื่องหลอกยิ่งกว่านิยายอีกนะคะป้า”
จันทรกานต์ ดาริกา วิวิทธิ์ และอิงฟ้า มาเลี้ยงฉลองอิสรภาพที่คอนโดของจันทรกานต์
“ขอขอบคุณแผนการอันชาญฉลาดและร้ายกาจของพี่ชายค่ะ”
อิงฟ้าพูดยิ้มๆ วิวิทิ์รีบพูดต่อ
“ถูกต้องครับ ร้ายกาจจริงๆ แล้วถ้าคุณแม่ทราบความจริง ท่านไม่โกรธแย่เหรอครับ”
“ก็คงต้องขอโทษกันเป็นการใหญ่เลยละ”
“แล้วจากนี้ คุณวิวิทธิ์และคุณฟ้าจะทำยังไงต่อละคะ”
ดาริกายังอดห่วงไม่ได้
“ผมต้องพิสูจน์ตัวเองกับคุณหญิงแม่ให้ได้ครับ”
“แล้วทางพี่ชายกับคุณดาวละคะ จะดำเนินการเรื่องของตัวเองยังไงต่อ”
อิงฟ้าย้อนถาม จันทรกานต์หันมายิ้มกับดาริกา
“ผมวางแผนไว้แล้ว ผมจะไปหาแม่กุสุมาและคุณตาทศ”
ดาริกากังกับสะดุ้ง “หา ไปหาแม่กับตาฉันทำไม”
“ก็ไปฝากเนื้อฝากตัวเป็นลูกชายท่านไงครับ”
อิงฟ้าและวิวิทธิ์เฮลั่น ดาริกาเขินหน้าแดง
“เดี๋ยวค่ะ นี่คือความเท็จค่ะ คุณน่ะเหรอจะมาสมัครเป็นหลานสัปเหร่อคุณตาฉัน คุณหม่อมหลวงผู้
สูงศักดิ์”
จันทรกานต์อมยิ้ม
“ทำไมละครับ หม่อมหลวงอย่างผมอาจจะไปฝึกช่วยคุณตาทศเผาศพไม่ได้หรือไง”
“ไหวเหรอครับคุณจันทร์ คุณจันทร์กลัวผีน่ะครับ”
จันทรกานต์ส่ายหน้า
“ไม่แล้วละ ตั้งแต่ได้ดาริกามาเป็นเลขาคู่ใจ ผมไม่กลัวอะไรอีกแล้ว ไม่ว่าคนหรือผี”
วิวิทธิ์และอิงฟ้าเฮลั่นครั้ง
จากนั้นทั้งหมดก็ช่วยกันปรุงส้มตำกัน แล้วล้อมวงกินกันอย่างสนุกสนาน
อ่านต่อหน้า 2
ดาวเคียงเดือน ตอนที่ 10 (ต่อ)
พิชญาเดินผ่านหน้าห้องทำงานของจักรพัฒน์ แต่แล้วก็ตัดสินใจเคาะประตูห้อง แต่ไม่มีเสียงตอบรับ จึงตัดสินใจเปิดประตูเข้าไป แล้วมาหยุดที่โต๊ะทำงาน พลางมองไปรอบๆ จากนั้นก็ลองเปิดดูที่ลิ้นชักตู้เอกสาร พบขวดเหล้าอยู่เต็มลิ้นชัก
จักรพัฒน์ก้าวเข้ามาในห้องเงียบๆ หน้าตาทรุดโทรมและหมองคล้ำ
“มาค้นอะไร”
พิชญาตกใจ หันกลับมา จักรพัฒน์เห็นขวดเหล้าในมือ
“จะหาหลักฐานไปฟ้องนายงั้นเหรอ เชิญ”
“ไม่จำเป็นต้องฟ้องใครทั้งนั้น เพราะตอนนี้เขาก็ลือกันไปทั่วออฟฟิศแล้วว่าคุณเมาระหว่างทำงาน ฉันเลยต้องมาดูให้เห็นกับตา มีปัญหาอะไร อย่าบอกนะว่าทนเปล่าเปลี่ยวเพราะขาดฉันไม่ได้เลยต้องเมา”
จักรพัฒน์ยิ้มหยัน
“คุณนี่มันยั่วดีจัง ใช่ ผมทั้งเหงา ทั้งเปล่าเปลี่ยว”
จักรพัฒน์ดึงพิชญามากอด ดาริกาผ่านมาพอดี มองเข้าไปในห้องที่ประตูแง้มอยู่ /
พิชญาผลักจักรพัฒน์ จนเซไปนั่ง
“กลิ่นเหล้าหึ่ง โสโครกที่สุด”
“เป็นห่วงผมใช่ไหมเลยเข้ามาหาผมแบบนี้”
พิชญาเบ้ปาก “เปล่า แต่เบื่อเสียงนินทาที่มาเข้าหูฉันต่างหาก เชิญดื่มต่อไปเถอะ ถ้าอยากทำตัวเป็นคนไม่มีอนาคต”
พิชญาสะบัดออก ดาริกาหลบไปมุมหนึ่ง ก่อนที่จะกลับออกมาอีกครั้ง เห็นจักรพัฒน์สายตาเจ็บปวด
ก็เป็นกังวล
จันทรกานต์กับแพ็ทนั่งคุยกันสองต่อสองในร้านอาหารภายในห้างแกรนด์ แพ็ทแสร้างทำทีเป็นห่วงใยจันทรกานต์ที่ต้องล้มเลิกงานแต่งงานกับอิงฟ้า ด้วยเหตุผลเพราะไม่สามารถมีทายาทสืบสกุลได้
“ดีแล้วละค่ะ ถ้าแต่งเพียงแค่อยากมีทายาทสืบสกุล ก็แสดงว่ายายฟ้าไม่ได้รักคุณจริง เลิก ๆ ไปดีแล้ว และคุณจันทร์ ก็ควรจะเริ่มต้นใหม่กับใครสักคนนะคะ”
จันทรกานต์มองแพ็ทอย่างหยั่งท่าที ปนรำคาญ นางนั่งหลยมุมอยู่ที่โต๊ะใกล้ๆ หัวเราะคิกคัก จังหวะที่จันทรกานต์ขอตัวออกไปรับมือถือ นางก็ถลาเข้ามาหาแพ็ท
“จะจีบพี่ชายจันทร์เหรอพี่แพ็ท จะสำเร็จเร้อ”
“ต้องสำเร็จ นี่ เรื่องคุณจันทร์เป็นหมันน่ะ แกแน่ใจนะว่าคุณจันทร์กุเรื่องหลอกแม่ตัวเอง”
แพ็ทถามย้ำ
“นางแอบได้ยินกลุ่มพี่บ๊วยคุยกันที่บริษัทน่ะค่ะ บอกว่าเป็นแผนของพี่ชายจันทร์ทั้งหมด แต่ร่วมมือกันหลายฝ่าย อุ๊ย นางแว่บก่อน”
นางรีบกลับไปนั่งที่โต๊ะตัวเดิม เมื่อเห็นจันทรกานต์เดินย้อนกลับมา
เพชรและยุพาเอะอะใส่ อิงฟ้า บ๊วย อาร์ท จัสติน และป๊อบ ที่กำลังเตรียมจัดงาน “วันครอบครัว” ที่กลางโถง
“อะไรกัน พวกคุณออกแบบงานยังไง นี่มันวันเทศกาลครอบครัวนะครับ ไม่ใช่วันเกษตรเวิร์ลแฟร์ จะได้มีแต่ดอกไม้ ดอกไร่”
เพชรมองเวที และบรรยากาศโดยรอบ ที่ดีไซน์เป็นรูปธรรมชาติ มีทั้งดอกไม้ และเถาไม้เลื้อยตามสไตล์ของอิงฟ้าด้วยสายตาเย้ยหยัน ยุพาทับถมซ้ำ
“วันครอบครัว มันต้องแสดงความอบอุ่นพ่อแม่ลูกซีคะ ภาพเด็กสักภาพก็ไม่มี เห็นมีแต่ทุ่งหญ้ากับม้ากับวัว เลยคิดว่าน่าจะเป็นงานฉลองให้ปศุสัตว์”
แต่ทีมของบ๊วยและอาร์ท ยืนยันว่าได้รับบรีฟมาจากจันกานต์ เพชรรีบถามว่าใครเป็นคนออกแบบ
“ฉันเองค่ะ” อิงฟ้ายืดอกรับ
“อุ๊ย. คุณอิงฟ้าเหรอคะ” ยุพาทำหน้าดูถูก “เพิ่งเข้ามาทำงานไม่ใช่เหรอ แล้วหัวหน้าพวกคุณ คุณอาร์ตี้หายไปไหนล่ะคะ”
เพชร ได้ที รีบโวยต่อ
“นี่ไง งานชิ้นแรกที่คุณทำประจำให้แกรนด์ คุณใช้เด็กใหม่เพิ่งจบมาทำงั้นเหรอครับ”
อิงฟ้าหน้าตึง พวกบ๊วยฮึดฮัด
นางมองเลยไปนอกร้านเห็นดาริกากำลังเดินมาที่ร้าน ก็รีบก้มหน้างุด
ดาริกาเข้ามาในร้าน จันทรกานต์มองเห็นพอดี ส่วนแพ็ทนั่งหันหลังให้เลยไม่ทันเห็น
“ผมคงต้องกลับไปทำงานแล้วละครับ”
แพ็ททำหน้าอ้อน
“เดี๋ยวซิคะคุณจันทร์ แหม มีเรื่องเด็ดๆ อยากจะเล่าให้คุณฟังตั้งหลายเรื่อง ก็เรื่องเลขาฯ ชายหญิงของคุณไงคะ”
นางเงยหน้าขึ้นมา พยายามจะเตือนแพ็ท แต่ไม่ทัน
“มีคนเห็นอีกแล้วว่ายัยดาริกาพานายวิวิทธิ์ขึ้นคอนโด กลับลงมาดึกดื่นเหมือนเดิมค่ะ ยัยดาริกาดูอิ่มน้ำอิ่มเนื้อ แต่นายวิวิทธิ์ดูขาดสารอาหารยังไงพิกล”
จันทรกานต์ยิ้มขำ
“แหม เหมือนมีคนไปตั้งกล้องแอบถ่ายไว้เลยนะครับ รู้แจ้งเห็นจริงกันทั้งนั้น”
“แต่เรื่องมันมีมูล มันน่าจะจริงนะคะ”
“จริงหรือไม่จริง ถามเจ้าตัวดีกว่าไหมครับ”
แพ็ทยังไม่รู้ตัวว่าดาริกามายืนอยู่ข้างหลัง รีบสวนทันที
“ถามทำไมคะ ใครจะไปกล้ายอมรับ”
“ฉันว่าฉันกล้านะ”
แพ็ทสะดุ้ง ค่อยๆ หันไป ดาริกาสวนกลับยิ้มๆ
“ฉันกล้ายอมรับถ้ามันเป็นความจริง คุณวิวิทธิ์ขึ้นคอนโดฉันจริงค่ะ เราปาร์ตี้ส่วนตัวกัน”
“นี่ไงคะ ยอมรับแล้ว เธอมีสัมพันธ์ลับๆ กับวิวิทธิ์ สารภาพกับคุณจันทร์ไปเลย”
ดาริกาพูดต่อ “เราปาร์ตี้ส่วนตัว โดยมีคุณอิงฟ้าและคุณจันทร์ร่วมอยู่ด้วยค่ะ ฉันไม่เคยมีสัมพันธ์ลับ ๆ กับคุณวิวิทธิ์ ทั้งในบ้านหรือในทุ่งภูตะวันของคุณ”
แพ็ทแกล้งตีหน้าซื่อ
“ตายจริง พวกโซเชียลนี่กุข่าวเก่งจัง เชื่อมากไม่ได้แล้วละ”
ดาริกายิ้มเหยียด
“ค่ะ แต่โซเชียลไม่น่ากลัวเท่าพวกปากต่ำใจต่ำนะคะ ยิ่งใจต่ำเท่าไหร่ เวลาสำรากออกมาทางปาก มักจะเป็นเสียงคำราม เสียงเห่าหอน เสียงขู่ฟ่อ ๆ แบบลิ้นสองแฉก แสดงว่าเจ้าตัวชอบเพาะพันธุ์สัตว์หลายชนิดไว้ในร่าง”
แพ็ทหันไปมองจันทรกานต์ ที่นิ่งฟังเฉยๆ ไม่ได้แก้แทน
“คุณจันทร์ คุณเชื่อแม่เลขาฯ ปากดีคนนี้เหรอคะ”
จันทรกานต์พยักหน้า
“ผมเชื่อคนที่ไม่มีภาวะซ่อนเร้นน่ะครับ พูดง่ายๆ ผมเชื่อคนจริงใจ”
พูดจบ จันทรกานต์กับดาริกาก็เดินออกไปจากร้านพร้อมกัน นางรีบวิ่งเข้ามาหา หัวเราะร่า แถมยังพูดจากไม่เข้าหู จนแพ็ทที่หงุดหงิดอารมณ์ค้างตะเพิดออกไป
“คอยดูเถอะ ไอ้ผู้ชายหน้าโง่พวกนี้ ฉันจะปราบให้เชื่องทุกคน”
แพ็ทบ่นกับตัวเอง พร้อมๆ กับมีเสียงถามกลับมา
“จะปราบใครให้เชื่องจ๊ะหนูแพ็ท”
แพ็ทสะดุ้งหันกลับไปมอง ก็เห้นเรารายยืนอยู่ ในท่วงท่าที่ส่งางาม
“น้าดาว สวัสดีค่ะ แพ็ทเพิ่งแยกกับพี่ชายจันทร์เมื่อกี้นี้เอง เรากำลังวางแผนธุรกิจร่วมกันน่ะค่ะ แพ็ทว่าอาจจะมาเปิดร้านที่แกรนด์บ้างก็ได้ เรานัดคุยกันหลายครั้งแล้วค่ะ คุณจันทร์น่ารักมากนะคะ”
ดารารายมองแพ็ทแล้วยิ้มออกมา พร้อมกับแอบเล็งว่าจะเป็นคู่หมายคนต่อไปของจันทรกานต์
วรางค์เข้ามาในโถง ที่กำลังตกแต่งสถานที่ ครู่หนึ่งนางก็เดินถือขนมเข้ามา พลางบอกว่านัดเดทกับ ป๊อบไว้ พอนางเดินแยกไป วรางคืก็บ่นกับตัวเอง
“เวร แกห้ามฉันคบอาร์ตี้ แต่แกก็คบยายประสาทนี่ เออ เจริญ”
วิวิทธิ์เดินมาเจอวรางค์เข้าพอดี
“นี่ฝีมือตกแต่งคุณอิงฟ้าใช่ไหมครับ”
“แน่ะ ดูออกด้วย”
“ดูออกครับ ก็เธอไปวาดภาพบึงบัวที่บ้านผม สวยอย่างนี้แหละ”
วรางค์ยิ้มเศร้า
“น่าอิจฉาคนที่รักกันจังเลยนะคะ บรรยากาศเทศกาลครอบครัวแบบนี้ด้วย คนรักกันยิ่งรักกันใหญ่เลย”
วิวิทธิ์มองวรางค์อย่างเห็นใจ โดยเฉพาะเมื่อรู้ว่ายังตามตัวอาร์ตี้ไม่พบ
“ไปเรียกคุณวรางค์มาเดี๋ยวนี้เลย ทำงานแบบนี้เขาเรียกชุ่ย”
เพชรทำเป้นวางอำนาจ แต่กลับโดนบ๊วยย้อนนิ่งๆ
“ก่อนเรียกพี่วรางค์ ผมว่าคุณเรียกคุณจันทรกานต์มาก่อนดีกว่า ให้คุณจันทร์เป็นคนตัดสินว่าชุ่ยหรือไม่ชุ่ย”
ทั้งคู่เอะอะใส่กัน วรางค์รีบเดินเข้ามาห้าม เพชรกับยุพาได้ทียิ่งโวยวาย
“ใช่ ปัญหาที่แท้มันอยู่ตรงนี้ต่างหาก คุณเอาเด็กไร้ฝีมือ ไร้ประสบการณ์อย่างคุณอิงฟ้ามาทำงานระดับนี้ได้ยังไง”
วิวิทธิ์รีบออกรับแทน
“พูดอะไรระวังหน่อยนะครับ คุณอิงฟ้าไร้ฝีมือตรงไหน งานก็ออกมาสวยงามขนาดนี้”
“สวยแต่ผิดคอนเซ็ปท์ค่ะ”
เพชรมองวรางค์แบบเหยียดๆ
“นายอาร์ตี้ อาร์ทตัวพ่อของคุณหายหัวไปไหน อย่าบอกนะว่าลาออกไปแล้ว ถึงนายอาร์ตี้ มันจะไม่ได้เก่งวิเศษอะไร แต่ก็ยังดีกว่างานฝีมือเด็กมัธยมแบบนี้”
อิงฟ้าทนฟังไม่ได้ ผละไปทันที วิวิทธิ์รีบตามไป เพชรกับยุพาสะใจ
“อาร์ตี้ลาพักร้อนค่ะ” วรางค์จำเป้นต้องปด
“เหรอคะ งั้นก็ควรจะรีบตามกลับมาทำงานนะคะ เพราะถ้าเรื่องถึงบอร์ดว่าคุณเอาเด็กฝึกงานมาทำงาน หายนะจะมาเยือนนะคะ”
วรางค์หน้าเสีย บ๊วย อาร์ท จัสติน มองหน้ากันอย่างโกรธขึ้ง ป๊อบยืนหน้าสลด เพราะรู้สึกผิด
อิงฟ้ามาหยุดร้องไห้อยู่มุมหนึ่ง วิวิทธิ์ตามมาพูดปลอบใจ พลางย้ำว่าเพชรกับยุพาตั้งใจจะเล่นงานอิงฟ้าพื่อให้กระทบถึงจันทรกานต์ และทีทั้งคู่กล้าพูดตำหนิแรงๆใส่ ก็เพราะตอนนี้อิงฟ้าไม่ได้เป็นคู่หมั้นของจันทรกานต์แล้ว
นางและป๊อบออกมาซื้อกาแฟด้วยกันหลายแก้ว นางเหลือบเห็นป๊อบยังทำหน้าสลดอยู่
“เป็นอะไร ทำหน้าเหมือนเป็นไส้เลื่อน”
“ผมเป็นต้นเหตุเรื่องพี่ตี้หนีไป ผมจะทำยังไงดี ไปตามเขากลับมาดีไหม”
“แล้วคุณยังโกรธพี่ตี้อยู่รึเปล่าคะ จะยอมให้พี่ตี้คืนดีกับพี่วรางค์ แล้วยอมให้เขาแต่งงานกันไหม”
ป๊อบถอนหายใจ “ไม่แน่ใจครับ”
“งั้นไม่ต้องไปตามค่ะ ไม่มีประโยชน์ เพราะพี่ตี้จะกลับมาก็ต่อเมื่อพี่วรางค์ยอมรับรักพี่ตี้เท่านั้น”
ป๊อบรีบถามต่อทันทีว่า ถ้าสองคนนี้แต่งงานกัน จะไปรอดไหมครับ นางตอบกลับมาว่า....เป็นเรื่องของอนาคต แต่วันนี้ทุกคนต้องอยู่กับปัจจุบัน
ป๊อบมองนางอย่างทึ่ง ที่เห็นนางพูดจาฉลาดเกินตัว
“น้องนางไอคิวสูงนะคะ ฉลาดบางเรื่อง แต่ทำไมบางเรื่องก็โง่ไม่รู้”
“น้องนางน่ารักก็ตรงนี้ละครับ” ป๊อบพูดออายๆ
วรางค์นั่งซึมอยู่กับกลุ่มบ๊วย อาร์ท จัสติน ที่กลางโถง ทุกคนเห็นพ้องกันว่าวรางค์ไม่ควรเปลี่ยนแปลงอะไรทั้งสิ้น เพราะคนตัดสินคือจันทรกานต์
ป๊อบและนางถือแก้วกาแฟใส่ถาด กำลังเดินเข้ามา ได้ยินเสียงวรางค์ ก็เลยหยุดฟัง
“คิดถึงอาร์ตี้ ถ้าอาร์ตี้อยู่มันคงหาทางออกให้เราได้”
อาร์ทเห็นด้วย
“อย่างวันนี้ ถ้าพี่ตี้อยู่ พี่คงไม่ปล่อยให้ไอ้บ้านั่นมันวิจารณ์งานน้องฟ้าเสียๆ หาย ๆ แบบนี้ คงเล่นกลับจนไอ้นั่นหงายเงิบไป”
บ๊วยรีบเสริม
“ไม่ว่าชนหรือรอมชอม งานของพี่ตี้ก็ออกมาดีทุกครั้ง จริงไหม”
ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย วรางค์ยิ่งเศร้า
“พวกแกยิ่งพูด ฉันก็ยิ่งคิดถึงตี้มัน”
นางมองหน้าป๊อบที่ถอนใจเฮือกใหญ่ พลางพยักหน้าให้ป๊อบก่อนจะเดินเข้ามาวางแก้วกาแฟให้กับทุกคน พร้อมกับที่ป๊อบตัดสินใจ
“พี่ครับ ผมอยากจะบอกว่า เราควรจะตามพี่ตี้กลับมาทำงานให้ได้ ผมคิดไม่ดีกับพี่ตี้ครับ ผมยอมรับ ผมขอโทษ ยกโทษให้ผมด้วย”
ทุกคนอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะบอกยกโทษให้ วรางค์ถอนหายใจ
“ป๊อบเอ๊ย ทุกอย่างมันสายเกินไปแล้ว ตี้มันปฏิเสธพวกเราหมดแล้ว แล้วตอนนี้ไม่มีใครรู้เลยว่าตี้มันไปอยู่ไหน”
นางรีบบอก “อยู่ที่ร้านพี่ตี๋ใหญ่ค่ะ”
ทุกคนหันมามองมองหน้ากัน แล้วหันมามองนางเป็นตาเดียว
จันทรกานต์เงยหน้าจากคอมพิวท์ มองไปที่ดาริกาที่กำลังพิมพ์งานอยู่ พลางอมยิ้ม แล้วลุกมายืนพิงขอบโต๊ะฝั่งตรงข้าม มองอย่างนึกแผนลองใจสนุก ๆ บางอย่าง จนดาริกาเงยหน้ามองตอบมา จันทรกานต์ได้ทีคุยเรื่องแพ็ท พร้อมกับบอกว่าแพ็ทมาจีบตน
“อย่าเข้าข้างตัวเองซีคุณจันทร์ เธอจีบจริงเหรอ”
จันทรกานต์พยักหน้า แล้วแกล้งพูดยั่ว
“จริงซิครับ ตอนที่ผมเฮิร์ทเพราะเข้าใจว่าคุณไปชอบวิวิทธิ์ ผมก็เคลิ้ม ๆ ไปกับเธอเหมือนกัน
เธอสวยขนาดนั้น เป็นผู้ชายคนไหนก็ต้องเคลิ้มละครับ”
ดาริกามองค้อน “สวยตรงไหน หน้าอาม่วยป่วยหนัก”
“ก็แนวสาวเกาหลี มีเสน่ห์ร้อนแรงพอตัวเชียวละ ยิ่งตอนที่กำลังเมา”
ดาริกาตกใจ “หา เมากันด้วยเหรอ นี่อย่าบอกนะว่าไปค้างอ้างแรมกันมาแล้ว”
“ก็ ไปมาแล้ว”
ดาริกาเข้าทุบไหล่
“คุณจันทร์ สารภาพแล้วใช่ไหมว่าใจง่าย นอกใจฉัน”
พูดได้เท่านั้น ก็รู้สึกตัวว่าหลงตามอุบายของจันทรกานต์เข้าให้แล้ว
“แน่ะ ใช้คำว่านอกใจ ยอมรับแล้วใช่ไหมว่ารักผม ทั้งหึง ทั้งหวงผม”
ดาริกาเขวี้ยงค้อนให้วงใหญ่
“บ้า หลอกให้ฉันพูดออกมาใช่ไหม คนบ้า”
ดาริกาทุบรัว จันทรกานต์ร้องปนหัวเราะ รวบร่างดาริกามากอดแน่น แล้วจูบที่ข้างแก้ม ก่อนที่จะดึงดาริกาลงมานั่งตัก โดยไม่ทันสังเกตว่ามีคนแอบดูอยู่ที่หน้าประตู
อ่านต่อหน้า 3
ดาวเคียงเดือน ตอนที่ 10 (ต่อ)
ดารารายปิดประตูเบาๆ แล้วหันกลับมาด้วยสีหน้าโกรธขึ้ง
“ไหนว่ารักหนูอิงฟ้า แต่ไม่เลิกราจากยายดาริกา คุณจันทร์นี่ยังไง”
บ่นพลางก็กดมือถือหาแพ็ท
“หนูแพ็ทเหรอจ๊ะ น้าว่าเราน่าจะคุยกันอีกทีเรื่องร้านของหนูนะคะ เพราะน้ามีทำเลสวย ๆ ไว้เสนอหนูน่ะจ๊ะ”
ดาริกาเดินผ่านห้องทำงานจักรพัฒน์ ได้ยินเสียงจักรพัฒน์และพิชญาทะเลาะกันแว่วออกมา
เมื่อมองผ่านประตูเข้าไป ก็เห็นจักรพัฒน์ หน้าแดงก่ำ ตาฉ่ำเพราะฤทธิ์เหล้า
พิชญาโวยวายใส่จักรพัฒน์ เพราะเพิ่งรู้เรื่องจากธนาคารว่าบ้านจะโดนยึด จักรพัฒน์โมโหปล้ำกอดจูบ พิชญาด้วยความเมา ดาริกาสะดุ้งเฮือก
“ปล่อยนะ คุณมันบ้าไปแล้ว”
จักรพัฒน์ยิ้มหยัน “เราเกิดมาคู่กันชาย่า ผัวงี่เง่ากับเมียใจง่ายไง”
จักรพัฒน์ระดมจูบอีก พิชญาผลักออก แล้วตบหน้าจักรพัฒน์อย่างแรง จนผงะไป แทบจะหายเมา“ดี ให้บ้านมันถูกยึดไป ฉันจะรอดูวันที่คุณล่มจมหมดตัวยิ่งกว่านี้ ไม่มีแม้แต่หลังคาจะซุกหัวนอน”
พูดจบ พิชญาก็สะบัดตัวเดินออกมา เห็นดาริกายืนตะลึงอยู่ที่หน้าห้อง
“อ้อ ยายเลขาเมียเก็บมาแล้วค่ะ ฝากดูผัวเก่าสิ้นท่าของฉันด้วย ให้มันดื่มเยอะๆ นะ มันจะได้ตาย
เร็วขึ้น”
จักรพัฒน์สะอื้น ดาริการีบเข้ามาประคองให้นั่งที่เก้าอี้
“อย่าไปฟังที่เธอพูดนะคะ คุณเมามากเลย รอเดี๋ยวนะ เดี๋ยวฉันเอาผ้าเย็นมาให้”
ดาริกาออกจากห้องไป จักรพัฒน์หยิบขวดเหล้าออกมา แล้วยกดื่มรวด
อาร์ตี้ ที่นั่งเมาอยู่ในร้านของตี๋ใหญ่ กำลังระบายความในใจกับหมวกที่วางไว้บนไม้ขัดส้วม มีเสื้อพาดคลุมไว้ ดูคล้ายคนนั่งอยู่
“ทุกอย่างกำลังดีอยู่แล้วเชียว แล้วมันก็ล้มเหลวไม่เป็นท่าได้ทุกครั้ง มีนี่แหละ เหล้าจ๋านี่แหละที่ผมประสบความสำเร็จอย่างเดียวในชีวิต”
ทันใดนั้นวรางค์ก็นั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆ
“ใช่ เหล้าช่วยให้แกประสบความสำเร็จ แต่ในทางหายนะนะ”
อาร์ตี้หันไปมอง วรางค์มองตอบสีหน้าเย็น
ดาริกาเช็ดหน้าและลำคอให้จักรพัฒน์ ที่มองเป็นหน้าพิชญา กำลังหัวเราะเยาะใส่ จักรพัฒน์โวยวายไล่ดาริกาออกจากห้อง ก่อนที่จะพยายามมาที่ชั้นที่ซ่อนขวดเหล้าไว้ แต่หาไม่เจอ
จักรพัฒน์กระชากลิ้นชักออกมาทั้งชั้นของหล่นกระจาย ทันใดอาการเจ็บหน้าอกก็เกิดขึ้นปัจจุบันทันด่วน พลางยกมือกุมอก ก่อนที่จะเซไปพิงโต๊ะ พร้อมกับพยายามหายา ที่ถูกปัดกระเด็นกระจายเกลื่อนอยู่ที่พื้น
จักรพัฒน์ทรุดล้มลงกับพื้น พร้อมกับที่เหลือบมองเห็นกล่องยาที่ตกอยู่ จึงพยายามเอื้อมมือไปหยิบ แต่แล้วก็หมดสติเสียก่อน
ดาริกาวิ่งกลับมาที่หน้าห้องของจักรพัฒน์ เพราะได้ยินเสียงล้มโครม พอเปิดประตูเข้าไป ก็พบจักรพัฒน์นอนแน่นิ่งไปแล้ว เธอรีบกดมือถือโทร. แจ้งโรงพยาบาลทันที
อาร์ตี้โวยวายใส่หน้าวรางค์ ด้วยอารมณ์ทั้งโกรธ ทั้งเมา
“ตามผมมาทำไม จะมาง้อให้ผมไปทำงานกับพี่อีกใช่ไหม ไม่มีวัน ผมบอกพี่แล้ว ผมไม่โง่ให้พี่หลอกใช้
ผมอีกแล้ว”
วรางค์ ส่ายหน้า
“ฉันไม่ได้มาง้อให้แกกลับไปทำงาน แต่ฉันมาดูสภาพน่าสังเวชของแก ที่แกกลับมาติดเหล้าติดยาอีก”
“ความสุขครับ ความสุขอย่างเดียวที่ผมมีอยู่”
วรางค์ยิ้มเหยียดๆ
“แน่ใจนะว่าความสุข จำเมื่อห้าปีที่แล้วได้ไหม ตอนที่แกเฮิร์ทจากนังกรุบกริบ แกจับได้ว่ามันทรยศแก มันมีมือถือห้าเครื่อง มีผัวห้าคน ผัวคนนึงกับมือถือหนึ่งเครื่อง มันจะได้สับรางถูก แล้วแกก็เป็นเครื่องที่ห้า”
“จำได้ ผมเป็นผัวคนที่ห้าของมัน แล้วต้องพูดถึงนังกรุบกริบขึ้นมาทำไม”
วรางค์ถอนหายใจ
“ตอนนั้นแกก็เฮิร์ทแบบนี้ แล้วก็เมาหัวราน้ำ ไม่ทำงานทำการ จนถูกไล่ออก นั่นน่ะความสุขเหรอ ไอ้ตี้”
“ พี่พูดได้ เพราะพี่ไม่เคยเจ็บเพราะรัก” อาร์สะอื้น เสียงเครือ “แต่ผม ผมเจ็บ เข้าใจรึเปล่าว่าผมเจ็บ”
วรางค์น้ำตาไหลพราก อาร์ตี้วิ่งผลุนผลันออกไปหลังร้าน พร้อมกับหนีบขวดเหล้าไปด้วย วรางค์รีบตามไป กลุ่มบ๊วย อาร์ท จัสติน ป๊อบและนาง ตามมาดูเหตุการณ์ ก็รีบวิ่งกรูกันไป
อาร์ตี้วิ่งออกมาหลังร้าน ที่เป็นลานจอดรถ วรางค์ตามมา กลุ่มบ๊วยวิ่งมาหลบอยู่ข้างเสา แอบดูอยู่ห่าง ๆ
“แล้วแกนึกว่าฉันไม่เจ็บเหรอ ยิ่งเห็นแกทำลายตัวเองแบบนี้ ฉันเจ็บยิ่งกว่าแกหลายเท่า ฉันไม่ให้แกกิน เอามา”
วรางค์กระชากขวดมาจากมืออาร์ตี้ เทเหล้าในขวดลงกับพื้น แล้วปาขวดลงไปในถังขยะ
“อ้อ นึกว่าเอาคืนไม่ได้ใช่ไหม”
อาร์ตี้เข้าแย่งกระเป๋าแบรนเนมด์จากมือของวรางค์ ก่อนจะฟาดกับต้นไม้ ข้าวของหล่นจากกระเป๋าเกลื่อน วรางค์กรีดร้อง
อาร์ตี้โยนกระเป๋าลงกับพื้น แล้วกระทืบซ้ำ วรางค์นิ่งงัน ก่อนจะเดินเข้ามาหาอาร์ตี้ แล้วตบหน้าฉาดใหญ่ แล้วหยิบกระเป๋ามาฟาดอาร์ตี้ไม่ยั้ง
“ไอ้เลว ไอ้บ้า แกนึกเหรอว่าฉันเสียดายไอ้กระเป๋านี่ ฉันเสียดายแกต่างหากเสียดาย ที่แกสิ้นคิด ลงกับฉันไม่ได้ก็ไปลงกับเหล้า ไปลงกับกระเป๋า โธ่ นี่น่ะเหรอ ไอ้ผู้ชายที่อยากจะมาเป็นผัวฉัน”
กลุ่มบ๊วยตะลึง นางกับป๊อบอ้าปากหวอ
วรางค์ยังฟาดอาร์ตี้อยู่ อาร์ตี้ยึดมือวรางค์ไว้ เพิ่งรู้สึกตัว
“เจ๊ ยังอยากให้ผมเป็นผัวเจ๊อยู่เหรอ”
“เออซิ”
“แล้วไอ้ป๊อบล่ะ” อาร์ตี้ระล่ำระลักถาม
“ช่างหัวไอ้ป๊อบมันเถอะ ว่าแต่แก ถ้าฉันยอมจดทะเบียนเป็นเมียแก แกจะเลิกเหล้า เลิกยาไหม”
ป๊อบสะดุ้งโหยง นาง บ๊วย อาร์ท จัสตินอ้าปาก ทึ่ง
“เลิกครับ เลิกทุกอย่าง เลิกเหล้า เลิกยา เลิกเป็นผัวเจ๊ด้วย”
“หา อะไรนะ”
กลุ่มบ๊วยวิ่งออกมาทันที
“มันจะมากไปแล้วนะ ไอ้พี่ตี้ พี่วรางค์เขายอมพี่ทุกอย่าง ยอมเป็นเมียแก่ของพี่ พี่ยังเล่นตัวอีกเหรอ”
อาร์ตี้รีบปฏิเสธ
“เฮ้ย ฟังให้จบก่อน ฉันกำลังจะพูดว่า เลิกเป็นผัวขี้เมาของเจ๊เขาต่างหาก แล้วจะกลับตัวมาเป็นผัวที่มีสติของพี่”
วรางค์ยิ้มออกมาได้ ป๊อบยิ้มตาม
“พี่ตี้พูดจริงๆ นะครับ”
“พูดจริง ทุกอย่างออกมาจากใจทรนงดวงนี้”
อาร์ตี้กำหมัดไว้ที่อกซ้าย แล้วส่งไปให้วรางค์ ที่ยืนตะลึง ก่อนจะยิ้มทั้งน้ำตา
“พาตี้กลับบ้านเราเถอะ”
สามหนุ่มช่วยกันประคองอาร์ตี้ออกไป นางและป๊อบช่วยไปเก็บข้าวของลงกระเป๋าของวรางค์
“สีถลอกไปหน่อย แต่ผมว่ายังใช้ได้นะครับ”
“คงไม่ใช้แล้วละ ทิ้งไปเถอะ เอาแค่ของในกระเป๋าไว้”
ป๊อบมองงงๆ “อ้าว สองแสนนะครับ ไม่เสียดายเลยเหรอ”
“ไม่หรอก ความรักของพี่กับตี้มันมีค่ามากกว่าแสนหรือล้าน หรือร้อยล้าน”
ป๊อบเข้าใจอย่างถ่องแท้ในวินาทีนั้นเอง ว่าอาร์ตี้กับพี่วรางค์รักกันมากแค่ไหน แต่หารู้ไม่ ว่าที่แท้แล้ว กระเป๋าใบนั้นแค่ประเป๋าก๊อป ราคาสามพัน
วิวิทธิ์กำลังเล่นกับข้าวตู ข้าวตอก ดอกไม้ ที่สนามหน้าบ้าน ส่วนอิงฟ้ากำลังทำอาหารอยู่ในครัว
มองออกมา เห็นกระเป๋าสตางค์ของวิวิทธิ์ตกที่พื้นโดยที่เจ้าของไม่รู้ตัว ข้าวตอกหยิบกระเป๋าขึ้นมา หันไปมองวิวิทธิ์ที่ยังเล่นกับดอกไม้และข้าวตู อิงฟ้ามองลุ้นว่าข้าวตอกจะทำอย่างไร พอเห็นข้าวตอกวิ่งเอากระเป๋าไปคืนวิวิทธิ์ อิงฟ้าก็ยิ้มปลื้ม ก่อนจะตามออกมาหน้าบ้าน
วิวิทธิ์ลงนั่งตรงหน้าข้าวตอก ดอกไม้กับข้าวตูเข้ามาดู
“ข้าวตอกครับ ทำไมเอากระเป๋ามาคืนพ่อละครับ”
ข้าวตอกส่ายหน้า
“ข้าวตอกไม่ขโมยแล้วครับ กลัวว่าเจ้าของกระเป๋าเขาจะหิว เพราะเขาไม่มีตังค์กินข้าว แล้วเขาก็จะร้องไห้”
วิวิทธิ์เงยหน้าขึ้นมองอิงฟ้า ที่น้ำตารื้นประทับใจ
“ข้าวตอกรู้ด้วยนะครับว่าเขาจะร้องไห้”
ข้าวตอกหน้าเศร้า
“รู้ครับ เพราะเวลาข้าวตอกหิวเพราะไม่มีเงิน ข้าวตอกก็ร้องไห้เหมือนกัน”
วิวิทธิ์ยิ้มปลื้ม แล้วกอดเด็กทั้งสามไว้ แล้วก็ยิ้มให้อิงฟ้าที่ยืนเช็ดน้ำตาป้อยๆ
จักรพัฒน์นั่งครึ่งนอนครึ่งอยู่บนเตียงในโรงพยาบาล อาการดีขึ้นแล้ว แต่หน้าตายังซีดเซียว จันทรกานต์นั่งคุยอยู่ข้างๆ ส่วนดาริกากำลังจัดดอกไม้อยู่มุมห้อง
“ขอบคุณมากนะคุณดาว ที่ช่วยชีวิตผมไว้”
ดาริกาหันมายิ้มให้
“ดีนะคะที่ฉันได้ยินเสียงโครมคราม เลยกลับมาดูคุณ พบคุณหมดสติอยู่กับพื้นตกใจแทบแย่”
“พี่ครับ ดาริกาบอกผมแล้วเรื่องบ้านที่มีปัญหากับแบงค์”
จันทรกานต์พูดด้วยน้ำเสียงจริงใจ จักรพัฒน์หน้าเจื่อนไป
“ทำไมเรื่องนี้ไม่ปรึกษาผมหรือพ่อละครับ”
จักรพัฒน์ ส่ายหน้า
“มันเป็นปัญหาส่วนตัว พี่ไม่ควรรบกวนนายหรือคุณอาหรอก”
จันทรกานต์ยิ้มให้จักรพัฒน์
“พี่จักรครับ เราคือครอบครัวเดียวกัน และพี่ก็ถือว่าเป็นผู้ร่วมสร้างแกรนด์เคียงบ่าเคียงไหล่มากับคุณพ่อ มันเป็นหน้าที่ต่างหากละครับ ที่เราจะต้องยื่นมือเข้าช่วย เราไม่ยอมเสียพี่ไปแบบนี้หรอกครับ อย่าปฏิเสธเลยครับพี่ เพราะทางคุณพ่อได้เจรจากับทางแบงค์ไปเมื่อวาน ท่านจะเคลียร์ให้พี่เองครับ”
จักรพัฒน์มองหน้าจันทรกานต์อย่างซาบซึ้ง “ขอบใจมาก”
พิชญา ที่เปิดประตูจะเข้ามาได้ยินเข้าพอดี รีบถอยออกไปยืนฟังหน้าห้อง ดาริกาพูดอย่างติดตลกว่าจะเข้าไปสำรวจที่ห้องทำงาน ว่าจักรพัฒน์จะไม่ซ่อนเหล้าไว้ในห้องทำงานอีกแล้ว ส่วนจันทรกานต์ก็บอกว่าจะมาชวน
จักรพัฒน์เข้ายิมทุกวัน
พิชญาหน้าเชิ่ดด้วยความหมั่นไส้ทุกคน ก่อนที่จะเดินปรี่เข้ามาในห้องทันที พลางเตือนจันทรกานต์ให้ระวังดาริกาจะแอบมาเป็นเมียเก็บของจักรพัฒน์อีกคน
ดาริกาโกรธตัวสั่น จันทรกานต์หน้าเครียด จักรพัฒน์ตวาดลั่น
“คุณออกไปจากห้องนี้ ออกไป จะมาเยี่ยมทำไม เธออยากให้ฉันตายอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”
พิชญาเชิดหน้า
“ก็มาดูว่าคุณจะตายเมื่อไหร่ไง”
“ออกไปนะ ไม่ต้องมาให้ฉันเห็นหน้าอีก”
จักรพัฒน์ปัดแจกันข้างเตียงล้มแตกกระจาย แล้วก็หอบหายใจแรง มีอาการเหมือนหายใจไม่ทัน จันทรกานต์รีบกดปุ่มเรียกพยาบาลทันที ก่อนจะกระชากพิชญาออกจากห้อง
จันทรกานต์ดันร่างพิชญาไปติดผนัง
“อยากให้พี่จักรตายจริงๆใช่ไหม คุณเกลียดพี่เขาขนาดนี้เชียวหรือ”
พิชญาจ้องหน้าจันทรกานต์
“ใช่ ฉันเกลียด ฉันเกลียดผู้ชายที่ล้มเหลว บ้านที่เราร่วมสร้างขึ้นมากำลังถูกแบงค์ยึด แทนที่จะหาทางประนอมหนี้ หรือหาแหล่งเงินกู้ กลับมานั่งท้อแท้หมดหวัง กินเหล้าจนหัวใจกำเริบ”
จันทรกานต์รีบบอกว่าจักรพัฒน์ท้อแท้ หมดหวังเพราะพิชญา และเขาจะอมให้จักรพัฒน์เป็นอะไรไม่ได้ เพราะจักรพัฒน์คือ “ทัศนัย” คนหนึ่ง
“คุณแคร์แต่คุณจักร แล้วฉันละคะ คุณไม่เคยแคร์ฉันเลย”
พิชญสะอื้นร้องไห้ ซบหน้ากับไหล่ แล้วกอดจันทรกานต์ไว้แน่น
“ที่ฉันยอมหย่าก็เพื่อคุณ แต่คุณก็ไม่เหลียวแลฉันเลย”
ดาริกาเดินมาเห็น ก้เดินปรี่เข้ามา แล้วพูดใส่หน้าพิชญาด้วยยอารมณ์หึง
“ไงคะ เมื่อกี้กล่าวหาว่าฉันให้ท่าหม่อมหลวงคนพี่ แล้วคุณล่ะ กอดคุณหม่อมคนน้องแน่น แบบนี้
ไม่เรียกให้ท่าแล้วค่ะ เขาเรียก“เนื้อบดเนื้อ” แล้วล่ะ”
พิชญาผละจากจันทรกานต์ ดาริการีบดึงจันทรกานต์มายืนช้างๆ จันทรกานต์มองอย่างอึ้งๆ ที่เห็นดาริกาหึงจริง
“ฉันกลับละ ทนภาษาต่ำๆ ของยัยนี่ไม่ได้”
พิชญาเชิดใส่ พลางขยับตัวจะเดินออกมา แต่ดาริกาเข้าประชิดตัวก่อน
“เดี๋ยว ถึงฉันจะต่ำ แต่มีคุณธรรมพอที่จะไม่ยุ่งกับอดีตผัวเธอ แต่กับคุณจันทร์ ผู้หญิงสูงๆ อย่างเธอ ก็ไม่ควรใจต่ำมาแย่งไปจากฉัน จำไว้คุณจันทร์จดลิขสิทธิ์ไว้กับฉันแล้ว”
“ลิขสิทธิ์บ้าอะไรของแก”
ดาริกายิ้มสะใจ “ลิขสิทธิ์หัวใจไงคะ “
พิชญาสะบัดหน้าไปทันที จันทรกานต์มองดาริกาอย่างทึ่ง
“เรียบร้อย ฮิฮิ ไงคะ บทเมียเก็บ ฉันตีบทแตกไหม ที่ฉันเล่นละครเมื่อกี๊”
จันทรกานต์ส่ายหน้า
“เปล่า คุณไม่ได้เล่น มันของจริงล้วน ๆ คราวนี้คุณหึงจริง หวงจริง ใช่ไหม หึงผมใจจะขาดอยู่แล้ว”
ดาริกาเขินที่ถูกจับได้ พลางจะแยกไป จันทรกานต์รีบดึงมากอด
“ชอบจัง เวลาคุณเขินแล้วหน้าแดงเนี่ย ไปเอามาจากไหนว่าผมจดลิขสิทธิ์หัวใจไว้กับคุณแล้ว คิดได้ไงเนี่ย มุกบ้านแต่ได้ใจมาก”
พูดจบก็หอมแก้มดาริกาฟอดใหญ่
อ่านต่อหน้า 4
ดาวเคียงเดือน ตอนที่ 10 (ต่อ)
อาร์ตี้ลืมตาตื่นขึ้นมา เห็นผู้หญิงในชุดสีขาว นั่งหวีผมอยู่หน้ากระจก ก็นึกว่าผีหลอก ผีสาวเคลื่อนตัวออกจากห้องตรงมาด้านล่าง
อาร์ตี้ค่อยๆ ย่องตามมา เห็นบ้านเงียบเชียบเหมือนบ้านร้าง เมื่อเหลือบมองไปทางห้องนั่งเล่น ก็เห็นเงาขาว ๆ แว่บหายไปหลังบานประตู อาร์ตี้ขนหัวลุก ค่อย ๆ เดินมาหน้าประตู แล้วกระชากประตูเปิดออก บ๊วย อาร์ท จัสติน ถลาออกมาพอดี อาร์ตี้ร้องลั่น
“เฮ้ย ผี ฉันโดนผีหลอก โดนหลอกกลางวันแสกๆ เลย ผีผู้หญิง ใส่ชุดขาว ผมยาว ไม่เห็นหน้า โน่นเข้าไปในห้องที่พวกแกออกมานั่นแหละ แกไม่เห็นอะไรเลยเหรอวะ”
ทั้งสามมองหน้ากัน แล้วก็ส่ายหน้า
“พี่ บ้านนี้ผู้หญิงผมยาว มีแต่พี่วรางค์เท่านั้นแหละ”
อาร์ตี้ตกใจ “พี่วรางค์ตายแล้วเหรอ”
“เจ๊ยังอยู่ แล้วก็อยู่ในห้องนั่นแหละ”
อาร์ตี้จะเข้าห้อง ทั้งสามรั้งไว้
“เดี๋ยวพี่ อย่าเพิ่งเข้าไปตอนนี้ รอให้พี่วรางค์เขาพร้อมก่อน”
ขาดคำ ป๊อบและนางออกมาจากห้อง หน้าตาระรื่น นางถือหวีและเครื่องสำอางบางชิ้นติดมือออกมาด้วย
ป๊อบเปิดประตูให้ อาร์ตี้เดินเข้าไปอย่างงง ๆ
วรางค์ ที่ยืนหันข้างให้ ผมยาวสลวย อยู่ในชุดเจ้าสาวสีขาวบริสุทธิ์ มือถือช่อบูเกท์น่ารัก ค่อย ๆ หันมาเต็มตัว พลางยิ้มละมุนละไม นางเข้ามาช่วยเปิดเวลคลุมหน้าออก อาร์ตี้ถึงกับตะลึง
“พี่วรางค์ครับ สวยอะไรอย่างนี้”
“จริงเหรอตี้”
อาร์ตี้ขมวดคิ้ว “แล้วเมื่อกี้พี่เข้าไปหลอกผีในห้องนอนทำไม”
“ไอ้บ้า ฉันเข้าไปหยิบของโว้ย เห็นแกตื่นฉันก็รีบเผ่นออกมา แล้วก็รีบมาให้น้องนางทำสวยอย่างที่แกเห็นนี่แหละ”
อาร์ตี้ยิ้มปลื้ม
“ แล้วก็สวยจริงๆ วันนี้พี่วรางค์สวยที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมา”
พูดจบก็เดินเข้าไปจับมือวรางค์
“และที่สวยที่สุดก็คือพี่ในชุดเจ้าสาวนี่แหละครับ พี่กำลังบอกอะไรผมหรือ”
วรางค์ยิ้มกว้าง
“เพื่อยืนยันไงตี้ ว่าฉันจะแต่งงานกับแก ฉันไม่เล่นตัว เล่นองค์อีกต่อไปแล้ว”
“หมายความว่าพี่ยินยอมพร้อมใจที่จะรับรักผม และแต่งงานกับผม โดยไม่มีข้อแม้ไม่มีพันธะ ไม่มี...”
วรางค์ถอนหายใจ “พอเลยตี้ พูดสั้นๆ ง่ายๆ ฉันพร้อมเป็นเมียแกแล้ว”
ป๊อบหันมายิ้มหวาน แล้วก็กอดนางที่ยิ้มเอียงอาย
“ผมเข้าใจแล้วละครับว่าพี่กับพี่วรางค์รักกันมากแค่ไหน และพี่ทั้งสองคนได้พิสูจน์ความรักครั้งนี้แล้ว”
อาร์ตี้ยิ้มร่า
“ใช่ครับ พี่วรางค์ เราได้พิสูจน์แล้วว่าเราเลิกรักกันไม่ได้ ความรักของเรามันยิ่งใหญ่เกินกว่าจะมีอะไรมาห้ามได้ ไม่ว่าตำแหน่งหน้าที่ความอคติ หรือเรื่องของวัย เพราะฉะนั้นขออนุญาตนะครับ”
ขาดคำอาร์ตี้ก็อุ้มวรางค์ แล้วพาออกจากห้อง ทุกคนรีบกรูตามกันออกมา
อาร์ตี้วางวรางค์ลงข้างๆ สระ แล้วคุกเข่าลงตรงหน้า บ๊วย อาร์ท จัสติน ป๊อบ และนางวิ่งตามออกมา ที่มุมบ้าน มีรถเข็นเตรียมเครื่องดื่มไว้เรียบร้อยแล้ว
“พี่วรางค์ครับ ผมขอพูดประโยคเดิม แต่งงานกับผมนะครับพี่ เฮ้ยแหวนล่ะ เอาแหวนมา แหวนอยู่ไหน”
ทุกคนส่ายหน้า วรางค์หยิบแหวนออกมาส่งให้อาร์ตี้
“พี่เก็บแหวนผมไว้ตลอดเวลาเหรอครับ”
“ไม่เคยทิ้งเลยจ๊ะ”
อาร์ตี้น้ำตาซึม “แต่งงานกับผมนะครับพี่”
วรางค์พยักหน้าช้าๆ “ค่ะ ฉัน นางสาววรางค์พร้อมจะแต่งงานกับคุณ คุณอาร์ตี้ที่รัก”
อาร์ตี้บรรจงสวมแหวนให้ว ก่อนจะลุกขึ้นแล้วกอดวรางค์ไว้แนบแน่น
วิวิทธิ์กำลังทานอาหารกับเด็กทั้งสาม อิงฟ้าอยู่มุมครัวมองมาเป็นระยะ เห็นรูปวาดบึงบัววางอยู่มุมห้อง
เด็กทั้งสามออกปากว่า อยากมาอยู่กับวิวิทธิ์ที่บ้าน แต่ต้องให้วิวิทธิ์กับอิงฟ้าอยู่ด้วยกัน
วิวิทธิ์เงยหน้ามองอิงฟ้า แล้วเดินมาหา
“แม่อิงฟ้าครับ เมื่อไหร่จะมาอยู่บ้านพ่อวิวิทธิ์เสียทีละครับ”
อิงฟ้าไม่ตอบได้แต่อมยิ้ม
“เด็กๆ รอไม่ไหวแล้วนะ เอ หรือว่าพ่อต้องรับเด็กมาเป็นลูกพ่อเสียก่อน แม่ถึงจะยอม มา อยากเป็นลูกพ่อกันไหม”
เด็กทั้งสามรีบพยักหน้ารับ อิงฟ้ายิ้มแป้น
“เดี๋ยว พูดจริงรึเปล่าคะ คุณจะรับเด็กทั้งสามคนเป็นลูกบุญธรรมคุณจริงๆ”
“จริงซิครับ เราจดทะเบียนแต่งกันปั๊บ ผมจะรับเจ้าสามตัวนี่มาเป็นลูกผมทันที”
อิงฟ้าน้ำตาคลอ
“คุณฟ้า ร้องไห้ทำไม”
“ปลื้มน่ะซิคะ ฉันอยากรับอุปการะแกมานานแล้ว พอคุณเห็นชอบด้วยแบบนี้ ฉันก็พร้อมแล้วเหมือนกันค่ะ ที่จะเป็นคุณแม่ให้พวกเขา ข้าวตู ข้าวตอก ดอกไม้ จะได้มีพ่อแม่จริงๆ เสียที”
“คุณฟ้า ขอบคุณมากครับ”
วิวิทธิ์กอดอิงฟ้าแน่น เด็กๆ เฮลั่น
“มาครับ ถ่ายรูปครอบครัวกัน”
“ตายแล้ว ยายฟ้ากลับไปหาเจ้าเลขาฯ หน้าบ้านนั่นอีกแล้ว”
คุณหญิงอรชรโวยวาย เมื่อเห็นภาพจากในมือถือ เป็นภาพอิงฟ้า วิวิทธิ์ถ่ายกับเด็กๆ ป้าแมวรีบป้อนข้อมูลเพิ่ม
“มีอีกเรื่องนะคะที่คุณได้ฟังแล้วจะต้องตกใจ ยายปุ๋มรายงาน”
“หนูได้ยินคุณฟ้าคุยโทรศัพท์เมื่อคืนค่ะ”
ปุ๋มเล่าถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาเมื่อวาน ขณะที่กำลังเอาผ้าที่รีดจะมาเก็บที่ห้องอิงฟ้า ช่วงที่อิงฟ้ากำลังคุยโทรศัพท์อยู่ที่เตียง
“คุยกับครูตุ้ยแล้วค่ะคุณวิวิทธิ์ ครูตุ้ยอนุญาตให้เรารับอุปการะ ข้าวตอก ดอกไม้ ข้าวตู มาเป็นลูก บุญธรรมของเราได้ค่ะ หลังจากเราแต่งงานกันแล้ว เราจะรับเด็กทั้งสามมาเป็นลูกเราทันที ดีใจจังเลย ฟ้าจะได้เป็นคุณแม่แล้ว”
ปุ๋มได้ยินก็อ้าปากค้าง
คุณหญิงอรชรยกมือทาบอก
“ตายแล้ว นี่ยายฟ้า มันอุตริจะรับเจ้าเด็กสามตัวนั่นมาเป็นลูกเลี้ยงจริง ๆ เหรอ แย่แล้ว ฉันรับไม่ได้
ให้เด็กข้างถนนมาเป็นหลานฉัน บางทียายฟ้า มันอาจจะให้เด็กใช้สกุลวรรณรัตน์ตามมันก็ได้นะ”
ป้าแมวพยักหน้าเห็นด้วย
“ว้าย อัปยศ เสื่อมเกียรติวรรณรัตน์หมดค่ะ คุณฟ้าต้องโดนเจ้าปลาจวดมันเสี้ยมมาแน่ ๆ”
“ใช่ มันคงรู้จุดอ่อนยายฟ้าเรื่องรักเด็ก มันถึงจะรับเป็นพ่อเด็กด้วย หลอกยายฟ้าให้แต่งกับมัน แผนมัน
สูงนัก”
คุณหญิงอรชรนิ่งคิดไปครู่หนึ่ง แล้วพูดต่อ
“ต้องตามหาพ่อแม่แท้จริงของมันให้เจอ แล้วให้มันรับเด็กคืนไป อุดเงินให้พ่อแม่มันให้หนำใจ ยายฟ้าจะไม่มีสิทธิ์ในตัวเด็กอีกเลย”
เมื่อป้าแมวย้อนถามว่าถ้าหาไม่เจอ หรือพ่อ-แม่เด็กตายไปแล้วจะทำอย่างไร คุณหญิงอรชร ก็บอกว่าถ้าเป็นแบบนั้น ก็ต้องหาคนอุปโลกน์ขึ้นมา
วรางค์ดูคลิปอาร์ตี้คุกเข่าสวมแหวนให้วรางค์ในมือถือ แล้วก็กรี๊ดลั่นต่อหน้านาง
“อะไรนะ มันคืนดีกันแล้วเหรอ ฉันจะไปเอาเรื่องพวกมันถึงที่บริษัทเลย อาร์ตี้สมควรมาทำงานกับฉัน ไม่ใช่ไปทำงานกับนังแก่วรางค์”
นางสวนขึ้นมาทันที
“คงไม่ใช่แค่ใช้งาน พี่ตี้ต้องทำหน้าที่ผัวให้พี่ด้วย อย่าเลยนะคะ เขารักกันจริง อย่าไปทำลายความรักเขาเลย สงสาร”
แพ็ทยิ้มเหยียด
“ไม่ต้องมาทำนางเอก ต่อไปนี้แกกับฉันต้องเป็นนางร้าย เราจะทำลายพวกมันทุกวิถีทาง ไม่ให้มันได้ผุดได้เกิด เข้าใจไหม”
พูดจบแพ็ทก็สะบัดเข้าห้องไป นางเบะปาก
ดาริกาถือแฟ้มเอกสาร พลางเคาะประตูห้องทำงานของจันทรกานต์ ก่อนจะเปิดเข้าไป ขณะที่ดารารายและแพ็ทกำลังหัวเราะกันอยู่กับจันทรกานต์ ที่มีท่าทางอึดอัด
ดารารายหันมามองดาริกาตาขวาง
“อ้อ แม่เลขาฯ นี่เอง ออกไปก่อนได้ไหมดาริกา คุณแพ็ทเขาจะคุยส่วนตัวกับคุณจันทร์”
แพ็ทปรายตามองอย่างดูแคลน ยิ้มหยัน ๆ จันนทรกานต์รีบท้วงไว้
“เดี๋ยวครับ ผมมีเอกสารด่วนต้องเซ็นไม่ใช่เหรอดาริกา”
“ใช่ค่ะ นี่ค่ะ”
ดาริการีบวางแฟ้มลงตรงหน้าจันทรกานต์ ส่วนดารารายกับแพ็ทก็คุยกันต่อเรื่องทำเลเปิดร้านของแพ็ท ก่อนจะสรุปว่าให้จันทรกานต์พาแพ็ทเดินชมสถานที่
“เดี๋ยวผมให้เซลล์ หรือไม่ก็วิวิทธิ์พาชมดีกว่านะครับ”
ดารารายรีบพูดสวนทันที
“ไม่ได้ ลูกต้องพาหนูแพ็ทไปดูเอง ตายจริง เสียมารยาทจัง ขอโทษหนูแพ็ทนะจ๊ะ ลูกชายน้าเป็นเสียอย่างนี้ ไป คุณจันทร์ พาน้องแพ็ทไปเดี๋ยวนี้เลย”
จันทร์กานต์เหลือบมาที่ดาริกา แต่อีกฝ่ายทำหน้าเฉย รับเอกสารแล้วกลับไปนั่งที่โต๊ะ
“ครับ เชิญครับคุณแพ็ท”
จันทรกานต์ลุกขึ้น แล้วไปเปิดประตูให้แพ็ท ก่อนออกตามไป
แพ็ทเดินควงจันทรกานต์ออกไป ผ่านห้องทำงานของคุณชายจันทร ที่ออกจากห้องมาพอดี พลางมองตามไปอย่างสงสัย
ดาริกาเริ่มกระสับกระส่าย เมื่อต้องเผชิญหน้ากับดารารายตามลำพังในห้อง
“รู้อยู่แก่ใจใช่ไหม ดาริกา ถึงฉันจะพลาดจากหนูอิงฟ้า แต่อย่านึกว่า ฉันจะไม่มีตัวเลือกอื่นให้ลูกชายฉัน
หนูแพ็ทเป็นตัวเลือกใหม่ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณจันทร์ในตอนนี้ ถ้าเธอยังดื้อด้าน ไม่ยอมไปจากชีวิตลูกชายฉันอีกล่ะก็ ฐานะของเธอมันก็คงต่ำยิ่งกว่าเมียเก็บแน่ ๆ”
ดารารายพูดโดยไม่ทันสังเกตว่าประตูห้องเปิดแง้มอยู่ และคุณชายจันทรกำลังมองเข้ามา
“อ้อ หนูแพ็ทเขาทราบเรื่องคุณจันทร์เป็นหมันแล้ว เขาไม่ติดใจอะไรเลยนะ”
ดาริกาลุกพรวดขึ้น
“ค่ะ เธอไม่ติดใจแน่นอน เพราะเธอกำลังวางแผนจับคุณจันทร์อยู่”
ดารารายถึงกับตกใจ “ว่าไงนะ”
“เธอคนนี้ทำได้ทุกอย่างค่ะ เพื่อที่จะจับผู้ชายไฮโซฐานะทัดเทียมเธอมาแต่งงานด้วย นี่ยังไม่รวมถึงผู้ชายอีกหลายคนที่เธอจ้องจับเพื่อใช้งานทั้งเรื่องธุรกิจและความต้องการส่วนตัว”
"นี่คงไปเอาข่าวลือในโซเชียลมาละซิ ฉันก็ได้ยินมาบ้าง แต่เรื่องเท็จทั้งนั้น”
ดาริกาเผชิญหน้ากับดารารายแบบไม่กลัวเกรง
“เรื่องของคุณแพ็ทในโซเชียล คุณท่านไม่เชื่อ แต่ที่คุณแพ็ทใส่ความหนูเรื่องที่หนูไปมั่วกับคุณวิวิทธิ์ เพื่อแกล้งยั่วคุณจันทร์ให้หึงเล่น คุณท่านกลับเชื่อ ไม่สองมาตรฐานไปหน่อยหรือคะ”
“ไม่ต้องมาวิจารณ์ฉัน เธอไม่มีสิทธิ์ แล้วเอามาจากไหนว่าหนูแพ็ท เป็นคนใส่ความหล่อน”
ดาริกาเบ้ปาก
“ไฮโซที่ทำเรื่องต่ำๆ โลโซได้ขนาดนี้ ก็มียัยคนนี้คนเดียวเท่านั้นละค่ะ โทษนะคะคนแบบนี้ หนูไม่นับถือ”
ดารารายจะด่าต่อ แต่จันทรกานต์โทร. เข้ามือถือ แล้วตามให้ดาริกาออกมา
“คุณจันทร์เรียกแล้วค่ะ ตาย แค่สิบนาทีเองก็ทนยายไฮโซแพ็ทไม่ได้แล้ว งั้นขอตัวก่อนนะคะ”
ดาริการีบออกจากห้องไป ดารารายโกรธจนตัวสั่น
ดาริกาออกมาเจอเข้ากับคุณชายจันทรพอดี
“ใจเย็นนะดาริกา มันต้องมีทางออกนะ เรื่องนี้”
ดาริการับคำ เช็ดน้ำตาแล้วแยกไป ดารารายเดินตามออกมา คุณชายจันทรรีบยืนยันกับดารารายว่า
เรื่องของแพ็ทที่ดาริกาเล่า เป็นเรื่องจริง
“เขาไม่ได้ลือกันแค่ในโซเชียลน่ะซี สังคมวงในเขาก็ลือกันแบบนี้ เขาลือกันขนาดที่ว่า....”
คุณชายจันทรกระซิบข้างหู ดารารายสะดุ้ง
“ไม่เชื่อค่ะ ตัวจริงน่ารักออกขนาดนี้ ทำงานก็เก่ง สืบต่อธุรกิจหลายร้อยล้านต่อจากคุณพ่อจนเจริญรุ่งเรืองกว่าเดิมอีก มันก็ต้องมีศัตรูบ้างเป็นธรรมดา เอาเป็นว่าฉันไม่เชื่อแม่ดาริกาค่ะ”
พูดจบดารารายก็เดินแยกไป คุณชายจันทรส่ายหน้าด้วยความอ่อนใจ
จันทรกานต์พาแพ็ทเดินทัวร์ส่วนที่กำลังตกแต่งอย่างเซ็งๆ แพ็ทแกล้งทำหน้าเศร้า
“คุณจันทร์คะ แพ็ทรู้นะว่าคุณโกรธเรื่องยัยเลขาฯ แต่อย่ามาโทษว่าแพ็ทกุข่าวขึ้นเองซิคะ แพ็ทฟังมาจากคนข้างนอกทั้งนั้น”
“ถ้าอย่างนั้นคนข้างนอกพวกนั้นก็คงไม่ใช่คนดีอะไรนัก ทีหลังก็อย่าไปฟัง แล้วก็อย่าไปลือต่อซิครับ เพราะคนที่เสียน่ะคือคุณ”
แพ็ทขัดใจ แต่แกล้งยิ้มหวาน
“ค่ะ ต่อไปนี้ไม่เชื่อใครแล้ว นอกจากคุณจันทร์คนเดียว”
ดาริกาเดินมาอีกทาง เห็นทั้งสองในระยะไกล เพชรเดินมาพอดี ดาริการีบออกปากให้เพชรเดินเข้าไปต้อนรับแพ็ท
เพชรตรงไปหาจันทร์และแพ็ททันที ดาริการีบพยักหน้าส่งสัญญาณ จันทรกานต์ได้ทีรีบโยนหน้าที่ให้เพชรดูแลต่อ แล้วเดินแยกไปกับดาริกาทันที
แพ็ทหงุดหงิดจะเดินแยกไป เพชรบ่นออกมาเป็นภาษากวางตุ้ง แพ็ทชะงัก แล้วเปลี่ยนท่าทีเป็นยิ้ม พลางพูดโต้ตอบกันเป็นภาษากวางตุ้ง แล้วก็หัวเราะกันครึกครื้น
จันทรกานต์พาดาริกามานั่งทานกลางวันด้วยกัน ดาริกานั่งเงียบคิดแต่เรื่องที่ดารารายพูดเมื่อครู่
“บางครั้งฉันก็เบื่อเหมือนกันนะคะที่ต้องมาทำหน้าที่แบบนี้ ฉันเหนื่อยน่ะค่ะ วันหยุดนี่ฉันขอลาพักร้อนสองวันนะคะ”
“งั้นหยุดตั้งสี่วัน จะไปไหนเหรอครับ ไปต่างประเทศกันไหม ผมว่าคุณต้องอยากไปเกาหลีแน่ๆ เลย”
ดาริกายิ้มเพลีย ๆ “ฉันจะกลับบ้านค่ะ”
จันทรกานต์ยิ้ม แล้วรีบบอกว่าอยากไปค้างด้วย แต่ดาริกาปฏิเสธ
“มันไม่เหมาะ คุณแม่คุณทราบเข้าจะเป็นเรื่องใหญ่ แล้วฉันก็ต้องรับหน้า ต้องตอบคำถามคุณแม่คุณอยู่ตลอด”
จันทรกานต์พยักหน้า
“เข้าใจแล้ว ที่เหนื่อยก็คือเรื่องนี้ใช่ไหมครับ”
“ค่ะ คงเข้าใจนะคะ เออ วันนี้ฉันไม่หิว ขอตัวก่อนนะคะ”
ดาริกาแยกไป จันทรกานต์มองตาม แล้วถอนใจ
กุสุมากับดาริกา กลับมาจากตลาด ขึ้นบันไดบ้านด้านหลังมาที่ส่วนครัว ก่อนที่สองแม่-ลูก จะลงนั่งจัด
ของ
“เฮ้อ ฟังแล้วก็กลุ้มใจ คุณดารารายเขาไม่รักใคร่ ไม่ชอบแกสักกะนิดเลยเหรอ”
“นอกจากไม่ชอบเขายังเกลียดหนูยังกะกิ้งกือไส้เดือน ใครมายุแยงอะไรเขาเชื่อไปหมด บางทีก็คิดเองเออเองหาเรื่องหนูต่างๆ นานา หนูจะทำอย่างไรดีแม่”
“ก็ต้องถามใจตัวแกเองละว่ารักคุณจันทร์เขาแค่ไหน ถ้ารัก แกก็ต้องอดทน แล้วให้คุณจันทร์เขาจัดการเรื่องแม่เขาเอง ดาว แกหันหน้ามาซิ”
ดาริกาหันมา น้ำตานองหน้า
“อ้าว ไม่ทันไร น้ำตาเป็นเผาเต่าเสียแล้ว งั้นแม่ก็รู้คำตอบแล้วละ รักเขามากละซิ”
ดาริกาพยักหน้า
“หนูถึงได้อึดอัดไง อยากจะลาออกวันละร้อยหน แต่ก็ออกไม่ได้ เป็นห่วงคุณจันทร์ ไม่มีหนูเขาจะทำยังไงกับชะนีร้ายๆ พวกนั้น เขาจะทำยังไงกับชีวิตเขา”
กุสุมาสวมกอดลูกสาว พลางบอกว่าถ้าจันทรทานต์จัดการเรื่องแม่ไม่ได้ ก็ต้องทำใจ แล้วตัดใจเสีย
ดาริกายิ่งสะอื้นหนัก กุสุมาหยิบกระดาษทิชชู่ส่งให้ลูกสาว ดาริกาเช็ดน้ำหูน้ำตา พลันก็เสียงดังเหมือนคนกำลังออกแรงบางอย่างเป็นจังหวะแว่วมาจากหน้าบ้าน ทั้งสองรีบลุกไปดู
ดาริกากับกุสุมา ออกมาหน้าระเบียงบ้าน ก็เห็นจันทรกานต์ อยู่ในชุดเสื้อกล้าม กางเกงนักมวย
กำลังเตะอัดกระสอบทรายอยู่ โดยมีตาทศยืนยึดกระสอบไว้ สองแม่-ลูก อุทานพร้อมกัน
“ว๊าย คุณจันทร์”
อ่านต่อตอนที่ 11