ปีกมงกุฎ ตอนที่ 11
ในขณะที่ชญานนท์กำลังเดินออกมาพร้อมกับติ๊น่าที่มาส่ง รัตน์เดินเข้ามาในบ้านถ่ายละครพอดี
“คุณนนท์ จะกลับแล้วเหรอคะ” รัตน์ทัก
“ผมมีประชุมกับฝ่ายขายครับ คุณรัตน์มีอะไรรึเปล่า”
รัตน์อึดอัดนิดๆ “คือ วันนี้คุณมุกมีงานต้องคุยกับฝ่ายประชาสัมพันธ์ค่ะ แต่ดิชั้นติดต่อคุณมุกไม่ได้เลย”
ชญานนท์นิ่งไปนิด ก่อนจะพูดให้เหมือนปกติ “มุกไม่ค่อยสบาย ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วครับ สงสัยจะลืมโทร.เลื่อนนัด”
“อ๋อ...ค่ะ”
ชญานนท์บอกต่อ “คงปิดมือถือด้วยครับ ฝากขอโทษทุกคนที่เข้าประชุมด้วยนะครับ คืนนี้ผมจะบอกให้มุกโทร.หาคุณรัตน์จะได้นัดกันใหม่”
“ค่ะ”
“ผมไปก่อนนะครับ”
“ค่ะ ไม่ต้องห่วงทางนี้นะคะ พี่ติ๊น่าทำให้เต็มที่ค่ะ” ติ๊น่าว่า
“ขอบคุณครับ”
ชญานนท์แยกตัวเดินไป รัตน์หันมาทางติ๊น่า “วันนี้ถ่ายได้ตามคิวไม๊คะ”
“แน่นอนค่ะ ทั้งกด ทั้งดัน ทั้งเร่ง...รับรองว่าปิดกล้องตามกำหนดแน่ค่ะ”
รัตน์ยิ้มพอใจ “ดีค่ะ”
ติ๊น่าพยักหน้าแล้วเดินนำรัตน์เข้าไปข้างใน
มุกตาภา นัดเจอกับแพรวที่ร้านกาแฟประจำ สภาพมุกตาภาดูทรุดโทรม ใบหน้าอิดโรย คล้ายคนนอนไม่หลับ และกำลังนั่งหน้าเซ็งอยู่ตรงหน้าเพื่อนซี้
แพรวเอ่ยขึ้นอย่างห่วงใย “มุก แพรวไม่อยากให้มุกหมดสภาพแบบนี้นะ”
มุกตาภายิ่งคิดก็ยิ่งแค้น “มุก หน้าด้านสู้นังตรีอัปสรมันไม่ได้จริงๆ”
“ถ้ามันทำขนาดนั้น ไม่ใช่แค่หน้าด้านหรอก แต่แพรวว่านังนี่ มารยาสาไถย ร้อยเล่มเกวียน จริตแพรวพราวรอบตัว”
มุกตาภาเครียด “มุกจะทำยังไงดีล่ะ แพรว”
แพรวถอนหายใจ “แพรวเข้าใจนะ ว่ามุกรักคุณนะมาก แต่อย่าให้คุณนะมาทำให้มุกเสียหาย ทั้งเรื่องงาน...เรื่องส่วนตัว”
“คอยดูนะ ถ้าพี่นนท์ยังไม่ทำอะไร ให้นังตรีอัปสรแยกจากคุณนะล่ะก้อ มุกจะอาละวาดให้มันฉาวโฉ่ไปเลย”
แพรวมอง ทั้งหนักใจ ทั้งกังวล กับท่าทางเอาแต่ใจตัวเองมุกตาภา
“จะดีเหรอมุก”
มุกตาภาเริ่มหงุดหงิด “โอย...จะดี จะเลว อะไร มุกก็ไม่สนใจแล้ว ถ้ามันจะแย่งคุณนะไปมันก็จะได้คุณนะ แบบที่มันต้องเจ็บปวดยิ่งกว่ามุก...” มุกตาภานึกอะไรขึ้นมาได้ “แล้วนี่คุณวุฒิล่ะ ไปเข้าฉากมั่งรียัง”
“ยังเลย...เห็นว่าบทยังเขียนไม่ถึง ตอนที่มีวุฒิเลย”
“อะไรกันเนี่ย” มุกตาภาขมวดคิ้ว อารมณ์เสียขึ้นมาอีก “แล้วเมื่อไหร่จะไปสอดส่องสืบให้มุกได้ล่ะ...เดี๋ยวมุกจัดการเอง”
แพรวงวยงง “จัดการยังไง”
มุกตาภาไม่ตอบแต่ลุกขึ้น สีหน้าเอาเรื่องเต็มที่
ทีมงานละครถ่ายทำไปได้อย่างราบรื่น เรื่อยมาจนถึงตอนเย็น โอ ธุรกิจกอง เดินเข้ามาตรงที่นั่งพักนักแสดง
“ฉากสุดท้าย ไม่มีน้องอร ไม่มีน้องตรีนะคะ นอกนั้นอยู่ครบค่ะ”
“งั้นตรีกลับนะคะ” ตรีอัปสรหันไปหาปิ๋ม “ปิ๋ม เก็บของไป”
“ค่ะ” ปิ๋มเดินไปเก็บบทและข้าวของตรีอัปสร
ตรีอัปสรยิ้มให้โอ แล้วลุกเดินไปเลย ภารดีมองตามไปอย่างหมั่นไส้
“ดูมันทำซิ เดินหน้าเชิด ไม่มีบอกลาใครเลย”
วรัญญาแดกดัน “อยากให้เค้าบอกลาเหรอ เดี๋ยวชั้นไปบอกให้”
ภารดีค้อนควัก “เปล่าย่ะ ชั้นไม่อยากได้ ชั้นแค่รังเกียจคนไม่มีมารยาท...สมบัติผู้ดี”
อรสินีไม่อยากฟังการนินทาว่าร้าย ขยับลุกขึ้น “อรกลับก่อนนะคะ”
อรสินียิ้มให้ทุกคน แล้วเดินไป เพชรมองตามแล้วขยับลุกขึ้นตามไปห่างๆ ภารดีมองตามแล้วเม้าท์ต่อทันที
“กลัวจะโดนด่าลับหลัง รีบบอกลาเชียว”
วรัญญาส่ายหน้าเบ้ปากใส่ “ลาหรือไม่ลา ก็โดนหมดนั่นละ”
ภารดีหันมามอง ขยับจะเถียงกลับ โอรีบเข้ามาแทรกทันที
“เปลี่ยนชุดทบทวนบท แล้วไปที่หน้าฉากเลยค่ะ อย่าช้า...เดี๋ยวจะโดนพี่ติ๊น่าเหวี่ยงและโดนผู้กำกับด่าค่ะ”
โอเดินลิ่วไป วรัญญามองภารดีแล้วลุกขึ้นเดินไปทั้งคู่
ทิ้งภารดีให้เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่ลำพัง
อรสินีเปลี่ยนชุดเสร็จ หิ้วกระเป๋าบทและกระเป๋าเสื้อผ้า เดินไปที่รถ เพชรเดินตามมาติดๆ
“อร”
อรสินีหยุดเดิน หันมามอง “คะ”
“รอผมถ่ายฉากนี้เสร็จได้ไม๊ ผมจะได้ไปส่งอรที่บ้าน”
อรสินียิ้ม “ไม่เป็นไรค่ะ วันนี้คุณแม่มารับ”
ขาดคำ เสียงริสาก็เจื้อยแจ้วมา “หนูอร...หนูอรจ๋า”
อรสินีกับเพชรหันไปมอง เห็นริสาเดินมา
“วันนี้คุณแม่ไม่ว่าง ก็เลยให้ป้ามารับแทนจ้ะ”
อรสินียกมือไหว้ทัก “สวัสดีค่ะ คุณป้า”
“ไปกันรึยัง...ลูก”
เพชรยกมือไหว้ “สวัสดีครับ...คุณป้า”
ริสายิ้มตอบ “ดีจ้ะ ไป๊ กลับกันเถอะ”
อรสินีหันมายิ้มให้เพชรก่อนจะเดินไปกับริสา
“คุณแม่ไปไหนเหรอคะ คุณป้า”
“ติดคุยงานกับลูกค้าจ้ะ แล้วเห็นบอกว่าจะไปโรงพยาบาลต่อ” ริสาว่า
เย็นจวนค่ำแล้ว ขณะที่พยาบาลกำลังเช็ดตัวให้นายพลอัศวิน ก่อนจะเก็บกะละมัง เปิดม่านออก แล้วเดินไปเทน้ำทิ้งในห้องน้ำ ดารินทร์ที่นั่งอยู่ที่โซนรับแขก ขยับลุกขึ้น หันไปหา
“เสร็จแล้วเหรอคะ”
พยาบาล 1 บอก “ค่ะ คุณจะอยู่กับคนไข้ก่อนใช่ไม๊คะ”
“ค่ะ ดิชั้นจะอยู่เป็นเพื่อนท่าน...คงจะกลับดึกหน่อยค่ะ”
“ถ้ามีอะไร กดเรียกได้นะคะ”
“ขอบคุณค่ะ”
พยาบาลเดินออกไป ดารินทร์เดินไปหาอัศวินซึ่งนอนอยู่ ดารินทร์มองอัศวินนิ่ง ต่างฝ่ายต่างสบตากันซักครู่ อัศวินส่งเสียงเหมือนจะเรียกชื่อ
“อา...อา...”
ดารินทร์มองอัศวินนิ่ง ก่อนจะพูดตัดพ้อ ด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ยายตรี...เล่าเรื่องคุณให้ชั้นฟังแล้ว คุณทำแบบนี้กับชั้นกับลูกชั้นได้ยังไง ถ้าวันนั้นรถคุณไม่คว่ำ คุณก็ทำลายลูกชั้น ทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจที่ชั้นมีให้คุณ ใช่ไม๊ ถึงชั้นจะเป็นเมียน้อย ไม่มีค่า ไม่มีราคาในสายตาใคร แต่ชั้นไม่เคยคิดจะทรยศ หักหลัง หรือสวมเขาให้คุณแบบที่คุณหญิงสุดสวาททำ”
นายพลอัศวินอึกอัก อยากจะพูดแต่ก็พูดไม่ได้ ท่าทางไม่ได้สำนึกผิดสักนิดแต่อาการเหมือนอยากจะบอกว่ามันเป็นเรื่องที่เขาทำได้ โดยที่ดารินทร์ไม่มีสิทธิ์จะมาต่อว่า
ดารินทร์ดูออก “ดูท่าทางคุณ ไม่ได้สำนึกผิดเลยนะ คุณอัศวิน ชั้นอยากรู้จริงๆ ว่าถ้าคุณหายดีแล้ว คุณจะบอกคนที่บ้านคุณว่ายังไง เรื่องที่คุณขับรถไปคว่ำ”
นายพลอัศวินมองดารินทร์นิ่งอยู่อย่างนั้น
ขณะเดียวกัน สลิลทิพย์เดินเข้ามาที่ด้านหน้าโรงรพยาบาล พอจะผ่านร้านขายของเยี่ยม สลิลทิพย์ชะงักหยุดมองก่อนจะเดินเข้าไปดู
ดารินทร์หยิบหมอนที่พิงขานายพลอัศวินอยู่ออก ทำให้ขาของท่านนายพลกระแทกเหล็กข้างเตียงที่ยกขึ้นมากันไม่ให้ตกเตียง ดารินทร์ถือหมอนไว้กับมือมั่น
“ชั้นเคยคิดว่า คุณจะเป็นผู้ชายคนสุดท้ายในชีวิตชั้น ชั้นจะอยู่กับคุณ รักคุณ ซื่อสัตย์กับคุณ แต่ชั้นลืมคิดไปว่าสันดานผู้ชาย ให้เจอผู้หญิงดี สมบูรณ์แบบแค่ไหน มันก็ไม่มีวันหยุด โดยเฉพาะผู้ชายแบบคุณ สันดานมักมาก ไม่รู้จักอิ่ม ไม่รู้จักพอ ไม่มีความยับยั้งชั่งใจ ถึงยายตรีมันจะไม่ใช่ลูกคุณ แต่มันก็เป็นลูกของเมียคุณ”
สลิลทิพย์ได้กระเช้าของเยี่ยม เดินออกมาด้านหน้าลิฟท์ ก่อนจะกดรอลิฟท์
ฝ่ายนายพลอัศวินเริ่มอึกอัก เมื่อเห็นท่าทางดารินทร์ที่มีแววตาเคียดแค้น ดูโหดเหี้ยมแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะไม่สามารถขยับเขยื้อนตัวได้เลย ดารินทร์ยกหมอนขึ้นวางตรงหน้าอกสามีนายพล
“ชั้นควรจะตอบแทนการทรยศหักหลัง ทำลายลูกชั้นด้วยอะไรดี ชั้นว่าไม่มีอะไรจะดีไปกว่า การที่คุณไม่มีโอกาสได้พูดอีกต่อไป...คุณว่าไม๊”
พูดจบดารินทร์ก็เอาหมอนปิดหน้านายพลอัศวิน สีหน้าดารินทร์เจ็บปวดเหลือเกินกับสิ่งที่ทำ
ประตูลิฟท์เปิดออก สลิลทิพย์เดินออกมาแล้วเดินไปตามทาง
ดารินทร์ออกแรงกดหมอน นายพลอัศวินส่งเสียงอืออา ขยับตัวก็ไม่ได้ ฟังก็ไม่รู้เรื่อง ดารินทร์เหมือนจะทนไม่ได้ เอาหมอนออก นายพลอัศวินรีบหายใจเข้าอย่างหวาดกลัว ดารินทร์เองก็หายใจอย่างรุนแรงด้วยความตกใจ
“คุณอัศ”
ประตูห้องเปิดออก ดารินทร์เหลียวขวับไปมอง เห็นสลิลทิพย์เดินเข้ามา มองดารินทร์อย่างตกใจ ไม่คิดว่าจะเจอ บวกกับท่าทางของดารินทร์ที่ดูมีพิรุธ
“ทำอะไรน่ะ”
สลิลทิพย์เดินเข้าไปใกล้ๆ เห็นดารินทร์ถือหมอนอยู่ในมือ
“เธอจะทำอะไรน่ะ...ดารินทร์”
ดารินทร์มองสลิลทิพย์แล้วมองหมอนในมือ ก่อนที่จะกลบเกลื่อนอาการ
“ชั้นก็จะเอาหมอนเพิ่มให้คุณอัศน่ะซิ”
ดารินทร์พูดจบก็เอาหมอนในมือสอดเข้าไปใต้หมอนที่นายพลอัศวินหนุนอยู่
“พยาบาลเค้าแนะนำให้ลองหนุนหมอนสูงบ้าง ขยับตัวให้คุณอัศบ้างจะได้ไม่อบ ไม่มีแผลกดทับ”
สลิลทิพย์จดสายตามองดารินทร์อย่างไม่เชื่อ ดารินทร์ก็มองตอบนิ่งๆ
“มองอะไร...คิดอะไร”
“ชั้นจะคิดอะไรมันก็เรื่องของชั้น”
“ก็ช่วยคิดเรื่องดีไว้แล้วกัน อย่าคิดว่าคนอื่นจะชั่วร้ายเหมือนตัวเอง”
สลิลทิพย์ของขึ้น แผดเสียงใส่ทันที “นังดารินทร์”
ดารินทร์ด่า “นี่ห้องคนไข้นะ....อย่ามาแผดเสียงเป็นไพร่ที่นี่”
สลิลทิพย์มองดารินทร์อย่างแค้นใจ ก่อนจะเดินไปนั่งที่เก้าอี้รับแขกท่าทีฉุนเฉียว
ดารินทร์โล่งอกผ่อนลมหายใจเบาๆ มองนายพลอัศวินนิ่ง พบว่านายพลอัศวินยังมีท่าทางผวา และแววตาหวาดกลัวอยู่
ฟากตรีอัปสรเดินลงมาจากบันไดด้วยชุดอันสวยงาม ปิ๋มซึ่งอยู่แถวนั้น วิ่งเข้ามาหา
“คุณตรี สวยจังเลยค่ะ...คุณตรีจะไปไหนคะ”
ตรีอัปสรหันมามองปิ๋มอย่างครุ่นคิด ก่อนจะพูดช้าๆ
“ปิ๋ม แกโทร.ไปบอกนักข่าวนะ ว่าคืนนี้ชั้นจะไปไหน เดี๋ยวชั้นจะส่งชื่อร้านกับแผนที่ให้”
“ได้ค่ะ แล้วคุณตรีไปกับใครคะ”
ตรีอัปสรหงุดหงิด “แกไม่ต้องรู้ทุกเรื่องก็ได้มั้ง....บอกไปตามที่ชั้นสั่งเท่าเนี่ย”
ปิ๋มยิ้มแหยๆ “ค่ะ”
“แม่กลับมารึยัง”
“ยังค่ะ”
ตรีอัปสรพยักหน้า “ไปเปิดประตูหน้าบ้านไป๊ ถ้าแม่กลับมา แกก็บอกแค่ว่า ชั้นออกไปข้างนอก ไม่ต้องใส่รายละเอียด”
“ได้ค่ะ”
ปิ๋มเดินออกไปก่อน ตรีอัปสรมองตามแล้วส่ายหน้าเอือมนิดๆ ในความล้นและแส่
ทางด้านดารินทร์ซึ่งยืนอยู่ข้างๆ เตียง มองสลิลทิพย์อย่างไม่พอใจ
“เธอมาเยี่ยมคุณอัศวินหรือนัดคุณหญิงสุดสวาทไว้ ห๊ะ”
“แล้วมันเรื่องอะไรของเธอ”
ดารินทร์เดินเข้าไปหาสลิลทิพย์ช้าๆ
“เรื่องของชั้นโดยตรงเลยล่ะ เพราะถ้าเธอไม่ชอบให้ชั้นไปเฝ้าผัวเธอชั้นก็ไม่ชอบให้เธอมาเฝ้าผัวชั้นเหมือนกัน”
สลิลทิพย์ชะงักไปกับคำพูดนั้น ดารินทร์มองสลิลทิพย์ก่อนจะพูดต่อ
“หรือลืมไปแล้ว ว่ากำลังนั่งเฝ้าผัวคนอื่นอยู่”
สลิลทิพย์มองอย่างพิจารณาเหมือนตั้งหลักได้ หลังจากโดนดารินทร์จี้จุด
“ไม่ใช่เพราะอยากอยู่กับท่านอัศวินตามลำพังเพื่อจะทำอะไรท่านเหรอ”
“คิดว่าคนอื่นจะเหมือนตัวเองรึไง คนอย่างชั้นใจคอโหดเหี้ยมไม่ได้เศษเสี้ยวเธอหรอก สลิลทิพย์”
“ของแบบนี้ มันเก็บอยู่ในใจ ใครจะไปรู้”
ดารินทร์มองสลิลทิพย์อย่างเอาจริง
“ความเลวร้ายของเธอ ไม่มีใครเทียบได้แล้วละ สลิลทิพย์ กลับไปซะวันนี้ไม่มีใครมาหรอก นอกจากชั้น”
สลิลทิพย์มองดารินทร์อย่างหวาดๆ กับท่าทางที่ดูเย็นชา เลือดเย็น
ตรงมุมส่วนตัว ในร้านอาหารหรู แลเห็นชญานนท์นั่งรออยู่ บนโต๊ะมีเชิงเทียนสวยงาม เปลวเทียนวับแวม วูบไหวตามแรงลม บรรยากาศโรแม้นซ์สุดๆ ซักครู่ ตรีอัปสรเดินเข้ามา ชญานนท์ลุกขึ้นตะลึงในความสวยและเซ็กซี่เป็นพิเศษ
ชญานนท์ยิ้มทัก “วันนี้คุณสวยมาก...และตรงเวลา”
ตรีอัปสรยิ้มหวานรับคำชม “คุณนนท์พูดเหมือนตรีชอบผิดนัดนะคะ แต่ก็เป็นคำชมและคำทักทายที่เพราะมากค่ะ”
ชญานนท์ยิ้มแล้วขยับเก้าอี้ให้ตรีอัปสรลงนั่ง ตัวเองขยับมานั่งตรงข้าม
“ผมสั่งอาหารไว้แล้ว...คิดว่าคุณจะน่าจะชอบ”
“เป็นเดทแรกที่น่าประทับใจมากค่ะ”
บริกรเอาอาหารเข้ามาเสิร์ฟเป็นซุปและขนมปัง พร้อมแก้วแชมเปญ บ๋อยเดินออกไป ชญานนท์หยิบแก้วแชมเปญขึ้นมาถือเหมือนจะชนแก้ว ตรีอัปสรหยิบแก้วขึ้นมาชน
ตรีอัปสรเอียงคอท่าทีน่ารัก “ขอให้คุณนนท์มีความสุขค่ะ”
“ขอให้เรามีความสุข”
ตรีอัปสรและชญานนท์สบตากันหวานฉ่ำ
เวลาเดียวกัน อรสินีนั่งอ่านบทอยู่ในห้องนั่งเล่น ซักครู่ อาชัญเดินเข้ามา อรสินียิ้มให้
“คุณพ่อ...รอคุณแม่เหรอคะ”
“ใช่” อาชัญมองอรสินี “เป็นยังไงบ้างละครที่ลูกเล่น...โอเคไม๊”
“ก็ดีค่ะ ค่อยๆเรียนรู้...แล้วก็พยายามทำให้ได้”
“ดีแล้วลูก ที่สำคัญ...ต้องพยายามทำให้ดี ให้สม่ำเสมอด้วย จะขยันจะทำความดี มันไม่ใช่เรื่องยาก แต่ทำให้สม่ำเสมอต่อเนื่องทั้งชีวิตยากกว่า”
อรสินียิ้มรับ “ค่ะ”
อาชัญนึกได้ “แล้วพี่นนท์ของลูกล่ะ...เป็นยังไงบ้าง...งานเยอะเลยล่ะซิ”
“ค่ะ”
อรสินีตอบคำถามสั้นๆ จนอาชัญต้องหันมามองอย่างแปลกใจ
“มีอะไรกันรึเปล่าลูก”
“เปล่าค่ะ....ไม่มีอะไร”
อาชัญมองอรสินีแล้วยิ้มอย่างใจเย็นรู้ทัน
“ตอบแบบนี้...เหมือนจะมีอะไรนะ”
อาชัญขยับมานั่งข้างๆ ดึงลูกสาวเข้ามากอด อรสินีซบลงกับอกของบิดา
“ความรัก มันไม่ใช่เรื่องซับซ้อนหรอกน่ะลูก แต่คนเรานี่ล่ะ พยายามทำให้มันซับซ้อน พ่อเองก็เคยพลาดเพราะตอนนั้นพ่อแยกความรัก ความหลง ความรับผิดชอบไม่ออก”
“มันมีเรื่องราวมากมายในความรักจริงๆนะคะ”
“เรื่องอะไรล่ะ...ไหนเล่าให้พ่อฟังซิ”
อรสินียิ้ม “อรหมายถึงความรักทั่วๆ ไปของคนอื่นน่ะค่ะ ส่วนของอร...อรยังจับต้นชนปลายไม่ถูกเลยค่ะ...คุณพ่อ”
“อรกับนนท์รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก ถึงจะห่างกันไปตอนเรียนมหาวิทยาลัยแต่ก็กลับมารักกัน พ่อว่าความผูกพันมันก็เป็นองค์ประกอบหนึ่งของความรักนะ”
“ค่ะ”
“ถ้ามีอะไรก็คุยกับพ่อได้นะลูก...พ่อเป็นนักฟังที่ดีนะ”
อรสินีมองอาชัญแล้วยิ้มให้อย่างอบอุ่นและบริสุทธิ์ใจ
ที่ร้านอาหารหรู เวลาเดียวกัน ตรีอัปสรทานอย่างอร่อยล้ำ
ชญานนท์ถามเสียงนุ่ม “ถูกปากไม๊ครับ”
“ถูกทั้งปาก ทั้งลิ้น ทั้งคอ เลยไปถึงกระเพาะเลยค่ะ”
ชญานนท์อดหัวเราะขำคำพูดของตรีอัปสรไม่ได้ ชญานนท์ยกแก้วแชมเปญขึ้นชวนชนแก้ว ตรีอัปสรชนแก้วกับชญานนท์ ก่อนจะวางแก้วลง มีเสียงเพลงเพราะดังขึ้น ตรีอัปสรได้ยินเพลงแล้วยิ้มพอใจ ชญานนท์วางแก้วลง แล้วลุกขึ้นเดินมาตรงหน้าตรีอัปสร
“ให้เกียรติเต้นรำกับผมได้ไม๊ครับ”
ตรีอัปสรยิ้มหวาน “ด้วยความยินดีค่ะ”
ชญานนท์ยื่นมือไป ตรีอัปสรส่งมือให้ แล้วลุกขึ้น ชญานนท์กับตรีอัปสรเต้นรำคู่กันอย่างมีความสุข
“ผมดีใจนะ ที่คุณมีความสุข”
“ใครบอกคุณคะ...ว่าตรีมีความสุข”
“ไม่ต้องบอกผมก็รู้” ชญานนท์มองจ้องตรีอัปสร “ผมเห็นความสุขในแววตาของคุณ”
ตรีอัปสรเขินอายอย่างแท้จริง กับคำพูดและแววตาเจ้าชู้ของชญานนท์ ตรีอัปสรหลบตาลง ชญานนท์ขยับเข้าไปใกล้ๆในขณะที่เต้นรำ ริมฝีปากอยู่ข้างๆหูตรีอัปสร
“กระจายอยู่ทั่วใบหน้าของคุณ รอยยิ้มของคุณ”
ตรีอัปสรยิ้มกับคำพูดของชญานนท์
“แล้วคุณนนท์ล่ะคะ มีความสุขรึเปล่า”
ชญานนท์ขยับหน้ามามองตรีอัปสรระยะใกล้ๆ “คุณจับความรู้สึกสุขสุดๆ จากผมไม่ได้เลยเหรอ”
ตรีอัปสรมองชญานนท์แล้วหัวเราะเบาๆ ทั้งคู่เต้นรำอย่างเคลิบเคลิ้ม สุขแสน
อีกมุมหนึ่งในร้านอาหาร นักข่าว 2-3 คน เดินมาเจอกันแล้วพยักหน้าให้กัน จากนั้นค่อยๆ เดินย่องไปที่พุ่มไม้ ทั้ง 3 มองไป เห็นตรีอัปสรกับชญานนท์เต้นรำด้วยกันอย่างดื่มดำลึกซึ้ง
นักข่าวหันมายิ้มให้กัน ที่ได้ข่าวเด็ด ยกกล้องขึ้นกดถ่ายรูปทันทีไม่มียั้ง
ส่วนอรสินีนอนอยู่บนเตียง พลิกตัวไปมาเหมือนนอนไม่หลับ อรสินีหยิบโทรศัพท์ที่หัวเตียงขึ้นมา อรสินีกดไปที่เบอร์โทรฯพี่นนท์ อรสินีนึกถึงคำพูด ซ้อนภาพ ตอน 10 ฉาก 15
ช่วงที่อรสินีพูด “ความเชื่อใจ.....ความไว้ใจ จะทำหน้าที่ประคองความรักให้แข็งแรง..”
ซ้อนภาพกลับมาที่อรสินี ถอนหายใจเบาๆ
“คิดฟุ้งซ่านอะไรเนี่ย อรสินี”
อรสินีวางโทรศัพท์ลงไม่โทร.ไป ก่อนจะตะแคงหลับตาลง
ตรีอัปสรเต้นรำกับชญานนท์ สเต็ปสุดท้ายจบเพลงพอดี ทั้งคู่ขยับแยกออกจากกัน
ชญานนท์หยิบกล่องออกจากสูท แล้วเปิดออก หยิบสร้อยสวยเส้นเล็กๆ ขึ้นมาชูให้ดู
“ของขวัญเล็กๆ สำหรับคุณ”
“เนื่องในโอกาสอะไรคะ”
“หลายโอกาสครับ...ผมใส่ให้น่ะ”
“ค่ะ”
ชญานนท์หยิบสร้อยมาใส่ให้ตรีอัปสร โดยอ้อมมือไปใส่ให้ นั่นทำให้สองคนใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น ตรีอัปสรเอามือจับจี้ซึ่งเป็นรูปโบว์
“โบว์ผูกไว้ให้อยู่ใกล้ๆ กัน”
ตรีอัปสรอดยิ้มกับคำพูดหวานหูของชญานนท์ไม่ได้
“ขอบคุณนะคะ”
“ผมก็ต้องขอบคุณตรีเหมือนกัน”
ตรีอัปสรยิ้มพอใจ บรรยากาศหวาน อบอวลไปทั่วบริเวณนั้น
สลิลทิพย์เดินเข้ามาในบ้าน หน้าเครียดจัด
“ทำไมวันนี้กลับค่ำละคุณ”
สลิลทิพย์สะดุ้ง ก่อนจะหันไปมอง เห็นอาชัญ นั่งอ่านหนังสืออยู่ที่เก้าอี้ประจำ
“ตกใจหมดเลย มานั่งทำอะไรเงียบๆ ตรงนี้เนี่ย”
“ก็รอคุณไง แล้วทำไมต้องตกใจด้วย”
สลิลทิพย์เดินไปหาอาชัญ ทรุดตัวลงนั่งข้างๆ อาชัญยังไม่ทันสังเกตอาการตื่นๆของสลิลทิพย์
“คุณไปไหนมา”
“ชั้นไปเยี่ยมท่านอัศวิน....แต่ชั้นเจอยายดารินทร์”
อาชัญทำท่าไม่สนใจ “ก็ไม่เห็นแปลก ดารินทร์เค้าเป็นเมียก็ต้องไปเฝ้าท่านอัศวินเป็นธรรมดา”
สลิลทิพย์ค้อนขวับ “เมียน้อยค่ะ พูดให้จบ”
อาชัญพยักหน้าเหมือนเห็นด้วย แบบตามใจ สลิลทิพย์ยังมีสีหน้าสงสัย
สลิลทิพย์ :แต่ชั้นว่ามันแปลกๆนะคุณ.....นังดารินทร์มันทำท่าเหมือนจะทำร้ายท่านอัศวินมากกว่าไปเยี่ยม ไปดูแลนะคะ....
อาชัญขมวดคิ้ว “เฮ้ย...ดารินทร์จะทำอย่างนั้นทำไม ก็คุณบอกผมว่า ท่านอัศวินโอนเงินให้ดารินทร์ตั้ง 10 ล้าน”
“ก็ใช่ค่ะ”
“แล้วดารินทร์จะทำร้ายท่านอัศวินทำไม”
“นั่นซิ....ชั้นว่ามันต้องมีอะไรซับซ้อนซ่อนเงื่อนมากกว่าที่เรารู้แน่ๆ”
“จะซ้อน จะซ่อนแค่ไหนก็ไม่ใช่เรื่องของเรา....อย่าไปสนใจเลย”
อาชัญว่าพลางขยับลุกขึ้น สลิลทิพย์มองตาม
“แล้วนี่....ตารุจ ยายอร ล่ะคะ”
“นายรุจยังไม่กลับ ยายอรขึ้นนอนแล้วเห็นว่าพรุ่งนี้มีถ่ายละครแต่เช้า”
สลิลทิพย์ยังมีท่าทางหมกมุ่นครุ่นคิดอยู่ อาชัญขยับมาดึงแขนสลิลทิพย์
“ไปนอนเถอะ...ผมง่วงแล้ว”
“ชั้นต้องสืบให้ได้ว่า ยายดารินทร์มันมีแผนการอะไรถึงกับต้องฆ่าท่านอัศวิน”
อาชัญมองสลิลทิพย์ “เมื่อกี้ยังบอกทำร้ายอยู่หยกๆ ไม่ถึง 2 นาที เปลี่ยนเป็นฆ่าแล้วเหรอเลิกคิดเรื่องคนอื่นเถอะ ไปอาบน้ำนอนดีกว่านะ ไป๊”
อาชัญดึงแขนสลิลทิพย์ไป
สลิลทิพย์มองอย่างหมั่นไส้เล็กๆ แต่ก็สุขใจที่สามีเอาใจใส่ เดินตามแรงจูงของอาชัญไป
อ่านต่อหน้า 2
ปีกมงกุฎ ตอนที่ 11 (ต่อ)
ฝ่ายฟากดารินทร์เดินเข้ามาในบ้าน มีปิ๋มเดินตามเข้ามา
“คุณตรีไปไหน”
“ไม่ทราบค่ะ...คุณตรีไม่ได้บอกไว้”
ดารินทร์พยักหน้า ท่าทางเหนื่อยๆ เครียดๆ ขยับเดินขึ้นบันได
“คุณผู้หญิงจะรับประทานอะไรซักนิดไม๊คะ”
ดารินทร์หันมามอง “ชั้นไม่หิว...แกไปนอนเถอะ..เดี๋ยวชั้นลงมาคอยคุณตรีเอง”
“ค่ะ...”
ปิ๋มเดินแยกไปหลังบ้าน ดารินทร์มองตามไปแล้วเดินขึ้นข้างบน
ชญานนท์เดินเคียงคู่กับตรีอัปสร สองคนอยู่ในลานจอดรถ
“ขอบคุณมากนะคะ...สำหรับอาหาร บรรยากาศและก็ของขวัญ”
ตรีอัปสรยกมือขึ้นแตะจี้ ชญานนท์เอื้อมมือมาแตะจี้ที่คอตรีอัปสร ป้อคำหวาน
“ผมผูกคุณไว้แล้วนะ”
“เปลี่ยนเป็นเราผูกกันไว้ได้ไม๊คะ”
ชญานนท์หัวเราะเบาๆ คล้ายถูกใจในคำพูดและ ไหวพริบของตรีอัปสร แต่ไม่ตอบอะไร
ตรีอัปสร ตัดสินใจถาม “แล้ว...คุณอรล่ะคะ”
ชญานนท์เลิกคิ้ว “น้องอรทำไมครับ”
“อย่าเฉไฉซิคะ ใครๆก็รู้ว่า...คุณนนท์กับคุณอร...”
ชญานนท์ยกมือขึ้นปิดปากตรีอัปสรเบาๆ “ตอนนี้ขอเป็นเวลาของชญานนท์กับตรีอัปสรได้ไม๊ครับ”
ตรีอัปสรปลื้มปริ่มยิ้มนิดๆ ชญานนท์เอามือลง แล้วจูงมือตรีอัปสรเดินไป
ดารินทร์ในชุดนอนเดินลงบันไดมาพร้อมๆกับที่ตรีอัปสรเปิดประตูเข้ามา หน้าตาอิ่มเอิบ
“หน้าตามีความสุขเหลือเกินนะ...ยายตรี”
ตรีอัปสรยกมือขึ้นจับใบหน้าตัวเอง “ออกนอกหน้าเลยเหรอคะ...แม่”
ตรีอัปสรพูดเย้าอย่างอารมณ์ดี ดารินทร์ถึงกับหลุด โมโหปรี๊ดขึ้นมา
“ยายตรี นี่แกยังร่าเริงบันเทิงใจได้อีกเหรอ ถ้าคุณอัศหายดี พูดได้ แล้วเอาเรื่องของแกไปแฉให้นังคุณหญิงกับลูกชายฟัง....แกยังจะหน้าระรื่นได้อีกไม๊”
ตรีอัปสรนึกขึ้นได้ ขยับเข้ามาหาดารินทร์ เกาะแขนถามประจบ
“วันนี้แม่ไปหาคุณลุงมาเหรอ...คุณลุงเป็นยังไงบ้างแม่”
ดารินทร์หันมามองตรีอัปสรครู่เดียวก็ปล่อยโฮออกมาเหมือนคนอัดอั้นตันใจมานาน ตรีอัปสรตกใจกับอารมณ์ของแม่ ที่เหมือนระงับยับยั้งไม่อยู่
“แม่...แม่เป็นอะไร...เกิดอะไรขึ้น...มีอะไรคะ แม่”
ดารินทร์ลดเสียงร้องไห้ให้เบาลง แต่ก็ยังร้องอยู่ เหมือนจะระบายความรู้สึกออกมา
นายพลอัศวินนอนอยู่บนเตียง แววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ค่อยๆ ส่งเสียงเรียกออกมา
“อะ...อา...พะ...พะยะ...”
ท่านนายพลพยายามจะพูดคำว่า พยาบาล ออกมาให้ได้ พร้อมกับพยายามที่จะขยับตัว แต่ทำไม่ได้ มีเพียงลูกตาที่กลอกไปมา
สุดท้ายพบว่านิ้วมือนายพลนักรักค่อยๆ ขยับได้
ดารินทร์สงบสติอารมณ์ได้แล้ว แต่ใบหน้ายังมีคราบน้ำตาเปื้อนอยู่ ดารินทร์มองตรีอัปสรที่สีหน้าเครียดขึ้น เมื่อฟังเรื่องจบ
“แม่ผิดเองที่แม่ไม่ใจแข็งพอ ถ้าแม่จัดการคุณอัศซะ...เรื่องมันก็จบ”
ตรีอัปสรกังวล “แล้วยายสลิลทิพย์สงสัยแม่รึเปล่าเนี่ย”
“ไม่หรอก...ตอนนังนั่นเข้ามา แม่ไม่ได้ทำอะไรคุณอัศวินแล้ว”
“ถ้ายายนั่นรู้ล่ะก้อ....ต้องป่าวประกาศไปทั่วแน่”
“เลิกสนใจเรื่องนังสลิลเถอะ ยายตรี...เรื่องคุณอัศสำคัญกว่าเยอะ แม่กลัวว่าถ้าคุณอัศพูดได้...คราวเนี้ยไม่ใช่แค่เรื่องแก แต่เค้าต้องพูดเรื่องที่แม่คิดฆ่าเค้าแน่ๆ แล้วที่สำคัญ คุณอัศอาจจะลากแม่เข้าคุก”
นัยน์ตาตรีอัปสรเป็นประกาย “ตรีไม่ยอมให้ใครทำยังงั้นกับแม่หรอก คุณลุงคงไม่ดีขึ้นวันนี้ พรุ่งนี้หรอกค่ะ...เรายังมีเวลา เรื่องนี้ตรีจะจัดการเอง”
ดารินทร์ตื่นตกใจ “ไม่ได้นะ...ยายตรี แกกำลังเจริญก้าวหน้า มีชื่อเสียง ถ้ามันมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา...แกโดนจับได้...แกหมดอนาคตเลยนะยายตรี”
ตรีอัปสรมองดารินทร์ “ตรีต้องเลือกค่ะแม่ ถ้าตรีไม่ทำเราก็ต้องโดนแฉ แต่ถ้าเราจัดการคุณลุงสำเร็จ...เรื่องทุกอย่างก็จะจบไปพร้อมกับคุณลุง แม่คิดว่า ตรีควรเลือกทำยังไงคะ”
ดารินทร์มองตรีอัปสรนิ่งๆ เริ่มคล้อยตาม สีหน้าของตรีอัปสรมาดมั่นจริงจัง
รุ่งเช้ารถของสลิลทิพย์แล่นมาจอดหน้าอาคารสถานีโทรทัศน์ไทยเท็น โซนสตูดิโอ อรสินีนั่งมากับสลิลทิพย์
“ตอนเย็นแม่อาจจะให้ป้าริสามารับนะ”
“อรกลับเองก็ได้นะคะ”
สลิลทิพย์ส่ายหน้า “เป็นนางงาม นางเอกละคร จะนั่งแท็กซี่คนเดียวได้ยังไง เสียหน้าหมด นี่แม่ว่าจะหาคนมาตามดูแลอรในกองถ่าย ไม่ให้น้อยหน้านังตรีอัปสรมัน”
อรสินีถอนหายใจ “ค่ะ”
สลิลทิพย์มองหน้าอรสินีอย่างหมั่นไส้
“อย่ามาทำหน้าเมื่อยกับแม่นะ..ยายอร...ที่ชั้นคิด ชั้นทำก็เพื่อแกทั้งนั้น”
อรสินียิ้มแห้งๆ “อรทราบค่ะ....อรไปนะคะ”
อรสินียกมือไหว้แม่แล้วลงจากรถไป สลิลทิพย์มองตามอย่างหมั่นไส้ บ่นเบาๆ
“ไม่ได้อย่างใจเล้ย....ยายอรเอ๊ย”
สลิลทิพย์พูดจบ ก็ขับรถออกไป
ชญานนท์ยืนรอลิฟท์อยู่ อรสินีเดินมาจากด้านหลังเพื่อรอลิฟท์เหมือนกัน ชญานนท์หมุนตัวไปเจออรสินีก็ยิ้มทักอย่างดีใจ
“น้องอร พี่กำลังจะแวะไปหาพอดี”
“มีอะไรรึเปล่าคะ”
“เย็นนี้ทานข้าวกันนะคะ”
“พี่นนท์ว่างเหรอคะ”
“ว่างค่ะ น้องอรโทร.บอกคุณน้าสลิลนะคะ ว่าเย็นนี้พี่พาไปส่งบ้านเองไม่ต้องมารับ”
“ค่ะ”
ประตูลิฟท์เปิดออก ทั้งชญานนท์และอรสินีเดินเข้าไป ชญานนท์เอื้อมมือจะกดเลขชั้น สายตามองออกไปข้างนอก เห็นตรีอัปสรเดินมาในจังหวะที่ลิฟท์ค่อยๆ ปิดลงพอดี
วันนี้ทีมงานกองถ่ายละคร เล่ห์ร้ายสายสวาท เซ็ตฉากถ่ายทำในสตูดิโอไทยเท็นภาพตรีอัปสรกับชญานนท์เต้นรำกันเมื่อคืนนี้ แต่เป็นภาพที่ถ่ายเห็นใบหน้าตรีอัปสรชัดเจน ส่วนคู่เต้นรำ หันหลังให้จึงดูไม่ออกว่าเป็นใคร เห็นภารดี กัลยาณี วรัญญา นั่งจับกลุ่มดูข่าวบันเทิงกันอยู่ในห้องแต่งตัว
ภารดีอ่านพาดหัวข่าวเสียงดัง “สมภารแอบชิมไก่วัด....แหม...เข้าใจพาดหัวข่าวนะยะ”
กัลยาณีเม้าท์ทันที “ยายตรีนี่มันไวไฟยิ่งกว่าเบนซินอีกน่ะ....ทำเป็นนิ่งๆ เฉยๆ ที่ไหนได้”
“นั่นซิ....แต่คุณนนท์ก็มิใช่น้อยน่ะ เห็นเดินอยู่กับยายอรหยกๆ เผลอแป๊บเดียว ไปเต้นรำกับยายตรีซะนี่”
วรัญญามองภาพข่าวนิ่งๆ สีหน้ากังวล เป็นห่วงอรสินี ภารดีหันมามองวรัญญาแขวะทันที
“ไง....รัญ...นั่งเงียบไม่พูดไม่จา สงสารเพื่อนรักที่โดนคาบผู้ชายไปหรือเสียดายผู้ชายเป็นการส่วนตัวยะ”
“ชื่อเธอนี่มันตรงข้ามกับนิสัยจริงๆ ชีวิตนี้คิดอะไรดีๆ เป็นมั่งไม๊ ห๊ะ”
วรัญญาขยับจะลุกขึ้นเดินออกไป แต่ชะงักเมื่อเห็นอรสินีเดินมากับชญานนท์ที่หน้าห้องแต่งตัว และอรสินีหันไปยิ้มให้ ไม่พูดอะไร ชญานนท์ยิ้มตอบแล้วเดินแยกไป อรสินีเดินเข้ามาในห้อง
กัลยาณีก็มองเห็น ก่อนจะบ่นบ้าออกมา “โอย...ปวดหัว...งงไปหมดแล้ว”
“นั่นซิ...มีข่าวกับอีกคน...แต่มากับอีกคน...เนื้อหอมจริงๆ”
อรสินีมองภารดีแล้วหันมามองวรัญญา แต่ยังไม่ทันจะถามอะไร ติ๊น่ากับโอก็เดินเข้ามา
“เอ้า...ทุกคน...เปลี่ยนชุด ท่องบท กันได้แล้ว อย่ามัวแต่จับกลุ่มเม้าท์จ้ะ”
“ให้เวลา 10 นาทีนะคะ วันนี้ถ่ายในสตูดิโอ สบายๆ ค่ะ จะได้เลิกเร็วๆ” โอบอก
ติ๊น่ามองหา “แล้วหนูตรีล่ะ...มารึยัง”
ตรีอัปสรเดินเข้าประตูมาพอดี “มาแล้วค่ะ”
ตรีอัปสรมองทุกคนแล้วยิ้มให้ โดยเฉพาะอรสินีซึ่งยังไม่รู้เรื่องอะไร มองตอบพลางยิ้มให้อย่างบริสุทธิ์ใจ
ขณะที่คุณดิษฐ์นั่งอยู่ในห้องทำงาน เสียงเคาะประตูดังขึ้น ประตูเปิด เห็นชญานนท์เดินเข้ามา
“ไง...นายนนท์...เห็นข่าวแล้วใช่ไม๊”
“เห็นแล้วครับ”
“เป็นหนึ่งในแผนโปรโมทด้วยรึเปล่าเนี่ย...ถึงกับลงไปเล่นเองเลยเหรอไง”
“เปล่าครับ...ผมไม่คิดว่าจะเป็นข่าว”
คุณดิษฐ์มองจ้องลูกชายนิ่ง “แล้วคิดยังไงถึงได้ไปเต้นรำกับนางเอก”
ชญานนท์ถอนหายใจ “ผมก็แค่อยากจะผูกมิตรไว้ ให้เค้าทำงานกับเราอย่างสบายใจ”
“แล้วหนูอร รู้รึยังล่ะ ว่านนท์ใช้สูตรนี้ ทำเพื่องาน”
ชญานนท์นิ่งไม่ตอบ คุณดิษฐ์มองแล้วก็ถอนหายใจเบาๆ ท่าทีไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจมากนัก
“อย่าให้ผิดใจกันนะ พ่อไม่อยากมีปัญหากับคุณสลิล แล้วพ่อก็ไม่อยากให้หนูอรเข้าใจนนท์ผิด”
“ครับ เย็นนี้ผมนัดทานข้าวกับน้องอร”
คุณดิษฐ์พยักหน้า “ก็คุยกันซะให้เข้าใจ”
“ครับ”
“แล้วจะทำอะไรก็ระวังไว้หน่อย อย่าให้มีข่าวแบบนี้บ่อยๆ นนท์เป็นผู้บริหารสถานี ไม่ใช่นักแสดง พ่ออยากให้นางเอก นางร้าย มีข่าวกับพระเอกมากกว่า”
“ขอโทษครับพ่อ”
คุณดิษฐ์พยักหน้าแล้วหันไปดูจอคอมพิวเตอร์เหมือนหมดเรื่องคุย ชญานนท์ค่อยๆ ผ่อนลมหายใจ
มุกตาภาเดินหน้าเชิดมาตามทางเดินในช่อง รัตน์เดินแกมวิ่งมาหาร้องเรียก
“คุณมุกคะ...คุณมุกคะ....คุณมุก”
มุกตาภาทำหน้าเซ็งๆ ก่อนจะหยุดเดินแล้วหันมามองอย่างเอือมๆ
“ถ้าไม่ด่วน เอาไว้ก่อนนะ...มุกรีบ”
มุกตาภาพูดจบก็ขยับจะเดินไป แต่รัตน์พูดเสียงเข้ม
“ด่วนค่ะ”
มุกตาภาชะงักกึก หันกลับมามองตาขวาง ยังไม่ทันจะพูดอะไร รัตน์ก็พูดต่อ
“เรื่องละครค่ะ ไปคุยในห้องประชุมดีกว่าไม๊คะ”
“มีอะไรก็พูดมาเลยค่ะ คุณรัตน์....มุกก็รีบเหมือนกัน”
“คุณฟ้าใสแจ้งมากับคุณติ๊น่าว่าคุณมุกสั่งให้เปลี่ยนบท”
มุกตาภาชะงักนิดๆ ก่อนจะกลบเกลื่อน “ใช่...มีปัญหาอะไรเหรอ”
“ค่ะ...มีปัญหามาก”
มุกตาภาขมวดคิ้วไม่พอใจ ถามเสียงขุ่น “ปัญหาอะไร”
เสียงชญานนท์ดังขึ้น “มุกตาภา”
มุกตาภาหันขวับไปมอง เห็นชญานนท์เดินตรงมา มุกตาภาหน้าซีด สลดลงทันที
“ไปคุยกันในห้องประชุมดีกว่า....เชิญคุณติ๊น่ามาด้วย”
มุกตาภากลืนน้ำลายพูดไม่ออก
กองถ่ายละครเริ่มต้นทำงาน เวลานั้นวุฒิเดินเข้ามาจับมือกับเพชร
“สบายดีนะครับ คุณฤทธิ์”
เพชรมองวุฒิเหมือนรู้ว่าวุฒิเป็นคนร้ายพวกมาเฟียที่พร้อมจะมาหาเรื่อง
“คุณมีธุระอะไร ก็พูดมาได้เลยครับ”
“ก็ดี...จะได้ไม่เสียเวลา” วุฒิว่า
เสียงมีนดังขึ้น “คัท...คัท”
ทั้งวุฒิและเพชรหันไปมอง มีนเดินเข้ามาพูดกับวุฒิ
มีนเดินเข้ามาหาสองหนุ่ม บอก “เสียงต้องแข็งแรงกว่านี้วุฒิ นายเป็นมาเฟียระดับเจ้าพ่อนะ...ไม่ใช่ลูกน้อง เค้าปรับบทให้ใหม่...ได้เป็นใหญ่เป็นโตก็เล่นให้ถึงหน่อย”
“ครับ...ได้ครับ”
“เอ้า...เทคทู”
มีนเดินกลับไปที่มอนิเตอร์ วุฒิและเพชรกลับไปที่จุดเดิมเพื่อถ่ายทำใหม่
เวลานั้น มุกตาภามองรัตน์ตาขวางหน้าตึงไม่พอใจเต็มที่ ก่อนจะหันมาทางชญานนท์
“มุกไม่เห็นว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่โตตรงไหนเลยค่ะ กะอีแค่แก้บท”
“มุกไม่เคยทำละคร ไม่เคยรู้ขั้นตอนวิธีการผลิต...แล้วมุกจะรู้ได้ยังไงว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่” ชญานนท์ว่า
“บทโทรทัศน์ถือว่าเป็นหัวใจสำคัญของการทำละครนะคะ ถ้าจะมีการปรับเปลี่ยนเพิ่มบท ก็ต้องมีการประชุมกันระหว่างผู้กำกับกับคนเขียนบทค่ะ...ไม่ใช่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ไปขอให้เพิ่มบท” ติ๊นาเสริม ประชดในที
มุกตาภาคอแข็ง เสียหน้าเพราะไม่คิดว่าติ๊น่าจะพูดตรงๆ รัตน์ยิ้มในสีหน้าสะใจเล็กๆ
ติ๊น่าพูดกับมุกตาภา “ขอโทษนะคะ ที่ต้องพูดตรงๆ”
“แล้วจะให้มุกทำยังไงคะ จะบอกให้คนเขียนบทแก้อีกครั้งก็ได้นะคะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ เราคงไม่แก้ไปแก้มา แต่อยากจะบอกคุณมุกว่า...ถ้าไทยเท็นทำละครเรื่องต่อไป...อย่าทำอย่างนี้อีก”
มุกตาภานึกไม่ถึงว่าติ๊น่าจะพูดแรงกับตนแบบนี้ รัตน์สะใจยิ่งนัก
อรสินีนั่งอ่านบทอยู่ระหว่างรอเข้าฉาก วรัญญา ซึ่งนั่งอ่านบทอยู่ข้างๆ เงยหน้าขึ้นมามอง
“อรไม่โกรธคุณนนท์ใช่ไม๊”
อรสินีเงยหน้าขึ้นยิ้มขำๆ “ไม่โกรธหรอก”
วรัญญาแปลกใจ “เข้าใจกันขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ทำไมล่ะ มันแปลกมากเหรอ”
วรัญญาถอนหายใจ “ไม่รู้ซิ แต่ถ้าเป็นแฟนรัญ...รัญคงต้องคุยอ่ะ” วรัญญานิ่งคิด “แต่น่าจะอาละวาดก่อนคุยนะ”
พูดจบวรัญญาก็หัวเราะขำคำพูดตัวเอง อรสินีก็พลอยขำไปด้วย
“อรเป็นแฟนกับคุณนนท์ ใช่ไม๊”
อรสินียังไม่ทันตอบ ตรีอัปสรก็เดินเข้ามา
“คุณอรคะ”
อรสินีหันไปมอง ตรีอัปสรเดินมาใกล้ๆ
“ตรีขอคุยอะไรด้วยนิดได้ไม๊คะ”
“ได้ซิ”
ตรีอัปสรมองวรัญญาก่อนจะหันมาทางอรสินี
“ตรีขอคุยตามลำพังนะคะ เรื่องส่วนตัว”
วรัญญารู้สึกเหมือนเป็นส่วนเกิน
“ไปคุยทางโน้นดีกว่าค่ะ”
ตรีอัปสรเดินนำไปเลย อรสินีลุกขึ้นเดินตามไป วรัญญามองตามด้วยความสนใจใคร่รู้
อ่านต่อหน้า 3
ปีกมงกุฎ ตอนที่ 11 (ต่อ)
ตรีอัปสรเดินเข้ามาอีกมุมในสตูดิโอ แล้วหมุนตัวกลับมาหาอรสินี
“ตรีอยากอธิบายเรื่องเมื่อคืนค่ะ....คือตรีไม่รู้จริงๆ ว่ามีนักข่าวอยู่ที่ร้านนั่น”
อรสินียิ้มบางๆ อย่างใจเย็น “ถ้าตรีจะอธิบายเรื่องนักข่าว...อรว่าตรีควรจะไปบอกฝ่ายประชาสัมพันธ์ของสถานีดีกว่า...มาบอกอรนะ”
ตรีอัปสรชะงัก “คือตรีหมายถึงถ้าไม่มีข่าว...คุณอรก็อาจจะไม่รู้เรื่องที่ตรีไปกับคุณนนท์แล้วก็จะได้ไม่เข้าใจผิดน่ะค่ะ”
“อรไม่เข้าใจผิดหรอก...ตรีไม่ต้องห่วง เพราะพี่นนท์จะต้องอธิบายให้อรเข้าใจถูก อย่ากังวลไปเลย อรขอตัวน่ะ”
อรสินีพูดจบก็เดินแยกไปเลย ทิ้งให้ตรีอัปสรเปลี่ยนสีหน้าเป็นแค้นใจ ที่ทำให้อรสินีโกรธไม่ได้
สองพี่น้องยังอยู่ที่ห้องประชุม มุกตาภานั่งตรงข้ามชญานนท์ สีหน้าสลดลง เมื่อเหลือบตามองหน้าอันเครียดเคร่งเอาจริงของพี่ชาย จนต้องหลบตาอีกครั้ง
“พี่ไม่เข้าใจว่ามุกพยายามจะทำอะไร”
“มุกทำได้ทุกอย่างค่ะ พี่นนนท์ ถ้ามันจะทำให้นังตรีอัปสรออกไปจากชีวิตของคุณนะ”
“พี่ก็กำลังทำอยู่นี่ไง มุกอย่าใจร้อนซิ แล้วไอ้เรื่องไปยุ่งกับละครนี่ พี่ไม่เห็นว่ามันจะช่วยอะไรเลย”
มุกตาภามองชญานนท์แล้วก้มหน้าอีก ไม่ยอมเล่าเรื่องที่หล่อนส่งวุฒิไปเป็นสปาย
“อยู่นิ่งๆ ทำงานของตัวเองให้ดีได้ไม๊...ถ้าคุณพ่อรู้เรื่อง มุกอาจจะโดนพักงานได้นะ”
มุกตาภาหน้าซีด ตกใจมาก มองชญานนท์อย่างคาดไม่ถึง
“พี่นนท์ อย่าให้ใครไปฟ้องคุณพ่อนะคะ...นะคะ”
ชญานนท์มองมุกตาภาแล้วถอนหายใจ สีหน้าชายหนุ่มหนักใจเอาการ
คุณหญิงสุดสวาทนั่งรอใครบางคนอยู่คนเดียวในร้านกาแฟของห้าง เริ่มมีสีหน้าหงุดหงิด ซักครู่ สลิลทิพย์ เดินแกมวิ่งเข้ามายกมือไหว้
“สวัสดีค่ะ คุณหญิง ขอประทานโทษนะคะที่มาช้า รถติดม๊าก...มากค่ะ”
“เอาเถอะ....มาถึงก็โอเคแล้ว”
สลิลทิพย์ทรุดตัวลงนั่ง “ขอบพระคุณค่ะ”
“เห็นว่ามีเรื่องสำคัญอะไรจะคุยกับชั้น”
“ใช่ค่ะ ตอนแรกดิชั้นก็ลังเลว่าจะเรียนให้คุณหญิงทราบดีไม๊ แต่คิดไปคิดมา...ดิชั้นคิดว่า เรียนให้ทราบจะดีกว่า”
คุณหญิงสนใจ “เรื่องอะไร”
“เรื่องของท่านอัศวินกับดารินทร์ค่ะ”
คุณหญิงสุดสวาทมองสลิลทิพย์อย่างแปลกใจ
ฝ่ายนายพลอัศวินนอนอยู่บนเตียง มีณเดชย์ป้อนซุปให้ช้าๆ แต่ป้อนคำเดียว ผู้เป็นบิดาก็ทำท่าเหมือนไม่อยากกินแล้ว โดยการส่งเสียงอืออา
“อิ่มแล้วเหรอครับ”
ณเดชย์เช็ดปากให้ แล้วพูดกับพ่อเหมือนจะให้กำลังใจ
“พ่อครับ”
“อะ...อะ...อวย...อวย...อ่อ...” ท่านนายพลพยายามจะพูดว่า “นะ ช่วยพ่อด้วย”
ณเดชย์ตั้งใจฟัง “ดีครับพ่อ...พ่อต้องพยายามนะครับ คุณหมอบอกว่าพ่อจะค่อยๆ ดีขึ้นพ่อต้องหายนะครับ”
นายพลอัศวินพยายามจะบอกลูกชาย แต่ณเดชย์ก็ไม่เข้าใจ
ส่วนคุณหญิงสุดสวาทฟังแล้ว มีสีหน้าครุ่นคิด ก่อนจะหันไปทางสลิลทิพย์
“นังดารินทร์มันจะทำอย่างนั้นทำไม”
สลิลทิพย์เองก็คิดไม่ตก “นั่นซิคะ”
“ชั้นว่าเธออาจจะเข้าใจผิดก็ได้น่ะ คุณอัศน่ะเป็นตู้เซฟของนังนั่น แล้วมันจะทำลายตู้เซฟของมันทำไม”
สลิลทิพย์ตั้งข้อสังเกต “บางทีนังดารินทร์มันอาจจะปิดปากท่านอัศวินก็ได้นะคะ ถ้าท่านอัศวินเป็นอะไรไป ความลับบางอย่างก็อาจจะตายไปพร้อมกับท่านก็ได้นะคะ”
สลิลทิพย์หลุดคำว่า “ตาย” ออกมา ทำให้คุณหญิงชักสีหน้า เขม้นมองอย่างไม่พอใจ สลิลทิพย์รู้สึกตัว ยิ้มแหยๆ
“ขอประทานโทษค่ะ คือ...ดิชั้นแค่จะพูดให้คุณหญิงเห็นภาพน่ะค่ะ”
คุณหญิงสุดสวาทพยักหน้า “เอาเถอะ ถึงยังไงชั้นก็ขอบใจนะ ที่คุณสลิลเป็นหู เป็นตา ช่วยดูให้”
สลิลทิพย์ยิ้มระรื่น “ด้วยความยินดีค่ะ คุณหญิงจะไปโรงพยาบาลรึเปล่าคะ ดิชั้นจะได้ตามไปเยี่ยมท่านอัศวินด้วยค่ะ”
คุณหญิงส่ายหน้า “วันนี้ชั้นคงไม่ได้เข้าไป มีงานต้องจัดการหลายเรื่อง...ประชุมด้วย”
สลิลทิพย์พยักหน้ารับ “อ๋อ ค่ะ”
คุณหญิงสุดสวาทโบกมือให้บริกรเช็คบิล สลิลทิพย์มองคุณหญิงแล้วยิ้มเฝื่อนๆ ที่อีกฝ่ายไม่เต้นตามที่คิด
เย็นแล้ว ขณะที่แมนเดินเข้ามาในห้องพัก มองไปรอบๆ ก่อนจะหมุนตัวกลับ แต่ก็เจอคุณหญิงสุดสวาทซึ่งรออยู่ สวมกอดจากข้างหลังทันที
“แมน...คิดว่าจะไม่มาแล้วซะอีก”
แมนพยายามเก็บอาการเย็นชา เบื่อหน่ายเอาไว้ คุณหญิงมองจ้องหน้าเป็นคำถาม
“ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะ ไม่ดีใจที่เจอพี่เหรอ”
คุณหญิงสุดสวาทใส่จริต ทำหน้ากระเง้ากระงอดเหมือนสาวๆ แมนถอนหายใจเบาๆ
“เปล่าครับ”
คุณหญิงต่อว่าเล็กๆ “เปล่าครับ...แต่หน้าแมน...ไร้อารมณ์มากเลยนะ”
พลางคุณหญิงสุดสวาทกอดคอแมน ขยับเข้าไปนัวเนีย คลอเคลีย
“เครียดอะไรรึเปล่า ให้พี่ช่วยนะ...จะได้คลายเครียด”
คุณหญิงขยับจะปลดกระดุมเสื้อแมน แต่แมนจับมือยั้งไว้
“พี่ครับ...”
คุณหญิงเงยหน้าขึ้นมองแมน ตาหวานฉ่ำ ออกอาการหลงใหล ทำท่าเซ็กซี่สุดฤทธิ์
“ขา...จะบอกว่าคิดถึงพี่เหรอ”
“เปล่าครับ”
คุณหญิงทำหน้าเซ็งทันที ก่อนจะปล่อยมือจากแมน หมุนตัวไปทางอื่น
“จะหลอกพี่ให้สบายใจซักนิด ก็ทำไม่ได้เลยนะ แมน”
“ผมไม่อยากหลอกพี่” แมนว่า
คุณหญิงมองแมนอย่างเป็นปลื้ม ในความตรงไปตรงมา เอามือลูบกล้ามแขนลงมากับหน้าอกแกร่งของเขา
“นี่แหละเสน่ห์ของแมนที่พี่ไปไหนไม่รอดจริงๆ”
แมนจับมือคุณหญิงสูงวัยมองหน้าก่อนจะดึงมานั่งคู่กับตัวเอง
“ผมมีเรื่องจะบอก”
คุณหญิงเลิกคิ้วฉงน “เรื่องอะไร มีปัญหาอะไร...บอกได้เลยน่ะ...พี่ช่วยแมนได้ทุกเรื่อง”
“ผมขอลาออกครับ”
คุณหญิงตื่นตกใจไม่คิดว่าแมนจะพูดแบบนั้น
“แมน เกิดอะไรขึ้น พี่ทำอะไรไม่ถูกใจแมนรึเปล่า แมนไม่สบายใจเรื่องอะไร บอกพี่นะ พี่แก้ไข...เปลี่ยนแปลงได้นะ”
“พี่ไม่ต้องเปลี่ยนแปลงอะไรหรอกครับ เพียงแต่ผม ผมไม่อยากเป็นอย่างที่เป็นอยู่”
“หมายความว่าไง....ที่แมนเป็นอยู่มันไม่ดีตรงไหน”
แมนระบดระบาย “ผมไม่อยากเป็นผู้ชายขายตัว ต่อให้พี่สร้างภาพให้ผม...หาตำแหน่งหน้าที่ให้ผม แต่มันก็ไม่ทำให้ผมมีศักดิ์ศรีขึ้นมาหรอกครับ ยังไง...ผมมันก็เป็นผู้ชายขายตัวอยู่ดี”
คุณหญิงสุดสวาทมองแมน พยายามจะอธิบายและยื้อแมนไว้สุดฤทธิ์
“แมน...แมนจะให้พี่ทำยังไง...แมนบอกพี่มาเลย...พี่ยอมทำทุกอย่าง ขอให้แมนสบายใจ ขอให้แมนอยู่กับพี่ก็พอ”
แมนมองจ้องคุณหญิงนิ่งๆ “พี่ให้ผมไม่ได้หรอกครับ”
คุณหญิงสุดสวาทมองหนุ่มคู่ขา เหมือนอยากรู้ว่าสิ่งที่เขาขอคืออะไร
ตกกลางคืน ณเดชย์นั่งอ่านเอกสารอยู่ข้างๆ เตียงนายพลอัศวิน ซึ่งนอนหลับอยู่ ประตูห้องเปิดออก ณเดชย์ไม่ได้หันไปมอง จนคุณหญิงสุดสวาทเดินเข้ามา
“ตานะ”
ณเดชย์เงยหน้ามองไป “อ้าว คุณแม่ ผมคิดว่าพยาบาล...ทำไมวันนี้มาค่ำล่ะครับ”
“แม่มีประชุม”
คุณหญิงพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ก่อนจะเดินไปดูอัศวิน ซึ่งนอนหลับอยู่
“คุณพ่อเป็นยังไงบ้าง”
“ก็ส่งเสียงได้นิดหน่อยครับ แต่ก็ถือว่าดีขึ้น”
คุณหญิงพยักหน้าแต่ไม่พูดอะไร ณเดชย์มองผู้เป็นมารดาอย่างพิจารณา
“งานเยอะเหรอครับ...ดูคุณแม่เครียดๆ”
“ก็นิดหน่อย นะ ทานอะไรรึยัง”
“ยังครับ”
“ไปหาอะไรรองท้องหน่อยไม๊ ลูก...แม่อยู่เป็นเพื่อนคุณพ่อให้”
“ได้ครับ...คุณแม่อยากทานอะไรมั้งไม๊ครับ...เดี๋ยวผมซื้อมาให้”
คุณหญิงส่ายหน้า “ไม่ละ...แม่ไม่หิว....นะไปเถอะลูก”
ณเดชย์เดินออกไปจากห้อง คุณหญิงสุดสวาทลุกขึ้นเดินไปยืนดูสามีนายพลซึ่งนอนหลับอยู่ หวนนึกถึงคำพูดของแมน ไม่นานมานี้
“ผมเป็นผู้ชายที่คุณหญิงฯเลี้ยงไว้ ไม่มีวันได้ออกหน้าออกตา ไม่ใช่เพราะอายุเราต่างกันแต่เพราะความเป็นอยู่ต่างกัน ฐานะทางสังคมที่ต่างกัน...และที่สำคัญที่สุด พี่มีสามีที่ถูกต้องตามกฎหมายอยู่แล้ว”
คิดแล้วคุณหญิงยกมือขึ้นลูบผมสามีเบาๆ อย่างรักใคร่
“ชั้นไม่เคยลืมนะคะ ว่าเราแต่งงานกันเพราะเรารักกัน เราเคยอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข แต่เพราะความมักมากของคุณแท้ๆ...ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป บิดเบี้ยว เละเทะ คุณนอกใจชั้น ชั้นก็นอกใจคุณ...ชั้นอยากให้คุณเจ็บเวลาที่เห็นชั้นอยู่กับผู้ชายคนอื่น เหมือนที่ชั้นเจ็บเวลาที่เห็นคุณอยู่กับผู้หญิงคนอื่นเหมือนกัน” คุณหญิงทอดถอนหายใจ “ความรักนี่มันเป็นแค่ความรู้สึกจริงๆ นะ....คุณว่าไม๊ เคยรู้สึกรักแล้วก็รู้สึกเฉยๆ รู้สึกเกลียด รังเกียจ ไม่มีอะไรมั่นคง แน่นอนเลย”
คุณหญิงสุดสวาทมองสามีก่อนจะเดินออกไป พอประตูปิดลงนายพลอัศวินค่อยๆ ลืมตาขึ้น สีหน้าแววตาดูหวาดหวั่นเป็นอย่างมาก
อีกฟากหนึ่ง ที่ร้านอาหารบรรยากาศแสนอบอุ่น โรแมนซ์ ในมุมส่วนตัวของร้าน แลเห็นชญานนท์กำลังตักสลัดผักใส่จานให้อรสินี
“ขอบคุณค่ะ”
ชญานนท์ยิ้มชื่น “วันนี้พี่มีความสุขที่สุดเลย”
“แล้วเมื่อวานไม่มีความสุขเหรอคะ”
ชญานนท์ชะงักค้างไปนิด ก่อนจะยิ้มอย่างมีความสุข
“ได้ยินน้องอรพูดแบบนี้...รู้สึกตัวเองมีค่าขึ้นมาเลย”
อรสินีค้อนพองาม “อรไม่ได้พูดเพราะหึงนะคะ”
ชญานนท์เสียงหวานทำท่าอ้อนๆ “น้องอร...”
“ถ้าอรหึง...ก็แสดงว่าอรไม่เชื่อใจ ไม่ไว้ใจพี่นนท์น่ะซิคะ”
“แต่ความหึงมันเป็นสีสันของความรักนะคะ”
“เหรอคะ”
“พี่เชื่อใจ ไว้ใจน้องอร แต่พี่ก็หึงน้องอรกับนายเพชร”
อรสินีหัวเราะพลางว่า
“ไม่เห็นมีอะไรน่าหึงเลยค่ะ อรไม่เคยไปทานข้าวกับเพชรตามลำพัง ไม่เคยเต้นรำกับเพชรออกสื่อ”
ชญานนท์มองอรสินี รับรู้ว่าหญิงสาวแสนดีแอบตัดพ้อเล็กๆ เขาวางช้อนส้อมลุกขึ้นเดินไปจับมืออรสินีแล้วดึงให้ลุกขึ้นตามมา
ชญานนท์ดึงอรสินีมาเต้นรำไปพูดไป
“เชื่อมั่นในตัวพี่นนท์นะคะ น้องอร ไม่ว่าจะมีข่าวอะไรออกมา ขอให้เชื่อมั่นในตัวพี่ พี่มีเหตุผลของสิ่งที่ทำลงไป”
อรสินีฉงน “เหตุผลเหรอคะ”
“ใช่ค่ะ แล้วซักวันนึง พี่สัญญาว่าจะบอกน้องอร”
อรสินียิ้มให้ “ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ต้องสัญญาหรอกค่ะ...จะได้ไม่รู้สึกผิด...เวลาที่ไม่ได้ทำตามสัญญา”
ชญานนท์ดึงอรสินีเข้ามาใกล้ๆ ก้มลงหอมหน้าผากเบาๆ ก่อนจะเลื่อนลงมาคล้ายจะประทับจูบที่ริมฝีปาก แต่อรสินีเบี่ยงหน้าหนีอย่างเขินๆ
“ทานอาหารเถอะค่ะ...อรหิวแล้ว”
อรสินีเบี่ยงตัวออกแล้วเดินไปนั่งที่เก้าอี้ สีหน้าอรสินีมีความสุขปนเขินอาย ชญานนท์มองอรสินีอย่างเอ็นดูแสนจะรักใคร่
ฝ่ายตรีอัปสรนั่งอ่านหนังสืออยู่ มีตุ๊กตาเป็นหนึ่งวางอยู่ใกล้ๆ ตรีอัปสรหันไปมองเป็นหนึ่งอย่างครุ่นคิด ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออก
“ฮัลโหล สวัสดีค่ะ...คุณรุจ”
เสียงอติรุจดังลอดออกมา “ตรี ว่างเหรอครับ ถึงได้โทร.หาผม มีอะไรรึเปล่าครับ”
ตรีอัปสรหัวเราะเบาๆ “ตรีคิดถึงคุณรุจค่ะ...แต่งานตรีเยอะจนไม่มีเวลาส่วนตัวเลย ตั้งแต่กลับจากประกวดมิสเวิลด์ ก็ไม่ได้หยุดเลยค่ะ”
อติรุจอยู่ในห้องนอนที่บ้าน “มีอะไรให้ผมรับใช้ครับ”
“แหม ถามแบบนี้ ตรีพูดไม่ถูกเลยค่ะ...ใครจะกล้าใช้คุณรุจล่ะคะ ตรีคิดถึงก็เลยโทร.หาค่ะ ไม่มีอะไร...คุณรุจจะนอนรึยังคะ”
“ยังครับ...ผมนั่งอ่านหนังสือ..รอน้องอรด้วยครับ”
“คุณอรไม่อยู่เหรอคะ”
“ครับ....ไปทานข้าวกับนายนนท์ ยังไม่กลับเลยครับ”
ตรีอัปสรหน้าตึงไม่พอใจ “อ๋อ ค่ะ...งั้นตรีไม่กวนคุณรุจแล้วค่ะ...เอาไว้นัดทานข้าวกันนะคะ”
“ดีครับ...ผมจะได้เลี้ยงฉลองให้ นางสาว ณ สยามด้วย”
“โอเค ค่ะ...กู๊ดไนท์นะคะ”
ตรีอัปสรวางสายลง หน้าบึ้งนิดๆ นึกถึงคำพูดประโยคสุดท้ายที่อรสินีบอกว่า
“อรไม่เข้าใจผิดหรอก...ตรีไม่ต้องห่วง เพราะพี่นนท์จะต้องอธิบายให้อรเข้าใจถูก อย่ากังวลไปเลย อรขอตัวน่ะ”
ตรีอัปสรยิ่งคิดยิ่งแค้น
“มั่นใจตัวเองเกินไปแล้ว นังอรสินี...เตรียมตัวน้ำตาตกได้เลย”
นัยน์ตาตรีอัปสรวาววับ ฉายโชนด้วยเพลิงริษยาเต็มดวงตาคู่นั้น
ปีกมงกุฎ ตอนที่ 11 (ต่อ)
อรสินียกแก้วน้ำขึ้นจิบ บนโต๊ะเวลานี้พบว่าอาหารถูกเก็บไปหมดแล้ว
“กลับกันเถอะค่ะ...พี่นนท์.....พรุ่งนี้อรมีถ่ายละครเช้า” หญิงสาวเอ่ยขึ้น
“โอเคค่ะ...พี่ก็มีงานเช้าเหมือนกัน”
ชญานนท์ขยับลุกขึ้นมาเลื่อนเก้าอี้ให้อรสินี พร้อมกับดึงหล่อนเข้ามาใกล้ๆ
“พี่รักน้องอรนะคะ”
“บอกอรหรือว่าบอกตัวเองค่ะ”
อรสินีพูดขำๆ เหมือนพูดเล่น ชญานนท์มองจ้อง
“คืนนี้ อรสินีของชญานนท์คมกริบทุกคำพูดเลยนะ”
“ไม่พูด ไม่ได้หมายความว่าไม่รู้นะคะ”
“ค่ะ”
ชญานนท์มองอรสินีด้วยแววตาหวานฉ่ำ จริงใจ ไม่ปิดบัง
สายวันนี้ ร่างตรีอัปสรถูกตบลงไปกองกับพื้น
เสียงมีนร้อง “คัท”
ปิ๋มเข้ามาหาตรีอัปสร พร้อมแก้วน้ำส่งให้ ฉากนี้ทั้งตรีอัปสร ภารดี อรสินี วรัญญาและกัลยาณีซึ่งเข้าฉากครบ ทุกคนเดินตรงไปยังที่พัก ติ๊น่าเดินเข้ามาหา
ตรีอัปสรพูดขึ้น “ถ่ายละคร 10 คิว พัชราพร โดนตบซะ 9 คิว ทำไมละครไทยถึงขยันตบกันจังค่ะ...พี่ติ๊น่า”
“ก็ไม่ขยันหรอกค่ะ เพียงแต่เจาะถ่ายฉากที่บ้านทั้งหมด เหตุการณ์พวกนี้มันก็เลยเหมือนถี่ แต่พอไปตัดต่ออยู่ในละคร ก็จะกำลังดีค่ะ”
ตี๊น่าพูดจบก็เดินออกไปทางมีน ตรีอัปสรมองตามไป แล้วหันมาทางอรสินี
“ซีรีย์ฝรั่งไม่เห็นจะมีฉากแบบนี้เลย”
“ก็จริงของตรีนะ แต่ความเป็นอยู่ วิถีชีวิตแต่ละประเทศมันไม่เหมือนกันนะตรี” อรสินีว่า
“ใช่ ไม่อยากโดนตบ ก็ไปเล่นหนังฝรั่งซิยะ ละครไทยมันก็มีฉากตบกันด่ากัน รักกัน ครบรสนั่นล่ะ” ภารดีประชด
ตรีอัปสรฉุน “ชั้นแค่แสดงความคิดเห็น ไม่ได้ชวนทะเลาะ”
“นี่ไง ขนาดชีวิตจริง ยังทะเลาะกันเลย จะไปเอาอะไรกับละคร”
“นั่นซิ ถ้าปล่อยให้ตรีกับหนูดีคุยกันเอง...ไม่เกิน 5 นาที ณีว่าต้องมีตบกันเหมือนในละครนั่นล่ะ”
ภารดีเบ้ปากใส่ตรีอัปสร “ชั้นไม่ลดตัวลงไปตบกับใครให้เสียเกียรติหรอกย่ะ”
จากนั้นภารดีเดินหน้าเชิดไป วรัญญามองตามไป แล้วหันมาทางนางเอกกับนางร้ายของเรื่อง
ขณะที่ดารินทร์อยู่ในห้องทำงานส่วนตัวที่ห้องเสื้อ กำลังออกแบบเสื้อผ้า
เสียงคุณหญิงสุดสวาทดังขึ้น “ดารินทร์”
ดารินทร์เงยหน้าขึ้นมอง เห็นคุณหญิงยืนหน้าเคร่งอยู่ ดารินทร์ขยับลุกขึ้น คุณหญิงพูดโพล่งต่อทันที
“เธอไปทำอะไรคุณอัศวิน”
ดารินทร์ตกใจเล็กๆ กับคำถามนี้ มองตอบอย่างมีพิรุธ ซึ่งคุณหญิงสุดสวาทก็เห็น
“คุณหญิงพูดเรื่องอะไรคะ....ดิชั้นไม่เข้าใจ”
“ชั้นว่าเธอเข้าใจดีน่ะ ว่าชั้นหมายถึงอะไร มีคนบอกชั้นว่าเธอไปทำร้ายคุณอัศ แต่เค้ามาเห็นซะก่อน”
ดารินทร์แค้นใจ “แล้วคุณหญิงก็เชื่อเหรอคะ”
“ถ้าชั้นเชื่อ ชั้นคงแจ้งตำรวจไปแล้ว”
ดารินทร์ผ่อนลมหายใจเบาๆ “ถ้าไม่เชื่อ แล้วคุณหญิง มาพูดเรื่องนี้ทำไมคะ”
“เรื่องแบบนี้ ถึงไม่เชื่อแต่ก็ไม่ควรไว้ใจ ไม่ใช่เหรอ”
“ก็แล้วแต่คุณหญิงฯจะคิดเถอะค่ะ ดิชั้นขอทำงานก่อนนะคะ”
ดารินทร์ก้มหน้าลง ร่างแบบต่อเหมือนไม่สนใจ คุณหญิงมองอย่างหมั่นไส้
“อย่าอวดดี จองหอง แบบไม่เข้าท่า เพราะเธออาจจะเดือดร้อนได้ ร้านนี้ก็ยังไม่ได้เป็นชื่อเธอไม่ใช่เหรอ”
ดารินทร์เงยหน้าขึ้นมองคุณหญิงฯ คุณหญิงฯยิ้มเยาะแล้วเดินนวยนาดออกไป
ที่กองถ่าย เล่ห์ร้ายสายสวาท โทรศัพท์ของตรีอัปสรซึ่งวางในกระเป๋าถือ เห็นเป็นเบอร์ดารินทร์โทร.เข้ามา แต่ปิดเสียงไว้ ตรีอัปสรกำลังทวนบทอยู่กับปิ๋มซึ่งคอยดูแลรับใช้ในฉาก มีนักแสดงคนอื่นกำลังซ้อมกันอยู่ในฉากด้วย ถือแก้วน้ำพร้อมเสิร์ฟให้ตรีอัปสร
ดารินทร์ที่กำลังโทรศัพท์อยู่ซักครู่ ตัดสายอย่างหงุดหงิด
“ทำอะไรอยู่เนี่ย แล้วนังปิ๋มก็ไม่รับสายให้”
ดารินทร์เครียด ขยับลุกขึ้นหันไปหยิบกระเป๋าเหมือนจะออกไปข้างนอก แต่พนักงาน เดินเข้ามาหา
“คุณดาคะ คุณพริตตี้มาค่ะ”
“ตายจริง เดี๋ยวชั้นตามไป เชิญคุณพริตตี้ดูคอลเล็คชั่นใหม่ของเราไปก่อน”
ดารินทร์วางกระเป๋าลง แล้วรีบเดินออกไป โดยวางโทรศัพท์ไว้ที่ห้อง
ที่กองถ่าย วุฒินั่งอยู่กับอรสินีและภารดี อรสินีหันมามองวุฒิ
“ถ้านังแก่แม่คุณฤทธิ์ตายไปซะ...ทุกอย่างมันก็จะง่ายขึ้น” อรสินีเล่นได้อย่างสมบทบาท
ภารดีทักท้วง “แต่นังพัชมันเฝ้านังแก่นั่นไม่คลาดสายเลยน่ะ...ทัก”
“เราก็ต้องวางแผนหาทางให้มันออกมา...แล้วเราก็อาศัยจังหวะนั้นจัดการมันซะ”
“ได้...เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง แต่เธอ 2 คนต้องแยกนังพัชออกมาก่อน” วุฒิว่า
“ถ้าแม่มันตาย ฤทธิ์ก็ต้องแต่งงานกับชั้น แล้วชั้นก็จะโยนความผิดให้นังพัช ว่ามันเป็นคนฆ่าแม่ฤทธิ์” อรสินียิ้มอย่างร้ายกาจออกมา
“คราวนี้เธอก็หมดเสี้ยนหนามแล้วนะ ทัก” ภารดีบอก
“ถ้าชั้นได้เป็นคุณผู้หญิงของตระกูลอัครเดชะเมื่อไหร่....เธอ 2 คน สบายแน่”
ภารดียิ้มพอใจ หันไปมองหน้าวุฒิ สองคนนี้เป็นคนรักกันในละคร
เสียงมีนตะโกนบอก “คัท”
ทุกคนขยับลุกขึ้น เดินไปที่มอนิเตอร์เพื่อดูภาพที่ถ่ายไว้
ตรีอัปสรซึ่งยืนอยู่ด้านหลังมอนิเตอร์ห่างออกไปหน่อย มีสีหน้าครุ่นคิดบางอย่าง ปิ๋มคอยพัดวีดูแลอยู่ไม่หยุด
ในเวลานั้น ณเดชย์ยืนดูพยาบาลเช็ดตัวให้นายพลอัศวิน จนเสร็จแล้วเดินออกไป ณเดชย์เข้าไปดูใกล้ๆ จับมือพ่อ ยิ้มอย่างให้กำลังใจ
“วันนี้คุณพ่อหน้าตาสดใสขึ้นนะครับ ผมว่าคุณพ่อต้องหายเร็วๆ นี้ แน่นอนครับ”
อัศวินมองณเดชย์อย่างอ่อนโยน แล้วค่อยๆ หลับตาลง เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ณเดชย์หยิบโทรศัพท์ออกมาดู สีหน้าดีใจ ก่อนจะเดินเลี่ยงไปอีกด้าน
“ตรี”
ตรีอัปสรหลบมุมคุยสายอยู่ในโรงพยาบาลนั่นเอง
“คิดถึงคุณนะจังเลยค่ะ”
ณเดชย์ฟังแล้วปลื้ม “ผมคิดถึงตรีมากกว่า”
ตรีอัปสรหัวเราะขำอย่างมีจริต “คุณลุงเป็นยังไงบ้างคะ”
“ดีขึ้นค่ะ”
“คุณนะต้องอยู่เป็นเพื่อนคุณลุงไม๊คะ”
“ตรีมีอะไรรึเปล่าครับ”
“ตรีหิวข้าวค่ะ อยากได้คนเลี้ยงข้าว”
ณเดชย์หัวเราะเบาๆอย่างมีความสุข “ได้ซิ...เมื่อไหร่ล่ะ ตอนนี้เลยรึเปล่า”
“ค่ะ...เจอกันที่ร้านเดิมนะคะ”
ณเดชย์ฟังตรีอัปสรพูด สีหน้าแช่มชื่นมีความสุข
“โอเค.ได้ครับ....เดี๋ยวเจอกัน”
ณเดชย์ตัดสายแล้วเดินไปหาอัศวิน
ตรงมุมปลอดคนนั้น ตรีอัปสรถือโทรศัพท์ไว้ในมือ ยิ้มอย่างสะใจแล้วค่อยๆ เปลี่ยนเป็นโหดเหี้ยมหล่อนปิดเสียงโทรศัพท์แล้ว เอาใส่กระเป๋าถือ ก่อนจะหลบวูบ เมื่อเห็นณเดชย์เดินอยู่ไกลๆ เพื่อไปตามนัด
ตรีอัปสรมองณเดชย์ที่เดินลับตาไป รอดูอีกสักครู่ จึงเดินไปทางด้านในโรงพยาบาล
เวลานี้ตรีอัปสรแต่งตัวมิดชิด ปลอมตัวเพื่อไม่ให้ใครจำได้
เวลาเดียวกันนั้น มุกตาภาเดินเข้ามาในโรงพยาบาล เลี้ยวไปที่ร้านขายดอกไม้ เลือกช่อดอกไม้เยี่ยมไข้ พอหันไปทางหนึ่งเห็นณเดชย์เดินลิ่วผ่านไปโดยไม่เห็นมุกตาภา สีหน้าณเดชย์ดูมีความสุขมาก
มุกตาภามองตามอย่างแปลกใจระคนสงสัย ก่อนจะเปลี่ยนใจไม่ซื้อดอกไม้ เดินตามคู่หมั้นไป
ฟากปิ๋มเดินเข้าบ้าน ดารินทร์ซึ่งนั่งทานอาหารอยู่มีแป๋วดูแลรับใช้ หันมามอง
“คุณตรีล่ะ”
“คุณตรีบอกว่าจะไปธุระต่อค่ะ ให้ปิ๋มกลับมาก่อน”
ดารินทร์ขมวดคิ้ว “ธุระที่ไหน แล้ววันนี้ชั้นโทร.ไปทำไมไม่รับ...ไม่โทร.กลับ”
ปิ๋มหน้าจ๋อย “หนูไม่ทันได้ดูอะค่ะ”
ดารินทร์หยิบโทรศัพท์ออกมากดโทร.หาตรีอัปสร มีเสียงเรียกแต่ไม่มีคนรับ
“อยู่ที่ไหนกันเนี่ย”
ดารินทร์เครียดหนัก และกังวลมาก
ขณะที่นายพลอัศวินนอนนิ่งอยู่บนเตียง ประตูเปิดออก ตรีอัปสรเดินเข้ามาหน้าเคร่ง ตรงไปหยุดมองท่านนายพลซึ่งนอนหลับอยู่ ตรีอัปสรยื่นมือไปปิดสายออกซิเจนตรงหัวเตียง เพื่อทำให้ออกซิเจนไม่สามรถไหลออกมาตามสายยางได้ ตรีอัปสรมองอย่างสะใจ แล้วเดินออกไป ร่างนายพลอัศวินซึ่งหลับตาอยู่ เริ่มรู้สึกตัวว่า ไม่มีออกซิเจนหายใจ ท่าทีอึกอักๆ เริ่มทุรนทุราย
ไม่นานต่อมา ตรีอัปสรเดินผ่านผู้คนที่สวนกันไปมาตามทางเดิน โดยไม่มีใครสนใจ หรือจดจำนางสาว ณ สยามได้
ตรีอัปสรเดินผ่านพยาบาลเวรไป ด้วยสีหน้าแววตา เหี้ยมโหด ดูร้ายกาจ และอำมหิตผิดมนุษย์ยิ่ง
อ่านต่อตอนที่ 12