xs
xsm
sm
md
lg

เพลงรักผาปืนแตก ตอนที่ 12

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เพลงรักผาปืนแตก ตอนที่ 12

กำนันปราบเข้ามาในห้อง ด้วยอารมณ์หงุดหงิด พลางปัดแก้วน้ำในห้องตกไปแตกกระจาย ก่อนที่จะอาละวาดใส่ลำดวน ที่นอนพักอยู่บนเตียง
“ไอ้เวรเอ้ย วอดวายหมด .รู้เมื่อไหร่ว่าพวกแกเป็นใครล่ะก็ ไม่ได้ตายดีแน่”
“ใจเย็นๆนะพี่ หมดที่นี่ไปก็ใช่ว่าพี่จะหมดทางทำมาหากิน”
กำนันปราบหันมามองลำดวน ด้วยความไม่พอใจ
“แต่โรงงานนี้มันเป็นแหล่งทำเงินให้ฉัน ฉันเสียมันไปเท่ากับเงินในกระเป๋าฉันหายไปครึ่งนึงเลย
เธอก็ต้องรีบหายป่วย แล้วรีบลุกๆขึ้นมานึกให้ออกซะทีว่าไอ้ถ้ำทองคำที่เธอเห็นน่ะ มันอยู่ที่ไหน”

ขณะที่ชาติ ก็เดินเข้ามาในห้องนอน ด้วยอารมณ์หงุดหงิดไม่แพ้กัน เนื้อทองที่ทำเป็นนอน เล่นอยู่บนเตียง เอียงหน้าหันมา
“ไหนบอกว่าคืนนี้เธอไม่กลับไง”
“งานฉันมีปัญหา โดนไอ้เสือกับนางสิงห์มันเล่นงานเข้าให้ เลยต้องกลับมาตั้งหลักก่อน”
เนื้อทองทำเป็นลุกขึ้นมาจับตัวชาติมาหมุนตัวไปมาหาดูว่าบาดเจ็บมารึเปล่า แต่โดนชาติ ปัดมือแรงๆ
“ฉันไม่ได้เป็นอะไรหรอกน่า อย่างพวกมันทำอะไรฉันไม่ได้หรอก”
“ฉันก็แค่เป็นห่วงเธอนะชาติ”
ชาติชะงักไป
“ฉันขอโทษ ฉันอารมณ์เสียไปหน่อย เจ็บใจที่อยู่ๆพวกมันก็โผล่มาเล่นงานฉันได้ ทั้งๆที่งานของฉันคราวนี้ เป็นความลับ ไม่มีใครรู้นอกจากพวกฉันเท่านั้น”
“ถ้าเป็นความลับแล้วไอ้เสือกับนางสิงห์จะรู้ได้ยังไงล่ะ” เนื้อทองแกล้งถามลองเชิง
“ก็นั่นสิ งานของฉันรั่วไปถึงหูมัน แสดงว่าต้องมีหนอนบ่อนไส้”
พูดพลางหันไปมองหน้าเนื้อทองแบบเอาเรื่อง จนเนื้อทองสะดุ้ง แต่พยายามเก็บสีหน้า
“แล้วเธอคิดว่าใครเหรอ”
ชาติส่ายหน้า“ถ้าฉันรู้ป่านนี้ฉันจับมันมายิงกรอกปากไปแล้ว แต่มันคงซ่อนตัวอยู่ในบ้านฉันได้ไม่นานหรอก ฉันจะต้องสืบหามันให้เจอ ไอ้พวกที่คิดทรยศหักหลัง มันไม่ได้ตายดีแน่”
ชาติหน้าเหี้ยม เนื้อทองรู้สึกกังวลกลัวแต่ปกปิดสีหน้าเอาไว้

เชนมาเคาะประตูห้อง พลางตะโกนเรียกวัลภา “วัลภา เมียจ๋า ไม่เอาน่า ภารกิจของไอ้เสือกับนางสิงห์วันนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี เพราะความ สามัคคีของเราสองคน ถ้าไม่คิดจะให้รางวัลปลอบใจผัวจ๋า งั้น ให้ผัวจ๋าเข้าไปให้รางวัลปลอบใจเมียจ๋าได้มั้ย”
วัลภาเงียบไม่ตอบ เชนถอนหายใจยาวหน้าเซ็งๆหยุดเคาะปรตู
“นอนข้างนอกอีกแล้วใช่มั้ยเนี่ย”
เชนหันหลังเดินคอตก แต่จู่ๆ วัลภาก็เปิดประตูออกมา เชนไม่ทันตั้งตัว ก็ถูกวัลภาจู่โจมเข้ามา แล้วยื่นหน้าเข้ามาจูบปากประกบปาก จนเชนอึ้ง
“วันนี้เอารางวัลไปเท่านี้ก่อน ไว้กวาดล้างพวกมันให้สิ้นซากไปจากผาปืนแตกได้เมื่อไหร่ จะจัดให้ อย่างที่ขอ”
“ผาปืนแตกจะต้องไม่ใช่นรกบนดิน แต่จะเป็นสวรรค์บนดินด้วยฝีมือไอ้เสือ สู้เว้ย”
เชนพูดด้วยแววตาที่มุ่งมั่น

เอื้อมเดือนก็ค่อยๆลุกจากเตียง พลางมองเพลิง ที่นอนหลับอยู่บนเตียงด้วยแววตาเศร้าสร้อย พลางคิดถึงวันที่ได้พบกับเพลิงวันแรก แล้วก็น้ำตาคลอ
ครู่หนึ่งเพลิงก็ขยับพลิกตัว เอื้อมเดือนรีบยกมือขึ้นปาดน้ำตา

ผู้กองสมานกับจ่าลูกน้องสะพายกระเป๋าเป้เดินทาง นั่งรออยู่ที่เพิงสังกะสีข้างทาง เพราะรถที่โดยสารมาเสีย แถมยังไม่มีวี่แววว่าจะไปต่อได้ ผู้กองสมานรีบหันไปถามคนขับรถ
“ถ้ารถไปไม่ไหว แล้วฉันจะไปถึงผาปืนแตกได้ยังไงล่ะลุง”
“เดินไปก็คงไม่ไหว เพราะอีกไกล คงต้องรอโชคช่วยโบกรถที่ผ่านมาแล้วล่ะพ่อหนุ่ม”
คนขับรถตอบตรงๆ จ่าลูกน้องได้ฟังแล้วถึงกัลถอนหายใจ“สมกับชื่อบ้านผาปืนแตกจริงๆนะครับผู้กอง ไปอีกนิดเดียวก็ชายแดนแล้วนะเนี่ย”
“เอาน่าจ่า ยังไงก็ไม่มีที่ให้เราไปไหนต่อแล้วนี่ ใครจะรู้พอไปถึงแล้ว ผาปืนแตก อาจจะกลาย เป็นบ้านถาวรของเราต่อก็ได้”
ผู้กองสมานพูดไปก็หยิบเอาผีเสื้อพลาสติกที่ใช้ร้อยเป็นมู่ลี่ออกมาจากกระเป๋าเป้เอาขึ้นมานั่งดู “ผีเสื้อพลาสติกในมือผู้กองนั่นมันมีอะไรเหรอครับ ผมเห็นผู้กองหยิบมาเป็นอย่างแรก ตั้งแต่ต้อง หนีออกมาจากบ้านแล้ว”
จ่าลูกน้องเห็นแล้วก็อดสงสัยไม่ได้

“ของชิ้นสุดท้ายที่อยู่ในมือของผู้หญิงที่ผมรักในวันที่เธอจากผมไปน่ะจ่า”

เพลิงสะดุ้งตื่นจากฝันร้าย พลางรีบปาดเหงื่อที่เต็มหน้า แล้วก็ต้องแปลกใจที่เอื้อมเดือน ไม่อยู่ ที่เตียงแล้ว
เพลิงรีบลุกจากเตียงหันไปเห็นเอื้อมเดือนอยู่ที่ระเบียง
“ออกมาทำอะไรข้างนอกเหรอครับคุณหมอ”
เอื้อมเดือนอึกอัก
“เพลิง เอ่อ คือฉันตื่นเต้นจ้ะ วันนี้เราสองคนจะแต่งงานกันแล้ว ฉันไม่รู้จะทำอะไรก่อนอะไรหลังดี”
“งั้นผมว่าเราค่อยๆเตรียมงานกันไปไม่ดีกว่าเหรอครับ ฉุกละหุกแบบนี้มันจะไม่สมเกียรติของ คุณหมอนะครับ”
เอื้อมเดือน ส่ายหน้า
“ไม่นะเพลิง เราต้องแต่งงานกันวันนี้ สำหรับฉัน เกียรติยศอะไรฉันไม่ต้องการ นอกจากได้อยู่กิน กับเธออย่างถูกต้องฉันสามีภรรยา”
เพลิงยิ้มขำ “ผมนึกว่าผมใจร้อนแล้ว แต่คุณหมอใจร้อนกว่าผมอีก”
“ก็ถ้าเราแต่งงานกันแล้ว จะได้ไม่มีใครมาแยกเราสองคนไปจากกันได้ไง”
เอื้อมเดือนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ถึงไม่แต่งก็ไม่มีใครแยกเราได้หรอกครับ”

ผู้กองสมานมองดูผีเสื้อพลาสติในมือ แล้วคุยกับจ่าต่อ
“ใช่แล้วจ่า ผู้หญิงที่ผมรักแต่ต้องมาตายเพราะโดนไอ้สารเลวอย่างไอ้เพลิงหลอกใช้ เพื่อไต่เต้า ให้ตัวเองได้เป็นนักร้องชื่อดัง วันที่เธอตายเธอกำผีเสื้อนี่เอาไว้ ผมก็เลยเก็บเอาไว้เพื่อจะได้ ไม่ลืมว่า ผีเสื้อแสนสวย ของผมต้องถูกคนเลวๆอย่างไอ้เพลิงทำลาย”
“มีรถผ่านมาแล้วครับ เดี๋ยวผมไปถามเขาดีกว่าว่าพวกเขาจะไปส่งเราที่บ้านผาปืนแตกได้มั้ย”
จ่าเดินออกไปโบกเรียกรถ ผู้กองสมานมองผีเสื้อพลาสติกอีกครั้ง ก่อนจะแล้วเก็บลงกระเป๋าเป้ตามเดิม

วัลภางปลดกระโจมอกลง เผยให้เห็นรอยสักรูปผีเสื้อราตรีที่แผนหลัง กำลังจะใส่เสื้อผ้า เป็นจังหวะที่เชนเปิดประตูเข้ามาในห้องพอดี
“ไอ้บ้าเชน ไอ้ลามก เข้ามาทำไม”
“ก็นี่มันห้องนอน เสื้อผ้าฉันอยู่ในห้อง ฉันก็ต้องเข้ามาเอาเสื้อผ้าน่ะสิ ใครจะไปรู้ล่ะว่า เธอกำลัง เปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่”
“ไอ้บ้า ออกไปรอข้างนอก ให้ฉันเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก่อน ไปสิ”
วัลภาโวยวายเสียงดัง

เชนเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว ก็เดินเข้ามาหาวัลภาที่ยืนอยู่ที่ศาลาริมน้ำ “ฉันถามอะไรเธอหน่อยสิวัลภา เรื่องรอยสักรูปผีเสื้อที่หลังเธอ ฉันสงสัยมานานแล้ว”
วัลภาชะงัก “อย่ามาถามฉันเรื่องนี้ ฉันไม่มีอะไรจะตอบ”
พลางจะเดินหนีแต่เชนเข้าไปคว้าข้อมือรั้งไว้
“ยิ่งเธอพูดแบบนี้แสดงว่ามันไม่ใช่เรื่องไม่เป็นเรื่องแล้วล่ะ หรือว่าต้องให้ฉันบอกว่ารอยสักแบบนี้ มันหมายถึงอะไร”
วัลภาหน้าเสีย “นี่นายรู้เหรอ”
“ตอนเห็นครั้งแรกฉันก็จำไม่ได้หรอก แต่พอได้มาเห็นอีก ฉันก็พอจะนึกออกว่ามันหมายถึงอะไร”
วัลภาพยายามแกะมือเชนออก
“ปล่อยฉันนะเชน ปล่อย”

เชนตามวัลภามาทันที่ใต้ถุนเรือน
“เดี๋ยวสิวัลภา ฉันรู้แล้วว่ารอยสักนี่มันหมายถึงอะไร แต่ฉันไม่เชื่อหรอกนะว่าเธอจะ เคยเป็น เอ่อ”
วัลภาเอามืออุดหูตัวเอง “ฉันไม่อยากฟัง”
เชนพยักหน้า
“ก็ได้ แต่ฉันอยากจะให้เธอเข้าใจก่อน ว่าที่ฉันรู้จักรอยสักแบบนี้ ก็เพราะว่าตอนที่ฉันไปเป็น ทหารใหม่ๆ ฉันเคยได้ยินพรรคพวกในค่ายพูดถึงการช่วยเหลือหญิงสาวจากชายแดนที่ถูกหลอกขายไปให้พวก ผีเสื้อราตรี แล้วพวกมันก็จะใช้รอยสักนี้ตีตราผู้หญิงที่....”
“แต่ฉันไม่ใช่ ฉันไม่ใช่ผู้หญิงพวกนั้น”
วัลภาปฏิเสธเสียงสั่น
“ฉันเชื่อเธอนะวัลภา เธอไม่มีวันทำอะไรแบบนั้นแน่นอน เพราะฉะนั้นฉันถึงอยากรู้ว่า เกิดอะไร ขึ้นกับเธอ ทำไมเธอถึงมีรอยสักผีเสื้อราตรีนี่ได้ วัลภา เราต่างก็รักกันและไว้ใจกันแล้วไม่ใช่เหรอ”

เชนกุมมือวัลภาขึ้นมาบีบเบาๆให้เธอคลายความกังวล วัลภามองหน้าเชน ก่อนจะโผเข้ากอด แล้วก็น้ำตาร่วง พลางย้อนเล่าถึงเหตุการณ์วันที่เธอถูกประทับตราบาปที่กลางหลัง

วัลภาน้ำตาซึมความผิดพลาดเมื่อเวลานั้น ยังทำให้เธอรู้สึกเสียใจมาจนถึงทุกวันนี้
“เธอยังโชคดีนะวัลภาที่ตอนนั้นยังมีคนมาช่วยเธอเอาไว้ได้ทัน”
“ถึงฉันจะโชคดีที่ไม่กลายเป็นสินค้าของพวกสารเลวนั่น แต่ผู้หญิงอีกหลายคนที่อยู่ที่นั่น กับฉัน ฉันเห็นที่พวกมันทำกับผู้หญิงบริสุทธิ์ด้วยกันแล้ว”
วัลภาน้ำตาเอ่อสีหน้าเจ็บปวดและโกรธแค้น จนเชนต้องดึงเธอมากอด
“เชน ฉันไม่รู้จะเล่าให้เธอฟังยังไงดี ฉันเห็นรอยสักผีเสื้อราตรีมันถูกตีตราอยู่บนตัวแม่ฉัน ไม่รู้ว่าแม่มีรอยสักนั่นได้ยังไง ฉันอยากจะถามแม่ แต่แม่ก็ไม่ยอมบอก หรือว่าแม่ แม่ฉันจะเคย”
วัลภาพูดต่อไม่ออก เชนต้องรีบปลอบใจ
“คิดในแง่ดีไว้วัลภา แม่เธออาจจะเคยเจอเหตุการณ์เดียวกับเธอมาก็ได้”
เชนจับมือวัลภามาตบเบาๆให้กำลังใจ ระหว่างนั้นเสียงดังของ เพลิงก็ดังแทรกเข้ามา
“ไอ้เชน ไอ้น้องชาย อยู่รึเปล่า”

เชนกับวัลภาเดินออกมา เห็นเพลิงที่มาพร้อมกับเอื้อมเดือน
“มีอะไรเหรอพี่บึ้ก โผล่มาถึงบ้านฉันได้ยังไงเนี่ย”
“พี่มีข่าวจะมาบอกแกว่ะไอ้น้องชาย”
“ตอนนี้ฉันไม่ค่อยสะดวก มีธุระกับเมียอยู่”
เชนพยายามตัดบท
“เฮ้ย แต่นี่เป็นเรื่องสำคัญของพี่นะเว้ยไอ้น้อง พี่อยากให้เอ็งกับวัลภา ไปเป็นสักขีพยานวันมงคล ของพี่”
วัลภาตื่นเต้นรีบวิ่งลงจากเรือนไปหาเอื้อมเดือน
“คุณหมอคะ นี่คุณหมออย่าบอกนะว่า”
เอื้อมเดือนพยักหน้ายิ้มๆ
“จ้ะวัลภา ฉันอยากให้วัลภากับเชนไปเป็นสักขีพยานในความรักของฉันกับเพลิง วัลภา ไปยินดี กับเรานะ”
วัลภายิ้มแป้น “จะพลาดได้ยังไงล่ะคะคุณหมอ”
เชนหันไปเย้าเพลิงทันที
“ไม่เบาเลยนะเนี่ยพี่บึ้ก ได้ข่าวว่าจะแต่งกัน แต่ไม่ยักรู้ว่าจะใจร้อน อยากแต่งเมียขนาดนี้”
“เขาเรียกว่ามันสุกงอมเต็มที่ต่างหากว่ะไอ้น้องชาย”
เพลิงบอกเชน พลางหันมายิ้มกับเอื้อมเดือนอย่างหวานซึ้ง

รถกระบะเก่าๆ วิ่งมาตามถนนลูกรัง ที่เต็มไปด้วยฝุ่นแดง จนถึงทางแยกซ้ายขวา ผู้กองสมานกับจ่า ที่นั่งกระบะหลัง สังเกตที่ป้ายข้างทางซึ่งเขียนด้วยตัวหนังสือลายมือโย้ๆเย้ๆทางซ้ายไป “บ้าน ผาปืนแตก” แต่รถกระบะกลับเลี้ยวไปอีกทางซึ่งไม่บอกว่าไปทางไหน
“อ้าว ไปผาปืนแตกมันต้องไปตามป้ายนั่นไม่ใช่เหรอครับผู้กอง”
ผู้กองสมานเองก็แปลกใจสงสัย จนกระทั่งรถกระบะจอดเอี๊ยด ชายชาวบ้านในรถ 2 คน รีบลงจากรถพร้อมกับปืนสั้น เผยให้เห็นว่าเป็นโจร
“เอ็งสองตัวน่ะลงมาเลย ทิ้งของมีค่าไว้บนรถให้หมด”
ผู้กองสมานกับจ่าชูมือตามที่พวกมันสั่งแล้วลงจากรถ พวกมันเอาปืนจ่อ ทั้งคู่ แล้วพยามยาม ค้นตัวหาของมีค่าอีก
“ทำอย่างนี้ไม่ดีหรอก ได้ไม่คุ้มเสีย เก็บปืนแล้วขับรถพาฉันไปส่งที่ผาปืนแตกดีกว่า”
ผู้กองสมานพูดอย่างใจเย็น แต่พวกมันไม่ฟัง
“หุบปากเอ็งไปเลย ไอ้บอด ตาบอดเหลือข้างเดียวแล้วยังอวดเก่ง เดี๋ยวก็ยิงให้บอดอีกข้างหรอก ข้าจะบอกให้นะ เอ็งโดนข้าปล้นแถวนี้ยังดีกว่าเอ็งเข้าไปที่ผาปืนแตกอีก”
“ทำไม ที่ผาปืนแตกมันน่ากลัวมากกว่านี้อีกเหรอ”
ผู้กองสมานย้อนถาม
“แสดงว่าพวกเอ็งไม่เคยได้ยินชื่อผาปืนแตกมาก่อน ที่นั่นมันก็ไม่ต่างจากนรกบนดินหรอกเว้ย .อย่างพวกเอ็งเข้าไปได้ไม่เกิน 3 วันรับรองนอนโลงออกมาแน่”
เมื่อค้นไม่เจออะไร มันก็ใช้ปืนทุบต้นคอจ่าให้ทรุดลง ผู้กองสมานจ้องหน้าเอาเรื่อง
“ถ้าผาปืนแตกมันน่ากลัวขนาดนั้น งั้นฉันก็จำเป็นต้องรีบไปให้ถึงที่นั่น เพราะมีคนที่ฉันต้องไปเจอ ให้ได้”
ขาดคำ ผู้กองสมานก็หันขวับมาแย่งปืนจากมือโจรอย่างง่ายดาย พลางปลดลูกปืนออก ขณะที่จ่าเองก็หันขวับมาแย่งปืนจากโจรอีกคน ไป จนพวกโจรถึงกับอึ้งไป
“แก พวกแกเป็นใครวะเนี่ย”
ผู้กองสมานยิ้ม แต่ไม่ตอบ พลางชกหมัดใส่หน้า!

2 โจรถูกทิ้งให้นอนสลบเหมือดอยู่ที่พื้นถนนลูกรัง ส่วนผู้กองสมานกับจ่าเข้าไปนั่งในรถแล้วขับไป ตามทางที่ป้ายชี้บอกว่าไป
“บ้านผาปืนแตก”

บริเวณทุ่งนาอันเขียวขจี ถูกใช้เป็นที่ตั้งขบวนแห่ขันหมากระหว่างเพลิงกับเอื้อมเดือน เสียงยอดโห่นำ ขันหมากดังขึ้นก่อนที่คนอื่นๆในขบวนจะโห่รับ ตามด้วยเสียงกลองยาวและเครื่องดนตรีอื่นๆ ที่จัดกันมาอย่างเต็มวง
เพลิงในชุดเจ้าบ่าวตามสไตล์ลูกทุ่งบ้านผาปืนแตกอยู่ในขบวนขันหมาก ที่มีเชน ยอด จิก และแสน ร่วมขบวน ทุกคนต่างเต้นรำกันอย่างสนุกสนาน อึกทึกครื้นเครง เพลิงหันมาขอบอกขอบใจเชนที่ช่วยเป็นธุระเรื่องขบวนขันหมาก ส่วนแสนก็ทำหน้าที่ท่องคาถาบูชาเมียให้เพลิงฟัง โดยมีเสียงกลองและฉิ่งฉับรับเป็นจังหวะ“รักเมียต้องอดทน ต้องเป็นคนเคารพเมีย รักเมียต้องส่งเสีย อย่าให้เมียต้องเสียใจ รักเมียต้องรักเดียว อย่าได้เที่ยวไปรักใคร รักเมียต้องทำใจ ถึงอย่างไรเธอก็เมีย”
จากนั้นก็ส่งลูกให้เชนท่องต่อ
“รักเมียต้องยอมเมีย เพราะว่าเมียไม่ยอมใคร รักเมียต้องเข้าใจ ไม่มีใครใหญ่กว่าเมีย รักเมียอย่าเกี่ยง เมีย คำพูดเมียใหญ่กว่าใคร ชาติหน้ามีฉันท์ใด จงจำไว้ต้องเคารพเมีย”
เชนท่องคาถาจบ เสียงขบวนแห่ ก็รัวกลอง รัวฉิ่งฉับ พร้อมส่งเสียงเฮลั่น
ขบวนขันมาก ค่อยๆ เคลื่อนตัวไปตามถนนข้างทุ่งนา

อีกด้านหนึ่งเอื้อมเดือน ที่อยู่ในเจ้าสาวแบบไทยๆสวยงาม นั่งอยู่กับวัลภา และน้อยที่ตื่นเต้นไม่แพ้กัน น้อยนั่งอยู่ครู่หนึ่งก็แยกตัวออกไป เหลือเอื้อมเดือนนั่งอยู่กับวัลภาสองคน เอื้อมเดือนหันมามองตัวเองในกระจกอีกครั้ง แล้วก็ทำหน้าเศร้า
“คิดถึงพี่ชายที่เสียไปเหรอคะคุณหมอ”
เอื้อมเดือนถึงกับชะงัก พูดไม่ออก
“วัลภาเข้าใจค่ะ ความรู้สึกของผู้หญิงในวันสำคัญที่สุดในชีวิตก็เป็นแบบนี้ อยากให้คนในครอบครัว ได้มาอยู่ร่วมยินดีด้วย แต่คุณหมอไม่ต้องห่วงนะคะ ถือว่าวัลภาเป็นน้องสาว เชนเป็นน้องชาย แล้วพ่อของเชนก็เป็น ผู้ใหญ่ในพิธีให้ ทุกคนเป็นครอบครัวเดียวกับคุณหมอหมดเลย”
เอื้อมเดือนยิ้มรับ พร้อมกับบีบมือวัลภาไว้แน่น โดยไม่ปริปากบอกให้รู้ว่าพี่ชายเธอยังไม่ตาย

น้ำค้างเดินออกมาที่หลังร้าน กำลังจะคว้าจักรยานออกไป แต่ชาติเข้ามาขวางไว้
“อะไรกัน เจอหน้าฉันแล้วต้องหนีเลยเหรอ ฉันเป็นผัวเธอนะน้ำค้าง”
น้ำค้างหน้าเศร้า“ชาติ ฉันขอร้องล่ะ อย่ามายุ่งกับฉันเลย”
“เป็นอะไรไป ฉันเห็นเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน เธอก็มีความสุขดีไม่ใช่เหรอ ยิ่งเวลาที่ฉัน....”
ชาติยิ้มกรุ้มกริ่มแล้วใช้มือลูบแก้มน้ำค้าง ก่อนจะไล้มาที่ซอกคอ แล้วลงมาหยุดที่แถวเนินอก น้ำค้าง ปัดมือชาติ แล้วรีบเดินออกไป แต่กลับถูกชาติคว้าตัวมากอดรัดแน่น พลางซุกหน้าไซร้ซอกคอน้ำค้างอย่างหื่นกระหาย จังหวะนั้นเองที่น้ำค้างยิ้มร้ายออกมาก่อนจะแกล้งทำเป็นผลักชาติออกจากตัวเบาๆ
“ไม่ใช่ตรงนี้นะชาติ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า เอาไว้คืนนี้เราไปเจอกันที่เดิมแล้วกัน”
ชาติยิ้มชอบใจ
“ก็ได้ งั้นฉันจะรอ ฉันเองก็ตั้งใจว่าจะพาพรรคพวกไปร่วมแสดงความยินดีกับงานมงคลของพวกไอ้ เชนซะหน่อย แล้วเจอกันนะ”
เชนหอมแก้มน้ำค้างแล้วเดินออกไป น้ำค้างจิกหน้ามองตามแล้วยิ้มร้ายออกมา

ระหว่างที่ขบวนแห่กำลังสนุกสนาน รถจี๊ปของชาติก็ขับเข้ามาจอดเอี๊ยดขวางทาง ทุกคนในขบวนแห่ หยุดชะงัก ชาติลงจากรถ พร้อมไอ้เชิดกับพรรคพวก แล้วก็เกิดโต้เถียงกับเชน แสน และจิกตามเคย จนเพลิงต้องรีบตัดบท
“ใจเย็นๆกันก่อนเถอะ วันนี้เป็นวันงานมงคลของฉัน ฉันไม่อยากมีเรื่อง ถ้าพวกแกอยากเข้ามาร่วม สนุก ก็เชิญเลย ฉันไม่ว่าอะไร ยินดีด้วยซ้ำ”
ยอดเอียงหน้าไปกระซิบเตือน
“ไม่ดีมั้งไอ้เพลิง ใจดีเกินไปจะทำงานเอ็งล้มไม่เป็นท่า”
แต่แทนที่ชาติจะเข้ามาร่วมสนุก กับสั่งให้ลูกน้องค้นตัวทุกคน พร้อมตั้งข้อกล่าวหาว่าซุกซ่อนของผิด กฏหมายเอาไว้ เชนจ้องหน้าชาติอย่างไม่พอใจ
“ไอ้ชาติ ทำแบบนี้มันจงใจแกล้งกันนี่หว่า”
“แกล้งยังไงวะ ก็พวกเอ็งอยากทำตัวมีพิรุธ ข้าในฐานะผู้รักษาความเรียบร้อยก็ต้องตรวจค้นตาม
หน้าที่ ค้น”
ไอ้เชิดรับคำสั่ง เชน จิก แสน และยอดก้าวออกมาเผชิญหน้า สถานการณ์เริ่มตึงเครียดขึ้นมาทันที
“ถ้าเอ็งแตะพวกข้าแม้แต่คนเดียว เอ็งได้เห็นดีกับข้าแน่ๆ”
ยอดพูดอย่างเอาเรื่อง เพลิงรีบแตะไหล่เพื่อน
“ไอ้ยอด ปล่อยมัน ถ้ามีเรื่องตอนนี้ ข้าไม่ได้แต่งงานกับคุณหมอแน่”
ยอดมองเพลิงอย่างครุ่นคิด ก่อนจะยอมถอยให้ไอ้เชิดพาพวกเข้าตรวจค้นขบวนแห่ขันหมาก

เนื้อทองยกกับข้าวที่ทำเสร็จใหม่ๆมาวางบนโต๊ะให้กำนันปราบ แล้วก็ขยับตัวเตรียมจะเดินออกไป ระหว่างนั้นก็สวนกับไอ้ตุ่นที่เดินเข้ามา
“พ่อกำนันครับ ผมไปลากตัวพวกที่น่าสงสัยมาได้แล้วครับ รอให้พ่อกำนันไปสอบสวน”
กำนันปราบรีบวางช้อน “อยู่ไหน ข้าจะสอบพวกมันเอง”
เนื้อทองปรายหางตามองกำนันปราบกับไอ้ตุ่นที่ออกไปจากโต๊ะอาหารด้วยสีหน้าสงสัย

กำนันปราบเดินออกมาที่สนามหน้าบ้าน ก็เห็นเจอลูกน้องของตัวเอง 2 คน ที่ถูกซ้อมจนหน้ายับเยินนั่งคุกเข่าอยู่ มีลูกน้องอีกคนถือปืนยืนคุม
“ไอ้สองตัวนี้เหรอที่น่าสงสัย”
ไอ้ตุ่นพยักหน้า
“ครับ ผมไล่สอบดูจากคนของเราทั้งหมดแล้ว ก็เหลือไอ้สองตัวนี่แหละที่น่าสงสัยที่สุด”
กำนันปราบนิ่งมองพวกมันแล้วเดินเข้าไปจิกหัวคนแรกขึ้นมา
“นายครับ ผมไม่ได้เป็นหนอนบ่อนไส้นะครับ ผมไม่รู้เรื่องเลย”
ลูกน้องคนแรกยืนยันเสียงแข็งว่าไม่ได้หักหลัง กำนันปราบผลักหัวมันล้มลงไปแล้วเข้าไปจิกหัวอีกคน ขึ้นมา แล้วจ้องหน้าเขม็ง
“นายครับ ผมไม่รู้จักไอ้เสือกับนางสิงห์เลยจริงๆ จะเอาผมไปสาบานที่ไหนก็ได้”
กำนันปราบมองหน้ามันแล้วก็ไสหัวให้ล้มลงไปอีกคน เนื้อทองที่แอบเข้ามาดู นึกรู้ได้ทันทีว่ากำนัน ปราบกำลังตามหาตัวหนอนบ่อนไส้
กำนันปราบหันไปที่ไอ้ตุ่น
“เอ็งซ้อมพวกมันขนาดนี้แล้ว พวกมันยังปากแข็งอีก”
“ครับนาย ผมถึงต้องลากตัวมาให้นายสอบเอง เผื่อว่ามันจะกลัวแล้วยอมพูดความจริง”
กำนันปราบเอาปืนจากลูกน้องที่คุมอยู่ใกล้ๆ มาจ่อหน้าลูกน้อง 2 คนนั้นทีละคน พวกมันตกใจ แต่สุดท้ายกันันปราบกลับหันปากกระบอกปืนมาที่ไอ้ตุ่นแทน
“ไอ้สองตัวนี่ไม่ใช่หนอนบ่อนไส้ มันทำงานให้ฉันมานาน ฉันรู้จักสันดานของพวกมันดี”
ไอ้ตุ่นหน้าซีด ตกใจ
“ถ้าไม่ใช่มันแล้วจะเป็นใครล่ะครับนาย เพราะผมก็สอบสวนพวกเราหมดทุกคนแล้ว”
“งั้นไอ้คนที่เป็นหนอนก็ไม่ใช่ไอ้พวกนี้ แต่เป็นพวกที่ใกล้ชิดข้ากับไอ้ชาติ”
เนื้อทองตกใจกลัวว่าจะถูกสอบสวนมาถึงตัวเอง พลางรีบถอยหลัง แต่พลาดไปชนกระถางต้นไม้ ล้ม กำนันปราบกับไอ้ตุ่นได้ยินก็หันขวับ
เนื้อทองรีบวิ่งออกไปทางห้องครัว ไอ้ตุ่นวิ่งตามเข้ามามองด้วยความสงสัย เห็นหลังไวๆของใครสักคน วิ่งไปทางห้องครัว เลยรีบตามไปทางนั้น

เนื้อทองถือชามแกงเดินสวนออกมาแล้วชนกับไอ้ตุ่นจังๆ น้ำแกงในมือตกพื้นแตกกระจาย เนื้อทอง แกล้งตกใจ พลางโวยวายใส่ทันที พร้อมกับไล่ไอ้ตุ่นให้ออกไปพ้นๆ ก่อนจะเดินย้อนกลับเข้าไปข้างในอีกครั้งไอ้ตุ่นกำลังจะเดินออกไปแต่ยังติดใจสงสัยเลยหันมาถามสาวใช้ ที่มาทำความสะอาด
“แกเห็นใครวิ่งเข้ามาในนี้รึเปล่า”
สาวใช้ชะงัก เหลือบมองที่เนื้อทอง เหมือนไม่กล้าพูดอะไร
“ไม่เห็นเลยจ้ะ”

จากนั้นก็ก้มหน้าก้มตาเก็บกวาดอย่างมีพิรุธ ไอ้ตุ่นเริ่มสังเกต และสงสัย

เพลงรักผาปืนแตก ตอนที่ 12 (ต่อ)

ครูประสิทธิ์กับวัลภาเดินออกมาชะเง้อคอมองขบวนขันหมากที่หน้าบ้าน ระหว่างนั้นน้อยรีบเดินเข้ามา
“ครูจ๊ะ เกิดเรื่องแล้วจ้ะ”
“อะไรของเอ็งวะนังน้อย”
“ก็เมื่อกี้นี้คนในวงเราที่อยู่ในขบวนขันหมากเพิ่งจะมาบอกฉันว่า ไอ้ชาติมันจงใจหาเรื่องยัดข้อหาให้ พวกเรา”
ครูประสิทธิ์ตกใจ “หา ข้อหาอะไรวะ”

ไอ้เชิดกับพวกลูกน้อง เอาปืนจี้และผลักยอดกับพวกนักดนตรีของคณะพราวฟ้าให้ไปที่รถจี๊ปเพื่อ คุมตัวจะเอาไปที่โรงพัก เชน เพลิง จิก และแสน พยายามจะขวางไม่ให้เอาตัวไป แต่ชาติไม่ยอมปล่อย อ้างว่าค้นเจอ
กัญชาในตัว
เพลิงโวยวาย “ไอ้ยอดไม่เคยใช้ของพวกนี้ พวกคนในวงของข้าก็ไม่เคยใช้ของพวกนี้”
“เอ็งหาจะหาว่าข้ายัดของกลางให้พวกเอ็งเหรอ ข้าจะทำแบบนั้นทำไมวะไอ้เพลิง”
เพลิงยังไม่ทันตอบ เชนก็ชิงพูดแทรกขึ้นมา
“เพราะเอ็งมันทนไม่ได้ที่เห็นพวกข้ากำลังจะมีความสุข เหมือนกับที่เอ็งทนเห็นข้ากับเนื้อทองรักกัน ไม่ได้ไง เอ็งถึงใช้สันดานหมาๆขี้อิจฉาของเอ็งขัดขวาง”
ชาติปรี่เข้าไปกระชากคอเสื้อ พร้อมจ้องหน้าเชนเขม็ง
“คนอย่างข้าไม่มีทางอิจฉาไอ้พวกกระจอกอย่างพวกเอ็งหรอกเว้ย”
เชนจับมือชาติที่กุมคอเสื้อมาบีบแน่น แล้วจ้องหน้ากลับ
“แน่ใจเหรอไอ้ชาติ แต่ที่ข้าได้ยินมา เขาลือกันว่า เมื่อคืนนี้เอ็งโดนไอ้เสือกับนางสิงห์เล่นงานถล่มจน ธุรกิจวอดวาย กระเป๋าฉีกกันทั้งพ่อลูกเลยไม่ใช่เหรอ”
ชาติถึงกับอึ้งไป เชนได้ทีรีบพูดต่อ
“ตอนนี้เอ็งมันก็เหมือนหมาที่เริ่มจนตรอกเข้าไปทุกทีแล้ว หนทางทำมาหากินเริ่มไม่มี อำนาจอิทธิพล ก็เริ่มร่อยหรอไปทุกวัน เอ็งถึงได้อิจฉาพวกข้าที่กำลังมีแต่เรื่องดีๆไง”
เชนพูดไม่ทันขาดคำ ชาติก็ซัดหมัดเข้าหน้า จนเลือดกลบปาก เพลิง จิก แสนและพวกในวงที่เหลือ จะเข้าตะลุมบอน แต่ชาติยิงปืนขึ้นฟ้าขู่ จนทุกคนชะงัก เพลิงกัดฟันเจ็บใจ จะเข้าไปเอาเรื่องกับชาติ แต่เชนยกมือห้าม พลางบอกให้จิก กับแสน รีบพาเพลิงไป
ชาติพยายามจะตามไปขวาง แต่เชนกับยอดรีบมาดักไว้
“เอ็งบอกอยากสนุกกับพวกข้าไม่ใช่เหรอไอ้ชาติ นี่ไง ได้เวลามาสนุกกันแล้ว อยู่ที่เอ็งว่าจะอยู่สนุก หรือจะหนี”
ชาติเหน็บปืนคืนเข้าเอวแล้วปลดกระดุมเสื้อพร้อมลุย ยอดกับพวกลูกในวงที่เหลือหันมายืนพิงหลัง พร้อมตั้งการ์ด เตรียมตะลุมบอน

เนื้อทอง เดินออกมาที่ระเบียง เริ่มหนักใจเรื่องที่กำนันปราบกำลังพยายามตามหาตัวหนอนบ่อนไส้
ระหว่างนั้น ก็เริ่มรู้สึกว่าไอ้ตุ่นยืนมองอยู่ห่างๆ ด้วยสายตาที่ทำให้เธอระแวงเนื้อทองยิ่งเครียดนัก พยายามคิดหาทางออกกับเรื่องนี้ จากนั้นจึงแอบมาปรึกษากับวัลภาที่บ้าน
“ความลับของฉันที่ส่งข่าวให้ไอ้เสือกับนางสิงห์อาจจะถูกเปิดเผย ฉันต้องรีบทำอะไรสักอย่าง ไม่ อย่างนั้น ฉันโดนจับได้แน่วัลภา”
วัลภาจับมือวัลภามาบีบให้กำลังใจ
“ไม่ต้องห่วง ฉันไม่ยอมให้เธอโดนจับได้หรอก”
เนื้อทองพยักหน้ารับกับวัลภา

เอื้อมเดือนตกใจเมื่อติ๋มเอาข่าวที่น่าตกใจมาบอก
“จริงเหรอติ๋ม เธอแน่ใจนะว่าเธอเจอพี่สมานจริงๆ”
ติ๋มพยักหน้า “จริงสิคะคุณหมอ สดๆร้อนๆก่อนจะมานี่เลยค่ะ”
“แล้วเธอทำยังไงติ๋ม”
ติ๋มมองหน้าเอื้อมเดือนสีหน้าหนักใจ จากนั้นก็นึกถึงเหตุการณ์ที่เจอกับผู้กองสมาน และจ่าลูกน้องที่ร้านกาแฟของสำรวย
ติ๋มที่กำลังจะเดินออกจากร้าน บังเอิญชนโครมเข้ากับสมานกับจ่าที่เดินเข้ามา ผู้กองสมานช่วย ประคองติ๋มขึ้นมา พลางถามทางไปสุขศาลา
“พี่เป็นพี่ชายของคุณหมอเอื้อมเดือน มาจากกรุงเทพฯจะมาเยี่ยมน้องสาว”
ติ๋มทำหน้าตกใจ จนผู้กองสมานกับจ่ามองด้วยความสงสัย แต่ติ๋มรีบทำทีว่าไม่มีอะไร
“น้องสาวรู้จักคุณหมอเอื้อมเดือนเหรอ”
จ่ารีบถาม ติ๋มพยักหน้า
“รู้จักสิจ๊ะ คุณหมอเป็นขวัญใจของคนที่นี่ แต่วันนี้ไม่อยู่ที่สุขศาลาจ้ะ คุณหมอมีตรวจคนไข้ กว่าจะ กลับก็คงค่ำๆ”
ผู้กองสมานรีบถามต่อ “แล้วน้องสาวพี่เขาไปตรวจคนไข้ที่ไหน”

ติ๋มถึงกับตอบไม่ถูก

“ติ๋มจัดการส่งพี่ชายคุณหมอให้ไปแถวๆ ชายขอบหมู่บ้าน กะว่ายังไงก็ต้องมาขวางการแต่งงานของ คุณหมอกับนายเพลิงไม่ได้แน่ๆ”
ติ๋มรีบเล่าให้ฟัง แต่เอื้อมเดือนก็ยังอดหนักใจไม่ได้
“ขอบใจมากนะติ๋ม แต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยถ่วงเวลาพี่ชายฉันมากเท่าไหร่หรอก ชาวบ้านที่นี่ทุกคนเขารู้จักฉันทั้งนั้น แล้วเขาก็รู้ด้วยว่าวันนี้เป็นวันมงคลของฉันกับนายเพลิง ยังไงพี่สมานก็ต้องรู้เรื่องนี้แน่”
“งั้นคุณหมอก็ต้องรีบแต่ง ให้เป็นผัวเป็นเมียกันอย่างถูกต้อง”
เอื้อมเดือนหน้าเครียด
“ถ้าเจ้าบ่าวของอยู่ตรงนี้ ฉันก็คงไม่ต้องหนักใจน่ะสิติ๋ม”

เชนเห็นยอดกำลังจะโดนพวกลูกน้องชาติรุมเล่นงาน ก็รีบถีบชาติแล้วรีบเข้าไปช่วย ชาติรีบฉวยจังหวะนั้น ชักปืนออกมาแล้วเล็งไปที่เชน
“แกเสร็จฉันแน่ไอ้เชน”
เปรี้ยง! เสียงปืนดังลั่น แต่กลับเป็นเพลิงที่กระโจนเข้ามาปัดมือชาติ จนทำให้ยิงพลาดเป้า ก่อนจะชก เปรี้ยงเข้าหน้าเต็มๆ จนชาติเซถลาไปทางพวกลูกน้อง
“พี่บึ้ก กลับมาทำไม”
เชนเห็นเพลิงย้อนกลับมาก็ตกใจ
“พี่ทิ้งพวกเราไม่ได้จริงๆ ว่ะไอ้น้องชาย งานแต่งแต่ไม่มีแขกรับเชิญแล้วจะเรียกว่างานแต่งได้ไงวะ”
เพลิงจับมือเชนบีบแน่น ระหว่างนั้นรถจี๊ปของพวกลูกน้องชาติขับเข้ามาเสริมกำลังอีกคัน ชาติยิ้มอย่างสะใจ
“งั้นวันนี้พวกเอ็งก็ต้องเจองานหนักหน่อยกว่าจะไปแต่งเมียได้ เพราะข้าคงไม่ยอมให้ไปง่ายๆแน่”

เอื้อมเดือนรีบเข้ามาที่น้อยกับครูประสิทธิ์ที่รออยู่ที่หน้าบ้าน
“พี่น้อยจ๊ะ เพลิงยังมาไม่ถึงอีกเหรอจ๊ะ”
น้อยส่ายหน้า
“ยังเลยค่ะคุณหมอ ตอนแรกได้ยินว่าเชนสั่งให้มาเลย เชนจะอยู่รับมือกับพวกไอ้ชาติเอง แต่อยู่ๆ ไอ้ เพลิง ก็ย้อนกลับไปช่วยพวกไอ้เชน”
“ไอ้เพลิงไม่ใช่คนทิ้งพวกพ้อง มันไม่คิดจะมีความสุขคนเดียวแล้วทิ้งคนอื่นให้ต้องเจ็บตัวเพื่อมัน มัน เลยต้องย้อนกลับ”
ครูประสิทธิ์พูดถึงเพลิงอย่างชื่นชม
“แต่มันจะทำให้เจ้าสาวรอเก้อนะสิจ๊ะครู”
น้อยพูดไปก็หันมาจับมือเอื้อมเดือน ด้วยความเป็นห่วง

“คุณหมอไม่ได้มาดูแลคนไข้ที่นี่เหรอครับผู้กอง”
จ่าถามขึ้นมาทันทีที่ผู้กองสมานเดินออกมาจากหน้าบ้านของชาวบ้าน
ผู้กองสมานหน้าเครียด“เปล่า ผู้หญิงที่เราเจอหาเรื่องถ่วงเวลาไม่ให้ฉันเจอเอื้อมเดือน”
“อ้าว ทำไมเขาต้องโกหกเราด้วยล่ะครับผู้กอง หรือว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณหมอ”
“น้องสาวฉันกำลังจะแต่งงาน”
“ ถ้าแค่แต่งงานแล้วทำไมต้องหลอกให้เรามาที่นี่ด้วยล่ะครับ” จ่ายังข้องใจ
“ก็เพราะไอ้คนที่เป็นเจ้าบ่าวของน้องสาวฉัน มันคือไอ้เพลิง พญาไฟไง”
จ่าถึงกับอึ้ง “ไอ้เพลิง เป็นไปได้ยังไงกัน ก็มันตายไปแล้วนี่ครับ”
“คนตายมันมายุ่งกับน้องสาวผมไม่ได้หรอกจ่า แต่รู้อย่างนี้ก็ดี เพราะวันนี้มันจะได้ตาย จริงๆ ด้วย น้ำมือผม”
ผู้กองสมานกำหมัดแน่น ขบกรามจนขึ้นสันแล้วเดินออกไปทันที

ทางด้านเชนกับเพลิง ก็รวมพลังกันซัดชาติกับพวกลูกน้องจนอยู่หมัด จังหวะนั้นเนื้อทองก็เข้ามา
พลางปรี่เข้าไปขวางไม่ให้เชนชกหน้าชาติ หมัดของเชน ชะงักอยู่ห่างจากเนื้อทองไม่ถึงคืบ
“พอได้แล้วเชน เลิกมีเรื่องกันได้แล้ว”
ชาติหันมามองหน้าเนื้อทอง แล้วออกปากไล่ให้ออกไป
“หลบไปเนื้อทอง อย่ามาขวางการทำงานของฉัน พวกมันกล้าท้าทายกฏหมายในมือฉัน ฉันต้อง ลากคอพวกมันเข้าคุกให้หมด”
“ไอ้ที่อยู่ในมือแกไม่ได้เรียกว่ากฏหมายหรอก แต่มันเรียกว่ากฏของหมาหมู่ต่างหาก”
ชาติปราดจะเข้าไปเอาเรื่อง แต่เนื้อทองดันตัวห้ามไว้
“อย่านะชาติ ฉันขอร้องล่ะ ปล่อยพวกเขาไป ฉันมีเรื่องต้องคุยกับเธอ”
แต่ชาติไม่ฟังเสียง

“เธอนั่นแหละที่ต้องหลบไป ถ้ายังพยายามห้ามไม่ให้ฉันกระทืบแฟนเก่าเธอ ฉันจะคิดว่า เธอยังอาลัย อาวรณ์มัน”

พูดจบก็ผลักเนื้อทองจนเซ เชนเห็นเข้าไปก็ไม่พอใจ
“แต่เรื่องที่ฉันต้องคุยกับเธอมันสำคัญมากนะชาติ ฉันรู้ว่าใครคือหนอนบ่อนไส้แล้วนะชาติ”
ชาติชะงักมองเนื้อทอง “เธอหมายความว่าไง”
“ฉันรู้ความจริงแล้ว แต่เธอจะให้ฉันคุยเรื่องนี้กับเธอตรงนี้เหรอ”
ชาตินิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหันไปสั่งให้ลูกน้องกลับ พลางจับแขนเนื้อทอง แล้วจ้องหน้าเขม็ง
“ถ้าเธอชี้ตัวไอ้หนอนบ่อนไส้ให้ฉันผิดตัวล่ะก็ เธอรู้ใช่มั้ยว่าฉันจะทำยังไงกับเธอ”
“รับรองว่าไม่ผิดตัวแน่ ถ้าเธอรีบตามฉันไปตอนนี้ ไม่อย่างนั้นมันรู้ตัวแน่”
ชาติรีบพาเนื้อทองไปขึ้นรถจี๊ปออกไป ไอ้เชิดกับพวกลูกน้องพากันขึ้นรถอีกคันออกไป ทิ้งให้เพลิง เชนและคนอื่นๆพากันแปลกใจ

ในที่สุดเชนกับพรรคพวก ก็นำขวบนแห่ขันหมากร้องรำทำเพลงเข้ามาถึงบ้านครูประสิทธิ์ ในสภาพที่ แต่ละคนหน้าตาฟกช้ำดำเขียว ไม่เว้นแม้แต่ตัวเจ้าบ่าว
เชนกับยอดพยักหน้าให้กัน ก่อนที่ยอดจะร้องโห่นำ ตามด้วยเสียงแห่ขันหมากสนุกสนาน เพลิงเดิน ไปที่เรือนซึ่งมีสาวๆ ในวงออกมายืนขวางเป็นประตูเงินประตูทอง
ส่วนเชนแอบมากระซิบบอกแสนว่าจะตามไปดูเนื้อทอง เพราะได้ยินที่เนื้อทองบอกชาติว่ารู้เรื่อง หนอนบ่อนไส้

เพลิงเดินผ่านประตูเงินประตูทอง สู่ประตูห้องของเจ้าสาว ประตูค่อยๆ เปิดออกช้าๆ เพลิงตะลึงมองเอื้อมเดือนในชุดเจ้าสาว เอื้อมเดือนยิ้มให้เพลิงด้วยรอยยิ้มที่เต็มอิ่ม เพลิงค่อยๆเดินเข้าไปหา แล้วจับมือเอื้อมเดือน อย่างตื่นเต้น
เพลิงกำลังจะหอมหน้าผากเอื้อมเดือนแต่ทันใดนั้นเสียงปืนก็ดังขึ้นจากข้างนอกเรือน..เปรี้ยง !!

ทุกคนรีบออกมา เห็นผู้กองสมานที่ยืนทำหน้าถมึงทึงอยู่หน้าบ้าน พลางจ้องเขม็งไปที่น้องสาว เพลิง เดินออกมา ก็ตกใจแทบไม่เชื่อสายตา
ผู้กองสมานชี้ปืนไปที่เพลิง
“ไอ้ฆาตกร ฉันตามล่าแกจนแทบพลิกแผ่นดิน หลงคิดว่าแกตายไปแล้ว แต่สุดท้ายแกก็หนีมาอยู่ที่นี่ หนำซ้ำยังมายุ่งกับน้องสาวฉัน”
เอื้อมเดือนหน้าซีด ตกใจ
“พี่สมาน ฟังเดือนก่อน ให้เดือนอธิบายความจริง”
แต่กลับโดนผู้กองสมานตะคอกใส่
“ไม่ต้อง เห็นอยู่กับตาแบบนี้ มันไม่มีความจริงอะไรที่แกจะต้องมาเสียเวลาเล่าให้พี่ฟัง”
ผู้กองสมานเล็งปืนไปที่เพลิงที่ยังยืนอึ้งอยู่ ยอดรีบเข้ามาขวางทางปืน พลางบอกให้เพลิงหนีไป พร้อมกับพาเอื้อมเดือนหนีไปด้วย เมื่อเพลิงรู้ว่ายอดรู้มาก่อนแล้วว่าผู้กองสมานยังไม่ตาย ก็ทั้งโกรธ ทั้งตกใจ
“เอ็งรู้แล้ว แล้วทำไมเอ็งไม่บอกข้า”
เอื้อมเดือนรีบพูดแทรกขึ้นมาทันที
“อย่าไปว่ายอดเลยเพลิง ฉันเองก็รู้เรื่องแล้วเหมือนกัน แต่ที่ฉันไม่เล่าความจริง เพราะถ้าเพลิงรู้ เพลิง ก็คงจะกลับไปเป็นเพลิงคนเดิม เพลิงจะไม่รักฉัน ฉันทนไม่ได้นะเพลิง ฉันเสียเธอไปไม่ได้”
“แล้วปล่อยให้ผมกลายเป็นไอ้โง่อยู่คนเดียวแบบนี้น่ะเหรอครับ”
เพลิงน้ำตาคลอเบ้า พลางเดินไปหาผู้กองสมาน พร้อมประสานมือที่ท้ายทอยในลักษณะยอม
“ผมขอโทษครับผู้กอง ถ้าผมรู้ว่าผู้กองยังมีชีวิตอยู่ ผมจะไม่มีวันล่วงเกินน้องสาวของผู้กองเด็ดขาด”
ผู้กองสมานจ้องหน้าเพลิงอย่างเอาเรื่อง“แกไม่ต้องมาทำลิ้นสองแฉกเล่นละครตบตาฉันหรอกไอ้เพลิง ยังไงวันนี้ฉันก็ต้องตัดสินลงโทษแก ด้วยความตาย มันถึงจะสาสมกับไอ้ฆาตกรอย่างแก”
พูดจบผู้กองสมานก็เตรียมจะลั่นไก แต่ยังช้ากว่ายอด ที่บ้าเลือดพุ่งตัวเข้าใส่ พลางกอดรัดแน่นไม่ยอม ปล่อย ปากก็ตะโกนไล่เพลิงให้หนีไป ครูประสิทธิ์แม้จะยังงงกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ก็ช่วยไล่เพลิงด้วยอีกแรง
เพลิงหันไปมองเอื้อมเดือนที่น้ำตาคลอ ก่อนที่จะจับมือแล้วพาหนีออกไปด้วยกัน ผู้กองสมาน เห็นน้องสาวหนีไปกับเพลิงก็ยิ่งคลั่ง พยานยามจะตามไป แต่ก็ถูกพวกยอด จิก แสน น้อย แม้กระทั่งครูประสิทธิ์ช่วยกันขวางไว้
“ไอ้เพลิงคือคนในครอบครัวของผม ถ้าคุณคิดจะทำอะไรมันคุณต้องผ่านพวกผมไปก่อน”

ผู้กองสมานชะงักมองครูประสิทธิ์กับพวกอย่างเจ็บใจ

เพลงรักผาปืนแตก ตอนที่ 12 (ต่อ)

เนื้อทองเดินลับๆล่อๆ เข้ามาในโรงไม้ พลางเหลียวซ้ายแลขวา พยายามดูว่ามีใครตามมารึเปล่า
ไอ้ตุ่นแอบตามหลังเข้ามาห่างๆ แต่เนื้อทองก็รู้ทัน เพราะเป็นคนวางแผนหลอกล่อให้ไอ้ตุ่นตามสะกดรอยเธอมาเอง เนื้อทองเดินเข้าไปข้างใน ไอ้ตุ่นออกมาจากที่หลบมองตามอย่างสงสัย
“พฤติกรรมน่าสงสัย ถ้าเป็นอย่างที่คิดไว้ล่ะก็ ข้าได้รางวัลใหญ่จากนายแน่”

ไอ้ตุ่นเดินตามเนื้อทองมาห่าง ๆ แต่พอเข้ามาถึงด้านใน ก็เกิดคลาดกัน ระหว่างนั้นมันก็ได้ยินเสียง บางอย่าง จึงรีบชักปืนขึ้นมาแล้วเดินเข้าไปดูข้างในอย่างระวัง
ภาพตรงหน้าคือจอมโจรนางสิงห์ ที่ถือถุงผ้าที่มีทรัพย์สินเงินและของมีค่าที่ไปปล้นมา นำมาเทกองบน โต๊ะ แล้วนับอย่างย่ามใจ
ไอ้ตุ่นถือปืนเดินออกมาจ่อทันที “หยุดอยู่ตรงนั้นแหละนางสิงห์”
นางสิงห์วัลภาชะงัก
“แก ลูกน้องไอ้ชาติ นี่แกเจอฉันได้ยังไง”
ไอ้ตุ่นหัวเราะลั่น
“เพราะความฉลาดของข้าไง สงสัยอยู่แล้วเชียวว่าทำไมไอ้โจรกระจอกอย่างพวกแก ถึงได้รู้เรื่อง โรงงานยาเสพติดของลูกพี่ข้า ที่แท้ก็มีหนอนบ่อนไส้เป็นคนสนิทพี่ชาตินี่เอง”
“เห็นหน้าโง่ๆ นึกว่าโง่ดักดานเลยเป็นได้แค่ลูกน้อง แกนี่ก็แอบฉลาดเหมือนกัน แต่แกก็ยังโง่อยู่ดี เพราะคิดอยากอวดผลงานด้วยการมาคนเดียว”
นางสิงห์วัลภาพูดพร้อมกับชักมีดพกออกมาตั้งท่าพร้อมสู้
“นางสิงห์ แกอย่ามั่นใจไปนัก ถ้าข้าเอาจริงขึ้นมาล่ะก็ เชิงมวยข้าก็ดุใช่ย่อยนะเว้ย”
ไอ้ตุ่นตั้งการ์ด ก่อนจะปรี่เข้าไปเปิดฉากบู๊กับนางสิงห์วัลภา ที่ตั้งรับอย่างสบายๆ
เนื้อทอง ที่แอบซุ่มดู รีบถอยออกไป

ชาติกับไอ้เชิดและลูกน้องขับรถจี๊ปเข้ามาที่หน้าโรงไม้ เนื้อทองรีบเดินออกมาหาชาติ
“ว่าไง ตกลงเป็นมันแน่ใช่มั้ยเนื้อทอง”
“เข้าไปดูให้เห็นกับตาตัวเองเถอะชาติ แล้วเธอจะรู้ว่าเธอเลี้ยงอสรพิษเอาไว้มาตลอด”
ชาติกับพวกเดินเข้าไป เนื้อทองมองตามสีหน้าลุ้นๆ

นางสิงห์วัลภาแกล้งทำเป็นสู้ไม่ได้ ปล่อยให้ไอ้ตุ่นจับบิดข้อมือพลิกมาเป็นฝ่ายได้เปรียบ
“ปล่อยนะ ปล่อย”
“ปล่อยก็โง่น่ะสิ วันนี้โอกาสดีแล้วที่ข้าจะกระชากหน้ากากแก”
นางสิงห์วัลภาแกล้งขู่
“แต่ต่อให้แกกระชากหน้ากากฉันได้ สักวันแกก็ต้องโดนผัวของฉันตามล่า แล้วถึงเวลานั้น แกนั่นแหละ ที่จะเป็นฝ่ายร้องขอให้ไอ้เสือฆ่าแกให้ตายเพราะทนถูกทรมานไม่ไหว แกก็เห็นแล้วนี่ ไม่ว่าจะกี่ครั้งที่ไอ้เสือปรากฏตัว สุดท้ายพวกแกก็ต้องเป็นฝ่ายเสียท่าทุกครั้ง ขนาดโรงงานของพวกแก ที่มีการคุ้มกันแน่นหนา ยังโดนไอ้เสือถล่มราบ เป็นหน้ากลอง แล้วกับไอ้แค่ลูกน้องกระจอกๆ ของไอ้ชาติ ไอ้เสือจะมาลากตัวไปทรมานไม่ได้เลยเหรอ”
“หุบปาก” ไอ้ตุ่นตวาดเสียงดัง
“คนที่ควรจะหุบปากน่าจะเป็นแกมากกว่านะไอ้ตุ่น ฉันมีข้อเสนอที่แกต้องสนใจ เห็นของมีค่าที่ฉัน ปล้นมาพวกนั้นมั้ย มันจะเป็นของแกทั้งหมดถ้าแกปล่อยฉันไป”
“คิดจะติดสินบนเหรอ”
นางสิงห์วัลภายิ้มมุมปาก
“ก็ลองคิดดูเอาแล้วกัน แกจับฉันไปได้ แกก็ได้แค่คำชมจากไอ้ชาติ แต่แกก็จะไม่มีวันนอนตาหลับ เพราะไอ้เสือจะตามล่าแกไปทรมาน เลือกเอา ถ้าแกฉลาดจริงอย่างที่คุย”
ไอ้ตุ่นนิ่งไปมองของมีค่าบนโต๊ะอย่างสนใจ ก่อนจะปล่อยมือจากนางสิงห์วัลภา แล้วเดินไปที่โต๊ะ พร้อมกับหยิบเงินและของมีค่าขึ้นมา นางสิงห์วัลภาเห็นไอ้ตุ่นตกหลุมพราง ก็ยิ้มพอใจ ระหว่างนั้นเองชาติพร้อมกับไอ้เชิดและลูกน้องพากันเข้ามา เห็นไอ้ตุ่นอยู่กับนางสิงห์ และในมือมัน มีของมีค่าที่นางสิงห์ปล้นมา
“ไอ้ตุ่น”
ไอ้ตุ่นหันมาเห็นชาติก็ตกใจ “พี่ชาติ”
“จับพวกมันมา”
ชาติออกคำสั่งเสียงดัง นางสิงห์รู้ตัวอยู่แล้วชักปืนออกมายิงสวนแล้วรีบฉวยโอกาสหนีไป ไอ้เชิดกับ พวก 2 คนไล่ตามนางสิงห์ไป ส่วนชาติรีบเดินไปที่ไอ้ตุ่น พร้อมกับจ้องหน้าเอาเรื่อง
“พี่ชาติ พวกพี่มาพอดีเลย ฉันกำลังจะเล่นงานนังสิงห์เอาตัวไปให้อยู่เลย”
ชาติยิ้มเหยียด “เล่นงานมันเหรอ แล้วในมือเอ็งน่ะ อะไร”
ไอ้ตุ่นชะงัก รีบโยนของมีค่าทิ้ง
“ไอ้ตุ่น ไอ้ทรยศ”
ชาติก็ใช้ด้ามปืนตบหน้าไอ้ตุ่นจนเลือดกลบปาก แล้วกระชากคอเสื้อขึ้นมาจ้องเขม็ง

“คนที่คิดทรยศข้า เอ็งก็รู้ดีว่าสุดท้ายต้องเจอกับอะไร”

นางสิงห์วัลภาพยายามวิ่งหนีการไล่ล่าของพวกไอ้เชิดที่ไล่กวดตามหลังมาอย่างกระชั้นชิด แต่กลับพลาดท่าถูกพวกมันเล่นงาน ไอ้เชิดตามเข้ามาจับตัว พลางชักปืนออกมาแล้วเล็งไปตรงหน้า
เสียงมอเตอร์ไซค์ไอ้เสือคำรามดังกระหึ่มเข้ามา ไอ้เสือเชนบิดมอเตอร์ไซค์ติดปืนกลมาจอดเอี๊ยด พร้อมกับหันปากกระบอกปืนกลไปที่ไอ้เชิด
“ถ้าพวกแกแตะต้องนางสิงห์ของข้าแม้แต่ปลายเล็บ พวกแกก็คงต้องเจอกับไอ้เสือคำรามอีก จะลอง ดูมั้ย”
ไอ้เสือเชนกราดยิงปืนกลใส่ ไอ้เชิดกับพวกยังสยองไม่หาย เลยรีบถอย ไอ้เสือเชนรีบเข้าไปช่วย ประคองนางสิงห์วัลภา พาซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์แล้วขับออกไป

เอื้อมเดือนเปลี่ยนเสื้อผ้าจากชุดเจ้าสาวเป็นชุดธรรมดาเรียบร้อย เดินออกมาหาเพลิง ที่ยืนสีหน้า เคร่งเครียดอยู่หน้ากระท่อมท้ายวัด
“คุณหมอรู้ว่าพี่ชายคุณหมอยังมีชีวิตอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ”
เอื้อมเดือนนิ่งไปครู่หนึ่ง
“จะรู้เมื่อไหร่มันไม่สำคัญหรอกนะเพลิง มันสำคัญที่ฉันกับยอดคิดเหมือนกันต่างหาก เพราะถ้าเพลิง รู้ว่าพี่ชายฉันยังมีชีวิตอยู่ เพลิงก็จะทิ้งฉันแล้วกลับไปเป็นเพลิงคนเดิม ใช่มั้ยเพลิง เธอพร้อมจะทำผิดคำสัญญากับฉัน”
“คุณหมออย่าบังคับให้ผมต้องทำแบบนี้” เพลิงหน้าเศร้า
“ไม่มีใครบังคับเธอนะเพลิง มีแต่เธอนั่นแหละที่พยายามจะทิ้งชีวิตใหม่แล้วกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิม ทั้งๆที่เธอรับปากว่าเธอจะไม่ทิ้งฉัน”
เอื้อมเดือนน้ำตาคลอเข้าไปสวมกอดเพลิง แล้วสะอื้นไห้
“เราเริ่มต้นชีวิตกันใหม่เถอะนะเพลิง ชีวิตที่มีแต่เราสองคน ไม่มีอดีตที่เจ็บปวดมาทำลายเราอีกต่อไป นะจ๊ะเพลิง ฉันขอร้อง”
เพลิงหนักใจ “แต่เขาเป็นพี่ชายของคุณหมอ”
“ตอนนี้เขาควรจะรู้แล้วว่าฉันรักเธอมากเกินกว่าที่จะถอยกลับไป เวลาจะเป็นเครื่องตัดสินว่าเขาจะ ยอมรับความรักของฉันได้มั้ย”
“ถ้าไม่ได้ล่ะครับ”
“ฉันก็จะไม่เจอหน้าพี่สมานอีกไปตลอดชีวิต”
เอื้อมเดือนกอดเพลิงแน่นอย่างตัดสินใจ ในขณะที่สีหน้าของเพลิง เต็มไปด้วยความกังวลจนเห็นได้ชัด

ผู้กองสมานลากคอยอดที่โดนเล่นงานจนสะบักสะบอม ก่อนจะผลักให้ไปนอนที่หน้าบ้านพักของเอื้อมเดือน โดยมีจ่าถือปืนจ่อคุมอยู่
“ถ้าฉันตามหาตัวไอ้เพลิงเจอ ฉันถึงจะปล่อยแกไป”
ยอดยิ้มขำ ทั้งที่น่วมไปทั้งตัว
“หึ ผู้กองยังคิดจะตามล่าไอ้เพลิงอีกเหรอ เสียเวลาเปล่า ป่านนี้ไอ้เพลิงมันคงพาน้องสาวผู้กอง หนีออก ไปจากผาปืนแตกแล้ว”
ผู้กองสมานปราดเข้าไปกระชากคอเสื้อยอด
“ต่อให้มันหนีไปขึ้นสวรรค์ลงนรก ฉันก็จะตามล่ามันจนกว่าจะเจอ”
“เจอแล้วยังไง เจอแล้วผู้กองจะฆ่าไอ้เพลิงต่อหน้าน้องสาวของผู้กองเหรอ ขนาดนี้แล้ว ผู้กองยังไม่ เข้าใจเหรอ คุณหมอกับไอ้เพลิงเขารักกัน ผู้กองควรจะเลิกเจ้าคิดเจ้าแค้นไอ้เพลิงมันได้แล้ว”
ผู้กองสมานส่ายหน้า แววตาเต็มไปด้วยความแค้น
“ฉันไม่มีวันเลิกล่ามันเด็ดขาด ยิ่งมันมาหลอกลวงน้องสาวฉันให้หลงรักมันหัวปักหัวปำ นั่นก็ยิ่งเห็นชัด แล้วว่ามันพยายามใช้น้องสาวฉันเป็นเกราะป้องกันให้ตัวเอง เลวยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานอีก”
“ไม่ใช่” ยอดเถียงกลับ “ไอ้เพลิงไม่เคยใช้คุณหมอเพื่อปกป้องตัวเอง มันกับคุณหมอรักกันจริงๆ”
ผู้กองสมานจับหัวยอดกดลงกับโต๊ะ
“คนอย่างไอ้เพลิงไม่รู้จักคำว่ารัก มันรู้จักแต่คำว่าเห็นแก่ตัว จ่า เข้าไปค้นดูว่ามีหลักฐานอะไรบ้าง ที่จะตามต่อ ดูให้ผมด้วย”
จ่ารับคำแล้วรีบเดินเข้าไป

หลังจากจ่าเข้าไปค้นในบ้านพัก ก็กลับออกมาบอกผู้กองสมานว่าเพลิงกับเอื้อมเดือนหนีไปแล้ว ยอดหัวเราะชอบใจ
“ผมก็บอกแล้วไงว่าผู้กองจะไม่มีวันตามเจอไอ้เพลิงอีก แล้วถ้าผมเป็นผู้กองนะ ผมจะเลิกอาฆาต เตรียมตัวเป็นคุณลุงคอยรับขวัญหลาน เวลาที่ไอ้เพลิงกับคุณหมออุ้มลูกกลับมา”
ผู้กองสมานกระชากคอเสื้อยอดขึ้นมา พร้อมกับง้างหมัด
“ฉันพลิกแผ่นดินตามล่าไอ้เพลิงจนต้องเสียตาข้างนี้ไป ส่วนน้องสาวฉันก็เหมือนดวงตาอีกข้างของฉัน เพราะฉะนั้นฉันจะไม่มีวันปล่อยให้มันมาทำให้ฉันกลายเป็นไอ้บอดที่ไร้ค่าเด็ดขาด”
ขาดคำก็ชกหน้ายอดจนเซถลาไปล้มลงที่เท้าของหลวงพ่อสินกับครูประสิทธิ์ที่ตามเข้ามา
“หยุดใช้กำลังแล้วหันมาใช้สติคิดหาทางแก้ปัญหาร่วมกันได้มั้ยโยม อาตมาขอ”

ผู้กองสมานชะงักมือ พร้อมกับมองไปทางหลวงพ่อ

น้อยกับครูประสิทธิ์ช่วยกันพยุงยอดขึ้นมานั่งข้างหลังหลวงพ่อ
“ข้ารู้เรื่องของไอ้เพลิงกับพี่ชายคุณหมอเขาจากหลวงพ่อแล้ว ทำไมเอ็งไม่ยอมเล่าเรื่องนี้ให้ข้าฟัง”
ครูประสิทธิ์หันมาถามยอด
“ผมอยากให้ไอ้เพลิงเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่นี่ ไม่อยากให้อดีตของมันตามหลอกหลอนอีก”
ผู้กองสมานสวนขึ้นมาทันที
“ที่ตามหลอกหลอนมันคือกรรมที่มันทำไว้กับผู้หญิงที่มันหลอกใช้”
“โยม อาตมาไม่ได้คิดจะเข้าข้างไอ้เพลิง แต่เท่าที่รู้จักมันมาอาตมาว่ามันไม่ใช่ฆาตกร”
หลวงพ่อสินท้วงขึ้นมา
“หลวงพ่อใช้อะไรตัดสินครับ” ผู้กองสมานย้อนถาม “เพราะมันเป็นเด็กวัดที่เลี้ยงดูมา หรือว่าหลักฐาน ทางกฏหมายที่ผู้พิพากษาตัดสินมัน”
“อาตมาไม่ปฏิเสธว่าไอ้เพลิงถูกตัดสินตามหลักฐานให้เป็นฆาตกร แม้ไอ้เพลิงจะไม่ยอมรับคำตัดสิน แต่มันก็ยอมก้มหน้ารับโทษในคุกไปแล้ว แล้วทำไมโยมถึงยังตามล่ามันอีก”
“เพราะโทษของมันยังไม่สาสมกับสิ่งที่มันทำ”
หลวงพ่อยิ้มนิดๆ
“งั้นโยมก็จะตัดสินมันเพิ่มด้วยอะไรล่ะ กฏหมายก็คงใช้ไม่ได้ เพราะอาตมาอ่านข่าวของโยมแล้ว โยม ไม่มีหน้าที่ เพราะไม่ใช่ตำรวจอีกต่อไปแล้ว”
ผู้กองสมานถึงกับอึ้ง ยอดรีบถามย้ำอย่างดีใจ
“ว่าไงนะครับหลวงพ่อ เขาไม่ได้เป็นตำรวจอีกแล้วเหรอครับ โธ่เว้ย หลงยอมให้กระทืบอยู่ได้ตั้งนาน แบบนี้ก็สนุกล่ะสิเว้ย”
ยอดจะเอาคืนแต่ครูประสิทธิ์ห้ามไว้ หลวงพ่อสินเดินเข้าไปหาผู้กองสมาน แล้วพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“อาตมาขอบิณฑบาตชีวิตไอ้เพลิงได้มั้ย”
“ผมศรัทธาในผ้าเหลือง แต่ไว้ผมจะทำบุญให้เป็นอย่างอื่นดีกว่าครับ”
หลวงพ่อสินถอนหายใจ
“เฮ้อ งั้นเห็นที อาตมาคงต้องให้โยมกับไอ้เพลิง ใช้วิธีตัดสินกันตามกฏของลูกผู้ชายในบ้านผาปืน แตกแล้ว”
ผู้กองสมานมองหลวงพ่อสินด้วยสีหน้าสงสัย

เอื้อมเดือนรออยู่ในโบสถ์อย่างอย่างกระวนกระวายใจ ครู่หนึ่งเพลิงก็เข้ามา
“เธอไปติดต่อหาคนช่วยพาเราหนีไปจากที่นี่ใช่มั้ย”
เพลิงส่ายหน้า
“ก็ไม่เชิงครับ ผมไปขอคำปรึกษากับคนที่ผมคิดว่าน่าจะช่วยผมได้ ซึ่งเขาก็ให้คำแนะนำผมมาแล้ว”
“เขามีทางให้เราได้อยู่ด้วยกันใช่มั้ยเพลิง เงียบไปทำไมล่ะเพลิง เธอไปปรึกษาใครมาเหรอ”
เพลิงจับไหล่เอื้อมเดือนมาบีบสีหน้าจริงจัง
“คุณหมอครับ ต่อหน้าองค์พระประธาน คำพูดของผมยังยืนยันมาจากหัวใจว่า ความรักที่ผมมีให้ คุณหมอ มันคือสิ่งที่ทำให้ชีวิตผมมีความสุขมากที่สุดแล้วครับ”
“เพลิง เธอพูดแบบนี้ หมายความว่ายังไง เธอไปปรึกษาใครมา”
ระหว่างนั้นเองที่ประตูโบสถ์เปิดออก หลวงพ่อสินเดินเข้ามา
“ไอ้เพลิง ไอ้เวลาของเอ็งแล้ว”
เอื้อมเดือนมองเพลิงอย่างสงสัย
“เพลิง เธอไปปรึกษาขอให้หลวงพ่อหาทางช่วยเราเหรอ”
“ไปกับผมเถอะครับคุณหมอ ไว้ใจผม แล้วเราจะพบทางออกที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน”
เพลิงเอื้อมมือไปบีบมือเอื้อมเดือน

เพลิงจูงมือพาเอื้อมเดือนออกมาที่หน้าโบสถ์ ที่ผู้กองสมานยืนรออยู่
“นี่คือทางออกสำหรับผม คุณหมอและผู้กอง เพราะผมไม่สามารถพาคุณหมอไปกับผมได้ คุณหมอ จึงควรจะกลับไปพร้อมกับพี่ชาย”
เอื้อมเดือนหันมามองหน้าเพลิงอย่างผิดหวัง“ทำไมเธอต้องทำแบบนี้ ก็ไหนเธอสัญญากับฉันไว้”
“ที่ผมสัญญาเพราะผมคิดว่าไม่มีใครดูแลคุณหมอได้แล้ว แต่เมื่อพี่ชายคุณหมอยังมีชีวิตอยู่ นั่นจึง ไม่ใช่สัญญาอีกต่อไป”
เอื้อมเดือนเสียใจ ตบหน้าเพลิงเต็มแรง ผู้กองสมานรีบเข้าไปคว้าแขนน้องสาวดึงออกมา
“ไปกับพี่ได้แล้วเดือน แกไม่ควรจะไปยุ่งกับคนอย่างมัน”
เอื้อมเดือนน้ำตาคลอ
“ปล่อยเดือนนะพี่สมาน ชีวิตเป็นของเดือนไม่ใช่ของพี่ พี่ไม่มีสิทธ์มาสั่งให้เดือนทำตามใจพี่ ปล่อย”
“ใช่ ชีวิตเป็นของแก แต่ในฐานะของพี่ชายที่เหลือแกอยู่แค่คนเดียว หน้าที่ของพี่คือต้องกันแกออกจาก สิ่งที่มันชั่วมันเลว ไม่ปล่อยให้ฉุดแกลงนรกไปกับมันด้วย”
เอื้อมเดือนส่ายหน้า
“แต่เพลิงเขาไม่ใช่ฆาตกร”
“มันโกหกแก มันนั่นแหละไอ้ฆาตกร ไม่อย่างนั้นศาลจะส่งมันเข้าไปอยู่ในคุกได้ยังไง”
“เพราะเขาถูกใส่ร้าย” พลางหันไปที่เพลิง “บอกพี่ชายฉันไปสิเพลิง บอกเหมือนกับที่เธอบอกฉัน เธอ ไม่ใช่ฆาตกร เธอไม่ได้ฆ่าฟ้างาม”
เพลิงส่ายหน้าเศร้าๆ“สำหรับผู้กอง ความจริงจากปากผมมันไม่มีค่าเท่ากับการต้องตัดสินกันด้วยชีวิตหรอกครับคุณหมอ”
“หมายความว่ายังไง”
เพลิงกับผู้กองสมานจ้องหน้ากันเขม็งโดยมีเอื้อมเดือนอยู่ตรงกลาง
“มีใครจะบอกฉันได้มั้ย ว่าตัดสินกันด้วยชีวิตหมายความว่ายังไง”
เพลิงหันไปมองเอื้อมเดือนด้วยแววตาเศร้า“กลับไปกับพี่ชายคุณหมอเถอะครับ แล้วเมื่อถึงเวลาคุณหมอจะรู้เอง”
เพลิงพูดแค่นั้นแล้วเดินออกไป ยอดเดินตามเพื่อนไปอย่างเห็นใจ เอื้อมเดือนจะตาม แต่ถูกผู้กองสมานคว้าแขนไว้

หลวงพ่อสินพยักหน้าให้ผู้กองสมานพาตัวเอื้อมเดือนออกไป

ยอดเดินตามเพลิงเข้ามา เห็นเพลิงหยุดยืนพิงเสา
“ไอ้เพลิง ข้าไม่เห็นด้วยที่เอ็งไปขอให้หลวงพ่อทำแบบนี้เลย ถ้าเอ็งพาคุณหมอหนีไป เอ็งจะได้เริ่มชีวิต ใหม่”
เพลิงยืนหันหลังให้ยอด ใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำตาที่ไหลอาบแก้มอย่างเจ็บปวด แต่ไม่ต้องการ ให้ใครเห็น
“ถ้าข้าคิดเห็นแก่ตัวอยากมีชีวิตใหม่ ข้าก็คงจะพาคุณหมอหนีไป แต่ชีวิตของคุณหมอล่ะ เขาจะมี ความสุขได้ยังไงกับผู้ชายที่แม้แต่ความยุติธรรม ยังเรียกร้องให้ตัวเองไม่ได้”
“เอ็งก็เลยคิดจะดวลตัดสินกับไอ้ผู้กองนั่นด้วยชีวิตของเอ็งน่ะเหรอ”
เพลิงพยักหน้า
“ใช่ เพราะมันคือทางเดียวที่จะทำให้ผู้กองเลิกคิดอาฆาตข้า เขาต้องการแก้แค้นให้กับการตายของ ฟ้างาม ข้าจึงต้องให้โอกาสเขาลงมือ”
“แต่เอ็งไม่ได้ฆ่าฟ้างาม เอ็งรับผิดที่เอ็งไม่ได้ก่ออยู่ในคุกตั้งหลายปี ทำไมเอ็งยังต้องเสียสละแบบนี้อีก”
เพลิงหน้าสลด
“ใครว่าข้าไม่มีความผิดที่ฟ้างามตาย ข้านี่แหละผิด ผิดที่ปกป้องผู้หญิงที่ข้ารักไม่ได้ แถมยังเห็นแก่ตัว คิดแต่จะมีความสุข ทั้งๆที่ไอ้ฆาตกรตัวจริงยังลอยนวล”
“นี่เอ็งหมายความว่า”
“ใช่ ความรักของข้ากับคุณหมอจบลงแล้ว หน้าที่จากนี้ไปของข้าคือแก้แค้นให้ฟ้างาม และถ้าพี่ชาย คุณหมอมาขวางทางข้า ไม่ข้าก็เขาต้องตายกันไปข้าง”

สาวใช้ในบ้านกำนันปราบ ที่ได้รับคำสั่งให้มาดูแลฟ้าลั่นที่ยังนอนหมดสติ ตามลำตัวยังมีผ้าพันแผล เอาไว้ ใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำบิดหมาดๆ แล้วเข้าไปเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ตามปกติที่ทำทุกวัน แต่ระหว่างที่หันไปชุบน้ำ แล้วหัน มาอีกที ฟ้าลั่นก็ลืมตาโพลง พร้อมกับคว้ามีดที่อยู่บนโต๊ะใกล้ๆ มาจ่อคอไว้
“อย่าส่งเสียง ถ้าไม่เชื่อ ฉันจะปาดคอเธอ”
สาวใช้ตัวสั่นกลัวเมื่อเห็นเห็นแววตาเอาเรื่องของฟ้าลั่นผ่านทางกระจก
“ไม่ต้องกลัวฉันด้วย ถ้าเธอเชื่อฉัน เธอจะได้ค่าตอบแทนอย่างคุ้มค่าแน่นอน”
สาวใช้นิ่งไปชั่วครู่แล้วพยักหน้ารับ
“ดีมาก ทีนี้ถ้าฉันจะให้เธอช่วยเอากระดาษกับปากกามาให้ฉัน เธอจะทำได้มั้ย”
สาวใช้พยักหน้ารับแล้วลุกไปหยิบปากกากับกระดาษจากบนโต๊ะมายื่นให้อย่างกลัวๆ
“ขอบใจ เก่งมาก ถ้าเธอฉลาดแบบนี้ ฉันสัญญาว่าพอเธอเอาข้อความที่ฉันเขียนในนี้ ไปให้คนของฉัน เธอจะได้ค่าตอบแทนกลับมาอย่างคุ้มค่าเหนื่อย ไม่ต้องมาเป็นแค่สาวใช้อยู่ในบ้านนี้ ว่าไง เธอสนใจจะทำงานให้ฉันมั้ย”
สาวใช้นิ่งไปสีหน้าครุ่นคิด ฟ้าลั่นเลยตัดสินใจถอดสร้อยคอมีราคายื่นให้
“รับไปสิ แค่ค่าจ้างขาไปอย่างเดียวเธอก็รวยแล้ว ไม่ต้องพูดถึงขากลับ ถ้าเธอเอาข่าว กลับมาจากคนของฉัน เธอก็จะได้เป็นกอบเป็นกำแน่”
สาวใช้ตัดสินใจยื่นมือไปรับสร้อยคอมา พลางพยักหน้ารับ ฟ้าลั่นยิ้มพอใจ

สาวใช้ถืออ่างล้างหน้าออกมาที่หน้าห้อง พอดีกับที่ไอ้เชิดเดินเข้ามา สาวใช้ผงะตกใจ
“มันฟื้นแล้วรึยัง”
สาวใช้อ้ำอึ้งตอบ “ยัง ยังจ้ะ”
“งั้นก็ไปได้แล้ว ไป”
สาวใช้รีบเดินออกไป ไอ้เชิดยังไม่หายสงสัย รีบเดินไปเปิดประตู มองไปเห็นฟ้าลั่นยังนอนนิ่งอยู่ บนเตียง ก็ปิดประตูเดินออกไป อย่างไม่ติดใจสงสัยอะไร

ฟ้าลั่นหันกลับมาแล้วจิกหน้ายิ้มร้าย

เพลงรักผาปืนแตก ตอนที่ 12 (ต่อ)

เชนอยู่ในห้องนอน กำลังช่วยนวดแขนให้วัลภา ที่โดนไอ้ตุ่นจับบิด และยังเจ็บไม่หาย

“จะซ้ำเติมฉันหรือจะช่วยให้ฉันดีขึ้นเนี่ยไอ้บ้าเชน”
“ถ้าอยากซ้ำเติมเธอ ฉันจะบุกไปช่วยเธอทำแมวอะไร เก่งนักนะตัวแค่นี้”
เชนพูดประชด พลางจะนวดให้อีก แต่วัลภาทนเจ็บไม่ไหว รีบลุกขึ้นมาสวมเสื้อคลุมทับ “จะทำอะไรก็หัดรอกัน ปรึกษากันบ้าง เพราะถ้าพลาดขึ้นมา ลำพังเธอคนเดียวจะแก้ปัญหาไม่ได้”
เชนเตือนด้วยความเป็นห่วง
“สถานการณ์วันนี้หน้าสิ่วหน้าขวาน ถ้าฉันไม่ช่วยโยนความผิดให้ไอ้ตุ่นกลายเป็นหนอนบ่อนไส้ ป่านนี้เนื้อทองคงกลายเป็นเหยื่อของพวกมัน”
ระหว่างนั้นเสียงของจิกกับแสน ก็ดังเข้ามา
“ไอ้เชน ไอ้เชนโว้ย”

เชนกับวัลภาเดินออกมาที่หน้าเรือน เชนที่ยังไม่รู้เรื่องนึกว่าทั้งคู่จะมาตามไปงานแต่งเพลิง จิกเลยรีบบอก
“วิวาห์ล่ม หวุดหวิดกลายเป็นวิวาห์เลือดน่ะสิวะ”
แสนถอนหายใจด้วยความสงสารเพลิง“พอรู้ต้นสายปลายเหตุ พวกข้าก็ไม่รู้จะช่วยปลอบใจไอ้เพลิงยังไง เลยมาบอกเอ็งกับวัลภา เผื่อจะ ช่วยหาทางออกให้ไอ้เพลิงได้บ้าง”
เชนกับวัลภาฟังด้วยสีหน้าแปลกใจสงสัย

ทางด้านเพลิง ก็กำลังนั่งเศร้าอยู่คนเดียว ในมือถือสร้อยคอล็อกเก็ตที่เอื้อมเดือนให้เขาเอาไว้ พลางถ่ายทอดเพลง “ข้าด้เอยเพียงดิน” ด้วยน้ำตานองหน้า ก่อนจะก้าวเดินด้วยสีหน้ามุ่งมั่น อย่างคนที่ตัดสินใจแล้ว
เพลิงเดินน้ำตาคลอลงไปในน้ำตก พร้อมๆ กับที่เปิดดูรูปของเอื้อมเดือนในสร้อยคอล็อกเก็ต จากนั้นก็ตัดสินใจจะปาสร้อยคอไปที่น้ำตก แต่ระหว่างนั้นเสียงของเชน ก็ดังขัดจังหวะ
“อย่าทำอะไรโง่ๆ แบบนั้นนะพี่บึ้ก”
เพลิงส่ายหน้าอย่างหมดแรง
“ไอ้น้องชาย เอ็งไม่ต้องมายุ่งกับพี่ มันไม่ใช่เรื่องของเอ็ง”
วัลภาที่เดินมาด้วย รีบช่วยพูดปลอบใจ
“พวกเรานับถือกันเป็นพี่เป็นน้อง ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา แล้วทำไมพี่เพลิงถึงมาตัดบัวไม่เหลือ เยื่อใยแบบนี้ล่ะ”
“เพราะพี่ไม่อยากเอาความทุกข์ของพี่ไปทำให้คนที่กำลังมีความสุขต้องทุกข์ไปด้วย กลับกัน ไป เถอะ พี่อยากอยู่คนเดียว”
“ถ้าฉันกับวัลภาเห็นพี่เป็นคนอื่น ได้ยินพูดแบบนี้ก็คงทิ้งกันไปแล้ว แต่เพราะยังไงพี่ก็เป็นคนใน ครอบครัวเรา อยากพูดอะไรก็พูดไป แต่ไอ้เชนจะไม่มีวันทิ้งใครแน่นอน”
เชนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังแล้วเดินเข้าไป พร้อมกับแบมือขอสร้อยล็อกเก็ตในมือเพลิง
“สร้อยคอนั่น มันคือตัวแทนความรักของพี่ชายกับคุณหมอ ถ้าจะทิ้งไปเพราะหมดรักคุณหมอ แล้วจริงๆ ก็ทิ้งไปเลย แต่ถ้าจะทิ้งเพราะแค่ทนเห็นไม่ได้ ฉันว่ามันจะเป็นการดูถูกความรักเกินไป ขอให้ฉันเก็บ เอาไว้ เผื่อวันนึงพี่ผ่านปัญหานี้ไปได้ ฉันจะคืนให้พี่ก็แล้วกัน”
เพลิงหันมามองหน้าเชนกับวัลภา
“น้องสองคนพูดถูก สร้อยนี่คือตัวแทนความรักของพี่กับคุณหมอ”
เพลิงพูดพลางเข้าไปจับมือวัลภาขึ้นมา แล้ววางสร้อยลงที่มือ
“พี่มีเรื่องจะไหว้วานหน่อยนะวัลภา”
วัลภามองหน้าเพลิงอย่างสงสัย

เอื้อมเดือนขยับตัวจะออกจากบ้านพัก แต่ผู้กองสมานเข้ามาไปยืนขวาง เอื้อมเดือนบอกว่าเธอไม่ได้ทำอะไรผิด และยืนยันว่าเพลิงเป็นคนดี
“พี่อย่าเอากฏหมายมาอ้างกับเดือน เพราะถ้ากฏหมายมันยุติธรรมเสมอ แล้วพี่ต้องหนีมาที่นี่ ทำไม ตอนนี้พี่กับเพลิงก็เหมือนกันนั่นแหละ เป็นคนที่ไม่ได้รับความยุติธรรมจากฏหมาย เพราะฉะนั้น พี่น่าจะ เข้าใจเพลิงดีที่สุด”

เอื้อมเดือนปัดมือพี่ชายแล้วรีบเดินออกไปจากห้อง

เอื้อมเดือนออกมาเจอวัลภา ที่หน้าบ้านพัก วัลภารู้ว่าเอื้อมเดือนกำลังจะไปหาเพลิง ก็รีบห้ามไว้
“วัลภาว่าคุณหมออย่าเพิ่งไปเลยดีกว่าค่ะ เพลิงไม่อยู่ที่บ้านหรอกค่ะ เขาไม่อยากให้คุณหมอรู้ว่า เขาอยู่ไหน แต่คุณหมอไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ตอนนี้เชนอยู่เป็นเพื่อนเขา”
เอื้อมเดือนน้ำตาคลอ
“ทำไมล่ะวัลภา ทำไมเขาต้องหนีหน้าฉันด้วย”
ผู้กองสมาน ที่เดินตามออกมา เข้ามาจับแขนน้องสาว
“เพราะมันกับพี่ตกลงกันไว้แล้วว่า มันจะไม่เข้ามาใกล้เดือนอีก จนกว่าผลการดวลจะตัดสินว่า ใครคือคนที่จะรอด ซึ่งพี่แน่ใจว่าพี่จะแก้แค้นให้ฟ้างามให้ได้”
เอื้อมเดือนมองหน้าพี่ชายนิ่ง
“ก็ลองดูสิพี่สมาน ถ้าพี่ฆ่าผู้ชายที่เดือนรัก พี่กับเดือนก็ตัดขาดกัน”
ผู้กองสมานได้ยิน ก็ถึงกับอึ้ง วัลภาจับมือเอื้อมเดือนมาแล้ววางสร้อยคอล็อกเก็ตลงบนมือ พลางกลั้นใจบอกว่าเพลิงขอร้องให้มาบอกว่า ความรักของเขากับเอื้อมเดือนจบลงไปแล้ว
“ไม่จริง ไม่จริง เพลิงเขาไม่มีทางพูดแบบนี้กับฉัน”
เอื้อมเดือนเสียใจจนทรุดลงน้ำตานองหน้า วัลภารีบเข้าไปโอบกอดปลอบใจ ผู้กองสมานได้แต่ ยืนดูน้องสาวด้วยความสงสาร แต่ด้วยความแค้น ทำให้เขาไม่สามารถยกโทษให้เพลิงได้

ไอ้ตุ่นที่โดนซ้อมมาจนหน้าตายับเยิน ถูกชาติกับลูกน้องลากตัวเข้ามาตรงหน้ากำนันปราบ ไอ้ตุ่นปฏิเสธปากคอสั่นว่าไม่มีวันทรยศกำนันกับชาติ พลางพนมมือไหว้ แต่กลับถูกกำนับปราบจิกหัวขึ้นมา แล้วตะคอก ใส่หน้า
“ไอ้ชาติมันเห็นกับตาว่าเป็นเอ็ง แต่เอ็งยังลิ้นสองแฉกกล้าปฏิเสธอีก ไอ้สารเลวเอ๊ย”
กำนันปราบตบหน้าฉาดใหญ่ จนไอ้ตุ่นล้มลง ก่อนจะตามเข้าไปกระหน่ำกระทืบซ้ำอีกหลายที
จนมันร้องโอดโอยครวญคราง ชาติกับไอ้เชิดเข้ามาลากตัวมันขึ้นมา
“พ่อจะให้ฉันจัดการยังไงกับมันก็บอกมาเลย ฉันจะเอาไปจัดการต่อให้”
ไอ้ตุ่นปากคอสั่น พลางบอกว่าแท้จริงแล้วคนที่หักหลังคือเนื้อทอง
“ฉันรู้ว่าเนื้อทองเป็นหนอนบ่อนไส้ ฉันกำลังจะแฉความจริง แต่เนื้อทองกลับตลบหลังฉัน”
กำนันปราบหันไปมองเนื้อทองที่ยืนหน้าซีดตกใจ แล้วก็หัวเราะ “ลูกสะใภ้ของฉันน่ะเหรอเล่นงานแก ไอ้ตุ่นเอ๊ย”
พูดจบก็จิกหัวไอ้ตุ่นแล้วผลักลงไปล้มลงตรงหน้าเนื้อทอง แล้วเอาปืนยัดใส่มือ
“จัดการมันซะเนื้อทอง มันกล้าใส่ร้าย ทั้งๆที่หลักฐานมัดตัวมันขนาดนี้ จัดการมัน”
เนื้อทองหน้าเสีย กำปืนมือสั่นอยู่ต่อหน้ากำนันปราบและชาติ ก่อนที่จะตัดสินใจคืนปืนให้กำนัน ปราบ แล้วรีบวิ่งเข้าเรือนไป กำนันปราบเลยหันปืนมาจ่อหน้าไอ้ตุ่น
“แค่จับปืนก็มือไม้สั่นแล้ว แล้วแบบนี้เหรอที่เอ็งจะให้ข้าเชื่อว่าลูกสะใภ้ข้าไปร่วมมือกับโจรมา เป็นหนอนบ่อนไส้ทำลายข้า”
กำนันปราบทำท่าเหมือนจะยิง แต่กลับลดปืนลงเพราะคิดอะไรได้ขึ้นมา
“ไอ้เชิด เอาตัวมันไปขังไว้ก่อน แล้วทรมานมันยังไงก็ได้ให้มันเปิดปากว่าจะตามล่าไอ้เสือกับ นางสิงห์ได้ที่ไหน”
ไอ้ตุ่นรีบปฏิเสธปากคอสั่น
“จะทรมานฉันให้ตายยังไง ฉันก็ไม่รู้หรอกจ้ะพ่อกำนัน เพราะฉันไม่ได้ร่วมมือกับไอ้เสือนางสิงห์ จริงๆ”
กำนันปราบยิ้มเหี้ยม
“งั้นถ้าเอ็งไม่พูด ข้าก็จะเตรียมวิธีตายไว้ให้เอ็งโดยเฉพาะ รับรองว่าสาสมกับเอ็งแน่”
พูดพลางพยักหน้าให้ไอ้เชิดพาตัวมันออกไป

เนื้อทองเข้ามาในห้อง มือยังสั่นไม่หาย ชาติตามเธอเข้ามา พลางพูดใส่หน้าว่าการฆ่าคนเป็นเรื่องง่ายๆ ยิ่งเวลาได้เห็นคนที่กำลังจะโดนฆ่าร้องอ้อนวอนขอชีวิต ยิ่งสนุก ยิ่งได้อารมณ์
ชาติหัวเราะชอบใจ ก่อนจะถอดเข็มขัดปืนวางบนโต๊ะ จากนั้นก็หยิบเสื้อตัวใหม่ออกจากตู้เตรียม จะเปลี่ยนเสื้อผ้า
เนื้อทองนิ่งมองปืนแม๊กนั่มด้ามสวยของชาติด้วยสีหน้าสนใจ แล้วเดินเข้าไปใกล้ โดยที่ชาติไม่ เห็น เพราะบานประตูตู้บัง
“แล้วเวลาฆ่าคนเธอไม่กลัวบาปกลัวกรรมเหรอ”
“บาปกรรมน่ะเหรอ มันก็แค่เรื่องที่เอาไว้หลอกเด็ก กลัวอดตาย กลัวไม่มีกินมีใช้ กลัวอำนาจ ในมือหมดไป อันนั้นสิ น่ากลัวกว่า”
ชาติพูดพร้อมถอดเสื้อเปลี่ยนเสื้อตัวใหม่ เนื้อทองหยิบปืนชาติขึ้นมาแล้วหันหน้าไปที่ชาติอย่าง ครุ่นคิด
“แต่ฉันเชื่อเรื่องบาปกรรมนะชาติ ไม่ว่าใครทำอะไรกับใครไว้ คนคนนั้นก็ต้องได้รับผลกรรมกลับ มา ยิ่งเลวมาก ผลกรรมที่ตามมาก็ยิ่งหนักหนาสาหัสสมกับความเลว”
ชาติใส่เสื้อเสร็จก็ปิดตู้เสื้อผ้า แล้วเห็นเนื้อทองถือปืนอยู่ เนื้อทองวางปืนคืนที่เดิม ชาติเก็บปืน เข้าซอง แล้วเอามาคาดเอวตามเดิม พลางล้วงกระเป๋ากางเกง หยิบกล่องสร้อยทองคำสวยๆ เส้นนึงออกมา สวมคอให้เนื้อทอง เป็นรางวัลที่เนื้อทองช่วยจับตัวหนอนบ่อนไส้
สวมสร้อยเสร็จ ชาติก็เชยคางเนื้อทองมาจูบที่ริมฝีปากก่อนจะยิ้มกรุ้มกริ่มออกไป เนื้อทอง มองตาม แล้วรีบยกมือมาเช็ดริมฝีปาก พร้อมกับกระชากสร้อยคอออกมา แววตาเต็มไปด้วยความแค้น

“เล่นกับกรรมก็เหมือนเล่นกับไฟ วันนี้แกสะใจ แต่วันต่อไปแกได้ชดใช้กรรมแน่ไอ้ชาติ”

ชาติขับรถจี๊ปเข้ามาจอดที่ด้านในโรงไม้ น้ำค้างในชุดกระโปรงสั้นเสื้อแหวกอกดูเซ็กซี่ยั่วยวน รีบเดินนวยนาดออกมารอรับ พลางจับมือชาติมากุมแล้วจูงมือพาเดินหายเข้าไปในโรงไม้ด้วยกัน

ลายเสือกับไอ้คม ยืนดูลูกน้องของตัวเอง 2 คนกำลังใช้เครื่องมือสำหรับสำรวจตรวจหากับดัก ระเบิดที่ฝังอยู่ใต้พื้นกลางป่าลึกอย่างระมัดระวัง
ทันใดนั้นเสียงระเบิดดังสนั่น ลายเสือกับไอ้คมรีบก้มหมอบ ควันระเบิดคละคลุ้ง รองเท้าคอมแบต ทหารที่ติดขาของลูกน้องกระเด็นมาตกลงตรงหน้า ลายเสือส่ายหน้าอย่างเจ็บใจ
ไอ้คมรีบเสนอ
“ผมว่าแทนที่เราจะเอาคนมาเสี่ยงชีวิตที่นี่ สู้ให้เสี่ยงชีวิตบุกไปถล่มพวกมันถึงรังไม่ดีกว่าเหรอ ครับนาย”
“แล้วไอ้ฟ้าลั่นล่ะ เพราะไอ้ปราบมันรู้ไงว่าเราคิดจะตอบโต้มันยังไง มันถึงได้เอาตัวไอ้ฟ้าลั่นไป เป็นเชลย”
ไอ้คมพยักหน้าเข้าใจ แล้วก็คิดขึ้นมาได้
“นาย ผมสงสัยว่าที่มันอยากให้เราเคลียร์พื้นที่แถวนี้ให้ แสดงว่าต้องมีของสำคัญที่มันอยากจะ เข้าไปแต่เข้าไปไม่ได้”
“ข้ารู้ทันมันอยู่ แล้วถ้าข้าเจอว่ามีอะไรอยู่อีกฝั่งของป่า เอ็งคิดเหรอว่าข้าจะอยู่เฉยรอให้มันมา เก็บพวกเราหมด”
จังหวะนั้นไอ้ก้านก็พาสาวใช้จากบ้านของกำนันปราบ ที่มาส่งข่าวฟ้าลั่นเข้ามา สาวใช้รีบยื่น กระดาษที่ฟ้าลั่นฝากเอามาให้ ลายเสือรับไปมองอย่างสงสัย

เชนกับเพลิงย่ำน้ำก้าวเข้ามา เพื่อซ้อมประลองฝีมือกัน
“ฉันขอถามเพื่อความแน่ใจอีกทีนะพี่บึ้ก ตกลงพี่จะเลือกวิธีดวลกับพี่ชายคุณหมอเพื่อตัดสิน ชะตาชีวิตของพี่จริงๆ”
“พี่ตัดสินใจไปแล้ว ไม่มีทางถอยหลัง”
เชนส่ายหน้า
“แต่ฉันมองไม่เห็นว่าวิธีนี้มันจะช่วยอะไรได้ ถ้าพี่แพ้ถูกเขาฆ่าตาย พี่ก็จะค้นหาความจริงไม่ได้ว่า ใครคือฆาตกรตัวจริง และถ้าพี่จะเอาชนะเขาให้ได้ พี่ก็ต้องฆ่าเขา นั่นก็ยิ่งทำให้มือพี่เปื้อนเลือด แล้วยิ่งทำให้พี่กับ คุณหมอไม่มีวันกลับมารักกันได้อีก”
“ที่พี่ตัดสินใจ พี่ไม่ได้คิดถึงผลที่จะออกมา เพราะนั่นมันคือชะตาที่ฟ้าลิขิต คือสิ่งที่ฟ้างามเป็นคน เลือกให้พี่ เข้ามาได้แล้วไอ้น้องชาย งัดฝีมือเอ็งออกมาให้เต็มที่ พี่จะได้ฝึกฝีมือพี่ให้เต็มที่ พร้อมรับมือเขา เหมือนกัน”
เชนพยักหน้า “งั้นก็ตามใจแล้วกัน คนอย่างไอ้เชน ถ้าขอให้เต็มที่ก็ไม่มีน้อยแน่”
จากนั้นทั้งคู่ก็งัดเชิงมวยฟาดฟันใส่ยั้งอย่างไม่มีใครรามือให้ใคร

ลายเสือยื่นธนบัตรปึกใหญ่ให้สาวใช้ พลางบอกให้ช่วยดูแลฟ้าลั่นให้ด้วย จากนั้นก็พยักหน้าให้ ไอ้ก้านพาสาวใช้ออกไป
“ข่าวจากคุณฟ้าลั่นได้เรื่องว่ายังไงครับนาย” ไอ้คมรีบถามทันที
“อาการดีขึ้นบ้างแล้ว แต่ยังต้องแกล้งทำเป็นเจ็บหนักอยู่ เพราะไอ้ฟ้าลั่นได้ยินพวกมัน คุยกันถึง เรื่องขุมทรัพย์ ก็อย่างที่ฉันสงสัยแล้วบอกแกไปไง ไอ้ที่มันสั่งให้เราเคลียร์พื้นที่ทุ่งกับระเบิด แสดงว่าอีกฟากของป่า มันต้องมีบางอย่างที่สำคัญกับพวกมันแน่
ไอ้ฟ้าลั่นมันบอกว่าจะพยายามหาทางล้วงความลับของพวกมันมาเพิ่มเติมให้อีก เพราะฉะนั้น ตอนนี้เราก็ต้องทำตามที่ไอ้ปราบสั่งไปก่อนเพื่อให้มันตายใจ ถ้าเป้าหมายมันคุ้มค่ากับความเสี่ยง เห็นทีคราวนี้ ก็ควรถึงเวลาต้องลงทุนตามนักรบฝีมือดีมาเสริมทัพของเราให้แข็งแกร่งแล้ว”
“นายหมายถึง ไอ้ปีศาจอสรพิษตัวนั้น ?”
ลายเสือพยักหน้ารับพร้อมกับรอยยิ้มที่ดูเจ้าเล่ห์ แล้วหยิบวิทยุสื่อสารของทหารขึ้นมายื่นให้ไอ้คม
“ได้ข่าวว่าตอนนี้มันมารับงานจ้างอยู่ไม่ไกลจากเราเท่าไหร่ แกส่งข่าวกระจายออกไปให้มันรู้ด้วย ว่าถึงเวลาที่ไอ้ปีศาจอสรพิษจะต้องกลับมาชดใช้หนี้ที่ติดค้างข้าอยู่”

ที่กลางป่าลึก ทหารเวียดกงสวมหมวกปีกกว้างถือปืนเอ็ม 16 แต่งตัวแบบชาวบ้านเข้ามาอย่าง เงียบกริบ โดยไม่มีใครสังเกตว่า ท่ามกลางต้นไม้ที่ขึ้นรกครึ้มนั้น มีทหารฝรั่งตัวใหญ่กำลังพรางตัวอยู่ใกล้ๆ ซึ่งที่แท้มันก็คือ “ทอม” ทหารรับจ้างฉายา ‘ปีศาจอสรพิษ’ ที่สวมหน้ากากกันแก๊ซพิษปิดบังใบหน้าเอาไว้
ทอมอาศัยความเชี่ยวชาญในเชิงอาวุธทุกชนิดจัดการทหารเวียดกงจนหมดเกลี้ยง จากนั้นก็ถอด หน้ากากออก เผยให้เห็นใบหน้าว่าเป็นฝรั่งหน้าเหี้ยม มันยิ้มร้ายแล้วหัวเราะอย่างสะใจ

เพลิงโถมพลังใส่จนเชนเริ่มตั้งหลักไม่ทันและกลายเป็นฝ่ายจะเสียท่า ระหว่างนั้นเอง วัลภา ก็เข้า มา แล้วบอกให้ทั้งคู่หยุด
“ฉันบอกให้นายมาอยู่เป็นเพื่อนพี่เพลิง คอยช่วยปลอบใจเขา แล้วนี่อะไรมาท้าตีท้าต่อยกับเขา ทำไม”
เชนอ้าปากจะเถียง แต่ไม่ทัน
“ไม่ต้องเถียงเมีย นิสัยนาย ฉันน่ะรู้จักดี เผลอเป็นไม่ได้นายต้องหาเรื่องคนอื่นเขาไปทั่ว”
เพลิงรีบอธิบายว่าเขาเป็นคนขอให้เชนป็นคู่ซ้อม วัลภาหน้าเหรอ
“แล้วทำไมไม่รีบบอก”
เชนแกล้งมองหน้าวัลภาแบบเอาเรื่อง
“ ก็เพราะเธอไม่คิดจะฟังอะไรก่อนไง มาถึงก็ใส่ๆๆ แบบนี้ต้องเอาคืน ดึงหูฉันเจ็บ ฉันก็จะหอม แก้มให้ช้ำเลย”
พูดพลางจะเดินเข้าหาวัลภา แต่เพลิงเข้าไปดันเชนให้ห่างออกมา พลางหันมาถามวัลภาถึง เอื้อมเดือน
“ฉันก็ทำตามที่พี่บอกทุกอย่างนั่นแหละ ก็เลยได้เห็นน้ำตาของคุณหมอ เธอน่าสงสารมากนะ พี่เพลิง พี่ไม่น่าจะทำแบบนี้กับเธอเลย”
“คุณหมอเป็นคนเข้มแข็ง สักวันเธอก็จะรับมือกับมันได้เอง”

เพลิงพูดอย่างเศร้าๆแล้วเดินออกไป เชนกับวัลภามองตามแล้วอดสงสารเพลิงไม่ได้

เนื้อทองอยู่หน้าห้องเก็บของ ได้ยินเสียงของไอ้ตุ่นร้องโหยหวนดังลั่นออกมาอย่างทรมาน จึงรีบบอกกำนันปราบกับชาติให้เลิกทรมานมัน
กำนันปราบส่ายหน้า
“ไม่ได้หรอกเนื้อทอง คนอย่างพ่อจะปล่อยให้คนทรยศมีชีวิตอยู่ต่อไม่ได้เด็ดขาด เพราะ มันจะ ทำให้คนอื่นเอาเยี่ยงอย่าง”
ระหว่างนั้นไอ้เชิดกับลูกน้อง ก็หิ้วปีกลากไอ้ตุ่นออกมาจากห้องเก็บของในสภาพที่น่าสังเวช จน เนื้อทองต้องเบือนหน้าหลบไม่กล้าสบตาไอ้ตุ่นที่จ้องมองมา
“ในเมื่อไอ้ตุ่นมันไม่ยอมสารภาพ ก็ถึงเวลาที่แกต้องลากมันไปจัดการ”
กำนันปราบสั่งเสียงเข้ม ก่อนจะพยักหน้าให้ไอ้เชิดชกเข้าที่ท้อง แล้วเอาผ้ามาคาดปากไม่ให้ ส่งเสียง จากนั้นก็ลากตัวไป เนื้อทองมองตามหน้าเครียด

เอื้อมเดือนที่ยังไม่ยอมลงให้พี่ชาย ถูกผู้กองสมานจับขังล็อกกุญแจอยู่ในห้อง
“ปล่อยเดือนออกไปนะพี่สมาน เดือนไม่ยอมให้พี่ไปดวลกับเพลิงเด็ดขาด พี่สมาน”
ผู้กองสมานไม่ตอบ แต่หันไปที่จ่า
“ฝากดูน้องสาวผมด้วยนะจ่า”
“แต่ผู้กองไปดวลกับไอ้เพลิงตามลำพัง ผมไม่ค่อยไว้ใจเลย”
จ่าพูดด้วยความเป็นห่วง
“มันคือการตัดสินของลูกผู้ชาย และเป็นเรื่องของผมกับมันเท่านั้น ไม่ต้องกลัวว่าผมจะไม่รอด กลับมาหรอกจ่า ยังไงผมก็ต้องกลับมาดูแลน้องสาวผม”
ผู้สมานตบบ่าจ่าแล้วเดินออกไป

ไอ้ตุ่นถูกกำนันปราบคุมตัวมาในป่า พร้อมชาติและไอ้เชิด มิไยที่มันพยายามปฏิเสธ แต่ทั้งกำนันปราบ และชาติก็ไม่ฟัง
“ฉันไม่ได้ใส่ร้ายเนื้อทอง แต่เนื้อทองนั่นแหละที่ใส่ร้ายฉัน เชื่อฉันเถอะพี่ชาติ”
ชาตินิ่งมองตุ่นอยู่ครู่ด้วยสีหน้าครุ่นคิด ระหว่างนั้นไอ้คมกับลูกน้องลายเสืออีกคน ก็เดินเข้ามา ขัดจังหวะ ไอ้เชิดชักปืนจ่อไป ไอ้คมรีบชูมือว่าไม่ได้มาร้าย
“นายให้ข้ามารับกำนัน”
กำนันปราบเข้าไปตบบ่าไอ้คม
“ข้าจะเข้ามาดูความคืบหน้างานที่ขอให้ลูกพี่เอ็งช่วยจัดการให้ และเห็นว่าคนงานน่าจะไม่พอ เพราะงานนี้มันต้องใช้ชีวิตคนไปเสี่ยงเยอะ”
ไอ้คมหันไปมองที่ไอ้ตุ่น
“นี่น่ะเหรอคนที่จะให้ไปช่วยเดินตรวจหากับระเบิด”

กำนันปราบพยักหน้า ไอ้ตุ่นหน้าซีด ตกใจ พลางระล่ำระลักอ้อนวอน กำนันปราบไม่สนใจหันไปสั่งไอ้เชิดให้ลากตัวไป ไอ้ตุ่นฮึดสู้ ใช้หัวโขกใส่ไอ้เชิดจนเซแล้วแย่งปืนจากเอวไอ้เชิดมายิงไปมั่วๆ จากนั้นก็อาศัย ช่วงชุลมุนวิ่งหนีไปทันที
 
จบตอนที่ 12 
กำลังโหลดความคิดเห็น