ปีกมงกุฎ ตอนที่ 17
ในเวลานั้น ตรีอัปสรเดินเหงาๆ อยู่ริมทะเลเพียงลำพัง สีหน้าเศร้าสร้อย ท่าทีเหมือนคนกำลังอกหักผิดหวัง ตรีอัปสรยืนเหม่อมองทะเลใจลอย อยู่ซักครู่ จิ๊กโก๋ 2 คนเดินกร่างเข้ามา ทั้งคู่สะกิดกันก่อนจะเดินเข้ามาหาตรีอัปสร
จิ๊กโก๋ 1 เปิดฉากลวนลาม “น้องสาว มายืนอยู่คนเดียว เหงาไม๊จ๊ะ”
จิ๊กโก๋ 2 ยิ้มยวนๆ “พี่ 2 คนว่างอยู่ จะอยู่เป็นเพื่อนน้องสาวนะจ๊ะ”
ตรีอัปสรมองจิ๊กโก๋อย่างหวาดๆ ถดตัวถอยหลังช้าๆ จิ๊กโก๋ 1 เดินไปดักไว้
“จะไปไหนล่ะจ๊ะ อยู่คุยกับพี่ก่อนซิ”
ตรีอัปสรหมุนไปอีกทางแต่ถูกจิ๊กโก๋ 2 ดักไว้อีก
“เดี๋ยวซิจ๊ะ คนสวย”
ตรีอัปสรมองซ้ายขวา เหมือนหาทางหนีทีไล่ จิ๊กโก๋ 2 คน ขยับเข้ามาล้อมกรอบ ตรีอัปสรแหวกวิ่งหนีแต่โดนจิ๊กโก๋จับตัวไว้ ตรีอัปสรทั้งดิ้นทั้งร้อง แต่ก็โดนจิ๊กโก๋ลากฉุดไป จิ๊กโก๋ทั้ง 2 คน ลากตรีอัปสรไปได้ซักครู่
เสียงเพชรดังก้องขึ้น “เฮ้ย...หยุดนะ”
จิ๊กโก๋ทั้ง 2 หันไปมอง เพชรพุ่งเข้ามาชกจิ๊กโก๋ เกิดคิวบู๊กันขึ้น จิ๊กโก๋โดนพระเอกชกลงไปกองแล้วพากันวิ่งหนีไป เพชรขยับเข้าไปหาตรีอัปสร
“พัช เป็นยังไงบ้าง”
“คุณฤทธิ์”
เพชรดึงตรีอัปสรเข้ามากอด “อย่าหนีผมมาแบบนี้อีกนะ”
มีนสั่ง “คัท”
ตรีอัปสรขยับตัวแยกออกไปที่มุมนักแสดงเปลี่ยนเสื้อผ้า ติ๊น่าเดินเข้ามาหา
“น้องตรี กลับรถตู้คันเดียวกับพี่น่ะคะ”
“ค่ะ ตรีขอไปเปลี่ยนชุดแปบนะคะ
ตรีอัปสรหยิบกระเป๋าใส่เสื้อผ้า ขยับจะเดินไป ติ๊น่ามองไปด้านหลังตรีอัปสร
“อ่าว คุณนนท์....มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ”
ตรีอัปสรหันไปมองตามเห็นชญานนท์เดินมา สองคนสบตากัน ชญานนท์ยิ้มทัก ก่อนจะหันไปทางติ๊น่า
“ผมมาประชุมกับลูกค้าที่นี่อะครับ คุณรัตน์บอกว่ากองถ่ายอยู่แถวนี้ ผมก็เลยแวะมาหา”
“เพิ่งถ่ายเสร็จค่ะ กำลังจะยกกองกลับพอดี”
“อ๋อ...ครับ”
ตรีอัปสรเดินแยกไป ชญานนท์มองตามอย่างครุ่นคิด
ตรีอัปสรเดินออกมาในชุดใหม่เตรียมตัวกลับ ชญานนท์จะเดินเข้ามาหา แต่ต้องหยุดเมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
ตรีอัปสรหยิบขึ้นมาดูแล้วกดรับสาย โดยไม่รู้ว่า ชญานนท์ยืนอยู่ข้างหลังและได้ยินที่ตรีอัปสรพูด
“ฮัลโหล”
เป็นณเดชย์ที่โทร.มา “ตรี วันนี้ถ่ายละครรึเปล่า อยู่ไหนคะ”
“ตรีอยู่พัทยาค่ะ ถ่ายละครเพิ่งเสร็จ”
“อยู่พัทยาเหรอ ผมไปหาตรีนะคะ”
“ตรีกำลังจะกลับ คุณนะมีอะไรรึเปล่าคะ”
“ผมอยากเจอตรี นะคะ”
“โอเค.ค่ะ ตรีถึงแล้วตรีจะโทร.หาคุณนะเอง คุณนะจะได้ไม่ต้องรอให้เสียเวลา แค่นี้ก่อนนะคะ บาย”
ตรีอัปสรวางสาย ชญานนท์ยืนอยู่ด้านหลังมองตรีอัปสรอย่างครุ่นคิด ตรีอัปสรชะเง้อมองไปด้านหน้า แล้วมองซ้ายมองขวาเหมือนหาใคร
เสียงชญานนท์ดังมาจากด้านหลัง “หาใครอยู่ครับ ผมรึเปล่า”
ตรีอัปสรเหลียวมามอง “หาป้าติ๊ค่ะ”
“กลับไปแล้วครับ” ชญานนท์โกหก
“อ้าว”
“เห็นบอกว่ามีธุระด่วนต้องรีบไป แล้วก็ฝากคุณให้กลับกับผม”
“คุณนนท์เสร็จธุระแล้วเหรอคะ”
“ครับ แต่ผมขอหาอะไรทานรองท้องก่อนได้ไม๊ครับ ผมหิว คุณรีบรึเปล่า”
“ไม่เป็นไรค่ะ ตรีไม่รีบ”
ชญานนท์ยิ้มอย่างพอใจ ตรีอัปสรยิ้มตอบ
สองคนอยู่ในร้านอาหารริมทะเล อาหารถูกนำเข้ามาวางเสิร์ฟให้ ชญานนท์ทำท่าเหมือนหิวจัด ตักเข้าปาก 2-3 คำ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองตรีอัปสร ทำเสียงอ้อนๆ
“ทานเป็นเพื่อนผมหน่อยซิครับ”
“ทำไมต้องทานเป็นเพื่อนด้วยล่ะคะ ทานคนเดียวไม่ได้เหรอ”
“ได้ครับ แต่ผมว่าอาหารจะอร่อยยิ่งขึ้นน่ะ ถ้าคุณทานด้วย”
ตรีอัปสรยิ้มอย่างเอ็นดู “คุณชญานนท์คนเก่งกลายเป็นคนขี้อ้อน ขี้เหงาไปตั้งแต่เมื่อไหร่คะ”
“ตั้งแต่อยู่ใกล้ๆคุณมั้ง”
ตรีอัปสรยิ้มขำๆ แอบค้อนเล็กๆ ใส่จริต ชญานนท์เลื่อนจานมาให้พร้อมช้อนส้อม ตักอาหารให้ตรีอัปสรอย่างกระตือรือร้น เอาใจสุดฤทธิ์
เย็นแล้วขณะที่ชญานนท์เดินมากับตรีอัปสร
“คุณรออยู่ตรงนี้ก็ได้ เดี๋ยวผมไปเอารถมารับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ...เดินไปด้วยกันก็ได้”
ชญานนท์ขยับเดินได้ 2 ก้าว ก็เอามือกุมท้อง งอตัว ร้องโอดโอย
“โอย...”
ตรีอัปสรมองชญานนท์อย่างตกใจ ขยับเข้าไปประคอง
“คุณนนท์ เป็นอะไรคะ”
“ผมปวดท้อง มันเสียดอ่ะครับ”
“ไหวไม๊คะ ไปนั่งก่อนดีกว่าค่ะ ค่อยๆเดินนะคะ”
ตรีอัปสรประคองชญานนท์ไป ชญานนท์ทำท่าทรุด เดินไม่ไหว ตรีอัปสรร้องอย่างตกใจ
ชญานนท์นอนหลับตาอยู่บนเตียงในห้องพักของโรงแรม มีตรีอัปสรเดินเข้ามานั่งใกล้ๆ มองชญานนท์อย่างเป็นห่วง ตรีอัปสรหยิบโทรศัพท์แล้วเดินไปพิมพ์ไลน์ถึงณเดชย์ “มีเรื่องด่วน ตรีขอเลื่อนนัดไปก่อนนะคะ” ตรีอัปสรส่งไลน์เสร็จก็ปิดมือถือไปเลย ชญานนท์ค่อยๆ รู้สึกตัว ลืมตาขึ้นตรีอัปสรเข้าไปใกล้ๆ
“คุณนนท์ เป็นยังไงบ้างคะ”
“ดีขึ้นมานิดนึงครับ” ชณานนท์ทำหน้าเศร้า รู้สึกผิด “ขอโทษนะครับที่ทำให้คุณเสียเวลา”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“ผมขอพักอีกนิดได้ไม๊ครับ”
“ได้ซิคะ”
“แล้วถ้าผมขับไม่ไหวล่ะครับ”
“ถ้าตรีบอกว่าจะขับให้ คุณก็คงไม่ไว้ใจ เอาเป็นว่าอจนกว่าจะขับไหว....โอเคไม๊คะ”
ชญานนท์ยิ้ม “มีใครเคยบอกคุณไม๊ ว่าคุณทำให้คนที่อยู่ใกล้ๆคุณสบายใจ”
“คุณนนท์เป็นคนแรกค่ะ ที่พูดแบบนี้”
ชญานนท์มองจ้องตาตรีอัปสร
“ผมอยากอยู่กับคุณตามลำพังนานๆจัง”
“ที่นี่น่ะเหรอคะ”
“ถ้าคุณจะอนุญาต”
ชญานนท์มองตรีอัปสอย่างเว้าวอน ตรีอัปสรมองตอบแววตาลึกซึ้ง
ชญานนท์เดินดื่มด่ำบรรยากาศมากับตรีอัปสรตามริมชายหาด จังหวะหนึ่งชญานนท์เอื้อมมือไปจับมือตรีอัปสรจูงเดิน ตรีอัปสรหันมามองแล้วยิ้มให้
ต่อมาชญานนท์นั่งอยู่เก้าอี้ริมทะเลกับตรีอัปสรทอดสายตามองไปไกล ชญานนท์หันไปมองตรีอัปสร
“ผมรู้สึกดีขึ้น ท่าจะขับรถไหวแล้ว เรากลับกันเลยก็ได้นะครับ”
“อย่าดีกว่าค่ะ เราค้างที่นี่ซักคืนก็ได้ พรุ่งนี้ตรีมีถ่ายละครช่วงบ่าย ไม่มีปัญหา”
ชญานนท์มองตรีอัปสรท่าทีเกรงอกเกรงใจ
“ไปๆมาๆ กลายเป็นว่า ผมทำให้คุณเสียเวลา”
“ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะคะ คุณนนท์ทำให้เวลาของตรีมีค่าเสมอ โดยเฉพาะเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน”
ชญานนท์ยิ้ม ขยับลุกขึ้น “เหมือนฝนจะตก กลับไปที่ห้องดีกว่าครับ” เขาพูดทีเล่นทีจริง “ผมไม่อยากให้ป้าติ๊โวยผม ว่าทำให้นางเอกไม่สบาย”
“ค่ะ”
ตรีอัปสรขยับลุกขึ้นยืนบนพื้นทราย แต่เสียหลักเซไปนิด ชญานนท์จับมือไว้ ตรีอัปสรหันมาสบตาชญานนท์อย่างหวานฉ่ำ ยอมให้ชญานนท์จูงมือเดินไป
ชญานนท์เดินเข้ามากับตรีอัปสร จนถึงหน้าประตูห้อง ตรีอัปสรเปิดประตูเดินเข้าไปบ้างแล้วหมุนตัวมามองชญานนท์อย่างท้าทาย สบตากันชั่วครู่
“กู๊ดไนท์ครับ”
ตรีอัปสรเลิกคิ้ว “นี่ห้องคุณนนท์นะคะ”
“ผมยกให้คุณ ผมเปิดอีกห้องไว้แล้ว คุณนอนคนเดียวได้ใช่ไม๊”
ตรีอัปสรยิ้มยั่วยวน ท้าทายในที “ถ้าตรีบอกว่าไม่ได้ล่ะคะ”
ชญานนท์หัวเราะเบาๆ “ผู้หญิงเก่งๆอย่างคุณ....ไม่มีอะไรไม่ได้หรอกครับ”
“แล้วถ้าคืนนี้คุณนนท์เกิดปวดท้องขึ้นมาอีกล่ะคะ”
“ผมจะโทร.บอกคุณคนแรก....ฝันดีครับ”
ชญานนท์เดินออกไป ตรีอัปสรมองตามไปก่อนจะปิดประตูลง
ตอนสายวันต่อมา ดารินทร์ทรุดตัวลงนั่งมนห้องโถงรับแขก เบื้องหน้าเป็นณเดชย์
“ยายตรียังไม่กลับจากพัทยาค่ะ คุณนะมีธุระอะไรรึเปล่าคะ”
ณเดชย์แปลกใจ “เมื่อวานผมนัดเจอกับตรี แต่สักพักตรีก็ส่งข้อความมาบอกว่ามีเรื่องด่วนขอเลื่อนนัด....แล้วก็ปิดมือถือไปเลย”
“เหรอคะ”
“ผมเป็นห่วงตรีน่ะครับ คุณน้าพอจะตามตรีได้ไม๊ครับ”
“ขอบคุณคุณนะ นะคะ ที่เป็นห่วงยายตรี แต่น้าว่า คุณนะห่างๆยายตรีไว้จะดีกว่า ถึงจะเป็นเพื่อนกัน แต่ถ้าคุณมุกเข้าใจผิด มันจะไม่ดีนะคะ”
ณเดชย์ทำท่าเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็เปลี่ยนใจ ดารินทร์มองณเดชย์ก่อนจะพูดต่อ
“ที่พูดเนี่ยเพราะไม่อยากให้ใครเสียชื่อน่ะค่ะ ทั้งคุณนะ ทั้งตรี ก็เป็นที่รู้จักในวงสังคมทั้งคู่”
ณเดชย์ขยับลุกขึ้น “ถ้าตรีกลับมา บอกให้โทร.หาผมด้วยนะครับ...สวัสดีครับ”
ณเดชย์ยกมือไหว้แล้วเดินออกไป ดารินทร์มองตามแล้วถอนหายใจอย่างหนักอก
ณเดชย์ขึ้นรถแล้วสตาร์ทขับออกไปเลย สวนกับรถของชญานนท์ที่ขับมามีตรีอัปสรนั่งอยู่ในรถนั้น ชญานนท์ขับมาจอดหน้าบ้านตรีอัปสร ชญานนท์หันมาทางตรีอัปสร
“นายนะ มาหาคุณ”
ตรีอัปสรมองชญานนท์ยิ้มหวาน “พูดแบบนี้ หึงตรีหรือว่าหวงคุณนะแทนน้องสาวคะ”
ชญานนท์มองยิ้มๆ “คนเรามักจะคิดถึงตัวเองก่อนคนอื่นเสมอ”
“จะบอกว่าหึงตรีเหรอคะ ตรีบอกแล้วไงคะ...ว่าตรีกับคุณนะไม่มีอะไรกัน”
“ผมก็บอกตรีแล้วไง ว่าต้องบอกนายนะ ไม่ใช่ผม”
“ค่ะ” ตรีอัปสรเปิดประตู “ขอบคุณนะคะ ที่มาส่ง”
“ขอบคุณเช่นกันครับ....ที่อยู่เป็นเพื่อนผม”
“ยิ่งกว่าเพื่อน ก็เป็นได้ค่ะ”
สองคนท้าทายยั่วเย้ากันไปมาชั่วครู่ ตรีอัปสรจึงเดินลงมาจากรถไป ชญานนท์ขับรถออกไป ตรีอัปสรมองตามด้วยสีหน้าครุ่นคิดวางแผนการ ก่อนจะเดินเข้าบ้านไป
ตรีอัปสรถึงกองถ่ายตามนัดคิว เวลาบ่ายๆ เห็นอรสินีนั่งอ่านบทอยู่ จึงเดินเข้ามามองอรสินีด้วยแววตาสะใจ ก่อนจะปรับสีหน้าแววตา แล้วเดินเข้ามาหา ตรีอัปสรทรุดตัวนั่งพร้อมกับทำท่าหาว อรสินีหันไปมองยิ้มให้อรสินีพูดทักขึ้นก่อน
“ไม่เหนื่อยหรอกค่ะ คุณอร แต่ง่วงมากกว่า”
“เมื่อคืนกลับดึกเหรอ” อรสินีแปลกใจ “แต่เห็นป้าติ๊บอกว่ามีแต่ซีนกลางวันนี่”
“ใช่ค่ะ แต่ตรีไม่ได้นอนทั้งคืนเลย เพิ่งกลับจากพัทยาเมื่อเช้านี้เอง”
“อ้าว ทำไมล่ะ มีอะไรรึเปล่า หรือว่าไม่สบาย”
ตรีอัปสรยิ้ม “ตรีสบายดีค่ะ แต่คุณนนท์ซิคะ ที่ไม่สบาย”
อรสินีเลิกคิ้วฉงนหนัก “พี่นนท์ไม่สบาย”
“ค่ะ เมื่อวานคุณนนท์ไปพัทยา แล้วก็ปวดท้อง เห็นว่าเครียดจนลงกระเพาะ ตรีก็เลยต้องดูแลเฝ้าทั้งคืน”
อรสินีชะงักนิ่ง ชาไปทั้งตัว ตรีอัปสรแอบยิ้มสะใจเมื่อเห็นท่าทางนั้น เล่าต่อด้วยท่าทีจริงใจ
“แต่เมื่อเช้าก็ดีขึ้นนะคะ ขับรถกลับกรุงเทพฯได้...นี่ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่น ตรีต้องคิดว่าเจ้าเล่ห์ แกล้งไม่สบายเพื่อจะได้อยู่กับตรีตามลำพังแล้วล่ะค่ะ แต่เป็นคุณนนท์นี่ ตรีไม่กล้าคิดคุณนนท์คงไม่ทำแบบนั้นอยู่แล้ว ใช่ไม๊คะ”
อรสินีมองตรีอัปสรเหมือนเริ่มตั้งสติได้ “อรก็ไม่ทราบเหมือนกัน คนเราเดาใจกันยาก”
“แต่คุณอรกับคุณนนท์ รู้จักสนิทสนมกันมาตั้งแต่เด็ก น่าจะรู้ใจ รู้นิสัยกันนะคะ”
“อยู่ใกล้กันเกินไป ก็อาจจะเห็นไม่ชัด รู้ไม่หมด ก็ได้”
ตรีอัปสรพูดเสียงอ่อนโยน “คุณอรก้อ พูดเหมือนไม่ได้เป็นแฟนกันอย่างนั้นแหละ”
อรสินีมองมาเหมือนจะพูดอะไร ตรีอัปสรรอฟัง แต่ยังไม่ทันพูดอะไร ติ๊น่าก็เดินเข้ามา
“เอ้า น้องตรี มาแล้วเหรอ ไปเปลี่ยนชุดเลยค่ะ ฉาก 57 ตอน 15 น่ะ”
“ค่ะ”
ตรีอัปสรขยับลุกขึ้นเดินไป อรสินีมองตามก้มลงดูมือตัวเองที่กำบทขยำจนยับแล้วค่อยๆคลายมือออก
ต่อมาตรีอัปสรนั่งพับเพียบอยู่กับพื้นสนามหญ้า อรสินีซึ่งนั่งอยู่ที่เก้าอี้สนามลุกขึ้นยืนมองอย่างแค้นใจ อรสินีปราดเข้าไปจิกผมของตรีอัปสรแล้วดึงขึ้นมา ตรีอัปสรร้องด้วยความเจ็บปวด
“โอย...คุณทัก ปล่อยค่ะ ปล่อย พัชเจ็บค่ะ”
“แกเจ็บ ก็ยังไม่เท่ากับที่ชั้นเจ็บ”
อรสินีกระชากผมตรีอัปสรโยกไปมา ปากก็พูดไปด้วย
“รู้ไว้ด้วยนะ นังพัชราพร ว่าชั้นเจ็บกว่าแกมากนัก”
ร่างตรีอัปสรติดตามแรงกระชากของอรสินีไป ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด อรสินีตบตรีอัปสรจนคว่ำลงไป
“แกรู้อยู่เต็มอก ว่าชั้นรักคุณฤทธิ์ รักมากกว่าแกร้อยเท่าพันเท่า แต่แกก็ยังกล้าแย่งเค้าไปจากชั้น มารยาสาไถย ออดอ้อนจนเค้าหลงกลแก แกนี่มันแลวจริงๆ นังแพศยา นังกากี”
อรสินีถลันเข้าไปกระชากตรีอัปสร ลงไปคร่อมตบตี เขย่าตัวตรีอัปสรอย่างเมามัน ตรีอัปสรได้แต่ร้องโอดโอยปัดป้องไป
อรสินีด่าไป ตบตีทำร้ายตรีอัปสรไป “แกตายซะเถอะ แกอย่าอยู่เป็นเสี้ยนหนามความรักชั้นเลย.....ตายซะเถอะ นังพัช นังชั่วร้าย คืนคุณฤทธิ์ของชั้นมา คืนมาให้ชั้น เอาคุณฤทธิ์ของชั้นคืนมา เอาคืนมา”
มีน ผู้กำกับสั่ง “คัท”
แต่อรสินีไม่ได้ยิน ยังเล่นต่อ ที่หน้ามอนิเตอร์ ผู้กำกับนั่งอยู่กับติ๊นา อาจารย์ดรีมและทีมงาน
ผู้กำกับสั่งอีก “คัท...คัท”
อรสินีก็ยังเล่นต่อ จับมือตรีอัปสรทั้งสองข้างกระชากเขย่าไปมา ทุกคนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก อ.ดรีมลุกขึ้นไปหาตะโกนลั่น
“คัทแล้ว...คัท...คัท”
อรสินีรู้สึกตัวหยุดเล่น ขยับลุกขึ้น ตัวสั่นไปหมด วรัญญากับกัลยาณีขยับเข้ามาหา ทีมงานเข้าไปช่วยพยุงตรีอัปสรขึ้นมา
“อร...เป็นไงมั่ง” อ.ดรีมถาม
“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่เป็นไร” พลางหันไปทางตรีอัปสร “ตรี เจ็บรึเปล่า”
“นิดหน่อยค่ะ”
อ.ดรีมสอน “มีอินเนอร์เต็มๆ แบบนี้น่ะดีแล้ว แต่ถ้าผู้กำกับสั่งคัท เราต้องถอยออกมาให้ได้นะ...อย่าอินจนดึงตัวเองออกมาไม่ได้...เข้าใจไม๊”
“เข้าใจค่ะ ขอโทษนะคะ”
“ไม่เป็นไร”
อรสินียิ้มแห้งๆ รู้สึกผิด แล้วเดินแยกไป วรัญญากับกัลยาณีมองตามไป ทำท่าจะขยับตาม แต่ถูกติ๊นาเรียกไว้
“รัญกับณี เข้าฉากต่อเลยจ้ะ”
ทั้งวรัญญาและกัลยาณีหันมามอง รับคำว่า “ค่ะ”
ส่วนตรีอัปสรค่อยๆ ยิ้มอย่างสะใจออกมา ก่อนจะเดินตามไป
อรสินียืนเอาน้ำล้างหน้าอย่างแรง ก่อนจะขยับตัวขึ้น มือยังสั่นอยู่ จู่ๆ มีผ้าขนหนูยื่นเข้ามาให้ อรสินีหันไปมองเห็นตรีอัปสรเป็นคนยื่นผ้าให้ พยายามฝืนยิ้ม
“ไม่เป็นไร อรมีแล้ว ขอบใจ”
อรสินีหยิบผ้าขนหนูหรือผ้าเช็ดหน้าที่พาดไว้แถวนั้นมาเช็ดหน้า ตรีอัปสรยิ้มสะใจอีกครั้ง ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าเป็นชื่นชมเล็กๆ
“วันนี้คุณอรแสดงดีมากเลยค่ะ ส่งอารมณ์ให้ตรี จนตรีก็พลอยเล่นดีไปด้วย”
“ขอบใจนะ”
“นี่เป็นครั้งแรกเลยนะคะ ที่ตรีรู้สึกว่า คุณอรดูเป็นมนุษย์ปุถุชน ไม่ใช่คุณหนูน้ำแข็ง แบบที่รัญเรียก คนเรา ถ้าโกรธก็ต้องอาละวาด เสียใจก็ต้องร้องไห้ ฟูมฟาย รักมากก็ต้องหึงหวง ผิดหวังก็ต้องเสียใจ แพ้ก็ต้องยอมรับความพ่ายแพ้”
อรสินียิ้มเยือกเย็น “อรก็เป็นคนธรรมดา มีเลือดมีเนื้อเหมือนคนทั่วๆไป มีความรู้สึก ไม่ได้เป็นคุณหนูน้ำแข็งอะไรเลย เพียงแต่อรคิดว่า มนุษย์ควรจะมีศิลปะในการแสดงอารมณ์ ความรู้สึก มากกว่าสัตว์ประเภทอื่น ไม่ใช่เสแสร้งแต่ต้องรู้จักระงับอารมณ์ มีสติรู้คิด ไม่ใช่ตกเป็นทาสอารมณ์ ทำตามอารมณ์ ตามความต้องการของตัวเอง โดยไม่สนใจคนอื่น...เหมือนคนไม่รู้จักผิด ชอบ ชั่ว ดี”
อรสินียิ้มให้ตรีอัปสร เป็นยิ้มของความเมตตา ปราณี ยิ้มให้คนที่ต่ำต้อยด้อยกว่า ก่อนจะเดินไป ตรีอัปสรเปลี่ยนสีหน้าเป็นแค้นจัด
“นังอรสินี แพ้ชั้น แล้วยังทำปากดีอีก”
กัลยาณีเดินเข้ามามองวรัญญาซึ่งกำลังเช็ดถูทำความสะอาดบ้านอยู่
“คุณฤทธิ์ไม่อยู่เหรอ”
“ไม่อยู่ค่ะ เอ๊ะ แล้วคุณฤทธิ์ไม่ได้อยู่ที่ออฟฟิศเหรอคะ”
กัลยาณีพูดเหมือนท่องและเล่นแข็งมาก “โอย...ถ้าอยู่แล้วชั้นจะมาที่นี่ทำไม”
เสียงผู้กำกำสั่ง “คัท...คัท”
วรัญญากับกัลยาณีหันไปมอง ผู้กำกับซึ่งยืนคุยกับอ.ดรีม อยู่หน้ามอนิเตอร์ อ.ดรีมเดินเข้ามากับป้าติ๊
“หนูณี เล่นละครมาจนจะปิดกล้องอยู่แล้ว ทำไมยังเล่นแข็งกระโดกกระเดกอย่างนี้ล่ะ 7-8 เทคแล้วนะ”
อ.ดรีมพยายามช่วย “เวลาพูดบทก็อย่าให้เหมือนท่องบทซิ พยายามให้เป็นภาษาพูด ไม่ใช่อ่าน”
กัลยาณีรับ “ค่ะ”
“วันนี้ยังต้องถ่ายอีกหลายฉากนะจ๊ะ”
อ.ดรีม บอก “พักก่อนดีไม๊ เอาฉากอื่นมาถ่ายก่อนดีกว่า....คุณติ๊น่า”
ติ๊น่าพยักหน้า “ก็ได้ค่ะ”
จากนั้นติ๊น่าเดินแยกไป อ.ดรีมมองกัลยาณีอย่างให้กำลังใจก่อนจะเดินไป วรัญญามองกัลยาณีอย่างเห็นใจ แต่กัลยาณีทำท่าเซ็งๆ เบื่อๆ
“สงสัยชั้นจะไม่รุ่งกับอาชีพนี้ซะแล้ว”
“ก็พยายามหน่อยซิ”
“นี่ก็พยายามจนสุดแล้ว อาชีพนี้คงไม่เหมาะกับชั้น”
วรัญญาเย้า “แล้วจะไปทำอะไร...ประกวดนางงามก็ไม่ไหวแล้วนะ”
กัลยาณียิ้มมีเลศนัย “ชั้นก็มีทางไปของชั้น งานสบาย ไม่ต้องตื่นเช้า ออกกองถ่าย ให้ผู้กำกับสับโขกแบบนี้”
“งานอะไร...อย่าบอกนะว่าจะทำแบบยายหนูดี”
กัลยาณีไม่ตอบแต่ยิ้มให้ ก่อนจะเดินไป วรัญญามองตามอย่างสงสัย
ภารดีเดินนวยนาดสวยงามเซ็กซี่มาตามทาง พนักงานมองแล้วหลบให้ ภารดีเดินหน้าเชิดผ่านไปวางท่าคุณผู้หญิงไทยเท็น กลุ่มพนักงานซุบซิบกัน ภารดีเดินมาหยุดยืนหน้าห้องคุณดิษฐ์หันมามองว่ามีใครดูอยู่รึเปล่า เห็นพนักงานซึ่งแอบดูอยู่ต่างพากันหลบวูบ
ภารดีอมยิ้มอย่างพึงพอใจก่อนจะเปิดประตูเข้าไป
คุณดิษฐ์ซึ่งนั่งทำงานอยู่เงยหน้าขึ้นมอง ด้วยแววตาแปลกใจแกมตำหนิ แล้วพูดด้วยเสียงห่างเหินถือตัว
“คุณควรจะเคาะประตูก่อนเข้ามานะ ภารดี”
ภารดีอ้อล้อ “หนูดีขอโทษค่ะ คือหนูดีรีบ ก็เลยลืม แล้วเลขาฯหน้าห้องคุณดิษฐ์ก็ไม่ทราบหายไปไหน”
“มีธุระอะไร” คุณดิษฐ์ถามสวนออกมา
ภารดีเดินเข้ามานั่ง “ไม่ใช่ธุระของหนูดีหรอกค่ะ แต่หนูดีเห็นว่าเป็นเรื่องของคุณมุก ก็เลยคิดว่าคุณดิษฐ์น่าจะรู้ไว้”
“เรื่องอะไร”
“เมื่อวานหนูดีเห็นคุณมุกเอาปืนไปที่กองถ่าย”
คุณดิษฐ์ตกใจ “อะไรนะ”
“จริงๆนะคะ แล้วคุณนนท์ก็เข้าไปแย่งปืนมา”
“ขอบใจ ที่มาบอก”
ภารดียิ้ม “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ถ้าหนูดีช่วยอะไรได้ หนูดีก็เต็มใจค่ะ”
คุณดิษฐ์พยักหน้าให้ แล้วก้มหน้าอ่านงานตรงหน้าต่อ ภารดีมองคุณดิษฐ์แล้วขยับตัวลุกขึ้น ชะโงกไปใกล้ๆ
“คุณดิษฐ์ไม่ต้องห่วงนะคะ หนูดีจะไม่เอาเรื่องคุณมุกไปบอกใครเด็ดขาดโดยเฉพาะนักข่าว”
คุณดิษฐ์เงยหน้าขึ้นมอง “เธอต้องการอะไร”
ภารดียิ้มหวาน “คุณดิษฐ์ได้อ่านข่าวบ้างรึเปล่าคะ เค้าลงกันทั่ว ว่าหนูดีมีอะไรกับคุณดิษฐ์”
“ผมไม่สนใจ”
“อือม์ ไหนๆ ก็เป็นข่าวแล้ว ถ้าคุณดิษฐ์ต้องการ หนูดีก็ยินดีนะคะ...ไม่รังเกียจ”
คุณดิษฐ์สวนออกมาทันที “แต่ผมรังเกียจ”
ภารดีชะงักกึก ไม่คิดว่าคุณดิษฐ์จะพูดแรงขนาดนี้
“คุณดิษฐ์”
“คุณกับผม มันคนละรุ่น คนละเรื่องกัน อย่าพยายามลากผมเข้าไปอยู่ในเกมของคุณ ถ้าคุณยังอยากเล่นละครต่อจนจบ ก็กลับไปกองถ่ายซะ แต่ถ้าอยากเลิกเล่น ผมก็พร้อมจะฉีกสัญญา กลับไปคิดดูให้ดี...เชิญ”
ภารดีมองคุณดิษฐ์อย่างคั่งแค้นใจ ลุกขึ้นยืน เสียงดังใส่
“คุณดิษฐ์พูดแบบนี้กับหนูดีได้ยังไงคะ เกิดเรื่องราวเสียหายกับหนูดี คุณดิษฐ์ต้องรับผิดชอบ”
“ผมยินดีรับผิดชอบถ้าผมทำ แต่ลูกไม้ตื้นๆ แบบนี้ ผมให้คุณขนาดนี้ ก็ถือว่าผมเมตตาแล้ว ออกไป...ผมจะทำงาน
ภารดีเห็นท่าทางเอาจริงของคุณดิษฐ์ก็ขยับลุกขึ้น เดินไป 2-3 ก้าว ก็หยุดเดิน หันมามอง ขู่อีก
“คุณคงไม่อยากให้ข่าวลูกสาวคุณคิดจะฆ่านางเอกหลุดออกไปใช่ไม๊คะถ้ารู้ถึงหูนักข่าว อะไรจะเกิดขึ้นคะ”
คุณดิษฐ์ยิ้มอย่างใจเย็น “เรตติ้งละครของช่องไทยเท็น ก็คงจะพุ่งแบบถล่มทลาย เป็นแผนโปรโมทละครที่น่าสนใจมาก ภารดี ขอบใจนะ คราวนี้คุณต้องออกไปจากห้องผมจริงๆแล้ว”
คุณดิษฐ์พูดด้วยเสียงเด็ดขาด ภารดีแค้นใจที่ไม่สามารถขู่คุณดิษฐ์ได้เลย เดินหุนหันออกไปอย่างโกรธจัด คุณดิษฐ์มองตามด้วยแววตาเฉยชาเลือดเย็น
ชญานนท์เดินเข้ามาในกองถ่ายละคร เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูแล้วรีบรับ
“ครับ...พ่อ”
คุณดิษฐ์อยู่ในห้องทำงานที่ไทยเทน “นนท์อยู่ไหน”
“อยู่กองถ่ายครับ พ่อมีอะไรรึเปล่าครับ”
“ตามยายมุกกลับไปเจอพ่อที่บ้าน เย็นนี้ด้วย”
“มีอะไรรึเปล่าครับ”
“มี...แค่นี้นะ”
เสียงตัดสายโทรศัพท์จากฝ่ายคุณดิษฐ์ ชญานนท์ขมวดคิ้ว ค่อนข้างเครียด มองไปเห็นอรสินีเดินออกมากับตรีอัปสร สีหน้าอรสินีนิ่งเฉยเมื่อเห็นชญานนท์ ในขณะที่ตรีอัปสรมองชญานนท์อย่างเป็นห่วง
“คุณนนท์...ยังปวดท้องอยู่อีกไม๊คะ”
ชญานนท์มองไปทางหญิงคนรัก แต่อรสิหน้าสงบนิ่งจนจับความรู้สึกไม่ได้
“ไม่ปวดแล้วครับ”
“โล่งอกไป ตรีเพิ่งเล่าให้คุณอรฟังค่ะ ว่าคุณนนท์ปวดท้องจนขับรถกลับกรุงเทพฯไม่ไหว”
“อรไปเปลี่ยนชุดก่อนนะคะ ยังมีถ่ายอีกฉากนึง”
อรสินีเดินแยกไป ตรีอัปสรมองตามไปอย่างสะใจ ก่อนจะหันมาตีหน้ากังวล
“ท่าทางคุณอรจะโกรธตรีนะคะ หรือว่าจะหึงตรีกับคุณ”
“เหมือนที่คุณคิดว่าผมหึงนายนะ ใช่ไม๊”
ตรีอัปสรหัวเราะเบาๆ “คุณเป็นผู้ชายคนแรกที่ตรีจับไม่ได้ไล่ไม่ทันจริงๆ”
ชญานนท์ยิ้มนิดๆ เสียงข้อความไลน์ดังขึ้น ตรีอัปสรหยิบมือถือขึ้นมาดู ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองชญานนท์อย่างท้าทาย
“คุณนะไลน์มาขอพบตรี ตรีจะไปหา ไปบอกคุณนะเหมือนที่ตรีบอกคุณนนท์ว่าตรีรู้สึกยังไงกับเค้า”
“ดีครับ บอกให้ชัดเจน อย่าให้นายนะเข้าใจผิด มโนไปผิดนะครับ”
ตรีอัปสรยิ้ม “ค่ะ”
ตรีอัปสรเอื้อมมือไปจับมือชญานนท์ มองด้วยแววตาหวานหยด
“พรุ่งนี้เจอกันนะคะ”
ชญานนท์ยิ้ม “ครับ”
จังหวะนี้ มีกล้องถ่ายรูปคู่ตรีอัปสรกับชญานนท์ ไว้ได้ 2-3 ภาพ ก่อนที่ตรีอัปสรจะเดินจากไป
ชญานนท์ไม่ยอมหันไปมอง ถอนหายใจเบาๆ ออกมา
อ่านต่อหน้า 2
ปีกมงกุฎ ตอนที่ 17 (ต่อ)
อรสินีเดินเข้ามาหยุดยืนนิ่ง พยายามระงับอารมณ์ เก็บความรู้สึกโกรธ เสียใจ และเจ็บช้ำ ซ้อนภาพเหตุการณ์ตอนที่อรสินีคุยกับตรีอัปสรเรื่องการระงับอารมณ์ ผุดซ้อนเข้ามาในห้วงคิด
ตอนนั้นอรสินียิ้มเยือกเย็น “อรก็เป็นคนธรรมดา มีเลือดมีเนื้อเหมือนคนทั่วๆไป มีความรู้สึก ไม่ได้เป็นคุณหนูน้ำแข็งอะไรเลย เพียงแต่อรคิดว่า มนุษย์ควรจะมีศิลปะในการแสดงอารมณ์ ความรู้สึก มากกว่าสัตว์ประเภทอื่น ไม่ใช่เสแสร้งแต่ต้องรู้จักระงับอารมณ์ มีสติรู้คิด ไม่ใช่ตกเป็นทาสอารมณ์ ทำตามอารมณ์ ตามความต้องการของตัวเอง โดยไม่สนใจคนอื่น...เหมือนคนไม่รู้จักผิด ชอบ ชั่ว ดี”
อรสินียิ้มให้ตรีอัปสร เป็นยิ้มของความเมตตา ปราณี ยิ้มให้คนที่ต่ำต้อยด้อยกว่า ก่อนจะเดินไป
อรสินีดึงตัวเองกลับออกมา น้ำตาหยดรินออกมาแต่ไม่มีเสียงสะอื้น แววตาปวดร้าวชอกช้ำเหลือแสน มีทีมงานเดินผ่านมาทางด้านหลัง อรสินีเสทำเป็นเปิดบทในมือ และเปิดไปหน้าสุดท้าย ก้มลงอ่าน เป็นตอนจบของเรื่อง ที่เขียนคำว่า “อวสาน” ตรงบรรทัดล่างของบท
น้ำตาอรสินีหยดรินรดลงที่คำว่า “อวสาน” พอดิบพอดี
คุณดิษฐ์กลับจากออฟฟิศนั่งหน้าเครียดอยู่ในห้องรับแขกที่บ้าน ซักครู่หนึ่ง มุกตาภาเดินเข้ามาคนเดียว มุกตาภาชะงักเมื่อเห็นคุณดิษฐ์นั่งขรึมอยู่ ยิ่งนึกถึงเรื่องที่เพิ่งจะทะเลาะกับพ่อไปหยกๆ ก็ใจเสีย มุกตาภาขยับจะเดินเลี่ยงไป คุณดิษฐ์เงยหน้าขึ้นมามองเรียกไว้
“มุกตาภา”
มุกตาภาหันไปมอง “มุกเหนื่อยค่ะ อยากพัก ถ้าคุณพ่อจะว่าอะไรมุกอีก เอาไว้ก่อนแล้วกันนะคะ”
“แกไปทำอะไรมาล่ะ ถึงได้เหนื่อย เอาปืนไปเที่ยวไล่ยิงคนอื่นนี่ มันเหนื่อยมากใช่ไม๊”
มุกตาภาตกใจ ไม่คิดว่าดิษฐ์จะรู้เรื่อง แล้วเปลี่ยนเป็นโกรธทันที
“พี่นนท์มาฟ้องคุณพ่อเหรอคะ”
“แกนึกว่ามีพี่ชายแกคนเดียวที่รู้ความเลวร้ายของแกรึไง”
“แล้วมันเป็นใครคะ ที่มาฟ้องคุณพ่อ...หรือว่า...” มุกตาภาทำหน้าเยาะเย้ยดูถูกพ่อสุดฤทธิ์ขณะพูดคำนี้ “นังภารดีเมียเก็บของคุณพ่อ”
คุณดิษฐ์โกรธจัดจนลืมตัว ลุกขึ้นตบหน้ามุกตาภาเต็มแรง มุกตาภาตกใจมากเพราะไม่คิดว่าพ่อจะทำกับตัวเองขนาดนี้
“คุณพ่อ”
“ชั้นเสียใจจริงๆ ไม่เคยคิดว่าแกจะเลวได้ขนาดนี้ ไม่ยอมรับผิด ไม่เคยรู้ตัวว่าผิด ใครบอกชั้นมันก็ไม่สำคัญเท่า เรื่องที่เกิดขึ้นมันเป็นความจริงรึเปล่า ชั้นไม่รู้ว่าแกไปได้เลือดชั่ว เลือดเลวมาจากไหนผิดครั้งแรกยังไม่จาง นี่มาผิดซ้ำสอง โชคดีเท่าไหร่แล้วที่พี่ชายแกตามไปทัน ไม่อย่างนั้นล่ะก้อ ชั้นนึกไม่ออกจริงๆ ว่าเรื่องมันจะจบยังไง” คุณดิษฐ์ด่าทอตอว่าลูกสาวอย่างรุนแรง
“เรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นเพราะนังตรีอัปสรคนเดียว...ถ้ามันไม่มายุ่งเกี่ยว ยั่วยวนคุณนะ มุกก็ไม่ยุ่งกับมันหรอกค่ะ”
“แต่แกก็ไม่มีสิทธิ์จะไปทำร้ายเค้า เอาปืนไปยิงเค้า” คุณดิษฐ์พูดแทบเป็นตวาด
“คุณพ่อรู้ไม๊คะ ว่าคุณนะจะถอนหมั้นกับมุก มันสมควรที่มุกจะฆ่ามันไม๊คะ”
คุณดิษฐ์มองอย่างสมเพช “จนขนาดนี้แล้ว แกยังคิดไม่ได้อีกเหรอ นายนะถอนหมั้นกับแก ยังไงมันก็ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย อย่างดีแกก็เสียใจ ผิดหวัง แต่ไม่ติดคุก ติดตะราง หมดอนาคต”
มุกตาภามองพ่ออย่างเจ็บช้ำ “ถ้ามุกเปลี่ยนจากเอาปืนไปยิงนังตรี มายิงตัวตาย พ่อคงจะสบายใจกว่าใช่ไม๊คะ”
คุณดิษฐ์นึกไม่ถึง โกรธถึงขีดสุด “มุกตาภา”
“นี่ถ้านังภารดีมันรู้ว่า เรื่องที่มันคาบมาฟ้องคุณพ่อทำให้ครอบครัวเราแตกแยกขนาดนี้ มันคงดีใจนะคะ จะเอามันเข้ามาอยู่ที่นี่เมื่อไหร่ล่ะคะ”
คุณดิษฐ์โกรธจัดตบหน้ามุกตาภาอีกครั้งด้วยความจ็บใจที่ลูกสาวไม่สำนึก มุกตาภาหันมามองคุณด้วยความแค้นใจ พ่อลูกปะทะสายตากันอย่างแรง
“ไปให้พ้นหน้าชั้น แล้วอย่ายุ่งกับไทยเท็นอีก จนกว่าแกจะสำนึกได้”
“ไม่ตัดขาดพ่อลูกกันซะเลยล่ะ”
มุกตาภาตะโกนใส่มองคุณดิษฐ์อย่างโกรธขึ้ง แล้ววิ่งออกจากบ้านไป
คุณดิษฐ์ทรุดตัวลงอย่างผิดหวัง และเสียใจ
รถของชญานนท์แล่นเข้ามาจอดในบ้านพอดี เขาเห็นมุกตาภาวิ่งออกมาจากในบ้าน มุกตาภาเห็นรถชญานนท์มา ก็วิ่งหนีออกไป ชญานนท์ลงจากรถวิ่งตามน้องไป
“มุก...ยายมุก”
ชญานนท์วิ่งไปจับตัวน้องไว้ได้ มุกตาภาแก้มแดงตามรอยมือพ่อที่ตบ ดิ้นหนีจากการจับของพี่ชาย
“ปล่อยมุก...ปล่อย...ปล่อย”
มุกตาภาขวัญเสียสุดขีดดิ้นรนสุดแรงเกิด แต่ชญานนท์จับตัวไว้ดึงเข้ามากอด
“มุก...มุก...ไม่เอาน่ะ นี่พี่นนท์...พี่นนท์ของมุกนะ”
มุกตาภายังดิ้นอยู่ แต่ชญานนท์กอดน้องสาวแน่นถ่ายทอดความรักความอบอุ่นให้ จนมุกตาภาค่อยๆ อ่อนลง เมื่อได้ยินเสียงอ่อนโยนของชญานนท์ มุกตาภาซบกับไหล่พี่ชาย ร้องไห้สะอึกสะอื้น ชญานนท์กอดน้องไว้ ลูบผมอย่างปลอบโยน
ตรีอัปสรเดินมาดมั่นมาในบรรยากาศสวยงามยามเย็น เดินไปจนถึงที่ณเดชย์นั่งอยู่ ตรีอัปสรหยุดยืนมอง นึกถึงคำพูดณเดชย์ที่พูดทีเล่นทีจริงว่า ไม่สามารถยุ่งกับผู้หญิงของพ่อได้ ตรีอัปสรดึงตัวเองออกมา ในจังหวะที่ณเดชย์หันมามอง และพอเห็นตรีอัปสรก็ดีใจ ถลาเข้าไปกอดตรีอัปสรแน่น
“ตรี...เมื่อคืนหายไปไหนมาคะ มีธุระอะไรด่วน ผมเป็นห่วงรู้มั้ย”
ตรีอัปสรดันตัวเองออก “ตรีติดธุระน่ะค่ะ ธุระสำคัญ ก็เลยไม่ได้กลับกรุงเทพฯ”
“แต่กองถ่ายละครกลับมากันหมด ตรีอยู่กับใครคะ ธุระสำคัญอะไร”
ตรีอัปสรถูกซักไซ้ไล่เรียงเลยชักเซ็ง “นัดตรีมาหาเพื่อจะถามเรื่องนี้เหรอคะ”
ณเดชย์ดึงเข้ามากอดอีก “เปล่าค่ะ ผมมีเรื่องสำคัญจะบอกตรี”
ตรีอัปสรมองณเดชย์ตอบ “ตรีก็มีเรื่องสำคัญจะบอกคุณนะเหมือนกัน”
“เรื่องอะไรคะ”
“คุณนะ บอกเรื่องของคุณนะก่อนซิคะ”
ณเดชย์ยิ้มให้ แล้วจูงตรีอัปสรไปนั่งเคียงกันตรงม้านั่ง
มุกตาภาทรุดตัวลงนั่ง โดยมีชญานนท์ประคองให้นั่ง แล้วทรุดตัวลงนั่งตรงข้ามน้อง มุกตาภาร้องไห้สะอื้น
“คุณพ่อรู้ว่ามุกเอาปืนไปกองถ่าย”
ชญานนท์ตกใจเล็กๆ “ใครบอกคุณพ่อ”
“ถ้าไม่ใช่พี่นนท์ก็ต้องเป็นนังภารดีแน่ๆ ค่ะ มันอยู่ในกองถ่าย มีคนโทร.บอกมุก ว่าวันนี้มันไปหาคุณพ่อที่สถานี”
ชญานนท์ถอนหายใจ “จบเถอะมุก ให้เรื่องมันจบๆ ไปเถอะ”
“คุณพ่อตบมุก ทั้งๆที่เมื่อก่อนคุณพ่อไม่เคยตีมุกเลยซักแปะ มุกกับคุณพ่อ ขาดกันแล้วค่ะ พี่นนท์”
ชญานนท์ได้แต่ปลอบ “ไม่เอาน่ามุก อย่าให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล”
มุกตาภาส่ายหน้า “ไม่ค่ะ...เราขาดกันแล้วจริงๆ คุณพ่อไม่รักมุกแล้ว คุณพ่อตบหน้ามุก ไล่มุกออกจากบ้าน”
มุกตาภาร้องไห้โฮ ชญานนท์ดึงน้องเข้ามากอดปลอบ
“คุณพ่อกำลังโกรธ เดี๋ยวพอหายโกรธก็ไม่มีอะไรหรอก”
มุกตาภาละตัวออก มีสีหน้าเด็ดขาด เข้มแข็ง เช็ดน้ำตาแล้วลุกขึ้น
“ให้มันถึงตอนนั้นก่อนแล้วกันค่ะ....พี่นนท์”
มุกตาภาขยับจะเดินไป
“จะไปไหน”
มุกตาภาไม่ตอบ แต่เดินออกไป ชญานนท์มองตามอย่างเป็นกังวล
ฝ่ายณเดชย์นั่งคู่กับตรีอัปสร เหมือนกำลังครุ่นคิดและดื่มด่ำกับความสวยงามของบรรยากาศรแบตัว จนซักครู่หนึ่ง ณเดชย์หันมามองตรีอัปสร ซึ่งนั่งเงียบมาโดยตลอด
“ตรี...ตรีไม่ดีใจเหรอคะ ผมจะเป็นอิสระแล้วนะ”
“คุณนะคะ...ตรีไม่อยากให้คุณนะ ถอนหมั้นนะคะ”
“ทำไมล่ะ...ตรีไม่อยากแต่งงานกับผมเหรอ ตรีไม่รักผมเหรอ”
“ตรีจะรู้สึกยังไง มันก็ไม่สำคัญเท่าความถูกต้องหรอกนะคะ”
ณเดชย์มองตรีอัปสรอย่างพิจารณา พยายามค้นหาความจริง
“ตรีมีคนอื่นเหรอ...ใครกัน”
ตรีอัปสรส่ายหน้า “ตรีไม่คู่ควรกับคุณนะหรอกค่ะ....ตรีไม่อยากทำให้คุณนะผิดหวัง”
ณเดชย์งุนงง ท่าทีสับสน “ผมจะผิดหวังที่สุดถ้าตรีปฏิเสธผมมากกว่า ผมพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้เราได้อยู่ด้วยกัน”
“ตรีเข้าใจค่ะ แต่ตรีทำร้ายคุณนะไม่ได้ ตรีพยายามจะไม่คิดถึงมัน แต่ตรี...ตรีทำไม่ได้จริงๆ”
ตรีอัปสรร้องไห้ออกมาอย่างอัดอั้นตันอุรา ณเดชย์ตกใจเมื่อเห็นท่าทางของตรี ขยับเข้าไปปลอบ
“เรื่องอะไรค่ะ ตรี...เล่าให้ผมฟังซิค่ะ ใครทำอะไรตรี”
ตรีอัปสรมองณเดชย์ด้วยแววตาอดสู ละอายแก่ใจ สำนึกผิด ก่อนจะตัดสินใจเล่า
“คุณนะเคยถามตรีว่าตรีไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องเงิน 10 ล้าน ที่คุณลุงโอนให้แม่ใช่มั้ย”
ณเดชย์แปลกใจที่ตรีอัปสรพูดเรื่องนี้ขึ้นมา “ใช่ค่ะ แล้วตรีก็บอกว่าเป็นเรื่องของคุณพ่อกับคุณน้า ทำไมเหรอคะ”
“จริงๆ แล้วเงิน 10 ล้านนั่น เป็นเงินค่าตัวของตรี ที่คุณลุงโอนให้แม่ค่ะ”
ณเดชย์ตกใจมาก “อะไรนะ”
ตรีอัปสรตอกฝาโลงต่อทันที
“คุณนะเคยบอกตรีว่า คุณไม่สามารถยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงของพ่อได้”
ณเดชย์ตกตะลึงกับเรื่องที่ได้ยิน ตรีอัปสรทำท่ารู้สึกผิด สำนึกผิด
“ตอนแรก ตรีตั้งใจจะเก็บเป็นความลับ เพราะตรีไม่คิดว่าคุณนะจะถอนหมั้น...แต่เมื่อเรื่องมันเป็นแบบนี้ ตรีก็จำเป็นต้องพูด”
“คุณทำได้ยังไง คุณทำกับผมแบบนั้นได้ยังไงตรี คุณก็รู้ว่าผมรักคุณมากแค่ไหน คุณไปยุ่งกับพ่อผมทำไม”
ณเดชย์ออกอาการคลุ้มคลั่ง ผิดหวังรุนแรง เขาแผดเสียงถามในประโยคสุดท้าย พร้อมกับจับตัวตรีอัปสรเขย่า
ตรีอัปสรร้องไห้คร่ำครวญ เสียใจ
“ตรีไม่อยากทำ ตรีไม่อยากทรยศคุณเลยนะคะ แต่ตรีจำเป็นต้องทำ คุณลุงมีข้อเสนอที่ตรี ตรีต้องยอมรับ”
ตรีอัปสรร้องไห้คร่ำครวญมองณเดชย์อย่างเว้าวอน ร้องขอความเห็นใจ
“ถ้าตรีไม่ยอมคุณลุง ตรีก็ไม่ได้เป็น นางสาว ณ สยาม คุณลุงจะเอาร้านเสื้อคืน จะทอดทิ้งแม่ ตรีไม่รู้จะทำยังไง”
ณเดชย์ผิดหวังอย่างรุนแรง พูดออกมาด้วยความเจ็บช้ำ “คุณก็เลยเอาตัวเองเข้าแลก ผมไม่อยากจะเชื่อเลย ว่าคุณยอมนอนกับผู้ชายของแม่คุณ แล้วก็เป็นพ่อของคนที่รักคุณที่สุด”
ณเดชย์ปล่อยตัวตรีอัปสรเหมือนรังเกียจสุดจะประมาณ ก่อนจะลุกขึ้น หันหน้าหนีไปทางอื่น ตรีอัปสรลอบมอง ยิ้มกระหยิ่มที่แผนการตัวเองสำเร็จ ก่อนที่จะบีบน้ำตาร้องไห้
“ตรีรู้ค่ะ ว่าตรีมันน่ารังเกียจแค่ไหน ตรีขอโทษที่ทำให้คุณเสียใจ ตรีเองก็เสียใจไม่ต่างจากคุณ แต่ถึงยังไง เราก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้ใช่ไม๊คะ”
ณเดชย์ประชด “เพื่อนที่ดีต่อกันเหรอ คงไม่ได้หรอก ตรีอัปสร.คุณไม่ได้ดีต่อผม แล้วจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้ยังไง”
ตรีอัปสรเดินเข้าไปหาใกล้ๆ เอื้อมมือไปจะแตะตัวณเดชย์ แต่เขาขยับตัวออก
“อย่า...”
ตรีอัปสรชะงัก มือที่ยื่นไปตกลงข้างตัว ณเดชย์มองตรีอัปสรอย่างเจ็บช้ำ
“ลาก่อน....ตรีอัปสร”
ณเดชย์เดินผ่านตรีอัปสรไปเลย ตรีอัปสรยืนนิ่งมองตรงไปข้างหน้า ณเดชย์เดินน้ำตาไหลห่างออกไปเรื่อยๆ
ตรีอัปสรยืนนิ่ง มองตามแผ่นหลังของณเดชย์ไป ก่อนจะค่อยๆ คลี่ยิ้มออกมานิดๆ ทั้งๆ ที่น้ำตายังนองหน้าอยู่
อ่านต่อหน้า 3
ปีกมงกุฎ ตอนที่ 17 (ต่อ)
ตอนค่ำ คุณดิษฐ์นั่งนิ่งเช็คดูข่าวละครในโน้ตบุ๊คเบื้องหน้า ชญานนท์ซึ่งนั่งอยู่ตรงข้ามมองมา เห็นใบหน้าผู้เป็นบิดาสงบนิ่ง จึงตัดสินใจพูด
“พ่อครับ”
คุณดิษฐ์รู้ว่าลูกชายจะพูดเรื่องอะไรเฉไฉไปเรื่องละคร “กระแส เล่ห์ร้ายสายสวาท มาแรงจริงนะ นนท์”
“ครับ”
คุณดิษฐ์พูดยิ้ม “แรงพอๆ กับข่าวนนท์กับตรีอัปสร นี่ตกลงมันยังไงกันแน่ ห๊ะ รักหนูอร แต่ชอบตรีอัปสรรึเปล่า”
“เปล่าครับ”
“เป็นข่าวกับเค้าขนาดนี้...ยังบอกว่าเปล่าอีกเหรอ....แล้วไปไหนต่อไหนกับตรี จนเป็นข่าวทำไม” คุณดิษฐ์เขม้นมอง “หรือเป็นวิธีสร้างกระแส สร้างเรตติ้ง ในแบบของนนท์”
ชญานนท์ถอนหายใจ “ผมเองก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไม นักข่าวถึงได้รูป ได้ข่าวพวกนี้ไปลง”
“แต่มันก็เป็นประโยชน์กับไทยเท็นน่ะ พอมีข่าวผู้บริหารหนุ่มกับนางเอกละคร คนดูก็สนใจมาดูละครกันเยอะขึ้น ถึงจะมีเสียงบ่นว่า แซบน้อยไปหน่อย น่าจะมีฉากตบ ฉากด่ากันมากกว่านี้ นี่ถ้านนท์ไม่ตัดฉากตบออกไป พ่อว่าเรตติ้งทะลุ 20 นำหน้าทุกช่องแน่นอน”
“พ่อครับ...ผมขอคุยเรื่องยายมุกได้ไม๊ครับ”
คุณดิษฐ์เปลี่ยนสีหน้าเป็นนิ่งขรึม เมื่อได้ยิน เอื้อมมือปิดโน๊ตบุ๊คทันที
“พ่อเหนื่อยแล้ว อยากพัก เอาไว้ค่อยคุยกันวันหลัง”
คุณดิษฐ์ขยับลุกเดินหนีขึ้นบันไดไป ชญานนท์มองตามอย่างกลัดกลุ้ม ตระหนักว่ารอยร้าวระหว่างพ่อกับน้อง ยากจะประสาน
ขณะที่สลิลทิพย์นั่งทำงานอยู่ที่โซฟามุมรับแขกในบ้าน ดูและเลือกเรฟเฟอเร้นซ์แบบเสื้อผ้า เพื่อทำคอลเลคชั่นใหม่ อรสินีเดินเข้ามาพอดี สลิลทิพย์เงยหน้าขึ้นมอง
“อร...กลับมาแล้วเหรอลูก”
เพชรเดินตามหลังอรสินีมาด้วย เพชรยกมือไหว้
“สวัสดีครับ”
“สวัสดีจ้ะ เพชร สบายดีน่ะ พักนี้ไม่ค่อยเจอกันเลย แม่ก็ยุ๊ง ยุ่งอยู่ทานข้าวด้วยกันซิ...น่ะ”
เพชรยิ้มประจบ “ถ้าคุณแม่ไม่ชวน ผมก็จะขออนุญาตทานด้วยครับ”
สลิลทิพย์หัวเราะเอ็นดู “แหม อุตส่าห์มาส่งยายอรบ่อยๆ แล้วแม่จะใจร้ายกับเพชรได้ยังไงล่ะ”
สลิลทิพย์ยิ้มกับเพชร แล้วหันมาทางอรสินี เห็นหน้าลูกสาวจ๋อยๆ ก็แปลกใจ
“อร...ไม่สบายรึเปล่าลูก ทำไมหน้าซีดเชียว”
อรสินีฝืนยิ้ม “อรปวดหัวค่ะ”
“ไปล้างหน้า ล้างตา ทานข้าวแล้วก็ทานยานะลูก”
“ค่ะ”
เพชรมองมาอย่างเป็นห่วง “ไปหาหมอไม๊ครับ อร”
อรสินียิ้มให้ “ไม่เป็นไรค่ะ เพชรนั่งคุยกับคุณแม่ไปก่อนนะคะ เดี๋ยวอรมา”
“ครับ”
อรสินีเดินแยกขึ้นห้องไป เพชรหันมายิ้มกับสลิลทิพย์แล้วเดินไปนั่งด้วย
อรสินีเดินเข้ามาในห้อง ทรุดตัวลงนั่งอย่างหมดแรง ครุ่นคิดถึงหลายๆ เหตุการณ์ที่ผ่านมา ตั้งแต่ตอนถูกชญานนท์บอกรัก ตอนที่ตรีอัปสรบอกว่าอยู่กับชญานนท์และคอยดูแลทั้งคืน
อรสินีดึงตัวเองออกมาจากทุกเรื่องราว เช็ดน้ำตา แล้วสูดลมหายใจลึกๆ เรียกความเข้มแข็งให้กับตัวเอง
ค่ำเดียวกันนั้นตรีอัปสรเดินเข้ามาในบ้านอย่างร่าเริงมีความสุขล้น ดารินทร์เขม้นมองท่าทีลูกสาวอย่างหมั่นไส้
“หน้าตามีความสุขเหลือเกินนะ ยายตรี หายไปทั้งคืน แล้วก็กลับมากับคุณนนท์ ชั้นตกข่าวอะไรไปบ้างรึเปล่า”
ตรีอัปสรหัวเราะระรื่น อารมณ์ดี “ใช่ค่ะ หลายเรื่องเลย”
“แกไปทำเรื่องอะไรมาอีก”
“เรื่องดีน่ะ แม่ เรื่องเป็นมงคล แต่ตรีขอจัดการเรื่องคุณนะให้จบก่อน”
“เรื่องอะไร แล้วไปเกี่ยวอะไรกับคุณนะด้วย”
ตรีอัปสรยิ้มมีเลศนัยแต่ไม่ตอบ เดินเลยเข้าไปด้านใน ผ่านห้องอาหารออกไปตรงเทอเรสด้านหลัง หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดหาเบอร์
“ฮัลโหล สวัสดีค่ะ คุณมุก คุณมุกช่วยไปดูคุณนะด้วยนะคะ ตอนนี้คุณนะน่าจะต้องการคุณมุกนะคะ”
มุกตาภาซึ่งหน้าตายังบวมช้ำจากการร้องไห้เสียใจอย่างหนัก “แกรู้ได้ยังไง”
“เอาเป็นว่าชั้นรู้แล้วกัน คุณอย่ามาเสียเวลาหาเรื่องกับชั้นเลย ไปตามหาคุณนะให้เจอ แล้วดูแลเค้าให้ดีเถอะ แค่นี้นะ”
ตรีอัปสรวางสายลง ยิ้มเยาะนิดๆ อย่างสังเวช ก่อนจะหมุนตัวมา ต้องชะงักเมื่อเห็นดารินทร์ยืนจ้องอยู่และคาดว่าคงได้ยินที่หล่อนพูด
“แกกำลังพยายามจะทำอะไร ยายตรี”
“ตรีไปอาบน้ำก่อนนะคะ”
ตรีอัปสรเบี่ยงตัวหนีเข้าบ้านไป แล้วขึ้นห้องทันที
มุกตาภาครุ่นคิดหนัก ทั้งแปลกใจ ทั้งสับสน ขยับจะโทรศัพท์แต่มีสายเข้ามาก่อน
มุกตาภาพึมพำเพื่อเห็นชื่อคนโทร.มา “คุณหญิงแม่” แล้วรีบกดรับสาย “ฮัลโหล...สวัสดีค่ะคุณหญิงแม่”
เสียงคุณหญิงสุดสวาทลอดออกมา “มุก มุกอยู่ไหนลูก มุกมาหาแม่ได้ไม๊”
มุกตาภาแปลกใจในน้ำเสียง แต่ก็รีบรับคำ “ได้ค่ะ”
คุณหญิงสุดสวาทเดินเข้ามารับ ด้วยสีหน้าทุกข์ใจ มุกตาภาเดินเข้าบ้านมา
“หนูมุก ช่วยตานะด้วยลูก”
มุกตาภาตกใจ “มีอะไรเหรอคะ คุณหญิงแม่”
“แม่ไม่รู้ว่าเค้าไปเจออะไรมา...แต่...”
“คุณนะอยู่ที่ไหนคะ”
คุณหญิงมองไปอีกด้าน มุกตาภามองตามไป
ณเดชย์นั่งซึมเศร้าอยู่คนเดียว นึกถึงภาพเหตุการณ์ที่ตรีอัปสรบอกว่าตัวเองมีอะไรกับอัศวิน และเงิน10 ล้าน อัศวินก็โอนให้เป็นค่าตัว ณเดชย์ปิดหน้าร้องไห้ด้วยความเสียใจ ช้ำใจ มุกตาภาเดินเข้ามา มองเห็นสภาพณเดชย์ก็ร้องไห้ออกมาด้วยความสงสาร เดินมาแตะไหล่เขาเบาๆ เป็นเชิงปลอบ ณเดชย์หันมามอง พอเห็นมุกตาภาก็ดีใจเหมือนคนผู้เคว้งคว้างกำลังหาหลักยึด
“มุก”
ณเดชย์โผเข้ากอดมุกตาภาร้องไห้อย่างน่าเวทนา มุกตาภาลูบหลัง ลูบผม ถ่ายทอดความอบอุ่นและกำลังใจให้
“มุก...ผม...ผม...”
“ไม่เป็นไร...ไม่เป็นไรนะคะ...มุกอยู่นี่ค่ะ มุกจะอยู่เป็นเพื่อนคุณนะ”
มุกตาภาปลอบโยนอย่างให้กำลังใจ ณเดชย์ร้องไห้
“มุก อย่าไปไหนน่ะ อย่าทิ้งผมไปนะ”
“มุกไม่ไปไหนค่ะ มุกจะอยู่กับคุณ”
ณเดชย์คร่ำครวญ “ผมไม่มีใคร...ผมไม่มีใครอีกแล้ว...นอกจากมุก”
มุกตาภานึกถึงเรื่องที่ถูกคุณดิษฐ์ตัดขาดขึ้นมา “มุกก็ไม่มีใครเหมือนกันค่ะ”
ณเดชย์กับมุกตาภากอดกัน ต่างคนต่างให้กำลังใจ ให้ความอบอุ่นแก่กัน
ห่างออกไปคุณหญิงสุดสวาทมองมาท่าทีอย่างโล่งอก
เช้าวันนี้ อรสินีเดินเข้ามามองชญานนท์ซึ่งนั่งรออยู่ในห้องรับแขก ด้วยใบหน้าเรียบเฉย ชญานนท์ไม่เห็นเพราะใจลอยคิดอะไรบางอย่างอยู่
“พี่นนท์” ชญานนท์หันมามองยิ้มให้ “มาแต่เช้าเชียว มีธุระอะไรรึเปล่าคะ”
ชญานนท์ซึ่งยังยิ้มอยู่ ค่อยๆ หุบยิ้มเมื่อได้ยินคำถามห่างเหิน ท่าทีแปลกไปของคนรัก อรสินีเดินไปนั่งลง ห่างจากเขาอย่างชัดเจน ชญานนท์ขยับลุกขึ้นเดินไปนั่งใกล้ๆ
“น้องอร” ชญานนท์เอื้อมมือไปจับมืออรสินีมากุม “น้องอรโกรธพี่นนท์เหรอคะ”
อรสินีดึงมือตัวเองออกอย่างสุภาพ “เปล่าค่ะ”
ชญานนท์จับมืออรสินีมากุมอีกครั้ง “ไม่จริงค่ะ พี่นนท์รู้จักน้องอรดี”
“แต่อรกลับรู้สึกว่า อรไม่รู้จักพี่นนท์เลย”
ชญานนท์ครวญ “น้องอร”
อรสินีถอนหายใจมองชญานนท์ “ยิ่งนับวัน อรก็รู้สึกเหมือนเราเป็นคนแปลกหน้า”
“ไม่ค่ะ พี่นนท์ยังเป็นพี่นนท์คนเดิมของน้องอรนะคะ”
อรสินีระบดระบายออกมา “อรไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นเลยค่ะ บอกตรงๆนะคะ อรไม่ได้รู้สึกแบบนั้น นานแล้ว แต่อรไม่ยอมรับความจริง พยายามเกาะความเชื่อใจ ไว้ใจ พี่นนท์ไว้จนแน่น ไม่ว่าจะมีภาพ มีข่าว หรือว่าเห็นกับตา แต่อรก็พยายามเชื่อใจ เก็บความทุกข์ทรมานทุรน ทุรายไว้ หลอกตัวเองไปวันๆ คิดว่า ความรักของเรา จะทำให้เราก้าวข้ามอุปสรรคต่างๆไปได้”
“เราจะก้าวข้ามไปได้ค่ะ เราจะไปด้วยกัน”
“อย่าหลอกตัวเอง อย่าหลอกอร อีกเลยค่ะ มันทำให้เราเสียเวลาทั้งสองฝ่าย”
ชญานนท์พูดอย่างหนักแน่น ท่าทีจริงจัง “พี่ไม่เคยหลอกน้องอรนะคะ”
“อรให้โอกาสพี่นนท์เลือกแล้ว แต่พี่นนท์ก็ไม่เลือกซะที พี่นนท์ไม่ตัดสินใจ...ไม่เด็ดขาด”
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ ไม่ใช่ว่าพี่ไม่เลือก แต่พี่ไม่ต้องการเลือก เพราะพี่มีน้องอรคนเดียว”
“คำพูดของพี่นนท์กับการกระทำมันสวนทางกันจริงๆ ถ้าพี่นนท์ไม่เลือกเลือกไม่ได้ อรจะเลือกเอง....อรจะเป็นคนตัดสินใจเอง”
ชญานนท์มองจ้องอรสินีซึ่งดูเข้มแข็ง เด็ดขาด ผิดกับอรสินีคนเดิมที่อ่อนหวาน นุ่มนวล สองคนสบตากันนิ่งนาน สุดท้ายอรสินีพยายามพูดด้วยเสียงปกติ
“เราเลิกกันเถอะค่ะ พี่นนท์จะได้ทำอะไรโดยไม่ต้องกังวล อรก็จะได้ไม่ต้องทุกข์”
อรสินีพูดจบลง พร้อมๆ กับน้ำตาที่หยดรินลงมารดแก้มนวล ชญานนท์ขยับจะเข้ามาปลอบเช็ดน้ำตาให้ แต่อรสินีขยับลุกขึ้นก่อน ยกมือขึ้นปาดน้ำตาเอง
“ถ้าพี่นนท์จะกลับเลยก็ได้นะคะ อรขอตัว ไม่ส่งนะคะ”
อรสินีเดินขึ้นบันไดไป ปล่อยให้ชญานนท์นั่งนิ่งอยู่ตามลำพัง
อรสินีเดินขึ้นไปถึงหัวบันไดชั้นบน ก็ร้องไห้ออกมาอย่างหมดความอดทน แต่ปิดปากไว้ ไม่ให้มีเสียงความทุกข์ลอดออกมาให้ใครได้ยิน หญิงสาวทรุดตัวลงอย่างหมดแรง
ส่วนชญานนท์เปิดประตูขึ้นไปนั่งในรถ สีหน้าหมองจัด ท่าทีหมดอาลัยตายอยาก น้ำตาซึมด้วยความเสียใจสุดจะประมาณ
ตอนสายวันเดียวกัน คุณดิษฐ์นั่งอยู่กับรัตน์ และติ๊น่า ในห้องทำงานที่ไทยเท็น คุณดิษฐ์มีสีหน้าพอใจกับข่าว และเรตติ้งละครเล่ห์ร้ายสายสวาท ที่นำโด่งทุกช่อง
“ผมเชื่อแล้วว่าคุณสองคนสามารถทำงานบนความกดดันได้ดีเยี่ยม”
“แต่ถ้าเป็นแบบนี้ทุกเรื่องก็ไม่ไหวนะคะ ดิชั้นกลัวจะหัวใจวายก่อนปิดกล้องค่ะ” ติ๊นาสัพยอก
รัตน์เสริม “เห็นด้วยค่ะ”
“เอาน่า พอเห็นเรตติ้ง เห็นกระแสคนดูจากในเว็บแล้ว ก็น่าจะหายเหนื่อยน่ะ”
รัตน์ยิ้มรับ “ค่ะ”
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ประตูเปิดออก เห็นชญานนท์เดินเข้ามา
“ขอโทษครับ”
“ไม่เป็นไร นานๆ จะผิดเวลาซะที” คุณดิษฐ์อารมณ์ดีมาก
ติ๊น่ากับรัตน์มองชญานนท์อย่างแปลกใจนิดๆ
ติ๊น่าทัก “คุณนนท์ไม่สบายรึเปล่าคะ”
ชญานนท์ฝืนยิ้ม “เปล่าครับ ผมสบายดี”
รัตน์ท้วง “แต่ดูหน้าซีดๆ นะคะ”
“ผมไม่เป็นอะไรจริงๆครับ”
ติ๊น่ายิ้มเป็นนัย “ไม่เป็นอะไรแต่ก็ต้องดูแลตัวเองนะคะ ตอนนี้คุณนนท์ต้องออกงานกับหนูตรีบ่อยหน่อย”
ชญานนท์ฉงน “ทำไมครับ มีอะไรรึเปล่า”
ติ๊น่ายิ้มระรื่น “สื่อกำลังตามเรื่องคุณนนท์กับน้องตรีค่ะ งานอีเว้นท์เชิญทั้งน้องตรี น้องอร แต่ขอให้คุณนนท์ไปร่วมงานด้วย”
ชญานนท์ออกตัว “ผมว่าให้เพชรกับวุฒิไปจะดีกว่าครับ เป็นแพคเหมือนที่ถ่ายในหนังสือบีลิฟนะครับ”
ชญานนท์หันไปทางบิดา คุณดิษฐ์บอกว่า
“ก็เลือกเฉพาะงานที่สื่อไปเยอะๆ แล้วกัน...คิดซะว่าช่วยทำเรตติ้งให้ละคร”
“ครับ” ชญานนท์รับคำอย่างยอมจำนน
คุณดิษฐ์หันไปทางติ๊น่ากับรัตน์ กำชับเรื่องชุด หลังมีข่าวนักแสดงสาวจงใจแต่งตัวโป๊ออกงานสร้างกระแส เมื่อไม่นาน
“ดูเรื่องเสื้อผ้า ออกงานให้นักแสดงด้วยนะครับ ผมอยากได้กระแสแต่ไม่อยากได้จากเสื้อผ้าโป๊ๆ หรือภาพหลุด ดูให้เหมาะสมสวยงามด้วยนะครับ”
ติ๊น่า กับ รัตน์ประสานเสียง “ค่ะ”
ในบรรยากาศชื่นมื่นนั้น มีเพียงชญานนท์คนเดียวที่อึดอัดเห็นชัดแจ้ง
อรสินีนั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องรับแขก สลิลทิพย์เดินเข้ามาถามอย่างแปลกใจ
“เอ้า วันนี้ไม่ไปกองถ่ายเหรอลูก”
“วันนี้ไม่มีถ่ายค่ะ”
“ก็ดีเหมือนกันจะได้พักบ้าง แม่ว่าอรดูซูบๆ ไปนะลูก” สลิลทิพย์เดินเข้ามานั่งใกล้ๆ “เหนื่อยไม๊ มีปัญหาอะไรรึเปล่าลูก”
อรสินียิ้มกลบทุกข์ในใจ “ไม่ค่ะ...ไม่เหนื่อย...ไม่มีอะไร”
สลิลทิพย์ดึงอรสินีเข้ามากอดด้วยความรัก
“ขอบใจอรมากนะลูก ที่ตามใจแม่ ทำทุกอย่างเพื่อแม่ ทั้งๆ ที่หลายเรื่องต้องฝืนใจตัวเอง”
“อรอยากให้คุณแม่มีความสุข” อรสินีขยับตัวออก พูดทีเล่นทีจริง “แล้วอรก็กลัวคุณแม่จะรักพี่รุจมากกว่าอรด้วยค่ะ”
สลิลทิพย์หัวเราะขำ เอ็นดู “คิดได้นะเรา”
อรสินีพลอยขำไปด้วย สลิลทิพย์กอดอรสินีไป แล้วทำท่าครุ่นคิดอย่างมีความสุข
“แม่ให้ลูกทำอะไรตามใจแม่หลายเรื่องแล้ว คราวนี้แม่จะตามใจอรบ้างนะลูก”
อรสินีฉงน “ตามใจอร ตามใจเรื่องอะไรคะ”
“ก็เรื่องลูกกับตานนท์ไง แม่ว่าสมควรแก่เวลาที่จะหมั้นหมายกันแล้วนะไปไหนมาไหนด้วยกันจะได้ไม่ต้องห่วง”
อรสินีนิ่งไปชั่วครู่ ไม่พูด สลิลทิพย์มองอรสินีอย่างพิจารณา
“มีอะไรรึเปล่า อร”
“เปล่าค่ะ ไม่มีอะไร”
สลิลทิพย์บอก “แม่จะได้คุยกับคุณดิษฐ์ ควงกันไปควงกันมานานๆ เราเป็นผู้หญิงจะเสียหายกว่าผู้ชายนะ”
อรสินีมองสลิลทิพย์อึดอัดเหลือเกิน แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นพูดกับผู้เป็นมารดาอย่างไร
อ่านต่อหน้า 4
ปีกมงกุฎ ตอนที่ 17 (ต่อ)
ตรีอัปสรนั่งรออยู่ที่โต๊ะในร้านอาหารหรู ซักครู่หนึ่ง ชญานนท์เดินเข้ามาทรุดตัวนั่งฝั่งตรงข้าม
“ขอโทษนะครับ ที่มาสาย”
ตรีอัปสรยิ้ม “ไม่เป็นไรค่ะ ตรีก็เพิ่งมาเหมือนกัน”
บริกรเอาเครื่องดื่มมาเสิร์ฟให้ เป็นน้ำผลไม้กับกาแฟ
“ตรีสั่งคาปูชิโน ให้คุณ”
“ขอบคุณครับ คุณบอกว่ามีเรื่องจะคุยกับผม”
ตรีอัปสรมองชญานนท์ด้วยความรัก โดยไม่ทันสังเกตท่าทางของชญานนท์ที่ดูนิ่งๆไป
“ตรี คุยกับคุณนะเรียบร้อยแล้วนะคะ”
“แล้ว...นายนะ ว่ายังไงบ้างครับ”
“ก็ โอเค...คุณนะเข้าใจ รับทราบว่า ตรีไม่ได้คิดอะไรกับเค้า”
ชญานนท์เลิกคิ้วฉงน “ง่ายขนาดนั้นเลยเหรอครับ”
ตรีอัปสรยิ้ม “ก็ไม่เห็นมีอะไรยากนี่คะ ถ้าเราไม่คิดอะไร ไม่มีใจให้ เรื่องมันก็จบง่าย”
ชญานนท์อดขำไม่ได้ “แล้วทำไมคุณถึงปล่อยให้ยืดเยื้ออยู่ตั้งนาน”
ตรีอัปสรนิ่งคิด “อาจจะเป็นเพราะตรีไม่ได้สนใจมั้งคะ” หล่อนมองหน้าชญานนท์ ด้วยสายตายั่วยวน และท้าทาย “หรืออาจจะเป็นเพราะไม่มีแรงบันดาลใจ”
ชญานนท์ยิ้มให้นิดๆ ด้วยความรู้สึกธรรมดา ไม่ได้หว่านเสน่ห์ เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา
“ตรีทำตามที่คุณต้องการแล้วนะคะ คุณมุกก็น่าจะสบายใจได้แล้ว”
“ต้องรอดูผลก่อนครับ”
“ตรีทำจนถึงขนาดนี้แล้ว ถ้าคุณนะยังมีปัญหากับคุณมุก ก็ไม่เกี่ยวกับตรีแล้วนะคะ”
ชญานนท์ยิ้มนิดๆ แต่พูดจริงจัง “ครับ ผมเข้าใจ”
ตรีอัปสรมองอย่างค้นหา “ตรีเคลียร์ตัวเองแล้วนะคะ ว่าตรีบริสุทธิ์ใจ ว่าแต่หลังจากนี้เราจะยังไงกันต่อดีคะ”
ชญานนท์ทำเป็นไม่เข้าใจความหมายที่ตรีอัปสรพูด ทำหน้าเฉยๆ
“ก็อย่างที่บอก คงต้องดูว่าผลก่อนครับว่าจะเป็นยังไง”
ตรีอัปสรพูดขำๆ “คุณพูดเหมือนกำลังต่อรองอะไรซักอย่างเลยนะคะ”
ชญานนท์รู้สึกตัว รีบกลบเกลื่อน “เหรอครับ”
“ที่ถามว่า จะยังไงดีต่อ ตรีไม่ได้หมายถึงเรื่องคุณมุกค่ะตรีหมายถึง เรื่องของเรา”
ชญานนท์มองตรีอัปสร แล้วเยื้อนยิ้มเนียนๆ ปกปิดอาการ
ฝ่ายมุกตาภาหันมามองหน้าณเดชย์ สองคนนั่งคู่กัน ณเดชย์มีสีหน้าจริงจังหันมาทางคุณหญิงสุดสวาท
“ผมกับมุก เราจะแต่งงานกันให้เร็วที่สุดครับ”
“เรื่องแต่งงานแม่เห็นดีด้วยอยู่แล้ว แต่เรื่องจะเร็วที่สุดนี่ซิ ไหนจะเรื่องคุณพ่อเพิ่งเสียไปไม่นาน แล้วเราก็ต้องปรึกษาคุณดิษฐ์ก่อน”
“เรื่องคุณพ่อมุก คงไม่มีปัญหาหรอกค่ะ”
“เราจัดเป็นการภายในได้ไม๊ครับ เชิญเฉพาะแขกผู้ใหญ่ไม่กี่คนกับเพื่อนสนิท” ชญานนท์ว่า
“ของมุกก็คงมีแค่พี่นนท์ อร พี่รุจ แล้วก็แพรวค่ะ ส่วนคุณพ่อ...อาจจะไม่มา...”
“พ่อ ลูก....โกรธกันยังไง ก็ตัดกันไม่ขาดหรอก หนูมุก”
มุกตาภาเงียบ ณเดชย์หันมามองแล้วดึงหล่อนมากอดเหมือนจะให้กำลังใจ คุณหญิงมองสองคนก่อนจะพยักหน้ารับ
“จัดภายในเล็กๆ ก็ดีเหมือนกัน แต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝากันไป..แม่จะได้หมดห่วง”
มุกตาภากับณเดชย์หันมามองหน้ากันอย่างดีใจ
ชญานนท์ยังนั่งทานอาหารอยู่กับตรีอัปสร เขาตักอาหารให้อย่างสุภาพ ตรีอัปสรเงยหน้าขึ้นมองจ้อง
“รู้ไม๊คะ เวลาตรีอยู่กับคุณนนท์ ตรีรู้สึกเหมือนตัวเองอยู่บนภูเขาที่มีหมอกหนาๆ”
“ทำไมล่ะครับ”
“ก็ตรีมองทางข้างหน้าไม่ชัด เดินไปโดยที่ไม่รู้ว่า ก้าวต่อไปจะเป็นทางปกติหรือว่าเป็นเหว”
ชญานนท์มองตอบ “แล้วคุณคิดว่าควรจะหยุดหรือว่าเดินต่อล่ะครับ”
ตรีอัปสรมองอย่างท้าทาย แววตาลึกล้ำ เร่าร้อน “ตรีมาไกลเกินกว่าจะหยุดหรือถอยหลังแล้วค่ะ และที่สำคัญ คุณนนท์เป็นคนนำทางตรีมา”
ชญานนท์มองตรีอัปสรนิ่งนาน ก่อนจะหัวเราะเบาๆ ยังไม่ทันจะพูดอะไรเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ชญานนท์หยิบขึ้นมาดู เห็นเป็นชื่อมุกตาภา จึงหันมามองตรีอัปสร
“ตรีขอตัวไปเข้าห้องน้ำนะคะ”
“ครับ”
พอตรีอัปสรลุกขึ้นเดินไปทางห้องน้ำ ชญานนท์รับโทรศัพท์ทันที
“ฮัลโหล มุก มุกอยู่ที่ไหน ทำไมไม่กลับบ้าน แล้วตอนนี้เป็นยังไงบ้าง”
เสียงมุกตาภาดังออกมาว่า “พี่นนท์ มาหามุกได้ไม๊คะ มุกมีเรื่องจะปรึกษา”
“ได้ซิ ที่ไหนล่ะ” ชญานนท์ตั้งใจฟัง “โอเค...ได้”
ชญานนท์วางสายสนทนา
คุณดิษฐ์ขยับลุกขึ้นต้อนรับ เมื่อเห็นคุณหญิงสุดสวาทเดินเข้ามาในห้องทำงานที่ไทยเท็น
“สวัสดีครับ คุณหญิง สบายดีนะครับ”
“สบายดีค่ะ ขอบคุณ”
“มีอะไรให้ผมรับใช้ครับ อันที่จริงโทร.มาก็ได้นะครับ จะได้ไม่ต้องเสียเวลามา”
คุณหญิงยิ้ม “ไม่เสียเวลาหรอกค่ะ เรื่องสำคัญ ยังไงดิชั้นก็ต้องมาด้วยตัวเอง”
“เรื่องอะไรเหรอครับ”
“ดิชั้นจะมาสู่ขอหนูมุกตาภาให้ตานะค่ะ”
คุณดิษฐ์แปลกใจ ตกใจ นึกไม่ถึง คุณหญิงสุดสวาทพูดต่อ
“เด็ก 2 คนนั่น ก็หมั้นกันมานานแล้ว สมควรที่จะแต่งงานกันได้แล้ว เค้าอยากจัดงานเล็กๆ เชิญเฉพาะแขกผู้ใหญ่นิดหน่อย ดิชั้นก็ไม่อยากขัดใจ”
คุณดิษฐ์มองหน้าคุณหญิง พูดไม่ออก
ด้านชญานนท์เดินมาส่งตรีอัปสรที่รถตรงลานจอด ตรีอัปสรหยุดเดินหันมาทางชญานนท์
“จนแล้วจนรอด ตรีก็ยังไม่ได้คำตอบจากคุณนนท์”
ชญานนท์มองตรีอัปสรอย่างจริงจัง พูดเสียงอ่อนโยนนุ่มนวล
“ผมขอเวลาอีกนิดนะครับ แล้วผมจะบอกว่าเรา..จะยังไงต่อดี”
ตรีอัปสรยิ้มหวาน “ติดตามชมตอนต่อไปเหรอคะ”
ชญานนท์ยิ้มตอบ “ครับ”
“โอเค ค่ะ ตรีจะรอ”
ตรีอัปสรยิ้มให้แล้วเดินแยกไปที่รถ ชญานนท์มองตามอย่างครุ่นคิด
สองพี่น้องนัดเจอกันที่ร้านอาหาร นั่งนิ่งกันอยู่ครู่หนึ่ง จนมุกตาภาเอ่ยขึ้น
“มุกอยู่ที่บ้านคุณหญิงแม่ค่ะ”
“ไปอยู่กับเค้าได้ยังไง ใครรู้เข้ามันจะไม่ดีนะมุก มุกกับคุณนะก็เป็นแค่คู่หมั้น ยังไม่ได้แต่งงานกันกลับบ้านเถอะ นะ”
“คุณพ่อไล่มุกออกจากบ้าน มุกจะกลับไปได้ยังไงคะ”
“มุก มุกพูดเหมือนไม่รู้จักคุณพ่อ”
“มุกไม่รู้จักค่ะ คุณพ่อที่มุกรู้จัก ไม่ได้เป็นแบบนี้”
“กลับบ้านเถอะมุก กลับไปคุยกัน มุกเป็นลูก ให้คุณพ่อโกรธยังไง เดี๋ยวก็หายโกรธ”
“มุกไม่ได้นัดพี่นนท์มาคุยเรื่องคุณพ่อนะคะ มุกจะมาบอกพี่นนท์ว่า มุกจะแต่งงาน”
ชญานนท์คาดไม่ถึง สีหน้าตะลึงค่อยๆ เปลี่ยนเป็นดีใจ “อะไรนะ จริงๆเหรอ มุก ทำไมเร็วแบบนี้”
“มุกไม่รู้ว่า คุณนะ เค้าผิดหวัง เสียใจกับเรื่องอะไรมา แต่เหมือนเค้าจะรู้ว่า มุกคือคนที่รักเค้าที่สุดและก็จะอยู่กับเค้าตลอดไป”
ชญานนท์ผ่อนลมหายใจเบาๆ
สองคนคุยกันอยู่ในห้องทำงานคุณดิษฐ์ คุณหญิงสุดสวาทเอ่ยขึ้นเรื่องสินสอด
“เรื่องสินสอดทองหมั้น ดิชั้นจะจัดการให้สมหน้าตา คุณดิษฐ์ไม่ต้องห่วงนะคะ”
“เรื่องนั้นผมไม่ห่วงหรอกครับ ขอแค่ยายมุกมีความสุข ผมก็โอเคแล้ว”
“ส่วนเรื่องงานแต่ง ทางดิชั้นจะจัดการให้เรียบร้อยเอง จะเป็นวันไหน ดิชั้นได้ฤกษ์แล้วจะแจ้งให้ทราบนะคะ”
“ครับ ขอบคุณมากครับ”
คุณหญิงสุดสวาทมองหน้าคุณดิษฐ์ลังเลว่าจะพูดหรือไม่พูดดี สุดท้ายตัดสินใจไม่พูด
“ดิชั้นไม่กวนเวลาทำงานของคุณดิษญ์แล้ว ขอตัวก่อนนะคะ”
“ครับ”
คุณดิษฐ์ขยับลุกขึ้น เดินไปส่งคุณหญิงที่ประตู คุณหญิงหยุด หันมาหา
“หนูมุกบอกดิชั้นว่าคุณดิษฐ์คงไม่ไปงานแต่งงานของแก คือ...ดิชั้นไม่ทราบว่า พ่อลูกมีปัญหาอะไรกัน แต่คุณดิษฐ์ไม่ต้องห่วงนะคะ ดิชั้นจะดูแลหนูมุกเหมือนลูกสาวของดิชั้นเอง สวัสดีค่ะ”
“สวัสดีครับ”
คุณหญิงสุดสวาทเดินออกไป ทิ้งคุณดิษฐ์ ให้มองตามไปอย่างใคร่ครวญครุ่นคิด
ทางด้านมุกตาภามองชญานนท์ ก่อนจะเอื้อมมือไปจับมือพี่ชายไว้
“มุกไม่มีใครแล้วนะคะ นอกจากพี่นนท์ มุกอยากให้พี่นนท์ไปงานแต่งงานของมุก”
มุกตาภาน้ำตาหยดริน น้อยใจพ่อไม่หาย ชญานนท์มองน้องอย่างสงสาร เอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาให้
“ใครบอกว่ามีพี่คนเดียว มุกยังมีคุณพ่อ มีเพื่อนๆ มีอร มีพี่รุจ”
มุกตาภาส่ายหน้า “มุกไม่มีคุณพ่อแล้วค่ะ คุณพ่อไม่เห็นมุกเป็นลูก”
ชญานนท์ถอนหายใจเบาๆ “คุณพ่อรักมุกมากก็เลยโกรธมากเป็นธรรมดา มุกต้องยอมรับนะ ว่าสิ่งที่มุกทำ สมควรที่คุณพ่อจะโกรธ พี่บอกว่าพี่จะจัดการทุกอย่างให้ มุกก็ไม่เชื่อ ใจร้อนจะทำเองแล้วมันก็ไม่ได้ผลเห็นไม๊”
มุกตาภามองชญานนท์อย่างพิจารณา “พี่นนท์ทำยังไงคะ คุณนะถึงได้ตัดใจจากตรีอัปสรได้ แล้วยายนั่นยังโทร.มาหามุก บอกว่าคุณนะต้องการมุก ให้มุกรีบไปหา”
ชญานนท์ถอนหายใจ “พี่ก็มีวิธีของพี่”
มุกตาภามองชญานนท์อย่างซาบซึ้ง ยกมือไหว้ชญานนท์อย่างสวยงาม
“ขอบคุณพี่นนท์มากนะคะ ที่ช่วยมุก...จริงๆ ก็ช่วยตรีอัปสรไม่ให้มาตายเพราะมุกด้วยล่ะ”
“เอาเถอะ เรื่องมันก็ผ่านไปแล้ว...พี่ดีใจด้วยนะ”
“ฝากพี่นนท์เชิญอรกับพี่รุจด้วยนะคะ”
“ได้”
มุกตาภายิ้มอย่างมีความสุข โดยไม่ทันเห็นท่าทางเศร้าๆ ทุกข์ใจของผู้เป็นพี่ชาย
ดารินทร์เดินเข้ามาในบ้านตอนเย็น เห็นตรีอัปสรนั่งเก้าอี้แขวน อ่านหนังสือ สีหน้าสดชื่นอยู่ ก็เขม้นมอง ถามอย่างแปลกใจ
“วันนี้แกอยู่บ้านได้ยังไงเนี่ย ไม่มีถ่ายละครเหรอ”
“ละครใกล้จะปิดกล้องแล้วค่ะ เหลืออีก 2-3 คิว”
“แล้วรถสปอร์ตแกไปไหนแล้ว ชั้นไม่เห็นจอดอยู่ ยังคิดว่าแกไม่อยู่บ้านด้วยซ้ำ”
ตรีอัปสรบอก “ตรีก็ส่งคืนเจ้าของเค้าไปแล้วน่ะซิ”
ดารินทร์มองลูกสาวอย่างรู้ทันแกมเอือมระอานิดๆ
“ชั้นนึกแล้วไม่มีผิด ว่าแกไม่มีทางผ่อนรถสปอร์ตคันนั้นเองแน่ๆ”
“รถนั่นไม่ได้ผ่อนนะคะ แม่ แต่ซื้อสด”
ดารินทร์ตาโต “ใครซื้อให้แก คุณณเดชย์รึเปล่า”
ตรีอัปสรยิ้มเย้า “บิงโก แม่เก่งจริงๆ สมกับที่เป็นแม่ของตรี”
“ชั้นไม่ได้ทันแกทุกเรื่องหรอกนะ ยายตรี แล้วนึกยังไงถึงเอารถไปคืนเค้า มีเรื่องอะไรกันรึเปล่า”
ตรีอัปสรตาเป็นประกายเจิดจ้า ฝันหวานสุขล้น “ตรีกำลังเคลียร์ตัวเอง ให้สะอาด ตรีอยากให้คนที่ตรีรัก รู้ว่าตรีรักเค้าคนเดียว”
ดารินทร์ขมวดคิ้ว “คนที่แกรัก แกรักใคร ยายตรี”
ตรีอัปสรอมยิ้ม “เอาไว้ตรีค่อยเปิดตัวตอนเค้ามาสู่ขอตรีกับแม่แล้วกัน”
ตรีอัปสรหัวเราะอย่างมีความสุข ที่เห็นหน้าดารินทร์งง แปลกใจ
อรสินีเดินเข้ามาที่ห้องรับแขกใบหน้าเฉยเมย ราบเรียบ มองไปที่ชญานนท์ซึ่งนั่งรออยู่ อรสินีเดินเข้าไปพร้อมๆ กับเด็กรับใช้เอาน้ำเย็นมาเสิร์ฟ
“สวัสดีค่ะ...พี่นนท์”
ชญานนท์ขยับลุกขึ้น “น้องอร”
อรสินีถามด้วยน้ำเสียงห่างเหิน “พี่นนท์มีธุระอะไรกับอรคะ”
ชญานนท์รับรู้ถึงความเย็นชาห่างเหินได้
“พี่ทราบค่ะ ว่าต่อไปนี้ ถ้าพี่ไม่มีธุระอะไร พี่ก็คงมาที่นี่ไม่ได้”
อรสินีผ่อนลมหายใจเบาๆ “เข้าเรื่องเถอะค่ะ พี่นนท์”
“มุกจะแต่งงาน”
อรสินีเผลอตัวดีใจ “เหรอคะ แต่งเมื่อไหร่คะ แล้วแต่งที่ไหน มีอะไรให้อรช่วยไม๊คะ”
ชญานนท์มองอรสินีอย่างสุดแสนเสียดาย ผู้หญิงที่มีจิตใจดีแบบนี้
“งานเล็กๆเป็นการภายในค่ะ น่าจะที่บ้านของฝ่ายชาย พี่มาบอกไว้ก่อน น้องอรจะได้มีเวลาเตรียมตัว ฝากเชิญนายรุจด้วยนะคะ”
“ได้ค่ะ พี่นนท์มีธุระแค่นี้ใช่ไม๊คะ”
ชญานนท์ชะงัก ไม่คิดว่าอรสินีจะตัดรอนได้ขนาดนั้น ชญานนท์มองอรสินี
“พี่รู้นะคะ ว่าสิ่งที่พี่ทำไป มันผิดต่อความรักของเรา แต่พี่ขอยืนยันว่า พี่รักน้องอร เคยรักยังไง ก็ยังคงรักอย่างนั้นไม่เคยเปลี่ยน”
อรสินีขยับลุกขึ้น “ลาก่อนค่ะ”
ชญานนท์ลุกขึ้นตาม เป็นจังหวะที่สลิลทิพย์เดินเข้ามากับริสาพอดี
“นนท์”
ชญานนท์หันไปมองแล้วยกมือไหว้ทั้งสลิลทิพย์ ทั้งริสา
“สวัสดีครับ”
“กำลังคิดถึงอยู่เชียว ทานข้าวด้วยกันนะ น้ามีเรื่องจะคุยด้วย จะปรึกษาเรื่องอรกับนนท์นั่นละ”
ชญานนท์หันมามองอรสินีที่มีท่าทางอึดอัดแต่ก็ไม่พูดอะไร ชญานนท์หันไปทางสลิลทิพย์ ก่อนจะตอบอย่างสุภาพ
“ครับ”
ริสาแซวทันที “แหม...น่ารักจริงๆ ว่าที่หลานเขยชั้น ต้องหันไปมองแฟน ขออนุญาตก่อนรึไงจ๊ะ”
สลิลทิพย์ขำ “ขออนุญาตที่ไหนกัน คุยกับชั้นไม่ต้องขออนุญาต เอาไว้ขอตอนคุยกับสาวๆ นู่น ใช่ไม๊นนท์”
ชญานนท์ยิ้มแห้งๆ “ครับ”
สลิลทิพย์มองชญานนท์อย่างเอ็นดู
สลิลทิพย์ อาชัญ อติรุจ อรสินี ชญานนท์ และ ริสา นั่งทานมื้อค่ำด้วยกัน สลิลทิพย์เอ่ยขึ้น
“นานๆ จะทานข้าวครบถ้วน พร้อมหน้า พร้อมตากันซะที คนบ้านนี้ก็งานเยอะ ทั้งคุณพ่อ คุณลูก”
“คุณแม่ก็งานเยอะเหมือนกันล่ะ” อาชัญแซว
สลิลทิพย์ยิ้ม “ก็ต้องทำตัวให้มีประโยชน์ ช่วยสามีทำงาน ใช่ไม๊นนท์ อีกหน่อยพอยายอรแต่งงานกับนนท์...ก็ต้องไปช่วยสามีบริหารไทยเท็น”
“นนท์เค้าอาจจะอยากให้อรเป็นแม่บ้านก็ได้ ใช่ไม๊นนท์” อาชัญถาม
“อุ๊ย อันนี้ไม่เห็นด้วยค่ะ อรควรจะไปทำงานนะลูก จะได้ถือโอกาสเชคนนท์ด้วย ยิ่งมีข่าวไปไหนมาไหนกับยายนางเอกละครอยู่บ่อยๆ” ตอนท้าย สลิลทิพย์เหน็บแนม
อติรุจเย้าหยอก “ผมว่าถามความเห็นผู้ถูกพาดพิงหน่อยดีไม๊ครับ”
สลิลทิพย์กับอาชัญ หัวเราะขำกันเบาๆ ริสาเสริมขึ้น
“นั่นซิ ว่าที่พ่อตาแม่ยาย จัดแจงกันไปมา 2 คน ถามหนุ่มสาวเค้าหน่อยไม๊”
อาชัญหันไปทางชญานนท์ “ว่าไงนนท์”
ชญานนท์บอก “ครับ ผมยังไงก็ได้ครับคุณน้า แล้วแต่น้องอร”
สลิลทิพย์มองชญานนท์อย่างพอใจ ก่อนจะหันไปทางอรสินี “ว่าไงอร”
“อรเชื่อการกระทำมากกว่าคำพูดค่ะ” อรสินีบอก
“ใช่ ถูกต้อง ฟังไว้นะนนท์ บอกรักทุกวัน แต่แอบไปควงคนอื่นอันนี้ไม่ได้น่ะ น้าถึงได้อยากให้หมั้นกันไว้ก่อนซักพักแล้วค่อยแต่ง”
สลิลทิพย์พูดทีเล่นทีจริงดักคอขำๆ แต่ชญานนท์เหมือนโดนเหน็บ บรรยากาศบนโต๊ะอาหารของคนอื่นๆ ชื่นมื่นมีความสุข
ในขณะที่อรสินีกับชญานนท์ ออกอาการอึดอัด วางหน้าไม่ถูก
หลังมื้อค่ำอันแสนอึดอัด สองหนุ่มสาวเดินออกมาด้วยกัน อรสินีมองชญานนท์ก่อนตัดสินใจพูดออกมา
“อรขอโทษนะคะ ที่ทำให้พี่นนท์อึดอัด”
ชญานนท์หันมามอง “พี่ต่างหากที่ต้องขอโทษน้องอร พี่ว่าน้องอรน่าจะอึดอัดกว่า”
“อรยังไม่ได้บอกคุณแม่เรื่องของเรา คือ...อรตั้งใจว่า...รอให้ปิดกล้องละครก่อนแล้วจะบอก...อรไม่คิดว่าคุณแม่จะ....”
ชญานนท์พูดต่อให้ “อยากให้เราหมั้น”
อรสินีถอนหายใจ “อรจะคุยกับคุณแม่ให้เร็วที่สุดค่ะ พี่นนท์จะได้ทำอะไรได้สะดวกขึ้น คุณแม่จะได้ไม่เข้าใจผิด...เวลาพี่นนท์ไปไหนมาไหนกับตรี”
ชญานนท์ครวญ “น้องอร”
“อรส่งแค่นี้นะคะ”
อรสินีตัดบทแล้วหมุนตัวเดินเข้าบ้านไป ทิ้งชญานนท์ให้ยืนอยู่อย่างโดดเดี่ยวเพียงลำพัง
ฝ่ายตรีอัปสรนั่งเล่นอยู่ที่เทอเรสด้านหลัง มีเป็นหนึ่งอยู่ในอ้อมกอด สีหน้าหล่อนค่อนข้างมีความสุข ตรีอัปสรหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เปิดไล่อ่านข้อความไลน์ที่ณเดชย์ส่งมา
“อะไรที่ผมให้ไปแล้ว ผมไม่เอาคืน รถของคุณ คุณเอากลับไป”
“ผมกำลังจะแต่งงานกับมุก ขอบคุณที่ทำให้ผมรู้ว่า ใครที่รักผมจริง”
ตรีอัปสรผ่อนลมหายใจแล้วพึมพำเบาๆ
“ขอโทษนะคะ คุณนะ แต่ถ้าตรีไม่ใช้วิธีนี้ คุณก็คงไม่ยอมปล่อยตรี” ตรีอัปสรหันมามองเป็นหนึ่ง “ใช่ไม๊ เป็นหนึ่ง”
ตรีอัปสรกอดหมีเป็นหนึ่ง สีหน้าครุ่นคิด แล้วค่อยๆ คลี่ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข
ขณะเดียวกัน อรสินีนั่งอยู่ในห้องรับแขก แสงค่อนข้างสลัว ไม่เปิดไฟ อรสินีนั่งร้องไห้อยู่ อติรุจเดินเข้ามามองอรสินีอย่างเป็นห่วง อติรุจเดินมานั่งใกล้ๆ อรสินีตกใจเล็กๆรีบเช็ดน้ำตา แล้วทำท่าร่าเริง
“พี่รุจ อรตกใจหมดเลยค่ะ มาเงียบๆไม่ให้ซุ่มให้เสียงเลย”
“พี่ก็เดินมาปกติ แต่อรร้องไห้อยู่ ก็เลยไม่ได้ยิน”
อรสินียิ้มแห้งๆ “อรไปนอนก่อนนะคะ”
“เดี๋ยว....คุยกันก่อน”
อติรุจจับมือแล้วดึงให้อรสินีนั่งลง ดึงตัวให้หันหน้ามา ถามตรงๆ
“ทะเลาะกับนายนนท์เหรอ”
“เปล่าค่ะ”
“ไม่ได้ทะเลาะ แล้วมีเรื่องอะไร พี่เห็นอรกับนนท์แปลกๆ ตั้งแต่ตอนทานข้าวแล้ว”
อรสินีมองตาพี่ชายเห็นแต่ความเป็นห่วง อรสินีร้องไห้โฮออกมา อติรุจดึงน้องเข้ามากอดปลอบ
“มีเรื่องอะไรกัน”
อรสินีพูดไปสะอื้นไป “อรเลิกกับพี่นนท์แล้วค่ะ”
อติรุจตกใจ “อะไรนะ เกิดอะไรขึ้นน่ะ อร”
“อร...อรคิดว่า...พี่นนท์ไม่ได้รักอรแล้ว”
“ทำไมคิดแบบนั้น อะไรทำให้อรคิดแบบนั้น”
อรสินีมองอติรุจเหมือนไม่อยากพูด
“ไหนเล่าให้พี่ฟังซิ เรื่องมันเป็นยังไง”
“พี่รุจ อรไม่อยากให้พี่รุจเสียใจ”
อติรุจงง “ทำไม มีอะไร ยิ่งพูดแบบนี้ พี่ยิ่งอยากรู้”
อรสินีมองอติรุจนิ่งๆ “อรคิดว่า พี่นนท์กับตรี ชอบกัน”
อติรุจแค่แปลกใจ “ตรีเหรอ”
ค่ำคืนนั้นชญานนท์นั่งดื่มอยู่คนเดียวกลางผับหรู บรรยากาศรอบตัวเขา เหงาๆ เศร้าๆ ชายหนุ่มหวนนึกถึงภาพความรักความสุขที่เคยไปเที่ยว เคยบอกรัก และจบด้วยภาพตอนขอแต่งงาน กับอรสินี
พอฟังจบอติรุจถอนหายใจเบาๆ ท่าทางกังวลครุ่นคิด อรสินีจับมืออติรุจมองอย่างเป็นห่วง
“อรไม่ควรเล่าให้พี่รุจฟังเลย อรขอโทษนะคะ พี่รุจอย่าเสียใจไปเลยนะคะ”
อติรุจมองอรสินี “พี่ไม่ได้เสียใจ แต่พี่เป็นห่วงอร พี่กับตรีไม่ได้เป็นอะไรกันนะอร ไม่ได้มีอะไรลึกซึ้งมากกว่าความเป็นเพื่อน”
อรสินีเหวอเล็กๆ “อรคิดว่า พี่รุจกับตรี...ชอบกัน”
อติรุจดึงอรสินีเข้ามากอด “พี่ว่าอรน่าจะคุยกับนนท์ ปรับความเข้าใจกันซะ พี่เชื่อว่านนท์น่าจะมีเหตุผลที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับตรี”
“เหตุผลก็คือ พี่นนท์รักตรีไงคะ”
อติรุจส่ายหน้า “พี่ว่าไม่ใช่ นนท์ไม่ได้รักตรีแน่นอน...พี่รู้จักนนท์ดี”
อรสินีท้วง “แต่ครั้งนี้...พี่รุจอาจจะดูผิดก็ได้นะคะ”
“ถ้านนท์รักตรี แล้วนนท์จะมาหาอรอีกทำไม”
“พี่นนท์มาบอกเรื่องมุกจะแต่งงานค่ะ มาชวนเราสองคนไป บอกว่าเป็นงานเล็กๆ ก็เลยไม่ได้เชิญคุณพ่อกับคุณแม่”
อติรุจทำท่าคิด “อรคอยดูในงานมุกแล้วกัน ถ้านนท์รักตรี ก็ต้องพาตรีมาเปิดตัวงานนี้แต่ถ้าไม่พามา อรก็ควรจะคิดใหม่นะ อย่าให้ความเข้าใจผิดมาทำให้ความรักที่ช่วยกันสร้างมาพังพินาศ”
อรสินีฟังอย่างครุ่นคิด แต่ไม่พูดอะไร
หลายวันผ่านไป งานแต่งงานระหว่าง ณเดชย์ กับ มุกตาภา ถูกจัดขึ้นในโถงคฤหาสน์อันโอ่อ่า
ณเดชย์เดินหล่อออกมาในชุดเจ้าบ่าวกับคุณหญิงสุดสวาท อีกด้านเห็นชญานนท์กับอรสินีเดินออกมา พร้อมกับมุกตาภาในชุดไทยสวยงาม ณเดชย์มองอย่างตกตะลึงในความสวยของเจ้าสาว ทั้งคู่เดินไปนั่งที่ตั่ง คุณหญิงสุดสวาทรับมงคลแฝดสวมใส่ให้ และรับพวงมาลัยจากแพรวคล้องคอให้บ่าวสาว
แพรวเป็นเพื่อนเจ้าสาว กับ วุฒิ เพื่อนบ่าว แพรวถือสังข์สำหรับรดน้ำ เริ่มต้นด้วยคุณหญิงสุดสวาท
“ขอให้ลูกทั้ง 2 รักกัน เข้าใจกัน ให้เกียรติกัน ให้อภัยกัน แม่ดีใจที่มีลูกสาวเพิ่มมาอีกคน นะต้องรักหนูมุกให้มากๆนะ หนูมุกเองก็เหมือนกันนะลูก”
คุณหญิงสุดสวาทน้ำตาคลอนิดๆ ก่อนจะเดินไป อรสินีเข้ามารดน้ำอวยพรต่อ
“วันนี้เป็นวันที่พิเศษที่สุด อรขอให้ทุกวันจากนี้ไปของคุณนะกับมุกเป็นวันที่พิเศษเหมือนวันนี้ นะคะ”
อรสินีเดินออกไป อติรุจเดินเข้ามารดน้ำสังข์ “ขอให้มีความสุขมากๆ นะครับ”
ชญานนท์เดินเข้ามา มุกตาภาเงยหน้าขึ้นมองพี่ชายน้ำตาคลอ
“มุกตาภาเป็นแก้วตา ดวงใจของตระกูล เบญจาบูรณี วันนี้เราฝากแก้วตาดวงใจของเราไว้กับคุณ ดูแลน้องสาวผมให้ดีนะครับ”
มุกตาภาร้องไห้ น้ำตาหยดรินด้วยความตื้นตัน
คุณหญิงเอ่ยขึ้น “ครบแล้วนะคะ”
เสียงคุณดิษฐ์ดังเข้ามา “เดี๋ยวครับ”
คุณหญิงสุดสวาท มุกตาภา ชญานนท์ หันไปมอง เห็นคุณดิษฐ์เดินเข้ามา มุกตาภาน้ำตาไหล แต่เม้มปากแน่น น้อยใจ เสียใจที่โดนพ่อด่าว่าอย่างรุนแรง คุณดิษฐ์เดินมาหยิบสังข์เพื่อรดน้ำให้
“พ่อขอให้ลูกทั้งสองคน มั่นคงในความรัก ถนอมน้ำใจกัน ให้อภัยกัน มุกตาภาเป็นลูกสาวคนเดียว ดูแลลูกสาวพ่อด้วยนะ ตานะ”
คุณดิษฐ์รดน้ำณเดชย์เสร็จ หันสังข์มา มุกตาภาเอนมือออกจากพานดอกไม้รองน้ำสังข์ ไม่อยากให้พ่อรด คุณดิษฐ์มองลูกสาวซึ่งเมินหน้าไปทางอื่น เสียใจจนน้ำตาเอ่อคลอกับท่าทีหมางเมินนั้นของมุกตาภา
“พ่ออาจจะไม่ใช่พ่อที่สมบูรณ์แบบ ไม่ใช่พ่อที่ตามใจหรือเห็นดีเห็นงามไปกับลูกทุกเรื่อง แต่พ่อก็เป็นพ่อที่รักลูกมาก วันนี้เป็นวันที่พ่อมีความสุขที่สุด เพราะเป็นวันที่ลูกมีความสุข ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ใยบางๆ ระหว่างเรา ไม่มีวันจะขาดจากกันหรอกนะลูก”
มุกตาภาเงยหน้าขึ้นมองคุณดิษฐ์ น้ำตาไหลรินอาบแก้มนวล แต่ไม่มีเสียงสะอื้น หญิงสาวค่อยๆ เลื่อนมือที่พนมกลับมาให้พ่อรดน้ำสังข์ให้
คุณหญิงสุดสวาท ชญานนท์ อติรุจ และอรสินีมองภาพนั้นอย่างตื้นตัน
มีงานเลี้ยงบรรยากาศอบอุ่น น่ารักและกันเองหลังจากงานแต่ง ในตอนบ่ายวันนั้น ณเดชย์ยืนคุยกับวุฒิและแพรว มีมุกตาภาอยู่ด้วย ซักครู่หนึ่งมุกตาภาเห็นคุณหญิงสุดสวาทซึ่งยืนคุยอยู่กับดิษฐ์ เดินแยกไปจึงหันมาทางณเดชย์
“เดี๋ยวมุกมานะคะ”
“ค่ะ”
มุกตาภาเดินแยกไปหาคุณดิษฐ์ ทั้งคู่ยืนมองหน้ากันนิ่งนาน ให้ความเงียบทำหน้าที่ไป ก่อนที่มุกตาภาจะเดินมายกมือไหว้กับอกของพ่อ
“พ่อคะ มุกขอโทษค่ะ”
คุณดิษฐ์ดึงมุกตาภามากอด
“วันนี้เป็นวันเริ่มต้นชีวิตใหม่ของลูก เราลืมเรื่องเก่าๆ ให้หมด ดีไม๊”
มุกตาภายิ้มชื่น “ดีค่ะ”
มุกตาภามองซ้ายมองขวา ก่อนจะหันมาทางดิษฐ์
“พี่นนท์ไปไหนแล้วล่ะค่ะ พ่อ”
คุณดิษฐ์เหลียวมองตาม “ไม่รู้ซิ...แว่บหายไปตอนไหนไม่รู้”
มุกตาภามองไปมุมหนึ่งเห็นอรสินีอยู่กับอติรุจ คุยอยู่กับณเดชย์
“อรก็อยู่นี่ แล้วพี่นนท์ไปไหน”
มุกตาภาแปลกใจ
สองคนอยู่ในร้านอาหารหรูที่นัดกันเป็นประจำ ตรีอัปสรเงยหน้าขึ้นมองชญานนท์ซึ่งนั่งอยู่ตรงข้าม
“ตรีคิดว่าคุณนนท์จะชวนตรีไปงานแต่งงานของคุณมุกซะอีก” น้ำเสียงตรีอัปสรเจือความน้อยใจอยู่ในนั้น
“จัดงานเล็กๆเป็นการภายในครับ มีแต่ญาติๆ ผมก็เลยไม่ได้เชิญคุณ”
“มีแต่ญาติๆ ยิ่งสมควรจะไปนะคะ อย่างน้อยตรีก็ควรไปแสดงความยินดีกับคุณมุก คุณนะ”
“ผมจะบอกยายมุกให้ครับ”
“คุณนนท์คิดว่าคุณมุกยังโกรธตรีอยู่เหรอคะ ถึงไม่อยากให้ตรีไปงาน”
“มุกจะโกรธคนที่โทร.ไปบอกให้มุกไปดูแลนายนะได้ยังไง จริงไม๊ครับ”
ตรีอัปสรยิ้มออกทันที “คุณมุกบอกคุณนนท์เหรอคะ”
“ครับ”
“ตรีอยากไปแสดงความยินดี อวยพรคุณมุกกับคุณนะจริงๆ นะคะ ถ้าไปตอนนี้จะได้ไม๊คะ”
“ผมว่าเป็นวันอื่นดีกว่าครับ”
ตรีอัปสรพูดล้อๆ “น้องสาวชิงแต่งงานตัดหน้าพี่ชายไปก่อน แล้วเมื่อไหร่จะถึงคิวพี่ชายคะ”
ไม่เท่านั้นตรีอัปสรมองจ้องชญานนท์อย่างท้าทาย ชายหนุ่มมองหล่อนด้วยความรู้สึกผิดล้วนๆ ไม่ได้มีความเร่าร้อนดังเดิม ชญานนท์ยิ้มให้อย่างอ่อนโยน แต่ยังไม่ทันจะตอบอะไร เสียงนักข่าวก็ดังขึ้น
“ขอถ่ายรูปหน่อยนะคะ น้องตรี คุณนนท์”
ทั้งตรีอัปสรและชญานนท์หันมามอง แล้วยิ้มให้
“รบกวนขยับใกล้กันนิดค่ะ”
ตรีอัปสรหันมามองชญานนท์ยิ้มหวานให้ นักข่าวคนนั้นถ่ายรูปหนุ่มหล่อสาวสวย ทุกอิริยาบถล้วนชิดใกล้ ราวกับเป็นคู่รักก็ไม่ปาน
เมื่อสลิลทิพย์เห็นรูปจากข่าวในแทบเล็ตในวันถัดมา ก็ไม่พอใจมาก ตะโกนเรียกลั่นบ้าน
“ยายอร...ยายอร...ยายอร...มาหาแม่ซิ”
สลิลทิพย์ขยับลุกขึ้นเหมือนนั่งไม่ติด ซักครู่ อรสินีเดินออกมาจากด้านใน
“มาแล้วค่ะ”
“มีอะไรคะ คุณแม่ มีอะไรตื่นเต้นเหรอคะ”
สลิลทิพย์เห็นอรสินีซึ่งมีหน้าตาสดชื่นก็นึกหมั่นไส้จึงพูดประชด
“มีซิยะ นี่...เห็นรึยังว่าแฟนเราไปควงคู่ถ่ายรูปออกสื่อกับนังตรีอัปสร”
อรสินีไม่มองรูปจากในแทบเลตที่แม่ยื่นมา แต่มองหน้าสลิลทิพย์นิ่ง ครุ่นคิด สลิลทิพย์ไม่ได้สังเกตอาการของลูกเพราะมัวแต่โวยวาย
“ก่อนหน้านี้ ที่นนท์ไปนู่นนี่กับนังนั่น อรก็นิ่งมาตลอดแม่ก็พยายามนิ่งตามอรน่ะ ถึงได้ตัดสินใจว่า อรกับนนท์ควรจะหมั้นกัน ประกาศให้โลกรู้ไปเลย นังตรีมันจะได้รู้ว่า ไม่ควรยุ่งเกี่ยวหรือคิดจะฉกนนท์”
“คุณแม่คิดว่า แหวนหมั้นจะผูกคนสองคนไว้ได้เหรอคะ อรว่าต่อให้เป็นทะเบียนสมรส ก็ทำอะไรไม่ได้หรอกค่ะ ถ้าไม่รักกันแล้วหรือถ้าคิดจะนอกใจ”
สลิลทิพย์มองมาอย่างพิจารณา แล้วนึกสงสัย เมื่อเห็นอรสินีหลบตา ซ่อนสีหน้า
“มีอะไรรึเปล่า อร”
“อรจะไม่หมั้นกับพี่นนท์ค่ะ แม่”
สลิลทิพย์ตกใจนึกไม่ถึง “อะไรนะ”
อรสินีเงียบ บอกย้ำผู้เป็นมารดาแทนด้วยท่าทางเด็ดขาด และจริงจัง นั้น
โปรดอ่านต่อตอนที่ 18