มาหยารัศมี ตอนที่ 17
ไม่นานหลังจากนั้น ธิติรัตน์พาตัวเองมาซุ่มอยู่ที่หน้าบ้านเมิน ชายหนุ่มจับตามองเข้าไปในบ้านรอคอย สักครู่หนึ่งเห็นแป้นเปิดประตูเดินถือตะกร้าเพื่อไปจ่ายตลาด ธิติรัตน์รอจนแป้นลับตัวไป
แป้นลืมล็อคประตูตลอด! ธิติรัตน์สบโอกาสรีบลอบเข้าไปในบ้านทันที
เวลานั้นเดือนแรมนอนร้องไห้อยู่บนพื้น เนื้อตัวสกปรก เริ่มหมดแรงลงไปทุกที ธิติรัตน์วิ่งตรงเข้าไปที่ห้องเก็บของ เห็นประตูถูกล็อคเอาไว้แน่นหนา
ธิติรัตน์เคาะประตูเบาๆ พร้อมกับเรียก “แรม...แรม แรมอยู่ในนี้หรือเปล่า?”
เดือนแรมค่อยๆ ปรือตาขึ้นมา โรยแรงเต็มทน สติยังไม่ฟื้นคืนเต็มร้อย ธิติรัตน์นิ่งฟังท่าทางหมดหวัง คิดในใจว่าตัวเองอาจจะคิดมากไปเอง แต่ที่สุดก็ลองเรียกใหม่
“แรม..แรม...แรมอยู่ในนี้หรือเปล่า?”
เดือนแรมสติมาแล้ว ลุกพรวดขึ้นเรียก “คุณชายๆ” แต่เสียงอู้ออี้ๆ เพราะถูกมัดปาก เดือนแรมรวบรวมสรรพกำลังเอาร่างกระแทกผนังห้องอีก
ระหว่างนั้นจันทราในสภาพทรุดโทรม ผมเผ้ายุ่งเหยิง เครียดจัด หลายเรื่องรุมเร้า เดินเข้ามาด้านหลัง เห็นชัดว่าเป็นธิติรัตน์ ตวาดแว้ด
“ทำอะไรคุณชาย?”
ธิติรัตน์สะดุ้งโหยง “คุณจันทรา”
“ออกไปจากบ้านดิฉันเดี๋ยวนี้”
ธิติรัตน์ไม่ขยับเพ่งมองที่ประตูห้องเก็บของไม่วางตา
“แต่ผมรบกวน ช่วยเปิดห้องเก็บของให้ผมดูหน่อยได้มั้ยครับ ผมคิดว่า น่าจะมีอะไรอยู่ในนี้ ผมได้ยินเสียงดัง”
“มีหรือไม่มี ที่นี่ก็คือบ้านดิฉัน ออกไปก่อนที่ดิฉันจะแจ้งตำรวจ คุณชายบุกรุก”
“ขอผมดูนิดเดียว”
“คนบุกรุกไม่มีสิทธิ์ต่อรอง ออกไปเดี๋ยวนี้ ไป๊”
จันทราโกรธเกรี้ยวจนเริ่มคุมสติไม่อยู่ ฉวยอะไรได้ก็เอามาปาใส่ไม่ยั้ง ธิติรัตน์หลบหลีกพัลวัน
จันทราตะเพิดอย่างไม่กลัวไม่เกรงใจแล้ว “ออกไป๊”
ธิติรัตน์รีบออกไป แต่มองจับกิริยาจันทรา ท่าทางจันทราดูผิดปกติมากขึ้นทุกวัน
ธิติรัตน์เดินลิ่วออกมาจากบ้านเมิน แต่ตายังหันกลับไปมองด้วยความสงสัย
แม้นเทพที่เพิ่งกลับจากโรงพยาบาล เดินมาพอดี “มีอะไรครับคุณชาย?”
ธิติรัตน์สะดุ้งเฮือก “ผม...สงสัย กลัวว่าแรมจะถูกจับไปขังในห้องเก็บของอีก”
แม้นเทพตกใจ “แรมน่ะเหรอครับจะถูกจับไปขังในห้องเก็บของอีก”
“ครับ...ผมเห็นท่าทางคุณจันทราแปลกๆ” ธิติรัตน์มั่นใจมาก
รุ่งเช้าจันทราเดินเข้าไปในห้อง ทรุดตัวลงนั่งบนเตียง ความผิดสารพันแต่หนหลังที่จันทราเคยทำผุดขึ้นในหัวราวสายน้ำไหล
ทั้งตอนที่ฆ่าราศี โดยการถอดเครื่องช่วยหายใจออก ไปตามฆ่าสุดใจที่บ้าน กักขังเดือนแรมตั้งแต่ตอนเป็นเด็ก ใส่ร้ายว่าราศีมีชู้ และเหตุการณ์ตอนล่าสุดสดๆ ร้อนๆ ที่จะฆ่าสุดใจอีก
นัยน์ตาจันทราวาววาบบอกเสียงแผ่วๆ “ฉันไม่ผิด...ฉันทำเพื่อป้องกันตัวเอง ฉันไม่ผิด”
จันทราเครียดจัด หยิบยากล่อมประสาทที่จะเอาให้เมินมากินอีก พริบตาเดียวเท่านั้นตาของจันทราก็เริ่มปรือ...คล้ายคนใกล้จะหลับ
แต่ก่อนที่จันทราจะหลับ ก็ได้ยินเหมือนเสียงประตูบ้านถูกเปิดเข้ามา
เป็นธิติรัตน์กับแม้นเทพที่เปิดประตูเข้ามา แล้วค่อยๆ เดินเข้ามาในบ้าน
สองหนุ่มจะเดินตรงไปทางห้องเก็บของ แต่ต้องสะดุ้ง เมื่อเหลือบเห็นจันทราในสภาพผมเผ้ายุ่งเหยิง ตาปรือเหมือนคนเบลอๆ เดินลงมาจากชั้นบน จันทราตวาด แล้วไล่ตะเพิดทันที
“เข้ามาในบ้านฉันทำไม? ออกไป”
“ผมขอดูอะไรหน่อย” แม้นเทพบอก
“ที่นี่ไม่มีอะไรให้พวกคุณดูทั้งนั้น ออกไป” จันทราตะเพิด
“ผมขอดูห้องเก็บของเท่านั้นครับ แล้วผมจะไป” ธิติรัตน์บอก
จันทราพูดช้าๆ ชัดๆ “จะออกไม่ออก”
พูดจบ จันทราก็ยกปืนขึ้นมาเล็ง คุณชายกับแม้นเทพมองตะลึง ขณะที่จันทราถามซ้ำเสียงเหี้ยมมากกว่าเดิม “จะออกหรือไม่ออก
สองหนุ่มมองหน้ากัน จันทราทำท่าจะเหนี่ยวไก
แม้นเทพยกมือห้าม “โอเค...ผมจะไป”
ธิติรัตน์พูดด้วยน้ำเสียงเข้ม “และผมก็จะกลับมาใหม่ เพื่อตามหาแรม!”
ธิติรัตน์สบตาจันทราแรงๆ อย่างไม่กลัวเกรง จันทราก็มองตาสู้สายตาท้าทายเหมือนกัน
เช้านั้นประตูห้องเก็บของถูกเปิดออก เดือนแรมนอนหมดแรงอยู่ได้ยินเสียง ปรือตาขึ้นมามอง
เดือนแรมพูดไม่เป็นศัพท์ อู้อี้ๆ “คุณชาย!”
จันทรานั่งลงมองจ้องหน้าเดือนแรม ก่อนเอามือลูบผมเดือนแรมเบาๆ “โถๆๆๆ น่าสงสารสาวน้อย...อยากเจอคุณชายเหรอจ๊ะ?”
เดือนแรมฉงน มองหน้าจันทราไม่เข้าใจว่าจะทำอะไร จันทราหัวเราะเหมือนคนขาดสติ
“ได้สิ...ฉันจะให้เธอเจอ..มะ...ไปหาคุณชายด้วยกัน”
พูดจบจันทราก็กระชากผมเดือนแรมขยุ้ม ลากดึง แรมร้องด้วยความเจ็บปวด
จันทราหัวเราะดังก้อง “เจ็บเหรอ? โถ! ช่างน่าสงสารจริงๆ....งั้นฉันจะช่วยเธอแล้วกัน”
จันทราแก้เชือกที่มัดเท้าแรมออก ข้อเท้าเดือนแรมเป็นรอยแดงช้ำ เพราะเชือกเริ่มบาดกร่อนเนื้อ มีเลือดซึมออกมา
“ลุกขึ้นมานังแรม ลุกขึ้นมา”
เดือนแรมพยายามฝืนกายลุกขึ้นอย่างโผเผ พอลุกได้เดือนแรมก็ตั้งท่าวิ่งหนี แต่เท้าจันทรายื่นออกมาขัดขาอย่างรู้ทัน เดือนแรมคะมำล้มลง ร้องเสียงอู้อี้เพราะถูกปิดปากอยู่
จันทราโผนเข้าไปกระชากผมแรมขึ้นมาอีกกัดฟันกรอด
“แกนี่ฤทธิ์เยอะจริงๆ อยากตายอยู่ตรงนี้รึไง? ลุกขึ้นมา ลุก!”
เดือนแรมมองหน้าจันทราทั้งกลัวและโกรธ แต่ทำอะไรไม่ได้ต้องยอมลุกขึ้น
“เดิน! ฉันบอกให้เดิน....”
เดือนแรมขืนตัวไม่ยอมเดิน จันทราปรี๊ดแตก
“หรือแกอยากจะกินลูกปืน ห๊านังแรม” จันทรายกปืนขึ้นจ่อตรงหน้า
เดือนแรมผวามองปืนด้วยความตกใจกลัว
ที่บ้านมะลิเช้านั้น ทุกคนพูดคุยหารือกันอยู่ คุณชายหน้านิ่วคิ้วขมวดด้วยความสงสัยคาใจ แต่ก็มั่นใจ
“ผมว่าท่าทางคุณจันทราดูยังไงก็มีพิรุธ”
“พิรุธ?” มะลิฉงน
“มันดูแปลกมากนะครับคุณแม่ ปกติคุณจันทราออกจะต้อนรับคุณชาย ไหงวันนี้กลับไล่ตะเพิด แล้วยังเอาปืนมาขู่อีก” แม้นเทพเห็นด้วย
พิมตะลึงตาค้าง “โห! ปืนเลยเหรอคะ?”
“ครับ..จนดูเป็นพิรุธ” แม้นเทพยืนยัน
“ผมว่าคุณจันทรากำลังปกปิดอะไรบางอย่าง... และผมก็ต้องรู้ให้ได้ ว่ามันคืออะไร?”
ธิติรัตน์พูดด้วยความเชื่อมั่นในตัวเอง
ธิติรัตน์เดินลัดเลาะจากบ้านมะลิ ตรงไปยังบ้านเมิน สายตาดุดันเอาเรื่อง และเอาจริง แป้นเดินออกมาอีกมุมเห็นเข้า
“อ้าว! คุณชายยังไม่กลับไปอีก แล้วไงหน้าดุหน้าบึ้งอย่างนั้นล่ะ ทำยังกับจะมาฆ่าใคร?” แป้นเวอร์ตามประสา “หรือจะมาฆ่าคุณนาย?”
แป้นรีบวิ่งจู๊ดกลับเข้าบ้านอย่างเร็วรี่
เดือนแรมยืนมองจันทราตาค้าง ทั้งตกใจทั้งกลัว จันทราเอาปืนกระทุ้งเอวให้เดิน
“เดินสิ ฉันบอกให้เดิน”
เดือนแรมกลัวจนตัวสั่นเดินแทบไม่ออก มองปืนที่จี้เอวอยู่ จันทราโมโห กระแทกปืนอีก
“นังแรม ฉันบอกให้แกเดิน เดิน เดินสินังแรม”
ระหว่างนั้นแป้นวิ่งโร่เข้ามา พอเห็นจันทราเอาปืนจี้เอวเดือนแรมก็ตกใจตาค้าง
“ว้าย! อ่ะจ๊าก!” แป้นเบรกหัวทิ่ม
จันทราแว้ด “อะไรนังแป้น?”
เดือนแรมส่งสายตาบอก แทบไม่มีแรง “แป้นช่วยด้วย...”
“ช่วยตบแกหัวทิ่มน่ะสินังแรม!” แป้นมองตะลึง จันทราแว้ด “มีอะไร?”
แป้นตาค้างตกใจปืน “คะคุณชาย..มะ...มาที่นี่ค่ะ หน้าตาถมึงทึงมาเลย”
“คุณชายมา!” จันทราไม่กลัวแต่ขัดใจมาก ก่อนจะหันไปบอกแป้น
“แกรีบไปรับหน้าเร็วทำอะไรก็ได้ อย่าให้คุณชายตามฉันมา”
“ค่ะๆ คุณนาย”
จันทราตะคอก “มากับฉันนังแรม!” กระชากเดือนแรมกลับเข้าไปในบ้านอีก
แป้นวิ่งกลับไปหาคุณชายอย่างรวดเร็ว
ธิติรัตน์ก้าวเท้าพรวดๆ มาที่บ้านเมินด้วยใจจดจ่อ สายตามุ่งมั่นต้องรู้ให้ได้ แป้นวิ่งมา
หาธิติรัตน์นัยน์ตาเจ้าเล่ห์ พอใกล้ถึงก็แกล้งสะดุด เซล้มคะมำ
“ว้าย!” แป้นกอดธิติรัตน์แน่น
ธิติรัตน์ยังไม่รู้ว่าเป็นแผนนึกว่าแป้นล้มจริง “เป็นไรแป้น?”
แป้นเกาะธิติรัตน์ไว้อีก “แป้นหกล้มค่ะ” มองตาละห้อย “เดินไม่ไหว”
“เดินไม่ไหว ก็นั่ง” พลางปลดมือแป้นออก
คราวนี้แป้นเสียหลักทรุดลงไปกองกับพื้น ธิติรัตน์จะเดินไป แป้นหน้าเสีย
แป้นบ่นพึมพำ “ถูกด่าแน่ๆ ฉัน” รีบโผไปเกาะขาคุณชายแล้วดึงแขนเสื้อตัวเองลง
ธิติรัตน์ตกใจ “อะไรแป้น?”
แป้นมองอ้อนกะเซ็กซี่ยั่วเต็มที่แต่ดูขำมากกว่า “แป้น..เจ็บ...” เอียงตัวลงอีกกะโชว์ของ “คุณชายช่วยแป้นด้วยนะคะ...” อ้อนมาก “นะคะ..นะคะ”
“ช่วยพาไปศรีธัญญาน่ะเหรอ?” ธิติรัตน์เหน็บ
แป้นจ๋อยถดตัวออกมาแต่ยังกอดขาคุณชายอยู่ “ก็แป้นเจ็บนี่คะ แป้นลุกไม่ไหว”
“ไม่ไหวก็นั่งอยู่นี่ไง” ธิติรัตน์จับไหล่แป้นกด เป็นเชิงให้นั่งอยู่กับที่แล้วเดินดุ่มไปในบ้าน
“คุณชาย!” แป้นร้องตาม “ขืนแป้นนั่ง แป้นก็ถูกคุณนายตบหัวหลุดสิคะ”
แป้นรีบตามคุณชายเข้าไปทันควัน
ธิติรัตน์จะเดินเข้าบ้าน แต่ต้องชะงักกึกเมื่อจันทราเดินออกมาเร็วรี่ สองคนแทบชนกัน
“ขอโทษครับ” ธิติรัตน์ว่า
“ขอโทษที่คุณชายจะเดินชนดิฉัน หรือขอโทษที่คุณชายจะบุกรุกบ้านดิฉัน”
ธิติรัตน์นึกหาข้อแก้ตัว “ผมก็แค่...อยากมาหา”
จันทราหรี่ตามองถามเยาะอย่างรู้ทัน “มาหาดิฉันหรือมาหาใคร?”
ธิติรัตน์เงียบไม่ตอบ จันทราผุดยิ้มที่มุมปาก บอกเสียงประชด
“เอาเถอะค่ะ ถ้าคุณชายสงสัย อยากจะทัวร์บ้านฉันนักล่ะก็..เชิญค่ะ อยากดูมุมไหนบอกมา?..ฉันจะเปิดทุกซอกทุกมุมให้ดู”
จันทราสะบัดหน้าเดินเข้าไปในบ้านอย่างไม่กลัวหรือเกรงใจ ธิติรัตน์เดินตาม แป้นเห็นก็โล่งอก
ธิติรัตน์ดินตามจันทรามา พลางกวาดสายตามองไปทั่ว จันทราที่เดินนำหันกลับมาถาม
“อยากดูห้องไหนคะ?” จันทราหัวเราะหึๆ “ห้องเก็บของ”
ธิติรัตน์เงียบอีก จันทราหัวเราะรู้ทัน
“ดิฉันจะเปิดให้ดูก็แล้วกันค่ะ”
จันทราพาธิติรัตน์เดินตรงไปที่ห้องเก็บของ แล้วเปิดออก เห็นแต่ห้องว่างเปล่า แต่รกๆ เหมือนห้องเก็บของ ร่องรอยของจานข้าว แก้วน้ำ ถูกเก็บจนเกลี้ยง ธิติรัตน์เพ่งมองอย่างสงสัย จันทราหัวเราะแค่นๆ
“คุณชายนี่แปลกนะคะ...มาบ้านดิฉัน เพื่ออยากดูห้องเก็บของ...จะดูห้องไหนอีกคะ ดิฉันจะพาไป”
“ห้องของแรม!” ธิติรัตน์บอก
จันทราเปิดประตูห้องเดือนแรมให้ ธิติรัตน์มองดู แล้วเดินเข้าไปข้างใน จันทราเหน็บขึ้นมาอีก
“แรมไม่ได้อยู่ที่นี่นานแล้วนะคะ ตั้งแต่ไปอยู่บ้านคุณชาย...บ้านคุณแม้นเทพ และตอนนี้ อยู่บ้านผู้ชายคนไหนอีกก็ไม่รู้”
ธิธิรัตน์ยืนนิ่งครุ่นคิด สายตาเต็มไปด้วยความสงสัย แรมไปอยู่ไหน? จันทราหันมาบอกแป้นที่ตามมาด้วย
“นังแป้น...” จันทรามองธิติรัตน์อย่างไม่มีมารยาท “คุณชายอยากเดินสำรวจบ้านเรา แกพาคุณชายไปทีไป”
“ค่ะคุณนาย”
แป้นเดินนำไป ธิติรัตน์หยุดนิ่งมองจันทราก่อนบอกปฏิเสธเสียงเข้ม
“ไม่ต้อง ฉันไม่ดู...!!”
ธิติรัตน์เดินออกมาหน้าบ้านแล้ว จันทราเดินตามออกมาส่ง เหยียดยิ้มแล้วพูดเย้ย
“ทำไมเปลี่ยนใจไม่สำรวจบ้านดิฉันแล้วล่ะค่ะ....หรืออยากจะดูเฉพาะห้องที่คิดว่า เดือนแรมจะอยู่??!”
ธิติรัตน์นิ่ง จันทราเยาะอีกด้วยความสะใจ
“ดิฉันว่า..คุณชายไปหาตามบ้านผู้ชายที่อยู่ในลิสต์ของเดือนแรม จะหาง่ายกว่าที่นี่มังคะ”
“งั้นคุณจันทราก็ควรจะไปตามหาคุณเพ็ญประกายตามบ้านผู้ชายที่อยู่ในลิสต์เหมือนกัน” ธิติรัตน์สวนกลับ ไม่เกรงใจเช่นกัน
จันทราโกรธจัด “คุณชาย”
“ถ้าคุณจันทราไม่อยากให้ใครมาว่าคนที่คุณรัก คุณก็ไม่ควรว่าคนที่คนอื่นเค้ารักเหมือนกัน เพราะผมรักแรม” ธิติรัตน์ย้ำและเน้นเสียง
จันทราโกรธจนตัวสั่น “ยังไงที่นี่ก็ไม่มีเดือนแรม และคุณชายก็ไม่จำเป็นที่จะต้องมาที่นี่อีก เว้นซะแต่ มาสู่ขอมาหยารัศมีเท่านั้น”
ธิติรัตน์นิ่งไม่ตอบ ระอาใจมาก
ธิติรัตน์เดินตรงดิ่งมาที่ประตูหน้าบ้าน แล้วหันมองกลับไป นัยน์ตาเต็มไปด้วยความเคลือบแคลงและสงสัย
“แรมจะไม่อยู่ที่นี่ได้ยังไง? คุณจันทราเอาแรมไปไว้ไหน?”
ธิติรัตน์ไปแล้ว ไม่ทันได้ยินเสียงน้ำไหลดังซู่ๆ ดังเข้ามา เมื่อจันทราเปิดประตูห้องนอนตัวเองที่ชั้นบน ตรงไปที่ห้องน้ำ เปิดประตูเข้าไปเผยให้เห็นเดือนแรมถูกจับ มัดมือมัดเท้า ปิดปาก เดือนแรมขดตัวอยู่ภายใต้ฝักบัวแล้วปล่อยให้น้ำไหล ลงร่าง เดือนแรมเบือนหน้าหนี แต่น้ำก็ยังไหลลงบนร่างไม่หยุดหย่อน จันทราหัวเราะหยัน
“ฉันให้โอกาสให้คุณชายแล้วนะ....แต่เค้าไม่ขึ้นมาตามแกในห้องฉันเอง”
เดือนแรมมองจันทราตาเขียว โกรธคั่งแค้นมาก แต่ทำอะไรไม่ได้ จันทราโกรธตบผลัวะ
“แกด่าฉันเหรอนังแรม? แกด่าฉันเหรอ?” โน้มตัวจับคางแรมบีบอย่างแรง “น้ำหน้าอย่างแกจะทำอะไรฉันได้ ถ้าเพ็ญประกายไม่กลับมา แกต้องตายอยู่ที่นี่แหละนังแรม”
เดือนแรมจ้องหน้าสบตาไม่กระพริบ จันทราของขึ้นอีก
“อื้อ! หน้าตาของแกนี่มันวอนตบจริงๆ ขอตบอีกซักทีสองทีเถอะ”
จันทราตบอีกสองฉาด แถมฟาดมะเหงกตรงหน้าผากอีกที ปิดน้ำแล้วเดินออกไป
เพ็ญประกายเองซึ่งถูกชำนิขังเอาไว้ ร้องไห้คร่ำครวญตั้งแต่เช้าจนค่ำมืด ทุบประตูครวญคร่ำตลอดเวลา
“คุณแม่..เพ็ญอยากกลับบ้านแล้ว เพ็ญอยากกลับบ้านแล้ว ทำไมคุณแม่ไม่มารับเพ็ญซักที”
เพ็ญประกายพยายามหาหนทาง แต่ไปไหนไม่ได้ จังหวะที่ชำนิกระชากเปิดประตูชนเข้าที่หน้าเพ็ญประกายอย่างจัง เพราะประตูถูกกระชาออกอย่างแรง เพ็ญประกายเสียหลักล้มหัวคะมำร้องโอ๊ย แต่ตามองไปทางด้านหลังชำนิ
“คุณแม่ล่ะคะ?”
ชำนิ หน้าตาดุดันหัวเสียเรื่องถูกจันทรายืมมือฆ่าคน “แม่เธอมันก็โกหก หลอกลวง ปลิ้นปล้อน กะล่อน ซุงแหลเหมือนเดิม”
เพ็ญประกายนึกโกรธ และสงสัยว่าทำไมชำนิด่าแรงจัง “ทำไมคุณลุงต้องด่าแม่หนูขนาดนี้ด้วย”
“ก็มันน่าด่า....อยากกลับแล้วใช่มั้ย?” ชำนิถาม
เพ็ญประกายมองงงๆ ว่าชำนิจะเอาอะไรกันแต่ แต่รีบตอบ “ค่ะ”
ชำนิเปิดประตู พูดเสียงนิ่งๆ เย็นเยียบ “งั้นก็กลับไปเลย”
เพ็ญประกายมองผ่านประตูออกไป เห็นแต่ความมืดของราวป่าที่แสนจะน่ากลัว
“คุณลุงไม่ไปส่งหนูเหรอคะ?”
“ไม่...อยากกลับเธอก็กลับไปเอง”
“แล้วหนูจะกลับยังไง ข้างนอกทั้งมืดทั้งเปลี่ยว แล้วนี่อยู่ไหนก็ไม่รู้” เพ็ญประกายว่า หน้าจ๋อย
ชำนิเริ่มรำคาญ “ตกลงเธอจะบ่น หรือเธอจะกลับ?”
“กลับค่ะ” เพ็ญประกายรีบเผ่น แทรกตัวผ่านชำนิออกไป
ชำนิบอกตามหลังพร้อมยิ้มเจ้าเล่ห์ “ระวังตัวด้วยนะ”
เพ็ญประกายหยุดชะงักหันมามองชำนิ ดวงตาหวาดหวั่น ชำนิยิ้มเหี้ยมพูดต่อ
“แถวนี้มีข่าวฆ่าข่มขืนกันอยู่บ่อยๆ เธออาจจะเป็นเหยื่อรายต่อไป”
เพ็ญประกายหน้าซีดเผือด
ตามรายทางที่เพ็ญประกายเดินมาทั้งมืดและเปลี่ยว หน้าตาท่าทางเพ็ญประกายยามนี้
บอกให้รู้ว่ากลัวเต็มที่
ระหว่างนั้นปลายเท้าของชายฉกรรจ์คนหนึ่งเดินสะกดรอยตามมา เพ็ญประกายได้ยินเสียงฝีเท้าหันกลับไปมอง แต่ไม่มีใคร เพ็ญประกายมองฝ่าความมืดด้วยสายตาหวาดหวั่น
พอหันกลับมาก็ต้องกรี๊ดสุดเสียง เมื่อเห็นชายคนหนึ่งยืนขวางหน้า ดวงตาที่มองมาโลมเลียและประสงค์ร้าย
เพ็ญประกายจะหันหลังกลับ แต่ต้องชะงักอีก เมื่อด้านหลังเพ็ญเป็นผู้ร้ายอีกคนหนึ่งยืนอยู่ สองคนสาวเท้าเข้าหาหน้าหลัง เพ็ญประกายถอยหลังกรูดไปอีกด้าน
“จะไปไหนน้องสาว พี่จะไปส่ง” คนหนึ่งแสยะยิ้มบอก
“ไม่ต้อง”
“ได้ยังไง?” อีกคนมองสำรวจทั่วตัวอย่างหื่นกระหาย “ดูก็รู้ว่าน้องสาวไม่ใช่คนแถวนี้”
สองคนเดินเข้ามา เพ็ญประกายกรีดร้อง
“อย่าเข้ามานะ ออกไป”
คนร้ายสองคนโถมเข้ามา เพ็ญประกายฉวยโอกาสที่ตัวเล็ก ลอดใต้ท้องแขนคนร้ายออกไป
“ตามมันไปเร็ว” สองคนตามเพ็ญไป
เพ็ญประกายวิ่งหนีสุดชีวิต พร้อมตะโกนร้องให้คนช่วย สองวายร้ายวิ่งไล่กวด ตามมาจนทันคนหนึ่งกระชากตัวเพ็ญประกายสุดแรง
“จะหนีไปไหน? ยังไงเธอก็หนีไม่รอด”
“มานี่!” อีกคนมาช่วยกระชาก
เพ็ญประกายทั้งดิ้นทั้งร้องสุดชีวิต “ปล่อยฉันนะปล่อย ช่วยด้วยๆๆ”
“ไม่มีใครช่วยเธอได้หรอก” คนร้ายเยาะ
สองวายร้ายช่วยกันกระชากลากร่างเพ็ญประกายเข้าป่าละเมาะข้างทาง เพ็ญประกายร้องไหกรีดร้องอ้อนวอนอย่างน่าเวทนา
“อย่าทำอะไรฉันนะ อย่า ช่วยด้วยๆๆ” ทั้งถีบทั้งหยิกทั้งตีตัวขัดขืนจะไม่ยอมไป
จังหวะนั้นชาวบ้านผู้ชายสองคนเดินผ่านมาได้ยินเสียง สองคนมองหน้าอย่างรู้กัน ต่างมอง
หาอาวุธ คว้าท่อนไม้แถวนั้นได้ก็วิ่งตามเสียงไปทันที
ส่วนเพ็ญประกายยังต่อสู้ดิ้นรนถีบถองคนร้ายอุตลุด
คนร้ายคนหนึ่งชักโมโห “นังนี่ ฤทธิ์เยอะนักใช่มั้ย?” ตบสองฉาดใหญ่ จนเพ็ญประกายหน้าหัน นิ่งไป คนร้ายจะปล้ำ
พลเมืองดีย่องมาข้างหลัง เอาไม้ช่วยกันฟาดคนร้ายสุดแรง คนร้ายหันมาจะสู้ ชาวบ้านคนหนึ่งรีบตะโกนออกไป
“เดี๋ยวตำรวจก็มา ถูกจับเข้าคุกแน่เอ็ง”
“ตำรวจมา” สองวายร้ายชะงัก ตกใจ มองหน้ากันเลิกลัก แล้วรีบชิ่งหนีไปทันควัน
ชาวบ้านช่วยกันประคองเพ็ญประกายพูดปลอบ “ไม่ต้องกลัวนะหนูนะ...หนูปลอดภัยแล้ว”
ครู่ต่อมาชาวบ้านพาเพ็ญประกายตรงมา ที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง
“ดึกมากแล้ว หนูพักบ้านฉันก่อนแล้วกันนะ”
เพ็ญประกายมีที่ท่าเจ็บปวด อ่อนระโหยโรยแรงยกมือไหว้ “ขอบคุณมากค่ะที่ช่วย”
ชาวบ้านพาเพ็ญประกายเข้าไปในบ้าน พลางบ่นว่าตามประสา
“หมู่นี้ไม่รู้เป็นยังไง คนร้ายเยอะเหลือเกิน วันสองวันก่อนก็มาทำร้ายผู้ชายคนหนึ่ง พวกเราช่วยไว้”
“ยังนอนไม่ได้สติอยู่เลย” อีกคนว่า
เพ็ญประกายมองตามชาวบ้านชี้ เห็นที่มุมห้อง ศรัณย์นอนแน่นิ่งอยู่ เพ็ญประกายตกใจหัวใจแทบวาย “คุณศรัณย์” วิ่งเข้าไปหาจับ เขย่าตัว “คุณศรัณย์คะคุณศรัณย์”
“รู้จักกันเหรอ?” ชาวบ้านคนหนึ่งถาม
เพ็ญประกายบอกทันที “เราต้องพาเค้าไปโรงพยาบาลค่ะ”
ชาวบ้านอีกคนรีบบอก “ฉันไม่มีเงิน”
“แต่หนูมี พาเค้าส่งรพ.เร็วค่ะ”
ศรัณย์ดวงหน้าซีดขาว นอนแน่นิ่งไม่ได้สติ
ศรัณย์นอนอยู่บนเตียงรถเข็น ถูกพาเข้าห้องฉุกเฉินทันที เพ็ญประกายเดินแกมวิ่งเกาะรถเข็นตามมา
“คุณต้องไม่เป็นอะไรนะศรัณย์”
ศรัณย์ถูกเข็นเข้าห้องฉุกเฉิน เพ็ญประกายมองตามสายตาเป็นห่วงมาก
ธิติรัตน์ยังอยู่ในออฟฟิศ สีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย เคร่งเครียด ครุ่นคิดหนัก
“เป็นไปได้ยังไง แรมไม่ได้อยู่บ้านคุณเมิน แล้วไหงท่าทางคุณจันทราถึงได้มีพิรุธ?”
เสียงมือถือดัง ธิติรัตน์สะดุ้ง หยิบมามอง “เบอร์ใคร?” แล้วกดรับสาย “สวัสดีครับ...”
ธิติรัตน์ฟัง แล้วหน้าตาตื่น ตาค้าง แสดงถึงความตกใจแปลกใจและดีใจในยามเดียวกัน
ธิติรัตน์วิ่งออกมาจากด้านในบริษัทด้วยท่าทางดีใจตื่นเต้น เห็นชายคนหนึ่งยืนรออยู่แล้ว แต่เห็นแค่ชายเสื้อเท่านั้น ไม่รู้ว่าเป็นใคร ธิติรัตน์ยกมือไหว้นอบน้อม
“สวัสดีครับ...”
นัยน์ตาธิติรัตน์มองชายผู้มาเยือนยามวิกาลมีแต่ความตื่นเต้นยินดี
ธิติรัตน์ขับรถมาตามทางด้วยท่าทางร้อนใจ ในท่าทีอันมุ่งมั่น
“เราต้องช่วยแรมให้ได้” ธิติรัตน์เหยียบคันเร่งจนมิด เร่งเครื่องเร็วขึ้นกว่าเดิม
ท่ามกลางความมืดมิดในยามค่ำคืน ธิติรัตน์จอดรถไว้ในที่ลับตา แล้วลอบเข้าไปในบ้านของเมินอย่างระแวดระวัง ท่าทีร้อนรนตามสภาพจิตใจที่ร้อนรุ่ม สีหน้ามุ่งมั่นมาก
“ฉันจะช่วยเธอให้ได้แรม!”
ส่วนเดือนแรมยังคงถูกจันทราทรมานด้วยการจับมัดมือมัดเท้ามัดปาก ขังไว้ในห้องน้ำ เนื้อตัวเดือนแรมเปียกโชกทั้งตัวท่าทีเหมือนคนจะหมดแรง
จันทราเดินเข้ามาหัวเราะเยาะ “ยังไม่ตายอีกเหรอ? แกนี่มันทนจริงๆ นังแรม...แต่ยังไงแกก็ไม่รอดหรอก ฉันจะทำให้แกปอดบวมตายไปเลย”
จันทราเปิดน้ำจากฝักบัวรดเดือนแรมใหม่ เดือนแรมที่คอพับคออ่อน ผงกหน้าขึ้นมาหนีน้ำ
จันทราเบ้ปาก แล้วเดินออกไป
แป้นเมาท์โทรศัพท์กับหนุ่ม คุยไปบิดไป
“ตัวเอ๊ง....ถ้าตามหาคนที่ดี...ตัวเองก็คงจะเจอ แต่ถ้าตามหาคนที่รักเธอตัวเองก็จะไม่เจอหรอก...ถ้าตัวเองไม่หันมามองที่เค้า รักนะ จุ๊บุ๊..จุ๊บุ๊”
แป้นทำท่าบอกรักไปด้วยแล้วเดินตูดบิดเขินสุดชีวิตเข้าบ้านไป ธิติรัตน์แอบมองโล่งใจรีบลอบเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็ว
จันทรานั่งหน้าเครีดอยู่ภายในบ้าน แป้นสอพลอ
“คุณนายยังไม่นอนอีกเหรอค้า?”
“ฉันหลับไม่ลงหรอก ไหนจะห่วงลูกเพ็ญ ห่วงไอ้คุณชายจะดอดเข้ามาช่วยนังแรมอีก”
ธิติรัตน์รีบฉากหลบอย่างรวดเร็ว แต่สีหน้ารู้ชัดว่าเดือนแรมต้องอยู่ที่นี่แน่ แป้นสอพลอต่อ
“คุณนายไปนอนเถอะค่ะ เดี๋ยวแป้นจะเฝ้าให้เอง รับรองแม้แต่มด แต่ปลวก แป้นก็ไม่ให้เข้าไปหานังแรมได้ค่ะ”
“มด ปลวก ฉันไม่กลัวหรอก ฉันกลัวคน โดยเฉพาะคุณชาย...ท่าทางยังไงมัน
ก็ต้องกลับมาที่นี่อีกแน่ แกเฝ้าไว้ให้ดีแล้วกัน”
“ค่ะ”
จันทราเดินออกไป แป้นนั่งแหมะอยู่ตรงนั้น ธิติรัตน์หัวเสียหงุดหงิด เพราะถ้าจะเข้าไปด้านใน ก็ต้องผ่านแป้น คุณชายได้แต่เฝ้ารอจังหวะคิดในใจ
“ขอให้มีหนทางเข้าไปช่วยแรมเถอะ” ธิติรัตน์ได้แต่หวัง
ด้านศรัณย์นอนนิ่งไม่ได้สติอยู่บนเตียง เพ็ญประกายจับมือศรัณย์ มองอย่างเป็นห่วงน้ำตาซึมๆ
“คุณอย่าเป็นอะไรนะศรัณย์”
เพ็ญประกายยืนนิ่ง น้ำตาไหลริน พยาบาลเดินเข้ามาตรวจดูอาการศรัณย์
“ขอยืมโทรศัพท์หน่อยนะคะ”
พยาบาลยิ้มยื่นมือถือให้ เพ็ญประกายกดโทร.ออกทันที
ที่บ้านของเมินเวลาเดียวกันนั้น จันทรากำลังโกรธเกรี้ยว สายตาเหี้ยมเกรียมดุดัน ขวางตาทุกสิ่งอย่าง
“เกลียดนักพวกสอดรู้สอดเห็น ก่อนที่แกจะมาช่วยได้ นังแรมมันก็กลายเป็นศพแล้ว” เสียงมือถือดัง จันทรามอง “นี่ก็ใครโทร.มาอีก เดี๋ยวเถอะจะด่าให้หน้าหงายเลย” พอกดรับสายก็และด่าเปิง เพราะเริ่มเพี้ยนนิดๆ แล้ว “ไม่รู้จักกันซะหน่อย จะโทร.มาทำไมยะ?”
เพ็ญประกายทั้งงงและตกใจ “คุณแม่คะ...เพ็ญเองค่ะ”
จันทราดีใจ ละล่ำละลัก “เพ็ญ....ไอ้บ้านั่นมันไม่ได้ทำอะไรหนูใช่มั้ยลูก เดี๋ยวแม่จะหาทางไปรับหนูนะลูก”
“เค้าปล่อยตัวหนูออกมาแล้วค่ะ” เพ็ญประกายบอก
จันทรางวยงง “มันปล่อยตัวหนูออกมาแล้ว แล้วนี่หนูอยู่ที่ไหนลูก?”
“โรงพยาบาลค่ะ เพ็ญเจอคุณศรัณย์ถูกทำร้าย ไม่ได้สติ คุณแม่รีบมาหาเพ็ญนะคะ”
จันทราหน้าซีด ปากสั่น ตกใจมาก เพราะคาดไม่ถึง
อ่านต่อหน้า 2
มาหยารัศมี ตอนที่ 17 (ต่อ)
จันทราเดินมาหาแป้น ธิติรัตน์ยืนนิ่งทำตัวลีบเล็กหลบมุม
“นังแป้น ฉันจะออกไปธุระข้างนอก เฝ้าบ้านให้ดีเข้าใจมั้ย? อย่าให้ใครเข้า
มาได้เป็นอันขาด”
“เข้าใจค่ะ แป้นจะไม่ให้ใครเข้ามาได้เป็นอันขาด
จันทราเดินออกไป แป้นมองตามก่อนยิ้มร่าเริง
“คุณนายไม่อยู่ เรื่องอะไรนังแป้นจะอยู่ล่ะค้า?”
แป้นวิ่งออกไปแทบจะตามก้นจันทรา ธิติรัตน์ถอนหายใจอย่างโล่งอก รีบเข้าไปด้านในบ้านรวดเร็ว
ธิติรัตน์ตะโกนเรียกหาเดือนแรม ขณะเปิดดูตามห้องต่างๆ
“แรม...แรม”
เดือนแรมที่ถูกขังอยู่ในห้องน้ำ ได้ยินเสียงคุณชาย
เดือนแรมพูดอู้อี้ สุดเสียง “คุณชาย...คุณชาย
ธิติรัตน์ไม่ได้ยินเสียงนั้น แต่ยังคงเปิดดูห้องต่างๆ ต่อไป เดือนแรมพยายามดิ้นรน ช่วยเหลือ
ตัวเองสุดชีวิต
ธิติรัตน์ขึ้นมาชั้นบน หยุดอยู่ที่หน้าห้องเมิน “นี่คงเป็นห้องคุณเมิน”
ธิติรัตน์ลังเลอยู่สักครู่ ก่อนจะตัดสินใจเปิดเข้าไป กวาดสายตามองสำรวจในห้อง ทุกอย่างปกติ ห้องน้ำถูกปิดเอาไว้ ไล่เปิดดูตามตู้เสื้อผ้า ไม่มีร่างเดือนแรม
“แรมไม่ได้อยู่ที่นี่จริงๆเหรอ?”
ธิติรัตน์จะเดินออกไป แต่ท่ามกลางความเงียบสนิทนั้น ธิติรัตน์ได้ยินเหมือนเสียงน้ำเปิด
ดังมาจากในห้องน้ำ ธิติรัตน์นิ่งมองอย่างสงสัยอยู่อย่างนั้น
จันทรามาถึงโรงพยาบาลแล้ว เปิดประตูเข้ามาในห้องพักฟื้น เห็นศรัณย์นอนแน่นิ่งไม่ได้สติ
เพ็ญประกายหันมา “คุณหมอบอกว่า คุณศรัณย์น่าจะถูกทุบหัวอย่างแรง จนสมองได้รับการ
กระทบกระเทือนอย่างหนัก นี่ยังไม่รู้เลยว่าจะฟื้นขึ้นมาหรือเปล่า”
จันทราแอบยิ้มสะใจ แล้วดุลูกสาว “ฟื้นหรือไม่ฟื้น ยังไงก็ไม่เกี่ยวกับแก”
“เกี่ยวค่ะ...เพราะคุณศรัณย์ดีกับเพ็ญ”
“แต่เดี๋ยวคุณชายจะเข้าใจผิด” จันทราดุอีก
“ช่างคุณชาย ยังไงคุณชายก็ไม่ได้สนใจเพ็ญอยู่แล้ว”
จันทราตวาดแว้ด “ยัยเพ็ญ”
เพ็ญประกายไม่สนใจจันทรา มองศรัณย์นิ่ง หน้าหมอง “ที่คุณศรัณย์ถูกทำร้าย ต้องเป็นเพราะคุณศรัณย์ไปช่วยเพ็ญแน่ๆ เพราะตรงที่ชาวบ้านพบคุณศรัณย์ อยู่ละแวกบ้านนายชำนิ”
จันทราหน้าตาลอกแลกอย่างมีพิรุธ เพ็ญประกายมองจันทรา แต่ยังไม่ได้ติดว่าแม่จะเป็น
คนร้าย
“ถ้าคุณศรัณย์ฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่คงได้รู้...ว่าใครเป็นคนร้ายและคุณศรัณย์ไปแถวนั้นทำไม?”
จันทราหน้าเครียดขึ้นมาทันที
ที่โรงพยาบาลอีกแห่ง แม้นเทพเปิดประตูเข้ามาในห้องพักฟื้น สุดใจนอนอยู่ไม่มีทีท่าว่าจะฟื้น ชุติมาจับมือสุดใจ กังวลหนัก หันมาทางแม้นเทพ
“น้าสุดใจยังไม่ฟื้นเลยค่ะ”
“ชุอย่าเพิ่งกังวล รอดูอาการไปก่อน น้าสุดใจอาจจะดีขึ้นก็ได้”
“ชุก็หวังอย่างนั้น” บีบมือสุดใจเบาๆ ผ่องถ่ายแรงใจไปให้ “น้าสุดใจขา...ตื่นมาคุยกับชุเร็วๆ นะคะ”
แม้นเทพมองชุติมาอย่างจับผิด “ยังไงพี่ก็สงสัยอยู่ดี คนร้ายมันทำร้ายน้าสุดใจทำไม? ที่ชุบอกว่าประสงค์ต่อทรัพย์ พี่ยิ่งไม่เชื่อ เพราะน้าสุดใจไม่ได้มี เครื่องประดับอะไรที่ล่อตาล่อใจคนร้ายแม้แต่นิดเดียว”
ชุติมานิ่งไม่กล้าสบตาแม้นเทพ ได้แต่มองสุดใจ แม้นเทพถอนหายใจอย่างเข้าใจ
“แต่เอาเถอะ..นั่งเดากันไปก็เท่านั้น รอน้าสุดใจฟื้นขึ้นมาดีกว่า คงได้รู้ว่า
อะไรเป็นอะไร?” แม้นเทพจับมือสุดใจบีบเบาๆ “ฟื้นขึ้นมาเร็วๆ นะครับน้า ทุกคนรอความจริงจากน้าอยู่”
เหมือนว่าจะรับรู้เปลือกตาของสุดใจคล้ายจะกระพริบน้อยๆ ตอบโต้กลับ ชุติมามองดูด้วยความดีใจแต่แวบเดียวก็เปลี่ยนเป็นกังวล นึกห่วงจันทรา แม้นเทพแอบมองชุติมาสงสัยครามครัน
สองคนออกมาด้านนอก ชุติมาเดินเลี่ยงออกมาก่อน แม้นเทพค่อยๆ ย่องตามมา เห็นชุติมาหยิบโทรศัพท์เหมือนโทร.หาใครบางคน
จันทราอยู่ในห้อง เดินเลี่ยงออกมา สีหน้ายังโกรธชุติมาไม่หาย “มีอะไรนังชุ?”
ชุติมารีบบอก “แม่ต้องหนีไปนะ”
“ทำไมฉันต้องหนี” จันทราไม่สะทกสะท้านสักนิด
“ก็แม่กับพ่อทำร้ายน้าสุดใจ จะอยู่ให้ตำรวจจับหรือไง?”
แม้นเทพได้ยินกับหู มองชุติมาตาค้าง
จันทราเถียง “ถ้าแกไม่พูด ใครจะรู้”
“ก็น้าสุดใจไง...” ชุติมาฉุกคิด “หรือแม่คิดว่า น้าสุดใจจะตาย”
“ก็ถ้ามันไม่ตาย ฉันก็จะทำให้มันตายเอง”
ชุติมาตกใจ รู้ว่าจันทราเอาจริง “อย่าทำอะไรอีกนะแม่ แค่นี้ความผิดแม่ก็ติดคุกหัว
โตแล้ว”
จันทราตวาดแว้ด “นังชุติมา นังปากเสีย อย่าให้ฉันรู้นะว่าแกปากโป้ง ไม่งั้นแกนั่นแหละจะ
ตายก่อนใคร?” จันทราวางสายตาขวาง
ชุติมาหน้านิ่ว “แม่นะแม่ ทำไมถึงได้เป็นคนแบบนี้”
ชุติมาว้าวุ่นใจหนัก
ชุติมากลับเข้ามาในห้อง แม้นเทพมีท่าทีแปลกๆ รีบบอกชุติมา
“อ้าว!ชุ...พี่กำลังจะกลับพอดี”
ชุติมาแปลกใจ “ทำไมวันนี้พี่ต้อมรีบกลับจังคะ?”
“พี่มีธุระ” แม้นเทพตบไหล่ชุติมาเบาๆ “เดี๋ยวพี่มาใหม่” แล้วหันไปจับมือสุดใจบีบให้กำลังใจ “รีบฟื้นขึ้นมาเร็วๆ นะครับน้าสุดใจ อย่าปล่อยให้คนร้ายลอยนวล”
แม้นเทพรีบออกไป ชุติมามองตาม นึกสงสัย
“ท่าทางพี่ต้อมแปลกๆ ต้องมีอะไรแน่เลย”
แม้นเทพตรงดิ่งไปยังที่ลานจอดรถ พลางโทรศัพท์ ทันทีที่ปลายสายรับแม้นเทพถามเร็วปรื๋อ “คุณชายครับ ผมอยากทราบ บ้านนายชำนิอยู่ที่ไหน?”
แม้นเทพรับฟัง แล้วก้าวขึ้นรถขับทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว
จันทราเดินฉับๆ มาตามทางเดินในโรงพยาบาล บ่นว่าชุติมา
“ฉันล่ะเกลียดแกจริงๆ ยัยชุ ปากเสียเหมือนพ่อแกไม่มีผิด”
สรรชัยกับเจ๊กอไก่เดินตรงมา จันทราเห็นรีบฉากหลบทันที สรรชัยกับเจ๊กอไก่เดินผ่าน เจ๊กอไก่ว่า
“สาธุ! ขอให้มีปาฏิหาริย์ คุณดุจแขฟื้นขึ้นมาเร็วๆ เถ้อะ” ที่แท้ดุจแขรักษาตัวอยู่ที่นี่
“น่าจะมีหวังนะครับผมว่า....เพราะหมอบอกวันนี้อาการตอบสนองของแขดีขึ้นมาก”
เจ๊กอไก่ยิ้ม “งั้น..เราก็เตรียมเฮได้แล้วสิคะ..เพราะถ้าคุณดุจแขฟื้น เราคงได้รู้ว่าคนร้ายมันเป็นใคร?”
สองคนเดินผ่านไปจันทราตาเหลือก
จันทราบ่นพึมพำ “นี่นังดุจแขมันยังไม่ตายอีกเหรอ?”
จันทราโทรศัพท์อยู่ที่มุมหนึ่งในโรงพยาบาล เจิมนั่งถองยาดองตามประสาที่บางน้ำเปรี้ยว
เจิมรับโทรศัพท์เสียงอ้อแอ้ โวยวายอย่างฉุนๆ “เฮ้ย! จะให้ฆ่าใครอีกวะ? ฉันไม่ใช่นักฆ่ามืออาชีพนะโว้ยแกจะได้เดลิเวอรี่สั่งได้ทุกวันน่ะ...แหม้! แกนึกว่าคนเป็นหมัดเป็นเห็บรึไงวะ สั่งฆ่าได้ทุกวัน”
“รู้....สั่งให้ทำอะไรถึงไม่เคยได้ดั่งใจซักที” จันทราด่ากราด
“แต่แกก็ยังชอบโทร.มาสั่งอยู่ได้ ยังกับสั่งขี้มูก”
“โธ่! ไอ้พี่บ้า เปรียบเทียบแต่ละอย่าง งั้นคิดเลยนะว่าพี่จะเป็นจิ้งจกหรือตุ๊กแก เกาะอยู่ในคุก ถ้าตำรวจเกิดจับพี่ขึ้นมา”
“เฮ้ย หนอนหลุดมาจากปากแกแล้วมั้ยล่ะ พูดถึงตำรวจทำไมนังปากเสีย”
“ก็นังดุจแขมันยังไม่ตายน่ะสิ” จันทราบอก
เจิมตกใจตาค้าง “มันยังไม่ตาย”
“เออ...เตรียมเป็นจิ้งจกถูกผู้คุมเหยียบตายอยู่ในคุกเลยไอ้พี่เจิม”
เจิมหน้าซีด แทบหายเมาในบัดดล
สรรชัยกับเจ๊กอไก่จับมือดุจแขคนละข้าง ดุจแขยิ้มน้อยๆ รู้สึกตัวแล้วแต่ยังแกล้งไม่ยอมลืมตา สรรชัยจับมือดุจแขบอกเสียงอ่อนโยน
“แข..ฟื้นขึ้นมาได้แล้วนะต่อไปคุณจะด่าจะว่าอะไรผมจะไม่โต้ตอบคุณซักคำ”
“ต๊าย...คุณสรรชัยจะยอมเป็นใบ้เลยเหรอคะ? อย่าเลยค่ะ หล่อๆ แล้วเป็นใบ้มันน่าเสียดาย!”
สรรชัยมองจ้องหน้าเจ๊กอไก่คนกำลังซึ้งๆ เจ๊กอไก่หัวเราะแหะๆ
“ได้ค่ะ...ถึงคราวเจ๊ร่ายมนต์เรียกมั่ง” จับมือดุจแข “คุณดุจแขขา...ฟื้นขึ้นมาได้แล้วนะคะ....เราจะได้แท็กทีมกันไปตบสองแม่ลูกมหาประลัยไม่งั้นไปคนเดียว...ผู้หญิงที่สวยและแสนดีอย่างเจ๊ สู้เค้าไม่ได้นะคะ”
ดุจแขอมยิ้มอีกแวบหนึ่ง แต่ยังไม่ยอมลืมตา เจ๊กอไก่มองหน้าดุจแข
“หรือถ้าคุณดุจแขไม่ยอมฟื้นขึ้นมาจริงๆ” เจ๊นักปั้นมองหน้าสรรชัยอย่างโลมเลีย “ระวังเถอะ..คุณสรรชัยจะตกเป็นของเจ๊”
คราวนี้ดุจแขกลั้นยิ้มไม่ไหว หัวเราะออกมา “แขไม่ยอมค่ะ”
สองคนสุดแสนจะตื่นเต้นดีใจ
สรรชัยเรียกเสียงอ่อนโยน นุ่มนวล “แข”
เจ๊กอไก่กรี๊ด “คุณดุจแข”
ดุจแขบีบมือสรรชัยตอบ “เจ๊จะรักใครแขไม่ว่า...แต่คนนี้....ผู้ชายของแข..เจ๊ห้ามแตะค่ะ”
สรรชัยมองดุจแขยิ้มคว้าดุจแขมากอด ดุจแขกอดสรรชัยตอบ
“ขอบคุณค่ะสรรชัย...ขอบคุณที่คุณอยู่ข้างๆ เป็นคนแรก ที่แขได้เห็น ทันทีที่แขลืมตา”
เจ๊กอไก่เย้าขำๆ “อ้าว!!เจ๊ก็ตัวใหญ่นะ คุณแขไม่เห็นเจ๊เหรอ?”
“ไม่เห็นค่ะ เพราะสายตาของแขมีไว้มองสรรชัยเพียงคนเดียว”
สรรชัยดีใจ เขิน คาดไม่ถึง แต่ยังไม่วายกัด “ไปเจออะไรในนรกมาหรือเปล่าแข?..ถึงฟื้น
มาแล้วเพี้ยนขนาดนี้”
“แล้วชอบหรือเปล่าล่ะคะ?” ดุจแขเย้า
“ไว้คุยกันแค่สองคน” สรรชัยว่ายิ้มๆ
“ดีค่ะ...เพราะเจ๊ยังอยู่ เจ๊ไม่อยากเป็นมือที่สาม...ว่าแต่มันเป็นยังไงคะ? ถึงได้ถูกทำร้ายขนาดนี้”
“แขก็ไม่ทราบค่ะ” นัยน์ตาดุจแขกร้าวดุ “ตาแขจำหน้าคนร้ายได้แม่น ถ้าเจอมันอีกที แขไม่
เอามันไว้แน่”
“ผมก็เหมือนกัน”
“งั้น...พอจำหน้ามันได้มั้ยคะ?” เจ๊กอไก่คว้ากระดาษสมุดแถวนั้นขึ้นมา “เจ๊จะสเก็ต
ให้”
สรรชัยอึ้ง “เจ๊สเก็ตรูปได้ด้วยเหรอ?”
“ได้สิคะ..เมื่อก่อนเจ๊เรียนช่างกล เอ๊ยช่างศิลป์ เรื่องแค่นี้สบายมากค่ะ”
“งั้นเจ๊สเก็ตเลยนะคะ....คนร้ายที่มันจะฆ่าแข...หน้าตา...”
ดุจแขอธิบายตามรูปพรรณสัณฐานของเจิมเป๊ะๆ
เจ๊กอไก่สเก็ตตามที่ดุจแขบอกแล้วชะงัก
“ทำไมเจ๊?...ยากเกินไปเหรอ?”
“เปล่าค่ะ.....แต่....ที่เจ๊สเก็ต...พี่ชายคุณจันทราชัดๆ”
สองคนอุทานพร้อมกัน “พี่ชายคุณจันทรา?”
จันทราที่แอบฟังอยู่ด้านนอกตกใจมาก
เวลานั้นเจิมยังเมาปลิ้น บ่นเสียงอ้อแออยู่ร้านยาดอง
“ทำไมซวยอย่างนี้ ซวยๆๆๆ” เสียงมือถือดัง เจิมรับ
จันทราที่อยู่รพ.ก้าวฉับๆเดินมา
“หนีไปเลยนะพี่เจิม พวกมันรู้แล้วว่าเป็นพี่” จันทราบอก
“ซวยจริงๆ เลยไอ้เจิม” เจิมรีบออกไป เจ้าของร้านยาดองตะโกนตามหลัง
“ไอ้เจิมมั่วนิ่มมากินฟรีอีกแล้ว”
แป้นเดินเต้นกระด๊อกกระแด๊ก ลั้นลาเข้ามาที่ประตูหน้าบ้านตอนรุ่งเช้า
“แหม...ยังไม่ทันหายมันส์ ไม่น่าเช้าเลย” มองเห็นประตูเปิดอยู่ก็ ชะงักกึก “ต๊าย!ลืมปิดประตู คุณนายอย่าเพิ่งกลับมาเลยนะคุณนาย”
แป้นรีบเปิดประตูเข้าไปในบ้านเร็วรี่ แต่ต้องเบรกเอี๊ยดเมื่อเห็นจันทรายืนจังก้าอยู่
“คุณน้าย!”
“แกหนีไปเที่ยวมาใช่มั้ยนังแป้น?” จันทราตะคอก
“เปล่าค่ะเปล่า ปะ...แป้นไป...”
“ไปไหน?”
“แป้นไปซื้อปาท่องโก๋ค่ะ”
“แล้วไหนปาท่องโก๋…”
“มันหมดแล้วค่ะ” แป้นแถต่อ
จันทราบิดดึงหูแป้นอย่างแรง “อย่าคิดว่าแกจะโกหกฉันได้ ...แกหนีไปเที่ยวแล้วแกก็เปิดประตู
ทิ้งเอาไว้”
“เปล่าค่ะเปล่า...แป้นไปซื้อปาท่องโก๋จริงๆ”
“ถ้ามีใครมาช่วยนังแรม...แกจะต้องถูกขังแทนมันจำเอาไว้”
จันทราสะบัดหน้าเดินเข้าไปในบ้าน แป้นยกมือท่วมหัว
“สาธุ! อย่าให้มีใคร มาช่วยนังแรมไปได้เล้ย” แป้นรีบตามเข้าไป
โปรดติดตามอ่าน ตอนต่อไป
เดือนแรมนั่งอยู่ที่เดิม ยังถูกมัดเอาไว้เหมือนเดิม แต่น่าแปลกนักหน้าตากลับดีขึ้น สดใสขึ้นและดวงตาเต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยว มีเรี่ยวแรง ราวกับเป็นคนละคน
ยินเสียงคนเดินที่ด้านนอก จันทราเดินเข้ามา ทันทีที่ประตูเปิดเข้ามา เดือนแรมก็ทำท่าคอพับคออ่อนเหมือนเดิม
จันทราเดินตรงไปเปิดประตูห้องน้ำดู โดยไม่ทันสังเกตว่าตู้เสื้อผ้า ค่อยๆ แง้มออก เผยให้เห็นร่างธิติรัตน์ที่ซ่อนตัวอยู่ในนั้น ใช้กล้องมือถือบันทึกภาพอยู่ เห็นหน้าจันทราชัดเจน
แป้นทำท่าโล่งอก จันทราเพ่งมองเดือนแรม “อ้อ! แกยังไม่ตาย”
เดือนแรมมองมาส่งสายตาวิงวอนอย่างน่าเวทนา ธิติรัตน์มองหน้าตาจันทราจากกล้อง
ดูเหี้ยมโหดและน่ากลัวมาก จันทราปิดน้ำแล้วนั่งลงพูดเย้ยหยัน กระชากเทปผ้าที่ปิดปากแรมออกอย่างแรง
“แกคงอยากไปจากที่นี่แล้วสินะ”
เดือนแรมพูดสียงแผ่วๆ เหมือนคนไม่มีแรง “ค่ะ...แรมขอร้อง คุณน้าปล่อยแรมไปเถอะนะคะ”
นัยน์ตาจันทราวาววาบ ดุดัน “ไปไหน?”
เดือนแรมนิ่งอึ้งไม่ตอบ จันทราบีบคางอย่างแรง
“บอกฉันมาว่าแกจะไปไหน?”
“ไปจากบ้านนี้ค่ะ....แรมจะไปจากบ้านนี้ ไม่กลับมาอีกเลย”
จันทราจ้องหน้า “แน่ใจ”
“ค่ะ...แรมแน่ใจ ....แรมกลัวคุณน้า...กลัวมากจริงๆ” เดือนแรมทำท่าว่ากลัวจนตัวสั่นงันงก
“ฉันก็กลัวแกจะไปหาคุณชายเหมือนกัน”
“แรมรับปาก แรมไม่ไปหาคุณชาย”
“ถึงแกจะไม่ไปหาคุณชาย...คุณชายก็ต้องตามหาแก ..เพราะฉะนั้น...” จันทราค้างคำไว้เท่านั้น
“คุณน้าจะทำอะไรแรมอีกคะ?”
จันทราไม่ตอบ หยิบมือถือขึ้นมา โทร.ออก
“พี่ชำนิ....ฉันขอร้องพี่เป็นครั้งสุดท้าย แล้วฉันจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับชุติมาอีกเลย...ส่งคนมารับนังแรมที่บ้านฉันที” วางสายแล้วหัวเราะร่าสะใจ แล้วผมเดือนแรมเหมือนเอ็นดูเต็มประดา “แรมเอ๊ย...ฉันอยากจะรู้จริงๆ....ถ้าแกกลายเป็นแม่เลี้ยงของชุติมา คุณชายยังจะรักแกอยู่มั้ย?”
“อย่าค่ะคุณน้า..อย่าทำแรม..แรมกลัวๆๆๆ”
เดือนแรมร้องออกมาอย่างบ้าคลั่ง ท่าทางกลัวมากๆ จันทราโมโหเอาเทปปิดปากแรมอีก
เดือนแรมเงียบกริบ มีเพียงน้ำตาไหลริน ปรายตาไปมองธิติรัตน์ที่อยู่ในตู้เสื้อผ้า คุณชายพยักหน้าปลอบ ว่าไม่ต้องกลัว จันทรากระชากเดือนแรมดึงตัวให้ลุกขึ้น
“ออกมา แกออกมา!” ตะโกนเรียกแป้นดังลั่น “นังแป้นมาช่วยฉันเร็ว!”
แป้นเข้ามาช่วยจันทราจับเดือนแรมที่ดิ้นรนขัดขืนเต็มกำลัง ท่ามกลางความโกลาหลนั้น คุณชายลอบออกไปจากห้องอย่างเร็วรี่
จันทรากับแป้น สองคนกระชากลากถูร่างเดือนแรมออกไป
จันทรากัดฟันกรอดคำรามในลำคอ
“แกได้เป็นเมียไอ้ชำนิแน่นังแรม”
ชำนิเพิ่งวางสายกำลังมองดูรูปจันทราหน้าจอมือถืออย่างอนาถใจ
“แกนี่เลวไม่มีที่ติจริงๆ จันทรา ใช้ลูกมาเป็นเครื่องมือต่อรองให้ฉันทำชั่ว เลวจริงๆ” เสียงแผ่วลงเมื่อนึกถึงชุติมา “แต่ที่พ่อยอม เพราะพ่อรักลูกนะชุ...พ่อรักลูกมากจริงๆ”
จู่ๆ ชำนิก็ปวดท้องอย่างแรง เหมือนชำนิจะรู้ว่าตัวเองป่วยเป็นมะเร็งอยู่แล้ว
ด้านธิติรัตน์พอลอบออกมาจากบ้านเมินด้วยท่าทางเร่งรีบพลางโทรศัพท์
แม้นเทพกำลังขับรถตามถนนดินแดงมุ่งหน้าสู่บ้านของเจิม แม้นเทพรับสาย
“ครับคุณชาย”
ธิติรัตน์พูดเสียงเข้ม ยังโกรธจันทราอยู่ “คุณจันทรา จะให้นายชำนิส่งคนมารับแรม”
แม้นเทพโกรธไม่ต่างกัน “เดี๋ยวผมจัดการเอง ผมใกล้ถึงบ้านนายชำนิแล้ว”
“อย่าให้พลาดนะครับ...ไม่อย่างนั้น ทุกอย่างจะไม่เป็นตามแผน เพราะผมคงต้องบุกเข้าไปช่วยแรม”
แม้นเทพบอกน้ำเสียงมุ่งมั่นมาดหมาย “ครับคุณชาย”
แม้นเทพเร่งเครื่องไปยังบ้านของชำนิอย่างรวดเร็ว ธิติรัตน์ลัดเลาะออกมานอกบ้านเมินอย่างว่องไว ธิติรัตน์มีแผนในใจแล้ว
ชำนิกลุ้มใจอยู่ในบ้าน เสียใจ เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ชุติมามาช่วยสุดใจ และออกอาการเป็นห่วงสุดใจมาก ชำนิเสียใจจนน้ำตาคลอๆ คิดอยู่ในใจ “ก็น่าหรอกที่ชุจะรัก และเป็นห่วงสุดใจมากกว่าพ่อแม่..เพราะพ่อแม่ของชุ ไม่เคยได้เลี้ยงชุเลย” ชำนิร่ำไห้ออกมาอย่าง “ชุ..พ่อขอโทษ..พ่อขอโทษ”
ที่ด้านนอกตัวบ้านเวลานั้น แม้นเทพเดินย่องมาที่ประตู ถือไม้ท่อนหนึ่งกระชับในมือ แม้นเทพเดินสำรวจรอบๆ บ้านอย่างระวัง เห็นประตู หน้าต่างถูกปิดอย่างแน่นหนา แม้นเทพเข้าไปไม่ได้
แต่มองจากช่องระหว่างผนังห้อง แม้นเทพเห็นชำนินั่งซึมอยู่ แม้นเทพนิ่งคิดก่อนเอาก้อนหินเขวี้ยงประตู
ชำนิสะดุ้ง ดวงตามองไปอย่างระวัง ชำนิมองที่ประตู แต่ไม่ยอมลุกออกมา
แม้นเทพชั่งใจก่อนเอาก้อนหินเคาะประตูอีก แล้วถือท่อนไม้เตรียมตั้งรับ
ชำนิ ควักปืนออกมาแล้วค่อยๆ ยันกายลุกขึ้นอย่างระแวดระวัง เดินมาถอดกลอนหน้าต่างอย่างเบามือ แล้วกระโดดออกมาอย่างโจรมืออาชีพ แล้วย่องออกมาทางด้านหลังแม้นเทพ
แม้นเทพที่ได้รับการฝึกมาอย่างดีได้ยิน หันขวับมา ในจังหวะที่ชำนิยกปืนขึ้น แม้นเทพก็เหวี่ยงท่อนไม้ใส่ชำนิ แต่ชำนิหลบแต่พลาดล้ม แม้นเทพซ้ำ ชำนิหลบได้อีก แล้วลุกขึ้นมาจะเอาปืนยิง แต่ถูกแม้นเทพกระโดดเตะเข้าที่ข้อมือ ปืนร่วงกระเด็นไป
แม้นเทพถลาไปเตะปืนออก แล้วใช้ท่อนไม้ฟาดจนชำนิล้มทรุดลงไปนอนกับพื้น
ชำนิจดสายตามองเขม็งไปที่ปืนกระบอกนั้น แต่แม้นเทพใช้ท่อนไม้ในมือเล็งที่ตรงศีรษะ เป็นทำนองเตือนว่า ถ้าลุกล่ะก็ ถูกทุบหัวแบะแน่ ชำนิมองตาแม้นเทพ
“ผมไม่ได้มาร้ายถึงขนาดจะฆ่าจะแกงคุณ...”
ชำนิมองแม้นเทพ อึ้ง งง และสงสัยว่าจะมาไม้ไหน แม้นเทพมองไปที่ปืนแล้วบอกไป
“ถ้าผมจะหยิบปืน ก็ทำได้ แต่คุณก็เห็นไม่ใช่เหรอ ว่าผมไม่ทำ”
“แล้วคุณต้องการอะไร?”
“เรื่องของคุณจันทรา”
ชำนิสะดุ้ง มองหน้าแม้นเทพ ยิ่งสงสัยหนัก
เดือนแรมถูกจันทรากับแป้นฉุดกระชากลากถูออกมาหน้าบ้าน
“ลากมันออกมานังแป้น ลากมันออกมา”
แป้นแหยงๆ “แต่ถ้าคุณมะลิเห็นล่ะคะ?”
“นังป้านั่นๆวันๆมันเคยออกมาเดินเล่นนอกบ้านซะที่ไหน อย่างดีมันก็ไปตลาดกับไปวัด” หันมาจ้องหน้าเดือนแรม “นังแรมมันคงไม่โชคดีขนาดนั้นหรอก ยังไงแกได้เป็นแม่เลี้ยงนังชุติมาแน่”
เดือนแรมพยายามส่งสายร้องขอให้จันทราปล่อย แต่เสียงอู้อี้เพราะถูกเทปพันปิดปากแน่น จันทราหัวเราะเยาะ
“ทำไมกลัวเหรอ?....ไอ้ชำนิมันไม่น่ากลัวอย่างที่แกคิดหรอก ดีไม่ดี แกอาจจะชอบมันยิ่งกว่าไอ้คุณชายก็ได้...” หันไปทางสาวใช้สอพลอสั่งเสียงกร้าว “นังแป้นลากมันออกมา ไม่งั้นแกจะโดนลากแทนมัน”
“ค่ะๆ”
สองคนช่วยกันลากเดือนแรมออกมาอย่างทุลักทุเล เพราะเดือนแรมดิ้นรนขัดขืนสุดแรงเกิด จันทราเงื้อมือตบเดือนแรมเต็มแรง แล้วลากออกมา
ด้านแม้นเทพคุยกับชำนิที่มุมหนึ่งของบ้าน ชำนิอ้อนวอน
“เรื่องก็เป็นอย่างที่ผมบอกทุกอย่าง แต่ตอนนี้ผมกลับตัวกลับใจแล้ว ที่ผมทำเรื่องเลวๆ ชั่วๆ ลงไปอีก เพราะผมต้องการได้เจอลูก ผมอยากอยู่กับชุติมา...” พูดไปเอามือกุมท้องท่าทางเจ็บปวดหนัก “เพราะผมรู้ดี..ผมเหลือเวลาอีกไม่นาน”
“คุณเป็นอะไร?” แม้นเทพอึ้ง
ชำนินัยน์ตาหมองลง บอกเสียงแผ่ว “เป็นอะไรมันก็ไม่สำคัญหรอก...สิ่งที่สำคัญคือ ผม
ต้องการอยู่กับชุติมาในช่วงเวลาสุดท้ายของผม...คุณแม้นเทพ...ผมขอร้องล่ะนะ อย่าทำอะไรผมเลย คุณต้องการอะไร ผมยอมทำให้คุณทุกอย่างขอเพียงแต่ให้ผมได้อยู่กับชุติมา”
แม้นเทพพยักหน้า “งั้นคุณก็ต้องช่วยผมเหมือนกัน
“ได้...คุณต้องการให้ผมทำอะไร ผมจะช่วยคุณทุกอย่าง...เพราะผมมั่นใจ คุณไม่ให้ผมทำเรื่องเลวๆ อย่างนังจันทราแน่”
สองคนมองหน้ากัน ท่าทีจริงจัง
จันทรา ออกมามองซ้ายมองขวา พอไม่เห็นใคร ก็กดโทรศัพท์โทร.ออกทันที
ชำนินั่งอยู่กับแม้นเทพ เสียงมือถือดัง ชำนิรับเปิดลำโพง เสียงจันทราแว้ดลอดออกมา
“พี่ชำนิ...คนของพี่มาหรือยัง เร็วเข้า ชักช้าเดี๋ยวก็จบเห่กันหรอก”
“กำลังไป มันขับรถกระบะเก่าๆ ไม่มีทะเบียน คนขับชื่อไอ้จ๋อง ผิวขาวๆ มีหนวด หน้าดุ มันไม่ชอบพูดกับใคร แกอย่าเซ้าซี้ให้มันรำคาญใจ ไม่งั้นมันซัดแกม่องเท่งตรงนั้นแน่” ชำนิกำชับ
“เออ..ไม่ซักไม่ถามอะไรหรอก แค่มันเอานังแรมไปก็พอ”
จันทราวางสาย มองไปที่หน้าบ้านมีรถกระบะเก่าๆ คันหนึ่งวิ่งมาจอดจริงๆ
“มาแล้ว”
จันทรามองซ้ายมองขวา กวาดสายตาดูทั่วบริเวณ มองไปทางบ้านมะลิ พอไม่เห็นใครก็วิ่งเข้าไปลากเดือนแรมออกมา โดยมีแป้นช่วยอย่างแข็งขัน
ที่หน้าบ้านเมิน เป็นธิติรัตน์ปลอมตัวเป็นลูกน้องชำนิ แปลงโฉมมาแบบสุดขั้ว ชนิดไม่มีใครจำได้ ดูถ่อยและเถื่อนมาก ใส่เสื้อแขนยาวเก่าๆ คร่ำคร่า สวมกางเกงยีนส์ เหมือนกรรมกร ใส่หมวก สวมแว่นดำ ติดหนวดเครา รุงรังไปทั้งใบหน้า นั่งรออยู่ในรถกระบะ มองลอดแว่นดำเข้าไปในบ้าน สักครู่ก็เห็นจันทรากับแป้นช่วยกันลากเดือนแรมออกมา ธิติรัตน์ผินหน้าไปทางอื่น ยกมือบังใบหน้าให้จันทราเห็นหน้าน้อยที่สุด
จันทราถามเสียงตะคอก “แกชื่ออะไร?”
คุณชายราชนิกูลดัดเสียงเถื่อนถ่อย ตอบห้วยสั้น “จ๋อง”
จันทราบุ้ยใบ้ไปทางแป้น “ลากนังแรมขึ้นมา”
จากนั้นจันทรากับแป้นก็ช่วยกันลากเดือนแรมขึ้นรถ เดือนแรมดิ้นรนต่อสู้ขัดขืน แต่ก็ถูกผลักขึ้นรถจนได้ จันทราสั่งเสียงเข้ม
“รีบเอานังนี่ไปส่งพี่ชำนิให้เร็วที่สุด แล้วก็อย่าเผลอทำอะไรมันล่ะ ไม่งั้นพี่ชำนิเอาแกตายแน่ เพราะนังนี่มันคือว่าที่เจ้าสาวของลูกพี่แก”
ธิติรัตน์ไม่ยอมมองหน้าจันทราเลย แต่กระชากรถออกตัวไปเต็มแรม จันทราด่าตามหลัง
“ไอ้บ้า!ไอ้เลว ไม่มีมารยาท แต่ก็ดี..ขับรถอย่างนี้ อาจจะรถคว่ำกลางทางก็
ได้ หมดเสี้ยนหนามของฉันซะทีนังแรม”
จันทราหัวเราะลั่น แป้นสงสัยครามครัน
จันทรากับแป้นเดินเข้าบ้าน แป้นพูดอย่างสงสัย
“แป้นว่า..แป้นคุ้นหน้าคนขับรถยังไงไม่รู้ค่ะคุณนาย”
จันทราเหน็บ “เห็นมันขาวหน่อย เอาแต่จ้องหน้ามันล่ะสิแก”
แป้นดันปากดี “แล้วคุณนายไม่ได้จ้องหน้ามันเหรอคะ?”
“คนอย่างฉันจะไปจ้องอะไรกับคนขับรถ ไม่เหมือนแก”
แป้นท้วง “แต่ที่แป้นจ้อง แป้นไม่ได้สนใจว่ามันหล่อนะคะ เพราะมันก็ใส่ทั้งหมวกทั้ง
แว่น หนวดเคราก็รกรุงรังเต็มหน้า”
“แล้วแกสนใจอะไรมัน?”
แป้นนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง “แป้น..ว่ามันเหมือนคนที่แป้นรู้จัก แต่แป้นจำไม่ได้ว่าเป็นใคร? มันคลับคล้ายคลับคลา แต่แป้นนึกไม่ออกจริงๆ”
จันทราด่าอีก “ประสาท บ้าผู้ชาย” พร้อมกับสะบัดก้นเข้าบ้านไป แป้นได้แต่ครุ่นคิดติดค้างในใจ
พอพ้นสายตาจันทราแล้ว ธิติรัตน์ก็เบนรถจอดที่ข้างทาง ถอดหมวก และกระชากหนวดเครารุงรังออก ถอดแว่นหันมามองแรม
“แรม”
เดือนแรมดีใจนัก “คุณชาย”
ธิติรัตน์ดึงเดือนแรมเข้ามากอด เดือนแรมก็กอดตอบแน่น
“ตะกี้แรมกลัว..กลัวมากเลย ว่าคนที่มาจะไม่ใช่คุณชาย”
“ลงทุนวางแผนกันมาขนาดนี้ ฉันไม่ให้พลาดหรอก ต่อไป..เธอปลอดภัยแล้วนะแรม ฉันจะไม่ทำให้ใครทำอะไรเธออีก”
เดือนแรมมองสบตาธิติรัตน์ยิ้มน้อยๆ ด้วยความตื้นตันใจ ธิติรัตน์พูดต่อ
“แผนของเรามันอาจจะดูเสี่ยง แต่เราก็ต้องทำ เพื่อเอาคนผิดมาลงโทษ เพราะคนอย่างคุณจันทรา มันต้องจับให้มั่นคั้นให้ตาย”
“แรมห่วงคุณพ่อ ห่วงพี่ต้อม” เดือนแรมบอก สีหน้ากังวลใจมาก
“ไม่ต้องห่วงแรม คนอย่างคุณเมิน คุณแม้นเทพเป็นคนฉลาด ต้องพลิกวิกฤตเป็นโอกาสได้แน่” ธิติรัตน์พูดอย่างมั่นใจ
ด้านแม้นเทพรับปากกับชำนิว่าเขาเป็นลูกผู้ชายพอ และขอรับรองว่าจะทำตามคำสัญญา ชำนิก็บอกเขาเป็นลูกผู้ชายพอเหมือนกัน สิ่งที่รอคอยตรงนี้คือการด้พบชุติมา
พูดจบชำนิก็เกิดปวดท้องรุนแรงมากขึ้น ทรุดตัวลงตรงนั้น แม้นเทพตกใจมากว่าชำนิเป็นอะไร
ในที่สุดสุดใจก็ฟื้นคืนสติ ชุติมาดีใจ แต่แล้วก็เริ่มกังวลว่าความจริงจะทำร้ายพ่อและแม่
ทุกคนที่บ้านมะลิต่างเป็นห่วงเดือนแรมมาก และโกรธจันทรา แต่รู้ดีคนมารร้ายอย่างจันทรา ต้องจับให้มั่นคั้นให้ตายถึงจะยอมรับ
อ่านต่อหน้า 3
มาหยารัศมี ตอนที่ 17 (ต่อ)
ค่ำคืนนั้น เมินเดินเข้าไปในบ้าน ด้วยท่าทางที่มั่นใจ เมินมองไปยังตัวบ้านราวกับจะทะลุเข้าไปถึงคนที่อยู่ในบ้านหลังใหญ่ พริบตานั้นเมินก็เปลี่ยนปรับท่าทีเป็นห่อเหี่ยวอมทุกข์แบบเมินคนเดิม แล้วก้าวเดินเข้าไป
ขณะเดียวกันนั้น ธิติรัตน์ก็พาเดือนแรมเดินเข้าไปหามะลิ มะลิโอบกอดเดือนแรม
“ต่อไปนี้..หมดเคราะห์หมดโศกแล้วนะแรม....ต่อไป ก็คือหาหลักฐานจับแม่จันทราให้ได้ เอาแบบให้ดิ้นไม่หลุด ติดคุกหัวโตกันไปเลย” มะลิว่า
“บอกตรงๆ ตอนที่วางแผนกัน พิมงี้กลั๊ว กลัว....กลัวคุณแรมจะหนีไม่รอดเพราะถ้าเป็นอย่างนั้น นรกแน่ๆ เลยค่ะ” พิมบอก
“ผมไม่ยอมให้แรมเป็นอะไรอยู่แล้วครับ...ไม่รู้ใจคอคุณจันทราทำด้วยอะไร ถึงได้โหดเหี้ยมอำมหิต ผิดมนุษย์มนาขนาดนี้ เหมือนคนเป็นโรคจิต” ธิติรัตน์เอ่ยขึ้น
“ความอิจฉาริษยาไงคะคุณชาย ความอิจฉาริษยาทำได้ทุกสิ่งอย่าง แม้กระทั่งฆ่าคนให้ตายได้ทั้งเป็น” มะลิพูดเหมือนคนที่ผ่านโลกมามาก จนมองทะลุ
“วันนั้นถ้าผมไม่เห็นแรม แรมก็คงถูกฆ่าให้ตายทั้งเป็นเหมือนกัน”
สีหน้าและแววตาของธิติรัตน์โกรธมาก เมื่อนึกถึงเหตุการณ์วันก่อน
ตอนนั้นธิติรัตน์กำลังจะเดินออกไปจากห้องเมิน แต่ท่ามกลางความเงียบสงัดนั้น ธิติรัตน์ได้ยินเหมือนเสียงน้ำเปิดอยู่ในห้องน้ำ ชายหนุ่มเหลียวไปมองนิ่งด้วยความสงสัย เขม้นมองที่ประตูห้องน้ำ
ในที่สุดธิติรัตน์ตัดสินใจเดินไปเปิดประตูเข้าไป อึ้ง ตะลึง เมื่อเห็นเดือนแรมคอพับคออ่อน ถูกมัดมัดมือมัดเท้า ถูกปิดปากอยู่ใต้ฝักบัว ธิติรัตน์มองตกใจมาก
“แรม!”วิ่งเข้ามาช่วย “ทำไมร้ายกาจอย่างนี้คุณจันทรา” ธิติรัตน์บอกกับเดือนแรม “ไม่ต้องกลัวนะฉันจะช่วยเธอเอง คุณจันทราจะต้องได้รับกรรม”
ธิติรัตน์ตรงเข้าไปแก้มัด และประคองพาเดือนแรมที่แทบจะหมดสิ้นเรี่ยวแรงออกมา
ธิติรัตน์ประคองเดือนแรมที่เนื้อตัวเปียกปอน สภาพทรุดโทรมเข้าไปที่บ้านมะลิ ทุกคนเห็นสภาพต่างก็ตกใจมาก
“แรม!” มะลิร้องลั่น
แม้นเทพ ตะลึง “นี่มันเกิดอะไรขึ้นครับคุณชาย?”
“คุณจันทราจับแรมมัดเอาไว้ครับ”
พิมรีบถาม “ที่ไหนคะ?”
“ในบ้านครับ” ธิติรัตน์บอก
แม้นเทพแค้นเคืองใจ “เหมือนอย่างที่คุณชายสงสัยจริงๆ ด้วย”
“โธ่เอ๊ย!!แรม แล้วนี่คิดยังไง คุณชายถึงได้กลับเข้าไปที่บ้านนั้นอีกคะ?” มะลิครวญคราง
“อย่างที่ผมบอกครับ...ท่าทางคุณจันทรามีพิรุธ และอีกอย่าง...” ธิติรัตน์ค้างคำพูดไว้
“อะไรครับ?” แม้นเทพซัก ทุกคนคอยฟัง
“คุณเมินมาหาผมครับ”
มะลิฉงน “นายเมินน่ะเหรอ?”
ทุกคนมองธิติรัตน์เป็นตาเดียว รวมทั้งเดือนแรม ธิติรัตน์เล่าเรื่องให้ทุกคนฟัง
คืนก่อนธิติรัตน์วิ่งออกมาจากด้านในบริษัทด้วยท่าทางดีใจ ตื่นเต้น ชายคนหนึ่ง
ยืนอยู่ ธิติรัตน์มองชายเสื้อชายผู้นั้น ก่อนจะยกมือไหว้
“สวัสดีครับ...”
ชายคนนั้นค่อยหันหน้ามา ที่แท้คือเมิน นั่นเอง นัยน์ตาธิติรัตน์เต็มตื้นไปด้วยประกายแห่งความตื่นเต้นยินดี และมีหวัง
“ผมมีเรื่องจะขอความช่วยเหลือครับคุณชาย” เมินบอก
สองคนนั่งคุยกันในห้องทำงานธิติรัตน์ เมินเล่าเรื่องจบแล้ว
“เรื่องก็เป็นอย่างที่ผมเล่าให้ฟังนะครับ”
“นักสืบที่ผมให้ไปตามเรื่องคุณจันทรา ก็เล่าให้ผมอย่างคุณเมิน”
“ผมเสียใจ...ที่ผ่านมา..ผมไว้ใจจันทรามากเกินไป มากจนกระทั่งทำให้..ผมต้องกลายเป็น...พ่อที่ชั่ว...สามีที่ชั่ว”
ธิติรัตน์ปลอบใจ “คุณเมินอย่าโทษตัวเองเลยครับ...ยังไงเรื่องมันก็ผ่านมาแล้ว”
“วันนี้ผมจะแก้ไข ผมจะทำทุกอย่างเพื่อชดใช้ความผิดที่เคยทำกับลูก กับราศีคุณชายต้องช่วยแรมออกมาให้ได้นะครับ และเราจะช่วยกันวางแผนเอาผิดกับจันทรา ชนิดไม่ให้จันทราดิ้นหลุดไปได้เลย”
“ครับคุณเมิน ผมจะรีบไปช่วยแรม”
สองคนมองหน้ากัน
เพียงไม่นานต่อมาธิติรัตน์ก็ขับรถพุ่งทะยานออกไปจากบริษัทอย่างรวดเร็ว
ฟังที่ธิติรัตน์เล่าแล้ว สีหน้าทุกคนสลด รู้สึกหดหู่ใจ ธิติรัตน์พูดหน้าเคร่ง
“ผมว่าอีกไม่นาน จุดจบของคุณจันทราก็คงจะมาถึง”
“ค่ะ...คงอีกไม่นาน”
เดือนแรมพูดเสริมด้วยน้ำเสียงแผ่วๆ ดวงตาเจ็บช้ำ โกรธจนแทบจะข่มอารมณ์ไม่อยู่แล้ว
แม้นเทพยืนอยู่อีกมุมมองพลางทอดถอนใจ เพราะยิ่งรู้สึกสงสารชุติมาจับจิต แม้นเทพพูดกับตัวเองในใจ “คุณจันทรา..คุณจะรู้มั้ยว่าการกระทำของคุณสร้างความทุกข์ให้คนอีกมากมาย โดยเฉพาะลูกของคุณ”
เวลาเดียวกันที่มุมหนึ่งในโรงพยาบาล ชุติมาหลบออกมาร้องไห้อยู่คนเดียวอย่างน่าสงสาร
“แม่ไม่น่าทำอย่างนั้นเลย ไม่น่าเลยจริงๆ”
ชุติมาได้แต่ร่ำไห้ คร่ำครวญไม่รู้จะหาทางออกอย่างไรดี
ส่วนจันทรานอนพลิกตัวไปมา ใบหน้าบิดเบี้ยวยิ้มพรายอย่างสาแก่ใจ เพราะนึกว่ากำจัดเดือนแรมไปพ้นทางแล้ว
“ต่อไป..แกเป็น เสี้ยนหนามของฉันไม่ได้แล้วนังแรม”
จันทราหน้าเครียด ปวดหัวตึบๆ จะคว้ายามากินอีก แต่พอคว้าเหยือกน้ำที่วางอยู่
ข้างหัวเตียงเกิดหมด จันทราทำหน้าจิ๊จ๊ะขัดใจ
“ปวดหัวจะแย่ ทำไมต้องมาหมดตอนนี้ด้วยนะ”
จันทราย่างเท้าลงจากเตียงแต่ต้องชะงัก ยินเสียงเอี๊ยดๆ เหมือนเก้าอี้โยกดังแว่วมา
“ใครมาทำอะไรดึกดื่นป่านนี้?” จันทราลุกเดินออกจากเตียงไปอย่างระแวดระวัง
จันทราค่อยๆ เดินมาตามเสียง ท่าทีระแวดระวังเต็มที่ ดวงตาระแวง จันทราเดินออกมาที่บริเวณนอกบ้าน เห็นใต้ต้นไม้ เหมือนมีใครคนหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้โยก ที่ขยับโยกเยกไปมาอย่างน่ากลัว จันทราใจเต้น “อย่าบอกนว่านังราศี”
นัยน์ตาจันรากร้าวเข้มขึ้น จดปลายเท้าค่อยๆ เดินไป กลัวจนกล้า พอไปถึงจันทรากระชากเก้าอี้อย่างแรงจนใครคนนั้นหันมา จันทราตกใจเบิกตากว้าง
“คุณเมิน”
เมินถามเสียงเรียบหน้าเฉย “ตกใจอะไร?”
“ก็คุณกลับมาเมื่อไหร่ ทำไมไม่ให้สุ้มให้เสียง” จันทราโวยวาย
เมินบอกหน้าอารมณ์เดิม “ทำไมฉันต้องทำขนาดนั้น ก็นี่มันบ้านฉัน”
จันทราสะท้อนใจและเสียความรู้สึก “คุณพูดอย่างนี้ เหมือนกับว่าที่นี่ไม่ใช่บ้านจัน”
เมินลุกขึ้นเดินไป “ฉันเพิ่งกลับมาเหนื่อยๆเธอจะมาหาเรื่องทะเลาะทำไม? แรมล่ะ?”
จันทราตอบเสียงสะใจ “หนีตามผู้ชายไปแล้วค่ะ”
“แรมน่ะนะ หนีตามผู้ชายไป?” เมินย้อนถาม
จันทราย้ำ น้ำเสียงเย้ยหยันเต็มที่ “ค่ะแรมหนีตามผู้ชายไป”
“งั้น..ที่แรมหนีไปคงเพราะกลัวว่าจะถูกพี่ชายคุณทำมิดีมิร้ายเอาน่ะสิ”
พูดจบเมินก็เดินหนีไปต่อหน้าต่อตา
จันทราหน้าซีด “หมายความว่ายังไงคะ?”
จันทราพุ่งตามเมินไปทันควัน
เมินเดินหนีหน้าบึ้งตึงไม่อยากเสวนากับจันทรา แต่จันทราตามมาจนทัน กระชากตัวเมินให้หันกลับ เพราะคาใจคำพูดเมื่อครู่
“คุณบอกฉันมาเดี๋ยวนี้นะ พี่เจิมจะทำอะไรนังแรม”
“ต้องให้พูดตรงๆ อีกเหรอ? ว่าทำอะไร? ผมรู้ความจริงหมดแล้วจันทรา” น้ำเสียงเมินระอาใจเหลือทนแล้ว เมินเดินหนีไปอีก จันทราตะโกนไล่ตามหลัง
“ทำไม? รู้แล้วจะทำไม? คุณกลับมาคุยกับฉันให้รู้เรื่องเดี๋ยวนี้คุณเมิน”
ทว่าเมินไม่หยุด ไม่แยแส จันทราโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ บ่นกับตัวเอง
“ทำไม? ถ้าฉันให้พี่เจิมไปปล้ำนังแรม คุณจะทำไม?” มองตามเมินที่เดินเข้าบ้านไปอย่างโกรธเกรี้ยว
เดือนแรมเดินออกมาส่งธิติรัตน์ที่หน้าบ้านมะลิ ท่าทีดูเข้มแข็งขึ้นมาก นัยน์ตาเหมือนคิดอะไรอยู่
“ขับรถกลับบ้านดีๆ นะคะ”
เดือนแรมพูดเสียงแข็งและห้วนผิดสังเกต ธิติรัตน์มองด้วยความสงสัย
“แรมมีอะไรรึเปล่า? ทำไมแรมทำท่าทางแปลกๆ”
เดือนแรมยิ้มบางๆให้ “สำหรับคุณชายไม่มีค่ะ แรมยังคงเป็นเดือนแรมของคุณชายเหมือนเดิม แต่กับคนอื่น..คงไม่ใช่”
“แรมพูดถึงอะไร?”
“ถึงเวลาที่แรมจะเอาคืนคุณจันทราแล้วค่ะ”
ธิติรัตน์ตกใจ มองตาค้าง “แรม...แรมอย่าทำอะไรเค้านะ ปล่อยให้เป็นเรื่องของกฎหมาย”
“กฎหมายก็อีกเรื่องหนึ่งค่ะ แต่แรมจะทำให้ความผิดในใจเค้าจัดการเค้าเอง”
นัยน์ตาของเดือนแรมเวลานี้แน่วนิ่งแต่ดูดุดันและน่ากลัวมาก
ท่ามกลางความมืดมิดกลางดึก เดือนแรมยืนอยู่หน้ากระจกในห้อง ภาพสะท้อนจากกระจก เห็นเป็นผู้หญิงผมยาว สวมชุดขาว หน้าซีดเผือด ดวงหน้าของเดือนแรมยามนี้ หากดูเผินๆ คล้ายกับราศีผู้เป็นแม่อย่างไม่มีผิดเพี้ยนเลย
เมินกลับขึ้นห้อง นอนหันหลังให้จันทราไม่ใส่ใจ ไม่แยแส จันทราทนไม่ได้ตวาดแว้ดให้ลุกมาคุยกัน
“คุณเมิน ลุกขึ้นมาคุยกับฉันเดี๋ยวนี้”
เมินนอนนิ่งหลับตาหน้าบึ้งไม่แยแสจันทราแม้แต่น้อย
จันทราน้ำตาคลอ ทั้งโกรธ ทั้งน้อยใจ และคับแค้นใจ
“ที่แท้ คุณก็ยังห่วงนังแรมจริงๆด้วย....ทั้งๆที่มันเป็นลูกชู้
เมินรำคาญหนัก ผุดลุกขึ้นมา “หยุดพูดคำนี้ซักที ผมไม่อยากได้ยิน”
“เพราะคุณรับความจริงไม่ได้” จันทราพูดรัวเร็ว “ว่านังแรมมันเป็นลูกชู้”
เมินตวาดสวนทันที “หยุด! ผมบอกให้หยุด แรมจะเป็นลูกใครก็ช่าง แต่สิ่งที่คุณทำ ผมว่ามันทุเรศ คุณทำได้ยังไง ทั้งๆที่แรมก็เป็นผู้หญิงเหมือนกับคุณ”
จันทราร้องไห้คร่ำครวญ สายตาเคียดแค้นชิงชัง “เพราะฉันเกลียดมัน แล้วฉันก็ไม่เข้าใจว่าคุณจะเลี้ยงมันไว้ทำไม ทั้งๆที่มันไม่มีอะไรเกี่ยวกับคุณเลย นอกซะจากว่า มันเป็นลูกของคุณราศี”
“ใช่..แรมเป็นลูกของคุณราศี และก็เป็นลูกของผมด้วย” เป็นครั้งแรกที่เมินเถียงเรื่องนี้
“ไม่ใช่!นังแรมไม่ใช่ลูกคุณ มันเป็นแค่เด็กเก็บมาเลี้ยง”
“ไหนคุณบอกว่าแรมเป็นลูกชู้?”
เมินถามพร้อมกับมองจ้องรอฟัง ซึ่งจันทราได้แต่อึ้ง
เมินจดจ้องมองหน้าจันทราอย่างจับผิด บอกเสียงเย็นชา
“คุณพูดไม่เหมือนกัน ตกลง...คุณมีอะไรปิดบังผมใช่มั้ยจันทรา”
แล้วเมินก็เดินออกไปจันทรากรี๊ด สติแตก
“คุณเมินฉันเกลียดคุณ นังราศีฉันเกลียดแก”
จันทราร้องไห้โฮ อาละวาด ขว้างปาข้าวของไปทั่วห้อง ในที่สุดจันทราก็หลับไปทั้ง
น้ำตา
บรรยากาศในห้องนอนมาคุสุดๆ เมินนอนหันหลังให้จันทรา ไม่ใส่ใจ จันทราขัดใจนัก ตวาดแว้ด
“คุณเมิน ลุกขึ้นมาคุยกับฉันเดี๋ยวนี้”
เมินนอนนิ่ง หลับตาหน้าบึ้งไม่สนใจ จันทราน้ำตาคลอทั้งโกรธ ทั้งน้อยใจ และแค้นใจ
“ที่แท้ คุณก็ยังห่วงนังแรมจริงๆ ด้วย ทั้งๆที่มันเป็นลูกชู้”
เมินลุกพรวดขึ้นมานั่ง พูดใส่หน้า “หยุดพูดคำนี้ซักที ผมไม่อยากได้ยิน”
จันทราแว้ดสวนคำ “เพราะคุณรับความจริงไม่ได้” พูดรัวเร็ว “ว่านังแรมมันเป็นลูกชู้”
เมินตวาดสวนคำทันที “หยุด!!ผมบอกให้หยุด แรมจะเป็นลูกใครก็ช่าง แต่สิ่งที่คุณทำ ผมว่ามันทุเรศ คุณทำได้ยังไง ทั้งๆ ที่แรมก็เป็นผู้หญิงเหมือนกับคุณ”
จันทราร้องไห้โฮ “เพราะฉันเกลียดมัน แล้วฉันก็ไม่เข้าใจว่าคุณจะเลี้ยงมันไว้ทำไม ทั้งๆ ที่มันไม่มีอะไรเกี่ยวกับคุณเลย นอกซะจากว่า มันเป็นลูกของคุณราศี”
เมินขมขื่นใจ บอกเสียงเครือ “ใช่..เพราะแรม เป็นลูกของคุณราศี ถึงแม้เค้าจะไม่ใช่ลูกผมก็ตาม”
เมินเดินออกไปทันที จันทรากรี๊ดลั่นห้อง เหมือนคนสติแตก
“คุณเมินฉันเกลียดคุณ นังราศีฉันเกลียดแก”
จันทราร่ำไห้ สะอึกสะอื้น อาละวาดขว้างปาข้าวของภายในห้อง ทรุดตัวลงไปนอนครวญคร่ำ จันทราหลับไปทั้งน้ำตา
ดึกสงัด ท่ามกลางความมืดมิด จันทราลุกขึ้นท่าทางโผเผ กวาดตามองที่ข้างตัว เมินไม่อยู่จันทราลุกไปที่ห้องน้ำ เปิดน้ำล้างคราบน้ำตา ขณะที่ล้างหน้านั้น จันทราชะงักกึก รู้สึกเหมือนมีใครแอบมองอยู่ จันทราค่อยๆ เงยหน้าขึ้นไปมอง เห็นราศียืนจ้องมองอยู่ด้วยสายตาโกรธเกรี้ยว จันทราตาค้างตกใจ
“แอร๊ยยยย!! ผี”
จันทราหันกลับจะวิ่งออกนอกห้องน้ำ แต่แล้วสติยิ่งแทบหลุดเมื่อเห็นราศียืนอยู่ที่ประตูจันทรากรี๊ดแตก
“ผี...ผี..ฉันกลัวแล้วๆๆ”
จันทราวิ่งลนลานกลับไปที่เตียงนอน
จันทราวิ่งกระโจนขึ้นไปบนเตียง นอนเอาผ้าคลุมร่างไว้ตัวสั่นงันงก
“นังราศี นังผีบ้าอย่ามายุ่งกับฉัน”
จันทราหลับหูหลับตาร้องกรี๊ดๆ ก่อนที่จะนอนนิ่งหอบหายใจ
เวลาผ่านไป เหมือนทุกอย่างจะอยู่ในความสงบแล้ว จันทราค่อยๆ ลืมตาขึ้น เพ่งสายตามองความมืดใต้ผ้าห่ม เห็นราศีนอนตะแคงจ้องหน้าจันทราอยู่แล้ว ราศียิ้มให้ แต่ช่างเป็นรอยยิ้มที่น่ากลัวมาก จันทราร้องกรี๊ดๆๆๆ กระชากผ้าห่มออก แต่กลับเห็นราศีนั่งอยู่ปลายเตียง จันทราร้องกรี๊ดๆๆๆๆ
“ไปนะนังผีบ้า ไป๊!”
จันทราวิ่งออกไปนอกห้องอย่างเร็วรี่
จันทราวิ่งลงบันได เหลียวกลับไปมอง เห็นราศียืนถมึงทึงมองอยู่ จันทรากลัวมาก มองแต่ราศีไม่ได้มองบันได
“อย่า..อย่าเข้ามา”
แต่ราศียังก้าวเข้ามาใกล้เรื่อยๆ จันทราหนี จังหวะหนึ่งเท้าของจันทราเหยียบขั้นบันไดพลาด เสียหลักร่างจันรากลิ้งหลุนๆ ลงไปตามขั้นบันได ร่างไปกระแทกกับพื้นอย่างแรง จันทราหมดสติลงตรงนั้น
ระหว่างนั้นเดือนแรมซึ่งแต่งตัวเหมือนราศี ก้าวเดินเข้าไปในบ้านอย่างมาดมั่น
ต่อจากตอนที่แล้ว
เสียงหมาเห่าหอน ดังโหยหวนรับส่งกันเป็นทอดๆ มาจากนอกบ้าน เดือนแรมแต่งหน้า แต่งตัวเป็นราศีค่อยๆ เดินเข้าไปในบ้าน
เวลาผ่านไป ที่ตีนบันไดนั้น จันทราค่อยๆ ฟื้นขึ้นมา ด้วยท่าทางมึนงง จันทรานิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวดไปทั่วร่าง แต่แล้วต้องชะงัก เพ่งมองเข้าไปในความมืดสลัว เห็นผู้หญิงคนหนึ่ง ปล่อยผมยาวสยาย น่ากลัว ผู้หญิงนางนั้นอยู่ห่างออกไป จันทราเขม้นมองอย่างคุ้นตา คลับคล้ายคลับคลาใครคนหนึ่ง
จันทราเบิกตากว้าง “ราศี....นังราศี”
เดือนแรมเดินแข็งทื่อเหมือนผี ค่อยๆ เดินเข้าไปช้าๆ จันทราถอยหลังกรูด
“อย่าทำอะไรฉันนะ ฉันกลัวแล้ว อย่า”
จันทราวิ่งหนีขากระเผลก เจ็บปวดมาก เดือนแรมมองแล้วค่อยๆ เดินตาม ช้าๆ
ท่ามกลางเสียงหมาที่ยังคงเห่าหอนโหยหวนเหมือนเดิม
จันทราเดินกะเผลกๆ หนีผีที่คิดว่าเป็นราศี ซึ่งตามมาไม่ลดละ จังหวะหนึ่งจันทราหกล้ม ได้แต่กระเถิบตัวถอยห่าง สภาพน่าทุเรศทุรังยิ่ง
“อย่า...อย่าราศี อย่าทำอะไรฉัน ฉันผิดไปแล้ว”
จันทรายกมือไหว้ปลกๆ หน้าตาตื่นกลัว เนื้อตัวสั่นเทาไปทั้งร่าง
เดือนแรมดัดเสียงพูดยานคาง “บอกมา..เธอทำฉันกับลูกทำไม?”
“ฉันไม่ตั้งใจ”
เดือนแรมกดเสียงต่ำดุตะคอก “เธอตั้งใจ”
จันทราผวา สะดุ้งโหยง หลับหูหลับตากรี๊ด “ไม่..ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นะ...วันนั้นฉันก็แค่อยากแกล้งเธอ”
เดือนแรมสงสัย “เธอแกล้งฉัน”
จันทราก้มหน้าหลับหูหลับตาบอก “ใช่! ฉันแค่อยากจะแกล้งเธอ แต่บังเอิญมือของฉันไปกระชากสายออกซิเจนของเธอ”
ภาพเหตุการณ์ตอนที่จันทรากระชากสายออกซิเจนราศีออกผุดขึ้นมาในหัว
“กระชากสายออกซิเจน” เดือนแรมอุทาน
จันทรายังยกมือไหว้หลับหูหลับตา บอกเสียงสั่น “ฉันขอโทษ...ฉันไม่ได้ตั้งใจ เรื่องลูกของเธอก็เหมือนกัน ฉันไม่ตั้งใจ ฉันก็แค่อยากแกล้ง แต่นังสุดใจ มันเป็นคนเอาลูกเธอไปทิ้งนะ ไม่ใช่ฉัน ถ้าเธอจะหลอก เธอก็ไปหลอกนังสุดใจสิ อย่ามาหลอกฉัน” จันทราคราง
เดือนแรมเลิกดัดเสียง “ฉันจะหลอกคุณ เพราะคุณเป็นคนเลว!”
จันทราชะงักกึก จำเสียงนั้นได้ จันทราเงยหน้าขึ้น เห็นเป็นเดือนแรมยืนหน้าตาถมึงทึงอยู่ตรงหน้า
“นังแรม กล้ามาก ที่บังอาจมาหลอกฉัน”
จันทราคำราม ลืมความเจ็บปวดทั้งปวง ลุกขึ้นตบผลัวะอย่างบันดาลโทสะ เดือนแรมหน้าหัน แต่หันกลับมามองจันทรานัยน์ตากร้าวดุ
“อย่าคิดว่าแรมจะยอมคนเลวๆ อย่างคุณอีก”
เดือนแรมกระชากผมจันทรามาดึงรั้งไว้ แล้วตบๆๆๆ ตบอย่างไม่เคยทำมาก่อน จันทราหน้าหันร้องกรี๊ดๆ เดือนแรมไม่สน อารมณ์โกรธพุ่งขึ้นถึงขีดสุด เดือนแรมตบๆๆๆ ไม่ยั้ง
“แกคิดว่าแกจะชนะฉันได้เหรอนังแรม?” จันทรากระโจนเข้ามาขยุ้มผมเดือนแรม “คนอย่างแกเคยชนะฉันด้วยเหรอนังแรม?”
เดือนแรมล้มลง จันทราขึ้นคร่อม ตบๆๆ เดือนแรมไม่ยอมผลักออก พลิกตัวสุดแรงเกิด จนเป็นฝ่ายขึ้นคร่อมจันทราบ้าง เดือนแรมตบจันทราไม่ยั้ง
“วันนี้แหละที่แรมจะชนะ” ยกมือขึ้น “นี่สำหรับแม่แรม” แล้วตบผลัวะๆ “และนี่สำหรับแรมเองที่คุณน้า ทรมานแรมมาทั้งชีวิต”
เดือนแรมตบจันทราผลัวะๆๆๆ แล้วบีบคอจันทราแน่น ด้วยความโกรธแค้นหนัก
“คนอย่างคุณน้าไม่สมควรมีชีวิตอยู่”
จันทราดิ้นพล่าน หูตาเหลือก หายใจไม่ออก “นังแรม! แกจะฆ่าฉัน”
“เพราะคุณฆ่าแม่ของแรมก่อน วันนี้ถึงทีคุณน้าทรมานบ้าง” บีบแรงขึ้นอีก
“อย่าแรม อย่า!! อย่าทำน้า”
มือของจันทราพยายามแกะมือแรม ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นพนมมือไหว้ แบบสิ้นท่า
เดือนแรมมองอย่างโกรธเกรี้ยว
ขณะนั้นเอง แป้นวิ่งมาหน้าตาตื่นเข้ามา เห็นเดือนแรมนั่งคร่อมบีบคอจันทราโดยที่จันทรายกมือไหว้ปลกๆ
“ตายแล้ว! ต้องไปตามคุณมะลิ”
แป้นวิ่งโร่ออกไป
แป้นวิ่งมาตามทางจะผ่านหน้าบ้าน เพื่อจะไปยังบ้านของมะลิ แต่แล้วต้องชะงักเมื่อ
เห็นเมินเดินออกมา
“คุณเมิน! คุณเมินกลับมาแล้ว”
“มีอะไร?”
แป้นรีบบอก “คุณแรมค่ะ..คุณแรมจะฆ่าคุณจันทรา”
ไวเท่าความคิด เมินเดินลิ่วไปทันที
จันทรายังพนมมือไหว้ขอชีวิตกับเดือนแรมอย่างน่าเวทนา ขณะที่เดือนแรมบีบขย้ำคอจันทราไม่ยอมปล่อย จันทราอ้อนวอนตะกุกตะกัก
“แรม...น้าไหว้ล่ะ แรมอย่าทำน้าเลยนะ น้าขอโทษ...”
“มันสายไปแล้วกับความผิดที่คุณน้าก่อ”
จันทราทำทีเหมือนว่าจะหมดแรงแล้ว “น้าจะกลับตัว...นะแรม....อภัยให้น้าเถอะ น้าจะกลับตัว ให้โอกาสน้านะ”
เดือนแรมมองจันทรา เริ่มใจอ่อน “สัญญา”
“น้าสาบานเลยแรม..แรมปล่อยน้านะ น้าจะกลับตัว น้าจะกลับตัว”
เดือนแรมมองอย่างลังเลใจ ที่เห็นจันทรามองด้วยสายตาวิงวอน เดือนแรมค่อยๆคลายมือ แต่พอเดือนแรมคลายมือออกจากคอจันทราเท่านั้น จันทราก็ผลักตัวเดือนแรมออกสุดแรง
“คิดว่าแกจะยอมฉันเหรอนังแรม?”
เดือนแรมล้มลง ก่อนที่จันทราจะโผนตัวขึ้นคร่อมตบเดือนแรม เมินเดินมาพอดี
“หยุดเดี๋ยวนี้จันทรา”
“คุณเมิน” จันทรารีบผละออก กะเผลกไปหาเมินท่าทางเจ็บขา “ช่วยด้วยค่ะแรมจะฆ่าฉัน”
“แต่ที่ผมเห็น คุณจะฆ่าแรม”
จันทราชี้หน้าเดือนแรม “ก็นังแรมมันทำจันก่อน”
“เพราะคุณน้าฆ่าแม่...คุณน้ารังแกแรม”
“ไม่จริง ฉันไม่ได้ทำอะไรแกทั้งนั้น แกใส่ร้ายฉัน คุณเมินขา..แรมจะฆ่าจันค่ะ”
เมินเหลืออดแล้ว “พอได้แล้วจันทรา เลิกโยนความผิดให้คนอื่นซักที”
จันทราตาค้าง “คุณเมิน”
“ฉันรู้ความจริงหมดแล้ว”
“ความจริงอะไรอีกคะ?”
“ความลับระหว่างเธอกับสุดใจไง”
จันทรมองหน้าเมินอย่างตื่นตะลึง
ตอนบ่ายวันหนึ่งก่อนหน้านี้ ชุติมาประคองสุดใจออกมาเดินเล่นที่สนามหญ้าในโรงพยาบาล จังหวะหนึ่งชุติมาพร้อมบอกด้วยรอยยิ้มเศร้าๆ
“น้าสุดใจ ...ชุดีใจที่สุดเลย ที่น้าสุดใจฟื้นขึ้นมา”
สุดใจมองหน้าชุติมา ทอดยิ้มให้ “น้าก็ดีใจ ชุรู้มั้ย...น้าเห็นทุกอย่าง เพียงแต่น้าพูดไม่ได้ ขยับตัวไม่ได้ น้าอยากจะบอกชุจะตาย ว่า...” สุดใจจับมือชุติมาบีบแน่นอย่างซาบซึ้งใจ “น้าเห็นความรัก ความห่วงใยจากชุ ขอบใจนะลูก...ขอบใจจริงๆ”
สุดใจกอดชุติมาด้วยความตื้นตัน ชุติมากอดตอบ น้ำตาคลอ ยังทุกข์ใจเรื่องที่ชำนิ กับจันทราทำร้ายสุดใจ
ระหว่างนั้นแม้นเทพก็พาเมินเข้ามา สุดใจตะลึง
“คุณเมิน”
เมินจำได้ มองจ้องสุดใจ ตะลึงเช่นกัน “น้าเองหรอกหรือ....น้าสุดใจ?”
“ค่ะ...ฉันเอง...” สุดใจน้ำตาคลอทรุดตัวนั่งลงยกมือไหว้ขอโทษ “..คุณเมินขา...ดิฉันขอโทษ...ในทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมา ดิฉันไม่ตั้งใจจริงๆ คุณเมินได้โปรดอภัยให้ดิฉันนะคะ”
“เล่าความจริงทุกอย่างให้ฉันฟังได้มั้ยสุดใจ”
เมินมองสุดใจด้วยสายตาวิงวอน สุดใจน้ำตาคลอ พยักหน้า
“ได้ค่ะ”
จันทรามองเมิน สีหน้าตกใจมาก เมินเอ่ยขึ้น
“สุดใจสารภาพความจริงให้ฉันฟังหมดทุกอย่าง...รวมทั้งเรื่องที่เธอให้เอาลูกของฉันกับราศีไปทิ้ง”
จันทรายังตะแบงต่อ “ไม่ใช่ลูกคุณ..เด็กคนนั้นเป็นลูกชู้ ชู้ของนังราศี”
เดือนแรมขัดขึ้น “นายชำนิสารภาพกับพี่ต้อมแล้วค่ะว่าเป็นแผนที่คุณสร้างขึ้นมาเพื่อใส่ร้ายแม่ และที่สำคัญ ลูกของพ่อกับแม่ที่คุณคิดว่าถูกเอาไปทิ้ง แท้จริงแล้ว น้าสุดใจไม่ได้เอาไปทิ้ง เด็กคนนั้นคือแรม...และแรมก็ยืนอยู่ตรงนี้”
จันทราตกใจ “ไม่จริง ฉันไม่เชื่อ”
“นี่คือลูกของฉัน จันทรา” เมินสวมกอดเดือนแรม
จันทรามองภาพนั้น รับไม่ได้
“เป็นไปไม่ได้ ลูกคุณกับนังราศี มันถูกทิ้งไปไหนแล้วก็ไม่รู้...ไม่ใช่นังแรม” กรีดร้องสุดเสียง “ไม่ใช่นังแรม”
เมินพูดแทบเป็นตวาด “หยุดพูดได้แล้วจันทรา...ถึงเธอจะปฏิเสธไป ก็ไม่มีประโยชน์ รู้เอาไว้ ตอนนี้ทุกคนรู้ความผิดของเธอหมดแล้ว ทั้งเรื่องที่เธอวางแผนกับนายชำนิผัวเก่าเธอฆ่าสุดใจ เรื่องที่เธอทำร้ายศรัณย์ ฆ่าราศี พรากมาหยารัศมีแล้วก็ยังเอายากล่อมประสาทมาให้ฉันกิน ฉันแจ้งความไว้แล้ว อีกไม่นานตำรวจก็ต้องมาเอาผิดเธอ”
“ไม่! ฉันไม่ยอม ฉันไม่ยอมให้ใครมาเอาผิดฉัน ฉันไม่ยอมให้ใครทำอะไรฉันทั้งนั้นฉันไม่ยอม! คนอย่างฉันแพ้ไม่เป็นรู้ไว้”
จันทราพูดจบก็วิ่งเตลิดหนีไปด้วยความตกใจกลัว ทั้งที่ขายังเจ็บ แป้นมองดูด้วยความตกใจ ขณะที่เมินกับเดือนแรมร้องเรียกพลางวิ่งตาม
“หยุดเดี๋ยวนี้จันทรา หยุดเดี๋ยวนี้”
สองคนวิ่งตาม จันทรามีหรือจะหยุด
จันทราวิ่งหนีสองพ่อลูกออกมาที่บริเวณหน้าบ้าน ในอาการเหลียวหน้าเหลียวหลัง พอจันทราหันมามองด้านหน้าอีกที รถกระบะคันหนึ่งวิ่งมาด้วยความเร็วสูง จันทรากรีดร้องสุดเสียง รถกระบะหักเบี่ยงหลบทัน แต่กระนั้นก็ยังเฉี่ยวอย่างแรงจันทราล้มลงหมดสติลงตรงนั้น เมิน เดือนแรม และแป้นที่ตามมาต่างตกใจไปตามๆ กัน
เวลาเดียวกันชุติมาป้อนข้าวป้อนน้ำสุดใจ ชุติมามองหน้าสุดใจน้ำตาคลอ ก่อนยกมือไหว้
“ชุกราบขอโทษน้าสุดใจแทนพ่อกับแม่ด้วยนะคะ”
สุดใจมองทั้งสงสารและเห็นใจ “แต่...ชุเข้าใจน้าใช่มั้ย?”
ชุติมาร้องไห้ “ชุเข้าใจค่ะ...แต่ชุ ชุสงสารพ่อกับแม่”
“แต่น้าสงสารชุมากกว่า...” สุดใจจับมือชุติมาปลอบ “ชุ....เรื่องที่เกิดขึ้น น้ารู้ว่าชุเจ็บปวด แต่ชุต้องเข้มแข็ง ยอมรับกับความจริง เพราะถ้าชุรับไม่ได้...” ลำบากใจไม่กล้าพูด “ชุก็จะต้องเป็น..เหมือน”
ชุติมารู้ พูดออกมาเอง “แม่ใช่มั้ยคะ?..แม่ยอมรับอดีตของแม่ไม่ได้ แม่ยอมรับที่ตัวเองเป็นคนมาทีหลังคุณราศีไม่ได้ เรื่องถึงต้องเป็นแบบนี้”
สุดใจจับมือชุติมาปลอบอีก “เพราะฉะนั้น...ชุต้องมีจิตใจที่เข้มแข็ง ตั้งมั่น พร้อมรับทุกสิ่งที่จะเกิดขึ้นมาอย่างมีสติ”
“ค่ะน้าสุดใจ ชุจะเข้มแข็ง ตั้งมั่น พร้อมรับทุกสิ่งที่จะเกิดขึ้นมาอย่างมีสติ”
แม้นเทพเปิดประตูเข้ามาหน้าตาไม่ค่อยดี
“คุณต้อม” สุดใจมองจับกิริยา
“มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ?” ชุติมาสังหรณ์ใจ
“คุณจันทราถูกรถชน” แม้นเทพบอก
“แม่ถูกรถชน”
ชุติมาแทบช็อค! ดวงหน้าซีดเผือด
อ่านต่อหน้า 4
ต่อจากตอนที่แล้ว
มาหยารัศมี ตอนที่ 17 (ต่อ)
จันทรานอนแบบอยู่บนเตียงในสภาพทรุดโทรมเต็มที่ ทั้งอาการบาดปวดจากการตกบันได แถมถูกเดือนแรมตบตี บีบคอเกือบตาย และสุดท้ายถูกรถเฉี่ยวชน จันทรายังมีฤทธิ์ เริ่มอาละวาดอีก
“พวกแกอย่าคิดนะว่าจะเอาชนะฉันได้ ฉันไม่ยอมๆๆ
เพ็ญประกายโผเข้ามากอดห้าม “อย่าแม่..อย่า”
จันทราดิ้นพล่าน “ปล่อยฉัน ยัยเพ็ญ แกก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าคนอย่างฉันแพ้ไม่เป็น ชีวิตฉันต้องพินาศ ชีวิตของพวกมันก็ต้องพินาศเหมือนกัน”
เพ็ญประกายมองหน้าจันทรา “แต่หนึ่งในคนนั้นคือพ่อหนูนะ แม่จะทำร้ายพ่อได้เหรอ?”
ชุติมาเปิดประตูเข้ามา ทันได้ยินคำถามของเพ็ญประกาย และคำพูดตอบกลับของจันทรา
“ได้สิ...เพราะที่ผ่านมาพ่อแกไม่เคยเห็นค่าของฉัน” จันทราแค้นใจจนร้องไห้ออกมา “พ่อของแกหลง รักแต่นังราศี ทำให้ชีวิตฉันมันต้องเป็นแบบนี้ ปล่อยนะยัยเพ็ญปล่อยฉันฉันจะไปจัดการกับพวกมัน”
“เหมือนที่แม่จัดการกับพ่อ ทำร้ายพ่อใช่มั้ยคะ?”
เพ็ญประกายหันมามองหน้าชุติมาสลับกับจันทรา นัยน์ตาเบิกกว้าง
ชุติมาร้องไห้ ถามคาดคั้น “ใช่มั้ยคะ เหมือนกับที่แม่ทำร้ายพ่อ เอาพ่อเป็นเหยื่อใช่มั้ยคะ?”
จันทราโกรธจัด “นังชุ!”
เพ็ญประกายเหวอ มองหน้าจันทราที ชุติมาที “พ่อ....แม่....หมายความว่า....ลุงชำนิคือสามีของแม่ แม่มีคนอื่นก่อนมีพ่อ”
จันทรารับส่งๆ โวยกลบเกลื่อน “เออ! แล้วจะทำไม? ฉันมีผัวก่อนที่จะมีพ่อแกมันผิดตรงไหน นังเพ็ญ”
“ผิดที่แม่ปิดบังหนูกับพ่อ...” เพ็ญประกายมองชุติมาด้วยความเสียใจ “ทำให้หนูใจร้าย หยาบคายกับพี่ชุ”
จันทราจิ้มหน้าเพ็ญประกายจนหน้าหงาย “แกเลวของแกเอง อย่ามาโทษฉันเพ็ญประกาย”
ชุติมาปัดมือจันทราออกปกป้องเพ็ญประกาย “พอได้แล้วแม่ เลิกโทษคนอื่นซะที”
จันทราตวาดแว้ด “นังชุ”
“ตอนแรกฉันเคยคิดขอร้องทุกคนให้ยกโทษให้แม่..แต่ตอนนี้...ฉันเปลี่ยนใจแล้ว” ชุติมาว่า
“ทำไม? เปลี่ยนใจทำไม? ฉันทำผิดอะไร?” จันทราพาลพาโล
เพ็ญประกายบอกเสียงสั่นๆ เจ็บปวดในใจ “คุณศรัณย์เค้าฟื้นแล้ว แล้วเค้าก็บอกเพ็ญ...ว่าแม่ลวงเค้าไปทำร้าย”
จันทราจ้องหน้าเพ็ญประกายเขม็ง ราวกับมองทะลุเห็นภาพเหตุการณ์ตอนที่ศรัณย์ฟื้นตื่นขึ้นมา
บ่ายวันนั้นศรัณย์นั่งอยู่บนเตียงคนไข้จับมือเพ็ญประกายเอาไว้ เพ็ญประกายน้ำตาคลอ
“ผมขอโทษที่ทำให้คุณเพ็ญเสียใจ....แต่ผม..จำต้องพูดความจริง”
เพ็ญประกายร้องไห้ “เพ็ญเข้าใจค่ะ แล้วก็เสียใจมากที่แม่ทำอย่างนี้...เสียใจจริงๆ ค่ะ”
ศรัณย์รีบบอก “แต่ผมจะไม่เอาผิดกับแม่คุณเพ็ญ”
เพ็ญประกายมองหน้าศรัณย์เหมือนไม่เชื่อ ศรัณย์พูดสำทับ
“คุณเพ็ญเจ็บปวดมามากแล้ว...ผมจะไม่ทำให้คุณเพ็ญต้องเจ็บปวดอีก”
เพ็ญประกายมองศรัณย์ ด้วยความซาบซึ้งใจยิ่งนัก “ขอบคุณมากค่ะคุณศรัณย์”
เพ็ญประกายปล่อยโฮ อย่างอัดอั้น ศรัณย์ดึงร่างเพ็ญประกายเข้ามากอดปลอบอย่างอ่อนโยน สงสารจับใจ
ฟังจบจันทราอึ้ง ชุติมากับเพ็ญประกายร้องไห้ เพ็ญประกายเอ่ยขึ้น
“แต่ถึงคุณศรัณย์จะไม่เอาผิด กฎหมายก็ต้องเอาผิดกับแม่อยู่ดี”
“สารภาพความผิดเถอะนะแม่...โทษร้ายจะได้กลายเป็นเบา ทุกคนพร้อมให้อภัยแม่อยู่แล้ว ขอเพียงแค่แม่สำนึกผิด” ชุติมาขอร้อง
“สำนึกผิด?” จันทรากรีดร้องเหมือนคนขาดสติ ยอมรับความจริงไม่ได้ “ฉันเลวขนาดนั้นเหรอถึงจะต้องสำนึกผิด..พวกมันทุกคนต่างหากที่รวมหัวทำร้ายฉัน ฉันจะไปแก้แค้นพวกมัน”
จันทราผลักชุติมากับเพ็ญประกายออกอย่างแรง กระโจนลงจากเตียงแล้ววิ่งกะเผลกออกไป ชุติมากับเพ็ญประกายร้องห้ามตามหลัง ด้วยความตกใจ
“แม่อย่าแม่...อย่าไป”
สองคนวิ่งตามจันทรา
จันทรากดข่มความเจ็บปวดลงไป วิ่งกะเผลกอย่างเร็วรี่ โดยมีความแค้นในใจเป็นแรงขับดับ จันทราทะยานไปทั้งชุดคนไข้ ผู้คนที่ผ่านไปมาต่างงุนงง แตกตื่น
จังหวะหนึ่งจันทราจะวิ่งฉากหลบไปทางอื่น ทำให้ชุติมากับเพ็ญประกายที่วิ่งตามออกมาไม่ทันเห็น
“แม่ไปแล้วพี่ชุ”
“แม่นะแม่ ไม่น่าทำอย่างนี้เลย”
สองสาวครวญคร่ำ แล้วพากันวิ่งตามหาจันทรา
จันทราหลบอยู่ที่อีกมุม ลากขาวิ่งมาตามทางด้วยความเคียดแค้น
“พวกแกทำลายชีวิตฉัน ฉันจะกลับไปทำลายพวกแก”
จันทราโบกรถแท็กซี่หนีขึ้นรถไป จุดหมายคือบ้านเมิน
ธิติรัตน์ เดือนแรม สรรชัย ดุจแข เจ๊กอไก่ รวมทั้งสุดใจทุกคนรวมตัวอยู่ที่บ้านเมิน แต่ละคนยังมีสีหน้าไม่สบายใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะเมิน
“คุณพ่อ...ไม่เป็นไรนะคะ”
เมินมีอาการเหนื่อยล้า ระคนทุกข์ใจ ถึงจะโกรธเกลียดจันทรา แต่ความผูกพันยังมีอยู่
“พ่อไม่เป็นไร”
“แรมขอโทษ...ที่ทำกับคุณน้าอย่างนั้น แต่คุณน้าทำร้ายแรมก่อน คุณน้าทำร้ายแรมมาทั้งชีวิต”
“พ่อเข้าใจ และก็หวังว่า จันทราเค้าจะสำนึกผิดได้....เพราะเอาเข้าจริง” เมินลดน้ำเสียง พูดแผ่วๆ “พ่อไม่ได้อยากทำร้ายเค้าจนไม่มีที่ไป...พ่อแค่อยากให้เค้าสำนึกผิดและกลับตัว ก็เท่านั้น”
“ผมดีใจที่คุณเมินไม่ได้คิดอาฆาตแค้นคุณจันทรา และผมก็ดีใจ ที่เรื่องร้ายๆ ที่เกิดขึ้น ทำให้คุณเมินได้รู้ความจริง...หันมาเข้าใจแรม” ธิติรัตน์บอก
เมินหันมามองหน้าเดือนแรม....เดือนแรมยิ้มให้พ่อ ธิติรัตน์พูดต่อ
“ส่วนคุณจันทรา...ถ้าเค้ากลับตัวกลับใจ เค้าก็ยังมีครอบครัวที่อบอุ่น เพราะเราทุกคนพร้อมให้อภัย”
เมินเมินพยักหน้า “ใช่...เราทุกคนพร้อมให้อภัย ถ้าจันทราจะกลับตัวกลับใจ...” เมินมองไปที่สุดใจ “ขอบใจมากนะสุดใจ สำหรับทุกสิ่งที่เธอบอกกับฉัน”
สุดใจยิ้มเศร้าๆ ละอายใจไม่หาย “ฉันก็ต้องขอบคุณคุณเมินมากค่ะ ที่ไม่เอาผิดกับฉัน ทั้งๆ ที่ความผิดที่ฉันทำมันช่างมหันต์”
เมินขื่นขมอยู่ในใจ “เพราะ คนที่ทำผิดอย่างมหันต์ไม่ใช่เธอ”
ระหว่างนั้นแม้นเทพพาชำนิเข้ามา เมินกับชำนิมองหน้ากัน ความรู้สึกแตกต่าง
เมินจำได้ นึกออกว่าชำนิร่วมมือกับจันทราทำร้ายเขา
“ชำนิ!”
ชำนิมองเมินอย่างคนสำนึกผิด ทรุดตัวลงนั่ง
“ผมมากราบขอโทษครับคุณเมิน.....กราบขอโทษในทุกสิ่งที่ผมได้ทำลงไปผมไม่ขอให้คุณเมินให้อภัย....ขอแค่..ให้ผมได้พูดความผิดที่มันติดอยู่ในใจของผมก็พอ”
“ทุกอย่างมันผ่านไปแล้ว...และฉันก็อยากที่จะลืมทุกอย่างให้หมดไป...ฉัอโหสิกรรมให้เธอ ชำนิ เพราะถ้าไม่ได้เธอ....ทุกอย่างมันก็ไม่จบลงแบบนี้เหมือนกัน” เมินบอก
ชำนิยกมือไหว้ “ขอบคุณมากครับคุณเมิน...ขอบคุณจริงๆ”
“ต่อไปก็ว่ากันตามกฎหมาย...”
ทุกคนสีหน้าสลดกับเรื่องร้ายที่เกิดขึ้น
เจ๊กอไก่กระซิบกระซาบกับดุจแข ขณะเดินออกมาที่บริเวณหน้าบ้าน
“โถ! เมื่อคืนแรมยำใหญ่ใส่สารพัดคุณจันทราขนาดนี้ น่าจะเรียกเรามั่งนะคะ”
“แขก็ว่าอย่างนั้นล่ะ...”
สรรชัยยิ้มขำสองมหาประลัย “นี่!ทั้งคุณเมิน ทั้งแรมเค้ายังให้อภัยคุณจันทรา...แล้วคุณสองคนเป็นอะไร ถึงอยากยำใหญ่คุณจันทรานัก”
“ก็” เจ๊กอไก่เน้นเสียง “คุณน้าจันทราร้ายกาจมากนี่คะ....ถ้าไม่ตายใช่ว่าเราจะวางใจได้ งูพิษขนาดนั้นไม่รู้จะลุกขึ้นมาแว้งกัดเราเมื่อไหร่ ต้องตั้งการ์ดไว้นี่ล่ะค่ะแผลงฤทธิ์เมื่อไหร่ กอไก่เตะคอพับเลย” เจ๊นักปั้นเต้นฟุตเวิร์คไปด้วย
“ใช่ค่ะ! คนอย่างคุณจันทราถ้าไม่ตาย ไว้ใจไม่ได้หรอก..แหม! ว่าแล้วก็อยากเห็นหน้าคุณจันทราตอนนั้นจริงๆ” ดุจแขว่า
สรรชัยกระซิบบอก “ระวังเถอะแข...อยากอะไรจะได้เจออย่างนั้น”
ดุจแขยิ้มหยัน “ตอนนี้คุณจันทรานอนแบบอยู่โรงพยาบาล จะมาได้ยังไงคะ?”
พูดไม่ทันขาดคำ จันทราในชุดผู้ป่วย สภาพทรุดโทรม ผมเผ้ากระเซอะกระเซิงเดินขา
เจ็บเข้ามาในบ้าน เจ๊กอไก่หันไปเห็นก่อน ตาเหลือก
“นางมาแล้วค่ะ!”
สรรชัยกับดุจแขหันไปมองตาม เจอจันทรายืนอยู่ด้วยหน้าตาเกรี้ยวกราด
“คุณจันทรา” สองคนอุทานพร้อมกัน
จันทราคุ้มคลั่ง แทบไม่เหลืออาการคนปกติแล้ว “ฉันจะมาเอาคืนพวกแก
ทุกคนนั่งอยู่ในบ้าน เมินยังนั่งหน้าหมองอยู่ เจ๊กอไก่วิ่งหน้าตั้งเข้ามา
“เกิดเรื่องแล้วค่ะเกิดเรื่องแล้ว”
“อะไรเจ๊?” ธิติรัตน์งง
“คุณจันทรามาค่ะ” เจ๊กอไก่บอก
เมินอึ้ง ไม่อยากเชื่อ “จันทรามา?”
ทุกคนงุนงง ว่าจันทราออกจากโรงพยาบาลได้ยังไง?
จันทราประจันหน้ากับดุจแขและสรรชัย สองคนมองอย่างแปลกใจว่าออกมาจากโรงพยาบาลทำไม?
สรรชัยงง ถามสียงสุภาพ “ยังไม่หายดี คุณออกมาจากรพ.ทำไม”
จันทราพูดน้ำเสียงเกรี้ยวกราด “มาฆ่าพวกแกไง...ตายซะเถอะนังดุจแข”
ว่าแล้วจันทราก็ลากขาที่ยังเจ็บอยู่ ปราดเข้าไปตบดุจแขอย่างแรง แล้วกระชากผมดุจแขทันที ดุจแขไม่ทันตั้งตัวร้องโอ๊ยๆๆ สรรชัยรีบเข้าไปดึงดุจแขออก แล้วเอาตัวเองกั้นไว้
“อย่าครับ”
สรรชัยยังพูดไม่ทันจบ จันทราก็เอามือฟาดเข้าที่หน้าสรรชัยสุดแรง แล้วบีบคอตาม
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก สรรชัยไม่โต้ตอบ แต่เอามือง้างมือจันทราออก
“อย่า! คุณจันทราอย่า”
จันทราคลั่งหนัก “พวกแกทำร้ายฉัน ฉันจะฆ่าพวกแก”
จันทราโผนเข้าจะบีบคอสรรชัยอีก ดุจแขเข้ามาช่วย
“หยุด! เลิกบ้าได้แล้ว”
จันทราเหลียวขวับ “แกว่าใครบ้า?”
จันทราปล่อยมือจากสรรชัยหันมาบีบคอดุจแขแทน กลุ่มของเมินเดินออกมาหน้าตาตื่น
เมินตวาดเสียงกร้าว “หยุด! จันทรา หยุด!”
ชุติมากับเพ็ญประกายวิ่งเข้ามาพอดี ร้องห้ามพร้อมกัน
“อย่า!!คุณแม่อย่า”
ดุจแขถือโอกาสนั้นผลักจันทราออก จันทรากวาดตามองเหมือนเห็นตัวเองตกอยู่กลางวงล้อมของทุกคน ภาพตรงหน้า เบลอๆ เลือนๆ เห็นหน้าตาของแต่ละคนเหมือนยักษ์ขมูขีมองจันทราจะกินเลือดกินเนื้อ ทั้งๆ ที่ความจริงแล้ว ทุกคนยืนนิ่งกันอยู่อย่างตื่นตระหนก
“หยุดได้แล้ว เลิกทำร้ายคนอื่นซะที” เสียงเมินดังก้อง
จันทราตาเหลือกลาน ได้ยินเสียงเมินผิดเพี้ยน กลายเป็นเมินตวาดด้วยเสียงอันน่ากลัว “หยุดได้แล้ว เลิกทำร้ายคนอื่นซะที
จันทราเพ่งมองทุกคนด้วยสายตาโกรธเกรี้ยวน้ำตาคลอเบ้า แหกปากร้องลั่น
“พวกแกนั่นแหละทำร้ายฉัน พวกแกทำชีวิตฉันพัง”
ชำนิถลันออกมาจากกลุ่มคน เดินไปเผชิญหน้าจันทรา ด่ากราด
“เลิกบ้าได้แล้วจันทรา มีแต่แกนั่นแหละทำชีวิตคนอื่นเค้าพัง แล้วแกก็ยังทำชีวิตแกพังด้วย คุณเมินเค้าชุบเลี้ยงแกมา ถ้าแกเป็นคนดี วันนี้ชีวิตแกก็มีความสุขไปแล้ว นี่เพราะแกไม่รู้จักพอ แกเป็นคนเลว ได้ยินมั้ย แกเป็นคนเลว เลวถึงขนาดทำร้ายลูกได้”
“ไอ้ชำนิ” จันทราโกรธจนตัวสั่น ตบหน้าชำนิและตรงเข้าไปบีบคอ ชำนิโมโห
“หยุด! จันทรา หยุด”
ชำนิง้างมือจันทราออก สองคนยื้อกันชุลมุน จังหวะหนึ่งมือของจันทราไปชนเข้ากับ
ช่วงเอวชำนิ จันทราตาวาววาบ รู้ว่าเจอบางอย่าง
จันทรากระชากปืนออกมาจากบั้นเอวชำนิ ยกขึ้น
“อย่า”
ชำนิไม่ทันได้พูดอะไรต่อ จันทราก็ยิงเปรี้ยงเข้าที่หน้าอกชำนิ ชุติมากรีดร้องสุดเสียง
“พ่อ”
ร่างของชำนิทรุดลงกับพื้น ชุติมาวิ่งเข้าไปหาประคอง ผู้ชายทุกคนทำท่าจะเข้ามา
ชาร์จ จันทราเอาปืนตั้งท่าสาดใส่ทุกคน
“อย่า! ใครเข้าฉันยิงไส้แตก อยากเป็นผีเฝ้าบ้าน ก็เข้ามา”
จันทรายกปืนเล็ง ใครทำท่ายึกยักจะเข้ามา จันทราก็ส่ายปืนขู่ ทุกคนจำต้องหยุด
“อย่า!!แม่” ชุติมาเดินไปหาจันทราอย่างไม่หวั่นกลัว “อย่าแม่! แม่หยุดทำผิดได้แล้ว”
จันทราเหยียดเย้ย “ฉันน่ะเหรอผิด? ชีวิตฉันไม่เคยทำผิด มีแต่พวกแก ทำลายชีวิตฉัน หลีกไป”
“ไม่! ชุไม่หลีก ถ้าแม่จะฆ่าพ่อ แม่ก็ฆ่าชุไปเลย”
จันทราจ้องหน้า ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ “แกอย่าท้าฉันนะ”
“ไม่ได้ท้า เพราะที่ผ่านมาแม่ก็รักแต่ตัวเอง แม่ไม่เคยรักชุอยู่แล้ว”
“แกอยากจะตายใช่มั้ยนังชุ ฉันบอกให้หลีกไป” จันทรายกปืนเล็งใส่
ชุติมาบอกไม่สะทกสะท้านสักนิด “ไม่..ชุไม่หลีก”
ธิติรัตน์ กับแม้นเทพ จะเข้าห้าม จันรากวาดปืนไปทั่วอย่างบ้าคลั่งตะโกนก้อง
“หยุด”
ทุกคนต่างร้องตะโกน ห้าม อย่าๆๆๆ
“อย่าเข้ามายุ่ง ไม่งั้นพวกแก ตายทุกคน” จันทราคลั่งหนัก มองจ้องที่ชุติมา ตวาดขึ้นมาอีก “หลีกไป๊ นังชุ”
“ไม่!ชุไม่หลีก!”
จันทราคำราม “ได้ อยากตายไปกับมันได้ นังชุ”
นิ้วมือของจันทราเหนี่ยวไก ชำนิร้องสุดเสียง
“อย่าจันทรา!”
ชำนิกัดฟันสู้เฮือกสุดท้าย กระชากร่างของชุติมาออก พร้อมๆ กับที่จันทราเหนี่ยวไกปืนไม่ยั้ง กระสุนปืนพุ่งใส่ร่างชำนิ นัดแล้วนัดเล่า จนหมดแม็ก ร่างชำนิกระตุกเฮือกล้มลง
ชุติมาช็อค หวีดร้องขึ้นสุดเสียง “พ่อ”
“จันทรา” เมินคราง ไม่อยากเชื่อ
จันทราหันมาทางเมิน จะยิงใส่ แต่กระสุนหมด จันทราหน้าซีด ธิติรัตน์ฉวย
โอกาสนั้นกระโดดเข้าจับจันทรา แต่จันทราเหวี่ยงอย่างแรง
“ปล่อยฉัน”
จันทราสู้ตาย สะบัดสุดแรงจนหลุด แล้ววิ่งหนีไป สรรชัยตะโกน
“ช่วยกันจับเร็ว”
ธิติรัตน์ กับ สรรชัยวิ่งตามจันทราออกไป ขณะที่ชุติมากอดชำนิร้องไห้
“พ่อ...พ่อแข็งใจไว้นะ ชุจะพาพ่อไปหาหมอ”
แม้นเทพตรงเข้าไปช่วยประคองชำนิ จะอุ้มไป แต่ชำนิยกมือห้าม
ชำนิพูดเสียงกระท่อนกระแท่น “พ่อ...ไม่....ไหว” ตาลอยคว้าง
ชุติมาร้องไห้ฟูมฟาย “ไม่นะพ่อ”
ชำนิพยายามเอามือจับหน้าชุติมาอย่างอ่อนโยน “พ่อรักชุมากนะลูก”
พูดได้แค่นั้นชำนิก็ขาดใจตาย ชุติมาหวีดร้องขึ้นสุดเสียง โผเข้ากอดร่างชำนิ ร้องไห้ปิ่มว่าจะขาดใจ
วันต่อมาชุติมาสวมชุดดำไว้ทุกข์ให้ชำนินั่งร้องไห้อยู่ เพ็ญประกายกับเดือนแรมช่วยกันปลอบ
“พี่ชุ...อย่าร้องไห้นะคะ..คิดซะว่าลุงชำนิไปดีแล้ว” เพ็ญประกายเอ่ยขึ้น
“แต่พี่ยังไม่ได้ตอบแทนพระคุณพ่อเลย...” ชุติมาเสียใจ
“แต่สิ่งที่พี่ชุไปปกป้องพ่อ ก็แปลว่าพี่ชุได้ทำหน้าที่ของลูกอย่างดีที่สุดแล้วค่ะ” เดือนแรมปลอบโยน
“และในวันสุดท้ายของชีวิต ลุงชำนิก็ได้ทำหน้าที่ของพ่อ อย่างดีที่สุดแล้วเหมือนกัน” ธิติรัตน์ชื่นชมอย่างจริงใจ
“ถือว่าหมดเวรหมดกรรมของชำนิแล้วกันนะชุติมา” เมินปลอบ พร้อมกับพูดต่อน้ำเสียงแผ่วลง “แต่จันทรานี่สิ...”
ทุกคนนิ่งอึ้งอยู่ แม้นเทพ มะลิ และพิม เดินเข้ามาด้วยสีหน้าไม่สู้ดี เมินถามอย่างร้อนใจ
“มีอะไรต้อม เจอจันทราแล้วเหรอ”
แม้นเทพลำบากใจ “คุณจันทราถูกรถชนตายแล้วครับ!”
ชุติมากับเพ็ญประกายตกตะลึง ตาค้าง “แม่!!”
ชุติมากับเพ็ญประกายร้องไห้จะวิ่งออกไป แป้นเองก็อดไม่ได้ร้องไห้ออกมาเหมือนกัน ทุกคนวิ่งตามไปห้ามสองพี่น้อง แม้นเทพดึงชุติมา ขณะที่เมินดึงเพ็ญประกายไว้
สองสาวร้องไห้ ดิ้นรนขัดขืน ร้องโวยวาย
“ปล่อย..ชุ” / “เพ็ญจะไปหาแม่”
“อย่าเลยชุ....สภาพศพของแม่ ถูกรถลากจนเละเทะไปหมด ดูไม่ได้เลย”
เพ็ญประกายกับชุติมาร่ำไห้ น้าตาแทบเป็นสายเลือด สะอื้นจนตัวโยน
“มันเกิดขึ้นได้ยังไงต้อม?” เมินสงสัย
แม้นเทพบอกทุกคน “คาดว่า...คุณจันทราคงเดินไม่ดูรถ เลยถูกรถชนเอา”
“ตรงนั้นเป็นทางเปลี่ยวด้วยน่ะเมิน เลยไม่มีคนเห็น กว่าจนท.กู้ภัยจะไปเจอ จันทราก็เสียแล้ว...ที่เค้ารู้ เพราะบัตรประจำตัวผู้ป่วย”
แป้นร้องไห้โฮ “คุณน้าย...ไม่น่าเลยคุณนาย”
พิมรำพึงเสียงแผ่ว “ไม่น่าเลยจริงๆ”
เมินน้ำตาคลอ บอกเสียงสั่น บอกความรู้สึกขื่นขมในเนื้อเสียง
“หมดเวรหมดกรรมของเธอซักทีจันทรา”
เดือนแรม ธิติรัตน์ และแม้นเทพ มีสีหน้าสลด ขณะที่เพ็ญประกายกับชุติมาร่ำไห้เสียงระงม
หลายวันผ่านไป
ตอนค่ำวันนั้น ควันสีดำลอยขึ้นจากปล่องไฟเมรุวัดแห่งนั้น ก่อนจะม้วนตัวลอยวนกระจายสู่ท้องฟ้า
ทุกคนสวมใส่ชุดดำไว้ทุกข์ เดินกลับเข้าบ้าน ชุติมาถือรูปชำนิ เพ็ญประกายกอดรูปจันทรา เมินมองดูรูปจันทราและชำนิ
“ฉันอโหสิกรรมให้พวกเธอ”
เดือนแรมน้ำตาคลอเศร้าใจ ธิติรัตน์จับมือเดือนแรมไว้ให้กำลังใจ ศรัณย์มองหน้า
เพ็ญประกายด้วยความเห็นใจ ขณะที่แม้นเทพมองชุติมารู้สึกสงสารจับใจ
เวลาผ่านไป
อยู่มาวันหนึ่งกะเทยฟลุคหลงแวะมาหาสุดใจที่แฟลต สองคนนั่งคุยกันอยู่มุมหนึ่ง
“ต๊าย! คุณจันทราตายแล้วเหรอพี่?”
“ฮื่อ! ก็สามสี่เดือนมาแล้ว เค้าว่าตอนตายสภาพศพเละเทะ ดูไม่ได้เลย แถมก่อนตาย ก็ท่าทางจะเป็นบ้า คุณเพ็ญเล่าว่า..เคยเห็นแม่แอบกินยา ยาที่ให้คุณเมินน่ะ” สุดใจบอก
ฟลุคหลงงง “แต่ยาที่ฉันให้ไปหลังๆ มันคือวิตามินนะ จะบ้าได้ยังไง?”
“ถ้างั้นคงไม่เกี่ยวกับยา แต่เป็นเพราะเค้าเครียดจัด ที่ความลับ ความผิดที่เค้าทำ มันแตก ทุกคนรู้หมดว่าเค้าทำชั่ว”
ฟลุคหลงถอนหายใจ “นี่ล่ะน้าอยู่ดีไม่ว่าดี แต่คุณจันทราตายๆ ไปก็ดีแล้วล่ะ เพราะคนอย่างคุณจันทราอยู่ไปก็ทำบาปตลอดชีวิต แล้วยังพ่วงให้คนอื่นต้องทำบาปทำกรรมตามไปด้วย”
“โทษเค้าฝ่ายเดียวไม่ได้หรอก ต้องโทษเราด้วย พรุ่งนี้พี่ว่าจะไปทำบุญให้คุณจันทรา ไปด้วยกันมั้ย?” สุดใจถาม
“ก็ดีพี่...ฉันก็อยากส่งวิญญาณคุณจันทราให้ไปสู่สุขคติ”
กะเทยฟลุคหลงเห็นงาม สองคนถอนหายใจพร้อมๆ กัน
จันทราที่อยู่ในสภาพหน้าตาอัปลักษณ์ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยแผลเป็น ขาพิการ สวมเสื้อสีน้ำตาลตุ่นๆ หลวมโคร่ง ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง ถูกคลุมไว้ด้วยผ้าโพกผมปิดบังอำพรางหน้าตาที่น่าเกลียดน่ากลัว แอบฟังสองคนคุยกันมาโดยตลอด โดยที่ทั้งสองไม่รู้ตัว
จันทรามองจ้องสุดใจกับกะเทยฟลุคหลงด้วยความโกรธแค้น
โปรดติดตามอ่านต่อ ตอนที่ 18