xs
xsm
sm
md
lg

น่ารัก ตอนที่ 25 จบบริบูรณ์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


น่ารัก ตอนที่ 25 อวสาน

ตอนเช้า ไผทกับขิงแบกกระเป๋าเสื้อผ้าตัวเองมาที่รถตู้ เตรียมกลับกรุงเทพฯ ตามหลังเจ๊ฟินที่ล่วงหน้าไปก่อนวันงานฉลองรวมประเทศ

“บอกลาทุกคนเรียบร้อยแล้วนะไผท” ไผทยิ้มพลางพยักหน้า “เรียบร้อยแล้ว...เอ้อ แล้วพี่แนวล่ะ ไหนว่าจะออกมารอก่อน” ”นู่น” ขิงชี้ไปที่บันไดหน้าวัง
สองคนเห็นแนวหน้าแบกกระเป๋าเดินออกมาจากวัง แล้วหยุดหันหลังไปมองวังหน้าเศร้าสลด ไผทกับขิงมองแนวหน้าอย่างเห็นใจ แนวหน้าเดินเข้ามาสมทบ
“พี่แนวบอกลาองค์หญิงแล้วเหรอ” ไผทถาม
แนวหน้าบอกเสียงเศร้า “หน้าชั้นเค้ายังไม่อยากจะมองเลย เค้าไม่สนใจหรอกว่าชั้นจะอยู่หรือจะไป เรากลับกันเถอะ”
ขิงยิ้มปลอบ “ไม่เป็นไรนะพี่แนว เดี๋ยวงานเปิดตัวหนังสารคดีที่กรุงเทพฯ ก็ได้เจอองค์หญิงอยู่ดี”
“เจอก็เหมือนไม่เจอ...พี่ตัดใจได้แล้ว”
แนวหน้าเดินขึ้นรถไป ไผทถอนใจมองตามด้วยความสงสาร

ในเวลาเดียวกัน องค์หญิงโลลิต้ายืนเหม่อลอยอยู่ในอุทยาน สักครู่หนึ่ง ชีฟองเดินเข้าไปหา
“พวกคนไทยกลับไปหมดแล้วเพคะองค์หญิง”
“ขอบคุณนะคะพี่ฟอง เดี๋ยวหญิงขอไปเดินเล่นตรงนู่นสักครู่นะคะ พี่ฟองไม่ต้องตามไปก็ได้ หญิงอยากอยู่คนเดียว”
ชีฟองมองโลลิต้าอย่างเป็นห่วง แต่ก็ต้องจำใจรับคำ
“เพคะ”
โลลิต้าเดินซึมออกไป ชีฟองมองตามด้วยความสงสารและเข้าใจ

จังหวะนี้ท่านธูลเดินเข้าที่ด้านหลังพระพี่เลี้ยงที่ยืนเศร้าอยู่ “ชีฟอง”
ชีฟองสะดุ้งเล็กน้อย ลนลานหันมา เห็นท่านธูลเดินตรงมาหน้านิ่งๆ
“ลูกหญิงเป็นอะไรหรือเปล่า เราสังเกตมาหลายวันแล้ว ลูกหญิงท่าทางเหมือนคนทุกข์ใจ”
“องค์หญิงคงทรงเครียดเรื่องงานมั้งเพคะ”
“งานก็เสร็จสิ้นเรียบร้อยทุกอย่างแล้ว ลูกหญิงยังจะไม่สบายใจเรื่องอะไรอีก”
ชีฟองอึกอัก “เอ่อ...คือ”
ท่านธูลจ้องหน้าชีฟอง มองด้วยสายตาคาดคั้น “เรารู้ว่าเจ้ารู้ บอกเรามาให้หมดชีฟอง...ถ้าเจ้าไม่อยากโดนลงโทษ”
ชีฟองรับคำเสียงอ่อยๆ “เพคะ”

บ่ายวันเดียวกัน แนวหน้าแบกเป้เดินเข้ามาในบริษัทจีเอ็นเอ็นท่าทีเซ็งๆ ทรุดลงนั่งอย่างหมดแรงที่โต๊ะกินข้าว นายกับจีจี้เดินออกมาจากห้องทำงานพอดี จีจี้ทัก
“อ้าว กลับมาแล้วเหรอแนว”
“หวัดดีเจ๊ หวัดดีเฮีย”
นายเห็นสีหน้าแนวหน้าไม่ดีเอาเลย “ท่าทางหมดเรี่ยวแรงแบบนี้ ลักษณะยังเคลียร์กับองค์หญิงไม่ได้ใช่มั้ยเนี่ย”
แนวหน้าถอนใจเฮือกใหญ่
“ฉันว่าไม่ต้องเคลียร์ดีกว่า ยังไงท่านก็เป็นถึงองค์หญิงนะ จะไปเคลียร์กับท่านเพื่ออะไร ฉันว่าให้เรื่องมันจบๆ ไปแบบนี้แหละดีแล้ว เจ็บแป๊บเดียว เดี๋ยวก็หาย” จีจี้ว่า
นายแย้ง “คุณก็พูดง่าย...เรื่องแบบนี้มันหายกันง่ายๆที่ไหน”
“นี่ คุณลืมไปหรือเปล่า น้องคุณไปแอบรักเจ้าหญิงนะ ไม่ใช่คนธรรมดา ยังไงความรักของแนวกับองค์หญิงก็เป็นไปไม่ได้หรอก”
“คุณ เรื่องของความรักมันไม่มีชนชั้น มันไม่มีกฎเกณฑ์อะไรหรอกนะ”
“เพราะไอ้แนวมันมีพี่ชายแบบนี้ไง ยุไม่เข้าเรื่อง ส่งเสริมอะไรผิดๆ ไม่มองความเป็นจริงเลย ไปพูดให้ความหวังแบบนี้ ยิ่งทำให้ไอ้แนวเจ็บทีหลัง”
แนวหน้าเซ็งหนัก “เอ่อ เจ๊กับเฮียตีกันไปเลยนะ ผมขอตัวก่อนละ” เขาลุกเดินหนีขึ้นบ้านไป
จีจี้มองค้อน พร้อมกับเชิดใส่นายแล้วเดินหนีไปอีกคน
นายเง็งที่พักนี้จีจี้วีนเหวี่ยงตลอดเวลาและทุกเรื่อง “เค้าเป็นอะไรของเค้านะหมู่นี้”

แนวหน้าเข้าห้องมา วางกระเป๋าเป้สัมภาระลง ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จึงเดินไปเปิดคอมพ์บนโต๊ะทำงาน เพื่อจะดูข้อความในบล็อก แต่ปรากฏว่าไม่มีข้อความจากโลลิต้ามาอีกเลย
แนวหน้าผิดหวังถึงขีดสุด เขาค่อยๆ นั่งลงอย่างคนหมดแรงและสิ้นหวัง

"ผมควรจะเลิกหวังได้แล้วใช่ไหม”

อีกฟากหนึ่งประตูลิฟต์เปิดออก ขิงกับไผทเดินมา ไผทถือของให้ขิงมาจนถึงหน้าห้อง ขิงไขกุญแจห้อง
“ส่งแค่หน้าห้องก็พอจ้ะ ไผทจะได้กลับไปพัก”
“แต่กระเป๋ามันหนัก ผมถือเข้าไปส่งให้ก็ได้”
“ไม่เป็นไรหรอก ขิงถือเองได้”
“เออ พี่ฟินบอกว่าพรุ่งนี้ผมต้องไปฟิตติ้งละครเรื่องใหม่ พี่ฟินไม่ว่างไปด้วย ขิงไปเป็นเพื่อนผมได้มั้ย เผื่อจะได้ช่วยดูเสื้อผ้าให้ด้วย”
“ได้สิ”
“งั้นผมไปรับที่บ้านพรุ่งนี้ 9 โมงเช้านะขิง บาย”
ไผทยิ้มกว้างขวาง หน้าตาเบิกบานแจ่มใส ก่อนจะเดินกลับไป ขิงมองตามอึ้งปนงง

ทีมงานละครนัดหมายกันแต่เช้า ที่สตูดิโอเจ้าประจำ บนราวแขวนเสื้อในห้องแต่งตัวของสตูดิโอ มีเสื้อผ้าแขวนเรียงราย แยกชื่อนักแสดง ทีมงานเดินกันขวักไขว่ สาละวนวุ่นวายกับหน้าที่ของตน ส่วนที่มุมแต่งตัว ไผทกำลังลองเสื้อผ้าอยู่ มีผู้จัดละครคุมอยู่ใกล้ๆ
“มีชุดแบบอื่นอีกไหม พี่ว่าไผทใส่ชุดนี้แล้วยังไม่หล่อเลยอ่ะ”
ขิงที่ยืนอยู่ใกล้ๆ เดินเข้ามาหาไผท
“ขอโทษนะคะ...ไม่ได้จะเข้ามาก้าวก่ายการทำงานนะคะ แต่ขิงว่าไผทเค้าเป็นคนใส่สีเข้มๆ ขึ้นกว่าลายๆนะคะ”
“สีน้ำเงินเหรอ” ผู้จัดหันไปหาทีมเสื้อผ้า “ลองไปหามาซิ”
ฝ่ายเสื้อผ้าหยิบชุดสีน้ำเงินออกมาจากราว แล้วยื่นให้ไผทสวม
ไผทอธิบาย “คือขิงเค้าเป็นดีไซเนอร์น่ะครับ เค้าดูแลเรื่องเสื้อผ้าออกงานให้ผมมาตลอดเลย”
ผู้จัดมองอย่างเอ็นดู “อ๋อจ้ะ คบกันอยู่สิ”
ขิงรีบบอก “ไม่ใช่ค่ะ เราเป็นแค่เพื่อนกัน พี่ฟินให้ขิงมาช่วยดูแลไผทแทนพี่ฟินน่ะค่ะ”
ผู้จัดกับผู้กำกับ และคนแถวนั้นหัวเราะกันขำๆ
“อ๋อ เพื่อน...จ้ะๆ เข้าใจ ไหนไผทลองไปใส่ชุดสีดำนี่ซิ ท่าทางจะใส่ขึ้นจริงๆ”
“ก็คนเค้ารู้ใจกันนี่คะคุณพี่” ทีมงานกระเซ้า
ทุกคนหัวเราะกันคิกคักชอบใจ ไผทยิ้ม ไม่ตอบอะไร ขิงเง็งว่าทำไมไผทไม่พูดโต้เหมือนทุกครั้ง

ฟากจีจี้กำลังนั่งคุยกับนาย เรื่องผังที่นั่งในงานเปิดตัวหนังสารคดีฉวาซาอยู่ในห้องทำงานที่โฮมออฟฟิศ
“โซนด้านหน้าตรงนี้เดี๋ยวจัดเป็นที่ประทับให้องค์หญิง...แล้วตั้งแต่แถว G ขึ้นไปก็ให้ผู้ใหญ่กับสปอนเซอร์นั่งนะ ส่วนแถว E ด้านหลังองค์หญิงก็เป็นของไอ้แนว ไผท แล้วก็พวกดาราแล้วกัน” นายบอก
จีจี้ไม่เห็นด้วย “คุณให้แนวหน้านั่งใกล้องค์หญิงแบบนั้นจะดีเหรอคะ เดี๋ยวมันก็เฮิร์ตตายหรอก ฉันว่าให้มันไปนั่งไกลๆเถอะ”
“นี่มันเรื่องงานคุณ ไอ้แนวมันไม่คิดอะไรหรอก”
“อือหือ นั่งใกล้กันขนาดนี้ ไม่คิดอะไรก็บ้าแล้ว...คุณไม่รู้จักนิสัยน้องคุณจริงๆ เหรอ ว่ามันอ่อนไหวขนาดไหน”
“ก็มันเป็นผู้กำกับ ถ้าไม่ให้มันนั่งตรงนี้ จะให้มันไปนั่งชั้นสองหรือไง”
จีจี้หงุดหงิดและพาล “ทำไมต้องประชดกันด้วย”
นายเถียง “อ้าว... ก็คุณอยากให้มันนั่งไกลๆ ผมก็หาให้แล้วนี่ไง”
จีจี้งอน “งั้นคุณอยากจัดยังไง คุณก็จัดไปเลยละกัน ฉันไม่ยุ่งแล้ว”
นายชักไม่ไหวแล้ว “จี้...เดี๋ยวก่อน คุณเป็นอะไรเนี่ย พักนี้คุณขี้หงุดหงิดมากเลยรู้ตัวไหม ผมพูดซ้าย คุณจะไปขวา ผมบอกขวา คุณจะไปซ้าย ถามจริงเลือดจะไปลมจะมาหรือเปล่าเนี่ย”
จีจี้ชะงักในคำพูดของนายแล้วนิ่งงันไป ก่อนจะเดินออกไปอย่างรวดเร็ว นายได้แต่มองตามงงๆ

ไผทมาส่งขิงที่รถริมถนนหน้าสตูดิโอ
”ขอบใจนะที่มาส่ง ไผทไปทำงานต่อเถอะ”
”ผมต่างหากที่ต้องขอบคุณขิง ที่เสียเวลามากับผมทั้งวันเลย เออ.. วันงานเปิดตัวสารคดี อย่าลืมเตรียมชุดให้ผมด้วยนะ”
“ได้สิ”
“แล้วขิงก็ต้องไปด้วยนะ ผมจะไปรับขิงที่ร้านแล้วเราไปพร้อมกัน ผมอยากไปงานกับขิงน่ะ บ๊ายบาย”
ไผทกำชับหนักแน่นแล้วเดินกลับไปเลย ขิงชะงัก งงว่าไผทมาไม้ไหน

ค่ำคืนนั้นนายเดินกระวนกระวายอยู่ที่ในห้อง ลุ้นจัดว่าจีจี้ตรวจฉี่ ผลเป็นไงบ้าง “จี้ เป็นไงบ้าง...เสร็จยัง”
จีจี้เดินออกมาจากห้องน้ำ หน้านิ่ง
“ว่าไง”
จีจี้ยืนที่ตรวจครรภ์ให้นายทีละอัน
“อันที่หนึ่ง สองขีด...อันที่สองก็สองขีด..อันที่สามก็สองขีด อันที่สี่ก็สองขีด”
“แล้วไอ้สองขีดมันคืออะไร”
จีจี้โพล่งขึ้น “ก็...ท้องไง”
นายอึ้ง “ท้องเหรอ”
จีจี้พยักหน้าแล้วมองหน้าคนรัก เห็นนายยังอึ้งๆ อยู่อย่างนั้น ก็เริ่มโมโห
“หน้าตาแบบนี้ดีใจหรือเปล่าเนี่ย”
“ถามได้ ดีใจสิ ดีใจมาก เฮ้ ผมจะได้เป็นพ่อคนแล้ว”
นายได้สติ กระโดดกอดจีจี้เต็มแรงด้วยความดีใจ จีจี้ยิ้มออก

คืนนั้น ท่านธูลกำลังตรวจทาน ดู ร่างกฎหมายที่เขียนแก้ไขใหม่จากฉบับเดิม โลลิต้าเดินเข้ามาแล้วทำความเคารพท่านธูล
“ท่านพ่อยุ่งอยู่หรือเปล่าเพคะ หญิงจะมาลาท่านพ่อ พรุ่งนี้หญิงต้อง เดินทางไปเมืองไทยแต่เช้า กลัวว่าจะไม่ได้เจอกันเพคะ”
“เดินทางปลอดภัย…ขอให้งานสำเร็จ พ่อฝากด้วยนะลูก” “เพคะ” ท่านธูลจับไหล่องค์หญิง “แล้วพ่อก็ขออวยพรให้การไปเมืองไทยครั้งนี้ ลูกได้พบกับหัวใจตัวเอง”
โลลิต้ามองพระบิดางงๆ ว่าอยู่ดีๆ ทำไมถึงพูดแบบนี้
“ท่านพ่อหมายความว่า...”
“พ่อรู้เรื่องจากชีฟองหมดแล้ว”
โลลิต้าชะงักงันไป
“ไม่ต้องไปโกรธชีฟองเค้าหรอกนะ พ่อเป็นคนบอกให้เค้าเล่าให้พ่อฟังเอง”
โลลิต้าหน้าซีดขาว “หญิงขอประทานอภัยเพคะ หญิงทราบว่ามันเป็นการไม่สมควร”
“บางทีการจะตัดสินว่าสิ่งใดควรหรือไม่ ก็ต้องขึ้นอยู่กับเวลาและปัจจัยอะไรอีกหลายอย่าง...ไปนอนเถอะลูก พ่อขอให้ลูกได้พบกับสิ่งที่ดีในวันพรุ่งนี้”
สองพ่อลูกสวมกอดกัน โลลิต้าละตัวออก ทำความเคารพบิดาแล้วเดินออกไป

ท่านธูลมองตาม แล้วหันกลับมามองร่างกฎหมาย ครุ่นคิดตริตรองอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ก้มลงเขียนสาระสำคัญทันที

อ่านต่อหน้า 2

น่ารัก ตอนที่ 25 อวสาน (ต่อ)

ท่านธูล และ นายพลราอูลอยู่ที่โต๊ะน้ำชา ในอุทยานสวย ราอูลกำลังอ่านร่างกฎหมายใหม่ที่ท่านธูลเพิ่งเขียนเสร็จ ส่วนท่านธูลจิบน้ำชาไป สีหน้ารื่นรมย์ โล่งใจ

“แน่พระทัยแล้วเหรอพะย่ะค่ะ ที่พระองค์จะทรงแก้กฎมณเฑียรบาลว่าด้วยเรื่องการแต่งงานและอภิเษกสมรส”
“ความต้องการหลักของการเปิดประเทศคือการเปิดรับสิ่งใหม่ๆเข้ามาไม่ใช่หรือราอูล ถ้าการเปิดรับสิ่งใหม่นั้นจะทำให้คนในชาติมีความสุขมากขึ้น มันก็คงเป็นสิ่งที่สมควรทำในวันนี้”
ท่านธูลมองร่างกฎหมายอีกครั้งอย่างสุขใจ
ตอนกลางวัน วันเดียวกัน นายนั่งอ่านหนังสือตั้งชื่อลูกอยู่ ตะโกนโหวกเหวกเรียกแนวร่วม
“ไอ้แนว...ไอ้แนว ไอ้แนว...มานี่ดิ๊”
แนวหน้าเซ็งๆ เดินออกมาจากห้องทำงาน “อะไรเฮีย”
“แกว่าถ้าฉันควรจะตั้งชื่อลูกว่าอะไรดีวะ”
“เฮ้ย นี่จะตั้งชื่อลูกเลยเหรอ ยังไม่รู้เลยว่าเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง บ้าเห่อไปหรือเปล่าเนี่ย”
“ก็จะได้เรียกถูกเวลาพูดกับลูกในท้องไง ชั้นอ่านเจอ เค้าบอกว่าให้พูดกับลูกบ่อยๆ ลูกจะได้เกิดมาอบอุ่น อ่อนโยน ได้ความรักจากเราตั้งแต่อยู่ในท้อง”
แนวหน้าหมั่นไส้ประชดส่ง “โอ้โห ละเอียด จริงจังกว่างานนะเนี่ย เปิดหนังสารคดีเสร็จ จัดงานแต่งงานต่อเลยใช่มั้ย”
“เฮ้ย ไอ้บ้า อยู่กันมาขนาดนี้แล้วยังจะต้องแต่งงานอีกเหรอวะ”
แนวหน้าตกใจ “อย่าบอกนะว่าเฮียไม่คิดจะจัดงานแต่งงานกับพี่จี้”
”ก็ชั้นถามเค้าแล้ว เค้าก็บอกว่าตามใจ แล้วแต่ชั้น ท่าทางเค้าเฉยๆ ไม่ได้กระตือรือร้นอะไรเลย”
“อื้อหือ…คิดแบบนี้ได้ที่ไหนล่ะเฮีย อย่าไปบอกใครนะว่าเป็นคาสโนว่า เสียชื่อว่ะ ผู้หญิง ยังไงเค้าก็อยากมีโมเม้นต์ถูกขอแต่งงาน อยากเป็นเจ้าสาว เชื่อผมเถอะเฮีย”
นายงง “จริงง่ะ”
แนวหน้าผมเอาหัวหล่อๆของผมเป็นพยานเลยเฮีย
แนวหน้ายิ้มคอนเฟิร์ม

นายพาจีจี้เดินเข้ามา ในร้านอาหารตกแต่งสวยงามโรแมนติก พบว่าไม่มีผู้คน ลูกค้าในร้านสักโต๊ะ จีจี้ชะงัก แปลกใจ
“เรามาทำอะไรที่นี่คะ”
“อ้าว ถามอะไรอย่างนั้นละจ๊ะที่รัก ก็มาทานอาหารไงล่ะ”
“ก็ไหนเมื่อกี้นายสัญญากับจี้ไงว่าจะพาจี้กลับบ้าน จี้ปวดหัว”
นายหน้าเสีย “ก็...ก็มาทานข้าวก่อนไง แล้วจะได้กินยา นอนพักนะจ๊ะคนดี นั่งก่อนจ้ะ นะจ๊ะๆ น้อง! เมนู”
นายพยักหน้าเรียกเมนู แล้วขยิบตาให้สัญญาณ จีจี้ลงนั่งท่าทางอารมณ์ไม่ดีนัก
บ๋อยเดินมาพร้อมเมนู และวางดอกไม้ช่อหนึ่งลงตรงหน้าจีจี้ นอกจากนี้ยังมีถังแชมเปญมาตั้งให้ด้วย จีจี้อึ้ง ค่อยๆ เงยหน้ามองบ๋อย แล้วมองดอกไม้งงๆ
นายบอกเสียงนุ่ม “สำหรับคุณ...จากผม”
จีจี้มองนายเขม็ง นายยิ้มมองมาอย่างรักใคร่ จีจี้คลื่นไส้ขึ้นมา ขย้อนจะอาเจียน เอามืออุดปาก นายตกใจ
“จี้เป็นอะไร”
“จี้ หายใจไม่ออก เวียนหัว เอาออกไปก่อนค่ะ”
“เอาออกไป เอาออกไป เร็วเข้า”
บ๋อยตกใจ รีบเอาช่อดอกไม้ออกไป นายลูบหลังลูบไหล่ให้จีจี้
“โอ๋ ผมขอโทษ ไม่รู้ว่ากลิ่นมันจะทำให้คุณเวียนหัว”
“จี้ก็ขอโทษค่ะ สงสัยจี้จะแพ้เกสรมัน”
“งั้น จิบนี่ก่อน เผื่อจะช่วยให้หายเวียนหัว”
นายเปิดแชมเปญ รินใส่แก้ว จีจี้มองตาค้าง
“คุณจะทำอะไรน่ะ”
“ก็รินแชมเปญให้คุณไง”
“จะบ้าเหรอ จี้ท้องอยู่นะ ใจคอคุณจะให้คนท้องกินแชมเปญเหรอ”
นายชะงักนึกได้ “เอ้อ จริงด้วย ผมลืมไป”
จีจี้ลุกจากเก้าอี้ หงุดหงิด
“เรากลับบ้านกันเถอะค่ะ”
“เดี๋ยวจี้ คือ...”
“จี้ปวดหัว เข้าใจมั้ยคะ จี้อยากพักผ่อน” จีจี้ตวัดเสียง หน้าคว่ำ วีนแล้ว
“ผมเข้าใจ แต่จี้ล่ะ เข้าใจผมหน่อยสิ ผมอยากพาจี้มาที่นี่ มาที่ที่บรรยากาศดีดี ที่ที่มีแต่เราสองคน”
จีจี้กระแทกเสียง “เพื่อ!”
นายถอนใจยาว ชักเซ็ง หยิบกล่องใส่แหวนขึ้นมาเปิด จีจี้ตกใจ
“แต่งงานกับผมเถอะนะจี้”
จีจี้ตะลึงพูดไม่ออก
“ผมกะว่า พอเรานั่งจิบแชมเปญกันสักพัก ก็จะมีเพลงเบาๆ ดังออกมา แล้วผมก็จะลงนั่ง คุกเข่าขอคุณแต่งงาน แต่คุณก็ทำแผนผมพังหมดเลย”
จีจี้ได้สติ ลนลานเป็นการใหญ่
“ก็ทำสิคะ ทำเลย” จีจี้กดตัวนายลงนั่งคุกเข่า “เพลง ไหนล่ะเพลง มาสิคะ”
พร้อมกันนั้นจีจี้รีบลงนั่งหยิบแก้วแชมเปญมาจิบ นายหัวเราะก๊าก แล้วนั่งคุกเข่าจับมือจีจี้ขึ้นมากุม
“ผมว่าเรารู้กันกัน แล้วก็คบกันมานาน อาจจะนานจนบางที ผมก็ละเลยความรู้สึกคุณไปบ้าง แต่ผมอยากให้คุณรู้ไว้ว่า คุณคือคนๆเดียวที่ผมอยากใช้เวลาอยู่ด้วยทั้งชีวิต แต่งงานกันนะจี้”
นายสวมแหวนให้ จีจี้มองตานายยิ้มชื่นมีสุขล้น โผเข้ากอดนายทันที สองคนกอดกันกลม
“จี้ขอโทษนะนายนาย จี้ขอโทษ”
“ผมรักคุณนะจีจี้”
ทั้งคู่กอดกันเต็มรัก

ส่วนแนวหน้านั่งอยู่หน้าคอมพ์ในห้องนอน มองข้อความที่ตัวเองส่งไปแต่โลลิต้า ยังไม่ตอบกลับมา
"ผมคงเป็นคนประหลาดจริงๆ กับเรื่องของคนอื่นผมสามารถจัดการให้ เค้าได้ทุกอย่าง แต่พอเรื่องตัวเอง ผมกลับทำอะไรไม่ได้เลย”
แนวหน้ามองหน้าคอมพ์แล้วได้แต่ทอดถอนใจ
“ถ้าเธอยังไม่ให้อภัยผม...ในงานวันเปิดสารคดีผมคงไม่กล้าแม้แต่มองหน้าเธอแน่ๆ”

แนวหน้าได้แต่บอกกับตัวเองในใจ

งานเปิดตัวสารคดี จัดขึ้นตอนเย็น ของวันนี้ หนังสือพิมพ์บันเทิงประโคม พาดหัวข่าวชวนตื่นเต้น

“ไผทคืนวงการสง่างาม สารคดีเทียบชั้นอินเตอร์”
“เจ้าหญิงโลลิต้าแห่งฮวาซาใต้เสด็จเปิดงานสารคดีประเทศฮวาซา”
“ไผท ไพศาลี COME BACK”
โดยภาพบนปกทุกเล่มบนแผงหนังสือเช้านี้ ล้วนเป็นภาพไผท และภาพองค์โลลิต้าผู้สวยงาม และภาพประกอบข่าวที่คัดจากในสารคดี

งานจัดขึ้นอย่างหรูหราอลังการเว่อร์วัง โดยมีการพรมแดง ผู้คนแขกเหรื่อทั้งบันเทิง และไฮโซมาร่วมงานมากมายล้นหลาม ไผท แนวหน้า นาย จีจี้ ขิง ฟิน เดินขึ้นบันไดเฉิดฉายอยู่บนพรมแดง
ที่ชั้นบน ผู้คนคุยกัน มือถือแก้วแชมเปญ จับมือแสดงความยินดีกับแนวหน้า ไผท และนายนาย แล้วสักพักมีเสียงอื้ออึง
“องค์หญิงเสด็จแล้วๆ”
นายกับจีจี้วิ่งไปต้อนรับ แนวหน้ามองเห็นโลลิต้าเดินขึ้นบันไดมาพร้อมกับชีฟอง ท่วงท่า สง่างาม
โลลิต้าหยุดทักไผท จีจี้ และนายตรงชั้นบน ยิ้มแย้มทักทายอย่างเป็นกันเอง แนวหน้ารีบเดินไปต่อแถว โลลิต้ายืนยิ้มทักทายแต่ตาไม่เหลียวมาแลสักน้อย แนวหน้าจ๋อยสนิท
ช่างภาพ และนักข่าว ถ่ายรูปกันพรึบพรับ มีเสียงคนเชิญชวนกันให้เข้าไปดูสารคดี “ได้เวลาแล้ว”

ประตูห้องฉายสารคดีเปิดออกหลังสารคดีฉายจบลง โลลิต้าเดินนำออกมา หน้าตาเบิกบานมีความสุข ผู้คนทยอยตามกันออกมา สีหน้ายิ้มแย้ม พอใจและชื่นชมสารคดีเป็นอย่างมาก
หนึ่งในนั้นคือผู้กำกับและผู้บริหารคนดัง ถกลเกียรติ วีรวรรณ ซึ่งบอกด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มว่า
“เป็นสารคดีที่ดีที่สุดชิ้นนึงที่ผมเคยดูมา”
ดาราชื่อดังอีกคนบอก “ดูแล้วอยากไปเที่ยวฮวาซามากๆ ประเทศอะไร สวยยังกับไม่ได้อยู่ในโลกจริงๆ”
ผู้กำกับอีกท่านปลื้มมาก “มันมากกว่าคำว่าโอเค ต้องเรียกว่าดีมากๆ ไม่น่าเชื่อว่าไผทหายไปไม่กี่เดือน
แต่ฝีมือจะพัฒนาไปขนาดนี้ ทุกอย่างดูเป็นธรรมชาติ ผมว่าไผทนี่แหละ คือ ซุปเปอร์สตาร์ตัวจริงของ พ.ศ.นี้”
2 พิธีกร รายการแซบ สองสาวเล่าเรื่อง ระรื่นชื่นชมสารคดีออกนอกหน้า และกำลังสัมภาษณ์สองหนุ่ม ไผท กับ แนวหน้า ตรงแบ็คดร็อป โดยมี นาย จีจี้ ขิง องค์หญิง และชีฟอง อยู่ด้วย
“หลังจากรับเล่นสารคดีเรื่องนี้ไปแล้ว ไผทรู้สึกยังไงกับประเทศ ฮวาซาบ้างคะ”
“ประเทศฮวาซาทำให้คนที่เคยมีชีวิตเร่งรีบอย่างผมเปลี่ยนไปมากครับ…ผมรู้สึกว่าตัวเองใช้ชีวิตช้าลงและมองทุกอย่างที่ความสุขมากกว่า ผลตอบแทนที่จะได้รับกลับมา…ชีวิตที่ฮวาซาสอนให้ผมมีความสุขกับสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวไม่ใช่ สิ่งที่ผมพยายามไขว้คว้าหา คล้ายกับที่ผมพูดตอนท้ายของสารคดีครับ”
“แล้วคุณแนวหน้าละคะ…กำกับสารคดีได้รางวัลมาก็เยอะ รู้สึกว่าสารคดี เรื่องนี้มีความแตกต่างกับเรื่องอื่นๆยังไงคะ”
แนวหน้าแอบหันมองโลลิต้า ที่อยู่ไม่ไกลนัก แล้วหันกลับมาตอบว่า “ผมทำสารคดีเรื่องนี้ด้วยหัวใจทั้งหมดที่ผมมีครับ”
โลลิต้าชะงักในความพูดประโยคนั้น
“ไม่ใช่ว่าเรื่องอื่นๆ ผมไม่ทำด้วยใจนะครับ…แต่เพราะคนฮวาซาเค้าใช้ หัวใจในการดำเนินชีวิต ผมจึงต้องถ่ายทอดสารคดีนี้ด้วยหัวใจเช่นกัน และผมก็อยากให้ทุกคนที่ได้ดู รู้สึกถึงหัวใจของประเทศฮวาซา”
แนวหน้าแอบชำเลืองมององค์หญิง แต่โลลิต้าพยายามทำหน้านิ่งๆ นาย จีจี้ และขิงมองแนวหน้ารู้ดีว่าเขาหมายถึงอะไร
“คำถามนี้ขอเรียนถามองค์หญิงเพคะ หลังจากทอดพระเนตรสารคดี เสร็จแล้ว องค์หญิงรู้สึกยังไงบ้างเพคะ”
“หญิงรู้สึกประทับใจมากค่ะ เป็นครั้งแรกที่หญิงได้เห็นสารคดีเรื่องนี้เต็มเรื่อง และด้วยความที่หญิงเป็นคนฮวาซา บางครั้งหญิงก็หลงลืมความ สวยงามในประเทศของตัวเองไปบ้าง แต่สารคดีชิ้นนี้ทำให้หญิงเห็นทุกแง่มุมของฮวาซา …หญิงต้องขอขอบคุณทุกคนที่มีส่วนร่วมกับสารคดีชิ้นนี้ค่ะ”
โลลิต้าแอบเหลือบมองแนวหน้านิดๆ ก่อนพูดออกมาในท่าทีนิ่งๆ “ขอบคุณที่ทำมันด้วยหัวใจค่ะ”
แนวหน้าเหลียวมามอง เพราะรู้สึกเหมือนว่าประโยคสุดท้ายโลลิต้ากำลังบอกตน

ทว่าองค์หญิงโลลิต้ายังวางท่านิ่งเฉย สีหน้าเรียบสนิทไม่บอกว่ารู้สึกอย่างไร!

อ่านต่อหน้า 3 และ 4 เวลา 21.30 น.

น่ารัก ตอนที่ 25 อวสาน (ต่อ)

ตอนกลางวัน อีกวันหนึ่ง ในกองถ่ายละคร ที่มีไผทเป็นพระเอก ทีมงานกำลังเซ็ตถ่ายกันอยู่ริมถนนแห่งหนึ่ง ห่างออกมา ขิงยืนคุยกับไผท สองคนพิงรถอยู่อย่างสบายใจ

“ข่าวลงเชียร์สารคดีกันเต็มเลยไผท ได้ดูบ้างรึเปล่า”
“อืม แต่ไม่ดีอยู่อย่าง ตั้งแต่งานเปิดตัว คิวงานผมแน่นแทบจะทุกวัน เหมือนเมื่อก่อนเลย”
“อ้าว ทำไมล่ะ ก็ดีแล้วนี่ แสดงว่าไผทกลับมาได้เต็มตัวแล้ว ดีใจด้วยนะ”
จู่ๆ ก็มีแฟนคลับร้องดังขึ้นเสียงเซ็งแซ่
“พี่ไผท...พี่ไผท ขอลายเซ็นหน่อยค่ะ”
“ขอถ่ายรูปด้วยค่ะพี่
ไผทกับขิง หันไปมองด้วยสีหน้าตกใจ ที่ถูกแฟนคลับจู่โจมเข้ามาในกองถ่าย
ผู้ช่วยกับทีมงานหันไปมอง แล้วรีบวิ่งมากัน
“ขอโทษนะครับ เข้ามาตรงนี้ไม่ได้นะครับ”
แฟนคลับผลักผู้ช่วยกระเด็นไป แล้ววิ่งมาดึงทึ้งตัวไผท ขิงไม่ทันระวัง โดนกลุ่มแฟนคลับวิ่งชนเต็มแรง จนเสียหลัก ตกส้นสูง “โอ๊ย”
ไผทหันมาเห็นขิงเสียหลักอยู่ก็ตกใจ “ขิง! ขอโทษนะครับ” เขาแหวกแฟนคลับแล้วเข้าไปหา “เป็นอะไรมั้ยขิง”
แฟนคลับตกใจ อึ้งไปทั้งแถบ ที่เห็นไผทห่วงใยชะนคนนี้
“ไม่เป็นไร”
ไผทหันมาดุแฟนคลับ “ช่วยระวังหน่อยสิครับ”
ขิงพยายามลุกขึ้น จะเดินเอง แต่ขาพลิกจนเดินไม่ไหว ไผทเห็นว่าท่าทางขิงคงเดินเองลำบาก เลยตัดสินใจ
“มา ผมช่วยดีกว่า”
ขาดคำ ไผทช้อนอุ้มขิงขึ้นมาทันที ทุกคนตะลึงอ้าปากค้าง ขิงอึ้ง ไม่ทันตั้งตัว ทุกอย่างเงียบเป็นเป่าสากทีมงานที่อยู่รอบข้างแถวนั้นต่างอึ้งตะลึงงัน กันไปทั้งแถบ
ไผทไม่สนอุ้มขิงแหวกคนเดินไปหน้าตาเฉย
แฟนคลับได้สติ กรี๊ดสนั่น แต่จะเข้ามาหาไผทก็ไม่ได้ เพราะทีมงานกันเต็มอัตรา
ไผทอุ้มขิงออกมาห่าง หน้าตานิ่งๆ ไม่บอกความรู้สึก ขิงลอบชำเลืองมองสบตา แต่ไผทไม่มองมา

เจ๊ฟินกับผู้กำกับ กำลังนั่งคุยกันอยู่หน้ามอนิเตอร์
“คุณฟินก็ช่วยดูแลนะคะ อย่าไปรับคิวอื่นซ้อนอีก ไม่งั้นพี่จะเสียใจแย่เลย”
“โอ้ย ไม่มีละค่ะ สำหรับกองของคุณพี่ หนูเทคิวให้หมดเลยค่ะ”
ทั้งคู่ชะงัก เมื่อเห็นไผทอุ้มขิงเข้ามาวางบนเก้าอี้ในเต๊นท์พักทีมงาน
“ดีขึ้นหรือยังขิง ถ้าไม่ดีขึ้น สงสัยต้องไปหาหมอแล้วล่ะ” ไผทก้มลมนวดข้อเท้าให้อย่างนุ่มนวล
ขิงอึดอัด “ขิงไม่เป็นไรแล้วล่ะ” พลางมองไปรอบตัวเห็นทุกสายตามองจ้องอยู่ “เอ่อ...ไผทลุกขึ้นเถอะ”
ไผทหันไปมองฟินกับผู้กำกับเฉยๆ แล้วหันมานวดต่อ “มันใช่เวลามาห่วงคนอื่นมั้ย ไหนลองขยับขาดูซิ”
ฟินได้สติ “นี่มันอะไรกันไผท”
“คือ.. ขิงหกล้มน่ะค่ะพี่ฟิน แล้ว...”
ไผทเงยหน้ามองขิง “ผมขอโทษนะขิง ที่ไม่ได้ดูแลขิงให้ดี ผมละเลย ไม่ใส่ใจขิงตลอดเวลา แต่ต่อไปนี้ผมจะแก้ตัวใหม่ ...อนุญาตให้ผมได้เป็นคนดูแลขิงบ้างได้ไหม”
ขิงอึ้ง พูดไม่ออก
“หมายความว่าอะไรไผท” ฟินงง
“คบกับผมเถอะนะขิง ได้มั้ย” ไผทบอกออกมา
เห็นขิงน้ำตาไหล ไผทตกใจ “ขิงร้องไห้ทำไม”
“ไผท ทำไมพูดแบบนี้”
“ผมพูดแบบนี้ ก็เพราะผมชอบขิงน่ะสิ ชอบมาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แต่พอรู้ตัว ก็รักเข้าไปแล้ว”
ขิงตะลึง คนรอบข้างกรี๊ดสนั่น ไผทยิ้มให้ขิง แล้วโน้มตัวลงไปจูบขิง
ฟินกับผู้กำกับแทบล้มลงหัวฟาด กรี๊ดกันไม่หยุด
มีแฟนคลับที่หนีรอดออกมาได้ มุงอยู่เต็ม ทุกคนรุมกันร้องกรี๊ดๆๆ ยกมือถือ และกล้องมาถ่ายรูป พรึบพรับ

สองพิธีกรขาเม้าท์ “ดอย แหม่ม” แห่งรายการ "สองสาวเล่าเรื่อง" กระจายข่าวความรักของไผทกระฉ่อนทีวีดิจิตอล

หลายวันต่อมา งานแต่งงานระหว่าง นาย กับ จีจี้ จัดขึ้น ในบรรยากาศปาร์ตี้ริมทะเล รอบบริเวณหน้าบ้านพักริมทะเลของนายและแนวหน้า ตกแต่งอย่างสวยงาม ด้านหน้าเป็นซุ้มดอกไม้สวยปนเท่ ฟินยืนคุยกับแขกที่มีเฉพาะ พนักงานและคนสนิทเท่านั้น

แนวหน้ายืนดูความเรียบร้อยของงานอยู่ ไผทเดินเข้ามาสมทบพร้อมกับขิง
ขิงประกาศ “เจ้าบ่าวเจ้าสาวบอกว่า ขอเวลาไม่เกินครึ่งชั่วโมงแล้วจะรีบลงมานะคะ”
ทุกคนขยับตัวกันคึกคัก ไผทยิ้มให้ขิงแล้วจับมือไว้อย่างรักใคร่
“นี่ ไอ้แนว แกเป็นคนคิดแผนให้ไผทบอกรักขิงกลางกองถ่ายใช่มั้ย”
“โอย...เจ๊ ระดับไผทคนกล้า ผมไม่ต้องคิดแผนให้หรอก มันคิดเองทำเองของมันได้”
ไผทเข้ามากับขิงทันได้ยิน “เอาอีกแล้วพี่ฟิน นี่พี่จะโยนความผิดให้พี่แนวให้ได้เลยใช่ไหม บอกแล้วว่าผมคิดเองทำเอง”
“ก็จะให้พี่เชื่อได้ยังไงล่ะ อยู่ๆ เราก็มาขอขิงเป็นแฟน เป็นเพื่อนกันอยู่ดีๆ แท้ๆ”
“พี่ฟิน ถ้าพี่ไม่อยากให้เป็นข่าว ขิงไม่ออกงาน ไม่ไปไหนกับไผทก็ได้นะคะ”
“ว้าย! ไม่ได้จ้ะ พี่ไม่ได้รังเกียจอะไรนะขิง ถ้าไผทมีความสุขพี่ก็ดีใจ แต่…แค่ขอเวลาพี่ทำใจหน่อย ทุกวันนี้มีแต่นักข่าวโทร.มาขอสัมภาษณ์เราคู่กันจนพี่ต้องปิดเครื่องหนี”
“ผมไม่เอานะพี่ อย่าให้ผมกับขิงไปสัมภาษณ์ออกรายการหรือออกอีเว้นท์อะไรนะ ผมอยากให้มันเป็นเรื่องส่วนตัวของผมกับขิงแค่สองคน”
“พี่รู้น่า...เฮ้อ! ขอไปดูหน้าเจ้าสาวก่อนนะ ได้ข่าวว่าเหวี่ยงเจ้าบ่าวทุกวันเลย ทำไมแพ้ท้องแล้วหงุดหงิดอะไรนักหนาก็ไม่รู้”
เจ๊ฟินเดินหน้าแป้นแยกขึ้นบ้านไป ชีฟองเดินเข้ามาหาแนวหน้าในจังหวะนี้
“มีอะไรให้ช่วยมั้ยคะ”
แนวหน้าอึ้ง “คุณชีฟอง” แล้วเหลียวมองหา “แล้วองค์หญิงล่ะครับ”
“องค์หญิงยังประทับอยู่ที่โรงแรม เดี๋ยวคงตามมาค่ะ” ชีฟองมองแนวหน้า เห็นความกังวลฉายชัด “คุณแนวหน้าคะ ชีฟองขอคุยอะไรด้วยได้ไหมคะ”
แนวหน้า ไผท และขิง แปลกใจว่าชีฟองจะคุยอะไรกับแนวหน้า

แนวหน้าเดินตามชีฟองมาหยุดคุยกันที่มุมหนึ่ง ริมทะเล
“ชีฟองไม่เคยคิดเลยนะคะว่าคุณแนวจะเป็นคนยอมแพ้อะไรง่ายๆแบบนี้
แนวหน้างุนงง “คุณชีฟองหมายถึงเรื่อง...เอ่อ องค์หญิงเหรอครับ”
“ตอนที่ชีฟองได้เจอคุณแนวหน้าครั้งแรก ชีฟองรู้สึกว่าคุณเป็นคนมีเสน่ห์แล้วก็คุยสนุก พอได้ร่วมงานกับคุณยิ่งทำให้รู้สึกว่าคุณเป็นคนเก่งจนน่าทึ่ง แต่ทำไมคนเก่งอย่างคุณกลับถึงได้ไม่กล้าเปิดเผยตัวเองคะ”
“ผมยอมรับครับว่าที่ผ่านมาผมขี้ขลาด ไม่กล้า แต่ตอนนี้ผมพยายามจะคุย พยายามจะขอโทษองค์หญิงแล้วนะครับ แต่องค์หญิงไม่เคยตอบอะไรผมเลยซักคำ”
“คุณพยายามขอโทษองค์หญิงตอนไหนคะ ชีฟองไม่ยักทราบ”
“ในบล็อกครับ ผมอธิบายให้ท่านฟังทุกอย่าง แต่องค์หญิงก็ไม่ทรงตอบ ท่านคงจะโกรธผมมาก”
“แล้วทำไมคุณไม่ลองขอโทษองค์หญิงต่อหน้าเลยละคะ บางทีการคุยกันต่อหน้าอย่างมนุษย์ต่อมนุษย์ มันอาจดีกว่าคุยกันผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์นะคะ”
แนวหน้าอึ้ง นิ่งคิดตามที่ชีฟองพูด ฟินเดินเข้ามา
“องค์หญิงเสด็จแล้วแนว เจ้าบ่าวเจ้าสาวก็ลงมาแล้วด้วย”
ชีฟองกับแนวหน้ารีบเดินออกไป
แนวหน้าวิ่งเข้ามา ดลลิต้าหันมองสบตากัน โลลิต้าเมินหนี ฟิน ชีฟองเดินไปนั่งใกล้ๆ แนวหน้าลงนั่งหันมองโลลิต้า แต่โลลิต้าไม่หันมามอง แขกคนอื่นๆ ที่มาร่วมงานก็นั่งอีกฝั่ง เสียงเพลงหวานซึ้งดังขึ้น ทุกคนหันไปมองที่ด้านหลัง เห็นนาย และ จีจี้ในชุดบ่าวสาวสวยหล่อ เดินควงกันออกมา
ขิงกับไผทเดินตามเป็นเพื่อนเจ้าบ่าว เจ้าสาว
นาย และจีจี้เดินผ่านแขกในงานยิ้มแย้มให้ทุกคน แนวหน้าหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายรูปช่วงเวลาอันแสนหวาน ต่อมานาย และ จีจี้ สวมแหวนให้กันและกัน ทุกคนปรบมือ โห่ร้องด้วยความยินดี
“งานแต่งงานของพี่นายกับพี่จี้เต็มไปด้วยรอยยิ้มและความสุข...องค์หญิงโลลิต้าเสด็จมาร่วมงานเป็นการส่วนพระองค์...พร้อมกับนำของขวัญพิเศษจากท่านธูลมามอบให้ด้วย แต่องค์หญิงก็ยังไม่ทรงมองหน้าผมอยู่ดี”
โลลิต้ามอบของขวัญให้บ่าวสาว แนวหน้าถ่ายรูป โลลิต้าเมินหน้าหนีทันควัน แนวหน้าสะอึก จ๋อยอย่างแรง
จีจี้กำลังตั้งท่าจะโยนช่อดอกไม้ สาวๆ ทีมงานและแขกคนอื่นๆ มายืนตั้งท่ารอรับดอกไม้ ฟินกับขิงชวนโลลิต้ากับชีฟองมารวมแถวด้วย แนวหน้าถ่ายบรรยากาศทั้งหมดไว้
จีจี้โยนช่อดอกไม้ ดอกไม้ลอยละลิ่วอยู่กลางอากาศ สาวๆ ทุกคนแย่งรับ ปรากฏว่าไผทก้าวออกมายื่นมือขึ้นไปรับไว้ได้ ทุกคนตะลึง และแทบตาถลนออกจากเบ้า

เมื่อเห็นว่าไผทเดินไปส่งช่อดอกไม้นั้นให้ขิง

น่ารัก ตอนที่ 25 อวสาน (ต่อ)

ทุกคนในงานกรี๊ดสนั่น ขิงยิ้มหวานให้ไผท

“คนที่รับช่อดอกไม้ได้ในวันนั้นคือไผท ผมกำลังหวั่นใจว่า ไผทจะขอขิงแต่งงานกลางงานอะไรสักงานหรือเปล่า ไอ้หน้าหล่อคนนี้ มันชอบทำให้ใครๆ นึกไม่ถึงอยู่ตลอดเวลาซะด้วยสิ”
ทุกคนกรี๊ดให้กับไผทและขิงเสียงดังไม่ยอมหยุด ขิงนิ่งคิดนิดหนึ่ง แล้วดึงดอกไม้ ออกมา 1 ดอก ยื่นให้แนวหน้า ทำเอาแนวหน้างง
ขิงพยักพเยิดไปทางองค์หญิงโลลิต้า ที่กำลังยิ้มแย้มสนุกสนาน แต่ครั้นพอโลลิต้าสบตาแนวหน้าก็หุบยิ้มทันควัน แล้วค่อยๆ เดินออกไปที่ชายหาด แนวหน้าจ๋อยแล้วจ๋อยอีก
“ส่วนตัวผม เรื่องวุ่นวายที่ผมสร้างขึ้น ดูจะทำให้ทุกคนเป็นห่วง นี่คงเป็นโอกาสสุดท้าย ที่ผมจะต่อสู้เพื่อความรัก หรือไม่ก็ คงต้องปล่อยให้มันหลุดลอยไปตลอดกาล”
แนวหน้าถอนใจมองดอกไม้ในมือหน้าเศร้า ก่อนจะเดินออกไปทางชายทะเล

แนวหน้าวิ่งตามหาโลลิต้าจนเหนื่อยหอบ จนมาเห็นโลลิต้ายืนเหม่ออยู่ริมทะเล พอองค์หญิงได้ยินเสียงคนวิ่งมา ก็หันไปมอง พบว่าเป็นแนวหน้านก็จะเดินหนี แนวหน้ารีบตามมา
“เดี๋ยวพะยะค่ะองค์หญิง” แนวหน้าหายใจเข้าไปเต็มปอด แล้วพูดออกมาเป็นชุด “กระหม่อมอยากขอประทานอภัยสำหรับทุกอย่างที่กระหม่อมทำลงไป...ทั้งเรื่องปลอมเป็นนายพรหมลิขิต ใช้ชื่อไผทหลอกองค์หญิง แล้วยังไม่กล้าบอกความจริง กระหม่อมเป็นคนปากไม่ค่อยดี เป็นคนขี้ขลาด...แต่ที่กระหม่อมมาหาองค์หญิง กระหม่อมไม่ได้ต้องการอะไรเลย เพียงแต่อยากให้ได้องค์หญิงได้ฟังคำขอโทษจากปากกระหม่อมเท่านั้น...ไม่ได้หวังให้องค์หญิงให้อภัยกระหม่อมเลย ถ้าองค์หญิงไม่ทรงต้องการ”
แนวหน้ามองสบตา ลุ้นว่าโลลิต้าจะพูดยังไง แต่โลลิต้ากลับนิ่งเฉยไม่ตอบอะไร แนวหน้าคิดว่าโลลิต้าคงไม่ให้อภัยตัวเอง
“ขอบพระทัยพะยะค่ะที่ยอมทนฟังจนจบ...กระหม่อมทูลลา”
แนวหน้าหันหลังจะเดินกลับไป “ความจริง...หญิงไม่ได้โกรธคุณแนวแล้วค่ะ”
แนวหน้าหูผึ่ง ตะลึง ช็อก ค่อยๆ หันมาหา “จริงเหรอพะยะค่ะ? แต่ทำไมองค์หญิงถึงไม่ยอมมองหน้า ไม่ยอมคุยกับกระหม่อม แล้วยังไม่ยอมตอบข้อความที่กระหม่อมส่งไปซักครั้งล่ะพะยะค่ะ”
“เพราะหญิงรอ...รอที่จะให้คุณมาพูดกับหญิงต่อหน้า...หญิงอยากรู้จักคุณในฐานะคุณแนวหน้า สุทธารมย์ ไม่ใช่นามของนายพรหมลิขิต หรือคุณไผท... เรื่องที่เกิดขึ้นมันเป็นเพราะหญิงคิดและจินตนาการไปเองว่าคนที่หญิงคุยด้วย เค้าต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ โดยที่หญิงลืมไปว่า คนเรามีทั้งข้อดีและข้อเสียในตัวเอง หญิงคิดแต่จะให้คุณเป็นคนในแบบที่หญิงชอบ... เพราะฉะนั้นต่อไปนี้หญิงจึงอยากรู้จักคุณในแบบที่คุณเป็นจริงๆค่ะ”
แนวหน้าตะลึง พูดไม่ออก “ปะ..แปลว่า...”
“ดอกไม้นั่น จะเอามาให้หญิงรึเปล่าคะ”
แนวหน้านึกได้ มองดอกไม้ในมือ ดีใจสุดขีด รีบส่งให้ทันที
“งั้นก็...ถวายบังคมอย่างเป็นทางการพะยะค่ะ กระหม่อม นายแนวหน้า สุทธารมย์ ผู้กำกับหนังสารคดีจากเมืองไทยพะย่ะค่ะ”
โลลิต้ายิ้มหวาน น่ารักโครตๆ “ยินดีที่ได้รู้จักค่ะคุณแนวหน้า”

โลลิต้ากับแนวหน้ายิ้มให้กัน เปิดเผยความรู้สึกดีๆ ที่ต่างคนต่างมีต่อกันอย่างหมดหัวใจ

แนวหน้าเล่าเรื่องราวชีวิตของเขาลงสมุดบันทึกความว่า

“หลังจากที่ผมได้ปรับความเข้าใจกับองค์หญิงแล้ว ชีวิตของผมก็มีแต่สิ่งดีดีเข้ามา สารคดีเปิดตัวประเทศฮวาซาถูกเผยแพร่ออกไป มีคนมากมายติดต่อให้ผมไปทำสารคดีประเทศต่างๆ ทั้งสารคดีไวกิ้งที่แสกนดิเนเวีย ชีวิตชนเผ่าที่แอฟริกา และแพะภูเขาที่แคชเมียร์ ผมเลือกไม่ถูกเลยว่าจะไปที่ไหนดี สุดท้ายผมก็เลยไปมันหมดทุกที่เลย”
ภาพแนวหน้าใส่เสื้อหนาวยืนยิ้มอยู่บนหิมะแถบ สแกนดิเนเวีย ตามมาด้วยภาพนิ่งแนวหน้าใส่ชุดซาฟารีกลางทุ่งหญ้าสะวันนา พร้อมฝูงสัตว์ป่าในแอฟริกา สุดท้ายเป็นภาพแนวหน้าห่มผ้า ฉากหลังเป็นฝูงแกะที่แคชเมียร์

หลายวันผ่านไป ภาพถ่ายตามสถานที่ต่างๆ ถูกวางอยู่ที่โต๊ะของใครคนหนึ่ง ใครคนนั้นหยิบภาพของแนวหน้าขึ้นมาดู มิใช่ใครอื่นเธอคือองค์หญิงโลลิต้านั่นเอง
โลลิต้าพลิกดูด้านหลัง เห็นว่าภาพนั้นเป็นโปสการ์ดที่แนวหน้าเขียนส่งมาหาองค์หญิง
“ไว้กระหม่อมกลับจากแคชเมียร์เมื่อไหร่ กระหม่อมจะเอาผ้าขนแพะไปฝากนะพะยะค่ะ จากแนวหน้า”
โลลิต้าหยิบโปสการ์ดมาแล้วเปิดลิ้นชักที่โต๊ะ พบว่าในนั้นเต็มไปด้วยโปสการ์ดที่แนวหน้าส่งมาให้
โลลิต้าเดินออกจากห้องแล้วต้องชะงัก เมื่อเห็นแนวหน้ายืนอยู่ กำลังเหลียวมองรอบตัว ด้วยความคิดถึง แนวหน้าหันมามอง สบตาโลลิต้าแล้วยิ้มกว้าง
“องค์หญิง”
“ยินดีต้อนรับกลับสู่ฮวาซาอีกครั้งนะคะ”
แนวหน้าเอื้อมไปหยิบกระเป๋าออกจากหลังแล้วรื้อของจากกระเป๋าท่าทางตื่นเต้น
“กระหม่อมเพิ่งกลับมาจากทำสารคดีที่ญี่ปุ่น เลยมีของมาฝากองค์หญิงด้วยพะยะค่ะ”
แนวหน้าหยิบช่อกุหลาบเล็กๆ ออกมา โลลิต้าตื่นเต้น
“โอ้โหสวยจัง กุหลาบมาจากญี่ปุ่นเลยเหรอคะ”
“เปล่าพะย่ะค่ะ เมื่อกี้กระหม่อมแวะไปเด็กในสวนหลังวัง ก่อนเข้ามาหาองค์หญิงนี่แหละพะยะค่ะ”
โลลิต้าทำเป็นกริ้ว ร้องขึ้นเสียงดัง “ทหาร”
แนวทำหน้าตกใจ รีบเข้าไปใกล้ อุดปากอย่างลืมตัว
“อย่าพะยะค่ะ อย่าเรียกทหาร เดี๋ยวกระหม่อมโดนโบยพะย่ะค่ะ”
โลลิต้าดิ้นหนี แต่แนวหน้าไม่ยอมปล่อย สักครู่ก็ชะงัก เมื่อพบว่าใบหน้าทั้งคู่อยู่ใกล้ชิดกันมาก ทั้งคู่สบตากัน ใจเต้นโครมคราม แนวหน้าเคลื่อนใบหน้าเข้าหา องค์หญิงลุ้นระทึกเหมือนจะถูกจูบกัน ชีฟองโผล่ขึ้นบันได ส่งเสียงนำมาก่อน
“องค์หญิงเพคะ”
ทั้งคู่ได้สติ รีบผละออกจากกัน ชีฟองปรากฏตัว ยิ้มแฉ่ง
“อุ้ย คุณแนวหน้า มาอยู่ที่นี่เอง ท่านธูลมีรับสั่งให้องค์หญิงกับคุณแนวหน้าไปพบในสวนด้านหลังเพคะ”
“ครับผม ไปเดี๋ยวนี้คร้าบคุณชีฟอง”
ชีฟองยิ้มให้ก่อนเดินนำไป แนวหน้าหันมายิ้มให้องค์หญิง โลลิต้าเฉไฉออกเดิน แต่พอผ่านถูกแนวหน้าดึงมือไว้ โลลิต้าชะงัก แนวหน้ากุมมือองค์หญิงไว้ แล้วเดินจูงมือกันไป โลลิต้าขวยเขิน
“เมื่อไหร่ที่เราได้เดินจูงมือกันคนที่เรารัก เราจะรู้สึกว่าโลกทั้งโลกกว้างกว่าที่คิด ความสุขจะล้นเต็มหัวใจจนรู้สึกเหมือนกับว่า เราจะเดินไปได้เรื่อยๆ โดยไม่มีวันเหน็ดเหนื่อย เรื่องของผมกับองค์หญิงโลลิต้าได้ผ่านช่วงเวลาและสิ่งต่างๆมามากมาย แต่มันก็มาถึงวันนี้ได้ในที่สุด คงเป็นเพราะพรหมลิขิตและความกล้าหาญจริงใจของเราทั้งสองคนแท้ๆ”
ความรักความหลังเหตุการณ์ต่างๆ ตั้งแต่วันแรกพบกันของสองคนผุดซ้อนขึ้นมาในห้วงคิด

เช้าวันนี้โลลิต้ากับแนวหน้าเดินจูงมือกันเข้ามาในอุทยาน ทั้งคู่อยู่ท่ามกลางบรรยากาศเขียวขจีสดใสของไม้นานาพรรณ ดอกไม้เบ่งบานชูช่อ อวดความสวยงาม สองคนหยุดยืนมองหน้ากัน แนวหน้าจับมือองค์หญิงโลลิต้ากอบกุมไว้ ทั้งคู่สบตาซึ้งๆ ยิ้มหวานให้กันและกัน สุขล้นในดวงใจสองดวง

ใครได้มาเห็นภาพนี้ ก็คงพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “น่ารัก”

จบบริบูรณ์

โปรดติดตามอ่าน “อนิลทิตา” เต็มอิ่ม จุใจ ตรงตามทีวีมากที่สุด เร็วๆ นี้ ที่เดียวทาง "ละครออนไลน์"
กำลังโหลดความคิดเห็น