xs
xsm
sm
md
lg

ลูกผู้ชายไม้ตะพด ตอนที่ 12

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


 ลูกผู้ชายไม้ตะพด  ตอนที่ 12 

แพรวาถูกพามาที่โรงแรมทั้งที่เธอยังหลับไม่ได้สติ สักมองแพรวาด้วยหน้าตาหื่นๆ ค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อเธอ

“เสียดายนะ ชั้นล่ะอยากทำอะไรเธอมากกว่าที่ถูกจ้างซะจริงๆ”
แพรวาเริ่มรู้สึกตัวขึ้น ขณะนั้นไม้กำลังเดินดูตามห้องต่างๆ ของโรงแรมซึ่งก็ดูเหมือนปกติ แต่แล้วไม้เห็นห้องๆ หนึ่งดูผิดปกติประตูเปิดแง้มไว้ ไม้เข้ามาในห้องเจอสักที่รีบวิ่งออกไป ไม้รีบวิ่งตามสักออกมา
ไม้ตามสักออกมาที่ระเบียงพยายามจะขัดขวาง สักปะมือกับไม้นิดหน่อยแล้วอาศัยจังหวะที่ไม้ไม่ทันตั้งตัวผลักไม้ตกจากระเบียง แล้วตนก็วิ่งหนีไป ไม้โชคดียังไม่ตกจากระเบียงเพราะเสื้อตนเองไปเกี่ยวกับขอบระเบียงที่ยื่นออกไป ไม้พยายามจะเอาแขนตนไปจับขอบระเบียงไว้ให้ได้เพื่อไม่ให้ตก แต่เสื้อของเขาก็ค่อยๆ ขาดขึ้นเรื่อยๆ จนเกือบจะขาดทั้งหมด ไม้กำลังจะร่วงแต่เขาก็เอามือคว้าขอบระเบียงไว้ก่อนได้ ไม้จะปีนขึ้นไป แต่เสื้อที่เกี่ยวไว้ทำให้เขาขึ้นไม่ได้ ไม้จึงต้องฉีกเสื้อตนเองด้วยมืออีกข้าง
ในที่สุดไม้ก็ปีนกลับขึ้นระเบียงได้โดยต้องถอดเสื้อทิ้ง ไม้รีบวิ่งเข้าไปในห้องเพราะเป็นห่วงแพรวา...
ไม้รีบเข้าไปดูแพรวา แพรวาถูกจับถอดเสื้อออกหมดค่อยๆ รู้สึกตัวเต็มที่ แต่ยังเบลอๆอยู่ กระดุมเสื้อด้านบนถูกเปิดเห็นหมด ไม้รีบเอาทำผ้าคลุมให้แพรวาทันทีอย่างสุภาพบุรุษ โดยไม่รู้ตัวว่าไกรกับอบเชยเข้ามาเห็นจังหวะนั้นพอดี
ภาพที่ไกรกับอบเชยเห็นคือไม้ที่ถอดเสื้อกับแพรวาที่เปลือยเช่นกัน ไกรกับอบเชยตกใจช็อคกับภาพที่เห็น
“นั่นเธอทำอะไรน่ะไม้”
ไม้หันตามเสียงของไกร มองเห็นอบเชย
“อบเชย คุณไกร” ไกรพุ่งตรงเข้าชกไม้ล้มคว่ำไป “นี่มันอะไรกันครับเนี่ย” ไม้ถามอย่างงๆ ไกรไม่พูดจาใดๆ เดินออกจากห้องไปทันที เหลือแต่อบเชยที่ยังยืนช็อคอยู่ “อบเชย นี่มันอะไรกันพวกเธอมาที่นี่ได้ยังไง”
“เธอต่างหากที่ควรเป็นคนอธิบาย ว่าทำแบบนี้กันได้ยังไง”
“มันไม่ใช่อย่างที่เธอคิดนะอบเชย”
“ภาพแบบนี้ คิดเป็นอย่างอื่นได้ด้วยเหรอ เธอทำได้ยังไงน่ะไม้ เธอคิดว่าชั้นไม่มีหัวใจรึไง”
แพรวาฟื้นคืนสติเต็มที่
“ไม้...”
ไม้รีบเข้าไปประคองแพรวา อบเชยทนมองไม่ได้เธอเดินออกจากห้องนั่นไปเช่นกัน ไม้พยายามจะรั้งไว้แต่ก็ทิ้งแพรวาไว้ไม่ได้
“คุณไม่เป็นไรแล้วนะแพรวา ไม่เป็นไรแล้ว”
อบเชยวิ่งร้องไห้ออกมาไม่อายใครทั้งนั้น เธอเดินข้ามถนนอย่างไม่กลัวตายรถบีบแตรไล่อบเชยดังระงม
ไกรขับรถออกมาด้วยความเจ็บแค้นเมื่อนึกถึงอดีตที่เขาช่วยไม้มาตลอด ตำราหนังเสือก็เป็นคนให้ไม้ สอนท่าไม้ตายกรงเล็บพยัคฆ์ สอนสมาธิไว้รับมือศัตรู ให้สิ่งดีๆ กับไม้มาตลอด ไม้กับแพรวาจับมือกันก่อนหน้านี้ที่เขาต้องทนและคำสัญญาของไม้ที่ว่าจะไม่ยุ่งกับแพรวาอีก ซึ่งไม้ก็รับปากแล้ว แต่ก็ยังมีเรื่องทุเรศแบบนี้เกิดขึ้นอีก ไกรชิงชังไม้ทั้งเสียใจเรื่องแพรวาจึงทุบพวงมาลัย แล้วตะโกนระบายอารมณ์ลั่นรถ
อีกด้านหนึ่งที่โรงพยาบาล เมฆนั่งรออยู่หน้าห้องตรวจอย่างกระวนกระวาย จนกระทั่งหมอเดินเอาผลตรวจเข้ามา
“มารับผลตรวจดีเอ็นเอใช่มั้ยครับ”
“ครับ”
“ผลออกมาแล้วนะครับ อยากดูเองหรือให้หมอดูให้ดีครับ”
“ขอดูเองดีกว่าครับ”
เมฆเอาซองมาแกะอย่างตื่นเต้น เขาเปิดดูช็อคไปชั่วครู่
“เป็นไงบ้างครับ”
“ผม... ผมอ่านไม่เข้าใจหรอกครับคุณหมอ คุณหมอช่วยดูให้ผมที”
หมอยิ้มรับผลจากเมฆมาดู
“ผลการตรวจดีเอ็นเอของคุณ...”
ผลการตรวจที่ออกมาทำให้เมฆถึงกับช็อคเมื่อรู้ว่าทิวาเป็นลูกเขาจริงๆ
ส่วนไกร เมื่อกลับถึงบ้านไกรเก็บตัวอยู่ในห้องคนเดียวโดยไม่พูดไม่จากับใคร
“ชั้นดีกับเธอตั้งเท่าไหร่ทั้งเรื่องเงิน เรื่องงาน ช่วยสอน ทุกอย่าง แม่ชั้นก็มีน้ำใจกับแม่เธอมาตลอด ชั้นไม่เคยคิดซักนิดว่าเธอจะเป็นคนแบบนี้ ไม้...เธอทำกับชั้นแบบนี้ทำไม ตั้งแต่วันนี้ไป ชั้นจะให้เธอเจ็บ...เหมือนกับที่ชั้นกำลังรู้สึก”
ไกรกำมือแน่น แค้นไม้มาก
ขณะเดียวกันไม้เดินกลับเข้ามาในบ้านซึมๆ เห็นบ้านเงียบไฟปิดสนิท ไม้เปิดไฟ
“ทำไมพ่อยังไม่กลับมาอีก” ไม้เดินหาเมฆตามห้องต่างๆ “พ่อ พ่อ”
ไม้เดินหาเมฆทั่วบ้าน ยังไงก็ไม่เจอ แล้วเขาก็เหลือบไปเห็นประวัติทิวาวัยเด็กเข้า ไม้นึกบางอย่างออกจึงรีบวิ่งออกจากบ้านไปทันที
ส่วนอบเชยเมื่อกลับมาบ้าน อบเชยเอาหน้าซุกหมอนร้องไห้ไม่หยุด
“ทำไมไม้ไม่ฆ่าชั้นให้ตายไปซะเลย ทำให้ชั้นทรมานแบบนี้ทำไม”
ช่วงเวลาเดียวกันนั้นที่โรงพยาบาลทิวาเริ่มรู้สึกตัว แล้วทิวาก็เห็นคนที่นอนฟุบอยู่ข้างๆ เขาก็คือ เมฆนั่นเอง ทิวาพรวดดึงมือตัวเองออกทันที
“แกมาทำอะไรตรงนี้”
“เธอฟื้นแล้ว”
“ชั้นจะตายก็ปล่อยชั้นตาย อย่ามายุ่ง”
“นี่ชั้นซื้ออาหารมาฝากเธอด้วย รู้ว่าถ้าเธอฟื้นขึ้นมาคงหิว”
เมฆยกอาหารมาให้ทิวา ทิวาปัดมันกระเด็น
“ไม่กิน”
“ไม่เป็นไร อาหารโรงพยาบาลก็น่ากินดี” เมฆบอกแล้วจะเดินไปหยิบ
“ชั้นบอกว่าไม่กิน แกไม่เข้าใจรึไง”
“งั้นน่าจะหิวน้ำนะ จิบน้ำซักหน่อยมั้ย”
“ถ้าแกอยากทำอะไรซักอย่างให้ชั้นจริงๆ น่ะนะ แกช่วยออกไปจากห้องนี้ซักที ชั้นจะขอบคุณมาก”
เมฆมองทิวาเศร้าๆ
“ถ้ามันเป็นความต้องการของเธอ ชั้นจะไป”
เมฆจะเดินออกจากห้อง ทิวาพูดบางอย่างขึ้น
“พ่อไปไหน”
“เมื่อกี้เธอเรียกชั้นว่าอะไรนะ” เมฆหันมาถามอย่างดีใจ
“ใครเรียกแก ชั้นถามว่าพ่อชั้น พันเทพน่ะไปไหน”
“ตั้งแต่ชั้นมา ก็ไม่เห็นเค้า”
“ไม่สนใจใยดีชั้นเลยสินะกับแค่ชั้นจะแย่งไม้ตะพดมาน่ะ”
“เธอจะแย่งไม้ตะพดมาจากพันเทพเหรอ”
“ใช่...ทำไม ชั้นทำไม่ได้รึไง”
“เธอไม่รู้ว่าอำนาจของไม้ตะพดมีแค่ไหน อย่าคิดแย่งแบบนั้นอีก”
“หน้าอย่างแก จะรู้อะไรเรื่องไม้ตะพด ไสหัวไปเลยไปชั้นละขยะแขยงแกนัก แค่พูดก็ขนลุกขึ้นมาเลย”
พันเทพเปิดประตูเดินเข้าในห้อง
“แกเข้ามาทำอะไรในนี้ ไอ้เมฆ”
“ก็มาดูแลทิวาน่ะสิ”
“ยุ่งไม่เข้าเรื่อง”
“ชั้นรู้ความจริงหมดแล้ว ชั้นคิดว่าเรื่องทั้งหมดนี่คงจะเป็นฝีมือแกสินะ”
“นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย” ทิวาถามอย่างแปลกใจ
“คิดไปคิดมา แกมาวันนี้ก็ดีเหมือนกัน” พันเทพไม่สนใจสิ่งที่ทิวาถาม แต่พูดกับเมฆแทน
“ทำไม”
“ชั้นจะได้เก็บไว้เป็นข้อต่อรองน่ะสิ”
“หมายความว่าไง”
เมฆขยับตัว พันเทพรีบเอาไม้ตะพดร่มตนจ่อคอยหอยไว้ทันที
“มีแกนี่ก็ดีเหมือนกัน ทำให้แผนการชั้นง่ายขึ้น”
“แผนการอะไรของแก”
“ชั้นว่าอีกไม่นาน ไม้ก็คงจะเดินทางมาหาที่นี่แล้วล่ะ”
“ทุกคนพูดเรื่องอะไรเนี่ย ชั้นงงไปหมดแล้ว พ่อให้ไอ้ไม้มาที่นี่ทำไม” ทิวาถาม
“ก็คอยดูเอาสิ”
ไม้เปิดประตูพรวดเข้ามาในห้อง เห็นพันเทพเอาร่มจ่อคอหอยเมฆ
“แกจะทำอะไรพ่อน่ะ”
“ชั้นรอเธอตั้งนานแน่ะไม้ ครบองค์ประชุมพอดี”
“หมายความว่ายังไง”
ทั้งหมดออกมาที่ด้านหลังของโรงพยาบาลโดยทิวานั่งอยู่บนรถเข็น
“แบบนี้สิถึงจะต่อสู้สะดวกหน่อย” พันเทพบอก
“ชั้นไม่ได้อยากสู้กับแก ชั้นแค่อยากพาพ่อกลับบ้าน” ไม้บอก
“ถ้าเธอไม่อยากสู้ เรื่องก็ง่ายนิดเดียว ส่งไม้ตะพดของเธอมาให้ชั้น”
“ไม้ตะพด ไอ้ไม้มีไม้ตะพดอีกอันไม่ใช่ของลูกผู้ชายนั่นเหรอ” ทิวาพึมพำออกมา
“ชั้นเกลียดแกจริงๆพันเทพ แกเที่ยวหาเรื่องชั้นกับพ่อไม่เว้นวัน กับอีแค่ไม้ตะพดอันเดียว”
“เกลียดเหรอ...เธอเกลียดชั้นได้ลงคอเลยเหรอ” พันเทพหันหาเมฆ “แกดูสิ ไม้เกลียดชั้น แกไม่คิดจะห้ามความรู้สึกนั้นหน่อยเหรอ”
เมฆอ้ำอึ้ง ไม่พูด ท่าทางของเมฆกับคำพูดของพันเทพทำให้ไม้สับสน
“อย่ามาปั่นหัวชั้นหน่อยเลย อยากจะฆ่าชั้นก็เข้ามา”
พันเทพเดินเข้าไปมองหน้าไม้ใกล้ๆ
“เธอไม่ได้เอาไม้ตะพดมาเหรอ”
“ชั้นจะสู้กับแกด้วยมือเปล่านี่แหละ”
ไม้เริ่มเป็นฝ่ายบุกพันเทพก่อนมีเมฆเข้ามาช่วยสู้ด้วย ทิวาโดนลูกหลงไม้ตะพดไปฟาดรถเข็นกระเด็นกลิ้ง เมฆเป็นห่วงถลาไปดูทิวา
“แก แกไม่ได้ขาเป๋ นี่มันอะไรกันเนี่ย”
ทิวาถามอย่างแปลกใจ ส่วนไม้เมื่อไม่มีเมฆทำให้ไม้เสียงจังหวะในการต่อสู้กระเด็นล้มไปเหมือนกัน พันเทพเอาไม้ตะพดจ่อไม้
“แกก็ฆ่าชั้นเลยสิ แต่คราวนี้เอาให้ตายนะ ไม่งั้นชั้นก็จะเอาแกตายเหมือนกัน” ไม้บอก
“หึหึ ชั้นอยากจะตายด้วยฝีมือเธอจริงๆ”
เมฆจู่โจมพันเทพด้วยความเร็ว ซัดพันเทพเสียจังหวะได้ ไม้ใช้ความเร็วกระแทกร่มของพันเทพย้อนเข้าพันเทพเอง พันเทพเสียการทรงตัวไม้แย่งร่มจากพันเทพมาได้
“พวกแกมันหมาหมู่”
“ทีแกล่ะ มีไม้ตะพดสู้กับคนมือเปล่า ทีนี้ล่ะอยากจะร้องขอชีวิตยังไงก็เชิญ”
“ไม้อย่าทำแบบนั้นเด็ดขาดนะ” เมฆบอก
“พ่อไม่ต้องมาห้าม คนเลวอย่างมัน ยังไงก็เลวอยู่วันยังค่ำ สู้ให้มันตายไปซะตั้งแต่ตอนนี้ ชุมชนเราจะมีความสุขขึ้นอีกเยอะ”
พันเทพหันไปหาทิวา
“ทิวา ช่วยด้วย” ทิวานิ่งเฉยไม่ช่วยพันเทพ “ไอ้ทิวา แกนี่มันเลี้ยงเสียข้าวสุกจริงๆ” พันเทพหันไปหาไม้ “เธอฆ่าชั้นไม่ได้หรอกไม้ เพราะเธอจะเสียใจไปตลอดชีวิต”
“ทำไม ทำไมชั้นจะต้องเสียใจที่ฆ่าคนเลวๆ อย่างแกด้วย”
“ก็เพราะชั้น...”
“พันเทพ อย่าพูดนะ” เมฆร้องห้าม แต่พันเทพไม่สนคำพูดเมฆ
“ก็เพราะชั้นคือ...พ่อของเธอยังไงล่ะ”
“โกหก แกอย่ามาโกหกเพื่อเอาตัวรอดหน่อยเลย”
“โกหกหรือไม่ เธอก็ถามไอ้เมฆ คนที่เธอเรียกมันว่าพ่อสิ”
เมฆนิ่ง อึกอัก
“ไม่จริงใช่มั้ยพ่อ พ่อบอกชั้นมาว่าไอ้พันเทพมันแค่โกหก”
เมฆลำบากใจที่จะพูด ได้แต่พยักหน้า
“จริง”
ไม้สับสนมากมือไม้อ่อนไปหมด ทำอะไรไม่ถูก
“ชั้นสลับตัวเธอกับลูกของไอ้เมฆ เพื่อให้เธอได้สืบทอดไม้ตะพดวิญญาณจากไอ้เมฆ เพื่อมาเป็นของชั้นยังไงล่ะทีนี้เข้าใจรึยังล่ะเด็กโง่”
ไม้มืออ่อนไม้ตะพดหลุดจากมือ เขาไม่อยากสู้อะไรกับใครอีกต่อไปแล้ว
“หมายความว่าไง” ทิวาถามขึ้นมา พันเทพลนลานเก็บไม้ตะพด
“ก็หมายความว่าแกไม่ใช่ลูกของชั้นไง แกน่ะเป็นลูกของไอ้เมฆนี่”
“ไม่จริง ไม่จริง เป็นไปไม่ได้”
ทิวาวิ่งเตลิดออกไป ไม้ทรุดอยู่ตรงนั้น ฝนค่อยๆ ตกลงมาแทนความรู้สึกของไม้
หลังจากรู้ความจริงไม้ไม่รู้จะไปไหนจึงตากฝนมาหาอบเชยที่บ้าน ท่าทางของไม้เหมือนกับคนไม่มีที่ไป ไม้ตะโกนเรียกอบเชยแข่งกับสายฝน
“อบเชย อบเชย”
ขณะนั้นอบเชยนั่งเหม่ออยู่ในบ้าน ยังไม่คลายความเศร้าจากเรื่องที่เธอเห็นไม้กับแพรวา อบเชย ได้ยินเสียงแว่วๆ ว่าใครเรียก เสียงไม้ดังแข่งสายฝนเข้ามาในห้อง อบเชยได้ยินก็ปาดน้ำตาแง้มหน้าต่างออกดูก็เห็นไม้ยืนตากฝนอยู่ข้างนอก อบเชยรีบปิดหน้าต่างทำตัวไม่ถูก อบเชยกลับมานั่งบนเตียงไม่สนใจเสียงไม้ ไม้ก็ยังเรียกเธออยู่อย่างนั้น
“อบเชย ชั้นขอคุยกับเธอหน่อยได้มั้ย อบเชย”
อบเชยล้มตัวนอนบนเตียงเอาหมอนปิดหู
“ชั้นไม่อยากฟัง กลับไปเถอะไม้”
อบเชยพูดเบาๆ กับตัวเอง
“อบเชย ถ้าเธอไม่ออกมาชั้นจะนั่งอยู่ตรงนี้นะ รอจนกว่าเธอจะมา”
“บ้ารึไง ยังไงชั้นก็ไม่ออกไปหรอก”
“อบเชย”
ไม้ทรุดตัวลงนั่งคุกเข่า เขาแทบไม่มีเรี่ยวแรงที่จะยืน
ทางด้านทิวา เขาเดินเปียกฝนกลับมาบ้าน ทิวายังไม่เชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“ไม่จริงหรอก เป็นไปไม่ได้ บ้านนี้เป็นของชั้น ทุกอย่างมันคือของชั้น ชั้นไม่ใช่ลูกไอ้คนขับรถขาเป๋นั่น พ่อชั้นยิ่งใหญ่ชั้นกลายเป็นลูกไอ้กระจอกได้ยังไง ไม่จริง”
ทิวายังรับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้เช่นกัน
นาฬิกาบอกเวลาตีสองแต่อบเชยยังนอนไม่หลับ ได้แต่กระวนกระวายใจ ขณะที่ไม้ยังนั่งคุกเข่าปล่อยให้สายฝนชะล้างน้ำตาอยู่หน้าบ้านศรนารายณ์ แล้วเขาก็เห็นเท้าของคนนึงก้าวย่ำน้ำแฉะๆ ออกมา ไม้เงยหน้าขึ้นมองอบเชย อบเชยกางร่มมองไม้อย่างไม่เข้าใจนัก ไม้เห็นอบเชยโผเข้ากอดเธอ อบเชยเองก็น้ำตาไหลออกมาเช่นกัน
อบเชยพาไม้เข้ามาในบ้านแล้วยื่นผ้าขนหนูให้ไม้เช็ด เธอเองก็มีผ้าขนหนูสำหรับเช็ดตัวเองเช่นกัน
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมเธอทำแบบนี้” อบเชยถามอย่างแปลกใจ
“ชั้นสับสนไปหมดแล้ว”
“เธอก็น่าจะไปหาแพรวาแฟนเธอนะ”
“อย่าพูดชื่อคนบ้านนั้นให้ชั้นได้ยินตอนนี้จะได้มั้ย”
“เธอน่ะใจร้ายมากนะไม้ เธอทำกับชั้นแบบนั้น แล้วเธอยังมาให้ชั้นเจอหน้าเธออีก เธอคิดว่าชั้นไม่มีหัวใจรึไง” ไม้เงียบ “ก็ได้ ชั้นไม่พูดอะไรก็ได้ แล้วก็จะไม่ถามด้วยว่าเกิดอะไรขึ้น ถ้าเธอจะค้างที่นี่ เธอก็นอนตรงนี้ชั้นไปนอนล่ะ”
ไม้คว้าอบเชยมากอดอีกครั้ง
“เธออยู่กับชั้นก่อนได้มั้ย ชั้นไม่อยากผ่านคืนนี้ไปโดยไม่มีเธอ”

อบเชยค่อนข้างสับสนกับอาการของไม้ แต่เธอก็แพ้ใจตัวเองที่พยายามจะทำแข็งแกร่งทุกที

 อ่านต่อหน้า 2 เวลา 17.00 น. 





 ลูกผู้ชายไม้ตะพด  ตอนที่ 12 (ต่อ)  

เช้าวันรุ่งขึ้นเมฆยืนชะเง้อคอรอไม้อยู่หน้าบ้าน

“ไม้ หายไปไหนทั้งคืนเนี่ย...”
แต่แทนที่จะเป็นไม้กลับมา กลับเป็นรถพันเทพที่แล่นมาจอดหน้าบ้าน พันเทพลงจากรถพร้อมกับสมุน เดินตรงมายังเมฆ
“ไม้อยู่ไหน”
“มีอะไรกับไม้”
“ชั้นก็เอารถมารับไม้ ให้ย้ายไปอยู่กับชั้นน่ะสิ”
“นี่แกคิดว่าความรู้สึกคนอื่นมันเปลี่ยนกันง่ายๆ แค่ย้ายบ้านก็จบรึไง แกทิ้งไม้ไปยี่สิบปีให้โตมากับคนอื่น เพียงเพราะแกอยากได้ในสิ่งที่แกต้องการ แล้วแกก็จะให้ทุกคนยอมรับในสิ่งที่แกทำได้ง่ายๆ งั้นเหรอ คนมันมีความรู้สึก มันมีหัวใจนะพันเทพ”
“แล้วแกคิดว่าตลอดเวลายี่สิบปีที่ผ่านมา คนที่รู้ทุกอย่างตลอดเวลาใช้ชีวิตอย่างมีความสุขรึไง แกต่างหากที่มองว่าชั้นไร้ความรู้สึก ไร้หัวใจ ...อีกอย่างมันก็ดีไม่ใช่เหรอที่แกได้เป็นคนเลี้ยงลูกของทิพย์ให้เติบโตขึ้นมาได้” เมฆถึงกับอึ้งไป “ให้ไม้ไปกับชั้น...แกอยากจะเอาทิวามาอยู่กับแกด้วยก็เชิญ ชั้นไม่ว่าอะไร”
“ชั้นให้ทิวาเป็นคนตัดสินใจ”
ความจริงที่เปิดเผยออกมาทำให้ทิวาไม่ได้นอนทั้งคืนและยังไม่เชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“ชั้นเกลียดมัน เกลียดไอ้ไม้ เกลียดไอ้เป๋นั่น พวกมันทำลายชีวิตชั้น ชั้นจะฆ่ามันซะ มันจะได้ไม่มีใครพูดว่าชั้นเป็นลูกมันอีก”
ทิวากำหมัดแน่น แค้นกับชีวิตของตัวเอง
ขณะนั้นศรนารายณ์เพิ่งกลับเข้าบ้าน ศรนารายณ์เดินเข้ามาในบ้านอย่างสดชื่น
“ได้ไปสอนมวยให้คนอื่นนี่เหมือนได้กลับเป็นหนุ่มอีกครั้งเลย” ศรนารายณ์เดินเข้าบ้านแล้วไปสะดุดบางอย่างเข้า ศรนารายณ์หันไปมอง “อบเชยเอาอะไรมาวางไว้ คนนี่...” ศรนารายณ์เดินไปดูใกล้ๆ “ไม้ เฮ้ย ไม้ มานอนอะไรตรงนี้ หรือว่า...” ศรนารายณ์รีบปลุกไม้ “ไอ้ไม้ ชั้นไม่คิดเลยนะว่าเธอจะเป็นคนแบบนี้ ตื่นมาคุยกันให้รู้เรื่องเลยนะ” ศรนารายณ์เขย่าจนไม้ตื่น สลึมสลือ “เฮ้ย...เธอกับอบเชย...” ศรนารายณ์คิดไปไหนต่อไหน
“คืออะไรครับ”
“ยังมาทำหน้าตายอีก”
“ไม้กว่าจะได้นอนก็เกือบเช้าแล้ว พ่อยังจะมาปลุกไม้อีกเหรอ”
“เกือบเช้า...นี่หมายความว่า” ศรนารายณ์คิดไปไกลกว่าเดิม “โธ่ลูกพ่อ เป็นสาวเป็นแส้ทำไมทำอะไรไม่เห็นแก่พ่อบ้างเลย”
ศรนารายณ์กำหมัดจะต่อยไม้ อบเชยวิ่งออกมาจากในครัวเอาตัวเข้าขวาง ศรนารายณ์จะต่อยก็ชะงัก
“พ่อจะทำอะไรของพ่อน่ะ”
“ก็มัน...”
“ไปกันใหญ่แล้ว ไม้ก็แค่มีเรื่องไม่สบายใจเลยให้ชั้นอยู่เป็นเพื่อนก็แค่นั้น”
“อ้าว...เหรอ”
“แต่มันก็ไม่ควรจริงๆ แหละครับ อบเชยเป็นผู้หญิง เดี๋ยวชาวบ้านจะเอาไปนินทาผมว่าผมขอตัวกลับก่อนดีกว่าครับ”
ไม้ลุกขึ้นจะกลับบ้าน
“ไม้...แต่ถ้าเธอไม่รู้จะไปที่ไหน มาที่นี่ได้นะ”
อบเชยบอก ไม้ยิ้มเศร้าๆ เดินออกจากบ้านไป
“ไม้มีเรื่องอะไรเหรอ” ศรนารายณ์ถามลูกสาว
“ชั้นก็ไม่รู้เหมือนกันพ่อ”
“น่าแปลก ตั้งแต่เด็กมาไม่ว่ามีเรื่องอะไร ไม้ก็ไม่เคยมาขอนอนบ้านเราซักครั้ง ไม้มันห่วงเมฆจะตายหรือว่าทะเลาะกับเมฆ...ยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่”
อบเชยคิดตามที่พ่อตนพูด
ไม้เดินผ่านตลาดเห็นชาวบ้านเดินกันขวักไขว่ใช้ชีวิตประจำวันและเห็นป้ายหาเสียงพันเทพ ไม้
หยุดนิ่งยืนมองแววตาไม่อยากเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้นชาวบ้านยืนดูรูปพันเทพ จันทร์ ชาญเดินผ่าน
“เอ็งจะไปร้านดูอะไหล่รถใช่มั้ย เดี๋ยวข้าไปซื้อกาแฟกินซักหน่อย”
ชาญบอกกับจันทร์ จันทร์ชี้ให้ชาญมองดูชาวบ้านที่มองรูปพันเทพอยู่
“ใครจะไปเลือกไอ้พันเทพมัน วันๆ ดีแต่ให้พวกมาขูดรีดชาวบ้าน” ชาวบ้านบอก
“บ่นอะไรพันเทพมันเหรอ” จันทร์ถาม
“ก็มันน่ะยังมีหน้ามาบอกอีกว่า ถ้าได้เป็นสจ.จะทำให้ชาวบ้านร่ำรวย”
ชาวบ้านกับจันทร์ ชาญเดินผ่านไป ไม้กำหมัดแน่น ชาญกับจันทร์ ไม่เห็นไม้
“เป็นไปไม่ได้ที่เราจะเป็นลูกไอ้พันเทพ เราไม่มีอะไรเหมือนมันซักนิด ไม่มีเลยจริงๆ เราจะเป็นลูกมันไปได้ยังไง พ่อเราชื่อเมฆ...พ่อเราชื่อเมฆ”
ไม้พยายามจะเชื่อในสิ่งที่ตนอยากเชื่อ
ไม้เดินกลับบ้านขณะนั้นพันเทพยังเจรจากับเมฆเรื่องไม้
“นี่ชั้นมาเจรจา ไม่ได้มาขอร้องแกให้ไม้ไปกับชั้นซะดีๆ ไม่งั้นอย่าหาว่าชั้นไม่เตือน”
“ไม้ไม่อยู่บ้านหรอกพันเทพ”
“นี่แกจะเล่นแง่กับชั้นรึไง”
“ไม้ไม่อยู่บ้านจริงๆ”
พันเทพมองหน้าสมุน พยักหน้าให้ทำการค้น
“ค้นให้ทั่ว…ถ้าเจอไม้ พาไปกับชั้น”
สมุนเข้าค้นบ้านเมฆ
“แกทำชั่วๆ กับไม้มาทั้งชีวิต แกจะให้ไม้มันรักแกเพียงข้ามคืนเพราะแกเป็นพ่อน่ะ ไม่มีทางเป็นไปได้หรอก”
“ขอบใจที่บอก แต่ชั้นไม่ต้องการคำแนะนำของแก ถ้าขืนพูดอะไรอีกแกตายแน่”
“แกบังคับทุกคนให้เป็นเหมือนแกไม่ได้หรอก”
“ไอ้เมฆ” พันเทพโมโหกับสิ่งที่เมฆพูดซัดเมฆจนหงายลงไปกอง แล้วเหยียบซ้ำ “ชั้นบอกให้แกหุบปากได้ ชีวิตของชั้น ชั้นรู้ว่าทำอะไรอยู่ไม่ต้องมายุ่ง เอาตัวเองให้รอดเถอะ”
พันเทพจะกระทืบซ้ำ ไม้เข้ามาผลักพันเทพกระเด็นออกไป
“แกอย่ามาทำพ่อชั้นนะพันเทพ”
“ไม้…พ่อมารับลูกกลับบ้าน”
“บ้านชั้นคือที่นี่ ชั้นไม่ไปไหนทั้งนั้น”
“ไม้ กลับบ้านเรากันเถอะ”
“มันไม่มีบ้านของเรา มีแต่ชั้นกับแกที่ไม่มีวันเกี่ยวพันทางสายเลือดได้ แกคงเข้าใจอะไรผิดแล้ว”
“ไม้ เธอกำลังโกรธชั้น อยากฆ่าชั้นให้ตายไปพ้นๆ ใช่มั้ย เธอน่ะไม่ยอมรับความจริง”
“หยุดนะอย่ามาพูดแบบนั้นนะ”
“ชั้นพูดความจริง เธอเป็นลูกชั้น เธอต้องยอมรับ”
“ไม่ใช่ ไม่ใช่”
“กลับบ้านกับพ่อเถอะลูก”
เสียงพันเทพแต่ละคำก้องอยู่ในหัวของไม้และเขาแทบจะทนไม่ได้ไม้คว้ามีดที่วางอยู่บนโต๊ะลุยเข้าหาพันเทพ ไม้ดันพันเทพชิดผนังมีจ่อคอพันเทพ พันเทพไม่สู้แม้แต่น้อย
“แกทำลายชีวิตทุกคน แกตายซะเถอะ ไม่มีแกซักคน…ทุกคนจะมีความสุข”
“ฆ่าพ่อซะ ถ้ามันจะช่วยให้ลูกดีขึ้น” พันเทพยิ้มเหนือกว่า
“อย่าคิดว่าชั้นไม่กล้านะ”
ไม้เงื้อมมือจะแทงคอพันเทพ เมฆสกัดที่ข้อมืออย่างรวดเร็วทำมีดหลุดมือไม้ร่วงไป ไม้หันไปมองเมฆ
“พ่อไม่เคยสอนให้ลูกฆ่าคน” ไม้ชะงักกับคำพูดเมฆ
“เพราะเธอไม่ใช่ลูกมัน เธอเป็นลูกชั้นไง เธอถึงทำแบบนี้ได้” ไม้แทบทรุดกับคำพูดของพันเทพ
“การยอมรับความจริง ไม่ได้ทำให้เรารักกันน้อยลงหรอกลูก” เมฆบอกไม้ทรุดตัวลงกับพื้น น้ำตาพรั่งพรูออกมาให้กับชีวิตตัวเอง

แพรวาเปิดประตูเข้ามาในห้องราตรีด้วยท่าทางเอาเรื่อง
“นี่มันอะไรของเธอเนี่ย เปิดเข้ามาแบบนี้ชั้นตกใจนะ”
“เธอคือคนจัดฉากเรื่องของชั้นกับไม้ ให้คุณไกรเข้าใจผิดใช่มั้ย”
“เธอพูดเรื่องอะไรแพรวา ชั้นไม่เข้าใจ”
“อย่ามาแกล้งไม่รู้เรื่องหน่อยเลยน่า ชั้นรู้ว่าเธอเป็นคนทำทั้งหมด”
“ชั้นจะไปบังคับคนอื่นให้ทำอย่างที่ชั้นต้องการได้ยังไงแพรวา เธอก็พูดไปเรื่อย”
“ชั้นชักจะหมดความอดทนกับเธอแล้วนะ ชั้นไปทำอะไรให้เธอนักหนาทำไมต้องจ้องจะทำลายกันตลอดเวลา”
“ราตรี...คนเป็นฝาแฝดกันน่ะ ถ้าคนนึงไม่มีความสุข อีกคนก็ควรจะไม่มีด้วยสิ จริงมั้ย”
“เห็นแก่ตัว”
“เธอก็เห็นแก่ตัวเหมือนกันนั่นแหละ เอาแต่ความสุขของตัวเอง ไม่ห่วงความสุขของคนอื่น แล้วอย่ามาเที่ยวกล่าวหาคนอื่นแบบนี้โดยไม่มีหลักฐานนะ”
“เธอเอาแต่เรียกร้องราตรี เธอไม่เคยสนใจความรู้สึกของใคร คอยดูเถอะกรรมจะตามเธอทัน”
แพรวาเดินเสียใจออกไปจากห้องราตรี ราตรีพูดไล่หลัง
“ทำอะไรไม่ได้มากกว่านี้รึไง เลยเอากรรมมาขู่ ทุเรศ อ่อนแอ”
ราตรีไม่ยอมรับความผิดที่ตนก่อขึ้นไว้
ขณะนั้นไกรกำลังคุยโทรศัพท์อยู่กับเจ๊กี
“ครับม้า...เรื่องผลการประเมินการทำงานผมกำลังรวบรวมให้อยู่ครับ...ไม่ต้องห่วงครับ ตอนบ่ายๆน่าจะเสร็จ... เดี๋ยวผมจะเข้าไปที่ท่ารถ...ครับม้า”
ไกรคุยโทรศัพท์เสร็จหันกลับมาด้านหลังเห็นแพรวายืนอยู่ ไกรตกใจแต่อารมณ์โกรธของเขามีมากกว่า
“มาที่นี่ทำไม ผมบอกแล้วว่าแม่ผมไม่ชอบหน้าคุณ อยากหาเรื่องให้ผมเดือดร้อนรึไง”
“ชั้นคิดถึงคุณ”
“หึ คิดถึงผม แต่ก็ไปมั่วกับคนอื่น...เอ๊ะ จะเรียกอื่นก็ไม่ถูกสิ ไม้นี่ก็คนกันเอง”
“เรื่องเมื่อวานที่คุณเห็น...มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด”
“คุณมาที่นี่เพื่อจะบอกเรื่องแค่นี้ใช่มั้ย”
“ชั้นกับไม้ไม่มีอะไรกันจริงๆ คุณกำลังเข้าใจผิด”
“คุณคิดว่าผมจะโง่ได้ตลอดไปเหรอ แม่ผมบอกตลอดว่าอย่าไปไว้ใจคนในครอบครัวคุณแต่ผมก็หลงเชื่อว่าคุณคงไม่เป็นเหมือนพ่อคุณ แต่ที่ไหนได้ผมเป็นคนโง่ในสายตาคุณจริงๆ”
“ไม่ใช่เลยนะ ถ้าไม่เชื่อเรียกไม้มาถามก็ได้”
“หึ...คุณคิดว่าผมจะเชื่อลมปากคนอื่นมากกว่าสิ่งที่ผมเห็นเองเหรอ ต้องให้เห็นตอนที่คุณกับไม้กำลังมีอะไรกันพอดี คุณถึงจะยอมรับงั้นเหรอ”
“ไกร...คุณไม่ใช่คนพูดจาแบบนี้”
“ใช่...แต่รู้ไว้เลยว่าคุณทำให้ชีวิตผมมืดลง”
“ชั้นต้องทำยังไงคุณถึงจะหายโกรธ”
“ไม่จำเป็น ไปมีความสุขกับไอ้ไม้ซะให้พอ ผมว่าคุณสองคนเหมาะกันดี คนนึงก็ไม่รู้จักบุญคุณคน อีกคนก็ชอบปั่นหัวคนอื่นไปทั่ว ส่วนผมจะเป็นคนเลวๆ อีกคนที่จะจองล้างจองผลาญคุณทั้งคู่ไม่สิ้นสุดเลยคอยดู”
“ไกร”
“ออกไปจากบ้านผม”
ไกรหันหลังให้แพรวาไม่อยากมองหน้าเธออีก แพรวาโผเข้ากอดไกร
“ไกร ชั้นขอโอกาสที่จะพิสูจน์ว่าเรื่องพวกนั้นไม่ใช่เรื่องจริง ชั้นไม่ใช่คนแบบนั้น”
ไกรแกะมือแพรวาออกจากเขา
“อย่ามาใช้มารยากับผม กลับไปได้แล้ว”
ไกรเดินออกจากห้องโดยไม่สนใจแพรวา แพรวาได้แต่ร้องไห้
หลังจากแพรวากลับไปแล้ว ไกรนั่งที่โต๊ะทำงานถือเอกสารบางอย่าง แววตาเคียดแค้นชิงชังนัก
“ไม้ แพรวา ชั้นจะไม่ยอมให้คนเลวสองคนมีความสุขบนความทุกข์ของชั้นหรอก”
ไกรมองเอกสารในมือ เป็นใบประวัติการทำงานของเมฆ
ขณะนั้นเมฆอยู่ที่ท่ารถบขส.กำลังจัดแจงเตรียมความพร้อมก่อนออกรถ เมฆมีสีหน้าเครียดๆ จันทร์เดินเข้ามาหาเมฆ
“เมื่อวานตอนเย็นลุงเมฆไปไหนมาเหรอ”
“เอ่อ…”
“อยู่ๆ ก็หายไป เจ๊กีถามถึงผมไม่รู้จะตอบว่าไง”
“เอ่อ ไปตรวจร่างกายตามหมอนัดน่ะ”
“น่าจะบอกกันซักหน่อยนะครับ แบบนี้เหมือนกำลังปกปิดอะไรอยู่เลย”
“เออ ขอโทษที พอดีรีบ”
“แต่ปกติลุงเมฆก็บอกทุกครั้งนี่ครับ ทำไมครั้งนี้…” เมฆเดินไปไม่อยากให้จันทร์ถามอะไรมาก จันทร์สงสัยเกี่ยวกับเมฆ “ทำไมต้องทำท่าทางมีพิรุธแบบนั้นด้วยหรือว่าปิดบังอะไรไว้”
จันทร์มองตามเมฆอย่างสงสัย
อบเชยถือขอบขนมปังมาให้อาหารปลาที่ท่าน้ำของวัด แล้วอบเชยก็เห็นแพรวายืนเหม่ออยู่ที่นั่น
อบเชยเดินเลี้ยวกลับทันที แพรวาหันไปเห็นอบเชยรีบเรียกไว้
“อบเชย เดี๋ยวก่อนสิ” อบเชยหยุดทั้งที่ไม่อยากจะพบหน้าและพูดคุยกับแพรวา แพรวามองขนมปังในมืออบเชย “เอามาให้ปลาเหรอ”
“กินเอง เอามากินอวด ยั่วให้ปลามันอยาก” อบเชยประชด แพรวารุ้ว่าอบเชยประชดแต่พยายามพูดดีต่อ
“คงจะได้ผลดีนะ แล้วไปเอามาจากไหนเนี่ยเยอะแยะเลย”
“ชั้นฝึกงานที่เบเกอรี่ แต่คุณคงไม่สนใจที่จะรู้หรอก ชั้นขอตัว”
“เดี๋ยวอบเชย ...เรื่องชั้นกับไม้ที่เธอเห็นน่ะ”
“ไม่ต้องพยายามทำเป็นคนดีกับชั้น”
“เธอต้องเชื่อชั้นนะ ชั้นกับไม้ไม่ได้มีอะไรกันจริงๆ”
“นี่...ไม่ต้องมาอธิบายอะไรกับชั้น มันไม่มีประโยชน์”
“แต่อบเชย เรื่องนี้มันต้องมีคนเข้าใจอะไรถูกซักคน ชั้นไม่อยากเป็นต้นเหตุทำให้ทุกคนรู้สึกแย่”
“ไม่ทันแล้ว แต่ไม่ต้องห่วงหรอกนะชั้นรักไม้มากกว่าที่คุณรัก แล้วชั้นก็จะรักต่อไป ความรักเป็นของชั้น คนอย่างคุณน่ะ ทำลายความรักของชั้นที่มีต่อไม้ไม่ได้หรอก” ก่อนไปอบเชยเดินเอาขอบขนมปังทั้งถุงโปรยให้ปลากิน ปลาแย่งกันกินใหญ่ อบเชยมองปลา “ชั้นชอบทำทาน ชั้นเอาอาหารมาให้ปลาที่นี่ประจำ ได้บุญดี” อบเชยหันมองแพรวา “แต่ทำทานกับคน...คงกุศลแรงน่าดู”

อบเชยเดินจากไป ไม่ใยดีแพรวา แพรวาได้แต่ถอนหายใจ
อ่านต่อหน้า 3





 ลูกผู้ชายไม้ตะพด  ตอนที่ 12 (ต่อ)  

อีกด้านหนึ่งที่สุสานของวัดทิวายืนอยู่หน้าโกฏิของทิพย์คนที่เขาคิดตลอดว่าคือแม่ของเขา

“มันไม่จริงใช่มั้ยแม่...พ่อโกหก ผมเป็นลูกพ่อกับแม่ใช่มั้ย”
อบเชยเดินผ่านมาทางสุสานเห็นทิวาเข้าพอดี เธอได้ยินสิ่งที่ทิวาพูด
“ทำไมต้องเป็นไอ้ไม้ ที่แย่งทุกอย่างไปจากผม”
อบเชยสงสัยสิ่งที่ทิวาพูด
“หมายความว่าไงน่ะ”
อบเชยพึมพำออกมาแล้วหาที่หลบเพื่อฟังต่อ
“เป็นมันคนเดียวที่ทำให้ผมไม่เหลืออะไร”
ทิวาเศร้าอบเชยมองอย่างสงสัย
“ไม้แย่งอะไรไปจากทิวางั้นเหรอ”
อบเชยพึมพำอย่างแปลกใจ ขณะนั้นทิวานึกบางอย่างได้
“เวตาล ใช่ เวตาลอาจจะช่วยได้”
“เวตาล”
อบเชยพึมพำอย่างตกใจ ทิวารีบเดินออกไปอบเชยแอบสะกดรอยตามไปด้วย
ทิวาจอดรถที่ชายป่าไม่ไกลจากบ้านพันเทพ ทิวาลงจากรถเดินหายเข้าไปในป่า อบเชยค่อยๆ แอบเปิดท้ายรถของทิวาที่ตัวเองแอบซ่อนมาด้วย
อบเชยเดินตามเข้าไปแล้วก็เห็นทิวากำลังคุยกับใครคนหนึ่งอยู่ อบเชยไม่เห็นหน้าเพราะจากมุมที่เธอแอบอยู่ต้นไม้บังคนที่ทิวาคุยด้วยไว้
“อะไรวะ เห็นก็ไม่เห็น เสียงพูดก็ไม่ได้ยินอีก”
อบเชยได้แต่แอบอยู่ตรงนั้น ทำอะไรไม่ได้
ส่วนจันทร์เขานึกสงสัยเมฆจึงแอบตามมาดู เมฆเดินเข้าห้องน้ำไปโดยแขวนกระเป๋าของตนไว้หน้าห้องน้ำ จันทร์รี่เข้าไปค้นดูในกระเป๋าเจอซองเอกสารเกี่ยวกับดีเอ็นเอที่ได้จากโรงพยาบาลของเมฆ จันทร์เปิดดู
“นี่มันอะไรกันวะเนี่ย ...ใบอะไร”
จันทร์ไล่ไปอ่านจนถึงผลตรวจที่ว่า เมฆกับเส้นผมของเพศชายที่ส่งไปให้ตรวจ มีความเกี่ยวข้องกันโดยสายเลือด
“นี่มันผลตรวจดีเอ็นเอนี่...ของลุงเมฆกับไม้เหรอ...ถ้าของไอ้ไม้ทำไมไม่ระบุชื่อทำไมต้องเป็นเส้นผมของเพศชาย ของใครกัน?”
เสียงกุกกักจะเปิดประตูห้องน้ำ จันทร์รีบเอาซองยัดเข้ากระเป๋าเมฆเหมือนเดิมทันทีเมฆเปิดออกมาเจอจันทร์
“เข้าไปตั้งนาน ชั้นรอจนฉี่จะราดอยู่แล้ว”
จันทร์รีบทำท่าทางว่าปวดฉี่วิ่งเข้าไปห้องน้ำ เมฆมองตามไม่ได้สงสัยอะไร
ระหว่างอยู่ในห้องน้ำจันทร์นึกถึงคำพูดเจ๊กีที่เคยพูดว่ามีเด็ก 3 คนเกิดวันเดียวกันแล้วประวัติทิวาก็เคยไปอยู่ในบ้านไม้
“หรือผลตรวจนั่นอาจเป็นของลุงเมฆกับไอ้ทิวา”
จันทร์รู้สึกได้ถึงเรื่องใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้น
ส่วนที่ชายป่าอบเชยยังแอบอยู่ที่เดิมมองเห็นทิวากำลังเดินออกมาเธอหาที่แอบที่มิดชิดกว่าเดิม มองทิวาเดินผ่านไป พอทิวาออกไปแล้วอบเชยก็เดินไปบริเวณใต้ต้นไม้ใหญ่จุดที่ทิวายืนเมื่อครู่ มองหาสิ่งผิดปกติ
“ก็ไม่เห็นจะมีอะไร”
อบเชยจะเดินไปเท้าก็ไปเหยียบบางอย่าง เป็นซากกระรอกที่ตายเธอตกใจ มองไปทั่วๆ บริเวณแล้วอบเชยก็เห็นซากหนู ซากกระรอก กระแต กระต่าย ตายเกลื่อนไปหมด
“นี่มันอะไรกันเนี่ย” ยังไม่ทันไรซากกระรอกก็หล่นมาตายจากต้นไม้ใกล้ๆ เธอ อบเชยตกใจ
“สัตว์พวกนี้เป็นอะไรตาย”
เสียงกรอบแกรบดังอยู่บนต้นไม้ เหมือนมีตัวอะไรเดินไปเดินมามองเธออยู่ อบเชยรู้สึกกลัว เธอค่อยๆ แหงนหน้าไปมองก็ไม่มีอะไร แต่พออบเชยมองไประดับปกติก็เห็นบางอย่างแว้บหายไปหลังต้นไม้
“นั่นใครน่ะ ออกมานะ”
เสียงเหยียบเศษใบไม้ วิ่งไปทางโน้นที ทางนี้ทีรอบตัวอบเชย
“เลิกปั่นหัวชั้นซะที แน่จริงก็ออกมาเผชิญหน้ากันตัวต่อตัวเลย”
เสียงกรอบแกรบของใบไม้หยุดลง มีสิ่งมีชีวิตบางอย่างกำลังเดินมาที่ด้านหลังของอบเชย อบเชยรู้สึกตัว รวบรวมความกล้าค่อยๆ หันไป
“เจ้ามาตามหาข้ารึ”
อบเชยตกใจถึงกับผงะ
“แกเองเหรอ...เวตาล”
“เด็กสาวคนนี้ คนที่ทิวา เพื่อนข้าหลงใหลสินะ”
“แกรู้ แปลว่าแกอยู่ในห้องนั้นด้วย ตอนที่ไอ้ทิวาจับชั้นไปจริงๆ สินะ”
“ฉลาด หน้าตาสะสวย รู้มั้ย ข้าห่างเหินกับสตรีมานานเท่าไหร่แล้ว”
“เวตาล...ไม่เห็นเหมือนในนิทานที่เคยอ่านเลยท่าทางแกน่ารังเกียจขยะแขยงกว่าในนิทานตั้งเยอะ”
เวตาลหัวเราะ
“ข้าเคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องของข้าที่คนเอาไปจินตนาการเป็นคุ้งเป็นแคว เล่าต่อกันไปจนแทบจะไม่เหลือความจริง”
“ชั้นไม่สนหรอก ว่าเวตาลในนิทานหรือแกจะต่างกันมากน้อยแค่ไหน เรื่องเดียวที่ชั้นสนก็คือ...ไอ้ทิวามาคุยอะไรกับแก”
“สตรีก็ยังเหมือนเดิม มักอยากรู้อยากเห็นในเรื่องของคนอื่น”
“นี่แก...ถ้าทิวามันไม่พูดถึงไม้ ชั้นไม่สนใจหรอกเรื่องของพวกแกน่ะ ไอ้ทิวาให้แกไปทำร้ายไม้ใช่มั้ย”
“มีเหตุผลอะไรที่ข้าต้องบอกเจ้า”
“คนอย่างแก จะซื่อสัตย์ต่อทิวาจริงๆ เหรอ ชั้นว่าไม่ใช่หรอก แกกำลังหวังผลอะไรบางอย่างจากไอ้ทิวาหน้าโง่นั่นต่างหาก” เวตาลหัวเราะ
“เจ้านี่ช่างมีวิจารณญาณในการคาดเดา”
“ถ้างั้น แกก็บอกมาสิว่าไอ้ทิวาให้แกไปทำอะไร เพราะถ้าแกไม่ได้หวังดีต่อไอ้ทิวาจริงๆ แกจะเก็บความลับของไอ้ทิวาไว้ทำไม”
“ข้าชอบเจ้า เจ้าเป็นสตรีที่ต่างจากสตรีที่ข้าเคยพบ เอาอย่างนี้สิ...เจ้าพาข้าไปหาเจ้าคนที่ชื่อไม้นั่น ถ้าเจ้าพาข้าไปพบชายคนนั้นโดยระหว่างทางไม่ปริปากพูดเลยซักคำ ข้าจะบอกทุกอย่างที่เจ้าอยากรู้ต่อหน้าชายคนนั้นด้วย”
“แกคิดจะเล่นเกมกับชั้น เหมือนในนิทานเวตาลอย่างนั้นน่ะเหรอ”
“ถ้าเจ้าทำไม่ได้ เจ้าต้องยกวิญญาณของเจ้าให้กับข้าแบบนี้ดีมั้ยล่ะ”
“ถ้าแกชนะ แกได้วิญญาณชั้น แต่ถ้าชั้นชนะ ชั้นได้แค่รู้ว่าแกกับไอ้ทิวาวางแผนอะไรกัน มันไม่เอาเปรียบกันไปหน่อยเหรอ”
“แล้วเจ้าอยากได้อะไรแลกเปลี่ยนกับวิญญาณเจ้าล่ะ”
“ชั้นขอแค่ ถ้าชั้นชนะ ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น แกห้ามทำร้ายไม้แม้แต่ปลายเล็บ”
“คุ้มแล้วเหรอ ที่เจ้าเอาวิญญาณของเจ้ามาวางเดิมพันเพื่อคนอื่นน่ะ”
“ไม้คือทุกอย่างของชั้นไม่ใช่คนอื่น”
“ที่มนุษย์พูดกันว่าความรัก...ทำให้คนตาบอดมันเป็นแบบนี้เองสินะ ตกลง ข้ายอมทำตามข้อเสนอเจ้า ถ้าตลอดทางที่เจ้าพาข้าไปหาเจ้าไม้ เจ้าเอ่ยปากพูดแม้แต่คำเดียว วิญญาณของเจ้าจะตกเป็นของข้า”
“แต่ถ้าชั้นปิดปากสนิทจนแกเจอไม้ได้ละก็ แกไม่มีสิทธิ์ทำอะไรไม้ ไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งสิ้น” อบเชยกับเวตาลจ้องหน้ากัน ไม่มีใครยอมใคร “ชั้นจะกลับมาอีกที แกอย่าเพิ่งหนีไปไหนล่ะ”
อบเชยเดินออกไปเวตาลมองตาม
“หากเจ้าเอาชนะข้าได้จริง ข้าก็จะลืมเรื่องที่ข้าตกลงกับไอ้ทิวาว่าจะช่วยฆ่าไอ้ไม้นั่นแต่การที่ข้าจะชิงไม้ตะพดวิญญาณมา มันก็อยู่นอกเหนือข้อตกลงนะ”
เวตาลบอกด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์
ระหว่างนั้นที่บ่านเมฆไม้เก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าจนหมด ไม้ถือกระเป๋าเตรียมตัวออกจากบ้าน ไม้
มองดูบ้านเหงาๆ มองดูรูปเขาวัยเด็กที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ ไม้เดินไปที่ที่นอนของเมฆแล้ววางชุดลูกผู้ชายที่ถูกพับอย่างเรียบร้อย ไม้ถอยออกมาแล้วมองมันอย่างอาลัย
อีกด้านหนึ่งขณะนั้นเมฆเดินเข้ามาในห้องทำงานของไกรด้วยหน้าตาอมทุกข์ ไกรมองเมฆด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป
“สวัสดีครับคุณไกร”
“เชิญนั่ง”
“คุณไกรมีเรื่องอะไรจะคุยกับผมเหรอครับ”
“หายดีรึยังล่ะ สีหน้ายังดูแย่ๆ อยู่นะ”
“ดีขึ้นมากแล้วครับ”
“คือยังงี้ ผมเพิ่งประเมินการทำงานของปีนี้ของคนขับรถแล้วกระเป๋ารถทุกคน ผมเห็นว่าหลายเดือนที่ผ่านมานี้คุณลางานตลอดเลย”
“ก็มีปัญหาหลายเรื่องน่ะครับผมต้องขอโทษคุณไกรด้วย”
“คือผมมาคิดๆ ดูแล้ว คนขับรถเนี่ยต้องเป็นคนที่มีความรับผิดชอบสูง เพราะต้องรับผิดชอบชีวิตผู้โดยสารในทุกๆ วัน แต่ไอ้การลางานของคุณที่ผ่านมามันไม่ค่อยแสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบที่ผมพูดถึงเท่าไหร่นัก มันสร้างปัญหาให้ทางเราต้องเพิ่มค่าใช้จ่ายในการจ้างคนมาแทน เพราะลูกคุณก็ไม่ใช่ว่าจะมาทำงานแทนคุณทุกวัน ถ้าเรายังจ้างคุณต่อไปเนี่ย เราก็ไม่รู้ว่าคุณจะมาป่วยอีกเมื่อไหร่ หรือจะป่วยตอนขับรถมั้ย มันเหมือนว่าภาระจะตกอยู่ที่เราอย่างเดียว คุณเข้าใจใช่มั้ย”
“ครับ”
“ทางเราจะเปลี่ยนแปลงรูปแบบของรถบขส.ใหม่ เราจึงอยากได้คนที่เหมาะกับงานมากกว่าคุณ ผมจึงอยากให้คุณไปหาอะไรอย่างอื่นที่เหมาะสมกับสมรรถภาพร่างกายของคุณจะดีกว่า”
เมฆก้มหน้ายอมรับ
“ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจ”
“คุณออกได้เลยนะ ผมจ้างคนมาแทนคุณแล้ว” ไกรบอกพร้อมกับยื่นซองให้เมฆ “นี่คือเงินชดเชยที่คุณควรจะได้”
“ผมสร้างปัญหาไว้เยอะ คงไม่กล้ารับหรอกครับ...เดี๋ยวผมขอตัวไปเก็บของ”
เมฆก้มหน้าเศร้าๆ เดินออกไป ไกรมองตามอย่างเห็นใจ
“ที่ลุงต้องมารับเคราะห์แบบนี้ เพราะคุณโชคร้ายที่มีลูกชายแบบไม้”
ไกรพึมพำออกมา
เมฆขึ้นมาเดินดูรถตนเองเป็นครั้งสุดท้าย เขาค่อยๆ เก็บของที่วางไว้ประจำทั้งผ้าเช็ดตัวหรือรูปไม้ที่ติดอยู่ที่รถ เมฆเดินไปหยิบคันเกียร์เดิมที่ใต้เบาะยาวจะมาเปลี่ยนกับคันเกียร์ดัดแปลงที่เป็นไม้ตะพด เมฆดึงเกียร์ไม้ตะพดขึ้นมา ไกรมาเห็นพอดี
“นั่นทำอะไรน่ะ”
“เอ่อ...คือ...”
“เอาแต่ของส่วนตัวของตัวเองกับไป อย่ายุ่งอะไรกับสมบัติของบริษัท”
ไกรยืนจ้องเมฆไม่วางตา เมฆจึงต้องทิ้งไม้ตะพดไว้ที่คันเกียร์รถแล้วเดินลงจากรถไป ไกรมองตามเมฆไปอย่างเห็นใจ
ไม้เดินถือกระเป๋าออกมาจากบ้าน จันทร์มาหาที่บ้านพอดี
“เฮ้ยไม้...นั่นแกจะไปไหน”
ไม้อึกอัก ไม่รู้จะตอบจันทร์ว่าอะไรดี
ไม้กับจันทร์มาคุยกันที่ท่าน้ำของวัด ไม้มีสีหน้าไม่สบายใจเหม่อมองออกไปไกล จันทร์มองไม้อย่างเป็นห่วง
“ตกลงว่า เรื่องที่ชั้นเดามันเป็นเรื่องจริงใช่มั้ย”
“แกอย่าเพิ่งพูดกับใครไปนะ ชั้นไม่อยากให้มันเป็นเรื่องใหญ่”
“ไม่ต้องห่วงน่า แค่นี้มันก็เป็นเรื่องใหญ่พอแล้ว”
“ขอบใจนะ ชั้นไม่รู้ต้องทำหน้ายังไงเวลาเจอหน้าพ่อ”
“แล้วแกจะไปอยู่ไหน”
“ชั้นก็ยังไม่รู้”
“แกปฏิเสธที่จะไม่รู้สึกอะไรกับความผูกพันไม่ได้หรอกนะไม้” ไม้นิ่ง ใจเห็นด้วยกับจันทร์ “แกหนีให้ตายก็หนีความรู้สึกตัวเองไม่พ้นหรอก ชั้นไม่รู้ว่าชั้นควรจะบอกแกดีรึเปล่านะ แต่วันนี้คุณไกรไล่ลุงเมฆออกว่ะ”
“ห๊า อะไรนะ เรื่องอะไร”
“ชั้นก็ไม่รู้ แต่ลุงเมฆแกเก็บของออกมาหมดแล้ว” ไม้ร้อนใจ รีบไปหาไกรทันที “แกจะหนีจากลุงเมฆไปได้ยังไงไอ้ไม้”
จันทร์ตามไม้ไป
ไม้เปิดประตูพรวดเข้ามาในห้องทำงานไกร ไกรเงยหน้ามองนิ่งๆ ไม่สนใจไม้นัก
“คุณไกรไล่พ่อผมออกทำไม”
“เราต้องการคนที่มีประสิทธิภาพมากกว่านั้น”
“พ่อผมทำงานไม่ดีตรงไหน พ่อทำงานมาเป็นสิบๆ ปี ไม่เคยมีปัญหา”
“ก็ทำงานกับชั้นแล้วมันมีปัญหานี่”
“ไม่จริง ไม่เกี่ยวกับพ่อหรอก คุณไกรโกรธผมกับคุณแพรวาใช่มั้ย ถ้าเป็นเรื่องนั้นเป็นเรื่องเข้าใจผิด ผมกับคุณแพรวาไม่มีอะไรกัน”
“หยุดพูดถึงเรื่องนั้นซักที ชั้นไม่อยากอารมณ์เสีย”
“ไม่พูดไม่ได้หรอกก็คุณเข้าใจผิด มันมีคนบอกให้ผมไปช่วยคุณแพรวาที่นั่น ผมก็ไปช่วย”
“เลิกแต่งเรื่องโกหกคนอื่นซักที เสียแรงที่ชั้นไว้ใจเธอมาตลอดนะไม้ เธออยากรู้อะไรชั้นก็สอนให้ ให้โอกาสเธอได้ทำนั่นทำนี่ เธอทำกับชั้นแบบนี้คิดว่าชั้นจะให้อภัยเธอรึไง”
“แต่ผมไม่ได้ทำอะไร และผมก็ไม่มีทางทำอะไรคุณแพรวาแบบนั้นด้วยที่ผมเคยบอกคุณว่าผมอดห่วงคุณแพรวาไม่ได้ ผมก็เพิ่งรู้ความจริงเหมือนกันว่าที่ผมรู้สึกแบบนั้น เพราะจริงๆ แล้วคุณแพรวาเป็นน้อง...”
“หยุดพูดซะที ชั้นไม่อยากฟังคำแก้ตัวอะไรทั้งนั้นออกไปจากห้องชั้น”
“คุณไกรต้องฟัง คุณอยากจะเกลียดผมยังไงก็ตามใจ ผมไม่แก้ตัวก็ได้แต่พ่อผมไม่เกี่ยว คุณต้องให้พ่อกลับมาทำงาน”
“ออกไป ไม่งั้นชั้นจะเรียกคนมาไล่เธอ”
จันทร์ตามไม้เข้ามา
“ไปก่อนเถอะไม้ ไปก่อน”
จันทร์ลากไม้ออกไป ไกรหงุดหงิดมาก
คนในท่ารถชะเง้อดูกันใหญ่ จากเสียงทะเลาะของไกรกับไม้ที่ดังออกมา
“ไอ้ไม้ แกจะไปขึ้นเสียงกับเค้าได้ยังไงมันไม่มีอะไรดีขึ้นหรอก” จันทร์บอก
“แต่เค้าทำไม่ถูก”
“ไม่มีใครสนใครคนถูกคนผิดกันแล้ว ลุงเมฆแกยอมออกไปแล้วคนที่แกควรจะอยู่ด้วยที่สุดเวลานี้ก็คือลุงเมฆ ไม่ใช่มาเที่ยวทะเลาะกับใครแบบนี้”
ไม้สงบลงกับคำพูดของจันทร์
ค่ำวันนั้นขณะที่ศรนารายณ์กำลังชกลมราวกับกำลังจะขึ้นชกอีกครั้งในบ้าน อบเชยเดินไปเดินมาหาบางสิ่ง ศรนารายณ์มองตาม
“หาอะไรน่ะอบเชย”
“เชือก พ่อเห็นเชือกมัดใหญ่ๆ มั้ย ชั้นเคยเห็นว่าบ้านเรามีนะ”
“จะเอาไปทำอะไร”
“ล่าสัตว์” ศรนารายณ์หัวเราะ
“แกคิดว่าแกเป็นคาวบอยรึไง ใช้บ่วงบาศคล้องกวางมาซักตัวดีมั้ยวันนี้”
“เอาน่า เห็นมั่งมั้ยล่ะเชือกน่ะ”
“หลังบ้านโน่นละมั้ง” อบเชยรีบเดินออกไปดู “ไอ้ลูกคนนี้มันชักจะแปลกขึ้นทุกวัน”
อบเชยเดินมารื้อที่หลังบ้านเจอเชือกม้วนหนึ่ง อบเชยดีใจ หยิบไฟฉายที่เตรียมไว้ส่องไปมา
“คราวนี้ล่ะ เวตาลก็เวตาลเถอะ หนีชั้นไม่พ้นหรอก”
ศรนารายณ์เดินเข้ามา
“บ่นอะไรพึมพำ”
“คอยดูนะพ่อ ชั้นจะไม่ปล่อยให้ไม้ต้องถูกไอ้ทิวารังแกอีกแล้ว ชั้นต้องรู้แผนการชั่วๆ ของไอ้ทิวาให้ได้”
“ด้วยเชือกเนี่ยเหรอ...ไหวมั้ยลูกเอ้ย”

ศรนารายณ์ห่วงๆ อบเชย ในขณะที่อบเชยมีแววตามุ่งมั่น
 
อ่านต่อตอนที่ 13 พรุ่งนี้ เวลา 9.00 น.




กำลังโหลดความคิดเห็น