น่ารัก ตอนที่ 3
จีจี้เดินปึงปังออกจากห้องนาย ด้วยความโมโหสุดขีด เดินมาสักครู่ก็หยุดหันไปมองด้านหลังบ่นพึมพำอย่างโกรธแค้น
“อยากมีเรื่องกับชั้นใช่มั้ย...ด้าย...”
จีจี้ฮึดฮัดทำท่าจะเปิดห้องตัวเองเข้าไป แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ เดินหุนหันออกไปอีกทาง
ส่วนในห้องนายเดินไปเดินมา ไม่แน่ใจว่าจะออกมาง้อจีจี้ดีมั้ย ทำท่าจะเดินออกมาแล้วหักใจ
“ดึกขนาดนี้แล้วคงไปไหนไม่ได้หรอกน่า”
นายตัดใจ ล้มตัวลงนอนข้างแนวหน้าที่ยังคงกรนสบายใจ แถมยังพลิกมากอดอีก นายผลักเต็มแรง
ภาพละครทีวี “อยากหยุดตะวันไว้ที่ตรงนั้น” ดำเนินมาถึงตอนที่ เจ้าหญิงนภัสสรซึ่งซ่อนตัวอยู่ในบังกะโลแห่งหนึ่ง ถูกราเชนทร์ล็อกตัวไว้โดยมีศารทูลกดมือทำท่าจะตัดนิ้ว นภัสสรกรีดร้อง อ้อนวอนด้วยความหวาดกลัว
“อย่านะนายพลศารทูล อย่าทำฉัน ฉันไม่รู้เรื่อง ฉันไม่รู้เรื่องจริงๆ”
ศารทูลปักมีดลงบนโต๊ะปัง นภัสสรกลัวจับใจจนร้องไห้ออกมา
“อย่า”
ศารทูลจะตัดนิ้วนภัสสรอยู่แล้ว ทันใดนั้นเองก็ได้ยินเสียงเหมือนระเบิดดังขึ้นที่ด้านนอก ไฟในบังกะโลก็ดับลงทันที
จากนั้นก็มีเสียงคนร้องตะโกนโวยวายว่า “ระเบิดๆ”
ศารทูลปล่อยมือจากนภัสสร “เกิดอะไรขึ้น”
“เหมือนว่ามีระเบิดนะครับ” ราเชนทร์บอก
“เฝ้าไว้ อย่าให้ใครเข้ามาได้ ฉันจะไปดูเอง”
นายพลศารทูลออกไป นภัสสรกลัวไม่หาย กุมมือตัวเองไว้ แล้วขยับไปชิดขอบเตียงอย่างหวาดกลัว
ขณะที่นภัสสรนั่งระทึกขวัญอยู่บนเตียงนั้น พอได้ยินเสียงคนไขประตูเข้ามาก็ยิ่งหวาดกลัวมากขึ้นไปอีก องค์หญิงห่อตัว
น้ำเชี่ยวก้าวเข้ามา ยืนเห็นเป็นเงาดำ นภัสสรหรี่ตามอง ไม่รู้ว่าเป็นใคร
น้ำเชี่ยวค่อยๆ เดินเข้ามาหา “องค์หญิง”
นภัสสรจำเสียงนั้นได้ ดีใจจนกลั้นน้ำตาไม่อยู่ ปรับสายตากับแสงจากด้านนอกได้ เห็นน้ำเชี่ยวเดินเข้ามา
“คุณน้ำเชี่ยว” นภัสสรโผเข้ากอดน้ำเชี่ยว เช่นเดียวกับน้ำเชี่ยวก็กอดองค์หญิงเต็มรัก ต่างคนต่างน้ำตาคลอดด้วยความดีใจ
สักครู่หนึ่งน้ำเชี่ยวดึงตัวนภัสสรออกมา ค่อยๆ เช็ดน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน
“พวกมันไม่ได้ทำอะไรคุณใช่ไหม”
นภัสสรส่ายหน้า “ฉันไม่เป็นอะไรค่ะ คุณน้ำเชี่ยว ฉันดีใจจริงๆ ที่ได้เจอคุณอีก”
น้ำเชี่ยวยิ้มปลอบ “คุณต้องได้เจอผมสิครับ เพราะไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน ผมก็จะต้องหาคุณให้พบ อย่าลืมสิว่าผมเป็นบอดี้การ์ดของคุณ”
นภัสสรจับมือน้ำเชี่ยวขึ้นมาบีบเบาๆ “ขอบคุณนะคะ ที่คุณไม่ทิ้งฉัน”
น้ำเชี่ยวทรุดตัวลงนั่งชันเข่าถวายความเคารพ แล้วจูบมือนภัสสรนิ่งนาน ก่อนจะเงยหน้าสบตา
“ผมไม่มีวันทิ้งคุณ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม”
น้ำเชี่ยวลูบหลังปลอบขวัญ นภัสสรซึ้งใจ ทรุดตัวลงนั่งกอดน้ำเชี่ยวไว้แน่น
ภาพละคร “อยากหยุดตะวันไว้ที่ตรงนั้น” จบลงตรงนี้ และภาพเหล่านั้นปรากฏในจอทีวีรุ่นเก่าสิบห้านิ้วภายในห้องโถงพระราชวัง ฮวาซาใต้ พร้อมเสียงสาวๆ นางกำนัลนับสิบ ร้องกรี๊ดเบาๆ อย่างชื่นชม ตามด้วยเสียงปรบมือลั่นทั่วโถง
บรรดาเหล่าสาวรับใช้ในวัง ตบมือ มีชีฟองตบมืออย่างคลั่งไคล้ เจ้าหญิงโลลิต้าดูจะเคลิบเคลิ้มมากกว่าใครอื่น
ราอูลตบมือตามอย่างชื่นชมออกหน้าออกตา ท่านธูลมองราอูลงงๆ แต่พอถูกโลลิต้ามองตาขวาง ก็เลยต้องจำใจตบมือ ตามไปด้วย
จีจี้กำลังเดินมองหาคนอยู่เพื่อถามทาง ได้ยินเสียงปรบมือแว่วมาเลยชะงักหยุด แล้วลองเดินไปตามเสียงนั้น จนถึงหน้าประตูห้องใหญ่
จีจี้มองผ่านประตูทางเข้าโถงพระราชวังเข้าไป เห็นกลุ่มคนกำลังรุมล้อมอยู่หน้าจอโทรทัศน์สิบห้านิ้ว มี องค์หญิงโลลิต้ายิ้มหน้าบาน เช็ดน้ำตาด้วยความซาบซึ้ง ก่อนเอ่ยขึ้น
“นี่ละ เพคะ นายน้ำเชี่ยว สุภาพบุรุษที่หญิงมั่นใจว่าจะทำให้ทุกประเทศแถบภูมิภาค เอเชียตะวันออกเฉียงใต้หันมาสนใจประเทศเล็กๆ อย่าง ฮวาซาใต้ของเราได้”
ท่านธูลครุ่นคิด “ก็จริงนะลูก เขาเป็นคนที่ใครเห็นหน้าแล้วก็ต้องเชื่อทันที ว่าช่างเป็นคนดีจริงๆ”
ราอูลเสริม “จริงอย่างท่านประธานรับสั่ง ผู้ชายอะไรทั้งหล่อทั้งมีเสน่ห์ กระหม่อมยังอดหลงรักไม่ได้เลย”
“นี่ชีฟองกับองค์หญิงก็ดูกันรอบที่สิบสามก็ยังลุ้นตาม และใจเต้นอยู่เสมอเลยเพคะ ยิ่งตอนที่เค้าตามมาช่วยแล้วกอดองค์หญิงเอาไว้...”
ชีฟองหันไปทางองค์หญิงโลลิต้า แล้วกรี๊ดพร้อมกัน “แอร๊ยยย...”
ท่านธูลปราม “เบาหน่อยเถอะชีฟอง...ลูกหญิง...นี่ลูกหญิงเปิดผ่านจานดาวเทียมที่เพิ่งเอามาติดนั่นใช่ไหม”
“ใช่เพคะ ชัดแจ๋วเชียว...ที่จริงเราควรจะติดจานดาวเทียมนี่ตั้งนานแล้ว แต่ไม่เป็นไร ติดแล้ว คราวนี้พวกเราที่วังจะได้ดูคุณน้ำเชี่ยวกันทุกวันเลย”
ด้านจีจี้ดูอยู่ขมวดคิ้ว พึมพำ “น้ำเชี่ยว” แล้วนึกได้ “ไผท!”
ทุกคนเห็นด้วยกับองค์หญิงจอมแก่น ต่างอยู่ในอาการปลาบปลื้ม จีจี้โผล่แทรกเข้ามากลางวงในจังหวะนี้
“ใช่แล้วเพคะ องค์หญิงช่างมีสายพระเนตรยาวไกลและแหลมคมยิ่ง ที่เลือกคนอย่างไผท เอ้ย น้ำเชี่ยว ให้มาร่วมงานชิ้นสำคัญยิ่งของฮวาซาในครั้งนี้”
ทุกคนหันไปมองจีจี้อย่างตกใจปนงง ราอูลเกือบจะชักปืนออกมาแต่ชะงักไว้ทัน
“คุณจีจี้...ยังไม่นอนอีกเหรอคะ” โลลิต้าถามงงๆ
จีจี้พูดเพ้อต่อ “แล้วจีจี้ขอทูลให้องค์หญิง และท่านประธานฟังไว้ตรงนี้เลยนะเพคะว่า ในเวลานี้นายน้ำเชี่ยวได้ตอบตกลงยินดี มาร่วมงานชิ้นนี้กับจีจี้แล้ว”
ทุกคนในห้องต่างฮือฮาทั้งแถบ โลลิต้าถึงกับลุกขึ้นอย่างลืมตัว
“อะไรนะคะ”
“องค์หญิงได้ยินถูกต้องแล้วเพคะ นายน้ำเชี่ยวตกลงใจที่จะมาที่ฮวาซาใต้นี่ และมีเพียงจีจี้คนเดียวเท่านั้น ที่จะไปพาตัวเค้ามาได้ ทุกคนไม่ต้องห่วงนะคะ จีจี้ขออาสาทำงานชิ้นนี้สุดชีวิต เพื่อฮวาซาและทุกคน”
ทุกคนอึ้ง ตะลึงมองจีจี้เป็นตาเดียว ชีฟองนำตบมือ ทุกคนตบตามกันเกรียว ท่านธูล โลลิต้า ยิ้มพอใจเป็นที่สุด โดยเฉพาะองค์หญิงโลลิต้าตาเป็นประกายเจิดจ้า ปิดความดีใจไม่มิด
ตอนเช้าวันรุ่งขึ้น จีจี้เดินคุยมากับโลลิต้า ชีฟองตามมา มีนางในวังหิ้วกระเป๋าจีจี้ออกมาส่งให้ทหารที่จอดรถรออยู่ด้านหน้า
“นี่คุณจีจี้จะไปรับตัวคุณไผทมาเลยหรือคะ” ชีฟองถามอย่างตื่นเต้น
“ถูกต้องค่ะจีจี้เป็นคนจริงจัง เอาการเอางาน คำไหนคำนั้น...ยิ่งงานที่ต้องเอาชนะ...เอ๊ย งานที่ต้องทำให้ดีๆ มีคุณภาพอย่างนี้จีจี้ต้องรีบ...เอ่อ...เริ่มดำเนินงานตั้งแต่เนิ่นๆ น่ะค่ะ”
โลลิต้ามองจีจี้งงๆ
“ดีจัง” ชีฟองตื่นเต้นฝุดๆ หันไปหาองค์หญิงโลลิต้า “เราจะได้เจอคุณน้ำเชี่ยวแล้วนะเพคะ องค์หญิง”
โลลิต้าทำเป็นปราม ทั้งที่ใจเต้นโครมคราม บีบมือตัวเองข่มไว้ “หญิงรู้แล้ว” เผลอยิ้มกับตัวเองอย่างเอียงอาย
จีจี้มองอาการทั้งสองแล้วยิ้มกริ่มพอใจ
โลลิต้านึกได้ “แล้วที่คุณจีจี้ ว่าจะมีเรื่องสำคัญจะบอกหญิงก่อนไปละคะ มันคืออะไร”
“อ๋อ...คืออย่างนี้เพคะองค์หญิง อันที่หนึ่งจีจี้ขอบอกเอาไว้ตรงนี้เลยว่า งานสารคดีขององค์หญิงชิ้นนี้จีจี้ขอรับเอามาทำด้วยตัวของจีจี้เองเท่านั้นจะไม่เกี่ยวกับสองพี่น้องจอมกะล่อน นายนาย หรือ แนวหน้า นั่นอีกต่อไป”
โลลิต้าแปลกใจ “อะไรนะคุณจีจี้”
“องค์หญิงเข้าใจถูกแล้วเพคะ จีจี้กับนายสองคนนั้น เราเลิก เอ๊ย..แยกกันเดินแล้ว นับจากนี้เป็นต้นไป”
ชีฟองงง “เกิดอะไรขึ้นหรือคะ เมื่อวานก็ยังดีๆ กันอยู่เลยไม่ใช่เหรอ”
จีจี้ทำเป็นถอนใจหนักหน่วง “เรื่องมันยาวค่ะ แต่เอาสั้นๆ ตรงนี้ ก็คือ...” เหลียวมองรอบๆ “เชิญเสด็จมานี่หน่อยเพคะ” ลากแขนโลลิต้ามาแล้วกระซิบ “อันที่จริงก็ไม่อยากจะพูดเพราะไม่ใช่เรื่องของจี้ แต่ก็เป็นห่วงองค์หญิงก็เลยต้องกราบทูล...”
ชีฟองตามมา สีหน้าระแวง “มีเรื่องอะไรเกี่ยวกับคุณ 2 คนนั้นหรือคะ”
“มีค่ะ” จีจี้พยักหน้า จริงจัง พูดเสียงเบา “สองคนนั้นเค้าเป็นพวก...วิกลจริตจิตบกพร่องค่ะ”
ชีฟองตกใจ “วิกลจริต!”
โลลิต้าพึมพำเบาๆ “จิตบกพร่อง!!”
จีจี้พยักหน้าอย่างแน่วแน่มั่นคง ชีฟองกับโลลิต้าตกตะลึงทั้งคู่
เช้าเวลาเดียวกัน นายเปิดประตูห้องจีจี้ออกมาหาแนวหน้าที่ยืนรออยู่
“เป็นไงเฮีย”
“ไม่อยู่ว่ะ เค้าไปไหนของเค้า”
“ไปไหนของเค้านะ ผมหิวแล้วด้วย”
นายมองน้องชายอย่างรำคาญ
“แกลองไปดูทางโน้นซิ เดี๋ยวชั้นจะลองดูไปดูในสนามด้านหลังเอง”
นายกับแนวหน้าแยกย้ายกันไปคนละทาง แนวหน้ายังมีท่าทางเมาค้างอยู่
ที่ลานหน้าพระราชวัง จีจี้จัดหนัก ใส่ร้ายสองหนุ่มกับ โลลิต้า ชีฟอง อย่างเมามันส์
“ใช่แล้วเพคะ อีตานายนายน่ะ เป็นพวกชอบพูดจาน้ำท่วมทุ่งผักบุ้งโหรงเหรง เอาเข้าจริงก็ทำอะไรไม่เคยได้ซักอย่างและที่สำคัญ” จีจี้ป้องปาก พูดใกล้หู “อีตานี่เป็นพวกโรคจิต ชอบรังแก กลั่นแกล้ง ข่มขู่ผู้หญิงตลอดเลยเพคะ”
โลลิต้าและชีฟองมีสีหน้ารังเกียจขึ้นมาทันที
“ส่วนนายแนวหน้า น้องชายของนายนายนั่นก็ไม่ดีไปกว่าพี่ชายเท่าไหร่ นายคนนี้เห็นใครดีเด่นกว่าตัวเองไม่ได้ โดยเฉพาะกับไผท เอ่อ...น้ำเชี่ยวนั่นล่ะค่ะ แนวหน้าเกลียดยิ่งกว่าอะไร ถ้ามีโอกาสลงมือกลั่นแกล้งอะไรน้ำเชี่ยวได้คงทำไปแล้ว”
ชีฟองอึ้ง “จริงหรือคะ”
จีจี้ยืนยันขันแข็ง “ก็จริงน่ะสิคะ ไม่สังเกตหรือคะเมื่อวานองค์หญิงบอกว่าต้องการให้ไผทมาเป็นพิธีกรร่วมถึงได้หน้าเสียเลย คือว่าเมื่อก่อนเนี่ย เค้าเคยแย่งแฟนกันมาก่อน แล้วไผทได้ไป แนวหน้าพ่ายรัก ก็เลยคิดอาฆาตไผทมาตลอด พูดตรงๆ นะคะ จีจี้ว่า พี่น้อง 2 คนเนี่ยเป็นคนชอบแย่งชิงของของคนอื่นเพคะ”
โลลิต้าชะงัก นึกไปถึงภาพเหตุการณ์วันที่เจอแนวหน้าครั้งแรกในหมู่บ้านเชิงเขา
โลลิต้าหันไปเห็น แนวหน้าคว้ายื้อไว้ได้พอดี โลลิต้าดันหน้าเขาออก แต่แนวหน้าไม่ยอมยื้อๆดึงๆ จนปิ่นปักผมของโลลิต้าหล่น ผมโลลิต้าผมลุ่ยลงมา
โลลิต้าตาลุกวาวเชื่อสนิทใจ พึมพำกับตัวเอง เบาๆ “เป็นอย่างนี้นี่เอง!” แล้วหันมาทางจีจี้ “ขอโทษนะคะ แล้วตอนนี้คุณน้ำเชี่ยวยังเป็นแฟนกับ...ผู้หญิงคนนั้นอยู่รึเปล่าคะ”
จีจี้รีบปฏิเสธลั่น “โอ๊ยๆๆ ไม่เพคะๆ มันเรื่องสมัยเก่า หลายปีผ่านมาแล้ว ทุกวันนี้ ไผท ยังเป็น...โสดร้อยเปอร์เซ็นต์เพคะ”
โลลิต้าผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก
“ความจริง จีจี้ถูกบีบบังคับไม่ให้บอกเรื่องนี้กับใครเพคะ พวกเค้าข่มขู่จะทำร้ายจี้ แต่จีจี้ไม่ไหวแล้วจริงๆ เพคะ” จีจี้สำทับด้วยการทำเป็นหวาดผวา
โลลิต้าครุ่นคิดตัดสินใจ
“ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะคุณจีจี้ หญิงจะช่วยคุณเอง” จีจี้ลุ้นระทึก “หญิงจะไม่ให้ผู้ชาย 2 คนนั้นเข้ามายุ่งกับสารคดีชิ้นนี้เป็นอันขาด คุณสบายใจเถอะค่ะ”
โลลิต้าบอกอย่างมุ่งมั่น จีจี้ตาเป็นประกาย ดีใจมาก
อีกฟากหนึ่ง นายเดินมองหาจีจี้อย่างร้อนใจ เข้ามาในอุทยาน โดยไม่สำนึก
“จีจี้...จีจี้...คุณอยู่ไหนน่ะ...จีจี้”
ฟากแนวหน้าชะเง้อชะแง้มองหาจีจี้มาตามทางเดินแปลกๆ
“พี่จี้...จีจี้...อีเจ๊...อยู่ไหน”
ท่านธูลอยู่ในห้องทรงสำราญส่วนพระองค์ ถึงกับหันขวับ เมื่อได้ฟังเรื่องจากปากโลลิต้าที่เล่าจบไป และยืนอยู่ใกล้ๆ
“อะไรนะ หน้าตาก็ดูดีมีชาติตระกูลทำไมถึงเป็นอย่างนั้นไปได้”
“แต่คุณจีจี้เค้ายืนยันว่าจริงนะคะ เค้าบอกเลิกกับนายนายแล้วก็รีบมาเตือนเราให้รู้ตัวไว้ก่อนจะรีบไปรับคุณน้ำเชี่ยว ...เอ้ย...ไผท”
“ไม่น่าเชื่อเลย”
“แต่ลูกเชื่อนะเพคะ ลูกคิดว่าอีตาแนวหน้านั่นไม่ใช่คนดีนักหรอก”
ท่านธูลครุ่นคิด ตัดสินใจบางประการ
ส่วนนายกับแนวหน้าเดินมาเจอกันบริเวณหนึ่งในวังหลวง
“ไม่เห็นมีเลย หาจนทั่วแล้ว นี่เจ๊แกหนีกลับกรุงเทพฯ แล้วมั้ง”
“เป็นไปไม่ได้...ยังไงๆ เค้าก็น่าจะบอกเราก่อนสิ”
“ถ้างั้น...สงสัยเจ๊แกคง ไปสปา ซาลอน อะไรแถวๆ นี้มั้ง”
“ไอ้บ้า ที่นี่มันฮวาซานะเว้ย แอร์ไม่มี โทรศัพท์ไม่ใช้ ไฟหมดสองทุ่ม..คงมีสปาให้ไปหรอก”
“มันกะบ่แน่ดอกนาย” แนวหน้าหันไปเจอบางอย่างเข้า “เป๊ะเว่อร์...ไม่ทันขาดคำเลย...นั่นสิ”
แนวหน้าหันไปเจอเรือนเล็กๆ หลังหนึ่งมีสาวรับใช้ชาววังในชุดคล้ายสาวสปาเมืองไทย เดินเข้าเดินออก
“มันมีเค้านะเฮีย”
นายพยักหน้า แล้วเดินเตร่เข้าไปใกล้ โดยไม่รู้ว่าบริเวณนี้ เป็นเขตหวงห้าม เพราะเป็นที่พักของสาวรับใช้ชาววัง
ทั้งสองเดินผ่านเข้าไป โดยไม่เห็นป้ายสัญลักษณ์ “ห้ามผู้ชายเข้า” ติดไว้ ที่ดงต้นไม้แถวนั้น
ที่หน้าเรือน บรรดาสาวรับใช้เดินออกมาคุยกันจ้อ บางคนบ่นท่าทางคล้ายเมื่อยไหล่ เพื่อนคนที่มาด้วยเอามือนวดให้ ทั้งคู่เดินกลับไปอีกทางโดยไม่ทันเห็นนายกับแนวหน้า
“เห็นมั้ยไม่เชื่อไอ้แนว ฟันธงโชะได้เลย เปิดเข้าไปปุ๊บนะ เจ๊คงจะกำลังนอนหราให้นวดอยู่เลย”
“เอ้อ...งั้นปล่อยไว้นี่ละดีแล้ว” นายจะเดินกลับ
“อ้าว แล้วมาตามหาทำไมเนี่ย”
“ก็...เห็นหายไปทั้งคนทั้งของ ก็นึกว่าจะหนี...” นายรีบหยุดพูดก่อน
“หา หายทั้งคนทั้งของ..แปลว่า..อะไร” แนวหน้าทะแม่งๆ
“เอาเหอะ ไปๆ...” นายตัดบท แล้วเดินกลับ
แนวหน้าคว้าดึงตัวไว้ “ไม่ได้...มาแล้วก็ดูให้เห็นก่อนซิ ว่าอยู่แน่รึเปล่า” พร้อมกับลากนายไปทางประตูทางเข้า
“ไม่...กลับ”
“ไม่ได้...ต้องดูให้แน่ใจ”
“เฮ้ยปล่อย จะกลับ”
“ไม่กลับ ต้องดู ไม่เสียฟอร์มหรอกน่า”
แนวหน้ากับนาย ยื้อยุดฉุดลากกันไปมาตรงหน้าประตู พลันประตูห้องเปิดผลัวะออกจนสองหนุ่มเสียหลักหลุดเข้าไปในห้อง ล้มหงายอยู่ที่พื้น
โดยในห้องเจอสาว 2-3 คน กำลังเปลี่ยนเสื้ออยู่ สองคนตาถลนเบิกกว้าง อึ้ง ตะลึงงัน
บรรดาสาวรับใช้ ที่กำลังเปลี่ยนชุดกันอยู่หันมามองอึ้งไม่ต่างกัน
นายกะแนวหน้าอุทานพร้อมกัน “ว้าย”
สาวรับใช้ได้สติกรี๊ดพร้อมกัน “แอร๊ยย...ว้าย”
บรรดาสาวๆ เอาเสื้อผ้า ของใช้ในมือขว้างปานายกับแนวหน้าทันที
โลลิต้าเดินอยู่กับชีฟองในอุทยาน ได้ยินเสียงร้องกรี๊ดแว่วมา โลลิต้าชะงัก
“เสียงอะไรน่า” ชีฟองชะเง้อดู
โลลิต้ารีบเดินนำไปทันที ชีฟองวิ่งตาม
นายกับแนวหน้าเผ่นออกมาหน้าเรือนสาวรับใช้ สภาพดูไม่จืด สองหนุ่มหนีกระเซอะกระเซิง บรรดาสาวใช้ขว้างปาข้าวของวิ่งตามออกมา กรี๊ดกร๊าด
“ไอ้บ้า โรคจิต”
“เปล่านะ ผมเปล่า” แนวหน้าปฏิเสธ
“ขอโทษครับ ขอโทษ” นายขอโทษ
แนวหน้าเสียหลักล้มลง นายลากคอขึ้นมาแล้ววิ่งหนี
แนวหน้าชนเข้าเต็มแรงกับโลลิต้าที่วิ่งเข้ามา โลลิต้ากระเด็น ชีฟองประคองไว้ทัน
“องค์หญิง!”
“นี่มันอะไรกัน”
ทุกอย่างเงียบสนิท สาวใช้รีบถอนสายบัว นายกับแนวหน้ายังตกใจไม่หาย โลลิต้าเพิ่งเห็นว่าเป็นนายกับแนวเต็มๆ ตา
“นี่นาย 2 คนเองน่ะเหรอ”
นายกับแนวหน้ายิ้มแหยๆ ชีฟองกับโลลิต้ามองทั้ง 2 คนอย่างชิงชังรังเกียจ
นายกับแนวหน้าถูกทหารวังโยนบกลงกับพื้นลานหน้าวังหลวง สองหนุ่มล้มกลิ้งโค่โล่
“โอ๊ย” นายเจ็บพยายามอธิบาย “ท่านประธานครับ องค์หญิง มันเป็นเรื่องเข้าใจกันผิดแล้วนะครับ”
ราอูลตวาด “เงียบ”
ท่านธูลถาม “คุณสองคนเข้าไปในเขตที่พักผู้หญิงทำไม”
“ก็เราไม่รู้ไงพะย่ะค่ะ ไม่รู้จริงๆ ถ้ารู้..แล้วจะเข้าไปเหรอ” แนวหน้าเซ็งโครตๆ
“ไม่รู้ได้ยังไง ผู้หญิงก็เดินกันให้เห็นๆ อยู่แล้ว ป้ายห้ามก็มีบอก ใช่มั้ย” ราอูลย้อนแย้ง
แนวหน้าบ่นงึมงำเบาๆ “เอ่อ..ก็ใช่พะย่ะค่ะ แต่เรานึกว่า มันเป็นที่นวด”
ทุกคนตาค้าง ชีฟองร้องอุทานเสียงขุ่น “ที่นวด!”
นายหันมองดุใส่แนวหน้า ว่าให้เงียบ หุบปากก่อน แล้วหันไปอธิบายตะกุกตะกัก “คือว่า...ก็คือ...เราสองคนแค่จะไปตามหา...”
ราอูลขัด “...หาที่นวด แล้วก็เลยเข้าไปในเขตสตรีงั้นเหรอ”
โลลิต้าส่ายหน้าอย่างรังเกียจ แม้แต่ท่านธูลก็ส่ายหัว
“คือ” นายรีบจะแก้ตัว ชี้ไปที่แนวหน้า “ไอ้นี่มันคิดว่า...คือมันหิวมากพะยะค่ะ ก็เลยจะรีบไปหา...”
ท่านธูลตัดบท “เอาละ พอๆ พอแล้วๆ ไม่ต้องพูดอะไรอีกต่อไปแล้ว”
“ขอบพระทัยท่านประธาน ท่านเข้าใจพวกเราแล้วใช่มั้ยพะยะค่ะ...คือเมื่อคืนกระหม่อมเมามากก็เลย...”
ท่านธูลตัดรำคาญ “พอกันทีนับจากนี้ไป พวกคุณทั้งสองไม่ต้องทำอะไรที่นี่อีกแล้ว งานสารคดีของเราเรามอบหมายให้คุณจีจี้ไปดำเนินการแต่ผู้เดียวแล้ว”
นายตาเหลือก “หา”
แนวหน้าตกใจ “อะไรนะ!”
ท่านธูลหันไปทางทหารวัง บรรดาทหารวังลากกระเป๋าสัมภาระทั้งหมดของนายและแนวหน้า มาวางตรงหน้าทั้งสองหนุ่ม
“ท่านทั้งสองออกไปจากที่นี่ได้แล้ว ขอให้โชคดี”
ท่านธูลหันเดินกลับเข้าในวังทันที โลลิต้าหันมาทำหน้าเบะใส่แนวหน้าก่อนจะเดินตามไปกับชีฟอง
“ท่านเดี๋ยวสิ นี่มันอะไรกัน...เกิดอะไรขึ้นท่าน ก็เราตกลงกันแล้วว่า...”
ราอูลขึ้นเสียง “หยุด พอได้แล้ว เงียบ!”
นายไม่ยอม “จะเงียบได้ยังไง สารคดีชิ้นนี้ต้องเป็นผมกับแนวหน้าสิ จีจี้ทำไม่ได้นะองค์หญิง เราสองคนคือมือวางอันดับหนึ่งนะ ผมรับรองทำสุดฝีมือเต็มที่...องค์หญิง”
โลลิต้าไม่สนใจ เดินลิ่วไป ชีฟองตาม
นายพยายามจะโผตามไปอธิบาย แต่โดนทหารวังดึงรวบตัวไปทั้งคู่
อ่านต่อหน้า 2
น่ารัก ตอนที่ 3 (ต่อ)
รถที่จอดอยู่ตรงทางสามแพร่ง ขับทะยานออกไป พอฝุ่นจางจึงเห็นนายกับแนวหน้าและกระเป๋าถูกทิ้งอยู่ข้างทาง ทั้งคู่มองรอบตัวงงๆ ทำอะไรไม่ถูก
“มันเป็นอย่างนี้ได้ยังไง..สารคดีความหวังชิ้นประวัติศาสตร์ของไอ้นาย ที่จะเอามาช่วยกู้ชื่อบริษัทจีเอ็นเอ็น ให้กลับมาผงาดอีกครั้ง อะไรวะ” นายโกรธจัด อาละวาด เตะหญ้า เตะลมแล้ง หันไป
“ไม่ง้อโว้ยไป..พี่นาย..เรากลับไปถ่ายสารคดีชีวิตหอยโข่ง กับสัปเหร่อป่าช้าวัดดอนยังดีกว่ามา ถ่ายซุปตาร์เสี่ยวๆ อย่างไอ้ไผท กับเจ้าหญิงนักเลง แนวไม่ไหว..บ่องตง”
นายฮึดฮัด แล้วหยุด เหมือนคิดได้ “ป่านนี้ยายจีจี้ตัวแสบจะถึงกรุงเทพฯ รึยังนะ”
“เราก็ควรจะกลับกันบ้าง จะอยู่ไปทำไม”
แนวหน้าแบกข้าวของขึ้น แล้วหงายหลังเพราะนายกระชากไว้จนหวิดหงายเงิบ
“เราจะกลับไม่ได้”
“อูยๆ...อ้าว ก็แล้วจะอยู่ทำไม ก็เขาไล่แล้ว กลับซิเฮีย..เจ๊ยังกลับเลย”
“ยายนั่นคงกลับไปเอาทีมงานกับพาตัวไผทมาแน่” นายครุ่นคิด แล้วค่อยๆ คลี่ยิ้มออกมา “ดีสิ เราก็รออยู่ที่นี่ คอยชุบมือเปิบ...ยังไงเราก็ต้องได้งานชิ้นนี้แน่นอน”
นายพูดด้วยหน้าตาเจ้าเล่ห์มาก แนวหน้ามองจ้องพี่ชายว่าอะไรของมันอีก
ขณะเดียวกันที่สนามบินเล็กๆ บริเวณชายแดนพม่า จีจี้กำลังเดินขึ้นเครื่องบิน และพูดโทรศัพท์ไปด้วย
“เฮ้ยฟิน...เดี๋ยวก่อน แกอย่าเพิ่งวางหู ชั้นอยากถามอะไรแกนิดเดียว...เย็นนี้แกอยู่ที่ไหน...เออน่าอย่าถามมาก...โอเค แล้วเดี๋ยวชั้นจะไปตามหาแก...รอด้วยแล้วกัน”
จีจี้วางสาย หน้าตามุ่งมั่นสะใจอย่างแรง แล้วเดินขึ้นเครื่องบินไป
ไม่นานต่อมา สองหนุ่มกำลังแบกสัมภาระเดินดุ่มๆ มาตามเนินเขาทางเข้า ฮวาซาใต้ นายเดินนำหน้า
สองพี่น้องเดินย้อนขึ้นเนินไปเรื่อยๆ หน้าเมื่อย เหนื่อยล้า เหงื่อกาฬฉ่ำย้อย เดินอยู่กลางถนน
“โอ๊ย...ขาจะหลุด...ผมว่าเฮียเปลี่ยนใจเหอะ เมืองนี้มันจะมีโรงแรมอะไรให้เรานอน...กลับกรุงเทพฯ กันเถอะ”
“แกอย่ามาทำสำออยตอนนี้...เดินไปอย่าพูดมาก”
“อุวะ...ก็มันเดินไม่ไหวนี่ เฮียลืมไปแล้วเหรอว่า ผมกำลังแฮ้งค์อยู่ หิวก็หิว ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยตั้งแต่เช้า...โอ๊ย..ไม่ไหวแล้วเว้ย”
แนวหน้าล้มตัว นอนลง ขวางทาง
“เฮ้ยไอ้บ้า..เล่นนอนซะกลางถนน เดี๋ยวรถก็แล่นมาทับหัวแบะหรอก”
“รถทับ!” แนวหน้าขำก๊าก “ประเทศนี้มันจะมีรถซักกี่คัน ครับเฮีย!! มีแต่เกวียนล่ะไม่ว่า” ว่าแล้วก็นอนแผ่หลาเต็มถนนกางแขนขาเหมือนปลาดาว “หิวเว้ย!”
ทันใดนั้นเอง รถบรรทุกเล็กคันหนึ่งโผล่พ้นเนินมาราวกับปีศาจ ไหล่แค่ไม่ถึง 10 เมตร แล่นฝุ่นคลุ้งตลบตรงมาลิ่วๆ
“เฮ้ย ร…รถมา” นายตาเหลือก
“ดี งั้นก็โบกเลยสิเฮีย” แนวหน้าลุกขึ้นแล้วถึงหันมาเห็นรถพุ่งมาหาอย่างเร็ว “ย้าก...”
เสียงบีบแตรไล่ดังลั่น คนขับรถหน้าตาเหยเกตะโกนก้อง “ออกไป...ออกไป๊”
สองหนุ่มหน้าซีดเหวอ ร้องแหกปากเสียงหลง “ว้าก”
คนขับหน้าทุบบีบแตรไล่ไม่ยั้ง ตะโกนลั่น
“ไอ้บ้า...หลบไป”
รถบรรทุกแล่นเข้ามาใกล้ทุกที นายตัดสินใจ โถมเข้าหาแนวหน้าที่ยังตะลึงอยู่
“ไอ้แนว”
ทั้งคู่ล้มกลิ้งหลุนๆ ลงมาข้างทางได้พ้นชนิดเส้นยาแดงพอดี หันไปมองตามรถบรรทุก เห็นรูปหน้าของชองปอล ยิ้มหรา ชู 2 นิ้ว เอียงคอ รูปเบ้อเริ่มสกรีนติดที่หลังรถ
นายถอนใจยาว มองแนวหน้าที่ยังเหวอ ช็อกอยู่
“ไอ้แนว..แกไม่เป็นอะไรใช่มั้ย แนว”
“โอยๆ” แนวหน้าจับขาตัวเองดู “นี่ผมยังมีชีวิตอยู่ใช่มั้ย...โอ๊ย...หัวใจจะหยุดเต้น”
มีเสียงเด็กดังขึ้น “เล่นอะไรกันน่ะ พี่รูปหล่อ”
ทั้งนายและแนวหน้าหันไป เห็นเปอร์ตี เด็กชายที่แนวหน้าเคยเจอในหมู่บ้านเชิงเขาตอนแย่งขนมให้
เปอร์ตีถือเบ็ดกับถังน้ำใส่ปลาอยู่ ริมทางเป็นลำธารเล็กๆ สายน้ำไหลเอื่อยๆ เปอร์ตีหันมายิ้มอย่างแจ่มใส
“โหย..นี่นายนั่งมองอยู่แถวนี้เหรอ แล้วทำไมไม่ช่วยวะ พี่เกือบตายแน่ะ” แนวหน้าบ่นบ้า
เปอร์ตีหัวเราะขำชอบใจ ยิ้มแย้มอย่างมีความสุข
นายนึกได้ “นี่แกรู้จักเด็กคนนี้เหรอ”
“ก็ใช่น่ะสิ...เจอตั้งแต่เหยียบเข้าเมืองนี้เลย..เอ้า...ยิ้มสิ” แนวหน้ายกกล้องมาถ่ายอีก
“เดี๋ยวก่อน..ถ้าอย่างนั้น...บ้านน้องก็ต้องอยู่แถวนี้ใช่มั้ย”
นายถามด้วยแววตามีความหวังโชติช่วงชัชวาล ขึ้นมาทันที
โทรทัศน์เครื่องใหญ่ยักษ์ถูกวางลงบนโต๊ะ โดยทหารองครักษ์ของชองปอล
ส่วนที่ด้านนอกทีมงานของชองปอล ขนจานดาวเทียมลงจากรถบรรทุกออกมา 2-3 คน กำลังยกจานรับสัญญาณเตรียมติดตั้ง
ส่วนในห้องโถง ชองปอลยืนถือรีโมทอย่างภาคภูมิใจ มองไปรอบๆ ห้อง
ท่านธูล ราอูล รวมทั้งข้าราชบริพารอีก 5-6 คนมายืนรอดู สักครู่หนึ่งโลลิต้ากับชีฟองก็เดินเข้ามา
พอชองปอลเห็นโลลิต้า และชีฟองเดินมาสมทบทุกคนที่ยืนมองกันอยู่แล้ว ก็หน้าชื่นขึ้นทันที
“เอาล่ะ...ตอนนี้ทุกอย่างก็พร้อมแล้ว” ทีมงานเอาไมโครโฟนมาส่งให้เป็นแบบ Head set ชองปอลยกไมค์ขึ้นมาพร้อมยกโพยในมือขึ้นดู พูดเสียงออกลำโพง ดังก้องมีเอคโค่นิดๆ
“ชองปอลขอกราบสวัสดีชาวฮวาซาใต้ที่เคารพรักทุกท่าน ชองปอลพร้อมด้วยรถโฟร์จีซุปเปอร์ไฮเทค และทีมงานถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มาเปิดศักราชการสื่อสารใหม่ ไร้พรมแดนให้กับทุกท่านที่ฮวาซาใต้ในวันนี้”
ทีมงานชองปอลที่เหลือ ปรบมือกราว ชองปอลยิ้มหน้าบาน
โลลิต้ายืนมองนิ่ง แววตาสมเพชนิดๆ ท่านธูลกับราอูลสบตากัน พยายามจะไม่ขำ
ชองปอลโม้ต่อ “ชองปอลได้นำโทรทัศน์พร้อมจานดาวเทียมมาติดตั้งให้กับพระราชวัง ฮวาซาใต้ เพื่อเปิดโลกทัศน์และมุมมองของชาวราชสำนักได้เปิดกว้างและกว้างไกลเทียบเทียมอารยประเทศ”
ชาวฮวาซาใต้เริ่มมีสีหน้าไม่พอใจ แต่ชองปอลไม่สังเกตเพราะกำลังบ้าไมค์
“และบัดนี้ถึงเวลาแล้วที่ชองปอลจะนำความทันสมัยมาสู่ราชสำนักฮวาซาใต้”
ทหารของชองปอลนำแตรเล็กๆ ออกมาเป่าให้แลดูตื่นเต้น เมื่อแตรจบ ชองปอลกดปุ่มรีโมทเปิดโทรทัศน์
ทหารชองปอลตบมือกันเกรียว ชองปอลมองโลลิต้าและท่านธูล ภาคภูมิใจอย่างล้นเหลือ
ทุกคนยังเงียบอึ้งกิมกี่ โลลิต้าทำหน้าเซ็งก่อนโพล่งขึ้น
“เสร็จแล้วใช่มั้ยเพคะ งั้นหม่อมชั้นขอตัว”
ชองปอลที่พยักหน้ายิ้มภูมิใจเต็มที่ ถึงกับสะดุ้ง งงทันทีที่เห็นโลลิต้าส่ายหน้าเซ็งๆ หันเดินกลับ
“อ้าว น้องหญิง...ทำไมละคะ”
“องค์หญิงจะรีบไปดูอยากหยุดตะวันไว้ที่ตรงนั้นน่ะเพคะ ทูลลาเพคะ”
ชีฟองถอนสายบัว แล้วเดินแกมวิ่งตามออกไป
ข้าราชบริพารอื่นๆ หันตัว ทยอยเดินกลับตาม
“อ้าว ทีวีกับจานดาวเทียมนี่ไง ฟังก่อนสิครับ...นี่ๆ มันดูทีวีได้เป็นร้อยๆ ช่องทั่วโลกเลยนะน้องหญิง”
ท่านธูลเดินหน้านิ่งๆ มาตบบ่า “ขอบคุณนะท่านชองปอล ผมก็ต้องขอตัวก่อน..เดี๋ยวจะไม่ทันดู นะๆ”
ท่านธูล รีบเดินจ้ำตามทุกคนไป พร้อมราอูล
“อ้าว นี่ ท่าน...เดี๋ยว จานดาวเทียมนะพะยะค่ะ”
ชองปอลเหวอ เอ๋อ ผู้ชมเดินหายกันไปหมด เหลือแต่ทหารของชองปอล
บ่ายวันเดียวกันนั้น รถลีมูซีนเช่า แล่นมาบนทางด่วน สาวคนที่นั่งอยู่เบาะข้างหลังคนขับคือจีจี้ วิวข้างทางเต็มไปด้วยป้ายโฆษณา บอกให้รู้ชัดแจ้งว่าเป็นกรุงเทพฯ แหงๆ
หน้าจอมือถือจีจี้ ขึ้นรูปหน้าฟิน มีข้อความบอกว่ากำลังโทร.ออกไปแล้วสายไม่ว่าง จีจี้ก้มมองมือถือ จ้องลุ้น
“รับ..รับ..รับซี” สายหลุดไม่ว่าง จีจี้หงุดหงิด “เฮ่ย...นังฟิน นี่ฉันรีบนะ...แกต้องรับๆ”
จีจี้ระดมกดโทร.จิกต่อ บอกกับคนขับโดยไม่มอง “นี่น้าคะ นี่รีบแล้วเหรอคะ”
“หะ..หา ก้อ...เมื่อกี้ คุณผู้หญิงว่าผมขับเร็วไป จนโทร.ไม่ติดผมก็...”
จีจี้เหลียวขวับมองมา เสียงแข็ง “ก็ใช่แหละค่ะ แต่หนูก็รีบ เข้าใจมั้ยคะ”
คนขับ เหลือบมองผ่านกระจกหลังเจอสายตาพิฆาตเข้า อ้อมแอ้มรับ “ครับๆ”
“นังฟิน แกอยู่ไหนๆ ฉันรีบเข้าใจมั้ย” จีจี้เพ่งมองหน้าจอ กดโทร.ใหม่ ยิกๆ
“เอ่อ...คุณผู้หญิงคือเดี๋ยวจะลงสุขุมวิทแล้ว ตกลงคุณจะไปตรงไหนครับ”
จีจี้หันขวับมองตาเขียว “ก็โทร.อยู่นี่ไงคะ ยังไม่รู้ค่ะ”
คนขับผงะ จ๋อย เงียบกริบ หลบตาจีจี้ที่มองเขม็งผ่านกระจกหลังสวนกลับมา
รถลีมูซีนเช่าจากสนามบินคันหรูแล่นฉิวต่อไปบนทางด่วน
ในร้านอาหารหรู กลางห้างดังแห่งหนึ่งกรุงเทพฯ บ่ายแก่ๆ
มือถือฟินที่วางทิ้งไว้บนเก้าอี้ใกล้ตัว ไฟสว่างวาบๆ แต่ไม่มีใครใส่ใจ ด้วยบนโต๊ะฟินกำลังเจรจาธุรกิจกับลูกปูและทีมงานอยู่อย่างจริงจัง ลูกปูก้มดูหนังสือสัญญาที่ฟินเอามาเสนอ
ฟินหน้าบาน ยิ้มแย้ม “โอเคมั้ยคะ ฟินว่าฟินโอเคกับรายละเอียดที่สรุปกันวันนี้นะคะ คุณลูกปูโอเคมั้ยคะ”
ลูกปูยิ้ม “ค่ะ ลูกปูไม่มีปัญหา เพราะทางคุณพ่อบอกว่ายังไงก็ได้ ขอแค่ทางบลูของเรา ได้ร่วมงานกับซุปเปอร์สตาร์แถวหน้าอย่างไผท ส่วนเรื่องข้อเสนอของคุณฟินวันนี้ เดี๋ยวทางคุณจิวจะรีบไปดำเนินการต่อ”
ทีมงาน 1 ของลูกปูบอก “ใช่ค่ะ ภายในวันสองวันนี้จิวจะส่งร่างสัญญาตามที่เราคุยกันวันนี้มาให้คุณฟินดูค่ะ”
ฟินฉอเลาะ ตอแหลฝุดๆ “ดีใจจังเลยค่ะที่คุณไผทจะได้ร่วมงานกับบลูเสียที...นี่นะคะวันก่อน..ค่ายเคไอเอฟค่ะโทร.มา จะขอตัวน้องไผทไป เปิดตัวแคมเปญใหม่เหมือนกับทางบลูนี่ละค่ะ ถึงกับบอกว่าเท่าไหร่เท่ากัน ฟินก็บอกว่าไม่ได้ๆ ก็เลยต้องรีบขอนัดคุยสรุปกับทางบลูวันนี้ล่ะค่ะ จะได้อุ่นใจ...เอ๊ย ตัดปัญหาน่ะค่ะ”
“ค่ะๆ ไผทบอกเหมือนกัน ลูกปูเลยบอกคุณจิวให้รีบรับนัดคุณฟินเลย”
ฟินยิ้ม ได้ดั่งใจ “ค่ะ ปีนี้ไผทเค้ากำลังมา ฟินก็ปวดหั้วปวดหัว จับสลับ...เอ๊ย...จัดคิวงาน แทบไม่ทัน”
“โอเค...งั้นตามนี้นะคะ ลูกปูคงต้องขอตัวก่อน” ลูกปูเก็บของลุกขึ้น
“อ้าว กลับเลยเหรอคะ ไม่รอเจอไผทก่อนเหรอค่ะ เค้ากำลังมาเพราะเที่ยงต้องมางานในห้าง”
ลูกปูออกอาการดีใจ แต่ระงับไว้
“ไม่ล่ะค่ะ ลูกปูว่าจะไปเดินไปร้านแถวนี้หน่อย แล้วถึงกลับค่ะ ไปก่อนนะคะ”
ลูกปูออกไป ลูกน้องบริวารกรูตามไปเป็นพรวน ฟินถอนใจใหญ่ ดูดน้ำแล้วหยิบโทรศัพท์มาดู สีหน้าตกใจ
“อะไรกันเนี่ย ทำไมมิสคอลมันเยอะขนาดนี้” หยิบโทรศัพท์มาจะกดดู
กระเป๋าเดินทางถูกลากมาหยุดตรงหน้าฟิน เห็นเป็นจีจี้ที่ใบหน้าตาถมึงทึง ยืนกัดฟันอยู่อย่างโมโหถึงขีดสุด
“นังฟิน!”
ฟินเงยหน้าขึ้น มองจีจี้อย่างตกใจ
อ่านต่อหน้า 3
น่ารัก ตอนที่ 3 (ต่อ)
เสียงดนตรีแจ๊ซดังคลอเบาๆ ก่อนจะมีเสียงพิธีกรรายการข่าวบันเทิงจากโทรทัศน์ในร้านขิงดีไซน์ดังกลบ ขิงถือชุดโชว์จะเดินไปเปลี่ยนหุ่นที่ดิสเพลย์หน้าร้าน เห็นพนักงานร้านสองคนยืนดูหน้าทีวี เลยหยุดยืนดูด้วย
เสียงนั้นบรรยายใส่อารมณ์ชวนติดตามว่า “ซุปตาร์มาแรงไผทได้ปฏิเสธให้สัมภาษณ์ถึงเรื่อง กรณีข่าวแอบควงนักศึกษาสาวขึ้นคอนโดกลางดึก”
ส่วนภาพประกอบข่าวในทีวี เป็นภาพนิ่งของไผทภาพหนึ่งกับภาพนิ่งของก้อยอัดรูปหนึ่ง แล้วตัดไปที่เหตุการณ์ที่ข้างเวทีงานผักต้ม ตอนไผทโดนนักข่าวรุมจะสัมภาษณ์ จนฟินเข้ามาดึงตัวอออกไปอย่างวุ่นวาย
“แต่เรื่องราวดังกล่าวจะจริงแท้อย่างไร บันเทิงก๊อซซิปจะติดตามมารายงานต่อไปค่ะ”
ขิงอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนผละเดินต่อไปดิสเพลย์หน้าร้าน
พนักงาน 1 เม้าท์กับเพื่อน “ลองหนีนักข่าวแบบนี้ ต้องจริงแน่เลยเธอว่ามั้ย”
พนักงาน 2 พยักพเยิดเห็นด้วย “นั่นสิ…คุณไผทท่าทางเจ้าชู้จะตาย...ดูก็รู้”
ขิงชะงักอึ้ง นัยน์ตารำลึกนึกถึงเรื่องราวในอดีต
เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อ 4 ปี ก่อน ที่หลังตึกเรียนคณะวิศวฯ บ่ายคล้อยจวนเย็น
ไผทในชุดนักศึกษา มีร่องรอยฟกช้ำตามใบหน้า และมีผ้าปิดแผลที่โหนกแก้มหลงเหลือให้เห็นอยู่ กำลังเดินคุยมาเบาๆ กับนักศึกษาสาวร่วมรุ่น ก่อนจะโบกไม้โบกมือลา เดินแยกกันไป ไผทเดินตรงมาที่รถที่จอดอยู่มุมหนึ่งหลังตึก
ไผทก้มไขกุญแจประตู พลันมีดอกไม้ช่อหนึ่งยื่นมาขวางตรงหน้า ไผทหันไปมองเห็นเป็นขิงยืนยิ้ม ยื่นช่อดอกไม้มาให้ ไผทมองดอกไม้งงๆ
“ดอกไม้แสดงความขอโทษ...เรื่องที่ผ่านมา”
ไผทมองดอกไม้รับไว้แล้วยิ้มแจ่มใสให้ขิง
ไม่นานต่อมา สองคนอยู่ด้วยกันในร้านไอศกรีมข้างมหาวิทยาลัย
ถ้วยไอศกรีมวานิลลาวางลงตรงหน้าขิงที่นั่งรออยู่ตรงโต๊ะมุมหนึ่งของร้านไอศกรีมบรรยากาศสวยงามโรแมนติก บนโต๊ะมีช่อดอกไม้เมื่อครู่นี้วางอยู่
“ขอบใจค่ะเพื่อน” ขิงเห็นก็ประหลาดใจระคนดีใจ “เอ๊ะ...รู้ได้ไงเราชอบรสวานิลลา”
“หา...จริงดิ” ไผทยิ้มแย้ม
“แต๊งกิ้วๆ ถามจริงๆ รู้ได้ไง...ทำไมรู้ล่ะ”
“ไม่บอก”
ไผทยิ้มเผล่ ตักไอศกรีมในถ้วยตัวเอง รสวานิลลาเหมือนกันเข้าปาก ขิงมองชะงัก
“อ๋อ รู้ละ”
“รู้อะไร”
“ก็นายกินวานิลลาก็เลยสั่งไอติมวานิลลามาให้ โถ...”
“ว่าแล้วเชียว...เพราะจำได้ว่าเราไม่เคยกินไอติมด้วยกันซะหน่อย”
“แหม นี่คุณครับ...ผมก็อาจจะรู้มาเองบ้างอะไรบ้าง ไม่ได้เลยหรือ...รีบทาน ทานซะ ละลายแล้ว อุตส่าห์พามาเลี้ยง”
ขิงค้อน ท่าทีน่ารักน่าเอ็นดู แล้วตักไอติมกิน “แล้วมาเลี้ยงเราทำไม เราสิต้องเลี้ยงนายที่...” หญิงสาวมองหน้าเขาด้วยความรู้สึกละอาย “ทำให้ไผทเจ็บตัว”
ไผทยิ้ม “ก็เลี้ยงขอบใจดอกไม้นี่ไง ดูสิ...ทำอย่างกะเยี่ยมคนป่วย”
ขิงอึ้งไปนิดหนึ่ง “ขิงละอายใจจริงๆ ที่ทำให้ไผทมาเจ็บตัว กับเรื่อง...ไม่เป็นเรื่อง แล้วก็...ขอโทษแทนพี่แนวด้วย...เค้าคงจะเมา”
“โอ๊ย..ไม่เป็นไรๆ ก็บอกแล้วไง...ถ้าเป็นเราเห็นแฟนมีหนุ่มๆ ขับรถมารับ...ก็คงไม่พอใจอยากต่อยหน้าไอ้หนุ่มคนนั้นเหมือนกัน”
“เราบอกแล้วว่า เรากับพี่แนวไม่ใช่...”
ไผทตัดบทด้วยการเอาช้อนตักไอติมป้อนขิง “อ้ำ...กินซะ เลิกพูดได้แล้ว”
ขิงอึ้งพูดไม่ออก ไผทยิ้มแจ่มใสเหมือนไม่มีคดีติดค้างใดๆ
ขิงถอนใจเบาๆ ก่อนตั้งสติกลับมาจัดหุ่นต่อ สักครู่หนึ่งมีมือชายคนหนึ่งยื่นเข้ามาเคาะกระจกหน้าร้านเรียก แต่ขิงดูเหมือนไม่ได้ยินอะไรทั้งสิ้น มาได้ยินและหันไปมองเมื่อถูกเคาะเป็นครั้งที่สาม และเห็นเป็นไผทยืนส่ายหน้ายิ้มๆ สวมหมวกและแว่นดำพรางตัว ยกสองนิ้วทำเป็น ลั่นปืนยิงใส่
ขิงตกใจมาก ว่ามาได้ยังไง “ไผท”
ครู่ต่อมา แก้วน้ำถูกมาวางบนโต๊ะตรงหน้าไผทที่นั่งพิงโซฟายาวสำหรับรับรองลูกค้า ตรงมุมหนึ่งในร้าน ขิงวางแก้วน้ำนั้นลง ก่อนดึงเก้าอี้อีกตัวมานั่งใกล้ๆ
“ผมเสร็จงานก่อนเวลาแล้วไม่รู้จะไปไหนก็เลยมารอแถวนี้ๆ...เดี๋ยวเย็นๆ มีนัดที่นี่ด้วย แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือ คิดถึงขิง...ไม่ได้มานานแล้ว”
ขิงหลบตาวูบ “ไม่ต้องมาปากหวานเลย ถ้าไม่มีอะไรจะใช้เราก็คงไม่โผล่มาหรอก คราวนี้จะไปงานไหนอีกล่ะ เราจะจัดชุดให้”
ไผทโวย “โอ๊ย...ทำไมมองผมเลวร้ายแบบนี้...ว่าแต่...คุณลูกปูโอเคปะ...น่ารักดีใช่มั้ย”
“ก็น่ารักดี ไม่ได้เรื่องมาก จู้จี้อย่างคุณหนูไฮโซคนอื่นๆ ขอบคุณมากนะที่แนะนำลูกค้าดีๆ มาให้”
มีลูกค้าเดินเข้าร้านมา ขิงหันไปมอง ไผทรีบกระซิบบอก
“ขิงไปดูแลลูกค้าก็ได้ ผมขอนั่งแอบอยู่ตรงนี้แหละ รับรองว่าจะไม่ยุ่งวุ่นวายอะไรทั้งนั้นเลย”
ขิงหัวเราะ “จ้ะ...เดี่ยวขิงให้เด็กเอาขนมมาให้กิน รอเดี๋ยวนะ”
ขิงเดินออกไปรับลูกค้า ไผทหรุบหมวกลงมาปิดหน้าเพิ่ม แล้วนั่งเอนหลบอย่างสบายใจ
อีกฟาก ที่ร้านอาหารหรู กลางห้างดังแห่งนั้น ฟินทำเป็นยุ่งกับการเก็บของไปมา จีจี้นั่งประกบข้างๆ
“คิดเงินค่ะ”
“เดี๋ยวก่อน แกยังไม่ได้ตอบชั้นเลยนะ ว่าแกโอเครึเปล่ากับเรื่องที่ชั้นเล่าให้ฟัง”
ฟินไม่ตอบ พนักงานเอาใบเสร็จมาเก็บตังค์ ฟินจ่ายแล้วลุกขึ้น
“ไปล่ะนะ”
จีจี้รั้งสุดฤทธิ์ “เดี๋ยวสิแก”
“ชั้นรีบ...มีนัดอีกทีตอนห้าโมงเนี่ย...ไปละนะ แล้วเจอกัน...บาย”
ฟินลุกพรวด ถือกระเป๋าและเอกสารไป แล้วทำเป็นกดโทรศัพท์ จะได้ไม่ต้องพูดกับจีจี้
“นังฟิน แกยังไม่ตอบฉันเลย...นังฟิน”
จีจี้รีบคว้ากระเป๋าลากตามไป
ลูกค้าขิงเดินกลับมาที่โซฟาแล้วชะงัก เมื่อเห็นไผทนอนหลับอยู่อย่างหมดเรี่ยวแรง ขิงมองอย่างเอ็นดู...แล้วทำท่าจะย่องหนีไป แต่ไผทรู้สึกตัวลืมตาขึ้นมาก่อน ขยับลุกขึ้นนั่งตัวตรง
“ขอโทษทีผมเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้”
“นอนก่อนเถอะจ้ะ หมู่นี้ไผทงานเยอะ คงจะเพลียมาก”
ไผทถอนใจ “ช่วงนี้พี่ฟินรับงานเยอะเหลือเกิน วันๆ ผมต้องวิ่งรอกงานต่องาน แทบทุกวัน..บางวันงานชน บางวันงานซ้อน..บางทีผมก็ไม่ค่อยไหวเหมือนกัน”
ขิงมองอย่างเห็นใจ “ใจเย็นๆ พี่ฟินคงเห็นว่าเป็นช่วงน้ำกำลังขึ้นน่ะ ถึงรับงานมาเรื่อยๆ มันก็คงเป็นแค่ช่วงนี้ละมัง แต่ความจริงก็บอกพี่เขาได้นี่ ว่าแค่ไหนพอ”
เสียงมือถือไผทดังเป็นเสียงริงโทนแนวสยองขวัญที่รู้ทันทีว่าใครโทร.เข้า
ไผทส่ายหน้า “ทำไมจะไม่บอก บอกจนปากจะฉีก แต่พี่ฟินไม่ฟัง...นี่ไง มาละ” พลางยกมือถือกดรับ “ครับ ถึงแล้วพี่..ก็เดินเล่นอยู่แถวๆ นี้ละ..โอเคๆ แป๊บนึงเดี๋ยวผมเดินไป” ไผทวางสายบอกเซ็งๆ “เห็นมะๆ โทร.มาจิกเลย”
พลันมีเสียงโทร.เข้ามาอีกสาย แต่เป็นริงโทนอีกเสียง ไผทยกมือถือขึ้นดูตกใจเล็กๆ ก่อนกดรับ ขิงลอบมองจับสังเกต
“คร้าบ..คุณลูกปู”
ไผทชำเลืองมองขิง แล้วลุกออกจากร้านไป ขิงมองตาม
ไผทเดินคุยโทรศัพท์ออกมาหน้าร้านขิง “ครับ งานยังไม่เสร็จเลยครับคุณลูกปู แต่ก็คงจะทันแน่ๆ”
ส่วนด้านในร้าน ขิงลุกไปทำงานต่อ แอบมองไผทนิดๆ แบบขำแกมระอาใจ
ลูกปูเดินคุยโทรศัพท์อยู่ตามทางในห้าง
“เสียดายจังค่ะลูกปูเพิ่งคุยเสร็จแยกจากพี่ฟิน นึกว่าถ้าไผทเสร็จงานเร็วจะได้เจอกันเร็วหน่อย”
ไผทเดินหลบมาคุยหยุดอยู่ตรงใกล้กระจกหน้าร้านสีหน้าตกใจเมื่อเห็นอะไรบางอย่างตรงหน้า
ไผทมองไปเห็นก้อยนักศึกษาสาวสุดเซ็กซี่เดินตรงรี่เข้ามาหา
“พี่ไผท”
ไผทตกใจมาก มือที่ถือโทรศัพท์ถึงกับอ่อนลง แต่ไม่ลืมที่จะตัดสายลูกปูทิ้งก่อน
“น้องก้อย!”
ก้อยเอาเรื่องทันที “เจอกันก็ดีแล้วค่ะ เรามีเรื่องจะต้องพูดกัน”
ไผทมองรอบตัวอย่างหวาดผวา กลัวคนมาได้ยิน
“ใจเย็นๆ ก้อย พูดเบาๆ ก็ได้”
“ไม่เย็นแล้วค่ะ เราต้องคุยกันให้รู้เรื่อง”
ไผทกลืนน้ำลายลงคอ
ส่วนในร้าน พนักงานของขิงซุบซิบกัน
“นั่นมัน...ยายคนที่เป็นข่าวกับคุณไผทนี่นา”
“ที่ชื่อก้อยอะไรนั่นใช่มั้ย”
ขิงได้ยินมองตามออกไป เห็นหน้าตาบึ้งตึงเอาเรื่องของก้อย ขิงยิ่งตกใจมาก
ฟินกำลังล้างมืออยู่หน้ากระจกในห้องน้ำห้าง จีจี้ตามประกบยืนเม้าท์อยู่ข้างๆ
“ชั้นขอบอกเลยว่างานนี้..งานยักษ์ งานใหญ่ งานโกอินเตอร์ แล้วก็เป็นงานด่วนม้ากมากอ่ะ”
“ไผทคงไม่ว่างหรอก”
“ว่าไงนะ แต่นี่ลูกค้าระดับเจ้าระดับผู้นำประเทศ เขาต้องการตัวน้องไผทสุดหล่อของแกไปถ่ายหนังสารคดีประชาสัมพันธ์ประเทศเขาเลยนะ แกจะพลาดได้ยังไง”
ฟินไม่รู้จัก งง
จีจี้ฟุ้งต่อ “บอกได้เลยว่างานนี้งานเดียวแกกับไผทคุ้มสุดๆ จะดังระเบิดระเบ้อ ยิ่งกว่าไป เป็นพรีเซนเตอร์พวกสินค้าอะไรนั่นเป็นไหนๆ คือสรุปอะน่ะ..แกต้องช่วยฉันฟิน เราจะวิน วิน แอนด์วิน”
ฟินเฉยๆ อยู่ “โอเค แกพูดจบแล้วใช่มะ ฟังนะนังจี้ ตอนนี้ไผทคิวยาวมาก ยาวเต็มข้ามปีไปแล้ว แล้วฉันจะเอารูที่ไหนมาให้แกแทรก แล้วนี่ฉันกำลังจะเซ็นสัญญากับบลูเงินตั้งเท่าไหร่ ดีไม่ดีได้กินยาวหลายปีเลยด้วย เอางี้...เอาน้องเจมส์จิตมั้ย เค้าว่างอยู่”
“บ้า...ไม่ได้ เขาสั่งมาว่าจะเอาไผทเท่านั้น ไม่งั้น เขาจะไม่จ้างเลยล่ะ”
“งั้นแกก็ทิ้งงานนี้ไปเหอะ” ฟินทำท่าจะออกจากห้อง จีจี้ไปดักหน้า
“ว้าย ไม่ได้นะ ไม่ได้ๆ หัวเด็ดตีนขาดฉันก็ไม่ทิ้งงานนี้.. มันต้องได้สิฟิน ฉันรู้ว่าแกทำได้ เนี่ยฉันขอแกคิวน้องรักแกแค่ไม่เกิน 7 วัน นะนะ เอาอาทิตย์หน้านี่เลย”
ฟินชักโมโห “ว้าย อีนังบ้าจี้ คิวถ่ายทำไม่ใช่ทำชิงช้านะยะ จะได้ง่ายดายขนาดนั้น”
ชายคนหนึ่งเดินเข้ามา เห็นทั้งสองเลย งงๆ ไม่แน่ใจว่าเข้าห้องน้ำผิดหรือเปล่า แต่ทั้งสองก็ไม่ได้สนใจ
“โอ๊ะ โทษครับ” ชายคนนั้นเดินกลับออกไป
“แกก็ทิ้งออกไปบ้างสิงานช่วงนี้น่ะ งานเปิดตัวนู้นนี่อะไรทั้งหลายนั่น มันไม่ช่วยอะไรหรอก ทิ้งไปให้หมด แกให้ฉันพาไผทไปเปิดตัวฮวาซานี่ทีเดียว มันมีมูลค่ามากกว่างานพวกนั้นนับร้อย นับพันเท่าเชียวนะฟิน”
“จริงเหรอ”
“ถูก...ทั้งเงิน ทั้งชื่อเสียง งานจะโกอินเตอร์เผยแพร่ไปทั้งโลกเลยเชียวนะ”
ฟินนิ่งคิด มองจีจี้อย่างไม่ค่อยเชื่อ ก่อนออกเดินไปที่ประตูทางเข้าห้องน้ำ
“งานสารคดีโฆษณาขายประเทศด้อยพัฒนาเนี่ยนะ..มันไม่เท่าไหร่หรอกนังจี้แล้วถึงยังไงคิวไผทก็ไม่ได้อยู่ดี ไปหาคนอื่นเถอะ”
ฟินเดินออกไปเลย จีจี้ลากกระเป๋าตาม ตามมาดักหน้าฟินอีก
“ไม่ได้นะ..แกต้องช่วยฉัน ฟิน”
“นี่ฟังนะ..วันสองวันนี้น้องไผทจะต้องเซ็นสัญญากับค่ายบลูแล้วแกรู้มั้ย กว่าฉันจะถูลู่ถูกังให้ไผทได้เซ็นนี่เลือดตาแทบกระเด็น ประจบมาเป็นปี ไม่เห็นเหรอที่ฉันให้ไผทไปควงกับคุณลูกปูน่ะ”
จีจี้ตกใจ “อย่าบอกนะว่า ที่ไผทมีข่าวเป็นแฟนกับคุณลูกปูก็เพราะแก”
“ก็ใช่นะสิ ฉันลงทุนลงแรงมาขนาดนี้ จะให้ฉันทิ้งง่ายๆแล้วไปทำสารคดีให้แกงั้นเหรอ ไม่มีทาง...จีจี้ฉันบอกเลย ว่าโนเวย์”
ฟินเดินหนี
จีจี้ถอนใจ คิดแล้วถาม “งั้น ถ้าคุณลูกปูเขาไม่เซ็นกับแกล่ะ”
ฟินชะงักกึกหันกลับมา
ชายอีกคนเดินออกมาจากห้องน้ำ มองทั้งสองที่ยืนคุยกันอยู่ที่ประตูทางเข้างงๆ ก่อนรีบเดินผ่านออกไป
ฟินยิ้มหยัน มองจีจี้งงๆ “ไร้สาระที่สุดนังบ้าจี้ เขาคุยกันสรุปจบแล้วย่ะ เตรียมรอเซ็นสัญญาปุ๊บรับเงินปั๊บเลย ฉันว่าแกไปหาโปรเจ็คท์อื่นทำมันยังง่ายเสียกว่า มาเปลืองน้ำลาย เถียงกับฉันไปละนะ...นังบ้าจี้”
ฟินส่ายหน้าเดินออกไป จีจี้มองตามตาละห้อย เครียดจัด ครุ่นคิดหนักว่าจะทำยังไงดี
อ่านต่อหน้า 4
น่ารัก ตอนที่ 3 (ต่อ)
ชองปอลเดินหน้าหงิกเข้ามาถึงโถงพระราชวัง มองไปแล้วต้องสะดุดตากับบางอย่าง เมื่อเห็นทุกคน อันมี โลลิต้าชีฟอง ท่านธูล ราอูล ทหารองครักษ์ 3 นาย นางรับใช้นับสิบ กำลังรุมล้อมดูทีวีอยู่ที่มุมหนึ่ง มีเสียงลุ้นฮือฮาเป็นระยะๆ
ชองปอลค่อยๆ ย่องเดินเข้าไปใกล้อย่างอยากรู้อยากเห็น
จอทีวีออกอากาศละคร อยากหยุดตะวันไว้ที่ตรงนั้น ไผทในบทน้ำเชี่ยวปรากฏในจอ
สีหน้าทุกคนที่ลุ้นอยู่หน้าจอ น้ำตาคลอกันหมดแล้ว เหมือนต้องมนต์สะกด
ชองปอลร้องขึ้นงงๆ ทำลายบรรยากาศ “นี่มันอะไรกัน”
ทุกคนสะดุ้งหันไปที่ชองปอล ยกเว้นโลลิต้าที่ดูทีวี ท่าทีอินฝุดๆ ชองปอลทนไม่ไหวเดินไปบังจอ
“พี่ถามว่า องค์หญิงทรงทำอะไรอยู่”
โลลิต้าพยายามเอนหัวไปมาเพื่อดูละคร แต่ชองปอลก็บังหมด
“ก็เห็นอยู่ว่าหญิงดูละคร”
“ละคร! อ๋อ…นี่คงจะซื้อแผ่นมาเปิดสินะ เรื่องอะไรสนุกมั้ยจ๊ะ”
“เรามีจานดาวเทียมตั้งหลายวันแล้ว...อย่าบังจอสิเพคะ”
ชองปองไม่สน หันไปมองทีวี “นี่มันละครไทยเหรอเนี่ย” แล้วหันกลับมา “สนุกเหรอ...ทำไมน้องหญิงไม่ลองดูซีรี่ส์ฝรั่งสนุกๆ ล่ะคะ หนังฮอลลีวู้ด อะไรพวกนี้ เดี๋ยวพี่เปิดให้”
ชองปอลถือวิสาสะคว้ารีโมทบนโต๊ะมาเปลี่ยนช่องทันที ท่ามกลางความตกตะลึงของคนอื่น
“แล้วก็ไม่บอกว่าในวังมีดาวเทียมแล้ว พี่ก็หลงคิดว่าไม่มี ...นี่ไง...ช่องนี้แหละลองดูสิคะ”
ชองปอลเจอช่องที่ถูกจริต เป็นหนังบู๊โหดฆ่าฟันทะลุจอ หันกลับมามองอย่างภูมิใจ แต่ต้องชะงัก เมื่อเห็นสายตาโกรธแค้นของทุกคนที่มองมายังตน
โลลิต้าลุกขึ้นหน้าตาบึ้งตึง แล้วเดินออกไปจากห้อง ชีฟองรีบตาม ชองปอลงงๆ หันมาทางท่านธูล
“นั่นน้องหญิงเสด็จไหนกระหม่อม...ไม่ดูโทรทัศน์ต่อรึไง”
ท่านธูลถอนใจใหญ่ ลุกขึ้นเซ็งๆ “ไปกันเถอะราอูล”
ท่านธูลเดินนำออกไป ราอูลมองค้อนชองปอล แล้วเดินตามออกไป
ม้าในโรงเลี้ยงกำลังก้มกินหญ้าแห้งในราง คนเลี้ยงม้าจูงอองรีเดินมาที่หน้าโรงเลี้ยง โลลิต้า กับชีฟองยืนรออยู่
“องค์หญิงแน่ใจนะเพคะ ว่าจะไม่ให้พี่ชีฟองไปด้วย”
โลลิต้าขึ้นม้าทันที “หญิงไปแค่นี้แถวบ้านอาจารย์ฟรองซัวนี่ละ เบื่อๆแถวนี้”
ชีฟองพึมพำ “น่าแปลกนะเพคะ ท่านชองปอลมาทีไร องค์หญิงก็อยู่วังไม่ได้ทุกที”
“จะได้รู้ไง ว่าอย่ามา เพราะมาก็ไม่มีทางได้คุยกับหญิงหรอก คนอะไร น่าเบื่อชะมัด” โลลิต้าควบอองรีออกวิ่ง
ชีฟองตะโกนไล่หลัง “องค์หญิงดูแลเจ้าอองรีด้วยเพคะ เอ้ยไม่ใช่...ดูแลพระองค์ด้วยเพคะ”
ชีฟองมองโลลิต้าที่โบกมือให้ไหวๆ ก่อนพาอองรีควบวิ่งทะยานไป ชองปอลเดินเข้ามาพอดี
“นั่นน้องหญิงจะไปไหนน่ะ...ชีฟอง”
ชีฟองหันกลับมา อึกอัก
เสียงสรรพสัตว์ นานาชนิดร้องระงม ช่างเป็นภาพที่น่าตื่นตา สัตว์ป่าประดามีใช้ชีวิตในธรรมชาติงาม เห็นกวางเล็มหญ้าอยู่ กระต่ายกระโดดไปมา ฝูงนกยูง โผล่ให้เห็นเป็นระยะๆ ในเขตป่าสูงใกล้เชิงเขาแห่งนี้
โลลิต้าขี่อองรีไปตามทางลัดเลาะออกมาทางหลังวัง ชมนกชมไม้ไปเรื่อยๆ แล้วชักให้หยุด
อีกด้านหนึ่ง ชองปอลขี่ม้าเข้ามาใกล้ โลลิต้าหันขวับไปมองแล้วตกใจ ควบม้าหนีทันที ชองปอลตาโต
“น้องหญิง น้องหญิงรอพี่ด้วย...น้องหญิง” ชองปอลกระตุ้นม้า “ตามไปเร็วสิ...ไอ้ม้าบ้า”
ม้าไม่สนใจ หยุดยืนกินหญ้าเฉย
“ไม่น่ามัวแต่ไปเรียนที่ฝรั่งเศสเล้ย..ไม่งั้นคงขี่ม้าเก่งกว่านี้...เฮ้อ…น้องหญิงช่วยพี่ด้วย”
ชองปอลตะโกน พลางมองรอบตัวอย่างหวาดผวา
กลางป่าสูงริมลำธารสวยใกล้หุบเขา ประตูกระท่อมหลังน้อยถูกเปิดออก เปอร์ตีเดินนำ นาย แนวหน้า เข้าไปภายใน ทั้งสองกวาดมองสำรวจ ไปมา
“พี่รูปหล่อนอนที่นี่ได้เลยนะ เดี๋ยวเปอร์ตีไปบอกลุงให้” เด็กชายบอก
“ไม่มีใครอยู่ที่นี่เหรอไอ้หนู” นายถาม
“ไม่มีหรอกพี่ ลุงเขาเอาไว้นานๆ จะมานอนเล่น ตกปลาที่ลำธาร” เปอร์ตีว่า
แนวหน้าเดินสำรวจห้องหับ เปิดหน้าต่างออกไปเห็นวิวภายนอก “โอ้ว ว้าว ธรรมชาติสุดๆ เปอร์ตี พี่ขอจองไว้เป็นบ้านตากอากาศในอนาคตของพี่ได้มั้ยเนี่ย”
นายมองรอบตัวอย่างพอใจ “ที่นี่จะกลายเป็นฐานบัญชาการของเราสองคนที่ฮวาซาใต้”
เปอร์ตีมองสองคนไปมาท่าทีงงๆ
นายหันไปเห็น “อย่าตกใจไอ้หนู...พี่แค่มาขอนอนกันชั่วคราว เดี๋ยวเสร็จงาน แล้วพี่จะพาไปเที่ยวกรุงเทพฯ”
เปอร์ตีงงอีก “กรุงเทพฯ?”
“อ้าว งง...ที่เมืองไทยไง ที่มีรถเยอะๆ คนเยอะๆ ตึกสูงๆ เยอะๆ อยากไปมั้ย”
เปอร์ตีเบะปาก ไม่เห็นน่าสน “ไม่อยาก”
“ฮ่าๆ สงสัยเด็กมันรู้ว่าอะไรสวรรค์ อะไรนรก” แนวหน้าจะเดินออกไป
นายปราม “ไอ้แนว...แล้วนั่นแกจะไปไหน”
“ถ่ายรูปนะสิ...วิวแถวนี้สวยน้ำสายไหลเลย..เฮ้ย..ไม่เห็นเหรอ...ไปละ”
แนวหน้ารีบเดินหนีไป นายทำหน้าเซ็ง หันไปก็เจอเปอร์ตีที่มองมาอย่างสนใจ แต่นายเดินหนี
ที่ด้านนอกของร้านขิง ผู้คนเริ่มเดินเข้ามาหยุดดู กระซิบกระซาบ
“อุ๊ย...นั่นไผทนี่”
ก้อยจงใจพูดเสียงดังให้คนสนใจ ไผทดึงหมวกปิดหน้ามากขึ้น
“พี่ไผทคิดว่าจะทำอะไรกับก้อยก็ได้ยังงั้นหรือคะ”
ไผทพูดไม่เป็นภาษามนุษย์แล้ว “ไม่...ก้อย อย่าพูดอย่างนั้น”
ก่อนที่เหตุการณ์จะเลวร้าย ขิงเดินออกมาพร้อมพนักงานด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสตรงมาที่ก้อย ลูกน้องดึงพลุแบบชักในต้อนรับ ก้อยหันไปมองงงๆ
ขิงบอก “คุณน้องคะ คุณน้องโชคดีมากนะคะที่เป็นลูกค้าคนที่ 5,000 ของร้านเราพอดี เรามีของสมนาคุณให้คุณน้องมากมายนะคะ ทั้งเสื้อยืดสวยๆ จากทางร้าน และยังลดราคา 50% ของทุกชิ้นที่คุณน้องซื้อด้วยค่ะ ลดแลกแจกแถมขนาดนั้นเลยทีเดียว”
ก้อยเนื้อเต้น “จริงเหรอคะ”
“จริงสิคะ เชิญเลือกของด้านในเลยค่ะ”
พนักงานยิ้ม “เชิญค่ะ”
ก้อยลืมทุกสิ่งทุกอย่าง เดินเข้าร้านไปเลย ไผทถอนใจเฮือก ขิงหันมาหลิ่วตาให้ก่อนจะเดินตามก้อยเข้าไปในร้าน
ไผททำท่าจะหนีไปอีกด้านแล้วต้องชะงัก เพราะอีกด้านหนึ่งลูกปูเดินมาพอดี แต่ลูกปูยังไม่เห็นไผท เพราะดูข้าวของร้านข้างๆอยู่
“คุณลูกปู!” ไผทหันหลังกลับทำท่าจะเผ่น แต่ไม่ทันแล้ว ฟินเดินตรงเข้ามา เรียกซะดังลั่น
“ไผท! มาอยู่ที่นี่เอง”
ลูกปูหันขวับมาทันที ไผทตกใจ วิ่งตรงไปหาฟินที่เดินตรงมา
“พี่ฟิน” ไผทกระซิบๆ “ช่วยผมด้วย”
ฟินงง “เรื่องอะไร”
ไผทพยักหน้าไปทางในร้าน ฟินมองตามเห็นก้อยเดินร่อนทั่วร้านเลือกของอยู่กับขิง ก็ตกใจ ส่วนลูกปูก็เดินมาถึงตัวไผทกับฟินพอดี
“ไผท...ไหนว่างานยังไม่เสร็จไงคะ”
ฟินรีบทำหน้าที่กู้สถานการณ์ทันที ถลาเข้าไปหาลูกปู
“พอดีซีนสุดท้ายเค้ายกนะคะคุณลูกปู ไผทก็เลยออกมาก่อนได้”
พอมองไปรอบตัวพบว่าผู้คนมามุงเพิ่มขึ้น ฟินรีบคว้ามือลูกปูไปอีกทางทันที
“คุณลูกปูขา...ไปกับฟินดีกว่า ตรงนี้คนเยอะมาก...ไผท...รีบตามไปนะ พี่จะพาคุณลูกปูไปรอที่ร้าน”
“ครับๆ ผมจะรีบตามไป”
ไผทยิ้มยิ้มหล่อละลายใจให้ ลูกปูยิ้มตอบแล้วตามฟินที่ดึงมือไป
“รีบตามมานะคะ”
“ครับๆ”
ฟินดึงลูกปูฝ่าคนออกไป ไผทถอนใจโล่งอก
“พี่ไผทคะ” เสียงก้อยดังขึ้นอีก
ไผทสะดุ้งเฮือก หันขวับไป เห็นก้อยยืนยิ้มแฉ่งในมือถือถุงมากมาย มีขิงยืนอยู่ใกล้ๆด้วย
“ก้อยได้ของมาเยอะแยะเลยค่ะ ร้านนี้ใจดี๊ดี โชคดีที่สุดเลย”
“คุณก้อยจอดรถที่ไหนคะ พี่จะเอาของไปส่งที่รถให้”
“ก้อยมีเรื่องต้องคุยกับพี่ไผทก่อนค่ะ”
“เอาของไปเก็บก่อนเถอะก้อย” ไผทลดเสียงลง “เดี๋ยวพี่ตามไปคุยที่รถนะ...นะ”
“ตามไปจริงๆนะคะ ไม่อย่างนั้นละก็...อย่าหาว่าก้อยไม่เตือน”
ไผทสะดุ้ง สุดสยอง “จ้ะ...จ้ะ ตามไปจ้ะ”
ขิงแอบถอนใจโล่งอก ก้อยเดินนำไป ขิงช่วยถือของเดินตามไปติดๆ
ไผทถอนใจยาว มองรอบตัว เห็นคนมุง แล้วรีบเดินตามไป
ที่ด้านหลัง จีจี้ปรากฏตัวออกจากหลังเสา มองเหตุการณ์ทุกอย่าง เข้าใจปนสะใจ
ไผทเดินแอบๆ ซ่อนๆ มายังที่จอดรถของห้าง สวนกับขิงที่เดินกลับร้านพอดี ไผทก้มหัวเป็นเชิงขอบคุณ ขิงส่ายหน้าเป็นเชิงไม่เป็นไร...ขิงเดินจากไป ไผทมองรอบตัว ก่อนจะเปิดเข้าไปนั่งในรถคันเล็กของก้อย
จีจี้ปรากฏตัวที่ด้านหลัง กระเถิบตัวเข้าไปใกล้รถก้อยอย่างสนใจ เห็นไผทพยายามพูดอะไรอธิบายให้ฟัง แต่ก้อยหน้าหงิก หน้างอ มึนตึง
จีจี้แอบมองจ้องเขม็งอยู่หลังเสา ก่อนนึกขึ้นได้ หยิบมือถือขึ้นมาส่องถ่ายรูป ได้ภาพ Snap shot ไผท กับก้อย ในรถ 2-3 รูป ตอนสองคนจับมือถือแขน ไผทก้มไปคุยกัน แต่ในมุมกล้องมองดูเหมือนสองคนหอมกัน ทั้งที่จริงๆ เปล่า
จีจี้ก้มมองผลงานที่ถ่ายอย่างพอใจ พอมองไปอีกที เห็นไผทปิดประตูลงจากรถโบกมือให้ ก้อยถอยรถ แล้วขับออกไป ไผทถอนใจยาว ก่อนจะเดินย้อนกลับมาเพื่อเข้าห้าง จีจี้ย่องตามไป แต่มีเสียงเรียกดังขัด
“นั่นแน่ เจ๊จี้”
จีจี้ผวาสะดุ้ง หันขวับไป เห็นโด่งยืนยิ้มกริ่ม
“ว้าย” มองชัดๆ เห็นเป็นโด่งเลยโล่ง “อีโด่ง...โอ๊ย..ฉันนึกว่าใคร ใจหายหมด”
“เดี๋ยวนี้มาเป็นปาปาราซซี่ตามถ่ายดาราแล้วเหรอเจเจ๊”
“เงียบไปเลยน่า ชั้นจะไปแย่งแกทำไม” จีจี้ชะงัก “เฮ้ย...จริงสิ!”
จีจี้มองโด่งแล้วนึกอะไรบางอย่างได้
บ่ายจวนเย็น ท่ามกลางธรรมชาติแสนงดงามของฮวาซาใต้ ป่าสูงเขียวขจี ฝูงนกบินว่อน ลำธารใสไหลริน แนวหน้าเดินถ่ายรูปไปเรื่อยๆ จนมาถึงริมลำธาร ที่มีต้นไม้ใหญ่เด่นอยู่ต้นหนึ่ง
“สวยเป็นบ้าเลย..ประเทศนี้...ไม่น่ามีเจ้าหญิงสติไม่ดีเลย”
แนวหน้าเดินไปถ่ายรูปลำธาร แล้วลงนั่งถอดรองเท้าเอาเท้าแช่น้ำ
“โอ๊ย...สวรรค์ชัดๆ”
แนวหน้าเอาเท้าแช่น้ำเพลินอุรา ทำหน้าพริ้ม ฟิน อยู่ครู่หนึ่ง เหลียวมองรอบตัว ก่อนจะตัดสินใจบางอย่าง แล้วลุกขึ้นวางกล้องไว้ ถอดเสื้อออกท่าทีลังเลนิดๆ
“เอาวะ...แถวนี้ไม่มีใครหรอก” หน้าแนวตัดสินใจถอดกางเกงออก
โลลิต้าหลับคานิยายในมืออยู่ใต้ต้นไม้ อีกด้านหนึ่ง ตกใจตื่น ได้ยินเสียงบางอย่างแว่วมา
“วู้ว...น้ำเย็นชะมัด..วู้ว”
โลลิต้าลุกขึ้นนั่ง มองหาต้นเสียงว่ามาจากไหน แล้วลุกขึ้นยืนสอดตามองหา
ฝ่ายแนวหน้าร่าเริงสุดขีด วิ่งโทงๆ ขึ้นฝั่งโดยใส่กางเกงในแบบบ๊อกเซอร์ตัวเดียว ตรงมาหยิบกล้องสำหรับถ่ายภพใต้น้ำ กลับลงไปในลำธาร แล้วนอนคว่ำหน้าลอยตัว ถ่ายรูปใต้น้ำอย่างเพลิดเพลิน
โลลิต้าเดินตามหาเสียงอยู่แล้วชะงัก เห็นร่างคนนอนคว่ำอยู่ในน้ำ ก็ตกใจ
“คนจมน้ำ!”
โลลิต้าวิ่งไปใกล้ แล้วกระโดดลุยน้ำไปดึงแนวหน้าขึ้น ลากมาตรงที่บริเวณตลิ่งตื้นเขิน
แนวหน้าตกใจดิ้นรนจนสำลักน้ำ “เฮ้ยๆ...อะไรกันเว้ย”
“เป็นยังไงบ้างคุณ...เป็นอะไรรึเปล่า” โลลิต้าหวังดีจะช่วย
แนวหน้าสำลักกระอักกระไอ เงยหน้ามอง ทั้งคู่ตกใจ เมื่อเห็นหน้ากันและกันชัดๆ
“คุณ!!” สองคนร้องลั่น
อ่านต่อตอนที่ 4