ปีกมงกุฎ ตอนที่ 14
ดารินทร์เดินหน้าเครียดมาตามทางในโรงพยาบาล โดยไม่สนใจสิ่งแวดล้อมรอบตัว ครุ่นคิดถึงแต่สิ่งที่เห็นมา สุดท้ายเดินไปทรุดตัวนั่งที่เก้าอี้ในล้อบบี้ โดยไม่ทันดูว่ามีคนนั่งอยู่อีกตัว พึมพำออกมาเบาๆ
“ทำอะไร ยัยคุณหญิงนั่นทำอะไร”
หญิง 1 ซึ่งนั่งข้างๆ นึกว่าดารินทร์พูดกับตัวเอง “คุณว่าอะไรนะคะ”
ดารินทร์รู้สึกตัวหันไปมองงงๆ หญิง 1 ถามซ้ำอีกครั้ง
“เมื่อกี้คุณพูดว่าอะไรคะ”
“เปล่าค่ะ เปล่า ไม่มีอะไรคะ”
ดารินทร์ยิ้มให้นิดๆ แล้วขยับลุกขึ้นเดินไป หญิง 1 มองตาม ท่าทีแปลกใจ
“หน้าตาก็ดี ไม่น่าเพี้ยนเลย”
ฝ่ายอัศวินนอนตาเหลือกลาน อ้าปากพงาบๆ เหมือนอึดอัด ใบหน้าเริ่มเขียวคล้ำ ปากซีด คุณหญิงสุดสวาทหยิบกระเป๋า เดินออกไปจากห้องด้วยใบหน้าเรียบเฉย
เวลาเดียวกันณเดชย์เดินไปที่ลานจอดรถออฟฟิศ หยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วกดโทร.ออก
“ฮัลโหล คุณแม่อยู่ไหนครับ”
คุณหญิงสุดสวาทรับสายอยู่หน้าห้องบอกว่า “แม่มาลองชุดที่สั่งตัดไว้ นะ มีอะไรเหรอลูก”
“ผมเห็นแม่ไม่เข้าออฟฟิศ ก็เลยคิดว่าอยู่กับคุณพ่อ”
คุณหญิงสุดสวาทจงใจบอกอีก “แม่ไปหาคุณพ่อเมื่อเช้า เห็นยายดารินทร์มาเฝ้าปรนนิบัติ แม่ก็เลยออกมาก่อน”
“ผมกำลังจะไปหาคุณพ่อครับ คุณแม่ลองชุดเสร็จแล้ว ตามไปที่โรงพยาบาลนะครับ”
“นะมีอะไรรึเปล่าลูก”
“วันนี้ผมอยากทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากับพ่อ แล้วก็แม่ ด้วยครับ เดี๋ยวผมโทร.สั่งอาหารให้มาส่งที่โรงพยาบาล”
คุณหญิงอึ้งนิ่งงันไปพูดไม่ออกเมื่อได้ยิน
“นะครับ แม่ แม่อยากทานอะไรครับ” ณเดชย์อ้อน
“อะไรก็ได้ ตามใจนะ ตอนเย็นเจอกันนะลูก”
“ครับ”
คุณหญิงสุดสวาทกดสายทิ้ง หลับตานิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะลืมตาเรียกความเข้มแข็งมา แล้วเชิดหน้าเดินไป รู้สึกว่าสิ่งที่ทำลงไปเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว
ประตูห้องเปิดออก พยาบาลเวรเดินเข้ามาในห้อง พอเดินเข้าไปใกล้เตียง เห็นอัศวินตาเหลือกนอนแน่นิ่ง หน้ากากอ๊อกซิเจนเอียงจากจมูกบ่งบอกว่าคงดิ้นรนสุดแรงเกิด ขวดน้ำเกลือว่างเปล่าไม่มีน้ำเกลือเหลือสักหยด พยาบาลตกใจ วิ่งออกไป สภาพนายพลอัศวินเป็นหรือตายไม่มีใครรู้
ไม่นานต่อมา ณเดชย์เดินเข้ามาในโรงพยาบาล พูดโทรศัพท์ไปด้วย”
“ฮัลโหล สั่งอาหารด้วยครับ...ครับ...ครับ”
ณเดชย์เดินตรงไปที่ลิฟท์
หมอพยายามปั๊มหัวใจ ด้วยเครื่องมือช่วยชีวิตสารพัด ที่สุดหมอเอามือปิดตาที่เบิกโพลงอยู่ให้นายพลอัศวิน ส่ายหน้ายกนาฬิกาขึ้นขานเวลาคนไข้เสียชีวิต สักครู่หนึ่ง ณเดชย์เดินเข้ามามองหมอและพยาบาล ซึ่งยืนสลดกันอยู่อย่างแปลกใจ
“สวัสดีครับ คุณหมอ มีอะไรรึเปล่าครับ หรือว่าคุณพ่อดีขึ้น”
ณเดชย์เดินมาใกล้ๆ เตียง มองไปที่ร่างอัศวินซึ่งหลับตา โดยไม่ได้ใส่เครื่องช่วยหายใจ ลักษณะของนายพลอัศวินเหมือนนอนหลับ แต่หน้าเขียวช้ำ ณเดชย์ขยับเข้าใปใกล้
“คุณพ่อเป็นอะไรครับ คุณหมอ”
หมอบอกเสียงเครียด “ท่านสิ้นใจแล้วครับ”
ณเดชย์ตกใจสุดขีด “อะไรนะครับ”
จากนั้นไม่นาน รถเข็นศพมีผ้าขาวคลุมไว้ตลอดทั้งตัว ถูกเข็นออกมาจากห้องผ่านคุณหญิงสุดสวาท และดารินทร์ที่ณเดชย์เป็นคนโทร.ไปแจ้งข่าว ดารินทร์นั้นร้องไห้เงียบๆ แต่ดูออกว่าเสียใจมาก ในขณะที่คุณหญิงสุดสวาทซับน้ำตานิดๆ ณเดชย์ร้องไห้จนตาบวม ขยับจะตามศพบิดาไป
“แน่ใจนะครับว่าคุณหญิงไม่ติดใจในการเสียชีวิตของท่านอัศวิน” หมอถามขึ้น
คุณหญิงสุดสวาทบอก “ค่ะ”
ดารินทร์หันมามองหน้าคุณหญิง เหมือนรู้ทันกัน คุณหญิงสุดสวาทมองดารินทร์อย่างไม่สะทกสะท้าน ณเดชย์ขยับเดินเข้ามา
“แต่ผมติดใจ ผมอยากให้ผ่าศพพิสูจน์ครับ คุณพ่ออาการทรงตัว ถึงจะไม่ดีขึ้น แต่ก็ไม่ทรุด แล้วอยู่ๆคุณพ่อก็...” ชายหนุ่มพูดไม่ออก
คุณหญิงเกลี้ยกล่อม “แต่แม่ไม่เห็นด้วย คุณพ่อไปสบายแล้ว นะจะผ่าศพพิสูจน์ให้คุณพ่อพะว้าพะวงทำไม”
“จะปรึกษากันก่อนก็ได้นะครับ ยังพอมีเวลาตัดสินใจ แล้วแจ้งผม ทางโรงพยาบาลจะได้จัดการให้ตามความต้องการของญาติคนไข้ ผมขอตัวก่อนนะครับ”
คุณหมอเดินออกไปพร้อมกับพยาบาล คุณหญิงหันมามองดารินทร์ซึ่งร้องไห้อยู่
ณเดชย์เอ่ยขึ้น “คุณแม่ครับ ผมอยากรู้ว่าทำไมคุณพ่อถึงเสีย มันต้องมีอะไรแน่ๆ”
คุณหญิงมองณเดชย์ แล้วหันมามองดารินทร์
“แล้วมันจะมีประโยชน์อะไร จะมาสาวไส้ให้กากินทำไม หมอบอกแม่ว่าคุณพ่อไม่มีวันหายแล้วตานะ ดีที่สุดคือ นั่งรถเข็น แต่ก็พูดไม่ได้ เดินไม่ได้ ตอนนี้คุณพ่อไปสบายแล้ว แต่ที่คุณพ่อต้องเป็นแบบนี้เพราะใคร แม่ไม่อยากให้ขุดคุ้ย”
“ทำไมล่ะครับ”
“เพราะเราจะไม่มีทางรู้ความจริงหรอก อาจจะมีคนคิดฆ่า...คุณพ่อ” คุณหญิงมองหน้าดารินทร์ “หรืออาจจะเป็นความผิดพลาดของใครซักคน ที่เร่งน้ำเกลือเร็วมากจนคุณพ่อช็อก”
“แล้วเราจะจบเรื่องนี้ง่ายๆ ปล่อยให้คุณพ่อตายฟรีเหรอครับ คุณแม่ไม่รักคุณพ่อแล้วเหรอครับ”
ณเดชย์พูดด้วยอารมณ์ที่สับสน ทั้งผิดหวัง และเสียใจ
“แม่ต้องการให้คุณพ่อไปอย่างสงบ อย่าให้มีข่าวฉาวโฉ่มากไปกว่านี้เลยตานะ พอเถอะ แม่ว่านะไปจัดการเรื่องวัดดีกว่านะ”
ณเดชย์มองคุณหญิงที มองดารินทร์ที
ตรีอัปสรกลับถึงบ้านตอนค่ำ เดินเข้ามาทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาห้องโถงในบ้าน ด้วยสีหน้าตกใจเมื่อรู้ข่าว
“อะไรนะคะ แม่ คุณลุงตายแล้วเหรอคะ เป็นไปได้ยังไงเนี่ย” หล่อนพูดเสียงเบาลง “ไหนแม่บอกว่าจะไม่ทำอะไรคุณลุงแล้วไงคะ”
“แม่ไม่ได้ทำ”
ตรีอัปสรงง “แม่ไม่ได้ทำ แล้วใครทำล่ะคะ หรือคุณลุงตายเอง”
“มีคนทำให้คุณอัศตาย” ดารินทร์บอก
“แม่รู้เหรอ ใครคะ”
ดารินทร์มองหน้าตรีอัปสร แต่ไม่ตอบ
คุณหญิงสุดสวาทเดินเข้ามา หยุดยืนมอง เห็นณเดชย์นั่งซึมอยู่คนเดียว กลางบรรยากาศเหงาเศร้า และโดดเดี่ยว ซักครู่ มุกตาภาเดินมาหาคุณหญิง ทั้งคู่มองณเดชย์อย่างเป็นห่วง คุณหญิงพยักหน้าเป็นเชิงลอกให้มุกตาภาไปหาณเดชย์ มุกตาภาเดินไปนั่งข้างๆ เอื้อมมือไปจับมือณเดชย์ มองอย่างปลอบประโลม ท่าทีอ่อนโยน มุกตาภาดึงณเดชย์เข้ามากอดปลอบขวัญ คุณหญิงสุดสวาทมองภาพเบื้องหน้า แล้วผ่อนลมหายใจอย่างบางเบา
สองแม่ลูกคุยกันอยู่ในบ้าน ตรีอัปสรตกใจมากเมื่อได้ฟัง
“คุณหญิงสุดสวาทเหรอแม่”
“ใช่ แม่ว่าต้องใช่แน่ๆ”
ตรีอัปสรนิ่งคิด “นังคุณหญิงนี่มัน....ร้ายกาจ กว่าที่ตรีคิดไว้เยอะเลย”
“แต่ตอนนี้มันพยายามพูดให้คุณนะ คิดว่าแม่เป็นคนทำ...”
ตรีอัปสรทำสีหน้าเยาะหยัน “แล้วยังเอาบุญ เอาคุณกับแม่ว่าไม่ติดใจเอาเรื่องอีก แบบนี้ มันต้องเอาคืน”
“พอเถอะตรี เค้าก็แค่พูดกับคุณนะ ไม่ได้มาปรักปรำแม่”
“จริงๆแล้ว แม่อยากจะขอบคุณยายคุณหญิงด้วยใช่ไม๊ ที่จัดการคุณลุงให้เรา”
ดารินทร์เสียงเข้ม “ตรี แม่บอกแล้วไง ว่าแม่คุยกับคุณอัศแล้ว พอเถอะตรี จบได้แล้ว”
“เรื่องมันไม่จบง่ายๆ หรอกค่ะ แม่คอยดูเถอะ ยายคุณหญิงนั่นมันต้องมาหาเรื่องรังควาญแม่แน่นอน ยกเว้น เราจะต้องจัดการมันก่อน มันจะได้ไม่กล้า”
ดารินทร์แปลกใจ “จัดการยังไง”
ตรีอัปสรมองดารินทร์ แต่ไม่ตอบอะไร แววตาตรีอัปสรวาวโรจน์
ที่บ้านนายพลอัศวิน ตอนสายวันนี้ คุณหญิงสุดสวาทเดินออกมาจากตัวบ้าน สีหน้าเครียดๆ ตรีอัปสร ยืนหันหลังอยู่ ตรีอัปสรหมุนตัวกลับไปมองคุณหญิงนิ่งๆ คุณหญิงมองตรีอัปสรซึ่งใส่ชุดแดงเพลิง ดูสง่างามอย่างไม่เป็นมิตร
“มีธุระอะไรไม่ทราบ หรือว่าเห็นพ่อตายแล้ว...ก็เลยคิดจะย้ายมาหาลูก”
ตรีอัปสรเหยียดยิ้มนิดๆ ตรงมุมปาก “คิดวนเวียนอยู่แค่สองเรื่องนี้เท่านั้นเหรอคะ คุณหญิง ชั้นว่าชีวิตมันมีอะไรให้คิด ให้ทำมากกว่านั้นเยอะนะคะ”
คุณหญิงคอแข็ง ไม่พอใจ เมื่อโดนกระแทกแดกดัน “แต่ไอ้สองเรื่องนี้ มันเป็นเรื่องของผัวกับลูกชั้น”
ตรีอัปสรถอนหายใจอย่างเอือมระอา “ถ้าดิชั้นจะมาหาคุณนะ ดิชั้นคงไม่ผ่านทางคุณหญิงหรอกค่ะ ที่ดิชั้นมาวันนี้ก็เพื่อจะมาทำความเข้าใจกับคุณหญิง เรื่องแม่ของดิชั้นค่ะ”
คุณหญิงเยาะเย้ยดูถูก “กลัวชั้นจะแจ้งตำรวจเรื่องแม่ของเธอรึไง ถึงได้แล่นมาหาชั้นถ้าจะมาขอร้อง ก็ทำท่าให้มันเจียมตัวหน่อย ไม่ใช่หน้าเชิด จองหองพองขน แบบนี้”
ตรีอัปสรบอกเสียงเข้ม “ชั้นจะมาเตือนคุณหญิง ว่าอย่ายุ่งกับแม่ของชั้น อย่ายัดเยียดความผิดที่แม่ชั้นไม่ได้ทำ ไม่มีคุณลุงอัศวินแล้ว ชั้นว่าเราต่างคนต่างอยู่จะดีกว่าเพื่อความปลอดภัยของคุณหญิง”
ตรีอัปสรพูดจบก็เดินหน้าเชิดออกไปเลยโดยไม่ไหว้ คุณหญิงสุดสวาทมองตามไปอย่างแค้นจัด
“แกนึกว่าชั้นจะกลัวแกเหรอ”
คุณหญิงแค้นใจถึงขีดสุด
บนโต๊ะ ในร้านกาแฟเวลานี้ โทรศัพท์มือถือรุ่นอาม่าถูกเลื่อนดันเข้ามา ตรงหน้าชบาและกล้า ชบามองโทรศัพท์แล้วหันไปมองกล้าที่นั่งอยู่ข้างๆ อย่างเนือยๆ
“ให้ชั้นทำไมเนี่ย”
ที่แท้มุกตาภานั่งหน้าเรียบเฉย มาดเย่อหยิ่งอยู่ตรงข้ามและเป็นคนให้มือถือ 2 คน
“เอาไว้ติดต่อกับชั้น. ถ้ามีอะไรชั้นจะโทร.บอกเธอ 2 คนไง”
“ก็จะต้องไปด้วยกันอยู่แล้ว จะติดต่ออะไรอีก” กล้าบ่น
มุกตาภาเอ่ยขึ้น “เรื่องไปเปิดตัวแถลงข่าว คงต้องเลื่อนไปก่อน”
กล้าโวยใส่ “อ้าว เอายังไงแน่เนี่ย ตอนแรกก็มาเร่งๆ ตอนนี้เกิดจะเลื่อนไปก่อน”
มุกตาภาพยายามข่มอารมณ์ไว้ ไม่โมโห ค่อยๆ พูดอย่างใจเย็น
“ทางสถานีต้องการให้งานแถลงข่าวละคร และก็เปิดตัวพ่อแท้ๆ ของตรีอัปสรประทับใจประชาชนคนดูมากที่สุด ก็เลยอยากเตรียมงานให้พร้อม”
“แล้วเมื่อไหร่ล่ะ” ชบาถาม
“ไม่น่าเกิน 2 อาทิตย์...รอไปอีกนิดละกัน”
กล้าถอนหายใจ “ก็แล้วแต่ ถ้าเงินหมด ชั้นไปเอาที่ดารินทร์ก็ได้”
มุกตาภาลืมตัวแว้ดขึ้น “ไม่ได้นะ”
ทั้งชบาและกล้ามองมุกตาภาอย่างแปลกใจ ที่เห็นมุกตาภาตกใจมากขนาดนั้น
กล้าเขม้นมอง “อะไรเนี่ย ทำไมต้องเสียงดัง ตกใจด้วย....มีอะไรรึเปล่าเนี่ย”
มุกตาภาตั้งสติได้ “ไม่มีอะไร แต่ชั้นไม่อยากให้เสียแผนโปรโมท ละครก็กำลังจะออนแอร์อยู่แล้ว”
ชบากับกล้าหันมามองหน้ากัน ก่อนที่ชบาจะหันไปทางมุกตาภา
“แปลว่าอะไร”
มุกตาภา งงๆ “ห๊ะ”
ชบาซัก “ไอ้โมทๆ แอร์ที่พูดน่ะ คืออะไร”
“อ๋อ...หมายถึงเรามีแผนการจะทำให้ละครดัง ก่อนจะออกอากาศ” มุกตาภาว่า
กล้ากับชบาร้อง “อ๋อ”
มุกตาภาผ่อนลมหายใจเบาๆ แอบปรายตามองอย่างดูถูก
คุณดิษฐ์เดินมาตามทางในสถานีโทรทัศน์ไทยเท็น พนักงานหลบให้ และทำความเคารพไปมา อีกด้านชญานนท์เดินมา
“คุณพ่อ....จะไปไหนรึเปล่าครับ”
“พ่อมีนัดกับคุณเจริญ...นนท์จะไปกับพ่อไม๊”
“ผมมีประชุมกับคุณรัตน์ เรื่องแผนโปรโมทละครครับ”
“แล้วมุกล่ะ เข้าด้วยรึเปล่า”
“ยายมุก น่าจะอยู่กับคุณหญิงสุดสวาทน่ะครับ ช่วยเตรียมงานคุณลุงอัศวินที่วัด”
คุณดิษฐ์ถอนหายใจเฮือก “น่าสงสารคุณอัศวินจริงๆ อือม์...พ่อว่าเย็นนี้พ่อจะไปงานศพ นนท์ไปด้วยนะ”
ชญานนท์รับ “ครับ”
คุณดิษฐ์สรุป “ไปเจอกันที่วัดเลยแล้วกัน”
“ครับ”
คุณดิษฐ์เดินแยกไป ชญานนท์มองตามแล้วเดินไปอีกทาง
ชญานนท์ประชุมอยู่กับ รัตน์ ติ๊น่าและทีมงานพีอาร์ช่อง 2-3 คน อยู่ในห้องประชุม
“เราตัดต่อละครได้กี่ตอนแล้วครับ”
“เราเพิ่งปิดตอน 4 ไปค่ะ” ติ๊นาบอก
“อีก 10 วัน ทันใช่ไม๊ครับ”
“ค่ะ” ติ๊นารับ
ชญานนท์หันไปทางรัตน์ “แล้วเรื่องงานแถลงข่าวเปิดตัวละครล่ะครับ คุณรัตน์”
“เราเริ่มส่งข่าวไปทางสื่ออื่นๆ แล้วค่ะ...ส่วนนักแสดงของเราช่วงนี้คงยังเดินสายโปรโมทไม่ได้เพราะต้องถ่ายละคร แต่เราเชิญนักข่าวมาถ่ายเบื้องหลังฉากสำคัญของเรื่องนะคะ”
“ดีครับ”
ติ๊น่าเสริม “ส่วนของนักแสดงป้าติ๊เคลียร์คิวให้สำหรับวันงานแถลงข่าวแล้วนะคะ”
“แล้วสื่อที่มาวันนั้นล่ะครับ เชิญไปครบรึยัง”
“คุณมุกเป็นคนดูแลค่ะ ดิชั้นไม่ทราบว่าสั่งงานให้ใครทำ” รัตน์บอก
ทีมงาน 2-3 คนที่นั่งประชุมด้วยส่ายหน้ากันไปมา เหมือนจะบอกว่ามุกตาภาไม่ได้บอกให้พวกเขาทำ ชญานนท์ พยักหน้า
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมถามมุกเอง”
“ค่ะ” รัตน์รับคำ
“เย็นนี้ผมคงต้องรบกวนคุณติ๊น่าให้ทีม นางสาว ณ สยาม ไปร่วมงานคุณอัศวินด้วยนะครับ”
“ค่ะ ดิชั้นจะให้พี่เลี้ยงพาไปค่ะ”
“ขอบคุณครับ”
“ทราบข่าวท่านอัศวินแล้วใจหายนะคะ ได้ยินข่าวตอนแรกเหมือนว่าจะดีขึ้น ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้”
ชญานนท์มีสีหน้าครุ่นคิด แต่ไม่พูดอะไร
เย็นจวนค่ำ บนศาลาวัดชื่อดัง เห็นโลงศพของอัศวินตั้งอยู่ มีรูปวางข้าง และจัดแต่งดอกไม้อย่างสวยงามสมเกียรติ มุกตาภาในชุดดำเดินอยู่ข้างๆ คุณหญิงสุดสวาท คุณหญิงนั้นมีผ้าเช็ดหน้าสีขาวคอยซับน้ำตาอยู่ตลอดเวลา มีแขกทยอยเข้ามาเรื่อยๆ ณเดชย์สีหน้าเศร้าสลด
ซักครู่ คุณดิษฐ์เดินมากับ รัตน์ และอาจารย์ดรีม ทั้งหมดเดินตามกันไปทักทายไหว้คุณหญิงกัน
“เสียใจด้วยนะครับ คุณหญิง ขอโทษด้วยนะครับ...ที่ไม่ได้มารดน้ำศพ” คุณดิษฐ์ว่า
“ไม่เป็นไรค่ะ ดิชั้นเห็นคุณดิษฐ์มาก็ขอบพระคุณมากค่ะ” คุณหญิงหันไปมองคนอื่นๆ “ขอบใจมากน่ะ เชิญ ด้านในเลยค่ะ”
รัตน์ ดรีมริกาเดินเข้าไปด้านใน มุกตาภาเดินออกมาเห็นคุณดิษฐ์กับชญานนท์ก็เดินมาหา
“คุณพ่อ”
คุณหญิงบอกกับคุณดิษฐ์ “หนูมุกมาอยู่เป็นเพื่อนช่วยรับแขกให้ดิชั้น หวังว่าคงไม่ทำให้งานคุณดิษฐ์เสียนะคะ”
“อ๋อ....ไม่ครับ...ให้ยายมุกมาอยู่ช่วยทางนี้ดีแล้วครับ...คุณหญิงไม่ต้องกังวล”
“ขอบคุณมากค่ะ”
“ผมขอเข้าไปเคารพศพก่อนนะครับ”
คุณดิษฐ์หันไปพยักหน้ากับรัตน์และดรีมริกา แล้วเดินเข้าไป คุณหญิงกับมุกตาภาหันไปรับรองแขกอื่นๆ
ณเดชย์นั่งอยู่ที่เก้าอี้แถวหน้าสุด มองไปที่โลงศพพ่อ สีหน้าเศร้าจัด ณเดชย์หันมามองเห็นคุณดิษฐ์กับ รัตน์ และ อาจารย์ดรีม ก็ลุกขึ้นยกมือไหว้ทัก คุณดิษฐ์ตบไหล่ณเดชย์เบาๆ ให้กำลังใจ
“คุณพ่อไปสบายแล้วน่ะ ตอนนี้นะต้องเป็นหลักให้กับคุณแม่...ดูแลคุณแม่”
ณเดชย์ยกมือไหว้คุณดิษฐ์อีกครั้ง
“ขอบคุณมากครับ...คุณอา”
คุณดิษฐ์ยิ้มอย่างให้กำลังใจแล้วเดินเลยไปไหว้ศพ ดรีมริกากับรัตน์ยังยืนอยู่ มองณเดชย์อย่างเห็นใจ ณเดชย์เงยหน้าขึ้น
“เสียใจด้วยนะคะ” รัตน์บอก
ณเดชย์พยักหน้า “ขอบคุณครับ”
ณเดชย์ยิ้มให้อาจารย์ดรีมและรัตน์นิดๆ เหมือนจะบอกว่ายังไหวอยู่ สองคนตามคุณดิษฐ์เข้าไปไหว้เคารพศพ
อรสินีในชุดดำเดินมากับกลุ่มนางงาม วรัญญา ภารดี กัลยาณี ติ๊น่าและกลุ่มพี่เลี้ยงจากไทยเท็น 3 คน คุณหญิงสุดสวาทยืนอยู่กับมุกตาภา ณเดชย์เดินออกมาสมทบ ทั้งหมดยกมือไหว้คุณหญิงสุดสวาท พูดแสดงความเสียใจ มุกตาภาเดินเข้ามาใกล้ๆอรสินี
มุกตาภาพูดเบาๆ “นึกว่าอรจะมากับพี่นนท์ซะอีก”
“อรมาจากกองถ่าย...ไม่ได้มาจากไทยเท็น”
“เข้าไปนั่งข้างในเถอะ....คุณพ่อ อยู่ข้างใน”
ณเดชย์พูดกับนางงามคนอื่น “เชิญครับ” แล้วบอกกับมุกตาภา “มุกอยู่กับคุณแม่เถอะ เดี๋ยวผมพาแขกเข้าไปเอง”
“ค่ะ”
ณเดชย์เดินนำอรสินีและคนอื่นๆ เข้าไป มุกตาภาหันมามองคุณหญิงแล้วยิ้มให้ ณเดชย์เดินเข้าไปกับอรสินี
“แล้ว นางสาว ณ สยาม ล่ะครับ...ไม่ได้มาด้วยเหรอ”
“ตรีเค้าขอกลับบ้านก่อนนะค่ะ อีกซักครู่คงตามมามั้งคะ”
ณเดชย์พยักหน้ารับรู้ “ครับ”
อรสินีเข้าไปไหว้เคารพศพท่านนายพล
ณเดชย์ชะเง้อคอมองไปทางหน้าศาลา คล้ายรอคอยการมาถึงของตรีอัปสร
ตรีอัปสรในชุดดำ เดินลงมาจากชั้นบนเห็นดารินทร์อยู่ในชุดอยู่บ้าน ตรีอัปสรมองดารินทร์
อย่างแปลกใจ
“อ้าว แม่ ยังไม่แต่งตัวอีกเหรอ”
ดารินทร์หันไปมองตรีอัปสร “ชั้นไม่อยากไป”
“ไม่ไปไม่ได้นะแม่ ถ้าแม่ไม่ไป นังคุณหญิงมันก็จะเอาไปพูดว่าแม่มีพิรุธที่คุณลุงตายอาจจะเป็นเพราะแม่ แล้วถ้ายายสลิลทิพย์ไปงานด้วยล่ะก้อยาวแน่”
“ใครจะพูดยังไงก็ช่างมัน แม่ไม่สนใจหรอก ความจริงก็คือความจริง”
“แต่เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาพิสูจน์ความจริงนะแม่ ตรีว่าแม่รีบไปแต่งตัวดีกว่า ตรีไม่อยากไปถึงช้า
ดารินทร์ขยับลุกขึ้นเดินขึ้นบันไดไป ตรีอัปสรมองตามอย่างเห็นใจแม่แต่ไม่พูดอะไร
บรรยากาศในศาลา เริ่มมีผู้คนเข้ามเยอะขึ้น ณเดชย์ยังยืนอยู่กับคุณหญิงสุดสวาทและมุกตาภา
“มุกพาคุณแม่ไปนั่งข้างในก่อนดีกว่า ยืนรับแขกนานแล้ว”
“แม่เดินเข้าไปเองได้ หนูมุกอยู่กับตานะเถอะลูก”
“ไม่เป็นไรค่ะ มุกพาคุณหญิงแม่ไปนั่งก่อน แล้วค่อยออกมาอยู่เป็นเพื่อนคุณนะก็ได้ค่ะ”
คุณหญิงสุดสวาทซาบซึ้งดึงมุกตาภาเข้ามากอดอย่างเอ็นดู
“เหนื่อยไม๊ลูก”
มุกตาภาพูดจากใจจริง “ไม่หรอกค่ะ มากกว่านี้มุกก็ทำได้ ถ้าสิ่งที่มุกทำจะมีส่วนช่วยคนที่มุกรักทั้ง 2 คน”
มุกตาภาพูดแล้วมองทั้งคุณหญิงและณเดชย์ คุณหญิงมองมุกตาภาอย่างปลื้มๆ ในขณะที่ณเดชย์กลับมองอย่างอึดอัดเล็กๆ มุกตาภาจูงมือคุณหญิงเดินเข้าไป ณเดชย์หันมารับแขกที่ทยอยเข้างานมา
ค่ำมากแล้วขณะที่ดารินทร์เดินมากับตรีอัปสร สีหน้าดารินทร์เศร้าจัดแต่สงบนิ่ง ตรีอัปสรหันมามองสภาพดารินทร์ก็สงสารจับใจ ตรีอัปสรเอื้อมมือไปจับมือแม่ให้กำลังใจ ทั้งคู่สบตากัน
“แม่ ตรีจะอยู่ข้างๆแม่ตลอด แม่ไม่ต้องกลัวนะ”
ดารินทร์มองตรีอัปสรแล้วพยักหน้า ตรีอัปสรยิ้มอย่างให้กำลังใจ
ณเดชย์รับแขกอยู่ด้านหน้า มองเลยเข้าไปในศาลาเห็นมุกตาภาแวะทักทายพูดคุยกับแขก
จังหวะนี้ชญานนท์เดินเข้ามาคนเดียว จากอีกด้านของศาลา
ฝ่ายณเดชย์หันไปมองอีกด้าน สีหน้าเปลี่ยนเป็นดีใจ
“ตรี”
ตรีอัปสรเดินมากับดารินทาร์ ณเดชย์ขยับเดินไปหา เห็นมุกตาภาอยู่ด้านในมองออกมา มุกตาภาซึ่งกำลังรับแขกเปลี่ยนสีหน้าเป็นไม่พอใจทันที พร้อมกับขยับเดินออกมา ส่วนณเดชย์ยังยืนอยู่กับดารินทร์และตรีอัปสร
ตรีอัปสรมองเลยไปเห็นมุกตาภาเดินออกมาหา จึงหันมาทางณเดชย์ทำหน้าเศร้าเสียใจ ก่อนจะเอื้อมมือไปแตะมือณเดชย์เหมือนจะปลอบโยน
“เสียใจด้วยนะคะ คุณนะ”
ณเดชย์เอื้อมมือมาแตะมือตรีอัปสร “ขอบคุณครับ”
ดารินทร์มองณเดชย์ด้วยความสงสาร มุกตาภาเข้ามายืนข้างกอดแขนณเดชย์ไว้แสดงความเป็นเจ้าของ ทักเสียงเรียบๆ
“มากับคุณดารินทร์นี่เอง...ถึงได้ไม่มาพร้อมกับนางงามคนอื่น”
“ค่ะ”
“เข้าไปเคารพศพด้านในเถอะ อย่ามายืนกุมมือคู่หมั้นคนอื่นให้เป็นขี้ปากเลย”
ตรีอัปสรเลิกคิ้วอย่างท้าทาย “ขี้ปากใครเหรอคะ”
ดารินทร์เห็นท่าไม่ดี เพราะท่าทางมุกตาภาเอาจริง
“ตรี”
ดารินทร์เรียกตรีพร้อมๆ กับดึงมือตรีกลับมา มุกตาภาขยับจะเข้าไปหาตรีอัปสร
ณเดชย์เสียงเข้ม “มุก”
เสียงชญานนท์ดังขึ้น “สวัสดีครับ”
ทุกคนหันไปมองเห็นชญานนท์เดินเข้ามา ชญานนท์มองตรีอัปสร แล้วหันไปมองมุกตาภา แววตาดุ
ปรามน้อง มุกตาภานิ่งขึ้นจากที่เตรียมจะอาละวาด
ชญานนท์เข้ามายืนแทรกระหว่างตรีอัปสรกับมุกตาภาเนียนๆ ทำท่าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“เสียใจด้วยนะ นะ”
ณเดชย์พยักหน้ารับ “ขอบคุณ เข้าไปนั่งด้านในดีกว่า”
ชญานนท์หันมาทางดารินทร์ “เชิญครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
ชญานนท์ ดารินทร์ ตรีอัปสรเดินเข้าไปในศาลา มุกตาภาค้อนตามหลังไปอย่างขุ่นเคือง ณเดชย์เอื้อมมือมาปลดมือมุกตาภาออกอย่างห่างเหิน ก่อนที่จะเดินตามเข้าไปข้างใน มุกตาภายิ่งแค้นใจ
อรสินี วรัญญา ภารดี กัลยาณี นั่งอยู่ด้วยกัน คุณดรีม คุณรัตน์ ติ๊น่า นั่งอยู่ด้วยกัน ตรีอัปสรเดินเข้ามากับดารินทร์และชญานนท์ ชญานนท์แยกไปนั่งข้างคุณดิษฐ์ ตรีอัปสรเดินมานั่งข้างคุณดรีม ดารินทร์นั่งเก้าอี้เยื้องมาด้านหลัง ตรีอัปสรยกมือไหว้ทักทายกัน
อาจารย์ดรีมพูดเบาๆ “เข้าไปกราบคุณอัศวินก่อนเถอะ หนูตรี”
ตรีอัปสรหันไปมองโลงศพด้วยแววตาชิงชังรังเกียจ ซึ่งอาจารย์ดรีมจับอาการนี้ได้ ตรีอัปสรหันมาบอกว่า
“เอาไว้ตอนกลับดีกว่าค่ะ”
อาจารย์ดรีมมองอย่างพิจารณา “มีอะไรรึเปล่า”
ตรีอัปสรยิ้มบางๆ “ไม่มีค่ะ ใครจะไปกล้ามีอะไรกับคนที่เป็นทั้งพ่อเลี้ยง เป็นทั้งคนที่ทำให้ตรีได้เป็น นางสาว ณ สยาม ล่ะคะ”
อาจารย์ดรีมมองตรีอัปสร ไม่คิดว่าตรีอัปสรจะพูดแบบนี้ ตรีอัปสรมาหาอาจารย์ดรีม
“ตรีกล้าพูดกับครูดรีม เพราะครูดรีม เป็นครูสอนแอคติ้งตรี เข้าใจความรู้สึก เข้าใจความคิดของตรี”
“ครูเข้าใจตรี...แต่ตรีกำลังเข้าใจผิดนะ”
ตรีอัปสรแปลกใจ “เข้าใจผิด เรื่องอะไรคะ”
“เรื่องที่หนูตรีคิดว่าได้ตำแหน่งเพราะท่านอัศวิน”
ตรีอัปสรฉงน “แล้วไม่ใช่เหรอคะ”
อาจารย์ดรีมมองตรีอัปสรแล้วยิ้มให้อย่างอ่อนโยน
“ไม่ใช่”
ตรีอัปสรมองอาจารย์ดรีมอย่างฉงนฉงาย โค้ชแอ็คติ้งชื่อดังมองหน้านางสาว ณ สยาม แล้วเล่าเรื่องราวในวันประกวดให้ฟัง
ค่ำคืนแห่งเกียรติยศนั้น ที่โต๊ะกรรมการ นายพลอัศวินพูดกับอาจารย์ดรีมว่าด้วยคะแนนที่สูสีระหว่างตรีอัปสรกับอรสินี น่าจะให้ตรีอัปสรได้ตำแหน่งไป แต่อาจารย์ดรีมตอบกลับว่า คะแนนของตรีอัปสรนำลิ่วยังไงก็ชนะอยู่แล้ว
ตรีอัปสรอึ้งไป แล้วเปลี่ยนเป็นแค้น เมื่อรู้ว่าถูกนายพลนักรักหลอกมาตลอด และเกือบเสียตัวให้ฟรีๆ!!!
ปีกมงกุฎ ตอนที่ 14 (ต่อ)
ในศาลา พระสงฆ์ 4 รูป สวดบังสุกุลจบ คุณดิษฐ์ กับ ชญานนท์ ประเคนดอกไม้พร้อมจตุปัจจัยของไทยเท็นที่คืนนี้เป็นเจ้าภาพถวาย ก่อนจะลุกเดินออกจากศาลาไป แขกเหรื่อในงานทยอยลุกขึ้นเดินไปกราบพระ กราบลาศพ ทยอยเดินออกมาไป
แต่ตรีอัปสรยังคงนั่งนิ่งอยู่อย่างนั้น ดารินทร์ขยับมาใกล้ๆ
“ตรี...กลับกันเถอะ”
“เดี๋ยวค่ะ แม่ ตรีขอไปลาคุณลุงก่อน”
ตรีอัปสรขยับลุกขึ้นเดินไปทรุดตัวลงนั่งหน้าโลง ชญานนท์ อรสินี และคนอื่นๆ มองท่าทางของตรีอัปสรอย่างแปลกใจ มีคนส่งธูปให้ ตรีอัปสรรับมาถือไว้ แต่ไม่ยกมือพนม กำธูปไว้กับตัก ตาจ้องรูป
นายพลอัศวินเขม็ง พูดกับวิญญาณท่านนายพลในใจ
“ตรีรู้ความจริงทั้งหมดแล้ว ตรีควรจะอโหสิกรรมหรือสาปแช่งคุณลุงดี คุณลุงฉกฉวยผลประโยชน์ หน้าด้าน ขี้โกง สวมรอยหวังจะได้ตัวตรี ด้วยการกระทำที่ต่ำช้าที่สุด กรรมที่คุณลุงทำตอนมีชีวิตอยู่ คงทำให้คุณลุง ตกนรกไม่ได้ผุดได้เกิด โดยที่ตรีไม่ต้องสาปแช่ง”
ท่อนท้ายๆ ตรีอัปสรพูดเสียงรอดไรฟันออกมาเบาๆ “ชาติหน้า ชาติไหน ก็ขออย่าให้เจอกันอีกเลย”
ตรีอัปสรมองจ้องรูปนายพลอัศวินอย่างแค้นใจ
ณเดชย์ยืนอยู่หน้าศาลามีมุกตาภาคอยประกบอยู่ตลอดเวลา กลุ่มนางงามยืนอยู่กับอาจารย์ดรีม ติ๊น่า และรัตน์
คุณหญิงสุดสวาทยืนคุยอยู่กับคุณดิษฐ์และชญานนท์
“มีอะไรให้ผมช่วยบอกได้เลยนะครับ คุณหญิง ไม่ต้องเกรงใจ”
“ขอบคุณค่ะ รอให้เสร็จงานคุณอัศก่อน ดิชั้นจะเข้าไปปรึกษาเรื่องงานนะคะ”
“ครับผม ขอตัวก่อนนะครับ สวัสดีครับ”
“สวัสดีค่ะ”
คุณดิษฐ์เดินออกไปกับชญานนท์ คุณหญิงหันไปเห็นดารินทร์ ซึ่งยืนรอตรีอัปสรอยู่อีกด้านหนึ่งก็เดินไปหา มองดารินทร์หัวจรดเท้า
“ยังกล้ามาอีกเหรอ...เธอนี่มันหน้าด้านได้โล่ห์จริงๆ”
ตรีอัปสรเดินแทรกเข้ามามองคุณหญิง อย่างเยาะหยัน
“แต่คงสู้คุณหญิงฯไม่ได้หรอกค่ะ ที่บ้านน่าจะสะสมโล่ห์เอาไว้เยอะด้านระดับตำนานแบบนี้”
คุณหญิงโกรธ “นังลูกเมียน้อย”
“ชั้นไม่อยากมาทะเลาะกับคุณหญิงในวัดหรอกน่ะคะ ช่วยสำรวม แล้วเก็บปาก เก็บคำให้สมกับเป็นคนมีชื่อเสียง มีหน้าตาในสังคมจะดีกว่าค่ะ” ตรีอัปสรหันมาทางดารินทร์ “ไปค่ะ แม่ กลับ” แล้วนึกขึ้นได้หันกลับมาทางคุณหญิงอีกครั้ง “อ้อ....แล้วก็รับทราบไว้ด้วยนะ ว่าชั้นไม่ใช่ลูกเมียน้อย แม่ชั้นเป็นเมียคนแรกของพ่อ ไม่ได้เป็นเมีนน้อย เข้าใจตรงกันแล้วนะ”
ตรีอัปสรจูงมือดารินทร์เดินแยกไป ทิ้งให้คุณหญิงสุดสวาทเข่นเขี้ยวอยู่เพียงลำพัง
รัตน์ ติ๊น่า เหล่านางงามทยอยขึ้นรถตู้ของช่อง อีกด้านเห็นอรสินีเดินมากับคุณดิษฐ์ และชญานนท์
“ช่วงนี้เหนื่อยหน่อยนะ หนูอร” คุณดิษฐ์ว่า
“ไม่เป็นไรค่ะ เร่งถ่ายให้เยอะไว้ก่อน ดีแล้วค่ะ”
คุณดิษฐ์ยิ้มพอใจ “กระแส นางสาว ณ สยาม ยังอยู่..ถ้าเราเอาละครมาออกอากาศช่วงนี้จะเป็นผลดีของทุกฝ่าย”
“ค่ะ”
“โอเค ลุงแยกตรงนี้เลย ให้นนท์ไปส่งที่บ้านนะ”
อรสินียกมือไหว้ “สวัสดีค่ะ”
คุณดิษฐ์รับไหว้แล้วเดินแยกไปที่รถ อรสินีหันมาทางชญานนท์
“ความจริง อรกลับรถตู้ก็ได้นะคะ”
“ไม่ทันแล้วล่ะค่ะ รถตู้ออกไปแล้ว ให้พี่นนท์ไปส่งดีกว่า เราจะได้มีเวลาอยู่ด้วยกันตามลำพังบ้าง”
อรสินียิ้มรับแล้วหมุนตัวไปอีกด้าน พร้อมกับร้องเรียก
“ตรี...”
ชญานนท์นิ่งไปนิด ก่อนจะหันไปเห็นตรีอัปสรเดินมากับดารินทร์ ชญานนท์ยิ้มให้ อรสินีเดินไปยกมือไหว้ดารินทร์แล้วจับมือตรีอัปสร
“สวัสดีค่ะ”
“นี่ถ้าแม่หนูมาด้วย คงไม่มีโอกาสได้ไหว้กันแบบนี้หรอก”
อรสินียิ้มแห้งๆ “วันนี้คุณแม่ติดประชุมค่ะ เลยมาไม่ได้”
ตรีอัปสรมองชญานนท์แล้วหันมาทางอรสินี
“ตรีขอตัวก่อนนะคะ”
“พรุ่งนี้เจอกันนะ”
“ค่ะ” ตรีอัปสรหันไปทางชญานนท์ “ไปนะคะ คุณนนท์”
ชญานนท์เอ่ยลากับดารินทร์และตรีอัปสร “สวัสดีครับ”
ตรีอัปสรนั่งซึมอยู่หน้ากระจก มองหน้าตัวเองนิ่ง นึกถึงฉากซึ้งๆ แสนโรแมนติกกับชญานนท์สองต่อสอง หลายๆ เหตุการณ์
ตรีอัปสรผ่อนลมหายใจเบาๆ ถูกภาพอรสินีกับชญานนท์ที่เดินเคียงกันในงานศพ เข้ามารับกวน
ตรีอัปสรดึงตัวเองออกจากความคิดเหล่านั้น พึมพำออกมาว่า
“ตรีจะทำให้คุณรู้สึกว่าตรีคือผู้หญิงที่สำคัญที่สุดในชีวิตของคุณ”
สีหน้าตรีอัปสรมุ่งมั่น เอาจริง
คืนนั้นอรสินีเดินออกมาส่งชญานนท์ที่รถตรงหน้าบ้าน สีหน้าชญานนท์ค่อนข้างเครียด
“พี่นนท์ กังวลเรื่องอะไรรึเปล่าคะ น้องอรว่าพี่นนท์ดูเครียดๆนะคะ”
ชญานนท์ยกมือขึ้นลูบหน้าเบาๆ “ก็หลายเรื่องค่ะ ทั้งเรื่องงาน เรื่องตัวเอง”
อรสินีแปลกใจ “เรื่องตัวเอง มีอะไรรึเปล่าคะ”
ชญานนท์หยุดเดิน หันมาจับมือคนรักไว้ อรสินีมองมาอย่างอ่อนโยน
“มีอะไรให้อรช่วยไม๊คะ”
“มีค่ะ”
“อะไรคะ บอกมาได้เลยค่ะ ถ้าอรช่วยได้ อรยินดีค่ะ”
ชญานนท์พูดท่าทีจริงจัง “อย่าหวั่นไหว กับสิ่งที่เห็น สิ่งที่รับรู้นะคะ ทุกเรื่องมีเหตุผล มีที่มาที่ไปทั้งนั้น”
“พี่นนท์จะบอกอะไรอรคะ”
“พี่อยากให้อรรู้ว่า อรคือผู้หญิงที่สำคัญที่สุดในชีวิตพี่”
ชญานนท์ดึงอรสินีเข้าไปกอด อรสินีกอดตอบพร้อมกับพึมพำออกมาเบาๆ
“อรจะพยายามค่ะ”
อรสินีกอดกระชับกับชญานนท์ เหมือนถ่ายทอดความรักให้กันและกัน
รุ่งเช้า ขณะที่ปิ๋มกับแป๋ว จัดอาหารขึ้นโต๊ะที่ห้องอาหาร ตรีอัปสรนั่งเก้าอี้ที่เทอเรส ดารินทร์เดินเข้ามามองเลยออกไปที่ตรีอัปสร
“ยายตรี มาทานของเช้ากับแม่ มะ”
ดารินทร์ยังอยู่ในชุดสีดำ ตรีอัปสรหันมามองแล้วเดินเข้ามา
“นี่แม่จะใส่ชุดดำทำไมเนี่ย ใจคอจะไว้ทุกข์ให้คุณลุงไปถึงเมื่อไหร่คะ”
“คุณอัศเค้าเป็นสามีชั้น ชั้นก็ควรจะทำหน้าที่ภรรยาจนถึงวาระสุดท้ายของเค้า”
“ถ้าแม่รู้ว่าคุณลุงมันร้ายกาจยังไงบ้าง แม่จะยังไว้ทุกข์ให้มันอีกไม๊เนี่ย”
ดารินทร์ ดุ “ยายตรี ถึงเค้าจะร้ายกาจยังไง แกก็ควรจะเรียกเค้าให้ดีๆหน่อย ขึ้นมง ขึ้นมัน ชั้นไม่ชอบ”
“จะไม่ถามเหรอคะ...ว่าคุณลุงอัศวิน ร้ายกาจยังไง”
ดารินทร์ฉงน “แกไปรู้อะไรมาอีกเนี่ย”
ตรีอัปสรมองดารินทร์แล้วเล่าเรื่องที่รู้จากอาจารย์ดรีมให้แม่ฟัง
อีกฟากหนึ่ง คุณหญิงสุดสวาทในชุดสีดำสไตล์ค่อนข้างเปรี้ยว เดินลงบันไดมา เห็นแมนรออยู่ข้างล่าง ก็รีบวิ่งลงมาอย่างดีใจ
“แมน...พี่นึกว่าแมนจะไม่มาแล้วซะอีก” คุณหญิงขยับเข้ามาจะกอด
แมนเบี่ยงตัวหนี “อย่าครับ”
คุณหญิงอ้อนใหญ่ “จะกลัว จะเกรงอะไรล่ะ แมน”
“พี่ยังใส่ชุดดำอยู่เลยนะครับ”
คุณหญิงมองแมนแล้วยิ้มอย่างพอใจ หลงใหล พูดทีเล่นทีจริง
“แมนจะให้พี่ถอดชุดนี้ก็ได้นะ ขึ้นไปข้างบนกันดีกว่า”
แมนขืนตัวไว้ “พี่ไม่เสียใจเลยเหรอครับ ที่ท่านอัศวินเสียชีวิต”
คุณหญิงชะงัก “เสียใจซิ สามีตายทั้งคน แต่พี่ผ่านโลก ผ่านเรื่องราวมาเยอะแล้ว แมนจะให้พี่คร่ำครวญ ร้องไห้ ไร้สติ แบบเด็กสาวรึไง”
“ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ”
คุณหญิงมองแมนแล้วค้อนอย่างมีจริต “แมนจะมาจ้องจับผิดพี่ทำไมเนี่ย พี่ไม่มีอะไรให้จับผิดหรอกนะ พี่มีแต่ความรัก ความจริงใจให้แมนเท่านั้น”
แมนหันมามองคุณหญิงสุดสวาท แล้วมองเลยไป เห็นณเดชย์เดินลงบันไดมา แมนเก็บอาการสำรวมก้มหัวให้
“สวัสดีครับ”
ณเดชย์มองอย่างไม่พอใจไม่ยอมทักตอบ “คุณแม่จะไปทำงานเหรอครับ”
“จ้ะ แม่ถึงได้เรียกแมนมาไง”
“ผมว่าช่วงนี้คุณแม่พักก่อนก็ได้นะครับ” เขาหันไปทางแมน “ช่วงนี้นายไม่ต้องมาที่นี่เหมือนกัน”
คุณหญิงโกรธ “ตานะ ให้แม่หยุดงาน แม่ก็เครียดแย่ซิ ให้แม่ทำงานน่ะดีแล้วจะได้ไม่ฟุ้งซ่าน”
ณเดชย์เสียงเข้ม “แต่ผมอยากให้คุณแม่หยุด ทุกเรื่อง คุณพ่อยังอยู่ที่วัด คุณแม่จะให้เกียรติคุณพ่อ เป็นครั้งสุดท้ายได้ไม๊ครับ”
ณเดชย์มองมารดาอย่างจริงจัง คุณหญิงมองลูกชายนิ่ง คอแข็งไม่พอใจ
ตรีอัปสรมองหน้าดารินทร์ซึ่งนั่งนิ่ง เสียใจ เจ็บช้ำกับสิ่งที่ได้ยิน
“แม่ว่า แม่สมควรจะไว้ทุกข์ให้กับผู้ชายแบบคุณลุงอีกมั้ยคะ”
ดารินทร์ผิดหวังมาก “คุณอัศ ทำแบบนี้ได้ยังไง”
“ฉวยโอกาสไงคะแม่ ผู้ชายเลวเข้าสายเลือดแบบนั้น ตรีว่าคุณลุงก็เหมาะเจาะ เหมาะสมกับนังคุณหญิงแส่สวาทนั่นแล้วละ”
“แกรอดปลอดภัยมาได้ก็ถือว่าเป็นบุญแล้ว”
“บุญมากเลยละ เพราะถ้าแผนการของคุณลุงสำเร็จ ตรีต้องกลายเป็นลูกเลวในสายตาแม่ เป็นคนเลวในสายตาทุกคน ในขณะที่ผู้ชายอย่างคุณลุงอัศวินลอยตัว ไม่มีใครเห็นว่าผิด”
ตรีอัปสรพูดด้วยความแค้นใจ ดารินทร์มองลูกแล้วถอนหายใจเบาๆ เปลียนเรื่องพูด
“วันนี้มีถ่ายละครรึเปล่า”
“มีค่ะ วันนี้ถ่ายที่สตูดิโอสตาร์ ฮลลลีวู้ด”
“เดี๋ยวชั้นไปส่ง”
ตรีอัปสรมองดารินทร์อย่างแปลกใจ
“ไหวเหรอแม่ ตรีว่าอย่าดีกว่า ตรีไปเองได้”
ดารินทร์เดินมาตามทางในอาคารไทยเท็น สง่างามในชุดดำสนิท สีหน้านิ่งสงบ มีตรีอัปสรเดินมาด้วย ตรีอัปสรมองดารินทร์อย่างเป็นห่วง
“แม่ ตรีว่า แม่กลับบ้านไปพักดีกว่า...เดี๋ยวตรีให้รถกองถ่ายไปส่งได้”
ดารินทร์มองตรีอัปสร “แม่ว่า....แม่ทิ้งรถไว้ให้ตรีแล้วแม่นั่งแท๊กซี่กลับดีกว่า”
ตรีอัปสรพยักหน้ารับ “ก็ดีเหมือนกัน แล้วคืนนี้แม่จะไปงานคุณลุงไม๊คะ”
ดารินทร์ส่ายหน้า “ไม่ละ แม่ไม่อยากไป ตรีไปทำงานเถอะ แม่เดินลงไปเองได้”
ตรีอัปสรพยักหน้าแล้วเดินแยกไป ดารินทร์เดินไปทางลิฟท์ แต่ยังไม่ถึง ประตูลิฟท์เปิดออกก่อน เผยให้ เห็นสลิลทิพย์ออกมาจากลิฟท์พอดี สลิลทิพย์มองดารินทร์ เปิดฉากกระแนะกระแหนตามประสา
“ต๊าย ใส่ชุดดำไว้ทุกข์ให้ท่านอัศวินเหรอ ชั้นนึกว่าเธอน่าจะดีใจมากกว่านะ ที่กำจัดท่านอัศวินสำเร็จ”
ดารินทร์ฉุน “อย่ามาพูดจาพล่อยๆ เดี๋ยวจะเจอข้อหาหมิ่นประมาท”
สลิลทิพย์ยิ้มเยาะ “ชั้นอยากรู้จริงๆ ว่าท่านอัศวินไปทำอะไรให้เธอ...เธอถึงได้ปิดปากท่าน”
ดารินทร์มองสลิลทิพย์ คร้านจะทะเลาะ ส่ายหน้าเอือมระอา ก่อนจะเดินแยกไปกดลิฟท์แล้วเข้าไปในนั้นทันที
สลิลทิพย์หันมามองอย่างแปลกใจกับท่าทางของดารินทร์ที่ดูสงบผิดจากทุกครั้ง
มุกตาภาเดินมากับเจ้าหน้าที่จากอีกด้าน ชญานนท์เดินมาจากอีกด้าน
“มุก ว่างไม๊....พี่ขอคุยด้วยหน่อย”
มุกตาภายิ้มให้ “ได้ค่ะ” หันไปสั่งงานกับเจ้าหน้าที่ “เอาเอกสารไปไว้ที่ห้องก่อน เดี๋ยวชั้นตามไป”
“ครับ”
เจ้าหน้าที่เดินแยกไป มุกตาภาหันมาทางชญานนท์
“จะคุยตรงนี้หรือไปที่ห้องค่ะ”
“ตรงนี้ก็ได้ พี่จะถามเรื่องสื่อ เห็นว่ามุกเป็นคนเชิญ”
“ค่ะ” มุกตาภายิ้มขัน “ความจริง เรื่องแค่นี้พี่นนท์ถามมุกที่บ้านก็ได้”
มุกตาภาพูดเย้าแหย่ อารมณ์ดี
ชญานนท์เย้ากลับ “จริงเหรอครับ คุณมุกตาภา ผมนอนแล้ว คุณมุกตาภาก็ยังอยู่ดูแลคู่หมั้นไม่กลับบ้าน ตอนเช้าผมออกมาทำงาน คุณมุกตาภาก็ยังไม่ตื่นจะคุยกันตอนไหนดีครับ”
มุกตาภาค้อนเล็กๆ น่ารัก “แหม...ก็ช่วงนี้มุกต้องไปอยู่กับคุณนะ คุณหญิงแม่นี่คะ คนเราจะเห็นใจกันก็ตอนนี้ล่ะค่ะ”
“ค่ะ พี่เข้าใจ”
มุกตาภาทำหน้านางร้ายขึ้นมานิดหนึ่ง “แล้วก็ตอนที่ไม่มีตรีอัปสรด้วยค่ะ”
ชญานนท์ดึงมุกตาภาเข้ามากอดหลวมๆ
“มุกอย่าทำตัวเป็นจิ้งหรีดให้ใครปั่นหัวเล่น ตรีอัปสรไม่ได้รักนะ แต่เค้าเห็นมุกยั่วขึ้น ก็เลยแกล้งทำเป็นใกล้ชิดนายนะ”
มุกตาภาเอียงคอ สีหน้าฉงน “พี่นนท์รู้ได้ยังไงคะ”
“เชื่อพี่ แล้วดีเอง ไปทำงานเถอะ”
มุกตาภาพยักหน้ารับแล้วหมุนตัวเดินไป สีหน้าดูออกว่าไม่เชื่อ
“นังตรีอัปสรมันแสบกว่าที่พี่นนท์คิดเยอะ มารยาล้านเล่มเกวียน...พี่นนท์ตามมันไม่ทันหรอก”
มุกตาภาเข่นเขี้ยว เคี้ยวฟันไปตามทาง
สลิลทิพย์นั่งรออยู่ในร้านอาหาร ชะเง้อมองไปทางประตูอย่างร้อนใจ ซักครู่ คุณหญิงสุดสวาทเดินเข้ามาหา สลิลทิพย์รีบลุกขึ้น ยกมือไหว้
“สวัสดีค่ะ คุณหญิง ดิชั้นเสียใจด้วยนะคะ ท่านอัศวินไม่น่าอายุสั้นเลย พอดิชั้นทราบข่าวก็ตกใจแทบสิ้นสติเลยค่ะ”
คุณหญิงไม่อยากพูดถึงสามี รีบตัดบท “ขอบใจ เข้าเรื่องเลยดีกว่า ไหนว่ามีเรื่องนังดารินทร์มาบอกชั้น”
“อ๋อ ค่ะๆ วันนี้ดิชั้นเจอนังนั่น ดิชั้นว่าท่าทางแปลกๆนะคะ ไม่ต่อปากต่อคำกับดิชั้นเลย เหมือนคนมีชนักปักหลัง ทำความผิดอะไรไว้”
คุณหญิงมองสลิลทิพย์ ซึ่งกำลังยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม อย่างครุ่นคิด สีหน้าเจ้าเล่ห์นิดๆ แล้วตีหน้าสงสัยแปลกใจ
“หมายความว่ายังไง”
“จำได้ไม๊คะ ที่ดิชั้นเคยเล่าให้คุณหญิงฟังเรื่องดิชั้นเจอนังดารินทร์ทำท่าแปลกๆ ตอนไปเยี่ยมท่านอัศวิน”
“จำได้ แล้วไง เธอจะบอกชั้นว่า นังนั่น เป็นคนทำให้คุณอัศตาย...หยั่งงั้นเหรอ”
สลิลทิพย์ทำท่าเหมือนไม่อยากพูด “พูดไปก็จะหาว่าปรักปรำ แต่ดูจากหลักฐาน พยานแวดล้อมแล้ว...ดิชั้นว่าเป็นไปได้นะคะ”
คุณหญิงสัพยอก “พูดเหมือนเป็นนักสืบมากกว่าเป็นนักธุรกิจนะ”
สลิลทิพย์หัวเราะร่วน “อุ๊ย ปกติดิชั้นก็ไม่ชอบยุ่งเกี่ยว สืบเสาะ เรื่องใครหรอกค่ะ แต่เรื่องนังดารินทร์นี่ขอไว้คน ไม่ยุ่ง ไม่ได้จริงๆ ค่ะ”
คุณหญิงพยักหน้า “ชั้นเข้าใจ เรามันหัวอกเดียวกัน แต่สามีเธอยังโชคดีกว่า สามีชั้นเยอะ”
สลิลทิพย์ยิ้มแห้งๆ “ค่ะ คุณหญิงมีอะไรจะให้ดิชั้นช่วย ดิชั้นยินดีนะคะ บอกมาได้เลย”
คุณหญิงถอนหายใจ “เราคงเอาผิดนังนั่นด้วยกฎหมายไม่ได้ เพราะไม่มีหลักฐาน แต่ถ้าจะให้สังคมลงโทษก็พอจะมีทาง”
สลิลทิพย์ยิ้ม เข้าใจทันที “คุณหญิงฯคิดว่าเราควรจะกระจายข่าวออกไปใช่ไม๊คะ ได้เลยค่ะ....เรื่องนี้ดิชั้นถนัด”
คุณหญิงมองสลิลทิพย์แล้วยิ้มพอใจ
ที่กองถ่ายละครเล่ห์ร้ายสายสวาทวันนี้ มีการเชิญสื่อเข้ากอง นักข่าวช่างภาพร่วมสิบคนเดินกันขวักไขว่ มีรัตน์คอยต้อนรับดูแลนักข่าวอยู่กับติ๊น่า
“วันนี้มีฉากสำคัญนะคะ เป็นฉากเปิดเผยเรื่องราวของนางเอก อยากให้น้องๆมาทำข่าว และตอนบ่ายเราจะเปิดโอกาสให้สัมภาษณ์นักแสดงของเราแบบไม่อั้น”
นักข่าว 1เปิดฉากถาม “วางแผนลงจอแล้วใช่ไม๊คะ”
“ใช่ค่ะ”
นักข่าว 1 ซัก “ถ่ายไปได้เยอะแล้วเหรอคะ ถ้าละครออกอากาศแล้วจะถ่ายทันเหรอคะแบบนี้งานจะเร่งลวกมั้ยคะ”
ติ๊น่ายิ้มอย่างใจเย็น “ละครอาจจะเร่ง แต่รับรองว่างานไม่ลวกแน่นอนค่ะ”
“เดี๋ยวไปนั่งด้านหลังมอนิเตอร์ดีกว่าค่ะ จะได้ทำสกู้ปเบื้องหลัง เล่ห์ร้าย สายสวาท ไปด้วย เชิญค่ะ”
นักข่าวขยับลุกขึ้น เดินตามรัตน์ไป ติ๊น่ามองตามไปแล้วถอนหายใจเบาๆ อย่างโล่งอก
ตรีอัปสรในบทพัชราพรนั่งพับเพียบอยู่กับพื้นห้องรับแขกบ้านเพชรที่สวมบทฤทธิ์ มีวรัญญานั่งเป็นเพื่อนให้กำลังใจ เพชรยืนอยู่กับอรสินีและภารดี
เสียงทีมงานดังลั่น “นับ 5 4 3 2...”
เพชรเดินมาหยุดยืนตรงหน้าตรีอัปสร พูดเสียงเข้ม เย็นชา
“เล่าความจริงทั้งหมดมาให้ชั้นฟัง”
อรสินีในบททักษิกาสอดทันที “อย่าโกหก เพราะชั้นกับคุณเพชรไม่โง่ เรารู้ทันทุกเรื่อง”
“ถ้ารู้ทันทุกเรื่องก็ไม่เห็นจะต้องถามเลยนี่คะ” วรัญญาขัดขึ้น
ภารดีตวาด “หุบปากเลย อย่ามาปากยื่น ปากยาวแทนเพื่อนแก ประเดี๋ยวจะซวยกันไปหมด”
เพชรตัดบท “พอเถอะครับ....ผมอยากฟังพัชพูดมากกว่า”
อรสินีสอพลอทันที “ใช่ พวกเธอหยุดพูดเถอะ” หันมาทางตรีอัปสร “เอ้า พัช จะเริ่มเล่าได้รึยัง”
ตรีอัปสรเงยหน้าขึ้นมองอรสินี แล้วหันไปมองเพชร น้ำตาคลอ
“พัชเป็นลูกของนายเข้มกับแม่ลำเจียก”
อรสินีกับภารดีร้องขึ้นพร้อมกัน “แม่ลำเจียก” สองสาวมองหน้ากันว่าชื่อเชยสุดๆ
“แล้วยังไงต่อ”
“เราอาศัยอยู่ในสลัมหลังตลาดค่ะ จนกระทั่งพัชอายุ 12 ปี สลัมที่เราอยู่ก็โดนไฟไหม้จนหมด พ่อช่วยแม่กับพัชออกมา ทำให้โดนไฟคลอกตาย ส่วนแม่ก็โดนไฟไหม้ปางตาย มีคนบอกว่า เราโดนเผาไล่ที่เพื่อขยายตลาด”
อรสินีสาระแนอีก “นั่นไง เห็นไม๊ คราวนี้คุณฤทธิ์ก็รู้แล้วใช่ไม๊คะว่าทำไมนังนี่มันถึงได้คิดหาทางแก้แค้นคุณ มันคิดจะฆ่าคุณแม่คุณ แก้แค้นให้พ่อ แม่มัน”
ตรีอัปสรส่ายหน้า “ไม่จริงค่ะ ไม่จริง พัชไม่เคยคิดอะไรน่ากลัว ชั่วร้ายแบบนั้น”
อรสินีเบ้ปากอย่างหมั่นไส้ “อื้อฮื้อ น่ากลัว ชั่วร้าย ทำเป็นดัดจริตพูดภาษานางเอก”
ภารดีแส่เสริม “ใช่ น้ำหน้าอย่างหล่อนนี่ ไม่มีทางได้เผยอ เสนอหน้าเป็นนางเอกหรอก อย่างดีก็แค่นางรองอันดับ 3 อันดับ 4 โน่น”
วรัญญาทำหน้าที่ผู้ช่วยนางเอก “งั้นหล่อนก็ไปต่อแถวอันดับ 10 เลย ไป๊”
ภารดีแว้ดใส่ “นังแก้ว”
“มีอะไรเหรอ...นังโรส” วรัญญาเน้นคำว่า นังโรส ชัดๆ
เพชรทำหน้าเอือมๆ ก่อนจะพูดเสียงเข้ม
“พอเถอะ”
“พอไม่ได้นะคะ ยังไงวันนี้ ฤทธิ์ต้องจัดการเรื่องนังนี่ให้จบ ทักเชื่อว่านังสลัมนี่วางแผนจะฆ่าคุณแม่คุณแน่นอนค่ะ”
เพชรหันไปสบตาตรีอัปสรที่มองมาอย่างเว้าวอน เพชรมองนิ่งนานท่าทีลังเลไม่แน่ใจ
ผู้กำกับสั่ง “คัท”
นักแสดงทุกคนพาตัวเองออกจากบทบาท นักข่าวเดินเข้ามาสัมภาษณ์ ตรีอัปสรและอรสินี ชื่นชมทั้งคู่แสดงดีมาก อินกับบทบาท โดยเฉพาะอรสินีที่มีบุคลิกเรียบร้อย แต่กลับอินกับบทร้ายกาจตลาดแตกของทักษิกา ภารดีมองนักข่าวที่สนใจแต่เพชร อรสินี ตรีอัปสร อย่างหมั่นไส้
วรัญญาเดินเข้ามาทรุดตัวนั่งตรงมุมนั่งรอของนักแสดง ภารดีเดินกระแทกเข้ามานั่งข้างๆ
“นี่ เธอไม่รู้สึก รู้สาอะไรเลยรึไงหะ รัญ”
“เรื่องอะไร”
ภารดีหงุดหงิดมากขึ้น “โอย ไม่เห็นรึไง ลืมตาดูมั่งเหอะ เห็นไม๊ นักข่าว รุมสุมอยู่กับนางเอก นางอิจฉา จนไม่เห็นหัวเราเลย”
วรัญญาเซ็งถอนหายใจ “เดี๋ยวพอพี่ๆ เค้าสัมภาษณ์ตรีกับอรเสร็จ เค้าก็มาสัมภาษณ์เราเองล่ะ”
“ลองชั้นมีเรื่องฉาวซิ รับรอง...พุ่งมาหาชั้นก่อนแน่”
วรัญญาพยักหน้า “อืม...เป็นไปได้ เค้าอาจจะมารุมสัมภาษณ์เป็นข่าวสุดท้าย ก่อนเธอจะดับเพราะข่าวฉาว”
ภารดีค้อนควัก “มีข่าวก็ยิ่งดัง...จะดับได้ยังไง”
“ดังแล้วก็ดับเลยไง เพราะไทยเท็นคงไม่อยากได้นักแสดงฉาวๆมาร่วมงานหรอก”
ภารดีเบ้ปาก “เชอะ ไม่มีทาง” พลางมองไปทางกลุ่มนักข่าว “คอยดูน่ะ..ชั้นจะทำให้พวกนักข่าวหันมาสนใจสัมภาษณ์ชั้นให้ได้”
ภารดีมีสายตามุ่งมั่น วรัญญาส่ายหน้าเอือมๆ
อรสินี ตรีอัปสรและเพชร ยืนอยู่ด้วยกัน มีนักข่าวรุมล้อมสัมภาษณ์อยู่
นักข่าว 1 เปิดประเด็น “ขอถามน้องตรีหน่อยนะคะ บทที่รับนี่...ถือว่าไกลตัวไม๊คะ”
“หมายถึงบทผู้หญิงเรียบร้อยรึเปล่าคะ”
ตรีอัปสรพูดทีเล่นทีจริงเหมือนแหย่เล่น เรียกเสียงหัวเราะของนักข่าวได้พอสมควร
“ไม่ใช่ค่ะ...หมายถึงบทเด็กสลัม มีชีวิตรันทด เก็บกด ประมาณนี้อะค่ะ” นักข่าว 1 ว่า
“ก็...ค่อนข้างไกลตัวค่ะ....แต่ตรีอ่านบทแล้ว ตรีก็พยายามสร้างอินเนอร์จนรู้สึกว่าตัวเองเป็นเนื้อเดียวกับพัชราพรอ่ะค่ะ”
“อ๋อ ค่ะ”
นักข่าว 2 ถามต่อ “สำหรับละครเรื่องแรก ทั้งน้องอร น้องตรี รับบทที่ไกลตัวทั้งคู่เลย พอใจกับผลงานไม๊คะ”
“ก็พอใจในระดับนึงค่ะ แต่จะรู้สึกดีมาก ถ้าผู้ชมพอใจค่ะ”
อรสินียิ้มหวาน
ศรศรี มณีศิลป์ ยืนรายงานอยู่ด้านหลังเป็นบรรยากาศในกองถ่าย
“และอีก 2 อาทิตย์ คุณผู้ชมก็จะได้ชมละครเรื่องแรกของ นางสาว ณ สยามและสาวงามจากเวที นางสาว ณ สยาม กันแล้วนะคะ เรื่องราวเข้มข้นของละคร เล่ห์ร้าย สายสวาท ความรักระหว่าง 2 หญิง 1 ชาย จะสนุกสนาน แซบเว่อร์ ยังไง อดใจรออีกไม่นานค่ะ ตอนนี้เราไปสัมภาษณ์คุณเพชร หนุ่มนักเรียนนอก...พระเอกใหม่แกะกล่องของเรากันค่ะ”
ศรศรีเดินไปสัมภาษณ์เพชร ซึ่งยืนรออยู่
“บทบาทที่แสดงในเรื่องนี้เป็นยังไงบ้างคะ”
“ดีครับ ป็นบทที่น่าสนใจครับ ถึงแม้เรื่องนี้ ผู้หญิงจะมีบทบาทมากกว่าแต่บทคุณฤทธิ์ที่ผมแสดง ก็เป็นตัวแปรสำคัญ ที่ทำให้พัชราพรกับทักษิกาเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงครับ”
“ได้ฟังเรื่องก็ทำให้อยากดูแล้วนะคะ...และเกาะติดละครออนแอร์จะเจาะลึกเรื่องราวในกองถ่ายทั้งเบื้องหน้า เบื้องหลัง มาให้คุณผู้ชมดูแบบไม่ตกข่าวกันเลยค่ะ ศรศรี มณีศิลป์ รายงาน”
เย็นย่ำวันนั้นสลิลทิพย์พูดโทรศัพท์อยู่ที่บ้าน เสียงอ่อน เสียงหวาน
“อย่าไปพูดว่าพี่เป็นคนบอกนะคะ เพราะพี่ก็ฟังมาอีกที แต่เรื่องนี้มีมูลนะคะ รับรองได้ค่ะ เรื่องมีเงื่อนงำแบบนี้ต้องเอาไปลงข่าวนะคะ แล้วเราก็ดูปฏิกิริยาว่าเจ้าตัวออกอาการยังไง”
ระหว่างที่สลิลทิพย์พูด อรสินีเดินเข้ามาในบ้านกับอติรุจ
“ค่ะ...ค่ะ ลงข่าวได้เลย ลงตอนนี้เลย แล้วอย่าลืมปิดแหล่งข่าวนะคะ สวัสดีค่ะ”
สลิลทิพย์วางหูอย่างพอใจ หน้าตาสะใจ พอใจ โดยไม่ทันเห็นว่า ลูกชาย ลูกสาวยืนอยู่
อติรุจส่งเสียงเข้ามา “ลงข่าวอะไรครับคุณแม่”
สลิลทิพย์สะดุ้งตกใจ “อุ๊ย” เหลียวขวับไปมอง “ตารุจ อร แม่ตกใจหมดเลย กลับกันมาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย ไม่ได้ยินเสียงรถเลย แล้วทำไมถึงมาด้วยกันล่ะ รุจไปรับน้องเหรอ”
อติรุจเดินเข้ามานั่ง “ถามเป็นชุดเลยนะครับคุณแม่”
“อรกลับเองค่ะ เจอกันที่หน้าบ้าน”
“อ๋อ” สลิลทิพย์พยักหน้า
“คุณแม่ยังไม่ได้บอกเลยนะครับ ว่าลงข่าวอะไร” อติรุจคาใจ
“เรื่องแค่นี้เดาไม่ออกหรือไงตารุจ ก็น่าจะรู้ ละครลูกสาวแม่กำลังจะออนแอร์ คุณแม่ที่ดีก็ต้องช่วยส่งข่าวเป็นธรรมดา แม่ไปอาบน้ำก่อน เดี๋ยวจะไปงานท่านอัศวิน” สลิลทิพย์ลุกขึ้น “เราสองคนก็ไปแต่งตัวด้วย...เดี๋ยวคุณพ่อกลับมาจะได้ไปพร้อมกัน”
“ค่ะ”
สลิลทิพย์ลุกขึ้นเดินขึ้นบันไดไป อรสินีหันมามองอติรุจ ซึ่งมีสีหน้าครุ่นคิดคาใจอยู่ไม่คลาย
“มีอะไรรึเปล่าคะพี่รุจ”
“ไม่รู้ซิ กะอีแค่ลงข่าวอรเล่นละคร...ทำไมต้องปิดแหล่งข่าวด้วย”
อรสินีหันมามองพี่ชายเห็นด้วย อติรุจส่ายหน้าเพราะไม่รู้เหมือนกัน แต่คาใจและสงสัยมาก
ตรีอัปสรเดินเข้ามาในบ้านตอนค่ำ เห็นดารินทร์นั่งนิ่งเหม่อลอยอยู่เหมือนคิดอะไร ตรีอัปสรพยักหน้าให้ปิ๋มเอาของไปเก็บก่อน แล้วเดินเข้ามาหาดารินทร์
“แม่คะ แม่...แม่คะ”
ดารินทร์หันมามอง “ว่าไง ทำไมวันนี้กลับเร็วล่ะ”
“ตรีควรจะถามแม่มากกว่า...แม่ไม่ได้ไปที่ร้านเหรอคะ”
“ไป แต่กลับมาเร็ว ถึงชั้นจะเครียด เซ็ง เบื่อยังไง ชั้นก็ไม่ทิ้งงานหรอก”
ตรีอัปสรยิ้ม “ค่อยเหมือนแม่คนเดิมของตรีหน่อย”
“ชั้นก็เหมือนเดิม...ไม่มีอะไรเปลี่ยน”
“ถ้าจะให้เหมือนเดิมจริงๆ นะ แม่เลิกเศร้าโศก เสียใจ ผิดหวัง กับผู้ชายอย่างคุณลุงได้แล้ว และก็ช่วยไปหาพ่อ ไปคุยกับพ่อให้จบดีกว่า”
“ชั้นยังไม่มีอารมณ์ไปคุย”
“แม่จะรอให้พ่อไปขอเงินตรีผ่านสื่อหรือจะให้ตรีเป็นคนไปหาพ่อเอง”
ดารินทร์ขยับลุกขึ้น “แกอย่ามาบีบบังคับ กดดันชั้นหน่อยเลย ยายตรี ชั้นพร้อมเมื่อไหร่ ชั้นจะไปหาพ่อแกเอง”
ดารินทร์เดินขึ้นข้างบนไป ตรีอัปสรมองตามแม่ไปอย่างเซ็งๆ
ค่ำนั้นชญานนท์อยู่ในห้องโถง นั่งทำงานอยู่ตรงหน้าโน้ตบุ๊ค สักครู่คุณดิษฐ์เดินเข้ามา
“พ่อนึกว่านนท์ไปงานคุณอัศซะอีก”
“มียายมุกเป็นตัวแทนแล้ว ผมไม่ต้องไปทุกวันก็ได้ครับ”
“นนท์รู้เรื่องคุณอัศรึเปล่า เมื่อกี้พ่ออ่านข่าวมาในรถ”
ชญานนท์ฉงน “ข่าวอะไรครับ”
“ข่าวว่าคุณอัศเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำน่ะซิ อยู่ดีๆ ก็มีข่าวออกมา”
ชญานนท์ยิ่งแปลกใจ “คุณอัศเสียไป 2 วันแล้ว ทำไมข่าวเพิ่งออกมา แปลกนะครับ หรือว่าจะมีคนตั้งใจจะปล่อยข่าว”
“ก็อาจจะเป็นไปได้ หรือไม่ก็อาจจะเพิ่งรู้”
“มีชื่อใครเข้าไปเกี่ยวข้องบ้างไม๊ครับ”
“ก็มี คุณดารินทร์นั่นล่ะ เขียนข่าวให้รู้สึกเหมือนคุณดารินทร์รู้เห็น ไม่ได้กลัวถูกฟ้องกันเลย” คุณดิษฐ์ขยับเดินออก “พ่อไปอาบน้ำก่อน เดี๋ยวกินข้าวด้วยกันนะ นนท์สรุปเรื่องละครให้พ่อฟังด้วย”
“ครับ”
คุณดิษฐ์เดินแยกไป ชญานนท์มองตามสีหน้าครุ่นคิดตริตรอง
บรรยากาศในงานศพนายพลอัศวินเศร้าโศก ตามควร คุณหญิงสุดสวาทดึงแขนสลิลทิพย์เข้ามามุมหนึ่งลับตาผู้คนในวัด คุณหญิงมองสลิลทิพย์อย่างพอใจ
“รวดเร็วถูกใจชั้นจริงๆ คุณสลิล”
สลิลทิพย์ยิ้มปลื้ม “อุ๊ยตาย ขอบพระคุณมากค่ะ คุณหญิง ที่ดิชั้นทำไป ก็เพราะอยากให้โลกรู้ถึงความเลวร้ายกาจของนังดารินทร์น่ะค่ะ”
“ใครอ่านแล้ว ก็ต้องคิดว่า นังดารินทร์มันคือฆาตกร”
สลิลทิพย์แปลกใจ แต่ก็ใส่ดารินทร์เป็นชุด “แล้วทำไมคุณหญิงไม่จับมันล่ะคะ ปล่อยให้ฆาตกรลอยนวลแบบนี้จะดีเหรอคะ นังดารินทาร์นี่มันก็อกตัญญูจริงๆนะคะ ท่านอัศวินดีกับมันสารพัด มันยังฆ่าท่านได้ มันเลวจริงๆ ผู้หญิงที่ฆ่าได้แม้กระทั่งผัวตัวเองนี่มันไม่น่าเกิดเป็นคนเลย”
“เอาล่ะ พอแล้ว เรายังไม่มีหลักฐาน ชั้นก็แค่สงสัย ด่าพอประมาณน่ะคุณสลิล ชั้นว่ากลับเข้าไปในงานเถอะ....เดี๋ยวเค้าจะสงสัยกันว่าเราหายไปไหน”
“ค่ะ”
คุณหญิงกับสลิลทิพย์เดินกลับเข้าไปในศาลา ตีหน้าโศกา อาดูรกันไป
ปีกมงกุฎ ตอนที่ 14 (ต่อ)
เช้าวันนี้ ตรีอัปสรนั่งเปิดแท็บเลตเช็คดูข่าวทั่วๆ ไปในเว็บดัง อยู่ตรงชิงช้าบริเวณเทอเรสหลังบ้าน ปิ๋มเอากาแฟมาวางใกล้ๆ
“ปิ๋มไปจัดของก่อนนะคะ”
ตรีอัปสรพยักหน้าแล้วก้มอ่านต่อ ซักครู่ก็ต้องชะงักเมื่อเจอข่าวหนึ่ง ตรีอัปสรสีหน้าเครียดขึ้น สีหน้าจริงจัง ก้มลงอ่านอีกครั้ง เป็นรูปเงามืดผู้หญิงมีรูปอัศวินอยู่ในเงาดำของผู้หญิง พร้อมพาดหัวว่า “ใจ
หายกับข่าวของท่านอัศวิน และยิ่งตกใจมากขึ้นเพราะการจากไปของท่านที่มีเงื่อนงำ อยากรู้ต้องไปถามดี
ไซเนอร์ชื่อดัง” ตรีอัปสรอ่านเสียงเบาๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นด้วยความแค้น
“นังคุณหญิง”
ตรีอัปสรขยับลุกขึ้นเป็นจังหวะที่ดารินทร์เดินเข้ามาในห้องอาหารพอดี หน้าตาดารินทร์ดูสดชื่นขึ้น ชุดที่ใส่ยังเป็นโทนขาวดำไว้ทุกข์
“ตื่นแต่เช้าเลยน่ะ ยายตรี”
ตรีอัปสรไม่ตอบ ใบหน้าเครียดเคร่ง ดารินทร์มองอย่างแปลกใจ
“เป็นอะไร มีอะไรรึเปล่า”
“มีซิคะ มีมากด้วย”
“เรื่องอะไร”
มุกตาภารู้เรื่องข่าวซุบซิบแล้ว หล่อนหันมาทางบิดาและพี่ชาย ซึ่งนั่งทานมื้อเช้าด้วยกันอยู่ในห้องทานอาหาร
“เรื่องดีไซเนอร์ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของคุณลุงน่ะเหรอคะ”
“ใช่ คุณหญิงกับนายนะ พูดอะไรกับลูกบ้างรึเปล่า”
มุกตาภาส่ายหน้า “เปล่าค่ะ”
“ถ้าคนที่เสียหายยังเฉยๆ ไม่พูดอะไร ผมว่างานนี้น่าจะออกข่าวดิสเครดิตคุณดารินทร์มากกว่า” ชญานนท์ว่า
มุกตาภาเบ้ปากอย่างชิงชังรังเกียจ “ยายดารินทร์ไม่ได้มีชื่อเสียงดีๆ ให้ใครต้องมาทำลายหรอกค่ะ พี่นนท์ ขึ้นชื่อว่าเมียน้อย มันก็แย่ตั้งแต่เริ่มแล้ว มุกว่า ยายนั่นมันต้องทำให้คุณลุงตายอย่างที่มีข่าวออกมาแน่ๆ”
คุณดิษฐ์กับชญานนท์มองหน้ากัน คล้ายไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่มุกตาภาพูด ชญานนท์เตือนสติน้อง
“เวลาเสพข่าวอะไร ให้มีสติด้วยนะมุก เรื่องฆ่ากันตาย นี่มันเรื่องใหญ่ ถ้าเป็นจริง คุณหญิงสุดสวาทกับนายนะ คงไม่ปล่อยให้ผ่านไปง่ายๆ หรอก ต้องมีการชันสูตรศพ หาสาเหตุการตายไปแล้ว”
คุณดิษฐ์เห็นด้วย “ใช่ ข่าวที่ออกมา พ่อว่า ตั้งใจจะหาเรื่องสร้างกระแส แล้วที่สำคัญถ้าไม่จริง...มีเรื่องแน่”
มุกตาภาชะงัก สีหน้าฉงนฉงาย “เรื่องอะไรคะ”
จริงดังที่คุณดิษฐ์คาดการ ตรีอัปสรเอาจริง ยื่นคำขาดกับมารดาว่า “ฟ้องมันเลยค่ะ แม่”
“ฟ้องใคร ฟ้องสื่อน่ะเหรอ”
“ต้องฟ้องคนที่ให้ข่าวค่ะ” ตรีอัปสรบอกเสียงเข้ม
“ตลกแล้วยายตรี ใครเค้าจะบอกแกว่าแหล่งข่าวเค้าเป็นใคร อีกอย่าง ถ้าเราฟ้อง ก็หมายความว่าเราร้อนตัว ตราบใดที่ยังไม่มีชื่อชั้นออกสื่อว่าเป็นคนทำให้คุณอัศตาย ชั้นก็จะอยู่ของชั้นเงียบๆ”
“แต่ตรีไม่ยอมเงียบหรอกค่ะ ตรีรู้ว่างานนี้ นังแส่สวาทมันต้องจับมือกับนังสลิลแน่นอน นัง 2 คนนี่มันแค้นฝังหุ่นแม่ทั้งคู่”
ดารินทร์ไม่อยากให้ยุ่งยาก “ช่างมันเถอะ ตรี ถ้าเรานิ่ง เดี๋ยวเรื่องก็เงียบ แต่ถ้าแกไปโวยวาย เรื่องมันก็ไม่จบซะที”
“ตรีไม่โวยวายออกสื่อหรอกค่ะ แต่ตรีต้องปรามให้มันสงบบ้าง”
นัยน์ตาตรีอัปสรวาววับ ท่าทางเอาจริงเอาจัง
มุกตาภาอิ่มแล้วขยับลุกขึ้น “วันนี้มุกขอลางานนะคะ จะเอาตัวอย่างของชำร่วยแจกวันเผาคุณลุงไปให้คุณหญิงแม่เลือก”
คุณดิษฐ์แปลกใจ “พ่อคิดว่าคุณหญิงจะเก็บคุณอัศไว้ก่อนซะอีก”
“คุณนะ อยากเก็บไว้ซัก 100 วันค่ะ แต่คุณหญิงแม่บอกว่าอยากให้จบเรียบร้อยไปเลย”
คุณดิษฐ์พยักหน้ารับรู้ “อืม...ก็คิดกันไปคนละแบบ หรือไง นนท์”
ประโยคท้ายคุณดิษฐ์หันไปทางชญานนท์ซึ่งยังนั่งนิ่งเหมือนคิดอะไรอยู่ ไม่ได้ฟัง
“นนท์...นนท์” ชญานนท์รู้สึกตัวหันไปมองบิดา “คิดอะไรอยู่”
“คิดถึงเรื่องละครน่ะครับ ผมไม่อยากให้มีข่าวเสียหายออกมาตัดหน้าละครของเรา”
“กลัวว่าคนจะโยงเรื่องคุณดารินทร์มาที่ตรีอัปสรน่ะเหรอ”
“ครับ”
“ถ้ามันเป็นเรื่องจริง ก็ต้องยอมรับความจริงค่ะ พี่นนท์ คนสวย คนมีความสามารถ ประวัติดี ขาว สะอาด ยังมีให้เราเอามาปั้นอีกเยอะค่ะ มุกไปนะคะ”
มุกตาภาทิ้งทุ่นแล้วลุกเดินแยกไป คุณดิษฐ์มองตามลูกสาวแล้วหันมาทางชญานนท์
“ใจเย็นๆ ค่อยๆคิด คนฉลาดจะต้องเอาวิกฤติ มาทำเป็นโอกาสให้ได้”
“ครับพ่อ”
คุณดิษฐ์ลุกเดินออกไป ทิ้งชญานนท์ที่ครุ่นคิดอยู่เพียงลำพัง
คุณหญิงสุดสวาทนั่งดื่มกาแฟอยู่ริมสระน้ำกับณาเดชย์ ซักครู่ เด็กรับใช้เดินเข้ามา
“คุณหญิงคะ มีแขกมาขอพบค่ะ”
คุณหญิงแปลกใจ “ใคร”
เสียงตรีอัปสรดังเข้ามา “ชั้นเองค่ะ”
สองแม่ลูกหันไปมอง เห็นตรีอัปสรเดินสง่างามมาในชุดสีสดใสตัดกับชุดดำขาวของคุณหญิงและลูกชาย
ณเดชย์ยิ้มออกมาอย่างดีใจ “ตรี”
ตรีอัปสรยิ้มหวานให้ณเดชย์ จงใจยั่วคุณหญิงสุดสวาท และทักตอบณเดชย์เสียงอ่อนหวาน
“สวัสดีค่ะ คุณนะ”
“ตรีมาหาผมเหรอครับ”
“เปล่าค่ะ”
ตรีอัปสรคลายยิ้มหวานลง หันมาทางคุณหญิง ทำหน้าไว้ตัว พูดเสียงเรียบๆ
“ตรีมาหาคุณหญิงสุดสวาท”
คุณหญิงสุดสวาทมองตรีอัปสรอย่างไม่พอใจเช่นกัน
สองคนอยู่ด้วยกันในอีกมุม ตรีอัปสรหมุนตัวมามองคุณหญิงอย่างเอาเรื่อง
“ชั้นคิดว่าเราพูดกันรู้เรื่อง เข้าใจแล้วซะอีก เพิ่งรู้ว่าคุณหญิงเป็นคนเข้าใจอะไรยาก”
คุณหญิงตั้งรับ “เธอพูดเรื่องอะไร ชั้นไม่รู้เรื่อง”
ตรีอัปสรเดินเข้ามาใกล้ๆ “คุณหญิงไปปล่อยข่าวให้แม่ชั้นเสียหาย ให้คนอื่นเข้าใจแม่ชั้นผิด ชั้นเคยเตือนแล้วใช่ไม๊ว่าอย่ามายุ่งกับแม่ของชั้น”
คุณหญิงสุดสวาทมองมาอย่างดูถูก “ใครจะไปอยากยุ่งกับผู้หญิงอย่างแม่เธอ ชั้น...ต่ำ”
คุณหญิงลากเสียงคำว่า ชั้น ยาวๆ ก่อนจะลงท้ายด้วยต่ำ ตรีอัปสรโกรธจัด แต่พยายามเก็บอาการ เก็บอารมณ์ ตอบกลับอย่างช้าๆ
“ชั้นต่ำ แต่จิตใจสูง น่าดีกว่าคนที่ทำตัวชั้นสูง แต่จิตใจต่ำ การกระทำต่ำน่ะ ชั้นขอพูดเป็นครั้งสุดท้าย ว่าถ้ายังยัดเยียดความผิดหรือปล่อยข่าวให้คนเข้าใจผิดแม่ชั้นอีกล่ะก้อ ชั้นก็จะปล่อยข่าวเหมือนกัน”
คุณหญิงเชิดหน้าไม่ยี่หระ “แกมีข่าวอะไรของชั้นไปปล่อยมิทราบ”
“คุณหญิงลองเปรียบเทียบดูนะคะ ว่าระหว่างป้าแก่ๆ ที่หลงเด็กหนุ่มจนโงหัวไม่ขึ้น กับเมียน้อยที่ได้รับการเลี้ยงดูอย่างดี ใครน่าจะมีแรงจูงใจในการฆ่าผัวที่เป็นก้างขวางคอ หอกข้างแคร่มากกว่ากัน”
ตรีอัปสรเดินนวยนาดออกไปเลย คุณหญิงมองตามไปอย่างแค้นใจ
หลังจัดการคุณหญิงสุดสวาทเสร็จ ตรีอัปสรเดินออกมาที่รถ ณเดชย์ยืนดักรออยู่ เขาพุ่งเข้าไปหา สีหน้าเป็นห่วง
“ตรี มีเรื่องอะไรกับคุณแม่เหรอคะ”
ตรีอัปสรเยื้อนยิ้ม “มีค่ะ แต่ตรีเคลียร์กับคุณหญิงแล้ว...คิดว่าน่าจะจบ”
“เรื่องอะไร...บอกผมได้ไม๊”
“เรื่องของผู้หญิงน่ะค่ะ....ตรีกลับก่อนนะคะ...มีคิวถ่ายละคร”
ณเดชย์ขยับเข้าไปจับแขนตรีอัปสรรั้งไว้ “เดี๋ยวซิคะ ตรี”
เสียงมุกตาภาดังเข้ามา “คุณนะ คะ”
ตรีอัปสรยิ้มนิดๆ จับมือณเดชย์ที่จับแขนตัวเองไว้ แล้วหันมามอง เห็นคู่ปรับเดินมา มุกตาภาหุบยิ้มทันทีเมื่อเห็นภาพตรงหน้า ประหลาดใจมาก
“ตรีอัปสร มาทำอะไรที่นี่”
“ตรีขอไม่ตอบนะคะ เพราะไม่เกี่ยวกับเรื่องงาน” ตรีอัปสรหันไปมองทางณเดชย์ ยิ้มหวาน พูดเสียงอ้อนๆ “ตรีกลับก่อนนะคะ...คุณนะ แล้วเจอกันค่ะ”
มุกตาภาเห็นท่าทางหวานใส่กันของสองคน ก็ของขึ้นจนลืมตัว ขยับจะเข้ามาเอาเรื่องแต่ คุณหญิงสุดสวาทเข้ามาขัดเสียก่อน
“หนูมุก”
มุกตาภาชะงักไป ผ่อนลมหายใจพยายามระงับความโกรธ ก่อนจะหันไปปั้นยิ้มหวานให้คุณหญิง
“คุณหญิงแม่ สวัสดีค่ะ”
“บายค่ะ คุณนะ ไปนะคะ คุณมุก”
ตรีอัปสรเดินหน้าเชิดระเหิดระหงออกไป มุกตาภา ณเดชย์ และคุณหญิงสุดสวาท มองตามไปด้วยอารมณ์ต่างกัน
ครู่ต่อมา ณเดชย์เดินไปหยิบกระเป๋าเอกสาร มุกตาภาตามไปติดๆ อดที่จะเหน็บแนมไม่ได้
“สนิทสนมกันเหลือเกินนะคะ คุณนะ”
“ใคร ผมกับตรีน่ะเหรอ ก็คนรู้จักกัน”
“รู้จักกันขั้นไหนคะ ถึงได้มาหาที่บ้านได้”
“ตรีไม่ได้มาหาผม”
มุกตาภาไม่เชื่อ “ไม่ได้มาหาคุณนะ แล้วมาหาใครคะ”
ณเดชย์ตัดรำคาญ “อยากรู้มุกก็ไปถามคุณแม่เอาเอง ผมไปทำงานล่ะ มีนัดลูกค้า ไม่อยากให้เค้ารอ”
ณเดชย์เดินออกไปเลย มุกตาภามองตามไปอย่างโกรธแค้น คำรามในลำคอเบาๆ
“นังตรีอัปสร”
มุกตาภาหายใจลึกๆ พยายามสงบอารมณ์ ก่อนจะเดินไปด้านใน
คุณหญิงสุดสวาทนั่งอยู่ มุกตาภาทรุดตัวลงนั่งข้างๆ
“ตรีอัปสรมาหาคุณแม่ทำไมเหรอคะ อืม ขอประทานโทษนะคะที่มุกถาม คือ ตรีอัปสรเป็นคนของไทยเท็นน่ะค่ะ มุกเกรงว่ายายนั่นจะมาทำอะไรให้คุณแม่ไม่สบายใจ”
“ไม่มีอะไรหรอกจ๊ะ หนูมุก ยายนั่นมาพูดเรื่องดารินทร์”
“เรื่องข่าวที่ยายดารินทร์เกี่ยวข้องกับการตายของคุณลุงรึเปล่าคะ”
คุณหญิงแสร้งตกใจ “ห๊ะ หนูมุกก็รู้เรื่องเหรอลูก”
“มุกเห็นข่าวลงในเน็ตลงน่ะค่ะ เมื่อเช้าก็คุยกับคุณพ่อและก็พี่นนท์ แล้วเรื่องมันเป็นยังไงคะ คุณหญิงแม่”
“ก็พูดกันไป แม่ไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้เลย พูดแล้วก็ใจหายอดคิดถึงคุณอัศไม่ได้” คุณหญิงน้ำตาซึม
“ค่ะ มุกเข้าใจค่ะ ตอนแรกมุกคิดว่ามาหาคุณนะซะอีก คุณแม่ทราบใช่ไม๊คะว่าคุณนะกับยายนั่น....สนิทกัน”
คุณหญิงพูดด้วยน้ำเสียงดูถูกชิงชัง “แม่รู้ แต่มุกอย่าไปกังวลกับผู้หญิงริมทางแบบนั้นเลย ยังไง ตานะก็รู้ว่า ผู้หญิงที่เหมาะสมกับเค้าที่สุดก็คือมุก”
มุกตาภาปลื้มใจ ก้มลงกราบคุณหญิงอย่างชดช้อย “มุกกราบขอบพระคุณ คุณหญิงแม่นะคะที่เอ็นดูมุก”
“รอให้ผ่านงานของคุณพ่อไปซักพักก่อน แม่จะหาฤกษ์แต่งงานให้ลูกสองคน ตานะเป็นฝั่งเป็นฝาเมื่อไหร่ แม่ก็สบายใจ”
มุกตาภามองคุณหญิงยิ้มอย่างพอใจ “ค่ะ”
“ไหน หนูมุกเอาของชำร่วยมาให้แม่ดูซิ ลูก”
“ค่ะ”
มุกตาภากระตือรือร้น ขยับลุกขึ้นไปหยิบถุงตัวอย่างมา คุณหญิงมองตามไปแล้วผ่อนลมหายใจเบาๆ ท่าทีโล่งอก
ฝ่ายอรสินีเดินมากับสลิลทิพย์ในไทยเท็น
“ตอนเย็นจะให้แม่มารับที่นี่หรือว่าที่กองถ่าย”
“ไม่ต้องมารับก็ได้ค่ะ อรให้รถตู้กองถ่ายไปส่งได้ คุณแม่จะได้ทำงานไม่ต้องกังวล”
อรสินียกมือไหว้แล้วขยับจะเดินเข้าไป
“ตามใจ แม่ไปนะ มีประชุมด้วย”
“ค่ะ”
อรสินีเดินไปทางที่รถตู้จอดซึ่งอยู่ห่างออกไป สลิลทิพย์มองตามไปแล้วหมุนตัวจะเดินกลับไปทางเก่า พอเดินไปได้ 2-3 ก้าว ก็ชะงัก เมื่อเห็นตรีอัปสรเดินเข้ามา สลิลทิพย์เชิดหน้าทันที
“กำลังอยากเจอคุณป้าพอดีเชียว”
“แต่ชั้นไม่เคยอยากเจอเธอเลยซักนิด”
สลิลทิพย์ขยับจะเดินแยกไป แต่ตรีอัปสรยืนขวางไว้
“เดี๋ยวซิ จะรีบหนีไปไหน คุยกันให้รู้เรื่องก่อน”
“ชั้นไม่ได้หนี แล้วชั้นก็ไม่มีอะไรจะคุย”
“แต่ชั้นมี”
ตรีอัปสรยืนขวาง มองสลิลทิพย์อย่างเอาเรื่อง
“ตอนนี้มีข่าวเรื่องการตายของคุณลุงอัศวิน แล้วก็มีแม่ชั้นเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย ถึงจะไม่บอกชื่อ แต่ใครอ่านก็ต้องรู้ว่าหมายถึงใคร”
สลิลทิพย์ยิ้มหยัน “แล้วมาบอกชั้นทำไม ไม่ได้เกี่ยวกับชั้นเลย”
ตรีอัปสรเบ้ปากใส่ “เพิ่งรู้ว่าพวกป้าๆ นี่ โกหกคล่องปากจริงๆ ชั้นจะบอกให้นะไอ้เรื่องถาม
คนที่ให้ข่าวสื่อเอาไปเขียน มันตามไม่ยากหรอก เอาเป็นว่าครั้งนี้ชั้นจะให้อภัย แต่ถ้ามีข่าวแบบนี้ออกมาอีก” นางสาว ณ สยาม ขยับเข้าไปใกล้ๆ “เจอดีแน่....มนุษย์ป้า”
ตรีอัปสรเดินหนีไปเลย สลิลทิพย์แทบเต้น แค้นจนแทบกระอัก
ปีกมงกุฎ ตอนที่ 14 (ต่อ)
ในขณะที่ชญานนท์เปิดประตูห้องประชุมเข้ามา แล้วต้องชะงักนิดๆ เมื่อเห็นนั่งอยู่ในนั้น
“อ้าว มุก พี่นึกว่าอยู่กับคุณหญิงทั้งวันซะอีก”
“ตอนแรกก็คิดแบบนั้นค่ะ แต่เห็นว่าไม่มีอะไรมาก ก็เลยมาทำงานดีกว่า”
ชญานนท์มองหน้ามุกตาภาอย่างจับกิริยา “มีอะไรรึเปล่า”
มุกตาภาถอนหายใจพูดทีเล่นทีจริง “มุกขยันทำงาน ก็สงสัย มุกไม่ทำงาน ก็บ่นว่าขี้เกียจ เอาใจไม่ถูกแล้วนะคะ พี่นนท์”
ชญานนท์หัวเราะขัน “ถ้าขยันจริงๆก็แล้วไป”
“วันนี้พี่นนท์ไปกองถ่ายรึเปล่าคะ”
“มีอะไรรึเปล่า มุกจะไปเหรอ”
มุกตาภาส่ายหน้า “ไม่อ่ะค่ะ....มุกมีงานต้องทำหลายอย่าง”
“พี่ก็คงไม่ไป มีนัดคุยกับลูกค้า สปอนเซอร์ละคร”
“ค่ะ งั้นเราแยกย้ายกันทำงานดีกว่าค่ะ”
“โอเค”
ชญานนท์เดินออกไป พอประตูปิดลง มุกตาภายิ้มร้ายออกมา
ที่กองละคร ติ๊น่าซึ่งนั่งอยู่หน้ามอนิเตอร์กับมีนผู้กำกับ และทีมงาน ขยับลุกขึ้น
“พักทานข้าว 1 ชั่วโมงค่ะ”
ทีมงานขยับลุกขึ้นแยกย้ายสลายโต๋ เห็นอรสินี ตรีอัปสร ภารดี วรัญญา เพชร และวุฒิซึ่งเข้าฉากด้วยกัน แยกย้ายออกจากฉาก เพชรเดินยิ้มเข้าไปหาอรสินี
“อร หิวไม๊”
“ก็นิดหน่อย”
ภารดีแทรกแซวขึ้นมาทันที “แหม...อยู่กันตั้งหลายคน ถามอยู่คนเดียวนะ”
เพชรยิ้ม “ถามทุกคนก็ได้ หิวกันไม๊ครับ”
ตรีอัปสรอมยิ้มให้แต่ไม่ตอบ เดินแยกไปอีกด้าน วรัญญามองตามไปแล้วหันไปทางอรสินี
“วันนี้ตรีดูแปลกๆน่ะ อรว่าไม๊”
“คล้อยหลังไม่ถึง 10 ก้าว ก็เม้าท์ตามหลังเค้าเลยนะยะ ชั้นจะบอกให้น่ะ ยายตรีอัปสรเนี่ย มันแปลกเป็นปกติอยู่แล้ว..ไม่เห็นจะต้องตื่นเต้น”
ภารดีพูดแดกดันจบก็เดินแยกไป วรัญญามองตามภารดีไป
“ตรีแปลก แต่ชั้นว่ายายหนูดีนี่ ประหลาด”
อรสินีอดยิ้มขำไม่ได้ “ไปทานข้าวเหอะ....อรหิวแล้ว”
“ไปครับ”
เพชรเดินไปกับอรสินี และ วรัญญา ส่วนวุฒิ มองตามแล้วมองไปรอบๆ ว่ามีใครสนใจมั่งหรือเปล่า ก่อนจะเดินแยกไปอีกทาง
วุฒิเดินเข้ามาตรงมุมลับตา มุกตาภายืนหันหลังรออยู่ ซักครู่ มุกตาภาหันมาหาวุฒิ
“มุกอยากเจอตรีอัปสร เจอแบบส่วนตัว ไม่ให้ใครรู้ว่ามุกมา จัดให้ได้ไม๊”
“ได้ครับ”
มุกตาภากำชับ “อย่าให้ใครสงสัย จับได้ว่าวุฒิช่วยมุกอยู่ เข้าใจไม๊”
“ไม่มีปัญหาครับ”
“ขอบใจมาก ไม่เสียแรงที่มุกดันให้วุฒิเข้ามาเล่นละครจริงๆ มุกจะไปรอทางด้านโน้น อย่าให้รอนานนะ”
วุฒิยิ้มนิดๆ พยักหน้ารับ แล้วเดินแยกไป มุกตาภามองตามไปอย่างสมใจ
ไม่นานต่อมา ตรีอัปสรเดินเข้ามามุมหนึ่ง แล้วหันไปทางวุฒิ ที่เดินตามหลังมา
“ไหนล่ะแฟนคลับ ไม่เห็นมีใครเลย”
“รอแป๊บนะ เดี๋ยวผมไปดูให้”
วุฒิเดินออกไปเลย ตรีอัปสรมองตามวุฒิไปด้วยความสงสัย
เสียงมุกตาภาดังเข้ามา “ตรีอัปสร”
ตรีอัปสรหันขวับมาดู เห็นมุกตาภายืนอยู่ ตรีอัปสรนิ่งคิดรู้ทันทีว่าอะไรเป็นอะไร เหยียดยิ้มแล้วว่า
“เพิ่งรู้ว่าคุณมุกเป็นแฟนคลับของตรี”
“ชั้นต้องการคุยกับเธอตามลำพัง”
“เรื่องอะไรมิทราบคะ แต่ดูท่าทางแล้วคงไม่พ้นเรื่องผู้ชาย”
มุกตาภาโกรธจัด “ใช่ ผู้ชายที่เป็นคู่หมั้นชั้น”
“ชั้นรู้แล้วค่ะ มีอะไรก็ว่ามาเลย”
“เธอนี่มัน หนังหนา หน้าด้านจริงๆ ทั้งโดนด่า โดนตบ โดนของหนัก ของมีคมสารพัด ยังทำอะไรเธอไม่ได้เลย”
ตรีอัปสรมองนิ่ง ประติดประต่อเรื่องราว “คนที่หึงหน้ามืดตามัวนี่ ทำได้ทุกอย่างจริงๆ”
“มากกว่านี้ชั้นก็ทำได้ ถ้าเธอยังมายุ่งกับคุณนะ ชั้นขอเตือนไว้เลยน่ะ อยู่ห่างๆคุณนะไว้ นี่เป็นการเตือนครั้งสุดท้าย ถ้าชั้นยังเห็นเธอเข้าใกล้คู่หมั้นชั้นอีก ชั้นเอาเธอตายแน่”
มุกตาภาขู่เอาจริง หน้าตาน่ากลัว ก่อนจะหมุนตัวเดินออกไป
“ชั้นว่าเธอน่าจะไปบอกคุณนะมากกว่านะ”
มุกตาภาชะงักหันมามองตรีอัปสรอีกครั้ง
ตรีอัปสรมองสบตาอย่างท้าทาย “บอกคุณนะ ว่าให้อยู่ห่างๆ ชั้นไว้ดีกว่า เพื่อความปลอดภัย โอเคไม๊”
ตรีอัปสรยิ้มเยาะๆแล้วเดินแยกไป มุกตาภามองตามไปอย่างแค้นใจ
“แกเละแน่นังตรีอัปสร แกเจอดีแน่”
นัยน์ตามุกตาภาวาวโรจน์
ดารินทร์เดินเข้ามาในบ้าน เห็นปิ๋มนั่งดูคิวเตรียมบทอยู่
“อ้าว ปิ๋ม ทำไมวันนี้กลับมาเร็ว คุณตรีล่ะ”
“คุณตรีไปธุระค่ะ แต่ไม่ได้บอกว่าไปไหน”
“แล้วทำไมแกไม่ถาม คุณตรีเป็นนางเอกละคร จะออนแอร์อยู่แล้วไปไหนมาไหนคนเดียว มันไม่ดี ควรจะมีคนติดตามไว้ซักคน”
“หนูขอไปด้วยแล้วค่ะ แต่คุณตรีบอกว่าไม่ต้อง”
มีเสียงรถดังอยู่หน้าบ้าน ดารินทร์หันไปมอง แล้วหันมาทางปิ๋ม
“ไปดูซิ ใครมา คุณตรีรึเปล่า”
“ค่ะ”
ปิ๋มเดินออกไป ดารินทร์เดินไปนั่งที่ห้องรับแขก ท่าทีเหนื่อยล้า
“เดี๋ยวค่ะ เดี๋ยวค่ะ คุณ”
ดารินทร์เหลียวไปมองอย่างสงสัย เมื่อได้ยินเสียงปิ๋มร้องเอะอะ เป็นคุณหญิงสุดสวาทเดินฉับๆ เข้ามาโดยไม่ถอดรองเท้า ในมือถือถุงชุดที่ดารินทร์ลืมไว้ที่โรงพยาบาล โดยมีปิ๋มตามหลังมาหน้าตื่น คุณหญิงโยนถุงใส่หน้าดารินทร์ ชนิดไม่ทันตั้งตัว
“เอาของเธอคืนไป”
ดารินทร์ผงะเมื่อถุงโดนขว้างใส่หน้า ปิ๋มตกใจถลาเข้าไปหา
“คุณผู้หญิงคะ”
ดารินทร์หันมาสั่งปิ๋ม “แกไปทำงานเถอะ ปิ๋ม”
ปิ๋มเป็นห่วง “แต่ว่า”
ดารินทร์พยักหน้า “ไม่เป็นไร....แกไปเถอะ”
“ค่ะ”
ปิ๋มเดินไป แต่ก็ยังมองดารินทร์อย่างเป็นกังวลกับท่าทีคุณหญิงสุดสวาทที่เอาเรื่องเต็มที่
“ของที่เธอลืมไว้ที่โรงพยาบาลวันที่คุณอัศตาย”
ดารินทร์มองคุณหญิงสุดสวาทนิ่ง คุณหญิงมองซ้าย มองขวา หาตรีอัปสร
“นังลูกสาวไม่อยู่ล่ะซิ ถ้างั้นก็ช่วยอบรมสั่งสอนลูกสาวของหล่อนด้วยนะ ว่าอย่าไปเกะกะระรานเพ่นพ่านที่บ้านชั้นอีก เพราะถ้าชั้นโมโหขึ้นมา พวกเธอจะลำบาก”
“คุณหญิงคิดว่าจะทำให้ชั้นลำบากได้ฝ่ายเดียวเหรอคะ”
“อย่าเผยอมาคิดสู้กับชั้น เธอไม่มีวันสู้ชั้นได้ จำไว้ ชั้นจะให้เวลาเธอ 10 วัน ขนเสื้อผ้า ข้าวของออกไปให้หมด ชั้นจะเอาร้านชั้นคืน”
ดารินทร์ตกใจมาก “อะไรนะ”
คุณหญิงสุดสวาทยิ้มเยาะ “ได้ยินชัดแล้วนี่ คุณอัศตายแล้ว ห้างนั้นเป็นสิทธิ์โดยชอบธรรมของชั้น ภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย ชั้นจะเอาของๆ ชั้นคืน” สุดสวาทมองไปรอบๆ บ้าน “ความจริง บ้านหลังใหญ่ดีนี่ คุณอัศคงจ่ายไปเยอะล่ะซิ”
ดารินทร์เสียงแข็ง “บ้านหลังนี้เป็นชื่อชั้น”
“ก็ดี อย่างน้อยก็ยังมีที่ซุกหัวนอน เก็บไว้เป็นสร้างภาพสำหรับจับผู้ชายคนใหม่ เค้าจะได้ไม่ระแวงว่ามีแต่ตัว” คุณหญิงนึกขึ้นได้ “อ้อ...แล้วยังมีเงินอีก 10 ล้าน ที่รีดผัวชั้นไปนิ งพอใช้ไปพลางๆระหว่างหาที่เกาะใหม่น่ะ”
ดารินทร์โกรธ “คุณหญิง”
“หลังจากนี้ 10 วัน ถ้าเธอยังไม่ขนข้าวของออกไปจากห้างชั้นล่ะก้อชั้นจะให้คนไปขนทิ้งขยะให้หมด” คุณหญิงสุดสวาทเดินเข้าไปใกล้ๆ ประจันหน้ากับดารินทร์ ก่อนจะพูดช้าๆ เหี้ยมเกรียม “อย่าคิดจะมีเรื่องกับชั้น ถ้ายังอยากจะหายใจ”
สุดสวาทพูดจบก็เดินออกไป ส่วนดารินทร์ทรุดตัวลงนั่งอย่างหมดแรง
อ่านต่อตอนที่ 15