ปีกมงกุฎ ตอนที่ 16
ณเดชย์ตื่นแต่เช้า เวลานี้เขานั่งอยู่ที่โต๊ะ ในห้องทานอาหารคนเดียว จนซักครู่คุณหญิงสุดสวาทเดินเข้ามาในนั้น
“ตื่นแต่เช้าเชียวลูก เมื่อคืนก็กลับดึกไม่ใช่เหรอ”
“ก็นิดหน่อยครับ”
“นะไปไหนมาล่ะลูก เห็นหนูมุกบอกว่าแยกกับลูกตั้งแต่ตอนหัวค่ำ”
“ไปหาเพื่อนมาครับ”
คุณหญิงพยักหน้ารับรู้ “ไปหาเพื่อนก็แล้วไป อย่าไปหาผู้หญิงคนอื่นแล้วกัน อย่าทำนิสัยเหมือนพ่อ....อย่าให้หนูมุกต้องมีสภาพเหมือนแม่”
ณเดชย์เงียบไม่ตอบ คุณหญิงมองลูกชายโทนอย่างพิเคราะห์
“ทำไมเงียบไปล่ะ หรือว่าแม่พูดถูก นะอย่าไปยุ่งเกี่ยวกับใครนะลูกหนูมุกคือผู้หญิงที่เหมาะสมที่สุด สำหรับลูก”
ณเดชย์บอกว่า “ผมอยากแต่งงานกับผู้หญิงที่ผมรัก มากกว่าผู้หญิงที่เหมาะสมกับผม”
คุณหญิงชะงัก “นะพูดแบบนี้ หมายความว่ายังไง นะไม่ได้รักหนูมุกเหรอ”
ณเดชย์ขยับลุกขึ้น “ผมไปทำงานก่อนนะครับ”
“เดี๋ยวนะ ตอบแม่มาก่อน”
ณเดชย์หันมามอง “เอาไว้ถึงเวลา แล้วผมจะบอกแม่ครับ”
ณเดชย์เดินออกไปเลย คุณหญิงสุดสวาทมองตามอย่างกังวล
วรัญญานั่งอยู่ในร้านอาหาร แต่งตัวสบายๆ ส่วนเจ๊หนึ่งแต่งตัวจัดเต็มเดินเข้ามาหา วรัญญาเงยหน้าขึ้นมองเจ๊หนึ่ง
“จะไปงานอีเว้นท์ไหนเนี่ย เจ๊ แต่งซะเต็มเชียว”
“ชั้นเป็นผู้จัดการ รองอันดับสอง นางสาว ณ สยาม ที่กำลังจะเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ของช่องไทยเท็นนะยะ จะให้แต่งตัวพื้นๆ แบบเธอได้ยังไง ยายรัญ”
วรัญญาอดหัวเราะขำคำพูดของพี่เลี้ยง ที่วันนี้เป็นผู้จัดการส่วนตัวไม่ได้
“แล้วนี่เรียกรัญมาทำไมเนี่ย วันนี้วันหยุดของรัญ รัญตั้งใจจะพักให้เต็มที่ พรุ่งนี้ก็มีถ่ายละครแต่เช้า”
เจ๊หนึ่งส่ายหน้าเอือมระอา “โอย...ยายรัญ อย่าทำตัวเป็นครกให้เจ๊เข็นขึ้นภูเขาได้ไม๊ เจ๊ไม่มีแรงมากมายเหลือเฟือนะ กะเทยร่างบางหน้าตาดีอย่างเจ๊ ไม่เหมาะจะทำงานหนัก เข้าใจไม๊”
“แล้วเจ๊จะเข็นรัญทำไมอีกเนี่ย เท่านี้รัญก็โอเคแล้ว”
เจ๊หนึ่งค้อนควัก “อย่ามามักน้อยในวงการบันเทิง วรัญญา วงการนี้เค้ามีไว้ให้กอบโกยสร้างชื่อเสียง เงินทอง เข้าใจไม๊”
“เข้าเรื่องเลย เจ๊จะให้รัญทำอะไร” วรัญญามาใส่ใจนัก
เจ๊หนึ่งสาธยาย “เราต้องวางแผนสร้างข่าว สร้างกระแส เอาแบบดังโดดเด้งกันไปเลยแล้วเจ๊จะบอกให้น่ะ ถ้าตราบใดที่เธอยังจับเศรษฐีมาแต่งงานด้วยไม่ได้เธอก็จะต้องทำตามที่เจ๊บอก เพื่อความอยู่รอดของเรา”
“สรุปเลย เจ๊”
“ข่าวที่จะทำให้ดัง มันต้องเป็นข่าวแรงๆ ยิ่งแรงยิ่งดัง เป็นประเด็นให้คนพูดถึงเยอะๆ”
“แล้วเจ๊จะให้รัญเป็นข่าวกับใคร แล้วใครจะยอมเป็นข่าวกับรัญ”
เจ๊หนึ่งทำท่าครุ่นคิดอมยิ้ม มีเลศนัยไม่ตอบ
อีกฟาก ที่ร้านอาหารประจำของทิปปี้และภารดี ตอนสาย ภารดีทรุดตัวลงนั่งหน้าหงิกสุดๆ
“นัดหนูดีมา มีอะไรจะมาเสนออีกล่ะ”
ทิปปี้ค้อนควัก “อย่าเพิ่งหงุดหงิดได้ไม๊ ของแบบนี้มันก็ต้องใจเย็น ใช้เวลาจะหาผู้ชายดีๆ มันก็ต้องหาจากสถานที่ดีๆ ด้วย”
“สถานที่ดีๆ หึ แล้ววันก่อนพาหนูดีไปท่องราตรีทำไม”
“แหม ของแบบนี้ มันก็ต้องมีพลาด มีผิดกันบ้าง”
“เอาเถอะเจ๊ เจ๊ไม่ต้องพยายามแล้ว หนูดีจัดการเองดีกว่า”
ทิปปี้ตาโต “เล็งใครเอาไว้เหรอ หนูดี”
ภารดีอมยิ้ม “เล็งไว้แล้ว พี่ทิปปี้คอยดูแล้วกัน รับรองว่าข่าวของยายอรสินีกับนังตรีอัปสร อับแสง สลด จ๋อยไปเลย”
ทิปปี้คันคะเยอ อยากรู้สุดฤทธิ์ “ใครกัน พูดแบบนี้พี่ยิ่งอยากรู้”
ภารดีขยับมากระซิบบอก ทิปปี้ตาโต ไม่คิดว่าภารดีจะคิดได้
“หนูดี...หนูดีช่างกล้า คิดได้ยังไงเนี่ย”
“สงวนสิทธิ์เฉพาะคนฉลาดเท่านั้น พี่ทิปปี้ หนูดีว่าพี่ทิปปี้จัดนักข่าวรอไว้เลยดีกว่า งานนี้กระฉ่อนแน่ๆ” ภารดียิ้มกระหยิ่ม
ทิปปี้ยิ้มย่อง เห็นด้วยสุดลิ่ม ปลื้มปริ่มกับความคิดนี้ของภารดี
เช้านี้ ในกองละครเล่ห์ร้ายสายสวาท ทุกคนกำลังเตรียมงานสำหรับถ่ายทำ ชญานนท์เดินเข้ามาหา ติ๊น่ากับรัตน์ ตรงหน้ามอนิเตอร์
“สวัสดีครับ”
ติ๊น่าหันไปมอง “สวัสดีค่ะ แหม...คุณนนท์มาแต่เช้าเลยนะคะ”
“ผมมีเรื่องจะปรึกษาคุณติ๊น่ากับคุณรัตน์ครับ”
“โทร.บอกให้ดิชั้นเข้าไปหาที่ไทยเท็นก็ได้นะคะ ไม่ต้องมาถึงนี่” ติ๊นาเกรงใจ
“ไม่เป็นไรครับ ผมมาเองสะดวกกว่า จะได้ถือโอกาสมาเยี่ยมกองถ่ายด้วย”
“ไปคุยทางด้านโน่นดีกว่าไม๊คะ คุณนนท์” รัตน์บอก
“ได้ครับ”
รัตน์เดินนำชญานนท์และติ๊น่าไปมุมเงียบๆ
สามคนนั่งอยู่ตรงมุมพักผ่อนในกองถ่ายละคร
ชญานนท์ปรารภขึ้น “ผมอยากให้นักแสดงของเราขึ้นปกนิตยสาร จะได้เป็นการโปรโมทละครไปด้วย”
“ก็ดีเหมือนกันนะคะ ดิชั้นลืมเรื่องนี้ไปได้ยังไงเนี่ย” รัตน์ว่า
ชญานนท์บอก “ผมอยากได้นิตยสารที่ดูดี แล้วก็อยากให้มีบทสัมภาษณ์นักแสดงด้วย”
ติ๊น่าเสนอ “ถ้างั้นก็ต้องหนังสือบีลิฟค่ะ”
“ตรีอัปสรก็เคยขึ้นปกมาแล้วนะคะ ก่อนจะได้ตำแหน่ง นางสาว ณ สยาม”
“คุณติ๊น่าติดต่อได้เลยนะครับ แต่คราวนี้ผมขอให้เป็นนางแบบ 4 คนนายแบบ 1 คน”
“ได้ค่ะ ดิชั้นจะลองโทร.เกริ่นๆ กับคุณพีก่อน” ติ๊นาบอก
“ถ้าวันนี้คุณพีว่าง ให้มาเจอกันที่นี่ก็ได้ครับ”
“ได้ค่ะ” ติ๊นายิ้มรับ
“ผมอยากให้มีการถ่ายแบบเร็วที่สุด ใช้คอนเซ็ปต์ละคร เล่ห์ร้าย สายสวาท เป็นธีม ถ้าหนังสือวางแผงพร้อมละครได้จะดีมากเลยครับ”
ติ๊น่ายิ้มเย้า “ไม่มีปัญหาค่ะ งานเร็ว งานเร่ง เราถนัดค่ะ”
มีการพูดคุยนัดหมาย ประสานงานกันทางโทรศัพท์เป็นที่เรียบร้อย เช้าวันถัดมา พีรวัชรเปิดประตูห้องประชุมไทยเท็นเข้ามาพร้อมกับรัตน์ เห็นชญานนท์นั่งรออยู่ ชญานนท์ลุกขึ้นยืน
รัตน์แนะนำ “คุณชญานนท์ค่ะ”
ชญานนท์ยิ้มทัก “สวัสดีครับ คุณพี”
พีรวัชร์หวานใส่ทันทีเมื่อเห็นผู้ชายหน้าตาดี “สวัสดีฮ่ะ แหม...ตัวจริงหล่อกว่าในทีวีอีกนะฮะ”
“ขอบคุณครับ คุณพีได้คุยกับคุณพ่อแล้วใช่ไม๊ครับ”
“เรียบร้อยแล้วฮ่ะ”
“ต้องขอโทษด้วยนะครับ ที่งานค่อนข้างเร่ง แต่ผมอยากให้หนังสือออกไล่ๆกับละคร”
“พีเข้าใจฮ่ะ แต่ขอพูดตรงๆนะฮะ นี่ถ้าไม่ใช่คุณดิษฐ์ พี่ไม่รับงานนี้เด็ดขาด”
“ผมทราบครับ”
“วันนี้เราจะถ่ายเซ็ตที่เป็นเรื่องราวของ พระ นาง 2 คู่ น่ะฮ่ะ”
“ครับ”
“ส่วนเซ็ตที่สองนี่ คิดไปคิดมา พีว่าไม่ต้องดีกว่า เราเน้นเฉพาะตัวเอกไปเลย ตัว 2 ตัว 3 เอาไว้ไปลงในหนังสือดาราจะดีกว่านะฮะ”
ชญานนท์ยิ้มรับ “ครับ”
“อ่อ...แล้วก็มีสัมภาษณ์ผู้บริหารหนุ่มด้วยนะฮะ” พีรวัชร์ตาเชื่อม
“ครับผม”
“งั้นพีขอตัวไปดูนายแบบ นางแบบก่อนนะฮะ”
“ครับผม”
พีรวัชร์ลุกขึ้นยิ้มหวานให้ชญานนท์ ก่อนจะเดินออกไปกับรัตน์ ชญานนท์มองตามแล้วถอนหายใจเบาๆ
ที่ห้องแต่งตัวในสตูดิโอ อรสินี เพชร ติ๊น่า รัตน์ และทีมงานนิตยสารอยู่ในนั้น ช่างหน้าช่างผมกำลังแต่งหน้า ทำผมให้อรสินี มีเพชรนั่งแต่งอยู่ด้วย เสื้อผ้าของอรสินีค่อนข้างเซ็กซี่ ตามคอนเซ็ปต์ของทักษิกา ติ๊น่าเดินเข้ามาดู
“เป็นยังไงบ้างคะ สาวๆ ใกล้เสร็จรึยังคะ”
ช่างแต่งหน้าบอก “ใกล้แล้วค่ะ”
“เซ็ตแรกเป็นน้องอรกับเพชรก่อนนะคะ” ติ๊นาบอก
“แล้วตรีล่ะคะ” ตรีอีปสรถาม
“กำลังมาค่ะ ป้าติ๊บอกให้มาช้านิดนึง จะได้ไม่ต้องเสียเวลารอ”
“ค่ะ”
พีรวัชร์เดินตูดบิดเข้ามา “สวัสดีฮ่ะ”
อรสินีกับเพชรหันไปมอง เกย์บอกอชื่อดัง ซึ่งเดินมากับรัตน์ แล้วยกมือไหว้ สวัสดีทักทาย พีรวัชร์มองอรสินีด้วยแววตาชื่นชม
“อุ๊ยตาย พี่พึ่งเคยเจอตัวจริง สวยผ่อง สว่างไสวไปทั้งห้องเลยนะฮะน้องอร”
“ขอบคุณค่ะ”
“เก๋มากนะฮะ ใครวางตัวให้สาวหน้าหวานเจี๊ยบขนาดนี้ไปเล่นเป็นตัวร้ายบทแสนแซบฮะเนี่ย...เข้าใจคิดจริงๆ ได้ข่าวว่า...ตีบทแตกกระจุยเลย ใช่ไม๊ฮะ”
“ก็พยายามทำเต็มที่ค่ะ คุณพี” อรสินีถ่อมตัว
พีรวัชร์หันไปมองทางเพชรอย่างชื่นชม เดินไปจัดเสื้อผ้าให้
“น้องเพชรก็หล่อล่ำ หน้าเข้ม รับรองว่าต้องเป็นขวัญใจสาวน้อย สาวใหญ่แม่ยก แน่นอน”
“ขอบคุณครับ”
พีรวัชร์หันไปทางวุฒิ ซึ่งนั่งอยู่ใกล้ๆ เพชร
“วุฒิก็กล้ามใหญ่ไม่แพ้ใครเหมือนกันนะ”
วุฒิยิ้มให้แต่ไม่พูดอะไร
“เดี๋ยวแต่งตัว แต่งหน้าเสร็จแล้ว เข้าไปสตูดิโอเลยนะฮะ เดี๋ยวพีขอตัวเข้าไปสัมภาษณ์คุณชญานนท์ก่อนนะฮะ”
พีวรวัชร์หันไปทางติ๊น่า “ฝากด้วยนะฮะ ป้าติ๊”
“ได้ฮ่ะ เอ๊ย ได้ค่ะ”
พีรวัชร์หัวเราะขำ แล้วเดินส่ายเอวบิดตูดออกไป
ชญานนท์นั่งให้สัมภาษณ์ด้วยท่วงท่านักธุรกิจสายบันเทิง มาดสบายๆ เป็นกันเองแต่ยังคงความเท่ห์ สุขุม และดูดี มีพีรวัชร์เป็นคนสัมภาษณ์เอง โดยมีช่างภาพเก็บภาพบรรยากาศการสัมภาษณ์ไปด้วย
“ทำไมไทยเท็นถึงตัดสินใจทำละครล่ะฮะ”
“ผมว่าละครเป็นความบันเทิงอันดับต้นๆ ที่อยู่คู่กับคนไทยนะครับ ผมอยากให้ไทยเท็นเหมือนตลาดที่มีสินค้าทุกอย่างที่ลูกค้าต้องการคือถ้าเปิดช่องไทยเท็นแล้ว ก็ไม่ต้องเปลี่ยนไปดูช่องอื่นครับ”
พีรวัชร์หัวเราะ “ไม่ต้องใช้รีโมทกันเลยใช่ไม๊ฮะ”
ชญานนท์หัวเราะตาม “ใช้ตอนเปิดโทรทัศน์กับปิดครับ”
“แล้วที่ตัดสินใจเลือก นางสาว ณ สยาม กับรองมาแสดงละครล่ะฮะ...พีว่าเป็นความกล้ามากเลยนะฮ่ะ...เป็นนักแสดงหน้าใหม่ที่ไม่มีพื้นฐานการแสดงกันเลย”
“ถือว่าเป็นงานที่ท้าทายมากกว่าครับ ท้าทายทั้งสถานี ทั้งนักแสดง และก็ทีมงาน แต่ทุกคนก็ตั้งใจทำงาน ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่นะครับ ผมอยากให้คุณผู้ชมให้โอกาสเรา ลองชม เล่ห์ร้าย สายสวาท นะครับ”
“หลังจากจบละครเรื่องนี้แล้ว ทิศทางของไทยเท็นจะเป็นยังไงฮะ”
“ไม่ว่าละครเรื่องแรกจะประสบความสำเร็จในระดับไหน ไทยเท็นก็ยังมุ่งมั่นจะทำละครต่อไปครับและเราจะบุกรายการข่าวด้วยครับ”
“เรียกว่าลุยเต็มที่เลยนะฮะ แล้วในส่วนของข่าวรูปแบบจะออกมาเป็นยังไงฮะ”
“นำเสนอข่าวตรงไปตรงมา เป็นธรรม ไม่เอาความคิดเห็นของผู้ดำเนินรายการเข้าไปสอดแทรก เพราะข่าวไม่ใช่ละคร เราจะไม่เล่นข่าวการเมือง เศรษฐกิจ สังคม แบบเร้าอารมณ์ ดราม่า ไร้สาระ เหมือนข่าวบันเทิง”
“สุดยอดเลยฮ่ะ ถือว่าเป็นคนหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรงจริงๆ ฮ่ะ”
ชญานนท์ยิ้มให้
ไม่นานนัก ชญานนท์ถ่ายรูปเพื่อประกอบบทสัมภาษณ์ มีพีรวัชร์คอยจัดท่าให้ แอบลวนลามบ้างเล็กๆ น้อยๆ กรุบกริบ ช่างภาพถ่ายมู้ดโทนนักธุรกิจหนุ่มไฟแรง หลายๆ ช็อต ชญานนท์ดูหล่อลากไส้อย่างยิ่ง
ต่อมาพีรวัชร์กำลังจัดข้าวของ ผ้าประกอบฉาก โดยมีชญานนท์ยืนดูอยู่
“พีจะถ่ายคอนเซ็ปต์ “เล่ห์ร้าย สายสวาท” ในแบบจินตนาการของพีนะฮะ เราจะถ่ายแบบหญิง 2 ชาย 2 นางเอกกับนางร้ายหน้าหวานของเราก็จะโป๊นิดๆ เซ็กซี่หน่อยๆ ส่วนพระเอกกับผู้ร้าย เกือบเปลือย”
ชญานนท์ทักท้วงนิดๆ “เกือบเปลือยเหรอครับ”
“ใช่ฮ่ะ...ผู้ชายรูปร่างดีๆ ใส่เสื้อปิดไว้ก็เสียของหมดซิฮะ พี่ยังติดตาภาพคุณนนท์ตอนถ่ายเซ็ตแฟชั่นเจ้าล้านนากับผู้เข้ารอบ นางสาว ณ สยามได้เลยฮ่ะ โดยเฉพาะเซ็ตที่ถอดเสื้อ อูย เพื่อนฝูง เก้งกวางฮือฮากันทั่วสารทิศเลยฮ่ะ”
พีรวัชร์พูดด้วยหูตาแพรวพราว จนชญานนท์เขิน
“ถ้างั้นก็ตามสบายครับ”
ชญานนท์ถอยกลับไปนั่งดูเงียบๆ ซักครู่ อรสินีเดินออกมามีเพชรกับวุฒิตามมาติดๆ
“เช็ตนี้จะเป็นเซ็ต ฤทธิ์ทักษิกา เอาชื่อตัวละครมาใช้ แสดงถึงพลังของตัวเอกของเราที่เป็นนางร้าย”
ทั้ง 3 คนเดินไปในเซ็ตฉาก พีรวัชร์จัดท่าทางให้ อรสินีถูกจับโพสท่าให้ใกล้ชิดกับเพชร และวุฒิ โดยมี ชญานนท์ยืนมองอยู่ โดยพยายามเก็บอาการ
ในห้องแต่งตัว ตอนสายนั้นเอง ตรีอัปสรเดินยิ้มแย้มเข้ามาในห้องนั้น
“มาแล้วค่ะ”
“นั่งเลยค่ะ น้องตรี เอ้า...ลินดา” รัตน์หันไปทาง ช่างแต่งหน้า “เสกให้สวย เริด เชิด หยิ่งเลย”
ลินดารับ “สุดฝีมือเลยค่ะ”
ตรีอัปสรนั่งให้ช่างแต่งหน้า แต่งผมให้ ติ๊น่าเดินเข้ามา
“น้องตรี ตรงเวลาดีจริง น้องอรกับสองหนุ่มกำลังถ่ายอยู่ ตรีแต่งเสร็จแล้วจะได้ไปถ่ายเซ็ตใหญ่”
ตรีอัปสรยิ้มให้แต่ไม่พูดอะไร เสียงภารดีก็ดังเจื้อยแจ้วเข้ามา
“สวัสดีค่ะ ทุกคน”
ตรีอัปสรกับติ๊น่าหันไปมองเห็นภารดีเดินนวยนาด สวยงามเข้ามา รัตน์มองอย่าง งงๆ
“อ้าว หนูดี...มาได้ยังไงเนี่ย” ติ๊นาแปลกใจมาก
“หนูดีก็นั่งรถมาซิคะ แหม...ถามแปลกๆนะคะ ป้าติ๊”
ติ๊น่าค้อน “ที่ป้าติ๊ถามหมายถึง วันนี้ไม่มีคิวถ่ายหนูดีแล้ว หนูดีมาได้ยังไงคะ”
“หนูดีมา ก็เพราะหนูดีคิดรอบคอบแล้วว่า บีลิฟเล่มนี้ควรจะมีหนูดีด้วย เพราะในเรื่อง หนูดีเป็นเพื่อนทักษิกา จะให้ทักษิกาถ่ายตามลำพังได้ยังไงคะ”
“แต่เราไม่ได้นัดเธอมานะ” รัตน์ว่า
“ไม่นัดก็มาได้ค่ะ ถ้าเห็นสมควร”
รัตน์ทำหน้าไม่ถูก คิดไม่ถึงว่าภารดีจะตอบคำนี้ ตรีอัปสรหัวเราะเบาๆ ภารดีหันขวับมามองอย่างไม่พอใจ แหวใส่
“ขำอะไร ตรี มีอะไรตลก”
“ก็ตลกเธอไง ไม่มีคิวถ่ายวันนี้ ไม่มีใครโทร.นัด ก็ยังอุตส่าห์หอบสังขารมา”
ภารดีขึ้นเสียง “นังตรีอัปสร”
ตรีอัปสรโกรธ “สุภาพหน่อย ภารดี ชั้นว่าเธอกลับไปดีกว่า เสียเวลาเปล่าๆ ยังไงเธอก็ไม่ได้ถ่ายแน่นอน”
“ชั้นไม่กลับ ชั้นจะอยู่ ชั้นจะถ่ายรูป ป้าติ๊คะป้าติ๊ต้องให้หนูดีถ่ายรูปพร้อมอรนะคะ”
“เค้าไม่ด้วางตัวไว้จะถ่ายได้ยังไงล่ะ จะไปแทรกตรงไหน” รัตน์ว่า
“ไม่เห็นจะยากเลยค่ะ หนูดีมาแล้ว ให้หนูดีถ่ายเถอะค่ะ ภาพมันจะได้สมบูรณ์มากขึ้น”
รัตน์ กับติ๊น่า พยายามพูดอธิบายแต่ภารดีก็โวยวายดังขึ้นไม่ยอมกลับ
เสียงพีรวัชร์ ดังขึ้น “เอะอะโวยวายเสียงดังอะไรกันฮะ” แล้วเห็นตรีอัปสร “ต๊าย...น้องตรี สวยงามที่สุด ดีใจย้อนหลังกับตำแหน่ง นางสาว ณ สยาม นะฮะ”
“ขอบคุณค่ะ”
“แต่งหน้าเสร็จแล้ว...เปลี่ยนชุดแล้วไปที่สตูดิโอเลยนะฮะ”
ภารดีแถเข้ามาหาพีรวัชร์ ยกมือไหว้อย่างนอบน้อม
“สวัสดีฮ่ะ”
พีรวัชร์มองภารดีอย่างงงๆ อีนี่ใครกันไม่รู้จัก
“หวัดดีฮ่ะ ใครฮะเนี่ยเสียงเธอรึเปล่าที่เอะอะโวยวาย ว่าแต่...เรารู้จักกันเหรอ”
ภารดีทำหน้าเหวอ ไม่นึกว่า พีรวัชร์จะไม่รู้จัก ตรีอัปสรยิ้มอย่างสะใจ
ประตูสตูดิโอเปิดออก เห็นติ๊นากับทีมงาน ช่วยกันดึงภารดีออกมา ภารดีพยายามดิ้น ปากก็ร้องโวยวาย
“ปล่อยนะ ปล่อยหนูดี ปล่อยซิโว้ย”
“เงียบ หยุด” ติ๊นาตวาด ท้าวสะเอวเอาจริง “หยุดเดี๋ยวนี้”
คราวนี้ภารดีหยุดโวยวาย แต่หน้าตายังเอาเรื่อง พยศอยู่
“อย่ามาตวาดใส่หน้าหนูดีนะคะ ป้าติ๊”
“เธอก็อย่ามาขึ้นเสียงใส่ชั้นเหมือนกัน ชั้นไม่อยากจะเอาตำแหน่งหน้าที่มาข่มขู่นะ แต่เธอมันเหลือรับจริงๆ กล้าขึ้นเสียงขัดคำสั่งผู้จัดละครเหรอ”
“ก็ผู้จัดละครลำเอียงนี่คะ หนูดีก็ต้องต่อสู้เพื่อความถูกต้อง”
ตรีอัปสรเดินออกมาจากห้องแต่งตัว มองภารดีอย่างเหยียดหยาม
“ยังไม่ยอมกลับอีกเหรอคะ เนี่ย เธอจะยื้อให้ได้อะไรหะ หนูดี ฟังภาษาคนไม่เข้าใจรึไง”
ตรีอัปสรปรายตามองภารดี ทำหน้าเยาะๆ แล้วขยับจะเดินกลับ ภารดีปราดเข้าไปขวางหน้า
“อย่ามาทำหน้าแบบนี้กับชั้นนะ ชั้นไม่ชอบ แล้วนี่แต่งเสร็จแล้วใช่ไม๊ ชั้นจะได้แต่งต่อ”
“ภารดี ชั้นว่าเธออย่าดื้อ ด้าน นักเลย ถ้าเธออยากถ่ายรูปขึ้นปกจริงๆ ชั้นว่าเธอไปขอคุณดิษฐ์ดีกว่า ถ้าคุณดิษฐ์อนุญาต เธอค่อยกลับมาใหม่”
เสียงมุกตาภาดังเข้ามา “มีอะไรกันเหรอคะ”
ทุกคนหันไปมอง ภารดีมีท่าทางดีใจ พุ่งเข้าไปหา
“คุณมุก”
ตรีอัปสรมองหน้ามุกตาภา แล้วหันไปมองติ๊น่า
ภารดีเดินนำเข้ามา มีมุกตาภา ตามมาติดๆ
“คุณมุกต้องช่วยให้หนูดี ได้ขึ้นปกบีลิฟนะคะ”
“ชั้นจะช่วยยังไง เรื่องนี้ คุณพ่อกับพี่นนท์เป็นคนจัดการคุยกับคุณพี แล้วเค้าก็วางคอนเซ็ปต์ไปแล้ว”
ภารดีไม่ยอม “โอ๊ย...วางได้ก็เปลี่ยนได้”
“จะเปลี่ยนได้ยังไงล่ะ พูดเป็นเล่นไปได้”
“หนูดีพูดจริง แล้วคุณมุกก็ต้องช่วยหนูดีจริงๆด้วย ดูวุฒิซิ เล่นเป็นมาเฟีย เข้าฉากน้อยกว่าหนูดีอีก...ยังได้ถ่ายแบบ”
มุกตาภาถอนหายใจ “อย่าเรื่องมากได้ไม๊”
เสียงเคาะประตูดังขึ้น มุกตาภากับภารดีหันไปมองเห็นรัตน์เดินเข้ามา
“มีอะไรให้ดิชั้นช่วยไม๊คะ”
“มีค่ะ ช่วยไปเตรียมชุดให้หนูดีสำหรับใส่ถ่ายแฟชั่นให้ด้วย ด่วนนะคะ”
รัตน์หันไปมองมุกตาภาเป็นเชิงถาม มุกตาภาพยายามเก็บอาการ
“คุณรัตน์ไปดูความเรียบร้อยในสตูดิโอเถอะ...ทางนี้ชั้นจัดการเอง”
“ค่ะ”
รัตน์พูดจบก็เดินออกไป ทิ้งภาพไว้ที่ภารดีมองมุกตาภา
ตรีอัปสร อรสินี วุฒิ เพชร ถ่ายรูปด้วยกัน มีพีรวัชร์เป็นสไตลิสต์คอยจัดท่าให้ ชญานนท์ยืนดู สบตากับตรีอัปสร ซึ่งส่งสายตามาหาบ้างเป็นระยะ รัตน์เดินเข้ามาเจอติ๊น่า
“เป็นยังไงบ้างคะ”
“คุณมุกกำลังคุยกับภารดีอยู่ค่ะ”
ติ๊น่ากังวล “จะได้เรื่องไม๊คะเนี่ย”
รัตน์ถอนหายใจเฮือกใหญ่
ฝ่ายภารดีเอ่ยขึ้นอย่างเป็นต่อ “ถ้าคุณมุกทำให้หนูดีถ่ายแฟชั่นไม่ได้ หนูดีก็จะแฉทุกเรื่อง”
มุกตาภาทำหน้าเข้มกลบเกลื่อน “แฉเรื่องอะไร มีเรื่องอะไรที่เธอจะแฉได้”
“ทุกเรื่องที่คุณมุกมีส่วนรู้เห็นเป็นใจ ชักใยอยู่เบื้องหลัง...”
“เธอพูดเรื่องอะไรเนี่ย ชั้นว่าเธอกลับไปสงบสติอารมณ์ดีกว่า เธอเล่นละครเรื่องนี้ ยังไงเธอก็ติดสอยห้อยตาม ดังกันไปทั้งกลุ่มอยู่แล้ว เธอจะอยากถ่ายอะไรนักหนาห๊ะ”
“ไม่ต้องกล่อม ยังไงหนูดีก็จะถ่าย ถ้าไม่ได้ถ่าย มีเรื่องแน่”
มุกตาภาไม่ยอมเหมือนกัน “อย่ามาขู่ชั้นนะ เธอมันก็แค่นักแสดงที่เพิ่งจะโผล่ออกมา อย่าอวดดีกับชั้น กลับไปได้แล้ว”
มุกตาภาเดินหนีไปเลย ภารดีโกรธจัด สีหน้าท่าทางไม่มีวันยอม
ศรศรี มณีศิลป์ รายงานอยู่หน้ากล้องทีมงานข่าวบันเทิง ในสตูดิโอ
“เริ่มนับถอยหลังเพื่อเตรียมตัวชม เล่ห์ร้าย สายสวาท ละครเรื่องแรกจากไทยเท็น กันแล้วนะคะ และวันนี้เกาะติดละคร ออนแอร์ มาตาม มาเกาะติดการถ่ายปกหนังสือบีลิฟของนักแสดงจาก เล่ห์ร้าย สายสวาท กันนะคะ....เรียกว่าถ้าเตรียมตัวชมละครเรื่องนี้ ก็ต้องไม่พลาดบีลิฟเล่มนี้ค่ะภายในเล่ม จะมีทั้งบทสัมภาษณ์ ของคุณชญานนท์ ผู้บริหารหนุ่มไฟแรงและบทสัมภาษณ์นักแสดงนำทั้งคุณตรีอัปสร คุณอรสินี คุณเพชร เราไปชมภาพเบื้องหลังการถ่ายแฟชั่นเซ็ตนี้กันเลยค่ะ...”
ศรศรี ยังพูดไม่ทันจบ ภารดีก็พุ่งเข้ามาทันที พร้อมกระชากไมค์จากศรศรีมาถือไว้
“เดี๋ยวค่ะ ชั้นมีรายงานข่าวเด็ดมาฝากทุกคน”
ทุกคนในสตูดิโอรวมทั้ง มุกตาภาหันไปมองภารดีอย่างคาดไม่ถึง
ชญานนท์ อรสินี ตรีอัปสร มองภารดีด้วยท่าทีตกตะลึง
ปีกมงกุฎ ตอนที่ 16 (ต่อ)
ภารดีคว้าไมค์ของศรศรี พร้อมๆ กับหันหน้าไปทางมุกตาภาเหมือนท้าทาย เป็นเชิงบอกว่า “นึกว่าชั้นไม่กล้าเหรอ” ก่อนจะพูดออกมาว่า
“เป็นเรื่องสนุกที่สะใจ ดราม่า น้ำเน่ายิ่งกว่าละครที่ชั้นแสดงอีก...ใช่ไม๊ คุณมุกตาภา อืม จะให้เล่าเรื่องไหนก่อนดีล่ะ รู้เห็นเป็นใจกับเรื่องชุดราตรีที่ขาดกระจุย แล้วก็อยู่เบื้องหลังการเปลี่ยนมีดปลอมเข้าฉาก
...เป็นมีดจริงๆ ใช่ไม๊วุฒิ ช่วยตอบทุกคนแทนคุณมุกตาภาหน่อยซิ”
ทุกคนตื่นตะลึง เหลียวมองหน้ากันเลิกลัก แล้วก็มองไปที่วุฒิเป็นตาเดียว วุฒิเมินหน้าไปทางอื่น ชญานนท์เห็นท่าไม่ดี เพราะพาดพิงถึงน้องสาว รีบเดินเข้าไปหาภารดีอย่างใจเย็น
“คุณภารดี”
ภารดีแปลกใจนิดๆ “คุณนนท์...ถ้าหนูดีรู้ว่า คุณนนท์อยู่ที่นี่ หนูดีคงเข้ามาคุยกับคุณนนท์แล้ว”
“ผมว่า เราไปคุยกันทางโน้นดีไม๊ครับ”
ภารดีมองทุกคนที่หยุดชะงักมองภารดี แล้วเริ่มรู้สึกตัว ศรศรีเดินเข้ามาหยิบไมค์
“ขอคืนนะคะ”
ภารดีมองแล้วส่งไมค์ให้ศรศรี
พีรวัชร์งงมาก กระซิบถามติ๊นา “อะไรกันฮะ เนี่ย”
“ไม่มีอะไรฮ่ะ”
ชญานนท์จับมือภารดี พาเดินออกไปเลย มุกตาภาตามไปติดๆ รัตน์หันไปทางพีรวัชร์
“ถ่ายต่อเลยค่ะ คุณพี ไม่มีอะไรค่ะ เคลียร์ได้ค่ะ”
พีรวัชร์งงๆ อยู่ “อ๋อ......ฮ่ะ......ฮ่ะ.......ได้ฮ่ะ
จากนั้นเกย์บอกอก็หันไปจัดท่านางแบบและนายแบบ โพสถ่ายรูปต่อ ตรีอัปสร ค่อนข้างสะใจ แต่อรสินี อดกังวล และเป็นห่วงภารดีไม่ได้
เสียงภารดีโวยวายลั่นมุมนั้นในสตูดิโอ “แต่มันไม่ยุติธรรมนะคะ คุณนนท์ หนูดีกับอรเล่นด้วยกันมาตลอดเป็นแพคคู่เลย แต่พอถึงเวลาโปรโมท กลับโปรโมทอรคนเดียว”
“ทางคุณพี บอกอบีลิฟ เป็นคนวางคอนเซ็ปต์นะครับ ต้องการผู้ชาย 2 คน ผู้หญิง 2 คน เราก็ต้องเลือกนางเอก พระเอก และก็นางร้ายกับมาเฟีย”
“ถ่ายกันหลายเซ็ต ก็ควรสลับให้หนูดีบ้างนะคะ” ภารดีว่า
รัตน์เดินเข้ามาสมทบ ฟังเหตุการณ์เฉยๆ โดยไม่ได้พูดอะไร
ชญานนท์ปลอบ “ยังมีหนังสือบันเทิงอีกหลายเล่ม ผมว่าคุณใจเย็นๆ ดีกว่า”
“ใจเย็นเหรอคะ ใช่ซิ หนูดีไม่ใช่คู่ควงคุณนนท์เหมือนยายอรกับนังตรีนี่ คุณควง 2 คนนั่น สลับกันไปมา คุณก็ต้องเลือก 2 คนนั่น”
เห็นภารดีพาล มุกตาภาตวาดเข้ามา “ภารดี อย่ามาก้าวร้าวพี่ชายชั้นนะ”
ภารดีไม่กลัว “พูดเรื่องจริง เธอก็เหมือนกันมุกตาภา ทำเรื่องเลวร้ายสารพัด นึกว่าชั้นจะไม่กล้าแฉเหรอ”
ชญานนท์ตัดบท “พอเถอะครับ ผมว่าคุณกลับไปก่อนดีกว่า ผมจะถือว่า วันนี้คุณไม่ได้มาที่นี่ เราไม่ได้เจอกัน”
“ไปเถอะ ภารดี จบแบบที่คุณนนท์ว่า ดีกว่า” รัตน์บอก
ภารดีไม่ฟัง “ชั้นมาจนถึงขนาดนี้ ยังไม่ยอมให้ชั้นถ่ายขึ้นปกอีก”
รัตน์เหนื่อยใจ “คุณนนท์บอกแล้วไง ว่ายังมีหนังสือที่ต้องถ่ายขึ้นปกอีกหลายเล่ม จะให้ชั้นโทร.หาทิปปี้ให้มารับไม๊”
“ไม่ต้อง หนูดีกลับก็ได้ แต่หนูดีไม่ยอมจบแน่นอน”
ภารดีขู่อย่างอาฆาตแล้วสะบัดหน้าเดินหุนหันออกไป มีรัตน์ตามประกบ ชญานนท์มองตาม แล้วหันมามองมุกตาภาเป็นเชิงตำหนิ มุกตาภาหลบตา
ฝ่ายตรีอัปสรเดินมากับอรสินีเพื่อมาเปลี่ยนชุด ภารดีเดินผ่านมากับรัตน์ อรสินีเห็นภารดีก็เดิน
เข้าไปหาอย่างเป็นห่วง
“หนูดี”
ภารดีสะบัด “อย่ามายุ่งกับชั้น”
อรสินีเซตามแรงสะบัดของภารดี ตรีอัปสรตกใจขยับเข้าไปจับอรสินีไว้
“คุณอร”
“ไม่เป็นไร”
ตรีอัปสรหันไปทางภารดี “เธอนี่มันกัดไม่เลือกเลยน่ะ”
ภารดีจ้องหน้าตาขวาง “แค่เนี้ย เค้าไม่เรียกกัดหรอก แต่กับเธอชั้นกัดไม่ปล่อยแน่ นังตัวแสบ”
ตรีอัปสรเยาะหยัน “คนที่มันไม่รู้ตัวว่าอยู่ในตำแหน่งไหนนี่ มันน่าสมเพชจริงๆ พูดไปก็ไม่รู้เรื่อง พวกหมาบ้า”
“นังตรี”
ภารดีบันดาลโทสะ ยกมือขึ้นหมายจะตบ แต่รัตน์คว้าแขนไว้ได้ทัน
“พอเถอะ หนูดี”
“ปล่อยชั้นคุณรัตน์ ปล่อย”
ตรีอัปสรบอก “จับไปใส่กรงไว้ซักพักเถอะค่ะ พอหายบ้าแล้วค่อยปล่อยออก ไปค่ะ คุณอร ไปเปลี่ยนชุดกัน อย่ามาเสียเวลากับพวกหางแถวเลยค่ะ”
อรสินีตกใจกับคำท้าย “ตรี”
ตรีอัปสรดึงอรสินีออกไป ภารดีกรี๊ด พยายามดิ้นจากรัตน์เพื่อจะไปตบตรีอัปสรให้ได้ รัตน์พยายามดึงไว้สุดฤทธิ์ เพราะแรงดีกว่า ภารดีโวยวายว่าจะเล่นงานตรีอัปสรให้ได้
“แกต้องตาย...ฉันจะฆ่าแก”
ด้านมุกตาภานั่งก้มหน้านิ่ง ชญานนท์มองมาอย่างตำหนิ
“กลับบ้านก่อนเถอะมุก ทางนี้พี่จัดการเอง”
มุกตาภาอิดออด “แต่...”
ชญานนท์เสียงเข้มจัด “พาคุณศรศรีกลับไปด้วย แล้วก็ไปเช็คงานที่ถ่ายวันนี้ ลบคลิปที่ภารดีพูดออกให้หมด”
มุกตาภารับคำเสียงอ่อยๆ “ค่ะ”
“หวังว่าที่ผ่านมาคงจะเป็นเรื่องสุดท้ายนะ พอทีเถอะ อย่าถลำลึกไปมากกว่านี้เลย”
ชญานนท์พูดเสียงเข้ม แล้วเดินออกไป มุกตาภามองตามตาขุ่น
“ถ้าไม่ใช่เพราะนังตรีอัปสรมันมายุ่งกับคุณนะ เรื่องมันก็คงไม่เป็นแบบนี้หรอกค่ะ”
ชญานนท์หยุดยืนนิ่ง ช่วงที่น้องสาวระบาย จนพอมุกตาภาพูดจบ เขาก็เดินออกไป
มุกตาภามองตามอย่างแค้นใจ
อรสินี กับตรีอัปสรเปลี่ยนชุดใหม่ออกมา มีช่างผม ช่างหน้า ผู้ช่วยพีรวัชร์คอยดูแลเสื้อผ้า เครื่องประดับให้ ติ๊นายืนดูอยู่ด้วย ซักครู่ รัตน์เดินกลับเข้ามา ท่าทางเหนื่อยล้า ด้วยกว่าจะจัดการภารดีได้ต้องใช้แรงเยอะ ติ๊นาเดินไปหารัตน์
“เป็นยังไงบ้างคะ คุณรัตน์”
“กลับไปแล้วค่ะ”
“ไม่รู้เกิดบ้าอะไรขึ้นมานะคะเนี่ย เวรกรรม” ติ๊นาปลงสังเวช
“นั่นซิคะ กินอะไรเข้าไปรึเปล่าก็ไม่รู้ ท่าทางแปลกๆ”
ป้าติ๊ของทีมงานตาโต “คุณรัตน์หมายถึง” พร้อมทำปากพะงาบๆ ว่า “ยา...เหรอคะ”
“ดิชั้นก็ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ....แค่สงสัย”
รัตน์หันไปทางตรีอัปสร ในขณะที่ชญานนท์เดินเข้ามาพอดี
“ตรีต้องระวังตัวไว้ด้วยน่ะ ยายหนูดีโวยวายจะทำร้ายตรีให้ได้”
ชญานนท์มองที่ตรีอัปสร ทั้งสองคนสบตากัน
“ตรี ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ตรีดูแลตัวเองได้”
“แต่เราก็ต้องระวังตัวนะตรี บางทีเราระวังยังไง ก็สู้คนที่จ้องจะทำร้ายไม่ได้หรอก” อรสินีว่า
ตรีอัปสรยิ้ม “ค่ะ ขอบคุณคุณอรมากนะคะ ที่ห่วงตรี”
“เรารีบไปถ่ายให้เสร็จเร็วๆดีกว่าค่ะ จะได้ไม่เลิกค่ำมาก” ติ๊นาบอก
“ค่ะ”
อรสินีรับคำแล้วเดินนำไป ในขณะที่ตรีอัปสรหันมามองชญานนท์ก่อนจะเดินตามไป
ในสตูดิโอ ตอนนั้น การถ่ายภาพนิ่งในชุดใหม่ ถ่ายกันไปมา เห็นศรศรี และช่างภาพถ่ายรูป เก็บบรรยากาศ เบื้องหลัง ซักครู่ มุกตาภาเดินมาหาศรศรี
“ได้ภาพครบรึยัง”
“ครบแล้วค่ะ”
“กลับกับชั้นเลย ชั้นจะเข้าไปดูตัดต่อด้วย”
ศรศรีหน้าจ๋อยๆ เกรงๆ “ค่ะ”
มุกตาภามองไปที่อรสินี ตรีอัปสร เพชรและวุฒิ อีกด้านเป็นชญานนท์นั่งดูภาพอยู่ มีติ๊นากับรัตน์อยู่ข้างๆ
ฝ่ายภารดีเดินหน้าตาเอาเรื่องเข้ามาหน้าตึกสำนักงานไทยเท็น พึมพำอย่างโกรธแค้น
“เวลานี้ เหมาะที่สุดแล้ว”
ภารดีขยับเดินเข้าไปในอาคาร ทิปปี้วิ่งตามมาจากด้านหลัง ร้องเรียกเสียงหลง
“หนูดี หนูดี เป็นบ้าไปแล้วรึไง ห๊ะ ไปอาละวาดแบบนั้น ถ้าเค้าปลดออกจากละครจะทำยังไง”
ภารดีหยุด หันมาหา “พี่ทิปปี้ เตรียมเก็บภาพให้ดีแล้วกัน คนอย่างหนูดี ไม่ยอมแพ้ใครง่ายๆ หรอก”
ภารดีเดินหุนหันขึ้นตึกไป ทิปปี้รีบวิ่งตามไปติดๆ
การถ่ายแฟชั่นเซ็ตสามในสตูดำเนินต่อไป เป็นเซ็ตที่อรสินีถือมีด โพสท่าสวยงามหมดจด แม้ท่าทีจะแลดูโหดเหี้ยม
ภารดีนั่งตรงข้ามคุณดิษฐ์ ร้องไห้กระซิกๆ ใส่เสื้อสายเดี่ยว แขนเสื้อตกลงมา เตรียมตัวมาจงใจยั่วยวนคุณดิษฐ์เต็มที่
“หนูดี ไม่อยากให้เรื่องมาถึงคุณดิษฐ์หรอกนะคะ แต่หนูดีทนไม่ได้จริงๆ ที่โดนกลั่นแกล้ง”
“เท่าที่ฟัง ก็ไม่เห็นว่าจะมีใครกลั่นแกล้งคุณนะ เรื่องถ่ายปกหนังสือบีลิฟทางเราคุยกับคุณพี ตกลงกันจะถ่ายเฉพาะนักแสดงนำเท่านั้น ส่วนคุณกับคุณวรัญญาแล้วก็กัลยาณี เราจะดูหนังสือบันเทิงให้”
ภารดีร้องไห้สะอึกสะอื้น “หนูดีไม่ทราบเลยค่ะ ไม่มีใครบอกหนูดีเลย คุณมุกก็ไม่บอก ทั้งๆ ที่ปกติ คุณมุกจะบอกหนูดีทุกเรื่อง ขนาดว่าเรื่องสำคัญอย่างเปลี่ยนมีดจริง อุ๊ย...” ภารดีทำท่าเหมือนนึกขึ้นได้ เอามือปิดปาก
คุณดิษฐ์มองภารดีอย่างสนใจ
“มุกตาภาเหรอ”
ภารดีทำท่าเหมือนไม่อยากเล่า “ถ้าหนูดีบอกคุณดิษฐ์ คุณมุก จะโกรธหนูดีไม๊คะ แล้วจะทำร้ายหนูดีรึเปล่าคะ”
คุณดิษฐ์มองภารดีด้วยแววตาเข้มคม และคาดคั้น เหมือนจะบอกว่า “เล่ามาเดี๋ยวนี้”
ส่วนที่สตูดิโอ นางแบบและนายแบบ ทั้ง 4 คน โพสท่าสุดท้ายฟินนาเลย์ ช่างภาพกดชัตเตอร์ถ่ายรูปปิดจ๊อบ พีรวัชร์ตบมือให้
“เรียบร้อยฮ่ะ เชิญนางแบบ นายแบบไปเปลี่ยนชุดได้เลยฮ่ะ”
อรสินีเดินไปทางห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ชญานนท์เดินเข้าไปหา ตรีอัปสรมองตามไฟริษยาเปล่งประกายฉายโชนในดวงตาคู่งาม
ฝ่ายคุณดิษฐ์นั่งหน้าเครียดฟังภารดีแฉลูกสาว ภารดีปรายตามองอย่างหวาดๆ
“คุณดิษฐ์ ห้ามบอกคุณมุกเด็ดขาดเลยนะคะ”
คุณดิษฐ์พยักหน้า “ขอบใจมากนะ”
“ถ้างั้นหนูดีขอตัวกลับก่อนนะคะ เย็นมากแล้ว หนูดีไม่อยากกลับบ้านค่ำมาก”
คุณดิษฐ์พยักหน้าแล้วลุกขึ้น ภารดีลุกขึ้นตาม แล้วเดินไปเปิดประตูห้องคาไว้ ก่อนจะหันมายกมือไหว้คุณดิษฐ์
“ลาล่ะค่ะ”
ภารดีหมุนตัวจะออกประตู แล้วแกล้งเซจะล้ม คุณดิษฐ์รีบเข้าประคองไว้ จังหวะนี้ เหมือนมีสายตาใครคนหนึ่งจับจ้องอยู่จากนอกห้อง
“อุ๊ย”
ภารดีอ้อยอิ่ง กอดคุณดิษฐ์เอาไว้นัวเนียกันนุงนัง
“ขอบคุณมากนะคะ อยู่ดีๆ ก็หน้ามืดค่ะ”
“ไปนั่งก่อนไม๊”
“ไม่เป็นไรค่ะ” ภารดีกระพริบตาถี่ๆ “ดีขึ้นเยอะแล้วค่ะ”
ภารดีช้อนตาขึ้นมอง เห็นท่าทีคุณดิษฐ์เฉยๆ ไม่มีอาการชู้สาวเกินเลยใดๆ ทั้งสิ้น
ครู่หนึ่งทิปปี้เดินออกมาจากด้านหนึ่ง ภารดีเดินออกมาจากอีกด้านนึง
“เรียบร้อยไม๊ พี่ทิปปี้”
“เรียบร้อย”
ภารดียิ้มกระหยิ่ม “คราวนี้ละ ถ้าชั้นไม่ดัง ไม่ได้เป็นข่าวใหญ่ อย่ามาเรียกชั้นว่า ภารดี มีสมทรัพย์”
ภารดีเดินยิ้มร้ายนำไป ทิปปี้เดินตามติด
“จะไปไหนอีกหนูดี”
“ไปจัดการเรื่องให้จบไง”
ภารดีเดินนำไปอย่างหมายมาด
ค่ำแล้ว ทีมงาน ช่างแต่งหน้า เก็บข้าวของใช้ ทยอยเดินกันออกไป รวมทั้งเพชรและ คุณรัตน์กับติ๊น่า ซักครู่ อรสินีเดินออกมาก่อนในชุดพร้อมกลับบ้าน ชญานนท์เดินเข้ามาหา
“พร้อมกลับบ้านแล้วใช่ไม๊คะ”
“ค่ะ”
“งั้นก็กลับเถอะค่ะ”
“แล้วตรีล่ะคะ”
ตรีอัปสรเดินออกมาทันได้ยินพอดี ตรีอัปสรยิ้มให้
“ไม่เป็นไรค่ะ ตรีกลับได้ ขอบคุณค่ะ”
อรสินีอิดออด “แต่ว่า...”
“ไม่เป็นไรจริงๆค่ะ ไม่ต้องห่วง คุณนนท์พาคุณอรกลับเถอะค่ะ ตรีดูแลตัวเองได้ ตรีทนแดดทนฝนค่ะ”
เสียงโทรศัพท์ของตรีอัปสรดังขึ้น หล่อนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู
“ตรีขอตัวก่อนนะคะ”
ตรีอัปสรเดินแยกไปอีกทาง ชญานนท์มองตามไป แล้วหันกลับมาทางอรสินี
“อรเป็นห่วงตรีจริงๆนะคะ พี่นนท์ หนูดีโกรธตรีมาก ขู่จะทำร้ายตรี”
“เอาเถอะค่ะ เดี๋ยวพี่จัดการให้ รับรองว่า ตรีถึงบ้านโดยสวัสดิภาพแน่นอน ไปค่ะ”
ชญานนท์จูงมืออรสินีเดินออกไปอีกด้าน
ตรีอัปสรพูดโทรศัพท์กับณเดชย์อยู่ตรงมุมด้านในสตูดิโอ
“ตรีเพิ่งทำงานเสร็จค่ะ...คุณนะอยู่ไหนคะ”
“อยู่บ้านแล้วค่ะให้ผมไปรับไม๊”
“อย่าดีกว่าค่ะ คุณนะ ตรีไม่อยากมีปัญหากับคุณมุก”
ช่วงที่ตรีอัปสรพูด ลึกไปด้านหลัง แลเห็นวุฒิเดินมา เขาหลบวูบ แอบฟังคำพูดของตรีอัปสร
“อีกหน่อยก็จะไม่มีปัญหาแล้วค่ะ ตรีอดทนอีกนิดนะ”
“อดทนรอให้คุณนะแต่งงานกับคุณมุกน่ะเหรอคะ”
ตรีอัปสรพูดทีเล่นทีจริง หยอดหวาน
“ใครบอกล่ะ ผมจะไม่มีวันแต่งงานกับใคร นอกจากตรี”
“คุณนะ มันเป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ...เราไม่มีทางแต่งงานกันได้หรอกค่ะ”
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ...ผมจะถอนหมั้นกับมุก”
ตรีอัปสรทำเสียงตกใจ “อะไรนะคะ คุณนะจะถอนหมั้นกับคุณมุกเหรอคะ”
วุฒิซึ่งแอบฟังอยู่ ตกใจเล็กๆ
“ไม่นะคะ คุณนะ อย่าทำอย่างนั้นนะคะ”
“ผมรักตรีนะ รักมากด้วย”
“ตรีรู้ค่ะ แต่เราทำอย่างนั้นไม่ได้นะคะ คุณนะ แค่นี้ก่อนนะคะ เอาไว้ตรีถึงบ้านแล้วตรีจะโทร.หานะคะ บายค่ะ”
ตรีอัปสรวางสาย ผ่อนลมหายใจเบาๆ แล้วเดินไป โดยไม่เห็นวุฒิยืนแอบมองอยู่ด้านหลัง
ปีกมงกุฎ ตอนที่ 16 (ต่อ)
ตรีอัปสรเดินกลับเข้ามาในห้องแต่งตัว พบว่าไม่มีใครอยู่แล้ว หล่อนเก็บข้าวของ แล้วสะพายกระเป๋าเดินไปได้ 2-3 ก้าว ไฟในห้องก็ดับพรึ่บ ตรีอัปสรสะดุ้ง จังหวะนี้มีเสียงเหมือนคนเดินมา รองเท้ากระทบพื้น
ตรีอัปสรเดินช้าๆ เหมือนคลำหาทาง ออกอาการหวาดผวา ค่อยๆ เดินไป แล้วเปลี่ยนเป็นออกวิ่ง มีเสียงฝีเท้าวิ่งตามมาถี่ๆ ตรีอัปสรวิ่งไปจนถึงประตูทางออก เปิดประตูพรวดออกไป แต่กลายเป็นวิ่งไปชนกับใครคนหนึ่งและถูกกอดเอาไว้ ตรีอัปสรร้องกรี๊ดตกใจ พร้อมกับดิ้นรนสุดแรงเกิด
“ปล่อยชั้นนะ ปล่อย...”
“ตรี...ตรี...ผมเอง”
ตรีอัปสรชะงักเมื่อได้ยินเสียงคุ้นหู เหลียวมองมาพบว่าเป็นอติรุจ
“คุณรุจ คุณรุจมาที่นี่ได้ยังไงคะ”
“นายนนท์โทร.ให้ผมมารับคุณ”
ตรีอัปสรแปลกใจ “คุณนนท์เหรอคะ”
อติรุจยิ้มให้ ตรีอัปสรรู้ตัวว่าอยู่ในอ้อมกอดอติรุจ จึงค่อยๆ ขยับตัวออกมา
อติรุจเยื้อนยิ้ม เอ็นดูในท่าทีขัดเขินนั้น
ในร้านอาหารตกแต่งสวยงามและทันสมัย บริกรเอาอาหารมาเสิร์ฟ สองคนนั่งทานอาหารกันอยู่ ตรีอัปสรก้มหน้าทานอาหารเหมือนหิว อติรุจมองอย่างเอ็นดู ตรีอัปสรเงยหน้าขึ้น แล้วชะงักจากการกินเมื่อเห็นอติรุจมอง ตรีอัปสรเลิกคิ้วนิดๆยิ้มเขินๆ
“ตรีเพิ่งรู้สึกว่าตัวเองหิว ก็ตอนที่เห็นอาหารนี่ล่ะค่ะ”
อติรุจอดขำไม่ได้ “นายนนท์ใช้คุณโหดไปรึเปล่าเนี่ย”
ตรีอัปสรยิ้ม “เปล่าหรอกค่ะ แต่วันนี้มีเรื่องตื่นเต้นเยอะ ตรีก็เลยใช้พลังงานเยอะไปหน่อย”
อติรุจมองตรีอัปสรที่ยิ้มสดใสอย่างพอใจ
“ผมดีใจนะ ที่ตรีมีความสุข”
“ขอบคุณค่ะ”
“และก็ต้องขอแสดงความยินดีด้วย ทั้งเรื่อง นางสาว ณ สยาม นางเอกละครและก็เรื่องพ่อ” ตรีอัปสรยิ้ม อติรุจพูดต่อ “ยืนยันว่าผมเป็นแฟนคลับ ติดตามทุกความเคลื่อนไหวของคุณตรีอัปสรจริงๆ”
“คุณรุจไม่ได้เป็นแค่แฟนคลับนะคะ แต่เป็นคนที่หวังดีกับตรี จริงใจกับตรี แล้วก็เป็นห่วงตรี มากที่สุดด้วย”
“ตอนนี้คงไม่ใช่ผมคนเดียวแล้วล่ะ ที่ห่วงตรี นนท์กับอรก็ห่วงตรีนะ ไม่งั้นคงไม่โทร.ให้ผมมารับคุณหรอก”
ระหว่างที่อติรุจพูดถึงชญานนท์ ตรีอัปสรมีสีหน้าปลื้มๆ แต่พอพูดต่อว่ากับอร หล่อนก็ลดอาการปลื้มลง
“ต้องขอบคุณนนท์กับคุณอรนะคะ ที่ทำให้ตรีได้เจอคุณรุจ”
“ผมอยากเจอตรี แสดงความยินดีกับตรี แต่ตรีก็งานยุ่ง...ไม่ว่างเลย”
ตรีอัปสรยิ้ม “เป็นความผิดของตรีเองค่ะ”
สองคนหัวเราะให้กัน
“ผมว่าตอนนี้ชีวิตตรีสมบูรณ์แล้วนะ ทั้งเรื่องงาน เรื่องส่วนตัว ไม่มีอะไรต้องกังวล ทุกคนยอมรับ...และก็ชื่นชมในตัวตรี ภาพที่ตรีก้มลงกราบพ่อ เป็นภาพที่ได้ใจคนทั้งประเทศเลยนะ”
ตรีอัปสรหัวเราะเบาๆ “ขนาดนั้นเลยเหรอคะ”
อติรุจพยักหน้า “คนไทยอ่อนไหวกับเรื่องความกตัญญู”
ตรีอัปสรมองอติรุจแล้วยิ้มให้ เป็นยิ้มบริสุทธิ์ที่ดูจริงใจ อติรุจยิ้มตอบแล้วตักอาหารให้ตรีอัปสรกินต่อ แววตาของตรีอัปสรครุ่นคิดตามคำพูดของอติรุจ
เช้าวันนี้ ดารินทร์เดินมานั่งที่เทอเรส มองตรีอัปสรซึ่งนั่งเล่นอยู่ด้านนอกอย่างแปลกใจ
“แกนึกยังไง ถึงได้ชวนพ่อแกมากินข้าวที่บ้าน”
“ก็ตั้งแต่พ่อย้ายมาอยู่บ้านใหม่ ตรียังไม่เจอพ่อเลย”
“แกก็ไปหาที่บ้านเช่าซิ”
ตรีอัปสรทำหน้าเซ็งๆ “แม่ลองนึกภาพ ตรีอัปสร พัชรกานต์กุล นางงาม นางเอกไปนั่งกินข้าวกับพ่อในบ้านเช่าเล็กๆ ทั้งๆ ที่มีบ้านหลังใหญ่ดูซิ แค่คิดก็หดหู่แล้ว”
“แล้วนังเมียของพ่อแกล่ะ”
“ก็ต้องให้มาด้วยซิ....เกาะติดกันขนาดนั้น...อีกอย่าง” ตรีอัปสรทำท่าทางมีเลศนัย “ตรีก็อยากให้มันมาด้วย” พลางหันมามองดารินทร์ “เอาคืนช้าไป 10 ปี ก็ยังไม่สายนะแม่”
ดารินทร์ขมวดคิ้ว “แกจะทำอะไร ยายตรี”
ตรีอัปสรมองดารินทร์ แต่อมยิ้มไม่ตอบ
กล้ากับชบาเดินเข้ามาในบริเวณบ้านของดารินทร์ เหลียวมองไปรอบๆ อย่างชื่นชมในบ้านหลังใหญ่ ทั้งละอายที่สู้ผู้หญิงอย่างดารินทร์ไม่ได้ ชบามองอย่างตื่นตาตื่นใจ
“โอย...มันใหญ่โต โอ่อ่าเหลือเกิน” ชบาหันไปพูดกับตรีอัปสร “นี่...แล้วทำไมไม่ให้ชั้นกับพ่อของเธอ มาอยู่ด้วยกันที่นี่เลยล่ะ จะไปเช่าบ้านให้มันสิ้นเปลืองเสียเงิน เสียทองทำไม”
กล้าเสียงเข้ม “ชบา ชั้นว่าเธอพูดให้มันน้อยๆ หน่อยจะดีกว่า”
“แล้วก็ก่อนจะพูดอะไร หัดคิดให้คำพูดมันผ่านสมอง ก่อนจะลงมาถึงปากด้วย” ดารินทร์บอก
ชบาหัขวับมามองดารินทร์อย่างไม่พอใจ “ทำไม ชั้นพูดผิดตรงไหน”
“ไม่มีใครเค้าให้ผัวเก่ากับเมียใหม่ของผัวมาอยู่ร่วมบ้านเค้าหรอก” ดารินทร์จิกตามองอย่างดูถูก และรังเกียจ “คิดอะไรเอาแต่ได้
ชบาจะอ้าปากเถียง แต่กล้าหันมามอง ชี้หน้าอย่างเอาเรื่อง
“จะอยู่กินข้าว หรืออยากจะกลับตอนนี้เลย”
ชบาหุบปาก เมินหน้าไปทางอื่น ตรีอัปสรมองเหตุการณ์อย่างสงบ ไม่แสดงความคิดเห็น
“เข้าบ้านเถอะ”
ตรีอัปสรเดินนำเข้าไป ดารินทร์ตามไปติดๆ กล้ามองตามไป รู้สึกว่าตัวเองลีบเล็กเหลือตัวนิดเดียว ไม่มีค่า ไม่มีราคา ก่อนจะเดินเข้าไป ส่วนชบายังมองซ้ายขวาอย่างชื่นชมในบ้านหลังใหญ่ พอหันมาไม่เจอใครก็รีบวิ่งตามเข้าไป
“พี่กล้า...รอด้วย”
ไม่นานต่อมา อาหารวางบนโต๊ะหลายอย่างล้วนน่ากิน เห็นทั้ง 4 คน นั่งอยู่ประจำที่ ปิ๋มถือโถข้าวเข้ามาวางทำ ท่าจะตักให้
“ไม่เป็นไร ปิ๋ม เดี๋ยวชั้นจัดการเอง” ตรีอัปสรบอก
“ค่ะ ถ้างั้นปิ๋มขอถ่ายรูปคุณตรีกับคุณกล้า ไปลง ไอ.จี.นะคะ”
ตรีอัปสรพยักหน้า แต่ไม่พูดอะไร กล้าหันมามองตรีอัปสร
“มันคืออะไร”
ดารินทร์มองกล้าอย่างสมเพชเล็กๆ “อธิบายไปก็ไม่รู้จักหรอก เอาเป็นว่าถ่ายรูปกับลูกก็แล้วกัน”
ปิ๋มใช้กล้องโทรศัพท์ กำลังตั้งท่าถ่ายรูป ตรีอัปสรซึ่งนั่งใกล้ๆ กล้า เอียงตัวเข้าไปหาแล้วยิ้มชื่น กล้ายังนั่งนิ่ง ตรีอัปสรหันไปมอง
“ยิ้มด้วยค่ะ พ่อ”
กล้าค่อยๆยิ้ม ตามที่ตรีอัปสรบอก ปิ๋มถ่ายรูปให้
“เรียบร้อยค่ะ”
ตรีอัปสรพยักหน้า “แกจะไปทำอะไร ก็ไปเถอะ”
“งั้นปิ๋มไปอัพรูปก่อนนะคะ”
ตรีอัปสรพยักหน้า ปิ๋มเดินออกไป ตรีอัปสรขยับลุกขึ้น ตักข้าวให้ดารินทร์ แล้วหันมาตักข้าวให้กล้า ตรีอัปสรมองไปที่ชบา ภาพในอดีตสมัยเป็นเด็กผุดซ้อนขึ้นมาให้ห้วงคิด
โดยเฉพาะตอนชบาผลักเด็กหญิงตรีอัปสรจนข้าวหก
ตรีอัปสรมองชบานิ่ง ชบาเงยหน้าขึ้นมอง รอให้ตรีอัปสรตักข้าวให้
“เอ้า...จะคิดอีกนานไม๊เนี่ย....ชั้นหิวแล้วน่ะ”
ตรีอัปสรตักข้าวขึ้นมา มองข้าวในทัพพีแล้วยกขึ้นไปที่จานของชบา ตรีอัปสรเทข้าวจากในทัพพี ลงไปที่โต๊ะข้างจานของชบา
ชบากรี๊ด “ว้าย...อะไรกันเนี่ย หกหมดเลย”
ดารินทร์ตกใจ “ตรี”
กล้ามองชบาแล้วหันไปมองตรีอัปสร ตรีอัปสรมองกล้าแล้วหันไปมองชบา
“หิวนักใช่ไม๊ หิวนักก็เก็บขึ้นมาซิ”
ดารินทร์ ชบาและกล้า ตกตะลึงเพราะไม่คิดว่าตรีอัปสรจะทำแบบนี้
“นังตรี”
ตรีอัปสรแค้นใจ “เก็บขึ้นมาใส่จาน จะได้กินไง”
ภาพอดีตที่คอยหลอกหลอน เมื่อสมัยเด็ก ได้รับการชำระแค้นในวันนี้
ตรีอัปสรมองชบาอย่างสะใจ
ตรงมุมน้ำตกในสวนสวยบ้านดารินทร์ กล้านั่งขรึมอยู่ สีหน้าเหมือนปลงตก คิดอะไรขึ้นมาได้ มือค่อนข้างสั่นด้วยหิวเหล้า กล้ากำมือ พยายามระงับความอยาก สุดท้ายกล้าเงยหน้าขึ้น เห็นตรีอัปสรเดินเข้ามา กล้ายังนั่งอยู่เหมือนเดิม ตรีอัปสรยืนห่างออกไป เพื่อไม่ให้ดูค้ำหัวพ่อ
“พ่อจะกลับแล้วน่ะ”
“จะให้ตรีไปส่งไม๊”
“ไม่ต้องหรอก พ่อกลับเองได้ หรือถ้าตรีจะถ่ายรูปตอนพ่อนั่งในรถตรี ก็ได้นะ ถ่ายเสร็จพ่อจะได้กลับ” กล้าขยับลุกขึ้น
ตรีอัปสรชะงักไปนิด กับคำพูดแดกดันนั้น ตรีอัปสรสูดลมหายใจเหมือนให้กำลังใจตัวเองว่าที่เธอทำ มันไม่ใช่เรื่องผิด
“แค่รูปตอนกินข้าวก็พอแล้ว”
กล้าพยักหน้า “ถ้าพอแล้ว...พ่อก็จะได้ไปซะที”
กล้าพูดเหมือนมีนัยในคำพูด ตรีอัปสรมองพ่อ
“พ่อโกรธตรี...ที่ทำแบบนั้นกับชบาใช่ไม๊”
กล้าถอนหายใจ “ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็อาจจะใช่...แต่วันนี้ตรีทำให้พ่อคิดอะไรได้หลายอย่าง”
ตรีอัปสรสะใจเล็กๆ “เหรอคะ”
กล้ามองตรีอัปสรด้วยแววตาสงบลง เหมือนเข้าใจโลกมากขึ้น
“ที่ผ่านมา พ่อเป็นพ่อที่แย่มาก ไม่เคยปกป้องคุ้มครองตรีได้เลย พอตรีมีความเป็นอยู่ดี สุขสบายพ่อก็เข้ามาขอส่วนแบ่งความสุขสบายจากตรี ถ้าวันนี้ สิ่งที่ตรีได้จากพ่อ มันจะช่วยสร้างภาพให้ตรีเป็นลูกกตัญญู เป็นคนดี เป็นที่รักของคนอื่น พ่อก็ยินดี พ่อไม่ต้องการอะไรจากตรีอีกแล้ว ถือว่าตอนนี้พ่อชดใช้ในสิ่งที่พ่อไม่เคยทำหน้าที่พ่อที่ดีกับตรีเลยก็แล้วกัน
กล้าเดินออกไปอย่างเงียบๆ ตรีอัปสรยืนนิ่ง
กล้ากับชบาเดินมาด้วยกันตามทางริมถนน กล้าเดินมาเงียบๆ ในขณะที่ชบาหงุดหงิด อารมณ์เสีย
“นังตรีนี่มันร้ายกาจจริงๆ มันคิดจะล้างแค้นชั้นตลอดเวลา นี่ถ้าไม่ติดว่าอยู่บ้านมันน่ะ ชั้นกวาดทั้งโต๊ะไปแล้ว ไม่ต้องกง ต้องกินมันเลย”
“จบรึยัง”
ชบามองมาอย่างโมโห “ยัง แล้วดูซิ ตอนมามันออกค่าแท็กซี่ให้ พอตอนกลับ มันเฉดหัวออกมาเหมือนเราเป็นหมู เป็นหมา นี่มันลืมไปรึเปล่า ว่าพี่เป็นพ่อมัน”
กล้าไม่พูดอะไร พอมาถึงทางแยก ก็เดินแยกไปอีกทาง ชบาหันไปมองตามงงๆ ปนโมโห
“อ้าว จะไปไหนล่ะ ต้องไปทางนี้ กินเหล้าจนสมองเสื่อม จำทางไม่ได้รึไง”
“เปล่า ชั้นจำได้ แต่ชั้นจะไปทางนี้ แกกลับไปก่อนเถอะ”
กล้าพูดจบก็เดินแยกไปอีกทาง ชบามองตามอย่างแปลกใจ
“แล้วจะไปไหนล่ะนั่น พี่กล้า...พี่กล้า” กล้าเดินไปโดยไม่หันกลับมาชบามองตาม “อะไรวะ”
กล้าเดินห่างจากชบาไปเรื่อยๆ
ตรีอัปสรยืนนิ่งอยู่ที่บันไดหน้าบ้าน ทอดสายตามองออกไปด้านนอก ดารินทร์เดินเข้ามาหา
“รู้สึกดีขึ้นมั้ยที่ทำแบบนั้น”
ตรีอัปสรหันไปมองแม่ “รู้สึกดีค่ะ ดีมากเลยล่ะ”
ดารินทร์มองตรีอัปสรอย่างพิจารณา “เหรอ แต่หน้าตาแก ไม่ได้รู้สึกดีเหมือนที่แกพูดเลยนี่”
ตรีอัปสรหันมายิ้มนิดๆ “ตรีคงเก็บความรู้สึกเก่งมั้ง”
ตรีอัปสรเดินเข้าบ้านไป ดารินทร์มองตามไปแล้วถอนหายใจ ในการไม่ยอมรับความจริงของลูกสาว
ที่ออฟฟิศไทยเท็น ภาพในจอแทบเล็ต เห็นภาพคุณดิษฐ์ประคองภารดีเหมือนกอด ภารดีหันหน้าไปมองคุณดิษฐ์ เหมือนจะคุยกัน ไล่ภาพไปเรื่อยๆ พาดหัวข่าว “ นายใหญ่กับกิ๊กในสังกัด”
พนักงานในไทยเท็น อันมี ข้าวตู ข้าวตัง มีนผู้กำกับ ทั้งหมดหันมามองหน้ากัน
“ไม่อยากจะเชื่อเลย” ข้าวตูว่า
ข้าวตังบอก “นั่นซิ ถ้ามีคนมาเล่าแล้วไม่มีภาพประกอบแบบนี้...ชั้นไม่เชื่อเด็ดขาด”
“คุณดิษฐ์ชอบแนวนี้ได้ยังไงเนี่ย” ข้าวตูบอก
เสียงรัตน์ดังเข้ามา “เอ้า....คุยอะไรกันยะ”
ทุกคนหันไปมองเห็นรัตน์เดินมา
“พรุ่งนี้มีถ่ายละคร เตรียมงานกันเสร็จแล้วเหรอ”
ข้าวตูบอก “เสร็จแล้วค่ะ”
ข้าวตังส่งแทบเล็ตให้รัตน์ดู “คุณรัตน์...ดูนี่ซิคะ”
รัตน์รับแทบเล็ตมาดู มองรูปอย่างพิจารณา แล้วต้องตกใจกับภาพที่เห็น
ฟากเจ๊หนึ่งเดินหน้าบึ้งเข้ามาในร้านอาหารประจำ มีวรัญญาเดินตามหลังมา แอบอมยิ้มขำ แต่พอเจ๊หนึ่งหันมามอง วรัญญาก็หุบยิ้มทันที
เจ๊หนึ่งค้อนขวับ “เจ๊ เห็นนะยะ”
วรัญญาตีหน้าซื่อ “เห็นอะไร เจ๊”
“ก็เห็นว่าหล่อนเดินหน้าบานดี๊ด๊า แต่พอเจ๊หันไปมองก็รีบหุบหน้าทันที”
วรัญญาหัวเราะ “ก็รัญขำเจ๊อะ คิดได้ยังไงจะให้รัญไปอ่อยคุณดิษฐ์ ดีนะที่มีคนไวกว่าจัดไปก่อน”
เจ๊หนึ่งตวาดแว้ดทันที “เจ๊โดนนังทิปปี้กับนังภารดีตัดหน้าจมูกแทบขาด แทนที่จะช่วยกันโกรธมัน...กลับมาหัวเราะขำกันเอง”
เสียงภารดีแหลมเข้ามา “นินทาอะไรชั้นยะ”
เจ๊หนึ่งกับวรัญญาหันไปมอง เห็นภารดีเดินมากับทิปปี้ หน้าตาภารดีเยาะเย้ยเต็มที่
เจ๊หนึ่งเบ้ปากใส่ “โผล่มาทางรูไหนยะ นังแมวขโมย”
ทิปปี้ปรี๊ดทันที “นังเจ๊หนึ่ง พูดจาให้มันสุภาพหน่อย ถ้ายังอยากให้เด็กของหล่อนอยู่ในสังกัดไทยเท็นต่อไป”
เจ๊หนึ่งเหยียดยิ้ม “อื้อฮื้อ กระดิกหางออกหน้ามาแฮ่ ขู่ชาวบ้าน เป็นผู้พิทักษ์นายเลยน่ะยะนังทิปปี้”
“นี่แกว่าชั้นเป็นหมาเหรอ...นังเจ๊หนึ่ง”
เจ๊หนึ่งหัวเราะ “เออ แปลไม่ออกรึไง”
ทิปปี้ถลาเข้าไปตบเจ๊หนึ่งทันที เจ๊หนึ่งตบกลับแบบไม่ยอมแพ้ วรัญญาเข้าไปแทรก
“เจ๊...เจ๊...นี่มันร้านอาหารนะ มาตบกันแถวนี้ อยากขึ้นโรงพักรึไง”
เจ๊หนึ่งฮึดฮัด “ก็นังนี่มันตบเจ๊ก่อน”
“ก็อยากปากยื่นปากยาวมาว่าชั้นกับพี่ทิปปี้ก่อนทำไมล่ะ ชั้นจะเตือนให้รู้ตัวไว้ก่อนนะ ถ้าพูดมากปากดีล่ะก้อ...หล่อน 2 คนอาจจะไม่มีที่อยู่...ไม่มีสังกัดได้” ทิปปี้ด่า
วรัญญาตัดรำคาญ “พอเหอะ ยายหนูดี เลิกสร้างสถานการณ์ได้แล้ว ชั้นไม่เชื่อหรอก...ว่าคุณดิษฐ์จะหน้ามืดตามัวมาคว้าเธอ”
ภารดีของขึ้นทันที “นังรัญ”
วรัญญาด่าต่อ “คนอย่างคุณดิษฐ์ คงไม่คิดอะไรสั้นๆ มากินเด็กในค่ายตัวเองให้เสียการปกครองหรอก โดยเฉพาะเด็กเน่าๆ เก่ามาจากที่อื่น อย่างเธอ”
วรัญญามองภารดีหัวจรดเท้าอย่างดูถูก ภารดีกรี๊ดที่โดนด่า ถลาเข้าไปตบวรัญญาทันที วรัญญาสู้ สองสาวตบตีกันไปมา ทิปปี้หยิบกล้องโทรศัพท์ออกมาถ่ายรูป เจ๊หนึ่งหันไปมอง
“นังทิปปี้ แกจะถ่ายรูปทำไม....มาช่วยกันแยกนังหนูดีของแกออกไปเร็ว”
“ชั้นจะแยกทำไม ปล่อยให้ตบกันไปเลย เดี๋ยวพรุ่งนี้แกก็รู้ว่าชั้นถ่ายไปทำอะไร”
ทิปปี้ถ่ายรูปไป เจ๊หนึ่งเข้าไปแทรกห้าม มีบริกรวิ่งเข้ามาช่วยโดยจับภารดีไว้ เจ๊หนึ่งจับวรัญญาต่างฝ่ายต่างมองกัน ภารดียังตาขวาง
“ถ้าคุณยังไม่หยุด เจ้านายผมจะโทร.เรียกตำรวจนะครับ” บริกรเสียงดัง
ทุกคนหันมามองบริกร แล้วหันกลับมามองหน้ากัน สะบัดหน้าหนีอย่างแค้นใจ
ส่วนที่กองละคร อรสินีนั่งอ่านบทอยู่กับตรีอัปสร
“ถ้าคุณทักต้องการอะไร ก็คงต้องบอกคุณฤทธิ์ค่ะ พัชคงช่วยอะไรคุณทักไม่ได้”
“ถ้าช่วยอะไรไม่ได้ ก็ไปให้พ้นหน้าชั้น อย่ามาอยู่ให้รกหูรกตา...ไป๊”
อรสินีพูดเสียง “ไป๊” ดังลั่น วุฒิซึ่งเดินเข้ามาหาหยุดชะงัก อรสินีหันไปมองเห็นวุฒิก็ทำหน้าเรียบเฉย หันมาอ่านบทต่อ ตรีอัปสรมองวุฒิแล้วหันมาทางอรสินี
“คุณอรคะ ไปต่อบทในฉากดีกว่าค่ะ อยู่แถวนี้อันตราย”
ตรีอัปสรขยับลุกขึ้น วุฒิมีสีหน้าสำนึกผิดขยับเข้ามา
“ผมขอโทษ”
อรสินีหันไปมองวุฒิ ในขณะที่ตรีอัปสรเบ้ปากอย่างรังเกียจ
“ผมรู้ว่าเรื่องที่ผมทำมันไม่สมควรที่คุณจะให้อภัย แต่ผมอยากให้คุณรู้ว่าผมเสียใจจริงๆ”
“ถ้าวันนั้นคุณอรเล่นสมบทบาทโดยไม่เทค รู้ใช่ไม๊ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คุณอรจะกลายเป็นฆาตกร ในขณะที่ชั้นอาการสาหัสหรือไม่ก็อาจจจะตายไปเลย คำว่า “เสียใจ” ของนายก็คงไม่มีประโยชน์อะไร ทำกันขนาดนี้ยังหวังว่าจะได้รับการอภัยอีกเหรอ ไปค่ะคุณอร”
อรสินีลุกขึ้นตามแรงดึงของตรีอัปสร แต่อรสินีขืนตัวไว้
“เดี๋ยว...ตรี”
ตรีอัปสรหันมามองท่าทีหงุดหงิด “อะไรอีกคะ”
อรสินีหันมาทางวุฒิ มองวุฒิอย่างเข้าใจให้อภัย
“คนเราทำผิดกันได้ทั้งนั้น จะผิดเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ผิดเพราะรู้อยู่กับใจ ผิดเพราะไม่เจตนา ผิดเพราะความจำเป็น จะทำผิดเพราะอะไรมันก็ไม่สำคัญเท่ายอมรับผิด แล้วก็บอกตัวเอง เตือนตัวเองว่าจะไม่ทำผิดซ้ำสอง”
“ผมจะไม่ทำอีกแน่นอนครับ”
อรสินีพยักหน้า “อรให้อภัยวุฒินะ ขอให้ความผิดครั้งนี้เป็นบทเรียนที่วุฒิต้องจดจำไว้”
“ครับ...ขอบคุณ...คุณอรมากครับ”
อรสินีหันมาทางตรีอัปสรขอร้อง “ให้โอกาสวุฒิเถอะตรี”
ตรีอัปสรเริ่มรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนเลว ต้อยต่ำทันทีเมื่ออรสินีพูดแบบนี้ ตรีอัปสรหันมามองหน้าวุฒิ อย่างชั่งใจ เพราะถ้ายกโทษให้ก็หมายถึงทำตามอรสินีสั่งเกินไป แต่ถ้าไม่ยกโทษให้ก็จะดูเป็นนางร้าย
“ขอคิดดูก่อนแล้วกัน”
ตรีอัปสรเดินไป อรสินีมองวุฒิอย่างให้กำลังใจ ขณะที่ตรีอัปสรบ่นบ้าพึมพำกับตัวเอง
“คลื่นไส้ ทำเป็นแสนดี จะอ้วก”
เช้าวันนี้ในกองถ่ายละคร เห็นทีมงานขวักไขว่ แม่บ้านกองถ่ายถือถาดใส่กาแฟน้ำส้ม อาหารเช้า เดินไป กล้องตามแม่บ้านไป เห็นภารดีนั่งวางมาดอยู่ แม่บ้านวางถาดให้ภารดี
“ขอบใจนะ”
ซักครู่ ติ๊นาเดินเข้ามามองภารดีอย่างแปลกใจ
“หนูดี อะไรเนี่ย ยังไม่แต่งหน้า แต่งตัวอีกเหรอ...เธอมีถ่ายฉากแรกนะ”
“ก็หนูดีเพิ่งมาถึงนี่คะ ก็ต้องทานมื้อเช้าก่อน ป้าติ๊ก็หาอะไรถ่ายไปก่อนซิ เลือกฉากที่ยังไม่มีหนูดีอะค่ะ แหม...ทำงานมาจนปูนนี้แล้ว อย่าให้ต้องสอนเลยนะป้า”
ติ๊นาอ้าปากค้างเพราะไม่คิดว่า ภารดีจะกล้าพูดขนาดนี้
“นี่กินยาผิดแบบวันก่อนอีกแล้วเหรอ ห๊ะ ชั้นว่าเธอควรไปหาหมอบ้างนะ”
ภารดีเสียงเข้มใส่ “ป้าติ๊ เอาเวลาที่บ่นหนูดี ไปเปิดหูเปิดตาดูข่าวสารมั่งนะ จะได้ไม่เป็นกบมุดหัวอยู่ในกะลา”
ติ๊นาของขึ้น ขยับอ้าปากจะด่า แต่แม่บ้านมาดึงแขนไว้
“ป้าติ๊ มานี่ก่อนค่ะ”
“อะไร มาดึงชั้นทำไม”
แม่บ้านบอก “ทางนี้ค่ะ....ทางนี้”
ภารดีปรายตามองตามอย่างดูถูก แล้วหันมายกกาแฟขึ้นดื่มด้วยมาดคุณนายไทยเท็น
ส่วนในห้องแต่งตัว กัลยาณีซึ่งแต่งหน้าเสร็จแล้วมานั่งเปิดดูข่าวจากแทบเล็ต ต้องตาโตเมื่อเห็นข่าว ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองวรัญญาซึ่งแต่งหน้าอยู่
“ต๊าย...รัญ นี่เธอกับเจ๊หนึ่งไปตบกับภารดีมาเหรอ โห...มีข่าวลงในเน็ต เป็นเรื่องเป็นราวเลย ริษยา ตาร้อน เมื่อรู้ความสัมพันธ์ของภารดีกับคุณดิษฐ์ วรัญญาถึงกับหน้ามืดทนไม่ไหวใช้กำลัง โห...”
วรัญญารีบพุ่งมาดู เห็นภาพตัวเองกำลังชุลมุนอยู่กับภารดี วรัญญาแค้นใจ
“นังทิปปี้”
วรัญญาเดินออกไปจากห้อง กัลยาณีอมยิ้ม ขยับลุกขึ้นตาม
“ตามไปดูดีกว่า”
กัลยาณีรีบตามออกไป
ขณะที่ภารดีหยิบทิชชู่ขึ้นซับปากอย่างวางมาดอยู่นั้น วรัญญาเดินเข้ามาอย่างเร็ว อารมณ์แรง
“นังหนูดี นี่แกเอารูปชั้นไปลงเน็ตเหรอ”
“ชั้นก็อยู่ในรูปนั่นด้วยนะ นังรัญ”
“ทุเรศจริงๆ อยากเป็นข่าวจนตัวสั่น ไม่มีสมองกลั่นกรองเลยรึไง ว่าข่าวพวกเนี่ย มันดังทางเสื่อมเสีย”
ภารดีเบ้ปาก “อย่ามาดัดจริตทำเป็นคนดีหน่อยเลย แกลองส่งข่าวไปทำบุญ ทอดผ้าป่าช่วยชาวนา กับข่าวที่เราตบกันไป...ดูซิ ว่าข่าวไหนจะลงกรอบใหญ่กว่ากัน”
วรัญญาส่ายหน้า “บ้าจริงๆ”
ติ๊นาเดินเข้ามาอีกรอบ “เอ้า ถ้ากินเสร็จแล้ว เถียงกันเสร็จแล้ว ช่วยไปแต่งตัวด้วย จะได้ทำมาหากินกันซะที”
ป้าติ๊พูดจบก็เดินไป ภารดีมองตามอย่างหมั่นไส้
“รอให้จบละครเรื่องนี้ก่อนเถอะ ชั้นจะบอกคุณดิษฐ์ให้เอานังป้ากะบังลมตีโป่ง นี่ออกไปจากไทยเท็น ไม่รู้ซะแล้วว่าใครใหญ่ ใครเล็ก”
ภารดีเดินไปบ่นไป วรัญญามองตามอย่างคิดไม่ถึงว่าภารดีจะบ้าได้ขนาดนี้
ปีกมงกุฎ ตอนที่ 16 (ต่อ)
รัตน์เดินมาตามแรงดึงของติ๊น่า พากันไปหยุดที่มุมซึ่งไม่มีใคร
“คุณรัตน์ เกิดอะไรขึ้นคะ ทำไมถึงได้มีรูป มีข่าวคุณดิษฐ์ออกมาแบบนั้น”
รัตน์ถอนหายใจ “พูดจริงๆนะคะ รัตน์ก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ ว่ารูปนั้นมันออกมาได้ยังไง...แล้วทำไมคุณดิษฐ์ถึงไปนัวเนียกับยายหนูดีได้”
ติ๊น่าถอนหายใจแรงกว่า “ทำแบบนี้ มันมีผลกับงานนะคะ มันเสียการปกครอง วันนี้ยายหนูดี มันทำตัวพองเป็นอึ่งอ่าง ข่มขู่ทุกคนไปหมด ไม่เว้นแม้แต่ป้าติ๊”
“ยายหนูดีเนี่ยพร้อมจะข่มคนอื่นอยู่แล้วล่ะค่ะ รัตน์ว่า เรื่องนี้มันต้องเกิดขึ้นหลังวันที่ถ่ายปกบีลิฟแน่ๆเลย”
ติ๊น่าแปลกใจ “ทำไมคะ”
“ก็ถ้ายายนั่นมันเป็นกิ๊กคุณดิษฐ์ก่อนหน้านั้น มันคงขี่คอเราตั้งแต่วันนั้นแล้วล่ะค่ะ”
ติ๊น่าเครียดปนระอาเหลือ “ขืนปล่อยไว้อย่างนี้ งานเสียแน่ค่ะ เร่งก็ไม่ได้ พูดก็ไม่ได้ ละครก็ออนแอร์แล้วด้วย นี่ป้าติ๊ก็เตรียมแยก 2 กองแล้วนะคะ คงต้องรบกวนให้คุณรัตน์ช่วยดูให้กองนึง ป้าติ๊ก็จะไปอีกกองนึง”
“ได้ค่ะ”
“ป้าติ๊คงต้องคุยกับคุณดิษฐ์แล้วล่ะค่ะ”
“หรือจะปรึกษาคุณนนท์ก่อนดีคะ”
ติ๊น่ามองรัตน์ เห็นดีด้วย
มุกตาภาเดินเข้ามาในห้อง เห็นชญานนท์นั่งดูโน้ตบุ๊คอยู่ มีพนักงานช่องนั่งอยู่ 2 คน
มุกตาภาบอกกับพนักงาน “ออกไปก่อน”
พนักงานรับ “ครับ”
จากนั้นพนักงานเดินออกไปทั้งคู่ มุกตาภานั่งลงข้างๆ ชญานนท์
“พี่นนท์เห็นข่าวคุณพ่อรึยังคะ”
“เห็นแล้ว”
“เกิดอะไรขึ้นคะ ทำไมถึงเป็นแบบนั้น ทำไมคุณพ่อทำแบบนั้นคะ”
“มุกถามเหมือนไม่รู้จักคุณพ่อ”
“ถ้าคุณพ่อทำแบบนั้นจริงๆ มุกก็คิดว่า มุกไม่รู้จักคุณพ่อค่ะ”
ขาดคำของมุกตาภา เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ชญานนท์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู แล้วกดรับ
“ครับ พ่อ...อยู่ครับ...อยู่ด้วยกัน ได้ครับ ครับ...สวัสดีครับ”
ชญานนท์วางสายลงแล้วหันไปมองมุกตาภา
“พ่อมีเรื่องจะคุยกับมุก”
“เรื่องอะไรคะ” มุกตาภาฉงนฉงาย
อีกฟากหนึ่ง สลิลทิพย์อยู่ที่บ้านกับลูกและสามี พูดด้วยสีหน้าดูถูก
“ก็เรื่องคุณดิษฐ์น่ะซิ ข่าวฉาวโฉ่ ลงสารพัดเว็บเลย....เปิดเว็บไหนก็เจอเว็บนั้น”
อาชัญส่ายหน้ามองสลิลทิพย์ “ริสาคงเปิดให้ดูล่ะซิ”
“โอ๊ย...เดี๋ยวนี้ชั้นไม่ต้องพึ่งใครแล้วค่ะ เปิดเองได้” พลางหันมาทางอรสินีที่อยู่ด้วย “แล้วที่ไทยเท็นว่ายังไงบ้าง...กองละครไม่เม้าท์กันสนุกปากเหรอ”
“ก็มีบ้างค่ะ”
สลิลทิพยถอนหายใจ “เวรกรรม จะหาให้มันดีกว่านี้หน่อยก็ไม่ได้ ไปคว้านางงามหางแถว นักแสดงตัวรองเบอร์ 3 เบอร์ 4”
อาชัญบ่น “แล้วไปยุ่งอะไรกับเค้าล่ะ”
สลิลทิพย์หมั่นไส้ “ผู้ชายเหมือนกันก็เข้าข้างกัน ถ้าเค้าเป็นคนอื่น ชั้นก็ไม่อยากยุ่งหรอกแต่นี่...เป็นว่าที่พ่อสามีของยายอร ชั้นก็ต้องดูหน่อย”
“ถึงจะเกี่ยวดองกับเรา ก็ไม่เกี่ยวกันนี่ครับ คุณแม่” อติรุจบอก
“ไม่เกี่ยวยังไง เกิดตานนท์เชื้อไม่ทิ้งแถว นิสัยเหมือนพ่อขึ้นมา น้องสาวเรา จะเป็นยังไงห๊ะ”
สลิลทิพย์หันไปมองลูกสาว อรสินีหน้าจ๋อยลง เพราะแว่บหนึ่งนั้นอดคิดถึงชญานนท์ที่ใกล้ชิดกับตรีอัปสรไม่ได้
อติรุจมองสลิลทิพย์แล้วมองทางอรสินีอย่างเห็นใจ แต่ไม่อยากพูดต่อความยาว
ฝ่ายคุณหญิงสุดสวาทนั่งดื่มกาแฟอยู่ที่บ้าน มีเด็กรับใช้ยกอาหารมาให้ ซักครู่ ณเดชย์เดินเข้ามานั่ง
“นะ ไม่สบายรึเปล่าลูก....ทำไมหน้าซีดเชียว”
“ผมนอนไม่ค่อยหลับ”
“มีอะไรรึเปล่า...ไม่สบายใจเรื่องอะไรหรือว่าเครียดเรื่องงาน”
“ผมกำลังตัดสินใจบางอย่าง ก็เลยคิดทบทวนหลายรอบ”
“เรื่องอะไรจ๊ะ แล้วคิดได้รึยัง”
ณเดชย์พยักหน้า “คิดได้แล้วครับ”
“เรื่องแต่งงานกับหนูมุกรึเปล่า แม่ตั้งใจว่า ทำบุญร้อยวันให้คุณพ่อ ก็จะหาฤกษ์แต่งงานให้นะกับหนูมุกเลย”
ณเดชย์บอกออกมาด้วยน้ำเสียงเด็ดเดี่ยว “ผมจะไม่แต่งงานกับมุกครับ”
คุณดิษฐ์อยู่ที่บ้านแล้ว เดินเข้ามามองมุกตาภาซึ่งนั่งอยู่ สีหน้าคุณดิษฐ์ค่อนข้างเคร่งเครียด
“มีคนบอกพ่อว่า มุกเป็นคนวางแผนให้วุฒิเอามีดจริงไปเปลี่ยนมีดปลอมในกองถ่าย”
มุกตาภาเงยหน้าขึ้นมองพ่อ แล้วเมินหน้าไปทางอื่น ชญานนท์ซึ่งนั่งอยู่ด้วยมองคุณดิษฐ์พลางกลืนน้ำลาย
มุกตาภาถามนิ่มนิ่ง “ใครบอกคุณพ่อคะ”
“ใครบอกมันไม่สำคัญหรอก มันสำคัญที่ว่าจริงรึเปล่าที่มุกทำแบบนั้น”
“จริงค่ะ”
คุณดิษฐ์มองมุกตาภาที่ตอบอย่างท้าทาย ด้วยความโกรธจัด
“ทำแบบนั้นได้ยังไง มุก พ่อไม่อยากจะรื้อฟื้นน่ะ เพราะมุกคงไม่โง่เง่าจนไม่รู้ว่า ถ้าอรแทงตรีแล้วมันจะเกิดอะไรขึ้น....ทำไมคิดอะไรตื้นเขินแบบนี้”
มุกตาภาย้อน “ก็เพราะมุกมันโง่เง่าอย่างที่พ่อว่าไงคะ พ่อจะเอาอะไรกับความคิดของคนโง่ละคะ”
คุณดิษฐ์ตวาดอย่างเหลืออด “มุกตาภา ชั้นไม่ได้เรียกแกมาด่าเพื่อให้แกเถียงชั้น สิ่งที่แกควรจะทำคือ สำนึกผิด ขอโทษ แล้วก็สัญญาว่าจะไม่ทำอีก แกเป็นลูกสาวผู้บริหารใหญ่ของไทยเท็น หน้าที่ของแกคือ ทำทุกอย่างเพื่อให้ไทยเท็นเจริญก้าวหน้า มีเรตติ้งป็นที่นิยม แต่นี่ นอกจากแกยังไม่ทำแล้ว แกยังทำลายชื่อเสียงของไทยเท็นอีก เพราะอะไร” คุณดิษฐ์เสียงดังขึ้น “เพราะอะไร”
“เพราะมุกเกลียดนังตรีอัปสรไงคะ มันมายุ่งกับคู่หมั้นของมุก มุกเกลียดมัน”
คุณดิษฐ์ตกใจนิดๆ นึกไม่ถึง “นี่แกเอาเรื่องส่วนตัวเข้ามาพัวพันกับเรื่องงานขนาดนี้เลยเหรอ ยายมุก”
มุกตาภาย้อนอย่างดื้อรั้นและพาลพาโล “มุกก็เหมือนกับคุณพ่อไงคะ”
ชญานนท์ซึ่งนั่งฟังมานาน ขยับลุกขึ้นทันที
“มุกตาภา”
“ไม่ต้องห้าม นนท์ ไหนพูดมาซิ ว่าเราเหมือนกันตรงไหน”
“คุณพ่อทำอะไรไว้มั่งล่ะคะ ข่าวลงทุกเว็บ พนักงานไทยเท็นเม้าท์กันมันปาก เรื่องคุณดิษฐ์กับนังภารดี แถมยังมีภาพยืนยันแบบไม่ต้องกลัวว่าจะเป็นข่าวโคมลอย”
ชญานนท์สุดทน “พอได้แล้วมุกตาภา”
“พี่นนท์ก็คิดเหมือนมุก แต่ไม่กล้าพูดใช่ไม๊คะ”
“อย่าลากพี่เข้าไปเป็นพวก พี่ว่าเราสองคนก็รู้อยู่กับใจว่า คุณพ่อไม่มีวันทำอย่างนั้นเด็ดขาด”
“แล้วภาพที่นังนั่นอยู่ในอ้อมกอดคุณพ่อล่ะคะ” มุกตาภาหันมามองบิดา “คุณพ่ออธิบายได้ไม๊คะ”
“ไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไร แต่พ่อขอสั่งห้ามไม่ให้มุกเข้าไปในกองถ่ายละครอีก”
มุกตาภามองตะลึง ไม่คาดคิดว่า คุณดิษฐ์จะออกคำสั่งแบบนั้น
ปีกมงกุฎ ตอนที่ 16 (ต่อ)
คุณหญิงสุดสวาทพาตัวเองมาหยุดยืนอยู่ในห้องรับแขก สักครู่จึงเห็นดารินทร์เดินออกมาจากห้องกินข้าวข้างใน
“ชั้นต้องการพบลูกสาวเธอ ไม่ใช่เธอ”
“ยายตรีไปถ่ายละครค่ะ คุณหญิงฯมีธุระอะไรกับยายตรี มิทราบคะ”
“ชั้นเข้าใจน่ะ ว่าเชื้อมันไม่ทิ้งแถว นิสัย สันดาน การกระทำ มันก็ตกทอดกันทางพันธุกรรมจากแม่สู่ลูก”
ดารินทร์โกรธ แต่ไม่อยากทะเลา “คุณหญิงฯพูดเรื่องอะไรคะ เข้าเรื่องเลยดีกว่า”
“บอกลูกสาวเธอ อย่ายุ่งเกี่ยวกับลูกชายชั้น ตานะกำลังจะแต่งงาน อย่าทำให้ครอบครัวลูกชั้นแตกแยก...เหมือนที่เธอเคยทำกับชั้น”
“ตรีอัปสรไม่เคยรักคุณนะ”
“ให้ลูกสาวเธอไปบอกลูกชายชั้นด้วย ตานะจะได้เลิกคิดเรื่องถอนหมั้นกับหนูมุกตาภา เพื่อมาแต่งงานกับตรีอัปสร”
ดารินทร์ตกใจ “อะไรนะ”
“หนูมุกรักตานะมาก แล้วชั้นก็ไม่อยากให้หนูมุกรู้เรื่องนี้ ทำบาปมาทั้งชีวิตแล้ว ลองหัดทำบุญดูบ้างนะ เผื่อชาติหน้าจะดีขึ้น ไม่ต้องกินน้ำใต้ศอกเหมือนชาตินี้”
คุณหญิงสุดสวาทเดินหน้าเชิดออกไป ดารินทร์มองตามอย่างเจ็บปวด
ด้านคุณดิษฐ์มองมุกตาภาซึ่งนั่งนิ่ง ไม่พอใจ แต่น้ำตาไหลตลอดด้วยความคับแค้นใจ ชญานนท์มองทั้งพ่อ ทั้งน้องอย่างอึดอัด ไม่รู้จะทำยังไง
“พ่อครับ ผมขอดูแลมุกเองนะครับ ให้มุกทำงานละครต่อเถอะครับ”
“พ่อว่าที่ผ่านมานนท์ก็ดูมุกมาตลอดน่ะ แต่ก็เอาไม่อยู่”
มุกตาภาเสียงขุ่น “ถ้าคุณพ่อไม่ให้มุกไปกองถ่าย แล้วคุณพ่อจะให้มุกทำอะไรคะ”
“ลองอยู่นิ่งๆ แล้วคิดทบทวนการกระทำของตัวเองดีไม๊ ถ้าสำนึกผิดได้เราค่อยมาคุยกัน”
มุกตาภามองคุณดิษฐ์อย่างโกรธขึ้ง ก่อนจะลุกขึ้น คว้ากระเป๋าเดินออกไป
“ยัยมุก...ยัยมุก”
ชญานนท์ขยับจะตามน้องไป แต่ดิษฐ์เรียกไว้
“ไม่ต้องตาม นนท์...ปล่อยไป”
ชญานนท์หันมามองพ่อ แล้วทรุดตัวลงนั่งเหมือนเดิม
มุกตาภาขับรถมาจอดริมทาง ก่อนจะร้องไห้ออกมาอย่างแค้นใจ และเปิดเพลงเสียงดังระบายอารมณ์ ร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ในรถ
จนถึงตอนค่ำ มุกตาภาเดินเหงาๆ มาทรุดตัวลงนั่ง ร้องไห้ออกมาอีก ตาบวมดูออกว่าร้องไห้มาอย่างหนัก มุกตาภานั่งอยู่อย่างโดดเดี่ยว เดียวดาย เพียงลำพัง
สองคนนัดเจอกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง แพรวตกใจมากเมื่อได้ฟัง มองวุฒิอย่างคาดคั้น
“แน่ใจนะ ว่าฟังมาไม่ผิด”
“ไม่ผิดแน่นอน วุฒิได้ยินเต็มสองหูเลยล่ะ”
“นี่ถ้ามุกรู้นะ เรื่องใหญ่แน่”
“ใหญ่มากเลยล่ะ แพรวจะบอกมุกรึเปล่า”
“อ้าว เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ไม่บอกได้ยังไง”
“แล้วถ้าเกิดมุกโกรธจนไปฆ่าตรีล่ะ”
แพรวไม่เชื่อ “บ้าแล้ววุฒิ มุกไม่ทำขนาดนั้นหรอก”
“แพรวแน่ใจเหรอ ครั้งที่แล้ว ถ้าอรเล่นไม่พลาด ตรีเจ็บหนักแน่ นั่นขนาดว่านะไม่ได้พูดว่าจะถอนหมั้นน่ะ” วุฒิว่า
แพรวทำท่าคิดก่อนจะตัดสินใจเด็ดขาด “แต่ยังไง เราก็ต้องบอกมุก”
แพรวหยิบโทรศัพท์ออกมา กดเบอร์มุกตาภา รอสายสักครู่ จึงค่อยๆ ลดโทรศัพท์ลง แล้วหันมามองวุฒิ
“ไม่รับสายอ่ะ”
“คงติดงานหรือไม่ก็ประชุมอยู่มั้ง”
แพรวถอนหายใจ “แพรวไม่อยากคิดเลย ว่าถ้ามุกรู้แล้วจะเป็นยังไง เอาไงดีวุฒิ หรือเราจะไม่บอก”
“ไม่รู้ซิ เพื่อนแพรว แพรวก็ต้องรู้ว่า แพรวจะบอกหรือไม่บอก”
แพรวมองวุฒิอย่างครุ่นคิด ก่อนจะกดสายโทรศัพท์หามุกตาภาอีกครั้ง
มุกตาภาปิดเสียงวิทยุ แล้วค่อยๆ เงยหน้าขึ้น เสียงโทรศัพท์ที่ปิดเสียงไว้สั่นและดังเตือน มุกตาภาหันไปมองแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เห็นเป็นชื่อแพรว
“ฮัลโหล แพรว”
แพรวดีใจ “มุก...มุกอยู่ไหน”
“มีอะไรรึเปล่า”
“แพรวมีเรื่องสำคัญจะบอก”
“เรื่องสำคัญเหรอ เรื่องอะไร”
แพรวมองมุกตาภาอย่างเป็นห่วงหลังเล่าเรื่องให้ฟังจนจบ และมุกตาภาเอาแต่นั่งนิ่ง ไม่พูดไม่จา แพรวหันมามองวุฒิ เป็นเชิงปรึกษากันว่าจะทำยังไงดี ก่อนจะหันมาทางมุกตาภา
“มุก....มุกเป็นไงมั่งอ่ะ”
“ไม่เป็นไร”
“แล้วมุกจะเอาไงต่ออ่ะ”
มุกตาภาถอนหายใจเบาๆ “ก็ไปถามให้แน่ๆ”
“ถามคุณนะ น่ะเหรอ ถามแค่นั้นใช่ไม๊ มุก”
มุกตาภาหันมามองแพรว พลางยิ้มเหี้ยมออกมา ก่อนจะหันไปทางวุฒิ
“พรุ่งนี้มีถ่ายละครรึเปล่าวุฒิ”
วุฒิพยักหน้า “มีครับ”
“ที่เดิมรึเปล่า...ฉากบ้านฤทธิ์ใช่ไม๊”
“ใช่ครับ”
“ขอบใจน่ะ แพรว วุฒิ มุกไปนะ”
มุกตาภาขยับลุกขึ้น แล้วเดินไปเลย แพรวกับวุฒิมองตามอย่างเป็นห่วง
มุกตาภาเดินเข้ามาในบ้านของณเดชย์ สีหน้าเครียดเคร่ง เด็กรับใช้เดินออกมา
“คุณนะอยู่ไหน”
เด็กรับใช้มองไปอีกทาง ณเดชย์เดินออกมา มุกตาภาหันไปมอง
“คุณนะ”
มุกตาภาเดินเข้าไปหา ณเดชย์ยิ้มให้นิดๆ
“มุกรู้ได้ยังไงว่าผมอยู่บ้าน”
“มุกโทร.ไปถามเลขาฯของคุณค่ะ”
“มีอะไรรึเปล่าคะ”
“มีค่ะ...มีคนบอกมุกว่า...”
มุกตาภาขยับจะถามณเดชย์ แต่ยังพูดไม่จบ
เสียงคุณหญิงสุดสวาทดังเข้ามา “หนูมุก”
ทั้งมุกตาภาและณเดชย์หันไปทางเสียง มุกตาภายกมือไหว้คุณหญิง
“คุณหญิงแม่ สวัสดีค่ะ.....
คุณหญิงสุดสวาท : แม่กำลังคิดถึงอยู่เชียว......มุกว่างเหรอลูก.....
“มุกมีธุระกับคุณน่ะค่ะ”
“ด่วนไม๊ลูก ถ้าไม่ด่วน ไปชอปปิ้งเป็นเพื่อนแม่หน่อยได้ไม๊” คุณหญิงสุดสวาทหันไปพูดกับณเดชย์ “แม่ยืมคู่หมั้นนะหน่อยนะ”
คุณหญิงสุดสวาทพูดเน้นคำว่า “คู่หมั้น” เหมือนเตือนสติณเดชย์ ณเดชย์มีท่าทางอึดอัด
“ครับ”
มุกตาภามองณเดชย์ แล้วหันมายิ้มฝืนๆให้คุณหญิงสุดสวาท
ชญานนท์นั่งอยู่คนเดียวในบ้าน ซักครู่เขาหันไปมองเห็นมุกตาภาเดินเข้ามา ท่าทางมุกตาภา
นิ่งสงบแต่แฝงความโหดเหี้ยมและอำมหิต จนดูน่ากลัว
“กลับมาแล้วเหรอ ทำไมเมื่อคืนไม่กลับบ้าน แล้ววันนี้ก็หายไปทั้งวันไปไหนมา”
“พี่นนท์มีอะไรก็พูดมาเถอะค่ะ”
“มุก...พี่ไม่อยากให้มุกโกรธคุณพ่อนะ”
“มุกว่าพี่นนท์ไปบอกคุณพ่อดีกว่าค่ะ มุกง่วงนอนแล้ว...มุกขอตัวนะคะ”
มุกตาภาเดินแยกไป ชญานนท์มองมุกตาภาอย่างพิจารณา แปลกใจกับท่าทางสงบของมุกตาภา
กองถ่ายนัดคิวแต่เช้า ภารดีเดินวางมาดอยู่ในกองถ่าย ตรงไปที่หลังมอนิเตอร์ ซึ่งผู้กำกับกับทีมงานนั่งคุยกันอยู่
“พี่ภูมินทร์คะ หนูดีจะไปอ่านบททางโน้นนะคะ ถ้าจะถ่ายฉากที่มีหนูดี ก็ให้เด็กไปตามล่ะกัน”
มีน ภูมินทร์ ผู้กำกับบอก “ฉากต่อไปก็ถ่ายแล้ว ไปเปลี่ยนชุด อ่านบทเลยครับ จะได้ไม่เสียเวลา”
ภารดีมองอย่างไว้ตัว “นี่ถ้าไม่ใช่ผู้กำกับล่ะก้อ อย่าหวังว่าจะสั่งหนูดีได้นะคะ”
ทีมงานหันมามองหน้าผู้กำกับแล้วเดินแยกย้ายกันไปทำงาน
ภารดีมองทุกคนอย่างเชิดๆ ก่อนจะเดินแยกไป
ฟากชญานนท์เดินออกมาจากในบ้าน ตรงไปที่รถซึ่งจอดอยู่ กดรีโมทก้าวขึ้นนั่งในรถ ชญานนท์มองไปยังที่ใส่ของด้านหน้าที่นั่ง พบว่าที่ใส่ของถูกเปิดแล้วปิดอย่างรีบเร่ง เพราะเห็นมีกระดาษแล่บออกมา ชญานนท์ขมวดคิ้วมองอย่างแปลกใจ ก่อนจะเปิดที่ใส่ของออกดู เห็นซองปืน พอหยิบขึ้นมาดู เหลือแต่ซอง ปืนไม่มี ชญานนท์เครียด
“มุก...”
อรสินีกำลังอ่านบทอยู่ในฉาก มีวรัญญา กัลยาณีนั่งต่อบทด้วยกัน ซักครู่ เห็นภารดีเดินนวยนาดมานั่งสมทบในชุดใหม่ วรัญญาเงยหน้าขึ้นมอง เหน็บแนมตามเคย
“โอ้โฮ้ ชุดจะสวยล้ำบทเกินตัวละครที่เล่นไปรึเปล่าเนี่ย”
“คนเรามันก็ต้องมีพัฒนาการมั่งย่ะ” ภารดีว่า
รัตน์เดินมากับฝ่ายเสื้อผ้า
“หนูดี ไปเปลี่ยนชุด ชุดนี้ไม่ใช่ของเธอ”
“ก็หนูดี อยากใส่ชุดนี้” ภารดีบอกเชิดๆ
“ถ้าอยากจะใหญ่โต ก็ไปใหญ่เวลาอื่นนะ แต่เวลาที่ต้องถ่ายละครเธอต้องทำตามบท”
รัตน์พูดสำทับด้วยท่าทางเอาจริงจนภารดีจืดไปเหมือนกัน
“ไปเปลี่ยนชุด”
ภารดีลุกขึ้นสะบัดเดินไป รัตน์มองตามแล้วหันกลับมา วรัญญามองรัตน์แววตาชื่นชม
“มาเฟียตัวจริง เท่ห์มากค่ะ คุณรัตน์”
รัตน์ยิ้มนิดๆ ส่ายหน้า แล้วเดินออกไป
ฝ่ายมุกตาภาเดินเข้ามาในกองถ่าย สะพายกระเป๋า สีหน้าเคร่งเครียด ดุดัน มุกตาภาเดินชะเง้อเหมือนหาใคร วุฒิเดินมาทักจากด้านหลัง
“คุณมุก”
มุกตาภาหันมา เห็นวุฒิก็ดีใจ ขยับเข้ามาหา
“ตรีอัปสรอยู่ไหน”
วุฒิเห็นท่าทางของมุกตาภาก็ถามเพื่อความแน่ใจ
“คุณมุกจะทำอะไรเหรอครับ”
มุกตาภายิ้มเยาะ นัยน์ตาวาว “ฮึ ทำอะไรเหรอ มุกก็จะฆ่ามันน่ะซิ”
วุฒิตกใจ “คุณมุก”
“ทำไม จะตื่นเต้น ตกใจอะไรนักหนา ถ้าวุฒิไม่อยากให้มุกทำ วุฒิก็จัดการมันให้มุกซิ”
ไม่เท่านั้นมุกตาภาหยิบปืนออกมาจากกระเป๋า วุฒิมองอย่างตกใจมากขึ้น
“คุณมุก เอาปืนมาให้ผมเถอะครับ มันอันตรายนะครับ”
มุกตาภาเขม้นมอง “จะฆ่านังตรีอัปสรให้มุกไม๊”
วุฒิตาเหลือก “คุณมุก ฆ่าเค้า เราก็ติดคุกนะครับ...ผมว่าพอเถอะครับ”
มุกตาภาโมโห “อย่ามาทำเป็นคนดีหน่อยเลย มุกจัดการเองก็ได้”
มุกตาภาเก็บปืนใส่กระเป๋า แล้วเดินไป วุฒิตัดสินใจบอก
“ตรีไม่ได้อยู่ที่นี่ครับ...”
มุกตาภาหยุดเดิน หันกลับมามอง
รัตน์เดินมาจากอีกด้าน เจอชญานนท์ที่เดินเร็วรี่เข้ามา
“คุณนนท์ สวัสดีค่ะ วันนี้แวะมากองถ่ายแต่วันเลยนะคะ”
ชญานนท์ถามเสียงเรียบ “มุกตาภาอยู่ไหนครับ”
รัตน์แปลกใจ “คุณมุกมาเหรอคะ ดิชั้นไม่เห็นเลย”
“ผมเห็นรถจอดอยู่ข้างนอก แล้วตรีล่ะครับ ถ่ายละครอยู่รึเปล่า”
“ถ่ายค่ะ แต่ไม่ได้อยู่ที่นี่ วันนี้เราแยก 2 กองค่ะ กลัวละครจะไม่ทัน” รัตน์บอก
“แล้วอีกกองล่ะครับ ถ่ายที่ไหน”
“พัทยาค่ะ”
ชญานนท์พยักหน้ารับรู้ รัตน์มองผ่านชญานนท์ไป เห็นมุกตาภากำลังเดินออกไปท่าทีรีบร้อน
“คุณมุก”
ชญานนท์หันไปมองตาม เห็นมุกตาภาแว่บๆ ออกไปจากกองละคร ชญานนท์วิ่งตามไปทันที รัตน์มองตามไปอย่างแปลกใจ
มุกตาภาก้าวยาวๆ เดินเร็วรี่ ผ่านจุดที่ภารดีซึ่งเปลี่ยนชุดเสร็จเดินออกมาพอดี มุกตาภารีบเดินจนไม่ทันสังเกตเห็น สักครู่ชญานนท์วิ่งตามมา ภารดีฉากหลบวูบทัน ชญานนท์รีบวิ่งไปจนทันน้องสาว
“มุก...มุก” ชญานนท์คว้าตัวมุกตาภาไว้ “มุกจะไปไหน”
“มุกจะกลับค่ะ มุกจะไปสถานี”
ชญานนท์มองมุกตาภาอย่างพิจารณา ค้นหาพิรุธ
“ก็คุณพ่อไม่ให้มุกมากองถ่าย มุกก็จะกลับ” มุกตาภาบอกอีก
ชญานนท์ฉวยหยิบกระเป๋าถือของมุกตาภามาอย่างเร็ว มุกตาภาพยายามแย่งคืน
“พี่นนท์ เอากระเป๋ามุกมานะคะ เอากระเป๋ามุกคืนมา”
ชญานนท์เปิดกระเป๋าหยิบปืนออกมา ภารดีที่แอบดูอยู่ตกใจเมื่อเห็นปืน
“พี่ไม่อยากใช้คำว่าขโมยน่ะ...แต่มุกเอาปืนของพี่มาทำไม”
มุกตาภามองชญานนท์อย่างตัดพ้อ แววตาเต็มไปด้วยความเจ็บช้ำ ชญานนท์เอาปืนใส่กระเป๋ากางเกงไว้ ก่อนจะพูดต่อ
“ถ้าคุณพ่อรู้ว่ามุกมาที่นี่ แล้วเอาปืนมาด้วย พี่ไม่อยากคิดเลย ว่าคุณพ่อจะจัดการยังไงกับมุก”
ภารดีซึ่งแอบฟังอยู่ เหยียดยิ้มอย่างชั่วร้ายออกมา
“กลับไปไทยเท็นกับพี่”
มุกตาภาสะบัดมือ “ไม่ค่ะ มุกไปเองได้”
มุกตาภาพูดจบก็กระชากกระเป๋าถือคืนจากชญานนท์ก่อนจะเดินอย่างเร็วรี่ออกไป ชญานนท์หน้าเครียดจัดใองไป
โดยไม่รู้ว่าภารดีแอบอยู่ด้านหลัง มองตามสองพี่น้อง อย่างสะใจ และสาสมใจ
อ่านต่อตอนที่ 17