การเป็นคนจริงจังกับงาน จนประสบความสำเร็จเป็นที่ยอมรับของต่างชาติ ด้วยวัยสี่สิบต้นๆ นั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ได้ยากเกินไป สำหรับ รอน-รณพงศ์ คำนวณทิพย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูนิเวอร์ซัล มิวสิค (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทสาขาของ ยูนิเวอร์ซัล มิวสิค กรุ๊ป ค่ายเพลงสากลชั้นนำ เพราะการทำงานของเขาเกิดขึ้นจากการสร้างสมดุลให้ตัวเอง และความสุขจากสิ่งง่ายๆ ใกล้ตัวเท่านั้น
ในวันที่แดดสดใส เรามีนัดกับหนุ่มนักบริหาร รอน-รณพงศ์ คำนวนทิพย์ เรามโนภาพความคิดว่า “รอน” ต้องเป็นผู้บริหารมาดขรึม หากแต่ตัวตนที่ได้พบเจอ ดูเขาช่างสดใสอารมณ์ดี ขัดแย้งกับภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบมากนัก เพราะวงจรชีวิตของ “รอน” ตลอดทั้ง 7 วัน นับแต่ อาทิตย์-จันทร์ ล้วนมีแต่เรื่องงานเข้ามาเกี่ยวข้อง ต้องพบปะผู้คน อีกทั้งยังต้องติดต่อประสานงานกับบริษัทแม่ที่อเมริกาตลอด
รอนบอกว่า หน้าที่หลักของเขาดูแลเรื่องการตลาด เลือกศิลปินที่จะมาจัดคอนเสิร์ต “ทุกวันผมต้องนั่งฟังเพลงทั้งเก่าและใหม่ เพื่อมาคิดว่า ควรจะทำการตลาดอย่างไร เพื่อให้ออกมาดีที่สุด งานของผมเบื้องหน้าดูเหมือนสนุกสบาย แต่จะหนักตรงเรื่องทำการตลาด เราต้องรู้ความต้องการของผู้บริโภค แต่ปีที่ผ่านมา ผลประกอบการของเราดีไม่แพ้สาขาอื่น ซึ่งทางผู้บริหารใหญ่ก็พอใจ”
เมื่อบทเพลงหลากหลายได้เข้ามาอยู่ในชีวิตประจำวันของเขาแล้ว แน่นอนว่า การฟังเพลงของเขา ไม่ได้ฟังเพื่อผ่อนคลายเหมือนหลายๆ คน แม้จะชอบเพียงไร แต่ทุกครั้งที่ฟังก็ต้องใช้สมองคิดงานไปด้วย ดังนั้น เมื่อเหนื่อยล้าจากการทำงาน รอนจึงสรรหากิจกรรมต่างๆ ตั้งแต่เรื่องสุขภาพ กีฬา และการศึกษาธรรมะ เพื่อคลายความอ่อนล้า และจะได้มีเวลาอยู่กับครอบครัวมากขึ้น โดยทุกวันหยุดจะพาภรรยาไปออกกำลังกายที่สวนสาธารณะ ในที่ที่มีต้นไม้เยอะๆ
“ผมเชื่อว่าสิ่งแวดล้อมที่ดี จะทำให้ร่างกายแข็งแรงไม่ป่วย ผมชอบธรรมชาติ ชอบต้นไม้ ก็พยายามดึงภรรยาไปสวนสาธารณะเพื่อไปสูดอากาศ แต่ถ้าภรรยาไม่สะดวก ก็จะขี่จักรยาน อันนี้ขี่มาตั้งแต่เด็ก เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลย ขี่เมาเทนไบค์ในหมู่บ้าน ถ้าว่างมากก็ไปแถวมอเตอรเวย์ส อันนี้ผมถือเป็นการออกกำลังกาย ซึ่งช่วยเรื่องสุขภาพและยังได้ปลดปล่อยความคิดอีกด้วย”
ส่วนเรื่องการปฏิบัติธรรม “รอน” เล่าว่า ก่อนหน้านี้เขาเองก็ไม่ได้สนใจมากนัก เพราะคิดว่าเดินสายกลาง ไม่เบียดเบียนใคร ไม่ทำบาป อ่านหนังสือธรรมะก็เพียงพอแล้ว จนวันหนึ่งผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ชวนครอบครัวเขาไปปฏิบัติธรรม แต่เขากลับปฏิเสธ
“ตอนนั้นผมฟังแล้วคิดว่าไม่จำเป็น ทั้งหมดอยู่ที่ตัวเราเอง พอดีคุณอาที่ผมเคารพ เสียชีวิต ผมก็อยากรู้ว่า คนเราเมื่อตายแล้วไปไหน ด้วยความที่อยากรู้อยากเจอคุณอา อยากรู้ว่าท่านตายแล้วเป็นอย่างไร ก็ตัดสินใจไปปฏิบัติธรรม ที่วัดผาณิตาราม เป็นวัดเล็กๆ อยู่ริมแม่น้ำบางประกง จ.ฉะเชิงเทรา ประมาณ 1 สัปดาห์ แต่ก็ไม่ได้เจออะไร คงเป็นเพราะเรายังไม่ถึงตรงนั้น แต่สิ่งหนึ่งที่ได้คือ ค้นพบกฎของธรรมะ กฎของพระไตรลักษณ์ เรื่องของความไม่เที่ยงของสรรพสิ่งต่างๆ ซึ่งต่างจากหนังสือที่เราอ่าน มันเป็นความรู้แขนงหนึ่ง”
หลังปฏิบัติธรรมครั้งนั้น “รอน” ก็สนใจในเรื่องของธรรมะ จากนั้นจึงตัดสินใจบวช ที่วัดป่าบุญล้อม จ.อุบลราชธานี “ช่วงนั้นปลายปีพอดี เคลียร์งานเสร็จก็บอกเจ้านายที่ต่างประเทศว่า เราอยากบวช เขาเข้าใจก็สนับสนุน ตอนบวชได้อะไรเยอะมาก เป็นสายหลวงปู่ชา วัดหนองป่าพง เน้นเรื่องการทำสมาธิ การปฏิบัติ เราปฏิบัติเพื่อละจริงๆ ไม่ใช่หวังสะสมบุญเพื่อให้ได้อะไร พอสึกออกมาก็ได้ใช้ธรรมะในชีวิตประจำวันหลายอย่าง พอเครียดก็สงบสติอารมณ์ กลางคืนเข้าห้องพระสวดมนต์”
จากวันนั้นถึงวันนี้ รอน ที่เคยใจเย็นอยู่แล้ว กลับยิ่งเย็นและสุขุมมากขึ้น เมื่อถามถึงการทำงานกับธรรมะที่เขานำมาปฏิบัติในชีวิตตอนนี้ดูขัดแย้งกันมากนั้น เขาบอกว่า “ทุกอย่างรอบตัวผมมันไม่มีเส้นแบ่ง บางทีศิลปินต่างประเทศมา เราก็ต้องตื่นมาคุยประสานงานกับทางอเมริกา ตอนตีสามตีสี่ ซึ่งถ้าเราให้ความสำคัญตรงนี้ ก็ไม่ถือว่าเป็นภาระ เพียงแต่ต้องบริหารเวลาให้ลงตัว มีเวลาให้ครอบครัว แบบนี้ทุกคนก็แฮปปี้ ส่วนผมถ้าเครียดช่วงไหน ก็พยายามสวดมนต์ ทุกวันนี้กลับบ้านนอนจะปล่อยวางทุกเรี่อง ตื่นเช้ามารีเซ็ตตัวเองทุกวัน เคลียร์ตัวเองทุกวัน ทุกอย่างจะดีเอง”
เมื่อถามถึงเป้าหมายในอนาคต เขาบอกว่า อยากทำงานเพื่อสังคมบ้าง ในส่วนของงาน ณ วันนี้ถือว่าเป็นไปตามที่หวัง แต่การทำงานของเขายังต้องพัฒนาทุกวัน “ผมเชื่อในคำพูดที่ว่า ทุกวันคือการเรียนรู้ บางคนเรียนรู้จากความผิดพลาด มันก็ใช่ แต่สำหรับผม ผมเรียนรู้จากความสำเร็จ เมื่อสำเร็จแล้วเราก็พยายามพัฒนามันให้ดีมากยิ่งๆ ขึ้นไป นั่นแหละคือสิ่งที่ผมต้องทำ”