เรือนริษยา ตอนที่ 2
ฤตพนธ์แหวกว่ายเลี้ยงตัวใต้น้ำในบึง สอดตามองหาร่างของเธอไปทั่ว ทว่าร่างของนันทนัชถูกกระแสน้ำข้างใต้พัดไปหายไปทางไหนแล้วก็ไม่รู้ นายทหารหนุ่มหยุดคิด ก่อนใช้ไหวพริบคิดถึงธรรมชาติของคนจมน้ำ คาดว่าร่างของเธอคงจมไปลึกแล้ว
เขาตัดสินใจแหวกว่ายดำลึกลงไปค้นหาเธอที่ก้นบึงน้ำ นายทหารหนุ่มผู้นี้ผ่านการฝึกหลักสูตร จู่โจ่ม หน่วยรบพิเศษ เสือคาบดาบ กองทัพบก จึงมีความสามารถในการดำน้ำได้อึด
ร่างนันทนัชจมดิ่งลงลึกมาถึงก้นบึงน้ำลึก จนเห็นก้อนหิน ต้นไม้น้ำเบื้องล่าง แล้วกระตุก สำลักน้ำเข้าปอด แต่ตาของเธอยังลืมอยู่ วินาทีที่จิตใกล้ดับนั้น จิตของเธอหวนคิดถึงพ่อ ... แล้วเรื่องราวกับขาดหายไป
เมื่อ 5 ปีก่อน ภายในเรือนรัตนะ ขณะนั้นนันทนัช อยู่ในวัย15 ปี กำลังอาละวาดใส่พ่อที่ยืนควงฤทัย ในลุคของสาวเปรี้ยว
"ชีวิตพ่อสนใจอยู่แค่สองอย่างเท่านั้น....เงินกับผู้หญิง พ่อหาเงินไว้ซื้อผู้หญิง สักวันนึงเถอะ พ่อจะถูกผู้หญิงใจง่ายพวกนี้ปอกลอกจนหมดตัว"
นันทนัชชี้หน้า ฤทัยยกมือจับแก้ม อ้าปากค้างแทบกรี๊ด
"หยุดเดี๋ยวนี้นะนัน! แกจะมาพูดกับพ่อแล้วก็คุณฤทัยยังงี้ไม่ได้" ลิตรว่า
"ทำไมนัชจะพูดไม่ได้ ก็พ่อไม่รักนัน วันๆทอดทิ้งให้นันอยู่กับน้าทิพย์ ตัวเองออกไปมั่วผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า แม่คงจะเสียใจมากที่พ่อเป็นแบบนี้"
ความโกรธของลิตรพุ่งปรี๊ด เมื่อนันทนัชเอ่ยถึงแม่...เมียสุดที่รักของเขา
"ถ้าไม่ใช่เพราะพ่อยุ่งผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า แม่คงจะยังอยู่กับนัน ไม่มาตรอมใจตายทิ้งนันไปเร็วขนาดนี้"
ลิตรโมโหหน้าแดงกล่ำ สั่นเทาไปทั้งตัว
"พ่อไม่รักแม่! พ่อฆ่าแม่ ฆ่าแม่ให้ตายทั้งเป็น เพราะความส่ำส่อนไม่เคยพอของพ่อ!"
ลิตรเงื้อมือตบหน้าลูกสาวเต็มแรง เผี๊ยะ! จนเธอหันล้มลงไปกองกับพื้น ฤทัยแอบยิ้มสะใจ
"หยุดก้าวร้าวเสียที แล้วรู้ไว้ด้วยว่า แม่แกไม่ได้ทิ้งแกไปคนเดียว ฉันก็ถูกทิ้งด้วย ฉันไม่เคยอยากให้แม่แกตาย ฉันทำทุกอย่างเพื่อที่จะได้อยู่กับแม่แก แต่เค้าก็ทิ้งฉันไป แกรู้ไว้ซะด้วย!"
ลิตรน้ำตาคลอ นันทนัชจับแก้มร้องไห้ หันมาแผดเสียงใส่พ่อ
"นันไม่เชื่อ พ่อโกหก นันเกลียดพ่อ! เกลียด นันจะไม่มีวันอภัยให้พ่อเลย"
"ดี ถ้าแกคิดว่าพ่อแกชั่ว อยู่กับฉันแล้วไม่มีความสุข ไปเลย! ฉันจะส่งแกไปเมืองนอก แกจะได้ไม่ต้องเห็นหน้าฉันอีก"
นันทนัชวิ่งหนีไปแล้ว ฤทัยยังเดินหน้าเล่นละครฉากใหญ่ต่อไปด้วยการเข้าไปควงแขนลิตร
"พี่ลิตรใจเย็น ๆ นะคะ อย่าโกรธลูกเลย หนูนันแกรักพี่ แกขาดแม่ไปคนหนึ่งแล้ว แกเลยไม่อยากเสียพี่ที่เป็นพ่อไปอีกคนหนึ่งก็เท่านั้น ฤทัยต่างหากที่ผิดที่เข้ามาในชีวิตของพี่ หรือว่าฤทัยควรจะเป็นฝ่ายไปดี ทั้ง ๆ ที่ฤทัยรักพี่ อยากอยู่กับพี่"
"คุณไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น ผมตัดสินใจแล้วว่าคนที่ต้องไปคือยายนัน"
หลังประกาศก้องแล้ว ลิตรก็เดินจากตรงนั้นไปอีกคน เหลือแต่ฤทัยที่เผยโฉมหน้าของความร้ายกาจออกมาให้เห็นอย่างเด่นชัด
"สะใจฉันจริง ๆ นังลูกเลี้ยงตัวแสบ อยากฤทธิ์เยอะดีนัก แล้วคนที่ต้องกระเด็นออกจากบ้านไปคือแก ไม่ใช่ฉัน ลาก่อนแม่คุณหนูหัวเน่า"
ในมุมลึกของบึงน้ำ นันทนัชสีหน้าขาวซีดเศร้าเสียใจ และเริ่มจะหมดลม ตาเริ่มจะหลับลงช้าๆ ตอนนั้นเองเธอเห็นวิญญาณของลิตรลอยมากับสายน้ำปรากฏขึ้นตรงหน้า เธอขยับปากจะเรียกพ่อ แต่ทำไม่ได้ เธอพยายามฝืนลืมตามองพ่อเป็นครั้งสุดท้าย ในความรู้สึกของเธอ เห็นวิญญาณพ่อมีสีหน้าขาวซีดเจ็บปวดทรมานมาก
วิญญาณลิตรยื่นมือมาหาเธอเหมือนจะขอความช่วยเหลือ นันทนัชพยายามยื่นมือไปจับมือของพ่อ เหลืออีกปลายเล็บที่มือเธอจะสัมผัสโดนวิญญาณลิตร กฤตพนธ์ก็ดำน้ำมาเจอร่างเธอเสียก่อน เขาโอบรอบเอวบางๆของเธอแล้วถลึงตัว ตีขาว่ายพาเธอขึ้นสู่เหนือน้ำในทันที
เธอเหมือนจะยื่นมือไขว่คว้าพ่อเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนหลับตาลง สติขาดไป ตัวอ่อนปวกเปียก หยุดหายใจไปแล้ว
กฤตพนธ์ว่ายน้ำขึ้นมาอย่างเหนื่อยหอบ เขาอุ้มร่างเธอมาวางที่ริมบึง
"คุณ...คุณ...คุณ"
กฤตพนธ์ตบแก้ม จับไหล่เขย่า ๆ เต็มแรง ปลุกเธอหลายครั้ง แต่ร่างนั้นก็อ่อนปวกเปียกซีดเผือดไม่ไหวติงราวกับไร้ชีวิต เขาก้มลงฟังเสียงหัวใจที่หน้าอก แล้วตกใจที่หัวใจเธอหยุดเต้นแล้ว ก่อนจะใช้มือจ่อที่จมูกพบว่า เธอไม่หายใจแล้ว
"ห่ะ...อย่าเพิ่งตายนะคุณ อึ๊บ"
กฤตพนธ์ตัดสินใจปั้มหัวใจเธอ แล้วก้มลงประกบปากช่วยผายปอดให้ในทันที
ป่าทางด้านหลัง ธีร์ฟื้นจากสลบพาร่างสะบักสะบอม หัวแตกเลือดโชกเดินโซซัดโซเซมึนๆมาตามหานันทนัช จนทะลุแนวป่ามาถึงบึง
ธีร์ยืนเกาะต้นไม้ ปวดแผลที่หัวมาก เงยหน้ามองไปต้องชะงัก เมื่อเห็นภาพนันทนัชนอนหมดสติอยู่ และเห็นด้านหลังกฤตพนธ์กำลังก้มลงจูบปากนันทนัช ธีร์เข้าใจว่าเป็นคนร้าย
"ไอ้เลว ปล่อยนันนะ"
ธีร์ถลาเซเลยเข้ามากระชากไหล่กฤตพนธ์ออก
"บ้าเอ้ย! คุณนั่นแหละปล่อยผม แล้วผมก็ไม่ใช่คนเลวอย่างที่คุณกล่าวหา กรุณาถอนคำพูดด้วย"
แต่ธีร์ไม่ยอมปล่อย เงื้อต่อยไปทั้งๆที่แทบไม่มีแรง กฤตพนธ์หลบหมัด พยายามผลักธีร์ออกจากตัว แต่ธีร์ไม่ยอมปล่อย ยื้อยุดกฤตพนธ์พัลวัน
"แกทำอะไรนัน"
"ผมกำลังช่วยชีวิตเค้า เค้าจมน้ำ ไม่หายใจแล้ว คุณแหกตาดูเซ่ เค้ากำลังจะตาย"
กฤตพนธ์กระชากคอเสื้อธีร์
"ห่ะ...นัน...นัน"
ธีร์ถลาเข้าไปเขย่าตัวเธอ กฤตพนธ์ถอนใจอย่างสุดทน
"หลีกไป!"
เขาผลักธีร์ล้มหงายไปกับพื้น แล้วหันไปปั้มหัวใจกำลังช่วยชีวิตเธอต่อ
"ฟื้นซี...ฟื้น"
นันทนัชตัวขยับตามจังหวะกดปั้มหัวใจของเขา
ในห้วงคิดคำนึง...ดวงจิตของนันทนัชพบว่า ตัวเองยืนเคว้งอยู่กลางป่า เห็นวิญญาณลิตรยืนมองอยู่ที่มุมไกลๆ
"พ่อ!"
เธอตะโกนเรียกสุดเสียงอย่างดีใจ วิ่งเข้าไปหา แต่วิญญาณของพ่อหายไปแล้ว
"ห่ะ...พ่อ พ่ออย่าเพิ่งไป กลับมาหานันก่อน"
วิญญาณของลิตรปรากฏยืนอยู่หลังนันทนัช เธอหันมาเห็น ยื่นมือไปจะกอด
"พ่อจ๋า! นันคิดถึงพ่อค่ะ"
แต่มือกอดคว้าได้แต่อากาศ แค่วิญญาณ เธอก้มลงมองมือตัวเองน้ำตาร่วง
"ทำไม...ทำไมนันถึงกอดพ่อไม่ได้ ทำไม"
จังหวะนั้นเองวิญญาณลิตร หันเดินช้าๆเข้าป่าไป
"เดี๋ยวค่ะพ่อ อย่าทิ้งนันไป รอนันด้วย พ่อ"
วิญญาณลิตรเคลื่อนไหวเร็วมาก ยิ่งเธอตามก็ยิ่งห่างออกไปจนหายลับไปกับป่า
"พ่อ!"
นันทนัชเหมือนจิตกลับเข้าร่าง สะดุ้งฟื้นขึ้นสำลักน้ำออกจากปากพร๊วด กฤตพนธ์ที่กำลังปั้มหัวใจอยู่ หันมามอง ดีใจมาก ยิ้มออก
"ฟื้นแล้ว"
เขาช่วยประคองตัวเธอขึ้น ลูบหลังเพื่อช่วยให้หายใจให้สะดวก
"หายใจเข้าคุณ...หายใจ!"
"เฮื๊อก"
เธอหายใจเฮือก ๆ เข้าปอด พยายามปรือตาขึ้นมองเบลอ ๆ แต่ใจยังติดอยู่กับภาพการวิ่งตามหาลิตร คำแรกที่พูดออกมาได้คือ...
"พ่อ!"
เธอโผกอดเขาแน่นคิดว่าเป็นพ่อ...ร้องไห้เรียกหาแต่พ่อ...คร่ำครวญอย่างน่าสงสาร กฤตพนธ์ถึงกับตะลึง
"พ่อ...นันขอโทษ...นันยังไม่ทันได้ทดแทนบุญคุณพ่อที่เลี้ยงนันมาเลย พ่อก็มาจากไปเสียแล้ว นันขอโทษ...ขอโทษค่ะพ่อ"
แล้วเธอก็สลบไปในอ้อมอกของกฤตพนธ์
"คุณ...คุณ! เอ่อ..."
ลิตรหันไปจะพูดกับธีร์ ก็พบว่าธีร์ก็หมดสตินอนอยู่ที่พื้นไปแล้วเหมือนกันเพราะเสียเลือดมาก
ชิดในวัยที่แก่ผมหงอกขาวเกือบทั้งหัว รีบเดินกระหืดกระหอบมายังประตูรั้วไม้เก่าๆ ซึ่งมีสายยูกุญแจคล้องไว้ราวกับไม่มีคนอยู่ นายชิดรีบล้วงกุญแจออกมาไขเข้าไป แล้วยื่นมือมาคล้องกุญแจสายยูล็อคไว้อย่างเดิม ก่อนรีบเดินหายไปตามทางที่มีต้นไม้ขึ้นหนาคลึ้มไปหมด เขาเดินลึกเข้ามา จนเห็นบ้านไม้กลางสวนที่ดูเงียบวังเวงราวบ้านร้าง แล้วตรงไปที่ประตูด้านหน้าของบ้าน
ชิดผลักประตูเข้าไปในบ้านที่ดูมืดๆเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นถูกคลุมไว้ด้วยผ้าขาว พร้อมตะโกน
"ทิพย์...ทิพย์"
ทิพย์เดินลงบันไดมามอง เธอสั่งให้ชิดไปตามข่าวนันทนัช
"ว่าไงชิด"
"คุณนัน...คุณนัน"
นายชิดระล่ำระลั่กบอก พลางชี้มือไป..
ทิพย์ยกมือขึ้นทาบอก อดตกใจไม่ได้ ถึงแม้เธอจะบงการให้มันเกิดขึ้น การแก้แค้นได้เปิดฉากขึ้นอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว
บริเวณหน้าโรงพยาบาล ทิพย์ก้าวลงจากแท็กซี่... ขณะที่ทิพย์จะก้าวเดินเข้าประตูโรงพยาบาล แต่ไม้ขับรถพุ่งเข้ามาเบรกเอี๊ยดที่หน้าทิพย์
"ว้าย!"
ทิพย์ตกใจผงะถอยมองไป...เห็นฤทัย กนกกร รณฤทธิ์ ไม้รีบลงจากรถ ฤทัยรี่มาชี้หน้า
"อีทิพย์! แกอีกแล้วเหรอนังขี้ข้าสาระแนไม่เลิก อย่าสะเออะเข้าไปในโรงพยาบาลแม้แต่ก้าวเดียวนะ"
"ทำไมฉันจะเข้าไม่ได้ ฉันจะไปเยี่ยมคุณนัน ใจอำมหิตอย่างพวกแกทำอะไรคุณหนูของฉัน!"
ทิพย์เสแสร้งเล่นละคร แผดเสียงใส่ร้ายฤทัย
"อ้าวอีนี่! อย่ามาใส่ร้ายฉันนะ ฉันไม่ได้เป็นคนทำ เดี๋ยวตบปากแหก"
"ฉันไม่เชื่อ ต้องเป็นพวกแกนั่นแหละ"
"พวกฉันทำไมห่ะ พูดให้ดีๆ นะ ไม่งั้นได้เจอฤทธิ์ฝ่ามือฉันด้วย" กนกกรบอก พลางยกมือเตรียมตบทันที
"พวกแกจะฆ่าคุณนันเพื่อแย่งมรดก คนโลภ บาปหนาอย่างพวกแกทำไมฉันจะดูไม่ออก"
"อีปากหมา" รณฤทธิ์ด่าแล้วเงื้อมือจะตบทิพย์ แต่ฤทัยกระชากมือไว้
"อย่ารณ! อีนี่...ต้องให้ไม้เป็นคนจัดการ ถึงจะสมน้ำสมเนื้อกัน"
"ห่ะ!"
ทิพย์ตกใจ แต่หนีไม่ทันแล้ว ไม้โผล่เงียบๆมาถึงตัวทางด้านหลัง คว้าแขนทิพย์ล็อกไว้ข้างหลัง
"แกจะทำอะไรฉัน ไอ้เลว ปล่อยฉันนะ"
ไม้ไม่พูดพร่ำ ลากทิพย์ขึ้นรถโดยมีเสียงฤทัยตามมา
"ลากมันไปสั่งสอน ฉันเหม็นขี้หน้ามันเต็มที ทำให้มันสงบปากสงบคำ สวะอย่างมันจะได้ไม่โผล่มาให้ฉันเห็นหน้าอีก"
ทิพย์ถูกยัดเข้าไปในรถ ก็พยายามจะเปิดประตูลงมา แต่รณฤทธิ์ช่วยไปดันประตูไว้ไม่ให้ทิพย์เปิดออกมาได้
"เปิดประตู ปล่อยฉันออกไปเดี๋ยวนี้นะ...เปิด"
ทิพย์เปิดไม่ได้เลย จะคลานไปออกไปทางประตูคนขับ แต่ไม้ขึ้นรถมาผลักทิพย์ไปแล้วรีบขับรถพาทิพย์ออกไป
"อีทิพย์มันถูกแม่เฉดหัวออกจากเรือนรัตนะหายไปตั้งนาน อยู่ๆมันโผล่หัวมาได้ยังไงเนี่ยะ" กนกกรว่า
ฤทัยยืนคิดหงุดหงิด
ไม้ขับรถเข้าซอยเปลี่ยวแห่งหนึ่งมา แล้วจอดเอี๊ยดลงข้างทาง ซึ่งเป็นที่ดินรกร้าง
แล้วหันขวับมามองขู่ทิพย์
"ลงไป! แล้วอย่าให้กูเห็นมึงกลับไปที่โรงพยาบาลอีกนะ"
"ทำไม! แกจะทำอะไรฉันห่ะไอ้สารเลว"
"ปากดีนักเหรอมึง เดี๋ยวกูชกหน้าแหก"
ไม้กำหมัดเงื้อขู่ แต่ทิพย์กลับไม่สะท้าน หันมามองไม้ด้วยสายตาคมกริบด้วยความแค้น
"เอาซี๊! อยากทำ ทำเลย ระยำกว่านี้ แกก็เคยทำกับฉันมาแล้วนี่ แกยังจำได้ไม๊!"
ทิพย์ตวาดใส่หน้า ไม้ผงะ
เมื่อ3ปีก่อน ทิพย์รีบเดินมาตามทางในสวน มองไป...เห็นผู้ชายคนหนึ่งยืนหันหลังอยู่แต่ไกล
"คุณลิตร"
ทิพย์หยุดยืนดีใจ ก้มมองใช้มือลูบท้อง ขณะนั้น เธออ่อนๆได้ 3 เดือน
ทิพย์รีบเดินไป เธอก้มหลบกิ่งมะม่วงแล้วรีบพูดไปอย่างดีใจ
"คุณลิตรรอทิพย์นานไม๊คะ"
ชายคนนั้นหันมา กลายเป็นไอ้ไม้แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าของลิตรยืนอยู่แทน เธอตกใจ
"ห่ะ! แก...ไอ้ไม้ แกเอาเสื้อผ้าของคุณลิตรมาใส่ แกทำอะไรของแกห่ะ"
"แล้วแกแอบนัดผัวฉันออกมาเจอทำไมห่ะ นังขี้ข้า! กินบนเรือนขี้รถบนหลังคา"
ฤทัยโผล่ออกจากหลังต้นไม้มายืนอยู่ข้างหลัง ทิพย์ตกใจแทบช็อก
"คุณลิตรเค้าไม่อยากเห็นหน้าแกอีกแล้ว รู้ไม๊ เค้าก็เลยให้ฉันส่งไอ้ไม้มาสนองความร่านของแกแทน"
"ไม่จริง คุณลิตรเค้าสัญญาว่าจะออกมาเจอฉัน เค้าอยากรู้เรื่องลูกของเรา"
"นี่แน่ะ! ลูกของเราเหรอ"
ฤทัยเงื้อมือตบหน้าทิพย์จนล้มลงกับพื้น
"ลูกของแกกับไอ้ชิดคนขับรถของนังเรไรต่างหาก! ไม่ใช่ลูกของผัวฉัน"
ทิพย์ส่ายหน้า
"เอาอะไรมาพูด ฉันกับนายชิดไม่ได้มีอะไรกัน ฉันท้องกับคุณลิตร เด็กในท้องนี่เป็นลูกของเค้า"
ฤทัยถึงกับลั่นกรี๊ดออกมาอย่างคลั่ง
"หยุดนะอีไพร่! ขี้ข้าอย่างแกไม่มีสิทธิ์มาท้องกับผัวฉัน จัดการมันไอ้ไม้! สั่งสอนมันให้หลาบจำ จะได้ไม่ต้องเสนอหน้ามายุ่งกับผัวฉันอีก"
ไม้ย่างสามขุมเข้ามา ทิพย์เถือกตัวหนี
"อย่าเข้ามานะ แกจะทำอะไรฉัน อ๊าย!"
ทิพย์ร้องลั่น เมื่อไม้ใช้มือจิกหัวกระชากตบ แล้วเริ่มลงมือกระทืบไปที่ท้องของทิพย์
ฤทัยยืนมองอย่างสุดแค้น
"โอ๊ย...อย่า อย่าทำลูกฉัน...ฉันไหว้ล่ะ อย่าทำ แอร๊ย"
อ่านต่อหน้า 2
เรือนริษยา ตอนที่ 2 (ต่อ)
ในความมืดสลัว...ทิพย์พาร่างอันสะบักสะบอมเดินโซซัดโซเซออกมาจากความมืดของสวน เธออุ้มประคองบางอย่างไว้ในมือ เมื่อเดินมาถึงถนนก็หมดแรง ทรุดนั่งกองอยู่ริมทาง พยายามมองหาคนช่วย
"ช่วย...ด้วย"
เสียงมอเตอร์ไซด์แล่นมาแต่ไกล ทิพย์ค่อยๆหันไปมองตามเสียง แสงไฟจากหน้ารถมอเตอร์ไซด์ขับใกล้เข้ามาๆ ไฟนั้นฉายส่องสว่างที่หน้าทิพย์ เห็นสภาพฟกช้ำบวม มีเลือดที่ปาก
ใบหน้าขาวซีดไร้สีเลือดเพราะเสียเลือดมาก ทิพย์ยื่นมือที่เปื้อนเลือดข้างหนึ่งออกไป
"ช่วย...ด้วย"
ทิพย์ล้มฟุบลง สติเริ่มจะดับ
คนขี่มอเตอร์ไซด์จอดรถ วิ่งเข้ามาประคองคือ ชิด นั่นเอง
"ทิพย์...ทิพย์เป็นอะไร...ใครทำอะไรทิพย์ ห่ะ! เลือด"
ชิดแทบช็อก เมื่อพบว่าในมือทิพย์อุ้มเลือดก้อนหนึ่งอยู่
"เลือดอะไรเนี่ยะ"
"ช่วยลูกฉันด้วย...ฮือๆ"
ทิพย์ร้องไห้ออกมาแทบขาดใจแล้วหมดสติไป
"ทิพย์!"
-
ทิพย์จำได้แม่น ไม่เคยลืม เธอน้ำตาไหลเผาะ
"แกเป็นคนฆ่าลูกฉัน ไอ้ฆาตกร"
"เฮ้ย...ฉันไม่รู้ ฉันไม่รู้เรื่อง ลงไป ฉันบอกให้แกลงไป ไปซี"
ไม้ผลักทิพย์ พลางยื่นตัวไปเปิดประตู ดันทิพย์ลงไป แล้วรีบถอยรถขับเอี๊ยดออกไปทันที
ปล่อยให้ทิพย์ยืนเช็ดน้ำตาอย่างแค้น
ภายในโรงพยาบาล กนกรกรร้องลั่น เมื่อเห็นกฤตพนธ์เดินออกมาหลังจากทำแผลแล้ว
"ว้ายตายแล้วคุณกฤต! ตอนที่โทรไปหากิ๊บ ไม่เห็นบอกเลย ว่าคุณก็เจ็บตัวด้วย โถ....เป็นอะไรมากรึป่าว ดูซิ หน้าตาเขียวช้ำไปหมดเลย ฮือๆ กิ๊บเป็นห่วงคุณกฤตจังเลยค่ะ"
กนกกรบีบน้ำตา จับหน้าจับตา จนเขาต้องเบือนหน้าหนีอย่างสุภาพ เกรงใจสายตาสันต์ สมุทรชัย ไกรภัทร หมวดเมธและตำรวจที่มารอถามเหตุการณ์จากเขาอยู่
"ไม่ต้องร้องไห้ครับคุณกิ๊บ ผมไม่เป็นไรมากหรอก แค่วางมวยกับไอ้โม่งนิดหน่อย"
ฤทัยตกใจ
"คุณพระช่วย! มีไอ้โม่งด้วยเหรอเนี่ยะ มันเรื่องอะไรกัน"
"ก็ไหนคุณโทร.ไปบอกเราว่าเกิดอุบัติเหตุ แค่ยัยนั่นกับแฟนขับรถคว่ำไง" รณฤทธิ์บอก
"ผมต้องบอกอย่างงั้น เพราะไม่อยากให้ทุกคนแตกตื่นกันน่ะครับ"
"เอาจริงๆคุณ ตกลงนี่...หนูนันถูกดักทำร้ายระหว่างทางเหรอ" สมุทรชัยถาม
"ผมก็ไม่ทราบครับว่าแรกเริ่มเหตุการณ์มันเป็นยังไง ตอนที่ผมไปเจอ ก็เห็นรถคุณนันชนกับต้นไม้อยู่ข้างทางแล้ว เพื่อนที่มาด้วยกันบาดเจ็บสลบคารถ ส่วนคุณนันถูกไอ้โม่งลากเข้าป่าไปทำร้าย ดีนะที่ผมตามไปช่วยไว้ทัน"
รณฤทธิ์แอบทำหน้าเสียดาย
"ไอ้โม่งที่คุณว่า มันมากันกี่คน" พ.ต.ต. สันต์ถาม
"คนเดียวครับ ใส่หมวกไอ้โม่งปิดหน้าปิดตามิดชิด และที่สำคัญ..."
"ว้าย! อย่าบอกนะว่ามันกระทำชำเรายัยนันเข้าแล้ว ป่าเถื่อนที่สุด โถ!น่าสงสารจริง ๆ เพิ่งกลับจากเมืองนอกเมืองนาแท้ ๆ ต้องมามีมลทินติดตัวไปชั่วชีวิต" ฤทัยว่า
"ปล่าวครับ! ผมจะบอกว่าไอ้โม่งมันมีฝีมือมาก ไม่ใช่โจรกระจอกๆธรรมดา"
ฤทัยแป่ว! ตีโพยตีพายเก้อซะงั้น
"โธ่เอ้ย! จะฝีมือดีหรือฝีมือห่วย โจรมันก็คือโจรนั่นแหละค่ะคู๊ณ" รณฤทธิ์ว่า
"ใช่ รณพูดถูก ยัยนันคงจะซวยไปเจอโจรกำลังอดยากเข้า อดยากทั้งเงิน อดอยากทั้ง...เอ่อ อย่างอื่น มันเลยดักปล้นเอากับคนที่ขับรถผ่านไปผ่านมา หรือยัยนันจะอ่อยเหยื่อไอ้โจรนั่นมันอดใจไม่ไหว"
กฤตพนธ์เงียบ มองกนกกร ใจคิดว่าไม่ใช่ แต่ไม่พูด
ไกรภัทรบอก
"โจรมันอยากได้อะไร ปล่อยให้เป็นหน้าที่ตำรวจสืบสวนเถอะครับ ตอนนี้ห่วงอาการคุณนันดีกว่า!"
ภายในห้องพักฟื้นพิเศษ ของโรงพยาบาล เวลาเย็น นันทนัชนอนหลับอยู่บนเตีย ใบหน้ามีร่องรอยบอบช้ำจากถูกตบ ริมฝีปากแตก เนื้อตัวเขียวช้ำเป็นแผลถลอกจากการถูกลาก
ทุกคนยืนมองสภาพอย่างตกใจ ฤทัยทำเป็นบีบน้ำตา
"โธ่หนูนัน ทำไมถูกไอ้โจรมันซ้อมจนยับเยินขนาดนี้ เฮ่อ ฉันจะเป็นลม"
ฤทัยทำเซโผกอดซบรณฤทธิ์ แล้วก็แอบยิ้มสมน้ำหน้ากับลูกชาย
"ตอนที่ผมงมคุณนันขึ้นมาจากบึง เค้าหยุดหายใจไปแล้ว"
"ว้าย!งั้นก็แปลว่า ยัยนี่ก็ตายไปแล้วน่ะซี" กนกกรว่า
"ดวงคุณนันเค้ายังแข็งครับ ผมปั้มหัวใจให้ เค้าก็ฟื้นขึ้นมาอีก"
กนกกรแอบกำมือจนเล็บจิกเนื้อ คิดว่า กฤตพนธ์ไม่น่าช่วยเลย
"ผมต้องขอบคุณแทนคุณนันด้วยนะครับ ที่ช่วยชีวิตเค้าเอาไว้"
ไกรภัทรหันมามองด้วยสีหน้าขอบคุณ กฤตพนธ์พยักหน้ายิ้มน้อยๆรับคำขอบคุณ ขณะที่ทนายความสมุทรชัยเดินเข้ามองนันทนัชใกล้ๆที่เตียง ด้วยความสงสารเวทนา
"โธ่เอ้ย...คุณนัน จากบ้านไปอยู่เมืองนอกตัวคนเดียวหลายปี ไม่เคยกลับบ้านมาเลย พอได้กลับมาอีกที พ่อก็ตายไปซะแล้ว ตอนนี้เหลือตัวเพียงคนเดียว แล้วยังมาถูกทำร้ายอีก
ทำไมเคราะห์ซ้ำกรรมซัดขนาดนี้"
กฤตพนธ์ฟังแล้วเริ่มสนใจชีวิตของนันทนัชมากขึ้นมาทันที
"ตัวคนเดียวอะไรกันคะคุณทนาย ฉันก็อยู่ทั้งคน ถึงจะไม่ใช่แม่แท้ๆ แต่ก็เป็นเมียที่ถูกต้องตามกฎหมายของคุณลิตร ยังไงฉันก็ไม่ใจดำทอดทิ้งหนูนันหรอกค่ะ" ฤทัยว่า
"ผมกลัวว่าเราจะเป็นฝ่ายที่ถูกทิ้งน่ะซีแม่ ไม่เห็นฤทธิ์เดชแม่นี่ที่งานศพเหรอ" รณฤทธิ์พูดพลางชี้สันต์ "เอาตำรวจคนนี้มาอายัดศพ ไม่ยอมให้เราเผาศพพ่อลิตร แล้วยังชี้หน้าด่าแม่ว่าเป็นฆาตกรอีก"
"ผมว่าเรื่องนั้นค่อยพูดกันได้ไม๊คุณ คุณนันบาดเจ็บสาหัสอยู่ เห็นใจเธอหน่อยซีครับ" สันต์ว่า
"ทียังงี้มาเรียกร้องความเห็นใจ ทีที่งานศพ หน้าไหนเห็นใจเรามั่ง ห่ะ" รณฤทธิ์ว่า
"โถลูก...ตารณ พอเถอะ! ในเมื่อเราบริสุทธิ์ใจ ไม่ได้ทำอะไรผิด ก็ไม่ต้องไปเดือดร้อนใจ ว่าใครจะใส่ร้ายเรายังไงบ้าง ใจเย็นๆลูก"
ฤทัยลูบหลังทำเป็นปลอบลูก รณฤทธิ์สะบัดหน้าไปทิ้งตัวลงนั่งอย่างเซ็งๆ กฤตพนธ์ยืนฟังและแอบมองจับตาดูทุกคน
"คดีนี้ผมต้องตามจี้ตำรวจเจ้าของคดี ให้รีบจับตัวคนร้ายมาลงโทษให้ได้" สันต์ว่าเสียงเคาะประตูดังขึ้น ทุกคนหันไปมอง เห็นภานุเปิดประตูโผล่หน้าเข้ามา
"เอ่อ ผมขอตัวนะครับ" กฤตพนธ์ว่า
กฤตพนธ์ชวนภานุออกไปจากห้อง ฤทัยทำเป็นเดินเข้ามาลูบหัวนันทนัชที่เตียง
"โถ...น่าสงสารจริงๆหนูนัน ฟื้นเร็วๆนะจ๊ะหนู แล้วเราจะได้มาปรับความเข้าใจกันใหม่ มาเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน ฉันยินดีจะทำหน้าที่เป็นแม่ของหนู" ฤทัยว่าพลางแอบจิกตาสาปแช่ง
"ไม่ต้องฟื้นขึ้นมาเลยนะ นังมารคอหอย ตายๆไปซะ อยู่ก็เป็นก้างขวางคอฉัน มรดกของพ่อแก มันสมควรเป็นของฉัน ไม่ใช่ลูกนอกคอกอย่างแก"
กฤตพนธ์เดินคุยมากับภานุในบริเวณทางเดินหน้าห้องในโรงพยาบาล
"ไอ้โม่งนั่น ไม่ได้ตั้งใจมาดักปล้นคุณนันหรอก มันตั้งใจจะทำร้ายเค้ามากกว่า" "เอ๊ะ เค้าเพิ่งกลับมาจากเมืองนอกไม่ใช่เหรอ มีศัตรูซะแล้ว"
"ใช่ เค้ากลับมาอายัติศพคุณลิตรเพราะคิดว่าพ่อเค้าถูกแม่เลี้ยงฆ่าตาย"
"หา! คุณฤทัยน่ะเหรอ โอ้โหเหะ จะเกิดศึกชิงมรดกเลือดซะล่ะมั้งคราวนี้ ชีวิตจริงคนเรานี่บางครั้งก็น้ำเน่ายิ่งกว่าละครเสียอีก"
"ฉันเองก็เพิ่งรู้นะ ว่าคุณฤทัยเพิ่งจะจดทะเบียนสมรสกับคุณลิตรเพียงแค่ 2 วันก่อนที่เขาจะตาย แล้วลูกสาวก็มาถูกดักทำร้ายอีก"
"คดีนี้ชักน่าสนใจว่ะ แล้วดันมีแกเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยนี่สิ สนุกแน่ฮ่ะๆๆ"
จังหวะที่ทั้ง 2 เดินเลี้ยวในมุมทางเดิน... พ่อเฒ่าที่บัดนี้วัยชราราว 90 ก็ปรากฏตัวขึ้นนุ่งห่มเสื้อผ้าสีหม่นๆเกล้ามวย เดินถือไม้เท้าสวนไปพร้อมกับพูดเสียงแหบแห้งเหมือนรำพึงรำพันว่า…
"มันเกิดมาเพื่อชดใช้เวรกรรม มันจะต้องทุรนทุราย เจียนตาย ถ้าแกไม่ช่วยมัน"
กฤตพนธ์ค่อยๆชะงักแล้วหยุดเดิน หูเขาได้ยิน
"เฮ้ยเดี๋ยวไอ้ณุ แกได้ยินไม๊"
"ได้ยินอะไรวะ"
กฤตพนธ์ชี้ไปที่ด้านหลังของพ่อเฒ่าที่กำลังเดินห่างออกไป
"ก็ที่คนแก่นั่นพูดไง"
"พูดอะไรวะ ไม่ทันฟังว่ะ"
กฤตพนธ์ถอนใจ รีบหันเดินตามพ่อเฒ่าไป
"อ้าวเฮ้ย จะไปไหนไอ้กฤต"
เขารีบเดินตาม แต่ดูเหมือนพ่อเฒ่าจะเดินไปไกลและเร็วมากอย่างไม่น่าเชื่อ เขารีบวิ่งตามพ่อเฒ่ามาตามทาง ในโรงพยาบาลอีกมุมหนึ่ง ซึ่งดูวังเวง คนหายไปไหนหมดไม่รู้ แต่พ่อเฒ่าหายไปเร็วมาก เขาวิ่งพลางหันมองหา
เขาเดินตามหาจนมาถึงบริเวณลิฟท์ เห็นหลังพ่อเฒ่าแวบๆ กำลังจะก้าวเข้าลิฟท์ไป
"เอ่อลุง...เดี๋ยวครับ!"
กฤตพนธ์ตะโกนเรียกพลางรีบวิ่งมาถึงลิฟท์ ... พ่อเฒ่ายืนหันหลังอยู่ ประตูลิฟท์กำลังปิดลงช้าๆ
"ลุงครับ เมื่อกี้ลุงพูดกับผมใช่ไม๊"
กฤตพนธ์ถามพลางมือกดๆปุ่มลิฟท์ให้เปิด แต่ประตูลิฟท์ไม่ยอมหยุด มันค่อยๆปิดลงช้าๆ
"โธ่เว้ย! เปิดซี"
พ่อเฒ่าค่อยๆหันหน้าเหี่ยวๆย่นๆมามองเขา พลางหัวเราะและชี้นิ้วที่เล็บเหลืองหงิกงอยาวเฟื้อยมาที่กฤตพนธ์และพูดว่า
"แกคือผู้เปลี่ยนชะตากรรม"
"ห่ะ!"
กฤตพนธ์อึ้งๆกับสิ่งที่ได้ยิน แล้วประตูลิฟท์ก็ปิดลงพร้อมภาพพ่อเฒ่ายิงฟันดำหัวเราะก้อง เขายืนงงๆอยู่กับที่นานเท่าไหร่ไม่รู้จนกระทั่งมีมือมาตบไหล่ เขาสะดุ้งราวกับหลุดจากภวังค์หันไปมอง...เห็นเป็นภานุ
"เฮ้ย กฤต ยืนจ้องลิฟท์อยู่ได้ ตาแก่นั่นขึ้นลิฟท์ไปแล้ว"
กฤตพนธ์ยกมือขึ้นลูบๆหัวที่มึนตึ๊บ
"ลุงคนนั้นพูดจาแปลกๆว่ะ"
"ฉันว่าแกนั่นแหละดูแปลกๆ คงยังเมาหมัดไอ้โม่งนั่นไม่หาย กลับบ้านไปนอนพักเถอะไป"
เขาจับหัวมึนๆ หันหลังเดินกลับ เป็นจังหวะที่ประตูลิฟท์อีกตัวหนึ่งเปิดออก ธีร์พาร่างที่บาดเจ็บมีผ้าพันแผลที่หัว เดินกระเผลก ออกจากลิฟท์พร้อมสายน้ำเกลือ โดยมีพยาบาลตามมาด้วย
"คุณธีร์คะ...กลับห้องเถอะค่ะ"
กฤตพนธ์ชะงัก หันไปมอง
"คุณเสียเลือดมาก ลุกจากเตียงมาแบบนี้ เดี๋ยวก็หน้ามืดล้มลงนะคะ" พยาบาลบอก
"ผมไม่เป็นไร แต่นันซิ เป็นไงบ้างก็ไม่รู้"
"คุณนันเค้าปลอดภัยดีแล้วครับ" กฤตพนธ์บอก
ธีร์หยุด มองมาที่กฤตพนธ์
"แต่ตอนนี้ยังหลับอยู่ ถึงคุณไปเยี่ยม ก็คงไม่ได้คุยกับเค้าหรอกครับ"
ธีร์ยังหึงๆ เพราะเห็นกฤตพนธ์ช่วยผายปอดช่วยชีวิตนันทนัช ก็ทำหน้าตึงใส่
"ขอบคุณที่บอก ขอแค่ผมได้เห็นหน้านัน ผมก็พอใจแล้ว"
"งั้นก็ เชิญคุณเถอะครับ"
ธีร์เดินผละไป พยาบาลเดินตามอย่างอ่อนใจ
"ไม่รู้ฉันคิดไปเองรึปล่าวนะ แต่ดูท่าทางนายคนนั้นไม่ชอบขี้หน้าแกว่ะ ใครวะ" ภานุบอก
กฤตพนธ์ไม่ตอบ ได้แต่มองตามธีร์เดินไป
ภายในห้องพักฟื้นของนันทนัช ธีร์เปิดประตูผัวะเข้ามาในห้องนันทนัช โดยมีพยาบาลตาม
"นัน"
ธีร์ชะงัก เมื่อเจอพวกฤทัย กนกกร รณฤทธ์ สมุทรชัย ไกรภัทร พ.ต.ต.สันต์อยู่กันเต็มในห้องไปหมด ทุกคนหันมามองเป็นตาเดียว
"นันเป็นยังไงบ้างครับ"
พ.ต.ต.สันต์จะตอบ แต่รณฤทธิ์สวนขึ้นก่อน
"มีตาก็ดูเอาเอง หึ พากันไปมีเรื่อง จนคนอื่นเค้าเดือดร้อนไปกันหมด"
"เรากลับกันเถอะแม่ ให้เค้าอยู่ดูแลกันเอง เดี๋ยวจะเป็นก้างขวางคอเค้าเปล่าๆ" กนกกรบอก
"ได้ไงกันค่ะลูก จะปล่อยให้หนูนันนอนอยู่โรงพยาบาลคนเดียวได้ยังไง เกิดตื่นขึ้นมา ไม่เจอใคร น่าสงสารออก เดี๋ยวแม่นอนเฝ้าหนูนันเองก็ได้ หนูนันก็เหมือนลูกสาวคนหนึ่งของแม่"
"อย่าลำบากเลยครับคุณฤทัย ทางตำรวจคงจะจัดพยาบาลและเวรยามไว้ดูแลคุณนันแล้ว" สมุทรชัยบอก
"ถ้าเป็นห่วง ไว้พรุ่งนี้ค่อยมาเยี่ยมกันใหม่ดีกว่าครับ" ไกรภัทรว่า
"งั้นฉันกลับเลยแล้วกันนะ ไปลูก กลับ" ฤทัยบอก
ฤทัย กนกกร รณฤทธิ์พากันหันเดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว ธีร์รีบถลาเข้ามาดูเธอที่ยังหลับอยู่บนเตียง มองเธออย่างแสนห่วง
"นัน"
สมุทรชัยพยักหน้าไกรภัทรส่งสัญญาณชวนกลับ ก่อนหันไปบอกพ.ต.ต.สันต์
"ผมขอตัวก่อนนะครับ จะออกไปคุยเรื่องคดีกับทางตำรวจหน่อย"
"เชิญครับ"
สมุทรชัย ไกรภัทรยกมือไหว้ลา พ.ต.ต.สันต์รับไหว้ ทั้ง 2เดินออกไป พ.ต.ต.สันต์หันมาถามธีร์
"เป็นไงบ้างธีร์ อาการหนักไม่เบาเลยนี่ มันเกิดอะไรขึ้น เล่าให้ลุงฟังหน่อยซิ"
"เอ่อ...ผมก็ยังมึนๆอยู่เลยครับ จำได้ว่า ตอนขับรถกลับจากวัด อยู่ๆก็มีรถ10ล้อขับมาเบียด ผมหักหลบ แล้วรถก็ตกถนน"
ระหว่างที่เสียงธีร์เล่า สีหน้านันทนัชเต็มไปด้วยเหงื่อ ดวงตาภายใต้เปลือกตาที่ปิดอยู่ขยับไปมาเพราะกำลังอยู่ในอาการฝันร้ายเห็นไอ้โม่งที่ตามคุกคามเธอ
ภาพไอ้โม่งลากเธอลงมาที่บึง จับหน้าเธอกดกับน้ำ
"โชคร้ายของแกอีหนู ที่ดันเกิดมาเป็นลูกสาวของนายลิตร"
ภายในเซฟเฮ้าส์ของเชน ไอ้โม่งคนนั้น ถอดหมวกออกแล้ว เขากำลังยืนใส่ยาที่แผลบนใบหน้าตัวเองอยู่ที่กระจก
"ซี๊ด...โธ่เว้ย!"
ไอ้โม่งคนนั้นโยนสำลีทิ้งเกลื่อนที่พื้นด้วยอาการแสบแผล เขาจับกระจกมองส่องแผลตัวเอง
ไอ้โม่งผู้นั้นคือ "สมหมาย" มือฆ่าวัยฉกรรจ์ ที่ยังคงมองแผลแตกที่ดั้งจมูกและรอยฟกช้ำใต้ตา แล้วนึกโกรธกฤตพนธ์
"แค่นังลูกไอ้เศรษฐีนั่นคนเดียว นึกว่าเจองานง่ายซะแล้ว เสือกมีไอ้หอกนั่นโผล่มาช่วย เกือบทำกูเสียแผน อี่ย์!"
นักเลงคนหนึ่งเดินเข้ามาเข้ามา
"พี่หมาย"
สมหมายอารมณ์ไม่ดีถาม
"อะไรวะ"
"พี่เชนมาแล้วพี่"
"เออ...รู้แล้ว"
นักเลงเดินออกไป สมหมายโยนสำลีทิ้งแล้วเดินออกจากห้องไป
อ่านต่อหน้า 3
เรือนริษยา ตอนที่ 2 (ต่อ)
เซฟเฮ้าส์ของเชน ตั้งอยู่ห่างจากชุมชน เป็นบ้านล้อมรอบด้วยสวนราว 2 ไร่ มีรั้วรอบขอบชิด รถ 2 คันกำลังแล่นเข้ามาจอดหน้าบ้านครึ่งไม้ครึ่งปูนหลังเก่า
"เชน" ซึ่งเป็นลูกพี่ใหญ่วัยราว 35 ปี ผมยาวๆถูกรวบไว้ หล่อ เข้ม เหี้ยม ดูเดนตาย ท่าทางคาดเดาอารมณ์ได้ยาก ก้าวลงจากรถ โดยมีลูกน้องรายล้อม
สมหมายเดินออกมาจากบ้านต้อนรับ
"พี่เชน"
เชนพอใจ
"แกทำงานดีมาก สั่งสอนนังนั่นซะสาหัส"
"แต่ตอนที่ผมลงมือ ดันมีไอ้เวรที่ไหนไม่รู้ โผล่มาช่วยนังนั่น"
เชนเปลี่ยนมาหงุดหงิด เชนจับคอเสื้อสมหมายถาม
"แล้วทำไมมึงไม่เก็บมันซะ ปล่อยให้มันรอด เดี๋ยวก็มาเป็นพยานวุ่นวาย"
"ฝีมือมันไม่เบาเลยพี่เชน ทั้งหมัดทั้งปืนมันซัดผมไม่เลี้ยง เลยต้องรีบเผ่นก่อน"
เชนคิด ฉุน
"มันเป็นใครวะ ดันเข้ามาสอดเรื่องนี้"
ชิดเดินไปเดินมาอยู่หน้าบ้านกลางสวนอย่างร้อนใจ รอฟังข่าว พอเห็นทิพย์เดินกลับมา ก็รีบถาม
"คุณนันเป็นยังไงบ้างทิพย์"
"พวกนังฤทัยใจโหดไม่ยอมให้ฉันเข้าไปเยี่ยม"
"โธ่เอ้ย...อาการคุณนันหนักมากรึปล่าวก็ไม่รู้"
ทิพย์ตวาด
"หยุดตีโพยตีตายซะทีเถอะน่า คุณนันไม่ตายง่ายๆหรอก ฉันเลี้ยงเค้ามากับมือตั้งแต่ยังแบเบาะ ฉันรู้จักเค้าดี นังฤทัยมันทำชั่วกับพวกเราไว้มาก คนอย่างคุณนัน ไม่มีวันปล่อยให้พวกมันลอยหน้าลอยตาเสวยสุขอยู่บนกองเงินกองทองในเรือนรัตนะได้สงบสุขแน่ คอยดูต่อไปก็แล้วกัน"
ทิพย์เดินเข้าบ้านไป ชิดยืนมองตาม ถอนใจ รู้ดีว่า ทุกอย่างเป็นแผนการที่ทิพย์จัดฉากขึ้น เพื่อยืมมือนันทนัชล้างแค้นพวกฤทัย แต่ก็อดห่วงไม่ได้
กนกกรออกจากห้องพักนันทนัช เจอกับกฤตพนธ์ เลยยืนออดอ้อนอยู่ที่มุมหนึ่ง ภายในโรงพยาบาล
"เจ็บตัวขนาดนี้ ทำไมคุณกฤตไม่นอนโรงพยาบาลสักคืนล่ะคะ นอนเถอะค่ะกิ๊บจะได้ช่วยอยู่เฝ้าไข้ให้"
"ใช่รับ นอนเถอะ เดี๋ยวฉันจะบอกให้เค้าเลือกห้องพิเศษให้" ภานุบอก
กฤตพนธ์กระทุ้งศอกใส่สีข้างของภานุ
"อุ๊บ!"
"ไม่ต้องหรอกครับคุณกิ๊บ ผมไม่เป็นไรมาก"
"เฮ่อ พูดก็พูดเถอะนะ คุณกฤตไม่น่าต้องมารับเคราะห์ด้วยเลยจริงจริ๊ง ที่หนูนันต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ น้าว่าคงเป็นเพราะกรรมตามทัน" ฤทัยว่า
กฤตพนธ์สงสัย
"ทำไมเหรอครับ คุณน้าพูดเหมือนกับว่าคุณนันไปก่อกรรมอะไรไว้กับใคร"
"นี่คุณกฤตไม่รู้เหรอ แม่นันทนัชน่ะเป็นลูกมีปัญหา ทำให้พ่อลิตรเสียใจ พ่อลิตรถึงกับตัดพ่อตัดลูก แล้วไล่ให้ไปอยู่เมืองนอกเลยนะคะ" กนกกรบอก
"หึ พ่อลิตรคงนึกไม่ถึงว่าจะปล่อยเสือเข้าป่า ยิ่งไปอยู่เมืองนอกยิ่งเละยิ่งกว่าโจ๊ก ผลาญมันเต็มที่ ถึงเวลามีเงินส่งให้ใช้ ทุกเดือนๆ ถึงเรียนอะไรก็ไม่จบสักอย่าง" รณฤทธิ์ว่า
ฤทัยทำเป็นบีบน้ำตาร้องไห้
"พอเถอะลูก หยุดพูด ได้ยินแล้วแม่ใจจะขาด สงสารพ่อลิตรเค้า ตายไปแล้ว วิญญาณก็ไม่สงบต้องมาเป็นทุกข์เรื่องลูกสาวคนนี้อีก ฮือๆ"
"โธ่คุณแม่ ร้องไห้ทำไมคะ ไม่เอาค่ะ ใครทำอะไรไว้ ก็ต้องรับกรรมอย่างที่เห็น นี่แหละค่ะ กรรมตามสนองทันตา ไม่ต้องรอถึงชาติหน้า" กนกกรว่า
กฤตพนธ์ฟังเรื่องราวแแล้วคิด มองสบตาภานุ เก็บข้อมูลกันเอาไว้
ลานจอดรถของโรงพยาบาล ภายในรถ เสียงมือถือดังขึ้นในรถ ใครคนหนึ่งซึ่งนั่งเบาะคนขับกดรับสาย
ภายในเซฟเฮ้าส์ เชนวางปืนลงที่โต๊ะ อีกมือถือมือถือโทร.รายงาน
"ฮัลโหล คนของผมลงมือตามแผน อาการนางนั่นเป็นไงมั่ง"
เชนยิ้มพอใจ พูดไป ตามองรายงานข่าวภาคเย็นในทีวี เห็นสภาพรถของธีร์ที่ตกข้างทางชนกับต้นไม้ยับเยิน มีทีมตำรวจกำลังไปตรวจที่เกิดเหตุ
"เฉียดตาย! แต่ดันมีนายทหารมาช่วยนังนั่นนี่ซิ เรื่องอาจจะยุ่งยากขึ้นกว่าที่คิด"
"ห่ะ ไอ้นั่นเป็นทหารเหรอ"
สมหมายได้ยิน สีหน้าตกใจไม่น้อย
"มันเป็นใครวะ"
"มันชื่อกฤตพนธ์ ลุงของมันสนิทกับนายลิตร"
"หึ จะจำชื่อมันใส่บัญชีหนังหมาเอาไว้ ถ้ามันจุ้นจ้านมากไปกว่านี้ล่ะก็ มันจะดวงกุดไม่ทันได้เลื่อนยศแน่"
"แค่นี้นะ แล้วจะโอนเงินไปให้"
เสียงวางสายไป เชนวางมือถือหันมาบอกสมหมายพลางคิด
"ไอ้เวรนั่นมันชื่อกฤตพนธ์เว้ย ถ้าเจอหน้ามันอีกที มึงจะจำมันได้ไม๊ไอ้หมาย"
"ได้ซิพี่ ฉันจำหน้ามันได้แม่นเลย"
สมหมายพูดอย่างแค้นเคือง
อีกมุมหนึ่ง ฤทัย กนกกร รณฤทธ์เดินคุยกันมาที่ลานจอดรถ ฤทัยเปลี่ยนมาร้ายสุดขั้ว
"อี่ย์...ฉันอยากจะขย้ำนังนันให้ตายคาเตียงโรงพยาบาลนัก มันเจอหนักขนาดนี้ ยังมีหน้ารอดมาอีก"
"ก็เพราะคุณกฤตของพี่กิ๊บ ไม่รู้จักเฝ้าเอาไว้ให้ดี ปล่อยให้ไปช่วยมันได้" รณฤทธิ์ว่า
"เอ๊ะ!ฉันจะไปรู้ได้ไงยะว่ามันจะดวงดีขนาดนี้ ถ้าฉันรู้ ฉันก็ดึงคุณกฤตไว้ที่วัด-
นานๆแล้วสิ"
"นี่!เลิกเถียงกันได้แล้ว แค่คิดว่า นังนี่ยังอยู่เป็นก้างขวางคอฉัน ฉันก็เครียดจะบ้าอยู่แล้ว ถ้ามันยังอยู่ ศพพ่อมันก็เผาไม่ได้ มันต้องรื้อฟื้นคดีจนวุ่นวาย แล้วอีฤทัยนี่แหละ ที่จะต้องเดือดร้อน เพราะมันคิดว่าฉันเป็นคนฆ่าพ่อมัน"
"เฮ้ยแบบนี้ สมบัติมรดกของพ่อมัน เราก็ต้องมาแบ่งให้มันด้วยซิแม่"
"ก็เออน่ะซิ ดีไม่ดี เราจะไม่มีที่ซุกหัวนอนกัน นังนันจะต้องมายึดเอาเรือนรัตนะของพ่อมันคืนไปแน่"
"โฮ่ย... แม่ ถูกมันเฉดหัวออกจากบ้าน แล้วกิ๊บจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนอ่ะ มีแต่อีพวกขี้อิจฉา มันจ้องจะถล่มกิ๊บอยู่ แม่อย่ายอมให้นังนันมันทวงทุกอย่างไปจากเราได้นะ อย่ายอมนะแม่ สู้มัน"
"เออน่า มันไม่มีทางเอาชนะฉันได้หรอก มันต้องเจอชีวิตบัดซบแน่ ที่คิดมาลองดีกับฉัน แก 2 คนก็ต้องช่วยแม่ด้วย รวมกันเราอยู่ แยกกันเราตาย เข้าใจไม๊ลูก"
ลูกทั้ง 2 พยักหน้าร้ายๆ ให้กันก่อนเดินมาถึงรถ ไม้นั่งรออยู่ในรถ ไม้ลงจากรถมาเปิดประตูให้ทั้ง 3 ขึ้นรถ ไม้มองสบตาหวานกับฤทัย ก่อนกลับขึ้นรถขับรถออกไป
โรงสีฤทธานนท์...เป็นโรงสีขนาดใหญ่ราวกับโรงงานที่เคยเป็นของเรไรบุกเบิกไว้จนมีฐานะร่ำรวย แล้วลิตรได้มาดูแลต่อ
รถของสมุทรชัย ไกรภัทรแล่นเข้ารั้วขนาดใหญ่ของโรงสีเข้ามา สวนกับรถบรรทุกข้าวเปลือกหลายคัน ที่ขับตามกันออกไป
ไกรภัทรขับผ่านโรงสีมาทางด้านข้าง เจอตึกสำนักงานขนาด 5ชั้น มีป้ายเขียนด้านหน้าว่าบริษัท “ฤทธานนท์พัฒนกิจ” บ่งบอกว่า ลิตรทำธุรกิจพัฒนาซื้อขายที่ดินพวอสังหาริมทรัพย์ด้วย
รถจอดหน้าบริษัท....ทนายสมุทรชัย และลูกชายเปิดประตูลงลงจากรถเดินเข้าไปในตึก
สมุทรชัยผลักประตูเข้ามาในห้องทำงานส่วนตัวในฐานะทนายและที่ปรึกษาเก่าแก่ของลิตร ไกรภัทรเดินตามเข้ามา
"ผมถามจริงๆเถอะ พ่อแน่ใจนะ ว่าคุณลิตรทำพินัยกรรมเอาไว้"
"ล้านเปอร์เซ็นต์ พ่อเคยเห็นคุณลิตรร่างๆเขียนๆอยู่ก่อนจะตายไม่นาน"
"แต่กลับไม่ให้พ่อเก็บเอาไว้ "
"แกก็รู้ คนอย่างคุณลิตรไม่เคยไว้ใจใคร นอกจากตัวเอง คงจะเอาไปเก็บไว้ในตู้เซฟธนาคารเหมือนกับที่เก็บพวกโฉนดที่ดินทั้งหมด"
"แล้วถ้าเกิดเปิดตู้เซฟแล้วไม่เจอพินัยกรรมอยู่ในนั้นล่ะ"
"คนที่ตกที่นั่งลำบากก็คือ...คุณนัน!"
ไกรภัทรพยักหน้าเห็นด้วยกับพ่อ แล้วบอก
"อืม ถึงจะเป็นลูกสาวแท้ๆแต่คุณฤทัยก็อยู่ในฐานะเมียที่จดทะเบียสมรสกับคุณลิตรอย่างถูกต้องตามกฎหมาย คุณฤทัยมีสิทธิ์จะได้มรดกเท่าๆกับคุณนัน ทั้งเงินสดในแบงค์ โรงสี ที่ดินจำนวนมาก รายได้จากการให้เช่าที่ดินอีกมหาศาล ดีไม่ดี คุณนันอาจจะไม่ได้อะไรเลย ถ้าคุณฤทัยชิงฟ้องศาลขอเป็น ผู้จัดการมรดกแทน"
สมุทรชัยดูกังวลมาก
"พ่อคงยอมให้มันเป็นแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด"
"แต่พ่ออย่าลืม พรุ่งนี้คุณฤทัยขอนัดพ่อคุยเรื่องมรดก คงต้องบังคับให้มีการเปิดพินัยกรรมเร็วๆแน่"
"แต่แกอย่าลืม คุณนันยังอยู่ในโรงพยาบาล และศพคุณลิตรก็ถูกอายัติไปรื้อคดีใหม่ จะมาขอเปิดพินัยกรรมตอนนี้ มันไม่ง่าย"
ไกรภัทรยิ้มๆมองสบตากับพ่อ
ภายในโรงพยาบาล ธีร์กลับจากเยี่ยมนันทนัชมายังห้องพักฟื้นที่ห้องตัวเอง หมวดเมธมาสอบปากคำ โดยมีพ.ต.ต.สันต์ร่วมด้วย
"นี่ก็แสดงว่า ตอนที่ธีร์มาเห็นหนูนันอีกที ไอ้โม่งมันก็ไปแล้ว"
ธีร์นึกแค้น
"หึ! เสียดาย ที่ผมไม่เจอมัน"
"ถ้าอย่างงั้น พยานปากสำคัญเพียงคนเดียวในคดีนี้ คือคุณกฤต"
สีหน้าธีร์ดูจะไม่ปลื้มกับกฤตพนธ์นัก
"เค้าอาจจะช่วยชีวิตนันไว้ก็จริง แต่คุณกฤตคนนี้สนิทกับฝั่งแม่เลี้ยงของนัน บอกตรงๆ ผมไม่ไว้ใจเลย"
มีเสียงเอะอะดังขึ้นที่หน้าห้อง
"มีอะไรที่หน้าห้อง" สันต์ว่า
แฟนต้า สาวซ่าถือตะกร้าเยี่ยมไข้ฝ่าด่านตำรวจเข้ามาในห้อง จนต้องจับตัวกันวุ่น
ตำรวจ1บอก
"เข้าไม่ได้นะครับคุณ...เข้าไม่ได้"
"ทำไมจะเข้าไม่ได้ ฉันจะมาเยี่ยมเพื่อนฉัน"
ธีร์เห็นแฟนค้าก็ทำหน้าเซ็ง
"ปล่อยเค้าเถอะครับ เพื่อนผมเอง"
หมวดเมธพยักหน้าสั่ง ตำรวจทั้ง 2 นายเลยหยุด แฟนต้าหันมายกมือยิ้มสดใสทักทายธีร์
"หวัดดี...พี่ธีร์"
ภายในห้องพักพิเศษ
นันทนัชดูสลึมสลือ เพิ่งตื่น แล้วพบว่าตัวเองอยู่ที่ไหนไม่รู้ ก็ยันตัวลุกขึ้นจะออกจากห้องเธอดึงสายน้ำเกลือออก ลงจากเตียง ลงเดินแต่แทบไม่มีแรง เดินกระเผลกเกาะตู้ ผนัง ลากสังขารไปที่ประตู แต่ชะงัก เมื่อได้ยินคนเดินมาที่หน้าประตู
เธอได้ยินเสียงทุ้มต่ำของผู้ชายพูดกัน แต่ฟังไม่ได้ศัพท์
นันทนัชจับคอเสื้อด้วยความกลัวมาก คิดว่าจะมีคนมาเก็บเธออีก จึงหันรีหันขวาง...เห็นแจกัน เลยยื่นมือไปคว้าแจกันมาถือไว้ แต่ในจังหวะนั้นประตูเปิดออกออกพอดี... ชายคนหนึ่งเดินเข้ามา เธอเงื้อแจกันหมายจะตีทันที แต่ถูกชายคนนั้นจับแขนไว้ได้
"ปล่อยฉันนะ ปล่อย! แกจะทำอะไรฉัน ไอ้บ้า แอร๊ย"
เธอกรีดร้องดิ้นขัดขืน แต่ถูกปิดปากไว้ เธอเบิกกว้างตกใจมากที่ถูกจับอุดปากไว้
อ่านต่อหน้า 4
เรือนริษยา ตอนที่ 2 (ต่อ)
ภายในห้องพักฟื้นของธีร์ แฟนต้าเดินมองสำรวจธีร์ตั้งแต่หัวจรดเท้า ทำตาโต ปากเหว๋อ เขามองอย่างรำคาญ
"โอ้โห อาการหนักนะเนี่ยะพี่ธีร์"
"ตกลงจะมาเยี่ยมหรือมาแช่งกันแน่"
ธีร์ เดินกลับมาขึ้นนอนบนเตียง
"ที่จริงต้าตั้งใจมาเยี่ยมยัยนันมากกว่า"
"แล้วไง"
"แต่ตำรวจไม่ให้เยี่ยมน่ะดิ ต้าเลยผ่าด่านมาเยี่ยมพี่ธีร์แทน ขอให้หายเร็วๆนะคะ"
"ขอบใจที่เป็นห่วง"
แฟนต้าเบ้ปากใส่
"ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ พี่ธีร์ขับรถห่วยหรือใครอยากจะฆ่ายัยนัน"
"รู้แล้วไง เราจะช่วยอะไรได้ห่ะ มีแต่ช่วยให้เสียเรื่องซิไม่ว่า"
"หึ ถามดีๆ ไม่ยอมบอก งั้นคืนนี้ต้าจะเฝ้าไข้พี่ทั้งคืนเลย"
แฟนต้าพูดพลางทิ้งตัวลงนอนบนโซฟา ธีร์ตกใจ
"เฮ้ย! ไม่เอา ไม่ต้องเฝ้า ไม่เป็นไรมาก โอ๊ย"
อารามเด้งตัวลุกเร็ว ธีร์เจ็บที่ไหปลาร้าซึ่งยังบาดเจ็บอยู่
"เห็นไม๊ ไม่เป็นไรมากอะไร แค่ลุกจากเตียงยังไม่ไหวเลย"
ธีร์เถียงไม่ออก เซ็งล้มตัวลงนอนตะแคง แฟนต้าที่แอบชอบธีร์อยู่ หัวเราะคิก สนุกที่ได้แกล้ง
ฝ่ายนันทนัชถูกจับอุดปากไว้ พยายามดิ้นขัดขืนช่วยตัวเองสุดฤทธิ์ พยายามจะกรีดร้องทั้งๆที่ปากถูกอุด
"หยุดดิ้นได้ไม๊ นี่ผมเอง หลับหูลับตาร้องไปได้"
เธอหยุดกึก จ้องมองกฤตพนธ์ ก่อนพลิกตัวผลักอกเขาออกเต็มแรงจนหลังของเขากระแทกกับข้างฝา
"โอ๊ะ!"
"คุณมาทำอะไรที่นี่! นังฤทัยส่งคุณมาเก็บฉันใช่ไม๊ ออกไปนะ! ไอ้พวกสารเลว ฆ่าพ่อฉันยังไม่พอ ยังคิดจะฆ่าฉันอีก ฉันไม่มีวันตายง่ายๆหรอก ฉันจะต้องมีชีวิตอยู่ เพื่อเอาพวกแกเข้าคุกให้หมด ออกไป ไสหัวไปให้พ้น ไป" นันทนัชพูดพลางน้ำตาเอ่อขึ้นมาอย่างแค้น
เธอเขวี้ยงแจกันที่อยู่ในมือ เขาอ้าปากค้าง ตาเหลือก
"เฮ้ย"
เขาก้มหลบได้อย่างฉิวเฉียด แจกันปาถูกข้างผนังแตกเปรี้ยง! จากนั้นเธอก็อาละวาด คว้าข้าวของใกล้มืออื่นๆปาใส่เขาไม่ยั้ง ปากก็เอะอะโวยวาย
"หยุดนะคุณ ฟังผมก่อนซี หยุด โอ๊ะ...เป็นบ้าไปแล้วเหรอ!"
ตำรวจหน้าห้อง 2 นายรีบเปิดประตูเข้ามา เห็นสภาพกฤตพนธ์ถูกปาข้าวของใส่ หลบวุ่นอยู่
ตำรวจ 1ถาม
"เฮ้ย...อะไรกันครับคุณ"
เธอรีบวิ่งเข้าไปหาตำรวจทันที
"คุณตำรวจ...ช่วยฉันด้วย...จับไอ้นี่ไปเลย มันจะมาฆ่าฉัน จับมันเลย"
"ฆ่าอะไรกันคุณ คุณกฤตเป็นคนช่วยชีวิตคุณเอาไว้นะครับ"
"หา! นัยนี่น่ะเหรอ ช่วยชีวิตฉัน"
"ถ้าคุณไม่ตาบอด ก็ดูหน้าผม นี่ๆๆ" เขาชี้ๆแผลบนใบหน้าตัวเอง "ที่มันเป็นแบบนี้ ก็เพราะไปช่วยคุณนั่นแหละ"
เธอสงบลง แต่เขายืนหัวเสียอยู่
ภายในห้องพักฟื้นของธีร์ เขาเขี่ยๆข้าวต้มในจานของโรงพยาบาลแล้ววางช้อน เจ็บบาดแผลจนทำให้ไม่นึกอยากกินอะไร ... เขาวางช้อน
"ทำไมไม่กินล่ะพี่ธีร์"
"อิ่มแล้ว"
"อิ่มทิพย์หรือไง เพิ่งเห็นกินไป 2 คำเอง เจ็บไหล่ใช่ม้า ม่ะ...ต้าป้อนให้เอง"
แฟนต้าตักข้าวต้มยื่นจะป้อน แต่ธีร์เบือนหน้าหนี
"อย่ายุ่งกับพี่น่า กลับไปได้แล้วไป ไม่ต้องมาเฝ้าหรอก มีอะไร เดี๋ยวเรียกพยาบาลเอง"
"อ๋อ อยากมีประสบการณ์ดีๆกับพยาบาลว่างั้นเหอะ"
ธีร์มองหน้าดุ
"พี่ไม่ใช่พวกชีกอแบบนั้น"
แฟนต้าดักคอ
"แหมๆ รู้หรอกน่า ว่ารักเดียวใจเดียวกับยัยนัน ถึงไม่ใจอ่อนกับต้าซะที"
ธีร์หลบตา อึดอัด รีบเปลี่ยนเรื่อง
"เฮ่อ ป่านนี้นันจะฟื้นหรือยังก็ไม่รู้" ธีร์ว่า
"พี่ไม่ต้องห่วงหรอกน่า หมอเค้าคงดูแลอย่างใกล้ชิด ขนาดจะเข้าไปเยี่ยม ยังไม่ยอมให้เยี่ยมเลย เอาตำรวจหน่วยสวาทมาดักไว้เต็มไปหมด" เธออดคิดสงสัย "แปลกนะ! ต้าก็อยู่เมืองไทยแท้ๆไม่ได้รู้ข่าวเลยว่า พ่อยัยนันตายเมื่อไหร่ แล้วนันอยู่ไกลตั้งอังกฤษ ที่ยงที่อยู่ก็ไม่เคยให้ใครที่บ้านเอาไว้เลย แล้วยัยนันรู้เรื่องนี้จากใครคะ"
"มีผู้หวังดีส่งจดหมายด่วนไปบอกนันที่อังกฤษ"
"แล้วยัยนันรู้รึปล่าวว่าใครส่งไปให้"
ธีร์ส่ายหน้า
"ไม่รู้หรอก"
"อ้าว...แล้วคนๆนั้นดันรู้ที่อยู่ของยัยนันได้ยังไงกัน นี่ถ้าเป็นหนังฆาตกรรม ก็ต้องว่ามีใครสักคน แอบส่งคนตามติดชีวิตยัยนันทุกฝีเก้า พอพ่อตาย...ยัยนันกลับมารับมรดกก็เลยถูกเก็บ นี่มันยิ่งกว่าหนัง ศึกชิงมรดกเลือดซะอีก"
คำพูดของแฟนต้า ยิ่งทำเอาสีหน้าธีร์ยิ่งเป็นห่วงนันทนัชมากขึ้น
หลังสงบศึกแล้ว นันทนัชก็มานั่งคุยกับกฤตพนธ์
"ฉันถูกสั่งเก็บ"
"คุณรู้ได้ยังไง"
"ตอนที่ฉันถูกไอ้โม่งนั่นจับกดน้ำ ฉันได้ยินมันพูดว่า..."
เธอปากคอสั่น น้ำตาเริ่มจะไหล ภาพถูกทำร้ายอันน่ากลัวยังติดตาจนสั่นสะท้าน
"มันพูดว่าอะไรครับ"
"มันพูดว่า...โชคร้ายของแกอีหนู ที่ดันเกิดมาเป็นลูกสาวของนายลิตร"
เธอน้ำตาไหลพรากอย่างเจ็บปวด กฤตพนธ์ได้ฟังถึงกับอึ้งไปเลย
"หลังจากที่ฆ่าพ่อฉันแล้ว ก็ถึงคิวของฉันที่มันต้องเก็บ ทุกอย่างเป็นฝีมือของนังแม่มดฤทัย มันต้องการจะฮุบเรือนรัตนะ และสมบัติของพ่อฉันทั้งหมด ไม่มีฉันสักคน มันกับลูกจะได้เสวยสุขกันสบาย"
"ผมเห็นใจคุณนะครับคุณนัน ที่คุณต้องมาเจอเรื่องเลวร้ายแบบนี้ แต่ถ้าคุณยังไม่มีหลักฐาน ก็อย่าเพิ่งไปโยนความผิดให้คุณน้าฤทัยเค้า"
นันทนัชสวนขวับทันที
"ทำไม! หรือว่าคุณร่วมอยู่แผนการด้วย นังฤทัยส่งคนมาทำร้ายฉัน แล้ววางแผนซ้อนแผน ส่งว่าที่ลูกเขยอย่างคุณตามมาช่วย เพื่อจะได้ช่วยทำให้ตัวเองพ้นผิดใช่ไม๊"
กฤตพนธ์ฉุน
"มันไม่มากเกินไปหน่อยเหรอคุณ ผมช่วยคุณไว้ คุณจะขอบคุณผมสักคำยังไม่มี แล้วยังมากล่าวหาว่าผมเป็นพวกฆาตกรอีก ทำดีไม่ได้ดี"
"ฉันจะไม่มีวันขอบคุณคุณ ตราบใดที่ฉันยังไม่แน่ใจว่าคุณมาดีหรือมาร้ายกับฉันกันแน่"
"หึ ผมว่าผมโชคร้ายมากกว่าที่ต้องมาช่วยคนอย่างคุณ"
"แล้วทำไมคุณไม่ปล่อยให้ฉันตายไปเลย มาช่วยฉันไว้ทำไม โอ๊ะ"
นันทนัชมีอาการหน้ามืดวูบลงจะล้ม จนกฤตพนธ์ต้องประคองไว้
"โอ๊ะคุณ! พอๆ ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว รีบไปนอนพักเถอะ"
เขาประคองเธอพาไปนอนลงที่เตียง เขาดึงผ้าจะห่มให้ แต่เธอปัดมือเขา
"ออกไป! ฉันอยากอยู่คนเดียว"
เขาทำหน้าสุดเซ็งอุตส่าห์ช่วยแล้วยังโดนไล่ วางผ้าห่ม
พยาบาลเปิดประตูเข้ามาพอดี
"คุณนันทนัชรู้สึกตัวแล้วเหรอคะ"
"ผมว่าให้ยาระงับประสาทเค้าหน่อยน่ะครับ เดี๋ยวจะคลุ้มคลั่งขึ้นมาอีก"
นางพยาบาลงง
"คะ"
เขาเดินออกไป พยาบาลเดินเข้ามาตรวจดูอาการเธอที่นอนซม ครุ่นคิดว่าจะจัดการกับชีวิตยังไงดี...ต่อจากนี้
"คุณนันทนัชรู้สึกเป็นไงบ้างคะ"
ภายในหน่วยข่าวกรองและปราบปรามการก่อการร้ายข้ามชาติ ภานุในชุดทหารเดินมาที่หน่วย...ทักทายเพื่อนในหน่วย แล้วเดินเข้ามาที่ห้องทำงาน เจอกฤตพนธ์กำลังนั่งอ่านเอกสารเต็มโต๊ะทำงานของตัวเอง
"โอ้โห ขยันแต่เช้าเลยเพื่อน วันนี้หน่วยเรามีภาระกิจพิเศษอะไรวะ"
ภาณุพูดพลางหยิบเอกสารบนโต๊ะกฤตพนธ์มาดู แล้วต้องอึ้ง เขาหยิบใบที่ 2..3..4...5มาดู
"เฮ้ย...ไรนี่ มันภารกิจรักหรือไง มีแต่เอกสารเกี่ยวกับคนในเรือนรัตนะเต็มไปหมดเลย แค่แกจะแต่งเอาคุณกิ๊บมาเป็นภรรยาแค่เนี่ยะ แกต้องลงทุนสืบค้นประวัติเขาขนาดนี้เชียวเหรอวะนายกฤต"
"ไม่ใช่ภารกิจรักอะไรของแกหรอก ฉันกำลังสนใจคดีที่คุณนันทนัชถูกดักทำร้ายและการตายของคุณลิตรต่างหาก นี่แกดู..." เขาส่งเอกสารให้เพื่อน "จริงอย่างที่คุณนันว่า คุณลิตรคบกับฤทัยมา 2ปี แต่เพิ่งจดทะเบียนกันได้แค่2วันก่อนที่เขาจะตาย โดยทิ้งทรัพย์สมบัติไว้มากมายมหาศาล"
"ถามจริงๆเถอะ แกสนใจเรื่องคดี หรือว่า....สนใจคุณนันกันแน่วะ"
กฤตพนธ์วางเอกสารโครม
"ถ้าฉันสนใจยัยนั่นก็บ้าแล้ว ผู้หญิงอะไร ปากร้ายที่สุด เพราะฉันดันไปร่วมชะตากรรมกับเจ้าหล่อนน่ะเข้าซี ฉันก็เลยอยากจะเอาตัวไอ้โม่งโคตรเหี้ยม มาติดคุกให้ได้"
"หึๆๆ ไอ้นั่นมันซวยจริงๆว่ะ ที่ดันมาเจอคนกัดไม่ปล่อยอย่างแกเข้า ว่าแต่ตอนที่สู้กับมัน แกจำตำหนิรูปพรรณอะไรไอ้โม่งได้บ้างไม๊"
"ไม่มีน่ะซิ หน้ามันก็ดันใส่หมวกปิดเอาไว้ แต่ฉันต้องจำมันได้แน่ ถ้าได้เจอตัว ได้สู้กับมันอีกครั้ง และถ้ามันจะคิดฆ่าคุณนันจริงๆล่ะก็ เค้ารอดมาแบบนี้ มันไม่ปล่อยให้ลอยนวลแน่ มันต้องหาทางมาเก็บเค้าอีก"
กฤตพนธ์เก็บเอกสาร ลุกจากโต๊ะ
"อ้าวๆ แล้วนั้นแกจะไปไหนวะ"
"ไปโรงพยาบาล"
"ฮั่นแน่"
"ฉันจะไปล้างแผลเว้ย"
ภานุยิ้มแซวๆ กฤตพนธ์เดินหนีออกไป
กฤตพนธ์เปลี่ยนชุดเป็นเครื่องแบบทหารครึ่งท่อน เดินเข้ามายังโรงพยาบาล เขาเห็นนันทนัชกำลังโวยวายกับหมวดเมธและตำรวจ 2 นายอยู่หน้าห้อง เสียงดังเอะอะ
"ฉันจะกลับบ้าน หลีกไปซีคะ มาขวางฉันไว้ทำไม"
หมวดเมธบอก
"สภาพยังงี้ คุณจะกลับได้ยังไงครับ หมอยังไม่อนุญาต"
"ก็ฉันจะกลับ หมอมีสิทธิ์อะไรมากักขังฉันไว้ ฉันเป็นเจ้าทุกข์นะ ไม่ใช่จำเลย"
"ก็เพราะคุณเป็นเจ้าทุกข์ คุณถึงต้องให้ความร่วมมือกับตำรวจ คุณต้องอยู่ในการอารักขาของตำรวจและให้ปากคำผมก่อนซีครับ"
"ถ้าคุณอยากรู้ข้อมูลอะไร ตามไปคุยกับฉันที่บ้านซี ไม่ใช่กักขังฉันไว้ที่นี่ หลีกทางซี ฉันจะกลับบ้าน"
"อนุญาตให้เธอกลับเถอะครับหมวด ขืนห้าม เดี๋ยวเธอก็หาทางหนีกลับไปเอง จะยุ่ง" กฤตพนธ์บอก
ทุกคนชะงักมองมา กฤตพนธ์เดินเข้ามา
"ผมว่าจัดกำลังตำรวจอารักขาตามไปส่งเธอถึงบ้านดีกว่านะครับ"
"ถ้าอย่างงั้น คุณต้องเป็นคนขับไปส่งฉัน"
"ทำไมต้องเป็นผมด้วย"
"ก็ถ้าเกิดฉันถูกฆ่าตายระหว่างทาง หรือเกิดอะไรขึ้นกับฉัน ก็แน่ใจได้เลยว่าคุณเป็นพวกเดียวกับฆาตกรไงล่ะ"
นันทนัชชี้หน้า กฤตพนธ์ฉุน ปัดมือออก
"นี่คุณ"
ตอนนั้นเองมีเสียงเรียกดังขึ้นขัดจังหวะ
"นัน...นัน...ทางนี้"
นันทนัชมองไปเห็นแฟนต้าโบกมือเรียกอยู่ไม่ไกล โดยมีตำรวจอีก 2 นายกันไว้ไม่ให้เข้า
"แฟนต้า! นั่นเพื่อนฉันค่ะ อนุญาตให้เข้ามาเถอะ"
หมวดเมธพยักหน้าส่งไปบอกลูกน้อง ตำรวจปล่อย แฟนต้าวิ่งเขามากอดเพื่อน
"เป็นไงบ้างนัน ฉันเป็นห่วงแกมากเลย"
"ฉันไม่เป็นไรแล้ว แล้วนี่ แกมาได้ยังไง"
"ก็มาเยี่ยมตัวน่ะซิ แต่ตำรวจไม่ให้เยี่ยม ฉันเลยไปนอนเฝ้าเป็นพยาบาลให้พี่ธีร์แทน"
"พี่ธีร์เป็นยังไงบ้าง"
"ไม่ต้องห่วงพี่ธีร์หรอก ห่วงตัวเธอเองเถอะนัน แล้วทำไมไม่นอนพักในห้องล่ะ ลุกออกมาทำไม ตัวยังดูแย่อยู่เลยนะ"
เธอสีหน้าเอาจริง
"ฉันจะกลับบ้านของฉัน หาซื้อผ้าให้ฉันเปลี่ยนสักชุดซิต้า มีไม๊"
แฟนต้าพยักหน้า
"ในรถฉันมี"
นันทนัชนั่งไปในรถที่กฤตพนธ์เป็นคนขับ มีรถตำรวจ 2 นายขับตามหลัง รถติดฟิล์มมืดคันหนึ่ง จอดซุ่มอยู่หน้าโรงพยาบาล เชนกับสมหมายนั่งซุ่มดูอยู่ในรถ ขณะที่กฤตพนธ์ขับรถพานันทนัชผ่านหน้ารถคันดังกล่าวไป
"นั่นไงพี่เชน ไอ้คนที่ไปช่วยลูกสาวนายลิตรเอาไว้ มันกำลังขับรถพายัยนั่นไปไหน" สมหมายบอก
"หึ มีตำรวจตามอารักขามันไปด้วย" เชนบอก
"ตามมันไปไหมพี่"
"ตาม!"
ลูกน้องชองเชนขับรถตามไปห่างๆ
"มันเป็นทหาร ไม่ใช่ตำรวจทำคดีซะหน่อย เสือกมายุ่งอะไรกับเรื่องนี้วะ รนหาที่ตายซะแล้วมึง"
สีหน้าเชนหงุดหงิดมาก
กฤตพนธ์ขับรถเข้ามาจอดที่รั้วเรือนรัตนะ รถตำรวจจอดตามที่ด้านหลัง นันทนัชเปิดประตูก้าวลงจากรถ มายืนมองบ้านที่จากไปหลายปีอย่างปวดร้าว
"5 ปีเต็มๆ ที่ไม่เคยกลับมาเหยียบที่นี่ ทุกอย่างยังเหมือนเดิม"
เธอเหมือนพูดกับตัวเอง น้ำตาเอ่อ เขาก้าวลงจากรถมายืนมอง เธอก้าวเดินกระเผลกเข้าบ้าน เขาเดินตามแต่ตาเหลียวมองไปที่ประตูรั้ว มองเห็นรถของเชนที่ขับผ่านไปอย่างผิดสังเกต กฤตพนธ์รู้สึกได้ว่า อาจถูกสะกดรอยตาม แต่ไม่บอกตำรวจ
เธอเดินกะเผลกเข้าบ้าน เซ
"โอ๊ะ!"
เขารีบเข้ามาช่วยประคองแขนไว้ เธอรู้สึกขอบคุณ แต่ยังไม่ยอมพูด
"ไม่ต้อง ฉันเดินเองได้"
"ถ้าเดินเองได้ เมื่อกี้คุณจะเซเหรอ เดินไปเถอะน่า ไหนๆคุณก็บัญชาให้ผมพาคุณมาส่งบ้านแล้ว พยุงแค่นี้ไม่เหลือบ่ากว่าแรงผมหรอก"
เธอให้เขาพยุงพาเธอเดินเข้าบ้าน
ภายในห้องโถงใหญ่ ฤทัย กนกกร รนฤทธิ์ คุยกับสมุทรชัยและไกรภัทร
"เอ๊า...เร็วๆซีคะคุณทนาย พวกเรารอฟังเรื่องแบ่งมรดกของพ่อลิตรอยู่ ตกลงจะเอาไงคะ จะเปิดพินัยกรรมวันไหน เมื่อไหร่" กนกกรถาม
"ฉันมีนัดกับเพื่อนนะ ต้องรีบไป ไม่มีเวลามานั่งรอฟังทั้งวันหรอก" รณฤทธิ์บอกฤทัยต้องหันไปยกมือโบกห้ามลูกตัวแสบทั้ง 2 ให้สงบปากหยุดพูด ก่อนตัวเองจะหันไป
จีบปากจีบคอพูด
"ตกลงว่าคุณลิตรไม่ได้ทำพินัยกรรมไว้ก่อนตายใช่ไม๊คะ ถ้าอย่างงั้นการแบ่งมรดกก็ไม่น่าจะยุ่งยากอะไร ภรรยาที่จดทะเบียนสมรสอย่างถูกต้องอย่างดิฉันก็..."
"คุณลิตรทำพินัยกรรมไว้ครับ" สมุทรชัยว่า
ฤทัยถึงกับค้างไป
"ทำเมื่อไหร่ ทำไมฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย แล้วตอนนี้พินัยกรรมอยู่กับคุณทนายเหรอคะ"
"ไม่ได้อยู่ที่ผมครับ อยู่ที่ตู้เซฟของธนาคาร เรากำหนดวันเปิดพินัยกรรมเมื่อไหร่ ก็ต้องเอาหมายศาลจัดพร้อมพยานและเจ้าหน้าที่ตำรวจไปเปิดตู้เซฟนำพินัยกรรมออกมา"
"ถ้างั้นก็นัดวันเลยซี มัวรออะไรอยู่ เปิดๆพินัยกรรมแบ่งมรดกกันไปซะ จะได้สิ้นเรื่องสิ้นราว" รณฤทธิ์ว่า
เสียงนันทนัชดังขัดขึ้นมา
"ถ้าฉันไม่ยอม การแบ่งมรดกก็เกิดขึ้นไม่ได้เด็ดขาด"
ทุกคนตกใจ หันมองไป กนกกรแทบกรี๊ดที่เห็นกฤตพนธ์ประคองนันทนัชเข้ามา สมุทรชัยกับไกรภัทรแอบมีสีหน้าโล่งใจ
"ห่ะ คุณกฤต! นี่มันอะไรกันคะ คุณพาแม่นี่มาทำไม"
"เอ่อ...คือ"
เขาไม่มีโอกาสอธิบาย เพราะนันทนัชเอาแต่ประกาศสงครามกับทุกคน
"ตราบใดที่ตำรวจยังไม่สรุปการรื้อคดี ว่าพ่อฉันตายยังไง แล้วใครเป็นฆาตกร ก็จะไม่มีการแบ่งสมบัติใดๆทั้งสิ้น"
"มันจะมากเกินไปแล้ว"
ฤทัยโกรธถึงขีดสุด ลุกขึ้นเผชิญหน้านันทนัช
อ่านต่อตอนที่ 3