xs
xsm
sm
md
lg

เพลงรักผาปืนแตก ตอนที่ 7

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เพลงรักผาปืนแตก ตอนที่ 7

น้ำค้าง กำลังง่วนอยู่กับการเสิร์ฟโอเลี้ยงให้ชาวบ้าน ที่นั่งกินกาแฟอยู่เต็มร้าน
“เดี๋ยวจ้ะน้องน้ำค้าง นั่นหน้าน้องไปโดนอะไรมาเหรอจ๊ะ ดูสิ ช้ำจนน่าสงสารเชียว”
ลูกค้าผู้ชายนคนหนึ่งถามขึ้นมา อีกคนรีบเสริมทันที
“แวะไปบ้านพี่มั้ยจ๊ะ พี่มียาผีบอกใช้ทาใช้คลึงแป๊บเดียว แก้มน้องน้ำค้างจะกลับมาสวย ใส ไร้รอยเลย ไปมั้ยจ๊ะ”
น้ำค้าง จ้องหน้าลูกค้าผู้ชาย ที่พูดเรื่องหน้า แต่ตากลับจ้องเขม็งที่หน้าอก“พูดถึงหน้าก็มองหน้าฉันสิ ไอ้พวกเสร่อ หน้าอย่างพวกแกเนี่ยนะ ฉันจะหลงเชื่อ รีบๆกิน แล้วรีบๆ ไสหัวออกไปจากร้านเลย ไอ้ทุเรศ”
น้ำค้างตบโต๊ะอย่างอารมณ์เสีย พลางเดินไปที่ตู้ขายของด้วยอารมณ์หงุดหงิด ระหว่างนั้นจิกก็ประคองแสน ที่ได้รับบาดเจ็บ เดินเข้ามาร้าน พลางเอามืกุมหัวร้องโอดโอยกันทั้งคู่
“เฮ้ย พวกเอ็ง ช่วยข้ากับไอ้แสนหน่อยเว้ย”
สำรวยพ่อของน้ำค้าง เห็นสภาพของทั้งคู่ ก็ตกใจ “เกิดอะไรขึ้นวะไอ้จิก เอ็งกับไอ้แสน ไปฟัดกับ หมาที่ไหนมาวะเนี่ย”
จิกส่ายหน้า
“ฟัดกับหมาที่ไหนล่ะไอ้สำรวย ข้ากับไอ้แสนเพิ่งจะโดนโจรปล้นมาโว้ย”
ชาวบ้านได้ยิน ก็ฮือล้อมวงเข้ามาทันที
“รีบๆเล่ามาเถอะ โจรที่ไหนมาปล้นพวกเอ็ง”

รถน้ำมันที่พวกลูกน้องกำนันปล้นมาถูกนำมาจอดซ่อนไว้ที่เหมืองร้าง มีลูกน้องกำนัน 3 คน เฝ้าอยู่ พวกมันเอาไพ่ออกมานั่งล้อมวงเล่นกันส่งเสียงเฮฮา วัลภาแอบซุ่มดูลาดเลาพวกมันอยู่ในระยะห่างที่พอจะ สังเกตการณ์ได้โดยพวกมันไม่เห็น ระหว่างนั้น เชนก็เข้ามาแตะไหล่วัลภา เธอหันขวับชักปืนอย่างชี้หน้าตกใจ
“ฉันเอง ขี้ตกใจแบบนี้ ไหวแน่นะ”
“ขี้ตกใจที่ไหน เรียกว่าระวังตัวดีต่างหากย่ะ” วัลภาแก้ตัว “ตกลงไปดูลาดเลามาเป็นไงมั่ง”
“ไอ้เชิดกับลูกน้องมันไม่อยู่ที่นี่ เหลือก็แต่ไอ้พวกนี้เฝ้าอยู่แค่นั้น”
วัลภาเจ็บใจ “น่าเสียดาย ได้โอกาสเล่นงานมันทั้งที น่าจะจัดการพวกมันให้หมดทุกคน”
“เบาๆสิ เดี๋ยวพวกมันก็ได้ยินหรอก ทำตามที่วางแผนกันไว้เถอะน่า รับรองว่า พรุ่งนี้ชื่อของไอ้เสือ กับนางสิงห์จะต้องดังไปทั่วผาปืนแตกแน่”
วัลภาพยักหน้ารับ ระหว่างนั้นไอ้ตุ่นเดินเข้ามาพร้อมขวดเหล้านอกยี่ห้อดี เชนจับมือวัลภา มาบีบเป็นห่วง
“ถอยหลังไม่ได้แล้วนะวัลภา ถ้าพลาดก็คือตายอย่างเดียว"
“ฉันรู้น่า ฉันไม่ยอมตายง่ายๆหรอก ฉันต้องช่วยปลดปล่อยแม่จากพวกมันให้ได้”
เชนพยักหน้ารับแล้วปล่อยมือจากวัลภาก่อนจะเดินออกไป วัลภาหันไปมองที่ไอ้ตุ่นกับพวกมัน
ไอ้ตุ่นเปิดขวดเหล้าแล้วเริ่มเอาแก้วมารินให้พวกลูกน้องที่จ้องตาเป็นมัน ระหว่างนั้นเสียงปืนดังมาจากข้างนอก “เกิดอะไรขึ้นวะ เอ็งสองคนไปกับข้า ส่วนเอ็งเฝ้าอยู่ที่นี่”
ไอ้ตุ่นพาลูกน้อง 2 คนออกไป ทิ้งให้เฝ้าอยู่ที่รถน้ำมันคนเดียว ขณะที่วัลภาแอบซุ่มอยู่รอเล่นงาน

ไอ้ตุ่นกับพวกพากันออกมาที่ด้านหน้าเหมือง แต่บรรยากาศดูเงียบจนผิดปกติ
“พวกเอ็งระวังนะเว้ย ข้าว่าบรรยากาศไม่น่าไว้ใจ”
ทันใดนั้น เชนก็โผล่เข้ามาข้างหลังอย่างเงียบๆ แล้วเข้าไปล็อกจัดการลากลูกน้องคนหนึ่งออก ไป อย่างรวดเร็ว ไม่ทันให้พวกมันรู้ตัว พอไอ้ตุ่นหันมาอีกทีก็ไม่เจอลูกน้องมันแล้ว
“อ้าวเฮ้ย แล้วพวกเอ็งหายไปไหนวะ”
ลูกน้องอีกคนส่ายหน้า “ก็ฉันเดินตามหลังพี่ แล้วฉันจะไปรู้มั้ยล่ะ”
ไอ้ตุ่นเริ่มใจคอไม่ดี “เอ็งอยู่ใกล้ๆข้าไว้เลยนะเว้ย”
ระหว่างนั้นเชน ที่ปลอมตัวเป็นไอ้เสือจอมโจรคาดหน้า สวมหมวกปีกกว้าง ก็เดินออกมา พร้อม ลากคอลูกน้องที่หมดสติออกมาด้วย
“ถ้าหาพวกเอ็งอยู่ล่ะก็ มันอยู่นี่”
ไอ้ตุ่นหันไปเห็นแล้วตกใจ “แกเป็นใครวะ”
เชนยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ พร้อมๆ กับที่ลูกน้องของไอ้ตุ่นลั่นไกใส่ทันที แต่เชนกระโจนหลบวิ่งออกไป ลูกน้องรีบไล่ตามเชนไป เหลือไอ้ตุ่นยืนหน้าซีดอยู่คนเดียว
“เฮ้ย ! บอกให้อยู่ใกล้ๆข้า ไอ้เวรเอ้ย”

อีกด้านหนึ่งวัลภา เฝ้าซุ่มรอจังหวะเล่นงานลูกน้องอีกคนอยู่ห่างๆ ซึ่งพอมันได้ยินเสียง ปืนจากข้างนอก ก็ยิ่งระวังตัว โดยการกวาดปืนไปรอบๆ
วัลภาหยิบก้อนหินออกมา แล้วโยนไปไกลๆให้ลูกน้องกำนันตกใจแล้วยิงปืนใส่ จากนั้นวัลภาก็ โผล่ไปตลบข้างหลังมัน พลางเอาปืนจ่อหลัง
“ทิ้งปืนซะ”
ลูกน้องกำนันค่อยๆยอมทิ้งปืนลงพื้น แล้วเตะไปไกลๆตามที่โดนสั่ง ก่อนที่จะฉวยโอกาสตอน วัลภาเผลอ หันขวับไปปัดปืนในมือวัลภากระเด็น แล้วชกเข้าหน้าทีเดียว จนวัลภาเซ
“ผู้หญิงอย่างแก ต่อให้ปิดหน้าปิดตา แต่ฝีมือก็ยังเป็นแค่ผู้หญิงเท่านั้นแหละเว้ย”
“ดูถูกนางสิงห์อย่างฉันเหรอ งั้นเจอดีแน่”

วัลภาพูดพลางยกมือเช็ดเลือดที่มุมปาก ก่อนที่จะกระดิกนิ้วเรียกให้มันเข้ามา มันยิ้มร้ายแล้ว ตั้งท่าจู่โจม วัลภาตั้งท่ารับ

ลูกน้องกำนัน ไล่ตามหลังเชนมามาจนทัน แล้วเปิดฉากปะทะกันด้วยชั้นเชิงมวยอย่างดุเดือด
เชนซัดมันจนเซล้ม และขยับตัวจะกลับไปช่วยวัลภา แต่มันกลับลุกขึ้นมา พลางคว้าท่อนไม้จากพื้น แล้วปรี่เข้าไป เล่นงานเชนที่ต้องรับด้วยมือเปล่า ก่อนที่จะจัดการรุกกลับ ด้วยการประเคนใส่ ทั้งเข่า ทั้งศอก จนมันล้มทั้งยืน ระหว่างนั้นไอ้ตุ่นก็โผล่เข้ามาพร้อมกับปืนที่ยกจ่อ
“หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ ถ้าขยับ ยิงไส้แตกแน่”

วัลภาถูกลูกน้องกำนันชกเข้าที่ท้องจนจุกตัวงอ ก่อนจะโดนมันผลักจนกระเด็น แต่ใจยังสู้ บุกเข้า ไปชกมัน เข้าหน้าเต็มๆ แต่มันกลับหันมา แล้วตบหน้าวัลภาอีกที พลางเดินเข้าหาจะถอดหน้ากาก วัลภาเริ่มถอย พลางคว้าก้อนหินขนาดเหมาะมือไว้ พอมันเดินเข้ามาใกล้แล้วจิกผมเธอขึ้นมา วัลภาก็ใช้ก้อนหินฟาดหัวมัน อย่าง แรง
“อย่ามาดูถูกนางสิงห์อย่างฉัน. จำเอาไว้ ไอ้กร๊วก”
พูดจบ วัลภาก็ชกเข้าที่ท้องแล้วเตะเสยปลายคางมัน จนมันสลบเหมือดแน่นิ่ง

“อย่าเข้ามา ข้ายิงจริงๆนะเว้ย”
ไอ้ตุ่นจ่อปืนขู่ ขณะที่เชนนิ่งมอง พลางใช้มือแตะที่เอวที่มีปืนเหน็บอยู่
“เฮ้ย เอามือออกไปเลย เอ็งมันลองดีเกินไปแล้ว ทำมาเป็นปิดหน้าปิดหน้าแล้วจะมาปล้นพวกข้า ฝันไปเถอะเว้ย”
ไอ้ตุ่นพูดพลางเหนี่ยวไกพร้อมยิง แต่ระหว่างนั้นวัลภา ก็โผล่มาข้างหลัง แล้วใช้ไม้หน้าสามฟาด ที่กลางหลังมันอย่างแรง จนมันเสียหลักปืนตกพื้น เชนเข้ามาเตะปืนทิ้ง แล้วหันไปยิ้มขอบคุณวัลภา ที่เดินถือไม้ หน้าสามเข้าไปจะฟาดไอ้ตุ่น มันร้องตกใจเสียงหลง
“อย่าทำอะไรฉันเลย ฉันกลัวแล้ว อยากได้อะไรเอาไปเลย แต่อย่าฆ่าฉันเลยนะ”
วัลภาชะงักนิ่ง ขณะที่เชนยิ้มร้ายแล้วเข้ามาตบหน้ามันเบาๆ
“ถึงกับร้องอ้อนวอนขอชีวิตเลย จะบอกให้นะเว้ยว่านางสิงห์เมียข้า เป็นพวกขาโหด ถ้าทำให้ อารมณ์ ไม่ดีล่ะก็ หัวไปทาง ตัวไปทาง ส่วนหนังหัวก็จะโดนถลกเก็บไปประดับรัง เอ็งอยากลองรึเปล่าล่ะ”
ไอ้ตุ่นส่ายหน้ากลัวลนลาน พลางรีบคลานไปกราบเท้านางสิงห์ วัลภาทำทีเป็นเดินออกไป แต่แล้วก็เดินย้อนกลับมาแล้วใช้ไม้หน้าสามฟาดเสยคางไอ้ตุ่น จนมันหน้าหงายตาค้างก่อนจะร่วงหมดสติ จากนั้นก็ดึงหน้ากากออก ก่อนจะเดินออกไป เชนถอดหน้ากากออกตาม เห็นวัลภาเดินเอามือกุมท้อง ด้วยสีหน้าเป็นห่วง

ชาวบ้านเริ่มจับกลุ่มคุยกันวิพากษ์วิจารณ์อย่างสนใจเป็นกลุ่มๆตลอดสองข้างทาง
“จริงเหรอวะ ไอ้จิกกับไอ้แสนมันไม่ได้โม้นะ”
ชาวบ้านคนหนึ่งถาม อีกคนรีบอธิบาย
“มันจะโม้ไปทำไมวะ กว่ามันสองคนจะรอดมาได้ มันว่าเกือบตายเลย”
“เห็นมันว่าฝีมือก็ดีแถมยังโหดอีกต่างหาก มันปล้นทุกอย่าง เอาอะไรได้มันเอาไปหมด”
จากนั้นทุกคน ก็แยกย้ายกันกลับบ้าน เพราะกลัวข่าวร่ำลือถึงเรื่องโจรที่ออกมาอาละวาด
ระหว่างนั้นชาติกับลูกน้องเดินเข้ามา เห็นพวกชาวบ้านพากันแยกย้ายกันกลับบ้าน ทั้งๆที่เพิ่งจะหัวค่ำก็แปลกใจ
“พวกชาวบ้านหายหัวไปไหนหมดวะ”
“สงสัยจะเชื่อเรื่องข่าวลือกันจ้ะพี่ชาติ เขาลือกันว่ามีโจรจากต่างถิ่นบุกเข้ามาปล้นไอ้จิกกับไอ้แสน จนเกือบเอาตัวไม่รอด”
“โจรต่างถิ่น ? “ ชาติถามย้ำ “จะมีโจรที่ไหนกล้ามาแหยมในพื้นที่ของข้าวะ”
“นั่นสิพี่ชาติ แต่เท่าที่ฟังพวกชาวบ้านมา พวกมันบอกว่าเป็นโจรผัวเมียฝีมือร้ายกาจ แถมยังโหด เอาเรื่อง พวกมันเรียกตัวเองว่า”
ยังไม่ทันจะพูดจบ ไอ้เชิดก็รีบเข้ามา
“พี่ชาติ กำนันเรียกตัวพี่ชาติด่วนเลย”
ไอ้เชิดหน้าเคร่งเครียด ชาติมองด้วยสีหน้าสงสัย

กำนันปราบยืนหน้าเคร่งเครียดอยู่ในบ้าน ชาติเข้ามาด้วยท่าทางสงสัย
“พ่อ จริงอย่างที่ไอ้เชิดมันบอกเหรอ”
กำนันปราบไม่พูดอะไร ขณะที่ลูกน้องอีกคน หิ้วตัวไอ้ตุ่นในสภาพหมดสติเข้ามา จนเมื่อไอ้เชิด เอาน้ำมาสาดหน้าทั้งถัง มันถึงได้สะดุ้งตกใจตื่น
“กลัวแล้วจ้ะ อย่าทำอะไรฉันเลยนะ กลัวแล้วจริงๆ นางสิงห์ ไอ้เสือ”
“ไอ้ตุ่น นี่ข้าเองเว้ย”
ไอ้เชิดตะคอกใส่หน้า จนไอ้ตุ่นได้สติกลับคืนมา พลางรีบคลานเข้าไปเกาะขากำนันปราบทันที
“พ่อกำนันจ๊ะ ไม่ใช่ความผิดของฉันเลยนะจ๊ะ ไอ้พวกโจรสองผัวเมียนั่นต่างหาก ที่มันบุกจู่โจม จนฉันไม่ทันตั้งตัว ก็เลย”
กำนันปราบโมโห พลางเตะอัดจนไอ้ตุ่นจุกตัวงอ “แกก็เลยปล่อยให้พวกมันปล้นรถน้ำมันไปได้ ไอ้เวรเอ้ย”
“พอเถอะพ่อ” ชาติร้องห้าม” เดี๋ยวมันตายขึ้นมา เราจะไม่รู้เรื่องของไอ้โจรผัวเมียที่มันกล้ามา เล่นงานเรา เอ็งเล่ามาให้หมดสิไอ้ตุ่น ไอ้โจรสองผัวเมียที่กล้ามาปล้นตลบหลังพวกเราไป หน้าตา ท่าทางมันเป็น ยังไง ทำไมมันถึงเล่นงานเอ็งกับพวกได้”
“ไอ้โจรสองผัวเมียคู่นั้นมันเรียกตัวเองว่าไอ้เสือกับนางสิงห์ ฝีมือของพวกมันไม่ธรรมดาเลย มันทั้งโหดแล้วก็เอาเรื่องกันทั้งผัวเมีย”

ชาติฟังชื่อแล้วหันไปมองหน้าพ่อ ที่นิ่งฟังอย่างไม่สบอารมณ์

วัลภาเดินเข้าบ้าน พร้อมๆ กับเอามือจับตามลำตัวอยู่ตลอดเวลา เชนคว้ามือไว้พยายามจะคุยด้วย
“วันนี้ฉันเหนื่อยมาก ฉันอยากพัก”
วัลภาสะบัดมือจากเชนแล้วรีบเข้าไปในห้องนอนปิดประตูล็อกกลอนทันที

พอได้อยู่คนเดียวในห้องตามลำพัง วัลภาก็เดินไปหยุดที่หน้ากระจกบานใหญ่ พลางมองใบหน้า ตัวเองที่มีรอยช้ำจางๆ แต่นั่นก็ยังไม่เจ็บเท่ากับที่บริเวณลำตัว จากนั้นเธอจึงค่อยๆปลดกระดุมเสื้อออกจนหมด เหลือเพียงแค่บราแบบสปอร์ตที่ปิดช่วงหน้าอก พลางมองตามลำตัว ที่เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ
วัลภาเจ็บจนแทบอยากจะร้องไห้

จิกกับแสนยกแก้วเหล้าชนกันส่งเสียงดังในอู่ร้าง ที่เป็นเหมือนศูนย์บัญชาการ
“ชนให้กับความสำเร็จของภารกิจโจรล่าโจร แค่ปฏิบัติการแรก ชื่อเสียงของไอ้เสือ กับนางสิงห์ ก็กระฉ่อนไปทั่วผาปืนแตกแล้ว”
จิกพูดพลางหัวเราะอย่างสะใจ แสนรีบพูดเสริม
“ข้าว่าป่านนี้พวกมันคงเต้นเป็นเจ้าเข้า อยากจะเอาหัวโขกเสาตาย โดนใครไม่โดน ดันมาเจอโจร ผัวเมียจากไหนไม่รู้มาลูบคม”
“เอ็งไม่ดีใจเหรอวะไอ้เชน”
จิกหันมาถาม เชนยิ้มรับ แต่หน้าเครียด
“ก็ดีหรอกน้า ฉันกับวัลภาเล่นงานพวกไอ้ตุ่นไปจนมันกลัวแทบฉี่ราด แต่ครั้งแรกก็ไม่ได้ ราบรื่น อย่างที่คิด หวุดหวิดจะพลาดท่าให้พวกมันด้วยซ้ำ ฉันน่ะไม่เท่าไหร่ แต่วัลภาน่ะสิ ท่าทางจะโดนพวกมัน เล่นงาน ไปไม่น้อย”
จิกพยักหน้า
“มันก็จริงของเอ็ง วัลภายังมือใหม่กับเรื่องแบบนี้ ผ่านมาได้ก็ต้องลุ้นกันใจหายใจคว่ำ แต่ข้าบอก ได้อย่างนึง เมียเอ็งคนนี้ ใจมันสู้ยิ่งกว่าฉายานางสิงห์ของมันเยอะ”
แสนเห็นด้วย “เออ ข้าเห็นด้วย เอาอย่างนี้แล้วกัน วันนี้ถือว่า พอแค่หอมปากหอมคอ ให้พวกมัน ดิ้นเป็นไส้เดือนโดนขี้เถ้า แล้วจากนี้ไปข้ากับไอ้จิก จะเตรียมความพร้อมลับคมเขี้ยวของไอ้เสือกับนางสิงห์ ให้มันมี พิษสงกว่าเดิม”

เชนเดินขึ้นมาบนเรือน พลางมองไปที่ห้องนอนของวัลภาที่ยังปิดสนิทด้วยความเป็นห่วง จากนั้นจึงเดินไปเคาะประตู
“วัลภา นี่ฉันเองนะ”
วัลภายืนอยู่ตรงประตูสีหน้าครุ่นคิด
“เชน วันนี้ฉันเหนื่อยมากจริงๆ ฉันอยากพักผ่อน นายไปนอนที่เดิมของนายก่อนสักคืนแล้วกันนะ”
พอได้ยินเสียงเชนเงียบไป วัลภาก็เดินหน้าเศร้าๆกลับไปที่เตียง แต่ทันใดนั้น เชนกลับเปิดประตู เข้ามา
“เชน เข้ามาทำไม ก็ฉันบอกแล้วไงว่า”
“หุบปาก”
เชนเสียงเข้ม จนวัลภาชะงัก พลางมองทั่วตัวสงสัย
“ฉันจะไม่ออกไปจากห้องจนกว่าเธอจะถอดเสื้อออกมา”
“ไอ้บ้าเชน ไอ้ลามกจกเปรด”
วัลภาโกรธเงื้อมือแล้วตบแต่เชนรับมือเธอไว้ได้ วัลภาสะดุ้ง
“โอ๊ย ปล่อย ปล่อยมือฉัน ฉันเจ็บ”
วัลภาเจ็บจนน้ำตาเล็ด เพราะแผลที่ระบมทั้งตัว
“ปกติถ้าเธอไม่เจ็บจริงๆ เธอไม่พูดหรอกวัลภา เธอจะถอดเสื้อเองหรือจะให้ฉันถอด”
วัลภา มองเชนอย่างเจ็บใจ ก่อนที่จะหันหลังให้ แล้วค่อยๆปลดกระดุมเสื้อนอนแล้ว เชนค่อยๆ เอื้อมมือไปเลื่อนชายเสื้อลง เห็นรอยช้ำที่เกิดจากการต่อสู้เต็มตัวเธอ
ขณะที่วัลภาน้ำตาซึม ด้วยความเจ็บปวด

เพลิงนั่งพิงเสาใต้ชายคาเรือน พลางมองช่อ ‘ดอกราตรี’ ในมือ จนกระทั่งเสียงไอ้ยอดแทรกขึ้น
“ก็ว่าแล้วกลิ่นหอมๆมาจากไหน ที่แท้ก็ดอกราตรีนี่เอง นี่เอ็งไปเด็ดมาจากไหนวะ”
เพลิงพยักเพยิดไปทางท้ายกระท่อม “แถวนี้มีอยู่หลายต้น”
“ข้าว่าดอกราตรีนี่เหมาะกับเอ็งอยู่เหมือนกันนะ เอ็งลองดูสิวะ ดอกราตรีแต่ละดอก มันเหมือน อะไร เห็นมั้ยมี 5 แฉกเป็นรูปดาว เวลาออกดอกก็เป็นพุ่มรวมกันหลายๆ ดอก เหมือนดาวระยิบระยับ ที่ส่องแสง อยู่บนท้องฟ้า ยิ่งชื่อมันว่าราตรียิ่งใช่เข้าไปใหญ่ ข้าเห็นเอ็งคว้าดาวมาได้แล้ว ก็เหลือแต่เดือนที่รอให้เอ็งเอื้อมมือ ไปคว้ามาน่ะสิวะ”
“ไอ้ยอด”
เพลิงเสียงแข็งใส่ พลางยัดช่อดอกราตรีให้ยอด ก่อนจะเดินออกไป แล้วมาหยุดที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ยอดตามออกมามองเพื่อนอย่างเป็นห่วง
“มันไม่มีประโยชน์หรอกไอ้เพลิง ที่เอ็งจะฝังตัวเองอยู่กับอดีตไว้แบบนี้ ข้าเห็นนะเว้ยว่า คุณหมอ เขาชอบเอ็งมาก ผู้หญิงดีๆ ที่จะช่วยฉุดให้เอ็งพ้นจากอดีตได้ หาไม่ได้ง่ายๆ เหมือนโยนถั่วเขียว แล้วเป็นถั่วงอก นะเว้ย “
เพลิงหันขวับมาทันที
“ก็เพราะคุณหมอเขาเป็นคนดี งดงามสุกสกาวเหมือนเดือนที่อยู่บนท้องฟ้า ที่ใครๆก็เอื้อมมือ คว้าไม่ได้ไง ข้าถึงไม่อยากให้ไอ้คนที่มีค่าเป็นแค่ผงธุลีอย่างข้า ไปทำให้เธอต้องแปดเปื้อน”
ยอดส่ายหน้า
“เอ็งมันดูถูกตัวเองเกินไปว่ะไอ้เพลิง คนอย่างเอ็งไม่ได้มีค่าแค่เพียงผงธุลี”
“ทำไมจะไม่ใช่ อย่างน้อยก็พี่ชายของคุณหมอคนนึงที่เห็นข้าเป็นอย่างนั้น”
เพลิงพูดพลาง หน้าสลดวูบลงทันที
“งั้นเอ็งก็ใช้คุณหมอเป็นเครื่องพิสูจน์ให้พี่ชายเขาเห็นสิวะว่าเอ็งเป็นคนดี”

“พอได้แล้วไอ้ยอด ข้าขอบใจเอ็งมากที่เป็นห่วงขีวิตข้า คนอย่างข้า ทำไเด้ก็แค่เงยหน้า มองเดือน อย่างเดียวเท่านั้น”

ยอดถอนใจ
“งั้นก็ตามใจเอ็ง อยากทำอะไร ข้าก็จะไม่ทักท้วงอีก ที่ข้ามาก็แค่จะแวะมาบอกเอ็งว่า เมื่อเย็นมี ชาวบ้านมาเตือนหลวงพ่อให้ระวังเรื่องขโมยขโจรที่ออกมาอาละวาดอยู่ตอนนี้ ได้ยินว่าโหดเอาเรื่อง ปล้นเอา ทุกอย่าง เรียกตัวเองว่า ไอ้เสือกับนางสิงห์”

เชนเอายามาทาตามรอยฟกช้ำ ขณะที่วัลภายังน้ำตาซึมด้วยความเจ็บปวด “งั้นคราวหน้าไอ้เสือจะออกลุยเดี่ยว ส่วนนางสิงห์ก็เฝ้าถ้ำไปอย่างเดียว”
วัลภา ส่ายหน้า
“ไม่ได้นะเชน ยังไงฉันก็จะเป็นนางสิงห์คู่กับไอ้เสือ”
เชนอมยิ้ม
“ฉันรู้อยู่แล้วล่ะว่ายังไงเธอก็ไม่เลิกแน่ ไม่งั้นเธอคงไม่ทนเจ็บโดยไม่พูดกับฉันแบบนี้หรอก”
และในจังหวะที่วัลภาดึงผ้าห่มมารวบแล้วจะลุกขึ้น ทำให้เชนได้เห็นรอยสักรูปผีเสื้อราตรีที่เหนือสะโพก
“ฉันขอถามเธอเรื่องรอยสักรูปผีเสื้อนี่ได้มั้ย”
วัลภาชะงักหน้าเสีย
“ฉันไม่มีอะไรจะตอบ ออกไปได้แล้ว”
“แต่ฉันว่ารอยสักนี่มันคุ้นตาฉันมากเลยนะ”
วัลภายิ่งหน้าเสีย “ฉันบอกว่าออกไป ออกไปสิ”

เชนถูกผลักออกมาจากห้อง จากนั้นวัลภาก็รีบปิดประตู พลางหันไปมองรอยสักรูปผีเสื้อ ซึ่งเป็นตราบาปที่พวกมันทำเอาไว้กับเธอด้วยสีหน้ากังวล
“เราไม่ใช่ผัวเมียกันจริงๆ เพราะฉะนั้น เรื่องของฉันนายไม่จำเป็นต้องรู้”
ระหว่างนั้นเสียงน้ำค้างก็ดังมาจากหน้าเรือน
“พี่เชนอยู่มั้ยจ้ะ น้ำค้างใมีเรื่องเดือดร้อน พี่เชนช่วยน้ำค้างด้วย”
เชนรีบเคาะประตูบอกวัลภา
“วัลภา คืนนี้มีข้าศึกมาบุกชั้นอีกแล้ว ฉันไม่อยากรับมือคนเดียว ออกมาช่วยฉันหน่อยสิวัลภา”
เชนพยายามตะโกนเรียก แต่กลับไม่มีเสียงตอบรับกลับมา

น้ำค้างชะเง้อคอมองหาและเรียกเชนอยู่ที่ใต้ถุนเรือน
“พี่เชนจ้ะ น้ำค้างมีเรื่องเดือดร้อน พี่เชนต้องช่วยน้ำค้างนะ”
น้ำค้างเรียกหาอยู่ครู่หนึ่ง ก็เห็นเงาตะคุ่มๆของเชนแอบย่องอยู่ใต้ถุนเรือน จึงรีบปรี่ไปกระโดด เกาะเอว เอาไว้ทันควัน แล้วบีบน้ำตาร้องห่มร้องไห้
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ” พูดพลางพยายามแกะมือน้ำค้างออกจากตัว
“โจรจ้ะ โจรมันปล้นบ้านน้ำค้าง”
“โจรเหรอ”
น้ำค้างพยักหน้า
“จ้ะพี่เชน พ่อฉันไม่อยู่บ้าน ฉันก็เลยต้องเฝ้าบ้านคนเดียว ตอนที่ฉันกำลังเคลิ้มๆจะหลับ ฉันเห็น พวกมันแอบเข้ามารื้อค้นข้าวของกระจุย ฉันตกใจกลัวก็เลยรีบหนีออกมา เพราะกลัวพวกมันจะฆ่าเอา”
“แสดงว่าตอนนี้พวกมันก็ยังอยู่ที่นั่น”
“จ้ะพี่ ฉันเลยไม่กล้ากลับไปที่บ้าน ฉันกลัวมากเลยนะ ขอฉันอยู่กับพี่ที่นี่ได้มั้ย”
เชนหน้าเครียด
“พี่ว่าเราน่าจะไปจัดการกับพวกมันนะ น้ำค้างอยู่ที่นี่ไปก่อน เดี๋ยวพี่ไปเอง”
น้ำค้างรีบดึงรั้งไว้
“ไม่ต้องหรอกจ้ะพี่เชน ไอ้โจรพวกนั้นได้ยินว่ามันทั้งโหดทั้งน่ากลัว เดี๋ยวพี่เชนจะได้รับอันตราย”
“น้ำค้างรู้เหรอว่ามันเป็นใคร” เชนย้อนถาม
“รู้สิจ๊ะพี่เชน. ก็ไอ้เสือกับนางสิงห์จอมโจรผัวเมียที่ชาวบ้านเขากำลังลือกันอยู่ไงจ้ะ ฉันเห็นพวก มันทั้งคู่เลย น่ากลัวที่สุด”
เชนชะงักไป ระหว่างนั้นวัลภาเดินผ่านเข้ามาพอดี
“เธอเห็นไอ้สองโจรผัวเมียไอ้เสือกับนางสิงห์จริงๆ เหรอน้ำค้าง”
น้ำค้างหันมาเชิดหน้าใส่วัลภา
“ก็ใช่น่ะสิ เห็นตำตาเลย ทั้งไอ้เสือกับนางสิงห์ มันอาละวาดมาปล้นบ้านฉัน หน้าตาพวกมัน น่ากลัวมาก ไอ้โจรที่เป็นผัว หน้ามันมีแต่รอยแผลเป็นก็เลยต้องเอาผ้าคาดหน้าเอาไว้ ส่วนนางสิงห์ที่เป็นเมียมัน ยิ่งหน้าตาน่าเกลียด ฟันก็เหยิน ตัวก็ดำ แถมยังมีแผลเป็นตุ่มไปทั้งตัวอย่างกับคางคกแน่ะ พี่เชนจ๋าน้ำค้างกลัวจัง เลย ขอน้ำค้างอยู่กับพี่เชนที่นี่ก่อนได้มั้ยจ้ะ”

เชนมองหน้าวัลภาอย่างรู้กันว่าน้ำค้างโกหกคำโต

เพลงรักผาปืนแตก ตอนที่ 7 (ต่อ)

เอื้อมเดือน ที่เพิ่งจะอาบน้ำเสร็จ เดินมานั่งเช็ดผมอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ระหว่างนั้น ก็ได้ยินเสียง บางอย่างที่ไม่น่าไว้ใจข้างนอก จึงรีบเปิดลิ้นชักแล้วหยิบปืนที่พี่ชายให้ไว้ป้องกันตัวขึ้นมา จากนั้นก็เดินถือปืน ออกมากวาดไปทั่วๆ บริเวณบ้าน
“ฉันรู้นะว่าอยู่ตรงนั้น ออกมาเดี๋ยวนี้”
พูดพลางแตะไกปืน พร้อมยิง ก่อนที่เพลิงจะค่อยๆชู 2 มือออกมาจากมุมมืด
“ผมเองครับคุณหมอ”
เอื้อมเดือนรีบลดปืนลง
“นี่นายมาทำอะไรที่นี่ นึกว่าเป็นพวกโจรจะมาลองดี ฉันเกือบจะยิงนายแล้ว”
“ผมขอโทษที่ทำให้คุณหมอตกใจ เพราะเรื่องโจรที่พวกชาวบ้านพูดกันนี่แหละครับ ผมถึงต้อง.มา ช่วยดูความปลอดภัยให้คุณหมอ”
เอื้อมเดือนชะงักไปครู่หนึ่ง “เข้าไปในบ้านก่อนสิ”

เอื้อมเดือนเดินกอดอก หน้าเครียด พลางหยุดรอเพลิงที่ตามเข้ามา
“ทำไมวันนี้เธอถึงไม่นอนพักที่อนามัย”
“ผมไม่อยากอยู่รบกวนเป็นภาระให้คุณหมอต้องดูแลครับ”
เอื้อมเดือนมองหน้าเพลิงอย่างตำหนิ
“แต่นั่นมันหน้าที่ของหมอที่ต้องดูแลคนไข้”
“ผมไม่ได้เจ็บหนักอะไร เลยอยากให้คุณหมอไปดูแลคนอื่นมากกว่า”
เอื้อมเดือนหันขวับมาทันที
“แล้วที่นายมาเฝ้าอยู่หน้าบ้านฉันแบบนี้ล่ะ เพราะฉันมันดูอ่อนแอ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้มาก ใช่มั้ย นายไม่ต้องหาเรื่องอะไรมาอ้างอีก บอกฉันมาดีกว่าว่า ฉันต้องทำยังไง ถึงจะทลายหินผาที่มันก่อเป็นกำแพง กั้นหัวใจของนายได้”
เพลิงถึงกับพูดไม่ออก “คุณหมอ”
“บอกฉันมาสิเพลิง บอกฉันมาสิ”
พูดพลางทุบที่แผ่นอกของเพลิงไปหลายที พร้อมกับน้ำตาที่คลอเบ้า จนเพลิงต้องจับมือเธอ “อย่าทำอย่างนี้เลยครับคุณหมอ”
“แต่ฉันสงสารเธอนะเพลิง”
น้ำตาของเอื้อมเดือนอาบแก้ม เพลิงมองเธออย่างซาบซึ้ง ในใจนั้นรักเอื้อมเดือนไม่น้อยไปกว่า
ที่เธอแสดงออก
เพลิงค่อยๆใช้มือเช็ดคราบน้ำตาให้เธออย่างแผ่วเบา เอื้อมเดือนหลับตา แล้วเชิดหน้า เผยอ
ริมฝีปาก รอรับจูบจากเขา เพลิงนิ่งมองแล้วจะก้มลงจูบเธอแต่ไม่ทันที่ริมฝีปากจะสัมผัสกัน เพลิงก็นิ่งไป แล้ว ค่อยๆ ถอยออกไปช้าๆเงียบๆ
เมื่อเธอลืมตาขึ้น จึงพบว่าเพลิงได้จากเธอไปอีกแล้ว น้ำตาเอื้อมเดือนไหลอาบสองแก้ม พลางทรุดลงนั่ง แล้วร้องไห้ออกมาอย่างน่าเวทนาสงสาร
ขณะที่เพลิงเดินมาตามทาง น้ำตาลูกผู้ชายของเขาไหลอาบแก้ม ด้วยความเจ็บแค้นใจ ที่ต้อง ทำลายความรู้สึกของผู้หญิงดีๆ อย่างเอื้อมเดือน หมัดหนักๆของเพลิงกระแทกใส่ต้นไม้อย่างแรง หมัดแล้วมัดเล่า ด้วยความคลุ้มคลั่ง

ทางด้านผู้กองสมาน ก็พรางตัวเข้ามาแอบซุ่มเข้ามาดูลาดเลาอยู่นอกค่ายของลายเสือ เห็นพวก ทหาร เดินเฝ้ายามอยู่เต็ม
“ผู้กองครับ ผมว่าอย่าเสี่ยงแบบนี้เลย จะเอาชีวิตมาทิ้งเปล่าๆ”
ลูกน้อง ที่แอบตามมาเตือนด้วยความเป็นห่วง
“จ่ายังตามผมมาอีกทำไม บอกแล้วไง งานนี้ผมจะลุยเดี่ยว ส่วนจ่ารีบกลับไปรายงานให้ทางฐาน ส่งกำลังมาจัดการพวกมัน”
“แต่กว่าผมจะไปกว่าผมจะกลับมา บางทีผู้กองอาจจะ”
ผู้กองสมานชูสร้อยคอล็อกเก็ตรูปฟ้างามให้ลูกน้องดู “ผมสาบานเอาไว้ตั้งแต่งานศพของฟ้างามและพ่อของเธอว่า ถ้าชาตินี้ผมเอาไอ้เพลิง มาชดใช้ กรรม ที่มันทำไว้กับคนที่ผมรักไม่ได้ ผมก็เป็นได้แค่หมาตัวหนึ่งที่ไร้ซึ่งศักดิ์ศรี”
ระหว่างนั้นทหารลูกน้องลายเสือเดินตรวจเวรยามเข้ามาใกล้ๆ ผู้กองสมานกับลูกน้องต้องถอยร่น และเงียบเสียงเบาลง
“รีบไปเถอะจ่า ผมจะแอบลอบเข้าไปลากคอไอ้เพลิงออกมา ก่อนที่มันจะรู้ตัวแล้วหนี ผมไปอีก
ไปสิจ่า ผมสั่งให้ไป”
“ระวังตัวด้วยนะครับผู้กอง”
ลูกน้องจับมือกับผู้กองสมาน ก่อนจะจำใจต้องถอยออกไป

ผู้กองแอบซุ่มเข้ามาถึงบริเวณเต๊นท์ที่พักของพวกทหาร สักพักก็ได้ยินเสียงฟ้าลั่นเดินเข้ามา เจอกับไอ้ก้านที่พาเด็กสาวหน้าใหม่ 2 คนออกมาจากเต๊นท์
ไอ้ก้านจับเด็กสาวคนหนึ่งมากระชากเสื้อออก เผยให้เห็นรอยสักรูปผีเสื้อราตรี ที่บริเวณหัวไหล่ ผู้กองสมานซึ่งแอบซุ่มอยู่ไม่ไกล ถึงกับชะงัก เพราะจำได้ว่าเคยทลายแก๊งช่วยเด็กสาวที่เป็น เหยื่อของแก๊งผีเสื้อ ราตรีมาก่อน
ไอ้ก้านลากตัวเด็กสาวคนหนึ่งออกไป ส่วนฟ้าลั่นพาเด็กสาวอีกคนหายเข้าไปในเต๊นท์
“ที่แท้ก็ไอ้พวกเดียวกับพวกผีเสื้อราตรี ไอ้เพลิง ไอ้ชาติชั่ว เอ็งร่วมมือกับพวกนี้ได้ จิตใจเอ็ง มันก็ชั่วเกินความเป็นคนแล้ว”
ผู้กองสมานกัดฟันกรอด ด้วยความเจ็บใจ ระหว่างนั้นทหาร ที่เดินตามเดินเข้ามา ก็มองเห็น จากทางข้างหลัง
“เฮ้ย ใครวะ”
ผู้กองสมานชะงักแล้วหันขวับไปพร้อมปามีดใส่ทันที มีดปักอกทหารตายคาที่ แต่ยังมีทหารอีกคน โผล่เข้ามา ผู้กองสมานเห็นท่าทางไม่ได้การ เลยรีบกระโจนหนี ทหารยิงปืนไล่หลังฟ้าลั่นได้ยินเสียงปืนดังอยู่นอกเต๊นท์ก็รีบออกมาดู
“ เกิดอะไรขึ้นวะ”
“มีคนลอบเข้ามาในค่ายเราครับ” ทหารรีบรายงาน

“ไปลากคอมันมาให้ได้”

ผู้กองสมานวิ่งหนีลูกปืนของพวกทหารออกมานอกค่ายแล้วยิงสวนกลับไปด้วยชั้นเชิงที่เหนือกว่า
แต่เมื่อจะหนีต่อไปอีกทาง ก็ต้องชะงักเมื่อเจอไอ้คมก้าวเข้ามายกปืนเล็ง ผู้กองสมานยกปืนขึ้นเล็งมันกลับ ปืนจ่อ ปืน
ไอ้คมยิ้มร้ายทำท่าขยับ พอผู้กองสมานจะยิง แต่กลับโดนไอ้คมเตะวาดขาปัดปืนในมือกระเด็น จากนั้นมันก็เริ่มใช้เชิงมวยเล่นงาน จนผู้กองล้มแน่นิ่งในที่สุด

ไอ้คมลากตัวผู้กองสมาน ในสภาพหมดฤทธิ์ เข้ามาแล้วโยนลงแทบเท้าฟ้าลั่นที่หน้าเต๊นท์ที่พัก
ฟ้าลั่นเข้าไปจิกหัวขึ้นมาดูหน้า
“นึกว่าใคร ที่แท้ก็ผู้กองสมาน ตำรวจน้ำดี แต่บ้าดีเดือดไปหน่อยนะ ถึงกล้าบุกเดี่ยว เข้ามาถึง ค่ายของพ่อข้า”
ผู้กองสมานโต้กลับ ทั้งที่ตายังปรือ
“หมาบ้าอย่างพวกแกมันก็ควรต้องเจอหม้าบ้าอย่างข้า”
ฟ้าลั่นยิ้มร้ายแล้วชักปืนออกจากเอว พลางใช้ตบหน้า จนผู้กองสมานหมดสติ

น้ำค้างปรี่เข้ามาถึงตัว ขณะที่เชนกำลังแปรงฟันอยู่ ฟองยังอยู่เต็มปาก “พี่เชนจ๋า อรุณสวัสดิ์จ้า”
เชนตกใจหันไปพร้อมพรวดน้ำแปรงฟันที่มีอยู่เต็มปากใส่หน้าน้ำค้างทันที
พอเชนเดินขึ้นมาบนเรือน น้ำค้างก็จ้ำอ้าวเดินตามมาติดๆ
“พี่ว่าน้ำค้างกลับไปบ้านเถอะ ป่านนี้พ่อน้ำค้างคงจะกลับมาแล้ว ส่วนเรื่องสองโจรผัว เมียที่ไปบุก ปล้นบ้าน น้ำค้างก็ไปแจ้งความเอาไว้ ให้เป็นหน้าที่ของพวกไอ้ชาติตามล่า”
“แต่น้ำค้างยังไม่ได้ขอบคุณพี่เชนที่ใจดีให้น้ำค้างนอนค้างที่บ้านพี่เลยนี่จ๊ะ”
น้ำค้างทำเสียงออดอ้อน
“พี่ไม่ได้เป็นคนอนุญาต เมียพี่ต่างหากที่อนุญาต”
“ก็นั่นแหละ อย่างน้อยน้ำค้างก็ได้ที่พักพิงยามที่หันหน้าไปแล้วหาใครพึ่งพิงไม่ได้”
พูดพลางกอดแขนเชนแล้วกระซิบ “แต่น้ำค้างรออยู่ทั้งคืนเลยนะ ทำไมพี่เชนไม่แอบมาเคาะห้องน้ำค้างเลยล่ะ”
เชนรีบแกะแขน
“พูดแบบนี้ไม่ดีนะ เดี๋ยวเมียพี่มาได้ยินแล้วจะเข้าใจผิด”
พูดไม่ทันขาดคำวัลภาก็เดินผ่านเข้ามา พลางปรายหางตามองทั้งคู่ “ถ้าวันนี้เธอหายจากไอ้อาการอกสั่นขวัญหายแล้วล่ะก็ เรื่องโจรผัวเมียไอ้เสือกับนางสิงห์ที่ ปล้นบ้านเธอ ช่วยไปประกาศให้พวกชาวบ้านทุกคนรู้กันทั่วๆด้วย พวกเขาจะได้ระวังตัว ถ้าเสร็จธุระกับ ผัวฉันแล้ว ก็ขอผัวฉันคืนด้วย”
พูดพลางวัลภาก็ลากแขนเชนพาออกไป

วัลภาลากเชนออกมาที่ลานตากผ้า “แหม พอฉันยอมให้หน่อยก็อี๋อ๋อกันจนมองไม่เห็นหัวฉันเลยนะ”
“ถ้าเมื่อคืนฉันจะไล่น้ำค้างให้กลับไปฉันก็ทำได้ แต่เธอนั่นแหละที่ยอมให้น้ำค้างมาค้างคืนที่ บ้านเอง”
วัลภามองค้อน“ฉันนยอมเพราะอยากให้ยัยปากสว่างนั่น ช่วยกระจายข่าวของไอ้เสือกับนางสิงห์ให้เป็นที่ รู้จัก มากขึ้น ไม่ได้ยอมเพราะอยากให้นายไปนอกใจฉัน”
“นอกใจ ?” เชนทวนคำ “พูดแบบนี้หมายความว่าเริ่มหึงฉันแล้วเหรอ”
“ หึงอะไร ฉันพูดในฐานะที่ฉันเป็นเมีย แต่ไม่ได้เป็นเมียจริงๆ”
เชนหัวเราะชอบใจ
“หึงก็บอกว่าหึงเถอะ ฉันรับได้เพราะหล่อๆ อย่างฉันอยู่ใกล้เธอทุกวัน ก็เหมือนน้ำหยดลงบนหิน ทุกวัน หินมันก็ต้องมีกร่อนบ้าง”
วัลภาผลักเชนอย่างหมั่นไส้แล้วเดินจ้ำเบ้ปากอออกไป เชนมองตามแล้วอมยิ้มชอบใจ

วัลภาเดินหน้าหงุดหงิดมาตามทาง แต่เจอเชนกระโดดเข้ามาขวาง วัลภาจะผลักเชน แต่กลับโดนรวบกอดไว้
“ฉันว่าเธออย่าปากแข็งไปหน่อยเลยวัลภา ถ้าเธอจะรู้สึกดีกับฉัน เธอก็แสดงออกมาเถอะ เราจะได้พูดคุยกันดีๆ ไม่ต้องมาต่อยตี หาเรื่องทะเลาะกันไปมา”
วัลภาเบ้ปาก
“ฉันเนี่ยนะหาเรื่อง คนที่ชอบหาเรื่องมันเป็นนายมากกว่า เริ่มจากปล่อยฉันอย่ามากอดฉันแบบนี้”
“ไม่ปล่อย เธอก็เห็นแล้วนี่ เราสองคนต้องเข้าขากันจริงๆ ถ้ายิ่งมองตาแล้วรู้ว่าต้องการอะไรได้ ล่ะก็ นั่นก็ยิ่งทำให้ภารกิจลับของเราเจออันตรายน้อยลงเท่านั้น ฉันไม่ชอบเลยจริงๆ เวลาเห็นเธอเจ็บตัวกลับมา แบบเมื่อคืนนี้ เลิกทะเลาะกัน แล้วดีกันเถอะนะวัลภา”
วัลภานิ่งไป ลึกๆ แล้วก็รู้สึกอย่างที่เชนบอกเหมือนกัน ระหว่างนั้นเพลิง ก็แบกกลองยาว เดิน เข้ามา วัลภารีบผลักเชนออกจากตัวเพราะอาย ขณะที่เพลิงก้มหน้าก้มตา ขนเครื่องดนตรีไปทำความสะอาด โดยไม่สนใจ
“รู้จักมีมารยาทหน่อยนะพี่บึ้ก ผัวเมียเขาจะจู๋จี๋กัน เข้ามาให้ดูตาม้าตาเรือบ้าง หรือว่าพี่บึ้กอิจฉา เห็นฉันมีเมียสวย ส่วนตัวเองแห้งเหี่ยว หัวโต”
เชนหัวเราะชอบใจ แต่กลับโดนวัลภากระทืบเท้าจนต้องรีบหุบปาก แถมโดนตบหน้าไปอีกฉาดนึง “คนที่ต้องรู้จักมารยาทน่ะ นายต่างหาก”

วัลภาโกรธสะบัดหน้าเดินออกไป

วัลภามองเพลิง ที่กำลังทำความสะอาดเครื่องดนตรีอยู่ เลยเข้าไปคุยด้วย ตามประสาคนอยู่ร่วมบ้านเดียวกัน
“พี่เพลิงจ๊ะ ฉันขอโทษแทน เอ่อ สามีฉันด้วยนะ เขาก็เป็นคนแบบนี้แหละ ปากเสียได้ตลอด เวลา”
เพลิงยิ้มรับ
“ไม่เป็นไรหรอกวัลภา เชนอาจจะจะดูกวนๆชอบหาเรื่อง แต่ไอ้หมอนั่นก็ถือว่าเป็นลูกผู้ชายจริงๆ เห็นใครเดือดร้อนก็ไม่ยอมอยู่เฉย พี่เองก็นับถือเรื่องนี้เขาอยู่”
“จ้ะพี่เพลิง ว่าแต่เห็นพี่เพลิงมาทำงานที่นี่ก็หลายวันแล้ว เรายังไม่ได้คุยกันเลยเนอะ”
“พี่ก็มีเรื่องจะถามวัลภาอยู่เหมือนกัน อยากรู้ว่าพี่ลำดวนเป็นยังไงบ้าง”
“แม่ฉันน่ะเหรอ พี่มาอยู่ที่นี่ไล่ๆกับฉัน พี่ก็น่าจะเห็นเหมือนที่ฉันเห็นว่าไอ้พวกนั้นมันเป็นยังไง”
วัลภาพูดไปก็ถอนใจด้วยสีหน้าเป็นห่วงแม่ เพลิงสงสารวัลภาเลยเข้าไปตบบ่าปลอบใจ
“พี่ลำดวนเป็นผู้หญิงที่เก่งมากนะวัลภา ชีวิตพี่ลำบากลำบนมากตั้งแต่เข้ากรุงเทพฯเพื่อไปตามล่า ความฝัน ถ้าตอนนั้นไม่ได้พี่ลำดวนช่วย พี่ก็คงไม่มีโอกาสได้ร้องเพลง แล้วก็คงไม่มีโอกาสได้เจอ”
เพลิงนิ่งไป วัลภาที่พอจะรู้มาบ้าง เลยถามต่อ
“คนรักของพี่ที่ถูกฆาตกรรมใช่มั้ยจ๊ะ”
เพลิงหน้าเศร้า
“ฉันขอโทษจ้ะพี่ ฉันเคยได้ยินพวกในไนท์คลับพูดเรื่องของพี่ แต่ฉันคิดเหมือนแม่นะว่าพี่ไม่ได้ คนฆ่าคนรักของพี่ พี่ถูกใส่ร้าย”
“ขอบใจวัลภา ตอนนั้นตอนที่พี่ถูกจับแล้วพยายามบอกทุกคนว่าพี่ไม่ใช่ฆาตกร แต่ก็ไม่มีใคร เชื่อพี่เลย จะมีก็แต่พี่ลำดวนคนเดียวที่ไม่เคยทิ้งพี่”
พูดพลาง เพลิงก็ซึมไป เมื่อคิดถึงเรื่องในอดีต

เพลิงในชุดนักโทษนั่งรออยู่หลังลูกกรงในห้องเยี่ยมนักโทษ ระหว่างนั้นลำดวนเข้ามานั่งฝั่งตรง ข้าม คุยกันผ่านลูกกรง
“พี่ลำดวน เป็นยังไงบ้างครับพี่ พอจะมีทางช่วยผมได้รึเปล่า”
ลำดวนมองหน้าเพลิง ด้วยความเห็นใจ
“พี่พยายามยืนยันกับตำรวจแล้วนะเพลิง เพลิงที่พี่รู้จักเป็นคนดี ไม่มีทางทำเรื่องร้ายกาจแบบนั้น กับฟ้างามได้”
“แล้วพวกเขาเชื่อรึเปล่าครับ”
ลำดวนถอนหายใจ
“คำพูดของนักร้องดาวโรยอย่างพี่ ที่ชีวิตวนเวียนอยู่กับผู้ชายไม่ซ้ำหน้า มันทำให้ไม่มีน้ำหนัก ในสายตาของพวกเขาเลย พี่ขอโทษนะเพลิง”
ลำดวนน้ำตาคลอ เพลิงคอตก หมดความหวัง
“หมายความว่าผมต้องติดคุก รับผิดแทนไอ้ฆาตกรที่มันลอยนวล ผมไม่ได้ฆ่าฟ้างามนะครับ ผม ไม่ได้ฆ่าเธอ”
เพลิงกระชากลูกกรงที่กั้นระหว่างเขากับลำดวน ผู้คุม ที่คุมอยู่ด้านหลังรีบเข้ามากระชากเพลิง ออก พลางใช้กระบองตีให้สงบ
“ช่วยผมด้วยครับพี่ลำดวน เรียกร้องความยุติธรรมให้ผมด้วย”
“พี่จะพยายามนะเพลิง พี่จะพยายาม”
ลำดวนตะโกนบอก พร้อมกับมองเพลิงที่ถูกพาตัวกลับเข้าไป

วัลภามองเพลิงด้วยความเห็นใจ
“แม่ก็เล่าให้ฉันฟังเหมือนกัน ว่าแม่พยายามคุยกับคนที่พอจะช่วยพี่ได้ทุกคนแล้ว แต่สุดท้าย ก็ไม่สำเร็จ”
“แต่ถึงจะช่วยพี่ไม่สำเร็จ พี่ก็ถือว่าชีวิตพี่เป็นหนี้บุญคุณพี่ลำดวนอยู่มาก พี่ต้องอยู่ในคุก คนที่ ช่วยจัดการเรื่องทำศพคนรักของพี่ ก็มีแต่พี่ลำดวน วัลภาโชคดีแล้วที่มีแม่เป็นคนจิตใจงามแบบนี้”
วัลภาพยักหน้า“จ้ะพี่ ฉันเองก็คิดอยู่ทุกวันว่าสักวันฉันช่วยปลดปล่อยแม่จากพวกนั้นได้ พี่เพลิงจ๊ะ ถ้าฉันจะขอ ให้พี่ช่วยอะไรฉันสักอย่าง พี่เพลิงจะช่วยฉันได้มั้ย”
“วัลภาอยากจะให้พี่ช่วยอะไรล่ะ” เพลิงย้อนถาม
“คือฉันอยากฝึกเชิงมวยไว้ป้องกันตัวจ้ะ เห็นพี่มีฝีไม้ลายมือดี ถ้าฉันได้ฝึกไว้บ้าง เวลาแม่ เดือดร้อน ฉันจะได้ไว้ช่วยแม่ได้”
“จะดีเหรอวัลภา”
“ก็แล้วทำไมจะไม่ดีล่ะพี่เพลิง ฉันไม่ได้เอาไปทำร้ายใครสักหน่อย ไว้ป้องกันตัวอย่าง เดียว นะจ๊ะ พี่เพลิง ช่วยฝึกฉันให้เก่งอย่างพี่”

เพลิงนิ่งมองวัลภาอย่างครุ่นคิด

เอื้อมเดือนนั่งพิงเสาเหม่อลอย อยู่ที่ระเบียงบ้านพัก แววตาเศร้า เพราะความเสียใจเรื่องเมื่อ คืนนี้ที่เพลิงปฏิความรักของเธอ คิดพลางน้ำตาก็พาลจะไหล
จังหวะนั้น ติ๋มก็ขี่จักรยานเข้ามาที่หน้าบ้าน พลางตะโกนเรียก “คุณหมอคะ คุณหมอ”
เอื้อมเดือนได้ยินเสียงเรียก ก็รีบปาดน้ำตา ปกปิดความเสียใจ แล้วรีบทำตัวเป็นปกติ
“ว่าไงจ้ะติ๋ม มาแต่เช้าเชียว”
“ตั้งใจจะแวะมารับคุณหมอไปทำงานค่ะ ได้ยินพวกชาวบ้านลือกันเรื่องโจรที่บุกเข้ามาปล้น แล้วเป็นห่วง ไม่อยากให้คุณหมอเดินทางไปทำงานคนเดียว”
เอื้อมเดือนฝืนยิ้มให้ “ฉันไม่เป็นไรหรอก เสียเวลาติ๋มเปล่าๆ”
“ไม่เสียเวลาหรอกค่ะ อ้อ ติ๋มเกือบลืมไป ว่าจะเอามาให้คุณหมอตั้งแต่เย็นวาน แต่ยุ่งๆเลยลืม นี่ค่ะ”
พูดพลางเอาจดหมายงสามฉบับที่ถูกตีกลับมายื่นให้เอื้อมเดือน
“จดหมายที่คุณหมอส่งไปกรุงเทพฯ แต่ไม่มีคนรับ เลยถูกตีกลับมาค่ะ”
เอื้อมเดือนรับจดหมายมาดูอย่างแปลกใจ ติ๋มชะโงกหน้ามองอย่างอยากรู้
“ถูกตีกลับมาตั้งหลายฉบับเลยนะคะ คุณหมอเขียนถึงใครเหรอ”
“จดหมายที่เขียนถึงพี่ชายฉันจ้ะ”
“เหรอคะ แต่ไม่ตอบกลับมาสักฉบับเลยแบบนี้ มีอะไรรึเปล่าคะคุณหมอ”
เอื้อมเดือนมองจดหมาย แล้วก็นึกกังวลใจ

ผู้กองสมาน ที่ถูกจับมัดติดกับเก้าอี้อยู่ในเต๊นท์ โดนไอ้คมซัดหมัดเข้าหน้าจังๆ หลายหมัด จนหน้า ยับเยิน เลือดกลบปาก แต่ยังฉีกยิ้มอย่างไม่กลัวเกรง
“นี่เหรอวะ ไอ้คม เขี้ยวพยัคฆ์มือดีของเจ้าพ่อยาเสพติดชื่อดัง สงสัยจะเพิ่งหัดชกมวยเอาตอนแก่”
ไอ้คม จ้องหน้าผู้กองสมานอย่างเอาเรื่อง พลางหันไปคว้าแท่งเหล็ก ที่อยู่ในเตาไฟร้อน จน แดงฉาน จะใช้เล่นงานสมาน ทันใดนั้นลายเสื้อก็เข้ามาขัดจังหวะ
“หยุดก่อนไอ้คม”
ไอ้คมชะงัก หันไปเห็นลายเสือกับฟ้าลั่นพากันเข้ามา ลายเสือเข้ามามองผู้กองสมานอย่าง พิจารณา
“ลูกชายผมไปบอกว่าผู้กองคนเก่ง ทั้งอึดทั้งถึกกว่าทุกคนที่พวกเราจับตัวมาได้ มาเห็นแบบนี้ ผมเริ่มเชื่อแล้ว”
ผู้กองสมานเชิดหน้านิ่ง
“ไอ้ที่ฉันไม่รู้สึกเจ็บเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะว่าฉันคิดอยู่เสมอว่าความดีมันย่อมชนะ ความเลว ฉันถึงอดทนได้ทุกอย่าง เพื่อรอดูพวกเลวๆ อย่างแกถึงจุดจบ”
“โดนขนาดนี้แล้วยังปากดีอีก เก็บมันไปเลยดีกว่าพ่อ”
ฟ้าลั่นทนไม่ไหว จะเข้าไปจัดการ แต่กลับโดนลายเสือส่ายหน้าตวาดกลับ
“เฮ้ย เอ็งอย่าเพิ่งยุ่ง .คนอย่างลายเสือ คำลือเจ้าพ่อค้ายาเสพติดชื่อดัง ไม่ยอมเก็บตำรวจที่ลอบ เข้ามาในค่ายแบบนี้ ชักรู้สึกแล้วสิว่ากำลังมีบรรยากาศของการต่อรองเกิดขึ้น”
พูดพลางก็จ้องตาเขม็ง ขณะที่ผู้กองสมานยิ้มเยาะ ที่มุมปากพร้อมจ้องหน้ากลับ
“ที่แกยังไม่อยากเล่นงานฉัน เพราะอยากรู้ว่าฉันมาสืบข่าวอะไรของพวกแกไปได้บ้าง แล้วป่านนี้ ข้อมูลของพวกแกจะไปถึงมือผู้ใหญ่แล้วรึยัง”
ขาดคำ ฟ้าลั่นที่หมั่นไส้จนทนไม่ไหว ปราดเข้ามาชกหน้าอย่างจัง
“อีกไม่นานแกก็จะกลายเป็นศพอยู่แล้วยังกล้ามาผยองใส่พ่อข้าอีก”
ลายเสือ หันมาทางลูกชาย
“มันพูดถูกแล้วฟ้าลั่น ข้าอยากรู้”
“ตอนนี้คนของฉันคงยังรอฉันอยู่” ผู้กองสมานหมายถึงลูกน้อง ที่ถูกสั่งให้กลับไปทำรายงานส่งผู้บังคับบัญชา
”มีฉันกับเขาเท่านั้นที่มีข้อมูลของพวกแก ถ้าแกยอมตกลงตามที่ฉันขอ ฉันจะบอกให้ว่า คนของฉันอยู่ที่ไหน”
ลายเสือยิ้มเยาะ
“ผู้กองใจเด็ดอย่างแก ถึงกับยอมขายพวกเดียวกันเนี่ยนะ น่าสนใจว่าอะไรคือสิ่งที่แกอยากได้ จากฉัน”
ยังไม่ทันจะได้รับคำตอบ ฟ้าลั่นก็พูดแทรกขึ้นมา
“มันก็คงอยากได้ชีวิตของมัน เหมือนพวกหมาจนตรอกที่ถึงเวลาก็ยอมขายพวกเดียวกัน”
ผู้กองสมานส่ายหน้า
“เปล่า ชีวิตฉันมันไม่มีค่าอะไรหรอก ถ้าชาตินี้ยังไม่ได้จัดการกับไอ้เพลิง”
ลายเสือสีหน้าแปลกใจเมื่อได้ยินชื่อเพลิง
“แกหมายถึงไอ้เพลิง พญาไฟ”

“ใช่ ไอ้เพลิง พญาไฟที่ร่วมมือกับพวกแกทำเรื่องชั่วๆ ฉันจะขอจัดการกับมันเอง แล้วฉันจะบอก ให้ว่าคนของฉันอยู่ที่ไหน”

เพลงรักผาปืนแตก ตอนที่ 7 (ต่อ)

พอผู้กองสมานพูดจบ ไอ้คมก็รีบขยายความต่อทันที“เคยได้ยินพวกลูกน้องที่พ้นคุกมาพูดกันว่าไอ้เพลิงกับผู้กองเป็นอริกัน มาจากความแค้นส่วนตัว ครับนาย”
ลายเสือนิ่งคิดแล้วหันไปมองหน้าลูกชายอย่างรู้กัน
“ก็ได้ ตกลง แกจะได้เจอกับไอ้เพลิง”

ผู้กองสมานถูกพาตัวออกมาหน้าเต๊นท์ แต่กลับไม่เจอใคร
“ไอ้เพลิงอยู่ไหน ส่งมันมาให้ฉัน แล้วฉันจะบอกทุกอย่างที่แกอยากรู้”
ลายเสือยิ้มเยาะ
“อยากเล่นงานไอ้เพลิงมากเหรอผู้กอง คิดว่าฉันไม่รู้ทันแกเหรอ ไอ้ผู้กองสมาน ตำรวจบ้าเลือด อย่างแกไม่มีวันขายเพื่อนแน่ และเพราะไอ้ความบ้าระห่ำมั่นใจตัวเองของแกนี่แหละ ที่มันทำให้แกต้องตามไปอยู่ ในนรกกับไอ้เพลิง”
ผู้กองสมานได้ยินกถึงกับอึ้ง “แกว่าไงนะ”
ลายเสือยังไม่ทันตอบ ฟ้าลั่นก็ชิงพูดแทรกขึ้นมา“ยังไม่เข้าใจอีกเหรอผู้กอง ไอ้เพลิงน่ะมันตายไปแล้ว มันโดนคนของพ่อฉันเก็บไปตั้งนานแล้ว ป่านนี้ศพมันคงเป็นปุ๋ยอยู่แถวไหนแล้วก็ไม่รู้”
“ไม่จริง”
ผู้กองสมานแทบไม่เชื่อหูตัวเอง ขณะที่ลายเสือยิ้มเหยียด
“น่าเสียดายนะ ที่คนมีฝีมืออย่างผู้กองจะต้องมาตกม้าตาย เพียงเพราะแค่ความแค้นที่มันบังตา ทำให้ผู้กองคิดน้อยไปนิด”
ผู้กองสมานจะฮึดสู้ แต่กลับโดนไอ้คมจับมาอัดเข้าลิ้นปี่จนจุก
“พวกแกก็อย่าหวัง ว่าพวกแกจะรอด คนของพวกฉันจะต้องยกกำลังมาถล่มพวกแก”
“ถ้าคิดว่าลายเสือ คำลือ เป็นราชาค้ายาเสพติด 3 แผ่นดินได้เพราะจับฉลากกาชาดได้มาล่ะก็ เก็บเอาไปฝันหวานแล้วกัน ไอ้ฟ้าลั่นจัดทัพของเราให้พร้อม พวกมันบุกมาเมื่อไหร่ เราจะตอบโต้มันให้กระจุย”
ฟ้าลั่นรับคำ พลางพลางต่อ
“แล้วไอ้ผู้กองใจเด็ดนี่ล่ะครับ”
“ไอ้คมคงอยากควักลูกตามันออกมาสักข้าง ใช่มั้ยไอ้คม”
ไอ้คมยิ้มเหี้ยม พลางชักมีดพกเดินเข้าไป คมมีดต้องแสงแดดวิบวับกระทบหน้า ชั่วอึดใจเดียว เสียงร้องเจ็บปวดของผู้กองสมานก็ดังลั่นไปทั่ว

เชนเดินหน้ามึนๆ มานั่งที่ลานซ้อม น้อยเพิ่งมาถึงเห็นเชนก็เลยเรียก
“อยู่นี่เองไอ้หลานชาย ว่าจะไปหาที่บ้านซะหน่อย”
เชนที่ยังหูอื้อไม่หาย ได้ยินไม่ถนัด เลยตอบกลับไปว่า
“สวัสดีจ้ะน้า อิ่มแล้วจ้ะ”
น้อยทำหน้างง “ข้าไม่ได้ถามเอ็งว่ากินข้าวรึยัง”
“อะไรนะจ๊ะน้า น้าพูดดังๆหน่อย ไอ้บึ้กมันเพิ่งเล่นงานฉัน ทำหูฉันอื้ออยู่เนี่ย”
“แล้วเอ็งไปมีเรื่องอะไรกับเขาอีก”
แต่เชนกลับได้ยินคำถามไปคนละเรื่อง“น้าฟังฉันไม่เข้าใจเหรอ ยังมาถามเรื่องฉันกินข้าวรึยังอยู่ได้”
“คุยกันแบบนี้วันนี้มันจะรู้เรื่องมั้ยเนี่ย” น้อยหงุดหงิดรำคาญเลยเข้าไปเอามือบีบจมูกเชน
“เอ้า กลั้นหายใจแล้วกลืนน้ำลายเข้าไปเผื่อมันจะช่วยได้มั่ง”
“โว้ย ฉันหายใจไม่ออกนะน้า ปล่อยได้แล้ว หายแล้ว”
น้อยยอมปล่อยมือ “ถ้าคุยกันรู้เรื่องแล้ว ไหนเอ็งเล่ามาสิ เอ็งไปมีเรื่องอะไรกับไอ้เพลิงมันอีก”
แต่ยังไม่ทันที่เชนจะบอก น้ำค้างก็รีบรี่วิ่งเข้ามา
“พี่เชนจ้ะ พี่เชน รีบไปดูกันเร็ว”
น้ำค้างกระชากมือพาเชนออกไป น้อยมองตามสงสัย

เชนตามน้ำค้างออกมานอกบ้าน ทันเห็นวัลภาซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ โอบเอวเพลิงแน่น “วัลภา จะไปไหน วัลภา”
เชนได้แต่มองตามตาปริบๆ น้ำค้างเสนอหน้าใส่ความทันที
“เกาะเอวกอดกันแน่นแบบนี้ จะควงกันไปไหนได้ล่ะจ้ะพี่เชน”
น้อยหันมามองค้อน
“นังน้ำค้าง ปากน่ะอย่าหาเรื่องให้ผัวเมียเขาเข้าใจผิดกันได้มั้ย”
“ฉันหาเรื่องที่ไหนล่ะพี่น้อย ฉันก็พูดตามที่ฉันเห็น ตอนฉันเข้ามา ฉันเห็นสองคนนั่นแอบคุยกัน ลับๆล่อๆ ก็เลยรีบมาบอกพี่เชน”
“เขาอาจจะคุยธุระกันแล้วชวนกันออกไปทำธุระกันก็ได้”
“เหรองั้นถามพี่เชนดีกว่ามั้ย” น้ำค้างลอยหน้าลอยตา” พี่เชนจ๋า เมียพี่มีธุระอะไรกับหมอนั่น รึเปล่าจ้ะ”
“วัลภาไม่มีเรืองอะไรที่จะเป็นธุระกับไอ้หมอนั่น”
เชนพูดพร้อมกัดกรามแน่น แล้วเดินเข้าไปในบ้านด้วยความหงุดหงิด น้ำค้างได้ทีทับถมน้อย
“เห็นมั้ยจ๊ะพี่น้อย ขนาดผัวยังไม่รู้เรื่องเลย งั้นธุระที่เมียแอบหนีผัวซ้อนมอเตอร์ไซค์ไปกับผู้ชาย อื่น ก็คงเป็นธุระที่น่าจะเรียกว่าลับๆ ล่อๆ”
พูดจบก็รีบตามเชนเข้าไปในบ้าน น้อยมองตามด้วยความหมั่นไส้

เพลิงพาวัลภาเดินเข้ามาในกระท่อมท้ายวัด
“จะฝึกกันที่นี่เหรอจ้ะพี่เพลิง ฉันไม่อยากให้เชนรู้แล้วตามมา”
เพลิงมองวัลภาอย่างสงสัย
“ทำไมวัลภาต้องกลัวด้วยล่ะ พี่นึกว่าเชนรู้แล้วว่าวัลภามาขอให้พี่ฝึกมวยให้”
วัลภาส่ายหน้า
“ให้รู้ได้ยังไงล่ะจ้ะพี่ เขาน่ะไม่ค่อยชอบหน้าพี่เท่าไหร่ ขืนรู้ว่ามาฝึกมวยกับพี่ ได้คลั่งตายแน่”
“งั้นพี่ว่าวัลภากลับไปให้เชนฝึกมวยให้ดีกว่า พี่ไม่อยากมีปัญหากับเขา”
“ไม่ได้หรอกจ้ะพี่ ขืนไปขอให้เขาช่วยสอนให้ ตีกันตายแน่”
เพลิงมองหน้าวัลภา “ผัวเมียกัน ทำไมไม่คุยกันล่ะ”
“แหม พี่เพลิงก็พูดเหมือนไม่เคยมีแฟน พี่เพลิงเคยเห็นแฟนกันสอนขับรถให้กันรึเปล่า”
เพลิงพยักหน้า “นั่นสิ แทบจะเลิกกันเกือบทุกคู่”
“งั้นพี่เพลิงก็ช่วยสอนฉันได้แล้วใช่มั้ยจ้ะ แล้วเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับของเราสองคน”
เพลิงคิดอยู่ครู่ก่อนจะพยักหน้ารับ วัลภายิ้มอย่างดีใจ

วัลภาอยู่ในท่าเตรียมพร้อม ขณะที่เพลิงยืนนิ่งๆ
“ ก่อนจะเริ่มกัน ขอพี่ดูว่าวัลภามีพื้นฐานอะไรมาบ้าง มีเท่าไหร่งัดออกมาให้หมดเลย คิดซะว่าพี่ เป็นคนที่วัลภาอยากอัดให้สลบ”
“คนที่ฉันอยากอัดให้สลบน่ะเหรอ”
วัลภานิ่งครุ่ยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะลองหลับตาจินตนาการ เมื่อลืมตาขึ้น ภาพที่เห็นตรงหน้า คือภาพของเชน ที่ทำท่าเต้นกวนๆยั่วโทสะ วัลภากำหมัดแน่น จนเพลิงเริ่มแปลกใจ
“ไอ้บ้า แกตาย”
วัลภาร้องเสียงดังลั่นด้วยความโกรธแล้วปรี่วิ่งเข้าไปใส่เพลิงไม่ยั้ง
“ใจเย็นวัลภา ใจเย็น”
เพลิงตั้งรับไม่ทัน พยายามร้องห้าม แต่แต่วัลภาเลือดเดือดขึ้นหน้า โถมใส่เพลิงชนิดรัวหมัดเป็น ชุด

เชนเข้ามาที่ลานวัด พลางมองหาเพลิงกับวัลภา ระหว่างนั้นเหลือบไปเห็นยอดกำลังล้างบาตรอยู่
ก็รีบปรี่เข้าไปถาม
“มันอยู่ไหน บอกมาเดี๋ยวนี้ว่ามันอยู่ไหน”
ยอดโดนกระชากเสื้อ ได้แต่มองหน้าเชนอย่างงงๆ
“เฮ้ย พูดจาดีๆไม่ได้เหรอไงวะ เดี๋ยวก็เอาบาตรฟาดปากซะเลยนี่ไอ้จิ๊กโก๋”
“คนที่แกควรจะไปฟาดปากน่ะ ควรเป็นเพื่อนแกต่างหาก”
“ไอ้เพลิงน่ะเหรอ ? นี่แกไปหาเรื่องอะไรมันอีก”
เชนหน้าตึง
“มันต่างหากที่มาหาเรื่องฉัน มันพาเมียฉันซ้อนมอเตอร์ไซค์แล้วหายไปด้วยกัน ถ้าแกไม่ บอกว่ามันอยู่ไหน ฉันจะเอาเรื่องแกคนแรก”
“ฉันว่าแกเข้าใจผิดแล้ว คนอย่างไอ้เพลิง ไม่มีทางทำเรื่องผิดศีลธรรม”
เชนเบ้ปาก
“พาเมียคนอื่นหายไปด้วยกันเนี่ยนะบอกไม่ผิดศีลธรรม งั้นไว้แกมีเมียเมื่อไหร่ ฉันจะพาซ้อนท้าย หายไปมั่ง”
“อ้าว เฮ้ย ไอ้จิ๊กโก๋ พูดแบบนี้มันวอนนี่หว่า”
ยอดง้างหมัดจะเอาเรื่อง เชนก็ตั้งท่ารับ แต่แสนเข้ามาขัดจังหวะก่อน
“ไอ้เชน หยุดก่อน เอ็งต้องมากับข้าก่อน ไปเถอะน่า”
แสนเข้าไปล็อกแขนลากตัวเชนออกมา ยอดมองตาม พลางส่ายหน้า

แสนลากเชนออกมานอกวัด ขณะที่เชนยังไม่เลิกโวยวาย
“ฉันกำลังยุ่งอยู่นะน้า ไอ้บึ้กมันพาเมียฉันซ้อนมอเตอร์ไซค์หายไปด้วยกัน ฉันต้องไปตามเมีย กลับมา”
“นังน้อยมันบอกข้าแล้ว แต่ไม่มีอะไรหรอก คงไปธุระปะปังอะไรกัน เอ็งอย่าคิดมาก”
“จะไม่ให้คิดได้ไง มันเขม่นกับฉันอยู่ มันอาจจะปากหวานคิดล่อลวงเมียฉันอยู่ก็ได้”
แสนยิ้มขำ“พูดอย่างเอ็งไม่รู้จักเมียดีงั้นแหละ อย่างวัลภาเนี่ยนะจะถูกผู้ชายปากหวานล่อลวง ข้าว่าใคร มาทะลึ่งปากหวานใส่ มีหวังโดนปากแตกกลับไปก่อนซะมากกว่า ข้าเอาหัวแก่ๆของข้าเป็นประกัน เมียเอ็งไม่ได้ ไปทำอะไรให้เอ็งเสียหน้าหรอก แต่ถ้าเอ็งไม่รีบไปกับข้าจะมีเรื่องเสียหายตามมา”
“เรื่องเสียหาย ?”

เพลิงถูกวัลภาชกเข้าไปเต็มๆจนเพลิงเซผงะถอยมามึน ส่วนวัลภาชกไปแล้วเชิดหน้าสะใจ
“พี่เพลิง ฉันขอโทษ ก็พี่บอกให้ฉันนึกถึงคนที่ฉันอยากอัดให้สลบ ฉันก็เลยใส่ไม่ยั้งเลย”
“ใครเหรอที่อยากอัดให้สลบ” เพลิงย้อนถาม
“ก็ ผัวฉันเองจ้ะพี่”

“อย่าบอกนะว่าที่อยากฝึกมวยเพราะจะเอาไปปราบผัว แบบนี้พี่ช่วยไม่ได้ พี่ไม่สนับสนุนให้ใช้ กำลังตัดสินปัญหาครอบครัว”

วัลภาส่ายหน้า
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกจ้ะพี่เพลิง ฉันไม่ได้อยากเก่งเพื่อไปปราบผัวซะหน่อย ก็อย่างที่บอกนั่นแหละ ไว้ป้องกันตัวเผื่อจำเป็นต้องช่วยแม่ สัญญาจริงๆ พี่เพลิง ฉันเก่งเมื่อไหร่ ฉันจะไม่เอาไปใช้กับผัวแน่นอน”
เพลิงพยักหน้ารับ ไม่ทันเฉลียวใจว่าวัลภาแอบไขว้นิ้วอยู่ข้างหลัง
เสียง เอะอะดังลั่นดังออกมาจากบ้านหลังหนึ่ง เมื่อไอ้เชิดพร้อมลูกน้อง เข้าไปลากคอเจ้าของไร่ ซึ่ง เป็นชายท่าทางกำยำมาโยนลงที่พื้นแทบเท้าชาติ
“ฉันไม่รู้เรื่องอะไรเลยจริงๆ ฉันกับเมียก็แค่ทำไร่ไถนาไปวันๆ”
ชาติหรี่ตามองแล้วเตะเสยปลายคางทีเดียว จนชายคนนั้นเลือดกลบปาก
“ยังไม่ทันถามแต่ดันทะลึ่งตอบ แล้วจะสอบสวนรู้เรื่องมั้ย เฮ้ยไอ้เชิด เจอเมียมันรึยัง”
จังหวะนั้น ลูกน้องไอ้เชิด ก็ไปพาตัวหญิงสาวซึ่งเป็นเมียชายหนุ่มออกมา
“พี่ พี่จ๋า”
เมียจะปรี่เข้าไปหาผัวแต่ถูกชาติเข้าไปจิกผมเอาไว้
“แกมันหาเรื่องใส่ตัว แถมยังทำให้ฉันต่องเสียเวลาออกมาวุ่นวายอีก สารภาพมาซะดีๆ แกคือ ไอ้โจรคู่ผัวเมีย ไอ้เสือกับนางสิงห์ใช่มั้ย”
“ปละ เปล่า เราไม่ใช่โจร เราเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดา”
ชาติชกเข้าที่ท้องหญิงสาวจนจุกตัวงอ ก่อนนจะหันไปสั่งพรรคพวก
“ค้นบ้านพวกมันให้ทั่ว แล้วหาหลักฐานให้เจอ”
เชิดกับลูกน้องรับคำสั่ง พลางเข้าไปรื้อค้นในบ้านทุกซอกทุกมุม ขณะที่ชาติชักปืนแมกนั่ม ประจำตัวออกมา แล้วควงอย่างคล่องแคล่ว พร้อมกับชี้หน้าสองผัวเมีย
“ถ้าเจอหลักฐานขึ้นมาล่ะก็ ใครจะเป็นคนแรกที่โดนเป่าสมองดี ผัวหรือเมีย ไอ้เสือหรือนางสิงห์”

เชนกับแสนแอบซุ่มดูอยู่ห่างๆเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด เชนกำหมัดแน่น ด้วยความเจ็บใจ
“ไอ้ชาติ เลวแบบมึงต้องเจอกู”
พูดพลางลุกจะเข้าไป แต่แสนรีบคว้าตัวเอาไว้ทัน
“อย่านะเว้ยไอ้เชน ถ้าเอ็งโผล่หน้าออกไป ทุกอย่างที่เอ็งกับวัลภาทำไปได้พังหมดแน่ ที่พามาดู ไม่ใช่จะให้เอ็งวู่วาม ข้าอยากให้เอ็งมาเห็นกับตา ว่าผลกระทบที่ตามมา เพราะความคิดอยากตอบโต้พวกมัน เป็นยังไง”
เชนนิ่งไปมองไปที่ชาติซึ่งยังใช้ปืนข่มขู่คนบริสุทธิ์
“เอ็งกับวัลภาต้องพร้อมให้มากกว่านี้ ไม่อย่างนั้นก็รับมือกับพวกมันไม่ได้แน่”

“ไม่เจอหลักฐานอะไรเลยครับพี่ชาติ ผมว่าพวกมันไม่ใช่ไอ้เสือกับนางสิงห์”
ไอ้เชิดกลับออกมารายงาน
“ไหนเอ็งบอกว่าใช่ไง”
ชาติหัวเสีย เลยผลักไอ้เชิดจนเซ แล้วมองหน้าผัวเมียที่อยู่ในอาการตื่นกลัว ก่อนที่จะกระชากคอไอ้เชิดเข้ามากระซิบ
“พวกชาวบ้านผาปืนแตก คาดหวังว่าข้าจะเป็นคนดูแลทุกชีวิตให้ปลอดภัย เพราะฉะนั้น.ข้าต้องมี ผลงานกลับไป”
“งั้นเอาอย่างนี้มั้ยพี่ชาติ เห็นพวกมันดูจนๆแบบนี้ แต่ในบ้านมันมีของมีค่าเยอะแยะ ดูยังไงก็ ผ้าขี้ริ้วห่อทอง”
ชาติหรี่ตามองไอ้เชิด พลางคิดตาม
“งั้นเอาพวกมันไปขังไว้ก่อน ยัดข้อหาอะไรไปก่อนก็ได้ ให้พวกชาวบ้านเห็นว่าทุกชีวิตปลอดภัย ในมือไอ้ชาติ”
ไอ้เชิดรับคำ พลางเข้าไปจับผัวเมียชาวบ้านมาใส่กุญแจมือ ก่อนจะพยักหน้าให้พรรคพวกเข้า คุมตัว แล้วพาผัวเมียขึ้นรถจี๊ปออกไป
เชนกับแสนก้าวออกมามองตามรถจี๊ปของพวกไอ้ชาติออกไป พลางกำหมัดแน่น
“ความยุติธรรมมันมีอยู่จริงๆไอ้ชาติ แล้วเอ็งจะได้เห็นกับตาแน่”

ทางด้านวัลภาก็กำลังตั้งอกตั้งใจฝึกเชิงมวยอยู่กับเพลิง
“วัลภามีพื้นฐานที่ดีอยู่แล้ว แค่จับทางให้ถูก ว่าต้องทำยังไง เดี๋ยวก็เก่งเอง”
“แล้วต้องทำยังไงล่ะพี่เพลิง”
เพลิงนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“เคยได้ยินพี่ลำดวนบอกว่าวัลภาชอบร้องเพลงเหมือนแม่ การต่อสู้มันก็เหมือนกับการร้องเพลง บน เวทีนั่นแหละ ใส่อารมณ์โก่งคอร้องไปอย่างเดียวฟังยังไงก็ไม่เพราะ มันต้องมีชั้นเชิง ลูกเล่น ลูกล่อลูกชน เห็น คนดูเหมือนคู่ต่อสู้ที่ต้องจับให้อยู่หมัด”
“โห พูดอะไรยากๆแบบนั้น แล้วฉันจะทำได้มั้ยล่ะพี่เพลิง”
“ลูกสาวนักร้องชื่อดังซะอย่าง อย่าให้เสียชื่อแม่สิ ใส่วิญญาณนักร้องไปพร้อมวิญญาณนักสู้ วัลภาทำได้อยู่แล้ว”
“งั้นชั้นจะลองดูอีกทีนะ”
วัลภาถอยมาตั้งหลักทำสมาธิ แล้วนึกถึงภาพตัวเองกำลังร้องเพลงอยู่บนเวที พร้อมเต้นยักย้าย ส่ายสะโพกกลมกลึง ทำเอาชายหนุ่มที่มานั่งฟังเพลงในไนท์กับถึงกับตาลุกวาว ยกเว้นก็แต่หนุ่ม ที่ใส่สูท สวม หมวกเท่ๆ ที่นั่งแอ็คท่าเหมือนไม่สนใจเธอ
ชายหนุ่มคนนั้นก็คือเชนนั่นเอง พอดนตรีมาถึงท่อนจังหวะสนุกวัลภาก็เข้าไปนั่งตักเชน คลึงสะโพกไปมาบนตัก พร้อมกับทำปากเจ่อยั่วเชนสุดฤทธิ์ จนเชนเคลิ้มไปตามอารมณ์ แต่ครั้นเชนจะโอบวัลภามาจูบ เธอกลับลุกเดินหนี พร้อมเชิดให้อย่างไม่ใยดี ทำเอาเชนหงุดหงิด

“มาลองดูจ้ะพี่เพลิง ฉันพร้อมแล้ว”
วัลภาตะโกนบอกเพลิง พลางเต้นประกอบเพลงในจังหวะเต้นรำ แทนที่จะเต้นฟุตเวิร์ค เหมือนการฝึกมวย
เพลิงพยักหน้ารับแล้วรุดเข้าไปปล่อยหมัดใส่ คราวนี้วัลภาผสมผสานจังหวะการต่อสู้ กับจังหวะ ดนตรี ที่เธอเต้น ทำให้เธอเต้นหลอกล่อ และหลบหมัดเพลิงไปได้

วัลภานึกถึงภาพตัวเอง เต้นยั่วยวนจนเชนหมดสิ้นฤทธิ์สิ้นเดช ก่อนที่จะเผด็จศึก ด้วยการยกเข่าขึ้นมากระแทกไปที่กล่องดวงใจอย่างแรง จนเชนค่อยๆทรุดอย่างหมดท่า

เพลิงหน้าดำหน้าแดงเพราะโดนวัลภากระแทกเข่าเข้ากล่องดวงใจอย่างจัง
“วัลภา สุดยอดเลยน้อง”
“พี่เพลิง ฉันขอโทษ พี่เป็นอะไรรึเปล่าจ้ะ”
เพลิงหงายหลังตึง วัลภาหน้าจ๋อยสนิท ระหว่างนั้นยอดเดินเข้ามาเห็นพอดี
“ไอ้เพลิง เป็นอะไรของเอ็งวะ”

เชนกับแสนเข้ามาในอู่ร้าง ขณะที่ท่าทางของเชนยังดูหงุดหงิดอยู่
“ฉันคิดแผนไว้แล้วน้า ถ้าไอ้ชาติอยากเจอไอ้เสือกับนางสิงห์ มันก็ต้องได้เจอ”
“ข้าดูหน้าเอ็งก็รู้ว่าต้องไม่พ้นคิดแบบนั้นแน่ แต่คราวนี้พวกมันคงรู้ตัวว่าต้องเผชิญหน้ากับเอ็ง ถ้าเอ็งกับวัลภา ไม่มีเขี้ยวเล็บที่คาดไม่ถึงจริงๆ เห็นทีจะรอดกลับมายาก”
“เขี้ยวเล็บ ?”
แสนยิ้ม ”ไอ้จิกมันกำลังซุ่มเสริมเขี้ยวเล็บให้พวกเอ็งแทบไม่ได้หลับได้นอนมา เดี๋ยวข้าพาไปดู”
แสนพาเชนเดินข้าไปด้านในอู่

จิกหลับเป็นตาย อยู่ที่โต๊ะเครื่องมือช่างกล ที่วางกองเต็มโต๊ะ ใกล้ๆกันมีมอเตอร์ไซค์ ที่มีผ้าคลุม ปกปิดมิดชิดเอาไว้
“ไอ้จิกเว้ย ข้าพาหลานมาแล้วเว้ย” แสนตะโกนปลุกเสียงดัง แต่จิกก็ยังไม่รู้สึกตัว “สงสัยมันจะซุ่มทำอาวุธเสริมเขี้ยวเล็บให้เอ็งจนน็อกหมดแรงว่ะ”
“แล้วเอาไงล่ะน้า ฉันอยากเห็นว่าน้าจิกทำอาวุธอะไรมาเสริมเขี้ยวเล็บให้ฉัน”
แสนมองไปที่โต๊ะเครื่องมือ เห็นกล่องปืนวางอยู่ แสนยิ้มแล้วยกมายื่นให้เชน
“นี่ไง เขี้ยวเล็บของไอ้เสือ”
เชนมองกล่องปืนอย่างสงสัย ก่อนจะค่อยๆเปิดออกมา แล้วหยิบปืนสั้นแม็กกาซีนลำกล้องคู่ สีดำเข้มขึ้นมา
“นี่มันปืนลำกล้องคู่นี่น้า”
แสนตาโต“เจ๋งว่ะ มิน่าไอ้จิกถึงซุ่มทำไม่ได้หลับไม่ได้นอน ข้าว่าเอ็งต้องลองดูสักหน่อยแล้วว่ะ”
เชนกำปืนแน่นแล้วพิจารณาทั่วๆถึงขนาดน้ำหนักแล้วครุ่นคิด

แสนเอาเป้าที่เป็นรูปคนครึ่งตัวไปตั้งไว้แล้วเดินกลับมาที่เชน
“ลองดูเว้ย เขี้ยวเล็บใหม่ของไอ้เสือมันจะขนาดไหน”
เชนเอาปืนลำกล้องคู่เหน็บเอวตั้งท่ามั่น สายตาจับจ้องไปที่เป้าหมายแล้วชักปืนออกมาอย่าง รวดเร็ว กระสุน 2 นัดพุ่งออกจากลำกล้องคู่พร้อมกันอย่างแรง แต่กลับไม่โดนเป้า
“ไหวมั้ยไอ้เชน สองนัดพร้อมกันยังไม่เข้าเป้าเลย”
“ยังไม่คุ้นมือน่ะน้า เอาใหม่”
เชนเหน็บปืนไว้ที่เอวแล้วตั้งท่าลองอีกที คราวนี้ลูกปืน 2 นัดพุ่งเข้าเป้ากลางลำตัวอย่างแม่นยำ
“สุดยอดเลยน้า แบบนี้สิเขี้ยวเล็บของจริงของไอ้เสือ”
“แค่นั้นมันยังไม่ใช่เขี้ยวเล็บของจริงของไอ้เสือหรอกเว้ย”
เชนกับแสนหันมาที่จิก ที่ยืนหาวอยู่ข้างๆมอเตอร์ไซค์ที่มีผ้าคลุม
“ตื่นแล้วเหรอน้า ถ้าปืนเจ๋งๆแบบนี้ยังไม่ใช่เขี้ยวเล็บของจริง น้ามีอะไรที่มันเด็ดกว่านี้ล่ะ”
จิกหัวเราะร่า
“ช่างเครื่องมือเก๋าเก่าประสบการณ์ สมัยข้าตระเวณทำงานกับพวกไอ้กันในค่ายจีไอ พวกมัน เรียกข้าว่าอะไรรู้มั้ยไอ้หลานชาย”
“อะไรล่ะน้า”
จิกยืดอก “ไอสไตน์”
พูดพลางเปิดผ้าคลุมมอเตอร์ไซค์ออก เชนกับแสนถึงกับอึ้ง เมื่อเห็นปืนกลชุดใหญ่ติดอยู่ที่หน้า มอเตอร์ไซค์
“ก็บอกแล้วไงว่าเขี้ยวเล็บของจริงของไอ้เสือมันอยู่ตรงนี้”
เชนอดทึ่งไม่ได้เข้าไปลูบๆคลำอย่างสนใจ แต่ครั้นจะทดลองยิง ก็โดนจิกตีมือ
“ของเพิ่งเสร็จออกจากเตาร้อนๆ มือใหม่อย่าเพิ่งห่ามเว้ย เดี๋ยวข้าโชว์ให้ดู”

จิกยักคิ้ว อย่างภูมิใจในผลงานตัวเอง

เพลงรักผาปืนแตก ตอนที่ 7 (ต่อ)

จิกเอาแว่นกันลมอันโตๆ มาสวม ก่อนจะขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์ที่ติดปืนกลไว้ข้างหน้า พลางสตารท์เครื่อง เสียงเครื่องดังกระหึ่มดูน่าเกรงขาม
“เป็นไง นี่แค่น้ำจิ้มนะเว้ยยังดุขนาดนี้ คำรามอย่างกับพญาเสือโคร่งเลย ถอยไปเลย ของมันแรง เดี๋ยวจะพลาดเจ็บตัวแล้วหาว่าไอ้จิกไม่เตือน”
จิกโบกมือให้เชนกับแสนถอยไปห่างๆ แล้วมือจับที่คันบังคับปืนกลชุดบนแฮนด์มอเตอร์ไซค์
“จับตาดูให้ดีนะเว้ย พญาเสือจะโชว์ความอหังการ์ให้ดู”
จิกกดนิ้วลั่นไก แต่ปืนกลชุดไม่ทำงาน ขณะที่เชนเห็นควันลอยออกมา
“น้า ควันขึ้นแบบนั้นมันจะระเบิดรึเปล่า”
จิกหันขวับไปมอง แล้วก็ถึงกับผงะ
“ไม่มีอะไรหรอก แสดงว่ามันร้อนได้ที่เฉยๆ เดี๋ยวข้าจัดการเอง”
จิกเดินกลับไปที่ปืนกลบนมอเตอร์ไซค์ ท่าทางลังเลกล้าๆกลัวๆ ขณะที่เชนกับแสน เริ่มขยับถอย คนละก้าว
จิกเอามือปัดๆควันที่กำลังขโมงแล้วชะโงกหน้าดู ปากก็เป่าๆไปด้วยจนควันนิ่ง. ทันใดนั้นเอง เสียงระเบิด ก็ดังสนั่น ควันขโมงเต็มไปหมด เชนกับแสนรีบกระโจนหมอบ พอควันเริ่มจางก็เห็นจิกยืนตัวแข็ง
หัวฟู หน้าดำเปื้อนเขม่า แสนกับเชนถึงกับหัวเราะลั่น

จากนั้นเชนกับแสน ก็ช่วยกันหิ้วจิกเข้ามาในอู่ พร้อมกับเอาแว่นกันลมออกทำให้หน้าด่างรอบๆ ตาเป็นหมีแพนด้า เวลาพูด ก็มีควันออกจากปากและหู
“ไงล่ะเอ็ง คำรามอย่างกับพญาเสือโคร่ง เกือบไปเฝ้ายมบาลแทนแล้วมั้ย”
แสนอดที่จะเหน็บเพื่อนไม่ได้
“ก็ข้าอยากเสริมเขี้ยวเล็บให้ไอ้เชนเอาไปรับมือกับพวกมันได้เจ๋งๆเลยนี่หว่า”“ไม่เป็นไรหรอกน้า” เชนพูดยิ้มๆ “แค่ปืนลำกล้องคู่ของน้าอันนี้อันเดียว ฉันก็เอาพวกมัน อยู่ หมัดแล้ว”
“ปืนเขี้ยวไอ้เสือของเอ็ง มันของดีมีครู เวลาจะใช้เอ็งต้องท่องคาถาบูชาครูด้วย”
จิกพยายามอธิบาย
“ชื่อเท่ดีจ้ะน้า ปืนเขี้ยวไอ้เสือ แถมน้ายังเล่นของให้ฉันอีก แบบนี้กำลังใจมาเพียบ”
“เอ็งพนมมือแล้วท่องตามข้า”
เชนพนมมือแล้วเริ่มท่องตามที่จิกสอน
“ของดีมีครู ของกูของดี กูขอบูชาให้น้าจิกร่ำรวย เฮง เฮง เฮง เพี้ยง”
เชนได้ยินถึงกับสะดุ้ง
“น้า คาถาอะไรเนี่ย”
จิกหัวเราะลั่น
“คาถาบูชาข้าไง ข้าเป็นคนประดิษฐ์ปืนให้เอ็งแล้วจะไปบูชาครูที่ไหนล่ะ”
แสนทนไม่ไหว เอื้อมมือไปตบหัวจิก ด้วยความหมั่นไส้
“ไอ้เวร นึกว่าจะเล่นของให้หลาน แบบนี้ข้าชักหวั่นว่าจะเละเป็นโจ๊กกลับมาซะแล้ว”
จิกยืดอกอย่างมั่นใจ
“รับรองไม่มีเละ ข้าเอาหัวเป็นประกัน เพราะอะไรรู้มั้ย เพราะเอ็งกับวัลภา ยอมเสียสละตัวเอง เพื่อปกป้องความดีไม่ให้ถูกความชั่วย่ำยี แค่คุณธรรมข้อนี้ข้อเดียว มันก็คือเกราะคุ้มภัย ที่เทวดาจะช่วยปกป้อง เอ็งกับวัลภาแล้ว”
แสนพยักหน้า
“เออ อันนี้ข้าเห็นด้วย”
เชนยกมือไหว้รับพร
“.ถ้าเทวดาจะเมตตาช่วยปกป้องฉันกับเมีย ฉันก็จะทำให้ผาปืนแตก กลายเป็นแดนสวรรค์ไม่ใช่ นรกบนดิน เพื่อตอบแทนคุณเทวดา”

เชนพูดอย่างมุ่นมั่น พลางชักปืนเขี้ยวไอ้เสือออกมาควงอย่างคล่องแคล่ว

วัลภาเดินอารมณ์ดีฮัมเพลงกลับเข้ามาในบ้าน แต่แล้วก็ต้องชะงัก เมื่อเจอเชนรออยู่
“ที่บ้านไม่เคยสอนเรื่องมารยาทเหรอไง จะทำอะไรก็หัดไว้หน้าผัวซะบ้าง ไอ้เรื่องคาวๆ ฉาวๆ มันไวยิ่งกว่าไฟลามทุ่ง”
วัลภาหันขวับมาจ้องหน้าเชน
“พูดจาภาษาสุนัขไม่รับทานอีกแล้วนะนายเชน เรื่องคาวๆฉาวๆอะไร”
“ก็ที่เธอนั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์หายไปกับไอ้หมอนั่นไง เกาะเอวซบหน้า อี๋อ๋ออย่างกับ… ไม่อยาก เปรียบเทียบ แต่เอาเป็นว่า ถึงเราจะแต่งกันหลอกๆ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ฉันจะใจดียอมให้เธอ เที่ยว ไปหาความสุขกับผู้ชายอื่นเพื่อหยามหน้าฉัน”
“พูดจาดูถูกกันเกินไปแล้วนะนายเชน ฉันไปทำธุระกับพี่เพลิง ไม่ได้ไปทำเรื่องอย่างว่า”
เชนเบ้หน้า“จะพยายามเชื่อ แต่ดูจากท่าทางที่อารมณ์ดีกลับมาแบบนี้แล้ว คงต้องพยายามมาก”
วัลภาเจ็บใจ พลางกัดฟันแล้วเข้าไปยื่นหน้าเชิดใส่ใกล้ๆ หน้าเชน“ถ้านายต้องใช้ความพยายามเพื่อเชื่อฉันมากขนาดนั้นล่ะก็ รู้ตัวไว้ด้วยนะว่า ยิ่งฉันอยู่ใกล้ พี่เพลิง ฉันก็ยิ่งมีความสุขมากกว่าอยู่ใกล้นาย ไอ้บ้าเชน”
พูดจบก็ผลักอกเชนแล้วเดินหน้าเซ็งเข้าไปในบ้าน เชนมองตามอย่างเจ็บใจ

เชนเดินลักประตู เดินตามวัลภาเข้ามาในห้องนอนติดๆ
“วัลภา ถ้าเธออยากจะไปมีความสุขมากกับคนอื่น ฉันจะไม่ยุ่งเลย จะยอมหูหนวกตาบอด ยอมให้ ชาวบ้านนินทา แต่สำหรับไอ้บึ้กนั่น ฉันไม่ยอม”
วัลภาจ้องหน้าเชนเขม็ง
“ทำไมนายต้องจงเกลียดจงชังพี่เพลิงเขาขนาดนั้นด้วย รู้ไว้ด้วยนะ ถ้าเอาความดีของ เขากับของ นายมาชั่งเป็นกิโลได้ ของนายมันก็แค่สำลี ส่วนของเขาน่ะมันยิ่งกว่าหินผา”
เชนกำหมัดแน่น
“วัลภา แล้วไอ้ที่ฉันทำอยู่ทุกวันนี้ล่ะ ฉันปกป้องคนที่ฉันรัก ปกป้องบ้านเกิดของฉันจากพวก คนชั่ว ส่วนไอ้หมอนั่นก็ดีแต่หลบซ่อนตัวอยู่หลังวัด เหมือนพวกขี้ขลาดตาขาวเห็นแก่ตัว อย่างนี้น่ะเหรอ ที่เธอ เรียกมันว่าเป็นคนดี”
“พี่เพลิงเขาไม่ใช่คนขี้ขลาดตาขาว แต่เขาเคยผ่านเรื่องไม่ดีมา เขาก็เลยไม่อยากเสี่ยงอีก”
เชนยิ้มเหยียด“อย่ามาแก้ตัวแทนมัน ในขณะที่คนที่ผาปืนแตก ต้องทนทุกข์ใช้ชีวิตกันอย่างยากลำบาก คนดีจริง ต้องกล้าออกมาต่อสู้โดยไม่มีข้ออ้างอะไร”
เชนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังแล้วหยิบกล่องไม้กล่องหนึ่งที่วางอยู่ตรงหัวเตียงมาชูให้วัลภาดู
“น้าจิกทำอาวุธใหม่มาให้นางเสือ เอาไว้เสริมเขี้ยวเล็บรับมือกับพวกมัน แต่ฉันคิดว่า เธอคงไม่ จำเป็นต้องใช้มันแล้วล่ะวัลภา เพราะถ้าเธอยกยอคนขี้ขลาดตาขาว เธอก็ไม่สมควรออกไปเป็นนางสิงห์คู่กับ ไอ้เสืออีก”
เชนโยนกล่องไม้ลงไปที่เตียงแล้วเดินออกไป พร้อมกับปิดประตูเสียงดัง จนวัลภาสะดุ้งเฮือก พร้อมกับรู้สึกผิดขึ้นมา ที่พูดจาทำร้ายจิตใจเชนไปโดยไม่ทันระวัง

“ไหวมั้ยวะไอ้เพลิง ต้องให้ข้าหามเอ็งไปส่งคุณหมอ ขอให้ช่วยดูกล่องดวงใจของเอ็งมั้ย”
ยอดถามอย่างเป็นห่วง เมื่อเห็นท่าทีของเพลิง ที่แม้แต่จะนั่งยังลำบาก
“อย่าคิดว่าข้าจะลุกไปเตะปากหมาไม่ได้นะเว้ย”
เพลิงจะลุกแต่ยังจุกหน่วง ยอดหัวเราะชอบใจ

“ไอ้เพลิงเอ้ยข้าจะบอกให้นะ ยิ่งเอ็งพยายามหนีจากทุกอย่าง ไม่รัก ใคร ไม่ยุ่งกับเรื่องของคนอื่น แต่ทุกครั้งเรื่องมันก็ต้องเข้ามาหาเอ็งอยู่ดี เหมือนอย่างวัลภานี่ไง ไอ้เชนผัววัลภา มันเกือบจะมาเอาเรื่อง เอ็ง ถึงที่นี่แล้ว”

เพลิงส่ายหน้า
“ไอ้หมอนั่นมันก็แค่จิ๊กโก๋ใจร้อน ไม่มีพิษมีภัยอะไรหรอก”
“เอ็งอย่าประมาท ไอ้เชนฝีมือมันดี แถมมันยังเป็นคนที่นี่ ถ้าเอ็งไปมีเรื่องกับมัน เอ็งจะซ่อนตัว อยู่ที่ผาปืนแตกลำบาก”
ระหว่างนั้นติ๋มก็ขี่จักรยานเข้ามา
“นายเพลิง นายเพลิง”
ติ๋มเหนื่อบหอบ แล้วมองเพลิง ด้วยสีหน้าหนักใจ พลางคิดถึงเหตุการณ์ตอนที่เอื้อมเดือนกลับเข้ามาที่อนามัย หลังจากที่หายไปเกือบครึ่งวัน
“เป็นยังไงบ้างคะคุณหมอ ได้ข่าวพี่ชายคุณหมอบ้างรึเปล่าคะ”
สีหน้าเอื้อมเดือนยังไม่คลายกังวล“ฉันให้เจ้าหน้าที่ในจังหวัดช่วยตามเรื่องด่วนเข้าไปที่กรมที่พี่ชายฉันสังกัดอยู่ ก็เลยพอจะได้เรื่อง มา”
พูดพลางหน้าเศร้า น้ำตาคลอ ด้วยความสะเทือนใจ
“พี่ชายฉัน หายตัวไประหว่างปฏิบัติภารกิจที่ชายแดน พวกเขาสรุปกันแล้วว่า พี่ชายฉันน่าจะ ตายแล้ว”
เอื้อมเดือนทรุดลงนั่งมือปิดหน้าร้องไห้เสียใจ ติ๋มต้องทรุดตัวลงกอดปลอบใจ ด้วยความสงสาร

เพลิงรีบวิ่งเข้ามาที่บ้านพักของเอื้อมเดือนด้วยความเป็นห่วง พลางพยายามเคาะประตูเรียก แต่กลับไม่มีเสียงตอบ พยายามมองหาที่หน้าต่างบานเกร็ด ก็ไม่เห็นวี่แววของเอื้อมเดือนในนั้นเลย เพลิงถอยออกมาสีหน้าครุ่นคิดยิ่งคิดเป็นห่วง

2 ผัว-เมียชาวบ้าน ถูกจับมาที่โรงพัก ก่อนจะถูกคุมขังอยู่ในห้องขังแยก หนำซ้ำไอ้เชิดยังไปพา ชาวบ้านมาอีก 2-3 คน ขึ้นมาให้ชาติสอบสวนอีก
“พี่ชาติโชว์ฝีมือไล่กวาดจับแบบนี้ พวกชาวบ้านรู้เข้าต้องสรรเสริญพี่แน่ๆเลย”
“แต่มันก็แค่แพะทั้งฝูง ยังไม่ใช่ไอ้เสือกับนางสิงห์ตัวจริง”
ชาติสีหน้าครุ่นคิด พลันก็เหลือบเห็นแสนกับจิกเดินขึ้นมา ชาติมองตามอย่างสงสัย

“พวกแกมาเกะกะอะไรที่นี่วะ”
ชาติปราดเข้าไปถาม เมื่อเห็นท่าทีของจิกกับแสนที่เข้ามาสอดส่องดูลาดเลา พร้อมกับชะเง้อมอง ภายในโรงพัก โดยเฉพาะที่ห้องขังซึ่งมีชาวบ้านบริสุทธิ์โดนขังรวมกันอยู่หลายคน
“อ้าว ทำไมถามประชาชนคนเสียภาษีแบบนี้ล่ะครับ คุณชาติ”
“อย่ามายียวนกวนบาทานะเว้ยไอ้จิก ที่นี่มันที่ของข้า พูดจาไม่เข้าหูระวังเถอะ จะได้ย้ายที่อยู่ ใหม่”
“อยากไปอยู่รวมกับพวกนั้นในห้องขังมั้ย”
ไอ้เชิดมองหน้าจิก พลางตะคอกถาม แต่กลับโดนจิกสวนกลับมา
“ข้อหาอะไรไม่ทราบ อ๋อ ข้อหาจับแพะน่ะหเรอ”
“ไอ้จิก”
แสนรีบตัดบท
“ไม่เอาน่า ไอ้จิกมันก็ปากหมาแบบนี้บ่อยๆ พี่ชาติก็น่าจะชินนะครับ แล้วไอ้ที่ผมกับไอ้จิกมาถึง ที่นี่ ก็แค่อยากจะมาสอบถามเรื่องคดีไอ้เสือกับนางสิงห์ เพราะผมก็เป็นผู้เสียหายที่มาแจ้งความเอาไว้”
“นั่นมันหน้าที่ของผู้พิทักษ์กฏหมายของผาปืนแตกอย่างฉันอยู่แล้ว. ไว้ฉันจับตัวไอ้สองโจรนั่นมา ได้เมื่อไหร่ ฉันจะลากมันไปลงโทษต่อหน้าพี่น้องผาปืนแตกทุกคนแน่”
แสนแกล้งทำทีเป็นยิ้มพอใจ
“ฟังดูแล้วก็น่าพอใจ ฝากพี่ชาติด้วยนะครับ พวกผมจะได้ไปทำมาหากินกันได้อย่างสบายใจ ไปเว้ยไอ้จิก กลับบ้าน”

แสนลากจิกที่ทำเป็นฮึดฮัดกับไอ้เชิดออกไป ชาติมองตาม อย่างไม่ติดใจสงสัยอะไร



จากนั้นก็เอาข้อมูลมาบอกเชนที่อยู่ในชุดของไอ้เสือ แต่ยังไม่คาดหน้ากาก
“มีพวกชาวบ้านที่ถูกไอ้ชาติสั่งให้ลูกน้องพาตัวมาสอบสวนเพิ่มขึ้น จนตอนนี้เริ่มจะเต็มห้องขัง แล้ว”
จิกช่วยเสริม
“มันเหวี่ยงแหไปทั่วเหมือนหมาบ้า คนไม่มีความผิดมันก็ยัดเยียดข้อหาให้ ข้าสงสารคนที่ไม่รู้ อิโหน่อิเหน่จริงๆ”
เชนกำหมัดแน่นด้วยความขัดใจ
“ต้องปล่อยคนบริสุทธิ์ออกมา แล้วค่อยสั่งสอนไอ้ชาติ ไม่ให้กล้าใช้วิธีหมาๆแบบนี้อีก”
“แต่มันไม่ง่ายนะเว้ย จะปล่อยพวกชาวบ้านได้ ไอ้เสือก็ต้องบุกไปถึงบนโรงพัก”
แสนอดกังวลไม่ได้ จิกพยักหน้าเห็นด้วย
“แล้วเท่าที่ข้าเห็นคนของไอ้ชาติอยู่กันเต็ม แถมยังมีอาวุธหนักครบมือ ขืนไอ้เสือทะเล่อทะล่า โผล่ไป มีหวังตายตั้งแต่บันไดทางขึ้นแน่”
“แต่ยิ่งปล่อยเอาไว้. จะต้องมีคนเดือดร้อนมากขึ้น”
“ปั๊ดโธ่เว้ย” จิกสบถเสียงดังลั่น พลางเดินเข้าไปเตะพญาเสือโคร่งมอเตอร์ไซค์ติดปืนกล “นี่ถ้าข้าทำให้ไอ้พญาเสือโคร่งใช้งานได้ล่ะก็ พวกไอ้ชาติมีกระจุยแน่”
“เลิกคิดไปได้เลยกับไอ้ของประดิษฐ์กิ๊กก๊อกของเอ็ง เป็นข้าจะจับมันแยกชิ้นส่วนไปชั่งกิโลขาย”
หลังจากคิดอยู่ครู่ใหญ่ เชนก็ค่อยๆ ยิ้มออก
“ฉันพอจะคิดอะไรออกแล้วล่ะน้า ถ้าฉันบุกขึ้นไปช่วยชาวบ้านไม่ได้ ฉันก็ต้องหาตัวช่วย”
แสนกับจิกมองเชนอย่างสงสัย

เพลิงรีบเดินเข้ามาสมทบกับติ๋มที่มาจากอีกทาง
“เป็นไงติ๋ม เจอคุณหมอรึเปล่า”
ติ๋มส่ายหน้า
“ไม่เลยจ้ะ ถามคนที่สถานีรถไฟก็ไม่เจอ คุณหมอน่าจะยังไม่ได้ไปจากผาปืนแตก นายเพลิง คุณหมอคงไม่คิดมากจน เอ่อ คิดสั้นนะ”
“ฉันไม่ปล่อยให้คุณหมอคิดแบบนั้นแน่”
จังหวะนั้น ยอดก็พรวดพราดเข้ามา
“ไอ้เพลิง ข้าได้ข่าวแล้วเว้ย ข้าถามพวกชาวบ้านที่เพิ่งลงจากเก็บของป่าบนเขามา เขาว่าเห็นคุณหมอ ขึ้นไปที่น้ำตก”
เพลิงพยักหน้ารับ แล้วรีบออกไปทันที ติ๋มจะตามไปด้วย แต่ยอดห้ามไว้
“ไม่ต้องเลย ไอ้เพลิงไปคนเดียวนั่นแหละพอแล้ว”
ติ๋มพยักหน้าอย่างเข้าใจ
“ติ๋มเข้าใจแล้ว แหม พ่อยอดขมองเพชร คิดไวจริงๆเลยนะ”
ยอดยักคิ้ว แล้วก็สะดุ้งโหยง เมื่อติ๋มมาเกาะแขนติดหนึบ
“น่าเสียดายที่ติ๋มเป็นลูกคนเดียวไม่มีพี่มีน้อง ติ๋มจะได้มีเรื่องเสียใจให้ยอดต้องเป็นห่วง”
ยอดหน้าเหยเกรีบผลักติ๋มแล้วควักพระออกมาจากคอ
“อย่าเข้ามานะติ๋ม ฉันมีพระ หลวงพ่อให้มา อย่าเข้ามานะ”

พูดจบยอดก็วิ่งหนีออกไปทันที
 
จบตอนที่ 7 
กำลังโหลดความคิดเห็น