xs
xsm
sm
md
lg

ปีกมงกุฎ ตอนที่ 13

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ปีกมงกุฎ ตอนที่ 13

ในร้านกาแฟ ตอนสายวันนี้ มุกตาภา นั่งอยู่กับวุฒิและแพรว สีหน้ามุกตาภา ดูเครียดๆ เซ็งๆ

“สรุปว่ามุกทำอะไรนังตรีอัปสรไม่ได้เลย ใช่ไม๊เนี่ย พี่นนท์ก็คอยคุมคอยกันมุกกับนังนั่นตลอด”
แพรวมองในแง่ดี “พี่นนท์เค้าพยายามจะแยกยายตรีนั่นให้มุกไง”
“แยกไปแต่มันก็แอบไปหาคุณนะอยู่ดี มุกจะสบายใจก็ต่อเมื่อ คุณนะบอกว่าเลิกยุ่งเกี่ยวกับมัน...แล้วก็แต่งงานกับมุก”
“ผมจะลองคุยกับนะให้...จะลองถามดูเรื่องงานแต่งงาน” วุฒิว่า
มุกตาภาค้อนควัก “มุกอุตส่าห์ยอมโดนด่าให้แก้บทคุณวุฒิ ช่วยทำอะไรให้มันคุ้มกับที่มุกเสี่ยงช่วยหน่อยได้ไม๊คะ”
วุฒิถอนหายใจ “ตามสืบเรื่องของตรีอัปสร มันไม่ใช่เรื่องง่ายนะครับ ตรีอัปสรแทบจะไม่สนิทกับใครเลยในกองถ่าย”
“คุณวุฒิก็ต้องพยายามค่ะ”
วุฒิมองมุกตาภาแล้วหันไปมองแฟนสาว แพรวยิ้มให้กำลังใจ วุฒิทำท่านึกอะไรขึ้นมาได้ จึงหันมาทางมุกตาภา
“คุณมุก....คุณมุกเคยบอกผมว่า เก็บความลับสำคัญของตรีอัปสรไว้เรื่องนึง...ไม่ใช่เหรอครับ”
มุกตาภาทำหน้าเจ้าเล่ห์ก่อนจะยิ้มแสยะ
“เรื่องนั้นเอาไว้ขยี้ตอนจบ หลังจากมุกจัดการให้มันเจ็บตัวก่อน แล้วค่อยให้มันเจ็บใจจนกระอักเลือด”
แพรวกังวลใจมาก “เธอจะทำอะไรน่ะมุก”
มุกตาภาไม่ตอบ แต่หันมาทางวุฒิ “พรุ่งนี้มีถ่ายละครรึเปล่าคะ มุกขอดูคิวแล้วก็ขอดูบทที่จะถ่ายหน่อยซิ”
“ได้ครับ”
“ขอยืมกลับไปดูหน่อยนะคะ แล้วพรุ่งนี้มุกเอาไปให้ที่กองถ่าย”
วุฒิพยักหน้า มุกตาภายิ้มในสีหน้า

คืนนั้นบทโทรทัศน์ เรื่อง “เล่ห์ร้าย สายสวาท” และคิวถ่ายทำละคร วางอยู่บนโต๊ะในห้องนอนมุกตาภา หล่อนหยิบบทอีกตอน เอามาอ่านอย่างตั้งใจ แล้วเงยหน้าขึ้น ครุ่นคิดถึงเรื่องที่คุยกับรัตน์เมื่อตอนสาย
โดยรัตน์นั่งหน้าตึงอยู่ในห้องประชุม พูดเสียงเรียบๆ ตามที่ชญานนท์ขอร้อง
“คุณนนท์ให้เราไปทบทวนบทโทรทัศน์ค่ะ ถ้ามีฉากตบตี ทำร้ายร่างกายกันแบบไม่มีเหตุผล ก็ให้ตัดออก”

สีหน้ามุกตาภาสะใจนัก เมื่อนึกถึงเรื่องที่รัตน์เล่า หล่อนพูดกับตัวเองเบาๆ ว่า
“ในละครมันอาจจะไม่มีเหตุผล แต่ชั้นมีเหตุผลแน่...”
มุกตาภาก้มลงอ่านบท ซักครู่ก็ยิ้มอย่างพอใจ
“ทักษิกาหยิบมีดขึ้นมาแล้วจ้วงแทงพัชราพรด้วยความแค้นใจ”
มุกตาภายิ้มสะใจ โดยไม่ทันเห็นชญานนท์ที่เดินเข้ามา หยุดมองน้องสาวอ่านบทละครอย่างแปลกใจ และติดใจกับท่าทางร้ายๆ ของน้องสาว
“มุก”
มุกตาภาสะดุ้งสุดตัว เพราะไม่คิดว่าชญานนท์จะกลับมาเร็ว
“พี่นนท์ มุกตกใจหมดเลยค่ะ”
“ก็มุกใจลอยไปไหนล่ะ คิดอะไรอยู่ แล้วนึกยังไงถึงได้เอาบทมาอ่าน”
“มุกก็ช่วยพี่นนท์ทำงานไงคะ ก็พี่นนท์อยากให้ตัดฉากรุนแรงเกินเหตุออกไป มุกก็เลยช่วยดูให้”
ชญานนท์มองอย่างพิจารณา “ถ้าเป็นแบบนี้จริงๆ ก็ โอเค”
“ถ้าไม่ใช่แบบนั้น แล้วจะแบบไหนล่ะคะ พี่นนท์ก้อ”
“พี่ว่ามุกน่ะรู้ดีที่สุด พักนี้มุกหาเรื่องตรีอัปสรแบบไม่แคร์ว่าจะเป็นข่าวเลย พี่เหนื่อยกับการไล่จับมุกแล้วนะ”
“คราวนี้มุกไม่ทำแน่ค่ะ รับรองได้”
มุกตาภาหันไปอ่านบทต่อ ชญานนท์มองอย่างไม่ค่อยไว้ใจนัก ก่อนจะเดินไป มุกตาภายิ้มร้ายกับบทเมื่อพี่ชายเดินลับตัวไป

ในวันถัดมา กองถ่ายละครเริ่มงานกันแต่เช้า ทีมงานเตรียมงานดูวุ่นวาย มีติ๊น่า เดินสั่งการ ถามความเรียบร้อยของฉากและอุปกรณ์ประกอบฉาก ของฉากต่อไป ตรงที่นั่งพักของนักแสดง เห็นอรสินี ตรีอัปสร ภารดี วรัญญา เพชร วุฒิ นั่งอ่านบทกันอยู่ ซักครู่วุฒิหยิบโทรศัพทออกมาอ่านข้อความไลน์ที่ส่งเข้ามา แล้วลุกขึ้นเดินออกไป

วุฒิเดินเข้ามาหลังพุ่มไม้ มุมลับตาในกองถ่าย ที่มุกตาภายืนรออยู่
“มีอะไรให้ผมทำครับ...คุณมุก”
มุกตาภายื่นซองยาวๆ รูปร่างคล้ายมีดส่งให้ วุฒิรับมาถือไว้ ก่อนจะหยิบของในซองออกมา พบว่าเป็นมีดปอกผลไม้คมกริบ
วุฒิตะลึง “มีด”
“เอาไปวางเข้าฉากแทนของที่ฝ่ายฉากทำให้ด้วยค่ะ” มุกตาภาบอก

วุฒิหยิบมีดขึ้นมาชูขึ้น ก่อนจะมองมุกตาภา อย่างงงๆ

ฝ่ายอรสินีนั่งต่อบทอยู่กับตรีอัปสร

“คราวนี้...แกไม่รอดแน่...นังพัช”
“อย่าค่ะ...คุณทัก...อย่าค่ะ”
“ชั้นไม่ฆ่าแกหรอก...แต่ชั้นจะทำให้แกเจ็บ เจ็บแบบไม่มีวันลืมเลย”
เสียงติ๊น่าดังขึ้น “เอ้า...เข้าฉากค่ะ...ทักษิกา...พัชราพร...ฉากแทงค่ะ”
ติ๊น่าพูดแล้วก็เดินไปรอที่ฉาก อรสินีกับตรีอัปสรลุกขึ้นแล้วเดินคู่กันไป ผ่านพุ่มไม้ที่มุกตาภายืนมองตาขวางอยู่ จดสายตามองตามตรีอัปสรไปอย่างสะใจ

มีดปลอมที่วางอยู่ในเซ็ตฉากห้องครัว ถูกวุฒิหยิบออกไปแล้วเอามีดจริงมาวางแทนโดยไม่มีใครเห็น จังหวะนี้อรสินี และตรีอัปสรเดินเข้ามาพร้อมกับ มีน ผู้กำกับและทีมงาน ซ้อมบล๊อกกิ้งกันเรียบร้อยก็เอาจริง
“แทงให้เหมือนจริงเลยนะ หนูอร...มีดมันงอได้...ยังไงหนูตรีก็ไม่เจ็บหรอก” มีนซักซ้อม
อรสินีพยักหน้า “ค่ะ”
ตรีอัปสรหนุนอีกแรง “เล่นเต็มที่เลยค่ะ คุณอร...ไม่ต้องห่วงตรี”
อรสินียิ้มให้ตรีอัปสร ทุกคนเดินออกไปจากฉาก
มีน ตะโกนบอก “พร้อม นับ 5 4 3 2 ...”
อรสินีในบท ทักษิกา หยิบมีดขึ้นมาถือไว้ ก่อนจะหันมาทางตรีอัปสร ในบท พัชราพร
“นังพัช...คราวนี้ฉันไม่ปล่อยแกไว้แน่ อยู่ไปแกก็เป็นเสี้ยนหนาม ขวางทางรักชั้น”
“คุณทัก อย่าทำอะไรพัชเลยนะคะ ปล่อยพัชไปเถอะค่ะ”
“ปล่อยซิ...ชั้นจะปล่อยวิญญาณแกออกจากร่างเดี๋ยวนี้ละ”
อรสินียกมีดขึ้น ด้านคมของมีดกระทบแสงไฟที่จัดวาววับ
“อย่าค่ะ...”
อรสินีเงื้อมีดขึ้นสุดแขน เตรียมจ้วงแทงใส่ร่างตรีอัปสรตามบทโทรทัศน์

อรสินีเงื้อมีดจะแทงตรีอัปสร แสงจากไฟกระทบคมมีดวาววับ ทั้ง มีน ผู้กำกับ ติ๊น่า...และคนอื่นๆ ที่ดูอยู่หน้ามอนิเตอร์ต่างพากันตกใจ
มีนร้อง “เฮ้ย”
ติ๊น่าตะลึง “มีดจริง”
ขาดคำติ๊น่า อรสินีก็แทงลงไปพร้อมๆ กับเสียงผู้กำกับและติ๊น่า
“คัท...”
“หยุด...”
ทุกคนวิ่งเข้าไปในเซ็ต

อรสินีอยู่ในท่าแทงตรีอัปสรไปแล้ว แต่ยังค้างอยู่ในท่านั้นทั้งคู่ ทีมงานรวมทั้ง มุกตาภา วุฒิ
วิ่งเข้ามาดู อรสินีมีสีหน้าตกใจสุดขีด ตรีอัปสรก็ตกใจเหมือนกัน ทั้งคู่มองหน้ากัน
“เป็นยังไงบ้าง” ติ๊นาร้องถามเสียงดัง
อรสินีกับตรีอัปสรมองหน้ากัน แล้วหันมองมาทางติ๊น่าและทีมงาน อรสินีแยกออกมาจากตรีอัปสร มือยังกำด้ามมีดอยู่
เอ่ยขอโทษขึ้นมา “อร ขอโทษนะคะ ที่เล่นไม่ได้ เทคใหม่นะคะ”
“เราไม่ได้คัทเพราะเล่นไม่ดี” มันบอก
ติ๊น่าพูดต่อ “มีดที่ใช้เป็นมีดจริง”
ทั้งอรสินีและตรีอัปสรตกใจ มองหน้ากัน อรสินีหันไปมองมีดในมือ หลังนิ้วชี้มีรอยบาดจากคมมีดที่กระแทกตอนแทง เลือดซึมออกมาแต่ไม่มากนัก อรสินีตกใจ
“โชคดีที่เล่นไม่ดีนะ หนูอร ไม่งั้นล่ะ....เรื่องใหญ่แน่”
มุกตาภาหันมามองวุฒิ ในขณะที่ภารดีซึ่งยืนอยู่ด้านหลังกับกลุ่มวรัญญา กัลยาณีและเพชร มองจ้องสองคน

เพชรแทรกเข้ามากลางวง จับมืออรสินีไว้อย่างเป็นห่วง

ระหว่างนี้ ศรศรี มณีศิลป์ เจ้าหล่อนยืนรายงานข่าวอยู่หน้าเซ็ต เห็นบรรยากาศกองถ่ายดูวุ่นวายอยู่ด้านหลัง

“พบกันทุกวันเช่นเคยนะคะ....กับรายการเจาะกองถ่าย “เล่ห์ร้าย สายสวาท” ซี่งมีเรื่องตื่นเต้นในกองถ่ายค่ะ เพราะเกิดผิดคิวกันระหว่างนางเอกของเรื่อง พัชราพร ซึ่งรับบทโดย ตรีอัปสร นางสาว ณ สยาม คนล่าสุดกับนางร้ายป้ายแดง อรสินี รองนางสาว ณ สยามค่ะ...เป็นฉากที่ทักษิกา นางร้ายของเรื่องนะคะ...ฉากนี้ทักษิกาจะต้องใช้มีดแทงพัชราพร แต่เกิดผิดคิว ทำให้เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยค่ะ...แต่ในที่สุดก็สามารถถ่ายฉากนี้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี”

ที่ห้องประชุมช่องไทยเท็นตอนนี้ คุณดิษฐ์ทรุดตัวลงนั่งสีหน้าเครียด ไล่สายตามองติ๊น่า รัตน์ ชญานนท์ มุกตาภา ซึ่งนั่งอยู่ด้วยกันพร้อมหน้า
“โชคดีนะ ที่หนูอรเล่นไม่ได้...ไม่งั้นล่ะก้อ...ผมไม่อยากจะคิดเลยว่ามันจะเป็นยังไง....เรื่องมันจะกลายเป็นว่า...รองนางสาว ณ สยาม..แทงนางสาว ณ สยามเลยนะครับ ช่วยอธิบายให้ผมฟังหน่อยเถอะ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
ติ๊น่าเครียดมองคุณดิษฐ์อย่างรู้สึกผิด “เราสั่งฝ่ายศิลป์ทำมีดปลอมขึ้นมาค่ะ...ผู้กำกับตั้งใจว่าจะให้เห็นตอนแทงในคัทเดียวไปเลย...แต่ดิชั้นไม่ทราบว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
รัตน์พูดต่อ “หรือไม่ก็อาจจะมีใครมาเปลี่ยนมีด”
ขาดคำของรัตน์ ชญานนท์หันไปสบตามุกตาภา โดยมุกตาภามองตอบแล้วเมินหน้าไปทางอื่น
“เปลี่ยนมีดเหรอ” คุณดิษฐ์แปลกใจ
รัตน์แบ่งรับแบ่งสู้ “ก็อาจจะเป็นอย่างนั้นค่ะ ดิชั้นสันนิษฐานน่ะค่ะ เพราะฝ่ายศิลป์เอามีดปลอมไปวางแล้ว แต่พอตอนถ่ายกลายเป็นมีดจริง”
มุกตาภาแย้ง “เป็นไปได้ยังไง...ใครจะทำแบบนั้น...แล้วจะทำไปทำไม”
“ก็อาจจะมีใครบางคนต้องการให้ตรีอัปสรโดนอรสินีแทงมั้งครับ” ชญานนท์บอก
คุณดิษฐ์เผลอร้องอย่างลืมตัว “เฮ้ย”
“เราทำละครก็ต้องคิดแบบละครล่ะครับ” ชญานนท์ทำเป็นยิงมุก
“ดิชั้นให้ผู้กำกับไปคุยกับทีมงานอยู่ค่ะ เผื่อจะมีใครเห็นว่ามีใครแอบไปเปลี่ยนมีดหรือมันจะบังเอิญเป็นอุบัติเหตุจริงๆ” ติ๊นาบอก
“ข่าวออกไปว่าผิดคิว ก็ทำให้ละครมีกระแสขึ้นมาบ้าง...แต่ผมไม่อยากให้ละครมีข่าวร้าย ข่าวโหดออกไป ช่วยกันดู ช่วยกันระวังด้วย”
ติ๊น่ากะรัตน์รับ “ค่ะ”
ชญานนท์ ปรายตามองมุกตาภาซึ่งทำเป็นไม่สนใจ ไม่รู้ไม่ชี้

ตามทางเดินในสถานีโทรทัศน์ไทยเท็นตอนนี้ พนักงานเดินผ่านไปมาเห็นมุกตาภาเดินมาเร็วรี่ สีหน้าเครียดจัด มุกตาภาเดินไปได้ชั่วครู่ ก็หยุดชะงัก เมื่อชญานนท์มายืนขวางอยู่ มุกตาภามองหน้าพี่ชาย
“มีอะไรรึเปล่าคะ...พี่นนท์”
“พี่ว่ามุกชักจะเลยเถิดล้ำเส้นมากไปแล้วนะ”
“พี่นนท์พูดเรื่องอะไรน่ะ”
ชญานนท์ พูดช้า ชัด และจริงจัง “อย่าดึงคนอื่นไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของมุก โดยเฉพาะอย่างยิ่งอย่าใช้มือน้องอรทำร้ายคนอื่น”
มุกตาภามองชญานนท์นิ่ง “มุกว่าพี่นนท์คงเข้าใจอะไรผิดแล้วล่ะค่ะ”
มุกตาภาขยับจะเดินหนี ชญานนท์ขยับดักหน้าไว้อีก บอกเสียงอ่อนโยน
“เชื่อใจพี่ได้ไม๊ พี่สัญญาแล้วว่าพี่จะจัดการให้ เรื่องบางเรื่อง มันต้องใช้เวลา อย่าทำอะไรให้เดือดร้อนคนอื่น คนที่เค้าไม่รู้เรื่อง...ไม่เกี่ยวข้อง”
มุกตาภามองหน้าชญานนท์นิ่ง เม้มปากแน่น ก่อนจะเบี่ยงตัวแล้วเดินหนีไป

ชญานนท์ยืนนิ่ง ถอนหายใจอย่างหนักหน่วง หนักใจในตัวน้องสาวเจ้าอารมณ์

กลับถึงบ้าน อรสินีนั่งนิ่งเหมือนคิดอะไรอยู่ในใจ ซักครู่จึงยกมือข้างที่เป็นแผลติดพลาสเตอร์เอาไว้ ขึ้นมาดู ก่อนจะถอนหายใจช้าๆ

ชญานนท์เดินเข้ามาเงียบๆ มองคนรักด้วยความสงสารที่ต้องมาเจอเรื่องร้ายๆ
ชญานนท์มองอรสินีด้วยแววตาอ่อนโยน รักใคร่ เปิดเผยความรู้สึกจากใจจริง ก่อนจะเดินไปหา อรสินีหันมามองเมื่อรู้สึกว่ามีคนเข้ามา แล้วเผลอยิ้มอย่างดีใจ แต่ก็รีบเก็บอาการเมื่อรู้สึกตัว
“พี่นนท์” รีบลดอาการดีใจลง “มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ เงียบเชียว”
ชญานนท์เดินเข้ามาหา จับมืออรสินีข้างที่มีพลาสเตอร์ขึ้นมาดู
“เป็นยังไงบ้างคะ”
อรสินีมองชญานนท์ที่ออกอาการห่วงใย อาทร หญิงสาวยิ้มบางๆ
“ไม่เป็นไรแล้วค่ะ แผลเล็กนิดเดียว”
อรสินีค่อยๆ ดึงมือตัวเองกลับมาอย่างช้าๆ ไม่ให้ชญานนท์รู้สึก
“ตกใจมากไม๊”
อรสินีมองชญานนท์เต็มตา ยิ้มให้ ก่อนจะพูดช้าๆ
“ถ้าเป็นอรสินีคนเดิม คงทั้งตกใจ ทั้งเสียศูนย์เลยล่ะค่ะ แต่อรสินีคนนี้ผ่านสารพัดเรื่องมาเยอะแยะ....ตั้งแต่เริ่มตัดสินใจไปประกวด นางสาวณ สยาม จนมาเล่นละคร อรตั้งสติ...เข้าใจโลกขึ้นเยอะแล้วค่ะ”
“น้องอรคนใหม่ โตขึ้น เข้มแข็งขึ้น แต่ยังเป็นน้องอรที่พี่รัก คนเดิมนะคะ”
อรสินีไม่เขินอาย ไม่มีอาการปลื้มเหมือนที่เคยเป็น มองชญานนท์อย่างจริงจัง
“จริงเหรอคะ น้องอรยังเป็นน้องอรคนเดิมของพี่นนท์เหรอคะ”
“ทำไมถามอย่างนั้นล่ะคะ พี่นนท์ไม่มีทางเปลี่ยนใจ หรือเห็นใครดีกว่าน้องอรแน่นอนค่ะ”
อรสินีมองคนรักอย่างพิจารณา แต่ยังไม่ทันพูดอะไร เพชรก็เดินเข้ามาพร้อมกับส่งเสียงเรียก
“อร”
ทั้งสองคนซึ่งเวลานี้ใกล้ชิดกันแค่คืบหันไปมอง อรสินีขยับตัวออกห่างทันที
“เพชร”
“เป็นห่วงอรน่ะ...ก็เลยแวะมาหา” พระเอกในจอบอก
อรสินียิ้มให้ “อรไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ”
ชญานนท์กระแอมนิดหนึ่ง พลางขยับตัวลุกขึ้น เพชรหันไปมองแล้วยิ้มทักทาย
“สวัสดีครับ คุณชญานนท์ ช่วงนี้เจอกันบ่อยนะครับ”
ชญานนท์ยิ้มอย่างใจเย็น “คุณเป็นนักแสดงในสังกัดสถานีโทรทัศน์ไทยเท็น....ผมว่าไม่แปลกนะครับที่เราจะเจอกันบ่อย เพียงแต่มันอาจจะผิดที่ผิดทางไปหน่อย ผมว่าเราควรจะเจอกันที่กองถ่ายหรือไม่ก็ที่ไทยเท็นมากกว่าจะเจอกันที่นี่”
เพชรรับรู้ถึงคำพูดข่มทับแบบผู้ดีของชญานนท์ ได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ ชญานนท์หันไปทางอรสินี
“นายรุจอยู่ไม๊คะ น้องอร”
“อยู่ค่ะ”

ชญานนท์พยักหน้ารับรู้สีหน้าเรียบนิ่ง

อ่านต่อหน้า 2

ปีกมงกุฎ ตอนที่ 13 (ต่อ)

บริเวณมุมสวนสวย ห่างจากอรสินีและเพชรออกมาหน่อย อติรุจเดินเข้ามาทรุดตัวลงนั่ง พร้อมกับเอ่ยขึ้น

“ตอนแรกชั้นคิดว่าคุณแม่จะตกใจเรื่องผิดคิวของยายอร ที่ไหนได้ กลายเป็นว่าเข้าใจซะนี่”
“คุณน้าคงรู้น่ะว่าถ่ายละครมันก็ต้องมีเรื่องแบบนี้มั่ง แล้ว คุณน้าอยู่ไหนล่ะ ชั้นมาก็ไม่เจอ”
“ไปงานเลี้ยงกับคุณพ่อ”
“นายเพชร...มาหาน้องอรอีกแล้ว”
อติรุจมองหน้าชญานนท์ ที่ดูเหมือนจะทุกข์ร้อนแล้วก็ยิ้มขำนิดๆ
“นายจะเครียดไปทำไม...ชั้นไม่เคยเห็นน้องอรจะมีท่าทีอะไรกับเพชรเลยนอกจากความเป็นเพื่อน”
“ก็ชั้นไม่ชอบนี่หว่า”
“ขอพูดตรงๆ นะ ชั้นยังไม่เคยได้ยินน้องอรบอกว่าไม่ชอบเลย ตอนที่เห็นข่าวหรือได้ยินว่านายไปกับตรี”
ชญานนท์ชะงักกึก หันมามองอติรุจ เหมือนจะดูว่าเขามีความรู้สึกอย่างไร
“นายไม่ได้หึงชั้นใช่ไม๊”
อติรุจหัวเราะเบาๆ “ชั้นจะหึงนายทำไม”
“ชั้นมีเหตุผลที่ไปกับตรี...นายเข้าใจใช่ไม๊”
“ชั้นเข้าใจ” อติรุจขยับลุกขึ้น “ไป...ไปทานข้าวกันดีกว่า” ชายหนุ่มพูดเย้าทีเล่นทีจริง “ปล่อยน้องอรไว้กับเพชรนานๆ จะไม่ดีนะ”
ชญานนท์ยิ้มนิดๆ ก่อนจะเดินไปกับอติรุจ

เวลาเดียวกัน ภารดีนั่งหน้าง้ำอยู่กับทิปปี้ในร้านกาแฟแห่งนั้น ทิปปี้กำลังสาละวนอยู่กับการกิน ส่วนภารดีนั่งเปิดไอแพด ไปมา
“อ้าว...หนูดี...กินได้แล้วจะดูอะไรนักหนา”
ภารดีหงุดหงิด “ก็ดูข่าวยายอรกับนังตรีน่ะซิ นางเอก นางร้าย สลับกันมีข่าว จนไม่เหลือที่ให้หนูดีเลย”
“ถ้าอยากมีข่าว มันก็ต้องทำตัวให้เป็นข่าว จำตอนประกวดไม่ได้เหรอ ว่าทำยังไงถึงจะเป็นข่าว”
ภารดีมองทิปปี้เซ็งๆ “ตอนนั้นกับตอนนี้มันเหมือนกันซะที่ไหนล่ะ พี่ทิปปี้จะให้หนูดีไปแทรกตรงไหน นัง 2 คนนั่น เล่นละครผิดคิว ข่าวลงเต็มไปหมด ทุกเว็บ ทุกฉบับ ทีหนูดีแกล้งผิดคิวตบนังรัญ ไม่เห็นเป็นข่าวเลย เจ็บมือเปล่าๆ ไม่เห็นได้อะไรเลย”
“ใครบอกว่าไม่ได้อะไร อย่างน้อยก็ได้ตบนังรัญฟรี”
ภารดีมองทิปปี้เอือมๆ ก่อนจะตักอาหารเข้าปาก

ที่ร้านกาแฟอีกแห่ง เจ๊หนึ่งกระแทกหนังสือพิมพ์ลงตรงหน้า มองวรัญญาที่นั่งจิบกาแฟนิ่งๆ
“ต๊าย...ยังกินลงนะยะ”
วรัญญาชายตามองเจ๊หนึ่ง แล้วหันมาตักเค้กเข้าปาก
“แล้วทำไมรัญจะต้องกินไม่ลงล่ะ”
“ทั้งหนังสือพิมพ์ ทั้งในเว็บ ไม่มีข่าว รองนางสาว ณ สยาม อันดับสองเลยนะยะ”
“แล้วรัญไปทำอะไรที่มันจะต้องมีข่าวล่ะ เจ๊จะพยายามไปทำไมเนี่ย”
เจ๊หนึ่งตาโต “เป็นคำถามที่คนในวงการบันเทิง ไม่ควรถามอย่างยิ่งนะยะ ใครๆ เค้าก็อยากจะเป็นข่าวทั้งนั้น...นี่อะไร”
“แล้วจะเป็นข่าวเพื่ออะไร...เพื่อให้คนมาจ้าง...เพื่อมีงานอีเว้นท์เยอะๆ เหรอ”
“เจ๊ว่า ตั้งแต่เธอมาเป็นนักแสดงนี่ เธอปล่อยวางไปเยอะนะ”
“คงงั้นมั้ง รัญหมดพลังไปเยอะ ตั้งแต่ตอนประกวดแล้วละ”
“เจ๊จะเพิ่มพลังให้เอง จำไว้นะรัญ เป็นนักแสดงมันต้องมีข่าว ถ้าไม่มีข่าว ก็ไปแต่งงานกับเศรษฐีแล้วออกจากวงการไป”
วรัญญามองเจ๊หนึ่งแล้วเมินหนี หันมากินต่อ เจ๊หนึ่งมองเด็กในสังกัด อย่างขุ่นเคือง

ค่ำแล้ว ขณะที่อรสินีไปส่งเพชร แล้วเดินกลับเข้ามาในบ้าน ซึ่งชญานนท์นั่งดื่มกาแฟอยู่ที่ห้องรับแขก
“นี่เป็นครั้งแรกเลยนะคะ....ที่นายเพชรกลับก่อนพี่”
อรสินียิ้ม “พรุ่งนี้เพชรมีถ่ายละครเช้าค่ะ”
“ต้องขอบคุณคนจัดคิวจริงๆ” ชญานนท์กระทบกระเทียบ
อรสินีค้อนเล็กๆ “ตลกแล้วค่ะ อรว่า พี่นนท์เหมือนเด็กเกเรเข้าไปทุกทีแล้วนะคะ”
“ก็พี่หวงน้องอร”
“เพชรเป็นเพื่อนอรนะคะ พี่นนท์”
“แต่นายเพชรไม่ได้คิดว่าอรเป็นเพื่อนแน่นอน นายนั่นพยายามจะจีบอรใครก็ดูออก”
“เพชรจะคิดยังไง มันก็ไม่สำคัญเท่าอรคิดยังไงหรอกค่ะ ตบมือข้างเดียวยังไงก็ไม่ดัง”
ชญานนท์มองอรสินีแล้วก็เห็นความจริงใจ บริสุทธิ์ใจ จากแววตาของหล่อน ชายหนุ่มค่อยๆ ผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก ชญานนท์เอื้อมมือไปจับมืออรสินีแล้วดึงมานั่งข้างๆ ตัว แล้วดึงรั้งร่างเข้ามากอด อรสินีนิ่งไปเยอะ
ในขณะที่ชญานนท์แววตาสับสนเล็กๆ

เช้านี้ ติ๊น่า รัตน์ เดินเข้ามาในห้องทำงานคุณดิษฐ์ในช่องไทยเท็น ซึ่งในนั้นมีชญานนท์ และมุกตาภานั่งรออยู่แล้วกับคุณดิษฐ์ ติ๊น่ากับรัตน์ยกมือไหว้ทักทายคุณดิษฐ์ ก่อนจะนั่งลง
“เป็นยังไงบ้างครับ เรื่องผิดคิววันก่อน ได้เรื่องรึยังครับ”
ติ๊น่าส่ายหน้า “ไม่มีใครเห็นอะไรแปลกปลอมเลยค่ะ”
“ไม่มีคนนอกเข้ามา ดิชั้นคิดว่าน่าจะเป็นคนในกองถ่ายนี่ล่ะค่ะ” รัตน์ว่า
“แต่ไม่รู้ว่าเป็นใคร” คุณดิษฐ์พูดเป็นเชิงถาม
“ใครมันจะยอมรับอะคะ คุณพ่อ ว่าเป็นคนทำ” มุกตาภาเอ่ยขึ้น
“ใช่ครับ ยายมุกพูดถูก ยกเว้นจะจับได้คาหนังคาเขานั่นละครับ” ชญานนท์บอก
คุณดิษฐ์พยักหน้าเห็นด้วย ก่อนจะหันไปทางติ๊น่ากับรัตน์
“เรามีบทเรียนจากเรื่องนี้แล้ว ต่อไปผมคงต้องรบกวนให้คุณติ๊น่าสั่งทีมงานที่ไว้ใจได้ให้ช่วยสอดส่องด้วยนะครับ อาจจะมีใครไม่ชอบสองสาวนั่น หรืออาจจะอยากช่วยหาเรื่องโปรโมทละครให้ แต่ถ้ารุนแรงแบบนี้ ผมว่าอย่าดีกว่า ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เร่งถ่ายละครเพื่อออกอากาศให้เร็วที่สุด”
“ค่ะ”

ติ๊น่ากับรัตน์หันมามองหน้ากัน สีหน้าติ๊น่าดูค่อนข้างจะเป็นกังวลมาก

ขณะเดียวกัน สลิลทิพย์เดินมากับอรสินี ด้านหน้าสตูดิโอ จนถึงบันไดทางขึ้น

“คุณแม่ส่งอรแค่นี้ก็พอค่ะ...อรเดินขึ้นไปเองได้”
“ไม่เป็นไร วันนี้แม่ว่าง แม่อยากดูอรทำงานด้วย”
อรสินียิ้มแหยๆ “อรกลัวว่าจะเล่นไม่ออกซิคะ ถ้าคุณแม่อยู่ดู”
“ก็คิดซะว่า แม่เป็นคนอื่นแล้วกัน”
อรสินีบอกเสียงอ่อนอ้อน “แม่คะ”
“อย่ามาทำเสียงอ่อน เสียงหวาน ยังไงแม่ก็จะอยู่ดูอร....วันนี้แม่ว่างทั้งวัน”
สลิลทิพย์เดินหน้าเชิดนำไป อรสินีมองตามไป ถอนหายใจเบาๆ

ตอนสายขึ้นมาอีกหน่อย ลิฟท์เปิดออกแลเห็นตรีอัปสรกับดารินทร์ เดินออกมาจากในลิฟท์
“ตรีไปห้องแต่งตัวก่อน แม่ขอเข้าห้องน้ำแปบ เดี๋ยวตามไป”
“ค่ะ”
ตรีอัปสรเดินแยกไปทางเซ็ตฉาก ดารินทร์เดินเข้าห้องน้ำ สลิลทิพย์เดินออกมาจากห้องน้ำพอดี ทั้งคู่ชะงักมองหน้ากัน เปิดฉากสงครามน้ำลายทันที
“มาทำอะไรที่นี่ ไม่ทราบ”
“เอาไว้ถามเวลาเจอชั้นที่บ้านเธอดีกว่าไม๊ ที่นี่เป็นสตูดิโอของไทยเท็น ชั้นจะมาจะไปมันก็ไม่เกี่ยวกับเธอ”
“มาเฝ้าลูกหรือมาอบรมสั่งสอนให้เจริญรอยตามเธอล่ะ...ดารินทร์”
“แค่นี้ก็เจริญจนคนอื่นตามไม่ทันแล้ว ลูกตรีของชั้นมีตำแหน่ง นางสาว ณ สยาม เป็นนางเอกละคร...เหนือชั้นกว่าลูกชาวบ้านไม่รู้เท่าไหร่”
สลิลทิพย์เบ้ปาก “เหนือชั้น เชอะ เหนือชั้นเรื่องฉกผู้ชายของคนอื่นน่ะไม่ว่า”
“อย่ามาพูดพล่อยๆให้ลูกชั้นเสียหายน่ะ”
สลิลทิพย์มองดารินทร์อย่างดูถูกรังเกียจ
“ชั้นว่าลูกเธอมันคงมีพัฒนาการจนเธอตามมันไม่ทันแล้วล่ะ เมื่อวานชั้นเห็นแม่ลูกสาวคนดีของเธอไปกินข้าวกับว่าที่ลูกเขยของชั้น”
“ต๊าย...แค่เป็นแฟนควงกันไป ควงกันมา เรียกว่าที่ลูกเขยได้แล้วเหรอ ชั้นแนะนำว่าให้หาป้ายไปผูกคอคุณชญานนท์ไว้นะ คนอื่นจะได้รู้ว่ามีเจ้าของแล้ว”
ดารินทร์พูดจบก็เดินหนีไป สลิลทิพย์ มองตามไปอย่างแค้นใจ

ที่กองถ่ายละครเล่ห์ร้ายสายสวาท ซึ่งเซ็ตฉากขึ้นในสตูดิโอ
อรสินีเดินเกาะแขนเพชรเข้ามา มีตรีอัปสรเดินคู่มากับวรัญญา ตามหลังมาอย่างสงบเสงี่ยม”
อรสินีหันไปตวาดตรีอัปสร “เดินให้มันเร็วๆ หน่อยซิ”
“ค่ะ”
อรสินีมองไปรอบๆ “ออฟฟิศของฤทธิ์ใหญ่โตจริงๆนะคะ ทักภูมิใจในตัวฤทธิ์มากเลยรู้ไม๊คะ”
“ขอบคุณครับ คุณไปรอผมที่ห้องรับรองก่อนนะครับ ผมขอไปเคลียร์งานซักครู่ แล้วเราค่อยไปทานข้าวกัน”
อรสินีอ้อน “อย่านานนะคะ ทักคิดถึง...แล้วก็หิวด้วยค่ะ”
“ครับ”
เพชรเดินออกไปจากฉาก มายืนที่มอนิเตอร์ซึ่งมี มีน ติ๊น่าและทีมงานรวมทั้งสลิลทิพย์และดารินทร์อยู่ด้วย
สลิลทิพย์ยิ้มแย้มทักทาย “เก่งมากน่ะเพชร เวลาอยู่กับน้องอรดูเคมีเข้ากั๊น...เข้ากัน”
ดารินทร์แขวะ “แต่น่าเสียดายที่ไม่ได้คู่กันนะ”
สลิลทิพย์ชะงัก หันมามองดารินทร์อย่างหมั่นไส้
“นี่ ดารินทร์ ลูกเธอมันปีกกล้าขาแข็ง ซะขนาดนี้ ไม่ต้องมาเฝ้าให้เสียเวลาหรอก ไปทำมาหากินจะดีกว่า ท่านอัศวินไม่สบายแบบนี้...จะอ้อนขอเงินก็ลำบาก”
ดารินทร์คอแข็งขึ้นมาทันควัน “ลูกชั้นเล่นละครเป็นนางเอก รายได้ดี มีเกียรติ ชั้นมาเฝ้าลูกชั้นก็ถือว่าทำมาหากินเหมือนกัน”
สลิลทิพย์เหยียดยิ้ม “อ่อ...เกาะลูกกิน...ว่างั้นเถอะ”
“ก่อนจะปากยื่นปากยาวว่าคนอื่น ก็หัดก้มดูตัวเองมั่ง...ว่าที่ทำอยู่เนี่ย...เกาะลูกเหมือนกันรึเปล่า”
“คัท.....”
เสียงติ๊น่าดังจนดารินทร์และสลิลทิพย์ชะงัก หยุดพูด แล้วหันไปทางต้นเสียง ทุกคนในกองถ่ายมองมาทางสลิลทิพย์กับดารินทร์เป็นตาเดียว ติ๊น่าเดินตรงมาหาพูดเสียงเข้ม
“รบกวนคุณแม่ทั้งสองไปคุยที่ห้องรับรองดีกว่าค่ะ เสียงคุยกันดังเข้าไปในฉากละครน่ะค่ะ”
สลิลทิพย์กับดารินทร์หน้าจืดจ๋อยลง

ด้านคุณหมอเจ้าของไข้ กำลังตรวจอาการของนายพลอัศวินซึ่งยังนอนแบบอยู่ โดยมีพยาบาลอยู่ใกล้ๆ หมออ่านชาร์ท คุณหญิงสุดสวาทกับณเดชย์ยืนดูอยู่
“คุณอัศ...เป็นยังไงบ้างคะ”
“โดยรวมก็พ้นขีดอันตรายแล้วครับ แต่ว่าโปแตสเซียมค่อนข้างต่ำเดี๋ยวผมจะสั่งผสมในน้ำเกลือให้นะครับ”
“คุณหมอคะ ดิชั้นขอถามตรงๆ นะคะ...คุณอัศมีโอกาสจะกลับมาเป็นปกติไม๊คะ”
หมอถอนหายใจ “คุณอัศวินมีโอกาสจะค่อยๆ ดีขึ้นนะครับ แต่คงต้องใช้เวลา ส่วนเรื่องจะกลับมาเป็นปกติเลย...ผมคิดว่า ไม่”
คุณหญิงสุดสวาทหันไปสบตากับณเดชย์แล้วหันมาทางหมอ
“แล้วที่บอกว่าค่อยๆ ดีขึ้นนี่ จะดีขึ้นประมาณไหนคะจะพูดได้ เดินได้ไม๊คะ”
ณเดชย์ส่งเสียงปรามๆ “คุณแม่ครับ”
คุณหญิงหันไปมองณเดชย์อย่างหงุดหงิด แต่ณเดชย์มองแม่ปรามๆ ค่อนข้างจริงจัง
“เราค่อยไปคุยกับคุณหมอทีหลังดีกว่าไม๊ครับ...คุณแม่”
ณเดชย์พูดจบก็หันไปมองนายพลอัศวินที่ลืมตามองเหมือนฟังคำพูดอยู่ คุณหมอหันไปมองแล้วหันมาทางคุณหญิงสุดสวาท
“ผมขอตัวก่อนนะครับ”
คุณหญิงยิ้มนิดๆ “ค่ะ”
หมอส่งชาร์ทให้พยาบาลแล้วเดินออกไป

คุณหญิงสุดสวาทมองหน้าณเดชย์แต่ไม่พูดอะไร นายพลอัศวินได้แต่กลอกตามองไปมา

เย็นแล้ว ขณะที่ดารินทร์เดินบ่นบ้าเข้ามาในบ้านกับตรีอัปสร มีปิ๋มตามหลังมาด้วย แล้วแยกไปทางหลังบ้าน

“ชั้นไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมดวงชั้นกับนังสลิลทิพย์มันถึงได้สมพงษ์กันนัก ชั้นไปกองถ่ายทีไรจะต้องเจอนังนั่นทุกที”
“ถ้าแม่ไม่อยากเจอ แม่ก็ไม่ต้องไปกองถ่าย ก็สิ้นเรื่อง”
“เอ้า ชั้นก็ต้องไปดูแกบ้าง เค้าจะได้รู้ว่าชั้นรักแก หวงแก ไม่ใช่ปล่อยแกไปคนเดียว เหมือนคนไร้ญาติขาดมิตร”
ตรีอัปสรขำๆกับความคิดผู้เป็นแม่ “ตรีว่าแม่ไปวันที่มีนักข่าวมาก็ได้นะคะ จะได้มีข่าวออกสื่อด้วย...ว่าแม่มาดูแลตรี”
“ก็ดีเหมือนกัน แล้วแกจะรู้ล่วงหน้าเหรอ ว่าวันไหนนักข่าวจะมา”
“ก็น่าจะรู้นะคะ”
“งั้นแกบอกมาละกัน พรุ่งนี้ชั้นว่าจะไปดูคุณอัศซะหน่อย...ไม่ได้ไปหลายวันแล้ว”
“ก็ดีเหมือนกัน จะได้รู้ว่าตอนนี้คุณลุงอาการเป็นยังไงบ้าง จะได้หาทางหนีทีไล่ทัน”
ดารินทร์ขยับเข้าไปใกล้ๆ ตรีอัปสร
“แกไม่ต้องทำอะไรแล้วนะ ยายตรี แม่จะจัดการเรื่องนี้เอง”
ตรีอัปสรมองดารินทร์อย่างพิจารณา “แม่จะทำยังไง ครั้งที่แล้วแม่ก็ทำไม่ลง หรือว่าคราวนี้ตัดใจได้แล้ว”
ดารินทร์มองตรีอัปสรอย่างจริงจัง “ถ้าแกรักใครซักคน แกจะรู้เองล่ะตรี...ว่าทำไมชั้นถึงทำไม่ได้”
ดารินทร์พูดจบก็เดินไป ตรีอัปสร มองตาม สีหน้าครุ่นคิด

เช้าวันต่อมา คุณดิษฐ์ซึ่งนั่งอยู่ที่เก้าอี้ในห้องทำงาน หมุนตัวมามองชญานนท์ด้วยสีหน้าเครียดๆ
“คุณติ๊น่ากับคุณรัตน์บอกพ่อว่า นนท์สั่งให้เค้าลดฉากตบตีในละคร”
ชญานนท์นิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะตอบ “ครับ”
“พ่อว่านนท์มองทางละครไม่ออกนะ ฉากตบตี มันเป็นสีสันที่คนดูชอบแล้วนนท์ไปสั่งลดฉากสีสันแบบนี้ ละครมันก็จืดชืด แล้วใครจะดู”
“ผมว่าเราคิดกันไปเองรึเปล่าครับ ว่าฉากตบตี รุนแรง มันเป็นสีสัน”
“ไม่มีใครคิดไปเองหรอก ตัวเลขของเรตติ้งมันเป็นตัวบอกเรา...แล้วยังหัวข้อที่คนดูโพสต์ไปตามเวปต่างๆอีก มีแต่คนพูดถึงฉากแบบนี้...แค่ตัวละครเงื้อมือ คนก็โพสต์เชียร์ให้ตบๆๆ แล้ว”
“แต่เราก็ไม่จำเป็นต้องทำตามที่คนดูชอบนี่ครับ เราสามารถสร้างความชอบให้คนดูได้นะครับพ่อ”
“ถ้านนท์คิดแบบนี้ พ่อจะปล่อยมือให้นนท์รับผิดชอบแผนกละครของไทยเท็นได้ยังไง”
“ผมไม่ได้แอนตี้เรื่องตบตีในละครนะครับพ่อ แต่ผมอยากให้มันมีเหตุผลมากกว่านี้”
“ใครๆ เค้าก็ทำกัน ถึงไทยเท็นไม่ทำ ช่องอื่นก็ทำ”
“ก็เพราะเราอ้างกันแบบนี้ตลอด แล้วเมื่อไหร่คนดูจะได้ดูอะไรที่ดีๆ ล่ะครับ เราพยายามจะยัดเยียดละครที่มีฉากตบตีรุนแรง โดยไม่สนใจว่าเด็กที่ดูอยู่จะแยกแยะไม่ออก เพราะไม่มีผู้ปกครองมาคอยบอก สอน แนะนำ...ผมว่าทั้งคนสร้าง คนดู ต้องช่วยกันรับผิดชอบนะครับ แล้วที่มีคลิปเด็กนักเรียนตบกันออกมาเกลื่อนไปหมด ผมว่าส่วนหนึ่งก็มีผลมาจากละครนี่ละครับ”
คุณดิษฐ์มองชญานนท์ ทั้งไม่เห็นด้วย และไม่พอใจ ชญานนท์มองบิดาอย่างเข้าใจ แต่ก็พยายามอธิบายอย่างใจเย็น
“ผมรู้ครับ พ่อ ว่าถ้าเราลดความแซ่บของละครลง ทั้งเรตติ้ง โฆษณา เม็ดเงินก็จะลดลงไปด้วย”
คุณดิษฐ์พูดเสียงประชด “ก็รู้นี่”
“แต่ผมเชื่อว่า สิ่งที่เราได้กลับมา คุ้มค่ากว่าสิ่งที่เสียไปแน่นอนครับ เราเป็นสื่อนะครับพ่อ เราควรต้องรับผิดชอบสังคมด้วย”
สีหน้า ท่าทางชญานนท์ มีความมุ่งมั่น จริงจัง คุณดิษฐ์มองลูกชายนิ่งๆ
“ที่ผ่านมา เราคิดถึงเรื่องเรตติ้งมากไป จนลืมกลั่นกรองสิ่งที่เราส่งให้คนดู ว่ามันมีพิษมากเกินไปรึเปล่า”
คุณดิษฐ์ถอนหายใจ “เอาเถอะ พ่อจะลองให้นนท์ทำตามแบบของนนท์ แล้วเราค่อยมาสรุปอีกครั้ง หลังจากละครเรื่องนี้ออกอากาศ”
ชญานนท์มีสีหน้าโล่งอก “ขอบคุณครับพ่อ”

มุกตาภายืนดูโทรศัพท์มือถือของตัวเองอยู่ ท่าทีเหมือนยืนรอใคร ซักครู่เห็นชญานนท์เดินออก
มาจากห้องคุณดิษฐ์ ด้วยสีหน้าปลอดโปร่งจากการคุยกับพ่อมา ชญานนท์หันมาเห็นมุกตาภายืนอยู่
“วันนี้ดูพี่นนท์อารมณ์ดีนะคะ สงสัยจะยังไม่เห็นข่าว”
“ข่าวอะไร”
“ข่าวละครเราไงคะ เล่ห์ร้าย...สายสวาท”
ชญานนท์ขมวดคิ้ว “มีอะไรเหรอ”
มุกตาภาถอนหายใจเบาๆ มองชญานนท์เหมือนเห็นใจ ไม่อยากพูดถึง ชญานนท์มองท่าทางมุกตาภาอย่างเอือมนิดๆ ก่อนจะขยับเดินไป
“เรื่องพระเอกกับนางร้าย เป็นคู่จิ้นกันนอกจออะค่ะ มีข่าวตั้งแต่ละครยังไม่ออนแอร์เลยนะคะเนี่ย”

ชญานนท์หยุดยืนฟังมุกตาภาพูด โดยไม่หันไปมองหน้า และเดินแยกไปเหมือนไม่สนใจ มุกตาภามองตามสีหน้าฉงน

ที่กองละคร ทีมนักแสดงนำ อรสินี ตรีอัปสร ภารดี วรัญญา กัลยาณี เพชร วุฒิ นั่งอยู่ด้วยกัน เห็นติ๊น่ายืนอยู่

“อีก 2 อาทิตย์ ละครจะออนแอร์แล้วนะคะ”
อรสินีกับตรีอัปสรหันมามองหน้ากัน ภารดีดูจะดีใจออกนอกหน้า
“ตื่นเต้นจังเลยค่ะ พี่ติ๊ หนูดี อยากเห็นผลงานของตัวเองจังเลยค่ ว่าจะเป็นยังไงบ้าง”
“ได้เห็นแน่จ้ะ แต่ตอนนี้ต้องเร่งถ่ายกันทุกวันน่ะ” ติ๊นาหันไปทางอรสินีและตรีอัปสร “อรกับตรีต้องเทคิวให้พี่ทุกวันเลยล่ะ”
ตรีอัปสรยิ้ม “ไม่เป็นไรค่ะ”
อรสินียังไม่พูดอะไร ภารดีปรายตามองอย่างหมั่นไส้เล็กๆ ซักครู่ รัตน์เดินเข้ามา
“นักข่าวมาขอสัมภาษณ์ ดิชั้นขอตัวนักแสดงไปซัก 2-3 คน ก่อนได้ไม๊คะ”
“พี่คุยเสร็จแล้วค่ะ คุณรัตน์ ตามสบายเลยค่ะ”
ภารดีขยับลุกขึ้น กัลยาณีขยับตาม
“หนูดีไปคุยกับนักข่าวก่อนนะคะ”
ภารดีเดินนำ กัลยาณีเดินตามไป รัตน์หันมาทางอรสินี และตรีอัปสร
“ไป...นักข่าวรออยู่”
อรสินี ตรีอัปสร วรัญญา เพชร และวุฒิ ขยับลุกขึ้น

มีนักข่าว 3-4 คน กำลังถ่ายรูป สัมภาษณ์ภารดีกับกัลยาณีอยู่มุมหนึ่ง
“หนูดีรับบทโรสค่ะ แต่ไม่ใช่โรสของแจ๊คในไททานิคนะคะ”
ภารดีพูดจบก็หัวเราะขำมุกตัวเอง ที่คิดว่านักข่าวจะต้องชอบ แต่นักข่าวทำหน้าเฝื่อนๆ หันมามองหน้ากันเอง
ภารดีไม่ทันได้สังเกตเพราะมัวแต่พูดและหันไปหัวเราะกับกัลยาณี ก่อนจะหันกลับมาพูดต่อ
“โรสเนี่ยเป็นเพื่อนสนิทของทักษิกาค่ะ ถ้าอ่านดีๆ ตีความเป็นจะเห็นว่าบทของโรสจะค่อนข้างมีเรื่องราว มีเหตุการณ์มากกว่าทักษิกาค่ะ”
นักข่าว 1 มองเลยไปด้านหลังเห็นตรีอัปสรเดินมากับอรสินี เพชร และวรัญญา
“น้องตรี น้องอร มาแล้ว”
นักข่าวทั้งหมดกรูกันไปหาอรสินี ตรีอัปสร วรัญญา เพชร วุฒิ ก็เลยเกาะติดกลุ่มอยู่ด้วย เมื่อนักข่าวมาล้อม ทั้งสัมภาษณ์และถ่ายรูป นักข่าวแยกสัมภาษณ์อรสินีกับตรีอัปสร เพชรยืนอยู่ข้างอรสินีโดยไม่ตั้งใจ
ภารดีกับกัลยาณีมองตามไปอย่างแค้นใจที่นักข่าวเดินไปกันหมด
นักข่าว 2 ถามว่า “ตอนนี้น้องอรเริ่มคุ้นกับบทนางร้ายทักษิการึยังคะ”
“ก็เริ่มคุ้นๆ แล้วค่ะ”
“บทของทักษิกาเป็นยังไงบ้างคะ”
“ก็จะเป็นผู้หญิงเจ้าอารมณ์ เอาแต่ใจตัวเอง ทะเยอทะยาน อิจฉาริษยาครบเลยค่ะ”
นักข่าว 2 ถามอีก “แล้วกับคุณเพชรล่ะคะ ทราบว่าเคยสนิทสนมกันตอนเรียนมหาวิทยาลัย”
อรสินีหันมามองเพชร แล้วยิ้มให้กัน ช่างภาพถ่ายภาพนี้ไว้ได้พอดี ก่อนอรสินีจะหันมาบอกว่า
“ก็ดีค่ะ ได้เจอเพื่อนเก่า”
“ใช่ครับ ทุกครั้งที่มาถ่ายละครก็จะมีความสุขมากเลยครับ”
นักข่าวส่งเสียง ฮิ้ว กัน ทำให้ตรีอัปสรที่ให้สัมภาษณ์อยู่หันไปมอง เห็นเพชรหันไปมองอรสินีตาหวาน ช่างภาพถ่ายรูปคู่กันกระหน่ำ

มุกตาภาเดินมาหยุดยืนมองภาพตรงหน้า ที่นักข่าวช่วยกันจัดท่าให้อรสินีถ่ายกับเพชรและให้ตรีอัปสรมายืนอีกด้าน
มุกตาภามองตรีอัปสรอย่างอาฆาตมาดร้าย ชญานนท์เดินมาหยุดยืนไม่ห่างกันนัก มุกตาภาหันไปมองชญานนท์
“หวังว่าคงจะเป็นแค่รักโปรโมทเพื่อสร้างกระแสละครนะคะ”
“มันก็คงจะเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว”
มุกตาภาเหลียวมามองพี่ชาย ชญานนท์ซึ่งมองอรสินี เพชร และตรีอัปสรอยู่ หันมามองน้องสาว
“เราเป็นพี่น้องกันแท้ๆ แต่ไม่เหมือนกันเลยนะคะ มุกขี้หึงสุดๆ แต่พี่นนท์นิ่งสุดๆ เก็บอาการรึเปล่าคะ”
ชญานนท์ยิ้มนิดๆ “มั้ง”
“พี่นนท์ไม่ต้องช่วยมุกแล้วล่ะค่ะ มุกขอจัดการเรื่องของมุกเอง”
“แต่พี่ว่ามุกอยู่เฉยๆ ดีกว่า พี่จัดการเอง”
“มุกไม่อยากให้พี่นนท์มีปัญหากับอรนะคะ ผู้หญิงเราต่อให้เชื่อมั่น เข้าใจผู้ชายแค่ไหน แต่ถ้ามีเรื่อง มีข่าวกับผู้หญิงอื่นบ่อยๆ โดยเฉพาะผู้หญิงอย่างตรีอัปสร บางมีมันก็ทำใจยากนะคะ”
“ไม่เป็นไร พี่จัดการได้”
“แต่มุกไม่อยากเป็นตัวสร้างปัญหาให้พี่นนท์...เชื่อมุกเถอะค่ะ มุกจัดการได้ มุกมีวิธี”
มุกตาภาพูดจบก็เดินไปเลย ชญานนท์มองตามอย่างกังวล ก่อนจะหันไปดูทางนักข่าวสัมภาษณ์ทีมนักแสดงต่อ

ชบาเดินเข้ามาในร้านกาแฟกลางสลัมช้าๆ มองอย่างไม่ไว้ใจ เห็นมุกตาภานั่งรออยู่ ชบามองด้านหลังมุกตาภาแล้วขยับเดินมาข้างหน้า มุกตาภาเห็นชบาเดินมาก็ทักด้วยน้ำเสียงไว้ตัว
“นั่งซิ”
ชบาทรุดตัวลงนั่งมองมุกตาภาอย่างพิจารณา
“คุณเป็นใครอ่ะ”
“ชั้นเคยส่งคนมาหาเธอครั้งนึง”
ชบาขมวดคิ้ว “มาหาชั้น”
“ชั้นให้คนของชั้น เอาเงินมาให้เธอ พอจะนึกออกรึยัง”
ชบาทำท่าคิดออก “ให้พี่กล้าไปหานังตรีตอนประกวดน่ะเหรอ”
มุกตาภายิ้ม “ใช่...แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะเธอทำไม่สำเร็จ”
ชบาเริ่มล่อกแล่ก “ไม่เกี่ยวกับชั้นนะ ชั้นบอกพี่กล้าไปแล้ว แต่พี่กล้าไปเจอนังดารินทร์ก่อน...นังนั่นก็ให้...” ชบาชะงักหยุดพูดเท่านั้น
มุกตาภาพูดต่อ “ให้เงินมาอีกใช่ไม๊ รับ 2 ต่อเลยนะ”
“ถ้าจะมาทวงเงินล่ะก้อ ชั้นไม่มีเงินคืนให้แล้วนะ”
“ชั้นไม่ได้มาทวงเงิน”
“แล้วมาทำไมล่ะ”

มุกตาภายังไม่ตอบ มองชบานิ่งอยู่อย่างนั้น

อ่านต่อหน้า 3

ปีกมงกุฎ ตอนที่ 13 (ต่อ)

ตรีอัปสรล้างมือเสร็จ เดินออกมาจากห้องน้ำ ถือทิชชู่เช็ดมือมาด้วย พอเดินมาได้ 2-3 ก้าว ก็เจอชญานนท์ที่เดินมาจากอีกด้านหนึ่ง ชญานนท์ยิ้มให้ ตรีอัปสรยิ้มตอบ พูดล้อๆ

“วันนี้ไม่มีมวยค่ะ คุณมุกไม่ได้มาที่กองถ่าย”
ชญานนท์อดขำไม่ได้ “ใครบอกล่ะครับ ยายมุกมาแล้ว กลับไปแล้วต่างหาก”
“อ้าว เหรอคะ ตรีไม่ทันเห็น”
“ก็คุณให้สัมภาษณ์นักข่าวอยู่”
ตรีอัปสรมองชญานนท์อย่างพินิจ “คุณมาที่กองถ่ายเพราะคุณมุกมาเหรอคะ...คุณกลัวว่าคุณมุกจะมาหาเรื่องตรีเรอะคะ”
ชญานนท์มองตรีอัปสรก่อนจะพูดเบาๆ
“จริงๆ มันก็มีเหตุผลมากกว่านั้น”
“เหตุผลอะไรคะ”
“ผมเป็นห่วงคุณ”
ตรีอัปสรยิ้ม “คุณจะบอกว่าเป็นห่วงคุณมุกก็ได้ค่ะ ตรีเข้าใจ”
ชญานนท์ย้ำอีกครั้ง “ผมเป็นห่วงคุณ”
ตรีอัปสรมองชญานนท์ก่อนจะหลบตาลงเหมือนเขินอาย
“คุณมุกกลับไปแล้ว ไม่มีอะไรต้องห่วงแล้วล่ะค่ะ”
“ถ้าจะไม่ให้ผมห่วง กลับถึงบ้านแล้วโทร.บอกผมด้วยนะครับ”
“นึกว่าจะไปส่ง” ตรีอัปสรทอดหางเสียงอ่อนโยน
ชญานนท์ยิ้มขำๆ “ผมเห็นรถสปอร์ตคันสวย จอดอยู่ข้างนอก รถของผมคงตกอันดับไปแล้ว”
ตรีอัปสรเป็นฝ่ายหัวเราะเบาๆ “แหม...มีตัดพ้อด้วยนะคะ...ตรีว่าตรีนั่งรถที่คุณบอกว่าตกอันดับบ่อยกว่ารถของตรีอีกนะคะ”
ชญานนท์ยิ้ม “ถ้าคนที่ซื้อรถให้คุณได้ยินเข้าคงเสียใจแย่”
ตรีอัปสรเลิกคิ้ว “คุณนนท์ทราบเหรอคะ ว่าใครซื้อรถให้ตรี”
“ทราบซิครับ”
ตรีอัปสรมองชญานนท์เหมือนดูว่าจะรู้จริงรึเปล่า ทำใจดีสู้เสือเอียงคอถามเหมือนแหย่เล่น
“ใครคะ”
“คุณดารินทร์ คุณแม่คุณไง ใช่ไม๊ครับ เอ๊...หรือว่าเป็นคนอื่น”
ตรีอัปสรยิ้มอย่างโล่งอกนิดๆ ที่ชญานนท์บอกว่าเป็นดารินทร์ ถึงแม้จะพูดดักคอ

ส่วนที่ร้านกาแฟใกล้สลัมมุกตาภามองชบาซึ่งนั่งฟังอยู่ แต่หน้าเอ๋อๆ
“เข้าใจที่ชั้นพูดไม๊เนี่ย”
“เข้าใจ แต่ช่วยพูดอีกครั้งได้ไม๊”
มุกตาภาหงุดหงิด “โอ๊ย...อะไรกันเนี่ย”
“ชั้นหมายถึงเรื่องเงิน ช่วยพูดอีกทีว่าจะจ่ายยังไง”
มุกตาภามองชบาอย่างดูถูก ก่อนจะเปิดกระเป๋าหยิบซองเงินออกมาส่งให้
“เอาไปก่อนเลยแล้วกัน แล้วก็กลับไปคุยกับนายกล้าให้รู้เรื่อง พรุ่งนี้ชั้นจะมาอีกครั้ง...พานายกล้ามาด้วย”
มุกตาภาขยับลุกขึ้นมองชบาที่ฉีกซองเงินอย่างลุกลน ไม่เก็บอาการ
“เข้าใจไม๊”
“เข้าใจ...เข้าใจ...พรุ่งนี้เจอกัน”
ชบาเปิดซองแล้วมองซ้าย ขวา เหมือนกลัวใครจะเห็น มุกตาภาเหลียวมองมาอย่างรังเกียจแกมสะใจก่อนจะเดินไป

ชญานนท์ยังยืนคุยอยู่กับตรีอัปสร เพชรเดินมาจากอีกด้านคนเดียว เห็นชญานนท์กับตรีอัปสรคุยกันอย่างสนิทสนม เพชรมองกลับไปทางกลุ่มนักแสดงที่ให้สัมภาษณ์อยู่

ปล่อยให้ชญานนท์กับตรีอัปสรที่ยืนคุยหัวเราะหัวใคร่อยู่อย่างนั้น

ขณะที่อรสินียืนให้สัมภาษณ์อยู่กับวรัญญา เพชรเดินกลับมาหา ติ๊น่าเดินเข้ามาแจกยิ้มหวาน

“อุ๊ยตาย ยังสัมภาษณ์กันไม่จบอีกเหรอจ๊ะ”
นักข่าว 1 บอก “เรียบร้อยแล้วค่ะ แต่ขอถ่ายรูปน้องอรกับน้องเพชรหน่อยนะคะ...น้องรัญอย่าเพิ่งไปไหนนะคะ....เดี๋ยวถ่ายรูปด้วย”
วรัญญายิ้มหวาน “ค่ะ”
ติ๊น่าถามพลางมองรอบๆ “ถ่ายตรงไหนดีล่ะ หามุมสวยๆหน่อย”
“ผมแนะนำ ทางโน้นครับ...สวย” เพชรชี้บอกไปทางหนึ่ง
นักข่าว 1 ถาม “ทางไหนคะ นำไปเลยค่ะ”
เพชรเดินนำอรสินีกับนักข่าวและคนอื่นๆ ไปทางที่จะสามารถเห็นชญานนท์กับตรีอัปสรได้ โดยเพชรทำเป็นไม่เห็นสองคนซึ่งยืนคุยกันอยู่ อรสินีเห็นเข้าก็ชะงักไปนิด แต่พยายามปรับสีหน้าให้ปกติ นักข่าว 2-3 คน เดินตามมาถ่ายรูป
นักข่าว 1 บอก “เพชรช่วยประคองน้องอรด้วยค่ะ”
เพชรพยักหน้ารับ “ได้ครับ” พลางหันไปทางอรสินี “โทษนะ...อร”
อรสินียิ้มนิดๆ เพชรประคองอรสินีอย่างให้เกียรติ
นักข่าว 2 หันไปเห็น “นั่น น้องตรีกับคุณนนท์นี่ นางเอกมาแอบคุยกับผู้บริหารช่องอยู่ตรงนี้เอง...ถึงว่าหาไม่เจอ”
ติ๊น่าถาม “จะถ่ายไม๊ เดี๋ยวพี่ไปตามให้”
นักข่าว 2 บอก “ดีครับ”
ติ๊น่าเดินแยกไป อรสินีจับคู่ถ่ายรูปกับเพชร โดยมีวรัญญามองอรสินีทีและมองตรีอัปสรที ด้วยสีหน้าครุ่นคิด

ไม่นานต่อมาภารดีสวมบท โรส เอ่ยขึ้นที่หน้าเซ็ต “สายของชั้นรายงานมาไม่ผิดแน่นอน เธอเชื่อชั้นเถอะ”
ภารดีเดินไปนั่งข้างอรสินี ที่หันมามอง
“แต่เราต้องมีหลักฐานไปให้คุณฤทธิ์ดูนะ”
“ชั้นมีใบเกิดมันเลยล่ะ รู้เลยว่าพ่อแม่มันเป็นใคร เกิดมาแล้วมันอยู่ที่สลัมหลังตลาดจริงๆ”
“ดี คราวนี้ คุณฤทธิ์จะได้ตาสว่างซะที ฉันจะแฉมันให้รู้กันทั่วไปเลย เอาให้มันอยู่ที่นี่ไม่ได้ ให้คุณฤทธิ์ไล่มันออกไป คอยดูนะ โรส นังพัชมันจะต้องกระเด็นกลับไปอยู่สลัมเหมือนที่มันเคยอยู่”
ภารดีทำหน้าร้ายกาจ สะใจเต็มที่
มีนร้อง “คัท”
ภารดีปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ยกมือขึ้นนวดแก้มไปมา
“โอย...เมื่อยหน้าเหมือนกันนะเนี่ย”
อรสินียิ้มไม่พูดอะไร ติ๊น่าเดินเข้ามาหา
“ชุดเดิมนะจ๊ะ 2 สาว ต่อฉาก 10 เลย”
อรสินีรับ “ค่ะ”
มีน ผู้กำกับเดินเข้ามาสมทบ อรสินีกับภารดีหยิบบทขึ้นมาอ่าน

วรัญญานั่งดูบทอยู่อีกมุมในกองถ่าย ตรีอัปสรเดินอารมณ์ดีมานั่งด้วย วรัญญามองตรีอัปสรก่อนจะตัดสินใจพูด
“ชั้นว่าอรเค้าก็ดีกับเธอนะ”
ตรีอัปสรมองวรัญญาเหมือนแปลกใจว่า วรัญญาพูดเรื่องนี้ทำไม
“เธอจะพูดอะไร ก็เข้าเรื่องเลย ไม่ต้องเกริ่น...เสียเวลา”
วรัญญายิ้มเยาะนิดๆ “เธอรู้ไม่ใช่เหรอว่า อรคบอยู่กับคุณนนท์”
ตรีอัปสรเสียงแข็ง “แล้วไง”
“แล้วเธอก็ทำเป็นไม่รู้ ไปสนิทสนมกับคุณนนท์แบบไม่เกรงใจอรเลย”
ตรีอัปสรมองวรัญญาเอือมๆ เซ็งๆ แต่ไม่พูดอะไร วรัญญาพูดต่อ
“ตรี ที่ชั้นพูดเนี่ย ไม่ใช่เพราะพยายามประดิษฐ์ตัวเป็นคนดีหรอกนะ แต่ชั้นคิดว่า คนเราจะทรยศหักหลังใคร มันก็ต้องมีข้อยกเว้นบ้าง...โดยเฉพาะกับเพื่อน”
ตรีอัปสรหัวเราะเบาๆ “ชั้นว่าเธออินกับบทคนดีมากไปหน่อยนะ หรือว่าจริงๆกำลังซ้อมบท ไปซ้อมกับคนอื่นเถอะนะ ชั้นไม่ว่าง”
ตรีอัปสรชักสีหน้าใส่ ก่อนจะหยิบบทลุกเดินแยกไป วรัญญามองตามตรีอัปสรไปอย่างโกรธขึ้ง บ่นออกมาเบาๆ

“นังนี่ มันร้ายกกว่าที่ชั้นคิดจริงๆ”

กล้านั่งกินเหล้าสบายอุรา หน้าบวมฉ่ำ ตาเยิ้มอย่างมีความสุข กล้ายกขวดเหล้าเข้าปาก ชบานั่งมองอยู่

“โอ๊ย พี่กล้า...ใจคอจะกินให้ตายไปเลยรึไง”
“เรื่องของข้า”
ชบาพยายามข่มอารมณ์เก็บอาการไว้ ขยับเข้าไปใกล้ๆ พยายามพูดกับกล้าดีๆ
“เอาเถอะ พี่จะกินก็เรื่องของพี่ แต่พรุ่งนี้พี่อยู่คุยกับผู้หญิงคนที่มาหาชั้นได้ไม๊ เค้าอยากให้พี่ไปเปิดตัวกับสื่อว่าเป็นพ่อของนังตรีมัน”
“เปิดตัว เปิดตัวทำไม นังตรีกับดา มันกำลังปรึกษากันว่าจะให้เงินเดือนข้าเท่าไหร่”
“เราก็เอาเงินทั้ง 2 ทางซิ พี่กล้า ทำเป็นมักน้อยไปได้”
“ข้าไม่ได้มักน้อย แต่ข้ารอบคอบโว้ย ถ้าข้าไปเปิดตัวกับสื่อแล้วถ้าเกิดประชาชนคนดูเค้ารับไม่ได้ ก็จะไม่มีใครจ้างมัน แล้วมันก็จะตกงาน ข้าก็จะอดได้เงินเดือน หัดคิดอะไรให้มันฉลาดล้ำลึก แบบข้าบ้าง ชบา” กล้าคุยโต
“เอาเถอะ เอาเถอะ ยังไงพรุ่งนี้ พี่กล้าก็อยู่เจอเค้าหน่อยละกัน”
“แต่ถ้าดามาหาข้าก่อน เอาเงินมาให้ข้าก่อน ข้าก็ไม่คุยนะ เผลอๆ ตอนนี้ดาอาจจะกำลังมาหาข้าก็ได้ รอโว้ยรอ เอาหมอนมา ข้าจะนอนรอเงิน”
กล้าเอะอะโวยวาย เสียงอ้อแอ้ๆ บ่งบอกถึงความเมาเต็มที่ ชบามองกล้าแล้วเหยียดปากด้วยความหมั่นไส้
“ฝันไปเถอะ ว่ามันจะมาวันนี้ เชอะ”
กล้าไม่สนใจ นอนเอกเขนก รอดารินทร์ต่อไป

ส่วนที่ห้องพักฟื้นนายพลอัศวินเวลานี้ หมอดูชาร์ทแล้วหันมาสั่งพยาบาลข้างๆ
“คนไข้ยังโปแตสเซียมต่ำ ผมสั่งยาให้แล้ว ไปจัดการเลย”
“ค่ะ”
พยาบาลเดินออกไป หมอขยับจะเดินออก ดารินทร์เดินเข้ามาพอดี ยกมือไหว้ทักหมอ
“สวัสดีค่ะ”
“สวัสดีครับ”
“คุณอัศเป็นยังไงบ้างคะ”
“ก็ยังทรงๆอยู่ครับ”
ดารินทร์พยักหน้าอย่างปลงๆ หมอยิ้มนิดๆ อย่างให้กำลังใจ
“ผมขอตัวก่อนนะครับ”
“ค่ะ”
หมอเดินออกไป ดารินทร์เดินไปหานายพลอัศวินซึ่งนอนหลับตาอยู่ ดารินทร์ยืนมองนิ่ง ซักครู่ นายพลอัศวินลืมตาขึ้น เมื่อเห็นว่าเป็นดารินทร์ ก็ตาเหลือก หวาดผวา ดารินทร์มองอย่างสงสาร แววตอ่อนโยน
“ไม่ต้องกลัวค่ะ ดาไม่ทำอะไรคุณหรอก...ดาไม่ทำอะไรคุณแล้ว”
นายพลอัศวินมองตาดารินทร์ เห็นแววตาอ่อนโยน ก็คลายความหวาดกลัวลงช้าๆ
“ดาขอโทษนะคะ ที่คิดจะ...ฆ่า...คุณ แต่สิ่งที่คุณทำกับดา มันก็สมควรแล้วไม่ใช่เหรอคะ ที่ดามาหาคุณวันนี้ เพราะอยากจะบอกคุณว่าถึงแม้ว่าคุณหักหลังดา คิดจะรวบยายตรี แต่ดาก็จะให้อภัยคุณ เราต่างคนต่างทำไม่สำเร็จ คุณยังไม่ได้ทำอะไรยายตรี ดาก็ไม่ได้ทำร้ายคุณ เป็นอันว่าเราหายกัน”
นายพลอัศวินมองดารินทร์ แววตาแสดงความเสียใจ
“ความดีของคุณ ความรัก ความผูกพันระหว่างเรา มันยังเป็นเยื่อใยที่ทำให้ดาให้อภัยคุณ นับจากนี้ไป ไม่ว่าคุณจะเป็นแบบนี้ตลอดไป หรือว่าหายดี ดาขอให้คุณลืมเรื่องร้ายๆที่ผ่านเข้ามา นะคะ”
แววตานายพลอัศวินอ่อนโยนลง พยายามขยับมือขึ้น แต่ก็ยกได้นิดหน่อย ดารินทร์จับมืออัศวินมากุมไว้

ฝ่ายตรีอัปสรนั่งเช็คข่าวจากในโทรทัศน์มือถืออยู่ที่โถงรับแขก ปิ๋มเดินเข้ามาหา หน้าตาสดชื่น
“คุณตรีคะ รูปที่ปิ๋มถ่าย แล้วคุณตรีให้เอาไปลงเฟสบุ๊คน่ะค่ะ มีคนมาแชร์กันเต็มเลยค่ะ ตอนนี้รูปกระจายไปทั่วเลยค่ะ”
ตรีอัปสรทำไก๋ “รูปอะไร”
“รูปคุณตรีถูกคุณอรตบ แล้วก็รูปคุณเพชรกับคุณอรค่ะ”
ตรีอัปสรยิ้ม “เหรอ”
ปิ๋มทำหน้าเซ็งๆ “แต่ไม่มีใครพูดถึงคนถ่ายรูปเลยค่ะ...ปิ๋มนึกว่าจะร่วมดังไปด้วย ที่ไหนได้”
ตรีอัปสรหัวเราะขำ ปิ๋มได้ยินเสียงรถ ตรีอัปสรมองไป
“ไปดูซิ ใครมา แม่รึเปล่า”
“ค่ะ”
ปิ๋มเดินออกไป ตรีอัปสรก้มหน้าลงอ่านข้อความในโทรศัพท์ต่ออย่างสนใจ ตรีอัปสรไม่เงยหน้าขึ้น
“ใครมาปิ๋ม แม่รึเปล่า”
เสียงนุ่มหูของชญานนท์ดังขึ้น “ไม่ใช่ครับ”
ตรีอัปสรเงยหน้าขึ้นมองอย่างแปลกใจแกมดีใจ
“คุณนนท์”

ชญานนท์ส่งยิ้มให้อย่างจริงใจ แววตาอ่อนโยน

สองคนอยู่ในสวนสวยหลังบ้านยามเย็น ชญานนท์เดินคู่กันมากับตรีอัปสร

“มีธุระอะไรด่วนรึเปล่าคะ ถึงได้มาหาตรี เมื่อตอนบ่ายก็เพิ่งเจอกันอันที่จริงโทร.มาก็ได้นะคะ”
“ไม่อยากให้ผมมาที่นี่เหรอครับ”
ตรีอัปสรชะงักนิดหนึ่งกับคำพูดตัดพ้อของชญานนท์
“เปล่าค่ะ ตรีเกรงใจน่ะค่ะ”
“เกรงใจเรื่องอะไรครับ ผมต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายเกรงใจคุณ กลับมาบ้านแทนที่จะได้พักผ่อน ผมก็มากวนอีก”
ตรีอัปสรยิ้มขำปนเอ็นดู “ไม่กวนหรอกค่ะ”

ตรีอัปสรพาเขามานั่งที่เก้าอี้สนาม ซึ่งปิ๋มเอาเครื่องดื่มและขนมปังอบเนยกรอบมาจัดวางไว้ให้แล้ว
“ทานอะไรรองท้องซักนิดก่อนนะคะ แล้วถ้าคุณไม่รีบกลับ ทานข้าวด้วยกันก่อนนะคะ”
“นึกว่าคุณจะไม่ชวนซะแล้วซิ”
ตรีอัปสรเลื่อนเครื่องดื่มและขนมให้ ก่อนจะหัวเราะเบาๆ เอียงคอน่ารักมองชญานนท์
“แล้วถ้าสมมติว่าตรีไม่ชวนล่ะคะ”
ชญานนท์ยิ้มกรุ้มกริ่ม “ผมก็จะชวนคุณไปทานข้าวข้างนอกเอง”
ตรีอัปสรหัวเราะเบาๆ หยิบขนมปังมาบิดเข้าปากแก้เขิน ชญานนท์มองกิริยานั้นอย่างเอ็นดู ปากของตรีอัปสรมีเศษขนมปังเล็กๆ ติดอยู่ ชญานนท์เอื้อมมือมาแตะที่ริมฝีปากปัดเศษขนมปังออกอย่างเบามือแต่ยังค้างมืออยู่ท่านั้น ตรีอัปสรชะงักมองชญานนท์ สบตากันอย่างเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริง
ชญานนท์เลื่อนมือขึ้นประคองแก้มข้างหนึ่งของตรีอัปสรไว้อย่างเผลอไผล หลงใหล ตรีอัปสรเลื่อนมือขึ้นมาประกบมือชญานนท์ข้างที่ยังประคองแก้มตรีอัปสร
เสียงปิ๋มดังขัดจังหวะขึ้น “คุณตรีคะ...คุณตรี”
ตรีอัปสรรู้สึกตัวจับมือชญานนท์ลงมา แต่มือก็ยังจับกันอยู่ ตรีอัปสรหันไปทางปิ๋ม
“ว่าไง”
“มีข่าวคุณตรีออกทีวีด้วยค่ะ”
ตรีอัปสรหัวเราะเบาๆ “นึกว่าเรื่องอะไร เรียกซะตกใจ”
ปิ๋มยิ้มเขินๆ “ขอประทานโทษค่ะ คุณจะรับประทานอาหารเลยไม๊คะ แม่ให้มาถามค่ะ”
“จัดโต๊ะเลยก็ได้”
“ค่ะ”
ปิ๋มเดินออกไป ตรีอัปสรหันมาทางชญานนท์ ก่อนจะหยิบขนมปังให้
“ให้ทานชิ้นเดียวนะคะ เดี๋ยวจะทานข้าวไม่ลง”
ชญานนท์มองตรีอัปสร แต่ไม่รับขนมปัง เอื้อมมือไปจับมือหล่อนข้างที่ถือขนมปังขึ้นมาใส่ปากตัวเอง
ตรีอัปสรมองอย่างท้าทาย เปิดเผย ยั่วยวน และสวยงาม

อาหารค่ำเรียงรายบนโต๊ะ อรสินีนั่งทานข้าวอยู่กับอติรุจท่าทางอรสินีค่อนข้างสงบ อติรุจมองน้อง ก็อดหัวเราะขำเบาๆ ไม่ได้ อรสินีมองพี่ชาย อย่างแปลกใจ
“ขำอะไรคะ พี่รุจ หน้าอรตลกเหรอคะ”
“ไม่ได้ขำหน้าอร แต่ขำหนุ่มๆ ของอร”
“หนุ่มๆ ของอร”
“ก็ทั้งพี่นนท์ ทั้งนายเพชรนั่นล่ะ ยังกะนัดกันไว้ เวลามาก็มาพร้อมกันรถไฟชนกันโครมใหญ่ พอไม่มา ก็ไม่มาพร้อมกันซะงั้น”
“รถไฟชนกันซะที่ไหนล่ะ พี่รุจ เพชรเป็นเพื่อนอรนะคะ ไม่ได้มีอะไรกันซะหน่อย”
“อรอาจจะไม่มี แต่นายเพชร มีแน่ ไม่งั้นนายนนท์ จะหึงขึ้นหน้าเหรอ”
อรสินียิ้มนิดๆ “พี่นนท์ก็คงหึงตามหน้าที่อะค่ะ ไม่มีอะไร”
อติรุจหัวเราะมากขึ้น “มีด้วยเหรอ หึงตามหน้าที่” พลางมองจ้องน้องอย่างพิเคาระห์ “มีอะไรกันรึเปล่า”
อรสินีขยับจะเล่าแต่ก็เปลี่ยนใจ “เปล่าค่ะ ไม่มีอะไร ทานข้าวเถอะค่ะ”

อรสินีตักข้าวเข้าปาก อติรุจมองอย่างเป็นห่วงเล็กๆ ขณะตักข้าวเข้าปาก

อ่านต่อหน้า 4

ปีกมงกุฎ ตอนที่ 13 (ต่อ)

ตรีอัปสรมองจ้องหน้าชญานนท์ที่นั่งอยู่ตรงข้ามอย่างมีความสุข

“ตรีถามอะไรหน่อยได้ไม๊คะ”
“ได้ซิครับ”
“ขอถามตรงๆ นะคะ”
“ดีครับ”
“คุณนนท์ คิดอะไรกับตรีรึเปล่าคะ”
ชญานนท์เลิกคิ้วนิดๆ ก่อนจะยิ้มอ่อนๆ ถอนหายใจเบาๆ
“สมกับเป็นผู้หญิงยุคใหม่จริงๆ นางสาว ณ สยาม ของผม”
ตรีอัปสรหัวเราะเบาๆ “ก็ตรีไม่อยากคิดอะไรไปเองนี่คะ เพราะถ้าตรีคิดเอง ตรีก็จะเข้าข้างตัวเอง”
“จนขนาดนี้แล้ว ยังดูผมไม่ออกอีกเหรอ”
ชญานนท์ทำแววตาตากรุ้มกริ่ม ยิ้มหวานเยิ้ม ตรีอัปสรยิ้มอย่างปลื้ม ภูมิใจ
“ตรีดูไม่ออกหรอกค่ะ คุณนนท์คนเดิมที่เคยรู้จัก เฉยชา หมางเมิน ห่างเหินกับตรี...เหมือนอยู่กันคนละโลก แล้วอยู่ๆ กำแพงน้ำแข็งของคุณนนท์ก็พังทลายหายไปหมด”
ชญานนท์หัวเราะ “เปรียบเทียบซะผมเห็นภาพเลย”
“ตอบคำถามตรีได้รึยังคะ”
ชญานนท์มองหน้าตรีอัปสร แล้วมองลงมาที่คอ เห็นสร้อยคอรูปโบว์ที่ชญานนท์ให้ไว้ใส่อยู่
“โบว์ผูกไว้ให้เราอยู่ใกล้ๆกัน ดีใจที่เห็นคุณใส่น่ะ”
ตรีอัปสรเอื้อมมือขึ้นมาจับสร้อยคอก่อนจะยิ้มนิดๆ
“เวลาไปถ่ายละครก็ต้องถอดค่ะ แต่พยายามจะใส่บ่อยๆ”
“ขอบคุณครับ”
ปิ๋มเดินออกมาจากในบ้าน “อาหารพร้อมแล้วค่ะ เชิญรับประทานได้เลยค่ะ”
ตรีอัปสรขยับลุกขึ้น ชญานนท์ลุกขึ้นตาม
“เชิญค่ะ”
ตรีอัปสรเดินนำชญานนท์เข้าบ้าน

ค่ำแล้ว อรสินีถือบทเดินไปนั่งที่โต๊ะรับแขกอติรุจเดินตามมา
“เหงารึเปล่า ให้พี่นั่งเป็นเพื่อนไม๊”
อรสินีอดขำไม่ได้ “อารมณ์ไหนคะเนี่ย อรไม่เป็นไรหรอกค่ะ แล้วก็ไม่เหงาด้วย เพราะอรจะอ่านบท”
อรสินีพูดแล้วหยิบบทชูขึ้นให้เห็น อติรุจเดินมาหยิบไปเปิดอ่าน
“ใกล้จะออนแอร์แล้วนี่ ใช่ไม๊”
“ใช่ค่ะ อีก 2 อาทิตย์”
“ตื่นเต้นไม๊”
“ค่ะ ตั้งแต่ประกวด นางสาว ณ สยาม ชีวิตอรก็มีแต่เรื่องตื่นเต้น”
“เดี๋ยวคุณแม่กลับมาจากงานเลี้ยง อรก็บอกคุณแม่ซิ”
“อย่าดีกว่าค่ะ....อรกลัวคุณแม่จะหาเรื่องตื่นเต้นมาให้อรอีก”
อติรุจหัวเราะขำเหมือนพี่น้องได้นินทาแม่ อติรุจวางบทของอรสินีลง
“พี่ไปอาบน้ำก่อนนะ”
อรสินีพยักหน้า อติรุจเดินแยกไป อรสินีหยิบบทขึ้นมาเปิดอ่าน

ด้านตรีอัปสรตักอาหารใส่จานให้ชญานนท์ เป็นการทานอาหารท่ามกลางบรรยากาศหวานฉ่ำ อบอวลไปด้วยความรักหวานแหวว

อีกฟาก อรสินีนั่งอ่านบทอยู่ แล้วค่อยๆ เงยหน้าขึ้นเหม่อนลอย คิดถึงชญานนท์ อรสินีหยิบ โทรศัพท์มือถือมาเปิดรูปชญานนท์ในบรรยากาศสบายๆ ที่ถ่ายเก็บเอาไว้ บางรูปก็มีอรสินีด้วย เซลฟี่ถ่ายรูปกันเอง อรสินีอดเผลอยิ้มไปกับรูปที่เห็นไม่ได้ แต่ชั่วครู่ก็ถอนหายใจเบาๆ ด้วยความคิดถึงเขาเหลือเกิน

ตรีอัปสรเดินออกมาจากตัวบ้านกับชญานนท์ ทั้งคู่เดินลงบันไดมา
“ขอบคุณมากนะคะ ที่มาทานข้าวเป็นเพื่อนตรี”
“ผมต่างหากที่ต้องขอบคุณ มาแบบไม่บอกล่วงหน้าอีกต่างหาก”
ตรีอัปสรหัวเราะ “ไม่เป็นไรค่ะ ด้วยความยินดี เพียงแต่อาจจะเตรียมอาหารได้ไม่ถูกปาก ไม่ถูกใจ”
ชญานนท์ยิ้มหวาน “ได้ทานข้าวกับคุณ ก็ถูกใจแล้วครับ อาหารอะไรก็อร่อยหมด กู๊ดไนท์ครับ”
ชญานนท์ขยับจะเดินไป ตรีอัปสรมองเขาอย่างครุ่นคิด ก่อนจะเรียกไว้
“คุณนนท์คะ”
ชญานนท์หันมามอง ตรีอัปสรเดินไปหาใกล้ๆ
“คุณนนท์ยังไม่ตอบคำถามตรีเลยนะคะ”
ชญานนท์ยิ้ม “ผมว่าคำพูดไม่สำคัญ เท่ากับการกระทำหรอกนะครับ สิ่งที่ผมทำแทนคำพูดนับหมื่นคำ”
“แต่ตรีต้องการคำพูดสั้นๆ ค่ะ จะคำเดียวหรือ 3 คำ ก็ได้”
ตรีอัปสรมองชญานนท์อย่างเร่าร้อนและยั่วยวน ชญานนท์มองด้วยแววตาท้าทายไม่ต่างกัน
“ลองหาคำตอบที่คุณอยากรู้ จากสิ่งที่ผมทำดีกว่า กู๊ดไนท์ครับ”

ชญานนท์เดินไปที่รถ ตรีอัปสรมองตามจนรถแล่นลับตาไป

รุ่งเช้า ตรีอัปสรลงบันไดมา เดินไปที่โต๊ะอาหาร เห็นดารินทร์นั่งดื่มกาแฟอยู่

“แม่ เมื่อคืนแม่ไปไหนมา แล้วกลับมากี่โมง ตรีรอจนเผลอหลับไปเลย แล้วทำไมตื่นแต่เช้าคะ มีอะไรรึเปล่า”
ดารินทร์วางแก้วในมือ มองลูกสาว “ถามเป็นชุดเลยนะ” แล้วถอนหายใจเบาๆ สีหน้าโล่งอก “ชั้นไปเยี่ยมคุณอัศมา”
ตรีอัปสรชะงัก “ไปเยี่ยมคุณลุง แล้วเป็นไงมั่งคะ”
“เมื่อคืนคุณนนท์มาที่นี่เหรอ”
“เรื่องคุณนนท์เอาไว้ก่อนเถอะค่ะ แม่ตอบตรีเรื่องคุณลุงก่อน”
“ก็เหมือนเดิม...แต่เหมือนจะขยับมือ ขยับแขนได้มากขึ้น”
ตรีอัปสรสีหน้าเครียด “เราต้องรีบจัดการแล้วนะแม่”
“แม่จัดการแล้ว แม่คุยกับคุณอัศแล้ว”
ตรีอัปสรแปลกใจ “คุยกับคุณลุง คุยยังไง แล้วคุณลุงรู้เรื่องเหรอคะ”
“รู้ซิ เรื่องที่ผ่านมามันจบไปแล้ว ต่างคนต่างรับกรรมกันไป เลิกแล้วต่อกัน”
“ง่ายขนาดนั้นเลยเหรอคะ แม่”
ดารินทร์ดูสงบลง ไม่ตอบคำถาม ปิ๋มเดินเข้ามา
“ปิ๋มจัดของขึ้นรถแล้ว พร้อมเดินทางค่ะ คุณตรี”
ตรีอัปสรพยักหน้ารับรู้ “เดี๋ยวชั้นตามไป”
“ค่ะ”
ปิ๋มเดินไปทางหน้าบ้าน ตรีอัปสรหันมาทางดารินทร์ ดารินทร์ขยับลุกขึ้น
“แม่จะไปไหนอะ”
“ชั้นก็ไปร้านซิ แล้วบ่ายๆชั้นจะไปหาคุณอัศ”
“ไปหาคุณลุง แล้วแม่ไปหาพ่อรึยัง ไปคุยกับพ่อรึยัง”
“ชั้นยังไม่ว่าง”
“ตรีว่าแม่เอาเวลาที่จะไปหาคุณลุง ไปจัดการเรื่องพ่อให้จบก่อนดีกว่าไม๊แม่ทำให้ทฤษฎีรักครั้งแรกบิดเบี้ยวไปเลย ตรีคิดว่ารักครั้งแรกจะเป็นความรักประทับใจที่ไม่มีวันลืมซะอีก”
ตรีอัปสรเดินหนีไป ดารินทร์ทรุดตัวลงนั่งอย่างหมดแรง หวนรำลึกถึง รักแรก อันแสนเจ็บปวด

หลังหนีตามกันมา กล้านอนหลับอยู่บนฟูก ดารินทร์ซึ่งท้องโย้ เดินอุ้ยอ้ายมาทรุดตัวลงนั่ง เขย่าตัวกล้า
“พี่กล้า...พี่กล้า...ตื่น...พี่กล้า...ดาหิวแล้ว...ไปซื้ออะไรให้ดากินหน่อยซิ พี่กล้า...ตื่น...ตื่น”
กล้างัวเงียตื่น อารมณ์เสีย “โอ๊ย...หิวก็ออกไปซื้อซิ เรียกอยู่ได้ ง่วงนอน”
“ดาไม่มีเงิน เอาเงินมาซิ...ดาไปซื้อเองก็ได้”
กล้าขยับตัวเด้งลุกขึ้นนั่งทันที “ไม่มีโว้ย ทำไมไม่เขียนจดหมายไปขอเงินพ่อมาล่ะห๊ะ พ่อเป็นถึงกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน”
ดารินทร์โมโห “ชั้นหนีตามพี่มา แล้วพี่ยังจะให้ชั้นหน้าด้านกลับไปขอเงินพ่ออีกเหรอ”
“เออ” กล้ากระแทกเสียงใส่ แล้วลุกเดินออกไป ดารินทร์มองตามไปอย่างแค้นใจ

อีกเหตุการณ์เกิดขึ้นที่บ้านกล้าในสลัม
ดารินทร์คลอดลูกแล้ว เพิ่งไปรับจ้างทำงานมา อยู่ในชุดเก่าและโทรมๆ เดินมาตามทางในสลัมจนถึงบ้าน ดารินทร์ทรุดตัวลงนั่งอย่างหมดแรง
“ตรี...ตรี...ตรีอยู่ไหนลูก...ตรี”
ดารินทร์ขมวดคิ้วแปลกใจว่าลูกหายไปไหน ขยับลุกขึ้น เดินไปดูข้างใน ไม่มีใครอยู่ ดารินทร์เดินไปข้างๆ บ้าน เห็นกล้านั่งกินเหล้าอย่างมีความสุข กินไปร้องเพลงไป
“พี่กล้า ตรีไปไหน ลูกไปไหน...พี่กล้า”
ดารินทร์เขย่าตัวกล้า จนกล้าโมโห โวยวาย ผลักออก
“โอ๊ย...จะเขย่าทำไมวะ ถามครั้งเดียวก็รู้แล้ว ซ้ำซากอยู่ได้”
“ก็ตอบมาซิ ลูกอยู่ไหน”
“ยายชุบเอาไปเลี้ยงให้”
“ยายชุบ” ดารินทร์มองกล้าอย่างแค้นใจ “มันเอาไปเลี้ยงยังไง นังนั่นมันอุ้มลูกชั้นไปขอทานใช่ไม๊...พี่ปล่อยให้มันเอาตรีไปขอทานได้ยังไง”
เสียงชบาซึ่งเริ่มเข้ามาวอแวกล้าดังขึ้น “แล้วทำไมจะเอาไปไม่ได้ห๊ะ อยู่ด้วยกันจะเด็กจะแก่ก็ต้องช่วยกันทำมาหากินทั้งนั้น”
ดารินทร์หันไปมองเห็นชบาเดินออกมาทรุดตัวลงนั่งข้างกล้า
“ใช่...ก็แค่ให้เอาไปอุ้ม คนเค้าสงสารให้เงินเอง ขอทง ขอทานที่ไหนล่ะ ประเดี๋ยวแกก็เอามาคืน...แถมเงินให้อีกต่างหาก”
ดารินทร์มองกล้าอย่างแค้นใจ กล้าไม่สน ชบาเข้าไปคลอเคลียกล้าอย่างไม่แคร์
คิดถึงตอนนี้ ดารินทร์น้ำตาหยดลง ยกมือขึ้นปาดน้ำตา

ฉากสุดท้ายชีวิตแสนช้ำในสลัมผุดซ้อนขึ้นมาอีก
ดารินทร์เขียนจดหมายเสร็จ พับใส่ซอง หยิบเสื้อผ้าใส่ถุงไป 2-3 ชุด วางจดหมายไว้แล้วเดินออกไป
“พี่กล้า ชั้นจะไปทำงานหาเงิน แล้วกลับมารับยายตรีไปอยู่กับชั้นดูแลลูกของชั้นให้ดี ส่งเสียให้ตรีเรียนหนังสือ ชั้นจะกลับมารับลูกของชั้น ชั้นสัญญาว่าจะเอาเงินมาให้พี่แลกกับลูก”

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ดารินทร์มีสีหน้าเจ็บช้ำ พูดเค้นคำเบาๆ

“แกไม่รู้หรอก ยายตรี ว่ารักครั้งแรกของชั้น มันเจ็บปวดแค่ไหน”

สายวันนี้รัตน์เดินมาตามทางในช่องไทยเท็น มองซ้าย แลขวา จนเห็นมุกตาภาเดินเหมือนจะรีบไปข้างนอก รัตน์รีบเดินตามไปทันที

“คุณมุกคะ คุณมุก คุณมุกคะ”
มุกตาภาหยุดหันมามอง เห็นรัตน์เดินเข้ามาหา
“มีอะไรคะ”
“เรามีประชุมเรื่องแผนประชาสัมพันธ์ละครที่วางไว้น่ะค่ะ ทุกคนรออยู่ที่ห้องประชุมแล้วค่ะ”
“คุณพ่อกับพี่นนท์เข้ารึเปล่า”
รัตน์งงๆ กับคำถาม “ไม่เข้าค่ะ เรื่องนี้มันเป็นส่วนของคุณมุกกับดิชั้นนะคะ”
“เหรอ แต่ตอนนี้มุกไม่ว่าง”
“แต่ดิชั้นแจ้งไปแล้วนะคะ ว่าวันนี้มีประชุม”
“ก็ประชุมกันไปก่อนซิ มุกว่าคุณรัตน์น่าจะดีใจนะ ที่มุกไม่อยู่...จะได้ใหญ่คับห้องประชุมไปเลย”
รัตน์คอแข็ง “คุณมุก”
มุกตาภายิ้มเยาะ “ไม่ต้องตกใจที่มุกพูดแทงใจดำหรอก ประชุมแล้ว...ทำรายงานมาให้มุกอ่านด้วยนะคะ ขอตัวค่ะ”
มุกตาภาเดินหน้าเชิดไป รัตน์มองตามไปเซ็งๆ

ทีมพีอาร์ช่องนั่งอยู่ในห้องประชุม รัตน์เอ่ยขึ้น
“ใครมีอะไรจะเสนอบ้าง”
ทีมงาน 1 เสนอ “มีค่ะ เราน่าจะเล่นข่าวผ่าน I.G ของนักแสดงนะคะ เราทำ I.G ให้น้องอร น้องตรี เพชร แล้วก็เอาภาพในละครหรือไม่ก็ภาพเบื้องหลังกองถ่ายไปลง สร้างกระแสให้คนตาม I.G ดีไม๊คะ”
รัตน์พยักหน้ารับว่า “ดี”
ทีมงาน 2 บอกว่า “ตอนนี้มีกระแสน้องอรกับเพชร เป็นคู่จิ้นกันเราก็เล่นข่าวนี้ไปเรื่อยๆ จริงๆถ้าไม่เกรงใจน่าจะเล่นข่าวคุณนนท์กับน้องตรีด้วยนะคะ”
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ประตูเปิดออก เห็นชญานนท์ชะโงกหน้าเข้ามา
“ขอโทษนะครับที่มาขัดจังหวะ” ชญานนท์มองเข้ามา “มุก ไม่ได้เข้าประชุมเหรอครับ”
“เปล่าค่ะ...คุณมุกบอกว่าติดธุระค่ะ”
“ธุระอะไร”
ชญานนท์แปลกใจ สุดท้ายกลายเป็นกังวล

มุกตาภานั่งเชิดอยู่ในร้านกาแฟกลางสลัม ตรงข้ามชบาและกล้า
“ชั้นอยากให้นายกล้าไปแสดงตัวว่าเป็นพ่อของตรีอัปสร”
“เพื่ออะไร” กล้าจ้องหน้า
“ก็เพื่อตรีอัปสรและก็นายกล้าด้วย ชั้นเป็นผู้บริหารของช่องไทยเท็น ชั้นอยากโปรโมทตรีอัปสรให้โด่งดัง จาก นางสาว ณ สยาม มาเป็นนางเอกละคร และก็จบด้วยการเป็นลูกกตัญญู นายกล้าไม่อยากให้ลูกเจริญก้าวหน้าเหรอ”
กล้ามองมุกตาภาอย่างครุ่นคิด ชบามองกล้าแล้วหันมาถามมุกตาภา
“แล้วชั้นสองคนจะได้อะไรบ้าง”
“ได้ทั้งเงิน ได้ทั้งชื่อเสียง คราวเนี้ยใครๆก็ต้องรู้จักพ่อแท้ๆ กับแม่เลี้ยงผู้แสนดีของตรีอัปสรซะที จะมาเก็บเนื้อเก็บตัวซุกอยู่ในสลัมทำไม”
ชบาเห็นด้วย “จริงนะ พี่กล้า”
กล้ายังลังเล “แต่ดารินทร์บอกว่าไม่ให้ชั้นออกไป”
มุกตาภายิ้ม “เราเปลี่ยนแผนแล้ว ทางไทยเท็นคุยกับคุณดารินทร์แล้ว คุณดารินทร์ก็เห็นดีด้วย เลยให้ชั้นเป็นตัวแทนมาคุยกับนายกล้า...
ชบาเชียร์ใหญ่ “เอาเลย พี่กล้า เอาเลย”
กล้ามองชบาแล้วหันไปมองมุกตาภา
“แล้วชั้นต้องทำยังไง เมื่อไหร่”
มุกตาภายิ้มอย่างพอใจ “ทำตามที่ชั้นบอก”
ความโลภบังตา สองผัวเมียจึงไม่แววตา อาฆาตพยาบาทของมุกตาภาในตอนนี้

ที่กองถ่ายละคร เล่ห์ร้ายสายสวาท อรสินีนั่งอยู่กับวรัญญา ซักครู่ ตรีอัปสรจึงเดินเข้ามานั่งด้วย
“ฉากต่อไปอะไรคะ คุณอร”
อรสินีขยับจะบอก แต่วรัญญาชิงพูดขึ้นมาก่อน
“ทำไมไม่ถามพี่ติ๊น่าล่ะ มาถามอรทำไม”
ตรีอัปสรเสียงขุ่น “ชั้นถามคุณอร ไม่ได้ถามเธอนะ รัญ”
“ฉาก 48 ตอน 12 จ้ะ” อรสินีบอก
“ขอบคุณค่ะ”
ตรีอัปสรเปิดบทอ่านเสียงดัง
“พัชราพร ทักษิกา....มีเรา 2 คนเท่านั้นค่ะ คุณอร....มาต่อบทกันดีกว่า”
“ไปต่อบทในฉากไม๊....เค้าจะได้ไม่ต้องมาตามเรา”
“ได้ค่ะ”

ตรีอัปสรลุกขึ้นเดินออกไปกับอรสินี สีหน้าตรีอัปสรรื่นรมย์มีความสุข วรัญญามองตามไปอย่างไม่ไว้วางใจ

อรสินีมองจ้องตรีอัปสรด้วยความหมั่นไส้ สีหน้าเย้ยหยัน ก่อนจะพูดเสียงกราดเกรี้ยวร้ายกาจออกมา

“รู้ไม๊....ว่าเมื่อคืน..ชั้นอยู่กับใคร”
“ไม่ทราบค่ะ”
“แกนี่มันทั้งโง่ ทั้งซื่อจริงๆ คุณฤทธิ์เค้าไม่ได้บอกแกเหรอว่าเมื่อคืน เค้าไปหาชั้นที่บ้าน”
ตรีอัปสรมองอรสินีแล้วก้มหน้านิดๆ น้ำตาคลอ อรสินีหัวเราะขำสะใจ
“ชั้นพูดแค่นี้ ถึงกับน้ำตาคลอเลยเหรอ นี่ถ้าชั้นเล่าละเอียดตั้งแต่ต้นจนจบว่าคุณฤทธิ์ทำอะไรกับชั้นบ้าง คุยอะไรกับชั้นบ้าง แกไม่เสียสติไปเลยเหรอ”
“ถ้าคุณจะบอกดิชั้นเรื่องคุณฤทธิ์แค่นี้ ดิชั้นขอตัวไปดูคุณท่านก่อนนะคะ”
“เดี๋ยว...ชั้นยังพูดไม่จบ แกยังไปไม่ได้”
ตรีอัปสรหันมามองอรสินี อรสินีมองตรีอัปสรอย่างหมั่นไส้ ก่อนจะตบตรีอัปสร ตรีอัปสรร้องอย่างตกใจ อรสินีจิกผมตรีอัปสรขึ้นมา
“อยากรู้ไม๊ว่าชั้นตบแกทำไม ก็หน้าตาแกมันน่าตบไง ตบแล้วชั้นสะใจเหตุผลแค่นี้พอไม๊”
อรสินีผลักตรีอัปสรกระเด็นไป
เสียงผู้กำกับสั่ง “คัท...”
อรสินีเดินไปหาตรีอัปสรอย่างเป็นห่วง
“เจ็บไม๊ตรี”
“ไม่หรอกค่ะ”
“กว่าละครจะปิดกล้อง อรว่า...อรต้องเป็นมือตบอันดับหนึ่งแน่”
“นั่นซิคะ อยากตบก็ตบกัน...นี่ขนาดว่าคุณนนท์ให้แก้บทตบน้อยลงแล้วนะคะ”
อรสินีหัวเราะเบาๆ “เค้าว่า ยิ่งตบ ละครยิ่งแซบ”
“ตรีว่า งานนี้แซ่บกันแสบปากแน่ค่ะ...
ติ๊น่าเดินเข้ามาหา “ไปเปลี่ยนชุดเลยค่ะ....สองสาว”
อรสินีกับตรีอัปสร รับ “ค่ะ”
แล้วเดินไปทางห้องแต่งตัวอีกด้าน ติ๊น่าเดินไปเร่งงานทางอื่น

ดารินทร์มาเยี่ยมไข้ กำลังเช็ดหน้าให้นายพลอัศวิน หน้าตท่านนายพลดูดีขึ้นเล็กน้อย ซักครู่ประตูห้องเปิดออก เห็นคุณหญิงสุดสวาทเดินเข้ามา สวมบทชาวไร่ เปิดฉากถากถางทันที
“อุ๊ยตาย มาเฝ้าปรนนิบัติพัดวี ไม่ทำมาหากินรึไงยะ”
“กำลังจะไปค่ะ”
“สงสัยชั้นคงต้องให้พยาบาลมาอยู่เฝ้าคุณอัศตอนที่เธอมาซะแล้ว บอกตรงๆ นะ...ว่าชั้นกลัวเธอจะมาทำมิดีมิร้ายคุณอัศ”
ดารินทร์พยายามข่มใจ “ชั้นขอตัวนะคะ”
“พูดเรื่องจริงถึงกับทนฟังไม่ได้เลยเหรอ”
ดารินทร์ไม่โต้ตอบ เดินไปหยิบกระเป๋าที่วางอยู่บนโต๊ะที่มีถุงเสื้อวางอยู่ แล้วเดินออกไปเลย คุณหญิงมองตามไปแล้วยิ้มสะใจ ก่อนจะหันไปมองสามีนายพลที่นอนเป็นผักอยู่อย่างมีแผนการร้าย

ดารินทร์เดินออกจากลิฟท์ด้วยความโมโห แต่พยายามระงับไว้ พอเดินไปได้ซักพัก ก็นึกขึ้นมาได้ว่าลืมของไว้
“ถุงเสื้อชั้น”
ดารินทร์ทำท่าหงุดหงิดก่อนจะเดินย้อนกลับไป

คุณหญิงสุดสวาทเดินช้าๆ ไปที่เตียง มองสามีนิ่ง นายพลสบตาสุดสวาท รับรู้ถึงความโหดเหี้ยมอำมหิตในแววตา
“ในฐานะภรรยาคู่ทุกข์คู่ยาก ดิชั้นจะช่วยส่งให้คุณไปสู่สุขคติเองแล้วกันนะคะ”
ขาดตำคุณหญิงสุดสวาทเลื่อนน้ำเกลือให้ไหลแบบ fast แทน slow ด้วยท่าทางเหี้ยมเกรียม นายพลอัศวินมองภริยาตาถลน พยายามจะขยับตัวแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากตาที่เหลือกลานมากขึ้น

ดารินทร์หยุดยืนหน้าห้องพิเศษ ค่อยๆ เปิดประตูเข้ามาอย่างเบามือ แต่ต้องชะงักเมื่อมองเห็นคุณหญิงยืนอยู่ข้างเตียง ยิ่งไม่กล้าเอ่ยปาก เมื่อเห็นหน้าตาเหี้ยมโหดของคุณหญิงสุดสวาท

ดารินทร์จึงค่อยๆ ปิดประตูลงอย่างเบามือ สีหน้าใคร่ครวญครุ่นคิด ท่าทีค้างคาใจขณะยืนนิ่งอยู่หน้าประตูห้องพักพิเศษนั้น

อ่านต่อตอนที่ 14
กำลังโหลดความคิดเห็น