ธิดาพญายม ตอนที่ 8
แสงวูบจ้ากลับมาและเห็นทุกคนยืนอยู่อีกครั้งในป่า ทุกคนต่างมองหน้ากันด้วยความประหลาดใจ
“ฝีมือองค์หญิงเหรอครับ”
“เปล่า ดิฉันไม่ได้ทำอะไรเลย”
“ดูนั่น”
ทั้งหมดต่างมองตามปิงปองไปก็เห็นแสงเป็นรูปสี่เหลี่ยมเหมือนบานประตูเต้นอยู่ตรงหน้า ระหว่างต้นไม้คู่หนึ่ง
“ประตูทางออกด่านที่สอง”
“คำปริศนาบอกว่า เราจะพ้นประตูด้านที่สองเมื่อพระจันทร์เปล่งเสียง”
“แล้วพระจันทร์เปล่งเสียงตอนไหน ผมไม่เห็นได้ยินเลย”
แต่ละคนมีสีหน้าแปลกใจ ต่างครุ่นคิดจนกระทั่งมาถึงปาระนัง
“คุณหญิงจันทร์เพ็ญ”
ทุกคนหันไปมองปาระนังเป็นตาเดียว
“ใช่แล้ว”
“จันทร์เพ็ญแปลได้ว่าเป็นพระจันทร์”
“โธ่เอ๊ย ที่แท้คุณหญิงจันทร์เพ็ญนี่เอง พอคุณหญิงขอบใจเราก็เท่ากับว่าพระจันทร์เปล่งเสียง”
“โอย ทำไมต้องยุ่งยากขนาดนั้น ปิงปองมึนตึบ”
“บีมก็มึน”
ทุกคนต่างยิ้มขำปิงปองและบีมตื่นเต้นที่มาถึงประตูทางออกด่านที่สอง ทุกคนต่างมองประตูอย่างตื่นเต้น
ร่างของทุกคนค่อยๆ ก้าวผ่านประตูเข้ามา สายตาจ้องไปข้างหน้า กลับกลายเป็นถ้ำอยู่ตรงหน้า ไม่มีทางอื่นให้อ้อมไป
“ดูเหมือนว่าเราถูกบังคับให้เข้าถ้ำชัวร์ๆ”
“ปกติแล้วหลังจากพบประตูทางออกก็จะถึงจุดที่ตั้งประตูทางเข้าด่านต่อไป ก็คือด่านที่ 3”
“แต่ทุกครั้งเราต้องหาประตูทางเข้า ทำไม ตอนนี้มีทางเข้าให้เรียบร้อย”
“เข้าง่ายๆ แบบนี้ ส่วนมากมักจะมีพลิกล็อค”
“แต่ที่เราเห็นคือทางเข้าถ้ำ ไม่ได้แปลว่าต้องเป็นประตูทางเข้านี่ครับ”
“ใช่ แค่เป็นทางผ่านก็ได้”
“ทางผ่านที่ไม่น่าไว้ใจ”
ทุกคนต่างมองหน้ากัน ณัชชาจ้องที่ปากทางเข้าถ้ำอย่างพิจารณา
“นาชะอยู่ใกล้ๆ ทายาท เราต้องผ่านเข้าไป”
ทันใดนั้นร่างของบีมลอยขึ้นอย่างช้าๆ
“เฮ้”
ทุกคนหันมามองเป็นตาเดียว เห็นร่างของบีมลอยอยู่
ร่างของบีมลอยขึ้นแล้วค่อยๆลอยลงยืนติดพื้น บีมขยับตัวไปมาเหมือนมีอะไรยุกยิกในที่สุดเอื้อมมือ เข้าไปในอกเสื้อ ถุงมือพรวดออกมาลอยอยู่ตรงหน้า บีมเหล่แล้วคว้าเอาไว้หมับ เกิดเป็นแสงสว่างจากถุงมือปรากฏ
“ในถ้ำคงมืด ถุงมือถึงแสดงพลังออกมา”
“แบบนี้ต้องลุยกันหน่อย”
บีมยกมือถุงมือเข้ามาติดที่มือหมับ บีมหันมายิ้มกับทุกคนแบบว่าผมเจ๋งสุด
“เต๊ะน่าดู”
ทุกคนต่างยิ้มขำ
“ไป บีม”
บีมก้าวออกไป เอกภพตามติด
“ปาระนังกับท่านราเชนจะอยู่รั้งท้าย”
“งั้นทายาททุกคนตามนาชะมา”
นาชะก้าวตามเอกภพไป ไกรยุทธ์เดินตามนาชะ นาฬิกาหันมาโบกมือให้ปิงปองตามไปก่อนตัวเองตามติด ณัชชา ปาระนังและราเชนหันมามองกัน
“ทายาททุกคนเก่งขึ้นมาก รู้จักขั้นตอนการดูแลกัน”
ณัชชายิ้มมองตามอย่างพอใจ
“เชิญองค์หญิง”
ณัชชายิ้มให้แล้วก้าวตามขบวนไป ปาระนังก้าวตาม ปิดท้ายด้วยราเชน
บีมเดินนำเข้าไปแสงจากถุงมือสาดสว่างเห็นทุกอย่างได้ชัดเจน เอกภพตามติด ในมือทั้งสองข้างของเอกภพ ถือปืนสั้นสองกระบอกกราดนำเข้าไป ทุกคนต่างเดินตามเป็นลำดับ จนกระทั่งมาถึงบริเวณลานกว้าง บีมหยุดกึกเพราะเห็นกระดูกมนุษย์หลายชิ้นกระจัดกระจายอยู่รอบๆ ปิงปองร้องเบาๆ ด้วยความตกใจ ถอยมายืนติดกับนาฬิกา ณัชชา ปาระนัง ราเชน ต่างดีดตัวมายืนล้อมนาชะและทายาทไว้ตรงกลาง บีมสะบัดมือออกไปถุงมือลอยขึ้นไปติด
เพดานถ้ำแสงของถุงมือสาดไปทั่วเห็นเงารางๆ ปรากฏออกมาจากผนังถ้ำ ทุกคนต่างกราดสายตาจ้อง
“มีพลิกล็อคอย่างบีมว่าจริงๆ”
เงาจางๆ ค่อยลอยเข้ามาแล้วแตกกระจายออกเป็นหลายเงาลอยอยู่เหนือทุกคนแล้วเริ่มลอยวนล้อมทุกคน
ทันใดนั้นเงาร่างเห็นเด่นชัดขึ้นหน้าตาเห็นเป็นปีศาจ
“ที่แท้เป็นพวกผีปีศาจ ที่ไม่ได้ไปผุดไปเกิด”
“ป้องกันทายาท จำไว้ถ้าใช้พลังเมื่อไหร่ อาคินมาเมื่อนั้น”
ณัชชา ปาระนัง ราเชน เอกภพ ต่างดีดตัวเข้าหาเงาที่พุ่งเข้ามา ต่อสู้ปัดป้องกระแทกฝ่ามือออกไป ถูกเงาร่างสลายตัว ร้องเสียงโหยหวน เอกภพตวัดมือเก็บปืนไปทางด้านหลัง ตวัดมือกลับมาเป็นมีดสั้นเอาคมมีดปาดเข้ากับฝ่ามือเห็นเลือดที่ฝ่ามือติดกับมีดสั้นขึ้นมา ตวัดใส่เงาร่างปีศาจที่พุ่งเข้ามากระจายร้องกรี๊ดหายไป ณัชชาพรวดเข้ามา
“เก่งนี่ รู้ได้ยังไงว่าเลือดเทพปราบปีศาจได้”
“เฮ่...มั่วเอาตามอย่างในหนัง”
แต่แล้วมีเงาปีศาจพุ่งเข้ามาอีก ทั้งสองต่างรีบปัดป้องต้านเอาไว้
“ทายาทระวังอย่าหลงเข้าประตูกล”
ปาระนังพูดพลางตวัดดาบปลายแหลมไปมาเกิดเสียงดังควับๆ ถูกร่างปีศาจกระจายออกไป ราเชนสะบัดมีดสั้นในมือวูบวาบ มีดสั้นมีไฟติดขึ้นมา ตวัดไปทางไหน เงาปีศาจกระจายไปที่นั่น
“นาชะ รีบหาทางออก”
“เจ้าค่ะ”
นาชะหายแวบไปเห็นเป็นสายสีชมพูวิ่งวนไปมาตามจุดต่างๆ ท่ามการกลางต่อสู้แล้วหมุนวนตรงด้านหนึ่งซึ่งเป็นทางออกสองสามรอบแล้วพุ่งหายแวบออกไป
ทุกคนต่อสู้อยู่รอบๆ ทายาทอยู่ตรงกลางแต่ทั้งหมดถูกนัวเนียจนช่องทางเปิดพวกมันเริ่มหลุดเข้ามาด้านใน มีเงาร่างตัวหนึ่งหลุดเข้ามา ลอยหน้าอยู่ตรงหน้าบีม บีมร้องตกใจแล้วเอานิ้วชี้กับนิ้วกลางกางออก จิ้มเข้าเบ้าตาโบ๋ของมันมันร้องกรี๊ดค้างอยู่กับนิ้วของบีม ไกรยุทธ์เข้ามาเตะโครมเงาร่างกระจายไป ไกรยุทธ์เอามือกันปิงปองเข้ามาตรงกลาง เงาอีกตัวหนึ่งพุ่งเข้ามา นาฬิกาเตะโครมเงากระจายออกไป แต่แล้วเงาของพวกมันเข้ามาล้อมทายาททุกคนไว้ ส่งเสียงแหลมโหยหวน เคลื่อนตัวใกล้เข้าไกรยุทธ์กับนาฬิกายืนขวางปิงปองกับบีมไว้ทางด้านหลัง สถานการณ์คับขัน
ณัชชาตวัดมือปรากฏมีมีดสั้นขึ้นมาตวัดเข้าใส่ร่างของวิญญาณที่นัวเนียเข้ามากระจายไป แล้วหันไปเห็นพวกทายาทถูกล้อมอยู่จึงดีดตัวเข้าไปยืนตรงหน้าของพวกทายาท แต่พวกมันเริ่มกระจายแตกตัวมากขึ้นล้อมเข้ามา
“นี่คือทายาทของเทพองค์รักษ์ทั้งสี่ พวกท่านจงถอยไปให้หมด”
วิญญาณบินวนเวียนค่อยๆ วนห่างแล้วรวมกลุ่มกัน ร่างที่เหมือนปีศาจค่อยปรากฏเป็นร่างเหมือนมนุษย์ในชุดขาว ยาวคลุมตัวตั้งแต่ไหล่ถึงพื้นสีหน้าเหมือนมนุษย์ธรรมดาแต่ซีดขาวหลายตัวยืนอยู่ตรงหน้าของทุกคน มีวิญญาณตนหนึ่งก้าวออกมา ทุกคนต่างขยับตัวกราดสายตาจ้องด้วยความระมัดระวัง
“ท่านบอกว่ามีทายาทของเทพองค์รักษ์ทั้ง 4”
“ถูกต้อง”
ณัชชาขยับตัวออกไปทางด้านข้างเปิดทางให้ พวกวิญญาณเห็นทายาททั้งสี่ วิญญาณจ้องเขม็งที่ทายาททั้งสี่
ในที่สุดก็ก็โค้งก้มตัวนิ่ง ทำให้วิญญาณตัวอื่นๆ โค้งตาม อึดใจก็ยืดตัวขึ้นอย่างเดิม
“พวกท่านคือมิตรของเรา”
ทุกคนต่างมองหน้าหน้ากันโล่งอก
“เทพอาคินกับคนของมันไล่ล่าพวกเรามาขอให้พวกท่านจงระวัง”
“ขอบพระทัยองค์หญิงที่ทรงห่วงใยพวกเราจะระวังตัว ระหว่างนี้เราจะคอยระวังให้พวกท่าน”
“ขอบใจ”
ทั้งหมดจึงเริ่มเดินไปยังทางออก ทันใดนั้นร่างของนาชะปรากฏ
“ทางออกอยู่ทางนี้เพคะ”
“เจ้าช้าอีกแล้วนาชะ”
ทุกคนต่างยิ้ม นาชะกราดสายตาเห็นพวกวิญญาณอยู่อีกด้านหนึ่งอย่างเป็นมิตร
“อ้อ...งั้นนาชะไปรอข้างนอกก็ได้”
นาชะแวบหายไปเหลือแต่ผงสีชมพูเป็นละอองตามยาวเป็นทาง ทุกคนต่างอดยิ้มไม่ได้
ทุกคนนั่งล้อมวงกันอยู่ ทายาทต่างรื้อย่ามค้นหาเสบียงกินกัน นาฬิกาส่งแซนวิชให้เอกภพ
“อะ พี่เอก”
“ขอบใจจ้ะ”
“พ่อๆ ของพวกเราเจ๋งน่าดู วิญญาณยังรู้จักทางสะดวกผ่านฉลุย”
“นั่นน่ะซิทั้งเจ๋งทั้งฉลาด จนเราไม่รู้ว่าจะไปทางไหน”
ทุกคนต่างอดยิ้มไม่ได้
“ใจเย็นๆ น่าปิงปอง เดี๋ยวทุกอย่างก็จะปรากฏขึ้นมาเอง”
“ใช่ ปรากฏที่ไร วิ่งตับทรุดทุกที”
ทุกคนต่างยิ้ม ณัชชายิ้มหันไปก็พบเอกภพจ้องมาอยู่แล้ว เลยพยักหน้าให้แก้เขิน เอกภพพยักหน้าตอบ ปาระนังกับราเชนเห็นต่างยิ้มให้กัน
“แล้วต่อไปยังไงครับ พี่ณัชชา”
“เราพักกันที่นี่ให้หายเหนื่อย แล้วพรุ่งนี้เช้าค่อยเริ่มกันใหม่”
“พี่เชื่อว่าทุกอย่างต้องขึ้นอยู่กับพวกเธอนั่นแหละ”
“คืนนี้น่าจะพักได้อย่างสบายใจ เรามีคนช่วยระวังภัยให้แล้วโน่นไง”
ทุกคนหันตามสายตาของปาระนังก็เห็นพวกวิญญาณบินวนเวียนอยู่ด้านนอกรอบๆ ที่พัก
“โห...รู้ว่าหวังดีแต่เล่นเฝ้าแบบนี้ใครจะหลับลง” ทุกคนต่างยิ้มขำ
“หลับตามสบายเล๊ย พี่อยู่ทั้งคน ไม่ต้องห่วง”
นาชะบอกแล้วยืดวางท่า ทุกคนต่างมองหน้ากันอดขำไม่ได้ แต่ต่างก็ล้มตัวลงนอนในที่สุด
กลางดึก วิญญาณบินวนอยู่รอบๆ ร่างหนึ่งยืนกราดสายตาออกไปด้านนอกเป็นเอกภพนั่นเอง แต่แล้วก็ค่อยๆหันมาเห็นณัชชาเดินเข้ามาพอดี
“มีอะไรเหรอคะ”
“เปล่าครับ แค่ออกมายืนภาวนา”
“ไม่ยักรู้ว่าคุณเชื่อเรื่องนี้”
“ผมแค่ภาวนาให้องค์หญิงตื่นมาคุยกับผม”
ณัชชาเหล่ สุดท้ายก็อดยิ้มไม่ได้
“นึกอยู่เหมือนกันว่าทำไมถึงปวดท้อง”
“อ้าว...นึกว่าฝันเห็นผมแล้วเดินมาถึงนี่”
“มนุษย์ผู้ชายเจ้าคารมแบบนี้เอง มนุษย์ผู้หญิงถึงได้ตบตีอิจฉาแย่งกัน”
“ไม่ทุกคนหรอกครับ แล้วบนสวรรค์มีนางฟ้าตบตีกันแย่งเทวดาหรือเปล่าครับ” ณัชชาเหล่จ้องแบบว่า ถามผิดถามใหม่ได้ “อุ๊บ ผมนี่แย่จริง ถ้านางฟ้าทำแบบนั้นก็คงไม่ได้เรียกว่านางฟ้าต้องเรียกว่าตัวอิจฉา”
“น่าจะเป็นแบบนั้นมั๊งคะ” เอกภพจ้องหน้าณัชชาแล้วยิ้มออกมา “ยิ้มอะไร”
“ผมแค่คิดว่าถ้าเทวดาบนสวรรค์เจ้าชู้ละก็ซวยแน่ถูกนางฟ้าสาปกลายเป็นอะไรไม่รู้”
“เทวดาเจ้าชู้ไม่ได้ เพราะนางฟ้าสามารถอ่านใจออก รู้ว่าจริงใจหรือเปล่า ไม่ต้องไปคอยอิจฉาแย่งใคร”
“โห... ถ้ายังงั้นองค์หญิงก็รู้น่ะซิครับว่าใจผม...”
“รู้” ณัชชาจ้องหน้าเอกภพ เอกภพจ้องลุ้น “กู๊ดไนท์ค่ะ”
ณัชชาเดินออกไป เอกภพไม่เข้าใจได้แต่มองตาม แต่แล้วหันขวับกลับไปด้านนอกอย่างรวดเร็ว ในมือมีปืนพร้อม ก็เห็นวิญญาณยืนอยู่
“โลกทั้งสี่ต่างรู้ ความรักระหว่างมนุษย์กับนางฟ้า ไม่มีวันเป็นไปได้ผิดกฎสวรรค์”
เอกภพตวัดปืนเก็บ ถอนใจ วิญญาณค่อยๆ จางลอยไปวนเวียนกับตัวอื่นๆ ที่บินอยู่รอบๆ
เช้าวันใหม่ทุกคนต่างนั่งล้อมวงกันอยู่รอบกองไฟซึ่งมอดดับแล้วยังมีควันลอยอยู่
“เราผ่านด่านที่สองมาแล้ว เรามาดูแผนที่กันดีกว่าว่าทางเข้าด่านที่สามคืออะไร ที่ไหน เมื่อไหร่”
“ทายาททุกคนถึงคิวแล้ว”
ทายาททั้งสี่ต่างลุกขึ้นมายืนเรียงกันแล้วยื่นมือขวาไปตรงหน้า เกิดเป็นลำแสงวิ่งไปรวมกันเห็นเป็นภาพปรากฏเป็นแต่แสงเต้นไปมาไม่มีรูปร่างชัดเจน เอกภพมองณัชชา ราเชนหันมามองปาระนัง นาชะยืนมองที่แสงตรงหน้า ทั้งหมดต่างมีสีหน้าสงสัย คาดไม่ถึงจนแสงหายไป ทายาททุกคนต่างมองหน้ากันสงสัย แล้วหันไปทางด้านของผู้ใหญ่ทั้งหลาย
“แบบนี้ แปลว่าอะไรคะ”
“ไม่มีเส้นทางหรือปริศนาปรากฏ”
“อาจจะยังไม่ถึงเวลา หรือต้องรออะไรบางอย่างมั๊งเพคะ”
“เป็นไปได้อย่างที่ท่านธิดาคาด”
“เราจะรออยู่ที่นี่ก่อนหรือครับ”
ณัชชากราดสายตามองรอบๆ
“เราต้องออกเดินทาง จนกว่าจะมีปริศนาหรือเหตุการณ์ทำให้แผนที่ปรากฏ”
“โอเค ทายาททั้งหลาย เก็บข้าวของได้แล้วจ้ะ”
ทายาทต่างแยกย้ายกันไปที่ย่ามของตน
“ผมกับปาระนังจะไปตรวจทางข้างหน้าดูก่อน”
ณัชชาพยักหน้า ราเชนกับปาระนังออกไป เอกภพกับณัชชาต่างกราดสายตาไปรอบๆ
ปาระนังกับราเชนเคลื่อนตัวมาเห็นหมู่บ้านอยู่ด้านหน้า
“มีหมู่บ้าน”
“เราเข้าไปตรวจดู”
ทั้งสองเคลื่อนตัวใกล้เข้าไป
ปาระนังกับราเชนเคลื่อนตัวเข้าใกล้เห็นลานหมู่บ้านอย่างชัดเจน รถจิ๊ปแล่นเข้ามาสองคัน พวกโจรเพิ่งกลับมาจากปล้นต่างเอะอะโดดลงจากรถ หยิบถุงข้าวของโยนให้กัน พวกที่รออยู่ โยนเหล้าให้ ต่างเอะอะกันวุ่นวาย เริ่มมีการยิงปืนขึ้นฟ้าดังสนั่นหวั่นไหว ปาระนังกับราเชนต่างมองหน้ากันสีหน้าเคร่ง
เสียงปืนดังแว่วมา
“เสียงปืน เราอยู่สมัยไหนกันแน่”
เอกภพกับณัชชาหยุดเดินกราดสายตามมองระวัง ทันใดนั้นร่างของปาระนังปรากฏวิ่งมาตรงหน้า
“ด้านหน้ามีหมู่บ้านชุมโจร แต่ผ่านไปอีกด้านหนึ่งมีวัดเล็กๆ พออาศัยพักได้”
“ท่านราเชนล่ะ”
“ยังคอยระวังอยู่ทางด้านโน้น”
“ผมจะไปดูท่านราเชน เผื่อว่ามีการเคลื่อนไหว”
“ดีค่ะ เราทั้งหมดจะไปรอที่วัด”
เอกภพพยักหน้าแล้วออกไป
“ปาระนังนำทางเอง”
“นาชะกับทายาทตามท่านธิดาไป เราจะปิดท้าย”
“ไปพวกเรา”
นาชะเดินนำทายาทตามปาระนังไป ณัชชาหันมามองทางด้านของเอกภพกับราเชน แล้วหมุนตัวกลับตามทุกคนไป
เอกภพซุ่มดูอยู่กับราเชน
“เดาว่าเราอยู่ในสมัยย้อนหลังจากปัจจุบันห้าสิบปีเห็นจะได้”
“คุณเอกภพเดาได้ถูกต้อง”
ทั้งสองเห็นพวกมันเข้ามารายงาน ชี้มือไปมาทางด้านที่ปาระนังนำทุกคนไป
“ไปที่วัดเว๊ย”
พวกมันต่างเฮโลขึ้นรถ
“เราต้องหาทางสกัดพวกมันก่อน”
ราเชนพยักหน้า ทั้งสองถอยตัวออกมา
ปาระนังพาทุกคนมาถึงที่วัดได้พบกับพระองค์หนึ่ง
“พวกท่านนำทายาททั้งสี่เพื่อหากุญแจคุกนิลกาล”
พระบอก ทั้งหมดต่างมองหน้ากันด้วยความสงสัย
“คงเป็นพวกวิญญาณมาบอกท่าน” พระพยักหน้า
“เชิญทุกคน”
พระเดินนำขึ้นไปในโบสถ์
พระนั่งตรงหน้าพระประธานองค์ใหญ่ในโบสถ์ หันมาทางทุกคนที่นั่งพับเพียบอยู่ตรงหน้า
“ท่านอยู่ที่วัดนี้คนเดียวหรือครับ”
“วัดเล็กๆ ห่างไกลความเจริญ ไม่มีใครเข้ามาบวชกันหรอก”
“พวกเราพบชุมโจรระหว่างที่มาที่นี่”
“อ้อ...เสือใบกับเสือดำ ปล้นพวกคนโกงมาแจกคนจน ไม่มีภัยหรอก” ทุกคนต่างมองหน้ากัน “เรามีของที่จะมอบให้พวกท่าน”
“คุณไกรยุทธ์ช่วยรับหน่อยค่ะ”
ไกรยุทธ์คลานเข้าไปรับของจากพระ เป็นถุงผ้าขนาดเท่าฝ่ามือสองถุง
“ยังเปิดไม่ได้ จนกว่าท่านจะออกไปพ้นเขตแดนนี้แล้ว”
ทุกคนต่างแปลกใจกันอีกครั้งหนึ่ง ทันใดนั้นเสียงปืนดังเปรี้ยงขึ้นมาทางด้านนอก ทุกคนต่างขยับตัว
พระ ณัชชา ปาระนัง ยืนตรงหน้าโบสถ์ นาช และทายาททั้งสี่ยืนอยู่ทางด้านหลัง ตรงหน้าคือเสือใบและเสือดำ ยืนตรงหน้ารถจิ๊ปทหารเก่าๆ ข้างๆ เสือใบมีหญิงคนหนึ่งหน้าตาดีผิวคล้ำ บนรถจิ๊ปและรอบๆ มีชายฉกรรจ์ล้อมรอบอยู่เกือบสิบคน ทั้งหมดจ้องมาที่ทุกคน
“เสือใบ เสือดำ คิดจะมาทำบุญหรือไง”
พระถาม เสียงหัวเราะงึมๆ ดังขึ้นเบาๆ
“จะมาดูทายาทขององค์รักษ์ทั้ง 4 ซะหน่อย”
ณัชชากับทุกคนคาดไม่ถึง ต่างเพ่งมองพวกโจรตาไม่กระพริบ ทันใดนั้นเสียงปืนดังเปรี้ยง ทุกคนต่างหันไปทางด้านขวา เห็นเอกภพยืนถือปืนสองกระบอกจ้องมาที่กลุ่มโจร
“คนเดียวกับปืนสองกระบอกคิดว่าจะเล่นงานพวกข้าได้หมดเหรอ”
“นั่นเป็นคำถามพวกเอ็งต้องหาคำตอบ”
ทันใดนั้นธนูไฟดอกหนึ่งวิ่งเข้ามาปักตรงพื้นด้านหน้าของกลุ่มโจร ทุกคนหันทางด้านซ้าย ราเชนยืนถือคันธนูอยู่ เสือใบก้าวออกมา
“เราก็แค่มาเชิญทุกคนไปพักที่หมู่บ้านของเราร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์ต้อนรับทายาททั้งสี่ก็เท่านั้นเอง”
ณัชชา เอกภพต่างสบตากัน ทุกคนต่างนึกไม่ถึง
ตกกลางคืน เสียงกลองฉิ่งฉับดังสนุกสนาน ตรงลานมีกองไฟกองใหญ่ รอบๆ มีพวกชุมโจรนับสิบๆ ทั้งชายและหญิงต่างล้อมวงกันอยู่ ด้านหนึ่งมีหมูหันหมุนอยู่เหนือกองไฟที่แยกออกไป ตรงด้านหน้าของกองไฟ มีพื้นที่กว้างปูด้วยผ้าใบ เสือใบ แฟนเสือใบ เสือดำ และมือปืนคนสนิทอีกสองสามคน นั่งด้านหนึ่งอีกด้านหนึ่งคือณัชชา เอกภพ ปาระนัง ราเชน นาชะและทายาททั้งสี่ ต่างนั่งเรียงกันต่อออกมาอีกด้านหนึ่ง ตรงข้ามกับกลุ่มของเสือใบและเสือดำ
“ขอต้อนรับทายาททั้งสี่ และผู้ร่วมเดินทางทุกคน” ทุกคนต่างเฮพร้อมยกถ้วย “พรุ่งนี้ เราจะไปส่งท่านจนกว่าจะพ้นเขตของเรา”
“ขอบใจทุกท่าน”
“ด้วยความเต็มใจ”
ต่างพยักหน้าให้กัน เอกภพสบตากับณัชชา บรรยากาศผ่อนคลายเต็มไปด้วยมิตรภาพ ทายาททั้งสี่ ต่างชนแก้วกันอย่างสนุก ราเชนกับปาระนังต่างยิ้มให้กัน นาชะ ยิ้มกราดสายตาไปมา เห็นชายหญิงหลายคู่เลยปล่อยละอองสีชมพูกระจายออกไปเป็นการใหญ่
“แน่ะ พี่นาชะ ปล่อยละอองความรัก มั่วแบบนี้เดี๋ยวก็ตบตีแย่งคู่กันหรอก”
“สมัยนี้ยิ่งอินเทรนอยู่ด้วย”
ราเชนกับปาระนังต่างยิ้ม
“ผิดแล้วเด็กๆ ทั้งหลาย จะบอกให้นะ ที่ตบตีกันน่ะเพราะไม่ได้ละอองความรักของพี่ตะหาก”
“พี่นาชะไม่ลองปล่อยละอองไปตรงโน้นมั่งล่ะ”
นาฬิกาชี้มือ ทุกคนมองไปก็เห็นเอกภพกับณัชชายืนคู่กัน ยืนคุยกับเสือใบ เสือดำและทุกคนอยู่
“เสียใจด้วยจ้ะ ละอองความรักของพี่ไม่เวิร์คกับองค์หญิง ต้องแล้วแต่บุญวาสนาแล้วล่ะ”
นาชิยิ้มกับนาฬิกา ราเชนกับปาระนังมองนาฬิกาด้วยความเห็นใจ
“โชคดีนะพี่เอก ตัวใครตัวมัน”
ทายาทและทุกคนต่างขำ
อ่านต่อเวลา 17.00น.
ธิดาพญายม ตอนที่ 8 (ต่อ)
พวกชาวบ้านตีกลอง ฆ้อง เครื่องดนตรีต่างๆ ตรงหน้าคือพวกทายาทและนาชะ เต้นตามจังหวะอย่างสนุกสนาน ด้านหนึ่งราเชนกับปาระนังนั่งรวมกับชาวบ้านต่างร่วมตบมือด้วยอย่างสนุก สีหน้าของทายาทสดใส ลืมความทุกข์ยากไปชั่วขณะ เอกภพกับณัชชา ยืนดูอยู่ ทั้งสองต่างยิ้มพลอยสนุกไปด้วย
“องค์รักษ์ทั้งสี่ เดินทางซับซ้อนก็จริงแต่อย่างน้อยก็ยังมีมิตรบ้าง ไม่ใช่ศัตรูทั้งหมด”
“ใช่ ทายาทลำบากมามาก ได้เจอบรรยากาศแบบนี้ กำลังใจคงดีขึ้น”
“ทายาทเรียนรู้มากขึ้น แข็งแกร่งมากขึ้นผมเชื่อว่าเราต้องผ่านพ้นไปได้”
“หวังว่าคงเป็นเช่นนั้น”
เอกภพจ้องณัชชาอึดใจ
“นึกไม่ถึงเลยว่าองค์หญิงจะมีภาระที่ยิ่งใหญ่ ผู้หญิงสมัยนี้บางคนภาระหนักสุดก็คือพรุ่งนี้จะแต่งตัวอะไรช็อปปิ้งที่ไหน”
“งั้นงานนี้เสร็จ เห็นทีต้องไปช็อปปิ้งมั่งแล้ว”
“ผมพาไปเอง ตบท้ายด้วยดินเน่อร์ยังได้”
ณัชชาจ้องรู้ทันค้อนเล็กน้อย แล้วเดินออกไป เอกภพได้ยิ้มแม้ว่าความหวังจะริบหรี่แต่ก็สุขใจ
เช้าวันรุ่งขึ้น ทุกคนต่างรวมตัวกันหน้าหมู่บ้าน
“ผมจะนำทางทุกคนจนพ้นเขตของพวกเรา”
“ขอบใจเสือใบ”
“ลาก่อนเสือดำ และทุกๆ คน”
เสือดำและทุกคนต่างยกปืนส่งเสียงเฮเป็นเชิงอำลา เสือใบโบกมือให้สมุนนำทางไป คณะของณัชชาต่างเดินตามไป ทันใดนั้นเสียงอีกาดังขึ้นทุกคนแหงนหน้ามอง มีพวกอีกาบินมาฝูงหนึ่งร่วมสิบตัว
“สมุนของพวกอาคินหรือเปล่า”
“ทุกคนนิ่งก่อนอย่ามีการเคลื่อนไหว” ทุกคนหยุดนิ่ง อีกาส่งเสียงร้องแล้วบินผ่านไป “เราต้องรีบแล้ว”
ทุกคนออกเดินทางอย่างรีบเร่ง ณัชชากราดจ้องท้องฟ้าเบื้องบนสีหน้าเคร่งเครียด
ที่องค์กรของอาคิน เทพซ้ายขวาเดินเข้ามาในห้องใหญ่ที่อาคินจัดเป็นห้องของตน ห้องอยู่บนอาคารสูงดูหรูหราเห็นวิวด้านนอกสวยงาม อาคินนั่งอย่างสบายที่โซฟา
“ยังไม่มีข่าวขององค์หญิงณัชชากับพวกทายาท”
อาคินยืนขึ้นเดินครุ่นคิด
“ถ้าเป็นแบบนี้ ย่อมไม่เป็นผลดีต่อท่าน”
“บ้าที่สุด องค์รักษ์ทั้งสี่วางแผนไว้ซับซ้อนเปลี่ยนแดน เปลี่ยนเวลาอยู่ตลอดเวลา ตอนนี้เราเหมือนคนตาบอดจริง”
เทพซ้ายขวาต่างมองหน้ากันแล้วพยักหน้า
“เราสองคนได้ปรึกษากันพบว่ามีทางที่จะพลิกสถานการณ์ได้”
อาคินจ้องหน้าเทพทั้งสอง เทพซ้ายรีบรายงาน
“แม่มดสังขามะ มีวิชาและของวิเศษมากมายที่สามารถช่วยท่านได้”
“ถูกต้อง”
“พวกเจ้าแน่ใจ”
“แน่ใจที่สุด แต่ท่านต้องเดินทางไปขอความช่วยเหลือจากแม่มดสังขามะด้วยตัวเอง”
“ก็ได้ เราจะลองเชื่อพวกเจ้าดู”
“ท่านต้องเดินทางไป ป่านรกดำ”
“เทพขวา ท่านอยู่ดูแลทางด้านนี้ อย่าให้พวกมาเฟียกำเริบ”
“ครับท่าน”
“เทพซ้ายท่านไปกับเรา”
ถนนสายหนึ่งถอดยาวไปข้างหน้าขบวนของเสือใบนำทางคณะของณัชชาเดินไปตามถนน ทันใดนั้นเสือใบยกมือให้ขบวนหยุด เอกภพก้าวขึ้นมา
“เกิดอะไรขึ้น”
“พวกโจร มันปิดทางออกไว้หมด”
เอกภพกับณัชชาพุ่งสายตาเข้าไปข้างหน้าเห็นคนนับสิบยืนเป็นด่านขวางถนนตรงหน้าอยู่ห่างออกไปราวร้อย เมตร
“นึกว่ามีแต่พวกท่านที่เป็นโจรซะอีก”
“โจรมีหลายชนิดนะสหายเอาเป็นว่าพวกมันเป็นโจรคนละอย่างกับพวกเรา”
ทันใดนั้นเสียงปืนดังสนั่น กระสุนปลิวว่อนตรงเข้ามา
“ไกรยุทธ์พาทายาททุกคนหลบไปในราวป่าก่อน”
ไกรยุทธ์กับนาชะและพวกทายาทต่างหลบเข้าไปหลังพุ่มไม้ใหญ่
“อย่าบอกนะว่าเราต้องฝ่าพวกมันออกไป”
“ใช่”
เอกภพกับทุกคนได้แต่มองหน้ากัน
พวกโจรนับสิบต่างสาดกระสุนใส่ทุกคน เสือใบตวัดปืนยิงสาดออกไปเปรี้ยงๆๆ
“พวกท่านรออยู่ที่นี่ พวกเราจะจัดการกับพวกมันเอง” เสือใบบอกแล้วหันไปสั่งลูกน้อง “พวกเราบุกเปิดทางให้ได้”
เสือใบวิ่งออกนำพวกโจรบุกวิ่งเข้าหาพวกโจรอีกฝ่ายที่ตั้งด่านปิดทางออก เสียงปืนดังสนั่น หวั่นไหว พวกเสือใบ ล้มคว่ำไปสองสามคน
“เห็นทีเราต้องจัดการด้วยเหมือนกัน” ณัชชาบอก
“งั้นขอก่อน”
ราเชนพุ่งตัวออกไป
“ขอตัวด้วยเพคะองค์หญิง”
ปาระนังพุ่งตามราเชนออกไปยังพวกโจรที่ตั้งเป็นด่านอยู่ข้างหน้า
“สองคนนี่คงคันมือมานาน”
เอกภพบ่นพลางหันมามองณัชชา ณัชชายิ้มให้แล้วดีดตัวออกไป เอกภพมองตามตวัดปืนแล้วพุ่งตัวตามไป
เสือใบนำพวกโจร เคลื่อนตัวยิงสาดเข้าใส่พวกโจรนับสิบตรงหน้า ทันใดนั้นร่างของราเชนพุ่งผ่านไปพร้อมปาระนังพุ่งตามไปติดๆ ร่างของราเชนกับปาระนังวิ่งเร็วพรวดเข้าไปในกลุ่มพวกโจร มีดสั้นและดาบปลายแหลมตวัดใส่ พวกโจรล้มแตกกระจาย เสือใบยิงพลาง โบกมือให้พวกตนเคลื่อนตัวเข้าประชิด แต่แล้วก็เห็นณัชชาพุ่งผ่านไปอีก ร่างของณัชชาพุ่งเข้ากลางกลุ่มของพวกโจรห่างจากราเชนและปาระนังออกมา ตวัดมือเตะต่อยออกไปพวกโจรกระจาย
สุดท้ายราเชน ปาระนัง ณัชชา จัดการกับพวกโจรจนราบคาบ บางคนวิ่งหนีไป เสือใบกับสมุนต่างยืนดูอย่างทึ่ง เอกภพพรวดเข้ามา
“ผมว่าคุณมาช้าไปแล้ว”
เอกภพเหล่ เสือใบยืนมอง ราเชน ปาระนัง ณัชชา ที่ยืนอยู่ด้านหน้าห่างออกไป
“คุณเอกภพ บอกพวกทายาทให้มาได้แล้ว”
เอกภพตวัดปืนเก็บเหล่เสือใบแล้วหันไปโบกมือให้พวกนาชะกับทายาทที่แอบซุ่มอยู่ พวกทายาทต่างโผล่ออกมาจากพุ่มไม้ เอกภพโบกแล้วหันมามองเสือใบซึ่งยืนยิ้มให้ เอกภพส่ายหน้าแล้วเดินออกไป เสือใบยิ้มชอบใจ ที่กวนเอกภพได้
ทั้งหมดหยุดยืนอยู่ที่เส้นเขตแดน
“ผมส่งตรงนี้เลยนะครับ ขอโทษที่พวกคุณต้องเดือดร้อนปราบพวกโจร”
“ขอโทษที่เดือดร้อนต้องมาส่ง”
ทุกคนต่างยิ้ม เอกภพยื่นมือมาให้เสือใบ ทั้งสองต่างจับมือกันต่างยิ้มให้กันในที่สุด
“ขอบใจมากเสือใบ”
“ด้วยความยินดีครับ ขอให้โชคดี”
ทุกคนต่างโบกมือล่ำลา ทันใดนั้นพวกเสือใบก็ค่อยๆ จางหายไป
“โห...ที่แท้พวกนี้เป็นวิญญาณที่มาคอยช่วยเรานี่เอง”
“เหลือเชื่อจริงๆ”
“ตกลงเราปาร์ตี้กับพวกวิญญาณเหรอพี่นาชะ”
“คงงั้นมั้ง”
“หยี”
ปิงปองทำท่าขนลุก ทุกคนต่างยิ้มขำปิงปองกับบีม
ทุกคนเดินมาตามถนน ตรงหน้าเห็นเป็นถนนทอดเข้าสู่แนวป่า
“ผมไม่เห็นเส้นแบ่งเขตอะไรซักอย่าง”
“ปิงปองเห็นแล้ว”
ปิงปองวิ่งพรวดออกไป บีมหันมามองทุกคนอย่างสงสัยแล้ววิ่งตามปิงปองไป
ร่างของอาคินปรากฏที่ป่านรกดำ ตามด้วยร่างของเทพซ้าย เป็นป่ารกวังเวงน่ากลัว ที่น่าแปลกคือเห็นดวงจันทร์ครึ่งเสี่ยวส่องสาดแสง ลงมาอาคินกราดสายตาไปมา
“แบบนี้ เราจะเสียเวลาแค่ไหนถึงจะเจอนางแม่มด”
“ท่านไม่ต้องกังวล ใครเหยียบดินแดนแห่งนี้ไม่มีทางรอดพ้นนางแม่มด”
ทันใดนั้นเสียงหัวเราะเยือกเย็นโหยหวนดังก้องขึ้นมา อาคินกับเทพซ้ายต่างขยับตัวพร้อม ร่างของแม่มดปรากฏตรงหน้าเป็นสาวสวยงามอายุประมาณยี่สิบต้นๆ อยู่ในชุดแม่มดสีดำผมหยิกยาว อาคินจ้องอย่างคาดไม่ถึง
บนถนนในป่า บีมวิ่งมาถึงปิงปองกราดสายตามองไปรอบๆ สีหน้างง
“ไหนล่ะปิงปอง เส้นแบ่งเขต”
“นี่ไง”
ปิงปองชี้ลงที่พื้น บีมมองตามถึงกับคาดไม่ถึง เพราะเห็นเป็นเส้นเปลวเพลิงปรากฏขวางอยู่บนถนน
“แบบนี้เอง”
ณัชชาและทุกคนตามมาถึง ต่างมองเส้นเปลวเพลิงบนถนน
“เรารีบข้ามไปจะดีกว่า”
ทุกคนต่างรีบพากันข้ามไปอย่างรวดเร็ว พอข้ามพ้นมาก็เหมือนมีแสงจ้าแวบหนึ่ง ทุกคนก็คาดไม่ถึงเพราะยืนอยู่ตรงหน้าที่ทำการไปรษณีย์แห่งหนึ่งในต่างจังหวัด แต่กลับมาเวลาปัจจุบันแล้ว ทุกคนต่างมองหน้ากันคิดไม่ตก
“เรากลับมาบ้านแล้วเหรอ”
“ดีเลย อยากกินก๋วยเตี๋ยว”
บีม ปิงปองต่างตื่นเต้น ณัชชา ปาระนัง นาชะ ราเชน เอกภพ สีหน้าเคร่งเครียด นาฬิกา กับ ไกรยุทธ์ ต่างมองทุกคนอย่างสงสัย
เอกภพ ณัชชา ปาระนัง ราเชน และทายาททุกคนต่างกราดสายตามองไปรอบๆ เห็นรถราวิ่งกันไปมาตามสภาพของต่างจังหวัด นาฬิกาหันมามองณัชชา
“เราจะเอายังไงดีพี่ณัชชา”
ณัชชาสีหน้าครุ่นคิดกราดสายตาแล้วหยุดจ้องไปรษณีย์ตรงหน้า
“นอกจากที่ทำการไปรษณีย์แล้วผมไม่เห็นอะไรที่จะเป็นปริศนาได้เลย”
“องค์รักษ์ทั้งสี่ให้เราผ่านมาที่นี่ต้องมีความหมายอย่างใดอย่างหนึ่งอย่างแน่นอน”
“ไปรษณีย์เนี่ยนะ มีความหมาย”
“นาชะ ไปรษณีย์คืออะไร”
ทุกคนต่างยิ้มที่ณัชชาไม่รู้จักที่ทำการไปรษณีย์ นาชะสะบัดมือปรากฏว่ามี ไอแพดอยู่ในมือแล้วกดตรวจดู
“ไปรษณีย์คือที่สำหรับส่งจดหมายและสิ่งของ ให้เช่าตู้สำหรับรับจดหมายกับสิ่งของเพคะ ผู้เช่าจะได้รับกุญแจแล้วมาเปิดเอาจดหมายของตน”
ณัชชากราดสายตารอบๆ อีกครั้ง ค้นหาในที่สุดกลับมาจ้องที่ทำการไปรษณีย์
“เดี๋ยวก่อน คุณไกรยุทธ์ ถุงที่รับมาจากเจ้าอาวาส”
“ได้ครับ”
ไกรยุทธ์ตวัดเป้ที่สะพายลงมาเปิดออกหยิบถุงผ้าขึ้นมาชูให้ทุกคนดูแล้วส่งให้เอกภพ
“พี่เอกภพ”
ไกรยุทธ์ส่งให้เอกภพ เอกภพรับมาแกะดู แต่แกะไม่ออก เอกภพมีสีหน้าสงสัยหันมาทางณัชชา
“แกะไม่ออกแฮะ”
“อาจเป็นถุงมนต์ ที่ต้องแกะให้ถูกวิธี”
“โน...อย่าบอกนะว่าต้องรอปริศนาถึงจะแกะได้”
ทายาทต่างมองหน้ากันสีหน้าเซ็ง
“คงไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ ใจเย็นๆ ก่อน”
“ลองดูอีกทีซิครับคุณเอกภพ”
เอกภพยิ้มขยับถุงลองแกะ แต่แล้ว...
“เดี๋ยวก่อนค่ะ คุณเอกภพ”
ทุกคนหันมามองณัชชาเป็นตาเดียว
ที่ป่านรกดำ อาคินกับเทพซ้ายกราดสายตามองแม่มดสังขามะ แม่มดสังขามะในชุดคลุมยาวใบหน้ายังสาวสวยงามผิดคาดเพราะยังอยู่ในวัยยี่สิบกว่าๆ
“พวกเจ้าบุกรุกถิ่นของข้า”
ทันใดนั้นแม่มดพุ่งเข้ามาหาอาคินมือตบซ้ายป่ายขวา ที่ใบหน้าของอาคินแต่แล้วเห็นประกาย ดาบของเทพซ้ายเข้ามาขวาง ปะทะกันอย่างดุเดือด อาคินถอยออกมากราดสายตาดูสีหน้าเยือกเย็น
อีกด้านหนึ่งที่หน้าไปรษณีย์
“ฉันว่าให้ทายาทลองเปิดดูดีกว่า”
“ใครจะแสดงฝีมือ”
“นาฬิกาขอลองก่อนค่ะ”
เอกภพส่งถุงให้นาฬิกา นาฬิกาแกะออกอย่างง่ายดาย ทั้งหมดมองดูอย่างตื่นเต็น นาฬิกาเทถุงใส่มือปรากฏว่ามีกุญแจออกมาสี่ดอก
“กุญแจสี่ดอก สำหรับทายาทสี่คน”
“หมายความว่ายังไงครับ”
“อยากรู้ก็ต้องเข้าไปข้างใน”
ทุกคนเข้ามาภายในไปรษณีย์แต่แล้วทุกคนก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นพนักงานอยู่คนเดียว เป็นชายกลางคน ณัชชาสบตากับเอกภพ เอกภพเดินเข้าไปที่ชายชรา
“สวัสดีครับคุณลุง เรามาตรวจดูจดหมายครับ”
ชายชราพยักหน้าแล้วชี้ไปด้านหนึ่งทุกคนหันไปเห็นว่ามีประตูอยู่หนึ่งประตู
“หนึ่งประตู ต่อสี่ทายาท”
ณัชชาจ้องมองที่ประตูค่อยๆ ก้าวเข้าไปใกล้พิจารณาดู ทุกคนต่างมองและกราดสายตาไปมาระมัดระวัง อึดใจณัชชาหันกลับมา
“ทายาทลองเอากุญแจไขดูทีละคน”
ทายาทต่างขยับกุญแจแล้วตรงเข้าไปที่ประตู
“ปิงปองก่อนมั่ง”
ปิงปองไข น่าแปลกใจ กุญแจไขได้อย่างง่ายดาย
“ง่ายเกินไปหรือเปล่า”
“ปิงปองถอยมาก่อน”
ปิงปองถอยออกมา
“ผมเอง” ราเชนปราดเข้าไปที่ประตู แล้วเปิดแต่ประตูกลับตรึงอยู่กับที่ “ยังเปิดไม่ได้”
“คุณลุงหายไปไหนแล้ว”
ทุกคนหันกลับมา เห็นแต่ความว่างเปล่า ต่างขยับตัวมองหน้ากัน กราดสายตารอบๆ
“ทุกคนระวัง ท่านธิดารบกวนด้วย”
“เชิญทุกคนตามสบายปาระนังจะคอยระวังศัตรู”
ปาระนังตวัดดาบปลายแหลมออกมา พร้อมระวังรอบด้าน
“เรายังมีกุญแจอีกสามดอก อาจต้องใช้ทุกดอก”
“ทุกคนลองใช้กุญแจไขให้ครบ”
ทายาทต่างทยอยกันเข้าไปเอากุญแจไขจนครบทุกคน
“รบกวนท่านราเชนอีกครั้ง”
ทายาทถอยออกมา ราเชนปราดเข้าไปที่ประตูอีกครั้งหนึ่ง ทุกคนจ้องอย่างตื่นเต้น
ราเชนเปิดประตูออกมาด้วยความระมัดระวัง ทันใดนั้นทุกคนต้องตื่นเต้นตกใจเมื่อเห็นงูตัวมหึมาปรากฏอยู่ตรงประตู ราเชนสะบัดมือมีดสั้นพุ่งออกไปที่แม่เบี้ยมหึมาของงูอย่างแม่นยำ งูสลายตัวไปอย่างรวดเร็ว ราเชนยกมือรับมีดสั้นที่พุ่งกลับมา พลางสะบัดมือไปทางด้านหลังเก็บมีด
“ภาพลวงตา”
“ฟิ้ว...โล่งอกไปที นึกว่านางงูจากป่านางเสือ 2 มาโผล่ที่นี่”
ปิงปองเหล่แล้วใช้ไหล่กระแทกบีมด้วยความหมั่นไส้ทุกคนต่างมองเข้าไปในประตู ต่างคาดไม่ถึง เป็นร่างของคุณลุงคนเดิมนั่งอยู่หลังโต๊ะด้านใน บนโต๊ะมีม้วนผ้าขนาดยาวประมาณหนึ่งคืบอยู่สี่ม้วน คุณลุงไม่พูดแต่หยิบม้วนผ้าม้วนหนึ่งขึ้นมาสีหน้าเฉย ณัชชาหันมาสบตากับเอกภพ เอกภพพยักหน้ารับมือเลื่อนต่ำไปที่เอวอย่างช้าๆ
“ทายาทเข้าไปรับ”
นาฬิกาก้าวเข้าไป คุณลุงส่งม้วนผ้าให้ นาฬิการับแล้วถอยออกมาให้คนอื่นๆ ต่างก้าวเข้าไปรับจนถึงไกรยุทธ์
เป็นคนสุดท้าย ทันทีที่ไกรยุทธ์รับม้วนผ้ามา ประตูก็ปิดโครม ทุกคนต่างถอยห่างออกมา ระวังตัว
“อย่าบอกนะว่าเป็นแผนที่”
“เราไปกันดีกว่ามั๊ยเพคะ องค์หญิง”
“ทุกคนรีบออกไปจากที่นี่”
“ผมนำเอง”
“เชิญทุกคนตามท่านราเชน”
ราเชนนำทุกคนไปที่ประตูทางออกปาระนังปิดท้ายหันกลับมากราดสายตาคอยระวัง ราเชนเปิดประตูออกแล้ว
ก้าวออกไป ทุกคนก้าวตามไปอย่างรวดเร็ว ปาระนังกราดสายตาระวังอีกครั้งแล้วพรวดตามออกไป แต่แล้วทุกคนก็คาดไม่ถึง เพราะตรงหน้ากลายเป็นป่าไปแล้ว ทุกคนหันกลับที่ทำการไปรษณีย์หายไปแล้ว
ป่านรกดำ แม่มดสังขามะโชว์ฝีไม้ลายมือสองสามกระบวนท่า เทพซ้ายก็กระเด็นไปคลุกฝุ่น แม่มดสังขามะหันกลับมาแล้วพุ่งใส่อาคิน อาคินสะบัดมือออกไป ร่างของแม่มดสังขามะกระเด็นลอยไปกระแทกพื้นอย่างแรง แม่มดสังขามะดีดตัวขึ้นมา เซสองสามก้าวสายตาจ้องอาคินอย่างตื่นเต้น
“เจ้า...เจ้าเป็นเทพ”
“ใช่ ข้าสามารถปลิดชีวิตเจ้าได้” แม่มดสังขามะขยับตัวหวั่นไหว “และข้าสามารถให้ชีวิตเจ้าได้ถ้าเจ้าทำให้ข้าพอใจ”
แม่มดสังขามะจ้องอาคินพยักหน้ารับพยายามข่มความหวาดกลัว
แม่มดสังขามะพาอาคินมาคุยในถ้ำ
“ที่แท้เรื่องเป็นแบบนี้เอง”
“ถ้าเจ้าสามารถทำให้ข้าติดตามองค์หญิงได้ ข้าจะให้พรเจ้ามีหน้าตาที่สวยตลอดไปไม่ต้องใช้มนต์ปลอมแปลงตัว”
แม่มดสังขามะตื่นเต้นยิ้มอย่างพอใจ
“ท่านสัญญา”
“แน่นอน”
“ข้ามีของชิ้นหนึ่งที่จะช่วยท่านได้”
แม่มดสังขามะหันไปยังมุมถ้ำที่เต็มไปด้วยข้าวของนาๆ ชนิด อาคินกับเทพซ้ายจ้องอย่างสนใจและระมัดระวัง
แม่มดสังขามะหยิบของชิ้นหนึ่งติดมือถือตรงหน้าอาคินกับเทพซ้ายเป็นนาฬิกาทราย
“นาฬิกาทราย”
“ไม่ใช่นาฬิกาทรายธรรมดาแต่เป็นนาฬิกามนต์”
“ข้าไม่เห็นว่านาฬิกามนต์ของเจ้าจะช่วยค้นหาองค์หญิงณัชชาได้ยังไง”
“ได้แน่นอน เมื่อใดที่นาฬิกาค้นพบเวลาที่องค์หญิงเดินทางอยู่ภาพขององค์หญิงก็จะปรากฏท่านเพียงกลับนาฬิกามาอีกด้านหนึ่ง” แม่มดหยิบแล้วทำให้ดู “ท่านก็สามารถไปเผชิญหน้ากับองค์หญิงทันที”
อาคินตาเป็นประกายเอามือหยิบนาฬิกามาดูด้วยความตื่นเต้น
“ถ้าท่านโกหกเรา เราจะกำจัดท่านให้เป็นผุยผง”
“เราไม่กล้าโกหกท่านแน่นอน แต่ทุกอย่างต้องมีข้อจำกัดนาฬิกาจะใช้ได้ในเวลากลางวันเท่านั้น และสามารถใช้ได้ครั้งเดียว จนกว่าจะพ้นเจ็ดวันไปแล้ว ท่านถึงจะใช้ได้อีก”
อาคินนิ่งอึดใจ
“ข้าอาจกำจัดองค์หญิงได้ภายในครั้งเดียวก็ได้”
อาคินหัวเราะก้องอย่างสะใจ
กลุ่มของเอกภพ ทุกคนกราดสายตาไปรอบๆ ราวป่าไม่มีทิศทางหรือถนนให้จับเส้นทางได้เลย
“ถึงเวลาเปิดม้วนผ้าดูแล้วมั้งครับ เผื่อว่าจะเป็นแผนที่”
“ต้องเปิดของใครก่อนคะ”
“ใครก่อนก็ได้น่า เหมือนกัน”
บีมคลี่ม้วนผ้าออกมา ทุกคนมองอย่างตื่นเต้น แต่แล้วก็พบแต่ว่างเปล่า ไม่เห็นอะไรบนผืนผ้า ทุกคนต่างมึนตึบสงสัย
“ผ้าเปล่าๆ”
“เดี๋ยวก่อนของคนอื่นเป็นยังไงบ้าง”
ทายาทต่างคลี่ม้วนผ้าออกมา ต่างเป็นผ้าเปล่าทั้งทุกคน เอกภพจ้องสีหน้าเคร่งเครียด
“องค์รักษ์ทั้งสี่ต้องการอะไรกันแน่”
ทุกคนต่างได้แต่ยืนงงคิดไม่ตก ได้แต่มองหน้ากันไปมา
“เราหาที่พักกันก่อนดีกว่า”
ณัชชาก้าวผ่านเอกภพออกไป ทุกคนเดินตาม เอกภพหงุดหงิดเสียอารมณ์
ธิดาพญายม ตอนที่ 8 (ต่อ)
เมื่อได้ที่พักแล้วทายาทนั่งเรียงกันกินเสบียง ทุกคนนั่งกินกันเงียบๆ ราเชนกับปาระนังยืนระวังคนละด้านของที่พัก นาชะกับณัชชานั่งตรงข้ามกับทายาท ณัชชาชำเลืองมองเอกภพ ในที่สุดลุกขึ้นเดินไปยังเอกภพ นาชะมองตามณัชชาเดินเข้ามาตรงหน้าของเอกภพ
“เป็นไงบ้างคะ อารมณ์ดีขึ้นมั่งหรือยัง” เอกภพฝืนยิ้มพยักหน้า
“ผมมีคำถาม”
“ว่ามา”
“ผมแค่ข้องใจ ว่าทำไมสวรรค์ไม่เก็บกุญแจไว้ พอมีเรื่องก็หยิบมาทำลายซะจะได้ไม่ต้องลำบากถึงมนุษย์”
“เพราะว่าสวรรค์ก็มีเทพชั่ว ที่สามารถผันแปรและสามารถขโมยกุญแจไปได้ทุกเวลานี่คือสาเหตุที่ต้องส่งองค์รักษ์ทั้งสี่ลงมาซ่อนกุญแจไว้ที่โลกมนุษย์”
เอกภพอึ้งพูดไม่ออกได้แต่ส่ายหน้าถอนใจแล้วเดินออกไป ณัชชาเดินตามมา
“ณัชชารู้ว่าทุกคนลำบาก แต่เราไม่มีทางเลือก” เอกภพหันมามองณัชชา แล้วกราดสายตาไปที่ทายาท ในที่สุดก็พยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ “ขอบคุณ”
ณัชชาเดินกลับไปนั่งที่เดิม ทุกคนอยู่ในความเงียบ ทันใดนั้นปาระนังปราดเข้ามา
“องค์หญิงคะ ดูโน่นบนท้องฟ้า”
ทุกคนผลุดลุกพรวดขึ้นมามองตามคำบอกของปาระนัง บนท้องฟ้าเห็นจุดดำๆ รวมตัวกันเคลื่อนตัวใกล้เข้ามา
“สาวกของอาคิน”
บนท้องฟ้ามีอีกาฝูงหนึ่งนับสิบตัวบนว่อนส่งเสียงดังไปทั่วท้องฟ้า ทายาททุกคนต่างหลบอยู่หลังต้นไม้บ้าง
พุ่มไม้บ้าง ณัชชากับเอกภพอยู่ห่างกันคนละต้นไม้ ปาระนังหลบอยู่ใกล้ราเชน นาชะหลบอยู่ใกล้ๆ กับปิงปองและบีม
ทั้งหมดจ้องบนท้องฟ้า ที่ฝูงอีกาประมาณ 20 ตัวบินผ่านไปส่งเสียงดังกวนประสาทก้องหู อึดใจฝูงอีกาก็บินผ่านไป ทั้งหมดค่อยๆ ออกมาจากที่ซ่อนรวมตัวกันเหมือนเดิม
“พวกมันร้องทำไมของมัน”
“ถ้าบีมมีลูกซองนะ จะกดให้ร่วงหมดทั้งฝูงเลย” บีมทำมือเหมือนถือลูกซองประทับบ่า แล้วทำเสียง “ตูม ตูม”
ทุกคนต่างยิ้ม
“จะยิงไม่โดนมากกว่า”
“ในเมื่อเราไม่มีแผนที่ เราจะเดินทางต่อยังไงเพคะ องค์หญิง”
ณัชชาสีหน้าเคร่งเครียด
“ขอดูแผนที่ทุกคนอีกครั้ง”
“ดูยังไงก็ไม่เห็นอะไรอยู่ดี”
ทายาททุกคนต่างคลี่ม้วนผ้าออกมา แต่บนผืนผ้ามีแต่ความว่างเปล่า ณัชชานิ่งคิด
“นาฬิกาลองเอาผ้าของทุกคนมาซ้อนกันดู”
ปาระนัง ราเชน นาชะ เอกภพ พยักหน้าอย่างเห็นด้วย ทายาทต่างรีบเอาผ้ามาให้นาฬิกา นาฬิการีบเอาผ้าวางบนพื้นแล้วเอาผ้าของทุกคนวางซ้อนกันแล้วถอยออกมาทุกคนต่างเข้ามาล้อมวงดู ผ้าขยายตัวกว้างขึ้นประมาณศอกหนึ่ง ทุกคนมองอย่างตื่นเต้น ในที่สุดปรากฏเป็นแผนที่ขึ้นมา
“ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง องค์หญิงเก่งมากเพคะ”
“ชัดแล้วเพคะ”
แผนที่ชัดขึ้นจนเห็นเส้นทางแต่กลับหยุดลงตรงกลางผืนผ้าซึ่งมีจุดบอกตำแหน่งหนึ่งจุด
“ทำไมบอกแค่จุดเดียว ไม่บอกให้หมด”
“คงต้องถึงตำแหน่งแรกก่อน ถึงจะปรากฏเส้นทางต่อไป”
“เป็นไปได้อย่างที่คุณไกรยุทธ์คาดเดา”
“พวกเราทุกคนรีบจำเส้นทางเอาไว้ รบกวนท่านธิดาเป็นพิเศษ”
ปาระนังปราดเข้ามาตรวจดูแผนที่อย่างละเอียดรวดเร็ว
“แผนที่กำลังจางลง”
ทุกคนถึงกับคาดไม่ถึง
“ท่านธิดา เกิดอะไรขึ้น”
“ไม่ทราบเหมือนกันเพคะองค์หญิง”
ปาระนังตอบพลางเอามือไล่ไปตามเส้นทางอย่างรวดเร็ว จนแผนที่จางหายไปเหลือแต่ความว่างเปล่าบนผืนผ้า
“เรียบร้อยเพคะ ปาระนังจำเส้นทางได้แน่นอน”
ผืนผ้ากลายเป็นผืนเล็กอย่างเดิม
“ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วย”
“เพื่อความปลอดภัยของทายาทและการเดินทาง ถ้าทายาทถูกแยกออกจากกันหรือผ้าถูกแยกออกจากกันก็จะไม่มีผลใดๆ เกิดขึ้น ไม่มีแผนที่”
“ศัตรูจำเป็นต้องดูแลทายาทและผ้าทุกชิ้นให้ดีที่สุด”
“องค์รักษ์ทั้งสี่ วางแผนไว้รอบคอบจริงๆ”
“ขอบคุณท่านองค์รักษ์ทุกท่านครับ”
ทั้งหมดต่างยิ้มบรรยากาศดีขึ้น
ภายในถ้ำแม่มดสังขามะยื่นสิ่งหนึ่งในมือมาตรงหน้าของอาคิน เป็นลูกแก้วกลมขนาดเท่าลูกเทนนิส
“นี่คือควันทำลายประสาท ทันทีที่พวกมันสูดดมเข้าไปก็จะคลุ้มคลั่ง เห็นมิตรเป็นศัตรูเข่นฆ่ากันเอง”
“เจ้ามีของดีสมคำร่ำลือ”
“เรายังมีอีกมาก แต่สองสิ่งนี้ย่อมพอเพียงกับงานของท่านแน่นอน”
“ดีมาก นับว่าเจ้ายังมีประโยชน์ต่อข้า”
“รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี”
อาคินหัวเราะก้องมองแม่มดสังขามะอย่างพอใจ ทันใดนั้นสะบัดมือใช้พลังดูดแม่มดเข้ามา กรงเล็บคว้าอยู่ที่ลำคอพอดี
“ท่านสัญญาแล้วว่าจะไม่ทำอะไรข้า”
“แน่นอน ข้าไม่ทำอะไรเจ้าหรอก ข้าเพียงแต่ต้องการให้เจ้าทำงานให้ข้า”
อาคินสีหน้าเคร่งเครียด แม่มดสังขามะได้แต่พยักหน้า
ในห้องรับแขกหรูของอาคิน เสียงดนตรีกระหึ่ม สาวๆ หลายคนต่างเต้นรำกันอย่างสนุก อาคินนั่งอยู่ที่โซฟารายล้อมด้วยสาวๆ นับสิบ มือปืน 3-4 คนยืนคุมเชิงอยู่ อำนาจนั่งอยู่ตรงข้ามยกแก้วขึ้น
“ดื่มให้ท่านอาคิน ผู้ยิ่งใหญ่แห่งมาเฟียทั้งปวง”
สาวๆ ต่างส่งเสียงเกี๊ยวก๊าว อาคินยกแก้วขึ้นแล้วดื่ม
“เราชอบโลกมนุษย์จริงๆ”
อาคินหัวเราะอย่างพอใจ
ห้องลึกลับภายในองค์กรของอาคิน นาฬิกามนต์ที่อาคินได้จากแม่มดสังขามะตั้งอยู่ เทพซ้ายขวายืนระวังอยู่ห่างออกไป
“ที่แท้มีนาฬิกามนต์บอกตำแหน่งองค์หญิงนี่เอง ท่านอาคินถึงกลับมาสนุกได้อย่างเต็มที่”
“เชิญท่านไปคอยอารักขาท่านอาคิน เราจะอยู่คอยดูนาฬิกามนต์เอง”
เทพขวาเดินออกไป เทพซ้ายจ้องที่นาฬิกามนต์
“องค์หญิงณัชชา เราต้องได้พบกันในไม่ช้านี้”
“ขอให้ทายาททุกคนเก็บแผนที่ไว้ให้ดี” ณัชชาสั่งทายาททั้งสี่ ทายาททุกคนต่างพยักหน้ารับ “รบกวนธิดาปาระนัง ชี้แจงเรื่องแผนที่ด้วย”
“เช่นเดิมระหว่างทางมีประตูกลดัก อย่าออกนอกลู่นอกทางเป็นอันขาด”
“ถ้าหลงไปอย่าตื่นเต้นมีขนปีกของนาชะอยู่ช้าหรือเร็วนาชะต้องหาพบ”
“ขอให้ทุกคนโฟกัสให้ดีอย่าประมาท”
“พวกเราพร้อมค่ะ”
เอกภพกับณัชชาต่างมองหน้ากันอย่างพอใจ ทันใดนั้นณัชชายกมือขึ้น ทุกคนเงียบกริบ เอกภพตวัดปืนขึ้นมาอย่างรวดเร็วกราดไปราวป่าด้านหนึ่ง ทันใดนั้นเสียงมนุษย์คำรามขึ้น พลันร่างของมนุษย์นับสิบโผล่ร่างของมาจากราวป่า แต่ละคนหน้าตาดุดันน่ากลัวเหมือนพวกผีดิบ ส่งเสียงคำรามดังสนั่น ทุกคนคาดไม่ถึง
“กคนเข้ามาอยู่ตรงกลางเร็วเข้า”
เอกภพบอก ราเชนปาระนังดีดตัวออกไปล้อมทุกคนไว้ตรงกลาง อาวุธพร้อมอยู่ในมือ
“สาวกของอาคิน”
ทันใดนั้นพวกมนุษย์ผีดิบคำรามแล้วพุ่งตัวเข้ามาพร้อมกันทุกทิศทาง เอกภพเหนี่ยวไกเปรี้ยงๆ พวกมันกระดอนออกไป ณัชชาตวัดมือสองข้างขึ้นปรากฏเป็นปืนสองกระบอกยิงเข้าใส่พวกมัน ราเชนตวัดมีดสั้นโดดใส่ประชิดตัวพวกมันตวัดมีดออกไป
พวกมันแตกกระจายเช่นเดียวกับปาระนังตวัดดาบใส่พวกมันจนกระจายออกไป ชั่วอึดใจพวกมันกระจายล้มดิ้นจนหมด ทุกคนกราดสายตามองพวกมัน
“พวกผีดิบ”
เสียงอีการ้องก้องบนท้องฟ้าดังก้องมาในระยะไกลออกไป ทุกคนหันไปตามเสียงร้องของมัน
“ที่แท้อาคินส่งสาวกของมันมาปลุกคนตายขึ้นมา” ณัชชาสีหน้าเคร่งเครียด “เราต้องแยกกัน เป็นทางที่ดีที่สุด”
“องค์หญิงมั่นใจ”
ทุกคนต่างยืนฟังณัชชากับเอกภพออกความคิดเห็น
“อาคินสามารถส่งสาวกของมันมาถึงนี่ ช้าหรือเร็วอาคินต้องตามเราพบอย่างแน่นอน ทายาทแยกเดินทางล่วง
หน้าไปก่อน จะปลอดภัยกว่า”
“ทำไมต้องแยกกันด้วยก็ไม่รู้ในหนังแยกกันทีไรยุ่งทุกที”
“พี่ณัชชากับพี่เอกภพต้องไปช่วยชาวบ้านเรา กลัวว่าอาคินจะโผล่มา เราจะเป็นอันตราย”
“ใช่ แต่ถ้าเราผ่านไปโดยไม่ยื่นมือเข้าช่วย อาจทำให้เหตุการณ์และปริศนาเปลี่ยนไปจะทำให้ออกนอกเส้นทางได้” เอกภพหันมามอง ทุกคนพยักหน้า “ตกลงตามแผนขององค์หญิง”
“ฝากท่านธิดากับท่านราเชนช่วยดูแลทุกคนด้วย”
“องค์หญิงไม่ต้องกังวล เราจะรีบไปให้ถึงจุดหมายโดยเร็ว”
เอกภพส่งปืนให้ไกรยุทธ์
“คุณไกรยุทธ์”
ไกรยุทธ์รับปืนมาแล้วพยักหน้าเป็นเชิงว่าเข้าใจ
“ทุกคนอย่าสร้างปัญหาให้ ท่านธิดากับท่านราเชน”
ทายาททุกคนพยักหน้า
“พี่เอกภพไม่ต้องห่วง พวกเราไหว”
“พวกเราสู้อยู่แล้ว”
“พี่ณัชชากับพี่เอกภพรีบมาก็แล้วกัน” นาฬิกาบอกเสียงแผ่ว
“เชื่อมือเถอะน่า”
ปิงปองค่อยยิ้มออก
พวกทายาททั้งสี่ต่างโบกมือให้กับณัชชาและเอกภพ ที่เดินห่างออกไปพลางหันกลับมาโบกให้ทายาทกับทุกคนอีกครั้ง
“อีกไม่นานก็เจอกันแล้ว ทำโบกมือเป็นหนังไทยไปได้”
ปาระนังกับราเชนต่างยิ้มขำ นาชะกับทายาทต่างหันมุ่งหน้าไปอีกด้านหนึ่ง ต่างเดินไปคุยกันไป โดยมีปาระนังนำหน้าและราเชนคุมหลัง
“พี่นาชะเคยดูหนังไทยด้วยเหรอ”
“แน่นอน ก่อนจะลงมาเมืองมนุษย์ก็หาข้อมูลมาเรียบร้อยแล้ว มีหนังอิจฉาตบตี มีหนังผีวิ่งลงตุ่ม หนังผีเลือดอาบ แล้วก็หนังวัยรุ่นมีแฟนตอนเรียนหนังสือ”
“แล้วบนสวรรค์ล่ะมีหนังให้ดูหรือเปล่า”
“โอย แค่ดูมนุษย์ต่อสู้แย่งชิงกัน โกงกัน ก็ดูไม่ไหวแล้วเจ้าสวรรค์ถึงคิดล้างโลกตามที่ชนเผ่ามายาทำนายไว้ไงล่ะ”
“แล้วทำไมเจ้าสวรรค์ถึงเปลี่ยนใจ”
“ก็เพราะว่ายังมีคนดีและคนที่รักกันมากกว่า คนชั่วน่ะซิ”
“แล้วคนทำชั่วกรรมตามสนองจริงหรือเปล่าครับ”
“ชัวร์ ทั้งสวรรค์และนรกหมายหัวไว้แล้ว”
“เย้”
ทั้งหมดต่างยิ้มต่างเดินทางกันต่อไป
เทพขวาเดินไปเดินมา สายตาตรวจจ้องที่นาฬิกามนต์ ได้ยินเสียงจึงหันไปพบเทพซ้ายเดินเข้ามา
“ยังไม่มีวี่แววขององค์หญิงปรากฏ”
“ท่านอาคินมีเรื่องจะปรึกษา ให้เรามาตาม เชิญ”
เทพขวาพยักหน้าแล้วเดินออกไป เทพซ้ายกราดสายตามองนาฬิกามนต์สีหน้าเคร่ง
ภายในห้องโถงใหญ่ เสียงหญิงสาวกรี๊ดกร๊าดหัวเราะดังไปทั่ว อาคินดื่มและสนุกอยู่กับหญิงสาวสวยหลายคน
อำนาจนั่งอยู่ตรงข้าม ท่ามกลางสาวสวยเช่นกันมีมือปืนคอยระวังอยู่รอบๆ เทพขวาก้าวเข้ามา
“ท่านเรียกหาเรา”
“ถูกต้อง เมืองมนุษย์สนุกอย่างนี้เองคนถึงได้แย่งชิงกันปกครอง เราคิดจะปกครองที่นี่ ท่านคิดว่าเราควรจะทำยังไง”
“ท่านก็ต้องมีเงินมีอำนาจ ให้ประชาชนเลือกตั้งท่านขึ้นมาปกครองที่นี่”
“ทำไมต้องทำให้เรื่องง่ายเป็นเรื่องยากข้ากำจัดทุกคน ข้าก็ปกครองได้แล้ว”
“ท่านอาคินคิดได้ถูกต้อง”
อาคินหัวเราะก้อง อำนาจหัวเราะตาม เทพขวาได้แต่ยิ้ม แต่แล้วมีมือปืนเข้ามากระซิบที่ข้างหูอำนาจ
“เกิดอะไรขึ้น”
“เจ้าหน้าที่ล้อมที่นี่ไว้หมดแล้ว”
อาคินสีหน้าเคร่งเครียด
“ดี ข้าจะสั่งสอนพวกมัน”
กำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจนับสิบๆ ต่างรายล้อมเข้าไปในตึกที่เป็นอังค์กรของอาคิน เจนศักดิ์หลบซุ่มอยู่ที่รถ เจนศักดิ์กรอกเสียงลงไปในวิทยุ
“สั่งทุกคนให้ระวัง ถ้าเจอไอ้อาคิน หัวหน้ามันให้จับตาย ถ้าเอาไม่อยู่ให้ รีบถอยทันที”
“รับทราบ”
“ทุกหน่วยปฏิบัติ”
เจนศักดิ์พรวดออกไปยังหน้าตึก เจ้าหน้าที่นับสิบเคลื่อนกำลังเข้าไป ทันใดนั้นสมุนของอาคินออกมาจากหน้าตึกกราดกระสุนเข้าใส่เจ้าหน้าที่ราวกับห่าฝน เจ้าหน้าที่ล้มทรุดไปสองสามคน เจนศักดิ์สาดกระสุนใส่พวกมันล้มคว่ำไป ในที่สุดเจ้าหน้าที่ก็เคลื่อนบุกเข้าไปในตึกจนได้
เจนศักดิ์นำกำลังบุกเข้าไปด้านใน อำนาจนำสมุนของอาคิน ปราดออกมาสกัดแต่ก็ถูกเจนศักดิ์กับกำลังเจ้าหน้าที่สาดยิงล่าถอยไป
“จับตายพวกชั่วให้หมด”
เจนศักดิ์สาดกระสุนใส่อำนาจจนต้องหลบกระสุนลนลาน แต่แล้วทันใดนั้นเสียงหัวเราะของอาคินดัง
ก้อง ควันดำลอยหนาตึบหมุนวนลอยฝ่าเข้ามา เจนศักดิ์และเจ้าหน้าที่ต่างกราดปืนไปมา ควันดำหนา
ตึบกลายเป็นอาคินยืนนำภูตสังหารทั้งเก้ายืนประจัญหน้ากับเจนศักดิ์และเจ้าหน้าที่
“พวกเจ้ารน มาหาที่ตายแท้ๆ”
“จับตาย”
เจนศักดิ์และเจ้าหน้าที่สาดกระสุนเข้าใส่อาคินและภูตสังหารทั้งเก้าราวกับห่าฝน ภูตสังหารทั้งเก้าพุ่งเข้าใส่เจ้าหน้าที่และเจนศักดิ์ เจนศักดิ์ถูกตบกระเด็นออกมากระแทกเจ้าหน้าที่สองคนล้มลงไป เจนศักดิ์กัดฟันลุกขึ้นแต่ทรุดลงไปอีก เจ้าหน้าที่สองคนรีบประคองเจนศักดิ์ถอยออกไป เจนศักดิ์สายตาพร่าพราง เห็นภูตสังหาร ทั้งเก้าตบซ้ายป่ายขวาร่างของเจ้าหน้าที่กระเด็นเข้าไม่ติด
“ทุกคน ถอย”
เจ้าหน้าที่ยิงพลางถอยพลางภูตสังหารลุยทุกคนแตกกระจายเจนศักดิ์สายตาพร่าพราง ในที่สุดดับมืดหมดสติไป
เจนศักดิ์ได้สติอีกครั้งที่โรงพยาบาล สายตายังคงพร่าพรางก่อนจะเห็นใบหน้าของ ผบ.สิทธิชัยปรากฏชัดเจน
“ดีใจที่คุณรอดมาได้”
“ทุกคนเป็นยังไงบ้าง”
“ตายนับสิบบาดเจ็บสาหัสอีกหลายคน”
“ไอ้อาคิน”
“ผู้กองเอกภพกับผู้กองณัชชาอยู่ที่ไหน หายเงียบไปเลย ตอนนี้สถานการณ์กำลังแย่”
“ผู้กองเอกภพกับผู้กองณัชชา กำลังหาทางกำจัดมันอยู่ครับ”
ในราวป่า ร่างของณัชชา เอกภพ ค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้าไป ร่างของพวกผีดิบนับสิบๆ เดินไปมารอบหมู่บ้าน
บนหลังคามีพวกอีกาเกาะอยู่ ระเกะระกะ
“โห...องค์หญิงนัดพวกมันมาหรือไงครับ”
“ทันทีที่คุณเลิกบ่นแล้วลงมือ พลังของเราจะดึงความสนใจอาคินให้มาทางเรา”
“งั้นผมขอลุยก่อนเลย”
เอกภพดีดตัวออกไป ปืนในมือสาดกระสุนออกไป พวกผีดิบผงะหงายไปสอง ที่เหลือพุ่งเข้าหาเอกภพเหมือน หมาหิว อีกาที่เกาะอยู่บินพรึบวนเวียน
“ทำซ่า ปล่อยให้ลุยเดี่ยวซะหน่อย”
ผีดิบคำรามพุ่งใส่เอกภพ เอกภพทั้งยิงทั้งเตะต่อยพวกมันในที่สุดคว่ำไปจนหมด เอกภพหันมาทางณัชชาวางมาด ณัชชาพยักหน้ายกมือให้เป็นเชิงว่านายเก่งแต่แล้วเสียงอีการ้องก้องบินวนอยู่เหนือท้องฟ้า ณัชชากับเอก
ภพแหงนหน้ามอง
“แย่แล้ว”
“ทำไมต้องแย่”
“นั่นไง”
เอกภพหันไปเห็นร่างผีดิบค่อยๆ ลุกขึ้นมาอีก
“โห...ตื๊อไม่เลิกเลยเหรอท่านผี”
“คุณต้านไปก่อนแล้วกัน”
“อ้าว แล้วคุณล่ะ”
ณัชชาดีดตัวหายไปในหมู่บ้าน เหลือเอกภพต้านพวกผีดิบตามลำพัง เอกภพถูกล้อมด้วยพวกผีดิบ แต่แล้วก็ยิง
เปรี้ยงๆ ผีดิบสองตัวล้มเปิดทางออก เอกภพพุ่งออกมากลิ้งกับพื้นห่างออกมาปล่อยระเบิดมือออกไปแล้วรีบกลิ้งห่างออกมากราดสายตามองก็เห็นผีดิบตัวหนึ่งในกลุ่มถือระเบิดอยู่ในมือมันยกขึ้นดู ในที่สุดระเบิดตูมพวกมันกระจายไป ที่เหลือวิ่งเข้ารุมเอกภพเสียงฝูงอีการ้องก้อง แต่แล้วทันใดนั้นร่างของณัชชาดีดตัวขึ้นมายืนบนหลังคากระท่อมปืนในมือทั้งสองข้างกราดยิงเข้าใส่ฝูงอีกาที่บินอยู่แตกกระจายกลายเป็นควันดำหายไป เอกภพสาดกระสุนใส่พวกผีดิบ สุดท้ายอีกาแตกสลายไปจนหมด
ทันใดนั้นร่างของพวกผีดิบก็เป็นควันดำสลายไปจนหมดเอกภพยืนถอนหายใจเฮือก
“โห เล่นเอาง่ายๆ แบบนี้เอง”
“ก็เห็นคุณอยากโชว์ฟอร์มนี่”
“แท็งกิ้ว”
ณัชชาขำคิก ทันใดนั้นเห็นพวกชาวบ้านต่างค่อยพากันออกมา ทั้งสองคนต่างยิ้มให้กัน มีชายคนหนึ่งท่าทางเป็นหัวหน้าหมู่บ้านเดินนำชาวบ้านเข้ามา ทั้งหมดต่างยกมือไหว้ณัชชาและเอกภพ
“ขอบคุณท่านทั้งสอง”
“ไม่เป็นไร หวังว่าหมู่บ้านของท่านคงได้อยู่กันอย่างสงบ”
“ไม่หรอกท่าน”
“ทำไมล่ะ”
หัวหน้าชาวบ้านมีสีหน้าหวาดกลัว ณัชชากับเอกภพ กราดสายตามองก็ยังเห็นว่าชาวบ้านทุกคนไม่ได้ดีใจที่
พวกผีดิบสลายตัวไปสีหน้ายังคงหวาดกลัวอยู่
“ท่าทางไม่ดีซะแล้วครับ”
“กลางคืนยังมีพวกค้างคาวผี ออกมาอีก”
“ว่าแล้ว”
ณัชชาสีหน้าเคร่งเครียดกราดตามองชาวบ้านทุกคนอย่างเคร่งเครียด
อีกด้านหนึ่งปาระนัง ทายาทและนาชะเดินทางผ่านราวป่าโดยมีราเชนคุมหลัง
“เสียงปืนหยุดไปแล้ว”
ปาระนังกราดสายตามองบนท้องฟ้า เห็นฝูงอีกาบนอยู่เบื้องบนห่างออกไป
“ถ้าทางแผนของเราจะได้ผล สาวกของอาคินไปทางด้านขององค์หญิงแล้ว”
“แล้วถ้าอาคินโผล่มาพร้อมกับภูตสังหารองค์หญิงก็แย่นะซิ”
“พี่เชื่อว่าองค์หญิงต้องมีทางออกหน้าที่ของพวกเราคือต้องไปให้ห่างจากอาคินมากที่สุด”
“ใช่แล้ว ไม่ยังงั้นแผนที่วางไว้จะเสียเปล่า”
ทายาททุกคนต่างเงียบสีหน้ากังวล ปาระนังเดินนำออกไป ทุกคนต่างเดินตามปิดท้ายด้วยราเชน
ในนาฬิกามนต์เห็นฝูงอีกาบนวนเวียนแล้วเห็นร่างของณัชชากับเอกภพล้อมรอบไปด้วยชาวบ้าน เทพซ้ายตาเบิกโพลงด้วยความตื่นเต้น
“องค์หญิงณัชชา”
เทพซ้ายรีบออกไปจากห้อง
ธิดาพญายม ตอนที่ 8 (ต่อ)
ขณะนั้นอาคินนั่งอยู่ที่บัลลังก์สีหน้าเคร่งเครียด
“เราจะตั้งมั่นอยู่ที่นี่ ไม่ต้องเคลื่อนย้ายไปที่ใด”
“แต่เจ้าหน้าที่ คือ...”
“ถ้าพวกมันไม่กลัวตาย ก็ให้พวกมันมาเราจะกำจัดพวกมันให้หมด”
ร่างของเทพซ้ายพรวดเข้ามา อาคินมองด้วยความตื่นเต้นลุกพรวดขึ้นมา เทพซ้ายพยักหน้า อาคินโบกมือวูบ
กลายเป็นควันดำพุ่งออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว
อาคินจ้องณัชชากับเอกภพที่รายล้อมด้วยชาวบ้านปรากฏในนาฬิกามนต์สีหน้าเคร่งเครียดโดยมีเทพซ้ายกับเทพขวาอยู่ข้างๆ
“พวกทายาทไปไหน”
“ต้องอยู่ไม่ไกลจากองค์หญิงอย่างแน่นอน”
“เทพซ้ายเจ้าอยู่ที่นี่รักษาการแทนเรา กำจัดทุกชีวิตที่บุกรุกเข้ามา เทพขวาท่านมากับเรา”
อาคินจ้องณัชชากับเอกภพเขม็ง หัวเราะก้องแล้วจับนาฬิกามนต์กลับด้านลง ทรายในนาฬิกามนต์ไหลลงแล้วเกิดเป็นแสงจ้าสว่างเต็มจอ
ปาระนังกราดสายตาไปเบื้องบนฝูงอีกาหายไปแล้ว สีหน้าสงสัยกราดสายตาไปรอบด้านยกมือส่งสัญญาณให้ทุกคนหยุด ราเชนกราดสายตารอบด้านแล้วเดินผ่านทายาทขึ้นมาถึงปาระนัง
“ไม่ถูกต้อง เงียบผิดปกติ ฝูงกาหายไปไหนหมด”
“ก็ตามพี่ณัชชาไปไงครับ”
“ใช่ ตามแผนที่วางไว้”
“ทุกคนเงียบก่อน”
นาชะกราดสายตาไปมา ในขณะที่ปาระนังกับราเชนระวังตัวกราดสายตาไปโดยรอบทันใดนั้น
“ทุกคนถอยเร็ว”
“ทายาทตามมา”
นาชะนำทุกคนวิ่งออกไป ปาระนังตามตบท้ายด้วยราเชน แต่แล้วทุกคนต้องชะงักเพราะอาคินกับเทพขวายืนอยู่ตรงหน้า ราเชนสะบัดมือเป็นคันธนูอยู่ในมือขึ้นสายเรียบร้อยลูกธนูโลกันต์พร้อมเล็งไปที่อาคิน
“ทุกคนถอยไปด้านหลัง”
นาชะกางมือดันทายาทถอยไปด้านหลัง ปาระนังพรวดมายืนคู่กับราเชน ตวัดดาบตั้งท่าเตรียมพร้อม อาคินหัวเราะก้องร่างของมันเป็นควันดำล้อมรอบแล้วกระจายออกรอบตัวเป็นร่างของภูตสังหารทั้งเก้า ยืนปรากฏตรงหน้า ทุกคนถึงกับถอยหลังหนึ่งก้าวใจเต้นระทึก ราเชนกับปาระนังสีหน้าเคร่งเครียดเหงื่อผุดขึ้นตามใบหน้า
ณัชชากับเอกภพ นั่งคู่กันอยู่บนแคร่หน้าลานหมู่บ้าน ตรงหน้ามีโต๊ะไม้ยาวตั้งอยู่ตรงหน้ามีผลไม้อาหารวางบนโต๊ะ
“เราขอโทษ เสบียงอาหารเหลือไม่มาก ต้อนรับได้ไม่เต็มที่”
“ท่านไม่ต้องลำบาก เราสองคนยังแข็งแรงไม่ต้องการอาหารของท่าน”
เสียงอีการ้องดังขึ้น เอกภพแหงนหน้าขึ้นมองเห็นพวกฝูงอีกาบินวนส่งเสียงดัง
“ชาวบ้านบอกว่าพวกค้างคาวมาตอนกลางคืนทำไมอีกาพวกนี้ยังวนเวียนร้องเพลงแรปอยู่แถวนี้”
ณัชชากราดสายตามอง สีหน้าครุ่นคิด
“มันกำลังปลุกคนตาย”
“อย่าบอกนะว่ามีพวกผีดิบมาอีก”
“คงยังไม่ใช่ตอนนี้”
มีหญิงชาวบ้านเดินเข้ามาสองคนในมือถือมะพร้าวอ่อนมาคนละลูกต่างส่งให้ณัชชากับเอกภพ
“ขอขอบคุณที่พวกท่านช่วยพวกเรา” ณัชชากับเอกภพต่างมองหน้ากัน
“ผมว่าเรารับซะหน่อยดีกว่า เดี๋ยวจะเสียน้ำใจ”
ณัชชายิ้มพยักหน้า ทั้งสองยื่นมือออกไปรับมะพร้าวจากหญิงสาว
“ขอบใจมาก”
ทันใดนั้นหญิงสาวสองคนคำรามก้องแล้วตวัดมือตบณัชชาและเอกภพพร้อมกัน ทั้งสองหงายหลังหลบไปได้พร้อมสะบัด ลูกมะพร้าวใส่หน้าโครม สาวสองคนกระเด็นหงายไปแต่เด้งขึ้นมาอีกกลายเป็นผีดิบไปแล้ว ชาวบ้านต่างวิ่งหนีหายด้วยความหวาดกลัว พวกผีดิบพรวดออกมารอบด้าน เสียงอีการ้องก้องอยู่บนท้องฟ้า พวกผีดิบต่างล้อมเข้ามา ณัชชาตวัดมือขึ้นมามีมีดสั้นอยู่ในมือ เอกภพมีปืนอยู่ในมือทั้งสองข้าง
“ที่แท้มันต้องการถ่วงเราไว้ที่นี่”
“เราพลาดซะแล้ว”
อีกด้านหนึ่ง ราเชนมีสีหน้าเคร่งเครียดคันธนูน้าวตึงพร้อมปล่อยลูกธนูออกจากแหล่ง ข้างๆ คือปาระนัง และด้านหลังคือทายาททั้งสี่และนาชะ
“ส่งทายาทมาให้เรา”
“ด้วยความยินดี”
ราเชนปล่อยธนูวิ่งออกไป อาคินสะบัดมือปล่อยพลังเข้าใส่ลูกธนูของราเชน...ตูม แต่ลูกธนูของราเชนพลันแตกกระจายออกเป็นนับสิบติดไฟพุ่งเข้าใส่อาคินและภูตสังหาร อาคินและเทพซ้ายแวบหลบไปได้ทันท่วงที ลูกธนูพุ่งเข้าใส่ภูตสังหารทั้งเก้าที่หน้าอกข้างขวาอย่างแม่นยำ ไฟติดภูตสังหารทั้งเก้าทุกตัว
“ปาระนังพาทุกคนหนีเข้าประตูกลไปก่อน”
“แต่เราหลงจะออกนอกเส้นทาง ไม่ได้พบกับท่านพี่”
“เราไม่มีทางเลือก เร็วเข้า พี่ต้านมันไม่ได้นาน”
ราเชนตวัดมือขึ้นลูกธนูติดขึ้นมาอีกเตรียมพร้อมปล่อย ทันใดนั้นอาคินกับเทพขวาปรากฏร่างกลับมาอีก อาคินตวัดมือปล่อยพลังลมออกมาไฟที่ติดตัวภูตสังหารทั้งเก้าดับพรึบในพริบตา
“ท่านพี่ถนอมตัวด้วย”
“นาชะ นำทายาทตามเรามา”
ปาระนังพุ่งตัวนำออกไปทายาทพะว้าพะวงมองหน้ากัน
“แล้วพี่ราเชน”
“ทำตามคำสั่งท่านธิดา เร็วเข้า”
ทายาทลังเลแต่ในที่สุดก็พรวดตามปาระนังออกไป ปีกนาชะพรึบขึ้นมาบินตามไปติดๆ
“ท่านราเชน ท่านหยุดเราไม่ได้หรอก”
ราเชนจ้องหน้าอาคินเขม็ง สถานการณ์คับขัน
ณัชชากับเอกภพพุ่งตัวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
“พวกนั้นต้านอาคินไม่อยู่แน่นอน”
เอกภพไม่พูดสีหน้าเคร่งเครียดทั้งสองวิ่งผ่านต้นไม้ใหญ่อย่างรวดเร็ว
ราเชนน้าวธนูพร้อมปล่อยอีกครั้ง
“เราอยากจะรู้มานานแล้วว่าเทพเลวอย่างท่านจะมีฝีมือซักแค่ไหนถ้าไม่มีภูตสังหารทั้งเก้าขวางอยู่”
“แผนถ่วงเวลาของท่านไม่ได้ผลกับเราหรอก”
“ใครบอกว่าเราจะถ่วงเวลาท่าน เราจะกำจัดท่าน”
ราเชนปล่อยลูกธนูออกไปพุ่งเข้าใส่อาคิน อาคินหัวเราะยืนเฉย ลูกธนูของราเชนพุ่งเข้าปักอกของอาคินอย่างแม่นยำ อาคินหัวเราะอึดใจก็ดึงลูกธนูออกมาขยับมือลูกธนูหักเป็นสองท่อน
“ภูตสังหาร”
ภูตสังหารทั้งเก้าพุ่งเข้าใส่ราเชน ราเชนสะบัดมือปรากฏเป็นมีดสั้นอยู่ในมือทั้งสองข้างพุ่งข้ามหัวภูตสังหารเข้าหาอาคินอย่างรวดเร็ว มีดในมือตวัดใส่อาคิน อาคินสะบัดมือต้านโครม ร่างของราเชนลอยออกไปแต่พลิกตัวยืนได้ทันท่วงที
“ไม่เลวนี่”
ทันใดนั้นควันสีดำเข้ามาล้อมราเชนกลายเป็นภูตสังหารเก้าตัวยืนล้อมอยู่
“ท่านไม่พ้นเงื้อมมือเราอย่างแน่นอน”
ราเชนสีหน้าเคร่งเครียด
ปาระนังวิ่งนำล่วงหน้ามาก่อน สายตากราดรอบ ในที่สุดก็หยุดที่ต้นไม้ต้นหนึ่ง
“เราถึงประตูกลแล้ว” นาชะนำบีมกับปิงปองพรวดเข้ามาปาระนังถึงกับตกใจ “ไกรยุทธ์กับนาฬิกาล่ะ”
ทุกคนหันไปไม่เห็นสองคน
“โธ่เอ๊ย สงสัยกลับไปช่วยท่านราเชน”
“งั้นเราต้องกลับไปนะคะ”
“ทุกคนรออยู่ที่นี่ พี่จะไปดูสองคนนั่น”
“นาชะว่าท่านธิดาพาบีมกับปิงปองไปก่อนดีกว่าค่ะ นาชะจะไปดูเอง”
“แต่พี่นาชะจะสู้พวกมันได้ยังไง”
“ท่านราเชนรู้ว่าต้านอาคินไม่ได้ ถึงได้ให้ท่านธิดานำทายาทหนีมาถ้าท่านธิดากลับไปก็เท่ากับว่าทำลายแผนของท่านราเชน”
“แต่ไกรยุทธ์กับนาฬิกา”
“ตราบใดที่อาคินไม่ได้ตัวทายาทครบทุกคน ถือว่ายังไม่เลวร้ายเกินไป”
“เราคิดผิดไปจริงๆ”
“ท่านธิดาจิตใจกล้าหาญคิดช่วยเหลือทุกคน ไม่ใช่คิดผิดหรอกค่ะ”
“ระวังตัวด้วย”
นาชะพยักหน้าแล้วกางปีกพรึบ บินสวนกลับไป บีมและปิงปองมองอย่างกังวล
ราเชนตวัดมีดสั้นต้านภูตสังหารทั้งเก้าล้อมบุกเข้าโจมตี แต่แล้วก็ถูกภูตสังหารตัวหนึ่งฟาดเสียหลักไป พวกมันล้อมเข้า ราเชนพยายามต้านแต่ถูกฟาดอีกครั้ง จนกระเด็นทรุดไปที่พื้น อาคินกับเทพขวามองอย่างสะใจ
“บอกแล้วว่าท่านสกัดเราไม่ได้”
ทันใดนั้นมีลำแสงพุ่งเข้าหาพวกภูตสังหารเสียงดังตูม ภูตสังหารชะงัก อาคินหันขวับไปก็เห็นไกรยุทธ์กับนาฬิกา
“ยู้ฮู” ในมือนาฬิกาถือแผนที่โบกไปมา “อยากได้แผนที่ก็มาเอาที่นี่”
“ท่านราเชน เร็วเข้า”
ราเชนแวบอย่างรวดเร็ว ไปโผล่ที่ไกรยุทธ์กับนาฬิกา เซเล็กน้อยเพราะบาดเจ็บ นาฬิกากับราเชนเข้ามาประคอง
“อย่าหวัง... ภูตสังหาร”
ภูตสังหารทั้งเก้าแวบตามไปล้อมนาฬิกากับไกรยุทธ์ไว้อย่างรวดเร็ว อาคินกับเทพขวาตามติดมายืนตรงหน้า
“พวกเจ้าฝันไปแล้วที่คิดจะหนีพ้นเรา”
“นี่คือแผนที่เส้นทางไปสู่กุญแจคุกนิลกาล”
“เจ้าคิดว่าจะหลอกเราได้”
นาฬิกาใช้สองมือกางแผนที่ออกมาแล้วยกให้อาคินดู เห็นเป็นรูปแผนที่ปรากฏอยู่อย่างชัดเจน อาคินตาวาวตื่นเต้น นาฬิกาม้วนแผนที่เก็บอย่างเดิม
“เราจัดการพวกท่านก่อน ยังไงแผนที่ก็ต้องตกในมือเรา”
นาฬิกา ไกรยุทธ์ ราเชนจ้องอาคินและภูตสังหารสายตาเคร่งเครียด
อาคินจ้องอย่างเป็นต่อ สีหน้าเยือกเย็น ทันใดนั้น...
“พี่ราเชน”
ราเชนสะบัดมือ มือพลันติดไฟขึ้นมา นาฬิกายื่นม้วนผ้าเข้าไปใกล้ไฟ พลางจ้องอาคินยักไหล่น้อยๆ สีหน้ากวน
อาคินโบกมือ ภูตสังหารทั้งเก้าค่อยๆ สลายตัวหายไป
“เราแลกกัน แผนที่กับอิสระของพวกเรา”
“ไม่ได้”
“ตกลง”
“ท่านรับปาก”
“เรารับปาก”
“พี่ไกรยุทธ์พาพี่ราเชนไปก่อน”
“ไม่ได้ เธอสองคนไปก่อน”
“ไม่ต้องห่วงครับพี่ราเชน ท่านอาคินไม่กล้าทำอะไรทายาทหรอก จริงมั๊ย” ไกรยุทธ์ยิ้ม “โดยเฉพาะทายาทที่มีแผนที่อยู่ในมือ”
“ในโลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์” อาคินบอก
“พี่ราเชนเชิญ นาฬิกามั่นใจท่านอาคินต้องรักษาคำพูด เพราะถ้าเทพโกหกจะต้องเสียพลังเทพไปหลายส่วน”
“เจ้าก็เหมือนกัน”
“แน่นอน”
ไกรยุทธ์พยักหน้ากับราเชน ราเชนกราดสายตามองนาฬิกาด้วยความกังวล นาฬิกาพยักหน้าให้ราเชน ในที่สุดราเชนก็ยอมไปกลับไกรยุทธ์ อาคินกับเทพขวามองตามแล้วหันมาทางนาฬิกา
“แผนที่”
นาฬิกากำแผนที่อยู่ในมือ จ้องอาคินไม่คลาดสายตา
นาฬิกาพยักหน้าแล้วสะบัดมือปล่อยแผนที่ปลิวมาทางเทพขวา เทพขวารับไว้อย่างทันท่วงที อาคินจ้องนาฬิกาเขม็ง เทพขวากางแผนที่ออกพบเส้นทางปรากฏอยู่
“ทำไมมีอยู่แค่นี้”
“มีแค่นั้น ถึงจุดหมายแล้ว แผนที่ถึงจะปรากฏเส้นทางต่อไป”
“เจ้าโกหกข้า”
“ท่านไม่เชื่อก็ตามใจ”
นาฬิกาวิ่งพรวดออกไป เทพขวาขยับตัว แต่อาคินยกมือห้ามไว้
“เราไปดักรอตรงจุดหมายก็ได้”
อาคินหัวเราะอย่างพอใจ แต่แล้วเทพขวามองแผนที่อย่างตกใจ
“ท่าน”
เส้นทางในแผนที่คอยๆ จางหายไป อาคินถึงกับหัวเราะอย่างแค้นใจ
“ที่แท้ แผนที่จะแสดงเส้นทางต่อหน้าทายาทเท่านั้นบ้าที่สุด”
อาคินโมโหม้วนแผนที่แล้วสะบัดมือเหวี่ยงออกไป แผนที่ลอยลิ่วไปในราวป่าแต่แล้วกลับวกพุ่งไปทางทิศทางของนาฬิกา
“ท่าน ดูนั่น แผนที่กลับไปหาทายาท”
อาคินตาลุก ยกมือสองข้างขึ้นตรงหน้า
“ภูตสังหาร” ควันดำล้อมขึ้นมาแล้วพุ่งไปทางทิศทางของนาฬิกา “หนีไม่พ้นข้าหรอก”
อาคินหัวเราะก้อง
ไกรยุทธ์ประคองราเชนวิ่งนำมา ทันใดนั้นเสียงนาฬิกาตามทางด้านหลัง
“เร็วเข้า พวกมันตามมาแล้ว”
ควันดำพุ่งตามหลังนาฬิกามากลายเป็นภูตสังหารกระจายกำลังวิ่งตามติดมาอย่างกระชั้นชิด ไกรยุทธ์ประคองราเชนแต่แล้วราเชนทรุดลงเพราะบาดเจ็บ นาฬิกาพรวดมาถึงประคองอีกข้างหนึ่ง
“แข็งใจหน่อย พี่ราเชน”
เสียงคำรามของภูตสังหารก้องเข้ามา พวกมันโผล่ออกมาจากราวป่า ทั้งสองประคองราเชนขึ้นมาแล้ววิ่งอย่างไม่คิดชีวิต ภูตสังหารตามติดจนใกล้เข้ามาล้อมสามคนไว้ได้แต่แล้วก็มีผงสีชมพูพรึบปกคลุมทุกคน ร่างของนาชะมีปีกลอยอยู่ข้างบน
“เร็วเข้า”
นาชะบินนำออกไป ไกรยุทธ์ ราเชน นาฬิกาตามติด ภูตสังหารทั้งเก้ายืนซึมอยู่กับที่
ปาระนังเดินวนไปมาสีหน้ากังวล บีมกับปิงปองต่างกราดตามองอย่างร้อนใจ
“มาแล้ว”
“พี่ราเชนบาดเจ็บ”
ร่างของนาชะบินนำมา ตามด้วยร่างของนาฬิกา ไกรยุทธ์และราเชน ทุกคนต่างลุ้น
“บีม ปิงปอง เข้าไปเร็ว”
บีมกับปิงปองพรวดเข้าไป นาชะร่อนลงหน้าประตูกลแล้วโบกมือให้ ไกรยุทธ์กับนาฬิกาประคองราเชน เร่งฝีเท้าเข้าประตูกลปาระนังปราดเข้ามา
“ท่านพี่”
“เราไม่เป็นไร ทายาทเข้าไปก่อน”
“เร็วๆๆ”
“เดี๋ยว” นาฬิกาหยุดแล้วหันก้าวออกไปก็เห็นม้วนแผนที่พุ่งเข้ามา นาฬิกายกมือรับตึบอย่างแม่นยำ “เยส แท็งกิ้วเวรี่มัช”
นาฬิกากับไกรยุทธ์ พรวดเข้าประตูกลไป นาชะพุ่งตามติด ราเชนกับปาระนังยืนขวางอยู่ ราเชนสะบัดมือออกไปกลายเป็นไฟลุกพรึบเป็นครึ่งวงกลมกั้นด้านหน้าของตนไว้ ร่างของอาคิน เทพขวาและภูตสังหารปรากฏตัว แต่ติดไฟของราเชนกั้นไว้ อาคินสะบัดมือไฟดับพรึบหายไป แต่สายไปเสียแล้วเพราะเบื้องหน้ามีแต่ความว่างเปล่า อาคินสีหน้าเคร่งเครียดด้วยความแค้นใจ
“พวกมันหนีไปได้ แต่องค์หญิงน่าจะยังอยู่”
“ภูตสังหาร”
ภูตสังหารกลายเป็นควันดำแล้วพุ่งหายไป อาคินกับเทพขวาแวบหายตามไปเช่นกัน
ร่างของบีมกับปิงปองโผล่ออกมายังอีกด้านหนึ่งของประตูกลก่อน ปรากฏว่าอยู่กลางนาข้าวแปลงกว้างใหญ่ตามด้วยทุกคน ปาระนังประคองราเชนเข้ามา
“ท่านพี่เป็นยังไงบ้าง”
พี่ไม่เป็นไรมากหรอก พลังของภูตสังหารร้ายกาจมาก โชคดีที่ไกรยุทธ์กับนาฬิกาไปทัน”
ปาระนังหันมาทางนาฬิกากับไกรยุทธ์
“เธอสองคนกล้าหาญมาก และพี่ขอบใจแต่องค์หญิงณัชชาต้องตำหนิที่เราปล่อยให้ทายาทเสี่ยงต่อการรับอันตราย”
“เอ้อ...เราไม่ต้องบอกก็ได้”
“นาฬิกา อย่าเสียมารยาท ท่านธิดาสมุทรไม่มีวันโป้ปดมดเท็จ”
“ขอโทษค่ะ”
“ไม่เป็นไร พี่ยินดีรับผิดกับองค์หญิงเอง”
“อย่าทำอีกเด็ดขาด จะทำให้แผนงานเสียหาย”
“ผมเป็นคนออกความคิดเป็นความผิดผมเองครับ”
“ไม่ใครผิดหรอก พี่ภูมิใจในการกระทำของเธอแต่เราคิดถึงงานใหญ่ ความอยู่รอดของโลกทั้งสี่อยู่ในมือของพวกเธอ”
“เราทุกคนพร้อมเสียสละ เพื่อให้พวกเธอได้รับความสำเร็จ”
“อย่าให้ทุกคนต้องเสียเปล่า”
ทายาททั้งสี่ถึงกับน้ำตาซึม ในที่สุดสีหน้าก็เปลี่ยนเป็นมุ่งมั่น ต่างพยักหน้ารับทั้งน้ำตา
ณัชชากับเอกภพอยู่ในป่า กราดสายตารอบๆ
“เสียงพลังปะทะหายไปแล้ว”
“หวังว่าพวกนั้นคงรอดจากสาวกของอาคินไปได้”
ณัชชาหลับตา นิ่งอึดใจ
“อาคินอยู่ที่นี่”
“อาคินมาถึงนี่ได้ยังไง ไหนว่าเราอยู่ต่างเวลาต่างสถานที่”
“ต้องมีบางอย่างที่ทำให้อาคินกล้าแข็งขึ้นจนสามารถหาพวกเราได้พบ”
“ให้มันได้ยังงี้ซิ”
ณัชชายกมือขึ้นเป็นเชิงให้เงียบ เอกภพตวัดปืนขึ้นมาอยู่ในมือ ทั้งสองกราดสายตาไปมา ทันใดนั้นณัชชาหันขวับ เอกภพตวัดปืนในมือขึ้น
“นาชะเองเพคะองค์หญิง”
ณัชชากับเอกภพถอนใจผ่อนคลาย
“ทายาทล่ะ”
“อยู่อีกด้านหนึ่งของประตูกลแล้วเพคะ ต่างเวลาต่างสถานที่”
“อ้าวแล้วนาชะมาได้ยังไง”
“นาชะเป็นกามเทพฯ ท่องได้ทั่วทุกแดนที่ไหนมีความรักที่...”
“นี่เจ้าอย่าเหลวไหล ทุกคนปลอดภัยดีใช่มั๊ย”
“เจ้าค่ะ อาคินกับภูตสังหารโผล่มา แต่พวกเราหนีรอดพ้นอาคินอย่างหวุดหวิดมันอยู่ที่นี่เพคะ”
“เราสัมผัสมันได้”
“แล้วเราจะไปเจอพวกทายาทได้ยังไงล่ะ”
“ยังไม่ทราบค่ะ ท่านธิดาสมุทรกำลังหาทางอยู่นาชะจะเป็นคนมาประสานงานให้เอง”
“ทำไมต้องยุ่งยาก นาชะพาพวกเราไปไม่ได้เหรอ”
“ไม่ได้คะ นาชะมาได้เพราะพลังขององค์หญิงและท่านธิดาสมุทรเท่านั้น นาชะไม่ได้รู้ว่าอยู่ที่ไหนเวลาใด” เอกภพถอนใจ พยักหน้ารับ สีหน้ากังวล “นาชะต้องไปก่อนแล้วนะคะ แล้วจะกลับมาส่งข่าว”
“ฝากบอกคุณนาฬิกากับทุกคนด้วยว่าผมเป็นห่วง”
“ค่ะ นาฬิกาก็ฝากบอกมาว่าเป็นห่วงทั้งสองคนทุกคนก็เช่นกันค่ะ”
ณัชชากับเอกภพได้แต่ถอนใจ นาชะแวบหายไปในที่สุด
จบตอนที่ 8
อ่านต่อตอนที่ 9 พรุ่งนี้ เวลา09.30น.