xs
xsm
sm
md
lg

น่ารัก ตอนที่ 12

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


น่ารัก ตอนที่ 12

บริเวณมุมหนึ่งในวัง แถวๆ หน้าห้องพักแนวหน้าเย็นวันเดียวกัน แนวหน้านั่งเขียนสมุดบันทึกเล่มเล็กอยู่ตรงนั้น

“แล้วเรื่องทุกอย่างก็จบลงได้ด้วยดี เราจะเริ่มถ่ายทำต่อในวันพรุ่งนี้...ขอให้อย่าเกิดเรื่องวุ่นวายอะไรขึ้นอีกเลย”
แนวหน้าวางปากกาครุ่นคิด
จังหวะนี้ องค์หญิงโลลิต้าเดินพรวดพราดเข้ามา แนวหน้าตาเหลือก ลุกขึ้นยืนคำนับ โลลิต้ามองปราด คล้ายหาอะไรบางอย่าง
“องค์หญิง ทำไมเสด็จมาตรงนี้ล่ะพะย่ะค่ะ มีอะไรรึเปล่า”
“คุณอยู่คนเดียวใช่มั้ยคะ”
“พะย่ะค่ะ ถ้าองค์หญิงจะทรงตามหาไอ้ไผทล่ะก็ มันเดินไปไหนก็ไม่ทราบพะย่ะค่ะ”
“หญิงไม่ได้จะหาเค้า หญิงแค่มีเรื่องอยากจะถามนิดหน่อย คุณพอจะรู้มั้ยว่า คุณไผทชอบเขียนหนังสือรึเปล่า”
แนวหน้าไม่เชื่อหูตัวเอง “เขียนหนังสือ!” เขาหัวเราะก๊าก “เอาอะไรมาพูดพะย่ะค่ะ ไอ้ไผทเนี่ยนะ แค่ให้อ่านบทวันละ 2 หน้า มันยังหลับคาสคริปต์ มันแพ้ตัวหนังสือจะตายไปพะย่ะค่ะ ชีวิตมันเขียนได้แค่ลายเซ็นเวลามีคนมาขอแค่นั้นเอง”
โลลิต้าโกรธที่แนวหน้าใส่ร้ายไผท “หญิงอุตส่าห์มาถาม เพราะคิดว่าคุณสนิทกับคุณไผท ที่แท้คุณก็ไม่จริงใจ ชอบใส่ร้ายเค้า”
แนวหน้างง “ใส่ร้าย... เรื่องอะไรพะย่ะค่ะ”
“ก็หาว่าเค้าไม่ชอบอ่านหนังสือไง จะบอกให้นะว่า คุณไผทรู้จักหนังสือทุกประเภท ปรัชญา นิยาย แม้กระทั่งเรื่องเบาสมองฟรุ้งฟริ้งที่เด็กหน้าใหม่เขียน เค้าก็อ่านหมดเลย”
แนวหน้าตกใจ “องค์หญิง... ทรงเอาที่ไหนมาพูด”
“ก็เพราะหญิงรู้ไง” โลลิต้าเห็นสมุดบันทึกบนโต๊ะ เดินมาหยิบ “นี่สมุดของคุณเหรอคะ” พลางมองหน้าแนวหน้าอย่างตกใจ และจะเปิดอ่าน
แนวหน้าตาเหลือกตกใจมาก “มะ..ไม่ใช่นะพะย่ะค่ะ ของ...ของใครก็ไม่รู้”
โลลิต้าโล่งอก ยิ้มได้ “ถ้าอย่างนั้น ก็คงเป็นของคุณไผทใช่มั้ยคะ ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่”
แนวหน้างง “สมุดของ... ไผท? ทำไมถึงทรงคิดอย่างนั้น”
“เมื่อคืนนี้คุณไผททำสมุดเล่มนี้ตกอยู่ในถ้ำ หญิงบังเอิญเห็นข้อความในสมุด ก็เลยรู้ว่าเค้าไม่ใช่คนอย่างที่คุณนินทาเค้าสักนิด”

แนวหน้าช็อก “องค์หญิง...ทรงอ่าน...”
“ค่ะ หญิงไม่ได้ตั้งใจแต่ก็ได้อ่าน แล้วเค้าก็เขียนบางอย่างเกี่ยวกับหญิงด้วย คุณแนวหน้าช่วยบอกหญิงให้ชัดๆอีกทีสิคะว่า สมุดนี่คือบันทึกของคุณไผท ใช่มั้ยคะ”
แนวหน้าอึ้ง โลลิต้ามองอย่างคาดคั้น
“ว่าไงคะ”
“พะย่ะค่ะ สมุดบันทึกนี่... คือ... ของไผท เค้าวางลืมไว้ตรงนี้ก่อนจะเดินออกไป”
โลลิต้าถอนใจยาว โล่งอก ยิ้มแย้มแจ่มใสให้แนวหน้าเป็นครั้งแรก
“ขอบคุณค่ะ ทีนี้หญิงก็คงไม่ต้องไปถามตัวเค้าเองตรงๆ แล้ว” องค์หญิงบอกกับตัวเอง “เค้าคือนายพรหมลิขิตจริงๆด้วย”
จากนั้นโลลิต้าก็เดินอย่างสง่างามออกไป แนวหน้านั่งลงอย่างคนหมดแรง บ่นในใจ
“ปัญหาใหญ่เริ่มก่อตัวขึ้นอีกครั้ง ผมคิดว่ามันเป็นปัญหาที่หนักหนามากกว่าทุกเรื่องที่ผ่านมาซะอีก ผมจะแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้ยังไง”

นายนั่งยิ้มอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ด้วยท่าทีร่าเริง สดใส แนวหน้าเปิดประตูเข้ามาท่าทางมึนงงมากๆ
“แกรู้อะไรมั้ยไอ้แนว ดูจากพระพักตร์ของท่านธูลที่ปลาบปลื้มผลงานของพวกเรามากเนี่ย ชั้นบอกได้เลยว่า สารคดีของเราอาจได้งบพิเศษเพิ่มอีกหลายเปอร์เซ็นต์เลย แกว่ามั้ย” นายชะงักเห็นท่าทางแนวหน้า “เป็นอะไร... เกิดอะไรขึ้น”
“เฮีย...มีเรื่องปรึกษานิดนึง...คือ เฮียจำได้ไหมที่ผมเคยเอาบล็อกขององค์หญิงมาให้เฮียดู”
“บล็อกที่องค์หญิงเขียนนิยายเวิ่นเว้อนั่นน่ะเหรอ”
“ใช่ คือ...หลังจากนั้นผมก็สร้างบล็อกของผม แล้วเข้าไปคุยกับองค์หญิง ใช้ชื่อว่า...นายพรหมลิขิต”
“ชื่อเพราะดี”
“แล้วตอนนี้องค์หญิงเค้าคิดว่านายพรหมลิขิต....คือไผท”
นายคิดตาม “นายพรหมลิขิตคือไผท ที่ไม่ใช่แก...เฮ้ย! ทำไมเค้าคิดอย่างนั้น”
“เฮียไม่ต้องรู้หรอกว่าทำไมเค้าถึงคิดอย่างนั้น แต่เฮียช่วยคิดหน่อยว่าผมควรจะทำยังไงดี”
ทันใดนั้นเอง มีเสียง “ตรึ๊ง” จากบล็อกดังขึ้น นายชะโงกหน้าไปมองแล้วเห็นข้อความ อ่าน
“สวัสดีค่ะ นายพรหมลิขิต ยุ่งอยู่รึเปล่าคะ”
นายชี้ที่ข้อความ “เด็กน้อยขายไม้ขีดไฟ นี่คือองค์หญิงเหรอ”
แนวหน้าพยักหน้า
“แล้วทำไม มีปัญหาอะไร” นายงง
“ผมจะต้องโกหกองค์หญิง แล้วก็ต้องปิดบังตัวเองอย่างนี้ตลอดไปเหรอเฮีย”
“โกหกเพื่องาน มันผิดตรงไหน”
แนวหน้าส่ายหน้าไม่เห็นด้วย “ไม่เอา.. ผมจะเลิกเล่น เลิกแชทกับองค์หญิง แล้วก็หายไปเฉยๆ ลบบล็อกเลยก็ได้ เค้าคงหาตัวผมไม่เจอหรอก”
แนวตรงไปหาคอมพ์ นายจับไว้
“เพื่ออะไร”
“เพื่อ...เพื่อ...” แนวหน้าคิดหาคำตอบ “องค์หญิงจะได้ไม่เข้าพระทัยผิดไง”
“แกก็รู้ว่าองค์หญิงทรงปลื้มไอ้ไผทขนาดไหน การที่ทรงรู้ว่านายพรหมลิขิตที่ทรงคุยอยู่ด้วยคือไผท ก็จะยิ่งดีพระทัยขึ้นไปอีก แกเอ๊ย.. แล้วถ้าต่อไปเรามีปัญหาอะไรในโปรดักชั่นแล้วนายพรหมลิขิตไปปรับทุกข์ด้วย ทุกอย่างก็ราบรื่นเห็นๆ ทีนี้ต่อให้จีจี้หรือเจ๊ฟิน หรือใครหน้าไหนก็ตามมากลั่นแกล้งเราไม่มีวันสำเร็จแน่นอน”
“แล้วเฮียคิดว่า การโกหกแบบนี้มันจะดีเหรอ”
“ยังไงก็คงดีกว่าปล่อยให้ทรงรู้ว่านายพรหมลิขิตคือแกไม่ใช่เหรอ องค์หญิงเกลียดขี้หน้าแกยังกับอะไรดี เผลอๆ จะพาลโกรธมาถึงโปรดักชั่น หาว่าจงใจหลอกลวง แล้วแกจะทำยังไง จริงมั้ย”
แนวอึ้ง นิ่งจังงันไปนาน

ส่วนที่ห้องพัก ฟินและจีจี้ สองคนคุยกันอยู่
“ท่านธูลทรงมีรับสั่งแบบนั้นจริงๆ เหรอ”
“ท่าทางท่านทรงปลาบปลื้มที่พวกเราช่วยกันตามสืบ แถมยังแก้ไขจนภาพวาดกลับมาดีอย่างเดิมเลยล่ะเจ๊”
“เชอะ หน้าบานกันเลยล่ะสิ ทำคะแนนกันน่าดู”
ฟินเดินตรงไปที่ตู้เสื้อผ้า เอากระเป๋าเดินทางออกมา
จีจี้แปลกใจ “ทำอะไรน่ะเจ๊”
“ชั้นจะกลับกรุงเทพฯ พรุ่งนี้ อยู่ต่อไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะไม่ว่ายังไง เราก็คงกลั่นแกล้งให้โปรดักชั่นมันเจ๊งไม่ได้แล้วถ้าท่านธูลทรงสนับสนุนขนาดนี้ เผลอๆถ้าไปแกล้งมัน เราอาจจะโดนลงโทษซะเองก็ได้”
“แล้วเจ๊จะทิ้งหนูไว้คนเดียวจริงๆ เหรอ”
“จะกลับไปด้วยกันมั้ยล่ะ ในเมื่ออยู่ที่นี่เธอก็เป็นส่วนเกินเหมือนกัน” ฟินแดกดัน
จีจี้อึ้ง พูดไม่ออก ฟินเดินเก็บเสื้อผ้า

ค่ำคืนนั้นโลลิต้ายังคงมองจ้องที่คอมพิวเตอร์อึ้งๆ ยังไม่อยากจะเชื่อนัก
ชีฟองตื่นเต้น “คุณไผทคือนายพรหมลิขิตจริงๆ เหรอเพคะ? งั้นแสดงว่า...ที่ผ่านมาองค์หญิงคุยบล็อกกับคุณไผทตลอดเลยงั้นเหรอเพคะ? โอ๊ย ตื่นเต้น แล้วนี่เค้ารู้รึยังคะว่าองค์หญิงทรงทราบแล้ว”
ชีฟองหันไปหาโลลิต้า แต่เห็นว่าองค์หญิงยังคงอึ้งๆ อยู่
“องค์หญิงเพคะ...ตอบอะไรพี่ชีฟองบ้างสิเพคะ”
“หญิงไม่รู้นี่คะ...หญิงก็เลยไม่รู้จะตอบพี่ฟองยังไง”
“งั้นองค์หญิงก็บอกคุณไผทไปตรงๆ สิคะว่าทราบแล้ว”
“มันจะดีเหรอพี่ชีฟอง”
“องค์หญิงไม่อยากรู้หรือเพคะ ว่าทำไมคุณไผทถึงทำแบบนี้ แล้วที่สำคัญ เค้ารู้รึเปล่าว่าเด็กน้อยขายไม้ขีดไฟคือองค์หญิง หรือว่าเค้าแค่ติดตามในฐานะแฟนนิยายเฉยๆ”
โลลิต้าอึ้ง คิดตาม

ฟากแนวหน้าออกอาการเครียดๆ จ้องโน้ตบุ๊ค
“องค์หญิงเงียบไปเลย...เค้าจะโกรธผมไหมเฮีย หรือว่ากริ้ว ก็เลยจะเลิกคุยกับนายพรหมลิขิตแล้ว”
“ใจเย็นๆ...ตอนนี้พอรู้ความจริงว่าอีกฝ่ายคือไผท ท่านก็อาจจะเขินก็ได้ ที่ต้องมาคุยกับคนที่ตัวเองชอบอยู่”
ได้ยินเสียง “ตรึ๊ง” ดังมาจากบล็อก
แนวหน้าร้องซะดัง “เฮีย...มาแล้ว”
ทั้งนายและแนวหน้าวิ่งไปดุหน้าคอมพ์
“กลับมาคิดดูอีกครั้ง มันน่าประหลาดใจที่คุณพรหมลิขิตรู้จักพิธีงะน๋อเซ่อได้ ถามนิดนึงได้มั้ยคะ ว่าคุณรู้จักมันได้ยังไง หรือว่าคุณเคยมาที่ฮวาซาใต้คะ”
“ถามแบบนี้แสดงว่าองค์หญิงกำลังพยายามสืบว่า ไผทรู้รึเปล่าว่าท่านเป็นใคร” นายบอก
แนวหน้างง “เฮียรู้ได้ยังไง”
“ถ้านายหัดคบผู้หญิงเยอะๆ แล้วจะรู้ว่า ผู้หญิงน่ะเจ้าเล่ห์ขนาดไหน”
แนวหน้ามองพี่ชายอย่างทึ่งๆ

โลลิตากับชีฟองจ้องลุ้นอยู่ที่หน้าคอมพ์ ได้ยินเสียง “ตรึ๊ง” ดังมาจากบล็อก
“จะเคยไปได้ยังไง ในเมื่อฮวาซาใต้มันเดินทางยากเย็นจะตาย แล้วคุณล่ะ เคยไปที่นั่นด้วยเหรอ”
“ฉลาดนะเพคะ นี่แสดงว่าเค้าคงไม่รู้หรอกเพคะว่าองค์หญิงเป็นใคร” ชีฟองว่า
“แต่หญิงว่าเค้ารู้ เพราะในสมุดบันทึกเค้าเขียนถึงตอนที่เราแชตกันด้วย”
“จริงเหรอเพคะ ถ้าอย่างนั้นก็ทรงบอกไปตรงๆ เลยสิเพคะ ว่าชั้นรู้นะว่านายเป็นใคร เอาให้ตกใจหงายท้องเลยเพคะ” ชีฟองเชียร์อัพ

ที่ห้องสองหนุ่ม ได้ยินเสียง “ตรึ๊ง” มาจากบล็อก
“เลิกอ้อมค้อมเถอะค่ะ นายพรหมลิขิต คุณก็รู้เท่าๆ กับที่ชั้นรูว่า ชั้นคือเจ้าหญิงโลลิต้า และคุณก็คือคุณไผท ไพศาลี”
แนวหน้าอึ้ง
นายทึ่ง “โห องค์หญิงนี่โคตรแมนเลยว่ะ ตรงไปตรงมาจนน่าตกใจ”
“แล้วผมจะทำยังไงดีล่ะพี่แนว ถ้าสวมรอยเป็นไผทอย่างที่เฮียว่า วันนึงถ้าเค้าคุยกับไผทถึงเรื่องนี้แล้วเราจะทำยังไง”

นายใคร่ครวญครุ่นคิด

อ่านต่อหน้า 2

น่ารัก ตอนที่ 12 (ต่อ)

ฝ่ายฟากโลลิต้ากับชีฟองจ้องอยู่หน้าคอมพิวเตอร์

“กระหม่อมไม่คิดเลยว่าองค์หญิงจะทรงรู้เรื่องนี้เร็วนัก กระหม่อมไม่เคยคิดจะหลอกลวงองค์หญิง เพียงแต่อยากคุยกับองค์หญิงให้มากกว่าที่เป็นอยู่ คุยกันอย่างคนธรรมดาที่เท่าเทียมกัน ยกโทษให้กระหม่อมด้วยนะพะย่ะค่ะ”
โลลิต้าอึ้ง ชีฟองก็ทำท่าเหมือนจะละลายในสำนวน

นายมองแนวหน้าอย่างทึ่ง แนวหน้าพิมพ์ไปอ่านไป
“ขอให้องค์หญิงรู้ว่าไม่ว่าความจริงกระหม่อมจะเป็นใคร แต่กระหม่อมคือนายพรหมลิขิต เพื่อนแท้ที่พร้อมจะรับฟังองค์หญิงทุกอย่างตลอดไป”
นายแซว “โอ้โห...ชั้นว่าแกเลิกเขียนบทสารคดี แล้วไปเขียนบทละครเหอะ”

ฝ่ายโลลิต้ายิ้มเขิน พิมพ์ไปอ่านไป
“ขอบคุณค่ะ...นายพรหมลิขิต หญิงสัญญาว่าโลกภายในบล็อกของเราสองคน จะไม่มีโลลิต้าและไผท แต่จะมีเพียงนายพรหมลิขิตและเด็กน้อยขายไม้ขีดไฟตลอดไป และเราจะไม่พูดเรื่องนี้กันอีก นอกจากในบล็อกของเราสองคน”

แนวหน้าถอนใจยาวเมื่ออ่านจบ
“ค่อยยังชั่ว แบบนี้องค์หญิงก็คงจะไม่พูดเรื่องนี้กับไผทหรอก แต่พูดไปท่าทางองค์หญิงจะชอบไอ้ไผทเอามากๆ นะเนี่ย”
“แสดงว่าต่อไปนี้ผมต้องโกหกองค์หญิงว่าผมคือไผทตลอดไปเหรอเฮีย”
“ทำไมแกต้องร็สึกผิดขนากนั้น ก็บอกแล้วไงว่าแกทำเพื่องาน ไม่ผิดเว้ย”
แนวหน้าเครียดหนัก เพราะกลัวว่าโลลิต้าจะจับได้ ก่อนเดินไปกินน้ำครุ่นคิด
นายเห็นอาการแนวหน้าแล้วนึกเอะใจ “หรือที่ผ่านมาแกคุยกับองค์หญิงเพื่อจุดประสงค์อื่น? แกคิดจะจีบองค์หญิงจริงๆเหรอ”
แนวหน้าสำลักพรวด พ่นน้ำทันที
“บ้าแล้ว!! เอาอะไรคิดเนี่ยพี่นาย” นายมองไม่เชื่อ “ผมบอกแล้วว่าเปล่าๆ ถ้าไม่เชื่อ ต่อไปคุยเองเลยนะ ผมไม่ยุ่งด้วยแล้ว”
“โอเคๆ ชั้นก็แค่เป็นห่วงแก กลัวแกจะไปชอบองค์หญิงขึ้นมาจริงๆ...ถ้าเป็นอย่างนั้น ซวยแน่ไอ้แนวเอ๊ย! อกหักตั้งแต่เริ่มคิดเลยละ จริงๆ”
แนวหน้าส่ายหน้าแล้วเดินหนีไปจะออกจากห้อง
“เดี๋ยว” แนวหน้าชะงัก “แล้วขิงล่ะ แกเลิกชอบขิงแล้วเหรอ”
แนวหน้าไม่ตอบ ปิดประตูดังปัง นายงวยงงกับท่าทีน้องชาย

12.2
ส่วนชีฟองนึกห่วงใยขึ้นมา “องค์หญิงเพคะ องค์หญิงจะให้ใครรู้ไม่ได้เป็นอันขาด ว่าแอบแชตกับคุณไผทในบล็อก ไม่อย่างนั้นล่ะก็ เรื่องใหญ่แน่ๆ”
“ทำไมล่ะคะพี่ชีฟอง”
โลลิต้านอนอยู่ที่เตียง ยังตาค้างคิดเรื่องนายพรหมลิขิต
“มันไม่งามน่ะสิเพคะ แล้วถ้าท่านชองปอลทรงทราบ ความก็จะต้องไปถึงเสด็จพ่อขององค์หญิง แล้วอาจกระทบถึงความสัมพันธ์ระหว่างฮวาซาเหนือกับใต้อีกนะเพคะ”
โลลิต้าครุ่นคิด “หญิงสัญญา ว่าจะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับที่สุด และจะไม่คุยกับคุณไผทเรื่องนี้เลย พี่ชีฟองสบายใจเถอะค่ะ”
ชีฟองถอนใจยาว เริ่มเป็นห่วง

คืนเดียวกันนี้ ขิงเดินวนกลับไปกลับมาอย่างทุกข์ใจ เศร้าสร้อย ชีฟองเดินลงมาจากห้องโลลิต้า ชะงัก เขม้นมองขิงอย่างสงสัย
“ดึกแล้ว ยังไม่นอนอีกเหรอคะคุณขิง”
“อ๋อ.. ยังค่ะ” ขิงนึกได้ ว่าต้องแอ๊บแมน “คือมีเรื่องต้องคิดนิดหน่อยฮะ”
“นอนเถอะค่ะ พรุ่งนี้ต้องออกกองแต่เช้านะคะ”
“คุณชีฟอง พรุ่งนี้ไปกับองค์หญิงด้วยใช่มั้ยฮะ”
“ค่ะ ถามทำไมคะ ชีฟองก็ไปทุกครั้งอยู่แล้ว”
“เอ่อ...ก็...แค่...ถามดู กลัวคุณชีฟองจะไม่ไป คือ...ผมคิดถึงน่ะฮะ”
ชีฟองตาโตเป็นไข่ห่าน “คุณขิงเป็นทอมจริงๆ ด้วย ไม่อยากเชื่อเลย ทีแรกหลงคิดว่าชอบคุณไผทซะอีก บ้าจังเลย ชีฟองไปนอนก่อนนะคะ กู๊ดไน้ท์”
ชีฟองรีบเดินหนีเขินๆ ขิงค่อยๆ หุบยิ้ม เศร้าลงอีก

เช้าวันใหม่ จีจี้เดินลงมาจากชั้นบน เจอนายเข้า
“เดี๋ยววันนี้คุณไม่ต้องออกกองหรอก ผมไปเอง”
“ทำไมล่ะ”
“มีงานเอกสารเยอะแยะที่ต้องเคลียร์”
นายจะเดินหนี
“เดี๋ยว...แล้วทำไมนายถึงไม่ทำเอง”
“ไม่ว่าผมหรือคุณ ยังไงก็ต้องมีคนเคลียร์เรื่องเอกสาร แล้ววันนี้คิวถ่ายมันแน่นมาก ต้องรีบถ่ายให้เสร็จ คุณจะไปให้ลำบากทำไม แล้วอีกอย่างผมคุมไอ้แนว คุมกองได้ พวกนี้มันเกรงใจผม น่าจะดีกว่า”
“นายกำลังจะบอกว่าพวกนั้นเค้าไม่เกรงใจชั้นใช่มั้ย” จีจี้หน้าตึง
“ไม่ใช่”
“ไม่รู้ล่ะ ชั้นจะไป ชั้นทำได้”
จีจี้คว้าแฟ้มในมือของนายไป นายอ้าปากจะท้วงแล้วขี้เกียจพูด บ่นกับตัวเอง
“ตามใจ เดี๋ยวไปถึงก็รู้เอง”

ทุกคนอยู่ในรถตู้เดินทางไปยังโลเคชั่น ถ้ำพันปี โดยมี จีจี้ แนวหน้า ขิง ไผท และทีมงาน
จีจี้ตกใจพอฟังจบ “อะไรนะ คืนนี้เราต้องค้างด้วยเหรอ”
แนวหน้าเซ็ง “จะตกใจทำไม ผมบอกไปตั้งแต่ประชุมคราวที่แล้ว ว่ามีคิวถ่ายทั้งกลางวันกลางคืน จะไปกลับก็เสียเวลาเดินทาง เลยคิดจะค้างที่นั่น นี่เจ๊ไม่ฟังผมเลยเหรอ”
“ก็.. ก็ ชั้นมัวแต่ยุ่งทำงานอยู่ เลยไม่ได้ฟัง ไม่ได้นะ ค้างไม่ได้ ชั้นไม่ได้เตรียมตัวมา กลับรถก่อน กลับๆ”
“เฮ้ยไม่ได้นะ ไม่กลับ เสียเวลา ป่านนี้องค์หญิงคงใกล้ถึงแล้ว”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่จี้ ขิงแบ่งเสื้อผ้าให้ก็ได้” ขิงบอก
ไผทกระเซ้า “จะได้ยังไง ชุดขิงตอนนี้มีแต่ชุดทอม ขืนพี่จี้ใส่ก็พลอยเป็นทอมไปด้วยน่ะสิ” แล้วหัวเราะชอบใจ
“นี่ดีนะที่ยัยเจ๊ฟินกลับกรุงเทพฯ ไปแล้ว ไม่งั้นล่ะก็ คงจะวุ่นวายกว่านี้อีก”
ไผทสะกิดแนวหน้ายิกๆ “พี่แนวๆ แล้วคืนนี้องค์หญิงเค้าจะค้างที่นั่นกับเรารึเปล่า”
แนวหน้าหมั่นไส้ “ก็...คงค้างมั้ง ทำไม แกมีอะไรเหรอ”
“เปล่าๆ ไม่มีอะไร”
ไผทไม่พูดอะไรต่อ นั่งยิ้มตุ่ยอย่างมีความสุข ขิงชำเลืองมอง แนวหน้ามองท่าทางมีความสุขเกิ๊นของไผทแล้วไม่สบายใจ

ภายในถ้ำพันปี การถ่ายทำเริ่มต้นขึ้น แนวหน้านั่งดูมอนิเตอร์ แลเห็นไผทกับโลลิต้าดำเนินรายการอย่างสนิทสนม ขิงมองมอร์นิเตอร์ซึมๆ
แนวหน้าบอกตัวเองในใจ “วันนี้ช่างเป็นวันที่เต็มไปด้วยเรื่องน่าเบื่อ การนำเที่ยวที่น่าเบื่อ ดาราที่น่าเบื่อ ถ้ำที่น่าเบื่อ เมื่อไรไอ้สารคดีที่บ่าเบื่อเรื่องนี้มันจะจบลงสักทีนะ”
โลลิต้าอธิบายอย่างคล่องแคล่ว “ตรงนี้ถือว่าเป็นกลุ่มภาพเขียนสีโบราณที่ใหญ่ที่สุดของฮวาซาใต้เลยนะคะ อายุที่นักประวัติศาสตร์คำนวณไว้ ราวๆ 500 ปีได้ ลักษณะของภาพแบ่งได้เป็น 5 กลุ่ม จะมีภาพสัญลักษณ์ ภาพฝ่ามือ ภาพสัตว์ ภาพคน ภาพวัตถุสิ่งของเครื่องใช้ และภาพรูปทรงเรขาคณิต ต่างๆนานาๆ บอกเล่าวิถีชีวิตประวัติความเป็นมาของฮวาซาน่ะค่ะ”
“ฮวาซานี่มีประวัติศาสตร์ยาวนานจริงๆนะครับ”
“ใช่ค่ะ”
ไผทกับโลลิต้าหันมายิ้มให้กัน
แนวหน้ามองสองคนผ่านมอนิเตอร์สีหน้าเศร้าสร้อย

ไผทกับโลลิต้ายังยิ้มค้างอยู่อย่างนั้น แต่เริ่มหน้าเจื่อนลงๆ ทีมงานทุกคนมองแนวหน้าเป็นตาเดียว
ขิงสะกิด “พี่แนว” แนวหน้ายังคงนั่งเหม่อ “พี่แนว! ไม่สั่งคัทเหรอฮะ”
แนวหน้าเลิกเหม่อแล้วนึกได้ “อ้าว เฮ้ย! เอ้อ... คัท! คัท!”
โลลิต้าส่ายหน้าเซ็งๆ
“แนว..เป็นอะไรรึเปล่าเนี่ย” จีจี้แปลกใจ
“เปล่าเจ๊...ไม่มีอะไร”
“ตั้งใจหน่อยสิ! วันนี้อีกหลายคิวเลยนะ”
แนวหน้าเครียด เหลือบไปเห็นโลลิต้าเดินออกไปนอกถ้ำ ไผทเดินตาม แนวหน้าหน้าตาตื่น รีบลุกตามไปทันที
จีจี้ร้องเรียกไว้ “อ้าวแนว เดี๋ยวสิ ไอ้แนว”
ขิงเงยหน้ามองตามสามคนไป

โลลิต้าเดินไปถึงหน้าถ้ำแล้ว มีไผทเดินตามไป แนวหน้าเร่งฝีเท้าจนเกือบทัน อ้าปากจะเรียกไผท
เสียงแว่น 1 ในทีมงานดังขึ้น “พี่แนว”
แนวชะงักหันไปมอง แว่นวิ่งมาหา
“มีอะไรพี่แว่น” แนวหน้ายังมองไผทไม่วางตา
“พี่แนวยังไม่บอกผมเลยว่าจะเอามุมไหนต่อ พี่จี้เค้ายิ่งเร่งๆ อยู่”
“ก็มุมไหนก็ได้สวยๆ พี่แว่นก็เลือกไปเหอะ”
“อ้าว ไม่ได้สิ เดี๋ยวพอผมเลือกแล้ว พี่แนวมาเปลี่ยนอีก พี่จี้ด่าตายเลย”
แนวหน้ากังวล แล้วในที่สุดก็ตัดสินใจเดินย้อนกลับเข้าถ้ำกับแว่น

ขณะที่แนวหน้ากับแว่นเดินเข้ามาในถ้ำ สวนกับชีฟองพอดี
“คุณแนว เห็นองค์หญิงมั้ยคะ”
แนวหน้าคิดอะไรออก “ไปทางโน้นแน่ะครับ คุณชีฟองจะไปตามใช่มั้ย”
“ค่ะ คุณจีจี้ให้รีบไปตามมาเตรียมตัวค่ะ”
ชีฟองรีบเดินไป แนวถอนใจยาวโล่งอก หันไปสั่งงาน
“ด้านโน้นเลยพี่แว่น ย้ายกล้องมาทางนี้เลย”
แว่นมองงงๆ แล้วพยักหน้า ขิงเดินออกมา
“พี่แนว ไผทล่ะ”
“เห็นเดินตามองค์หญิงไปทางโน้นแน่ะ”
“แล้วทำไมพี่แนวไม่ตามไปล่ะ”
“อ้าว แล้วทำไมพี่ถึงต้องตามไปด้วยล่ะ”
“พี่แนว ขิงไม่สบายใจเลย ไผทบอกว่าวันนี้เค้าต้องหาทางสารภาพรักกับองค์หญิงให้ได้ แล้วถ้าเกิดอะไรขึ้นมา ไผทจะไม่เดือดร้อนเหรอพี่”
แนวหน้าตะลึง “อะไรนะ”
“ความจริงขิงก็ไม่มีสิทธิ์ยุ่งกับเค้าหรอกนะ แต่ขิงเป็นห่วงไผทน่ะ เจ้าชายชองปอลขี้หึงขนาดไหน เราก็เห็นๆ กันอยู่”

ขิงพูดจบแล้วเดินหนีไปเลย ปล่อยแนวหน้าให้ยืนตะลึงอยู่อย่างนั้น แล้วค่อยๆ ทรุดลงนั่งอย่างมึนงง

อ่านต่อหน้า 3

น่ารัก ตอนที่ 12 (ต่อ)

ทางด้านเจ๊ฟิน ถึงกรุงเทพฯ แล้ว เดินทำหน้าเหี่ยว ท่าทางเหนื่อยล้าเข้าออฟฟิศสถาบันปั้นดาวมา

พนักงาน 1 ทักโดยไม่มองหน้าคิดว่าเป็นคนมาสมัครเป็นดาว “มาสมัครเป็นนักแสดง เชิญกรอกใบสมัคร” แล้วชะงักกึก “เจ๊ฟิน!”
“เออ ชั้นเอง ทำไมถึงทำหน้าเหมือนเห็นผีขนาดนั้น”
พนักงาน 2 จีบปากว่า “แหมๆๆ เจ๊ล่ะก็ จะไปจะมาไม่บอกกันเลยนะคะ พวกหนูจะได้เตรียมงานต้อนรับ แล้วไผทล่ะคะได้กลับมาด้วยรึเปล่า หนูคิดถึง”
ฟินหงุดหงิด “โอ๊ย พอเลย หยุดพูดถึงไผทซัก 2-3 เดือนก่อน แล้วค่อยว่ากันใหม่ ไหนเล่ามาซิ ทางนี้มีอะไรอัพเดทบ้าง”
พนักงาน1 รายงาน “ก็มีแค่น้องเมือง มีรูปหลุดกับแฟนเกย์ก่อนเข้าวงการน่ะฮ่ะ”
“นี่มันอะไรกันยะ ชั้นนึกว่าพอไผทไม่อยู่ แล้วเราจะไม่มีเรื่องฉาวๆ ให้เคลียร์ซะอีก” ฟินเซ็ง
พนักงาน 2 ประจบ ต่อทันที “แต่ก็ดีเหมือนกันนะคะเจ๊ฟิน นักข่าวจะได้ไม่ลืมเจ๊ฟินไง”
ฟินชะงัก “เออจริงสิ นักข่าวคงอยากได้ข่าวไผทเต็มทีแล้ว เอางี้ โทร.บอกน้องเมืองให้มาที่นี่ แล้วก็ช่วยกันโทร.เชิญนักข่าวด่วน ชั้นจะจัดแถลงข่าวเย็นนี้”
เจ๊ฟินทำหน้าสาสมใจ

ชีฟองนั่งพัดให้โลลิต้าอยู่ตรงมุมพัก
“ไม่รู้ว่าคุณแนวหน้าเค้าเป็นอะไรนะคะ ดูท่าทางเค้าอารมณ์ไม่ค่อยดีเลย”
โลลิต้าแซว “แน่ะ พี่ฟองเป็นห่วงเค้าล่ะสิ”
ชีฟองแก้ตัว “อุ๊ย เปล่านะคะ...แค่พูดให้ฟังเฉยๆ”
ทันใดนั้นเอง ไผทเดินยิ้มเผล่เข้ามาพร้อมจานผลไม้
“ผลไม้มั้ยพะย่ะค่ะองค์หญิง กระหม่อมเก็บมาจากข้างล่างเมื่อตะกี้”
โลลิต้ารับมาท่าทีเขินๆ “ขอบคุณค่ะ” ยิ้มให้ไผท
ไผทหันไปเห็นที่แขนเสื้อโลลิต้ามีเศษใบไม้ติดอยู่
“ขอประทานอภัยนะพะยะค่ะองค์หญิง”
ไผทเอื้อมมือไปหยิบเศษใบไม้ที่แขนเสื้อโลลิต้า
โลลิต้า และ ชีฟองมองอึ้งๆ
จังหวะนั้นเองเห็นแนวหน้าเดินกลับเข้ามา เห็นไผทกำลังเอื้อมมือหยิบเศษใบไม้ที่แขนเสื้อองค์หญิงท่าทางสนิทสนมกันมาก
“ขอบคุณนะคะ”
ไผทยิ้มกว้าง
แนวหน้าโมโหหึง หันไปโวยวายใส่ทีมงานเสียงดัง เพื่อขัดจังหวะไผทกับโลลิต้า
“อ้าว พร้อมๆๆๆ...ถ่ายเลย คิวอีกตั้งเยอะ ชักช้ากันอยู่ได้ ทำไมต้องให้เร่งนะ ไม่เข้าใจเลย”
โลลิต้าเหลือบมองแนวหน้าอย่างไม่ชอบใจ ในความไม่สุภาพของเขา

เจ๊ฟิน เปิดออฟฟิศหรู จัดงานแถลงข่าว ตอนบ่ายในวันถัดมา มีบรรดานักข่าวบันเทิงออกันอยู่ที่หน้าโต๊ะแถลงข่าว
เมือง ดาราหนุ่มหน้าตาดี ล่ำสัน มาดแมนโครต นั่งอยู่กับแม่ มีฟินนั่งอีกข้าง และเริ่มเปิดการแถลง
“ก่อนอื่น ต้องขอบคุณพี่ๆนักข่าวทุกคนนะคะ ที่ให้ความสนใจในตัวน้องเมือง วันนี้น้องเมืองมีเรื่องอยากจะมาเล่าให้พี่ๆฟังน่ะค่ะ
นักข่าวรุมยิงคำถามใส่เมืองทันที
“สรุกว่าน้องเมืองเป็นเกย์จริงรึเปล่าคะเนี่ย” นักข่าว 1 เปิดประเด็น
ฟินฉอเลาะห้ามทัพ “ใจเย็นๆ นะคะ น้องเมืองกำลังจะเล่าให้ฟังนี่แหละค่ะ”
นักข่าว 2 ถาม “คนที่อยู่ในคลิปนี่ใช่น้องเมืองตัวจริงหรือเปล่าคะ”
เมืองหันมองหน้าฟินเป็นเชิงถามว่าจะพูดยังไงดี ฟินพยักหน้าให้พูด
“ใช่ครับ...คนที่อยู่ในคลิปคือผมเอง”
ช่างภาพรุมกระหน่ำถ่ายรูปทันที ส่วนนักข่าวยิงคำถามใส่ต่อ
“งั้นคนในคลิปก็เป็นแฟนกันจริงสิคะ” / “น้องเมืองจะยอมรับว่าเป็นเกย์เหรอคะ” / “คุณแม่รู้เรื่องนี้รึเปล่าคะ”
“ใจเย็นๆ ครับ คนในคลิปนั้นคือผมจริงๆ...แต่ไม่ได้หมายความว่าผมเป็นเกย์นะครับ... คือ ผมกับเพื่อนถ่ายเล่นๆ กันตั้งแต่ผมยังไม่ได้เข้าวงการน่ะครับ” เมืองว่า
นักข่าว 2 ซัก “เล่นหอมแก้มกันเนี่ยนะคะ?”
“มันเป็นเกมน่ะครับ ตอนนั้นเราปาร์ตี้กันที่บ้าน แล้วผมกับเพื่อนคนนี้...เล่นเกมแล้วแพ้...ก็เลยต้องทำตามคำสั่งของเพื่อนคนอื่นๆ...ซึ่งคำสั่งนั้นคือ ให้หอมแก้มกันครับ”
ฟินขอตัวลุกจากโต๊ะไป เดินห่างออกมา สีหน้าครุ่นคิดอะไรบางอย่าง แล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับตัวเอง
“อันนี้แม่ยืนยันได้นะคะ วันนั้นแม่ก็อยู่ด้วย ลูกแม่ไม่ได้เป็นเกย์แน่นอนค่ะ...ยังไงคุณแม่ต้องขอโทษแทนน้องเมืองด้วยนะคะ” ผู้เป็นแม่ยกมือไหว้นักข่าว “ลูกแม่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็เลยทำอะไรไม่คิด ให้อภัยน้องเมืองด้วยนะคะ...ถือว่าแม่ขอร้องเถอะค่ะ”
ยัยแม่ทำท่าจะร้องไห้ เมืองดึงแม่มากอดปลอบใจ นักข่าวรุมถ่ายรูป

เย็น เวลาผ่านไปอีกเล็กน้อย งานแถลงข่าวจบลง ฟินฉีกยิ้มยืนไหว้ขอบคุณนักข่าว
“ขอบคุณนะคะพี่ๆทุกคนที่ยังไม่ลืมกัน”
นักข่าววิ่งตามฟินมาอีกกลุ่มหนึ่ง
“เดี๋ยวค่ะๆ พี่ฟิน” นักข่าว 1 เรียกไว้
“มีอะไรอีกเหรอคะน้อง”
นักข่าว 2 บอก “พวกเราอยากสัมภาษณ์เรื่องไผทน่ะค่ะ”
“ไผท เอ๊...” ฟินหันมายิ้มให้นักข่าวเย้าหยอกตอแหลตามประสา “จะถามอะไรเกี่ยวกับไผทเหรอคะ นึกว่าลืมน้องกันไปหมดแล้วซะอีก”
นักข่าว 3 บอก “อุ๊ยใครจะไปลืมล่ะ แล้วไผทเป็นยังไงบ้างตอนนี้ เงียบหายไปหลายเดือนแล้ว”
“อ๋อ... น้องไผทเค้ากำลังซุ่มทำโปรเจ็คท์ใหญ่ระดับประเทศอยู่ค่ะ”
นักข่าว 1 ซัก “โปรเจ็คท์อะไรคะ”
ฟินยิ้มกริ่ม “พี่บอกได้แค่ว่าเป็นโปรเจ็คท์โกอินเตอร์ ที่ทำกับประเทศฮวาซาใต้น่ะค่ะ”
นักข่าว 2 ซักต่อ “แล้วคนไทยมีสิทธิ์จะได้ดูไหมครับ”
“ได้ดูสิคะ แฟนๆ ของไผทจะต้องได้ดูกันแน่นอนค่ะ นี่ไผทก็ฝากมาบอกด้วยนะคะว่าคิดถึงทุกคนมาก.... แถมยังฝากคลิปมาให้แก้คิดถึงอีก ทีแรกพี่ว่าจะรอให้เรื่องน้องเมืองจบไปซะก่อน แต่น้องๆ มาถามกันแบบนี้ งั้นพี่จะให้ทีมงานแจกจ่ายคลิปไผทให้กับน้องๆ นักข่าวทุกคนเลยแล้วกันนะคะ”

คลิปวิดีโอไผทถูกเผยแพร่และส่งต่ออย่างรวดเร็วในตอนเช้า คลิปนั้นอยู่ในมือถือแฟนคลับทุกผู้ทุกนาม ภาพในคลิป เห็นไผทยืนหล่ออยู่ ด้านหลังเป็นมุมหนึ่งในวังฮวาซาใต้
“สวัสดีครับทุกคน คิดถึงกันมั้ยเอ่ย? ต้องขอโทษด้วยนะครับที่หายหน้าหายตาไป พอดีผมมีงานซึ่งยังเป็นความลับอยู่ ยังบอกไม่ได้... แต่คิดว่าเร็วๆ นี้ ทุกคนจะได้เห็นกันแน่นอน แล้วถ้าผมกลับเมืองไทยเมื่อไหร่จะส่งข่าวให้ทุกคนรู้แน่นอนครับ....บ๊ายบาย คิดถึงทุกคนเลยนะครับ”
ไผท โบกมือบ๊ายบายให้กล้อง แล้วใช้สองนิ้วแตะที่ริมฝีปากส่งจูบให้อย่างโครตเท่ห์ เสน่ห์ล้น
บรรดาแฟนคลับนั่งดูคลิปไผทในมือถือแล้วกรี๊ดจะเป็นจะตาย ยกโทรศัพท์หาเพื่อนทันที
“แก ได้ดูคลิปพี่ไผทรึยัง ดูเร็วๆ”
ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ของแฟนคลับเห็นคนกดแชร์คลิปไผทเต็มไปหมด
ข้อความใน Twitter ทวิตต่อๆ กันไปสารพัน ว่า “ไผทโกอินเตอร์!” / “เป็นกำลังใจให้พี่ไผท!” / “อยากตามไปหาพี่ไผทจุงเบย” / “ฮวาซาใต้อยู่ที่ไหน ใครรู้บ้าง”

เย็นวันเดียวกัน พระอาทิตย์ใกล้จะตกดิน ทีมงานทุกคนอยู่ที่ลานกว้างบริเวณผาดูดาว ทุกคนกำลังช่วยกัน
กางเต็นท์เพื่อพักแรมค้างคืนกันอยู่
ไผทและ แนวหน้าช่วยกันกางเต็นท์ของตัวเอง
พวกทหาร กำลังกางเต็นท์อันใหญ่ขององค์หญิง มีชีฟองคอยควบคุมอยู่ใกล้ๆ
ที่มุมหนึ่งจีจี้กำลังจัดแจงสั่งงานทีมงานอยู่ แล้วทีมงานเริ่มกินข้าว มีขิงคอยช่วยแจกข้าวกล่อง
“รีบๆ กางเต็นท์ให้เสร็จนะ เดี๋ยวพักกินข้าวครึ่งชั่วโมงจะได้เตรียมรอถ่ายคิวกลางคืนต่อเลย อันไหนทำตอนโพล้เพล้ได้ก็ทำเลย”
ทีมงานโอด “ครึ่งชั่วโมงเองเหรอพี่จี้”
จีจี้หมั่นไส้ “นานไปเหรอ จะได้ลดเหลือ 15 นาที”
ทีมงานเซ็งเป็นแถบ แว่นหันมาสบตาแนวหน้า แนวหน้าเองก็เซ็ง
“พี่จี้เค้าเป็นอะไรของเค้า”
“ช่างเค้าเหอะ เดี๋ยวกินเสร็จแล้วไปเตรียมตัวกันเลยละกัน”
ไผทมองไปทางโลลิต้า เห็นองค์หญิงกำลังเดินออกไปที่หน้าผาก็นึกอะไรได้
หันไปหาแนวหน้า “พี่แนว...ฝากกางเต็นท์ต่อหน่อยนะ”
“แกจะไปไหน”
“ผมมีเรื่องสำคัญอยากคุยกับองค์หญิงน่ะพี่”
แนวหน้าตกใจเพราะรู้ว่าไผทคิดจะทำอะไร “เฮ้ย เดี๋ยว”
ไผทเดินกึ่งวิ่งออกไปทันที
“เดี๋ยวไอ้ไผท มา...กางเต็นท์ก่อน”
แนวหน้ารีบร้อนจะตาม จนเต็นท์ล้มพันตัววุ่นวาย คนอื่นมองท่าทางของแนวหน้างงๆ

โลลิต้ากำลังยืนชมพระอาทิตย์ตกดิน แสงสีเหลืองทองสาดไปทั่ว โดยมีทหารองครักษ์ยืนอารักขาอยู่ห่างๆ สักครู่หนึ่ง ไผทเดินเข้ามา โลลิต้าหันไปเห็น
“คุณไผท”
“ทรงออกมาทอดพระเนตรพระอาทิตย์ตกเหรอพะย่ะค่ะ”
“ค่ะ ลานตรงนี้เป็นที่ที่พระอาทิตย์ตกสวยที่สุด”
โลลิต้าหันไปมองพระอาทิตย์ที่กำลังตก ไผทหันไปมองตาม
“ตอนกระหม่อมแสดงละครเรื่อง อยากหยุดตะวันไว้ที่ตรงนั้น กระหม่อมไม่เคยคิดเลยว่าวันนึงกระหม่อมจะมีความรู้สึกเหมือนนายน้ำเชี่ยว”
“รู้สึกอะไรเหรอคะ”
“ก็รู้สึกว่าท้องฟ้าอยู่สูงเกินไป มีเพียงช่วงเวลาเดียวของวันเท่านั้นที่ท้องฟ้าอยู่ใกล้ชิดกับพื้นดิน ก็คือเวลาที่พระอาทิตย์กำลังจะตกดินแบบนี้”
โลลิต้าอึ้งไป เริ่มเข้าใจเลาๆ อะไรเป็นอะไร
“กระหม่อมรู้ว่ามันเป็นการอาจเอื้อม แต่กระหม่อมอยากทูลองค์หญิงว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผู้ชายธรรมดาผู้อยู่ต้อยต่ำคนนี้จะคอยมองดวงอาทิตย์ดวงนี้ตลอดไปพะย่ะค่ะ”
โลลิต้าอึ้งกับสิ่งที่ไผทพูดออกมา ไผทล้วงกระเป๋า หยิบแหวนที่ทำจากดอกหญ้าสานเป็นวงขึ้นมา
“หญิง...เอ่อ...”
โลลิต้าเขิน พูดอะไรไม่
“นี่เป็นต้นหญ้าที่กระหม่อมเก็บจากข้างลำธารตั้งแต่คราวที่แล้ว มันอาจเป็นการกระทำที่อาจเอื้อมจนให้อภัยแทบไม่ได้ แต่กระหม่อมทำมันขึ้นมาจากดวงใจที่จงรักภักดีกับองค์หญิงอย่างเต็มเปี่ยม ถ้าองค์หญิงไม่พอพระทัย จะโยนมันทิ้งก็ได้ กระหม่อมเข้าใจพะย่ะค่ะ”
ทุกอย่างหยุดนิ่ง โลลิต้าค่อยๆ หยิบแหวนขึ้นมาจากมือไผท
“ขอบคุณมากนะคะคุณไผท”
ไผมยิ้มกว้าง หน้าตามีความสุขที่สุด
ห่างออกมา แนวหน้ายืนมอง อึ้งตะลึงคาที่ รู้ว่าทำคะแนนตามมาไผทไม่ทันแล้ว

เย็นใกล้ค่ำ โต๊ะอาหารของโลลิต้าถูกจัดเตรียมไว้แล้ว ชีฟองกำลังนำจาน ชาม ช้อน จัดวางบนโต๊ะเพื่อเตรียมทานอาหาร
โลลิต้าเดินยิ้มเขินอายเข้ามา ชีฟองรีบเดินไปหาทันที
“องค์หญิงเพคะ ทำไมออกไปดูพระอาทิตย์ตกนานจัง”
เห็นโลลิต้ายืนนิ่งไม่พูดไม่จา ชีฟองยิ่งฉงน
“มีเรื่องอะไรรึเปล่าเพคะ ทำไมทำพระพักตร์อย่างนั้น”
“กินข้าวเถอะค่ะพี่ฟอง เดี๋ยวต้องถ่ายต่ออีกหลายคัท”
โลลิต้าตัดบท นั่งยิ้มที่โต๊ะทานข้าว ชีฟองรู้สึกแปลกใจกับท่าทีขององค์หญิงมากๆ

แนวหน้าเก็บบรรยากาศแสนสวย โรแมนติกโคตรๆ ของผาดูดาวคืนนี้ มี ไผท และ โลลิต้า นั่งดูดาว คุยกันอยู่
“องค์หญิงพอจะนึกออกมั้ยพะย่ะค่ะ ว่าดาวดวงไหน คือดาวอะไร”
“หญิงรู้จักอยู่แค่ไม่กี่ดวงหรอกค่ะ ที่รู้จักดีก็คือดาวประจำเมืองของฮวาซา”
“ดวงไหนพะย่ะค่ะ”
โลลิต้าชี้มือ “ดาว 2 ดวงที่ส่องสว่างอยู่คู่กันนั่นไงล่ะคะ แล้วก็มีตำนานด้วยนะคะ”
ไผทสนใจ “ตำนานว่ายังไงเหรอพะย่ะค่ะ”
“เรื่องมีอยู่ว่า...มีหญิงสูงศักดิ์เกิดไปรักกับนายทหารหนุ่มรูปงามเข้า ทั้งคู่ถูกกีดกันสารพัด สุดท้ายก็ตกลงกันว่าจะหนีไปด้วยกัน ทั้งคู่จึงนัดหมายกันว่าในคืนที่จันทร์เต็มดวงครั้งต่อไป ทั้งสองจะมาพบกันเพื่อหนีไปด้วยกัน เมื่อคืนนั้นมาถึง หญิงสูงศักดิ์ไปรอ แต่นายทหารก็ไม่มา เธอคิดว่าคนรักของเธอคงผิดสัญญา แต่แท้จริงแล้วเค้าโดนพ่อของเธอจับได้แล้วฆ่าตาย เมื่อเธอรู้ข่าวก็เสียใจมาก ตั้งจิตอธิษฐานว่า ชาติหน้าขออย่าได้ผลัดพรากกันอีกเลย แล้วเธอก็ฆ่าตัวตาย หลังการตายของหญิงสูงศักดิ์ ดาวคู่สองดวงก็ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า ชาวฮวาซาจึงยกให้ดาวทั้งสองดวงเป็นตัวแทนของคู่รักที่ได้กลับมาอยู่คู่กันอีกครั้ง และเป็นดาวประจำเมืองของเราค่ะ”
โลลิต้าพูดจบ ไผทมองหน้านิ่ง
“โรแมนติกดีจัง”
ทั้งคู่สบตากันและกัน เหมือนลืมไปว่ามีทุกคนอยู่รอบๆ เต็มไปหมด
ขิง จีจี้ ชีฟอง อึ้งมองมอนิเตอร์ ขิงน้ำตาคลอ
แนวหน้าได้สติก่อน “คัท! เลิกกอง”
ทีมงานร้อง “เย้”
ไผทกับโลลิต้าได้สติ ลุกขึ้นแยกห่างกัน
ชีฟองเดินไปหาโลลิต้า “องค์หญิงเปลี่ยนฉลองพระองค์แล้วเตรียมเข้าบรรทมเถอะเพคะ”
“ค่ะ” โลลิต้าหันมองไผท “ราตรีสวัสดิ์ค่ะคุณไผท”
“กู๊ดไน้ท์พะย่ะค่ะ”
ไผทมองไปเห็นแหวนดอกหญ้าในมือโลลิต้ายิ่งยิ้มใหญ่ โลลิต้าเขิน รีบเดินตามชีฟองไป
ขิงเดินเข้าไปหาไผท “ไผทเปลี่ยนชุดฮะ”
“ไปสิ”
ไผทเดินตามขิงไป แนวหน้านั่งขรึมอยู่กับที่ จีจี้เดินมาใกล้
“ไอ้แนว แกคิดเหมือนชั้นมั้ย ว่าท่าทางของไผทกับองค์หญิงดูมันแปลกยังไงก็ไม่รู้ ดูเหมือนเป็นคู่รักกันจริงๆ แกว่ามั้ย”
แนวหน้าลุกขึ้น เฉไฉไปเรื่องอื่น
“เหลวไหลน่ะเจ๊ มีอะไรกินตอนดึกบ้างมั้ยเนี่ย หิวจะตายอยู่แล้ว”

แนวหน้าชิ่ง เดินหนีไป จีจี้มองตามด้วยสีหน้าสงสัย

อ่านต่อหน้า 4

น่ารัก ตอนที่ 12 (ต่อ)

ไผทกำลังเปลี่ยนเสื้ออยู่ในเต็นท์ ขิงยืนรออยู่ข้างนอก

“ทิ้งเสื้อไว้ข้างในก็ได้นะ เดี๋ยวขิงเก็บเอง” ขิงตะโกนบอก
ไผทส่งเสียงมาจากในเต็นท์ “รู้อะไรมั้ย ผมบอกองค์หญิงไปแล้วล่ะ”
ขิงตกใจ “อะ... อะไรนะ”
“ก็เรื่องที่เราคุยกันไง ผมบอกท่านไปแล้วนะ เมื่อเย็นนี้เอง”
“เหรอ”
ไผทเปิดเต็นท์ออกมา หน้าตาเบิกบานมีความสุข
“ตอนบอกนะ สั่นไปหมดเลย ตื่นเต้นยิ่งกว่าขึ้นไปรับรางวัลบนเวทีซะอีก แต่เจ้าหญิงก็ไม่ได้พูดอะไร แถมยังใส่แหวนดอกหญ้าที่ผมทำให้อีก ขิงว่าองค์หญิงท่านจะชอบผมบ้างมั้ย”
ขิงอึ้งไปชั่วขณะหนึ่ง ก่อนตอบ “ไม่รู้สิ เราตอบแทนใครไม่ได้หรอก ไผทคงต้องดูเอาเองแล้วล่ะ”
ไผทกอดขิงไว้ ขิงตกใจมาก
“ขอบใจนะขิง ที่เป็นกำลังใจให้ผมมาตลอด”
ไผทละตัวออก ขิงตัวแข็ง ตกตะลึงอยู่อย่างนั้น
ไผทหัวเราะขำ “ตกใจทำไม ลืมไปแล้วเหรอ ว่าตอนนี้ขิงเป็นทอมอยู่นะ เราสองคนเป็นพี่น้องกันไง” เขาตบไหล่ “น้องชาย”
จากนั้นไผทก็เดินจากไป ขิงไม่พูดอะไร ค่อยๆ ก้มลงเก็บเสื้อที่ตกอยู่บนพื้น แล้วน้ำตาก็หยดรินรดลงมาบนเสื้อ

คืนเดียวกันนั้น ที่ห้องนอนชองปอลในวังฮวาซาเหนือ ชองปอลกำลังคุยอยู่กับทหารคนสนิทที่มารายงานข่าว
“อะไรนะ น้องหญิงออกไปค้างอ้างแรมกับพวกทีมงานงั้นเหรอ”
“พะยะค่ะ”
ชองปอลแค้นสุดขีด “ไปเตรียมรถเลย เราจะไปหาน้องหญิงเดี๋ยวนี้”

ชองปอลเดินหุนหันออกมาจะขึ้นรถที่ทหารพลขับมารออยู่ที่หน้าวัง ท่านหลุยส์รู้เรื่องตามออกมาห้ามลูกชาย
“หยุดเดี๋ยวนี้ชองปอล พ่อไม่ให้ไป”
ชองปอลโวยวาย “ท่านพ่อ จะทรงห้ามทำไม น้องหญิงออกไปค้างอ้างแรมกับพวกคนไทย แล้วยังมีไอ้ไผทไปด้วย ชองปอลไม่ยอมหรอก”
“ลูกตามไปตอนนี้ลูกจะไปทำอะไร โวยวายใส่คนพวกนั้นเหมือนที่ลูกเคยทำ หรือแอบไปทำลายงานของเค้าเหมือนที่ทำลายผนังถ้ำพันปีงั้นหรือ” ท่านหลุยส์เตือนลูก
ชองปอลอึ้งนิ่งงันไป ในใจยิ่งโกรธ “แต่ชองปอลทนอยู่เฉยไม่ได้ ชองปอลจะไม่ยอมให้ใครมาแย่งน้องหญิงไป”
“จะไม่มีใครแย่งโลลิต้าไปจากลูกของพ่อได้หรอก ฮวาซาใต้จะต้องยินยอมมอบทุกสิ่งทุกอย่างให้กับฮวาซาเหนือ! รวมทั้งองค์มกุฎราชกุมารีด้วย”
“ท่านพ่อทรงแน่ใจได้ยังไงพะยะค่ะว่าท่านอาจะยอม”
“เพราะพ่อจะเป็นคนบังคับให้พวกนั้นต้องยอมน่ะสิ”
ท่านหลุยส์ยิ้มเยือกเย็น แต่ดูน่ากลัว

จีจี้กำลังนั่งเคลียร์งานอยู่แถวเต็นท์ เห็นแว่นเดินเข้ามา
“พี่จีจี้ครับ…มาเบิกเบี้ยเลี้ยง”
“แหม…ทีเบิกเบี้ยเลี้ยงนี่มากันเร็วเชียวนะ ตอนทำงานทำไมไม่ทำเร็วๆ แบบนี้บ้าง” จีจี้แดกหัว
ทีมงาน 2 ครวญ “โห ขนาดนี้ยังไม่เร็วอีกเหรอพี่ ผมปวดไปทั้งตัวแล้วนะเนี่ย”
“ถ่ายเหลืออีกตั้งหลายคัท จะเรียกว่าเร็วได้ไงยะ คืนนี้รีบนอนเลยนะ พรุ่งนี้จะได้ตามเก็บคัทที่เหลือให้หมด”
“เอาจริงๆ นะพี่ ผมว่าคิวที่พี่วางมันโหดไป นี่พี่แก้คิวของพี่นายด้วยใช่มั้ยเนี่ย คิวเก่ามันมีเวลาให้ขั้นอะไรๆ ได้มากกว่านี้” แว่นท้วงติง
จีจี้ปรี๊ด “ทำไมชั้นถึงจะแก้ไม่ได้ ในเมื่อคิวเก่ามันหยุดพักไร้สาระกันมากเกินไป รีบทำงาน จะได้เสร็จเร็วๆ ไม่ดีเหรอ”
“ใครๆ ก็อยากทำงานให้เสร็จเร็วๆ ทั้งนั้นแหละพี่จี้ แต่ถ้ารีบแล้วงานมันออกมาไม่ดี มันก็ได้ไม่คุ้มเสียนะพี่” แว่นว่า
ทีมงานอีกคนสะกิดแว่นยิกๆ แว่นชะงัก รู้ตัวว่าพูดแรงไป
“ขอโทษครับพี่... ผมแค่...พูดไปตามที่รู้สึก”
จีจี้ยื่นสมุดเบิกให้ “เซ็นซะ แล้วเอาค่าเบี้ยเลี้ยงไป”
ทีมงานก้มเซ็น แล้วรับซองเงินที่จีจี้ส่งให้
ทุกคนออกไปแล้ว จีจี้อึ้งไปกับสิ่งที่ลูกน้องคอมเม้นต์ตรงๆ อยากร้องไห้ รู้ว่าตัวเองพลาดอีกแล้ว

นายนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ในห้องทรงงานท่านธูล โดยมีราอูลยืนอยู่ข้างๆ นายดูคลิปทักทายแฟนคลับคนไทยของไผทที่ฟินปล่อยให้นักข่าว ราอูลเอ่ยขึ้น
“หลังจากคลิปนี้ถูกปล่อยมาไม่กี่ชั่วโมง คนก็ฮือฮากันมาก เห็นได้ชัดๆ ว่าในกูเกิ้ล คน search คำว่า ฮวาซาใต้ กันเป็นเกือบล้าน”
“ไม่น่าเชื่อเลยว่าเจ้าไผทมันจะดังขนาดนี้”
“ใช่ครับ แต่ทางเราไม่คิดว่าจะมีคนจะให้ความสนใจมากถึงเพียงนี้ ทางเสนาบดีต่างประเทศของเราคาดว่านักท่องเที่ยวคงจะหลั่งไหลกันเข้ามาเร็วๆนี้ เราอาจจะต้องเร่งรัดการเปิดประเทศให้เร็วขึ้นกว่าเดิม ซึ่งนั่นหมายถึงสารคดีของคุณก็จะต้องเสร็จให้เร็วขึ้นด้วย คุณคิดว่าจะเป็นไปได้ไหม” ท่านธูลว่า
นายฉงน “เร็วขึ้นแค่ไหนครับ”
“คุณมีเวลาอีก 3 อาทิตย์จะต้องตัดต่อสารคดีชิ้นนี้ให้เรียบร้อย” ราอูลบอก
นายตกใจ “ห๊ะ! นั่นมันเร็วขึ้นตั้ง 1 เดือนเลยนะครับ! แล้ว...แล้วนี่ก็ยังถ่ายไม่หมด ยังไม่เริ่มตัดต่อเลยซักนิด แล้วไหนยังจะต้องทำ post production อีก”
ท่านธูลแทรก ขอร้องด้วยท่าทีจริงจัง “ถือว่าเป็นคำขอร้องจากผม...สารคดีชิ้นนี้มีความสำคัญกับฮวาซาใต้มากกว่าที่คุณคิด”
นายชะงัก “ท่านหมายความว่ายังไงพะยะค่ะ”
ท่านธูลไตร่ตรอง มองนายอย่างตัดสินใจหนัก ว่าควรจะเล่าดีมั้ย

นายเดินหน้าเครียดเข้ามาในห้องโทรศัพท์ เพราะเพิ่งรู้ถึงแผนการเปิดประเทศของท่านธูล นายคิดปราดเดียวแล้วรีบกดโทรศัพท์ไปหาฟินที่เมืองไทย
“ฮัลโหลเจ๊! นี่ผมนายนะ เจ๊ฟังให้ดีนะ ตอนนี้ผมขอให้เจ๊หยุดให้ข่าวเรื่องไผทมาทำงานที่ฮวาซาใต้เอาไว้ก่อน”
ฟินอยู่ที่ออฟฟิศ คุยมือถือกับนาย
“นายเป็นใครถึงจะมาสั่งฉัน รู้ไหมว่าตอนนี้ที่เมืองไทยเค้าตื่นเต้นกับโปรเจ็คท์นี้กันแค่ไหน ถ้าเรารีบอัดโปรโมทตอนนี้ รับรองไผทต้องกลับมาอย่างสง่างามแน่”
“เจ๊ก็คิดแค่นี้ รู้ไหมว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนระหว่างประเทศเลยนะ”
ฟินฉุน ไม่เชื่อ “เว่อร์แล้ว! พูดอย่างกับฉันกำลังทำให้เกิดสงครามระหว่างประเทศ”
นายกระแทกเสียงใส่ “ก็เออน่ะสิ” ฟินงง นายรีบตัดบท “เอาเป็นว่าตอนนี้ไผทยังเป็นเด็กในสังกัดของผม ผมขอสั่งให้เจ๊หยุดยุ่งเกี่ยวกับไผท! ห้ามให้ข่าว หรือพูดอะไรที่เกี่ยวกับไผทและประเทศฮวาซาใต้เด็ดขาด เข้าใจไหม”
ฟินโมโหสุดขีด “แกนี่มันเผด็จการไม่เคยฟังใครเหมือนที่จี้พูดไม่มีผิด! ต่อไปไม่ต้องโทร.มาหาชั้นนะ มีอะไรให้จี้โทร.มา ชั้นไม่อยากคุยกับแก”
ฟินวางสายใส่ นายถอนใจวางสายแล้วเซ็งที่ไม่มีใครเข้าใจเขา แม้แต่จีจี้

ท่านธูลยังปรึกษางานกับราอูลต่อ หลังจากที่นายออกจากห้องไปแล้ว
“ท่าทางคุณนายนายจะตกใจมาก ที่รู้ความจริงทั้งหมด” ราอูลว่า
“แต่เราเชื่อความเป็นมืออาชีพของคุณนายนาย เค้าจะทำให้ทุกอย่างเรียบร้อยลงได้ แล้วสารคดีชิ้นนี้ก็จะทำให้นานาอารยะประเทศเห็นว่า ฮวาซาใต้ของเราไม่ได้ด้อยไปกว่าฮวาซาเหนือ หากจะมีการรวมประเทศฮวาซาในอนาคต จะได้มีคนได้ยินเสียงของเราเวลาที่ขอความช่วยเหลือ”
“กระหม่อมจะรีบเตรียมเรื่องพิธีเปิดสารคดีชิ้นนี้พะยะค่ะ เราจะทำให้ยิ่งใหญ่ ให้ฮวาซาเหนือได้รู้ว่าจะรังแกเราไม่ได้ง่ายๆ อีกต่อไปแล้ว”
“เราจะต้องระมัดระวังอย่างที่สุดในช่วงนี้ เพราะไม่มีใครรู้หรอกว่าพระเจ้าหลุยส์จะทรงคิดอะไรอยุ่ ท่านอาจจะกำลังหาทางหยุดยั้งสารคดีชิ้นนี้ก็ได้”
“เห็นได้จากการทำลายถ้ำพันปีนั่นใช่มั้ยพะย่ะค่ะ”
“คนกลุ่มเดียวที่จะไม่พอใจถ้าฮวาซาใต้กลายเป็นประเทศที่เป็นศูนย์กลาง การท่องเที่ยวก็คือ ฮวาซาเหนือ จริงมั้ยราอูล”
ท่านธูลมีสีหน้าเครียดเคร่ง

จีจี้นั่งทำคิวอยู่หน้าเต็นท์ เครียด หงุดหงิดไปหมด “โอ๊ย พรุ่งนี้จะถ่ายหมดไหมเนี่ย”
จีจี้เอนหลังลงนอนอย่างอ่อนใจ มองดูดาวบนท้องฟ้า แล้วชะงัก หวนคิดถึงนายขึ้นมา

คืนหนึ่งในอดีต บริเวณสระน้ำมีผ้าสีสวยๆ ปูอยู่ พร้อมขนม และน้ำที่วางเตรียมไว้ บ้านทั้งหลังถูกปิดไฟมืดสนิท
นายปิดตาจีจี้ พร้อมจูงจีจี้เข้ามา
“นายจะพาจี้ไปไหนเนี่ย”
“ก็พาไปดูดาวไง”
นายเดินมาหยุดตรงที่เตรียมไว้ พร้อมกับเปิดตาจีจี้ทำเสียงประกอบ “แท๊แด๊ม!”
จีจี้มองสถานที่ที่นายเตรียมไว้
“โอ๊ย นาย...ดูดาวตรงนี้มันจะไปเห็นได้ยังไง? จี้อยากขึ้นไปดูบนดอยอะไรแบบนี้”
“ถ้านอนดูดาวตรงนี้ไม่เห็น ก็นอนดูผมไปก่อนก็ได้นะ”
จีจี้หันมองหน้านาย เซ็งๆ “ไม่ตลก”
จีจี้จะเดินหนี นายดึงจีจี้เอาไว้
“เดี๋ยวสิจี้…คุณก็รู้ว่าเรามีงานต้องทำ วันนี้นอนดูที่นี่ไปก่อน…ผมสัญญาว่าถ้าเราเสร็จงานเมื่อไหร่ ผมจะพาคุณขึ้นไปดูดาวบนดอยทันที”
“จริงนะ”
“จริงสิ…เดี๋ยวจะพาขึ้นไปดูบนดอยรี่จั๊ก”
จีจี้งง “ดอยอะไร ชื่อประหลาด”
“รี่จั๊ก...ก็รักจี้ไง”
จีจี้หัวเราะ แล้วทิ้งตัวลงนอนดูดาวข้างๆ นาย นายกอดจีจี้ไว้
จีจี้นั่งมองดาวอยู่หน้าเต็นท์ที่เดิมคนเดียว คิดถึงนายนายแล้วถอนใจ พึมพำเซ็งๆ
“เราคงไม่มีวันได้ไปที่ดอยนั้นแล้ว”
ส่วนนายนั่งมองดาวอยู่เช่นเดียวกับจีจี้ นายมองดาวก่อนถอนใจ เพราะตัวเองก็คิดถึงจีจี้เช่นกัน
“เค้าคงไม่อยากไปดูดาวกับแกแล้วล่ะไอ้นาย…ทุกอย่างมันจบไปแล้ว”
นายถอนใจเศร้าสุดๆ

เช้าวันใหม่ บรรยากาศของผาดูดาวในยามเช้า แลเห็นสายหมอกจางๆ ลอยอ้อยอิ่ง ดูสวยงามจับตา แนวหน้าใช้กล้องวิดีโอเก็บภาพ แพนกล้องเพื่อเก็บบรรยากาศโดยรอบ แต่แล้วเห็นใบหน้าโลลิต้าโผล่เข้ามาในเฟรมก็ชะงัก โลลิต้าเองก็หันมองเห็นพอดี
“ทำอะไรน่ะ”
“เตะบอลอยู่พะย่ะค่ะ” แนวหน้ากวนใส่ แล้วขยับเดินหนี
“นี่คุณจะกวนประสาทหญิงทำไม”
แนวหน้าได้สติ พยายามทำตัวเป็นปกติ
“ขอประทานอภัยพะยะค่ะ กระหม่อมแค่กำลังเก็บภาพหมอกยามเช้าเพื่อไปใส่ในสารคดีพะยะค่ะ”
“แล้วคุณรู้ได้ไงว่าเช้านี้จะมีหมอก”
“กระหม่อมฉลาดพะยะค่ะ”
โลลิต้าเซ็ง
“ก็ข้างล่างนั่นมันเป็นหุบเขา เมื่อคืนอากาศก็ชื้น แล้วเช้านี้ก็ไม่ค่อยมีลม แถมยังอากาศเย็นอีก กระหม่อมเลยคิดว่ามันน่าจะมีหมอกพะยะค่ะ”
โลลิต้าทึ่ง “คุณไม่ได้มั่วนี่”
แนวหน้าร้อง “อ้าว”
“ก็ใครจะคิดว่าคนอย่างคุณจะรู้เรื่องแบบนี้ด้วย”
ทันใดนั้นเอง ชีฟองก็วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา
“องค์หญิงเพคะ เกิดเรื่องใหญ่แล้วเพคะ”
ราอูลเดินตามเข้ามาสมทบ ท่าทางซีเรียส
โลลิต้าหันไปถามราอูล “ท่านราอูลมาที่นี่ทำไม”
“ท่านธูลมีรับสั่งให้นำตัวองค์หญิงกลับวังเดี๋ยวนี้พะย่ะค่ะ”
แนวหน้ากับโลลิต้ามองหน้ากันงงๆ ว่ามีอะไรกันแน่?

ที่ผาดูดาวตอนนี้ ทีมงานทุกคนยืนอยู่ต่อแนวหน้าที่ออกอาการเครียดจัดหลังรู้เหตุผล ไม่ต่างจากจีจี้
“ท่านหลุยส์และท่านหญิงโซเฟีย กำลังจะเสด็จมาที่ฮวาซาใต้พร้อมกับท่านชองปอล องค์หญิงก็เลยต้องรีบกลับไปต้อนรับงั้นเหรอ แล้วสารคดีที่เหลือล่ะ ไม่มีองค์หญิงจะถ่ายได้ยังไง”
“ถ้าไม่ยกกอง ก็ต้องถ่ายไผทไปคนเดียว” แนวหน้าว่า
จีจี้เซ็ง ลงนั่งกุมหัว ปวดกบาล “โอ๊ย นี่มันอะไรกันเนี่ย”
“พี่แนว แล้วท่านหลุยส์กับท่านหญิงโซเฟียเป็นใครเหรอ” ขิงถาม
“กษัตริย์และองค์ราชินีแห่งฮวาซาเหนือ พ่อกับแม่ของท่านชองปอลไงล่ะ เห็นท่านราอูลบอกว่าไม่ได้เสด็จมาที่นี่เกือบ1 0 ปีตั้งแต่เริ่มรบกัน”
“อ้าว แล้วทำไมอยู่ๆ เค้าถึงมากันล่ะพี่แนว” ไผทถาม
แนวหน้าชักเซ็ง “หน้าตาฉันเหมือนนักการเมือง หรือคนฮวาซารึไง ฉันจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ ก็คงจะเป็นเรื่องใหญ่ละมั้ง ไม่งั้นคงไม่มารับองค์หญิงไปปุบปับขนาดนั้นหรอก”

ไผทอึ้งไป ขณะที่แนวหน้าเองก็ใจแป้ว พลอยเป็นห่วงองค์หญิงโลลิต้าด้วย

อ่านต่อตอนที่ 13
กำลังโหลดความคิดเห็น