น่ารัก ตอนที่ 2
ลานสนามหญ้าตรงบริเวณหน้ามุขของท้องพระโรงเวลานั้น มีประชาชนชาวฮวาซาใต้ที่มารอยลโฉม ชื่นชมบารมีเจ้าหญิงรัชทายาทอย่างมากมายเนืองแน่น ต่างคนต่างชะเง้อชะแง้แลหา มองไปที่มุขพระราชวังไปมา
ส่วนภายในโถงวัง เสนาบดีราอูลยืนกล่าวถวายรายงานดังท่ามกลางเหล่าเสนาบดี แขกเหรื่อ และหมู่ข้าราชบริพาร
“และในทุกปีที่วันเฉลิมฉลองวันแห่งการเก็บเกี่ยวเวียนมา เป็นวันที่ชาวฮวาซาได้มีความปิติสุขกับวันเฉลิมพระชนมพรรษาขององค์หญิงโลลิต้าและในปีนี้เป็นปีสุดแสนพิเศษที่องค์หญิงทรงมี พระชนมายุครบ 18 ชันษา ขอทวยเทพแห่งฮวาซาได้อำนวยพรให้องค์หญิงโลลิต้าทรงมีพระเกษม สำราญเป็นมิ่งขวัญแก่ชาวฮวาซา สืบไป”
ท่านธูลมองธิดาอย่างภาคภูมิใจ โลลิต้ายิ้มแย้มตอบ แล้วยืนนิ่งท่วงทีสง่างาม ชองปอลยิ้มส่งสายตาไปที่โลลิต้า แต่โลลิต้าไม่หันมองมา
ราอูลร้องนำถวายพระพรเสียงดัง “โลลิต้า”
ทุกคนในโถงท้องพระโรงแซ่ซ้องตาม เสียงดัง “โลลิต้าๆๆๆ”
ชาวฮวาซาใต้ทุกคนตะโกนชื่อเจ้าหญิงโลลิต้าไป พร้อมกับกำหมัดซ้ายยื่นออกจากหน้าอกตรงตั้งฉากกับลำตัวไปด้วย
นาย และจีจี้ยิ้ม ชะเง้อมองไปที่เจ้าหญิง นายยกมือถือมากดรัวถ่ายรูป ก่อนจะกล่าวรับตามไปเสียงดังพร้อมกับคนอื่นๆ
“โลลิต้าๆๆ”
แนวหน้ายืนคิดเหม่อคิดค้านอยู่ในใจ “ไม่ใช่สิ ไม่น่าใช่”
นายเห็นอาการ เอาศอกกระทุ้งน้องชายเพราะเห็นยืนนิ่งอยู่คนเดียว แนวหน้าสะดุ้ง หันไปเห็นคนอื่นตะโกนชื่อโลลิต้า เลยทำตามแต่เปล่งเสียงเบาๆ เง็งๆ
“โลต้า...เอ่อ ลิต้า...โลลิต้าๆๆ”
ต่อจากนั้น เจ้าหญิงโลลิต้าก้าวมายืนบนมุขของพระราชวัง ยิ้มแย้มโบกมือให้กับประชาชนที่มาคอยต้อนรับ มีท่านธูลยืนเคียงข้างยิ้มชื่นใจ ทั้งสองโบกมือไปมา
ประชาชนในลานพระราชวังร้องแซ่ซ้องลั่น
ประชาชนแซ่ว้องเสียงดังไม่หยุดหย่อน “โลลิต้าๆๆ”
สักครู่หนึ่งท่านธูลและโลลิต้าหันกลับ เดินจากหน้ามุข ชองปอลรีบเข้ามา จะยื่นแขนให้ควง
“น้องหญิง”
โลลิต้ามองเมิน แล้วควงแขนท่านธูลเนียนๆ ชองปอลยื่นแขนค้าง แต่ไม่มีใครสังเกตนอกจากชีฟองที่แอบยิ้มขำนิดๆ ราอูลเดินนำท่านธูลและโลลิต้าทักทายผู้คนตามแถวแนวที่ยืนรอรับเสด็จอยู่
จีจี้ หันไปมองแนวหน้าที่ยืนก้มหน้ามองผ้าเช็ดหน้าในมือไปมา ปากขมุบขมิบพึมพำอยู่คนเดียว ที่คอมีกล้องถ่ายรูปห้อยอยู่
แนวหน้าหัวเราะแค่นๆ เบาๆ กับตัวเอง “เหอะๆๆ ตลกเกินไปละ เจ้าหญิงของฮวาซาหน้าจะไปเหมือนกะยัยคนนั้นเนี่ยนะ..เหอะๆๆ ไม่มีทาง”
“นี่พ่อคุณ” จีจี้หันมาหา แนวหน้าถึงกับสะดุ้ง “บ่นอะไรคนเดียว บ้าหรือเปล่า...มีกล้องก็ทำหน้าที่สิ”
แนวหน้ายังงงๆ เบลอๆ อยู่ “ทำอะไรละเจ๊”
“ก็ถ่ายรูปไง ถ่ายสิเจ้าหญิงโลลิต้ากับท่านประธานมนตรีธูล ภาพแบบนี้มันไม่ได้หาดูกันง่ายๆ นะพ่อคุณ”
แนวหันรีหันขวางไปที่กระเป๋ากล้องของตัวเอง เปิดกระเป๋าค้นดู ปรากฏว่าภายในกระเป๋าไม่มีกล้อง
“เฮ้ย....เจ๊ กล้องผมหาย”
นายเดินเข้ามา ส่ายหัวดิก “ไอ้แนว แกนี่มันโง่หรือไร้สติกันแน่วะ”
แนวหน้างงอยู่ดีๆ ถูกพี่ด่า
“มองหน้าฉันแล้วแกจะเจอกล้องไหม...มันห้อยอยู่ที่คอแกนั่นแหละ”
แนวหน้าก้มลงไปเจอกล้อง หยิบขึ้นมาตั้งท่าจะถ่ายโลลิต้าที่ทักทายแขก ยิ้มแย้ม น่าเอ็นดู จีจี้หันขวับมาหา
“น่ารักจัง...รีบถ่ายเร็วเข้าๆๆๆ” จีจี้หมั่นเขี้ยวตบตีที่หัวไหล่ของแนวหน้าพัลวัน
“นี่เจ๊ ตีอย่างนี้จะถ่ายได้ไหมนี่”
“ก็แกช้าเอง เร็วๆ”
“เมียพี่นี่เก่งแต่สั่ง เนอะ” แนวหน้าหันไปพูดกับนาย
“ไอ้นี่...ยังเว้ย!”
แนวหน้าถ่ายรูปเจ้าหญิงโลลิต้าที่กำลังยิ้มแย้ม สดใส สวยงาม
จังหวะนี้จีจี้ก็ตะโกนขึ้น “เจ้าหญิงโลลิต้า ทางนี้เพคะ” พลางโบกมือไปมา
เจ้าหญิงหันมาทางจีจี้ นายและแนวหน้า ทอดยิ้มมาให้อย่างสุภาพ
แนวหน้ามองผ่านเลนส์ภาพในกล้อง เป็นภาพครึ่งตัวของเจ้าหญิงโลลิต้าเหลียวมองมามอง และกำลังยิ้มให้กล้อง
ราอูลเข้าไปกระซิบกระซาบองค์ราชา ท่านธูลพยักหน้ารับรู้ ก่อนเดินยิ้มแย้มตรงเข้ามาหานายและจีจี้ ส่วนโลลิต้าคุยติดพันอยู่ด้านหน้า ยังไม่เดินตามมาด้วย
“ยินดีต้อนรับ ทั้งสามท่านจากประเทศไทย..ยินดี”
จีจี้ที่ยิ้มหวาน ทุกคนทำความเคารพเงอะงะ มีจีจี้ที่ดูคล่องแคล่ว ไม่เคอะเขินที่สุด
“เอ่อ...เอ่อ...” นายพูดราชาศัพท์ไม่เป็น
จีจี้แทรกตัดหน้า “ถวายบังคมเพคะท่านประธานธูล”
จีจี้ยื่นมือออกไปเพื่อจะจับทักทาย ท่านธูลสะดุดกับสายตาหวานหยดและมือที่จีจี้ทอดส่งมา ก่อนยื่นจับมือจีจี้เขย่าค้าง
“หม่อมชั้นจีจี้เพคะ นี่นายนาย นั่น..แนวหน้าเพคะ เป็นพระกรุณาอย่างยิ่งที่ทรงเรียกพวกเรามา บริษัทจีเอ็นเอ็นพร้อมรับใช้ นครรัฐฮวาซาเสมอเพคะ”
ท่านธูลส่งมือให้นายและแนวหน้าจับอย่างมีเมตตา
นายพูดงึมงำในคอ “กระหม่อม...เอ้อ...กระผม พูดราชาศัพท์ไม่ค่อยคล่องเพคะ เอ้ย พะยะค่ะ”
ท่านธูลหัวเราะ “ตามสบายเถอะคุณ ราชสำนักฮวาซาไม่ได้เคร่งครัดอะไรมากนักหรอก”
นายถอนใจโล่งอกขึ้นมาหน่อย ท่านธูลมองมายังแนวหน้าพร้อมยื่นมือให้จับ
“ส่วนคุณ...ท่าทางจะเป็นฝ่ายครีเอทีฟสินะ”
“ครับ...เอ้ย...พะยะค่ะ”
เสียงใสๆ ของโลลิต้าดังเข้ามา “ท่านพ่อเพคะ”
ท่านธูลหันไปหา โลลิต้าเดินมาพร้อมชีฟอง แนวหน้าตกใจ พยายามจะถอยหลบ แต่ถูกนายจับเอาไว้ให้อยู่ช่วยกันรับเสด็จ เลยได้แต่ยึดเอาตัวพี่ชายบังๆ ไว้
ท่านธูลแนะนำ “ลูกหญิงมารู้จักทีมงานที่จะมาช่วยสร้างสรรค์สารคดีประชาสัมพันธ์ประเทศฮวาซาใต้ของเรา ที่มาจากเมืองไทยสิจ๊ะ นี่คุณจีจี้ นายนาย และคุณแนวหน้า”
นายถวายคำนับ มีแนวหน้าคำนับด้วย จี้จี้ถอนสายบัว โลลิต้ายิ้มอย่างสุภาพให้ทุกคน จนสายตามาพบกับแนวหน้าพอดี ตาเบิกโตตกใจ หลุดอุทาน ชี้หน้า
“นาย..!!”
แนวหน้าที่ใจตุ้มๆ ต่อมๆ อยู่แล้ว ถึงกับผงะตกใจไม่ต่างกัน
ทุกคนมองท่าทีของโลลิต้าอย่างประหลาดใจ
ท่านธูลถาม “มีอะไรหรือลูกหญิง”
โลลิต้าอึกอัก “ก็นายนี่...”
ชีฟองขัดขึ้น “องค์หญิงเพคะ ได้เวลาที่จะต้องเปลี่ยนฉลองพระองค์แล้วเพคะ”
โลลิต้ายังอึกอัก คาใจเรื่องแนวหน้า ชีฟองกึ่งลากกึ่งประคองออกไป ท่านธูลมองตามงงๆ ก่อนจะเดิน เพื่อไปทักทายแขกอื่น โดยราอูลบอกกำชับกับสามคน
“คืนนี้หลังจากพระราชทานเลี้ยงอาหารแล้ว เราจะมาคุยกันเรื่องรูปแบบของภาพยนตร์สารคดีที่หลัง.. หวังว่าพวกคุณคงจะเตรียมตัวให้พร้อมนะครับ”
ราอูลก้มหัวลา แล้วเดินห่างออกไป จีจี้หันขวับมาทางแนวหน้า คาใจสุดขีด
“มีอะไรรึเปล่าแนวหน้า ทำไมเจ้าหญิงถึงมีท่าทีแปลกๆ ตอนเจอนาย”
แนวหน้าอึกอัก “ก็..คงเป็นเพราะผมหล่อมากมั่ง...เจ้าหญิงถึงได้ติดใจ”
“เงียบไปเลยไป” นายบอกอย่างจริงจัง “พวกเราต้องเตรียมตัวให้ดีนะ คืนนี้เราจะต้องพรีเซ้นต์อย่างดีที่สุด และจะต้องได้วานนี้มาให้ได้..เข้าใจมั้ย”
จีจี้พยักหน้า เห็นด้วยเต็มที่ มีเพียงแนวหน้าที่หนักอกหนักใจ พูดไม่ออก
ประตูห้องบรรทมเปิดออกโดยชีฟอง นางกำนัล 2 คน ที่รออยู่ข้างในถอนสายบัว
“ออกไปก่อน” ชีฟองบอก
นางกำนัลรีบออกไป โลลิต้าเดินหน้างอเข้ามา ชีฟองรีบปิดประตู
โลลิต้าไม่พอใจ “พี่ฟอง นายคนนั้นมันคืออีตาบ้าที่ที่มันแกล้งหญิงที่หมู่บ้านน่ะ พี่ห้ามหญิงทำไม”
“องค์หญิงเพคะ ถ้าพี่ฟองไม่รีบห้ามเอาไว้ ความลับเรื่องที่เราแอบหนีไปเที่ยวที่หมู่บ้านวันนี้ก็ต้องแตกแน่ๆ แล้วเราจะเดือดร้อนมากนะเพคะ”
โลลิต้าอึ้งไปเล็กน้อย “มันก็ใช่ แต่เราก็ไม่ควรปล่อยคนบ้านั่นเข้ามาในวังเรา ถูกไม่ถูกพี่ฟอง”
“แต่นายคนนั้นเค้ากำลังจะมาทำงานให้ท่านธูล ให้ฮวาซาของเราไม่ใช่หรือเพคะ เราก็ต้องให้เกียรติเขานะ”
“หญิงไม่ชอบเค้านิสัยไม่ดี...ผู้ชายบ้าอะไรแย่งของผู้หญิง แล้วเค้าก็ทำหญิงเจ็บด้วย”
“แต่เค้าก็ไม่รู้ไม่ใช่เหรอเพคะ ว่าองค์หญิงเป็นผู้หญิงน่ะ”
“ไม่รู้แหละ ยังไงๆ หญิงก็ไม่มีวันที่จะยอมให้คนที่หญิงไม่ชอบหน้ามาทำงานอยู่ในประเทศของเราแน่ๆ”
โลลิต้าทำท่าจะเดินผละไป
“องค์หญิงลืมแล้วเหรอเพคะ ว่าทีมงานนี้มาจากประเทศไทย”
โลลิต้าหันมา “แล้วไง!”
ชีฟองเดินเข้ามาใกล้ๆ “เมืองไทยมีคนบางคนที่องค์หญิงอยากพบมากอยู่ไม่ใช่หรือเพคะ”
โลลิต้าอึ้ง นึกขึ้นได้ พูดไม่ออก
ขณะเดียวกัน มองจากระเบียงห้องพักในวัง แลเห็นบรรยากาศสวยงามริมน้ำ ทิวเขาสลับซับซ้อน จีจี้และนายชื่นชมวิวทิวทัศน์ที่ระเบียงห้องอย่างแสนสุข ผิดกับแนวหน้าที่ดูครุ่นคิด กลัดกลุ้มอยู่คนเดียว
“ประเทศฮวาซานี่ช่างสวยจริงๆนะ...” จีจี้หันมา “หนังของเราจะต้องออกมาสวยเพอร์เฟ็คท์แน่ๆ ใช่มั้ยแนว”
แนวหน้าดูจมอยู่ในความคิดอยู่ จนไม่ทันได้ฟัง
“ไร แนว...นายไม่ได้ยินที่จี้เค้าพูดเหรอ”
แนวหน้าเงยหน้าขึ้นมองงงๆ “อะไรนะเจ๊”
“ชั้นบอกว่า ฮวาซาเนี่ยคงมีอะไรสวยๆให้เราถ่ายเยอะแยะแน่ๆ นายต้องทำหนังให้ออกมาสวยๆนะ เอาให้เป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของบริษัทเราเลย”
แนวหน้าอึกอัก “แล้วถ้า...ถ้าเราไม่ได้งานชิ้นนี้ล่ะ...จะเป็นอะไรมั้ย”
“ว่าไงนะ” สองคนร้องลั่น
นายและจีจี้ทำหน้าเหมือนแนวหน้าพูดอะไรผิดมหันต์
“คือ..ผมหมายความว่า...เอ่อ...พูดเผื่อๆ ไว้น่ะ”
“ไม่ต้องพูดเผื่อเลย เพราะไม่ว่ายังไงเราก็ต้องได้งานนี้ ชั้นไม่เห็นทางเลยว่า เราจะไม่ได้งานนี้ได้ยังไง”
“เฮียไม่เผื่อใจไว้บ้างเลยเหรอ” แนวหน้าเสียงอ่อย
“ไม่จำเป็น..ถ้าเรา 3 คนผนึกกำลังกันแล้วล่ะก็ ไม่ว่าใครหน้าไหนก็เอาชนะเราไม่ได้เด็ดขาด” จีจี้บอกกับนาย “ไหนที่รัก ลองซ้อมพรีเซ้นต์สิว่าจะพูดยังไงบ้างคืนนี้”
นายกระแอม แล้วทำท่าให้เป็นพิธีกร ก่อนจะลองซ้อมการพรีเซ้นต์
แนวหน้ายังมีท่าทีกังวลไม่หาย
อ่านต่อหน้า 2
น่ารัก ตอนที่ 2 (ต่อ)
ค่ำนั้น จอโปรเจ็คเตอร์ ในห้องประชุมของวัง ฉายสารคดีที่ทำมาเป็นแนวทาง แนวหน้าเป็นพิธีกรพาเที่ยวที่สวยงามกับสาวชาวบ้าน ด้วยการถ่ายที่สวยงาม ตัดต่อทันสมัย บรรยากาศสนุกสนาน
เมื่อสารคดีจบลง ไฟสว่างขึ้น ท่านธูลและราอูล และคณะเสนาบดี 2-3 คน ตบมือตามมารยาท
“ทำได้สนุกสนานมาก...น่าสนใจทีเดียว”
“เราจะนำเสนอประเทศฮวาซาใต้ โดยผ่านมุมมองของคนที่ไม่เคยรู้จักประเทศนี้มาก่อนเลย..ซึ่งพิธีกร นั่นก็คือ แนวหน้า สุขขารมย์ ครีเอทีฟของเราผู้ซึ่งทำหนังสั้นได้รางวัลมาแล้วมากมายหลายสถาบัน” นายกล่าว
จีจี้เสริม “แนวหน้าจะเรียนรู้วัฒนธรรม ประเพณี ความเชื่อและภูมิประเทศต่างๆ ของฮวาซาใต้ และผู้ที่นำเที่ยวคงไม่มีใครจะดีไปกว่า...เจ้าหญิงโลลิต้า กุหลาบงามแห่งอาณาจักรฮวาซาใต้”
โลลิต้าพูดขึ้นน้ำเสียงไม่พอใจ “แล้วทำไม พิธีกรถึงต้องเป็นนาย เอ๊ย คุณคนนี้ด้วย”
ทุกคนนิ่งอึ้ง เสนาบดีมองกันเลิกลัก แม้แต่ท่านธูลก็ถอนใจใหญ่
ประตูห้องเปิดออก ชองปอลเดินกร่างเข้ามาอย่างไม่เกรงใจใคร
“นั่นสิ...มันควรจะเป็นชาวฮวาซาด้วยกันมากกว่า เช่น คนฮวาซาใต้นำ...ชาวฮวาซาเหนือเที่ยว ยิ่งถ้าเป็นมกุฎราชกุมารีแห่งฮวาซาใต้พาเจ้าชายฮวาซาเหนือเที่ยว...มันจะน่าประทับใจขนาดไหน”
แนวหน้าโพล่งขึ้นมา “แต่ว่า...”
โลลิต้าขัดขึ้น “พอเถอะค่ะ...” ทุกคนอึ้ง “หม่อมชั้นไม่ได้ต้องการทั้งเจ้าชายและคุณแนวหน้าให้มาร่วมดำเนินรายการกับหม่อมชั้น”
ทุกคนอึ้ง..มองหน้ากันเลิกลัก
“ทางเราสามารถเปลี่ยนตัวพิธีกรดำเนินรายการร่วมได้อย่างแน่นอนเพคะ”
แนวหน้าและนายหันไปมองจีจี้พร้อมกัน อย่างไม่เชื่อหู จีจี้ทำเป็นไม่สนใจและยังพูดกับเจ้าหญิงต่อไป
“แล้วเจ้าหญิงทรงอยากให้ใครมาดำเนินรายการร่วมไหมเพคะ หรือว่า ทรงอยากจะดำเนินรายการพระองค์เดียว..เดี่ยวๆ เด่น”
“ไม่ค่ะ ฉันทำไม่เป็นหรอก ขอเป็นแค่คนตอบ เพราะฉันคงตอบได้ดีกว่าคนอื่น แต่ตัวพิธีกร ฉันอยากได้คนไทยคนนึง ที่ฉันอยากรู้จักมากๆ มาทำงานด้วย”
“ใครละเพคะ นำเสนอมาได้เลยเพคะ ทุกคนคงจะยินดีที่ได้รับเกียรติมาร่วมงานกับเจ้าหญิง”
“คนคนนั้นเป็นใครล่ะ...ลูกหญิง” ท่านธูลฉงน
“เค้าคือ...คุณน้ำเชี่ยวค่ะ...น้ำเชี่ยว...”
จีจี้อ้าปากค้าง นายและแนวมองไปที่เจ้าหญิง อ้าปากค้างเช่นกัน ท่านประธานธูลและสมุหราอูล แขกในงานคนอื่นๆ ก็อ้าปากค้าง
บรรยากาศเงียบงันกันไปสักพักหนึ่ง ก็มีเสียงพูดแทรกขึ้นมา
“ใครวะ”
เป็นเสียงแนวหน้าที่พึมพำพูดเบาๆ แต่กลายเป็นเสียงดัง เพราพูดแทรกขึ้นในความเงียบ นายและจี้จี้รีบกระทืบเท้าแนวหน้ากันคนละข้าง
เจ้าหญิงหันกลับมามองแนวหน้า ขมวดคิ้วนิดๆ ชีฟองเห็นท่าเจ้าหญิงไม่ดี จึงพูดขึ้นมา
“คือเจ้าหญิงหมายถึง..น้ำเชี่ยวแห่งเรื่อง อยากหยุดตะวันไว้ที่ตรงนั้น นะคะ”
“อ๋อ..อยากหยุดตะวันไว้ที่ตรงนั้น..ละครไทย”
“แล้วใครเล่นเป็นน้ำเชี่ยวล่ะเจ๊” แนวหน้างง
จีจี้ส่ายหน้า บอกเบาๆ “ฉันดูละครซะที่ไหน นายก็รู้”
ชีฟองบอก “พระเอกก็คือ...คุณไผท ไพศาลีค่ะ”
จีจี้ นาย และแนวหน้าประสานเสียง “ไผท!”
แนวหน้านึกได้ ร้องลั่น “ไผท”
ทุกคนหันมองแนวหน้าว่าเกิดอะไรขึ้น
“ค่ะ...ถ้าได้คุณไผทมาเป็นพิธีกรร่วม ฉันก็ยินดีค่ะ...แต่ถ้าไม่ได้...เราก็คงจะต้องลองพิจารณาภาพยนตร์ของประเทศอื่นดู”
จีจี้ร้อนรน “ไม่ได้เพคะ ได้แน่ๆ ไม่มีปัญหา จีจี้สนิทสนมกับซูเปอร์สตาร์ จากเมืองไทยคนนี้อย่างมากเพคะ”
แนวหน้าเซ็งสุดขีด “เจ๊!”
จีจี้ไม่ฟัง “เราจะพาไผทมาเป็นพิธีกรในภาพยนตร์สารคดีเรื่องนี้ได้แน่นอน จีจี้สัญญาเพคะ”
โลลิต้ายิ้มอย่างดีใจ ชองปอลฮึดฮัด แนวหน้าตะลึง หน้าตึงเปรี๊ยะคล้ายใกล้จะระเบิดเต็มทน
ขณะเดียวกัน บนเวทีงานอีเว้นท์ ในโรงแรมหรูของกรุงเทพฯ เป็นงาน รณรงค์กินผักต้ม ของกระทรวงสาธารณสุข ผู้คนถ่ายรูปพึ่บพับ ไผทพระเอกของงานกับท่านรัฐมนตรีกำลังตักผัก จากในหม้อน้ำเดือดๆ ขึ้นมาใส่จานจานหนึ่ง ก่อนที่รัฐมนตรีจ้วงตักกินผักต้มโชว์ ไผทจดๆ จ้องๆ ยิ้มเจื่อนๆ
“ผักทุกประเภทล้วนให้วิตามิน และแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย การต้มผักก็เป็นอีกวิธีที่ช่วยให้ปลอดภัย จากสารพิษนะคะ...อย่างที่คุณไผทกับท่านรัฐมนตรีปองศักดิ์ กำลังทำนี่ละค่ะ รับประทานอร่อยด้วย ค่ะ ดูซิคะ” พิธีกรเจื้อยแจ้ว
รัฐมนตรีเคี้ยวด้วยสีหน้าสุดแสนอร่อยล้ำ ยิ้มให้นักข่าวที่รัวถ่ายรูป ก่อนจะหันมาหาไผทที่ยืนยิ้มถือจานค้างอยู่ข้างๆ แล้วพยักหน้าเชิญชวนให้ลองกิน ไผทยิ้มแหะๆ หน้าไม่สู้ดี ก่อนจำยอมฝืนตักผักต้มเข้าปากเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย
สุดท้ายไผทยืนเรียงแถวกับรัฐมนตรี ผู้ติดตาม และข้าราชการ ที่ยกนิ้วแม่โป้งขึ้นพร้อมกันเพื่อถ่ายรูป
ไผทรีบก้าวลงมาจากเวที พลันมีนักข่าวบันเทิงกรูเข้ามาถึงตัวแทบจะทันที ไผทถึงกับหน้าแหย เผลอจะอ้าพูด แต่เหมือนกำลังอมตุ่ยอะไรในปาก สอดตามองหาฟิน
นักข่าว1 ยิงคำถาม “ไผทคะ เรื่องน้องนักศึกษา...ที่เป็นข่าวลือในอินสตาแกรมตอนนี้น่ะค่ะ”
ไผทยกมือโบกไปมา พยายามจะยิ้ม
นักข่าว 2 ซัก “ไผทไปที่คอนโดน้องนักศึกษาชื่อก้อย ใช่มั้ยคะ”
ไผทสะดุ้ง พอดีฟินโผล่มาดึงไผทกันนักข่าวให้
“ขอโทษนะจ๊ะๆ ไผทต้องรีบ ไว้พรุ่งนี้นะ...นะ”
นักข่าว 1 ไม่ยอม “ไผทคะ ตกลงว่าจริงใช่มั้ย กำลังคบกันอยู่ใช่มั้ยคะ แล้วคุณลูกปูล่ะคะ”
ฟินรีบดึงตัวไผทหลุดออกไปจากวงนักข่าวได้อย่างทุลักทุเล
ไผทรีบคายผักต้มในปากที่อมตุ่ยอยู่นานทิ้งลงในถังขยะ
“นี่พี่ฟิน ทำไมไม่เห็นมีใครบอกผมเลยว่างานนี้ต้องมีกินผักโชว์ด้วย พี่ก็รู้ว่าผมไม่ชอบกินผัก”
ฟินเดินตามเข้ามาติดๆ ปิดห้องอย่างแน่นหนา มองรอบตัวว่ามีใครแอบอยู่รึเปล่า
“เอาเถอะน่า...นิดๆ หน่อยๆ กินผักน่ะมันดีต่อสุขภาพร่างกาย”
“แต่ผมไม่ชอบนี่นา”
“ไม่ชอบกินผัก...แต่ชอบ...ข่าวเรื่องสาวๆ ใช่มั้ย บอกมาเดี๋ยวนี้นะว่าเรื่องยายเด็กก้อยอะไรนี่มันยังไงกัน ไปหาเค้าถึงคอนดงคอนโดเลยเหรอ”
ไผทตอบซื่อๆ “จริงพี่”
ฟินปรี๊ด “ต๊าย...ไปทำไม”
“ก็เค้าบอกว่า เค้ามีรูปถ่ายกับผม ตอนที่ผมไปกับเค้าคืนนึง...ถ้าอยากได้คืนก็ให้ไปหาเค้าที่คอนโด...ผมก็เลยไป”
ฟินปวดตับ จะบ้าตาย “ต๊ายไผท..อีตาบ้า ทำไมไม่บอกให้พี่จัดการ ทำไมซื่อบื้อแบบนี้”
“ก็ผมไม่รู้นี่ว่าจะมีคนเห็น”
ฟินตีแขนเผียะ “พอเลยนะ.ต่อไปนี้พี่จะจัดการเอง ทำอะไรไม่รู้จักระวัง ก็รู้ไปทั่ว”
“ผมไม่ได้เจ้าชู้ซักหน่อย...ผมแค่ไม่อยากให้ใครผิดหวัง” ซุปตาร์หล่อลากยิ้ม
“ยังจะมาพูดเล่นอีก นี่ถ้าคุณลูกปูรู้เข้าจะทำยังไง ถ้าเค้าโกรธละก็ งาน Presenter ของ Blue ต้องอดแน่นอน”
มีเสียงเคาะประตูเบาๆ ฟินเดินไปเปิด ทีมงาน 2-3 คนเดินเข้ามา ไผทมองงงๆ
“มาแล้วค่ะ ทีมงานจากคุยกับจูดี้พร้อมแล้ว คุณไผทเปลี่ยนชุดได้เลย” 1 ใน 3 บอก
ไผทงงหนัก “เดี๋ยวเดี๋ยว นี่มันอะไรกันครับพี่ฟิน”
ฟินยิ้มแฉ่ง “พี่ลืมบอกไผทไป...ถ่ายรายการต่ออีกนิดนะจ๊ะ คิวแทรก ขออีกครึ่งชั่วโมงเท่านั้น นะจ๊ะ..นะจ๊ะ”
ไผทดูนาฬิกา 3 ทุ่มครึ่งแล้ว ทำหน้าอยากอาละวาด แต่ไม่กล้า ทุกคนมองไผทเขม็งเป็นเชิงบังคับแกมขอร้อง
วันต่อมา ที่ร้านเสื้อ ขิงดีไซน์ ในห้างหรูแห่งหนึ่ง กลางกรุงเทพฯ มีเสียงดนตรีแจ๊สขับคลอเบาๆ ในร้าน คุณลูกปูสาวไฮโซ กำลังนั่งเปิดดูคอลเล็คชั่นใหม่ รอเวลาอยู่มุมหนึ่งในร้าน แต่ก็คอยมองไปที่หน้าประตูทางเข้าร้าน กับนอกกระจกร้าน มองเห็นคนเดินไปมาอยู่เป็นระยะๆ
ที่มุมในร้าน พนักงานจะเอาแก้วน้ำมาเสิร์ฟให้ ขิงเดินมาสะกิด แล้วหยิบเอาแก้วนั้นเดินมาวางตรงหน้าคุณลูกปู แทนแก้วเก่าที่น้ำแข็งละลายแล้ว
“น้ำค่ะ...แก้วเดิมน้ำแข็งละลายหมดแล้ว”
“ขอบคุณค่ะ” สาวไฮโซปรายตามองไปนอกร้าน
“คุณลูกปูใช่มั้ยคะ?”
“ค่ะ”
“เห็นว่า คุณลูกปูจะมาหาชุดไปงานเปิดตัวมือถือใหม่ของบริษัทใช่ไหมคะ”
ลูกปูมองงง รู้ได้ไง “ค่ะ ใช่ค่ะ ทำไมถึงรู้ละคะ”
ขิงยิ้ม “ต้องการแบบไหนดีคะ ขิงจะได้ช่วยแนะนำ”
“อ้อ...นี่คุณขิงเจ้าของร้านนี่เอง...ที่ไผทบอก...สวัสดีค่ะ”
“ใช่ค่ะ ขิงเอง สวัสดีค่ะ...ไผทโทร.มาบอกขิง..ว่าคุณลูกปูจะมาให้ขิงช่วยดูแลด้วย”
ลูกปูงง เล็กน้อย “อ๋อ ค่ะๆ ไผทแนะนำลูกปูให้มาร้านคุณขิง บอกว่าใช้บริการคุณขิงบ่อยมาก แต่เค้าบอกว่าเดี๋ยวจะมาช่วยเลือกดู...งั้นปูรอเขาก่อนดีกว่า”
“แต่ไผทเพิ่งโทร.มาเมื่อครู่นี้ ฝากให้ขิง...ช่วยดูแลคุณลูกปูด้วยเพราะกำลังติดคิวงานแทรกพอดี เค้าฝากขอโทษบอกว่าเสร็จงานแล้วจะรีบโทร.กลับค่ะ”
ลูกปูเหวอ หน้าเจื่อนไปเล็กน้อย ขิงยิ้มปลอบ ให้กำลังใจ
อ่านต่อหน้า 3
น่ารัก ตอนที่ 2 (ต่อ)
ฟากแนวหน้าเดินเข้ามาในห้องพัก หน้าตาบึ้งตึง นายกับจีจี้เดินตามเข้ามาด้วย จีจี้รีบปิดประตู แนวหน้าวิ่งไปเปิดหน้าต่าง แล้วตะโกนออกมาสุดเสียง
“โว้ยย”
จีจี้กับนายตาเหลือก นายกระโจนเข้าอุดปากน้องชาย
“ไอ้แนว...ไอ้บ้า!”
ประตูห้องเปิดออก ทหาร 2 คน พรวดเข้ามาพร้อมอาวุธ
“เกิดอะไรขึ้น” 1 ใน 2 ถาม
“ปละ...เปล่าครับ ไม่มีอะไรครับ น้องชายผมมันดีใจน่ะครับ” นายรีบแก้ ทั้งที่ยังงงๆ
“ใช่ค่ะ เค้าดีใจจะได้ทำสารคดีโปรโมทประเทศฮวาซา”
“ครับ ดีใจไปหน่อยจนระงับอารมณ์ไม่ได้ ขอโทษทีครับ”
ทหารมองหน้าแนวหน้าที่ยังโดนอุดปากอยู่ อย่างไม่ค่อยไว้ใจ แล้วค่อยๆ ลดปืนลง ก่อนจะถอยออกไป จีจี้วิ่งไปปิดประตูล็อค
“เป็นบ้าอะไรของแกฮะไอ้แนว”
“ผมจะไม่มีวันทำงานชิ้นนี้เป็นอันขาด ถ้าจะต้องใช้ไอ้ไผท”
นายกับจีจี้ตะลึง
“แกพูดอะไรของแก”
“ผมก็พูดว่า...ไปหาคนอื่นทำงานชิ้นนี้เถอะ...ผมไม่ทำ!”
แนวหน้าเดินปังๆ ออกไปจากห้อง จีจี้กับนายตะลึง ทำอะไรไม่ถูก
ขณะเดียวกันที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง ในกรุงเทพฯ ดอกไม้ช่องามช่อโต ถูกยื่นมาวางตรงหน้าให้ลูกปูที่มองค้อนนิ่งๆ จ้องหน้าคนให้ ไผทเจ้าของช่อดอกไม้ทำหน้าสุภาพขอโทษ
“ผมขอโทษที่ให้คอย อย่าโกรธผมเลยนะ...นะครับ
ลูกปูยอมยื่นมือไปรับไว้
“ผมดีใจที่คุณลูกปูเข้าใจผม...มันเป็นรายการสัมภาษณ์สด...ผมจะไม่ยอมก็ไม่ได้”
“ไม่เป็นไรค่ะ...ลูกปูเข้าใจ...แล้วนี่งานไผทเสร็จงานแน่จริงๆ ใช่มั้ยคะ”
“ต้องขอโทษที่ให้คุณไปที่ร้านขิงคนเดียว แต่ขิงเค้าดูแลคุณดีอยู่ใช่มั้ยครับ”
พลันเสียงข้อความไลน์ ดังเด้ง 3-4 ที ไผทสะดุ้งรีบหยิบมือถือที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาแทบไม่ทัน
ลูกปูมองจ้องที่มือถือไผท “มีอะไรคะ...งานอีกแล้วเหรอ”
ไผทเลี่ยงยกมือขึ้นใกล้หน้า กดมือถือดู “เอ้อ”
หน้าจอมือถือเห็นชื่อก้อยส่งไลน์มา ไผททำเนียนกดดูต่อ
“คือ...พี่ฟินไลน์มานัดคุยงานกับลูกค้า...เอ่อ...พรุ่งนี้นะครับ”
“คุณลูกปูค่ะ นี่ค่ะ”
เสียงขิงนำมาก่อนเจ้าตัวเดินหน้าเมื่อยเข้ามา ยื่นถุงๆ หนึ่งให้ แล้วยิ้มทักไผท
“อ้าวขิง...มาได้ไง”
“อ๋อ..คือขิงเอาเดรสอีกตัว แบบที่คุณลูกปลาอยากได้มาให้ ทีแรกคิดว่ามีคนเอาไปแล้ว แต่เด็กที่ร้านดูผิด..ขิงต้องขอโทษจริงๆ นะคะ คุณลูกปู”
“ไม่เป็นไรค่ะ ได้มาแล้วก็ดี” ลูกปูหันหน้ามาทางไผท “คุณขิงน่ารักจริงๆ นะคะ ไผท ขอบคุณที่แนะนำให้ลูกปูมาร้านนี้”
“ขิงต่างหากที่ต้องขอบคุณไผท ที่แนะนำลูกค้าที่ดีๆ มาให้ขิง ไผทใจดีกับเพื่อนเสมอเลยค่ะคุณลูกปู คุณลูกปูต้องรักเค้ามากๆ นะคะ”
ลูกปูอายม้วนต้วน
ไผทเย้าขำๆ “อ้าว มีงี้ด้วย”
ขิงหัวเราะ ไผททำหน้าตาน่าเอ็นดู ลูกปูแอบเหล่มองสองคน อย่างระแวง
คืนเดียวกัน เจ้าหญิงโลลิต้าอยู่ในชุดนักดาบเซเบอร์ มองเห็นเป็นเงาดำ กำลังซ้อมฟันและแทงดาบไปที่หุ่นซ้อม ประตูทางเข้าห้องถูกเปิดออก เห็นชีฟองยื่นนิ่งอยู่
“องค์หญิง”
โลลิต้า ไม่หันมา
ท่านประธานธูลเดินแทรกตัวเข้ามาในประตู “ลูกหญิง”
โลลิต้าหยุดหันมา “เสด็จพ่อ”
“พ่อมีเรื่องอยากจะพูดกับลูก”
โลลิต้าหยุด ก่อนยอมถอดหน้ากากออก หันมา
“พ่อว่าทีมไทยและนายครีเอทีฟหนุ่มคนนั้นก็คิดงานมาพอใช้ได้นะ มันจะไม่แปลกไปหน่อยเหรอที่เราจะใช้ดาราเป็นตัวกำหนดในการถ่ายทำ”
“ไม่แปลกหรอกเพคะ เราจะได้รู้ไงว่าบริษัทของเค้ามีความสามารถพอรึเปล่า”
“ลูกหมายถึง ความสามารถในการตัดต่อนักแสดงที่ลูกต้องการน่ะเหรอ มันจะไม่ไร้สาระไปหน่อยเหรอลูก”
เจ้าหญิงยิ้มรับ
“ประเทศของเราเป็นประเทศเปิดใหม่ สถานการณ์อะไรก็ไม่แน่นอนซักอย่าง ทุกอย่างมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ถ้าบริษัทของเค้ายึดติดอยู่กับรูปแบบและสคริปท์ที่เค้าเตรียมมาตลอดเวลาแล้วละก็ ลูกคิดว่าเค้าคงทำงานให้เราไม่ได้แน่ๆ ลูกถึงเสนอให้เค้าทำอะไรแปลกๆ ยังไงล่ะเพคะ เสด็จพ่อคิดว่ามันไม่เข้าท่าเหรอเพคะ”
ท่านธูลถอนใจเฮือกใหญ่
ขณะเดียวกันจีจี้กับนายเดินมาตามทางเดินในวัง ตามหาแนวหน้าอย่างร้อนใจ ชะเง้อชะแง้แลหา
นายร้องเรียกเสียงไม่ดังนัก “แนว..ไอ้แนว...อยู่ไหนวะ แนว”
“วังกว้างขนาดนี้ เราจะไปหาที่ไหนกันเนี่ย ...แนวหน้า..กุ๊กๆๆ” จีจี้เรียก
“ไม่ใช่ไก่! โอ๊ย! ทำไมมันเป็นคนบ้าๆ บอๆ แบบนี้นะ ไม่รู้จะเกลียดชังอะไรไผทเค้านักหนา”
“นั่นนะสิ...แค่เค้าเล่นละครไม่เก่งเท่านั้นเอง แล้วมันก็เป็นเรื่องสมัยโบราณมาแล้วด้วย ตอนนี้เค้าเป็นดาราดังจะตาย”
“หรือว่า...มันจะอิจฉานายไผท”
“อิจฉาเรื่องอะไรอ่ะ เพราะเค้าหล่อกว่านะเหรอ ถ้างั้นมันต้องอิจฉาผู้ชายทั้งโลกแล้วล่ะ”
นายทำท่าจะแย้ง แล้วเผอิญหันไปเห็นทหารคนที่ไปรับจากสนามบิน
“คุณ...คุณทหาร”
นายวิ่งไปหาทหาร ที่หันมายิ้มอย่างจำได้ ตะเบ๊ะทักเข้มแข็ง
“คุณเห็นแนวหน้ามั้ย น้องชายผมน่ะ เค้าหายไปไหนก็ไม่รู้”
“อ๋อ เห็นครับ”
จีจี้แปลกใจ “เค้าอยู่ที่ไหนคะ”
“ผมเห็นเค้าออกไปนอกวังนะครับ เค้าถามผมว่า แถวนี้มีร้านเหล้าที่ไหนบ้าง แล้วก็วิ่งออกไปครับ”
ทหารตะเบ๊ะอีกทีแล้วจากไป นายตะลึง
“นี่ไอ้แนวมันคิดว่า เรามาอยู่บ้านเพื่อนรึไงนะ นึกจะไปไหนก็ออกไปได้ง่ายๆ นี่มันพระราชวังนะเว้ย!”
นายเดินหุนหันออกไปตามด้วยความโมโหๆ จีจี้วิ่งตามไป
ร้านเหล้าในย่านชุมนุมนักดื่นนักเที่ยว ตกแต่งอย่างสวยงามมีสไตล์โคโลเนียล ทั้งโทนสีแดงและสีเหลืองตุ่นๆประสมกัน ประดับตกแต่งไปด้วยโคมไฟ และไฟหยดน้ำ
ที่โต๊ะเล็กๆ โต๊ะหนึ่งในร้านแห่งนี้ แนวหน้านั่งมอบหมดสภาพอยู่กับโต๊ะคนเดียว มองแก้วเหล้าไปมา
“ไอ้ไผท..ไอ้บ้า...แกจะมายุ่งกับชีวิตของชั้นอีกทำไม...หา”
ภาพอดีตเมื่อ 3-4 ปี ก่อนผุดเข้ามาในห้วงคิด
เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ในกรุงเทพฯ ตอนค่ำ
ริ้วรวงประดับประดาตกแต่งทั่วห้างด้วยสีชมพูและดอกกุหลาบ มีคิวปิดเป็นไฮไลท์ อันบ่งบอกถึงเทศกาลแห่งความรัก
แนวหน้าในชุดพนักงานออฟฟิศหล่อเฟี้ยว เดินเลือกการ์ดวาเลนไทน์ที่แผง หยิบขึ้นมาใบแล้วใบเล่าไม่ถูกใจสักที สีหน้าแนวหน้าดูออกว่าหนักใจมาก
“เอาวะ..ถึงเกิดมาไม่เคย แต่ก็ต้องลองสักครั้งเว้ย..กลัวที่ไหนเอ็ง”
แนวหน้ากวาดตามอง แล้วยื่นมือไปที่แผงหยิบมา
ไม่นานต่อมา แนวหน้าเดินถือถุงห้างใส่การ์ดวาเลนไทน์ที่ซื้อมาแล้ว เดินลิ่วๆ ไปเจอเข้ากับกลุ่มแฟนคลับไผท ที่ขวางทางจะลงบันไดเลื่อนอยู่เต็ม แนวหน้าพยายามหาทางจะไป แต่ไม่มีใครสน หลีกให้
“โอ๊ย อะไรเนี่ย คนจะรีบ” พลางยกนาฬิกาขึ้นมาดู “เดี๋ยวไม่ทัน...พี่น้องครับ เอ่อ..เดินกันเร็วๆ หน่อยนะครับ”
ไม่มีใครสน เอาแต่กรี๊ดๆๆ ส่งเสียงเซ็งแซ่ “ว้ายๆ นั่นๆ ใช่ไหม” / “ใช่ๆ ใช่จริงด้วย” / “ว้าย หล่ออ่ะ ตัวจริงล้อหล่อ” / “อ๊ายๆๆ”
แนวชักฉุน “นี่ น้องครับ หลีกทางนิสส พี่แนวขอ...”
แฟนคลับฮือ กรี๊ดๆๆ ดังขึ้นอีก “อ๊ายย...พี่ไผทๆ”
แนวหน้าถึงกับหยุด สะดุดกึก ก่อนจะรีบชะเง้อมองผ่านฝูงคนไปรำพึงเบาๆ “ไผท!”
แนวหน้าตะลึงนิ่งอยู่กับที่ มองไผทในชุดสูทขาวหล่อเนี้ยบ เดินยิ้มหวาน ตาเป็นประกาย โบกไม้โบกมือให้บรรดาสาวกที่มาอออยู่หน้าบันไดเลื่อนเพื่อจะเดินลงบันไดมาร่วมงานเปิดตัวหนังเรื่องหนึ่ง
เสียงพิธีกรดังขึ้น “ขอเชิญท่านได้พบกับพระเอกวัยรุ่นสุด น้องไผท ไพศาลีครับ”
แฟนคลับร้องวี้ด ร้องกรี๊ดๆๆๆ / “พี่ไผทขา แต่งงานกะหนูนะ” / “พี่ไผท ไอเลิฟยู”
แนวหน้ายืนกลืนน้ำลายเอื้อก พึมพำ “มันดังขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย”
ที่สุดแนวหน้าหลุดออกจากห้างได้ รีบวิ่งลนลาน แซงคนที่เดินขึ้นลงบันไดสถานีรถไฟฟ้าจ้าละหวั่น บ่นกับตัวเอง เบาๆ
“เบื๊อกเอ้ย ทำกูช้า..ซวยละ”
แนวหน้าลิ่วลงมาถึงใต้สถานี ยกนาฬิกาขึ้นดู เหงื่อโทรม มองหาแท็กซี่ กัดฟัน
“ไม่ทันแล้วโว้ยๆ บ้าเอ้ย..แท๊ก...”
แนวหน้าโบกรถแท็กซี่คันหนึ่งที่แล่นผ่านมา แต่ไม่จอด เลยหันมองตาม
“เฮ้ย”
รถแท็กซี่อีกคันแล่นตรงมาจะจอดเทียบ แนวยิ้มเตรียมตัวขึ้นเ แต่กลับเป็นผู้หญิงสาวผมยาว ขาว หมวย เดินมาโบกตัดหน้า
“อ้าว...นี่คุณ”
หญิงคนนั้นหันมา “เอ่อ...คุณโบกเหรอคะ”
แนวหน้าตะลึง เสียงอ่อนไปทันตา “ก็..ไม่เป็นไร เชิญก่อนครับ” พร้อมกับยิ้มหวาน
“ขอบคุณค่ะ”
หญิงสาวขึ้นรถไป แนวหน้ายืนยิ้มมองตาม ก่อนหันมองหาแท็กซี่ต่อ พลันเสียงแตรรถยุโรปคันหนึ่งดังลั่น แนวหน้ามองหา เห็นรถยุโรปยี่ห้อดังจอดเทียบตรงหน้า กระจกรถลดลง ไผทในชุดขาวหล่อชุดเดิมโผล่หน้ามาทักอย่างตื่นเต้น
“พี่...พี่แนว...ใช่ด้วย”
แนวหน้าที่เบื้องแรก งงๆ มองจนจำได้ “ผะ..ไผท”
“ผมคิดแล้วว่าใช่พี่แน่ ไม่ได้เจอซะนานนะครับ พี่เพิ่งเลิกงานหรือครับ”
“เอ่อ..อืม..ทำไม”
“นี่พี่จำผมได้หรือเปล่า...ผม ไผท ที่เคยจะมาเล่นละครให้ชมรมพี่เมื่อสองปีก่อน แล้วพี่บอกว่าผมเล่นไม่ได้เรื่องน่ะ”
“อ๋อ...อ้อ...อ๋อ...จำได้”
“พอหลังจากพี่ด่าผมวันนั้น ผมก็ได้เป็นดาราอ่ะพี่ พี่เคยดูหนังที่ผมเล่นรึเปล่า...แล้วนี่พี่จะไปไหนครับ ผมจะกลับเข้ามหา’ลัย”
“เอ้อๆ กะ..กลับบ้านสิ”
“เอ่อ...งั้นโชคดีนะครับพี่”
“เค...เออ ไปเหอะ”
ไผทส่งยิ้มก่อนปิดกระจกลง แล้วออกรถไป แนวหน้าไม่มองตามเบะหน้า บ่นบ้ากับตัวเอง
“หึ้ย จำผมได้มั้ย...ทำไมต้องจำ...ดังตายละ ไปเป็นดาราได้เพราะหล่อล่ะวะ ไม่ใช่เพราะฝีมือหรอก”
ป้าคนหนึ่งเดินเข้ามายืนข้างๆ “หล่อนะ เป็นดาราใช่มั้ย”
แนวหน้าหันขวับไปมอง เขินเล็กๆ “อ้อ...ขอบคุณครับ ไม่ใช่ครับ คือผมไม่ใช่”
“แต่ป้าจำได้นะ ว่าเป็นดารา ชื่อไผท ไพศาลี ที่ดังๆนั่น ที่ขับรถไปเมื่อกี้...ใช่ๆ ป้าว่าใช่...ใช่มั้ย”
ป้าเดินบ่นไปยิ้มไป แนวหน้ากลืนน้ำลายเอื้อก
อีกเหตุการณ์ ที่โต๊ะวงเหล้าผับข้างถนนหลังมหา’ลัย ค่ำคืนหนึ่ง แก้วถูกยกชนกัน เป็นกลุ่มก๊วนนักศึกษามหาวิทยาลัยปีสุดท้าย 3-4 คน ในชุดนักเที่ยวราตรีกำลังอ้อแอ้ได้ที่ ร้องเพลงเสียงดัง
“อกหัก อกหัก อกหักมาพักบ้านนี้..กูเป็นคนดีทำไมอกหัก” แล้วชนแก้วกันอีก
“เย้ ให้ไอ้ผ่อง” / “เพื่อผ่องเว้ย” / “มึงเลยผ่อง”
“ดื่มให้วันขมขื่นในวันวาเลนไทน์” นักศึกษา 1 ในก๊วนบอก
ทุกคนร้องเย้ ชนแก้วอีก
แนวหน้าเดินลิ่วๆ ผ่านมาพร้อมดอกกุหลาบดอกหนึ่งในมือ
“เฮ้ยๆ” นักศึกษา 1 เรียกดังลั่น “พี่แนวหน้า...พี่แนว”
แนวหน้าหันมา “อ้าว...ว่าไง เอ้อ ไอ้ผ่องไอ้ป๋อมไอ้...”
ทุกคนสวนออกมา “พี่แนวหวัดดีค้าบ”
นักศึกษา 1 แซว “แหม จบไปนับวันยิ่งหล่อบาดใจสาวจุงเบยนะพี่นะ ผ่องขอฟันธง! มาพร้อมดอกไม้ ในวันแห่ฟามรัก นัดสาวชัวร์!..สาวคนไหนใครรู้บ้าง”
“รู้เดะ” ทุกคนร้องซะดัง
แนวหน้าสะดุ้ง “พอๆ ไม่ต้องๆ พี่ไปก่อนนะ...พี่รีบ”
“รีบไปเลยพี่...คนมีความรักไม่เหมาะกับร้านนี้” นักศึกษา 1 บอก
“เออ...” แนวหน้าเดินลิ่วๆ ไป
“อกหัก อกหัก อกหักมาพักบ้านนี้..หน้าตาดี๊ดีก็ยังอกหัก”
ก๊วนหนุ่มอกหักแหกปากร้องเสียงดัง
อ่านต่อหน้า 4
น่ารัก ตอนที่ 2 (ต่อ)
ทางด้านขิงเดินออกมาหน้าตึกคณะพร้อมเพื่อน นักศึกษาหญิง 2-3 คนที่ในมือมีดอกไม้กันคนดอกสองดอกเพื่อน 1 เอ่ยขึ้นเรื่องแนวหน้า
“นี่ตกลงปู่แนวแกจะไม่มารับแกเหรอวันนี้”
เพื่อน 2 ว่า “ใจดำอ่ะ”
“แหม พี่เขาบอกติดงานด่วนมาไม่ทัน” ขิงบอก
เพื่อน 3 แซว “ขิงแกก็ไม่ได้ดอกไม้วาเลนไทน์ปีนี้เลยอ่ะดิ”
ขิงออกอาการเขินๆ “บ้าน่า..พี่แนวเขาไม่ได้คิดอะไรกับเราซักหน่อย
ขณะที่เพื่อนๆ ฮากันอยู่ รถไผทแล่นมาจอดเทียบ ไผทก้าวลงมา มาดอย่างหล่อ
“เฮ้ สาวๆ นิเทศ ไปไหนกันจ๊ะ”
เพื่อน 2 กรี๊ดล้อกันเล่น “อ๊าย...ดารา!”
ขิงทัก “ไผท...นี่เพิ่งเข้ามา หรือจะกลับน่ะ”
“เพิ่งทำงานเสร็จ เลยแวะเอางานมาส่งที่คณะ แล้วก็กำลังจะกลับ”
เพื่อน 1 บอก “เหรอ งั้นดีเลย ฝากเพื่อนไปคนสิ ติดรถดาราไปลงรถไฟฟ้า ได้ป่ะ”
“ได้ มาเลย หลายคนก็ได้ ไผทยินดีบริการ”
เพื่อนๆ กรี๊ด “หล่อแล้วยังนิสัยดีอีก”
อีกเหตุการณ์ แนวหน้าเดินกึ่งวิ่งมาในมือถือพร้อมดอกไม้ ที่ควักออกมาจากกระเป๋าพร้อมการ์ดที่เพิ่งซื้อมา แล้วหยุดซ้อมลองเสียง
“น้อง..ฮะแอ้ม น้อง..โอเค น้องขิง น้องขิงครับ..อึ้ย ขนลุก” แนวหน้าออกเดินไปอย่างมั่นใจ
ขิงและเพื่อนนักศึกษาหญิงยืนอยู่หน้ารถไผทแล้ว
เพื่อน 1 บอก “ไปขิง แกนั่นละ”
ขิงงงๆ “อะ อ้าว”
เพื่อน 2บอก “ก็รถไอ้ยิ้มไม่ได้ผ่านรถไฟนี่หว่าแก ก็ต้องฝากแกไปกับคันของพระเอกชื่อดังสิ”
ขิงอิดออด “เฮ่ย...จะดีเหรอ”
“โอเค มาเลยขิง เราไปส่ง ถึงไหนถึงนั่น” ไผทผลักประตูเปิดให้ “เดี๋ยวนะ ของรก...”
ไผทเอี้ยวตัวมาเก็บของเบาะข้างคนขับโยนไปหลังรถ มีดอกไม้หลายช่อวางอยู่บนที่นั่งข้างๆ คนขับเต็ม และด้านหลังก็มีทั้งตุ๊กตาหมีและดอกไม้
“โอ้โห...ดอกไม้เต็มเลยนะ”
“ก็ ได้มาจากพวกแฟนคลับน่ะ..เอาไว้ไหนดีนะ” ไผทมองเบาะหลังอย่างหมดปัญญาเพราะเต็มเอี๊ยด
“ขิงถือไว้ให้ก็ได้ ข้างหลังเต็มแล้ว มา...”
ไผทยิ้มแล้วส่งดอกไม้ให้
ฟากแนวหน้าเดินพ้นมุมถนนมาเห็นเข้าพอดี ชะงัก ตะลึง เห็นเป็นขิงกำลังรับช่อดอกไม้จากไผทซุปตาร์หนุ่มหล่อชื่อเสียงโด่งดัง แถมมองอย่างชื่นชม ก่อนเข้าไปนั่งในรถ คุยหัวเราะสดใส มีเพื่อนๆ โบกไม้โบกมือลา
ของในมือทั้งหมดของแนวหน้าตกลงพื้น ทุกอย่างตรงหน้า พร่าเลือน หัวใจแตกสลาย
“ขิง...น้องขิง”
รถของไผทออกตัวแล่นตามถนนมา
ทันใดนั้นแนวหน้าวิ่งพรวดตัดหน้ารถไผทที่กลางถนน ไผทเหยียบเบรคเอี๊ยดกระชากทันที
“ว้าย” ขิงหน้าคะมำ
“พี่แนวหน้า” ไผทตกใจปนงง
แนวหน้ายืนขวางจังก้าหน้ารถไผท
“พี่แนวหน้า!” ไผทเปิดประตูออกมา “เป็นอะไรรึเปล่าพี่”
แนวหน้ากระชากคอเสื้อไผท “ไอ้ไผท...แก...ชั้นดูคนไม่ผิดจริงๆ”
แนวเหวี่ยงหมัดใส่หน้าไผทจนหงายหลังล้มลงพื้น ขิงตกใจ ตะลึง
“พี่แนว” ขิงเปิดประตูออกมา
“เอ้ยพี่...นี่มันอะไรกัน” ไผทงงหนัก
“แกคิดว่าแกดังนักใช่ไหม ถึงมาใช้ความดังมาล่อลวงใครต่อใครตามใจชอบแบบนี้”
ขิงตกใจรู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร “พี่แนว...ทำไมพูดแบบนั้น”
“ไม่ใช่แล้วพี่ ผมเปล่า...ผมไม่ได้ล่อลวงใคร”
“โธ่เอ้ย..เป็นดารานึกว่าเด่นดังกว่าใครล่ะสิ จะบอกให้นะ คนอย่างนายมีแค่หน้าตาอย่างเดียวที่ขายได้ ส่วนฝีมือน่ะไม่เป็นสับปะรดหมาเลย บอกตรงๆ”
ขิงตะลึงนึกโกรธ “พอได้แล้ว พี่แนว!”
ไผทกำหมัดแน่น แล้วต่อยแนวหน้าเต็มแรง!! แนวหน้าไม่ทันระวังทรุดฮวบ ไผทมีหน้าตาเจ็บช้ำน้ำใจมาก เดินกลับขึ้นรถ ขิงมองไผทด้วยความเห็นใจแล้ววิ่งตาม
“ไผท...ไผทคะ รอก่อน”
รถไผทออกไปอย่างแรง มีขิงนั่งไปด้วย ทิ้งแนวหน้าให้นั่งจมฝุ่นอยู่ที่เดิมกับความหึงหวงที่ยังพลุ่งพล่านอยู่ทั่วกาย พึมพำออกมาเบาๆ
“ขิง...อย่าไป”
แนวหน้านั่งจ่อมจมขมขื่นเจ็บปวดอยู่กับอดีตในร้านอาหาร
“แนว...ไอ้แนว” เสียงคุ้นหูของนายดังขึ้น
แนวหน้าได้สติ เงยหน้ามอง เห็นนายและจีจี้ที่ยืนมองอย่างเป็นห่วง
“อ้าวเฮีย...รู้ได้ยังไงว่าผมอยู่ที่นี่”
“ยังกับแถวนี้มันมีร้านเยอะนักนี่” จีจี้แดกดัน
“กลับเข้าวังได้แล้ว นายจะไปไหนมาไหนตามใจชอบแบบนี้ไม่ได้นะเว้ย”
นายดึงแขนแนวหน้าให้ลุก จับตัวไว้
“ผมไม่ทำนะเฮีย”
นายชะงักไปนิดหนึ่ง แล้วดึงต่อ
“เอาไว้พูดทีหลัง...ลุกขึ้นกลับเข้าวังก่อน”
แนวลุกขึ้นยืนโงนเงน
“เป็นตายยังไงผมก็ไม่ทำงานชิ้นนี้ ผมเกลียดมัน ไอ้ไผท”
แนวหน้าพูดจบก็โงนเงนทรงกายไม่อยู่ ล้มคว่ำลงทันทีหมดสติไป ผู้คนตกใจ จีจี้กับนายเข้าประคอง
ประตูห้องพักรับรองในวังหลวงเปิดออก นายและจีจี้ช่วยกันแบกแนวที่เมาหมดสติเข้ามา แล้วทิ้งแนวลงบนเตียง แนวหน้าหลับกรนคร่อกอย่างไร้สติ
จีจี้กับนาย เหนื่อย มองร่างหมดสภาพของแนวหน้าอย่างหมดปัญญา
“คุณอย่ามาทำท่าปลงอย่างนี้สิ คุณต้องคุย ออกลูกบังคับ จะขู่หรืออะไรก็ได้ให้มันทำต่อให้ได้”
“เข็นครกขึ้นดอยน่าจะง่ายกว่า ไอ้นี่มันดื้อจะตาย แล้วท่าทางมันจะเกลียดนายไผทซุปตาร์นั่นจริงๆ”
“แต่นี่คืองาน และงาน หมายถึงเงิน ชื่อเสียง เกียรติยศ คุณเข้าใจมั้ย เรื่องส่วนตัวอะไรยังไงไม่เกี่ยว เรื่องไผท จีจี้จัดการเองไม่ยาก โชคดีเป็นของเรา ที่ยายฟินมันเป็นผู้จัดการส่วนตัวของไผท ฉะนั้นฉันสามารถล็อคคอมันได้..ส่วนคุณ..แค่บังคับให้ไอ้แนวมันทำงานไปตามนโยบายของเราเท่านั้น”
“บริษัทนี้ผมเป็นคนก่อตั้ง เจาะกลุ่มลูกค้าผมก็เป็นคนวิ่ง เสนอขายงานผมก็ต้องทำ เช็ดขี้เช็ดเยี่ยวก็ยังต้องเป็นผมอีกเหรอ” นายชักยั๊ว
จีจี้ของขึ้น “อ้าว..ทำไมพูดอย่างนี้ล่ะฉันก็วิ่งซกๆๆๆ ไปขายงานจนได้มาแล้วไง เพราะเวลาคุณไปเอง..ก็มีแต่การทะเลาะกับลูกค้า แล้วก็ทำให้เราต้องสูญงานไปทุกที...คุณไม่เคยต่อรอง หรือลดราวาศอกอะไรได้เลย ฉันต่างหากที่กอบกู้งานพวกนั้นคืนมาตลอดๆ”
กลายเป็นสองคนต้องทะเลาะกัน นายเสียงแข็ง “กอบกู้เหรอ...จะบอกให้นะงานที่คุณเอามาให้ แต่ละงานที่คุณหามามีแต่ลูกค้าห่วยแตก คุณก็มาบีบให้พวกผมต้องยอมมัน”
“ใช่สิ...ก็เพราะแบบนี้ไง บริษัทเราถึงมีวันนี้ เพราะถ้าไม่ยอมใครแบบคุณ ก็ปิดบริษัทไปได้ตั้งแต่วันแรกแล้ว”
นายโกรธประชดส่ง “อ้อ..งั้นเหรอ..ความดีทั้งหมด คงเป็นของคุณสินะ”
จีจี้เริ่มขึ้นเสียงบ้าง “แน่น้อน...ไอ้งานสารคดีฮวาซานี่ก็ด้วย ฉันเป็นคนคิดว่าต้องนำเสนอแบบนี้ ให้เจ้าหญิงโลลิต้าเข้ามามีส่วนร่วม เห็นมั้ยล่ะ ทางนั้นชอบอกชอบใจใหญ่เลย แล้วเราก็จะได้ทั้งเงิน ทั้งกล่อง และการพีอาร์ตัวเองไปในโลกกว้าง ถ้าเราได้งานนี้ เพราะฉะนั้น เราต้องได้ทำ ไม่ว่าจะแลกด้วยอะไรก็ตาม”
“ประโยคนั้นผมควรจะเป็นคนพูดนะ”
“แต่ชั้นก็พูดไปแล้ว ใครจะทำไม”
“ตกลงใครเป็นประธานบริษัท”
“คุณอาจจะเป็นก็จริง แต่ก็แค่ในนาม”
“เหรอ งั้นคุณก็คือตัวจริงงั้นสิ” นายเยาะหยัน
“ก็ไม่รู้สินะ ใครฉลาดกว่าก็คนนั้นนั่นแหละ”
นายมองจีจี้อย่างอนาถใจ
“นี่คุณยังไม่รู้อีกเหรอ ถ้าไม่มีผมน่ะ คุณไม่มีวันทำอะไรสำเร็จหรอก”
จีจี้ฉุนขาด “อ๋อเหรอ..พิสูจน์ดูมั้ยล่ะ ว่าใครกันแน่ที่จะไม่รอด”
“ยินดี!” นายท้าทาย
“ได้...ได้...” จีจี้คว้ากระเป๋า “ลองดูกันเลยก็ได้ เราแยกทางกันตั้งแต่วันนี้เลย”
จีจี้คว้ากระเป๋าแล้วลากออกไปทันที นายเองก็เริ่มตกใจ แต่จะเรียกไว้ก็กลัวเสียฟอร์ม
เขาทะเลาะกันจะเป็นจะตาย แต่บนเตียงแนวหน้านอนกรนสบายใจ ไม่ใส่ใจโลก
นายกลัดกลุ้มหนัก ระเบิดอารมณ์ออกมา “โธ่เว้ย”
อ่านต่อตอนที่ 3