xs
xsm
sm
md
lg

ปีกมงกุฎ ตอนที่ 18 จบบริบูรณ์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ปีกมงกุฎ ตอนที่ 18 อวสาน

สลิลทิพย์กลัดกลุ้มและร้อนรนใจสุดจะทนกับการตัดสินใจของอรสินีมาก จึงนัดเจอริสาที่ร้านกาแฟประจำ พอมาถึงคุณป้าขาเมาท์ยื่นหน้าเข้ามาถามอย่างตกใจ

“หนูอรบอกเลิกกับนนท์เหรอ ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย ก็วันก่อนยังมาทานข้าว คุยกันเรื่องหมั้นอยู่หยกๆ”
สลิลทิพย์ยังโกรธกรุ่นๆ “ก็นั่นซิ ปล่อยให้ชั้นพูดฉอดๆ ฝันเฟื่องเป็นเรื่องเป็นราว”
ริสาถอนหายใจ “น่าเสียดายนะ รักกันมาตั้งนาน” คุณป้าขาเม้าท์นึกบางอย่างขึ้นได้ หันขวับมาทางสลิลทิพย์ “เลิกกันเพราะยายตรีอัปสรรึเปล่า”
สลิลทิพย์มั่นใจ “ยายอรไม่พูดถึงซักคำ แต่ชั้นว่าต้องเป็นมันแน่ๆ”
“แล้วเธอจะทำยังไง”
สลิลทิพย์ยิ้มร้าย “ชั้นก็จะทำในสิ่งที่แม่ควรจะทำให้ลูกน่ะซิ”
“งั้นก็ไปที่ร้านมันเลย”
สลิลทิพย์ทำหน้าเบื่อๆ เซ็งๆ ที่เพื่อนขาเม้าท์ตกข่าว ก่อนจะลอยหน้าลอยตาพูดอย่างสะใจ
“นี่เธอตกข่าวไปได้ยังไง คุณหญิงสุดสวาทไล่มันออกจากห้างไปแล้ว ไม่มีห้องเสื้อมันแล้วย่ะ”
“แล้วเธอจะไปจัดการมันที่ไหน”
สลิลทิพย์ไม่ตอบ แต่มองหน้าริสาอย่างมีเลศนัย

ดารินทร์นั่งดูเรฟเฟอเรนซ์ในหนังสือแฟชั่นอยู่ในห้องโถง โดยมีกระดาษร่างแบบอยู่ข้างๆ
“คุณผู้หญิงคะ”
เสียงปิ๋มร้อนรน และดัง จนดารินทร์ต้องเงยหน้าขึ้นมอง และเห็นสลิลทิพย์ก้าวพรวดๆ เข้ามาในบ้าน มีริสาตามมา ส่วนปิ๋มวิ่งเข้ามาอยู่ข้างดารินทร์ ปกป้องเจ้านายเต็มอัตรา
“ปิ๋มถามก็ไม่บอกค่ะ ว่าชื่ออะไร ผลักปิ๋มแล้วก็เข้ามาเลยค่ะ”
ดารินทร์มองปิ๋มแล้วหันไปทางสลิลทิพย์
“มีธุระอะไรไม่ทราบ”
“ลูกสาวเธออยู่ไหน”
“ไม่อยู่ มีอะไรกับลูกสาวชั้น”
“มีซิ...มีมากด้วย”
ดารินทร์มองสลิลทิพย์เหมือนจะถามด้วยสายตาว่า “มีอะไรก็ว่ามา” สลิลทิพย์มองดารินทร์ตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างมีมาด ริสามองดารินทร์กับสลิลทิพย์แล้วก็โพล่งออกไปก่อน
“ลูกสาวเธอไปยั่วยวนคุณนนท์ แฟนของหนูอร”
ดารินทร์เหลียวขวับไปมอง “แล้วไง”
“สันดานแมวขโมยอย่างมัน....แยกแยะผิดชอบ ชั่วดี ไม่ออกหรอก” สลิลทิพย์บอก
ดารินทร์ของขึ้น “มันจะมากไปแล้วน่ะ บุกรุกเข้ามาในบ้านชั้น แล้วยังมาฉอดๆ ด่าเจ้าของบ้านอีก...ดีแต่ว่าคนอื่น หัดดูตัวเองมั่งเหอะ ว่าไร้มารยาทแค่ไหนมีใครสั่งสอนมั่งรึเปล่าเนี่ย หรือว่าสอนแล้วไม่จำ”
สลิลทิพย์กรี๊ด “นังดารินทร์”
ขาดคำนั้นเองสลิลทิพย์ถลาจะเข้ามาทำร้ายดารินทร์ แต่ปิ๋มเข้ามาขวางไว้ก่อน พร้อมลุย

สลิลทิพย์ชะงัก ริสาก็เข้ามาประกบพร้อมช่วยสลิลทิพย์เช่นกัน

สองฝ่ายประจัญหน้ากันนิ่งนาน จนดารินทร์เอ่ยขึ้น

“ถ้าเธอแตะต้องตัวชั้นหรือคนของชั้นล่ะก้อ ชั้นเอาเรื่องถึงตำรวจแน่ บุกรุก แล้วยังทำร้ายร่างกายอีก”
สลิลทิพย์เจ็บใจ แค้นใจ ที่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบดารินทร์ ริสาแทรกขึ้น
“รีบด่า รีบกลับเถอะ สลิล”
“บอกลูกเธอด้วยนะ ว่านนท์รักอร อย่าเข้ามาแทรกให้ผู้ชายเค้าไขว้เขวบาปกรรมมันจะตามทัน หรือว่าชอบเป็นของเล่นของผู้ชาย ไม่ชอบเป็นของจริงใช่ไม๊”
ปิ๋มมองดารินทร์ที่เอาแต่เงียบท่าทีอัดอั้น จึงหันมาพูดกับสลิลทิพย์
“คุณตรีไม่ได้แทรกนะคะ แต่คุณนนท์เข้ามาหาคุณตรีก่อน”
“ต๊าย...นี่เป็นกันทั้งบ้านเลยเหรอ” สลิลทิพย์หันไปทางดารินทร์ “ล้างสมองไม่เว้นคนใช้เลยนะ”
“จบรึยัง...ถ้าจบแล้ว ก็ออกไปจากบ้านชั้นได้แล้ว”
“ชั้นหวังว่าลูกเธอจะมีสำนึกน่ะ ยกเว้นจะอยากเป็นเมียน้อย เจริญรอยตามรอยเท้าแม่ แล้วอย่าคิดว่าเธอรักลูกเธอเป็นคนเดียวนะ เพราะชั้นก็รักลูกชั้นเหมือนกัน”
สลิลทิพย์พูดอย่างเอาจริง ก่อนจะเดินเริดๆเชิดๆออกไป ดารินทร์มองตามไปอย่างเจ็บใจระคนอัดอั้น

ฟากคุณดิษฐ์มองดูข่าวจากในจอคอมพ์อย่างพอใจ ก่อนจะหันไปทางชญานนท์พูดขำๆ
“เห็นข่าวคู่จิ้นพระเอกนางเอกในละครมาตั้งเยอะแล้ว...เพิ่งจะเคยเห็นคู่จิ้นนางเอกกับผู้บริหารช่อง”
“สื่อก็จับคู่ไปเรื่อยละครับ พยายามหาข่าวแปลกๆ มานำเสนอ”
“แต่ก็โอเคนะ เป็นกระแส แถมเรตติ้งยังดีกว่าคู่จิ้น พระเอก นางเอกซะอีก” คุณดิษฐ์พูดแหย่ “พ่อว่า เรื่องหน้า นนท์เป็นพระเอกคู่กับตรีเลยไม๊”
“คุณพ่อครับ”
คุณดิษฐ์หัวเราะ “พ่อพูดเล่น”
ชญานนท์พลอยยิ้มเขินๆ ไปด้วย คุณดิษฐ์มองลูกชายอย่างจริงจัง
“แต่มีคำถามซีเรียสจะถาม”
ชญานนท์มองหน้าพ่อตั้งใจฟัง
“นนท์รักใครกันแน่ อรสินีหรือว่าตรีอัปสร”
ชญานนท์อึ้งไม่คิดว่าพ่อจะถามประโยคนี้ “ทำไมพ่อถามแบบนี้ล่ะครับ”
“จริงๆก็ไม่อยากถามหรอก แต่ดูไปดูมา พ่อชักไม่แน่ใจ ถ้านนท์ยังรักหนูอรเหมือนเดิม แล้วนนท์มามีข่าวกับตรีอัปสรบ่อยๆ มันจะไม่ดีน่ะ ผู้หญิงให้มั่นใจเราแค่ไหนแต่ถ้าเจอข่าวแบบนี้ก็มีไขว้เขว หรือว่า นนท์เปลี่ยนใจ”
ชญานนท์มองพ่อขณะคิดหาคำพูดมาตอบ แต่คุณดิษฐ์พูดต่อ
“ถ้านนท์ชอบตรีจริงๆ พ่อก็รับได้นะ แต่ก็ควรจะเคลียร์กับหนูอรกับคุณสลิลด้วย ผู้ใหญ่จะได้ไม่มีปัญหากัน”
“คุณพ่อครับ ผมยังรักน้องอรเหมือนเดิมนะครับ แต่ผมมีเรื่องบางอย่างที่ต้องทำ ก็เลยต้องไปกับตรีบ่อย”
“เรื่องที่ต้องทำ เรื่องอะไร”
ชญานนท์ยิ้มนิดๆ “ตอนนี้ ไม่มีอะไรแล้วครับ ผมจะรีบเคลียร์ตัวเองแล้วจะให้คุณพ่อไปสู่ขอน้องอร”
“เฮ้ย พ่อว่าใจเย็นๆ ก่อนดีกว่า ตอนเนี่ยกระแสนนท์กับตรีกำลังดี จะเคลียร์อะไรก็นึกถึงผลได้ผลเสียของไทยเทนด้วย เรตติ้งดีขนาดนี้ พ่อตั้งใจว่าจะเปิดละครพร้อมกันสองเรื่องเลย เรียกอรกับตรีเข้ามาคุยกันหน่อย พรุ่งนี้ก็ได้”
“ครับ”

ชญานนท์เครียด ออกอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

ตรีอัปสรเข้าบ้านมา รับรู้เรื่องจากแม่ก็ยักไหล่พรืดอย่างไม่สนใจ

“ตรีเคยบอกแม่แล้วไง ว่าคุณนนท์กับคุณอรเค้ายังไม่ได้เป็นอะไรกัน ยายป้ามหาภัยนั่น แจ๋นไม่เข้าเรื่องเอง”
“เค้าก็คิดว่าแกไปแย่งผู้ชายของลูกเค้าน่ะซิ”
ตรีอัปสรเบ้ปาก “คิดเข้าข้างตัวเอง ไม่ได้ลืมตาดูเล้ย ว่าลูกสาวจืดชืดน่าเบื่อขนาดไหน”
“ถ้าคุณนนท์เค้าชอบแกจริง เค้าควรจะจัดการเรื่องนี้ให้จบ ไม่ใช่ปล่อยให้ยายสลิลมาอาละวาดพาลเป็นหมาบ้าไปทั่วแบบนี้”
“บางทีคุณนนท์อาจจะเคลียร์กับคุณอรไปแล้วก็ได้ แต่ยายแม่ไม่รู้”
ตรีอัปสรเหมือนจะคิดอะไรได้ ขยับลุกขึ้น ดารินทร์มองตาม
“แกจะไปไหนอีก ยายตรี”
“ตรีก็จะไปถามให้แน่ๆ น่ะซิ ว่าเรื่องไปถึงไหนแล้ว”
ท่าทีตรีอัปสรมุ่งมั่นมาดหมาย ในภารกิจนี้มากๆ

อรสินีเดินตรงเข้าไปด้านในสุดของร้านกาแฟบรรยากาศดี ตรงมุมค่อนข้างส่วนตัว ตรีอัปสรนั่งรออยู่แล้ว หล่อนหันมามอง พลางถอดแว่นกันแดดออก เอ่ยทัก
“นึกว่าคุณอรจะไม่มาซะอีก”
“ถ้าอรไม่มา อรก็จะบอกตั้งแต่ตอนที่ตรีโทร.ไปหาแล้วล่ะ”
“ก็เผื่อจะเปลี่ยนใจกะทันหันไงคะ”
อรสินีเยื้อนยิ้ม “อรไม่เปลี่ยนใจหรอก ตั้งแต่ปิดกล้องก็ไม่ได้เจอตรีเลย จริงๆ ต้องพูดว่า ไม่ได้เจอใครเลยมากกว่า”
อรสินีคุยเป็นปกติเหมือนเดิม ในขณะที่ตรีอัปสรพยายามมองหาพิรุธ แต่ก็ไม่เจอ
“แล้วคุณนนท์ล่ะคะ เจอกันบ้างรึเปล่า”
อรสินีชะงักไปนิดหนึ่ง เพราะไม่คิดว่าตรีอัปสรจะถามตรงๆแบบนี้
“ก็ไม่ค่อยเจอเท่าไหร่” อรสินีเปลี่ยนเรื่องพูด “ตรีเป็นยังไงบ้าง เจอเพื่อนคนอื่นบ้างไม๊”
ตรีอัปสรมองอรสินีแล้วถอนหายใจเบาๆ ดูออกว่าอรสินีพยายามเปลี่ยนเรื่อง
“ตรีขอถามตรงๆเลยนะคะ อย่าหาว่าตรีละลาบละล้วงเลย คุณอรกับคุณนนท์ยังคบเป็นแฟนกันอยู่รึเปล่าคะ”
อรสินีมองตรีอัปสรเหมือนนึกไม่ถึงว่าตรีอัปสรจะถาม
“ที่ถามก็เพราะเรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับตรีด้วย เราเป็นผู้หญิงเหมือนกันคุณอรคงเข้าใจความรู้สึกของตรีนะคะ”
อรสินีมองหน้าตรีอัปสรนิ่งไม่พูดอะไร ตรีอัปสรพูดต่อ
“ก่อนหน้านี้ คุณนนท์อาจจะชอบคุณอร แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้ว คุณอรเข้าใจใช่ไม๊คะ ผู้ชายที่เป็นสุภาพบุรุษบางทีเค้าก็คิดมากนะคะ ถ้าจะบอกเลิกกับผู้หญิง โดยเฉพาะผู้หญิงเรียบๆแบบคุณอร เค้าก็เลยต้องหาทางบอกเลิกด้วยวิธีอื่นที่ไม่ใช่คำพูด อาจจะแสดงออกด้วยการกระทำเลิกแทนคำพูด คุณอรเข้าใจมั้ยค่ะ”
อรสินีพูดช้าชัด

“อรกับพี่นนท์ ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้ว เราคุยกันจบไปแล้ว”

คำพูดนั้นทำให้ตรีอัปสรค่อยๆ คลี่ยิ้มออกมาอย่างดีใจ

“เหรอคะ แหม...ตรีก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน คุณนนท์ก็พยายามจะบอกตรีนะคะ แต่ตรีไม่แน่ใจ สงสัยตั้งใจจะเซอร์ไพร์สตรี ตอนขอแต่งงาน”
ตรีอัปสรพูดไปก็จับสร้อยคอที่ชญานนท์ให้ไว้ไปอย่างจงใจ อรสินีมองสร้อยนิ่งๆ ตรีอัปสรลงดาบต่อทันที
“สร้อยคุณนนท์ซื้อให้น่ะค่ะ ให้เป็นของขวัญวันเดทครั้งแรกของเราวันที่มีรูปเต้นรำออกสื่อนะค่ะ คุณอรจำได้ไม๊คะ”
“จำได้”
ตรีอัปสรคิดอะไรได้ “ตรีลืมไปเลย คุณอรจะดื่มอะไรดีคะ สั่งเลยค่ะ”
“ตรีจะถามอรเรื่องพี่นนท์เท่านี้ใช่ไม๊ ถ้าไม่มีอะไรแล้วงั้นอรขอตัวดีกว่า”
“ขอบคุณนะคะที่มา”
อรสินีลุกขึ้น “ไม่เป็นไร”
ตรีอัปสรบอกอีกคำ น้ำเสียงเชือดเฉือน “แล้วก็ขอบคุณ ที่ปล่อยคุณนนท์ให้เป็นอิสระ”
อรสินียิ้มใจเย็น “อรไม่เคยจับพี่นนท์ แล้วอรจะปล่อยพี่นนท์ได้ยังไง พี่นนท์เป็นอิสระมาตลอด”
อรสินียิ้มให้ก่อนจะเดินไป ตรีอัปสรมองตามเปลี่ยนสีหน้าจากยิ้มๆเป็นแค้นใจ
“อกหักรักคุดขนาดนี้แล้ว ยังอวดดีอีก”
ตรีอัปสรเบ้ปากอย่างหมั่นไส้

ขณะที่สลิลทิพย์นั่งอ่านเอกสารอยู่ในบ้าน อรสินีเดินเข้ามา สีหน้าซีดสลดชัดแจ้ง สลิลทิพย์เงยหน้าขึ้นมอง
“อร ไปไหนมาลูก”
อรสินียิ้ม “ไปหาเพื่อนค่ะ”
สลิลทิพย์แปลกใจ “ไปหาเพื่อน เพื่อนที่ไหน”
อรสินีมองหน้าสลิลทิพย์แล้วหัวเราะเบาๆ กลบเกลื่อน
“คุณแม่พูดเหมือนอรไม่มีเพื่อน” พลางพูดเล่นสนุกๆ “อรมีเพื่อนเยอะเลยนะคะ”
“จ้า...แล้วไปกับเพื่อนที่ไหนล่ะ เพื่อนที่ชื่อ ตรีอัปสรรึเปล่า”
สลิลทิพย์พูดดักคอ อรสินีซึ่งกำลังยิ้มแย้มอารมณ์ดีอยู่ หน้าเจื่อนลงเล็กน้อย เสียงไลน์ดังขัดขึ้นพอดี อรสินีหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู สลิลทิพย์มองอย่างสนใจใคร่รู้
“ใครไลน์มา”
“คุณรัตน์ค่ะ ให้เข้าไปประชุมพรุ่งนี้ที่ไทยเท็น”
“รู้ไม๊ว่ามีใครไปบ้าง นังตรีมันไปด้วยรึเปล่า”
“ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ”
“พรุ่งนี้ แม่จะไปด้วย”
“ค่ะ”

สลิลทิพย์มองอรสินีแล้วก้มลงอ่านเอกสารต่อ สีหน้าครุ่นคิดตริตรอง

อ่านต่อหน้า 2

ปีกมงกุฎ ตอนที่ 18 อวสาน (ต่อ)

รุ่งเช้า อรสินีเดินเข้ามพร้อมกับสลิลทิพย์ในตึกไทยเท็น ท่าทางอรสินีร้อนรน แต่สลิลทิพย์กลับเดินทอดน่องไม่รีบร้อนใดๆ จนอรสินีหันไปทางแม่

“อรรีบเดินไปก่อนนะคะ เลยเวลานัดแล้ว...อรไม่อยากสาย”
“สายนิดสายหน่อยจะเป็นไรไป คนสำคัญเค้าไม่ไปก่อนเวลาหรอก”
อรสินียิ้ม “แต่อรไม่ใช่คนสำคัญนะคะ”
อรสินีรีบเดินเร็วขึ้น เป็นจังหวะที่รัตน์เดินแกมวิ่งมาพอดี
“อร มาพอดีเลย รีบไปเถอะ ทุกคนรออยู่”
“ค่ะ”
รัตน์คว้าแขนอรสินีไป แล้วนึกขึ้นได้ว่า สลิลทิพย์ยืนอยู่ จึงยกมือไหว้
“สวัสดีค่ะ ขอตัวน้องอรไปก่อนนะคะ”
รัตน์ดึงแขนอรสินีไป โดยที่สลิลทิพย์ยังค้างอยู่ในท่ารับไหว้ แต่พูดอะไรไม่ทัน สลิลทิพย์ได้แต่ค้อนควักตามหลังไป

เวลานี้ คุณดิษฐ์นั่งเป็นประธานที่หัวโต๊ะประชุม มีชญานนท์ นั่งอยู่ด้านเดียวกับรัตน์และติ๊น่า ฝั่งตรงข้าม คือตรีอัปสร และอรสินีนั่งอยู่
คุณดิษฐ์เอ่ยขึ้น “ละคร “ เล่ห์ร้าย สายสวาท” เรตติ้งดีมาก...เรียกว่า ถล่มทลายเลยดีกว่า ตอนแรกผมก็ตั้งใจจะให้เพิ่มตอน แต่คุณติ๊น่าแนะนำว่าให้จบสวยๆ แบบนี้ดีแล้ว”
“ใช่ค่ะ ถ้าเราไปเพิ่มตอน เรื่องมันอาจจะยืดย้วย ไม่สนุก เราจบแบบนี้ถึงจะสั้นไป สำหรับคนที่ติดตามชม แต่ก็ได้รับความประทับใจไม่ลืมแน่นอนค่ะ” ติ๊นาว่า
“เราก็เลยตั้งใจจะเปิดละครเรื่องใหม่ให้เร็วที่สุด” คุณดิษฐ์บอก
“เราแสดงด้วยกันเหมือนเดิมอีกรึเปล่าคะ” ตรีอัปสรถาม
คุณดิษฐ์หันไปมองชญานนท์ที่นั่งเงียบอยู่ เป็นเชิงบอกให้ชญานนท์เป็นคนอธิบาย
“ไม่ครับ เราจะเปิดกล้องละครพร้อมกัน 2 เรื่อง คุณ 2 คนเป็นนางเอกคนละเรื่อง แต่เป็น 2 เรื่อง ที่มีเรื่องราวต่อเนื่องกัน”
“ส่วนพระเอก เรากำลังเลือกอยู่นะคะ แต่น่าจะมีเพชรเป็น 1 ในนั้นด้วย” รัตน์บอกเสริม
“คุณ 2 คน ถือว่าเป็นนางงามที่ประสบความสำเร็จด้านการแสดงมากๆนะ ผู้จัดที่ปฏิเสธเราไป ตอนนี้ทยอยกลับมาขอเป็นผู้จัดละครให้ไทยเท็นกันเป็นแถว แต่ก็ต้องผ่านคุณติ๊น่าไปก่อน ใช่ไม๊ครับ”
ติ๊น่าหัวเราะถูกใจ “ค่ะ”
“ที่ผมบอกว่าละคร 2 เรื่อง เป็นซีรีย์ต่อเนื่องกัน เรื่องแรก ที่คุณอรเป็นนางเอกคือเรื่อง “ รักนี้....คือเธอ”...นะครับ”
อรสินีสบตาชญานนท์ รับคำอย่างเฉยเมย “ค่ะ”
ชญานนท์มองอรสินีนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะตัดใจหันไปทางตรีอัปสร
“ส่วนคุณตรี ละครเรื่อง “รักของเธอ คือฉัน”...นะครับ”
ตรีอัปสรยิ้มให้ชญานนท์แล้วพูดทวนซ้ำอีกครั้ง “รักของเธอ คือ ฉัน...อืม...ชื่อเรื่องเหมือนชีวิตจริงเลยค่ะ”
ตรีอัปสรมองชญานนท์อย่างมีเลศนัย แววตาเจ้าชู้นิดๆ ต่อหน้าต่อตาทุกคน อรสินีก้มหน้าลงมองมือตัวเองที่วางอยู่บนโต๊ะ คุณดิษฐ์มองตรีอัปสร แล้วหันไปมองชญานนท์
ชญานนท์พูดหน้านิ่งๆ เป็นงานเป็นการ “คุณสองคนคือนักแสดงเต็มตัวแล้ว ผมอยากให้คุณทำงานอย่างมืออาชีพ ไม่ว่ามีอะไรเกิดขึ้น ก็ต้องถ่ายละครให้จบ”
ติ๊น่าหัวเราะเบาๆ “คุณนนท์พูดดักแบบนี้ กลัวนางเอกจะไปแต่งงานเหรอคะ”

คำพูดแหย่เล่นของติ๊น่ามีผล ทำให้ตรีอัปสรมองชญานนท์ยิ้มหวานให้ ส่วนอรสินีนั่งนิ่งเงียบ

ประตูห้องประชุมเปิดออก ตรีอัปสรเดินออกมาพร้อมกับอรสินี หน้าตาตรีอัปสรอิ่มเอิบเบิกบานมีความสุขล้น

“ป้าติ๊ พูดเหมือนรู้อะไรมาเลยนะคะ...เอ๊” ตรีอัปสรทำท่าสงสัย “หรือคุณนนท์จะเล่าอะไรให้ป้าติ๊ฟัง” จากนั้นก็แสร้งทำเป็นนึกขึ้นได้ “หรือคุณอรจะแต่งงานคะ”
“เปล่า...ไม่ใช่อร”
ตรีอัปสรนิ่งคิด “แปลกนะคะ ทำไมอยู่ดีๆ คุณนนท์ก็พูดเรื่องนี้ เหมือนกลัวเราจะฉีกสัญญา ถ้ามีอะไรขึ้นมา”
อรสินีตัดบท “ก็คงพูดเผื่อๆ ไว้ก่อนมั้ง อรขอตัวก่อนนะ”
“อ้าว จะรีบไปไหนล่ะคะ ตรีคิดว่าจะชวนไปทานข้าว หรือคุณอร นัดใครไว้คะ เพชรรึเปล่า”
เสียงขุ่นเขียวสลิลทิพย์แทรกเข้ามา “หายใจเข้าออกมีแต่เรื่องผู้ชาย”
ตรีอัปสรชะงักทันที เมื่อได้ยินเสียงนั้น หันหน้าไปมองเห็นสลิลทิพย์เดินมา ยืนข้างอรสินี
“คิดเป็นอยู่เรื่องเดียวรึไง” สลิลทิพย์ด่าอีกดอก
ตรีอัปสรสวนกลับ “ก็คิดเป็นหลายเรื่องค่ะ แต่ผู้หญิงส่วนใหญ่มักจะคิดเรื่องนี้เป็นเรื่องแรก ไม่ใช่เหรอคะ ไม่งั้นคุณป้าคงไม่แล่นไปหาชั้นถึงบ้านหรอก”
อรสินีเหลียวไปมองสลิลทิพย์ ไม่คิดว่า แม่จะไปอาละวาดที่บ้านตรีอัปสร สลิลทิพย์ก็ไม่ยอมแพ้มองอย่างดูถูก
“ชั้นก็ไปถามแม่เธอไง ว่าทำตัวเป็นแม่ปูสอนลูกให้เดินเซไปเซมา แบบตัวเองรึเปล่า”
“ป้านี่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านนะ”
“ชาวบ้านที่เธอพูดน่ะ คือลูกสาวชั้น กับว่าที่ลูกเขยชั้น”
“คุณแม่คะ กลับกันเถอะค่ะ”
“ระหว่างนั่งรถกลับบ้าน คุณอรช่วยอธิบายให้แม่คุณอรทราบด้วยซิคะ ว่าตอนนี้ ความสัมพันธ์ของคุณอรกับคุณนนท์เป็นยังไง คุณป้าจะได้ไม่มาพาลหาเรื่องคนอื่น”
อรสินีมองมาอย่างผิดหวังที่ตรีอัปสรก้าวร้าว โดยไม่สนใจว่าเป็นแม่เพื่อน อรสินีหันไปดึงแขนสลิลทิพย์ออกไป
“กลับเถอะค่ะ คุณแม่”
อรสินีฉุดดึงสลิลทิพย์ไป ทั้งๆ ที่สลิลทิพย์ยังมองตรีอัปสรอย่างแค้นใจ
“กลับไปกับลูกเถอะค่ะ” ตรีอัปสรกัดออกมาเบาๆ ว่า “มนุษย์ป้า”
ขาดคำตรีอัปสร อรสินีซึ่งเดินไปแล้วหันมาดึงสลิลทิพย์ไป สลิลทิพย์เดินไปตามแรงฉุดของลูก
“มันหน้าด้าน ไม่ปรึกษาใครเลยจริงๆ”
ตรีอัปสรมองอย่างสะใจ เสียงแมสเสจไลน์ดังขึ้น ตรีอัปสรหยิบมาเปิดดู
ชญานนท์ส่งข้อความมา ว่า “เย็นนี้ผมไปรับที่บ้านนะครับ”

ตรีอัปสรอ่านแล้ว อมยิ้มนิดๆ อย่างพอใจ

ฝ่ายคุณดิษฐ์ และ ชญานนท์ยังคุยเรื่องงานละครกับรัตน์และติ๊น่าต่อ

“คุณติ๊น่าต้องรีบหาทีมมาเสริมให้เร็วที่สุดเลยนะครับ เพราะถ้าเปิดกล้องพร้อมกัน 2 เรื่อง งานหนักแน่”
“ได้ค่ะ นี่ดิชั้นก็ทาบทามไว้หลายคนแล้วค่ะ ถ้าตกลงเรื่องค่าตัวกันได้ก็ไม่มีปัญหา” ติ๊นาบอก
“คุณรัตน์ ต้องมีทีมตามกองละคร 2 ทีมนะ ยายมุกเพิ่งจะแต่งงาน อาจจะต้องกวนคุณเยอะหน่อย”
รัตน์น้อมรับ “ได้ค่ะ”
“ถ้างั้นก็ลุยกันได้เลย” คุณดิษฐ์ว่า
ติ๊น่ากับรัตน์รับ “ค่ะ” พร้อมกัน
“ขอตัวไปลุยเลยนะคะ” ติ๊นาว่า
“ครับ” คุณดิษฐ์ยิ้มพอใจ
พอติ๊น่ากับรัตน์ลุกขึ้น เดินออกไป ประตูห้องปิดลง คุณดิษฐ์หันมาทางชญานนท์ ถามเรื่องคาใจ
“เมื่อกี้ที่นนท์พูดกับ 2 สาวนั่น หมายความว่าไง”
“ผมก็พูดเผื่อไว้ก่อนน่ะครับพ่อ เกิดมีอะไรขึ้นมา จะเรื่องดีหรือเรื่องไม่ดี ผมก็ไม่อยากให้มีรายการฉีกสัญญา”
“พ่อว่า 2 คนนั่น คงไม่มีฤทธิ์ ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมจัดแบบภารดีหรอก อีกอย่างที่พ่อตัดสินใจยกเลิกสัญญากับภารดีเพราะยายนั่น ขยันสร้างแต่เรื่องฉาว แล้วมาเลือกฉาวกับพ่อ ทั้งๆที่มันไม่ใช่เรื่องจริง”
ชญานนท์สัพยอก “ที่เรตติ้งละครสูง อาจจะมีผลจากข่าวของคุณพ่อก็ได้นะครับ”
คุณดิษฐ์ส่ายหัวขำๆ “อย่ามาอำคนแก่ ตานนท์ ข่าวแบบนี้นอกจากจะไม่มีผลดีกับละครแล้ว ยังทำให้พ่อเสียหายด้วย”
“ผมไปทำงานก่อนนะครับ”
คุณดิษฐ์พยักหน้าให้ ชญานนท์ลุกขึ้นเดินออกไป คุณดิษฐ์ก้มลงอ่านเอกสารต่อ

เย็นนั้นตรีอัปสรแต่งตัวสวยงามเฉิดฉายเดินลงบันไดมา ชญานนท์นั่งอยู่ที่ห้องรับแขก
“รอนานไม๊คะ”
ชญานนท์หันมามองเห็นตรีอัปสรอยู่ในอาภรณ์สวยงาม แววตาอดชื่นชมความสวยไม่ได้
“ไม่นานครับ”
ตรีอัปสรยิ้มหวาน “ตรีอยากให้ดูดี สำหรับเดทครั้งที่ 2 ของเราค่ะ”
ชญานนท์ยิ้มเจื่อนๆ “ไปกันเลยไม๊ครับ”
ดารินทร์เดินเข้ามาหาจากหน้าบ้าน มีปิ๋มตามมาติดๆ
“จะไปไหนกันเหรอคะ” ดารินทร์เอ่ยทัก
ชญานนท์ยกมือไหว้ทักทายดารินทร์ ก่อนที่ตรีอัปสรจะตอบ
“ไปทานข้าวค่ะ แม่ไม่ต้องห่วงนะคะกลับไม่ดึกหรอก” แล้วหันไปถามชญานนท์ “ใช่ไม๊คะ คุณนนท์”
“ครับ”
“ไปค่ะ คุณนนท์”
ตรีอัปสรควงแขนชญานนท์จะเดินออกไป ชญานนท์เอามือตรีอัปสรออกแล้วยกมือไหว้ลาดารินทร์ ก่อนจะเดินออกไป ตรีอัปสรไม่ทันสังเกตความห่างเหินนี้ แต่ดารินทร์มองตามไปอย่างครุ่นคิด
“แปลกๆ”
ดารินทร์คาใจเป็นอย่างยิ่ง

สองหนุ่มสาวอยู่ในสถานที่สวยงามริมน้ำยามค่ำ
ตรีอัปสรเดินนำเข้ามามุมที่สวยที่สุด มองไปรอบๆ อย่างแปลกใจ ก่อนจะหันมาทางชญานนท์ที่เดินตามหลังมา
“ตรีนึกว่าคุณนนท์จะพามาทานอาหารท่ามกลางแสงเทียนในสวนสวยซะอีกค่ะ แต่...ทำไม ไม่มีอะไรเลยคะ”
ชญานนท์มองตรีอัปสรที่ยังมีสีหน้ารื่นรมย์อยู่ อย่างเคร่งขรึมจริงจัง
“ผมมีเรื่องสำคัญอยากจะคุยกับคุณตามลำพัง”
ตรีอัปสรมองชญานนท์อย่างพิเคราะห์ แล้วค่อยๆ ยิ้มออกมา คิดว่าชญานนท์ต้องขอแต่งงานแน่ๆ
หล่อนเอียงคอถามท่าทีน่ารัก “เรื่องสำคัญ เรื่องอะไรคะ มีอะไรเซอร์ไพร้ส์ตรีเหรอคะ” ตรีอัปสรมองไปรอบๆ อย่างตื่นเต้น “มีใครมาร่วมเซอร์ไพร์ซรึเปล่า”
“ไม่มีครับ มีแค่เราสองคน”
“คุณนนท์มีเรื่องสำคัญอะไรจะบอกตรีเหรอคะ”
ตรีอัปสรพูดพร้อมๆ กับขยับตัวเข้าไปใกล้ๆ มองชญานนท์อย่างลึกซึ้ง เพราะคิดว่า งานนี้เขาต้องขอแต่งงานแน่ๆ
ชญานนท์รู้สึกผิดมากเหลือเกิน แต่ก็พยายามรวบรวมความเข้มแข็ง ตัดสินใจเด็ดขาดที่จะพูด
“เป็นเรื่องของคุณ...ผม...ยายมุก...แล้วก็ นายนะ”
ตรีอัปสรแปลกใจ “ทำไมหลายคนจังคะ แล้วคุณมุกกับคุณนะ เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องที่คุณจะบอก”
“เรื่องระหว่างเรา....เริ่มมาจาก ยายมุกกับนายนะ”

ชญานนท์พูดด้วยใบหน้าเรียบเฉย ตรีอัปสรมองอย่างสงสัย ค้นหา

และแล้ววินาทีนั้นหล่อนมองเห็นความเฉยชา ห่างเหินในแบบที่ชญานนท์เคยทำเมื่อตอนเจอกันใหม่ๆ ทั้งที่สนามบิน เดินชนกันในห้องตอนชญานนท์ซื้อเค้กไปฝากอรสินี ตรีอัปสรฉุกคิดทันที และเริ่มลำดับเหตุการณ์ มองชญานนท์อย่างตริตรอง

“คุณวางแผนหลอกล่อให้ตรีติดกับดักของคุณ”
“ผมขอโทษนะครับ ตรี ขอโทษจากใจจริง”
“คุณเอาตัวเข้ามากันตรีจากคุณนะเหรอคะ”
ชญานนท์มองตรีอัปสรนิ่ง ไม่ตอบอะไร
ตรีอัปสรตบหน้าชญานนท์สุดแรง ชญานนท์สะบัดหน้าตามแรงตบนั้น เห็นรอยแดงปรากฎที่ใบหน้า ชญานนท์หันมามองตรีอัปสร ด้วยแววตารู้สึกผิด ตรีอัปสรมองหน้าชญานนท์อย่างเจ็บใจ แค้นใจสุดจะประมาณ
ตรีอัปสรเยาะหยัน “น่าภูมิใจแทนน้องสาวคุณจริงๆ ที่มีพี่ชายแสนดีขนาดนี้ ทำทุกอย่างเพื่อให้น้องตัวเองสมหวัง โดยไม่สนใจความรู้สึกของคนอื่นเลย”
“คุณจะด่าว่าผมยังไง ผมก็ยอม ขอแค่คุณยกโทษให้ผม”
ตรีอัปสรส่ายหน้า “คุณทำแบบนี้กับตรีได้ยังไง คุณไม่ได้รู้สึกอะไรกับตรีเลยเหรอคะตลอดเวลาที่ผ่านมา คุณไม่ได้รู้สึกอะไรกับตรีจริงๆ เหรอ”
ชญานนท์มองตรีอัปสรแล้วเมินหน้าหนีไปทางอื่น ตรีอัปสรขยับเข้ามาใกล้ๆ
“มองหน้าตรี แล้วตอบมาค่ะ ตอบมา ว่าคุณรู้สึกยังไง...กับตรี”
ชญานนท์ยังหันหน้าไปทางอื่น
“ตรีบอกให้มองหน้าตรีไงคะ” ตรีอัปสรพูดพร้อมกับจับหน้าชญานนท์ให้หันมา ตรึงหน้าเขาไว้ มองเข้าไปในดวงตาชญานนท์
ตรีอัปสรเค้นคำพูดด้วยน้ำเสียงแค้นปนรัก “คุณนนท์รู้สึกยังไงกับตรีคะ”
ชญานนท์สบตาตรีอัปสรนิ่ง ในแววตาที่มองกันอยู่นั้น ตรีอัปสรรับรู้และตระหนักชัดถึงความเย็นชาในแววตาของเขา จึงค่อยๆ ปล่อยมือลงอย่างคนสิ้นแรง ค่อยๆ หมุนตัวหันหลังให้ชญานนท์
“ผมก็เสียใจไม่ต่างจากคุณหรอกตรี แต่มันเป็นวิธีเดียวที่นุ่มนวลที่สุดผมไม่อยากให้ยายมุกทำร้ายคุณ”
ตรีอัปสรหันหลังพูดท่าเดิมนั้น “ตรีต้องกราบคุณมั้ยคะ ในฐานะที่คุณช่วยตรีจากคุณมุก”
“ตรีอัปสร ผมเสียใจจริงๆ ผมไม่ได้ต้องการให้มันเป็นแบบนี้”
“แต่มันก็เป็นไปแล้วค่ะ รับรู้ไว้ด้วยนะคะ คุณนนท์ วิธีการที่คุณบอกว่านุ่มนวลที่สุด แต่รู้ไว้ด้วยนะคะว่ามันเจ็บปวดที่สุด สำหรับคนที่ถูกหลอก”
ตรีอัปสรหันมามองชญานนท์ อย่างตัดพ้อต่อว่า ชญานนท์มองตอบทั้งละอายใจ และรู้สึกผิดเต็มๆ
“คุณเอาความรักของตรีที่มีให้คุณด้วยความบริสุทธิ์ใจมาทำร้ายตรี คุณนี่เลือดเย็นจริงๆ”
“ผมก็เจ็บ ไม่ต่างจากคุณนะ ตรี”
ตรีอัปสรสวนตอบทันที “ต่างค่ะ ต่างกันมาก คนหลอกจะเจ็บเท่ากับคนถูกหลอกได้ยังไงคะ”
ชญานนท์ขยับเข้ามาใกล้ตรีอัปสร พูดด้วยเสียงอ่อนโยน อ่อนหวาน
ชญานนท์เดินมายืนตรงหน้า ถามเสียงนุ่ม “เรายังเป็นเพื่อนกันได้ใช่ไม๊”
ตรีอัปสรตบหน้าชญานนท์อีกครั้งแล้วมอง ชญานนท์นิ่งนาน แววตาเจ็บช้ำ ทั้งรัก ทั้งแค้น
“นี่คือคำตอบค่ะ”
ตรีอัปสรโกรธจัด หมุนตัวแล้ววิ่งออกไปโดยเร็ว แต่รองเท้าส้นสูงทำให้เดินลำบาก ตรีอัปสรถอดรองเท้ามาถือเดินแกมวิ่งหนีไป
ชญานนท์มองตาม ไปรู้สึกผิดอย่างแรง

ตรีอัปสรเดินเข้าบ้านมา ผ่านสวนดอกไม้ แล้วทรุดตัวลงนั่ง ท่าทียังมึนชา อยู่ ตรีอัปสรนั่งหน้าเฉยเมยอยู่ซักครู่ น้ำตาก็ค่อยๆ ไหลริน และสุดท้ายทำนบน้ำตาก็ทะลักออกมา ตรีอัปสรเอามือปิดปาก สุดท้ายต้องเอามือออก ปล่อยเสียงร้องไห้ออกมาเสียใจอย่างสุดซึ้ง
ไม่นานต่อมาตรีอัปสรล้มตัวลงนอนบนเตียง ใบหน้าสวยเลอะไปด้วยคราบน้ำตา ความเจ็บปวดเสียใจผุดขึ้นมาอีกเป็นริ้วๆ ตรีอัปสรร้องไห้ออกมาอีกจนได้

ฝ่ายชญานนท์นั่งซึมคนเดียวในรถที่จอดนิ่งอยู่ เขารู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำ ภาพความหลังผุดซ้อนขึ้นมาเป็นระลอก ตั้งแต่ตอนเต้นรำกับตรีอัปสร ความใกล้ชิดสนิทสนมมากมาย กระทั่งตอนเขาแกล้งปวดท้องให้ตรีอัปสรเชื่อ รั้งไว้ไม่ให้ไปตามนัดกับณเดชย์ ยิ่งคิดชญานนท์ก็ยิ่งรู้สึกผิด ละอายแก่ใจเหลือเกินแล้ว

ดารินทร์ตื่นแต่เช้า เดินเข้ามาในห้องอาหาร มองเลยออกไป เห็นตรีอัปสรนั่งอยู่ที่เทอเรส หันหลังให้ ดารินทร์มองอย่างแปลกใจ
“ยายตรี ตื่นแต่เช้าเชียว ชั้นนึกว่าแกจะนอนฝันหวานถึงดินเนอร์เมื่อคืนไม่ยอมตื่นซะอีก”
ดารินทร์พูดไปก็เดินออกไปนั่งที่เทอเรสข้างลูกสาว ตรีอัปสรหันมามอง หน้าตาซูบซีด ดารินทร์มองอย่างแปลกใจ
“เป็นอะไรเนี่ย....ทำไมหน้าซีดแบบนี้....ไม่สบายรึเปล่า”
ดารินทร์ยกมือขึ้นอังหน้าผาก จับหน้าตรวจอาการไข้ ตรีอัปสรน้ำตาหยดรินทันที ร้องไห้สะอื้นอย่างรุนแรง ดารินทร์ตกใจมาก ตรีอัปสรกอดแม่แน่น
“ยายตรี แกเป็นอะไร ใครทำอะไรแกห๊ะ ยายตรี”

ตรีอัปสรไม่ตอบ กอดดารินทร์แน่น ร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่อย่างนั้น

อ่านต่อหน้า 3

ปีกมงกุฎ ตอนที่ 18 อวสาน (ต่อ)

ขณะเดียวกัน ชญานนท์แวะมาหาน้องสาว นั่งรออยู่ที่เก้าอี้สนาม มุกตาภาเดินเข้ามาอย่างดีใจ มุกตาภาเข้าไปกอดทักพี่ชายอย่างรักใคร่

“พี่นนท์ ดีใจจังเลยค่ะ ที่พี่นนท์มา คิดถึงที่สุดเลย มุกว่าจะเข้าไปทำงานอาทิตย์หน้าแล้วล่ะค่ะ กลัวจะถูกไล่ออก”
มุกตาภาพูดเหมือนแหย่เล่น หน้าตาดูออกว่ามีความสุข ชญานนท์มองอย่างเอ็นดู
“พี่ดีใจนะ ที่มุกมีความสุข”
“ก็เพราะพี่นนท์ช่วยมุก พี่นนท์มีเรื่องอะไรรึเปล่าคะถึงได้มาหามุก หรือว่า คิดถึงมุก”
“พี่อยากรู้ว่า นายนะเป็นยังไงบ้าง”
มุกตาภายิ้ม “ก็...ดีค่ะ ปกติดี...กลับบ้านตรงเวลา แล้วเวลาจะไปไหนก็พามุกไปด้วยตลอด” หล่อนทำท่าคิด ขำๆ “ไม่รู้ว่ายายตรีอัปสรไปพูดอะไรนะคะ คุณนะถึงได้ตัดขาดไม่มีเยื่อใยเลย”
ชญานนท์ถอนหายใจ “ถ้าเป็นแบบนั้น ก็ โอเค”
“แล้วพี่นนท์ล่ะคะ เป็นยังไงบ้าง”
ชญานนท์ยิ้มเจื่อนๆ “อรขอเลิกกับพี่”
มุกตาภาตาโต “ขอเลิกเลยเหรอคะ”

ส่วนดารินทร์รู้เรื่องแล้ว มองตรีอัปสรซึ่งเช็ดน้ำตาแล้วอย่างสงสาร
“ชั้นเคยเตือนแกแล้วว่าอย่าไปยุ่งกับคนมีเจ้าของ แกก็ไม่เชื่อชั้น”
ตรีอัปสรฉุน “แม่...แม่ควรจะสงสารตรี แล้วก็ด่าคุณนนท์มากกว่านะ”
ดารินทร์ถอนหายใจ “ชั้นรักแกนะยายตรี ไม่ได้หลงแก ชั้นถึงได้เห็นว่าแกไม่ได้เป็นฝ่ายถูกกระทำฝ่ายเดียว แกไปยุ่งกับคุณนะ ทั้งๆ ที่เค้ามีคู่หมั้นอยู่แล้ว จากอังกฤษแกยังกลับมาสานต่อที่กรุงเทพฯ ให้เค้าซื้อรถให้เป็นสิบๆ ล้านเค้าลงทุนขนาดนั้น เค้าก็ต้องหวังผล”
“แต่คุณนนท์ก็ไม่มีสิทธิ์จะมาหลอกตรี ทำร้ายจิตใจตรี เอาความรักของตรีมาเป็นเครื่องมือทำร้ายตรี”
“ถ้าไม่ใช้วิธีนั้น แล้วจะใช้วิธีไหนแยกแกออกมาได้ ชั้นว่าจริงๆ คุณนนท์คงไม่อยากหลอกแกหรอกแต่มันคงเป็นวิธีเดียว ที่จะดึงแกออกมาได้”
ดารินทร์มองตรีอัปสร ลูบผมอย่างอ่อนโยน สงสารจับจิต
“พอเถอะน่ะ ยายตรี จบทุกเรื่องได้แล้ว ผู้หญิงสวย ฉลาด มีความสามารถ คุณสมบัติครบถ้วนอย่างแก ยังมีผู้ชายดีๆ รออยู่ข้างหน้าอีกเยอะ หรือถ้าแกไม่อยากมีใคร แกก็อยู่คนเดียวได้สบายๆ”
ตรีอัปสรกอดดารินทร์ แต่สีหน้าไม่ได้อ่อนลงเลย ยังมุ่งมั่นที่จะเอาชนะอยู่

มุกตาภาจับมือชญานนท์ไว้เป็นเชิงปลอบโยน มองอย่างซาบซึ้ง ที่ชญานนท์ช่วยเธอจนตัวเองต้องตกที่นั่งลำบาก
“มุกจะไปบอกความจริงกับอรเองค่ะ”
“อย่าดีกว่ามุก บอกไปอรก็คงไม่ให้อภัยพี่หรอก เพราะสิ่งที่พี่ทำมันไม่ถูกต้อง”
“แต่พี่นนท์ทำเพราะช่วยมุกนะคะ”
ชญานนทยิ้มนิดๆ “ไม่เป็นไรหรอก มุกมีความสุข พี่ก็โอ.เค แล้ว” ชายหนุ่มขยับลุกขึ้น “พี่กลับก่อนน่ะ ต้องรีบเข้าไทยเท็น”
“อาทิตย์หน้า มุกจะกลับไปทำงานนะคะ”
“ก็ดีเหมือนกัน อาทิตย์หน้าจะแถลงข่าวเปิดละครใหม่ 2 เรื่อง”
มุกตาภายิ้มรับ “ได้เลยค่ะ”
ชญานนท์ดึงน้องเข้ามากอด มุกตาภากอดพี่ชาย สองคนถ่ายทอดความรักให้กันและกัน
“มุกรู้แล้วค่ะ ว่าพี่นนท์รักมุกแค่ไหน”
ชญานนท์ยิ้มให้แล้วเดินออกไป ทิ้งมุกตาภาให้มองตามด้วยสีหน้าครุ่นคิด

มุกตาภานัดเจออรสินี เวลานี้เดินเข้ามาในร้านกาแฟ มองเข้าไปด้านใน เห็นอรสินีนั่งอยู่ จึงรีบเดินเข้าไปนั่ง
“อร”
อรสินียิ้มหวาน “คนมีความสุขนี่ หน้าตาสดชื่นจริงๆ”
อรสินีพูดเหมือนแหย่เล่น เก็บความรู้สึก มุกตาภามองอรสินีอย่างเห็นใต บ๋อยเดินเข้ามา มุกตาภาหันไปสั่งเครื่องดื่ม แล้วหันมามองอรสินี สีหน้ามุกตาภาจริงจัง
“พี่นนท์เล่าให้มุกฟังว่า อรขอเลิกกับพี่นนท์”
อรสินีซึ่งกำลังยิ้มๆอยู่ ค่อยๆหุบยิ้มลงช้าๆ ก่อนจะกลับมาฝืนยิ้มเหมือนไม่มีอะไร
“อรไม่อยากให้พี่นนท์ลำบากใจ”
“อร ที่พี่นนท์ทำไป เพราะมุกน่ะ พี่นนท์ไม่ได้รักตรีอัปสรนะ”
อรสินีมองมุกตาภาอย่างแปลกใจ

ดารินทร์เดินเข้ามาในบ้าน พูดโทรศัพท์ไปด้วย
“ได้ค่ะ ได้ ไม่มีปัญหา ดิชั้นเตรียมงานเรียบร้อยแล้วค่ะ พร้อมเดินทางค่ะ ค่ะ สวัสดีค่ะ”
ดารินทร์เดินเข้ามาจนถึงตรีอัปสรที่นั่งอยู่
“ยายตรี ไปภูเก็ตกับแม่ไม๊”
ตรีอัปสรตอบทันที “ไม่ไปค่ะ”
ดารินทร์ทำหน้าเซ็งๆ “คิดก่อนซักนิดก็ได้ ไม่เห็นต้องรีบตอบเลย”
“ก็ตรีไม่อยากไปนี่คะ แล้วแม่ก็ไปทำงาน ไม่ได้ไปเที่ยว ตรีขี้เกียจไปค่ะ”
ดารินทร์มองลูกสาวอย่างพิจารณา “แม่ไม่อยู่ อย่าหาเรื่องอะไรมาอีกนะ ตรี”
“ตรีจะหาเรื่องอะไร แม่ก็พูดไป”
ดารินทร์ถอนหายใจ “ที่พูดเนี่ย ก็เพราะเป็นห่วง ที่ผ่านมา เรื่องก็มากพอแล้ว”
“ตรีรู้น่ะ ตรีเจ็บขนาดเนี้ย จะไปมีแรงไปทำอะไรใครได้”

ดารินทร์มองตรีอัปสร ซึ่งทำท่าสงบเสงี่ยม เจ็บช้ำอย่างครุ่นคิดไม่วางใจนัก

ฝ่ายอรสินีมองหน้ามุกตาภา ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ

“อรเข้าใจพี่นนท์แล้วใช่ไม๊ พี่นนท์รักอรคนเดียวจริงๆนะ”
“แต่พี่นนท์ไม่ควรจะหลอกตรี”
“พี่นนท์ก็คงไม่อยากจะทำหรอก” มุกตาภาถอนหายใจ “เป็นความผิดของมุกเอง อรให้อภัยพี่นนท์ได้ไม๊”
“เรื่องให้อภัยคงไม่สำคัญ เท่าเรื่องที่พี่นนท์ต้องเคลียร์ตัวเองกับตรีก่อน”
“พี่นนท์เคลียร์กับตรีแล้ว เหลือแต่อรที่จะต้องเคลียร์กับพี่นนท์”
อรสินีมองมุกตาภาแล้วเมินหน้าไปทางอื่น มุกตาภามองอย่างกังวล

ตรีอัปสรเดินเข้ามาในห้องนอน ทรุดตัวนั่งบนเตียง นั่งเหม่อ คิดถึงคำพูดหวานๆ ที่ชญานนท์เคยพูดไว้ แววตาตรีอัปสรเต็มไปด้วยหลงใหล คลั่งไคล้ไม่จางลงเลย
“คุณนนท์ ตรี...ตรีรักคุณเหรอเนี่ย นี่ตรีรักคุณมากขนาดนี้เลยเหรอ”
ตรีอัปสรนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเปลี่ยนท่าที แววตาเป็นมุ่งมั่น จริงจัง “ตรีจะไม่ยอมแพ้ ตรีจะไม่มีวันแพ้ คุณต้องเป็นของตรี”

สลิลทิพย์เดินเข้ามาในห้องรับแขก เห็นอรสินีนั่งอ่านเอกสารอยู่
“ทำอะไรอยู่ ลูก”
“กำลังอ่านเรื่องย่อ รักนี้.....คือเธอ อยู่ค่ะ”
“หยุดอ่านซักแป๊บได้ไม๊”
“ได้ค่ะ คุณแม่จะให้อรทำอะไรคะ”
“มีแขกมาหาจ้ะ เค้าบอกว่ามีเรื่องสำคัญจะขอคุยด้วย”
อรสินีแปลกใจ “ใครค่ะ”
สลิลทิพย์ลุกขึ้นหันไปอีกทาง “เข้ามาซิ นนท์”
อรสินีชะงักเมื่อได้ยินชื่อนี้ หันไปมอง เห็นชญานนท์เดินเข้ามา เขามองมายังอรสินี ทั้งคู่สบตากัน

ชญานนท์เดินเข้าไปหาอรสินี ซึ่งยืนหันหลังให้ สองคนอยู่อีกมุมของบ้าน
“น้องอร ให้อภัยพี่นนท์ได้ไม๊คะ”
อรสินีหันมามองชญานนท์ แล้วถอนหายใจ พลางส่ายหน้า
“ถ้าเป็นตอนนี้ บอกตรงๆว่าอรยังทำใจไม่ได้กับสิ่งที่พี่นนท์ทำลงไป”
ชญานนท์มองอรสินีด้วยสายตาผิดหวังและละอายใจ
“พี่ยอมรับค่ะ ว่าพี่ผิด”
“ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร พี่นนท์ก็ไม่ควรทำแบบนี้กับตรี พี่นนท์มองความรู้สึกของผู้หญิงคนหนึ่งเป็นแค่เกม หลอกล่อให้เค้าหลงใหล เข้าใจผิด”
“ไม่ว่าพี่จะพูด จะอธิบายอะไร มันก็เหมือนพี่แก้ตัว หาเหตุผลมารองรับการกระทำของตัวเอง”
“ใช่ค่ะ พี่นนท์กลับไปเถอะค่ะ ขอเวลาให้อร ให้เวลากับตัวพี่นนท์เองด้วย เวลาอาจจะช่วยทำให้อะไรชัดเจนขึ้นก็ได้ค่ะ”
ชญานนท์มองอรสินีอย่างยอมจำนน อรสินีหมุนตัวเดินไป ชญานนท์ได้แต่มองตามด้วยแววตาเจ็บช้ำ

ตรีอัปสรนั่งดูกล้องถ่ายภาพและวิดีโอในมืออย่างเงียบๆ ก่อนจะหันไปมองที่โต๊ะแล้วเอากล้องไปวางมุมหนึ่ง มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ตรีอัปสรสะดุ้งนิดๆ หันไปมอง ประตูเปิดออก เห็นปิ๋มเดินเข้ามา
“คุณตรี หิวไม๊คะ”
“ไม่หิว”
“แต่วันนี้คุณตรียังไม่ได้ทานอะไรเลยนะคะ”
“ถ้าชั้นหิว เดี๋ยวชั้นลงไปเอง”
ปิ๋มมองกล้อง “คุณตรีจะถ่ายอะไรเหรอคะ ให้ปิ๋มช่วยไม๊คะ”
ตรีอัปสรรำคาญ “ไม่ต้องอ่ะ แกจะไปทำอะไรก็ไปเถอะ”
“ค่ะ”
ปิ๋มเดินออกไป ตรีอัปสรเหลียวมองไปที่กล้องอย่างครุ่นคิด

เช้านี้ คุณดิษฐ์เรียกทุกคนมาคุยงานที่ห้องทำงานในไทยเท็น รัตน์ส่งเอกสารให้อ่าน โดยมีติ๊น่ากับชญานนท์นั่งอยู่ด้วย
“เตรียมงานเรียบร้อยดี แล้วอย่าลืมคอนเฟิร์มนักแสดงด้วย ทั้งอรทั้งตรี”
“ค่ะ”
ชญานนท์ครุ่นคิดแต่ก็ไม่พูดอะไร แต่สีหน้ายังดูกังวลอยู่มาก คุณดิษฐ์หันมามองลูกชาย
“นนท์ มีอะไรไม่สบายใจรึเปล่า”
“เปล่าครับ ไม่มีอะไร”
“ดูกันให้ดี เปิดแถลงข่าวละคร 2 เรื่องพร้อมกันขอให้กระหึ่มวงการเลยนะ”
ทุกคนรับคำพร้อมกัน “ครับ” / “ค่ะ”

รัตน์เดินมาตามทางในช่อง มีชญานนท์เดินตามหลังมา
“คุณรัตน์ครับ คุณรัตน์”
คุณรัตน์หันไปมอง เห็นชญานนท์ก็หยุดเดิน
“คุณรัตน์โทร.แจ้งอรกับตรีรึยังครับ”
“ดิชั้นไลน์บอกไปค่ะ อรตอบมาแล้วค่ะ แต่ตรียังเงียบ”
ชญานนท์มีสีหน้ากังวลครุ่นคิด
“โทร.ไปหาดีกว่ามั้ยครับ”
“โทร.ไปแล้วค่ะ แต่ไม่รับสาย ไม่ทราบว่าเป็นอะไรรึเปล่า”
ชญานนท์กังวลมากขึ้น “เดี๋ยวผมช่วยตามให้แล้วกัน”
รัตน์ยิ้ม “ขอบคุณค่ะ”

ชญานนท์สีหน้ากังวล อย่างเห็นได้ชัด

ตรีอัปสรนั่งกอดเข่าอยู่บนเก้าอี้เทอเรส สภาพเหมือนเด็กขาดความอบอุ่น มองจ้องโทรศัพท์นิ่งๆ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทร.ออก

ตรีอัปสรทำเสียงแหบโหยเหมือนคนไม่มีแรง “ฮัลโหล”
“ตรี”
“คุณนนท์”
“ผมกำลังจะโทร.หาพอดี” น้ำเสียงเขาเป็นห่วงมาก “ทำไมเสียงเป็นแบบนั้น เป็นอะไรรึเปล่า”
“ตรีไม่สบายค่ะ”
“แล้วไปหาหมอรึยังครับ”
“ยังค่ะ แม่ไม่อยู่ ไปภูเก็ต ไม่มีใครอยู่ค่ะ”
ตรีอัปสรพูดจบก็เงียบไป มีเสียงไอเบาๆ
“ตรี”
“ตรีจะพยายามหายให้ทัน วันแถลงข่าวนะคะ ตรีโทร.มาบอกเท่านี้ล่ะค่ะ สวัสดีค่ะ”
ตรีอัปสรตัดสายทิ้ง ด้วยสีหน้าหมายมาด และร้ายกาจ

ชญานนท์วางสายลงอย่างครุ่นคิด ก่อนจะตัดสินใจเดินออกไป

ตรีอัปสรเดินเข้ามานั่งบนเตียง ปิ๋มเดินเข้ามาพร้อมถาดใส่น้ำและยา
“วางไว้ก่อน เดี๋ยวชั้นกินเอง”
“ค่ะ”
“ถ้าคุณนนท์มา แกก็ให้เค้าขึ้นมาข้างบนแล้วกัน ชั้นคงลงไปหาไม่ไหว”
“ค่ะ”
ตรีอัปสรทำเป็นไอให้สมบทบาท ก่อนจะเอนตัวลงนอน ปิ๋มเข้ามาห่มผ้าห่มให้ แล้วเดินออกไป ตรีอัปสรขยับลุกขึ้น แล้วหยิบชุดที่แขวนไว้ เป็นชุดค่อนข้างเซ็กซี่ และล่อแหลม เดินไปเปลี่ยนชุดนั้น

ชญานนท์เดินเข้ามาในบ้าน ปิ๋มเดินตามมาติดๆ
“คุณตรีล่ะ”
“นอนพักอยู่ข้างบน”
ชญานนท์เงยหน้าขึ้นมองไปอย่างลังเล
“คุณนนท์ขึ้นไปได้ค่ะ คุณตรีเธอลงมาไม่ไหวหรอกค่ะ”
ชญานนท์มองปิ๋มแล้วมองไปทางข้างบน

ตรีอัปสรนอนซมอยู่บนเตียง ประตูห้องเปิดออก ชญานนท์เดินเข้ามา ตรีอัปสรซึ่งนอนอยู่ ทำท่าเหมือนจะเอื้อมมือไปหยิบยา ชญานนท์เข้ามาพอดี ตรีอัปสรมองไป
“คุณนนท์”
ตรีอัปสรที่กำลังยืดตัวจะหยิบยาบนโต๊ะหัวเตียงแกล้งทำเป็นเสียหลัก ชญานนท์ผวาเข้ามาประคองไว้ ตรีอัปสรคว้าตัวชญานนท์กอดไว้เหมือนหลักยึด ไม่ให้ล้ม
บนเตียงนอนเวลานี้ ใบหน้าสองคนใกล้ชิดกันแค่คืบ ตรีอัปสรมองชญานนท์อย่างเร่าร้อน ก่อนจะจูบปากชญานนท์อย่างรวดเร็ว ชญานนท์ชะงักค้างไปนิดหนึ่ง ก่อนจะดันตัวตรีอัปสรออก ลุกขึ้นยืน หมุนตัวหันหลังให้ ตรีอัปสรมองชญานนท์ก่อนจะตัดสินใจลุกขึ้นกอดชญานนท์จากด้านหลัง
ชญานนท์ยืนนิ่งเหมือนพยายามรวบรวมความเข้มแข็ง
“คุณนนท์ ตรีพยายามแล้ว แต่ตรีตัดใจจากคุณนนท์ไม่ได้ ตรีรักคุณนนท์นะคะ ตรีรักคุณนนท์”
ตรีอัปสรร้องไห้อย่างหมดความอดกลั้น ชญานนท์หันหน้ามามอง ตรีอัปสรมองมาอย่างเว้าวอน พูดไปร้องไห้ไป
“คุณนนท์จะให้ตรีทำอะไร ให้ตรีอยู่ในฐานะไหน ตรีก็ยอม ขอแค่คุณนนท์อย่าทิ้งตรีไป อย่าทิ้งตรีนะคะ ตรีไม่มีใคร ตรีไม่มีใครจริงๆ”
ชญานนท์มองตรีอัปสรอย่างรู้สึกผิดและละอายใจ “ผมขอโทษตรี ผมไม่ควรทำแบบนี้กับคุณ”
“ไม่ค่ะ ตรีไม่โกรธคุณนนท์หรอกค่ะ ตรีรักคุณนนท์”
“แต่ผม ผม...ผมไม่ได้รักคุณ”
“ไม่ได้รักตรี คุณรักคุณอรใช่ไม๊คะ”
ชญานนท์ไม่ตอบ แต่สีหน้าท่าทางยอมรับ ตรีอัปสรร่ำไห้
“ตรีพยายามหนี พยายามไม่เป็นแบบแม่ เพราะตรีรู้ว่าชิวิตเมียน้อยมันไร้ศักดิ์ศรี ต้อยต่ำ ทุกข์ทรมานแค่ไหน แต่วันนี้ เดี๋ยวนี้ ตรียอม ตรียอมเป็นเมียน้อยคุณ ขอเพียงแค่คุณรักตรีซักนิด ตรีจะอยู่ในที่ของตรี ไม่เรียกร้องอะไรทั้งสิ้น ขอเพียงแค่คุณรักตรี ได้ไม๊คะ”
“คุณก็รู้ว่า ผมทำแบบนั้นไม่ได้ อย่าให้ผมต้องทำร้ายคุณเลย”
“คุณทำร้ายตรีค่ะ คำปฏิเสธของคุณมันทำร้าย ทำลายหัวใจของตรี จนไม่เหลือชิ้นดี”
“ผมยอมรับผิดทุกอย่าง ผมเห็นแก่ตัว ผมทำร้ายคุณ”
“คุณทำทุกอย่าง เพราะคุณไม่รักตรีใช่ไม๊คะ ไม่รักกันถึงได้ทำร้ายกันได้ขนาดนี้”
“ตรี...ผมยังยืนยันคำเดิมนะ เรายังเป็นเพื่อนกันได้”
“ไม่ค่ะ ตรีไม่มีวันเป็นเพื่อนกับคุณได้ คุณกลับไปซะ กลับไปเถอะค่ะ”
ชญานนท์ขยับลุกขึ้นแล้วเดินออกไปโดยไม่แยแส

ตรีอัปสรมองตามไปน้ำตาริน สีหน้าแววตาเปลี่ยนเป็นแค้นใจเจ้าเล่ห์ ยกมือปาดเช็ดน้ำตาอย่างเด็ดเดี่ยว

เช้าวันถัดมา ขณะที่ชญานนท์นั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะในห้อง ประตูห้องเปิดออก ก่อนจะเห็นคุณดิษฐ์เดินเข้ามาหน้าเครียดจัด

“แกเห็นคลิปของแกรึยังนนท์”
ชญานนท์แปลกใจ “คลิปอะไรครับ”
“คลิปแกกับตรีอัปสรไง เลิฟซีนกันบนเตียง ว่อนไปทั่วเน็ตเลย”
ชญานนท์ตกใจ “อะไรนะครับ”
“แถลงข่าวละคร 2 เรื่อง นักข่าวคงแห่กันมาเต็มไทยเทน ชั้นควรจะดีใจหรือเสียใจ ที่แกช่วยไทยเท็นขนาดนี้ห๊ะ”
ชญานนท์พูดไม่ออก

ฟากตรีอัปสรเดินไปเดินมาในห้องนอน พร้อมกับพูดโทรศัพท์อยู่ในห้อง
“ตรีขอตอบพร้อมๆกันตอนแถลงข่าวนะคะ ขอบคุณค่ะ”
ตรีอัปสรปิดมือถือ สีหน้าร้ายกาจ
“ชั้นอยากรู้จริงๆว่าคุณจะตอบนักข่าวว่ายังไง”

ที่ช่องไทยเท็นวันนี้ บรรยากาศคึกคัก ผู้คนขวักไขว่ แลเห็นอรสินี ตรีอัปสร เพชร กองทัพนักข่าว สื่อมวลชนมากมาย คุณดิษฐ์ ติ๊น่า รัตน์ มุกตาภาอยู่ด้วย อรสินี ตรีอัปสรเดินออกมาด้านนอก แต่นักข่าวกรูไปสัมภาษณ์ตรีอัปสร ถึงเรื่อง คลิปหลุด ตรีอัปสรตีหน้าเศร้า เล่าความเท็จทันที
“คลิปที่หลุดออกมา ตรีไม่ทราบเหมือนกันค่ะ ว่าใครเป็นคนปล่อย จริงๆ มันเป็นคลิปเก่านานมากแล้ว ก่อนที่ตรีจะประกวด นางสาว ณสยาม ตรีกับคุณนนท์ เราเคยคบกันมาก่อนค่ะ แต่เราก็แยกย้ายกันไป”
นักข่าวซัก “แล้วทำไมอยู่ดีๆ คลิปมันถึงได้หลุดออกมาล่ะคะ น้องตรีพอจะรู้ไม๊คะว่าใครเป็นคนปล่อยคลิป”
“ตรีไม่ทราบค่ะ แต่ตรีคิดว่า คนที่ปล่อยคลิปต้องไม่หวังดีกับตรีแน่นอนเค้าต้องการทำลายชื่อเสียงของตรี แต่ตรีไม่อยากติดใจ เพราะจริงๆ เรื่องมันก็ผ่านไปนานแล้ว”
“แล้วคุณชญานนท์ล่ะคะ น้องตรีได้เจอคุณชญานนท์รึยังคะ”
ตรีอัปสรส่ายหน้า “ยังค่ะ ตรีก็คิดว่า วันนี้คุณนนท์คงจะออกมาช่วยตรี มาช่วยกันอธิบายกับพี่ๆนักข่าว แต่...”
ตรีอัปสรทำเป็นพูดอะไรไม่ออก คุณดิษฐ์ รัตน์ ติ๊น่า มองมาหน้าเครียดไปทั้งแถบ ยกเว้นอรสินีออกอาการเสียใจ

สลิลทิพย์เข้าบ้านมา ทรุดตัวลงนั่งที่โซฟาอย่างแค้นใจ
“นังตรีอัปสรนี่มัน งูพิษจริงๆ มันพยายามจะทำทุกอย่างเพื่อแย่งตานนท์ไป” สลิลทิพย์หันไปมองอรสินีนั่งอยู่ข้างๆ “อร...อรต้องไม่ยอมนะลูก”
อรสินีถอนหายใจ “อรจะไปทำอะไรได้คะ คุณแม่ มีภาพมาให้เห็นๆ ขนาดนี้”
อติรุจก็อยู่ด้วย “ใจเย็นๆ นะอร พี่ว่ามันต้องมีอะไรแน่ๆ”
“ใช่ แม่ว่า นังตรีนั่นละ ที่เป็นคนปล่อยคลิป แล้วโกหก สร้างเรื่องเป็นฉากๆ มันคงนึกว่านักข่าวโง่ล่ะซิ คอยดูเถอะ อีกไม่นาน ต้องมีเรื่องแฉออกมาอีกว่ามันโกหก”
อาชัญเดินเข้าไปนั่งข้างๆ ดึงอรสินีเข้ามากอดอย่างอ่อนโยน
“อร...ไหว ใช่ไม๊ ลูก”
“ค่ะ”
“ถ้ายังรักกันอยู่ ก็ต้องเข้มแข็งนะลูก ที่ผ่านมา นนท์ไม่เคยทำอะไรเสียหายเลย พ่อว่าอรต้องหนักแน่นไว้นะ”
“อรจะพยายามค่ะ”
“ชั้นอยากรู้จริงๆว่า ตานนท์จะให้สัมภาษณ์นักข่าวว่ายังไง”
สลิลทิพย์ดูจะกังวลมากกว่าใคร

มุกตาภาเดินเข้ามาในห้อง ซึ่งมีชญานนท์และคุณดิษฐ์นั่งอยู่
“นักข่าวยังรออยู่เต็มเลยค่ะ”
“ผมออกไปคุยกับนักข่าวเลยดีกว่าครับ”
มุกตาภาห้าม “อย่าดีกว่าค่ะ...พี่นนท์ ถ้าพี่นนท์อยากให้เรื่องจบเร็วๆ”
“ตรีอัปสรให้สัมภาษณ์เหมือนนนท์กับเค้าเคยคบกันมาก่อน”
“นังนั่น มันโกหกคำโต”
ชญานนท์มีสีหน้าหนักใจ “ผมขอโทษนะครับ พ่อ”
คุณดิษฐ์ถอนหายใจ “เอาเถอะ ใจเย็นๆ พ่อเคยบอกแล้วไง คนฉลาดจะต้องหาทางเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาสให้ได้”
“โอกาสอะไรคะ” มุกตาภาฉงน
คุณดิษฐ์หันไปมองลูกชาย “ถ้านนท์มั่นใจว่าไม่รักตรีอัปสรจริงๆ คราวนี้ก็ ตัดซะให้ขาด แต่ถ้ารัก...ก็ต่อให้จบสวยๆ”
ชญานนท์มองหน้าคุณดิษฐ์อย่างครุ่นคิด

ทางด้านตรีอัปสรกลับถึงบ้าน เดินตรงไปนั่งที่เก้าอี้แขวนบริเวณเทอเรส มีปิ๋มเดินตามมาพร้อมเครื่องดื่ม
“ชั้นไม่รับทั้งโทรศัพท์มือถือ โทรศัพท์บ้านนะ ชั้นไม่อยากคุยกับใคร แล้วไปปิดบ้านซะ อย่าให้ใครเข้ามา”
“ค่ะ”
ปิ๋มเดินออกไป ตรีอัปสรทรุดตัวนั่งอย่างหมดแรง สักครู่หนึ่งมีเสียงคล้ายคนเดินมา ตรีอัปสสรพูดโดยไม่หันไปมอง
“ปิ๋ม...ปิดประตูบ้านแล้วใช่ไม๊”
เสียงคุ้นหูดังขึ้น “ผมเอง”
ตรีอัปสรหันขวับไปมอง เห็นชญานนท์จึงขยับลุกขึ้นจะเข้าไปหา ชญานนท์ถอยหลังเหมือนไม่อยากเข้าใกล้
“คุณนนท์”
“ไม่ว่าคุณจะทำอะไร ผมก็ไม่มีวันเปลี่ยนใจ ต่อให้น้องอรโกรธผม เกลียดผม ผมก็ไม่มีวันรักคุณ”
“คุณนนท์”
ตรีอัปสรไม่คิดว่าชญานนท์จะพูดตัดรอน เด็ดขาดขนาดนี้
“คุณบังคับให้ผมพูดเองนะ ตรีอัปสร ผมเชื่อแล้ว ว่าคุณไม่อยากเป็นเพื่อนกับผมจริงๆ”
ชญานนท์มองตรีอัปสรอย่างห่างเหิน เย็นชา หมางเมิน ตรีอัปสรรับรู้ได้ถึงความรู้สึกนั้น
“ถ้าคุณคิดว่าสิ่งที่คุณทำจะผูกมัดผมได้ ผมบอกเลยว่าไม่มีทาง ความรักที่สมบูรณ์มันเป็นเรื่องของคน สองคน น่ะตรี ไม่ใช่คนเดียว...ลาก่อนตรีอัปสร”
ชญานนท์เดินออกไปในทันที ตรีอัปสรมองตามไป แล้วเมินหน้ากลับมา น้ำตาไหลพรากด้วยความช้ำใจ และ แค้นใจสุดจะประมาณ

ไม่นานต่อมา อรสินีหันมามองชญานนท์ที่มาหาถึงบ้าน อย่างสงบนิ่ง
“พี่นนท์เล่นกับไฟ เล่นกับของร้อน ก็เป็นธรรมดาค่ะ ที่พี่นนท์จะต้องโดนไฟลวก”
“พี่ขอโทษ พี่ไม่คิดว่าเรื่องมันจะกลายเป็นแบบนี้”
“พี่นนท์คงยังไม่รู้จักผู้หญิงดีพอ”
“ก็คงจะจริงค่ะ”
“แล้วตรีล่ะคะ”
“พี่ยังยืนยันว่าพี่กับตรีไม่มีอะไรกัน ชีวิตพี่ตอนนี้อยู่ในมือของน้องอรพี่จะรอ รอให้น้องอรอภัยให้พี่ค่ะ”

อรสินี มีสีหน้าเครียดจัด

อ่านต่อหน้า 4

ปีกมงกุฎ ตอนที่ 18 อวสาน (ต่อ)

อีกฟาก ดารินทร์เข้าบ้านมา สีหน้าเครียดจัด รู้เรื่องที่เกิดขึ้นจากน้ำมือลูกสาวทุกอย่างแล้ว

“ชั้นบอกแกแล้วใช่ไม๊ ยายตรี ว่าให้หยุด แกก็ไม่เชื่อชั้น ทำเรื่องอีกจนได้ แล้วเป็นไง ได้อะไรกลับมาบ้างไม๊ นอกจากเรื่องฉาวโฉ่เสียหาย”
“แม่จะซ้ำเติมให้มันได้อะไรเนี่ย”
“เผื่อว่าแกจะสำนึกได้ไง แกหยุดได้แล้วยายตรี แกก็เห็นแล้วนี่ว่า แกทำขนาดเนี้ย คุณนนท์เค้าก็ยังมั่นคง กับคุณอร แกแพ้แล้วยายตรี แพ้ราบคาบเลย หยุดดิ้นรนได้แล้ว พอเถอะ”
ตรีอัปสรมองดารินทร์อย่างเจ็บช้ำ สับสน และเสียใจ

ตรีอัปสรหลบมาเลียแผลใจที่ชายทะเล นั่งเหม่ออยู่คนเดียว ร้องไห้อยู่เพียงลำพัง ทบทวนชีวิตที่ผ่านมา จังหวะหนึ่ง ตรีอัปสรหวนนึกถึงอติรุจขึ้นมา ใช่แล้ว...ยังมีผู้ชายอีกคนที่หวังดีกับเธอเสมอมา คนนี้แหละที่เธอจะยึดเป็นที่พึ่ง

ทุกชีวิตยังคงดำเนินไปบนบาดแผลที่รอวันตกสะเก็ด ที่บ้านสลิลทิพย์วันนี้ มีช่อดอกไม้สวยวางอยู่ อรสินีเดินตรงมาหยิบขึ้นมาดู มีข้อความเขียนกำกับว่า
“พี่ยังรออยู่อย่างมั่นคงนะคะ”
ภาพการงอนง้อขอคืนดีของชญานนท์ผุดซ้อนขึ้นมาเป็นระลอก อรสินีถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน

ทางฝั่ง ตรีอัปสรผู้อกหักยับเยินยังคงเจ็บช้ำอยู่เพียงเดียวดาย

วันเวลาผ่านไป
อยู่มาวันหนึ่ง ตรีอัปสรเดินเข้ามาในออฟฟิศของอติรุจ หล่อนเดินไปจนถึงห้องทำงานของเขา เบื้องแรกตรีอัปสรทำท่าจะเคาะประตูแล้วเปลี่ยนใจจะเซอร์ไพร้ส์ จึงค่อยๆ เปิดเข้าไป เห็นผู้ชายคนหนึ่งกอดอติรุจนั่งดูโน้ตบุ๊คด้วยกันอย่างมีความสุข หวานแหวว แต๋วจ๋า ดูออกว่าเป็นคู่รักกัน
ตรีอัปสรตกตะลึง อึ้งกับภาพที่เห็น อติรุจเงยหน้าขึ้นมาแล้วตกใจสุดขีดไม่คิดว่า ตรีอัปสรจะยืนอยู่
“ตรี”

ตรีอัปสรมองอติรุจแล้วหลบตาลง อติรุจขยับเข้าไปนั่งใกล้ๆ จับมือตรีอัปสร อติรุจยังคงอ่อนโยน ห่วงใยเหมือนเดิม
“ตรี ตรีหายไปไหนมา รู้มั้ยว่า ทุกคนตามหาตรีกันใหญ่เลย”
ตรีอัปสรตอบเสียงเนือยๆ “ยังมีคนตามหาตรีอีกเหรอคะ ละครก็ยังไม่เปิดนี่คะ จะตามกันทำไม”
“ทุกคนเป็นห่วงตรีไง ทั้งนนท์ น้องอร แล้วคนที่สำคัญที่สุด คือ แม่ของตรี คุณดารินทร์เป็นห่วงตรีมากนะ”
“เหรอคะ”
“กลับบ้านเถอะนะ อย่าจมอยู่กับความเศร้า ความทุกข์เลย”
“ค่ะ ตรีถึงได้พยายามหาที่ยึดเหนี่ยวเพื่อไม่ให้จมลงไปไงคะ” ตรีอัปสรมองอติรุจอย่างตัดพ้อ “แต่ตรีก็ยังหาไม่ได้ ตรีคิดว่า คุณรุจคือผู้ชายคนเดียวที่ยังต้องการตรีอยู่”
อติรุจหลบตา นึกเสียใจ “คุณยังเป็นเพื่อนที่ดีของผมน่ะ ตรี ผมขอโทษที่ไม่ได้บอกความจริงทั้งหมด”
“คุณรุจก็ไม่ได้ดีไปกว่าคุณนนท์เลยนะคะ เหมือนตรีอยู่ท่ามกลางคนหลอกลวง”
“ตรี ผมบริสุทธิ์ใจกับตรีนะ ตรีคือคนที่เข้ามารับผิดแทนผม ผมไม่มีวันหลอกลวงตรี เพียงแต่บางเรื่องมันก็พูดลำบาก”
ตรีอัปสรฉงน “หมายความว่าไงคะ ตรีไปรับผิดอะไรแทนคุณ”
“วันที่ตรีเอาตุ๊กตามาคืนน้องอร แล้วถูกนายนนท์หาว่าตรีขโมยตุ๊กตา จริงๆแล้ว เรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นเพราะผม”
ตรีอัปสรฉงน “เกิดขึ้นเพราะคุณรุจ”
“ใช่”
อติรุจเล่าเรื่องราวฝนอดีตให้ฟังว่า ตอนนั้นเด็กชายอติรุจเล่นตุ๊กตาอยู่ แล้วจู่ๆ ก็โยนออกไปนอกบ้าน เมื่อได้ยินเสียงเด็กหญิงอรสินีเรียก
ตรีอัปสรฟังจบก็เข้าใจทันที
“คุณรุจไม่อยากให้ใครรู้ว่า คุณรุจเป็น...”
ตรีอัปสรไม่พูดต่อ อติรุจพยักหน้าว่า
“ใช่...”
ตรีอัปสรยิ้มประชดตัวเองนิดๆ “คุณรุจก็เลยดีกับตรี ให้ตุ๊กตาหมีตรี เพราะเห็นว่าตรีต้องมารับผิดแทน”
“ผมขอโทษ”
“ไม่เป็นไรค่ะ เรื่องมันผ่านไปแล้ว” ตรีอัปสรขยับลุกขึ้น “ตรีกลับนะคะ”
ตรีอัปสรขยับเดินไป อติรุจมองตรีอัปสร
“ตรี”
ตรีอัปสรหันมามอง อติรุจมองตรีอัปสรอย่างเห็นใจ
“ตรีจะไปไหน”
“กลับบ้านค่ะ”
ตรีอัปสรเดินออกไป อติรุจมองตามจนลับตาด้วยความสงสาร และเห็นใจ

ดารินทร์เดินออกจากห้องอาหาร มาทางหน้าบ้าน เห็นตรีอัปสรเดินเข้ามาดารินทร์มองอย่างดีใจ
“ยายตรี”
ดารินทร์วิ่งเข้ามากอดตรีอัปสรด้วยความรัก
“ยายตรี ยายตรีลูกแม่ ตรีหายไปไหนมาลูก แม่ดีใจที่สุดเลยลูก คิดถึงตรีที่สุด”
“ตรีก็คิดถึงแม่ค่ะ ตรีขอโทษนะคะ ที่ทำให้แม่เป็นห่วง”
“กลับมาแม่ก็ดีใจแล้ว ชีวิตเรามีอะไรที่จะต้องทำอีกเยอะ อย่าไปจมอยู่กับเรื่องเก่าๆที่มันผ่านไปแล้วเลย”
ตรีอัปสรพยักหน้า “ค่ะ”
เสียงคุณเวชดังขึ้นมา “คุณดา”
ตรีอัปสรชะงัก เมื่อได้ยินเสียงผู้ชาย มองดารินทร์ ดารินทร์ยิ้มให้ ก่อนจะหันไปมอง เห็นคุณเวชเดินออกมาจากด้านหลัง ดารินทร์ยิ้มให้ ตรีอัปสรซึ่งกำลังกอดดารินทร์อยู่ ปล่อยมือจากการกอด
“ตรี นี่คุณเวช ลูก คุณเวชเป็นเจ้าของห้างสรรพสินค้ามิราเคิล ชอปปิ้งมอลล์”
ตรีอัปสรมองคุณเวช แล้วยกมือไหว้ช้าๆ
“สวัสดีค่ะ”
“สวัสดีครับ คุณดาเล่าเรื่องหนูให้ผมฟังทุกวัน ดีใจนะที่ได้เจอหนูสวยเหมือนคุณแม่เลยน่ะ”
“ขอบคุณค่ะ”
“ไปทานข้าวกันเถอะลูกไป” ดารินทร์หันไปทางเวช “ไปค่ะ คุณเวช”
“ครับ”

ดารินทร์เดินคู่ไปกับคุณเวช ตรีอัปสรมองตามไปอย่างโดดเดี่ยว และว้าเหว่

ปิ๋มตักข้าวให้ตรีอัปสร ท่าทางปิ๋มดีใจมากๆ

“คุณตรี ทานเยอะๆนะคะ ปิ๋มว่าคุณตรีผอมไปนะคะ”
ตรีอัปสรยิ้มนิดๆ แต่ไม่พูดอะไร ปิ๋มออกไปทางห้องครัว ปล่อยให้ทั้ง 3 คน นั่งทานข้าวอยู่ด้วยกัน บรรยากาศค่อนข้างอึดอัด เพราะตรีอัปสรนั่งกินเงียบๆ ดารินทร์เปิดประเด็นเพื่อคลี่คลาย
“ตรี อาทิตย์หน้า แม่จะเปิดห้องเสื้อที่มิราเคิลชอปปิ้งมอลล์นะลูก”
“เหรอคะ”
“หนูตรีต้องไปตัดริบบิ้นให้ห้องเสื้อของคุณแม่น่ะ” คุณเวชว่า
“เชิญแขกหรือลูกค้าที่มีเกียรติกว่าตรีดีกว่ามั้งคะ”
ตรีอัปสรพูดกวนๆ ดารินทร์รีบคลี่คลายบรรยากาศทันที
“แม่เปลี่ยนชื่อแบรนด์ ชื่อห้องเสื้อใหม่ เป็น ตรีอัปสร แม่ใช้ชื่อตรี มาเป็นแบรนด์”
“น่าภูมิใจไม๊ คุณแม่รักตรีมากนะ” คุณเวชบอก
“ตรีทราบค่ะ”
คุณเวชพยายามทำตัวกันเองให้ตรีอัปสรรู้สึกเอ็นดู แต่ตรีอัปสรไม่สนใจ คุณเวชตักอาหารให้ตรีอัปสร
“ลองทานนี่ดูซิ อร่อยนะ”
“ขอบคุณค่ะ แต่ตรีอิ่มแล้ว” ตรีอัปสรรวบช้อน “ตรีขอตัวก่อนนะคะ”
ตรีอัปสรขยับลุกขึ้นเดินออกไป เวชหน้าเจื่อนลง ดารินทร์ยิ้มให้เวชเหมือนให้กำลังใจ
“คุณทานไปก่อนนะคะ เดี๋ยวดา มา”
ดารินทร์ลุกขึ้น เดินตามตรีอัปสรออกไป

ตรีอัปสรเดินลงบันไดหน้าบ้านจะออกไปข้างนอก ดารินทร์เดินตามมาติดๆ
“ตรี ยายตรี”
ตรีอัปสรหยุด หันกลับมาหาดารินทร์
“แกจะไปไหน”
“ไม่รู้เหมือนกันค่ะ”
“อ้าว ทำไมมันไร้ทิศทางอย่างนี้ล่ะ ยายตรี แกไม่รู้จะไปไหน แล้วแกจะไปทำไม”
“ตรีไม่อยากอยู่บ้าน”
“อะไรของแกห๊ะยายตรี แกกลับมาบ้านหยกๆ แล้วแกก็บอกว่าไม่อยากอยู่บ้าน ยังไงกันแน่”
ตรีอัปสรมองดารินทร์จริงจัง “ตรีอยากกลับมาหาแม่ กลับมาอยู่กับแม่ แต่แม่มีคนอื่นแล้ว ตรีก็ไม่รู้จะอยู่ทำไม ขอตรีไปทำใจก่อนแล้วกัน นะแม่”
“คุณเวช เค้าช่วยเรานะตรี ชั้นจะได้กลับไปมีห้องเสื้อในห้างที่ใหญ่กว่า ตอนอยู่กับคุณอัศอีก แกควรจะดีใจที่แม่กลับมาเชิดหน้าชูตาได้อย่างสง่างามอีกครั้ง ที่สำคัญคุณเวชเค้าเป็นพ่อหม้าย แม่ไม่ได้เป็นเมียน้อยใครอีกแล้วน่ะ”
ตรีอัปสรยิ้ม “ตรีดีใจด้วยค่ะแม่ แม่กลับไปทานข้าวกับคุณเวชเถอะ เดี๋ยวเค้าจะรอ ตรีไปนะคะ”
ตรีอัปสรเดินออกไป ดารินทร์มองตามไปงงๆ

ตรีอัปสรเดินผ่านร้านอาหารหรู เห็นกัลยาณีใส่แว่นดำ หิ้วกระเป๋าแบรนด์ แต่งตัวหรูเริด เดินมาเชิดๆ ตรีอัปสรมองไป
“ณี...กัลยาณี”
กัลยาณีหันมามอง สีหน้าดีใจ เดินเข้ามาหา
“ตรี โอ๊ย...ไม่ได้เจอกันตั้งนาน หายไปเลยน่ะ ตั้งแต่...เป็นข่าวตอนนั้น”
กัลยาณีชะงักเหมือนนึกขึ้นได้ว่าไม่ควรพูด ก็เลยเงียบไป ตรีอัปสรมองกัลยาณี
“ก็ไม่ได้หายไปไหน แค่ไม่ได้เป็นข่าว ณี สบายดีนะ”
กัลยาณียกมือซึ่งใส่แหวนเพชรขึ้นถอดแว่นตาแบรนด์ออก โดยลืมไปว่าตาและหน้ามีรอยช้ำอยู่
“สบายดี สบายมากเลยล่ะ มีชีวิตหรูหรา มีข้าวของเครื่องใช้แบรนด์เนม ใครเห็นก็เกรงใจ ไม่มีใครดูถูกเหมือนสมัยก่อน เงินน่ะ มันสำคัญที่สุดนะตรี
“เหมือนที่ณีเคยตอบคำถามตอนประกวดใช่ไม๊ ว่าที่สุดแล้ว เงินก็สำคัญกว่าสุขภาพ”
“ใช่...มีเงินไว้ก่อน...อย่างอื่นก็ไม่ยากหรอก”
“แม้แต่ความเจ็บปวด เงินก็รักษาได้เหรอ”
กัลยาณีรู้สึกตัว ยกแว่นตาขึ้นใส่
“ชั้นต้องรีบไปแล้ว มีนัด นวดตัว ทำตัว เย็นนี้ต้องไปงานเลี้ยง โชคดีน่ะ”
กัลยาณีพูดจบก็มีรถแล่นมาจอดรับ ตรีอัปสรมองตามไป ถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเดินไปต่อ

เวลานั้น วรัญญายืนให้อาหารปลาอยู่ริมน้ำ พอหมุนตัวจะกลับ ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นตรีอัปสรที่นั่งอยู่ริมน้ำอีกมุมหนึ่ง ท่าทางเศร้าสร้อยขื่นขม วรัญญาเดินเข้าไปหา
“ตรี...”
ตรีอัปสรเงยหน้าขึ้นมองด้วยใบหน้าเศร้าหมอง
“รัญ...”
วรัญญาทรุดตัวลงนั่ง จับมือไว้อย่างดีใจ
“ไม่ได้เจอกันตั้งนาน”
“วันนี้เป็นวันอะไรเนี่ย สงสัยจะเป็นวันเจอเพื่อนเก่า”
“ไปเจอใครมาล่ะ”
“กัลยาณี”
วรัญญาถอนหายใจ “น่วมไปทั้งตัว โดนผัวซ้อมทุกวัน แต่ทนเพราะอยากได้เงิน ติดแบรนด์เนม ไม่มีใครได้อะไรมาฟรีๆจริงๆ”
“ใช่ แล้วรัญล่ะ ได้ข่าวว่าแต่งงาน”
วรัญญาพยักหน้า “แต่งแล้ว...เลิกแล้ว”
“เอ้ย ทำไมเร็วจัง”
วรัญญาถอนหายใจ “ชีวิตมันก็เป็นแบบนี้ เร็ว ช้า ก็ต้องไป”
ตรีอัปสรเย้า “เหมือนจะปลงนะ”
“แล้วตรีล่ะ เป็นยังไงบ้าง”
“ก็...เจอมรสุม พายุ จนถึงตอนนี้ก็ยังเจอฟ้าผ่าทั้งๆที่ฝนไม่ตก”
ตรีอัปสรพูดขำๆ แต่สีหน้าไม่ได้สนุกไปกับคำพูดของตัวเองเลย
“แล้ว...มาทำอะไรแถวนี้”
“ก็เดินมาเรื่อยๆ ไม่คิดว่าจะมาเจอรัญที่นี่ บังเอิญจริงๆ”
“ไม่มีอะไรบังเอิญหรอกตรี ทุกอย่างถูกกำหนดมาแล้ว”
วรัญญายื่นมือส่งให้ตรีอัปสรจับ ตรีอัปสรมองอย่างแปลกใจ
“ส่งมือมา แล้วไปด้วยกัน”
ตรีอัปสรยื่นมือไปจับมือกับวรัญญา แล้วลุกขึ้น
“จะพาไปไหนเนี่ย”
“เอาน่ะ ไม่พาไปขายหรอก”
วรัญญาเดินนำตรีอัปสรไป

วรัญญาเดินนำเข้ามาในวัดอันร่มรื่น ตรีอัปสรเดินเข้ามาแล้วหันมามองหน้าวรัญญา
“พามาวัด จะให้มาเจอกับพระรึไง รัญ”
วรัญญาพยักหน้า “ใช่”
ตรีอัปสรถอนหายใจ “เป็นสูตรสำเร็จจริงๆ พอชีวิตถึงทางตัน ทุกข์ใจ เสียใจ ก็ต้องเข้าวัด”
“เวลาปกติเธอจะคิดถึงห่วงยางชูชีพไม๊ตรี แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่เรือล่ม จมน้ำต่อให้เธอว่ายน้ำเป็น เธอก็ต้องการชูชีพใช่ไม๊”
ตรีอัปสรยิ้มนิดๆ “เปรียบซะเห็นภาพเลย”
“เข้าไปในโบสถ์กันเถอะ”
ตรีอัปสรพยักหน้าแล้วเดินตามวรัญญาเข้าไป

ตรีอัปสรกับวรัญญาก้มลงกราบองค์พระประธานในโบสถ์ แล้วหันมาทางวรัญญา
“ไหนล่ะ พระที่จะให้เจอน่ะ อย่าบอกว่า พระประธานน่ะ”
มีเสียดังออกมาว่า “ไม่ใช่พระประธานหรอก โยม”
ตรีอัปสรคุ้นหูกับเสียงนี้ หันไปมองก็เห็นพระกล้า ยืนสงบอยู่ ตรีอัปสรตกตะลึง เผลอหลุดปากออกมา
“พ่อ...”
“หลวงพ่อ”

วรัญญาก้มลงกราบพระ ตรีอัปสรตั้งสติได้ก้มลงกราบตาม พระกล้าก้มลงมองอย่างสงบ

พระกล้านั่งบนอาสนะในโบสถ์ มีตรีอัปสรกับวรัญญา นั่งพับเพียบอยู่กับพื้นเบื้องหน้า

“ตรีคิดว่า พ่อ...เอ้อ...หลวงพ่อกลับไปอยู่บ้านเดิมกับน้าชบา”
“อาตมาแยกกับโยมชบาตั้งแต่วันที่กลับจากบ้านโยม เหตุการณ์วันนั้นทำให้อาตมามองเห็นความเลวร้ายของตัวเอง พยายามหาทางออก หาทางไป อาตมาเดินมาถึงวัดนี้ แล้วก็ได้เจอหลวงพ่อ ท่านเล่านิทานให้ฟังว่า มีคนๆหนึ่ง ไม่อยากเห็นเงาตัวเอง ไม่อยากเห็นรอยเท้าตัวเอง ก็เลยพยายามวิ่งหนี แต่ยิ่งวิ่งหนีเท่าไหร่ ก็ไม่เคยพ้นเลย วิ่งจนเหนื่อยอ่อน วิ่งจนไม่มีแรง ก็ยังหนีไม่พ้นเงา ยังเห็นรอยเท้าตัวเองอยู่...จนกระทั่งวันนึง ก็มีพระรูปหนึ่งมาบอกว่า ถ้าไม่อยากเห็นเงา ไม่อยากเห็นรอยเท้าตัวเอง ก็แค่นั่งเฉยๆ ใต้ต้นไม้ เพียงแค่นั้นเอง อาตมาจึงตัดสินใจบวชเพื่อจะเรียนรู้ ศึกษาพระธรรม คำสั่งสอนของพระพุทธองค์”
ตรีอัปสรนิ่งฟังคำพูดของพระกล้าอย่างตั้งใจ
“ปล่อยวาง...ก็บางเบา ถือเอาก็หนักไปเอง นะโยม”
วรัญญาเอ่ยขึ้น “หลวงพ่อสอนชั้นว่า ที่สุดของความรัก คือ รักโดยไม่ครอบครอง ที่สุดของการให้คือให้โดยไม่หวังผล”
“คนเราทุกวันนี้ ทำอะไรก็หวังผล ถูกใจอะไรก็อยากครอบครอง เมื่อได้ผล ก็มีความสุข ยึดติดกับความสุขโดยไม่รู้ว่าความสุขนั้นเหมือนสายลม พัดมา พัดไปไม่แน่นอน ไม่เที่ยงแท้”
ตรีอัปสรมองพระผู้เป็นพ่ออย่างซาบซึ้ง พระกล้ามองลูกสาวอย่างเปี่ยมเมตตา
“มันไม่สำคัญหรอกนะ โยมตรีอัปสร ว่าเมื่อวานเราทำอะไรมาบ้าง ผ่านอะไรมาบ้าง แต่ความสำคัญมันอยู่ที่ว่า พรุ่งนี้เราจะก้าวเดินต่อไปอย่างไร อาตมาเองก็มีส่วนผิด คนเป็นพ่อ แม่ ควรจะอบรมสั่งสอนลูกให้คิดดี ทำดี เป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูก แต่ที่ผ่านมา อาตมาไม่เคยทำเลย”
ตรีอัปสรน้ำตาคลอ “แต่วันนี้ หลวงพ่อได้สอนตรีแล้วค่ะ”
ตรีอัปสรก้มลงกราบหลวงพ่อ น้ำตาไหลออกมาอย่างตื้นตันใจ ผิดกับตอนกราบพ่อสร้างภาพ ต่อหน้าสื่อเป็นไหนๆ

ตรีอัปสรเดินออกมาจากโบสถ์กับวรัญญา พระกล้าเดินมาหยุดยืนที่ประตูโบสถ์มองตาม ทั้งคู่เดินมาเรื่อยๆ ซักครู่ ตรีอัปสรหันไปทางวรัญญา
“ขอบใจมากนะ รัญ ขอบใจที่ทำให้ตรีได้เจอหลวงพ่อ”
“ไม่เป็นไรหรอก รัญเคยทุกข์สาหัสมาก่อน รัญเข้าใจความรู้สึกตรี การเดินออกจากความทุกข์ ไม่ยากหรอก แต่เรามักจะคิดไม่ถึง มองไม่เห็น ทั้งๆ ที่วิธีทำให้มีความสุขอย่างแท้จริงอยู่ตรงหน้าเราแท้ๆ”
ตรีอัปสรพยักหน้า “ทุกอย่างมันอยู่ที่ใจเราจริงๆ จะสุข จะทุกข์ก็อยู่ที่ใจเราปรุงแต่ง”วรัญญายิ้ม “เริ่มคิดได้แล้วใช่ไม๊”
ตรีอัปสรพยักหน้า วรัญญามองนางสาว ณ สยาม ที่กำลังจะหมดวาระลงอย่างค้นหา
“อาทิตย์หน้าจะมีแถลงข่าวการประกวด นางสาว ณ สยาม ตรีจะไปไม๊”
“ไปซิ ต้องไปแน่” ตรีอัปสรยิ้มชื่น “ขอบใจอีกครั้งนะรัญ ตรีไปก่อนนะ แล้วเจอกัน”
ตรีอัปสรเดินแยกไป วรัญญามองตามไป

ถึงวันจัดงานแถลงข่าว การประกวด นางสาว ณ สยาม ประจำปี 2558 ทีมงานเดินไปมาขวักไขว่ มงกุฎอันใหม่ของนางสาว ณ สยาม คนใหม่ วางอยู่บนกำมะหยี่เพชรส่องประกายวิบวับงดงาม รัตน์เดินเข้ามาดูความเรียบร้อย
“เรียบร้อยนะ”
“เรียบร้อยค่ะ” ทีมงานบอก
รัตน์พยักหน้า “หวังว่าคงไม่มีอะไรผิดพลาด ผิดคิวนะ”
“ไม่มีแน่นอนค่ะ”
รัตน์ยิ้ม พยักหน้ารับแล้วแล้วเดินแยกไป

ขณะที่สื่อมวลชนเริ่มทยอยเข้ามาในล็อบบี้ของโรงแรม ภารดีโผล่เข้ามาจากหลังเสา หน้าตาทรุดโทรม ร่วงโรย สภาพเหมือนคนติดยา ภารดีมองเข้าไปในโรงแรม ตาขวางพร้อมจะหาเรื่อง
“คอยดูนะ วันนี้ชั้นจะต้องดัง ทุกสื่อจะต้องมีข่าวชั้นขึ้นหน้าหนึ่ง”
ภารดียิ้มอย่างพอใจ หัวเราะเสียงต่ำเหมือนคนบ้า มองไปในโรงแรมแล้วเดินเข้าไปช้าๆ

ทุกคนในงานแถลงข่าว อยู่ในที่ทางของตน พิธีกรยืนพูดเปิดงานอยู่บนเวที
“และปีนี้ การจัดงานประกวด นางสาว ณ สยาม ของสถานีโทรทัศน์ไทยเทน ก็ยิ่งใหญ่ไม่แพ้ปีที่แล้วนะครับ ขอเรียนเชิญ คุณดิษฐ์ และคุณชญานนท์ ผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ไทยเทน และประธานจัดการประกวด นางสาว ณ สยาม ในครั้งนี้ขึ้นมาเป็นเกียรติ บนเวทีด้วยครับ”
คุณดิษฐ์และชญานนท์เดินขึ้นไปยืน นักข่าวช่างภาพถ่ายรูป สักครู่คุณดิษฐ์พยักหน้าให้ชญานนท์พูด
“ขอขอบคุณสื่อมวลชนและผู้มีเกียรติทุกท่านที่ให้การสนับสนุน การประกวด นางสาว ณ สยาม เป็นอย่างดี ขอบคุณครับ”
พิธีกรรับช่วงต่อ “และก็มาถึงไฮไลต์สำคัญของงานแล้วนะครับ ขอเรียนเชิญ นางสาว ณ สยาม คุณตรีอัปสร และรองนางสาว ณ สยาม คุณอรสินี และคุณวรัญญาด้วยครับ”
ภารดีเดินอาดๆ เข้ามา ล้วงมือในกระเป๋าหยิบปืนออกมา เดินแหวกผู้คนไปช้าๆ

ตรีอัปสร อรสินีและวรัญญา เดินออกมาจากด้านหลังเวที มาหยุดยืนหน้าเวทีอย่างสง่างาม ภารดีเดินไปถึงหน้าเวที พร้อมๆ กับที่ทั้ง 3 สาว เดินมายืนข้างคุณดิษฐ์ และชญานนท์ ภารดีขึ้นไปบนเวที ทุกคนมองอย่างตกใจ
“ภารดี” คุณดิษฐ์คาดไม่ถึง
“ตกใจล่ะซิ ที่เห็นชั้น จัดงานแถลงข่าวแล้วทำไมไม่เชิญชั้น ชั้นควรจะต้องมา ให้นักข่าวถ่ายรูป ให้มีข่าวลงทุกสื่อ เอ้า ถ่ายรูปซิ ยืนนิ่งกันทำไม”
ภารดีหันมาตะโกนให้นักข่าวซึ่งยืนตกตะลึงอยู่ถ่ายรูป สุดท้ายควักปืนออกมา หันมาทางทั้ง 6 คนบนเวที
“ถ่ายรูปเสร็จแล้วจะได้ส่งวิญญาณ ไอ้ อี ที่มันไม่เคยเห็นคุณค่า ความสวยความสามารถของชั้น...แก...คนแรกเลย นายดิษฐ์”
ขาดคำภารดีก็ยิงคุณดิษฐ์ทันที ทุกคนร้องกรี๊ด คุณดิษฐ์ล้มลงไป ภารดีหันกระบอกปืนมาทางตรีอัปสร
“แล้วก็แก นังตรีอัปสร”
ภารดียิงเปรี้ยง ร่างตรีอัปสรล้มลง กระบอกปืนดังกล่าวยังยิงติดต่อกันอีกหลายนัด อรสินี วรัญญา ชญานนท์ ล้มลงตามๆ กัน ภารดีหันมาทางสื่อที่ยังยืนตกตะลึงอยู่
“แล้วก็มาถึงคนสำคัญ ถ่ายรูปเก็บไว้แล้วลงข่าวให้ครบ”
ภารดีหันปากกระบอกปืนมาทางตัวเอง แล้วยิงใส่ศีรษะตัวเองเปรี้ยง หงายล้มลงไปอย่างสวยงาม

ที่แท้ทุกอย่างเกิดจากมโนเพ้อฝันไปเองของภารดีทั้งสิ้น และเวลานี้หล่อนกำลังดิ้นหนีจากการถูกจับกุมของยาม แหกปากร้องสุดเสียง
“ปล่อย...ปล่อยชั้น...”
ภารดีดิ้นจากการถูกยามร.ป.ภ.จับตัวไว้
“ชั้นจะเข้าไปงานแถลงข่าว ปล่อย...ชั้นจะไปยิงมัน...ยิงให้ตายให้หมด...ปล่อยซิโว้ย...ปล่อย”
ภารดีโวยวาย ดิ้นหนีสุดกำลัง
“จับไปส่งตำรวจเลย เมายาจนคลั่ง หมดสภาพเลย เฮ้อ...เวรกรรม” ยามบ่น

ภารดียังร้องโหยหวนไปพร้อมๆ กับดิ้นรนสุดฤทธิ์

สลิลทิพย์คุยกับแขกในงาน ขณะที่ดารินทร์เดินเข้ามาอีกทาง ยิ้มแย้มทักทายคนรู้จัก สลิลทิพย์กับดารินทร์หน้าตึงใส่กัน ยังคงไม่ถูกชะตากันเหมือนเดิม และทำท่าจะเริ่มมีเรื่องกันอีก จนเสียงชญานนท์ดังมาจากบนเวที ทำให้ทั้งคู่ต้องแยกกันไปโดยปริยาย

“การประกวด นางสาว ณ สยาม ที่ผ่านมา ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีครับ นอกจากการไปคว้าตำแหน่งต่างๆ ในเวทีโลกมาแล้ว นางสาว ณ สยามและรอง ก็ได้ก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงอย่างที่ทุกคนทราบๆ กันดี”

วรัญญายืนสแตนด์บายอยู่กับอรสินีที่หลังเวที เตรียมจะเดินออกตามคิว
“ตรียังไม่มาเลย” อรสินีกังวล
“แต่ ตรีบอกว่าจะมานะ” วรัญญาว่า
ทีมงานหันไปทางหนึ่ง ร้องขึ้นด้วยความดีใจ “ตรี...มาพอดีเลย ดูสคริปต์ก่อนเร็วค่ะ”
ทั้งอรสินีและวรัญญาหันไปมอง เห็นตรีอัปสรเดินเข้ามาอย่างสง่างาม มีมงกุฏ อรสินีมองอย่างดีใจ ขยับเข้าไปหา
“ตรี”
อรสินีขยับเข้าไปจะจับมือ แต่ตรีอัปสรเบี่ยงตัวออกพูดเสียงเรียบๆ
“ขอดูสคริปต์ก่อนนะคะ ว่าต้องทำอะไรบ้าง”
ตรีอัปสรหันไปอ่านสคริปต์ที่ทีมงานเอามาให้ อรสินีหันไปยิ้มเจื่อนๆ กับวรัญญา

ชญานนท์เอ่ยขึ้น “และผมขอเชิญ นางสาว ณ สยาม และรอง ด้านหน้าเวทีเลยครับ ซึ่งอีกไม่นาน เธอทั้ง 3 จะเป็นอดีต นางสาว ณ สยาม เพราะเรากำลังจะมี นางสาว ณ สยามคนใหม่ครับ”
พิธีกรกล่าวต่อ “เชิญคุณตรีอัปสร คุณอรสินี และคุณวรัญญาครับ”
ตรีอัปสรเดินออกมาพร้อมกับอรสินีและวรัญญา 3สาวมายืนโพสต์ท่า นักข่าวช่างภาพถ่ายรูปกันพรึบพรับ ดารินทร์กับสลิลทิพย์ มองลูกอย่างปลาบปลิ้ม ภูมิใจ
พิธีกรบนเวทีเอ่ยขึ้น “เรียนเชิญ คุณตรีอัปสร พูดอะไรซักนิดนะครับ”
ตรีอัปสรเดินไปหน้าเวทีกวาดตามองทุกคน แล้วหันไปทางชญานนท์ คุณดิษฐ์ ซึ่งยืนอยู่กับมุกตาภา ทุกคนมองตรีอัปสรอย่างลุ้นระทึกว่าหล่อนจะทำอะไรกันแน่ ตรีอัปสรเหลียวมองมายังอรสินี ก่อนจะหันมาพูดกับสื่อตรงหน้า
“ตำแหน่ง นางสาว ณ สยาม คือตำแหน่งของผู้หญิงที่มีคุณสมบัติครบถ้วนทั้งภายใน ภายนอก.....แต่ก็ต้องยอมรับนะคะ ว่าพวกเราทุกวันนี้ มองคนแต่เพียงภายนอกจริงๆ เอาเวลาไปหาทรัพย์สินเงินทองมาปรนเปรอ ปรับปรุง แต่รูปโฉมภายนอก จนลืมที่จะดูแลจิตใจ ความคิด ดิชั้นได้ตำแหน่ง นางสาว ณ สยามมาเพราะความสวยภายนอก เพราะความคิดที่ฉลาดในการตอบคำถาม แต่ลึกลงไปกว่านั้น จิตใจของดิชั้นไม่ได้สวยงาม ไม่ได้มีความสว่าง ไม่มีคุณธรรม เหมือนผู้หญิงที่อยู่ข้างๆดิชั้นเลย
อรสินีหันไปมอง ไม่คาดคิดว่าตรีอัปสรจะพูดคำนี้ออกมา ตรีอัปสรหันมามองตอบแล้วยิ้มให้ ทุกคนมีความรู้สึกที่แตกต่างกันไป ไม่เว้นแม้แต่ทีมงานที่พูดบ่นกันว่า ตรีอัปสรไม่ยอมพูดตามสคริปต์สักคำ
“ถ้าใครไม่เชื่อในความดี ไม่เชื่อว่า ยังมีคนคิดดี ทำดี อยู่ในโลก ดิชั้นขอให้เปลี่ยนความคิดนะคะ คุณอรสินีคือผู้หญิงคนนั้นค่ะ ผู้หญิงที่สวยทั้งภายใน ภายนอกอย่างแท้จริง ไม่ใช่ผู้หญิงที่ฉาบหน้าว่าสวยงามแต่จิตใจยังสกปรก ดิชั้นหวังว่าการคัดเลือก นางสาว ณ สยาม คนต่อไปไทยเทนจะได้ นางสาว ณ สยาม ที่งามทั้งภายในและภายนอก อย่างแท้จริงค่ะ ที่พูดมาทั้งหมดก็เพื่อจะบอกทุกคนว่าดิชั้นรู้แล้วว่า คนที่คู่ควรกับมงกุฏ นางสาว ณ สยาม ที่สุด ก็คือ อรสินี ดิชั้นขอคืนมงกุฏที่เธอสมควรจะได้ให้เธอ”
ขาดคำนั้นเอง ตรีอัปสรหยิบมงกุฎที่สวมอยู่บนหัวตัวเองมาใส่ให้อรสินี ขยับให้เข้าที่สวยงาม อรสินีตกตะลึง แต่วรัญญายิ้มอย่างพอใจ และภูมิใจ อรสินีขยับจะหยิบออก แต่ตรีอัปสรจับมือไว้พลางยิ้มให้ ชญานนท์ขยับเข้ามายืนอยู่ข้างๆ จับมืออรสินีไว้อีกด้าน
ตรีอัปสรบอกกับสองคน “ขอให้คุณทั้งสองคนมีความสุขนะคะ” หล่อนมองจ้องชญานนท์ “ตรีเชื่อแล้วค่ะว่าความดี จะเอาชนะทุกอย่างได้ แม้แต่ความรัก”
ตรีอัปสรเดินไปอย่างสวยงาม ชญานนท์กับอรสินีมองหน้ากัน อรสินีเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความรักและความมั่นคงจากใจจริงของเขา
ตรีอัปสรเดินผ่านคุณดิษฐ์และมุกตาภา หล่อนหยุดตรงหน้ามุกตาภา ทั้งสองคนมองหน้ากัน ตรีอัปสรยิ้มให้มุกตาภาก่อนจะเดินออกไป

วันเวลาผ่านไป
พระพักตร์องค์พระประธานในโบสถ์แห่งนี้ สงบนิ่ง น่าเลื่อมใสศรัทธา คุณหญิงสุดสวาทมาทำบุญให้สามีผู้ล่วงลับ แล้วจึงแยกตัวเดินเข้ามาในนี้คนเดียว ทรุดตัวลงไหว้พระประธาน แล้วลุกขึ้น
เสียงใครคนหนึ่งดังขึ้น “มาทำบุญเหรอคะ”
คุณหญิงสุดสวาทชะงัก มองหาที่มาของเสียงไปรอบๆ โบสถ์ พอมองไปด้านหลังพระประธาน ตรีอัปสรเดินออกมายืนสงบนิ่งในชุดขาว ผมมวยเก็บไว้ด้านหลัง สีหน้าสงบ คุณหญิงตกใจ คาดไม่ถึงว่าจะเจอตรีอัปสรในที่แห่งนี้
“ตรีอัปสร”
“สวัสดีค่ะ ไม่คิดว่าจะเจอดิชั้น ใช่ไม๊คะ”
“ไม่คิดว่าจะเจอเธอในสภาพนี้มากกว่า”
ตรีอัปสรยิ้มสำรวม “ค่ะ ไม่มีใครคิดหรอกค่ะว่า ดิชั้นจะพบทางสว่าง ทางสงบ”
คุณหญิงฟังแล้วยิ้มเยาะ “คิดว่านุ่งขาว ห่มขาว อยู่วัด แล้วจะสร้างภาพทำให้คนอื่นคิดว่าเธอเป็นคนดี สะอาด บริสุทธิ์งั้นเหรอ”
“ใช่ค่ะ คนเราจะดี จะเลว ไม่ได้อยู่ที่ภาพภายนอก แต่อยู่ที่ใจ ใจสงบไม่อาฆาต เคียดแค้นใคร ไม่อิจฉา ริษยา...ไม่มัวเมาอยู่ในกิเลศ ตัณหาจิตใจเราก็จะสะอาดขึ้น”
“ก็ดี ถ้าคิดได้ ทำได้จริง ชั้นก็ดีใจด้วย เพราะว่าเธอกับแม่เธอ สร้างกรรม ทำชั่วเอาไว้มาก โดยเฉพาะกับคุณอัศ” คุณหญิงด่ากระทบกระเทียบ
“คุณหญิงไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ใครทำกรรมอะไรไว้ ก็ต้องได้รับผลกรรมนั้น อยู่ที่ว่าจะเร็วหรือช้าเท่านั้น กรรมจะติดตัว ติดตามเราไป ถึงจะไม่มีใครรู้ ไม่มีใครเห็น ว่าเราเคยทำกรรมชั่วอะไรไว้บ้าง แต่เราก็รู้อยู่กับใจ จริงไม๊คะ คุณหญิง”
คุณหญิงหน้าซีดลงถนัดตา คิดไม่ถึงว่าตรีอัปสรจะพูดคำนี้ ตรีอัปสรมองมาด้วยแววตาสงสารที่คุณหญิงยังมัวเมาลุ่มหลงไม่เลิก
“ดิชั้นเองก็รับกรรมที่ทำไว้เหมือนกัน เพียงแต่ไม่ทุกข์ ทุรนทุรายเหมือนที่ผ่านมา การได้เรียนรู้ ศึกษาพระธรรม ทำให้ดิชั้นรู้ว่า ที่สุดของการเป็นคน คือ การเป็นคนธรรมดาที่มีความสุข ไม่ต้องทะเยอทะยานอยาก”
เสียงณเดชย์ดังเข้ามา “คุณแม่ครับ คุณแม่”
คุณหญิงสุดสวาทสะดุ้งเฮือก หันไปมองตามเสียงเรียก

ณเดชย์ขยับจะเดินเข้าไปในโบสถ์ แต่คุณหญิงสุดสวาทเดินออกมาพอดี มุกตาภาเดินตามมา มีแมนตามมาห่างๆ
ณเดชย์บอก “ท่านเจ้าอาวาสให้ไปถวายผ้าป่าแล้วครับ”
คุณหญิงพยักหน้า “จ้ะ”
มุกตาภาแปลกใจในท่าที “คุณแม่เป็นอะไรรึเปล่า ไม่สบายรึเปล่า ทำไมหน้าซีดจัง”
“เปล่าจ้ะ...แม่ไม่ได้เป็นอะไร”
“คุณแม่คุยกับใครอยู่รึเปล่าครับ...ผมได้ยินเหมือนเสียงคุยกัน” ณเดชย์ถาม
“เปล่าจ้ะ ไม่มีอะไร รีบไปกันเถอะ ไปจ้ะ แมน”
“ครับ”
ทุกคนพากันเดินห่างออกไปจากโบสถ์ทุกทีๆ

ในขณะที่ตรีอัปสรเดินออกมายืนหน้าธรณี หยุดอยู่ตรงกลางกรอบประตูโบสถ์ สวย สงบ ใบหน้าไร้เครื่องสำอางในชุดสีขาวสะอ้านตานั้น ทำให้เธอแลดูงดงาม แม้ไม่มี มงกุฎ มาประดับการันตี

จบบริบูรณ์

โปรดติดตามอ่าน "ล่ารักสุดขอบฟ้า" เร็วๆ นี้
กำลังโหลดความคิดเห็น