xs
xsm
sm
md
lg

ปีกมงกุฎ ตอนที่ 10

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ปีกมงกุฎ ตอนที่ 10

ชญานนท์นั่งรออยู่ในห้องรับแขกบ้านอรสินี หน่อยเอาน้ำเข้ามาเสิร์ฟ แล้วออกไป สลิลทิพย์เดินออกมาจากด้านใน ชญานนท์ลุกขึ้นยกมือไหว้ทักทาย

“สวัสดีครับ”
สลิลทิพย์ยังมีท่าทางหมางเมิน รับไหว้อย่างไว้เชิง ไม่วายเสียดสีตามประสา
“นึกว่าจำทางมาบ้านนี้ไม่ได้แล้วซะอีก”
ชญานนท์ยิ้มบางๆ อย่างใจเย็น “ผมมาบ้านหลังนี้ตั้งแต่เด็กจนโต นะครับ คุณน้า อย่าว่าแต่ทางมาบ้านหลังนี้เลยครับ รายละเอียดทุกอย่างในบ้านหลังนี้...ผมก็จำได้”
ชญานนท์อธิบายด้วยเสียงอ่อนโยน ง้อ ขอโทษผู้ใหญ่ สลิลทิพย์อดค้อนเล็กๆอย่างหมั่นไส้ไม่ได้
“ก็ไม่แน่ ของแบบนี้ บทจะลืมก็ลืมกันได้ ต่อให้อยู่มาตั้งแต่เกิดก็เถอะ”
“รับรองว่าไม่ใช่ผมแน่นอนครับ วันนี้ผมตั้งใจจะมาขอบพระคุณคุณน้าด้วยครับ ที่ยังให้น้องอรไปถ่ายละครให้ไทยเท็น”
“ใจจริงน้าก็อยากจะฉีกสัญญาอย่างที่พูดไว้นั่นละ แต่ติดที่ว่า เรารู้จักกันมานาน น้าก็ไม่อยากจะทำอะไรให้เสียน้ำใจคุณดิษฐ์”
“บทที่น้องอรแสดง ถึงจะไม่ใช่นางเอก แต่ก็เป็นตัวเอกที่มีบทบาทสำคัญนะครับ”
สลิลทิพย์ยิ้มเยาะ “โลกคงแซ่ซ้อง สรรเสริญ ชื่นชมหรอกนะ ที่นนท์เป็นผู้ชายแสนดีที่ส่งบทตัวร้ายให้แฟนตัวเองแสดง ทั้งๆที่มีสิทธิ์จะวางตัวเป็นนางเอกก็ได้”
ชญานนท์ถอนหายใจ “เราต้องสร้างกระแสครับ คุณน้า สร้างความน่าสนใจให้ผู้ชมเห็นความสามารถของนางสาว ณ สยาม ทุกคน”
สลิลทิพย์ตัดบท “เอาเถอะ น้าไม่ใช่คนที่เข้าใจอะไรยาก ยังไงยายอรก็แสดงละครให้ไทยเท็นแน่นอน สบายใจได้”
“ขอบพระคุณมากครับ”
ชญานนท์พยายามยิ้มอย่างจริงใจที่สุดให้สลิลทิพย์ สลิลทิพย์ยังไว้ท่าอยู่เล็กๆ

หลายวันต่อมา ภารดีเดินเข้ามาหาตรีอัปสรอย่างช้าๆ
“ชั้นเบื่อหน้าซื่อๆ ใสๆ ทำเป็นไร้เดียงสา โนเนะ ของเธอเต็มทีแล้ว ทุเรศคลื่นไส้...จะอาเจียน”
“จะไปเสียเวลาด่ามันให้เปลืองน้ำลายทำไม แบบนี้มันต้องตบสั่งสอน”
อรสินีพูดจบก็ตบหน้าตรีอัปสรทันที แต่ท่าตบทั้งเบา ดูยั้งๆ ไม่กล้า เหมือนกลัวจะโดนตรีอัปสรจริง แต่ตรีอัปสรรับการตบได้เนียนมาก
เสียงมีนผู้กำกับ ร้องขึ้น “คัท...คัท”
ที่แท้เป็นเหตุการณ์ในกองถ่ายละคร เล่ห์ร้ายสายสวาท ที่ติ๊นาผู้จัด ตัดสินใจเปิดกล้องถ่ายทำ ก่อนจะทำพิธีบวงสรวง มีนลุกขึ้นเดินไปหา 4 นางงาม
“อร...ต้องเล่นให้แรงกว่านี้นะ ต้องคิดไว้ว่า เราเป็นคนเจ้าอารมณ์ มีปมในใจ ที่ทนเห็นผู้หญิงคนนี้ดีไปกว่าเราไม่ได้
มีนชี้ไปที่ตรีอัปสร ซึ่งยืนยิ้มเหมือนให้กำลังใจอรสินีอยู่ มีวรัญญาอยู่ข้างๆ
“ค่ะ”
มีนบอก “ค่ะ...อย่างเดียวไม่ได้ ต้องรู้สึกแบบที่บอกด้วย คุณต้องเชื่อในตัวละครตัวนี้ เป็นตัวละครตัวนี้ เป็นทักษิกา”
ติ๊น่ามองอยู่ สุดท้ายเดินเข้ามาหา “วันนี้เป็นวันแรก คิดซะว่า เปิดกล้อง ถ่ายเบาๆ ไปก่อนแล้วกันนะ มีน ส่งฉากหนักๆ ไป...น้องๆ จะรับไม่ไหว”
มีนพยักหน้า “โอเค ครับ”
“เที่ยงแล้ว พี่ว่าพักทานข้าวก่อนดีกว่า นะ” ติ๊นาหันไปบอกทีมงานทุกคน “เอ้า....พักทานข้าว 1 ชั่วโมง”
ทีมงานทุกคนขานรับ “โอเคค่ะ” / “โอเคครับ”
ตรีอัปสรมองอรสินีก่อนจะเดินไปจับมืออรสินีอย่างเห็นใจ “ใจเย็นๆ ค่อยๆปรับไปนะคะ คุณอร”
อรสินีเครียด “มันยากจริงๆ นะ ตรี”
“ลองสู้ดูซักตั้งก่อนนะคะ ถ้าไม่ไหวจริงๆ แล้วค่อยถอนตัวดีกว่า”
ตรีอัปสรยิ้มให้กำลังใจอรสินี เหมือนบริสุทธิ์ใจ ขณะที่อรสินียิ้มรับแห้งๆ

วรัญญาทรุดตัวลงนั่งตรงข้ามอรสินีที่เขี่ยข้าวในจานไปมา สองสาวนั่งอยู่อีกมุมในกองถ่าย
“อย่าเพิ่งถอดใจนะ...อร” วรัญญามองอรสินี “อรต้องสู้นะ”
อรสินียิ้มนิดๆ “อรเริ่มไม่แน่ใจแล้วละ บทมันค่อนข้างยากแล้วก็ไกลตัว”
“ก็มองในแง่ดีซิ ได้ทำอะไรที่ชีวิตนี้เราไม่มีวันทำเด็ดขาด ร้ายกาจ ด่าทอ ตบตี” วรัญญาหัวเราะขำออกมา “พูดแล้วก็อดขำไม่ได้ รัญอยากรู้จริงๆ ว่าใครเป็นคนวางตัวละคร”

อีกฟากหนึ่ง รัตน์เดินมาตามทางเดินในช่องไทยเท็น พลางร้องเรียก
“คุณนนท์คะ”
ชญานนท์หันมามอง รัตน์เดินเร็วรี่เข้าไปหา
“คุณนนท์จะไปกองถ่ายรึเปล่าคะ”
ชญานนท์พยักหน้า “ใช่ คุณรัตน์จะไปด้วยกันไม๊ครับ”
“ก็ดีค่ะ”
“แต่ผมไม่กลับเข้ามาที่ช่องแล้วนะครับ”
รัตน์ยิ้ม “ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวดิชั้นหาทางกลับมาเอง”
“วันนี้นักแสดงเข้าฉากครบไม๊ครับ”
“ไม่ครบค่ะ ในคิวถ่ายมีแต่สาวๆ หนุ่มๆยังไม่เข้าฉากค่ะ”

ชญานนท์แอบผ่อนลมหายใจเบาๆ อย่างโล่งอก สีหน้าดูสบายใจขึ้น

ที่กองถ่ายละคร เล่ห์ร้ายสายสวาท สองสาวนั่งอยู่อีกมุมในกองถ่าย ภารดีกับกัลยาณีนั่งท่องบทอยู่ กัลยาณีมองไปอีกด้านแล้วสะกิดภารดีให้หันไปมอง สองสาวเห็นเพชรเดินไปหาอรสินี ท่าทางของทั้งคู่สนิทสนมกันจนเห็นได้ชัด
 
ภารดีหันมาเม้าท์กับกัลยาณี
“ชั้นว่างานนี้ มีรักข้ามสายพันธุ์แน่”
กัลยาณีงง “ข้ามสายพันธุ์ยังไง”
“ก็พระเอกกับนางร้าย มันคนละสายพันธุ์กันนะยะ วันนี้ไม่มีถ่าย แต่มากองถ่ายแบบนี้ มีเหตุผลเดียวเลย คือ ติดหญิง”
กัลยาณียิ้มนิดๆ “ขออวยพรให้ข้ามสายพันธุ์สำเร็จเป็นแฟนกันเลยเถอะ คุณนนท์จะได้มองมาทางชั้นมั่ง”
คราวนี้ภารดีหันขวับมามองกัลยาณีอย่างหมั่นไส้
“เพ้อเจ้อไปแล้วหล่อน คุณนนท์เค้าไม่ตาต่ำมองข้ามชั้นไปเลือกหล่อนหรอกย่ะ อ่านบทได้แล้ว มัวแต่เม้าท์อยู่นั่น”
ภารดีสะบัดหน้า หันไปอ่านบท กัลยาณีมองอย่างหมั่นไส้ ก่อนเมินไปทางอื่น

ชญานนท์เดินเข้ามากับรัตน์ บรรดาทีมงานยกมือไหว้ ติ๊นาเดินเข้ามาหา
“สวัสดีค่ะ คุณนนท์”
“สวัสดีครับ เป็นยังไงบ้างครับ วันแรก เรียบร้อยดีไม๊ครับ”
“ดีค่ะ เรียบร้อยทุกอย่าง”
ขาดคำติ๊น่า ก็มีเสียงกรี๊ดร้อง ตามด้วยเสียงโหวกเหวกโวยวาย ดังขึ้น ชญานนท์ รัตน์ และติ๊น่าหันไปมองตามเสียง ติ๊น่าตกใจสุดขีด
“ตายจริง”
ติ๊น่าวิ่งเข้าไป ชญานนท์กับรัตน์ตามไปติดๆ

เวลานั้นช่างไฟยกขาไฟ 2 K และแผ่นกรองแสงที่ติดกับขาไฟล้มอยู่ขึ้นมา เห็นเพชรกอดอรสินีเหมือนไฟล้มแล้วเพชรเอาตัวกันไว้ไม่ให้โดนอรสินี
“ตายแล้ว ตายๆๆๆ” ติ๊นาอุทานด้วยความตกใจ
ตรีอัปสรแทรกเข้ามาดู เพชรที่ยังกอดอรสินีอยู่ ตรีอัปสรเข้าไปช่วย มีวรัญญาอยู่อีกด้าน
ตรีอัปสรบอก “ยังไม่ตายค่ะ คุณติ๊น่า”
“พี่ติ๊ อุทานค่ะ ตกใจแล้วต้องอุทาน
ชญานนท์มองเพชรที่ประคองอรสินีขึ้นมาอย่างหึงๆ แต่ต้องเก็บอาการทำอะไรไม่ได้ ตรีอัปสรปรายตามองชญานนท์อย่างรู้ทันนิดๆ
“อร...เป็นยังไงมั่ง...เจ็บตรงไหนรึเปล่า” ตรีอัปสรถาม
“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่เป็นไร”
ตรีอัปสรบอก “เดินไหวไม๊ ให้คุณเพชรอุ้มไปนั่งด้านโน้นดีกว่านะ”
“อรเดินได้จ๊ะตรี แค่ตกใจ”
หัวหน้าทีมช่างไฟวิ่งมาหน้าตาตื่น ยกมือไหว้ปลกๆ “ขอโทษนะครับ คุณอร”
“ไม่เป็นไร”
เพชรประคองอรสินีเดินไปหาที่นั่ง ผ่านชญานนท์ รัตน์ ติ๊น่า และ มีนที่เข้ามาสมทบ ได้ยินเสียงหัวหน้าไฟถามลูกน้องว่า ทำไมไฟถึงล้มลงไปได้ทั้งๆ ที่ไม่มีลม ไม่มีใครไปโดน
ชญานนท์หันไปมองติ๊น่าและมีน ผู้จัด กับ ผู้กำกับ ยิ้มแห้งๆ

มองออกไป เห็นเพชรคอยดูแลอรสินีอยู่ไกล ชญานนท์ทรุดตัวลงนั่ง สีหน้าค่อนข้างเคร่งเครียด
“เท่าที่ผมทราบ ปกติจะเปิดกล้องละคร ก็ต้องมีบวงสรวงก่อนไม่ใช่เหรอครับ”
ติ๊น่าหันไปมองมีน แล้วหันมาทางชญานนท์
“ใช่ค่ะ”
“แล้วทำไม คุณติ๊น่าไม่บวงสรวงล่ะครับ ละครที่ทำเรื่องที่ผ่านๆ มาบวงสรวงไม๊ครับ”
“ก็...บวงสรวงค่ะ”
“คือ...คุณติ๊น่าจะบวงสรวงค่ะ แต่คุณมุกเธอเห็นว่า ไม่สำคัญ ไม่จำเป็น” รัตน์ตัดสินใจบอกเอง
ชญานนท์อึ้ง ขมวดคิ้ว “ยายมุกน่ะเหรอ”
“ค่ะ” รัตน์พยักหน้า
“พี่ติ๊น่าก็ปรึกษากับคุณรัตน์กับมีนนะคะ แต่คิดว่าทางไทยเท็นคงไม่ถือก็เลยไม่อยากท้วงคุณมุกค่ะ”
ชญานนท์ถอนหายใจ “เรื่องแบบนี้ เค้าทำกันเป็นประเพณี ไม่ใช่เรื่องโบราณคร่ำครึ ผมต้องขอโทษแทนยายมุกด้วยนะครับ”
ติ๊น่าบอก “ไม่เป็นไรค่ะ”
รัตน์หันไปถามติ๊นา “เราจะบวงสรวงย้อนหลังได้ไม๊คะ คุณติ๊น่า”
“ได้ค่ะ...ไม่มีปัญหา”
ชญานนท์มองไปทางกลุ่มนางงามที่นั่งกันอยู่ไกลๆ แล้วขยับลุกขึ้น
“ถ้างั้นก็จัดการเลย ผมขอตัวก่อนนะครับ”
ติ๊น่าเรียกไว้ “พี่ติ๊น่า ขอปรึกษาเรื่องละครอีกนิดนะคะ”
“ครับ”
ชญานนท์นั่งลงใหม่แต่ใจลอยไปอยู่ที่อรสินีแล้ว

ด้าน โอ ธุรกิจกองถ่าย เดินมาหากลุ่มนางงาม ที่นั่งรวมกันอยู่ อรสินีอยู่กับเพชรและตรีอัปสร วรัญญา ภารดีนั่งอยู่กับกัลยาณี
“วันนี้เลิกแค่นี้นะคะ กลับบ้านกันได้เลย”
“ยังเหลืออีก 3 ฉาก ไม่ใช่เหรอคะ” ภารดีทักท้วง
“พี่ติ๊น่ากับพี่มีน บอกให้ยกกองค่ะ น้องๆ ทุกคนกลับไปอ่านบทให้ดีนะคะ คิวต่อไป อาจารย์ดรีมจะมีดูแลโค้ชแอคติ้งให้ด้วยนะคะ และ พรุ่งนี้พี่นัด 9 โมงนะคะ เราจะทำพิธีบวงสรวง”
กัลยาณีตาโต “ดีค่ะ ณีอยากกินกล้วย กินไข่ ของบวงสรวง เห็นในข่าวบันเทิง พวกนักแสดงเค้าชอบกิน”
โอยิ้มขำ “เอาเถอะ ตามสบาย คืนนี้พี่จะส่งใบนัด แผนที่ไปทางไลน์กรุ๊ปนะคะ”
โอพูดจบก็เดินไป อรสินีขยับลุกขึ้น เพชรลุกขึ้นตาม
“อร เอารถมารึเปล่าครับ”
“เปล่าค่ะ....เดี๋ยวอรโทร.ให้คุณแม่มารับ”
“ผมไปส่งให้ดีกว่า ไม่ต้องโทร.บอกคุณแม่หรอก”
อรสินีลังเล “ไม่เป็นไรค่ะ เสียเวลาเพชรเปล่าๆ”
“ผมเต็มใจ ไปเถอะครับ”
อรสินียิ้มแล้วขยับลุกขึ้น หันมาทางเพื่อนๆ นางงาม
“อรกลับก่อนนะ”
วรัญญายิ้มตอบ “ไปเถอะ จะได้ไปพักผ่อน”
“ใช่...วันนี้เจอเรื่องตื่นเต้นมาเยอะแล้ว” ตรีอัปสรว่า
ภารดีกับกัลยาณีมองอรสินีอย่างหมั่นไส้เล็กๆ
“แล้วก็ดูบทฝึกแอคติ้งให้ดีนะ อร คิวหน้าอาจารย์ดรีมมาด้วย"
อรสินียิ้มแล้วพยักหน้าก่อนจะเดินไป

ตรีอัปสรมองตามแล้วยิ้มนิดๆ สีหน้าหมายมาดมีเลศนัย

ชญานนท์ลุกขึ้น ทุกคนที่นั่งอยู่ลุกขึ้นตาม

“ขอบคุณมากค่ะ” ติ๊นาบอก
ชญานนท์พยักหน้าแล้วเดินแยกไป ตรีอัปสรเดินมาจากทางที่ชญานนท์จะเดินไปพอดี หล่อนยิ้มให้แล้วบอก
“ถ้าจะไปหาคุณอร คงไม่ทันแล้วล่ะค่ะ”
ชญานนท์เลิกคิ้ว “ไปโรงพยาบาลรึเปล่าครับ”
ตรีอัปสรยิ้มนิดๆ “คุณอรไม่ได้เป็นอะไร จะไปโรงพยาบาลทำไมล่ะคะ”
ชญานนท์มีสีหน้าโล่งอกเล็กน้อย ตรีอัปสรจับทุกอาการของชญานนท์ได้ จึงพูดต่อ
“เพชรไปส่งที่บ้านค่ะ”
ชญานนท์นิ่งไปนาน และเก็บอาการจนดูไม่ออก “อ๋อ...ครับ”
ตรีอัปสรมองชญานนท์อย่างพิจารณา “แต่คนที่จะไปโรงพยาบาลคือตรีค่ะ”
“คุณไม่สบายเหรอ”
“เปล่าค่ะ ตรีจะไปเยี่ยมคุณลุงอัศวิน ไปด้วยกันไม๊คะ”
“ผมเพิ่งไปเยี่ยมมา”
“อ๋อ ค่ะ งั้นตรีไปนะคะ”
ตรีอัปสรหมุนตัวจะออกเดินไป ชญานนท์ยืนอยู่ข้างหลังมองตาม สุดท้ายเรียกขึ้น
“ตรี”
ตรีอัปสรหยุดเดิน หันไปมอง

คุณหมอเจ้าของไข้ กำลังตรวจอาการของนายพลอัศวิน มีพยาบาลช่วยอยู่ข้างๆ สีหน้าหมอไม่ค่อยสบายใจ ณเดชย์ยืนอยู่กับมุกตาภา ซักครู่ หมอเดินมาหาณเดชย์ พยาบาลยังดูแลพลิกตัวให้นายพลอัศวินอยู่ หมอขยับเดินออกมาห่างจากเตียง ณเดชย์และมุกตาภาตามมาติดๆ
“อาการไม่ดีขึ้นเลยครับ ตอนนี้ต้องระวังไม่ให้ความดันสูง ต้องป้องกันไม่ให้เส้นเลือดในสมองแตก”
ณเดชย์ถามทันที “แล้วจะผ่าตัดเมื่อไหร่ครับ”
“ก็ต้องรอให้ท่านอาการดีขึ้นกว่านี้ก่อนครับ ผมขอตัวก่อนนะครับ”
คุณหมอพูดจบก็เดินออกไป ณเดชย์หันไปมองพ่อที่กำลังถูกพลิกตามที่พยาบาลจับ มุกตาภามองณเดชย์อย่างเห็นใจ จับมือไว้เป็นเชิงให้กำลังใจ
“คุณนะ ต้องเข้มแข็งนะคะ ต้องเชื่อมั่นว่าคุณลุงจะต้องหาย”
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ณเดชย์กับมุกตาภาหันไปมอง ประตูเปิดออกเป็นตรีอัปสรที่เดินนำเข้ามาก่อน มุกตาภาหน้าตึงขึ้นมาทันที ส่วนณเดชย์ดีใจมาก
“ตรี”
ณเดชย์สีหน้าสดชื่น ขยับเดินเข้าไปหา แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นชญานนท์เดินตามเข้ามา
ณเดชย์ทัก “อ้าว...นนท์”
มุกตาภามีสีหน้าผ่อนคลายขึ้นจากที่หน้าตึงเมื่อซักครู่
“มาพร้อมกันเลย” ณเดชย์แปลกใจ
ชญานนท์เอ่ยขึ้น “ไม่ได้มาพร้อมกัน แต่มาด้วยกัน”
สีหน้าณเดชย์แวบแรก ฉายแววความไม่พอใจวูบหนึ่ง แต่ก็พยายามเก็บอาการ ตรีอัปสรหันไปมองชญานนท์ ไม่คิดว่าเขาจะพูดแบบนั้นออกมา
ณเดชย์ถามขึ้นว่า “แล้วอรล่ะ ทำไมไม่ชวนมาด้วย”
ตรีอัปสรบอกแทน “คุณอรกลับบ้านไปก่อนแล้วค่ะ พอดีคุณนนท์แวะไปกองถ่าย ตรีบอกว่าจะมาเยี่ยมคุณลุง คุณนนท์ก็เลยมาด้วย”
“คุณลุงเป็นยังไงบ้าง”
มุกตาภาเดินเข้ามาหาและตอบคำถามพี่ชาย “ไม่ค่อยดีเลยค่ะ พี่นนท์ หมอบอกว่าอาการทรุดลงไปอีก จะผ่าตัดก็ยังไม่ได้ ต้องรอให้แข็งแรงกว่านี้”
ตรีอัปสรหมุนตัวไปทางเตียงคนไข้ สวนกับพยาบาลที่พลิกตัวนายพลอัศวินเสร็จแล้วเดินออกไป หากมีใครสังเกตจะเห็นว่าตรีอัปสรยิ้มหวานแต่ดูโหดเหี้ยมร้ายการให้กับนายพลอัศวินที่มองมาพอดี ตรีอัปสรเดินมาหา เอื้อมมือไปจับมือท่านนายพล ถามเบาๆ
“รู้สึกไม๊คะ ว่าตรีจับมือคุณลุงอยู่” มือตรีอัปสรที่จับมือเปลี่ยนเป็นจิกเล็บกับมือนายอัศวินแล้วยิ้มในสีหน้าพูดต่อเบาๆ “ตอนนี้กำลังจิกค่ะ...จะจับ จะจิก ก็ไม่รู้สึกแบบนี้ แนะนำว่าตายดีกว่าค่ะ”
เสียงณเดชย์ขัดจังหวะเสียก่อน “ตรี”
ตรีอัปสรค่อยๆ คลายมือจากการจิก ยืดตัวขึ้น หันไปมองณเดชย์ที่เดินเข้ามาใกล้ๆ ณเดชย์ไม่เห็นว่าตรีอัปสรจิกมือพ่อ แต่คิดว่าจับมือถามไถ่เฉยๆ
“คุณพ่อ ได้ยินแต่โต้ตอบไม่ได้...
“ค่ะ” ตรีอัปสรหันมามองณเดชย์ “ตรีสงสารท่านจับใจ”
ตรีอัปสรหันกลับไปมองที่เตียง แล้วหันมามองณเดชย์ น้ำตาคลอ ชญานนท์เดินเข้ามายืนข้างตรีอัปสร นายพลอัศวินมองณเดชย์เหมือนอยากจะพูดอะไร แต่พูดไม่ได้ แล้วเปลี่ยนไปมองตรีอัปสร แววตาเปลี่ยนไปเป็นรังเกียจ ชิงชัง และหวาดกลัวเล็กๆ
“หายเร็วๆนะคะ คุณลุง” ตรีอัปสรตอแหล
ตรีอัปสรยืนตีหน้าเศร้าเคียงณเดชย์

มุกตาภามองมาเบ้ปากอย่างหมั่นไส้

ฝ่ายสลิลทิพย์รู้เรื่องอุบัติเหตุ และเห็นสภาพลูกสาว ก็มีท่าทางตกใจขยับเข้าไปหา อรสินีซึ่งนั่งอยู่

“ตายจริง แล้วเป็นอะไรรึเปล่า ลูก มีแผลตรงไหนไม๊”
อรสินียิ้ม “ไม่มีค่ะ เพชรช่วยกันไว้ให้”
สลิลทิพย์หันมาทางเพชร “ขอบใจมากนะจ๊ะ นี่ถ้าแม่อยู่ด้วย แม่ต้องตกใจ ทำอะไรไม่ถูกแน่ๆ”
“ผมก็คิดอะไรไม่ทันเหมือนกันครับ จะคว้าก็ไม่ทัน ก็เลยเอาตัวเข้ากัน” เพชรว่า
“แล้วเจ็บตรงไหนบ้างรึเปล่า”
“ไม่ครับ”
“ถ้าไม่รีบไปไหน อยู่ทานข้าวด้วยกันก่อนซิ” สลิลทิพย์แสดงความมีน้ำใจ
เพชรยิ้มยกมือไหว้ “ขอบคุณครับ”
สลิลทิพย์มองอย่างเอ็นดู “ขอบคุณน่ะ อยู่ทานได้รึเปล่า”
เพชรยิ้มกว้าง “ได้ครับ”
“ดีจ้ะ เดี๋ยวแม่ขอตัวไปดูในครัวก่อนนะจ๊ะ ว่ามีอะไรเลี้ยงแขกมั่ง”
“ครับ”
สลิลทิพย์ขยับลุกขึ้น แล้วหันมาทางอรสินี พยักหน้าเหมือนเรียก ก่อนจะหันมาทางเพชร
“แม่ขอตัวยายอรแป๊บนะ”
“ตามสบายครับ”
อรสินีเดินไปกับสลิลทิพย์ ห่างออกจากห้องโถงมาหน่อย
“แล้วตานนท์ล่ะ ไปไหน ทำไมไม่มาส่งอร”
“พี่นนท์ คงทำงานอยู่น่ะค่ะคุณแม่ ช่วงนี้พี่นนท์งานเยอะค่ะ”
สลิลทิพย์พยักหน้ารับรู้ “อย่าให้พี่นนท์เข้าใจผิดเรื่องนายเพชรนี่แล้วกัน”
อรสินีมองสลิลทิพย์แล้วยิ้มนิดๆ ไม่ตอบ

ประตูห้องพิเศษในโรงพยาบาลเปิดออก ตรีอัปสรเดินออกมากับชญานนท์ โดยมีณเดชย์กับมุกตาภาเดินตามมา
“เข้าไปอยู่กับคุณลุงอัศวินเถอะค่ะ”
ณเดชย์พยักหน้า “ขอบคุณมากนะครับ คุณนนท์ ขอบใจนะ ตรี”
“แล้วตรีจะแวะมาอีกนะคะ”
มุกตาภาค่อนแขวะ “งานล้นมือจะมีเวลามาเหรอ”
ตรีอัปสรประฝีปาก “หมายถึง ถ้าว่างน่ะค่ะ ไปนะคะ”
ชญานนท์มองมุกตาภาเป็นเชิงปราม ก้มหัวให้ณเดชย์ แล้วเดินตามตรีอัปสรไป ณเดชย์มองตามอย่างหึงนิดๆ หวงหน่อยๆ มุกตาภาดึงแขนณเดชย์กลับเข้าห้องไป

ตรีอัปสรเดินนำชญานนท์มา จังหวะหนึ่งตรีอัปสรหันมาทางชญานนท์
“คุณนนท์ ไม่ต้องไปส่งตรีก็ได้ค่ะ ตรีกลับเองได้”
“ผมพาคุณมา...ผมก็ต้องไปส่งคุณ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ มันไม่ใช่กฎ กติกานี่คะ...ว่ารับมาแล้วก็ต้องไปส่ง”
ตรีอัปสรพูดทีเล่นทีจริง ขำๆ ชญานนท์มองตรีอัปสรแล้วก็อดจะต่อปากต่อคำไม่ได้
“แต่มันเป็นมารยาทที่ดี ที่ควรทำน่ะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ตรีไม่ถือ...ถ้าจะต้องรักษามารยาท แล้วฝืนใจ”
ชญานนท์แย้ง “ใครบอกว่าฝืนใจ”
ทั้งคู่หยุดยืนรอลิฟท์อยู่ด้วย ตรีอัปสรหันมามองชญานนท์ พูดจริงจังขึ้นอย่างจริงใจ
“ตรีไม่อยากให้คุณนนท์ต้องลำบาก”
“ผมไม่ทำสิ่งที่ผมฝืนใจ หรือลำบาก”
ตรีอัปสรสบตากับชญานนท์ แล้วค่อยๆ ยิ้มออกใส ชญานนท์ยิ้มตอบ ประตูลิฟท์เปิดทั้งคู่เดินเข้าไป

สองคนไม่รู้ว่า มุกตาภามองมาจากหน้าห้องพิเศษของนายพลอัศวิน ขยับตัวออกมามองตามทั้งคู่ไป ด้วยสีหน้ากังวลเล็กๆ

อ่านต่อหน้า 2

ปีกมงกุฎ ตอนที่ 10 (ต่อ)

เย็นจวนค่ำ รถของชญานนท์แล่นมาจอดหน้าบ้านตรีอัปสร

ตรีอัปสรหันไปมอง “ตรีขออนุญาตเลี้ยงอาหารเย็น เป็นการตอบแทนได้ไม๊คะ”
“ไม่เป็นไร ผมไม่ได้ทำเพราะหวังอะไรตอบแทน”
ตรีอัปสรมองชญานนท์แล้วก็หัวเราะขำ ชญานนท์มองอย่างแปลกใจ
“ขำอะไร ผมพูดอะไรตลกเหรอ”
“ไม่ตลกค่ะ แต่แปลกจนอดขำไม่ได้”
“แปลกยังไง”
ตรีอัปสรพูดยิ้มๆ “ตรีว่าเดี๋ยวนี้คุณนนท์เปลี่ยนไป แปลกไป คุณนนท์ผู้เงียบขรึมกลายเป็นคุณนนท์ที่ต่อปากต่อคำ ช่างพูด ไปตั้งแต่เมื่อไหร่คะเนี่ย”
“ตั้งแต่เริ่มคุ้นเคยกับ นางสาว ณ สยาม มั้ง”
ตรีอัปสรมองชญานนท์แล้วยิ้มนิดๆ ท่าทีเขินอาย ก่อนจะขยับลงโดยลืมถอดเข็มขัด ชญานนท์ขยับมาปลดเข็มขัดให้ ใบหน้าทั้ง 2 คนยิ่งใกล้กันแค่คืบ

ตรีอัปสรเดินเข้าบ้านมาช้าๆ สีหน้าอิ่มเอมใจ ดารินทร์เดินลงบันไดมา มองลูกสาวอย่างพิจารณา
“ซื้อรถสปอร์ตมาราคาเป็นล้านๆ แต่ไม่ขับ แล้วจะซื้อมาทำไมห๊ะ ยายตรี”
“แค่ช่วงนี้ 2-3 วันเองแม่ก็”
“คุณนนท์มารับมาส่งแกแบบนี้ ยายอรสินีรู้รึเปล่า”
“จะรู้หรือไม่รู้ ก็ไม่เกี่ยวกับตรีนี่ ตรีกับคุณนนท์ไม่ได้มีอะไรกันซะหน่อย”
“ลำพังตัวลูก ไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าตัวแม่รู้ล่ะก้อ ชั้นว่านังสลิลทิพย์มันแล่นมาฉีกอกแกแน่”
ตรีอัปสรยิ้มนิดๆ ไม่แคร์แล้วเปลี่ยนเรื่องพูด “เมื่อกี้ตรีไปดู คุณลุงอัศวินมา อาการทรุด น่าจะไม่รอดน่ะแม่”
ดารินทร์ถอนหายใจ “ดี เรื่องจะได้จบ”
ตรีอัปสรมองดารินทร์อย่างซาบซึ้ง ก่อนจะเข้าไปกอดแม่ ดารินทร์ตัวแข็งชั่วครู่ก่อนจะค่อยๆ อ่อนลง
“ตรีรู้แล้วว่าแม่รักตรีมากกว่าคุณลุงอัศวิน”
“ชั้นรักแกมากกว่าใคร ยายตรี แกจำไว้”
ตรีอัปสรตื้นตันจนน้ำตาคลอ ดารินทร์กอดปลอบตรีอัปสร

10.2

คืนเดียวกันที่บ้านสลิลทิพย์ เพชรเดินออกมาพร้อมกับอรสินี
“ขอบคุณมากนะครับ อร วันนี้ผมมีความสุขที่สุดเลย”
อรสินียิ้ม “อรต้องเป็นฝ่ายขอบคุณเพชรมากกว่านะคะ...ที่ช่วยอร”
“มากกว่านี้...ผมก็ทำให้อรได้”
อรสินีสบตาเพชรนิ่ง ก่อนจะหลบสายตา หวานฉ่ำของเพชรอย่างเขินอาย
“แล้วพบกันที่กองถ่ายนะคะ”
เพชรมองอย่างเอ็นดู “ครับ”

เพชรเดินลับตัวไปแล้ว อรสินีมองตามแล้วหมุนตัวเดินเข้าบ้านไป จนถึงห้องรับแขกอีกห้องของบ้าน อรสินีเดินเข้าไปนั่ง
เสียงเรียกของชญานนท์ดังขึ้น “น้องอร”
อรสินีหันขวับไปทันที ยิ้มอย่างดีใจ
“พี่นนท์”
ชญานนท์เดินเข้ามาหา อรสินีรู้สึกว่าออกอาการดีใจมากไป จึงลดรอยยิ้มลง ชญานนท์จับมืออรสินี
“พี่เป็นห่วงน้องอรใจจะขาด”
“แต่กว่าจะมาหาอรก็ค่ำ งานเยอะเหรอคะ”
“พี่ตั้งใจจะรับอรกลับบ้านด้วยซ้ำ แต่โดนนายเพชรตัดหน้า”
“แล้วพี่นนท์ไปอยู่ที่ไหนล่ะคะ ถึงปล่อยให้เพชรตัดหน้าได้”
ชญานนท์มองอรสินีแล้วก็อดหัวเราะไม่ได้ อรสินีมองชญานนท์อย่างแปลกใจ
“ขำอะไรคะ”
“มีคนบอกว่าพี่เปลี่ยนไป ต่อปากต่อคำเก่งขึ้น แต่พี่ว่าน้องอรเปลี่ยนมากกว่าพี่”
“ใครบอกคะ”
ชญานนท์ทำท่าเฉไฉไม่สนใจ “ไม่รู้ซิ พี่จำไม่ได้แล้ว ขอกาแฟแก้วนึงได้ไม๊คะ”
“ได้ค่ะ”

อรสินีลุกเดินแยกไปทางครัว ชญานนท์มองตามไป สีหน้าดูออกว่าเป็นกังวลนิดๆ

ยามเช้าอันแสนสดชื่น ทว่าในบ้านนายพลอัศวิน พบว่าคุณหญิงสุดสวาท ซึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารกำลังและพูดโทรศัพท์อยู่ หน้าตาเครียด อารมณ์ขุ่นมัวเป็นที่สุด

“อะไรนะ...ตรวจดูดีแล้วใช่ไม๊ ชั้นอยากให้คุณตรวจดูทรัพย์สินทั้งหมด แล้วรายงานชั้นด่วน”
คุณหญิงค่อยๆวางโทรศัพท์ลง สีหน้าหงุดหงิดมากๆ เด็กรับใช้ถือถาดใส่แก้วกาแฟเข้ามา
“คุณนะ ตื่นรึยัง”
“คุณนะ ออกไปแล้วค่ะ”
“ไปเตรียมรถ ชั้นจะออกไปข้างนอก”
เด็กรับใช้เดินออกไป สวนกับแมนที่เดินเข้ามา พลางยกมือไหว้
“แมน มาพอดีเลย พี่กำลังจะออกไปข้างนอก ขับรถให้พี่ด้วย”
“ได้ครับ พี่จะไปไหนครับ”
คุณหญิงฯไม่ตอบ

ตอนสายๆ วันนั้นเอง เห็นคุณหญิงสุดสวาทเดินหน้าตั้ง มาดมั่นมาตามทางเดินในห้าง โดยมีแมนเดินตามมาไม่ห่าง คุณหญิงเดินหน้าเชิดไม่มองซ้ายแลขวา
เสียงคุ้นหูของสลิลทิพย์ร้องเรียกมาจากทางหนึ่ง “คุณหญิงคะ คุณหญิง”
คุณหญิงหยุดเดินหันไปมองเห็นสลิลทิพย์ยิ้มอยู่ คุณหญิงยิ้มตอบ สลิลทิพย์เดินเข้ามายกมือไหว้
“สวัสดีค่ะ คุณหญิง”
คุณหญิงรับไหว้ “สวัสดีค่ะ”
แมนรู้ตัว ขยับยืนห่างออกไปนิด สลิลทิพย์หันไปมองแมน แล้วหันมาทางคุณหญิง
“ต้องขอประทานโทษนะคะ ดิชั้นยังไม่ได้ไปเยี่ยมท่านอัศวินเลย อืม..คุณหญิงมาชอปปิ้งเหรอคะ”
“เปล่าค่ะ ดิชั้นจะไปหานังดารินทร์”
“อุ๊ยตาย ขอประทานโทษนะคะ มีอะไรรึเปล่าคะ หรือว่าท่านอัศวิน”
“อย่าเดาเลยค่ะ คุณสลิล”
คุณหญิงพูดจบก็ขยับเดินต่อ แต่ไปได้ 2 ก้าว ก็หันมาทางสลิลทิพย์ซึ่งมองตามอย่างสนใจใคร่รู้
“จะตามไปด้วยก็ได้นะคะ”
สลิลทิพย์รับทันที “ได้เหรอคะ ตายจริง ขอบพระคุณคุณหญิงมากค่ะ เชิญนำเลยค่ะ”
คุณหญิงเดินนำไป สลิลทิพย์สะใจที่ได้เห็นเมียหลวงฉะเมียน้อย รีบเดินตามไปติดๆ โดยมีแมนทำหน้าเซ็งปนเอือมระอา ขณะเดินตามรั้งท้าย

ดารินทร์กำลังตรวจดูเสื้อผ้าในร้าน Ouiset กับลูกน้อง 2-3 คน กระจายอยู่ตามมุมต่างๆ ดารินทร์ดูเสื้อผ้าเสร็จก็เดินเข้าไปที่ห้องส่วนตัวด้านใน โดยที่หน้าร้านคุณหญิงสุดสวาทเดินเข้ามากับสลิลทิพย์พนักงานจะเดินไปต้อนรับ แต่เห็นความแรงของคุณหญิงและสลิลทิพย์ทำให้พนักงานถอยโดยอัตโนมัติ
คุณหญิงกับสลิลทิพย์เดินผ่านไปด้านใน แมนรออยู่ด้านนอก พนักงานมองตามไปแล้วหันมามองเม้าท์กัน
“มาแรง...น่ากลัวอ่ะ” พนักงาน 1 ว่า
พนักงาน 2 บอก “นั่นซิ มาเรื่องอะไรเนี่ย”

คุณหญิงสุดสวาทเปิดฉากฉะดารินทร์ทันที มีสลิลทิพย์สาระแนอยู่ด้วย
“เธอรีดไถผัวชั้นมากเกินไปแล้วนะ ดารินทร์ คิดจะทำตัวเป็นปลิงเกาะกินดูดเลือด จะให้หมดตัวเลยรึไง”
ดารินทร์ตั้งสติพูดเชือดเฉือน “ถ้าคุณอัศวินมาได้ยินคุณหญิงพูดแบบนี้ คงเสียใจนะคะ ที่คุณหญิง เห็นคุณอัศวินเป็นควาย”
คุณหญิงโกรธเป็นริ้วๆ “นังดารินทร์ ชั้นไม่ได้มาต่อปากต่อคำกับเธอนะ แต่ชั้นต้องการรู้ความจริงว่าทำไมคุณอัศถึงโอนเงินให้เธอ 10 ล้าน”
คราวนี้สลิลทิพย์ตาโตทันทีเมื่อได้ยิน ดารินทร์เองก็ไม่คิดว่าคุณหญิงจะรู้เรื่องนี้
ดารินทร์บอกเสียงเรียบ “รอคุณอัศหายดีก่อนแล้วค่อยไปถามดีกว่ามั้งคะ”
คุณหญิงแหวใส่ “ชั้นอยากรู้ตอนนี้...เดี๋ยวนี้”
ดารินทร์เยื้อนยิ้มอย่างใจเย็น “ถ้าให้ชั้นบอกเหตุผล คุณหญิงอาจจะทนฟังจนจบไม่ได้นะคะ”
สลิลทิพย์ลืมตัวสาระแนถาม “แกจะโยกโย้ทำไมเนี่ย...คุณหญิงถาม ก็ตอบไปซิ”
ทั้งดารินทร์และคุณหญิงหันมามองสลิลทิพย์เป็นตาเดียว สลิลทิพย์รู้สึกตัว ยิ้มหวานสอพลอคุณหญิงทันที พูดเนียนๆ
“ใช่ไม๊คะ...คุณหญิง”
“ใช่” คุณหญิงหันมาทางดารินทร์ “พูดมา”
ดารินทร์ยิ้ม เยือกเย็น “คุณอัศอยากตอบแทนความดีของดิชั้น ที่ถึงแม้จะไม่ได้เป็นเมียใหญ่ แต่ก็ซื่อสัตย์กับสามี ทั้งต่อหน้าและลับหลัง...”
ดารินทร์ค้างคำ พลางมองไปยังแมนซึ่งยืนรออยู่ด้านนอก สลิลทิพย์กับคุณหญิงมองตามสายตา เห็นเป็นแมน คุณหญิงหันขวับมามองดารินทร์
“ก็เลยโอนเงินให้เป็นของขวัญในความซื่อสัตย์ค่ะ คุณอัศบอกว่าในสังคมไทย ผู้ชายมีหลายเมีย เค้าเรียกเจ้าชู้...แต่ถ้าที่ผู้หญิงมีผัวอยู่แล้วแต่ยังไปมั่วนอนกับผู้ชายคนอื่นอีก เค้าเรียกผู้หญิงแบบนี้ว่าอะไร...คุณหญิงคงทราบนะคะ”
คุณหญิงบันดาลโทสะถลันเข้าไปหาเงื้อมือหมายจะตบ “นังดารินทร์”
ดารินทร์จับแขนคุณหญิงที่เงื้อมาไว้ สลิลทิพย์ขยับเข้ามา ดารินทร์หันขวับมาถลึงตาใส่ เอาจริง
“อย่ายุ่ง” แล้วหันไปทางคุณหญิงผลักมือที่จับไว้ออกไป “อย่าลืมตัวซิคะ คุณหญิง เป็นผู้ดีไฮโซ อย่าลดตัวมาเป็นไพร่ค่ะ จะไม่งาม”
คุณหญิงมองดารินทร์อย่างแค้นใจ สลิลทิพย์เข้าไปยืนข้างเป็นกองหนุน ดารินทร์ไล่ส่ง
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว เชิญกลับไปได้แล้วค่ะ ชั้นจะทำมาหากิน”

สองคนสะบัดตัวพรืด ดารินทร์มองตามสองเมียหลวงอย่างดูถูก แต่แววตาเต็มไปด้วยความกังวล

คุณหญิงทรุดตัวลงนั่งในร้านอาหารของห้างอย่างแค้นใจ มีสลิลทิพย์ตามมานั่งด้วยติดๆ

“ใจเย็นๆ นะคะ คุณหญิง อย่าไปสนใจคำพูดนังดารินทร์มันค่ะ ตัวมันเลว มันก็พยายามจะหาพวก เอาความเลวของคนอื่นมาล้มล้างความเลวของตัวเอง”
คุณหญิงฉุน มองสลิลทิพย์ตาขวาง “นี่คุณสลิลจะด่าดารินทร์หรือว่าด่าดิชั้นคะ”
“ด่า...นังนั่นซิคะ ดิชั้นเคารพนับถือคุณหญิง จะกล้าว่าคุณหญิงได้ยังไงล่ะคะ”
คุณหญิงถอนหายใจ สีหน้าครุ่นคิด “ชั้นอยากรู้จริงๆ ว่าทำไมคุณอัศถึงโอนเงินให้มันตั้ง 10 ล้าน ต้องมีอะไรมากกว่าที่มันบอกแน่นอน”
สลิลทิพย์สนใจใคร่รู้ “คุณหญิงคิดว่าเรื่องอะไรคะ”
คุณหญิงมองจ้องสลิลทิพย์ “ชั้นไม่อยากจะคิดว่า คุณอัศจ่ายเป็นค่าตัวลูกสาวนังดารินทร์”
สลิลทิพย์ตาโต ตกใจ “นังตรีอัปสรเหรอคะ”

บทบาทในละครช่างเข้ากับชีวิตตรีอัปสรยามนี้เหลือเกิน ตรีอัปสรน้ำตาหยดรินรดแก้มนวล มองมาอย่างเจ็บช้ำ ส่ายหน้าปฏิเสธช้าๆ
“ไม่จริงค่ะ ไม่จริง พัชไม่เคยทำอะไรแบบนั้น”
อรสินียืนเกาะแขนเพชร
“อย่าไปเชื่อมันค่ะ นังนี่มันโกหก ทักเห็นกับตา ว่ามันไปกับคุณสันต์ นัวเนีย มั่วกันจนน่าเกลียด”
เพชรมองอย่างดูถูก “เธอนี่มันตีสองหน้าเก่งจริงๆน่ะ”
อรสินีเสริม “ไม่ใช่แค่ตีสองหน้านะคะ มันยังโกหก หลอกลวง คุณฤทธิ์ทุกอย่าง ทัก ไม่อยากจะพูด”
มีนร้องดังขึ้น “คัท...คัท”
ทุกคนหยุดเล่นหันไปทางมีน ซึ่งนั่งอยู่หลังมอนิเตอร์ มีนลุกขึ้นเดินมาหากับดรีมริกา
“อร...หนูยังไม่มีอินเนอร์ของตัวละครตัวนี้เลยนะ หนูไม่ใช่ทักษิกา แต่หนูสามารถสวมบททักษิกาได้ ลองคิดว่าเราเป็นผู้หญิงเห็นแก่ตัวขี้อิจฉา เอาแต่ได้ ชอบแย่งชิง เห็นใครดีกว่าไม่ได้”
ดรีมริกาสอนไปเรื่อยๆ ภารดี วรัญญากับกัลยาณี ซึ่งนั่งอยู่ไม่ห่างตั้งวงเม้าท์
ภารดีเปิดประเด็น “ชีวิตจริง ยายตรีอัปสรชัดๆ นี่ถ้าให้ยายนั่นแสดง ป่านนี้ผ่านฉลุยไปแล้ว”
กัลยาณีเออออ “เห็นด้วย”
วรัญญาหันมามองภารดี “ให้เธอเล่นก็ผ่านฉลุยเหมือนกัน”
พูดจบก็เดินไป ภารดีมองตามอย่างโกรธๆ
“นังรัญ นี่มันชอบเปิดศึกแล้วเดินหนีประจำ...วอนจริงๆ”
ภารดีมองตามอย่างแค้นใจ แล้วหันไปทางกลุ่มของอรสินี และตรีอัปสรต่อ

ภายในห้องทำงานกรรมการผู้จัดการที่ช่อง ไทยเท็น คุณดิษฐ์ดูจอคอมพิวเตอร์เช็คข่าวจากในเน็ต ก่อนจะถอนหายใจมองชญานนท์ ซึ่งนั่งตรงข้ามกับมุกตาภา และรัตน์
“ถ่ายละครไปได้กี่คิวแล้วคุณรัตน์”
“5 คิวแล้วค่ะ”
“วางไว้รึยัง ว่าจะเริ่มปล่อยข่าวเมื่อไหร่”
รัตน์นิ่งเงียบไม่ตอบ เพราะไม่ได้ทำตรงนี้ มุกตาภาหันไปมองค่อนขอด
“คิดนานจังเลยนะคะ คุณรัตน์”
“ส่วนของประชาสัมพันธ์ มุกเป็นคนวางแผนไม่ใช่เหรอ” คุณดิษฐ์พูดนิ่มๆ
มุกตาภาชะงัก หน้าเจื่อนไปนิด ก่อนจะตอบ
“มุกเตรียมไว้แล้วค่ะ จะเปิดช่วงบันเทิงละคร รายงานความเคลื่อนไหว เกาะติดกองถ่ายละครค่ะ”
“จะเริ่มเมื่อไหร่ พ่อเช็คในเน็ต ไม่เห็นมีข่าวบวงสรวงละครเลย”
มุกตาภาเงียบกริบไม่พูดอะไร
“ตกลงว่าบวงสรวงรึเปล่า” คุณดิษฐ์ถามเสียงเข้ม
ชญานนท์เอ่ยขึ้น “ตอนแรกวางไว้จะบวงสรวงก่อนถ่ายละครคิวที่สองครับ แต่ก็มีเหตุให้ต้องเลื่อนไปอีก จนห้าคิวแล้วก็ยังไม่ได้บวงสรวงซะที”
คุณดิษฐ์พยักหน้ารับรู้ “เรื่องนี้ก็เอามาทำเป็นข่าวได้นะมุก อย่าปล่อยให้เรื่องราวผ่านไปโดยไม่เอามาขยาย เรื่องแบบนี้ผ่านแล้วผ่านเลย เรื่องไฟล้มใส่หนูอรแล้ว เพชรมาช่วยก็เป็นข่าวได้ แต่ก็เงียบ ไม่มีใครคิดจะขยาย”
คุณดิษฐ์มองมุกตาภาอย่างตำหนิ มุกตาภารู้สึกผิดหลบตา ชญานนท์แทรกขึ้น
“ผมว่า เราทำข่าว พระนาง จะดีกว่านะครับ”
คุณดิษฐ์มองชญานนท์แล้วยิ้มนิดๆอย่างรู้ทัน
“ก็แล้วแต่ ขอให้เป็นข่าว...มีเรตติ้ง มีกระแสก็โอเค”
ชญานนท์ค่อยๆ ผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก ที่พ่อไม่ค้าน

ที่กองละคร เล่ห์ร้ายสายสวาท อรสินีนั่งอ่านบทละครอย่างขะมักเขม้น ตรีอัปสรเดินมานั่งข้างๆ
“ขยันจังเลยนะคะ คุณอร”
อรสินีเงยหน้าขึ้นมองแล้วยิ้มให้
“อรไม่อยากให้นักแสดงคนอื่นต้องเสียเวลาน่ะ ก็เลยต้องพยายามจำบทให้แม่นๆ”
ตรีอัปสรยิ้มๆ “จำบทได้แม่น แต่แอคติ้งไม่ได้ ก็เสียเวลาเหมือนกันค่ะ”
อรสินีมองตรีอัปสร รู้ว่าตรีอัปสรหมายถึงตน จึงเอื้อมมือไปจับมือตรีอัปสร
“อรขอโทษนะ ที่ทำให้ตรีเสียเวลา”
“ตรีไม่ได้หมายถึงคุณอรนะคะ ตรีพูดถึงทั่วๆ ไปนะคะ”
“แต่อรก็เป็นอย่างที่ตรีพูดจริงๆ”
ตรีอัปสรยิ้มปลอบ “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ตรีไม่มีปัญหาอยู่แล้ว แต่ไม่รู้ว่าไทยเท็นจะมีปัญหารึเปล่า ถ้าละครต้องปิดกล้องช้าลง”
“อรจะพยายามมากขึ้นนะ”
“ค่ะ”

ตรีอัปสรทำท่าเหมือนให้กำลังใจเต็มที่ ทั้งๆ ที่ในอกหมั่นไส้สุดๆ

ภารดีในบท “โรส” แค้นสุดขีดถลาเข้ามาหา มองตรีอัปสรอย่างหมั่นไส้

“นังนี่มันสตรอว์เบอร์รี่ลูกโต ต้องตบสั่งสอน เผื่อมันจะอาการดีขึ้น”
ภารดีขยับจะเข้าไปตบตรีอัปสรที่ยืนหน้าละมุนเป็นนางเอกอยู่ อรสินีจับภารดีไว้
“ไม่ต้อง โรส ทักเอง”
อรสินีขยับเข้าไปตบตรีอัปสร ตรีอัปสรสะบัดตามแรงตบลงไปกองกับพื้น วรัญญาเข้ามาช่วยประคองตรีอัปสรไว้
“โอย” ตรีอัปสรจับแก้มตัวเองข้างที่โดนตบ
วรัญญาถามอย่างห่วงใย “เป็นยังไงบ้าง พัช”
ตรีอัปสรส่ายหน้า ก่อนจะหันไปทางอรสินี “คุณทัก ตบพัชทำไมคะ พัชไม่เคยทำอะไรให้คุณเจ็บช้ำน้ำใจเลยนะคะ”
อรสินีตวาด “ใครบอกแก แกนี่มันไม่รู้ตัวจริงๆ หรือแกล้งทำหน้าใสใจคอไม่รู้เรื่องห๊ะ”
ภารดีขยับเข้ามา “ตบมันอีกซิ ทัก จิกผมแล้วตบมันเลย”
อรสินีบอก “ได้”
วรัญญาร้องขึ้น “อย่านะ อย่าทำเพื่อนชั้น”
อรสินีขยับย่างสามขุมเข้าไปหาอย่างคุกคาม ภารดีดึงวรัญญาแยกออกมา ตรีอัปสรกระถดถอยหลังอย่างหวาดกลัว
“อย่า...อย่าทำชั้น...ชั้นกลัวแล้ว...ปล่อยชั้นไปเถอะ”
อรสินีเข้าไปจับผมตรีอัปสรแล้วเงื้อมือจะตบ
เสียงมีนร้องตะโกนขึ้น “คัท”
อรสินีปล่อยผมของตรีอัปสร แล้วช่วยดึงตรีอัปสรขึ้นมา กลับมาเป็นอรสินีคนเดิม
“เจ็บไม๊...ตรี”
“ไม่เจ็บหรอกค่ะ”
มีนกับดรีมริกาเดินเข้ามาหาสองสาว ดรีมริกามองอรสินีอย่างพอใจ
“เริ่มมีพัฒนาการแล้วนะ อร พยายามให้มากขึ้นนะ”
“ค่ะ” อรสินียกมือไหว้ “ขอบคุณอาจารย์ดรีมมากค่ะ ที่ช่วยสอน”
ดรีมริกายิ้มให้ ตบไหล่อรสินีเบาๆ แล้วหันไปทางภารดีกับตรีอัปสร
“เธอสามคนใช้ได้แล้ว...แต่อย่าหยุดพัฒนาตัวเองนะ”
“นึกว่าจะไม่ชมหนูดีแล้วซะอีกค่ะ”
โอเดินเข้ามาแจ้งคิว “ต่อฉาก 12 ตอน 1 นะคะ นักแสดงเปลี่ยนชุดเลยค่ะ”
ทุกคนเดินตามโอไปอีกทาง มีนหันมาทางดรีมริกา
“ดีขึ้นเยอะเลยครับ...พี่ดรีม”
“แล้วจะดีขึ้นเรื่อยๆ ไม่ใช่เพราะพี่เก่งหรอกนะ แต่เด็กพวกนี้มีความพยายามจริงๆ”
มีนพยักหน้ายิ้มอย่างพอใจ

ฝ่ายสลิลทิพย์ยกแก้วกาแฟขึ้นดื่ม ท่าทางรื่นรมย์ขึ้น ริสามองสลิลทิพย์อย่างพอใจ
“สบายใจขึ้นเยอะแล้วซิ เรื่องหนูอร”
“อุ๊ย...เรื่องนั้นชั้นทำใจยอมรับไปตั้งแต่วันที่เธอเทศนาไปแล้ว”
“หรา....” ริสาลากเสียงยาวท่าทีน่าขัน “แล้วอารมณ์ดีเรื่องอะไรล่ะ คุณอาชัญซื้อแหวนเพชรรับขวัญให้รึไง”
สลิลทิพย์ทำหน้าเซ็ง “จะอารมณ์เสีย ก็ตอนนี้ละ”
ริสาหัวเราะเบาๆ กับท่าทางของเพื่อน สลิลทิพย์ขยับเข้ามาใกล้ๆ
“ชั้นมีเรื่องเด็ดกว่านั้น เรื่องยายดารินทร์”
ริสาตาโต “ยุ่งเรื่องชาวบ้านอีกแล้วนะเธอ...ไหนเล่ามาซิ”
สลิลทิพย์ทำท่าภูมิใจที่ได้เล่าข่าวใหญ่ “คุณอัศวินโอนเงิน 10 ล้าน ให้นังดารินทร์ก่อนรถคว่ำ”
“ห๊ะ...10 ล้านเหรอ ต๊าย...รายได้ดีนะยะ”
“คุณหญิงสุดสวาทบอกชั้นว่าอาจจะจ่ายเป็นค่าตัว...” สลิลทิพย์ค้างคำ
“ค่าตัวใคร”

ริสาคุณป้าขาเม้าท์ลุ้นสุดๆ อยากรู้ใจจะขาด

อ่านต่อหน้า 3

ปีกมงกุฎ ตอนที่ 10 (ต่อ)

ด้านตรีอัปสรนั่งหน้านิ่ง ขณะหันไปมองดารินทร์

“นังคุณหญิงแส่สวาท มันก็ทำได้แค่นั้นล่ะค่ะ แม่ อย่าไปสนใจ ยังไงเงิน 10 ล้าน ก็อยู่ในบัญชีแม่เรียบร้อย มันทำอะไรไม่ได้ นอกจากมาหาเรื่องเกะกะระราน”
“แต่แม่กลัวนังคุณหญิงมันสืบรู้ว่าคุณอัศโอนเงินให้แม่เพราะอะไร”
“คุณลุงพูดไม่ได้ ทรุดหนักขนาดนี้ แม่ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ”
ดารินทร์ถอนหายใจ “บอกตรงๆ นะ แม่จะสบายใจได้ก็ต่อเมื่อคุณอัศตาย”
ดารินทร์พูดออกมาแล้วก็ถอนหายใจ ไม่สบายใจกับสิ่งที่ตัวเองพูดออกไป ตรีอัปสรมองดารินทร์อย่างให้กำลังใจ
“ตอนนี้ คุณลุงก็เหมือนตายทั้งเป็นแล้วล่ะค่ะแม่ แล้ว...เรื่องพ่อล่ะคะ ไม่เห็นแม่เล่าให้ตรีฟังเลย”
ดารินทร์ถอนหายใจเซ็งๆ “พ่อแก...ก็มีแต่เรื่องเงิน”
“เงินค่าตัวของตรี แบ่งให้พ่อเป็นเงินเดือนไปก็ได้นะ...แม่”
“ชั้นต้องคุยกับพ่อแกให้จบก่อน”
“ให้พ่อมาที่นี่ได้ไม๊ แม่ ตรีอยากคุยกับพ่อเหมือนกัน”
ดารินทร์เสียงเข้ม เด็ดขาด “ไม่ได้ ขืนให้มาครั้งนึง ก็ต้องมีครั้งต่อไป แล้วคราวเนี้ย เป็นข่าวฉาวโฉ่ รู้กันทั่วแน่”
ตรีอัปสรถอนหายใจเซ็งๆ “ตรีอยากเจอพ่อเหมือนกันนะแม่”
ดารินทร์บอก “ชื่อเสียงเงินทอง รออยู่ข้างหน้า ยายตรี อย่าให้เรื่องไม่เป็นเรื่องมาทำให้ชีวิตแกสะดุด”
ตรีอัปสรพยักหน้าช้าๆ “ค่ะ” สีหน้ายังครุ่นคิด ในแววตาอันมุ่งมั่น

ณเดชย์กำลังเช็ดหน้าให้นายพลอัศวินซึ่งนอนนิ่งเป็นผักอยู่บนเตียง
“วันนี้เป็นยังไงบ้างครับ คุณพ่อ คุณพ่อต้องสู้นะครับ คุณพ่อต้องเชื่อมั่นว่าคุณพ่อจะต้องหายนะครับ”
นายพลอัศวินมองลูกชายที่เลี้ยงดูแบบทิ้งๆ ขว้างๆ อย่างซาบซึ้ง น้ำตาคลอ ไหลรินออกมาช้าๆ ณเดชย์ค่อยๆ เอาผ้าเช็ดน้ำตาให้
“ไม่ร้องนะครับ คุณพ่อ นะจะอยู่กับคุณพ่อ...จะทำให้คุณพ่อหาย นะสัญญาครับ”
ประตูห้องเปิดออก เป็นคุณหญิงสุดสวาทเดินเข้ามา ณเดชย์หันไปมอง เห็นแม่เดินเข้ามาจึงหันกลับมาบอกพ่อ
“คุณแม่มาเยี่ยมคุณพ่อแล้วครับ”
คุณหญิงสุดสวาทเดินมาที่เตียง ณเดชย์ไม่เห็นว่า มีแมนเดินตามเข้ามาด้วย แต่ไม่ได้เข้ามาใกล้เตียง
“พ่อแกเป็นยังไงมั่ง ตานะ”
“วันนี้ดูดีกว่าเมื่อวานนะครับ คุณแม่”
ณเดชย์หันมาพูดกับคุณหญิงแล้วมองเลยไปเห็นแมนยืนอยู่ ณเดชย์ชะงักมองอย่างไม่พอใจ แมนก้มหน้าเจียมตัว
“ออกไปรอข้างนอก” ณเดชย์สั่ง
แมนพยักหน้ารับ “ครับ” แล้วเดินออกไป
คุณหญิงสุดสวาทหันมามองณเดชย์หน้าตึง “นะ มาไล่เลขา แม่ทำไม”
“คุณแม่ ทำแบบนี้กับคุณพ่อได้ยังไงครับ”
“แกอย่ามาตำหนิแม่หน่อยเลย ตานะ ถ้าพ่อแกดีวิเศษ เป็นผัวที่ดี เป็นพ่อที่ดี แม่จะไม่เถียงเลยนะ ที่แกตำหนิแม่”
ณเดชย์สุดทน “แต่ตอนนี้ก็ไม่ใช่เวลาที่คุณแม่จะมาแก้แค้น เอาคืนจากคุณพ่อนะครับ คนเรา เป็นผัวเมียกัน ถึงจะทำอะไรไม่ถูกใจกันบ้าง แต่เวลาที่ใครเจ็บป่วย อีกคนก็ควรให้กำลังใจมากกว่าจะทำร้ายใจกัน”
คุณหญิงอ่อนลง ถอนหายใจ “แม่ยังไม่ได้บอกเรื่องวีรกรรมของคุณพ่อคนดีของแกใช่ไม๊”
“เรื่องอะไรครับ”
คุณหญิงยังไม่ทันจะพูดอะไร เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น แม่ลูกหันไปมอง เห็นสลิลทิพย์เดินเข้ามาพร้อมกับอรสินีและกระเช้าผลไม้
“สวัสดีค่ะ คุณหญิง คุณณเดชย์”
ณเดชย์และคุณหญิงหยุดคุย หันมารับไหว้ ณเดชย์เดินไปรับกระเช้าจากอรสินี อรสินีไหว้คุณหญิง
“สวัสดีค่ะ”
สลิลทิพย์มองท่าทางของคุณหญิงและณเดชย์ ก่อนจะพูดท่าทีเกรงใจ
“ดิชั้นมาผิดเวลารึเปล่าคะ อืม ดิชั้นกับลูกขอสวัสดีคุณอัศวินซักนิดแล้วจะขอตัวกลับเลยค่ะ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ คุณสลิล ชั้นกำลังจะบอกตานะ เรื่องเงิน 10 ล้าน”
สลิลทิพย์ทำท่าเข้าใจ อรสินีหันมามอง แม่อย่างแปลกใจ ส่วนณเดชย์ขมวดคิ้วอย่างงวยงงสงสัย

แมนเดินเตร็ดเตร่ไปมา แล้วนั่งรอที่เก้าอี้มุมหนึ่งในโรงพยาบาล มองไปเห็นสลิลทิพย์กับอรสินีเดินมา แมนมองแล้วทำเป็นก้มหน้าอ่านหนังสือเหมือนไม่อยากเจอ สลิลทิพย์กับอรสินีเดินผ่านไป แมนโล่งอก
สลิลทิพย์กับอรสินีเดินคุยกันไป
“นังตรีอัปสรนี่มันมั่วเหมือนแม่มันไม่มีผิด แกเห็นไม๊ ยายอร คุณนะหน้าจืดไปเลย แม่ว่า เผลอๆ นังตรีมันอาจจะกวาดทั้งคุณนะ ทั้งคุณอัศไปแล้วก็ได้”
อรสินีปราม “แม่คะ อรว่า ตรีไม่ทำอะไรแบบนั้นหรอกค่ะ”
สลิลทิพย์มองอรสินีอย่างหมั่นไส้
“อรไม่ได้ไปเฝ้ามัน แล้วจะรู้ได้ยังไง แม่จะบอกให้น่ะ คนสมัยนี้มันมีมุมมืดด้วยกันทั้งนั้น จะมืดมาก มืดน้อยก็ตามสภาพจิตใจ แบบนังตรีอัปสรเนี่ย สิ่งแวดล้อมสอนให้มันมืดสนิทเลยละ”
พูดเท่านั้นสลิลทิพย์ก็เดินทำหน้าเชิดไป อรสินีมองตามแล้วผ่อนลมหายใจอย่างหนักใจ

คุณหญิงมองณเดชย์ซึ่งยืนนิ่ง ก่อนจะเดินไปหานายพลอัศวินซึ่งนอนอยู่บนเตียง
“ว่าไงคะ...คุณอัศ เมื่อไหร่จะพูดได้ซะที จะได้บอกให้ลูกชายสุดที่รัก รู้ว่าคุณโอนเงินให้นังดารินทร์ 10 ล้าน เป็นค่าอะไร ชั้นไม่เชื่อหรอกนะคะ ว่าคุณให้เพราะพิศวาสเสน่หานังดารินทร์”
คุณหญิงจะขยับพูดต่อ แต่ณเดชย์ขัดขึ้นก่อน “พอเถอะครับ คุณแม่”
“แม่ไม่อยากจะคิดหรอกนะ ว่าคุณพ่อโอนเงินให้ยายดารินทร์เป็นค่าตัวลูกสาวมัน ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ แม่ว่า...ศีลธรรมในใจของนังดารินทร์เสื่อมจนเกินเยียวยา”
ณเดชย์มองหน้าแม่ แล้วหันไปมองพ่อซึ่งนอนมองอยู่บนเตียง

นายพลอัศวินมองณเดชย์ แล้วหลับตาลงเหมือนไม่อยากรับรู้อะไร

ตอนเย็นจวนค่ำ ขณะที่อติรุจซึ่งกลับจากออฟฟิศเดินเข้าบ้านมา อรสินีเห็นรีบเดินจากด้านในบ้านออกมาหา

“พี่รุจ กำลังคิดถึงเชียวค่ะ”
อติรุจมองอรสินีขำๆ “สงสัยจะคิดถึงมาก...ถึงกับออกมารอเลยเหรอ”
“แหม....อย่าพูดเล่นซิคะ” อรสินีดึงแขนอติรุจมาอีกด้าน “มาทางนี้ค่ะ”
“มีเรื่องอะไร เดี๋ยวนี้หัดมีลับลมคมในนะเรา”
อรสินีดึงอติรุจไปนั่งอีกห้อง แล้วชะโงกมองว่าไม่มีใครเข้ามาแน่จึงถาม
“พี่รุจ เจอตรีมั่งไม๊คะ”
อติรุจส่ายหน้า “ไม่ได้เจอ นี่พี่ยังติดเลี้ยงที่ตรีได้ตำแหน่ง นางสาว ณ สยามอยู่เลยทำไม มีอะไรเหรอ”
“ก็...มีค่ะ”
อติรุจแปลกใจ “พี่ว่า อรน่าจะเจอตรีบ่อยกว่าพี่นะ เล่นละครด้วยกันนี่ มีอะไรทำไมไม่คุยกันเอง”
“อรคุยไม่ได้หรอกค่ะ มันไม่ใช่เรื่องของอร”
“แล้ว....มันเกี่ยวกับพี่เหรอ”
“อรรู้ว่าพี่รุจ รู้สึกดีกับตรี แต่ตอนนี้มีข่าวไม่ค่อยดีเกี่ยวกับตรี”
“ข่าวอะไร”
เสียงเยาะหยันของสลิลทิพย์แหลมเข้ามา “ข่าวเรื่องยายนั่นขายตัวน่ะซิ”
อติรุจและอรสินีหันไปมอง เห็นสลิลทิพย์ยืนอยู่ สลิลทิพย์เดินเข้ามา
“แม่บอกไว้ก่อนนะ ว่ารุจอย่าได้ไปยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงคนนี้ แม่ไม่มีวันให้รุจคว้าผู้หญิงเละเทะแบบนี้มาเป็นเมีย มาเป็นลูกสะใภ้แม่เด็ดขาด”
อติรุจย้อนแย้งมารดา “ผมว่าเรากำลังปรักปรำตรีนะครับ เราพูดถึงตรี คิดเอง เออเอง โดยที่ตรีไม่ได้มีโอกาสพูด อธิบายความจริงเลยนะครับ...
อรสินีเห็นด้วย “ใช่ค่ะ อรเห็นด้วยกับพี่รุจ”
สลิลทิพย์มองอย่างหมั่นไส้ “อือฮื้อ แหม...เข้ากันดีเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลยนะยะ แม่จะบอกให้นะ ถ้าเรา 2 คน ยังพิสูจน์ไม่ได้ว่านังนั่นบริสุทธิ์ผุดผ่องจริงๆ ก็อย่ามาให้แม่ยอมรับเห็นดีเห็นงามกับมัน และที่สำคัญ บ้านนี้ไม่ต้อนรับมัน”
สลิลทิพย์พูดจบก็เดินเชิดระเหิดระหงออกไป อติรุจกับอรสินีมองหน้ากันเจื่อนๆ

เย็นจวนค่ำ วันเดียวกันนั้น ณเดชย์กลุ้มหนัก ตัดสินใจโทร.นัดเจอตรีอัปสร ณ สถานที่นัดประจำของสองคน ณเดชย์ยืนรออยู่คนเดียว ท่าทางเคร่งขรึม ซักครู่หนึ่งตรีอัปสรมาถึงเดินไปยืนเคียงคู่เงียบๆ ณเดชย์หันมามองตรีอัปสร แล้วผินหน้ามองไปข้างหน้า
“แม่ผมรู้เรื่องคุณพ่อโอนเงินให้คุณน้าดารินทร์”
“ตรีทราบแล้วค่ะ”
ณเดชย์ถอนหายใจ “อาจจะเป็นเพราะคุณพ่อยังพูดไม่ได้ ก็เลยทำให้คุณแม่คิดฟุ้งซ่านไปใหญ่”
ตรีอัปสรตีหน้าซื่อใส ขณะหันมามองณเดชย์ “ฟุ้งซ่านว่ายังไงบ้างล่ะคะ”
ณเดชย์มองนิ่งไม่พูด ตรีอัปสรมองตอบแล้วเอื้อมมือมาลูบหว่างคิ้วณเดชย์ เหมือนจะให้เขาคลายเครียดเรื่อยไปจนถึงขมับ
“ตรีว่าคุณนะดูเครียดๆ นะคะ”
ณเดชย์เอื้อมมือจับมือตรีอัปสรลงมา แล้วมองหล่อนนิ่งนาน
“คุณไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ใช่ไม๊....มันเป็นเรื่องของคุณพ่อกับคุณน้าดารินทร์ใช่ไม๊”
ตรีอัปสรเตรียมการบ้าน ทบทวนบทบาทมาอย่างดี “ใช่ค่ะ”
ณเดชย์ดึงตรีอัปสรเข้ามากอดแน่น
“ผมรับทุกเรื่องได้หมด ยกเว้นเรื่องเดียว” ณเดชย์ดึงตรีอัปสรออกแล้วสบตาหล่อน “ผมไม่สามารถยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงของพ่อได้”
ตรีอัปสรสร้างภาพต่อ “คุณนะอาจจะดูถูกตรีได้นะคะ แต่ไม่ควรดูถูกคุณพ่อของตัวเอง”
ณเดชย์ยิ้มอย่างพอใจ “ผมดีใจนะ ที่ตรีพูดแบบนี้ ผมเชื่อตรี”
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ณเดชย์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูแล้วมองตรีอัปสร
“พยาบาลที่เฝ้าคุณพ่อ”
ตรีอัปสรตื่นเต้น “รับเลยค่ะ เผื่อจะมีอะไรด่วน”
“ฮัลโหล...ว่าไงครับ” ณเดชย์ตกใจ “อะไรนะครับ...ครับ...ครับ...ผมจะไปเดี๋ยวนี้ล่ะครับ”
ณเดชย์กดสาย ตรีอัปสรขยับเข้าไปถามอย่างตื่นเต้น “คุณลุงเป็นอะไรคะ”

ณเดชย์มองตรีอัปสรนิ่งแต่ยังไม่ตอบ

นายพลอัศวินนอนแบบเป็นผักอยู่บนเตียง พยาบาลที่ดูแลอยู่ใกล้ๆ เงยหน้าขึ้น

“คุณอัศวินส่งเสียงออกมาค่ะ ดิชั้นก็เลยโทร.บอกคุณนะ”
ณเดชย์ดีใจ “ขอบคุณมากครับ”
ณเดชย์ขยับเข้าไปหาพ่อ ส่วนตรีอัปสรซึ่งยืนอยู่ห่างๆ ด้วยสีหน้ากังวลหนัก
“คุณพ่อครับ....คุณพ่อพูดกับนะซิครับ”
เสียงอัศวินอืออา ใช้มีเสียงเหมือนเสียงพูดแต่ยังฟังไม่รู้เรื่อง
“อ๊ะ...อ๊ะ...”
ณเดชย์ดีใจ “คุณพ่อเรียกชื่อ นะ เหรอครับ” เขาหันไปทางตรีอัปสร “ตรี...คุณพ่อเรียกชื่อผม”
ตรีอัปสรขยับเดินมาใกล้ๆ เตียง นายพลอัศวินหันมามองหล่อนอย่างหวาดๆ ตรีอัปสรยิ้มให้
“ตรีดีใจด้วยนะคะ”
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ณเดชย์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับ
“ฮัลโหล มุก ผมอยู่โรงพยาบาล ครับ กำลังดูคุณพ่ออยู่ เดี๋ยวค่อยคุยกันได้ไม๊...โอเค บาย”
ณเดชย์วางโทรศัพท์ลง บนโต๊ะใกล้หัวเตียงอัศวิน

มุกตาภาอยู่ในร้านอาหาร วางสายโทรศัพท์ลง หันมาทางแพรวกับวุฒิที่มองอยู่
“คุณนะ...อยู่ที่โรงพยาบาลกับคุณพ่อเค้า”
แพรวชม “คุณนะ นี่ เค้ารักพ่อน่าดูเหมือนกันนะ ตอนแรกดูเหมือนจะเป็นครอบครัวบุฟเฟต์”
“ครอบครัวเศรษฐีไฮโซก็เป็นแบบนี้ ต่างคนต่างอยู่ แต่พอมีเรื่อง เค้าก็ดูแลกัน” วุฒิบอก
“ใช่” มุกตาภานึกขึ้นได้ “อืม...วุฒิเข้าฉากละครมั่งรึยัง”
“ยัง...เล่นเป็นตัว 3 ตัว 4 ไม่มีคิวถ่ายบ่อยๆหรอก”
แพรวปลอบ “ไม่ต้องน้อยใจหรอกน่ะ วุฒิ”
“มุกจะคุยกับคนเขียนบทให้เพิ่มบทให้นะ มุกอยากให้วุฒิไปกองถ่ายบ่อยๆ จะได้เห็นความเคลื่อนไหว”
“ได้เลย” วุฒิยิ้ม
“มุกกลับก่อนนะ...พรุ่งนี้มีงานเช้า”
มุกตาภาพูดจบก็ลุกขึ้น

โทรศัพท์ณเดชย์วางอยู่ มือตรีอัปสรกดโทร.ออกไปที่เบอร์มุกตาภา โดยที่ณเดชย์มัวแต่ดูแลพ่ออยู่ ตรีอัปสรกดโทร.ออก ก็ขยับเข้ามาอยู่ใกล้เขา เนียนๆ

ขณะที่มุกตาภาเดินออกจากร้านมา เสียงโทรศัพท์ดังเห็นเบอร์โทร.เข้าชื่อณเดชย์ ก็เลิกคิ้วแปลกใจเล็กๆ
“คุณนะ...ลืมบอกอะไรรึเปล่าเนี่ย”
มุกตาภากดรับโทรศัพท์
“ฮัลโหลๆๆ คุณนะคะ...คุณนะ”
มุกตาภามองโทรศัพท์อย่างแปลกใจ ก่อนจะแนบหูพูดอีก “คุณนะ”
มีเสียงตรีอัปสรดังลอดออกมาแว่วๆ “คุณลุงต้องดีขึ้นเรื่อยๆ ค่ะ...คุณนะ”
ตามด้วยเสียงณเดชย์ “ขอให้เป็นอย่างที่ตรีพูดเถอะ”

มุกตาภาชะงักค้าง ไม่นึกว่าจะได้ยินเสียงตรีอัปสร

ฝั่งณเดชย์มองตรีอัปสรอย่างซาบซึ้ง

“ผมดีใจน่ะ ที่ตรียืนอยู่ข้างๆ ผม...ในวันที่ผมต้องการกำลังใจที่สุด”
“ก็เราเป็นเพื่อนกันนี่คะ เพื่อนต้องไม่ทิ้งเพื่อนซิคะ”
ตรีอัปสรพูดจบก็หันไปมองทางเตียง นายพลอัศวินมองจ้องตรีอัปสรอยู่
“อ๊ะ...อี...อี”
“คุณลุง...คุณลุงจะพูดอะไรคะ”
ณเดชย์มองตรีอัปสรที่พูดกับนายพลอัศวินอย่างอ่อนโยน ด้วยความซาบซึ้ง
“ตรีก็รู้ว่า ผมไม่ได้อยากเป็นเพื่อนตรี”
ตรีอัปสรเอื้อมมือไปตัดสายโทรศัพท์ของณเดชย์เนียนๆ

มุกตาภาค่อยๆ ลดโทรศัพท์ลงจากหู มือกำโทรศัพท์แน่น แววตาวามวับโกรธแค้นถึงขีดสุด
“นังตรีอัปสร”
นัยน์ตามุกตาภาวาววับ

ณเดชย์มองตรีอัปสรอย่างรักใคร่ แล้วหันไปทางบิดา
“คุณพ่อครับ ถ้าคุณพ่อหายดีแล้ว ผมจะให้คุณพ่อไปเป็นเถ้าแก่ขอตรีให้ผมนะครับ”
ตรีอัปสรตกใจมองนายพลอัศวินเขม็ง แววตาท่านนายพลดูออกว่าละอายใจ แต่พูดอะไรไม่ได้ ตรีอัปสรหันไปทางณเดชย์
“คุณนะ...คุณนะมีคู่หมั้นแล้วนะคะ”
“ผมจะถอนหมั้น”
“อย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้เลยค่ะ คุณนะ คุณลุงจะไม่สบายใจนะคะ”
นายพลอัศวินมองณเดชย์แล้วหลับตาลง ตรีอัปสรเดินไปอีกด้าน ณเดชย์เดินตามไป
“ตรีกลับก่อนนะคะ...ดึกแล้ว...พรุ่งนี้มีเรียนแอคติ้งอีก”
ณเดชย์พยักหน้ารับ “ขอบคุณมากนะครับ...ตรี”
“ยังติดใจเรื่องเงิน 10 ล้าน อยู่อีกรึเปล่าคะ”
ณเดชย์มองตรีอัปสรแล้วส่ายหน้าช้าๆ ตรีอัปสรยิ้มให้แล้วขยับหมุนตัวจะเดินไป ณเดชย์คว้ามือไว้ตรีอัปสรหันมามอง

มุกตาภาเดินก้าวฉับๆ เข้ามาในโรงพยาบาล ด้วยแรงหึง นัยน์ตาวาวโรจน์

ณเดชย์เดินคู่มากับตรีอัปสร “ผมกลับพร้อมตรีเลยดีกว่า”
“อ้าว...ไม่อยู่เป็นเพื่อนคุณลุงแล้วเหรอคะ”
“พรุ่งนี้ผมมีงานเช้าครับ...เดี๋ยวเราออกไปบอกพยาบาลให้มาอยู่กับคุณพ่อ”
ตรีอัปสรพยักหน้า “ค่ะ”
ตรีอัปสรปลดมือออกอย่างสุภาพ เดินไปหยิบกระเป๋า

มุกตาภาหยุดยืนรออยู่หน้าลิฟท์ ท่าทางร้อนใจ หงุดหงิด ถึงขีดสุด กดปุ่มลูกศรชี้ขึ้นอีกครั้ง อย่างอารมณ์เสีย ประตูลิฟท์เปิด
เวลาเดียวกันณเดชย์เดินออกมาจากห้องพร้อมกับตรีอัปสร เดินตรงไปที่เคาน์เตอร์ประจำชั้น เห็นพยาบาลอยู่เวร 2 คน
“ผมกลับแล้วนะครับ”
“ค่ะ”
“ฝากคุณพ่อด้วยนะครับ”
“ค่ะ”
ณาเดชย์ยิ้มให้แล้วพยักหน้ากับตรีอัปสร เดินเคียงกันไป

มุกตาภาอยู่ในลิฟท์ กดปุ่มชั้นที่นายพลอัศวินรักษาตัวอยู่ มุกตาภากำมือแน่น ก่อนจะค่อยๆคลายออก เหมือนพยายามผ่อนคลายความเครียด ความแค้น

ขณะเดียวกันนั้น ณเดชย์กับตรีอัปสรเดินมายืนหน้าลิฟท์ กดปุ่มลง ทั้งคู่ยืนรอ เห็นตัวเลขลิฟท์ขึ้นมาเรื่อยๆ

เสียงลิฟท์ถึงชั้นดังขึ้น ประตูลิฟท์ค่อยๆ เปิดออกช้าๆ สองคนมองนิ่ง

อ่านต่อหน้า 4

ปีกมงกุฎ ตอนที่ 10 (ต่อ)

ประตูลิฟท์เปิดออกช้าๆ มุกตาภาเดินออกมาจากในนั้น สีหน้าเคร่งเครียด เตรียมมาลุยเต็มที่ มุกตาภาชะงักเมื่อเดินออกมา เห็นรถเข็นมีคนนอนอยู่ผ้าคลุมหมดทั้งตัว เป็นศพคนไข้ที่เสียชีวิต มุกตาภามองอย่างหวาดๆ เบี่ยงตัวออกรีบเดินไปทางห้องนายพลอัศวิน

ประตูลิฟท์อีกฝั่งของชั้นเดียวกันเปิดออก ตรีอัปสรและณเดชย์เดินเข้าลิฟท์ เห็นมุกตาภาเดินเลี้ยวมาพอดี มุกตาภาเดินมาเกือบถึง แต่ประตูลิฟท์ปิดเสียก่อนจึงไม่เห็นสองคน มุกตาภาเดินผ่านไป

ประตูห้องเปิดออก มุกตาภาเดินพุ่งเข้ามา พยาบาลตกใจเล็กน้อยเพราะประตูไม่ได้เคาะแต่เปิดเข้ามาเลย พยาบาลเห็นเป็นมุกตาภาก็คลายความตกใจลง มุกตาภามองซ้ายมองขวา หาณเดชย์
“คุณณเดชย์อยู่ไหนคะ”
“กลับไปแล้วค่ะ เพิ่งกลับไปซักครู่นี่เอง”
มุกตาภาเดินไปดูนายพลอัศวิน ซึ่งนอนหลับตาอยู่ ก่อนจะหันไปทางพยาบาล
“โทษนะคะ...คุณนะออกไปกับ...คุณตรี ใช่ไม๊คะ”
มุกตาภาอยากจะเรียก นังตรี แต่ก็เก็บอาการไว้ กัดฟันเรียก “คุณตรี” อย่างจำใจ
“ใช่ค่ะ คุณตรีอัปสร ที่เป็น นางสาว ณ สยาม ค่ะ ดิชั้นเพิ่งเคยเห็นตัวจริง สวยนะคะ คุณตรีอัปสรเธอเป็นเพื่อนคุณณเดชย์เหรอคะ”
มุกตาภาทนฟังคำพูดพยาบาลไม่ได้ เดินออกไปอย่างแค้นใจ พยาบาล มองตามไปอย่างงงๆ ยังอ้า
ปากค้างเหมือนยังเล่าไม่จบ
“อ้าว...ไปซะแล้ว”
พยาบาลถอนหายใจ หันมามองนายพลอัศวิน แล้วเดินไปนั่งข้างๆ เตียง หยิบหนังสือมาอ่าน โดยไม่เห็นว่าท่านนายพลค่อยๆ ลืมตาขึ้น สีหน้าครุ่นคิด กังวล และหวาดกลัว

ชญานนท์นั่งอ่านเอกสารอยู่ในห้องโถง ซักครู่ เหมือนได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง ชญานนท์กดรีโมทปิดเสียงโทรทัศน์ พอเสียงเงียบลง ชญานนท์ได้ยินเสียงมุกตาภา ร้องไห้เบาๆ ชญานนท์ลุกขึ้นเดินไปทางหน้าทางเข้าบ้านที่บันได เห็นมุกตาภานั่งร้องไห้อยู่ อย่างหมดสภาพ
“มุก”
มุกตาภายังคงร้องไห้ ไม่ได้สนใจ เสียงเรียกของพี่ชาย

ชญานนท์ประคองมุกตาภา ค่อยปล่องลงนั่งกับโซฟา ร้องไห้ครวญคร่ำอย่างหมดสภาพ
“พี่นนท์ มุกเจ็บ...เจ็บใจ...พี่นนท์”
มุกตาภาดึงชญานนท์ลงมานั่งด้วย หมุนตัวมาประจันหน้ากับพี่ชาย
“มุกได้ยินเสียงนังตรี...มันอยู่กับคุณนะที่โรงพยาบาลค่ะ พี่นนท์...แล้วคุณนะก็พูดว่า...ผมดีใจนะ ที่ตรียืนอยู่ข้างๆ ผม ในวันที่ผมต้องการกำลังใจ...” มุกตาภาหันมามองชญานนท์น้ำตานองหน้า “แล้วมุกล่ะ มุกยืนอยู่ตรงไหน มุกก็ยืนอยู่ข้างๆ คุณนะตลอด แต่คุณนะไม่เคยเห็นมุกเลย ไม่เคยมองเห็นมุกเลยค่ะ”
มุกตาภาร้องไห้สะอึกสะอื้น คอตกอยู่กับไหล่พี่ชาย ชญานนท์ดึงมุกตาภาเข้ามากอดปลอบ
“มุกอยากถอนหมั้น มุกอยากถอนหมั้นแล้วค่ะ พี่นนท์ มุกทนอยู่ในสภาพนี้ไม่ไหวแล้ว ถ้าไม่มีนังตรีอัปสร มุกก็คงไม่ต้องมีสภาพแบบนี้ มุกอยากถอนหมั้น” มุกตาภามองชญานนท์ “มุกอยากถอนหมั้น” จากนั้นก็เบ้ปากร้องไห้เหมือนเด็กๆ “แต่มุกตัดใจจากคุณนะไม่ได้”
ชญานนท์มองน้องสาวแล้วดึงเข้ามากอด สีหน้าของเขาเหมือนตัดสินใจเด็ดขาด

ตอนเช้า ตรีอัปสรนั่งจิบกาแฟอยู่ ดารินทร์ขยับเข้ามา ท่าทางร้อนรน
“แล้วทำไมแกเพิ่งมาบอกชั้นตอนนี้ ห๊ะ”
“บอกเมื่อคืนกับตอนนี้ มันก็ไม่ต่างกันหรอกแม่ ทำยังกะถ้าแม่รู้ตั้งแต่เมื่อคืน แม่จะไปทำอะไรยังงั้นละ”
ดารินทร์มีท่าทางกังวล มองตรีอัปสรที่ดูเหมือนจะนิ่งอย่างแปลกใจ
“แล้วนี่แกก็ยังนิ่งเฉยอยู่ได้ยังไงเนี่ย...ห๊ะ”
“ตรียังนึกไม่ออกว่าจะทำยังไง”
“ถ้าคุณอัศดีขึ้น...คุณอัศต้องทวงสัญญากับแกแน่ยายตรี คุณหญิงมันก็ต้องจี้ถามเรื่องเงิน 10 ล้าน...แล้วถ้าคุณอัศบอก คราวนี้ล่ะยายตรีเอ๊ย นังคุณหญิง มันกระจายข่าว รู้กันทั้งประเทศแน่”
ตรีอัปสรหน้าเครียดขึ้นมาทันที “แล้วเราจะทำยังไงล่ะแม่ ตรีกำลังเล่นละครอยู่ด้วย ถ้ามีข่าวแย่ๆออกมา อนาคตของตรีจบแน่”
ดารินทร์หน้าเครียด ครุ่นคิดคล้ายตัดสินใจ ตรีอัปสรหันมามองแม่
“เราจะทำยังไงดีล่ะแม่”
“แม่เคยบอกแล้วไง ว่าคุณอัศจะไม่มีวันพูดเรื่องนี้เด็ดขาด”
“แม่จะทำยังไง”
ดารินทร์มองตรีอัปสร แต่ยังไม่ทันตอบ ปิ๋มก็เดินเข้ามาหา
“คุณตรีคะ มีแขกมาขอพบค่ะ”
ดารินทร์ฉงน “ใครกัน”

ตรีอัปสรเดินเข้ามาในห้องรับแขก เห็นด้านหลังของชญานนท์ซึ่งยืนมองไปด้านนอกบ้านอยู่ ตรีอัปสรเดินเข้าไปหาใกล้ๆ แต่ชญานนท์ก็ยังไม่หันมา ตรีอัปสรไปยืนข้างๆ
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ”
ชญานนท์หันมามองยิ้มให้ มองตรีอัปสรด้วยแววตากรุ้มกริ่ม
“มอนิ่งครับ”
ตรีอัปสรเอียงคอกิริยาน่ารัก “วันนี้มาคุมอีกแล้วเหรอคะ”
“เปล่าครับ”
ตรีอัปสรมองชญานนท์อย่างท้าทาย มั่นใจ
“ขอพูดอะไรแบบตรงๆ ได้ไม๊คะ”
“ได้ครับ แต่ขอกาแฟกับขนมปังซักชิ้นก่อนได้ไม๊ ผมยังไม่ได้ทานอะไรมาเลย”

ชญานนท์ทำเสียงอ้อน ตรีอัปสรยิ้มปลื้มปริ่ม ที่เขาทำท่าสนิทสนมเหมือนหล่อนเป็นคนรัก

ไม่นานต่อมา ถาดใส่แก้วกาแฟและแซนด์วิช ถูกวางเสิร์ฟบนโต๊ะสนาม ปิ๋มวางถาดลงแล้วเดินออกไป ตรีอัปสรส่งแก้วกาแฟให้ชญานนท์ ชญานนท์รับมาถือไว้ แต่มือโดนมือตรีอัปสรนิดๆ ทั้งคู่สบตากัน ตรีอัปสรมีสีหน้าเขินอาย ก่อนจะพยายามปรับสีหน้า

ชญานนท์ยกแก้วขึ้นดื่ม มองเช็คความรู้สึกของตรีอัปสร และก็รู้ว่าหล่อนมีใจให้
“เมื่อกี้คุณบอกว่า มีอะไรจะพูดกับผมตรงๆ”
“คุณมาคุมตรี เพราะคิดว่าตรีจะไปยุ่งเกี่ยวกับคุณนะ คู่หมั้นน้องสาวคุณใช่ไม๊คะ”
ชญานนท์ยิ้มนิดๆ เหมือนขำ คำถามของตรีอัปสร
“ทำไมคุณถึงคิดอย่างนั้นล่ะ”
ตรีอัปสรถอนหายใจเบาๆ “เพราะแทบทุกครั้งที่คุณมาหาตรี มักจะหลังจากที่ตรีไปเยี่ยมคุณลุง แล้วก็เจอคุณมุกทุกครั้ง”
“เมื่อวานคุณไปเยี่ยมคุณลุงอัศวินเหรอ”
“ค่ะ”
“แล้วเจอมุกตาภา”
“เปล่าค่ะ”
ชญานนท์ยิ้ม “ถ้างั้น สมมติฐานของคุณก็ผิดแล้ว และที่สำคัญ ผมจะบอกคุณว่าผมจะเลิกใช้สูตรของคุณ”
ตรีอัปสรพูดเหมือนเป็นคำถาม “คุณจะเลิกตามคุมตรี”
“ใช่...แต่ผมจะใช้สูตรของผมในการตามคุณ”
แววตาตรีอัปสรพราวเป็นประกายเมื่อได้ยินชญานนท์พูดคำนี้ หล่อนยิ้มอย่างมีจริต
“สูตรของคุณนนท์ สูตรอะไรคะ”
ชญานนท์ส่ายหน้า “บอกไม่ได้ครับ รู้ไว้แค่ว่า เป็นสูตรที่ทำด้วยใจก็พอ”
“อย่าพูดให้ตรีคิดเข้าข้างตัวเองซิคะ ตรีไม่อยากเข้าใจอะไรผิด”
ชญานนท์ยิ้มพราย “ไหนบอกผมซิ ว่าคุณเข้าใจอะไร ผมจะได้บอกว่าผิดหรือถูก”
ตรีอัปสรหัวเราะเบาๆ “ไม่ล่ะค่ะ คุณบอกตรีมาเลยดีกว่า ว่าคุณคิดอะไรอยู่”
“เย็นนี้ผมจะบอก...โอเค ไม๊” ชญานนท์ทอดเสียงนุ่ม
ตรีอัปสรสบตาชญานนท์ นัยน์ตาหวานฉ่ำ เหมือนเปิดใจเต็มที่ ชญานนท์มองตรีอัปสร พอใจกับท่าทีลุ่มหลงในตัวเขาอย่างชัดแจ้งของหล่อน

ตรีอัปสรกลับเข้าห้องมาในอาการเพ้อฝัน คว้าหมีเป็นหนึ่งขึ้นมากอด ก่อนจะทิ้งตัวลงไปนอนกลิ้งบนเตียงอย่างมีความสุข
“เป็นหนึ่ง เค้าคิดอะไรกับตรีเนี่ย”
ตรีอัปสรนอนคว่ำมองตุ๊กตาหมี ก่อนจะอมยิ้มเมื่อนึกถึงท่าทีและตำพูดหวานซึ้งชญานนท์เมื่อครู่นี้

ตอนนั้นตรีอัปสรเดินออกประตูบ้าน มีชญานนท์เดินเคียงคู่กันมา จนถึงทางออก ชญานนท์หันมามองตรีอัปสร
“ส่งแค่นี้ก็พอ คุณไปแต่งตัวเถอะ”
ตรีอัปสรยิ้มรับ “ค่ะ”
“ตอนบ่ายผมจะไลน์มาบอกว่า เราจะเจอกันที่ไหนนะครับ”
“ค่ะ”
“เดทแรกของเรา แบบไม่รับ ไม่ส่งนะครับ”
ตรีอัปสรหัวเราะเบาๆ “ไม่มีปัญหาค่ะ ตรีขับรถไปเองได้”
ชญานนท์ขยับเข้าไปกระซิบใกล้ๆ ข้างหู “ขับรถดีๆ นะ”

นึกขึ้นมาแล้วตรีอัปสรทำท่าเหมือนจั๊กกะจี้ เหมือนชญานนท์มากระซิบข้างๆ หู
“เดทแรกของเรา”
ตรีอัปสรพึมพำพลางขยับลุกขึ้น มองหน้าตัวเองในกระจก ก่อนจะเปิดตู้หยิบชุดออกมาทาบกับตัว 3-4 ชุด ซักครู่ ประตูห้องเปิดออก ดารินทร์เดินเข้ามามองลูกสาวอย่างพิจารณา
“ร่าเริงเหลือเกินนะ ยายตรี”
ตรีอัปสรชะงักหันไปมองดารินทร์ พยายามเก็บอาการ ลดท่าทีร่าเริงลงทันที
“ตรีก็ต้องทำตัวให้มีความสุขกับงานที่จะไปทำซิ...จะให้ตรีทำหน้าเซ็งๆ ได้ยังไง”
“มีความสุขกับงาน หรือมีความสุขที่คุณนนท์มาหากันแน่”
ตรีอัปสรวางชุดลงบนเตียง ทำหน้าเซ็งๆ กับคำพูดดักคอของดารินทร์
“ก็ถ้าตรีมีความสุขเพราะคุณนนท์ มันจะเป็นอะไรไม๊แม่”
“ชั้นเตือนแกหลายครั้งแล้วนะ คุณนนท์เค้ามีคุณอรอยู่แล้ว แกก็เห็นอยู่”
“แล้วทำไมแม่ไม่คิดกลับกันบ้างล่ะ ถ้าคุณนนท์มีคุณอรอยู่แล้ว ทำไมคุณนนท์ยังมาหาตรี”
ดารินทร์มองตรีอัปสรนิ่ง เหมือนยอมจำนนเหมือนกัน ตรีอัปสรจึงพูดต่อ
“คุณนนท์กับคุณอร ยังไม่ได้หมั้น ยังไม่ได้แต่งงานกัน เค้ามีสิทธิ์เลือกมีสิทธิ์เปลี่ยนใจนะคะแม่”
ดารินทร์ขมวดคิ้ว “แกรักคุณนนท์เหรอ...ยายตรี”
“ตรีไปอาบน้ำก่อนนะแม่ วันนี้ร้อนจริงๆ..ตรีต้องรีบไปกองถ่ายด้วย”

ตรีอัปสรเฉไฉเดินหนีไปเข้าห้องน้ำ ดารินทร์มองตามอย่างครุ่นคิด ไม่สบายใจนัก

ที่กองถ่าย เล่ห์ร้ายสายสวาท กำลังถ่ายทำฉากในบ้านของฤทธิ์ ที่รับบทโดย เพชร เวลานี้ อรสินีนั่งอยู่ในห้องรับแขกกับภารดี ที่กวาดมองไปรอบๆ ท่าทางฉุนเฉียว

“นี่เค้าหายไปไหนกันหมดเนี่ยะ...คุณฤทธิ์รู้รึเปล่าว่าทักมา”
“รู้ซิ...ก็ชั้นโทร.มาบอกแล้ว”
ขาดคำอรสินี ตรีอัปสรแต่งตัวเรียบๆ เหมือนเป็นคนทำงานคอยดูแลคนแก่ในบ้าน ถือถาดเครื่องดื่มเดินเข้ามาเสิร์ฟ อรสินีมองตรีอัปสรอย่างหมั่นไส้ แต่ภารดีเล่นเยอะเล่นใหญ่กว่า ประสานางอิจฉาในละครช่อง 7
อรสินีถามเสียงห้วน “คุณฤทธิ์อยู่ไหน”
“อยู่ข้างบนกับคุณผู้หญิงค่ะ”
อรสีนีหันมาทางภารดี “ขึ้นไปข้างบนกันเถอะ”
อรสินีพูดจบก็ขยับลุกขึ้น ภารดีลุกตาม ตรีอัปสรรีบลุกขึ้นดักไว้ก่อนอย่างสุภาพ
“ขอประทานโทษนะคะ รบกวนคุณทั้งสองนั่งรอตรงนี้ดีกว่าค่ะ”
อรสินีวี้ด ไม่พอใจ “ทำไมชั้นต้องรอตรงนี้”
ภารดีวางอำนาจใส่ “นั่นซิ แกรู้ไม๊ ว่าชั้น 2 คนเป็นใคร สำคัญแค่ไหน”
“ทราบค่ะ”
“รู้แล้วก็หลีกไป”
ภารดีสะบัดมือโบกไล่ ตรีอัปสรที่ยืนอยู่ แต่ตรีอัปสรยังไม่ขยับออก อรสินียืนมองอย่างไม่พอใจ เดินมาผลักตรีอัปสรเต็มแรงจนร่างกระเด็นไป
“ถอยไป”
“ว้าย” ตรีอัปสรร้องอย่างตกใจที่โดนผลักลงไปกองกับพื้น
อรสินีเดินข้ามตัวตรีอัปสรที่ล้มไป โดยก้าวตรงปลายๆ เท้า ส่วนภารดีเดินข้ามกลางตัวตรีอัปสรไปเลย ทั้ง 2 คนเดินหลุดไปแล้ว ตรีอัปสรมองตามไปแล้วขยับยันตัวลุกขึ้นจะตามไป วรัญญาเดินเข้ามาหา ประคองตรีอัปสรไว้ ท่าทางตกใจ
“พัช...เจ็บไม๊”
“ไม่ค่ะ...ขึ้นไปห้ามคุณทักก่อนเถอะ”
“ปล่อยเค้าไปเหอะ...เค้าอยากขึ้นไปก็ปล่อยเค้าไปเถอะ”
วรัญญาดึงตรีอัปสรไว้ ตรีอัปสรหันมามองตาแป๋ว สไตล์นางเอกแสนดี
เสียงมีนร้องดังลั่น “คัท...โอเค”
วรัญญาปล่อยตรีอัปสรแล้วเดินแยกไปทันที ตรีอัปสรมองตามไปอย่างเฉยเมย ไม่สนใจ

ตรงโซนที่พักนักแสดงในกองถ่ายละครเล่ห์ร้ายสายสวาท อรสินีเดินเข้ามานั่งในนั้น มีโอเดินเข้ามาขานบอกซีนที่จะถ่ายทำต่อ
“ฉากต่อไปตอน 2 ฉาก 15 นะคะ”
อรสินีหยิบบทมาเปิดดู มีวรัญญา ภารดี และกัลยาณี เปิดบทดูกันอยู่ ตรีอัปสรเดินเข้ามาเป็นคนสุดท้าย โดยมีปิ๋มที่ตามมาดูแลหยิบบทส่งให้
“บทค่ะ คุณตรี”
ตรีอัปสรรับมา “ขอบใจ”
คราวนี้ปิ๋มหยิบสมุดโน้ตเล่มเล็กมาเปิดดู รายละเอียด “ฉากนี้เปลี่ยนชุดค่ะ คุณตรี”
ภารดีส่งเสียงแหลมแทรกมาทันที
“ต๊าย...เก่งนะยะ จากคนใช้ขยับขึ้นมาเป็นผู้ติดตาม ตอนนี้พัฒนาขึ้นมาเป็นดูแลรายละเอียดของเจ้านายในเวลาอันรวดเร็ว”
ปิ๋มหันมามองภารดีแล้วยิ้มใสซื่อให้ “อีกหน่อยก็จะเป็นผู้จัดการส่วนตัวค่ะ”
ตรีอัปสรพูดเสริมน้ำเสียงเรียบๆ “ภารดีคงอยู่ไม่ทันได้เห็นเธอเป็นผู้จัดการชั้นหรอกปิ๋ม”
ภารดีฉุนกึก “พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง ห๊ะ ตรี”
ตรีอัปสรหันมามองภารดี ยิ้มเชิดๆ ในท่าทีไว้ตัว แต่ยังไม่ทันตอบ ทีมงาน 1 ก็เดินเข้ามา
“น้องตรีเปลี่ยนชุดค่ะ น้องอรด้วยนะคะ”
ตรีอัปสรกับอรสินียิ้มให้แล้วลุกขึ้นเดินออกไป ปิ๋มหันมายิ้มกวนๆ ให้ภารดีก่อนจะเดินตามไป
ปล่อยภารดีให้มองตามอย่างแค้นเคือง โดยมีวรัญญากับกัลยาณีหันมามองหน้ากันอย่างเอือมระอา

มีนนั่งอยู่หน้ามอนิเตอร์ ในห้องรับแขกของบ้านที่ใช้ถ่ายทำ มีทีมงานคนอื่นๆ นั่งอยู่ด้วย ซักครู่ ชญานนท์เดินมากับคุณติ๊น่า มีนหันไปมองเห็นชญานนท์ก็ลุกขึ้นทำความเคารพ
“สวัสดีครับ คุณนนท์”
ชญานนท์ทักตอบ “สวัสดีครับ”
“มีอะไรติดขัดไม๊ ถ่ายได้ตามคิวรึเปล่า” ติ๊นาถาม
“โอเค...ดีขึ้นเยอะเลย สาวๆก็เริ่มปรับตัวได้ เข้าที่เข้าทางมากขึ้น มีอินเนอร์กันแล้ว”
ติ๊น่ามองรอบๆ “แล้วนี่รออะไร”
ผู้ช่วยมีนบอกแทนว่า “รอเปลี่ยนเสื้อผ้าค่ะ” พลางหันไปมองอีกด้าน “มากันแล้วค่ะ”
ชญานนท์หันไปมองเห็นอรสินีเดินมากับตรีอัปสรและเพชร ชญานนท์มองอรสินีแล้วมองเลยไปที่ตรีอัปสร

อรสินีนั่งพร้อมอยู่ที่โซฟาห้องรับแขก
มีเสียงสั่งเดินกล้องตะโกนขึ้น “พร้อม นับ 5 4 3 2...”
อรสินีเริ่มแสดงหันมามอง เห็นตรีอัปสรเดินเข้ามาพร้อมแก้วกาแฟและน้ำดื่มในถาด ตรีอัปสรทรุดตัวลงวางแก้วให้
“คุณฤทธิ์อยู่ไหน”
“คุณฤทธิ์กำลังลงมาค่ะ”
อรสินีอารมณ์เสีย “แกบอกรึเปล่าว่าชั้นมา”
“ดิชั้นเรียนให้คุณฤทธิ์ทราบแล้วค่ะ”
อรสินีขยับลุกขึ้น “โกหก...ถ้าแกบอกจริง คุณฤทธิ์ก็ต้องรีบลงมาหาชั้นแล้ว”
“พัชไม่ได้โกหกนะคะ”
“แกนั่นละ โกหก...นังโกหก”
ขาดคำอรสินีก็ตบหน้า ตรีอัปสรล้มตามแอคชั่นที่ส่งมาลงไปกองกับพื้น อรสินีมองอย่างสะใจ
ก่อนจะมองไปเห็นเพชรเดินมา อรสินีรีบถลาไปประคองตรีอัปสรทันที
“ตายจริง ล้มลงไปได้ยังไงเนี่ย...พัช”
ตรีอัปสรงงกับท่าทางที่เปลี่ยนไปของอรสินี แต่ก็ลุกขึ้นตามแรงประคอง เพชรเดินเข้ามาถึง อรสินีขยับเข้าไปหาเพชรทันที เกาะแขนเพชรอย่างใกล้ชิด
“ฤทธิ์...ทำไมลงมาช้าจังคะ”
“ผมดูคุณแม่อยู่น่ะครับ ทักมีอะไรด่วนรึเปล่า”
อรสินีทำท่าดีดดิ้น กระเง้ากระงอด “แหม...ต้องมีอะไรด่วนด้วยเหรอคะ ทักคิดถึงฤทธิ์มากนะคะ อยากมาอยู่กับฤทธิ์ ช่วยฤทธิ์ดูแลคุณแม่ทุกวัน”
“ผมไม่อยากรบกวนทัก อีกอย่าง พัชก็คอยดูแลคุณแม่อยู่แล้ว”
อรสินีกอดแขนเพชรแน่น ทำท่าอ้อนสุดๆ
“แต่ทักอยากช่วยคุณนี่คะ ฤทธิ์พาทักขึ้นไปเยี่ยมคุณแม่กันดีกว่าค่ะนะคะ”
อรสินีเดินเกาะเพชรไป
ชญานนท์ยืนดูอยู่กับผู้กำกับและคนอื่นๆ แถวๆ มอนิเตอร์ ชญานนท์มองตามอรสินีไป จนอรสินีหลุดเฟรมกล้อง อรสินีเอามือออกจากการเกาะกุมเพชร แต่เพชรยังจับมืออรสินีไว้ ชญานนท์หน้าตึงมองอย่างไม่พอใจ
ภาพในมอนิเตอร์จบที่ใบหน้าของตรีอัปสร ที่ทั้งเศร้า และเสียใจ กับภาพที่อรสินีเดินไปกับเพชร
เสียงมีนร้องขึ้น “คัท....”
ตามด้วยเสียงโอ ธุรกิจกอง “พักกองกินข้าวเที่ยงก่อน...ให้เวลา 1 ชั่วโมงค่ะ”

ทุกคนต่างก็แยกย้ายกันไปกินข้าว ชญานนท์ยังคงมองอรสินีอย่างหึงหวง

อรสินียืนล้างมืออยู่ พอล้างเสร็จก็หาผ้ามาเช็ด จังหวะนี้มีผ้าเช็ดมือยื่นมาให้ หญิงสาวรับไว้พร้อมกับหันมามอง

“ขอบคุณค่ะ”
อรสินีชะงักกับคำ “ขอบคุณ” ที่พูดไปเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าคนที่ส่งให้คือชญานนท์ อรสินีสบตาแล้วยิ้มกว้างออกมา
“พี่นนท์”
ชญานนท์ทักทาย “ตกใจหรือดีใจคะ ที่เห็นพี่”
อรสินีเอียงคอ ท่าทีแปลกใจ “ทำไมต้องตกใจด้วยล่ะคะ”
“ก็ไม่รู้ซิคะ”
น้ำเสียงชญานนท์ฟังดูงอนๆ และเหมือนจะพาลเล็กๆ ด้วย อรสินีแปลกใจมากขึ้น
“พี่นนท์เป็นอะไรคะ เหมือนอารมณ์ไม่ดี”
ชญานนท์ประชดนิดๆ “ใครบอกว่าพี่อารมณ์ไม่ดี...พี่อารมณ์ดีมากเลยค่ะ ยิ่งเห็นน้องอรเล่นละครได้ธรรมชาติ พี่ยิ่งอารมณ์ดี”
อรสินีมองชญานนท์อย่างพิจารณา แล้วพยายามทำให้บรรยากาศคลี่คลาย
“เหรอคะ แน่ใจนะคะ ว่าอารมณ์ดี”
ชญานนท์ถอนหายใจที่อรสินีรู้ทัน “พี่ไม่พอใจ พี่ไม่อยากให้อรเล่นละครกับนายเพชร”
“แล้วพี่นนท์ให้อรเซ็นสัญญาเล่นละครทำไมล่ะคะ” หญิงสาวย้อนแย้ง
ชญานนท์ถอนหายใจ “ก็พี่ไม่คิดว่านายเพชร จะมาเป็นพระเอกเรื่องนี้นี่คะ”
อรสินียิ้ม ใจเย็น “อรไม่ใช่นางเอกนะคะ ยังไงตอนจบ อรก็ไม่ได้คู่กับเพชรแน่นอน”
ชญานนท์มีสีหน้าครุ่นคิด ตามคำพูดของอรสินี ก่อนจะค่อยๆ คลี่ยิ้มอ่อนโยนออกมา
อรสินีพูดต่อ “ความเชื่อใจ ความไว้ใจ จะทำหน้าที่ประคองความรักให้แข็งแรง และเป็นภูมิคุ้มกันให้ความรักยั่งยืนค่ะ”
อรสินีพูดเหมือนให้กำลังใจ ชญานนท์มองอรสินีแล้วค่อยๆยิ้ม
“ให้กำลังใจพี่เหรอคะ”
“ให้กำลังใจตัวเองด้วยค่ะ”
ชญานนท์สบตาอรสินีซึ้งๆ แล้วยิ้มให้กันด้วยความเข้าใจ

ที่โต๊ะอาหารนักแสดงในกองถ่าย แม่ครัวประจำกองถ่าย ตักข้าวใส่จานให้ตรีอัปสร ในขณะที่ภารดี กัลยาณี วรัญญา เพชร นั่งอยู่ด้วย เพชรหันมาทางวรัญญาถามหาอรสินี
“อรไปไหนล่ะครับ”
“ไปล้างมือมั้ง เดี๋ยวก็มา”
ภารดีแขวะขึ้น “พระเอกเป็นห่วงนางร้ายเนอะ”
เพชรบอกเสียงสุภาพ “ก็นั่งกันอยู่ครบแล้วนี่ครับ ขาดอรคนเดียว ผมก็ต้องถามถึง เป็นธรรมดา”
ตรีอัปสรนั่งเงียบไม่แสดงความคิดเห็น แต่ทานข้าวไปช้าๆ
“นั่นไง...มาแล้ว”
ทุกคนหันไปมองเห็นอรสินีเดินมากับชญานนท์
ภารดีแดกดัน “ไปซุ่มอยู่กับผู้บริหารสถานีนี่เอง”
วรัญญามองภารดีอย่างไม่พอใจ “พูดถึงคนอื่นให้มันดีๆ หน่อย ยายหนูดี กะอีแค่เค้าเดินมาด้วยกันไม่ได้ซุ่ม ได้ซ่อนอะไรซักนิด”
“เดือดร้อนแทนขึ้นมาทันทีเลยนะยะ ยายรัญ”
ตรีอัปสรรวบช้อนทันที ปิ๋มซึ่งมองอยู่เดินเข้ามาหา
“คุณตรีอิ่มแล้วเหรอคะ”
ตรีอัปสรพยักหน้า ปิ๋มขยับเข้ามาอย่างเป็นห่วง
“อิ่มแล้ว”
“คุณตรีทานน้อยจังเลยค่ะ”
อรสินีกับชญานนท์เดินมาที่โต๊ะอาหาร แม่บ้านเดินเข้ามาหา ทีท่านอบน้อม
“คุณนนท์...ทานข้าวที่โต๊ะนี้เลยนะคะ” พลางชี้ที่โต๊ะซึ่งกลุ่มนางงามนั่งอยู่
“ไม่ละครับ ผมต้องรีบเข้าสถานี” ชญานนท์ยิ้มให้ทุกคน “ขอตัวก่อนนะครับ”
ภารดีตัดพ้อ “แหม...นึกว่าจะได้มีโอกาสร่วมโต๊ะกับผู้บริหารซักมื้อซะอีก สงสัยหนูดีจะไม่มีบุญเหมือนคนอื่น”
ชญานนท์ยิ้มบางๆ “ทานข้าวกับผมไม่ถึงกับต้องมีบุญหรอกครับ วันเลี้ยงปิดกล้อง เราก็ได้ทานข้าวด้วยกันแล้วครับ”
กัลยาณีบ่น “โอ้โฮ้....ต้องรอวันปิดกล้องเลยเหรอคะ”
ชญานนท์ยิ้มให้แทนคำตอบ ก่อนจะหันไปทางอรสินี
“กลับแล้วนะครับ” ชายหนุ่มมองเลยไปที่ตรีอัปสรแล้วบอกว่า “แล้วเจอกันนะครับ”
ชญานนท์ทำเหมือนบอกลาเป็นปกติกับทุกคน แต่จริงๆ เขาพูดเจาะจง แต่ละประโยคกับ อรสินี และ ตรีอัปสร เป็นการเฉพาะ

ชญานนท์ยิ้มให้ทุกคนแล้วเดินไป อรสินีกับตรีอัปสรหันมามองหน้ากัน ต่างฝ่ายต่างยิ้มให้กัน แต่เป็นคนละความหมาย

มีแววเชือดเฉือนในสายตรีอัปสรที่อรสินีไม่มีทางเข้าใจ

อ่านต่อตอนที่ 11
กำลังโหลดความคิดเห็น