เสน่หาสัญญาแค้น ตอนที่ 16
ปานตะวันเดินหมดแรงมาเจออัครินทร์ที่เพิ่งทำงานเสร็จแล้วกลับมาถึง
อัครินทร์เห็นหน้าก็รู้ "คุณตะวัน!! เกิดอะไรขึ้น?”
ปานตะวันโผเข้ามาเกาะแขน "คุณอัค..ช่วยด้วยนะคะ..อย่าให้คุณนาคินทร์หรือคุณนัคทำอะไรเดือน"
"ทำอะไรคุณเดือน? หมายความว่ายังไงครับ?”
ปานตะวันมองหน้าอัครินทร์แบบไม่รู้จะพูดยังไง
ทั้งสองนั่งมองหน้ากันโดยนั่งตรงอยู่ตรงข้ามกัน ปานตะวันเพิ่งเล่าเรื่องจบ อัครินทร์มองแล้วก็ถอนใจก่อนจะพูดเรียบๆ
"ผมไม่เชื่อนะ..ว่าพี่คินจะกล้าทำอะไรคุณเดือน"
"คุณเห็นสิ่งที่เค้ากล้าทำกับฉันแล้ว คุณยังไม่เชื่ออีกเหรอคะว่าเค้าสามารถทำอะไรอีกก็ได้” ปานตะวันบอก
"พื้นฐานจิตใจพี่คินเป็นคนใจดี ใจอ่อน" อัครินทร์ว่า
"คนเราเปลี่ยนแปลงกันได้ค่ะ” ปานตะวันบอก
"ถ้าพี่คินแย่จริง เค้าไม่หลงรักคุณตะวันหรอกครับ" อัครินทร์บอก
ปานตะวันอึ้ง "อะไรนะคะ"
อัครินทร์ถอนใจ "ถ้าเค้าแย่จริง ถ้าเค้าโกรธเกลียดแค้นอาฆาตคุณเพียงอย่างเดียว เค้าคงไม่ปล่อยคุณไว้จนถึงวันนี้หรอกครับ"
ปานตะวันอึ้งไป
"พี่คินรักคุณตะวัน" อัครินทร์แอบเจ็บปวดนิดๆ "ทีนี้ก็อยู่ที่คุณตะวันแล้วล่ะ ว่ารัก พร้อมจะอภัย แล้วอยากจะช่วยดึงเค้าให้หลุดออกมาจากความแค้นฝังใจของเค้ารึเปล่า?”
ปานตะวันอึ้งและเกือบจะเห็นด้วย แต่พอนึกถึงความเจ็บปวดที่ได้รับก็น้อยใจและไม่เชื่อ
ปานตะวันยิ้มเยาะตัวเอง "นี่เป็นความคิดที่บริสุทธิ์ของคุณนะคะคุณอัครินทร์ แต่คงไม่ใช่ความคิดของคุณนาคินทร์"
ปานตะวันพูดจบก็ลุกออกไป ทิ้งให้อัครินทร์มองตาม
ประกายเดือนกำลังทำอาหารง่ายๆ กินเอง เสียงออดดังขึ้น
"นั่นไง สรุปว่าสั่งเอาง่ายกว่า มาส่งก่อนฉันจะทำเสร็จเองอีกต่างหาก เฮ้อ! แล้วฉันจะทำเองทำไมเนี่ย?” ประกายเดือนบอก
ประกายเดือนละมือจากอาหารตรงหน้าแล้ววิ่งจี๋ไปเปิดประตู เธอตกใจที่เห็นดอกไม้ช่อเบ้อเริ่มบังหน้าอยู่ ประกายเดือนทำหน้างงๆ ดอกไม้ถูกลดลงจนเห็นหน้านัครินทร์เต็มๆ
ประกายเดือนตกใจ "ท่านรองฯ!" ประกายเดือนจะรีบปิดประตูอัตโนมัติ
อัครินทร์เอามือดันไว้จนสามารถเข้ามาในห้องได้ "อะไรกันฮะ เห็นหน้าถึงกับจะปิดประตูใส่ รังเกียจอะไรกันขนาดนั้นฮะ"
"เอ่อ..ไม่ได้รังเกียจหรอกค่ะ..แต่..กลัว" ประกายเดือนพูด
"ผมไม่ใช่ผีนะฮะคุณ!" นัครินทร์ยื่นดอกไม้ให้ "ก็แค่อยากเอาดอกไม้มาขอบคุณ ตั้งแต่ที่แพคราวนั้นก็ยังไม่ได้ขอบคุณซะที"
ประกายเดือนหน้าเหวอ "ขอบคุณ ไม่ใช่อยากจะฆ่าฉันหรอกเหรอคะที่แกล้งให้คุณโดดน้ำจนป่วยน่ะ"
นัครินทร์ส่ายหน้า "ใครจะฆ่าคุณได้ลงคอ น่ารักออกอย่างนี้"
ประกายเดือนเหวออีกเพราะไม่อยากจะเชื่อ เธอมองงงๆ "นี่เชื้ออะไรในน้ำเข้าสมองคุณรึเปล่าคะท่านรองฯ?”
นัครินทร์งง "เชื้ออะไร?ไม่มี้"
ประกายเดือนไม่อยากจะเชื่อ "มันต้องมีซักนิดน่ะ!! อย่างน้อยมันต้องเข้าไปทำลายเชื้อพิษสุนัขบ้าในปากท่านรองฯออกบ้างแน่ๆ"
"แหม..ขอบคุณ..ผมจะถือเป็นคำด่าหรือคำชมดีล่ะฮะเนี่ย" นัครินทร์ว่า
"จริงนะคะ ปกติท่านรองฯปากจัดมาก" ประกายเดือนส่ายหน้า "เปลี่ยนไปเยอะนะ"
นัครินทร์ยิ้มๆ "คนเรา..มันเปลี่ยนกันได้อยู่น้า..ถ้าอยากจะเปลี่ยน..เพื่อใครซักคน"
ประกายเดือนอึ้งไปเพราะโดนเต็มๆ
ประกายเดือนอึกอัก "พูดอะไรคะเนี่ย ไม่ใช่แค่เปลี่ยนแล้ว เพี้ยนป่ะเนี่ย?”
อัครินทร์รวบเธอมากอดเลย "เพี้ยนตรงไหนฮะ? พูดดีๆ ก็ด่าว่าเพี้ยน พูดไม่ดีก็ด่าว่าปากจัดปากสุนัข"
"ปล่อยนะคะ" ประกายเดือนจ้องหน้า "อันนี้ไม่เปลี่ยนแล้ววิญญาณท่านรองฯ กลับมาแล้ว"
นัครินทร์ตัดสินใจ "อ่ะ!! ปล่อยก็ได้"
ประกายเดือนเหวอ
"จะได้รู้ว่าคนอย่างผมก็ไม่ธรรมดานะฮะ ถ้าไม่รัก..คุณจะต้องร้องว่า ‘เสียดาย’"
นัครินทร์พูดจบก็หอมแก้มฟ่อดแล้วบอก “กู๊ดไนท์” ก่อนจะวิ่งออกไปเลย
ประกายเดือนจับแก้มด้วยอาการเหวอๆ "อะไรอ่ะ?”
ประกายเดือนวางช่อดอกไม้ลงบนเตียงแล้วเอนตัวลงมองก่อนจะอมยิ้มนิดๆ
เธอนึกถึงตอนที่นัครินทร์แอบดูกางเกงในตอนเริ่มเข้ามาทำงาน ตอนที่นัครินทร์โดนบังคับให้กระโดดน้ำที่แพ ตอนที่นัครินทร์ไม่สบายแล้วประกายเดือนเข้ามากอดไว้ ตอนที่นัครินทร์พูด “คนเรามันเปลี่ยนได้อยู่แล้วถ้าจะเปลี่ยนเพื่อใครซักคน” แล้วนัครินทร์ก็หอมฟ่อด!!
ประกายเดือนยิ้มแฉ่งโดยไม่รู้ตัว
เช้าวันใหม่ ใบตองกำลังเขย่งสอยมะยมอยู่อย่างลำบาก นาคินทร์เดินมาเห็นก็ชะงักแล้วเดินมามอง
"ทำอะไรน่ะใบตอง" นาคินทร์ถาม
ใบตองสะดุ้ง "อุ่ย เก็บมะยมน่ะค่ะ จะเอาไปตำมะยมหรือไม่ก็จิ้มพริกเกลือค่ะ"
นาคินทร์กลืนน้ำลายก่อนจะอาสา "มา..ฉันช่วย"
"ว้าย!! ไม่ต้องหรอกค่ะคุณนาคินทร์ เดี๋ยวจะเปื้อนเปล่าๆ"
"ไม่เป็นไร..มา"
นาคินทร์หยิบไม้สอยมาเริ่มสอยมะยม ใบตองวี้ดว้ายดีใจแล้วก็วิ่งตามไปเก็บ
"เยอะมากเลยค่ะ" ใบตองหยิบมาเช็ดแล้วส่งเข้าปาก "ซี๊ด!!" ใบตองทำหน้าเปรี้ยวสุดขีดด้วยความสะใจ
นาคินทร์กลืนน้ำลายเยอะกว่าครั้งแรก "ไหน..ขอฉันชิมมั่งสิ"
ใบตองติดคอทันที "แค่กๆๆ" ใบตองตกใจ "อะไรนะคะคุณคิน"
"ขอชิมหน่อย"
"ไม่ได้หรอกค่ะ คุณคินทานไม่ได้หรอกค่ะ มันเปรี้ยว" ใบตองทำหน้าเปรี้ยวจริงจัง
นาคินทร์จกมะยมมากัดกร้วมทันที "อืมม์.." นาคินทร์ทำหน้าเปรี้ยวนิดนึง "อร่อยดี"
"ห่ะ!!" ใบตองตบอกตัวเอง "อร่อยดี ?”
นาคินทร์พยักหน้าแล้วยิ้ม "อืม" นาคินทร์จกมะยมมาเคี้ยวอีกเม็ดแล้วทำหน้าเปรี้ยวแต่ก็เคี้ยวไม่หยุด
ใบตองสยองขวัญมาก
สาวิตรีงงมาก
"พี่คินเนี่ยนะ..เคี้ยวมะยมกร้วมๆๆ"
ทุกคนนั่งอยู่ด้วยกัน ใบตองกำลังรายงานอยู่ ปานตะวันหันฟัง
"เห็นเต็มๆสองลูกกะตาเลยค่ะ" ใบตองยกถ้วยมะยมมาวางโชว์ "นี่ค่ะ..คุณคินมาช่วยใบตองเก็บมะยมนะคะ แล้วก็" ใบตองสาธิต "จกเคี้ยวกร้วมๆๆ" ใบตองทำหน้าเปรี้ยว "อย่างนี้เลยค่ะ"
ทุกคนทำหน้าแหย แต่ปานตะวันกลืนน้ำลายเอื้อกเพราะอยากกิน
สาวิตรีมองหน้านารถนรินทร์ "แม่ไม่อยากจะเชื่อ"
"นั่นน่ะสิคะ ปกติพี่คินไม่ชอบทานอะไรเปรี้ยวๆเลย" นารถนรินทร์ว่า
"อย่างนี้มันก็ต้องไม่ปกติแล้วล่ะค่ะ วันก่อนก็โอ๊กอ๊ากลั่นบ้าน วันนี้ก็จกมะยมกร้วมๆ นี่ถ้าเป็นผู้หญิงนะคะ แถวบ้านใบตองต้องบอกว่า’ท้อง’.. ฟันธง!”
ปานตะวันสะดุ้ง
สาวิตรีทวนคำ "ท้อง?”
"บ้าแล้วพี่ใบตอง พี่คินเค้าเป็นผู้ชายนะคะไม่ใช่ผู้หญิง"
"ก็ไม่รู้แหละคะ..ถ้าไม่ได้ท้องเองก็แพ้ท้องแทนเมีย" ใบตองบอก
ปานตะวันสะดุ้ง
"แพ้ท้องแทนเมีย?” สาวิตรีทวนคำ
"พี่ใบตอง พูดอะไรก็ไม่รู้" นารถนรินทร์พูดกับปานตะวัน "พี่ตะวันคะ ไม่จริงนะคะ อย่าไปฟังพี่ใบตองพี่คินไม่มีเมีย ไม่มีผู้หญิงที่ไหน ไม่ได้ทำใครท้องซะหน่อย"
ปานตะวันร้อนตัวก็ทำหน้าแทบไม่ถูก "เอ่อ..ค่ะ"
สาวิตรีแคร์ปานตะวัน "จริงๆ ..ไปเลยแม่ใบตอง เธอจะเอามะยมพวกนี้ไปตำจิ้มพริกกะเกลืออะไรของเธอก็รีบไปเถอะไป๊!”
"แหม..แค่นี้ก็ไล่" ใบตองบ่น
ใบตองรวบถ้วยมะยมออกไป ปานตะวันมองตามตาละห้อยแล้วกลืนน้ำลายเอื้อกอยากกินด้วยความเปรี้ยวปาก
"สงสัยพี่คินจะไม่สบาย..จริงมั๊ยค่ะคุณแม่" นารถนรินทร์ขยิบตาให้แม่
"หา.อ่อๆ..จ๊ะ..นั่นสิ..หมู่นี้พี่คินคงทำงานหนัก"
"พี่อัคก็ไม่อยู่ ไม่งั้นจะให้ตรวจดูพี่คินนะคะ..คุณแม่?”
สาวิตรี Get "ไม่เป็นไรนี่?? คุณหมอไม่อยู่ แต่เรามีคุณพยาบาลอยู่ทั้งคน"
ปานตะวันรู้สึกงานจะเข้า
"นารถทำกายภาพเสร็จแล้ว ถ้าพี่ตะวันไม่ติดอะไรรบกวนช่วยดู พี่คินให้หน่อยได้มั้ยค่ะ"
ปานตะวันจะปฏิเสธ “..เอ่อ..”
"หนูตะวันช่วยหน่อยนะจ๊ะลูก? ถ้าหนักหนายังไงจะได้พาส่ง รพ.”
ปานตะวันจนแต้ม สองแม่ลูกแอบยิ้มให้กัน ปานตะวันลำบากใจ
นาคินทร์เอนครึ่งนั่งครึ่งนอนพักผ่อนอยู่ ปานตะวันเดินๆมาเห็นก็ชะงักแล้วชั่งใจ ทันใดนั้นนาคินทร์ก็เริ่มรู้สึกพะอืดพะอมและคลื่นไส้ เขาลุกขึ้นนั่งแล้วทำท่าเหมือนจะอาเจียน ปานตะวันรีบจ้ำเข้ามาหา
"เป็นยังไงบ้างคะ?”
นาคินทร์หันขวับ "ไม่ต้องมายุ่ง"
นาคินทร์ก็ตัวโก่งทำท่าจะอาเจียน ปานตะวันรีบคว้าถังขยะแถวนั้นมาเตรียมรอไว้แล้วจะช่วยลูบหลัง
นาคินทร์ปัดทันที "บอกว่าไม่ต้อง!" ทันใดนั้นนาคินทร์ก็ "โอ้ก!!”
นาคินทร์เกาะถังขยะแล้วโก่งคออาเจียนสุดฤทธิ์ ปานตะวันเห็นแล้วก็แอบสงสารที่เขาแพ้ท้องแทนเมีย ปานตะวันยกมือขึ้นลูบหลัง นาคินทร์ยังมิวายเบี่ยงตัวหลบด้วยทิฐิ
"อย่ายุ่ง..โอ้ก!!!ลูบหลังหน่อย..เร็ว!! โอ้ก!!” นาคินทร์เรียก
ปานตะวันเหวอว่ายังไงวะเนี่ย ปานตะวันแอบค้อนก่อนจะลูบหลังให้อย่างรัวๆ นาคินทร์ร้องโอ้ก
นาคินทร์ทิ้งตัวลงนอนด้วยความหงุดหงิด
"นายมาก็ดีแล้วตกลงฉันเป็นอะไรห๊ะ..นายอัค?”
ปานตะวันมองหน้าอัครินทร์ทันที
อัครินทร์ชั่งใจก่อนจะตอบ "ไม่ได้เป็นอะไรมากช่วงนี้พี่คินเครียดไปรึเปล่า? นอนมากๆหน่อยอย่าดื่มเยอะ ออกกำลังกายบ้าง"
"แค่นี้เหรอ?”
"ก็.." อัครินทร์พยักหน้า
ปานตะวันรู้สึกอึดอัดที่อยู่ตรงนั้น "ตะวันขอตัวนะคะจะไปดูคุณนารถ"
ปานตะวันพูดจบก็เดินออกไปเลย
"พี่คิน..ตกลงเรื่องคุรตะวันพี่จะว่าไง?”
"ว่าไง?เรื่องอะไร?”
"พี่ไม่ได้รักเค้า พี่จะหวงเค้าไว้ทำไม"
"แล้วแกแน่ใจเหรอว่าแกรักเค้า"
"แน่ใจ" อัครินทร์ถาม
"ก็แกแค่หลง ไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมผู้หญิงคนนี้" นาคินทร์ว่า
"ผมว่าคุณตะวันเป็นคนดี บางทีพี่อาจจะมองเค้าผิดไป" อัครินทร์บอก
นาคินทร์รีบค้าน "ไม่ผิด!!ไม่มีทางผิด!”
"หรือไม่ก็อาจจะเข้าใจอะไรผิด" อัครินทร์บอก
"นี่แกพูดอะไร? แกรู้อะไรมา?” นาคินทร์ถาม
อัครินทร์ส่ายหน้า "ผมก็พูดกว้างๆทั่วๆ ไป"
นาคินทร์เมินหน้า
"ที่ผ่านมา นอกจากพี่กนกแล้ว ผมก็เห็นคุณตะวันนี่ล่ะที่ก้าวเข้ามาในชีวิตพี่คิน" อัครินทร์บอก
"นายอัค!! อย่าเอาผู้หญิงคนนั้นมาเทียบกับกนก" นาคินทร์ว่า
"พี่เสียพี่กนกไปแล้ว แน่ใจเหรอว่าจะทนได้ ถ้าต้องเสียคุณตะวันไปอีกคน"
"นายอัค!”
"บางที จากเป็นมันอาจจะเจ็บปวดยิ่งกว่า จากตายก็ได้นะครับ"
นาคินทร์อึ้ง อัครินทร์มองหน้านาคินทร์ นาคินทร์มองอัครินทร์ก่อนจะเมินหน้าไป นาคินทร์คิด
ปานตะวันนั่งเหม่อแล้วแอบเอามือลูบท้องตัวเองเบาๆ นาคินทร์แพ้ท้อง ปานตะวันช่วยลูบหลัง ปานตะวันเศร้า
ปานตะวันไม่รู้จะทำยังไงดี "ลูกจ๋า..แม่ของโทษ..อย่าโกรธแม่เลยนะ..แม่จะเลี้ยงลูกให้ดีที่สุดถึงแม้..ลูกของแม่จะไม่มีพ่อก็ตาม"
ปานตะวันน้ำตาหยด
นาคินทร์นั่งคิด
ภาพเหตุการณ์ตอนที่อัครินทร์พูด “ พี่เสียกนกไปแล้วแน่ใจเหรอว่าจะทนได้ ถ้าต้องเสียตะวันไปอีกคน”
นาคินทร์นั่งคิด
ภาพตอนที่อัครินทร์พูด “บางทีจากเป็นมันอาจจะเจ็บปวดยิ่งกว่าจากตายก็ได้นะครับ”
นาคินทร์ถอนใจก่อนจะเอนหลังพิงเก้าอี้แล้วเหม่อมองไปไกล
เช้าวันใหม่ ทุกคนรุมกันอยู่ที่โต๊ะทำงานปาริฉัตร โดยทุกคนต่างมีอาการตื่นตระหนกตกใจ บ้างก็ตื่นเต้นกับสิ่งที่เพิ่งได้ยิน เพราะปาริฉัตรแฉเรื่องนาคินทร์ซื้อรถให้ประกายเดือนอยู่
จามจุรีกุมอก "คุณพระช่วย! ไม่น่าเล้ยย"
"นั่นไง!! มาไว เคลมไว จริงๆ..แม่นางตะกายเดือน" มอลลี่ว่า
"เค้าชื่อประกายเดือน" ลูกกอล์ฟบอก
มอลลี่ขัดใจ "หึ้ย! ไอ้ลูกกอล์ฟ!! ขนาดนี้ไม่ใช่แค่ ‘ประกาย’ แล้วเว๊ย “ตะกายเดือน” ชัดๆ"
ประกายเดือนเดินมาชะงักฟังโดยยังไม่มีใครเห็น
"แต่เดี๋ยวนะ..หนูฉัตรได้ยินอะไรผิดมารึเปล่า? เพราะฉันว่าคนที่จะซื้อรถให้หนูตระกาย เอ้ย! ประกายเดือนน่ะ น่าจะเป็นท่านรองฯ มากกว่าท่านประธานนะ"
"อ่า..คุณเจเจคะ..เรื่องนี้มอลลี่มีคำอธิบาย" มอลลี่บอก
"ว่า..”
"ว่า..ถ้าจะเปรียบพี่น้อง 2 คนนี้ คนน้องก็เหมือนกับคนกินมูมมามกินเสียงดังแต่..." มอลลี่โยนให้
ลูกกอล์ฟรับ "ยังไม่ได้กินซะที"
"ถูก!! แต่คนพี่นี่สิเด็ดค่ะ จดๆ จ้องๆ มองๆ แล้วตระครุบหมับ" มอลลี่ว่า
ลูกกอล์ฟรับ "จับกินได้ก่อนใคร"
"ถูก!! แถวบ้านเรียกว่า “กินเงียบ”
จามจุรีอึ้ง ตะลึง และไม่อยากจะเชื่อ "โธ่!..ท่านประธาน..”
ปาริฉัตรตาวาวทันทีหลังจากฟังเงียบๆ ด้วยความพึงพอใจมานาน "นี่!! อย่าพูดถึงท่านประธานอย่างนั้นนะ ต้องโทษผู้หญิงถึงจะถูก ผู้ชายคนไหนโดนมารยาห้าร้อยเล่มเกวียนของผู้หญิงแบบนั้นเข้าไปก็พลาดได้ทั้งนั้น"
ประกายเดือนถาม "เหรอ?”
อ่านต่อหน้าที่ 2
เสน่หาสัญญาแค้น ตอนที่ 16 (ต่อ)
ทุกคนสะดุ้งหันไปมองประกายเดือน
มอลลี่เสียงหวานทันที "คุณเลขาฯน้องเดือนขาาาาา วันนี้ทำไมมาทำงานสายกว่าพี่มอลลี่ล่ะคะ?? ยังขับรถใหม่ไม่คล่องเหรอค้าาาา คิกๆๆ" มอลลี่ขำกับลูกกอล์ฟ
ประกายเดือนเสียงแข็งใส่แต่ตาจ้องปาริฉัตร "รถเมล์ไม่จอดป้าย"
ปาริฉัตรงง "อ้าว?”
ประกายเดือนจ้องและเดินเข้าหาปาริฉัตร
ประกายเดือนมองปาริฉัตร แต่ปากถามจามจุรี "คุณเจเจคะ ศีลข้อ 4 ว่าไงนะคะ"
จามจุรีสะดุ้ง "มะ..มะ..มุสาวาทาเวระมนี สิชาปะทัง สะมาทิยามะ"
มอลลี่กับลูกกอล์ฟรับพร้อมกัน "มิ!!”
จามจุรีสะดุ้ง "มิจ๊ะมิ"
ประกายเดือนจ้องปาริฉัตร "พูดจาโกหก พูดจาส่อเสียดใส่ร้าย ทำให้ผู้อื่นเสียหาย มันเป็น" ประกายเดือนพูดใส่หน้า "บาป!!" ประกายเดือนหันไปพูดใส่หน้ามอลลี่กับลูกกอล์ฟ "บาป!! บาป!!”
ปาริฉัตรขยับจะลุยแต่เสียงนาคินทร์ดังมาจากอินเตอร์คอมเสียก่อน
"คุณฉัตรครับ ช่วยตามคุณประกายเดือนมาพบผมด้วยนะครับ"
ปาริฉัตรชะงัก ทุกคนตาโตวาว
ประกายเดือนยิ้มเยาะยั่วทันที "โทษนะ!! ขอตัวนะ!! ไม่ว่างทะเลาะด้วยแระ!! ท่านประธานเรียก"
ประกายเดือนหลิ่วตาให้ปาริฉัตรแล้วเดินสะดิ้งเข้าประตูไป ปาริฉัตรอึ้ง มอลลี่กับลูกกอล์ฟตาวาวและอ้าปากค้าง จามจุรีส่ายหน้าเพราะไม่อยากจะเชื่อ
มอลลี่ประกบปาริฉัตรทันที "แถวบ้านเรียกเยาะเย้ย หยามน้ำหน้าค่ะ..น้องฉัตร!!”
"ดู๊!! แต่เช้าเลยอ่ะ?” ลูกกอล์ฟว่า
"อึ๋ย..บัดสีบัดเถลิง..ไอ้ลูกกอล์ฟ" จามจุรีบอก
"จริ้ง..เรียกเข้าห้องแต่เช้า!!”
ปาริฉัตรเคืองมาก
นาคินทร์ทำฟอร์มผิดหวัง
นาคินทร์ส่ายหน้าน้อยๆ "พี่สาวคุณไม่น่าคิดมากขนาดนั้นเลย"
"ก็.." ประกายเดือนพูดไม่ออก "ตะวันเค้าก็งี้แหละค่ะ" ประกายเดือนแอบขำพี่ "สวยเริ่ดเชิดหยิ่ง ทะนงและรักศักดิ์ศรี"
นาคินทร์ไม่ขำด้วยเพราะไม่เห็นด้วยเลยซักนิด
ประกายเดือนพูด "อุ่ย..ขอโทษค่ะ..พูดเล่นขำๆ น่ะค่ะ"
นาคินทร์รู้สึกตัวว่าหน้ายักษ์ก็แกล้งทำยิ้มๆ "จริงนะครับ ท่าทางพี่สาวคุณจะหยิ่งทะนงและรักศักดิ์ศรีจริงๆ"
ประกายเดือนยิ้มก่อนจะพยักหน้ายืนยัน
"น่าสงสารนายนัค" นาคินทร์โพล่งออกมา
"ท่านรองฯ?? สงสารเรื่องอะไรคะ?” ประกายเดือนถาม
"จริงๆ แล้วเป็นนายนัคที่หวังดีต่อคุณ" นาคินทร์บอก
ประกายเดือนงง "คะ?”
"นายนัคเป็นห่วงที่เห็นคุณต้องโหนรถเมล์ไปไหนมาไหน ก็เลยมาขอให้ผมซื้อรถให้คุณ" นาคินทร์บอก
ประกายเดือนอึ้ง
นาคินทร์เห็นอาการประกายเดือนก็รีบไซโค "นี่ถ้าน้องชายผมมันรู้ว่าคุณปฏิเสธไม่รับความหวังดีของมัน ล่ะก้อ.." นาคินทร์ถอนหายใจเฮือก "คงเสียใจแย่"
ประกายเดือนได้ยินก็หน้าจ๋อยไป นาคินทร์พอใจที่ปั่นหัวประกายเดือนได้
ปานตะวันยื่นมือรอนารถรินทร์ที่ค่อยๆ เดินมาจับ
ปานตะวันลุ้นเอาใจช่วย "มาค่ะ..มาหาพี่ตะวัน"
นารถนรินทร์กัดฟันตั้งใจแล้วค่อยๆ ก้าวเดินช้าๆ 3 - 4 ก้าว สุดท้ายก็โผเข้าสู่อ้อมกอดปานตะวันได้ สองสาวดีใจกันยกใหญ่
นารถนรินทร์ปลื้มจนน้ำตารื้น "นารถทำได้จริงๆ นารถเก่งมั้ยคะพี่ตะวัน"
"เก่งมากเลยค่ะ น้องนารถเก่งมาก" ปานตะวันบอก
"อีกไม่กี่เดือน พี่วิทย์ก็จะกลับมาแล้วนารถจะเดินให้พี่วิทย์ และทุกคนเห็นในวันแต่งงานได้ทันมั้ยพี่ตะวัน"
"ทันสิคะ.. ต้องทันแน่นอนคะน้องนารถ" ปานตะวันบอก
นารถนรินทร์กอดปานตะวัน "นารถรักตะวันที่สุดเลยค่ะ"
ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูก๊อกๆ ก็ดังขึ้น ปานตะวันรีบพานารถนรินทร์ขึ้นไปนั่งบนเตียง
เสียงใบตองดังเข้ามา "คุณนารถขา..คุณนารถ..เปิดประตูหน่อยค่ะ"
ปานตะวันรีบวิ่งไปเปิดประตู ใบตองเดินเข้ามาทำสายตาวิบวับ
"แหม..มีความลับอะไรกันคะ? ทำไมหมู่นี้ล็อคประตู บ๊อยบ่อย" ใบตองบอก
"ไม่มีอะไรหรอกค่ะ พี่ใบตองแหละมีอะไรก็ว่ามานารถอยากจะพักผ่อนแล้ว"
ใบตองเหล่ด้วยสายตาวิบวับ "แน่ใจเหรอค่ะว่าอยากพักผ่อน"
นารถนรินทร์ตาเขียว "ถ้าไม่บอก..ก็รีบออกไปใน 3 วิ" นารถนรินทร์นับเลย “1 - 2 - ….”
นารถนรินทร์กำลังจะนับ “ 3” พี่วิทย์ก็โผล่มายืนยิ้มหล่อ
นารถนรินทร์อึ้งและช็อค "พี่วิทย์?" นารถนรินทร์น้ำตารื้นด้วยอาการดีใจ "พี่วิทย์ จริงๆด้วย!!”
"น้องนารถ!” วิทย์พุ่งเข้ามากอดนารถนรินทร์แน่น
ปานตะวันอึ้งและซึ้งกับภาพที่เห็น ใบตองลุ้นจนตัวบิดเป็นเกลียว วิทย์กับนารถนรินทร์กอดกันแน่น
ขนมเค้กถูกวางลงตรงหน้าวิทย์โดยที่ทุกคนรวมตัวกันอยู่
"วิทย์จ๋าวิทย์ วิทย์นี่น่าตีจริง จู่ๆก็โผล่มาแบบนี้ แม่ก็ไม่ทันได้เตรียมจัดเมนูชุดใหญ่ไว้ต้อนรับนะสิจ๊ะ" สาวิตรีตีเบาๆ "ประเดี๋ยวไม่ยกลูกสาวให้ซะเลย"
วิทย์รีบยกมือไหว้ขอโทษ "ผมขอโทษครับ ผมแค่อยากเซอร์ไพรส์น้องนารถ คุณแม่ไม่ยกน้องนารถให้ผมไม่ได้นะครับ ผมไม่ยอม"
"แหม..นารถไม่ยอมค่ะ คุณแม่ยกแล้วต้องยกเลย"
"ยัยนารถ!!! เป็นสาวเป็นนางออกตัวแรงเกินเหตุนะเธอ" นัครินทร์ว่า
"ยุคนี้ ไม่แรงไม่ได้แล้วค่ะ เคยได้ยินมั้ยคะ ณ จุดนี้ ความเร็วเป็นอาวุธที่สำคัญที่สุด" นารถนรินทร์ว่า
"นี่!! ช้าบ้างไรบ้างก็ได้ ดูอย่างใบตองซิ..อยู่มาจนป่านนี้" อัครินทร์บอก
ใบตองสะดุ้ง "เอ๊า!!ใบตองคนเดียวที่ไหนคะ? นี่..คุณตะวันก็เหมือนกัน"
ปานตะวันสะดุ้ง
"เดี๋ยวเถอะพี่ใบตอง อย่ามาว่าพี่ตะวันของนารถนะ" นารถนรินทร์ยิ้ม "รับรอง...ว่าพี่ตะวันเค้าก็อีกไม่นานหรอก..จริงมั้ยคะพี่คิน?”
นาคินทร์กับปานตะวันมองหน้ากันก่อนจะเมินใส่กัน
"พูดอะไร ยัยนารถ" นาคินทร์ว่า
ทุกคนยิ้มขำยกเว้นอัครินทร์
"หรือจะพร้อมกับนารถซะเลยก็ดีนะคะคุณพ่อคุณแม่"
พ่อแม่มองหน้ากันแล้วอมยิ้ม นาคินทร์ทำหน้านิ่ง ปานตะวันทำหน้าไม่ถูก ขณะที่ทุกคนครื้นเครง ยกเว้นอัครินทร์
"ว่าแต่..งานแต่งของผมกับน้องนารถ..” วิทย์พูด
นารถนรินทร์สะดุ้งแล้วรีบพูด "ยังนะคะ!! ยังไม่แต่งตอนนี้นะคะ"
"อ้าว..ทำไมล่ะครับน้องนารถ พี่พร้อมจะให้คุณพ่อ คุณแม่ของพี่มาพบ คุณพ่อ คุณแม่ของน้องนารถได้เลยนะครับ" วิทย์บอก
"ผู้หญิงนี่ยังไงนะ? ไอ้ตอนเค้าไม่แต่งก็บ่นแง๊วๆๆ ว่าเมื่อไหร่จะแต่ง พอเค้าจะแต่งก็บอกให้รอก่อน ไงฮะเนี่ย?” นัครินทร์ว่า
นารถนรินทร์มองปานตะวัน "เอ่อ..คือ..คือ..นารถยังไม่พร้อมน่ะค่ะ นารถขอเวลาอีกซักนิดนึงนะคะพี่วิทย์"
วิทย์ยิ้ม "ไม่มีปัญหาครับ ทุกอย่างแล้วแต่น้องนารถ"
นารถนรินทร์ยิ้มแฉ่งด้วยความโล่งอก เธอเหลือบมองปานตะวัน ปานตะวันยิ้มให้กำลังใจก่อนจะเหลือบมองนาคินทร์ นาคินทร์เมินไป อัครินทร์เห็นใจปานตะวัน
ปานตะวันเดินเศร้าๆ มานั่งลง สักพักอัครินทร์ก็เดินมานั่งลงตรงข้าม
"แต่งงานกับผมเถอะครับ?” อัครินทร์ขอ
ปานตะวันตกใจ "คุณอัค!”
อัครินทร์ยิ้ม "แต่งพร้อมยัยนารถซะเลยก็ดีเหมือนกันนะครับ"
"อย่าพูดเล่นอย่างนี้สิคะคุณอัค" ปานตะวันว่า
"ผมไม่ได้พูดเล่น หมั้นก็ได้ เผื่อจะกดดันให้พี่คินยอมเผยความรู้สึกจริงๆ ออกมาซะที"
ปานตะวันส่ายหน้าน้อยๆ "ชีวิตจริงนะคะ..ไม่ใช่ละคร"
"บางที..ชีวิตจริงก็ยิ่งกว่าละครนะครับ" อัครินทร์ย้อนถาม "ไม่ใช่เหรอครับ"
ปานตะวันอึ้งก่อนจะพยักหน้า "ก็จริงค่ะ.." ปานตะวันพึมพำ "ยิ่งกว่าละคร"
"คุณจะปล่อยให้มันเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ เหรอครับ? ไม่คิดถึงลูก..”
ปานตะวันรีบเอามือปิดปากอัครินทร์แล้วรีบพูด "คุณอัค!" ปานตะวันเหลียวซ้ายแลขวา "เดี๋ยวใครได้ยินเข้า"
อัครินทร์ไม่พูดต่อ
ปานตะวันถอนใจ "คุณจะให้ฉันลุกขึ้นมาทำอะไรเหรอคะ? คุณนาคินทร์เกลียดฉันยิ่งกว่ากิ้งกือไส้เดือนต่อให้คุณแต่งงานกับฉัน มันก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น มันกลับทำให้แย่ลงด้วยซ้ำฉันยิ่งต้องดูต่ำลงไปอีกในสายตาของเค้า"
"ไม่จริงเหรอครับ พี่คินรักคุณ" อัครินทร์บอก
ปานตะวันอึ้งไปนิดก่อนจะยิ้มสมเพชตัวเอง "รักฉัน?!" ปานตะวันส่ายหน้าก่อนจะฮึดแล้วลุกขึ้นยืน "ฉันจะพยายาม ดูแลคุณนารถให้ดีที่สุด ให้หายเร็วที่สุด ฉันจะได้ไปจากที่นี่เร็วที่สุด ก่อนที่.." ปานตะวันเอามือจับท้อง "ก่อนที่ทุกคนจะรู้เรื่องนี้"
อัครินทร์อึ้ง
ปานตะวันจะเดินออก เธอนึกได้ก็หันมา "ฉันหวังว่า..คุณจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ..ตลอดไป..นะคะคุณอัครินทร์"
พูดจบปานตะวันก็เดินอกไป ทิ้งให้อัครินทร์มองตาม
ปานตะวันเดินกลับมาเห็นนาคินทร์นั่งอยู่ก็ชะงักแล้วจะไปอีกทาง
"เดี๋ยว!!”
ปานตะวันหยุดอย่างเซ็งๆ เพราะรู้ว่าจะโดนหาเรื่อง
นาคินทร์พูด "ผมจ้างคุณมาดูแลยัยนารถ ทำให้ยัยนารถเดินได้ แต่จนป่านนี้ก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้า จนนายวิทย์กลับมาแล้ว" นาคินทร์ส่ายหน้า "ก็วันๆ มัวแต่ไปหว่านเสน่ห์ให้ผู้ชาย"
ปานตะวันไม่พอใจ "คุณนาคินทร์"
นาคินทร์สวน "จู๋จี๋กับนายอัคเสร็จแล้วก็รีบไปดูแลยัยนารถได้แล้ว"
ปานตะวันสวนบ้าง "ฉันรู้หน้าที่ของฉันดี!! และฉันก็อยากจะให้คุณนารถเดินได้ใจจะขาด!! ฉันจะได้ไปๆ ให้พ้นจากที่นี่ซะที"
ปานตะวันพูดจบก็เดินไปทันที
นาคินทร์อ้าปากจะชวนทะเลาะต่อแต่ก็ไม่ทันแล้ว เขาแอบเคืองที่เธออยากจะไปให้พ้นๆ ก่อนจะของขึ้น "ตราบใดที่ฉันยังไม่ปล่อย เธอก็ไปไม่ได้ ปานตะวัน"
แพรวพรรณรายนอนหนังสือ BLOOD GROP IN THAI อยู่ โดยมีประกายเดือนอยากรู้อยากเห็นอยู่ข้างๆ
“‘กรุ๊ป โอ’ เวลาอารมณ์ดีก็ดีใจหาย แต่เวลาร้ายก็ร้ายเว่อร์ๆ" แพรวพรรณรายตาโตหันมองหน้าประกายเดือน "เฮ้ย?”
ประกายเดือนกริ๊ด "แม่นอ่ะ..แม่นอ่ะ" ประกายเดือนเร่ง "อ่านต่อๆ"
"เกลียดการดูถูกเข้ากระดูกดำ รักอิสระ ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ ยิ้มง่าย รักพวกพ้อง" แพรวพรรณรายตาโตหันมองหน้า
ประกายเดือนกริ๊ดกับแพรวพรรณราย "แม่นอ่ะๆ" ประกายเดือนนึกขึ้นได้ "ดูผู้ชายมั่งดีกว่าพี่พิงค์"
"ผู้ชายไหน?”
"แหมะ!! ก็คุณหมออัคฯ สิจ๊าา?”
แพรวพรรณรายแอบอาย "บ้า! จะไปรู้เหรอ อีตาเบื้อกนั่นเลือดกรุ๊ปอะไร?”
ประกายเดือนขำ “AB!”
"รู้ได้ไงว่า AB”
"ก็แหม..วันก่อนที่เค้าให้เลือดตะวันไง ตะวันกรุ๊ป AB” ประกายเดือนบอก
ภาพถุงเลือดปานตะวันเขียนว่า AB แวบมา
แพรวพรรณรายตาโต "เออ..จริงด้วย"
ประกายเดือนกระชากหนังสือมาอ่านทันที "กรุ๊ป AB..การเข้าถึงจิตใจคนกรุ๊ปนี้ค่อนข้างยาก เป็นพวกคิดซับซ้อน ไม่ค่อยไว้ใจคน"
ประกายเดือนหันมองแพรวพรรณรายที่หน้าจ๋อยไป
ประกายเดือนอ่านต่อ "แต่.." ประกายเดือนอมยิ้ม "แต่ถ้าลองเชื่อใจใครแล้ว..ยอมทำทุกอย่างให้เลยทีเดียว..ฮิ้วว"
แพรวพรรณรายจิกหมอน
ประกายเดือนอ่านต่อ "ภายนอกคนอื่นอาจมองว่านิสัยคนกรุ๊ปนี้ดูเป็นผู้ใหญ่ แต่จริงๆ แล้วภายในยังเป็นเด็กอยู่ตลอดเวลา เกลียดเรื่องยุ่งยาก ชอบคิดอะไรในสิ่งที่คนอื่นเค้าไม่คิดกัน" ประกายเดือนตาโต "นี่ๆๆ..ฟังนะ..เวลามีแฟนจะโรแมนติกกว่าเดิม ทำทุกอย่างเพื่อแฟน"
สองสาวกริ๊ดกร๊าดกัน
ประกายเดือนแซว "จะกริ๊ดทำไมเนี่ย?”
"บ้า!" แพรวพรรณรายค้อน "แล้วตัวเองล่ะ..ท่านรองฯน่ะกรุ๊ปอะไร"
"ใครจะไปรู้?? ไม่เห็นจะอยากรู้เลย" ประกายเดือนเบือนหน้าหนี
อ่านต่อหน้าที่ 3
เสน่หาสัญญาแค้น ตอนที่ 16 (ต่อ)
แพรวพรรณรายจับหน้าประกายเดือนหันมา "จริงเหรอ? ไม่อยากรู้จริงเหรอ?" แพรวพรรณรายจี้เอวประกายเดือน "จริงเหรอๆๆ"
สองสาวแกล้งกันไปมา
"ยอมแล้วๆ" ประกายเดือนเหนื่อยแล้วก็นึกได้ "เออ..ว่าแต่..เดี๋ยวต้องสืบแล้วล่ะว่าท่านประธานเลือดกรุ๊ปอะไร? จะได้เช็คซะหน่อยว่าโป๊ะเช๊ะกับตะวันมั้ย?”
แพรวพรรณรายชะงัก "แน่ใจเหรอว่าท่านประธานปิ๊งตะวันจริงๆ?”
"เอ๊า!! พี่พิงค์!! ถามแล้วถามอีกอยู่นั่นอ่ะ ปิ๊งยิ่งกว่าปิ๊งอีกจ๊ะ!! พูดเลอ!”
แพรวพรรณรายไม่ค่อยแน่ใจ
นาคินทร์แต่งตัวเหมือนจะไปงานกาล่าดินเนอร์โดยกำลังพยายามใส่โบว์ไทด์แต่ก็เบี้ยวไปมา นาคินทร์ชักหงุดหงิด สุดท้ายเขาก็กระชากโบว์แล้วคว้าสูทเดินออกไป
ใบตองจกมะยมจิ้มเข้าปาก แล้วทำหน้าเปรี้ยวแซบ หน้าตาบิดเบี้ยว
"ซี๊ด...อ้าา......เลอค่า...แซบอีหลี"
ปานตะวันแอบกลืนน้ำลาย
นารถนรินทร์ทำหน้าอึ๋ย "พี่ใบตอง!! เมื่อไหร่จะเลิกทานซะทีเมนูนี้น่ะ เห็นทานติดกันมาหลายวันแล้วนะ"
ใบตองจกอีก "ก็แหม...ช่วงนี้มะยมบ้านเรามันขยั้นขยันออกลูกนี่คะ ด๊กดก ยังกะอยากจะเอาใจคนท้องในบ้าน"
ปานตะวันสะดุ้ง
"บ้า!!ใคร..คนท้องในบ้าน??พี่ใบตองน่ะสิ..แอบท้องกะใครรึเปล่า" นารถนรินทร์ว่า
ปานตะวันมีพิรุธ
"ว๊าย!! บ้าา!!คุณนารถ!! พูดอะไร" ใบตองชอบใจ "เดี๋ยวผีผลัก ท้องขึ้นมาจริงๆล่ะยุ่งเชียว ฮิๆๆไม่รู้จะให้ใครเป็นพ่อดี? ฮิๆๆ"
ปานตะวันจ๋อย
นารถนรินทร์พูด "ไม่เอาแล้ว..ทะลึ่งแล้ว ไปเลย..ยกไปเก็บไกลๆเลยนารถเห็นแล้วเสียวฟันจะแย่"
ปานตะวันแอบกลืนน้ำลายเอื๊อกด้วยความเสียดาย
"เจ้าค่า" ใบตองแซว "แต่งงานกะคุณวิทย์เมื่อไหร่ อย่ามาเปรี้ยวปากอยากกินขึ้นมาเชียวนะคะ ใบตองไม่สอยให้กินจริงๆด้วย ฮิๆๆ"
ใบตองคว้าถ้วยมะยมวิ่งออกไปแต่ก็ต้องหงายเงิบร้องจ๊ากเพราะชนกับนาคินทร์ที่เดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว
"ขุ่นพระ ว้าย! คุณคิน..จนป่านนี้แล้ว ยังไม่ไปงานอีกเหรอคะเนี่ย?”
"ใบตอง!!ช่วยฉันหน่อย" นาคินทร์ยื่นโบว์ไทด์ให้
ใบตองมองมือตัวเองที่ถือถ้วยมะยมอยู่ "มือใบตองไม่ว่างคะ" ใบตองยื่นถ้วยไปตรงหน้านาคินทร์ "เลอะด้วยค่ะ"
นาคินทร์ชะงักแล้วมองมะยมก่อนจะแอบกลืนน้ำลาย
นารถนรินทร์รีบบอก "พี่คินคะ ให้พี่ตะวันช่วยสิคะ" นารถนรินทร์พูดกับปานตะวัน "พี่ตะวันช่วยพี่คินหน่อยเถอะค่ะ"
ทั้งสองอึกอัก
"ไม่เป็นไร..ไม่ต้อง" นาคินทร์บอก
"ไม่ต้องได้ยังคะ ? เดี่ยวพี่คินก็เลทซิคะ งานเลี้ยงคืนนี้งานช้างซะด้วยไม่ใช่เหรอค่ะ?”
นารถนรินทร์พยักหน้าให้ใบตอง ใบตองพยักรับแล้วเอาตัวดันนาคินทร์มาตรงหน้าปานตะวัน
"เร็วค่ะพี่ตะวัน เดี๋ยวพี่คินไปงานไม่ทัน"
นารถรินทร์ฉกโบว์ไทด์ในมือนาคินทร์มาส่งให้ปานตะวัน ปานตะวันค่อยๆลุกขึ้นแล้วผูกโบว์ไทด์ให้นาคินทร์ ตอนแรกนาคินทร์ก็หน้าตึงแต่เมื่อได้รับสัมผัสที่แผ่วเบา ตั้งใจ ดูแลรายละเอียดที่ปานตะวันทำให้ก็แอบรู้สึกดี ทั้งสองแอบรู้สึกราวกับผัวเมียที่ดูแลกัน
"เสร็จแล้วค่ะ" ปานตะวันบอก
นาคินทร์หายเคลิ้ม "ขอบใจนะ"
ปานตะวันจะดีใจ แต่นาคินทร์พูดต่อ "นารถ!!”
แล้วนาคินทร์ก็เดินออกไปอย่างรวดเร็ว ปานตะวันจ๋อย
นารถนรินทร์ขำ "พี่คินนี่แปลก สงสัยจะเขินพวกเรานะพี่ใบตอง" นารถนรินทร์พูดกับปานตะวัน "อย่าไปถือนะคะพี่ตะวัน ผู้ชายขี้เก๊ก" นารถนรินทร์ขำกับใบตอง
"ว่าแต่เก๊กให้ตลอดเหอะ อย่าเผลอไปปิ๊ง ผู้หญิงในงานก็แล้วกัน ใบตองไม่ยอมจริงๆด้วย"
"ไม่มีทาง คนอย่างพี่คิน" นารถนรินทร์แอบเหลือบมองปานตะวัน "เค้ารักเดียวใจเดียวจ้ะ"
ปานตะวันหลบตาเพื่อซ่อนความรู้สึกไว้ ก่อนจะมองตามนาคินทร์ที่เดินออกไป
ณ งานเลี้ยงที่มีบรรดาไฮโซขวั่กไขว่ หลายคนใส่โครตเพชรประชันกันโครมคราม คุณหญิงรัตนาวดีโต้โผใหญ่เดินทักทายจุ๊บซ้ายจุ๊บขวาแขกในงานแถมยังพูดจาดัดจริตไทยคำฝรั่งคำน้ำเสียงทอดยาว กระทั่งนาคินทร์เดินเข้ามาในงาน รัตนาวดีรีบทัก
"หลานจ๋าหลาน..หลานนาคินทร์จ๊ะ..ทางนี้จ้ะ"
นาคินทร์รีบปรี่เข้ามาสวัสดี นาคินทร์กลับมาเป็นเทพบุตรผู้อ่อนน้อมน่ารัก ป้าๆฮือฮากันใหญ่ "กราบสวัสดีครับคุณหญิงป้า"
รัตนาวดีกอดทันที "บุญรักษาจ้ะ หลานจ๋า" รัตนาวดีพูดกับเพื่อนๆ "คงไม่ต้องแนะนำนะจ๊ะ ใครไม่รู้จักหลานนาคินทร์ไกลตระกูล ของคุณหญิงล่ะต้องบอกว่าเชยมาก..เอ๊าท์มากๆ"
ทุกคนขำกันคิกคัก
นาคินทร์เขิน "ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับคุณหญิงป้า"
"แล้วนี่ทำไมมาคนเดียวจ๊ะ?! หล่อและรวยขนาดนี้มาคนเดียวได้ยังไง? ต้องพาแฟนมาด้วยจะได้ประมูลเครื่องเพชรของคุณหญิงให้แฟนไงจ๊ะ" รัตนาวดีบอก
"โห..ไม่ต้องมีแฟนก็ประมูลได้ครับ ได้ทำบุญร่วมกับคุณหญิงป้าก็พอแล้ว"
รัตนาวดีกรี๊ดกร๊าดกับเพื่อน "ดูซิ..หล่อด้วย รวยด้วย ปากหวานด้วย ผู้หญิงคนไหนได้เป็นแฟนล่ะ โชคดีที่สุด เสียดายนะจ๊ะ..คุณหญิงเกิดเร็วไปหน่อย"
ป้าๆกรี๊ดกร๊าดกับมุกของรัตนาวดี
"แต่ไม่เป็นไร..เดี๋ยวคุณหญิงหาแฟนให้นะจ๊ะ..รับรองว่าผู้หญิงคนนี้จะต้องถูกใจ..หลานนาคินทร์แน่ๆ"
นาคินทร์ส่ายหน้ายิ้มๆ ป้าๆถามกันเซ็งแซ่ว่าใครคะๆ
รัตนาวดีทำตาแวววาวว "อดใจรอซักครู่ ประเดี๋ยวได้รู้กันจ้ะ"
นาคินทร์ยิ้มๆ คล้ายจะบอกว่าไม่เอาล่ะ
สปอร์ตไลท์ส่องพรึ่บไปบนเวที นางแบบที่ดูดีใส่เครื่องเพชรเดินโชว์กันพรึ่บพรั่บงดงาม แขกเหรื่อจ้องมองอย่างหมายตา นาคินทร์นั่งดูอยู่โดยมีรัตนาวดีนั่งประกบ สักพักแฟชั่นก็จบลง นางแบบยืนรวมอยู่กลางเวที พิธีกรชาย หญิงเดินเข้ามาตรงกลางบริเวณหน้านางแบบ
"และนี่คือ สุดยอดเครื่องเพชรเซ็ทงามที่สุดในสยามประเทศครับ" พิธีกรบอก
แขกเหรื่อปรบมือเกรียวกราว
พิธีกรหญิงพูดต่อ "แต่ต้องเรียนให้ทราบก่อนว่า เครื่องเพชรทุกเซ็ทที่ท่านเห็นอยู่นี้ ได้ถูกจับจองโดยแขกท่านผู้มีเกียรติผู้มีจิตใจเป็นกุศลที่นั่งอยู่ในงานนี้ไปหมดเรียบร้อยแล้วค่า"
แขกเหรื่อปรบมือกรี๊ดกร๊าดฮือฮากันยกใหญ่
"เป็นการจับจองล่วงหน้าตั้งแต่ก่อนงานจะเริ่ม แต่ไม่ต้องเสียใจครับ สำหรับท่านผู้มีเกียรติที่มีจิตเป็นกุศลอยากทำบุญในค่ำคืนนี้ คุณหญิงรัตนาวดีท่านได้กรุณาจัดเตรียมเครื่องเพชรเซ็ทใหญ่ และต้องขอบอกว่าเป็นเซ็ทไฮไลท์สุดๆที่ท่านได้ประมูลแข่งกันครับ"
แขกเหรื่อปรบมือกรี๊ดกร๊าด รัตนาวดีหน้าบาน
"ที่สำคัญ เครื่องเพชรเซ็ทไฮไลท์นี้จะถูกสวมใส่โดยนางแบบกิตติมศักดิ์ ไฮโซหน้าใหม่ไม่เคยปรากฏกายที่ไหนมาก่อน กนกรัตน์ พัชรพงศธร"
แขกเหรื่อฮือฮาสงสัยว่าใคร
รัตนาวดีพูดกับนาคินทร์ "คนนี้แหละ ที่คุณหญิงบอกไว้รับรองว่าหลานนาคินทร์ต้องปิ๊งจ้ะ"
นาคินทร์ส่ายหน้ายิ้มๆ "ผมยังไม่อยากปิ๊งใครครับคุณหญิงป้า"
"จุ๊ๆๆ..อย่าเพิ่งรีบพูดจ้ะ เดี๋ยวต้องกลืนน้ำลายตัวเองล่ะจะอายคุณหญิงแย่เลยนะจ๊ะ"
นาคินทร์ยิ้มแบบไม่มีทางเป็นไปได้
พิธีกรหญิงพูด "เอาล่ะค่ะ บัดนี้ก็ถึงเวลาที่เราจะได้ยลโฉมนางแบบหน้าใหม่และเครื่องเพชรเซ็ทมหากุศลกันแล้ว"
"เครื่องเพชรเซ็ทนี้ ราคาเริ่มต้นจะอยู่ที่ 20 ล้านบาท - - 20 ล้านบาท" พิธีกชายบอก
แขกเหรื่อฮือฮากันยกใหญ่
"หากท่านใดสนใจร่วมประมูล กรุณายกมือขึ้น 1 ครั้ง ราคาจะเพิ่มขึ้นครั้งละ 1 ล้านบาทค่ะ ผู้ใดให้ราคาสูงสุด ไม่มีใครประมูลเพิ่มท่านก็จะได้เป็นเจ้าของเครื่องเพชรเซ็ทมหากุศลไปทันที"
"แล้วนางแบบล่ะครับ?”
"อันนั้นคุยกันหลังไมค์ค่ะ"
แขกเหรื่อยิ้มขำ นาคินทร์ยิ้มๆ อย่างไม่ใส่ใจ
"และ ณบัดนี้ขอทุกท่านเชิญพบกับ เครื่องเพชรเซ็ทมหากุศล “ ........” ได้เลยครับ"
ไฟดับมืด ทุกคนเดินออกไปอย่างรวดเร็ว ไฟ Spot Light ส่องพรึ่บ “กนกรัตน์ พัชรพงศธร” ผู้ที่หน้าเหมือน ‘กนกวลี’ ราวกับคนๆเดียวกันยืนเด่นสวยเด้งอยู่พร้อมเครื่องเพชรเซ็ทรูปหัวใจ นาคินทร์เห็นก็ช็อค
"กนกวลี!”
กนกรัตน์ตวัดสายตามาที่นาคินทร์ กนกรัตน์เริ่มเดินมาตามแคทวอล์คจนมาสิ้นสุดที่ปลายทางตรงหน้านาคินทร์พอดี นาคินทร์ยังนั่งจ้องช็อคตาค้างอยู่ตรงนั้น กนกรัตน์มองมาที่นาคินทร์ก่อนจะส่งยิ้มหวานให้ นาคินทร์ยิ่งช็อคจนน้ำตาคลอ เขาส่ายหน้าจะบอกว่าไม่จริง เขาฝันไป
รัตนาวดีพูดขึ้น "ไงจ๊ะ..หลานคิน..ถึงกับช็อคเลยใช่มั๊ย ถูกใจก็ต้องประมูลเยอะๆนะจ๊ะ"
นาคินทร์ยังอึ้งอยู่ เขาหูอื้อไปหมดแล้ว ทั้งสองจ้องตากัน เสียงพิธีกรบิ้วท์แขกเหรื่อ
"ราคาประมูลเริ่มที่ 35 ล้านบาทครับ"
นาคินทร์ยังจ้องกนกรัตน์ เสียงพิธีกรขานประมูลเหมือนนาคินทร์กำลังตกอยู่ในภวังค์
ปานตะวันที่นอนอยู่บนเตียงสะดุ้งเฮือกตื่นขึ้นอย่างอึ้งๆก่อนจะเริ่มคลื่นไส้ ปานตะวันรีบวิ่งไปอาเจียนในห้องน้ำก่อนจะหอบด้วยอาการหมดแรง เขาล้างหน้ายืนมองกระจกก่อนจะเอามือลูบท้อง แล้วก็นึกถึงสัมผัสอุ่นๆตอนใส่โบว์ไทด์ให้นาคินทร์
"ลูกจ๋า..แม่..แม่ควรจะทำยังไงดี?”
ปานตะวันทรุดลงนั่งอย่างรู้สึกสับสน โดดเดี่ยว และเปลี่ยวเหงา
กนกรัตน์ยิ้มงดงามอย่บนเวทีขณะที่เสียงพิธีกรชายประกาศดังลั่น
“25 ล้านบาท! 25 ล้านบาทแล้วครับ"
แขกซึ่งเป็นเสี่ยใหญ่ชูมือ
“26 ล้านบาท!! 26 ล้านบาทแล้วค่ะ"
แขกไฮโซสาวยกมือ
“27 ล้านบาท!!! 27 ล้านบาทแล้วครับ"
ทุกคนฮือฮาอื้ออึง
โทนี่ ผู้ชายหนุ่มหล่อคนนึงชูมือขึ้น
โทนี่พูด “30 ล้านบาทครับ"
ทุกคนฮือฮาลั่น
“30 ล้านบาท" พิธีกรหญิงทำเสียงดีใจโอเว่อร์ "ยกครั้งเดียว 30 ล้านบาท!!ใจคอกะจะปิดประมูลเลยใช่มั้ยค่ะ ?”
ทุกคนฮือฮา นาคินทร์หันไปมองโทนี่ซึ่งนั่งถัดจากเขาไป 2ที่นั่ง
"ตายจริง!! คุณโทนี่ ทายาท เจ้าพ่อสังหาฯ จ้ะหลานนาคินทร์" รัตนาวดีแหย่ "มัวแต่นั่งนิ่งจะไม่ประมูลแข่งกับใครเค้าเลยจริงๆเหรอจ๊ะ"
นาคินทร์แทบไม่ฟังคุณหญิงป้าเพ้อเพราะสายตากำลังจับจ้องแต่กนกรัตน์ โทนี่ยิ้มให้กนกรัตน์บนเวที
พิธีกรชายพูด "ราคาประมูลขณะนี้อยู่ที่ 30 ล้านบาท และดูเหมือนว่าจะไม่มีผู้ใดขยับมือแล้วอาจจะรู้สึกเมื่อยอยู่ก็เป็นได้"
แขกเหรื่อขำ
"นางแบบกิตติมศักดิ์ของเราก็คงจะเมื่อยเช่นกัน ยืนอยู่นานไม่ได้ขยับเลยเพราะฉนั้น ระหว่างที่รอ ท่านผู้ใจกล้าจะประมูลสูงกว่า 30 ล้านบาท ก็ขอให้คุณกนกรัตน์ เดินลงไปให้แขกผู้มีเกียรติได้ ชื่นชมเครื่องเพชรเซ็ทมหากุศล “ ...........” อย่างใกล้ชิดซักรอบนึง ก่อนที่เราจะทำการเปิดประมูลกันนะคะ"
กนกรัตน์ค่อยๆเดินลงจากเวทีก่อนจะเดินไปเรื่อยๆจนถึงนาคินทร์ นาคินทร์ตัวหวิวใจสั่นไปหมด เขามองภาพตรงหน้าราวกับภาพในฝัน
นาคินทร์พึมพำ "กนก..”
กนกรัตน์หันมายิ้มให้นาคินทร์ ทั้งสองคนจ้องกัน นาคินทร์ค่อยๆยกมือขึ้นเหมือนจะไปแตะมือกนกรัตน์ โดยไม่รู้ตัว แต่กนกรัตน์เดินจากออกไปหยุดยืนที่ตรงหน้า ‘โทนี่' นาคินทร์มองเขม็ง
โทนี่กับกนกรัตน์มองหน้ากัน โทนี่เอื้อมมือเหมือนจะแตะที่สร้อยบนคอของกนกรัตน์ ทันใดนั้นนาคินทร์
ก็ลุกขึ้นยืนพรวด
“35 ล้าน!”
โทนี่กับกนกรัตน์หันขวับ
รัตนาวดีตกใจโอเว่อร์ "ว่าไงนะจ๊ะ หลานนาคินทร์"
นาคินทร์พูดเสียงดังฟังชัด “35 ล้านบาทครับ!!”
แขกเหรื่อวี้ดว้ายกันลั่น
พิธีกรชายกับหญิงพูดพร้อมกัน”35 ล้านบาท!”
"คุณนาคินทร์ ไกรตระกูล เสนอราคาประมูลครั้งเดียว 35 ล้านบาท"
"คุณโทนี่จะว่าไงคะ?”
โทนี่มองหน้านาคินทร์
“35 ล้านบาทครั้งที่ 1” พิธีการชายนับ
โทนี่พูด “40 ล้าน!!”
นาคินทร์มองหน้าโทนี่ แขกเหรื่อฮือฮา
พิธีกรหญิงถาม "คุณนาคินทร์จะว่าไงคะ?”
“45 ล้าน!!”
โทนี่มองหน้านาคินทร์ แขกเหรื่อลุ้นยังกับดูมวย
“50 ล้าน!!”
นาคินทร์มองหน้าโทนี่ กนกรัตน์ชายตามองนาคินทร์แล้วก็ยิ้มหวานยวนใจ
นาคินทร์มองกนกรัตน์อย่างรักใคร่ “60!! 60 ล้านบาท"
กนกรัตน์อึ้ง โทนี่เอนหลังพิงพนักเหมือนหมอบ
พิธีกรชายประกาศ “60 ล้านบาท!!! รวดเดียว 60 ล้านบาท 60 ล้านบาทครั้งที่ 1 60 ล้านบาทครั้งที่ 2 60 ล้านบบาทครั้งที่ 3”
แขกเหรื่อกรี๊ดกร๊าดและลุกขึ้นยืนปรบมือกันเกรียว รัตนาวดีดีใจสุดขีด
พิธีกรหญิงประกาศก้อง "คุณนาคินทร์ ไกรตระกูล เจ้าของเครื่องเพชรเซ็ทมหากุศล “ .......” ค่ะ"
โทนี่เช็คแฮนด์แสดงความยินดีกับนาคินทร์
กนกรัตน์ค่อยๆเดินไปยืนตรงหน้าแล้วยิ้มหวาน ก่อนจะยื่นมือให้นาคินทร์ นาคินทร์เหมือนตกอยู่ในภวังค์ เขาค่อยๆ ยื่นมือไปจับ น้ำตานาคินทร์รื้นขึ้นเมื่อได้สัมผัสมือกนกรัตน์
นาคินทร์เอ่ยออกมา "กนก...”
กนกรัตน์ยิ้มก่อนจะพยักหน้าให้แล้วพานาคินทร์ลุกเดินขึ้นเวทีไปยืนที่กลางเวที เหลือแต่ Spot Light ส่องม เพลงรักอมตะหวานดังขึ้น ทั้งสองเริ่มเต้นรำกันบนเวทีราวกับโลกนี้มีแค่เราสองคน
อ่านต่อหน้าที่ 4
เสน่หาสัญญาแค้น ตอนที่ 16 (ต่อ)
ปานตะวันค่อยๆ ย่องแบบไม่อยากทำเสียงดังรบกวนใครยามดึกมาที่แพนทรี เธอพยายามมองหาของกิน ปานตะวันเปิดตู้เย็นเห็นมะยมของใบตองแช่อยู่ก็รีบหยิบออกมานั่งกินอย่างชื่นใจหายคลื่นไส้แพ้ท้อง
สักพัก อัครินทร์ที่เดินกลับมาจากทำงานก็เข้ามาชะงักมอง ปานตะวันกินซี๊ดซ๊าดไม่รู้ตัว อัครินทร์มองแล้วอมยิ้มก่อนจะค่อยๆ เดินมาด้านหลัง
"ไม่เปรี้ยวเหรอครับ?” อัครินทร์ถาม
ปานตะวันเผลอตอบ เธอส่ายหน้าโดยไม่หันมา "ไม่ค่ะ..อร่อยดี.." ปานตะวันชะงักแล้วชามมะยมแทบร่วง” ..คุณอัค..!”
อัครินทร์ขำ "ใจเย็นครับใจเย็น"
ปานตะวันอายมากที่แอบมาจกมะยมกินยามดึก "เอ่อ..คือ..ตะวัน"
อัครินทร์เอื้อมมือแตะท้อง "หลานผมออกฤทธิ์เหรอครับ?”
ปานตะวันมองอัครินทร์อึ้งๆ
อัครินทร์ก้มลงพูดกับท้องปานตะวัน "หนูต้องเป็นเด็กดีนะครับไม่แกล้งคุณแม่อย่างนี้..อย่าเอาอย่างคุณพ่อ"
ปานตะวันจ๋อยไป
อัครินทร์มองตะวัน "ขอโทษนะครับ ผมแหย่เล่น ไม่ได้ตั้งใจจะ..”
ปานตะวันสวน "คุณอัค หิวมั้ยคะ? ตะวันทำอะไรให้ทาน?”
อัครินทร์ยิ้มๆ แล้วส่ายหน้า "ขอบคุณครับ ผมทานมาแล้วเออจริงสิ" อัครินทร์หยิบยาในกระเป๋า "นี่เป็นวิตามินที่ผมอยากให้คุณตะวันทานเพื่อบำรุงร่างกายคุณเองแล้วก็หลานผมด้วย"
ปานตะวันรับมาอย่างซาบซึ้งใจ
“..อีกอย่างนึงนะครับคุณตะวัน คุณควรจะไปฝากท้องที่รพ.ได้แล้ว คุณควรจะพบแพทย์เดือนละครั้ง"
ปานตะวันสวนทันที "ไม่ค่ะ!! ไม่นะคะ!! ฉันดูและตัวเองได้ อย่าลืมนะคะว่าฉันเป็นพยาบาล"
"แต่พยาบาลก็ต้องฝากท้องครับ" อัครินทร์บอก
ปานตะวันอึ้งก่อนจะคิด "งั้น ฉันฝากท้องกับคุณอัคก็ได้"
"เฮ้ย..ผมไม่ใช่ สูตินารีแพทย์นะครับ"
"ช่วงแรกๆเองค่ะ ฉันยังไม่อยากให้ใครรู้" ปานตะวันส่งสายตาอ้อนวอน "นะคะ..คุณอัคช่วยฉันก่อนนะคะ"
อัครินทร์ถอนใจเฮือก "ผมอยากเห็นหน้าพี่คินจริงๆถ้าเค้ารู้ว่าเค้ามีเจ้าตัวน้อย เลือดเนื้อเชื้อไขของเค้าอยู่ในท้องคุณตะวัน เค้าจะรู้สึกยังไง?”
ปานตะวันอึ้งเพราะก็อยากจะรู้เหมือนกัน
ปานตะวันส่ายหน้า "เค้าคงไม่รู้" ปานตะวันเข้มแข็ง "แล้วก็ไม่มีวันที่จะได้รู้ด้วย"
ปานตะวันทำหน้าเข้มแข็งก่อนจะเอามือแตะท้องตัวเองเบาๆ
กนกรัตน์หันมามองนาคินทร์ที่ยืนจ้องเธอตาไม่กระพริบ
"คุณมองเคทจนตัวจะทะลุแล้วนะคะคุณนาคินทร์" กนกนรัตน์
นาคินทร์ส่งสายตาซึ้งและแอบเศร้า เขายังจ้องอยู่เหมือนไม่รับรู้รับฟังอะไรทั้งสั้น "กนก"
กนกรัตน์ยิ้ม "กนก? ก็…ไม่เลวนะคะ ฟังดูไทยๆดี แต่ไม่เคยมี ใครเรียกเคทว่ากนกเลย…"
นาคินทร์ราวกับไม่ได้ฟัง เขาสวนทันที "ให้ผมเรียกคุณว่า ‘กนก’ นะครับ"
"อืมม์… ก็ได้ค่ะ…สงสัยในโลกนี้คงจะมีคุณนาคินทร์คนเดียวที่เรียกว่ากนก…อุ๊ย!”
พูดไม่ทันจบ กนกรัตน์ก็ตกใจเมื่อนาคินทร์รวบตัวเธอมากอดแน่นอย่างรักที่สุด และคิดถึงที่สุด
นาคินทร์กอดแน่น "กนก" นาคินทร์น้ำตาไหล "กนกของพี่คิน"
กนกรัตน์ตกใจขณะที่ยังโดนกอดอยู่
นาคินทร์ยังกอดแน่น "อย่าทิ้งพี่คินไปอีก…อย่าทิ้งพี่คิน นะครับ"
กนกรัตน์ยังตกใจแต่เริ่มเปลี่ยนเป็นยิ้มน้อยๆ และมีสายตาสมใจ
ปานตะวันมานั่งแอบเย็บถุงมือเล็กๆไว้ให้ลูก สักพักเข็มจิ้มจึ่กเข้าที่นิ้วของปานตะวัน
ปานตะวันสะดุ้ง "อุ้ย!" ปานตะวันรีบบีบเลือดออกแล้ววิ่งไปล้างก่อนจะเดินกลับมานั่งเซ็งๆ หยิบถุงมือลูกมามองยิ้มๆ "แม่จะเย็บถุงมือให้ลูก เหมือนที่คุณยายเคยทำให้แม่นะจ๊ะ"
ปานตะวันจะเย็บต่อแต่ก็คิดถึงนาคินทร์ขึ้นมาเลยเก็บของใส่กล่องแล้วค่อยๆ ลุกไปที่หน้าต่าง เธอมองออกไปแล้วหันหลังกลับมา
ปานตะวันลูบท้อง "พ่อไปไหน…ป่านนี้พ่อของหนูอยู่ที่ไหนคะ?”
ปานตะวันถอนใจเฮือกก่อนจะค่อยๆเดินมาล้มตัวลงนอนแต่ก็นอนไม่หลับ
นาคินทร์เดินมึนๆ เพราะยังช็อคค้างอยู่เข้ามาทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาอย่างแทบหมดแรง
เขานึกถึงภาพแรกที่เห็น ‘กนกรัตน์’ บนเวที นึกถึงตอนที่นาคินทร์กอดกนกรัตน์ “กนก..กนกของพี่คิน "อย่าทิ้งพี่คินไปอีก..อย่าทิ้งพี่คินนะครับ”
นาคินทร์ทิ้งตัวเอนลงนอนบนโซฟา แล้วก็น้ำตาไหล เพราะคิดถึงกนกรัตน์มาก นาคินทร์นอนขดอยู่บนโซฟา
ปานตะวันเดินออกมา เธอนอนไม่หลับเพราะเป็นห่วงนาคินทร์พอเห็นนาคินทร์ก็ชะงัก ปานตะวันค่อยๆเดินมาดูนาคินทร์ที่นอนหลับตัวขดอยู่บนโซฟาแล้วก็อึ้งๆ เธอมองอย่างชั่งใจ ทั้งรักทั้งชัง ก่อนจะแพ้ใจจึงยอมหยิบผ้าห่มแถวนั้นมาคลุมให้ นาคินทร์ละเมอจับมือไว้
“..คุณ.." ปานตะวันไม่กล้าพูดเพราะกลัวเขาตื่น
ปานตะวันปล่อยให้นาคินทร์จับมือไว้อย่างนั้นแล้วนั่งมองนาคินทร์ด้วยสายตาที่น้อยใจ เสียใจ ก่อนจะค่อยๆ เปลี่ยนสายตาไปเพราะความรักลึกๆที่ซ่อนไว้
ปานตะวันน้ำตาเอ่อ เธอพูดเบาๆ เพราะไม่อยากให้เขาตื่นแต่อยากระบาย "ทำไมคุณถึงทำกับตะวันอย่างนี้ คุณไม่รักตะวันซักนิดเลยเหรอคะ..คุณนาคินทร์"
ปานตะวันมองนาคินทร์ที่ยังหลับสนิทอยู่ เธอปาดน้ำตาก่อนจะค่อยๆดึงมือออกอย่างแผ่วเบา ปานตะวันลูบผมนาคินทร์เบาๆ แล้วลุกขึ้นจะกลับไปนอน
นาคินทร์โพล่งออกมา "ผมรักคุณ..”
ปานตะวันหับขวับกลับมามองนาคินทร์อย่างไม่อยากจะเชื่อหู ปานตะวันทรุดลงแล้วมองหน้านาคินทร์ นาคินทร์ยังหลับอยู่
นาคินทร์ละเมอเบาๆ "ผมรักคุณ..”
ปานตะวันยิ้มอย่างตื้นตันก่อนจะน้ำตารื้น
“..กนกวลี"
ปานตะวันอึ้งแล้วน้ำตาหยดติ๋งๆ สายตาของเธอเจ็บปวดในใจ ปานตะวันคิด “พอกันที..พอกันที” ปานตะวันลุกพรวดขึ้นแล้วเดินจากไปทันทีปล่อยให้นาคินทร์นอนอยู่ตรงนั้น
ผู้คนสัญจรในเมืองยามเช้า มอลลี่กับลูกกอล์ฟกำลังสุมศีรษะอ่าน “ดวงดาวของท่าน” โดย อ.นพ ในนสพ.อยู่
"ท่านที่เกิดวันจันทร์"
มอลลี่ตีเพียะ "เอาวันพุธก่อนสิไอ้ลูกกอล์ฟ"
"แหม่.. เจ๊อ!..ตลอดเลย" ลูกกอล์ฟว่า
มอลลี่ดุ "วันพุธ"
ลูกกอล์ฟจำใจอ่าน "ท่านที่เกิดวันพุธ วันนี้ความหวังน้อยใหญ่ยังเลือนราง ยากลงตัวสมใจ"
มอลลี่โวย "อะไรว่ะ??ไม่จริงๆ อ่านผิดวันรึเปล่า? วันของแกรึเปล่าไอ้ลูกกอล์ฟ" มอลลี่กระชากหนังสือพิมพ์มาอ่านเอง "ที่คาดว่าหงายมันเกิดคว่ำไม่เป็นท่า" มอลลี่หน้าแหย "วันอะไรว่ะ? วันพุธจริงด้วย" มอลลี่แหยหนัก "อะไรว้าาา..วันนี้หวยออกด้วยอ่ะ เซ็งดิ"
ซองทำบุญถูกยื่นมาแทบจะทิ่มหน้ามอลลี่
"แทงแต่หวย หวยก็กินหมด ทำบุญดีกว่ามั๊ยจ๊ะ" จามจุรีว่า
ลูกกอล์ฟพึมพำ "มาอีกแร้ว..ผ้าป่าวัดไหนอีกคร้าบบบคุณเจเจ"
"อันนี้ซื้อกระเบื้องมุงหลังคาโบสถ์จ้ะ บุญกุศลจะช่วยคุ้มครองป้องกันพายุมรสุมแดดฝนร้อนหนาวไม่ให้มาแผ้วพานเราทุกๆชาติไป"
"แฮ่..งวดนี้ต้องขอผ่านอ่ะค่ะ เมื่อเช้าเพิ่งทุ่มไปหมดตัว" มอลลี่บอก
ลูกกอล์ฟพูดต่อ "โต๊ดด้วยแหละ"
จามจุรีค้อนขวับ "ตามใจ ชี้ให้เห็นทางสวรรค์ แต่อยากจะตกนรกก็ตามใจ" จามจุรีสะบัดไปหาปาริฉัตรเลย
ลูกกอล์ฟตัดพ้อ "แรว๊งอ่ะ"
ทันใดนั้นมอลลี่ก็กรี๊ดลั่นตึก "กรี๊ด!!”
ทุกคนตกใจกันหมดรวมทั้งปาริฉัตร
"เป็นอะไรอ่ะเจ๊?” ลูกกอล์ฟถาม
"ผีเข้าหรอ? ผีพนันแน่ๆ...เห็นมั้ย?” จามจุรีว่า
มอลลี่มองข่าวในนสพ. แล้วก็ตาเหลือก เธอชี้นสพ.ในมือแล้วก็มือสั่น "ผะ...ผะ...ผะ.ผี! ผีจริงๆด้วย!”
ลูกกอล์ฟฉกมาดูอย่างขำๆ "บ้า!! ขอหวยเลยสิเจ๊...เฮ่ย!" ลูกกอล์ฟชะงักกึกแล้วก็ตัวแข็งไป เมื่อเห็นภาพอะไรบางอย่างในนสพ. แล้วเธอก็กระโดดกอดกับมอลลี่ตัวสั่น "เจ๊!”
จามจุรีหยิบมาดูแล้วปากก็ว่า "เธอ 2 คนนี่ท่าจะบ้า..อ๊ากส์!" จามจุรีอ้าปากค้างและตาโตกับสิ่งที่เห็น "คุณพระคุณเจ้าช่วยลูกช้างด้วยเถิด" จามจุรีพนมมือไหว้พระปากคอสั่น
ปาริฉัตรงงแล้วก็ขอร่วมวงด้วย
"นี่เป็นอะไรกันคะเนี่ย?? อะไรจะน่ากลัวขนาดนั้นคะ?” ปาริฉัตรถาม
"นะ..นะ..น่ากลัวมั๊ย..หนู..ฉะ..ฉะ..ฉัตรก็ดูเอาเองเถอะจ้ะ"
จามจุรียื่นนสพ.ให้ ปาริฉัตรรับมาดูแล้วก็อึ้งที่เห็นภาพสกู๊ปใหญ่งานประมูลเครื่องเพชรเมื่อคืนนี้ พาดหัว “บิ๊ก KTK-นาคินทร์ ไกรตระกูล” ทุ่ม 60 ล้านประมูลเครื่องเพชร “รักอมตะ”!!! แล้วมีภาพใหญ่เบ้ง ‘นาคินทร์’ เต้นรำกับ ‘กนกรัตน์’
ปาริฉัตรช็อค "ท่านประธาน..กนกรัตน์ ?”
"กนกรัตน์? กนกรัตน์หรือว่าผีกนกวลี เจ้าสาวของท่านประธานกันแน่?” จามจุรีว่า
มอลลี่กับลูกกอล์ฟตะโกนพร้อมกันดังลั่น "ใช่!!”
จามจุรี มอลลี่ และลูกกอล์ฟตกใจเสียงกันเอง ทั้งสามร้องกรี๊ดกระโดดกอดกันกลม ตัวสั่นราวกับอุปาทานหมู่
ปาริฉัตรไม่อยากจะเชื่อ "ไม่จริง!!" ปาริฉัตรส่ายหน้า "เป็นไปไม่ได้! ไม่จริง!”
ทวยเทพกับสาวิตรีเพิ่งอ่านข่าวหน้าสตรีจบ ทั้งสองหันมองหน้ากันอย่างเหลือเชื่อ
สาวิตรีอึ้ง "เหลือเชื่อ..แม่ไม่อยากจะเชื่อเลย..มันไม่น่าเป็นไปได้?”
นารถนรินทร์มีสีหน้ากังวล "แต่มันก็เป็นไปแล้วจริงๆค่ะ นารถ..สงสารพี่ตะวันที่สุดเลย"
"แต่คิดอีกที...ก็น่าดีใจแทนคุณคินนะคะ ได้เจอคนหน้าเหมือนคุณกนกอย่างกะฝาแฝด" ใบตองบอก
"แค่คนหน้าเหมือน ไม่ได้แปลว่าทุกอย่างจะเหมือนกันซะหน่อย" นารถนรินทร์ว่า
สาวิตรีกับใบตองอึ้ง
"ว่าแต่หนูตะวันเห็นข่าวนี้หรือยังเนี่ย?” ทวยเทพถาม
"น่าจะยังนะคะ" ใบตองรวบนสพ. "งั้นจะรีบเอาไปให้ดูนะคะ"
สาวิตรีรีบคว้าทั้งตัวใบตองทั้งนสพ.ไว้เลย "ยัยใบต๊องง!!" สาวิตรีดึงนสพ. มาตีเพียะ "นี่แน่ะ!" สาวิตรียื่นนสพ. ให้ "เอาไปซ่อนก่อน!! อย่าเพิ่งให้เห็น" สาวิตรียัดใส่มือใบตอง
ปานตะวันเดินมาพร้อมซุป
"ซุปร้อนๆค่ะ น้องนารถ"
"แฮ่...ไม่ทันแล้วค่ะ" ใบตองบอก
ปานตะวันยิ้มๆ "มีอะไรรึเปล่าคะ?”
ทุกคนมีพิรุธมากก่อนจะตอบพร้อมกัน "ไม่มีๆ"
นสพ.ในมือใบตองหล่นโพล๊ะ ปานตะวันก้มเก็บได้ก่อนที่ใบตองจะตะครุบทัน ปานตะวันเห็นรูปนาคินทร์
& กนกรัตน์ในนสพ. ก็ตกตะลึง
"คุณ...”
เสียงนาคินทร์ดังขึ้น "กนกรัตน์"
ปานตะวันหันขวับ ทุกคนหันขวับ
“..พี่คิน..แม่อยากจะถาม...”
นาคินทร์พูดเรียบๆ "ทุกคนคงจะเห็นข่าวกันหมดแล้ว..ก็ดีครับ"
ปานตะวันยังงุนงง
"ผมก็ตั้งใจจะบอกทุกคนอยู่พอดี" นาคินทร์ว่า
"เดี๋ยวนะจ๊ะพี่คิน..คือแม่..”
"ผมคงต้องรบกวนคุณแม่ช่วยทำอาหารต้อนรับแขกคนพิเศษของผม"
นารถนรินทร์สวน "พี่คินคะ..นารถว่า..”
นาคินทร์ไม่รอฟัง "ผมจะเชิญคุณกนกรัตน์มาทานข้าวที่บ้านกับพวกเรา คืนนี้"
ปานตะวันอึ้ง
นาคินทร์กอดและหอมแม่ "ทุ่มครึ่ง..ขอบคุณนะครับแม่"
พูดจบนาคินทร์ก็เดินออกไปโดยแวะมองหน้าปานตะวันแว่บนึง ทั้งสองจ้องกัน แล้วนาคินทร์ก็เดินออกไป
ทุกคนพูดไม่ออก ปานตะวันรู้สึกชอกช้ำ
อ่านต่อตอนที่ 17