น่ารัก ตอนที่ 10
ตื่นมาตอนเช้า จีจี้กำลังจัดโต๊ะอาหารมื้อเช้าอย่างพิถีพิถัน ตั้งอกตั้งใจให้สวยงามเป็นพิเศษ มีดอกไม้ที่นายซื้อให้เมื่อวาน ประดับอยู่ตรงมุมหนึ่งบนโต๊ะ
สักครู่หนึ่ง นายเดินหน้าตาเรียบเฉย ลงบันไดมา ในมือถือกระเป๋าเดินทางมาด้วย จีจี้มองนาย แต่นายไม่หันมามอง เดินตรงไปที่ประตูบ้านเลย
“เดี๋ยวสิ จะรีบไปไหน ไม่กินข้าวเช้าด้วยกันเหรอ”
“ผมไม่หิว”
นายตอบด้วยน้ำเสียงหมางเมิน ก่อนจะเปิดประตู้บ้านออกไป จีจี้รีบเดินมาหา
“แล้วนั่นคุณจะไปไหน”
“ฮวาซา” นายตอบโดยไม่มองหน้า
จีจี้ตกใจ “ฮวาซา! นี่นายยังโกรธจี้อยู่เหรอ”
“หรือว่าผมไม่ควรจะโกรธ หลังจากที่รุ้ว่าคุณเอาความรู้สึกของผมมาเป็นเครื่องมือทำร้ายผมเอง”
“มันไม่ใช่อย่างนั้นนะนาย จี้เห็นว่าสัญญามันเหลืออีกแค่แป๊บเดียว ไม่น่ามีผลอะไร”
“พอเถอะจีจี้ ผมเข้าใจทุกอย่างแล้ว”
นายตัดบท จะเดินออกไป
“งั้นรอด้วย จี้จะไปด้วย”
“ไม่ต้องหรอก คุณรออยู่ที่นี่เถอะ ผมกับไอ้แนวจะรีบทำงานให้เสร็จ แล้วเราค่อยมาเคลียร์บัญชีกัน คุณไม่ต้องกลัวว่าผมจะไม่แบ่งเงินให้ เพราะไม่ว่ายังไง เราก็เป็นหุ้นส่วนกัน แต่หลังจากนั้นเราค่อยมาทำเรื่องแยกบริษัทกันทีหลังก็แล้วกัน”
จีจี้ตกตะลึง อึ้งกับคำพูดตัดรอนของเขา นายออกไปทันที
“นายนาย”
จีจี้สะท้อนในอก เสียใจที่เหตุการณ์แย่ลง และเลยเถิดบานปลายขนาด น้ำตาไหลรดแก้มนวล
เช้าเดียวกัน ไผทเดินไปเดินมาอยู่ตรงระเบียงหลังวัง คล้ายรอใครสักคนอยู่ ในมือถือดอกไม้สวยงามช่อเล็กๆ ดูออกว่าเขาทำเอง
ชีฟองเดินลงมา ไผทปราดเข้าไปหา “องค์หญิงล่ะคุณชีฟอง”
ชีฟองมองอย่างระมัดระวัง “ท่านยังทรงงานอยู่ข้างบน คุณมีธุระอะไรกับท่านเหรอคะ
“เมื่อเช้าผมไปวิ่งที่สวนด้านหลัง ก็เลยเก็บดอกไม้มาถวายองค์หญิง คุณชีฟองช่วยเอาไปถวายให้หน่อยได้มั้ยครับ”
ไผทยื่นดอกไม้มา ชีฟองมองนิ่งๆ ท่าทีชั่งใจ “มันจะดีเหรอคะ”
“ทำไมละครับ ผมเก็บจากข้างทาง ไม่ได้ขโมยในสวนนะ”
ชีฟองตัดสินใจบอกไป “แต่เอาไปถวายองค์หญิงแบบนี้ แฟนคุณอาจจะไม่พอใจเอาก็ได้”
“แฟนผม” ไผทงง
“ค่ะ ไม่มีผู้หญิงคนไหนหรอกค่ะ ที่จะพอใจที่แฟนของตัวเองเอาดอกไม้ไปให้หญิงอื่น ถึงแม้ว่าคุณจะถวายองค์หญิงโดยที่ไม่ได้คิดอะไรก็ตาม” ชีฟองตัดพ้ออยู่ในที
ไผทงงหนัก “เดี๋ยวๆๆ คุณชีฟอง คุณพูดถึงอะไร ผมมีแฟนอยู่ที่ไหน”
“ก็คุณขิงไงล่ะคะ หรือคุณจะปฏิเสธว่าเธอไม่ใช่แฟนคุณ”
ไผทตกใจ “เฮ้ย บ้า! ขิงเนี่ยนะ”
ชีฟองยังทำสีหน้าเย็นชาใส่ไผท
“เข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้วคุณ ขิงกับผมเนี่ย เราเป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่ยังอยู่มหา’ลัย แฟนเฟินที่ไหนกัน”
“เพื่อนสนิท ว่างั้น ช่างเป็นคำตอบที่เป็นดาราเหลือเกิน”
ชีฟองดึงดอกไม้ในมือไผทมา แล้วจะเดินหนี
“เดี๋ยวสิ คุณชีฟอง ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะ”
“ไม่ต้องอธิบายหรอกค่ะ ดิฉันหรือองค์หญิงไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้ ถ้าคุณไผทยืนยันว่าจะไม่มีปัญหากับคนรัก ดิฉันก็สบายใจด้วยค่ะ”
ชีฟองเดินกลับขึ้นไป ไผทอ้าปากค้างด้วยความวุ่นวายใจ
โลลิต้าดูช่อดอกไม้ในมือ อึ้งๆ
“แล้วคุณขิงเค้าเห็นดอกไม้นี่หรือเปล่า”
“พี่ชีฟองว่าคุณไผทไปแล้วนะคะ ว่ามันไม่เหมาะ ทำแบบนี้คุณขิงจะไม่พอใจ แต่คุณไผทเค้าก็แก้ตัวว่าคุณขิงเป็นแค่เพื่อนสนิท ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไร”
“หรือว่าพวกดาราไทยมักจะเป็นแบบนี้กัน เป็นแฟนกันแล้วไม่ยอมรับ”
“แต่พูดก็พูดเถอะนะเพคะ ท่าทางเค้าตกใจจริงๆ ตอนที่พี่ชีฟองถามว่าเค้าเป็นแฟนคุณขิงเหรอ”
โลลิต้ามองช่อดอกไม้อย่างตัดใจ
“ช่างเค้าเถอะค่ะพี่ชีฟอง ไม่ว่ายังไงเค้าก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเรา ดอกไม้ช่อนี้เค้าก็คงจะให้หญิงในฐานะประชาชนคนนึงที่ถวายเจ้าหญิง หญิงเองก็ชื่นชมเค้าแค่ในฐานะแฟนละคร ก็เท่านั้นเอง”
โลลิต้าเดินเข้าห้องนอนไป ชีฟองมองตามไปอย่างสงสาร
มองจากด้านนอกเข้ามา ตรงช่องประตูที่ชีฟองเปิดเข้าไปแล้วปิดไม่สนิท ชองปอลยืนฟังอยู่ตรงนั้นอย่างโกรธแค้นสุดขีด มั่นใจว่าโลลิต้ามีใจให้ไผทแน่ๆ
แนวหน้าเดินเข้ามาในห้อง พร้อมเอกสาร เดินตรงไปที่คอมพ์ทำท่าจะเปิดแล้วชะงัก เขาบ่นบ้าด่าตัวเอง
“จะบ้าหรือไงว่ะ เข้าห้องเปิดคอมพ์ๆ ทำเป็นวัยรุ่นติดแชทไปได้ ปัญญาอ่อน”
แนวหน้าเดินตรงไปที่เตียง หยิบสมุดบันทึกขึ้นมาทำท่าจะเขียนอะไรแล้วชะงัก เดินกลับไปเปิดคอมพ์อย่างเร็วแล้วกลับมานั่ง หาข้ออ้างให้ตัวเอง
“เปิดทิ้งไว้แบบนี้ ก็สบายใจดี”
แนวหน้าหันกลับจะเขียนบันทึก มีเสียงเตือนว่ามีข้อความค้างอยู่ เขาวิ่งมาเปิดดูทันที
“คุณนายพรหมลิขิตคะ คุณเคยแอบชอบใครซักคนมั้ย” เป็นข้อความจากโลลิต้า
แนวหน้าอึ้ง ก่อนจะพิมพ์ตอบว่า “ใครจะไม่เคย”
โลลิต้าอยู่ในห้องนอน พิมพ์โต้ตอบอย่างว้าวุ่นใจ มีช่อดอกไม้ไผทใส่แจกันแก้ววางอยู่ข้างๆ
“แล้วถ้าคนที่คุณแอบชอบ เค้ามีคนอื่นอยู่แล้ว คุณจะทำยังไง”
แนวหน้าหยุดไปนาน สงสารโลลิต้าจับใจ ก่อนจะลงมือพิมพ์
“ผมเคยแอบชอบคนคนนึงมานานหลายปี ชอบทั้งๆ ที่เค้าไม่เคยรับรู้ ไม่เคยมองผม แต่ผมก็ยังมีความสุขที่ได้อยู่ใกล้ๆ เค้าแบบนี้”
ในขณะที่พิมพ์ แนวหน้าคิดถึงหน้าขิงอยู่ตลอดเวลา
“แล้วคุณไม่เสียใจเลยเหรอคะ”
แนวหน้าถอนใจยาวก่อนพิมพ์ไปว่า “มันอาจจะปวดใจบ้างในตอนแรกๆ แต่พอนานไปมันก็กลายเป็นความเคยชิน แล้วก็เจ็บปวดน้อยลงเรื่อยๆ เหลือแค่ความสุขที่ได้อยู่ใกล้ๆ เค้า”
โลลิต้าอ่านแล้วอึ้ง ท่าทางสงบลง สบายใจขึ้น
“ผู้หญิงคนนั้นช่างโชคดีจริงๆ ชั้นรู้สึกดีขึ้นมากเลยค่ะ ที่ได้คุยกับคุณ ขอบคุณมากนะคะ นายพรหมลิขิต”
แนวหน้านั่งซึมอยู่ ภาพโลลิต้าที่กำลังหัวเราะแจ่มใส รวมทั้งตอนนั่งเศร้าเพราะไผท ผุดขึ้นมาในหัว
“นี่มันอะไรกันวะ แอบชอบคนเป็นอาชีพเลยหรือไงวะเนี่ยไอ้แนว”
แนวหน้าตกใจ ที่ได้รู้ใจตัวเองว่า แอบคิดถึงและห่วงใยโลลิต้ามากไปแล้ว
ขณะเดียวกันนั้น ขิงเดินเข้ามาดูดอกไม้ในอุทยาน แล้วต้องชะงักเมื่อเห็นไผทนั่งซึมอยู่
“ไผท ทำไมมานั่งซึมอยู่ตรงนี้คนเดียว เป็นอะไรรึเปล่า”
“ขิง องค์หญิงเค้าเข้าใจผิด เค้าคิดว่าเราสองคนเป็นแฟนกัน”
ขิงอึ้ง น้ำเสียงไผทฟังออกว่าไม่สบายใจมาก
“มิน่า หลังๆ ท่านถึงไม่ค่อยยอมพูดกับผม แล้วยิ่งเมื่อวาน พอเรา 2 คนจับเชือกแดงเส้นเดียวกันนะ ท่านยิ่งไม่มองหน้าผมเลย ผมส่งดอกไม้ไปถวายท่าน ก็แทบจะไม่ยอมรับ ผมจะบ้าตายอยู่แล้ว”
“ขิงจะไปอธิบายให้ท่านฟังเอง”
ขิงจะเดินออก ไผทลุกขึ้นจับแขนไว้
“อย่าเลยขิง ไม่เป็นไร มันไม่ใช่ความผิดอะไรของขิงซักหน่อย”
“แต่ขิงเองก็ไม่อยากให้ท่านเข้าใจผิด”
“ไม่เป็นไรหรอก ผมเองนั่นแหละที่คงจะมีท่าทางสนิทสนมกับขิงมากเกินไป มิน่า พี่แนวก็พยายามเตือน แต่ผมคิดว่าเป็นเพราะเค้าชอบขิง” ไผทถอนใจยาว “ช่างมันเถอะ อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด ถ้าองค์หญิงเค้าไม่ได้ชอบผม ผมก็แอบชอบเค้าฝ่ายเดียวไปเรื่อยๆ ก็ได้ จริงมั้ย”
ไผทยิ้มเศร้ากับขิง ก่อนจะลงนั่งเหม่อ ทอดถอนใจหนักหน่วง ขิงมองไผทอย่างเจ็บปวด ตัดสินใจทำอะไรบางอย่าง
อ่านต่อหน้า 2
น่ารัก ตอนที่ 10 (ต่อ)
นายเดินทางมาถึงฮวาซาใต้ เหวี่ยงกระเป๋าเดินทางลงแล้วทิ้งตัวลงนอนบนเตียงอย่างเหนื่อยล้า หลังเล่าเรื่องจีจี้วางแผนตามไปโขมยสัญญาจบลง
“นี่ตกลงพี่จี้ตามเฮียไปกรุงเทพฯ เพราะจะขโมยสัญญาไผทเหรอ”
“เออ!” นายกระแทกเสียงใส่
แนวหน้าฉุน “โอ้โห... โคตรใจร้ายเลยว่ะ....เฮียก็แย่เลยสิ อุตส่าห์กะว่าจะกลับไปเลียแผลใจ ลักษณะจะหนักกว่าเดิมนะเนี่ย” นายเซ็ง “แล้วเฮียโอเคใช่มั้ย”
“ตอนนั้นชั้นน่าจะเชื่อแกเนอะ...ไม่น่าชวนจี้กลับมาทำงานด้วยเลย”
แนวหน้ามองพี่ชายด้วยความสงสาร
“เดี๋ยวเฮียจะไปบล็อกช็อตในถ้ำกับผมรึเปล่า”
นายส่ายหน้า “ไปไม่ไหว นายไปเถอะ”
แนวหน้ามองนายอย่างเห็นใจ “อาการหนักจริงๆ พี่ชายผม งั้นนอนไปเถอะ เดี๋ยวผมกลับมาเราค่อยคุยกัน”
แนวหน้าเปิดประตูออกไป นายนอนนิ่ง ครุ่นคิดหนัก
เย็นวันเดียวกัน ฟินยืนถือสัญญาของไผทในมืออย่างสมใจ มีจีจี้ซึ่งมาพร้อมนายยืนอยู่ข้างๆ
“ที่หนูตามเค้ามา ก็เพราะจะเอาสัญญามาให้พี่ฟินนี่แหละ หนูรู้สึกแย่จริงๆ ที่ทำอย่างนี้กับนายนาย”
ฟินไม่สน “อุ๊ย อย่าไปรู้สึกแย่ สมัยนี้เค้าทำชั่ว ไม่ต้องแคร์อะไรหรอก อุ๊ย ไม่ใช่ ไม่ได้หมายถึงอย่างนั้น แค่ไม่อยากให้หนูรู้สึกแย่เท่านั้น”
จีจี้เศร้า นั่งซึม ฟินมองสัญญาในมือ
“แล้วทีนี้จะทำยังไงดีล่ะ? สัญญาไผทที่ได้มาก็ไม่ใช่ตัวจริง ฉีกไปก็ไม่ได้อะไร หรือว่า ในเวลา 2 เดือนที่เหลือเนี่ย ชั้นกลับไปทำงานรอไผทที่กรุงเทพฯ ดีกว่า”
“เจ๊อย่าเพิ่งกลับเลยนะ อยู่ช่วยหนูก่อน หนูขอร้อง หนูคนเดียวสู้หน้ากับนายนายยังไง”
“แล้วแกคิดว่ามีฉันแล้วจะสู้มันได้เหรอ”
“ก็ดีกว่าหัวเดียวกระเทียมลีบแหละเจ๊...อย่าลืมสิว่าที่หนูทำลงไปก็เพราะจะช่วยเจ๊นะ”
ฟินอึ้ง ตัดสินใจ
“ก็ได้ ชั้นไม่ไปละ ไอ้นายมันกล้าบอกเลิกกับน้องชั้น ชั้นก็จะแก้แค้นให้เอง”
“แก้แค้น! อีกแล้วเหรอเจ๊” จีจี้ใจคอไม่ดี
“ไม่ต้องช่วง เรื่องนั้นเป็นฝีมือเจ๊เอง คนอย่างเจ๊ฟิน ถ้าถูกรังแก คนอื่นก็อย่าอยู่ดีกันเลย คอยดู!”
ฟินบอกอย่างมุ่งมั่นมาดหมาย
แนวหน้าและทีมงานเดินมาถึงหน้าถ้ำ โลลิต้ากับชีฟองยืนรออยู่ ทุกคนมีท่าทางเหน็ดเหนื่อย เมื่อยล้าตามๆ กัน
ไผทเห็นองค์หญิง รีบร้อนเดินมาหา
“องค์หญิง เสด็จมานานแล้วเหรอพะย่ะค่ะ”
โลลิต้าไม่ตอบ มองเลยไป แล้วยิ้มให้ขิง
“น้ำพะย่ะค่ะ เสวยก่อน จะได้หายเหนื่อย” ไผทเอาใจ
“ขอบคุณมากค่ะคุณไผท แต่หญิงดื่มเรียบร้อยแล้ว” องค์หญิงมองไปยังแนวหน้า “ถ้าหายเหนื่อยแล้ว เชิญข้างในกันเลยนะคะคุณแนวหน้า”
โลลิต้าเดินนำเข้าไป ชีฟองและทหารองครักษ์ตามไปติดๆ แนวหน้าชำเลืองมองไผทก่อนตามโลลิต้าเข้าไป
ไผทจ๋อยสนิท ขิงมองไผทอย่างเห็นใจ
ภายในถ้ำ แลเห็นผนังถ้ำมีภาพเขียนสีส้มสวยงาม ทีมงานของแนวหน้ามองอย่างทึ่ง
“รูปเขียนที่ผนังถ้ำแห่งนี้ มีอายุกว่า 500 ปีแล้ว เป็นของล้ำค่าของชาวฮวาซาใต้ ทุกวันขึ้น 15 ค่ำของเดือนที่ 7 พวกเราชาวฮวาซาจะมาทำพิธีกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในถ้ำนี้ และจะสักการะรูปเขียนเหล่านี้ด้วย” ชีฟองให้ข้อมูล
แนวหน้าอดชื่นชมไม่ได้ “สวยจัง”
“ดูขลังมากเลยเนอะพี่แนว”
แนวหน้าพยักหน้า “ฮวาซาใต้ช่างเป็นดินแดนที่เต็มไปด้วยเรื่องราวน่าทึ่ง”
“พวกเรานับถือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ค่ะ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็จะคุ้มครอบเราจากคนหลอกลวงและคนไม่ดีเสมอค่ะ”
ชีฟองปรายตามองไผทที่หน้าเจื่อนสนิท แนวหน้าหันไปสั่งงานทีมงาน
“พี่แว่นช่วยดูมุมไว้ด้วยนะ อีก 3 วันเราจะมาถ่ายพิธีที่นี่กัน คนคงจะเยอะน่าดู”
เดินสำรวจกันอยู่สักครู่ใหญ่ องค์หญิงโลลิต้าจะเดินออกจากถ้ำ ไผทตัดสินใจมาดักหน้า
“องค์หญิง กระหม่อมไม่สบายใจเลย กระหม่อมคิดว่าองค์หญิง กำลังทรงเข้าพระทัยผิดอะไรบางอย่างเกี่ยวกับกระหม่อมอยู่”
โลลิต้าแสร้งทำเป็นไก๋ “เข้าใจผิด เรื่องอะไรเหรอคะ”
“ก็เรื่องที่ กระหม่อมกำลังคบกับคนอื่นอยู่น่ะสิพะย่ะค่ะ”
โลลิต้าหัวเราะกลบ “การที่คุณไผทกำลังคบกับคนอื่นอยู่ มันจะมาเกี่ยวกับหญิงยังไงล่ะคะ”
ไผทหน้าเจื่อน อ้าปากจะพูดก็พูดไม่ออก ชีฟองและทหารจ้องหน้าอยู่
ขิงเดินมาใกล้ บอกออกไป
“เดี๋ยวสิเพคะ เพราะมันไม่เป็นความจริง”
ไผทกะแนวหน้าตกใจอุทานพร้อมกัน “ขิง”
“เสด็จกลับกันเถอะเพคะองค์หญิง เดี๋ยวท่านธูลจะทรงเป็นห่วง”
ขิงขอร้อง “เดี๋ยวเพคะ ถ้าองค์หญิงกำลังทรงสงสัยว่าไผทกำลังคบกับหม่อมชั้นอยู่รึเปล่า หม่อมชั้นทูลเลยว่ามันไม่จริง”
ไผทปราม “ขิง พอได้แล้ว”
ขิงไม่ฟัง “ขิงถือว่าทรงดูถูกขิงด้วยนะเพคะ เพราะขิงไม่มีวันชอบไผทได้ ขิงไม่ชอบผู้ชายค่ะ
ทุกคนอึ้ง ตกใจ หันขวับมามองขิง”
แนวหน้าอุทานเสียงไม่ดังนัก สงสารจับใจ “ขิง!”
ขิงยิ้มแย้ม “ทุกคนเข้าใจถูกแล้วล่ะค่ะ ขิงไม่ชอบผู้ชาย เพราะขิงเป็นทอมค่ะ”
ทุกคนอ้าปากค้าง พูดไม่ออก ขิงยิ้มแจ่มใส มองไปรอบๆ สบตาไผทแล้วยิ้มกว้างให้ ไผทอึ้งมาก
ไม่นานต่อมา โลลิต้า กับชีฟองกลับมาถึงวัง สองสาวอยู่ในห้องเพียงลำพัง
“เป็นไปไม่ได้ หญิงไม่เชื่อ!” โลลิต้าพูดแทบเป็นตะโกน
“พี่ชีฟองก็ไม่อยากเชื่อ มันเป็นไปไม่ได้”
“คุณขิงออกจะสวยน่ารัก แต่งตัวเซ็กซี่ขนาดนั้น จะเป็นทอมไปได้ยังไง”
“หรือว่า มันจะเป็นอย่างที่คุณขิงพยายามอธิบายเพคะ”
สองสาวนึกถึงเหตุการณ์ในถ้ำ ที่ขิงพูดอธิบายต่อเรื่องตัวเองเป็นทอม
“ทุกวันนี้ขิงอึดอัดมากนะเพคะที่แสดงออกไม่ได้ เพราะอาชีพดีไซเนอร์ของขิงที่ต้องแต่งตัวสวยตลอดเวลาเพื่อเรียกลูกค้า แต่ตอนนี้ พอทุกอย่างถูกเปิดเผย ขิงก็สบายใจแล้วเพคะ”
ขิงถอดหมวกออก แล้วเสยผมทะมัดทะแมง ดูแมนโครตๆ หันไปยักคิ้วกับชีฟอง
“ผมเป็นแบบนี้ โอมั้ยฮะพี่สาว”
ชีฟองตะลึง
นึกเรื่องนี้แล้ว ชีฟองเอามือปิดหน้า
“โอ๊ย ไม่อยากจะเชื่อเลย เสียดายความสวยของคุณขิง”
“แต่ถึงเค้าจะเป็นอย่างนั้นจริง เค้าจะมาบอกหญิงทำไม”
“ก็เค้าอยากให้องค์หญิงทรงเลิกเข้าพระทัยผิดยังไงล่ะเพคะ เค้าคงรู้ว่าคุณไผทชอบองค์หญิงจริงๆ โอ๊ย ตายแล้ว นี่ถ้าข่าวนี้ไปถึงพระกรรณท่านชองปอล จะเกิดอะไรขึ้นเนี่ย พี่ชีฟองไปก่อนนะเพคะ จะไปสั่งทหารทุกคนให้ปิดปากให้สนิท ก่อนที่จะเกิดเรื่องวุ่นวายใหญ่โตขึ้น”
ชีฟองวิ่งออกไป โลลิต้ายังคงครุ่นคิด ว้าวุ่นสับสนไปหมด
แนวหน้ายืนเคลียร์กับไผทและขิงอย่างจริงจัง แนวหน้าใส่ไผทไม่ยั้ง
“แกจะบ้าเหรอไผท แกบอกให้ขิงพูดแบบนี้ได้ยังไง ปัญญาอ่อนชัดๆ”
“พี่แนวอย่าไปว่าไผทเลย เรื่องทั้งหมดขิงคิดขึ้นมาเอง”
“แล้วขิงจะทำอย่างนั้นทำไม? ขิงไม่ได้เป็นทอมนี่”
“แต่มันเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้วนะพี่แนว องค์หญิงจะได้ไม่ต้องเข้าใจผิด การถ่ายทำจะได้ราบรื่น ไม่อึดอัดใจ”
แนวหน้าท้วง “แต่มันไม่ดีสำหรับขิงนะ แล้วพี่ก็ไม่เห็นว่ามันจำเป็นพอด้วย”
ไผทจ๋อย “ขิง ผมขอโทษ ผมไม่ได้อยากให้ขิงทำอย่างนั้น ผมจะไปทูลองค์หญิงเองว่าขิงพูดเล่น”
ขิงจับไผทไว้
“อย่าเลยไผท อย่างนี้แหละดีแล้ว เราสองคนจะได้สนิทกันเหมือนเดิม ไม่ต้องคอยระวังตัว ไม่ดีเหรอ”
ไผทอึ้งไป ขิงยิ้มให้อย่างสดใสเหมือนไม่มีอะไร ไผทค่อยๆ ยิ้มตอบ
“งั้นก็ตามใจ แต่ผมไม่ชอบวิธีนี้เลย บอกตรงๆ”
ไผทถอนใจก่อนเดินจากไป ขิงมองตาม ก่อนจะสะดุ้งเมื่อหันกลับมาเห็นสายตาแนวหน้ามองอยู่อย่างรู้ทัน
“ต้องทำขนาดนี้เลยเหรอขิง”
ขิงยิ้ม “ก็บอกแล้วไงพี่แนว วิธีนี้มันดีที่สุดแล้ว สบายใจกันทุกฝ่าย ขิงโอเค”
แนวหน้าเดินไปจับแขนขิงบีบมือเบาๆ “ขิงโอเคจริงเหรอ”
ขิงอึ้งไป เจ็บในใจเหลือเกิน แต่พยายามฝืนยิ้มพยักหน้า
“ขิงทำทุกอย่างเพื่อช่วยไผทใช่มั้ย แม้แต่การทำร้ายตัวเองแบบนี้”
น้ำตาคลอเต็มตา แต่ขิงยังฝืนยิ้ม
“ขิงชอบไผทมากขนาดนั้นเลยเหรอ”
คราวนี้ขิงน้ำตาร่วงทันที
“จะให้ขิงทำยังไงได้ล่ะพี่แนว การทำให้เค้ามีความสุข มันน่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดไม่ใช่เหรอ”
ขิงน้ำตาไหลพราก แนวหน้าอึ้งไป มองขิงร้องไห้ด้วยความสงสาร แต่ทว่าหัวใจที่คิดว่าจะเจ็บปวดกลับไม่ค่อยรู้สึก เป็นแค่ความสงสารน้องเท่านั้น แนวหน้าลูบไหล่ขิงตบปลอบเบาๆ
ขิงซบหน้ากับไหล่แนวหน้า ร้องไห้สะอึกสะอื้นน่าเวทนา แนวหน้าดึงร่างขิงมากอดไว้อย่างพี่ชายกอดน้องสาว สงสารเต็มหัวใจ
อ่านต่อหน้า 3
น่ารัก ตอนที่ 10 (ต่อ)
นายเข้าเฝ้าถวายคำนับท่านธูลที่รออยู่พร้อมกับราอูล ตรงระเบียงด้านหลังวังในค่ำคืนนั้น
“ดีใจที่คุณกลับมานะคุณนายนาย” ท่านธูลยิ้มแย้ม
“ในเมื่อสารคดียังถ่ายอยู่ กระหม่อมก็ต้องไปๆ กลับๆ อย่างนี้แหละพะย่ะค่ะ” นายว่า
“แล้วคุณจีจี้ล่ะ กลับมาพร้อมกับคุณด้วยรึเปล่า”
คำถามของท่านธูล ทำเอานายชะงัก นิ่งงันไปชั่วขณะ
“ก็...มาพร้อมกันพะย่ะค่ะ แต่... ต่างคนต่างมา”
“หมายความว่าอะไรล่ะคุณ ไอ้ต่างคนต่างมาเนี่ย หรือว่าคุณมารถ คุณจีจี้มาเครื่องบิน” ราอูลซัก
นายถอนใจ “ก็มาพร้อมกันนั่นแหละครับ แต่...”
เสียงฟินแหลมเข้ามา “มาแล้วเพคะ”
ทุกคนหันไปมอง ฟินลากจีจี้มา จีจี้ซึมๆ พอสบตานาย นายเมินหน้าหนี จีจี้ยิ่งจ๋อย
“มาแล้วเหรอคุณจีจี้”
“ขอประทานอภัยเพคะที่ลงมาช้า”
“ไม่เป็นไรหรอก ที่ผมให้พวกคุณมาก็เพราะอยากจะบอกว่า ในการถ่ายทำพิธีศักดิ์สิทธิ์ ใน 3 วันข้างหน้า ขอให้ใช้ความระมัดระวังหน่อย อย่าให้กองถ่ายไปรบกวนวิถีชาวบ้าน เพราะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในถ้ำนั้น ชาวบ้านเค้าเคารพมาก โดยเฉพาะภาพเขียนโบราณนั้น” ท่านธูลกล่าว
ราอูลเสริม “ถ้าเกิดว่ามีอะไรเสียหายขึ้นมาล่ะก็ เราเกรงว่าบริษัทของคุณคงจะรับผิดชอบไม่ไหวแน่ๆ”
นายน้อมรับ “พะย่ะค่ะ กระหม่อมจะดูแลอย่างดีที่สุด”
“เรื่องดูแลสิ่งละเอียดอ่อน ควรจะเป็นของจีจี้มากกว่านะเพคะ เพราะคุณนายนายน่ะ ขนาดหัวใจคนใกล้ๆ เค้ายังดูแลไม่ค่อยได้เลยเพคะ” ฟินเหน็บ
นายฉุน มองฟินอย่างขุ่นเคือง แต่พยายามข่มอารมณ์ สงบใจ
“ถ้า...ไม่มีอะไรแล้ว กระหม่อมขอตัวไป เอ่อ...ไปคุยกับเจ้าแนวหน้าเรื่องนี้ก่อนนะพะย่ะค่ะ มันจะได้ระมัดระวังเรื่องนี้มากๆ ทูลลา”
นายเดินออกไปเลย ทุกคนมองตาม ท่านธูลมองจีจี้ เห็นท่าทางเศร้าสร้อย
“มีเรื่องอะไรกันอีกรึเปล่าคุณจีจี้ ขอโทษที่ต้องถาม”
“ไม่มีอะไรเพคะ จีจี้ทูลลาก่อนนะเพคะ วันนี้ปวดหัวมากเลย สงสัยจะเมาเครื่องบินน่ะเพคะ ทูลลา”
จีจี้เดินกลับ ทั้งท่านธูลและราอูลเลื่อนสายตามามองฟิน ที่ไม่มีทีท่าจะขยับไปไหน
“หม่อมชั้นสงสารจีจี้จริงๆ เพคะ เลือกคบคนผิดก็เป็นแบบนี้ ต้องทนเจ็บช้ำ ทั้งกาย ทั้งใจ” ฟินตีหน้าเศร้า
ราอูลฉงน “หมายความว่าอะไร คุณนายนายทำร้ายคุณจีจี้เหรอ”
“ก็ลองสังเกตกันดูเองเถอะค่ะ เฮ้อ เผลอๆ จะถ่ายสารคดีจบรึเปล่าก็ไม่รู้ ทะเลาะกันตลอดเวลาแบบนี้ ทูลลานะเพคะ”
ฟินทิ้งระเบิดไว้ ถวายความเคารพแล้วเดินออกไปทันที ท่านธูลกับราอูลอึ้ง มองตามอย่างงงๆ
ขณะเดียวกัน ที่ชั้นบน ชองปอลยืนดูเหตุการณ์อยู่ ยิ้มร้ายออกมา มีทหารองครักษ์ยืนอยู่ด้วยห่างออกมา
“บริษัทจีเอ็นเอ็น กระจอกๆ นั่น ไม่มีทางถ่ายสารคดีสำเร็จหรอก ชั้นจะทำให้พวกมันออกจากฮวาซาใต้ไป และไม่มีวันได้กลับมาอีก”
นัยน์ตาชองปอลวาววับ สีหน้าเหี้ยมโหด ทหารยืนรับฟังเงียบๆ
ฝ่ายแนวหน้านอนก่ายหน้าผาก ครุ่นคิดเรื่องขิง เสียงข้อความจากคอมพ์เข้ามาอีก แนวลุกไปอ่านเนือยๆ
“นายพรหมลิขิตคะ คุณเคยมีเพื่อนที่อยู่ดีๆ เค้าก็เปลี่ยนไปบ้างมั้ยคะ อย่าง.. เป็นผู้หญิงอยู่ดีๆ ก็กลับประกาศตัวว่าเป็นทอม แบบนี้น่ะค่ะ”
แนวหน้าอึ้ง พูดไม่ออก ถอนใจยาว นึกถึงใบหน้านองน้ำตาของขิงเมื่อบ่าย ที่ร้องไห้น้ำตาไหลพราก อย่างน่าเวทนา จนในที่สุดเขาก็ต้องตัดสินใจทำตามที่ขิงขอร้อง
“มีสิครับ หลายคนด้วย บางทีคบกันมาตั้งแต่เด็กๆ มันแมนสุดๆ เจอกันอีกที แต่งหญิงไปซะแล้วก็มี”
ประตูห้องเปิดเข้ามา นายเดินหน้าเซ็งเบื่อโลกเข้ามา
“ทำอะไร แชทกับองค์หญิงอีกแล้วเหรอ”
“ครับ หมู่นี้ก็คุยกันบ่อย องค์หญิงเค้าไม่รู้หรอกว่าผมเป็นใคร นึกว่าเป็นแฟนคลับธรรมดาๆ ก็บ่นโน่นบ่นนี่ให้ฟังไปเรื่อย ก็น่ารักดี”
แนวหน้าหลุดปาก แล้วรีบตะปบปากตัวเอง นายมองอย่างสนเท่ห์
“น่ารักดี”
แนวหน้าคิดข้อแก้ต่าง แถไปได้น้ำขุ่นๆ “ผมหมายถึง ก็...วิธีคุยน่ะเฮีย เค้าฟรุ้งฟริ้งน่ารักดี เหมือนคุยกับเด็กๆ แต่บทจะเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก็ อ่านปรัชญา อ่านวรรณกรรม น่าทึ่งมากเลยจริงๆ คือ...ศึกษาเค้าไงเฮีย จะได้รู้ว่าองค์หญิงชอบหรือไม่ชอบอะไร ผมทำเพื่อบริษัทน่ะเฮีย”
“งั้นก็ดี แต่อย่าไปหลงรักเค้าอีกคนก็แล้วกัน แค่นี้เราก็วุ่นวายเต็มทีแล้ว”
“บ้าน่ะเฮีย ไม่มีทางหรอก เฮียอย่าลืมสิว่าผมชอบคนเป็นผู้ใหญ่ เรียบร้อยน่ารักอย่างขิง ไม่ชอบเจ้าหญิงจอมแก่นแบบนั้นหรอก”
แนวหน้าพูดจบก็ปิดคอมพ์ทันที นายมองจ้องจับผิด แนวหน้ารีบหันก้มหน้าทำงานต่อ จนนายล้มตัวลงนอน กลุ้มเรื่องจีจี้แทน
ทางด้านโลลิต้าจ้องหน้าคอมพ์ ท่าทางงงๆ
“เอ๊ คุยกันอยู่ดีดี หายไปไหนละ”
โลลิต้าลุกขึ้นเดินครุ่นคิด “มันจะเป็นอย่างนั้นไปได้จริงๆ เหรอ”
กลางดึกคืนนั้น ภาพวาดอันสวยงามล้ำค่าประดับอยู่บนผนังถ้ำพันปี โดยที่หน้าถ้ำมีทหารเฝ้ายามอยู่ ชายชุดดำคนหนึ่ง สะพายเป้สนาม แอบย่องเข้ามาซุ่มรอ พอจังหวะที่ทหารยามเผลอก็แอบเข้าไปในถ้ำทันที
เช้าวันนี้ ทุกคนที่รวมตัวกันอยู่บริเวณโถงชั้นล่างของวัง ต่างทำหน้าตื่นตะลึง อ้าปากค้าง เป็นแถบ เมื่อเห็นขิงในชุดทอมบอยแจ๊คเก็ตหนังสีดำ ผมเรียบแปล้ ใส่รองเท้าผ้าใบ แถมไม่แต่งหน้าเหมือนทุกวัน เดินเข้ามาสมทบ
นายงงทักเป็นคนแรก “นี่มันอะไรกันน่ะขิง”
“ผีเข้ารึเปล่า พี่มีพระนะเอามั้ย” ฟินขัดหูขัดตา
“โธ่...จะตกอกตกใจทำไม ขิงก็แค่อยากแต่งตัวแบบนี้เท่านั้น” ขิงว่า
จีจี้งง “แล้วทำไมถึงอยากแต่งล่ะจ๊ะ พี่ว่าแต่งแบบเก่าสวยกว่าตั้งเยอะ”
“ไม่ล่ะฮะ แต่งแบบนี้สบายดีแล้ว”
ฟินหมั่นไส้ “อุ๊ยตาย ทำไมพูดจาฮะเฮอะเป็นทอมเชียว”
“พอเถอะขิง ผมบอกแล้วไงว่าไม่ต้อง” ไผทเสียงขุ่น
ขิงมองไผทเต็มตา พบว่าไผทท่าทางเดือดร้อนใจมาก
“แล้วนายจะมายุ่งกับรสนิยมเราทำไม หรือกลัวว่าเราจะหล่อเกินหน้านาย”
ทุกคนตะลึง
ไผทดุตาขวาง “ขิง! ไม่เอาน่า”
นายตัดบท “พอแล้ว ขิงพูดถูก เค้าจะทำอะไร แต่งตัวยังไงมันก็เรื่องของเค้า แนว แกเตรียมรถไว้รึยัง ชั้นจะไปดูถ้ำซักหน่อย ว่ามันเป็นยังไง ท่านธูลถึงได้กำชับนักหนาว่าให้ดูแลให้ดี”
แนวหน้าถอนใจ “เรียบร้อยแล้วครับ ไปกันได้เลย พี่จีจี้จะไปด้วยกันรึเปล่า”
นายหันไปมองแล้วเดินหนีออกไปทันที
จังหวะนี้ ราอูลวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา
“ทุกคน ไปพบท่านธูลด่วน ที่ถ้ำพันปี”
ทุกคนชะงัก ตกใจไปตามๆ กัน
ภาพวาดอันสวยงามล้ำค่าที่ผนังถ้ำ อายุราว 500 ปี ที่ปรากฏต่อหน้าทุกคน ถูกสาดด้วยสีเปื้อนเลอะเต็มไปหมด
ทุกคนมองตะลึง นิ่งอึ้งกันหมด ไม่เชื่อสายตาตัวเอง
ท่านธูล ราอูล โลลิต้า ชีฟอง ใบหน้าเศร้าหมอง โดยเฉพาะโลลิต้าทำท่าจะร้องไห้
“ใครกัน ที่ทำแบบนี้”
ท่านธูลเศร้า ก่อนจะเปลี่ยนโกรธเกรี้ยวมากๆ “ภาพเขียนผนังถ้ำอันศักดิ์สิทธิ์ของฮวาซาใต้ มันเป็นอย่างนี้ไปได้ยังไง”
ทีมงานทุกคนมองหน้ากันเลิกลักเพราะไม่รู้ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร
ทหารยามที่เข้าเวรเฝ้าถ้ำต่างผวา ท่าทางกลัวความผิด
“เมื่อเช้ากระหม่อมเข้ามาตรวจดูตามปกติ แต่พอมาถึงก็พบว่าผนังถ้ำเป็นแบบนี้แล้วพะยะค่ะ เลยรีบส่งคนไปเรียนท่านราอูลทันที” ทหารยามรายงาน
“พวกเจ้าเฝ้ายามกันยังไง” ราอูลถามเสียงเข้มเป็นเชิงตำหนิ
“ขออภัยขอรับท่านราอูล”
“แล้วก่อนหน้านี้มีใครเข้าออกที่นี่บ้าง”
“กระหม่อมไม่ได้เปิดให้ใครเข้ามาเลยพะยะค่ะ นอกจากทีมงานสารคดีจากประเทศไทยเท่านั้นพะย่ะค่ะ” ทหารยามรายงาน
ทีมงานทุกคนหน้าเหวอ แนวหน้ากลืนน้ำลายดังเอื้อก
ในเวลาเดียวกัน ที่มุมหนึ่งของวัง ฮวาซาเหนือ ทหารโค้งทำความเคารพ ชองปอล พร้อมกับรายงาน
“กระหม่อมจัดการเรียบร้อยทุกอย่างแล้วพะยะค่ะ”
“ดีมาก...งานนี้ไอ้กองถ่ายคนไทยพวกนั้นไม่รอดแน่”
ชองปอลยิ้มร้ายสาสมใจออกมา
อ่านต่อหน้า 4
น่ารัก ตอนที่ 10 (ต่อ)
เวลาเดียวกันนั้น ราอูลแตะสีที่ผนังถ้ำอย่างใคร่ครวญครุ่นคิด ทีมงานทุกคนเครียดหนักยิ่งขึ้น
แนวหน้าพยายามอธิบาย “แต่เมื่อวาน ตอนที่พวกกระหม่อมออกจากถ้ำ ภาพฝาผนังก็ยังปกติดีทุกอย่างนะพะย่ะค่ะ”
โลลิต้าเสริม “หญิงเป็นพยานได้เพคะท่านพ่อ เพราะหญิงก็อยู่ที่นี่กับทีมงาน”
ท่านธูลท้วง “แต่พ่อจำได้ว่าลูกหญิงกลับไปถึงวังก่อนไม่ใช่เหรอ”
โลลิต้าอึ้ง พยายามแก้ตัวให้ทีมงานสารคดี
“แต่หญิงเชื่อว่าพวกเค้าไม่ได้ทำเพคะท่านพ่อ”
ทุกคนหายใจโล่งอก
นายอธิบาย “ใช่ พะยะค่ะ พวกเราจะทำแบบนั้นทำไม ในเมื่อพวกเรายังต้องใช้ถ้ำเป็นสถานที่ถ่ายทำสารคดีที่เหลืออีก”
“เราก็ไม่ได้ปรักปรำว่าพวกท่านเป็นคนทำ เราแค่อยากสอบถามข้อมูล เพื่อจะหาตัวร้าย” ท่านธูลกล่าว
“ท่านธูลเพคะ แล้วอีกสองวันเป็นวันขึ้น 15 ค่ำ ชาวบ้านต้องเข้ามากราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในถ้ำกัน ถ้าพวกเค้าเห็นว่าภาพเขียนที่อยู่คู่บ้านคู่เมืองเรามานานถูกทำลายแบบนี้ พวกเค้าอาจจะตกใจ เสียขวัญ แล้วทำให้บ้านเมืองระส่ำระสายได้นะเพคะ” ชีฟองบอกอย่างเป็นกังวล
“ราอูล สั่งให้คนมาล้อมที่นี่ ห้ามใครเข้าออก ให้ประชาชนเข้าใจว่าเรากำลังบูรณะเพื่อเตรียมสำหรับงานในอีก 2 วันข้างหน้า แล้วรีบรวบรวมช่างเขียนฝีมือดีที่สุดมาซ่อมแซมภาพวาดโดยด่วน” ท่านธูลสั่งการ
“แต่ว่า...เวลานี้ช่างหลวงของเราป่วยหนัก เป็นมะเร็งปอด ส่วนอีกคนนึง ก็ถูกประเทศธิเบตยืมตัวไปฟื้นฟูพิพิธภัณฑ์ เหลือว่างอยู่เพียงคนเดียว จะซ่อมแซมรูปวาดพวกนี้ได้อย่างไร” ราอูลบอก
ท่านธูลกำหมัดแน่น โกรธจัด ทุกคนเงียบกริบ ไม่กล้าพูดอะไร
“ประกาศสิ หาคนมีฝีมือมา จัดเป็นภารกิจลับ ทำยังไงก็ได้ อย่าให้ประชาชนเสียขวัญ” ท่านธูลประกาศกร้าว
“พระหทัยเย็นๆ นะเพคะเสด็จพ่อ เราจะต้องทำได้ เราจะผ่านมันไปให้ได้เพคะ”
ท่านธูลรู้สึกตัว พยายามระงับสติ
“เราจะต้องตามจับคนร้ายให้ได้ ใครที่เป็นคนทำเรื่องเลวร้ายนี้ จะต้องได้รับโทษสูงสุด” ประมุขฮวาซาใต้หันมามองยังทีมกองถ่าย “แล้วถ้าเป็นความรับผิดชอบของพวกคุณ ขอให้รู้ว่าพวกคุณก็ต้องได้รับโทษอย่างสาสมเช่นกัน”
ท่านธูลเดินหุนหันออกไปโดยเร็ว โลลิต้าวิ่งตามไปพร้อมกับชีฟอง ราอูลมองผนังอีกทีอย่างพินิจพิจารณา
ทีมกองถ่ายกลืนน้ำลายลงคอ หวาดกลัว ทำอะไรไม่ถูก
ทุกคนกลับวังมา แนวหน้าทรุดตัวลงนั่งอย่างหมดแรง คนอื่นยืนบ้างนั่งบ้าง ซึมกระทืออยู่รอบๆ
“ทำยังไงกันดีล่ะเฮีย ทำไมมันถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น” แนวหน้าหารือ สีหน้าเครียดเป็นที่สุด
จีจี้เอ่ยขึ้น “แล้วถ้าเค้าจับคนร้ายไม่ได้ เราจะโดนลงโทษอะไรบ้างก็ไม่รู้ ขังคุก โบย เนรเทศ หรือ...”
แนวหน้าต่อให้ “ประหารชีวิต!”
ทุกคนตกใจ
“คิดสิ ช่วยกันคิด ว่าจะทำยังไงดี” ฟินร้อนรุ่มเป็นไฟ
“ผมตายไม่ได้นะพี่แนว ผมเป็นดารา เค้าคงไม่ฆ่าผมหรอก ใช่มั้ย” ไผทหวาดผวา
“ขิงว่ามันคงไม่เลวร้ายถึงขนาดนั้นหรอกมั้ง” ขิงปลอบ
“อีแนว แกเป็นคนไปดูโลเกชั่น แกต้องรับผิดชอบสิ ไปทำอะไรไว้บ้าง อย่าให้คนอื่นต้องเดือดร้อน” ฟินโวยวายลั่น
แนวหน้าเซ็ง “ก็ผมไม่ได้ทำอะไร ก็ไปดูอย่างปกติ แล้วมันผิดตรงไหน”
ฟินตะบึงตะบอน ค้อนควัก “ไม่รู้แหละ”
นายลุกยืนตัดบท “หยุด! เลิกเถียงกันได้แล้ว ไม่มีประโยชน์ เราต้องช่วยกันคิดสิ เอางี้ เดี๋ยวชั้นจะกลับไปที่ถ้ำนั่นอีกครั้ง จะพยายามสืบว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ส่วนแก แกไปตามหาเปอร์ตี”
แนวหน้านึกได้ “จริงด้วย เปอร์ตีมีลุงที่ทำอาหารห่วย แต่วาดรูปสวยสุดๆ ใช่มั้ยเฮีย”
“ใช่ บางทีลุงของเค้าอาจจะช่วยช่างหลวงได้บ้าง” นายว่า
“ไชโย พี่นายของผมเท่สุดๆ ฉลาดสุดๆ เรารอดแล้วเว้ย”
แนวหน้าดีใจกระโดดกอดนาย เหมือนตอนเป็นเด็กๆ แถมทำท่าจะหอมแก้มอีกด้วย แต่ถูกนายผลักหน้าไป
“พอเลย เราแยกย้ายกันไปเถอะ ก่อนที่จะทำอะไรไม่ทัน ขิงไปดูแลเตรียมรถให้พี่หน่อย”
“ค่ะ”
ขิงวิ่งออกไป นายจะเดินไปแล้วชะงัก เห็นสายตาชื่นชมของจีจี้มองมา แล้วรีบหลบตาเดินหนีไป แนวหน้าวิ่งเข้าห้อง ไผททำอะไรไม่ถูก เก้ๆ กังๆ เพราะเรื่องราวใหญ่โตถึงขั้นเอาชีวิตมาเสี่ยง
ฟินกับจีจี้เดินขึ้นบันไดจะกลับห้อง สองคนคุยกันมา จีจี้ครุ่นคิด
“ความจริงก็น่าสมน้ำหน้ามันเหมือนกันเนอะ อยู่ดีๆ ก็เกิดเรื่อง เผลอๆจะไม่ได้ทำงานต่อมั้งเนี่ย” ฟินคิดแค้น
จีจี้เสียงขุ่น “เจ๊ทำไมพูดอย่างนี้ล่ะ นี่มันบริษัทของหนูด้วยนะ เกิดอะไรขึ้นหนูก็ต้องรับผิดชอบด้วยสิ”
“อ้าว!! จะไปรับผิดชอบทำไม ก็เราไม่ได้ไปดูโลเกช่งโลเกชั่นด้วยซักหน่อย ใครทำใครก็รับไปสิ ทำงานชุ่ยกันเองแท้ๆ” ฟินพูดปัดให้พ้นตัว
“ไม่จริงหรอกเจ๊ เพวกเราเป็นทีมด้วยกัน ก็ต้องรับผิดชอบด้วยกัน ถ้าทีมงานต้องติดคุก เราสองคนก็ต้องติดคุกด้วย”
“ถ้างั้น ถ้าทีมงานถูกประหาร”
“เราสองคนก็ต้องถูกประหารด้วย” จีจี้บอก
ฟินกรี๊ด “ว้าย! ไม่เอา ชั้นไม่เกี่ยวนะ ชั้นกลับกรุงเทพฯ พรุ่งนี้เลยดีกว่า”
“ถ้าเราเป็นผู้ต้องสงสัย ท่านธูลคงไม่ยอมให้เราออกนอกประเทศแน่ๆ”
“แต่ชั้นไม่ได้ทำนะ ชั้นไม่ผิด ไม่เอ๊า ไม่ตัดหัว”
“งั้นเจ๊อยู่ที่นี่ก็แล้วกัน หนูต้องไปดูแลบริษัทของหนู”
จีจี้วิ่งลงบันไดไปเลย ฟินยังคงโวยวายบ่นบ้ากลัวโดนตัดหัวอยู่คนเดียว
ฝ่ายโลลิต้าเดินครุ่นคิดในห้อง ท่าทางเดือดเนื้อร้อนใจเป็นกังวล ในที่สุดก็ตัดสินใจ วิ่งเข้าห้องน้ำไป
นายเดินตรงมาที่รถจี๊ป จีจี้วิ่งตามมา นายชะงัก ถามเสียงขุ่น
“คุณจะทำอะไรของคุณ”
“ชั้นก็จะไปกับคุณไง”
“ไม่ต้อง ผมจัดการเองได้”
“แต่ชั้นจะไป คุณลืมไปแล้วเหรอว่าจีเอ็นเอ็น ก็เป็นบริษัทของชั้นด้วย”
นายย้อนเจ็บ “เหรอ จะตามไปดูรึไงว่าผมทำอะไรพลาดบ้าง จะได้คอยซ้ำเติม”
จีจี้โมโห “จะมากไปแล้วนะนายนาย ชั้นไม่ใช่คนเลวร้ายขนาดนั้นหรอก”
นายชะงัก รู้ว่าตัวเองรุนแรงเกินไป รู้สึกผิด
“ไม่ว่าคุณจะคิดยังไงกับชั้น บริษัทนี้ก็ยังเป็นของชั้นด้วย และชั้นก็ยินดีที่จะรับผิดชอบร่วมกับทุกคน”
จีจี้เปิดประตูเข้าไปนั่งในรถเลย นายถอนใจแล้วขึ้นตามไป
แนวหน้าเปิดประตูห้องออกมาพร้อมเป้ ท่าทางรีบร้อน แต่แล้วต้องชะงักกึกเมื่อเจอไผทกับเป้ใบใหญ่ยืนรออยู่หน้าห้องตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
“ผมไปด้วย”
“อะไรของนาย”
“ผมบอกว่าผมจะไปตามหาลุงของเปอร์ตีกับพี่แนวด้วย”
“ไม่ต้องหรอก ชั้นไปคนเดียวดีกว่า”
ไผทไม่ยอม “ยังไงผมก็ต้องไป ผมไม่อยากถูกตัดหัว ทั้งๆ ที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรแบบนี้หรอก”
“ไอ้บ้า! ไม่มีใครเค้าทำอะไรแบบนั้นหรอกน่า”
“แต่ยังไงผมก็อยากไป เห็นองค์หญิงทุกข์ใจขนาดนั้น ผมก็อยากจะช่วยอะไรท่านบ้าง”
แนวหน้าจี๊ด นึกหมั่นไส้ “จะไปเพราะความรัก ว่างั้นเถอะ”
ไผทยิ้มกว้าง “จะว่าอย่างนั้นก็ได้พี่”
“ตามใจ ถ้าลำบากแล้วอย่ามาบ่นนะ”
“มันก็คงไม่มากไปกว่าคราวที่แล้วหรอกนะพี่”
แนวหน้าเซ็ง มองอย่างเคืองขุ่นที่เดี๋ยวนี้ไผทเถียงคำไม่ตกฟาก สองหนุ่มออกเดินมาไม่กี่ก้าว แต่ต้องชะงัก เมื่อจังหวะนี้ร่างเล็กแบบบางของใครคนหนึ่ง ปรากฏตัวขึ้นในชุดเด็กผู้ชาย ท่าทางลับลมคมใน
“ขอเราไปด้วย”
ไผทมองงงๆ ใครคนนั้นดึงหมวกขึ้นเผยให้เห็นใบหน้าคุ้นตา
“องค์หญิง”
โลลิต้าเอานิ้วแตะปากไม่ให้เสียงดัง กลัวทหารได้ยิน
“อย่าเสียงดัง ให้หญิงเดินออกไปด้วยทหารจะได้ไม่สงสัย หญิงก็จะออกไปสืบหาคนทำลายภาพเขียนผนังของฮวาซาใต้เหมือนกัน”
ไผทยิ้มกว้างดีใจ โลลิต้าดึงหมวกหรุบลงปิดหน้าดังเดิม แล้วออกเดินนำไป
แนวหน้าทอดถอนใจอย่างแผ่วเบา ยืนมองทั้งสองคนที่เดินนำไป ก่อนจะเดินตามไปในที่สุด
อ่านต่อตอนที่ 11