น่ารัก ตอนที่ 24
เย็นวันนั้นขณะที่ขิงเดินกลับมาที่ห้องพัก ด้วยท่าทางเหนื่อยล้า ไผทเดินเข้ามาดักหน้า
“ขิง.... เหนื่อยมั้ย” พลางส่งน้ำให้ขิง “กินน้ำก่อนสิ”
ขิงรับมางงๆ
“ขอบใจมากนะไผท”
“ขิงกินข้าวมั้ย ผมหาให้”
ขิงตัดสินใจถามออกมา “ไผท เป็นอะไรรึเปล่า ไม่สบายรึเปล่าเนี่ย”
“ไม่ได้เป็นอะไร แค่อยากตอบแทนขิงบ้าง ขิงดีกับผมมาตลอด ผมซะอีก ไม่ค่อยได้ดูแลขิงเลย”
ขิงโมโห “ขิงทำทุกอย่าง เพราะขิงอยากจะทำ ไผทไม่จำเป็นต้องตอบแทนหรอก”
“ไม่ได้หรอก ผมมาคิดๆ ดูแล้ว ผมละอายใจที่เอาเปรียบมาตลอดเลย ให้ผมได้ดูแลขิงบ้างนะ”
“ถ้าไผทอยากทำดีกับขิงเพื่อตอบแทนบุญคุณ ขิงบอกเลยว่าไม่จำเป็นหรอก ขิงไม่ต้องการ”
ขิงเดินออกไปอย่างโมโห ไผทมองตามทั้งงงทั้งเซ็ง ว่าเกิดอะไรขึ้น กรูทำอะไรผิดวะ
คืนนั้น องค์หญิงโลลิต้ายืนเหม่ออยู่ในห้องบรรทม ครุ่นคิดเรื่องที่คุยกับท่านธูล
“ไม่มีวันไหนที่พ่อไม่คิดถึงแม่เลย...และพ่อก็อยากให้หญิงหาคนๆ นั้นให้เจอนะลูก”
ชีฟองเดินเข้ามา
“ท่านชองปอลเสด็จกลับไปแล้วเพคะ ทรงถามถึงองค์หญิงไม่ขาดปากเลย เข้าบรรทมเถอะเพคะ วันนี้ทรงเหนื่อยมาทั้งวัน”
โลลิต้าได้สติ รีบวิ่งไปที่โน้ตบุ๊คแล้วเปิดทันที
ชีฟองแปลกใจ “องค์หญิงเพคะ จะทำอะไรเพคะ”
โลลิต้าเปิดเข้าไปในบล็อก คลิกไปดูข้อความเก่าๆ ที่ค้างอยู่
“องค์หญิงเพคะ”
โลลิต้าอ่านข้อความเก่าๆ ที่เคยคุยกับนายพรหมลิขิต ข้อความแล้ว ข้อความเล่า ตื้นตันจนน้ำตาคลอ ชีฟองเดินมาจับแขนโลลิต้า
“พอเถอะเพคะองค์หญิง ไหนว่าจะเลิกสนใจเค้าแล้วไงเพคะ”
“พี่ชีฟอง หญิงเจอคนๆ นั้นแล้ว คนที่เป็นเพื่อนคุยยามทุกข์ของหญิง เป็นคนที่คอยอยู่เคียงข้างให้กำลังใจ คนที่เข้าใจหญิงทุกอย่าง แต่เค้าลืมหญิงไปแล้ว เค้าไม่เคยสนใจหญิงอีกเลย หญิงจะทำยังไงดีคะ หญิงจะทำยังไง”
โลลิต้าร้องไห้ ชีฟองอึ้ง ทำอะไรไม่ถูก
ในตอนสายวันต่อมา โลลิต้าพาตัวเองมายืนนิ่งอยู่ที่ตีนบันไดในวังฮวาซาเหนือ ท่าทีคล้ายกำลังรวบรวามความกล้า ก่อนจะตัดสินใจเดินขึ้นบันไดหน้าวังไป ทหารวังหันมาเห็นทุกคนช็อก ถวายความเคารพพรึบพรับ
ทหาร 2 ตกใจมาก “องค์หญิงโลลิต้า”
ทหาร 1 รีบถาม “ทำไมเสด็จมาเงียบๆ อย่างนี้ล่ะพะยะค่ะ”
โลลิต้าไม่ตอบอะไร ทหารอีกคนวิ่งลนลานขึ้นไป สักพักชองปอลตามออกมา รีบลงมาจากข้างบน ตกใจเมื่อเห็นโลลิต้า วิ่งตาลีตาเหลือกลงมา
“น้องหญิง! ทำไมไม่บอกว่าจะเสด็จมา...พี่กำลังคิดถึงน้องหญิงพอดี...น้องหญิงก็คิดถึงพี่ใช่ไหมคะถึงได้มาหาพี่”
โลลิต้าถอนหายใจเข้า “คือ...หญิงมีเรื่องสำคัญจะคุยกับพี่ชองปอลเพคะ”
ชองปอลชะงัก แปลกใจว่าเรื่องอะไร
ชองปอลกับโลลิต้าอยู่ในห้องรับรอง ชองปอลยิ้มแป้นรอให้โลลิต้าพูด
“มีเรื่องอะไรรีบร้อนเหรอคะน้องหญิง ถึงต้องมาตามหาพี่แบบนี้ ความจริง ถ้าน้องหญิงโทร.มา พี่ไปหาเองก็ได้”
“พี่ชองปอล...เคยรู้สึกไหมเพคะว่าเราสองคนเข้ากันไม่ได้สักอย่าง”
ชองปอลชะงัก “เอาอะไรมาพูด! พี่ว่าเราเข้ากันได้ดีจะตายไป”
“พี่ชองปอลชอบฟังเพลงร็อค แต่หญิงชอบอ่านหนังสือเงียบๆ พี่ชองปอลชอบไปเที่ยวต่างประเทศ แต่หญิงชอบท่องเที่ยวไปตามป่าตามเขา ในเมืองของหญิง...พี่ชองปอลชอบอาหารฝรั่ง แต่หญิงชอบอาหารพื้นบ้านฮวาซา”
ชองปอลแก้ต่าง “เราชอบต่างกันก็ไม่เห็นเป็นอะไรเลยนี่คะ ความต่างจะช่วยเติมเต็มเราสองคนนะคะน้องหญิง”
“หรือไม่ก็อาจจะเป็นปัญหาในอนาคตของเราสองคน”
“งั้นถ้าน้องหญิงอยากให้พี่ชอบ หรือทำอะไร น้องหญิงก็บอกพี่สิคะ จะให้ไปเดินป่า พี่ก็ทำได้ เดี๋ยววันนี้พี่สั่งให้ทหารเตรียมเต๊นท์ไปกางคอยเลย”
“หญิงรู้ค่ะว่าพี่ชองปอลทำได้...แต่....” องค์หญิงชะงักไม่รู้จะพูดยังไง “มันก็ยังไม่ใช่อยู่ดี”
ชองปอลอึ้ง รู้สึกเหมือนว่าโลลิต้าพยายามจะบอกอะไรตัวเองอยู่
“น้องหญิงมีอะไรอยากบอกพี่ชองปอลมากกว่าเรื่องนี้ใช่ไหมคะ”
โลลิต้าตัดสินใจเด็ดขาด “หญิงอยากยกเลิกการแต่งงานของเราค่ะ”
ชองปอลอึ้งหนัก
“หญิงขอโทษนะคะ หญิงพยายามแล้วที่จะรักพี่ชองปอล ด้วยหน้าที่และเพื่อประเทศชาติ หญิงรู้มาตั้งแต่เด็กๆว่า พี่ชองปอลคือคนที่หญิงจะต้องแต่งงานด้วย... แต่สุดท้าย...หญิงก็ทำไม่ได้”
ชองปอลยิ่งอึ้งเข้าไปใหญ่
“แต่น้องหญิงบอกเองนะคะ ว่าจะแต่งงานกับพี่...”
โลลิต้าลุกขึ้น ถอนสายบัวอย่างต่ำ ถวายความเคารพสูงสุด
“ยกโทษให้หญิงด้วยเถิดเพคะ เป็นความผิดของหญิงเองที่หญิงคิดว่าหญิงจะทำได้ พอมาคิดดู หญิงคิดว่ามันจะกลับทำให้เรา 2 คนทุกข์ใจยิ่งขึ้นในอนาคตนะเพคะ”
“แต่พี่รักน้องหญิง น้องหญิงก็ทรงทราบใช่มั้ยคะ”
“หญิงขอบพระทัยเพคะ แต่นั่นจะยิ่งทำให้หญิงตัดสินใจทำอย่างนี้”
ชองปอลรู้สึกโกรธจัดเริ่มพาล “เพราะไอ้พวกคนไทยพวกนั้นใช่มั้ย น้องหญิงถึงได้ตัดสินใจแบบนี้”
“เรื่องนี้ไม่มีใครเกี่ยวข้องเลยเพคะ หญิงตัดสินใจด้วยตัวเอง ต่อนี้ไป หญิงจะลืมความผิดที่พี่ชองปอลและท่านลุงกระทำต้อชาวฮวาซาใต้ หญิงขอเพียงอย่างเดียว ให้ทรงยกโทษให้หญิง แล้วปล่อยให้หญิงเป็นอิสระเถอะนะเพคะ พี่ชองปอล”
ชองปอลอึ้งมองโลลิต้าที่ตัดสินใจแน่วแน่ ในท่าทีอันเด็ดเดี่ยว แล้วสุดท้ายนิ่งไป
อ่านต่อหน้า 2
น่ารัก ตอนที่ 24 (ต่อ)
เย็นวันเดียวกันที่ห้องทำงานนายในโฮมออฟฟิศ นายกำลังดูไอแพดรูปวิวสวยๆ ของฮวาซาใต้กับทีมงานอยู่
“เอารูปนี้แหละไปทำแบ็คดร็อปมาตั้งไว้ให้คนถ่ายรูปในงาน...ส่วนป้ายเปิดงาน แว่นช่วยไปเช็คดูอีกทีว่าจะมาติดตั้งได้เมื่อไหร่ เผื่อมีอะไรจะได้แก้ไขทัน”
จีจี้เดินเข้ามาหานาย
“นาย...จี้หิวแล้วอ่ะ”
“อ้าว แม่บ้านเค้าซื้อข้าวกลางวันมาเตรียมไว้ให้แล้วไม่ใช่เหรอจี้ คุณกินก่อนเลย ไม่ต้องรอผม”
“แต่จี้ไม่อยากกินที่เค้าเตรียมไว้อ่ะ จี้เบื่อ”
“อ้าว แล้วจี้อยากกินอะไรล่ะจ๊ะ บอกให้เค้าไปซื้อให้ใหม่สิ”
“จี้อยากกินหอยทอดราชวัตรค่ะ เจ้าตรงแยกไฟแดงอ่ะ นายจำได้รึเปล่า ไปซื้อให้หน่อยสิ”
“โอ๊ย จะให้ไปราชวัตร ตอนนี้เนี่ยนะ รถติดตายเลย ให้แมสเซ็นเจอร์ไปได้มั้ย”
“ไม่เอา ตะกี้จี้สั่งเค้าแล้ว เค้าไม่รู้จัก นายไปซื้อให้หน่อยนะ จี้อยากกิน” จีจี้อ้อนเป็นการใหญ่
“ผมไปตอนนี้ไม่ได้จริงๆจี้ ใครๆ เค้ารอให้ผมบรีฟเรื่องงานเปิดตัวสารคดีอยู่ เดี๋ยวตอนเย็นนะ เย็นๆ จะไปซื้อให้”
จีจี้หน้างอ “แต่จี้อยากกินตอนนี้นี่นา ตามใจ ไม่ไปก็ไม่ไป จี้ไปซื้อเอาก็ได้ คนใจร้าย”
จีจี้เดินหน้าหงิกออกไป ทุกคนอ้าปากค้าง มองตามจีจี้อย่างตกใจปนงง
นายเกาหัว “อะไรวะ!”
ท่านธูลรู้เรื่องแล้วนั่งเอามือปิดหน้าท่าทีกลัดกลุ้ม องค์หญิงโลลิต้านั่งมองท่านธูลตาเขม็ง นายพลราอูลเอ่ยขึ้น
“องค์หญิงจะทรงทำแบบนี้ไม่ได้นะพะยะค่ะ พิธีอภิเษกสมรสไม่ใช่การเล่นขายของ ถึงจะเปลี่ยนพระทัยกลับไปกลับมาแบบนี้”
“หญิงรู้ และหญิงก็เสียใจที่ทำให้ทุกคนเดือดร้อน แต่หญิงไม่อยากทำให้ตัวเองเสียใจไปตลอดชีวิตด้วยการตัดสินใจผิดๆ”
“ก็กระหม่อมทูลตั้งแต่แรกแล้วว่าให้ทรงคิดดีดี อย่าทำตามพระอารมณ์”
ท่านธูลตัดบทขึ้น “เอาเถอะราอูล พอได้แล้ว ลูกหญิงแน่ใจแล้วใช่มั้ยคราวนี้”
“แน่ใจเพคะเสด็จพ่อ ถึงแม้ว่าคนที่หญิงชอบ เค้าจะไม่ชอบหญิง แล้วก็ไม่เป็นไร หญิงก็จะอยู่ตัวคนเดียว ดีกว่าแต่งงานไปกับคนที่ไม่ใช่เพคะ”
“ไม่ได้นะพะย่ะค่ะ องค์หญิงควรจะอภิเษกสมรส จะอยู่ตัวคนเดียวไม่ได้” ราอูลทักท้วง
“อย่างน้อย ลูกหญิงก็ซื่อสัตย์กับหัวใจตัวเอง พ่อดีใจที่ลูกตัดสินใจได้ในที่สุด” ท่านธูลสวมกอดโลลิต้า “พ่ออนุญาตให้ลูกเลิกล้มการแต่งงานครั้งนี้”
โลลิต้าดีใจ กอดท่านธูลทันที ราอูลทำท่าจะเป็นลม
วันถัดมา ไผทกับแนวหน้านั่งกินข้าวกันอยู่สองคน ท่าที่เซื่องซึม ขิงวิ่งลงมาหน้าตาตื่น
“เกิดเรื่องใหญ่แล้วพี่แนว ไผท”
“ทำไม มีอะไรเหรอขิง”
“ท่านธูลทรงมีคำสั่งให้ยกเลิกพิธีอภิเษกสมรสขององค์หญิงโลลิต้า กับเจ้าชายชองปอลน่ะสิ”
แนวหน้าชะงัก ตะลึง
“หา! จริงเหรอ ยกเลิกหรือเลื่อนไป” ไผทถามย้ำ
“ยกเลิกเลย คุณราอูลกำลังอารมณ์เสียมาก คุณชีฟองเป็นคนบอกขิงเมื่อกี้นี่เอง”
แนวหน้าลุกขึ้นยืน มึนงง ไผทหันไปมอง
“ถึงเวลาแล้วที่พี่แนวจะต้องบอกความจริง”
แนวหน้าสบตาไผท ท่าทางจ๋องจ๋อย ไม่มั่นใจนัก แล้วเดินหนีออกมา ไผทมองตามโมโหสุดขีด
แนวหน้าเข้าไปยืนงงๆ ในห้อง จับต้นชนปลายไม่ถูก ไผทเปิดประตูเข้ามาหา
“พี่แนว ถามจริงๆเหอะ พี่ไม่อยากขอโทษ หรือกลับมาคุยกับองค์หญิงเค้าเหมือนเดิมเหรอ”
“อยาก...แต่” แนวหน้าอึกอักลังเล “เอ่อ... แต่พี่ไม่กล้าว่ะ”
ไผทเซ็งสุดขีด “อะไรวะ อุตส่าห์ชื่อแนวหน้า ทำไมเป็นคนไม่กล้าแบบนี้”
“ชื่อมันไม่ได้เกี่ยวกับความรู้สึกนี่ อีกอย่างฉันก็ไม่ได้เก่งเหมือนแกนี่หว่า”
“สรุปจะไม่ไปคุยใช่ไหม พี่จำความรู้สึกเมื่อวานไม่ได้รึไง ตอนที่พี่ถ่ายรูปเค้าสองคนแล้วพี่สิ้นหวัง คิดว่าชาตินี้คงไม่มีวันได้กลับมาคุยกันอีกแล้ว หรือความรู้สึกเจ็บปวดเมื่อคิดว่า เค้ากำลังจะเป็นของคนอื่นน่ะ พี่จำไม่ได้แล้วเหรอ แล้วตอนนี้โอกาสเปิดอีกครั้ง พี่จะไม่ยอมเสี่ยงอีกรึไง”
แนวหน้าชะงักคิดตาม
“ผมรู้ว่ามันเสี่ยงกับการถูกปฏิเสธ แต่ถ้ามันสำเร็จ พี่จะได้เห็นรอยยิ้มของเค้า ได้มองหน้าเค้า ได้เดินจับมือกับเค้า...ทุกวันเลยนะพี่...แค่นี้มันยังไม่คุ้มที่จะเสี่ยงอีกเหรอพี่แนว”
แนวหน้ารวบรวมความกล้า แล้วสุดท้ายก็ตัดสินใจอย่างฮึกเฮิม
“เอาวะ! ขอบใจเว้ยไผท”
แนวหน้าเดินตรงไปที่โน้ตบุ๊ค กดเปิดจอเปิดเครื่องทันที และคลิกไปที่บล็อกพร้อมทั้งกด “Restore your account” ข้อความขึ้นอีกว่า Are you sure? Yes or No? ไผทยืนมองครู่หนึ่งแล้วเดินออกจากห้องไป แนวหน้าสูดหายใจลึกๆ แล้วกด Yes!!
โลลิต้านั่งซึมอยู่บนเตียงในห้องบรรทม ท่าทีสับสนกับสิ่งที่ทำลงไป ได้ยินเสียงตรึ๊งดังมาจากคอมพิวเตอร์ โลลิต้าชะงักเหลียวไปดูอย่างไม่แน่ใจ สุดท้ายลุกขึ้นเดินช้าๆ เข้ามามอง
โลลิต้าเห็นข้อความจากชื่อ นายพรหมลิขิต ก็ตกใจมาก ค่อยๆ เลื่อนมือไปกดดูข้อความ
“สวัสดีครับ...เด็กน้อยขายไม้ขีดไฟ...ผมนายพรหมลิขิตครับ...แต่มาครั้งนี้ผมจะไม่ใช้ชื่อนายพรหมลิขิตแล้ว...ผมจะใช้ชื่อ แนวหน้า สุทธารมย์…ผู้ชายที่ขี้ป๊อดที่สุดในโลก แต่อยากคุยกับคุณเหลือเกิน”
โลลิต้าอ่านแล้วอึ้ง นิ่งงันไปนานเท่านาน
อ่านต่อหน้า 3
น่ารัก ตอนที่ 24 (ต่อ)
แนวหน้านั่งพิมพ์ข้อความหาโลลิต้าต่อ อ่านทวนไปด้วย
“เป็นยังไงพะยะค่ะองค์หญิง…ไม่ดี ไม่ดี” แนวหน้ากดลบแล้วพิมพ์ข้อความใหม่ “นอนหรือยังพะยะค่ะ...โอ๊ย! หรือควรจะเริ่มด้วยคำว่าขอโทษวะ”
แนวหน้ากระวนกระวาย คิดไม่ออก เกาหัว แล้วลบทั้งหมด นิ่งคิดก่อนพิมพ์ข้อความลงไปต่อ
“กระหม่อมอยากจะขอโทษองค์หญิงสำหรับทุกสิ่งที่ทำลงไป กระหม่อมไม่มีข้อแก้ตัวใดๆทั้งสิ้น สิ่งเดียวที่กระหม่อมหวังจะได้รับจากองค์หญิงก็คือคำว่าให้อภัยเท่านั้นพะยะค่ะ”
แนวหน้ารอ แต่ยังไม่มีข้อความตอบกลับมา
แนวหน้ากดรีเฟรชหน้าบล็อกแต่ก็ยังไม่มีข้อความตอบกลับ เขามองหน้าจอแล้วถอนใจ
ฝ่ายโลลิต้าเอาแต่มองจ้องข้อความในจอโน้ตบุ๊คนิ่งอยู่อย่างนั้น แล้วตัดสินใจเอาโน๊ตบุ๊คไปไว้ใต้เตียง เอาตุ๊กตามาทับไว้ ก่อนจะขึ้นไปนอน ลืมตาโพลงบนเตียง
จนถึงรุ่งเช้า แนวหน้าหลับอยู่หน้าโน้ตบุ๊ค เงยหน้ามองจอ แต่ไม่มีข้อความตอบกลับจากโลลิต้าสักประโยค แนวหน้าถอนใจเศร้าๆ
“องค์หญิงคงไม่ยกโทษให้ผมอีกแล้ว ผมมักจะทำอะไรช้าเกินไปแบบนี้เสมอ มันคงจะสายเกินไปแล้ว สำหรับการเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง”
แนวหน้าคอตก เศร้าหนัก
เวลาผ่านไป เช้าวันที่ทุกคนรอคอยมาถึง แนวหน้าเล่าบรรยาเหตุการณ์เหมือนที่เขาเขียนลงในสมุดบันทึก
“แล้ววันสำคัญที่คนฮวาซารอคอยก็มาถึง...”
ธงชาติรวมฮวาซาใต้ ฮวาซาเหนือ ถูกชักขึ้นบนยอดเสา
“วันที่ 5 เดือน 7 ปีคริสต์ศักราช 2014 เป็นวันแห่งการรวมประเทศฮวาซาเหนือและใต้เข้าด้วยกัน...ธงชาติของฮวาซาเหนือและฮวาซาใต้ถูกลดลงพร้อมกัน เปลี่ยนเป็นธงชาติผืนใหม่แห่งประเทศฮวาซาที่ถูกชักขึ้นสู่ยอดเสาแทน”
เสาธง 3 ต้น เห็นเสาธงด้านซ้ายที่ติดธงฮวาซาเหนือ และเสาธงด้านขวาที่ติดธงฮวาซาใต้ ถูกชักลงทั้งสองเสา ส่วนเสาธงตรงกลางมีธงชาติผืนใหม่ที่เป็นสัญลักษณ์ของการรวมประเทศถูกชักขึ้นสู่ยอดเสา แลเห็นประชาชนโห่ร้อง และโบกธงในมือด้วยความยินดี
ส่วนที่โถงภายในวัง พลทหาร และนายทหารหลายนายกำลังตั้งแถวรอประดับยศ ปิแอร์อยู่ในแถวพลทหารด้วย ท่านธูลยืนรอ นายพลราอูลเป็นคนส่งเข็มประดับยศในพานให้ ถึงคิวปิแอร์เดินเข้มแข็งขึงขังก้าวมาตั้งหน้าทั้ง ท่านธูลเยื้อนยิ้ม ก่อนหยิบเข็มยศในพาน ติดให้ที่หน้าอกของปิแอร์
แนวหน้าบรรยายต่อ “มีพิธีประดับยศแก่ทหารที่ทำความดีความชอบ...พลทหารปิแอร์ก็ถูกประดับยศเป็นร้อยโทปิแอร์ในวันนี้เช่นกัน”
ท่านธูลประดับยศให้ปิแอร์เสร็จ ปิแอร์ทำความเคารพแล้วตื่นเต้นเป็นลมหงายหลังตึงไปทันที
“แต่ท่าทางร้อยโทปิแอร์จะดีใจมากไปหน่อย จนร่างกายรับไม่ไหว”
เพื่อนทหารตรงนั้นรีบเข้าไปประคองกันเป็นแถว ท่านธูล และราอูลเซ็ง ส่วนแนวหน้า ไผท ขิงขำๆ กัน
ท่านธูลและท่านหลุยส์นั่งอยู่ที่โต๊ะด้านหน้า ในห้องโถงรับรอง โดยมีชองปอล โลลิต้า ราชินีโซเฟีย นั่งอยู่ด้านหลัง
นายพลราอูลเอาสมุดเซ็นมาวางข้างหน้า โลลิต้ากับท่านธูลมองหน้ากัน ท่านหลุยส์เซ็นก่อน แล้วเลื่อนมาให้ท่านธูล จากนั้นทั้งคู่ก็ลุกขึ้นยืนจับมือกันสีหน้ายิ้มแย้ม
“และพิธีที่ใหญ่ที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง ท่านธูลและท่านหลุยส์ลงนามในสนธิสัญญาการรวมประเทศฮวาซา...ต่อไปนี้จะไม่มีประเทศฮวาซาเหนือและฮวาซาใต้อีกต่อไป จะมีแต่ประเทศฮวาซา ที่ปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข”
ท่านธูลเดินออกมาในท้องพระโรง พร้อมมงกุฎ เดินไปนั่งบนบัลลังก์
“และกษัตริย์พระองค์แรกแห่งประเทศฮวาซาก็คือ...ท่านประธานมนตรีธูล นั่นเอง”
ด้านล่าง ท่านหลุยส์ ราชินีโซเฟีย ชองปอล มองอย่างขมขื่น โลลิต้ายิ้มกับท่านธูลอย่างชื่นบาน แขกคนอื่นและชาวไทย ยืนดูอย่างชื่นใจ แนวหน้าออกจะเศร้าๆ อยู่
ท่านธูลสวมมงกุฎเรียบร้อยแล้วเดินออกมาโบกมือให้ประชาชนที่สีหบัญชร โลลิต้า ราอูล ชีฟอง ชองปอล ราชินีโซเฟีย ท่านหลุยส์ แนวหน้า ไผท และขิง ก้มลงทำความเคารพ
สารคดีเปิดประเทศ ถูกฉายให้แขกเหรื่อดูภายในห้องประชุมฮวาซาใต้ จอโปรเจ็คเตอร์ขนาดใหญ่ในห้องขึ้น end credit ของสารคดี ท่านธูล นายพลราอูลและแขกจากนานาอารยะประเทศต่างปรบมือเกรียวอย่างชื่นชม
แนวหน้า ไผท และขิง ลุกขึ้นคำนับ ท่านธูลเดินไปจับมือแสดงความยินดี แขกเหรื่อ เดินมาคุยกันตามอัธยาศัยใครมัน
ท่านหลุยส์ ชองปอล ราชินีโซเฟียปรบมืออย่างเซ็งๆ ไม่ค่อยชื่นชมยินดีเท่าไหร่ ไผท ขิง และแนวหน้าลุกขึ้นยืนโค้งขอบคุณทุกคน
ท่านธูล และแขกที่ร่วมดูสารคดีต่างลุกขึ้นมาจับไม้จับมือแสดงความยินดีกับแนวหน้า ไผท ขิง
สามคนไทย ยิ้มสยามให้ด้วยความดีใจที่ทุกคนชื่นชอบผลงาน
แนวหน้าเล่าว่า “ทุกคนต่างชื่นชมในงานสารคดีของผม แต่มันกลับไม่ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมาเลย...เพราะคนๆเดียวที่ผมตั้งใจทำให้ เค้ากลับไม่แม้แต่จะเข้ามาดู”
แนวหน้ารู้สึกผิดหวังมากที่โลลิต้าไม่ยอมเข้ามาดูสารคดีนี้ด้วย ไผท และขิงมองแนวหน้า รู้ว่าแนวหน้ารู้สึกยังไง ไผทตบบ่าปลอบใจแนวหน้า
แนวหน้าโศกา อาดูรสุดจะประมาณ
งานเลี้ยงฉลองถูกจัดขึ้นในท้องพระโรงของวังหลวง ตอนค่ำ งานดำเนินไปอย่างชื่นมื่น มีการดื่ม เฉลิมฉลองกัน ท่านธูล ท่านหลุยส์ และราชินีโซเฟียพูดคุยกับแขกในงานสีหน้ายิ้มแย้ม ผู้นำ และตัวแทนแต่ละประเทศ ต่างพูดคุยกันอย่างเป็นมิตร
โลลิต้า ชีฟองกำลังยืนคุยกับไผทและขิงอยู่ ส่วนแนวหน้ากำลังคุยกับแขกในงานอยู่อีกมุม
“ตกลงองค์หญิงจะไปเสด็จไปร่วมงานเปิดตัวสารคดีที่กรุงเทพฯ ใช่ไหมเพคะ” ขิงเอ่ยถาม
โลลิต้ายิ้มบางๆ “ค่ะ ท่านพ่อให้หญิงไปเป็นตัวแทนของฮวาซา”
“กระหม่อมดีใจมากเลยพะยะค่ะที่องค์หญิงไป แต่ทำไมวันนี้ถึงไม่ทรงเข้ามาทอดพระเนตรสารคดีด้วยล่ะพะย่ะค่ะ พี่แนวมองหาจนหน้าเศร้าเลย” ไผทบอก
โลลิต้าไม่ตอบ แถมเมินหน้าหนีไปทางอื่น ชองปอลเดินเข้ามาหาไผท โลลิต้าและขิง
“พี่ขอคุยด้วยได้ไหมคะ”
ทั้งสามคนอึ้งๆ
ชองปอลบอกกับไผท “ในสารคดีคุณเล่นดีทีเดียวนะคุณไผท”
“ขอบพระทัยฝ่าบาท”
“ต้องขอบคุณแทนคนฮวาซาทุกคนที่ทำมันออกมาได้ดีมาก ได้ยินว่าจะมีงานเปิดตัวที่กรุงเทพฯ ด้วยใช่ไหม”
“พะยะค่ะ ท่านชองปอลจะเชิญเสด็จไปร่วมงานด้วยรึเปล่าพะย่ะค่ะ” ไผทถาม
“ไม่ละ พอเสร็จจากงานวันนี้ เราจะกลับไปศึกษาต่อที่ปารีส” ชองปอลมองมายังโลลิต้า “พี่เลยอยากจะมาลาน้องหญิง พี่อยากจะบอกว่า ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน พี่ก็จะคิดถึงน้องหญิงเสมอ ถึงแม้ว่าน้องหญิงจะไม่เคยคิดถึงพี่เลยก็ตาม”
โลลิต้า นิ่ง เงียบ ก่อนจะยิ้มบางๆ ให้
“ขอให้พี่ชองปอลทรงเดินทางปลอดภัยนะเพคะ หญิงหวังเหลือเกินว่าความรู้ที่จะทรงไปเรียนจะกลับมาทำประโยชน์ให้กับชาวฮวาซา”
“แน่นอนน้องหญิง แล้วพี่จะกลับมาเพื่อฮวาซาของเรา”
ชองปอลมองโลลิต้าตาละห้อยก่อนจะชนแก้ว
แนวหน้าที่คุยกับแขกอีกมุมหนึ่งในงาน หันไปเห็นชองปอลชนแก้วกับโลลิต้า และต่อมาเห็นโลลิต้าคุยกับไผท กับขิง แต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ แนวหน้าชะเง้อชะแง้คอยาวยืด แขกในงานขอตัวออกไป แนวหน้าเดินเข้าสมทบ ไผท และขิง
โลลิต้ามองไปเห็นแนวหน้ากำลังเดินตรงเข้ามาก็หันไปบอกไผท
“หญิงขอตัวไปต้อนรับแขกคนอื่นๆก่อนนะคะ”
โลลิต้าเดินออกไปทันที
แนวหน้าเดินเข้ามา มองตามโลลิต้าตาละห้อย ชองปอลมองแนวหน้าอย่างระแวงและจับสังเกต ก่อนที่จะผละตัวจากไปดื้อๆ
“องค์หญิงคงจะเกลียดฉันมากเลยเนอะ” แนวหน้าครวญ
สองคนสงสารแนวหน้ามาก ขิงส่งเครื่องดื่มในมือให้
“ดื่มก่อนพี่แนว แก้ช้ำใจ”
แนวหน้าดื่มไปเต็มคำ ก่อนจะออกเดินจากไปเงียบๆ
แนวหน้าเดินออกมาหน้าวัง ท่าทีเซ็งๆ แล้วชะงักเมื่อเห็นองค์หญิงยินอยู่ แนวหน้าดีใจมากก่อนจะระงับอารมณ์ โลลิต้ายืนสงบสติอารมณ์อยู่ที่มุมหนึ่ง ไม่มีผู้คนผ่านไปมามากนัก
แนวหน้าตามออกมา รวบรวมกำลังใจ แล้วเดินมาหา โลลิต้าหันไปเห็น ทำท่าจะเดินหนี
แนวหน้าเรียกไว้ “เดี๋ยวก่อนพะย่ะค่ะ กระหม่อม...อยากให้องค์หญิงฟังกระหม่อมก่อน”
“อย่าเสียเวลาดีกว่าค่ะ”
“แต่กระหม่อมมีเรื่องอยากจะอธิบาย ว่ากระหม่อมถึงได้หลอกองค์หญิงว่ากระหม่อมคือไผท”
ชีฟองเดินเข้ามา มองแนวหน้าอย่างระแวง
“องค์หญิงเพคะ ท่านธูลมีรับสั่งหาเพคะ ท่านทรงอยากให้องค์หญิงไปส่งเสด็จท่านหลุยส์กับราชินีโซเฟีย”
“ได้สิ”
โลลิต้าทำท่าจะออกไป
แนวหน้าเรียกอีกครั้ง “องค์หญิงพะยะค่ะ”
“ไม่ต้องอธิบายอะไรหรอกค่ะ เราคงไม่มีอะไรต้องคุยกันอีกแล้ว”
โลลิต้าจากไปพร้อมกับชีฟอง
แนวหน้าอึ้ง หน้าซีดสนิท อยากจะร้องไห้ดังๆ ออกมา อกหักยับเยินไม่เป็นชิ้นดี
อ่านต่อตอนที่ 25 (อวสาน)