น่ารัก ตอนที่ 7
โลลิต้ายังตกอยู่ในอ้อมแขนของไผท และต่างคนต่างยังคงมองหน้ากันตะลึงงันอยู่อย่างนั้น สักครู่หนึ่ง เสียงชีฟองดังขัดจังหวะขึ้น
“องค์หญิง”
สองคนรู้สึกตัว รีบผละออกจากกัน แต่ทั้งคู่ต่างรู้สึกประทับใจ และขวยเขินจนทำอะไรไม่ถูก
“เอ่อ... ขอโทษครับ”
“เอ่อ... ไม่เป็นไรค่ะ”
ทั้งคู่เขินไม่มองหน้ากัน ทำอะไรไม่ถูก
“ผม... เอ่อ...ไผทครับ”
“ค่ะ...ยินดีต้อนรับคุณไผทสู่ฮวาซานะคะ...เอ่อ หญิง...”
“เจ้าหญิงโลลิต้าใช่ไหมครับ” โลลิต้าอึ้ง ไผทรีบบอก “ผมเห็นจากรูปที่ทางเดินเมื่อกี้”
โลลิต้าเขิน ทำอะไรกันไม่ถูก ชีฟองมองทั้งคู่แล้วเขินแทน
“เอ่อ...หญิงขอตัวก่อนนะคะ” เจ้าหญิงจะเดินไปกับชีฟอง
ไผทรีบพูดบอก “ขอบคุณที่เลือกผมมาเป็นส่วนหนึ่งของสารคดีนะครับ”
โลลิต้าหันมา เยื้อนยิ้ม “ยินดีค่ะ...แล้วเจอกันที่งานเลี้ยงต้อนรับนะคะ”
ไผทยิ้มหวานแทนคำตอบ โลลิต้ายิ่งเขินรีบเดินออกไป ไผทมองตามยิ้มๆ
จีจี้เดินหนีมาตามทางเดิน จะเข้าห้องพัก นายวิ่งตามมา
“จีจี้ เดี๋ยว”
จีจี้ไม่ฟัง เปิดประตูเข้าห้อง นายรีบดึงแขนไว้
“เดี๋ยวก่อนสิ”
จีจี้ปลอดมือเขาออก “ทำไม มีอะไรจะเยอะเย้ยอีกไม่ทราบคะ”
“ผมขอโทษแทนไอ้แนว มันไม่ได้ตั้งใจจะว่าคุณรุนแรงขนาดนั้นหรอก คุณก็รู้”
“แต่ก่อนอาจจะใช่ แต่เวลานี้แนวหน้ามันก็เหมือนคุณ ที่เห็นจี้เป็นคู่แข่งตลอดเวลา”
“มันไม่ใช่อย่างนั้นนะจีจี้”
“แนวเค้าทำถูกแล้วล่ะค่ะ เป็นจี้ก็คงทำอย่างนั้นเหมือนกัน ถ้าจี้ได้เป็นคนชนะ แต่เวลานี้บังเอิญจี้แพ้ ก็สมควรแล้วไม่ใช่เหรอคะ”
พูดจบจีจี้เดินเข้าห้องไป นายพูดไม่ออก เซ็งเป็ด
ขณะเดียวกัน ที่ สตูดิโอถ่ายแบบแห่งหนึ่ง ในกรุงเทพฯ นายแบบหน้าตาดี หุ่นเฟิร์มสุดๆ กำลังโพสท่าอยู่บนอานมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ในฉาก ช่างภาพกดชัตเตอร์ถ่ายไป โดยมีช่างหน้า ช่างผม ยืนทำงานคอยดูแลอยู่ใกล้ๆ เซ็ต ฟินยืนเชียร์อยู่กับลูกค้าถัดออกมา
“เป็นไงคะ น้องเมือง...พอจะสู้กับไผทได้ไหม”
“เยี่ยมเลยค่ะ...หน้าเป๊ะ หุ่นก็เลิศ...เหมาะกับสินค้าของเราที่เน้นความเป็นชาย บึกบึนมากๆ เลย” ลูกค้าเป็นปลื้ม
“จะพูดไป ก็ดูลุยกว่าไผทอีกนะคะ ว่ามั้ยคะ” ฟินอวยเด็กในสังกัด
ทีมงานร้องขึ้น “เฮ้ย...ระวังครับ!”
ทันใดนั้นเองบันไดที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ นายแบบล้มโครม! เฉียดนายแบบไปนิดเดียว
นายแบบตกใจหลุดสาวแตก กระโดดลงจากมอเตอร์ไซค์ทันที “อ๊าย... คุณพระคุณเจ้าช่วย”
คนทั้งกองหันขวับมามองนายแบบที่หลุดสาวแตกเป็นตาเดียว
นายแบบกลับมาแอ๊บแมนอีกทีเก๊กเสียงเข้มแมนโครต “มีใครเป็นอะไรรึเปล่าครับ”
ลูกค้าไม่พูดอะไร แต่หันมาจ้องหน้าฟินอย่างโกรธขึ้ง ฟินได้แต่ยิ้มแหยๆ
ชีฟองกำลังจัดแต่งทรงผมให้โลลิต้า ที่นั่งอยู่หน้ากระจกในห้องแต่งตัว โลลิต้าดูจะเหม่อลอยเพ้อฝัน
ชีฟองคิด ท่าทีเคลิบเคลิ้ม “คุณไผทตัวจริง หล่อกว่าในละครที่เราดูอีกนะคะ แถมยังเป็นสุภาพบุรุษ... เมื่อกี้ตอนที่เค้าช้อนตัวองค์หญิงไว้ในอ้อมแขนนะเพคะ เหมือนในนิยายขององค์หญิงเป๊ะ พี่ชีฟองยังแทบจะละลายแทนองค์หญิงเลยเพคะ”
โลลิต้าเขิน พยายามเก็บอาการ “พี่ฟองก็พูดเกินไป...รีบทำผมเถอะค่ะ งานเลี้ยงใกล้จะเริ่มแล้ว”
ชีฟองรีบทำผมต่อ โลลิต้ามองตัวเองในกระจก ยิ้มชื่นสุขใจ คิดถึงแต่ไผท
ช่วงหัวค่ำ แนวหน้า นาย และไผทในชุดทักซิโด้ เดินมาตามทางในโถง เพื่อไปร่วมงานเลี้ยงต้อนรับ
ไผทดูมีความสุข ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว
แนวหน้ามองตัวเอง เซ็งฝุดๆ
“บอกตรงๆ ผมไม่ค่อยชอบแต่งชุดอะไรแบบนี้เลย จริงๆ นะ”
“นั่นสิ แกแต่งออกมาแล้วเหมือนพนักงานต้อนรับตามโรงแรมเลยว่ะ” นายว่า
“แล้วผมล่ะ ผมดูดีแล้วใช่มั้ยพี่”
แนวหน้าเซ็ง เหน็บอย่างหมั่นไส้ “จะถามหรือจะอวดไม่ทราบ”
“นายดูดีแล้วไผท หล่อที่สุดอ่ะ” นายบอก
“ผมแค่...อยากให้ตัวเองดูดีในสายองค์หญิงเท่านั้นแหละพี่”
ไผทพูดจบแล้วเดินนำไป นายกับแนวมองหน้ากันงงๆ
ในงานเลี้ยง ผู้คนแต่งกายหรูหรา มีเสนาบดีพวกข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ยืนรอรับท่านธูล ทั้งสามคนดูบรรยากาศเหล่านั้นอย่างตื่นตาตื่นใจ จีจี้ยืนปะปนอยู่กับคนเหล่านั้น พอเจอหน้านายนาย สองคนมองหน้ากันแว๊บนึง แล้วจีจี้ก็เมินทำเป็นไม่มองแล้วเดินเลี่ยงไปทางอื่น
นายอึ้งรู้สึกไม่ดี แนวหน้าเห็นพี่ชายนิ่งไปก็รู้ทันทีว่าเป็นอะไร
“นี่เจ๊เค้าไม่ยอมคุยกับเฮียจริงๆ เหรอ”
นายพยักหน้านิ่งขรึม “อืม...” นายคิดมากที่จีจี้เมินใส่ “เดี๋ยวชั้นมานะ”
นายเดินตามจีจี้ที่เดินหนีไป แนวหน้ามองตาม ไผทมองรอบตัวอย่างตื่นตาตื่นใจ
จีจี้ที่เดินเลี่ยงมาที่มุมเครื่องดื่ม นายเดินเข้ามา
“อย่าทำอย่างนี้เลย”
“ชั้นทำอะไร”
“ก็ทำอย่างที่คุณกำลังทำอยู่นี่ไง ทำหน้าตาบึ้งตึง หลบหน้ากัน เหมือนกับเราเป็นศัตรูกันสัก 100 ปี อย่างนั้นแหละ"
จีจี้อึ้ง
“นี่เราสองคนจะเลิกคบกัน เพียงเพราะเรื่องทะเลาะกันงี่เง่าคราวที่แล้วจริงๆ เหรอจีจี้”
จีจี้อึ้งเช่นกัน กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่แนวหน้าเข้ามาขัดจังหวะ
“มาอยู่ตรงนี้เองเฮีย...ท่านธูลกับองค์หญิงเสด็จแล้ว”
นายมองจีจี้หน้าตาเศร้าไปถนัด จีจี้รีบเดินออกไปก่อน แนวหน้าดึงแขนพี่ชายให้รีบออกไป
ไผทยิ้มหวานให้โลลิต้าที่ยิ้มตอบเขินๆ หลบตาเอียงอาย แนวหน้า จีจี้ นาย รีบร้อนเดินเข้ามา ท่านธูลหันไปยิ้มให้
“ขอประทานอภัยพะย่ะค่ะ พวกเราปรึกษาธุรกิจกันเล็กน้อยก็เลยมาไม่ทันรับเสด็จ” นายว่า
“ไม่เป็นไรหรอกคุณนายนาย ไม่ต้องเกรงใจอะไร บอกแล้วว่าที่นี่ไม่มีพิธีรีตองอะไรกันมาก อ่ะ.. มากันพร้อมแล้วก็กินข้าวกันเถอะ”
ท่านธูลขยับจะเดินไปในงาน เสียงชองปอลดังขึ้น“หวังว่าคงจะไม่มาช้าเกินไปนะพะย่ะค่ะท่านอา”
ทุกคนหันไปมอง ชองปอลเดินมาพร้อมกันเหล่าทหารองครักษ์ เดินตรงเข้ามาหาท่านธูลและยืนข้างโลลิต้าแสดงความเป็นเจ้าของ นายเดินกลับมาหน้าตาอึ้งๆ อย่างเห็นได้ชัด
ชองปอลบอกกับโลลิต้า “หวังว่าน้องหญิงคงไม่รังเกียจ ที่จะเลี้ยงอาหารพี่อีกซักมื้อนะคะ”
โลลิต้าลอบถอนใจ ก่อนจะฝืนยิ้มให้ แล้วทั้งหมดก็เดินเข้าไปในห้องจัดเลี้ยง ทุกคนทยอยตามเข้าไป
ไผทหันไปกระซิบแนวหน้า “ใครน่ะพี่แนว”
แนวหน้ากระซิบบอกไผท “ท่านชองปอล พระคู่หมั้นขององค์หญิงโลลิต้าจากฮวาซาเหนือ”
ไผทมีน้ำเสียงผิดหวัง “องค์หญิงทรงมีคู่หมั้นแล้วเหรอ”
“เร็วเข้าเถอะคุณไผท อย่าให้ท่านธูลต้องทรงรอ” ราอูลบอก
ทุกคนรีบตามราอูลเข้าไป
ท่านธูลประทับนั่งอยู่ที่หัวโต๊ะ ถัดมาคือโลลิต้า ชองปอล ถัดมาอีกเป็นเสนาบดีชั้นผู้ใหญ่ ไผท แนวหน้า นาย นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ส่วนจีจี้นั่งอยู่ไกลกว่าใครอื่นๆ นายเหลือบมองจีจี้ที่อยู่ปลายโต๊ะเป็นระยะ
ไผทกับโลลิต้า ต่างแอบชำเลืองมองกันระยะ แล้วบังเอิญสบตากันจังๆ ต่างคนต่างหลบตากันอย่างเขินๆ ชองปอลเห็นอาการไผทกับโลลิต้าก็ยิ่งฉุน
ตรงหน้าทุกคนมีอาหารทีมีฝาครอบวางอยู่ มหาดเล็กเปิดฝาครอบให้ทุกคน
เมนูอาหารเป็นสลัดผักต้ม ราดน้ำสลัดสไตล์อาหารแขก
ท่านธูลเอ่ยขึ้น “จานแรกจะเป็นอาหารพิเศษของฮวาซาใต้ สลัดผักต้ม”
ไผทหน้าเจื่อนไปนิด ก่อนจะรีบปรับให้เป็นปกติ
ท่านธูลถามไผท “เป็นไงคุณไผท พอทานได้มั้ย”
ไผทอึ้งไปนิดหนึ่งแล้วรีบตอบ “ได้สิพะย่ะค่ะ กระหม่อมชอบกินผักมากที่สุดพะย่ะค่ะ”
พลางไผทก้มหน้าก้มตาตักผักเข้าปากชิ้นโตๆ ท่านธูลยิ้มพอใจ โลลิต้าปลาบปลื้ม
แนวหน้ามองไผทสุดทึ่ง นึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ไปตอนไผทบอกเปอร์ตีว่าไม่ชอบกินผัก
ท่านธูลภูมิใจนำเสนอ “ผักที่นี่เราปลูกกันเอง ปลอดสารพิษ และใช้วิธีปลูกตามวิถีดั้งเดิมของคนฮวาซา เดี๋ยวตอนถ่ายสารคดีคุณคงจะได้เห็น”
ชองปอลถามขึ้น “ตอนอยู่ประเทศไทย คุณเคยเล่นสารคดีบ้างมั้ย คุณไผท”
“ไม่เคยพะย่ะค่ะ”
ชองปอลคิดจะหักหน้าไผทให้อาย “ถ้าไม่เคยแล้วคุณจะทำได้เหรอ ท่าทางคุณไม่ใช่คนชอบลุยหรือชอบท่องเที่ยวอะไรนี่นา”
ไผทอึ้ง แนวหน้ากับนายมองหน้ากัน ทำท่าจะเข้าช่วยเหลือ
โลลิต้าแทรกขึ้นก่อน “แต่หญิงมั่นใจว่าคุณไผททำได้ หญิงถึงได้เลือกเค้า”
“น้องหญิงมั่นใจได้ยังไง” ชองปอลไม่พอใจนัก
“เพราะจากที่หญิงศึกษาประวัติของคุณไผท หญิงเห็นว่าเขามีบุคลิกที่เหมาะสมกับประเทศของเรา...คือ เค้าเป็นคนเรียบง่าย ติดดิน ลุยๆ ชอบใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติ”
แนวหน้าคิดตามคำพูดของโลลิต้า
นึกไปถึงเหตุการณ์ตอนตัวเองยืนอยู่ที่เตา น้ำในหม้อเดือดปุดๆ แนวหน้าใช้ผ้ายกหม้อใส่น้ำเดินเอาไปเทลงในถังให้ไผท
“น้ำอุ่นพอรึยัง?”
ไผทเอามือแตะน้ำยิ้มร่าดีใจ “โอเคแล้วพี่” พูดอ้อนสุดๆ “ขอบคุณนะครับพี่แนว...”
ไผทเอาผ้าชุบน้ำอุ่นที่แนวหน้าผสมให้มาเช็ดตัว แนวหน้ามองไผทแล้วเซ็ง
คิดขึ้นมาแล้วแนวหน้ายิ้มเครียดๆ แต่โลลิต้ายังคงชื่นชมไผทต่อ
“เค้าเป็นคนกินง่ายอยู่ง่าย”
แนวหน้าคิดค้าน ไม่เห็นด้วยตามที่โลลิต้า ภาพไผททำท่าจะอาเจียนตอนกินอาหารที่กระท่อมเปอร์ตีผุดขึ้นมา
โลลิต้าบอกอีก “รักการเขียนอ่าน...และบทกวี”
แนวหน้าตาถลนนึกถึงคำพูดไผททันที
“พี่เก่งเนอะ ผมไม่ค่อยถูกกับตัวหนังสือเลย หนังสือที่ผมอ่านมากที่สุดก็บทละครนี่แหละ”
สีหน้าแนวหน้ายิ่งซีดลงเรื่อยๆ
“คุณสมบัติเหล่านี้เป็นหัวใจของคนฮวาซาใต้ หญิงจึงมั่นใจว่าคุณไผทเหมาะสมที่สุดที่จะเป็นแขกรับเชิญที่จะสนุกสนานกับการใช้ชีวิตแบบฮวาซาใต้ของเราเพคะเสด็จพ่อ”
ท่านธูลมองโลลิต้าอย่างภาคภูมิใจ
ท่านธูลและข้าราชการชั้นสูงเหลียวมามองไผทอย่างชื่นชม ไผทยิ้มกว้างแล้วมองโลลิต้าอย่างขอบคุณ
แนวหน้ากลืนน้ำลายลงคอ เหลือบมองไผทอย่างหนักใจ เพราะรู้ว่าความจริงแล้วไผทไม่ใช่เฟอร์เพ็คท์แมนคนที่เจ้าหญิงเข้าใจ
ไผทยังไม่รู้ชะตา กระซิบบอกแนวหน้าท่าทีกรุ้มกริ่ม “พี่...องค์หญิงทรงน่ารักดีเนอะ”
“เดี๋ยว หลังอาหาร ชั้นมีเรื่องต้องคุยกับแก”
แนวหน้าบอกเสียงเข้ม
ในขณะที่คนอื่นๆ เอ็นจอยอีตติ้ง ทว่านายยังคงจดสายตามองจีจี้ที่นั่งอยู่ปลายโต๊ะไม่วางตา
ท่านธูลหันมาคุยกับนาย “แล้วตอนนี้การเตรียมงานสารคดีไปถึงไหนแล้วครับ...ต้องการให้ทางเราช่วยเหลืออะไรไหม?” นายนิ่งอยู่ไม่ตอบ ท่านธูลเสียงดังขึ้น “คุณนายนายครับ”
แนวหน้าสะกิดพี่ชายนายได้สติรู้สึกตัว “ครับ... เอ้อ พะย่ะค่ะ ตอนนี้ทุกอย่างราบรื่นดีพะย่ะค่ะ”
“แต่ผมยังไม่เห็นคุณมีทีมงานมาเลยสักคน จะทำงานกัน 3-4 คนแค่นี้เองเหรอคุณนายนาย”
“อ๋อ ครับเรื่องทีมงาน อีกสองวันเราจะให้ทีมงานของเราบินตามมาพะย่ะค่ะ รอแต่ว่าถ้าที่วังนี่มีอินเตอร์เน็ตกับโทรศัพท์ที่สามารถใช้ติดต่อได้ตลอดเวลา การทำงานคงจะราบรื่นขึ้นมากพะย่ะค่ะ”
ท่านธูลหนักใจ “อินเตอร์เน็ตเหรอ” พลางหันไปมองราอูล
“มันจะไม่คุ้มกับการลงทุนกระมังคุณนายนาย” ราอูลว่า
ชองปอลสวนขึ้นมาอย่างโอ้อวด “เรื่องอินเตอร์เน็ต ชองปอลสามารถช่วยได้นะท่านอา ฮวาซาเหนือของเราเพิ่งจะติดตั้ง 4G เสร็จ เดี๋ยวเราจะให้คนมาติดตั้งเสาส่งสัญญาณให้เอง” แล้วหันไปคุยกับโลลิต้า “ดีไหมจ๊ะน้องหญิง เราจะได้สไกป์หากันได้ง่ายขึ้น”
ไผทหน้าเสียลงเล็กน้อย
โลลิต้ายิ้มรับตามมารยาท “ค่ะ”
“เป็นพระกรุณาพะย่ะค่ะ” นายเหลือบตามองจีจี้ “เอ่อ...แล้วก็มีอีกเรื่องนึงครับ คือตอนนี้เป็นช่วงพรีโพรดัคชั่น ผมต้องติดต่อประสานงานหลายอย่างค่อนข้างวุ่นวายมาก ถ้าได้ผู้ช่วยมาช่วยสักคนก็คงจะดีครับ”
แนวหน้างง เพราะไม่เคยคุยเรื่องนี้กับนายมาก่อน
“ผู้ช่วย ใครเหรอพี่นาย พี่จะให้ใครในบริษัทมาก่อนหรือไง”
“ไม่ใช่หรอก พวกนั้นคงไม่มีใครมาทัน”
“ได้สิ เราไม่ขัดข้อง เดี่ยวเราจะจัดการหาคนให้”
“ถ้าท่านจะทรงอนุญาต ผมอยากได้ คุณจีจี้ มาช่วยงานครับ”
แนวหน้าเหวอ จีจี้มองหน้าอดีตคนรักอึ้งๆ นายมองหน้าจีจี้ ทอดยิ้มให้อยากจะคืนดี
ท่านธูลฉงน “หมายความว่าคุณสองคนตกลงกันได้แล้วเหรอครับ ผมดีใจจริงๆ ผมเชื่อมาตลอดนะครับว่าถ้าคุณสองคนร่วมมือกัน งานจะต้องออกมาดีแน่ จริงไหมครับคุณจีจี้”
จีจี้รู้สึกดีที่นายนึกถึงตน แต่ทำฟอร์ม เพราะงอนนายอยู่
“จีจี้ยังไม่แน่ใจค่ะ ว่าจะร่วมงานกับคุณนายนายได้รึเปล่า จีจี้ขอคิดดูก่อนนะคะ”
นายมองหน้าจีจี้อย่างอึ้งๆ ใจแป้วที่จีจี้ยังไม่ยอมดีด้วย
อ่านต่อหน้า 2
น่ารัก ตอนที่ 7 (ต่อ)
แนวหน้าลากนายออกมาที่มุมหนึ่ง ด้านนอกงานเลี้ยง ถามพี่ชายอย่างฉุนฉียว
“พี่นาย! พี่คิดอะไรถึงจะเอาเจ๊มาทำงานด้วย กว่าผมจะสลัดเจ๊แกหลุดได้เหนื่อยแทบตาย!”
“ไอ้แนว... ฉันรู้นะว่าแกไม่พอใจ แต่แกก็ต้องเห็นใจจี้ด้วยนะเว้ย อย่างน้อยบริษัทนี้ฉันกับเค้าก็สร้างมาด้วยกัน ถ้าไม่ให้เค้ามีส่วนด้วย มันจะไม่ใจดำไปหน่อยเหรอวะ”
อีกด้านหนึ่ง จีจี้กำลังเดินเข้ามา เพื่อจะคุยกับนาย
“พูดแบบนี้...อยากง้อเค้าว่างั้น ยังรักเค้าอยู่ล่ะสิ” แนวหน้าต่อว่านาย
จีจี้ชะงัก รอฟังคำตอบของนายเช่นกัน นายอึ้งสักครู่แล้วบอกปัดไปอย่างเขินๆ
“รักเริกอะไร๊ ก็แค่สงสารเท่านั้นแหละ”
จีจี้ตะลึง เสียใจไม่ใช่น้อย
“สงสารอะไร สงสารคนอย่างพี่จี้เนี่ยนะ”
“นายอย่าลืมสิว่าจีจี้เค้าไม่มีใคร พ่อแม่ก็เสียหมดแล้ว ชีวิตเค้ามีแต่ชั้นกับงาน ถ้าเค้าโกรธชั้นแล้วยังไม่มีงานอีก เค้าจะทำยังไง น่าสงสารจะตาย จริงมั้ย”
จีจี้น้ำตาคลอ น้อยใจสุดขีดก่อนจะหันตัวกลับเดินออกไป
แนวหน้ากลับปลื้ม “เฮียนี่พ่อพระจริงๆ ว่ะ เท่สุดๆ”
นายมีสีหน้าไม่สบายใจเอาเลย
ไผทเดินเล่นอยู่ในอุทยานหลังวัง โลลิต้าเดินออกมาพอดี ทั้งคู่สบตากัน ต่างคนต่างชะงัก
“องค์หญิง!”
โลลิต้าเขิน “คุณไผท มาเดินเล่นหรือคะ”
“กระหม่อมต้องขอประทานอภัย ถ้าบุกรุกเข้ามาในเขตหวงห้าม”
“เปล่าหรอกค่ะ ตรงนี้ไม่ใช่เขตหวงห้าม ใครจะมาเดินเล่นแถวนี้ก็ได้”
“ถ้าอย่างนั้นก็ค่อยยังชั่ว ก่อนอื่นกระหม่อมต้องขอบพระทัยที่องค์หญิงทรงเมตตา เลือกกระหม่อมให้มาร่วมงานของพระองค์”
“หญิงต่างหากล่ะคะ ที่ต้องขอบคุณคุณไผท ที่อุตส่าห์สละเวลาอันมีค่ามาช่วยงานประเทศเล็กๆที่ไม่มีใครรู้จักอย่างฮวาซาใต้”
“ฮวาซาใต้เป็นประเทศเล็กๆ ก็จริง แต่เต็มไปด้วยเสน่ห์และความสวยงาม ไม่ว่าจะเป็นภูมิประเทศ หรือคน”
โลลิต้าเขินมากขึ้นไปอีก ไผทมองอย่างชื่นชม ทั้งคู่ดูจะถูกชะตากันมาก
จู่ๆ ชองปอลโผล่ออกมา เห็นท่าทีสนิทสนมของคนทั้งคู่ก็โกรธมาก ปราดเข้ามาหา
“กล้าดียังไงถึงมาคุยกับองค์หญิงตรงนี้”
ทั้งไผทและโลลิต้าหันไปมอง งงๆ
“ไม่ได้มีกฎมณเฑียรอะไรที่จะห้ามไม่ให้หญิงคุยกับใครๆ ไม่ใช่หรือเพคะ”
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ น้องหญิงไม่ควรจะมายืนคุยกับผู้ชายในที่มืดๆ เปลี่ยวๆ แบบนี้ แล้วนี่...พี่ชีฟองไปไหน
“อยู่นี่เพคะ” ชีฟองเดินถือแก้วน้ำส้มเข้ามา “น้ำส้มขององค์หญิงเพคะ”
โลลิต้ารับมาแล้วมองชองปอลอย่างกวนโทสะ
“กระหม่อมเป็นคนที่เพิ่งเข้ามาอยู่ใหม่ อาจมีอะไรที่ไม่รู้ธรรมเนียมไปบ้างก็ต้องขอประมานอภัย นี่ก็ดึกแล้วกระหม่อมทูลลาพะย่ะค่ะ”
ไผทคำนับทั้งสองคน แล้วยิ้มให้ชีฟองก่อนเดินออกไป
ชองปอลมองตาม ไม่พอใจอย่างมาก โลลิต้ายังใจเต้นอยู่เพราะหลงเสน่ห์ของไผทเต็มเปา
ด้านนายเดินมาถึงหน้าห้องจีจี้ จะเคาะประตูห้องแต่ชะงัก หันหลังจะเดินออก แต่ก็ชะงักอีก เดินกลับมาจะเคาะอีกครั้ง สุดท้ายเอามือลง
“ถ้าตอนนี้ยังโกรธอยู่ เดี๋ยวจะพาลคุยกันไม่รู้เรื่อง ไว้พรุ่งนี้ละกัน”
นายตัดสินใจเดินกลับห้องตัวเองไป
จีจี้กำลังเก็บเสื้อผ้า กับของใช้ใส่กระเป๋าเดินทางเตรียมตัวกลับกรุงเทพฯ น้ำตาคลอเมื่อนึกถึงคำพูดของนาย
“รักเริกอะไร ชั้นก็แค่สงสารเค้าเท่านั้น”
จีจี้เจ็บใจน้ำตาไหลริน ปิดกระเป๋าลงอย่างแรง
ส่วนไผทเดินเข้ามาในห้องแล้วชะงัก เห็นแนวหน้านั่งรออยู่
“นายหายไปไหนมา ชั้นรอตั้งนาน”
“ไปเดินเล่นแถวๆ นี้มาน่ะพี่แนว”
“อยู่ในวังนี้อย่าเดินเพ่นพ่านให้มากนัก เดี๋ยวจะโดนลงโทษ เออว่าแต่ องค์หญิงเค้าเอาข้อมูลนายมากจากไหนวะ ว่านายเป็นคนอยู่ง่ายกินง่าย ติดดินอะไรนั่นน่ะ โคตรฮาเลย ชั้นเกือบกลั้นหัวเราะไม่ไหว”
ไผทยิ้มแหยๆ “คงเป็นเพราะพี่ฟินน่ะพี่ เค้าชอบเขียนในเฟสบุ๊คกับทวิตให้ผม เค้าบอกว่าพรีเซ้นต์ตัวเองแบบนี้ มันคูลดี”
“ตายละแก แล้วถ้าเค้ามารู้ทีหลังว่าแกโคตรสำอาง อยู่ยากกินยากแบบนี้แล้วเค้าไม่โกรธตายเหรอวะ เผลอๆ จะโยนเราออกจากประเทศรึเปล่าก็ไม่รู้”
“คงไม่ขนาดนั้นหรอกพี่แนว องค์หญิงเค้าออกจะน่ารัก อ่อนหวาน”
แนวหน้าตาเหลือก “น่ารัก! อ่อนหวาน! ยัยองค์หญิงขาโหดเนี่ยอ่ะนะ”
“มันก็ไม่แน่นะพี่ ถ้าเกิดเค้าชอบผมอย่างที่ผมเป็นล่ะ”
“ขี้ป๊อด เกลียดผัก ไม่อาบน้ำเย็น พอกหน้าทุกคืน เกลียดการอ่านหนังสือเนี่ยนะ”
“ก็ใครจะไปรู้ล่ะพี่ พี่แนวรู้เหรอว่าคนอย่างองค์หญิงโลลิต้าน่ะ เค้าชอบอะไร ไม่ชอบอะไร จริงมั้ย”
แนวหน้าคิดตามแล้วอึ้งไปว่า เออ เราไม่รู้จริงๆ ด้วย!
รุ่งเช้า แนวหน้ายืนถือดอกกุหลาบอยู่ ท่าทางลังเลในสิ่งที่กำลังจะทำ
“จะดีเหรอวะ” สุดท้ายตัดสินใจ “เอาวะ! เพื่องาน!”
เมื่อเห็นชีฟองเดินมา แนวหน้ารวบรวมความกล้าแล้วเดินไปยื่นกุหลาบตรงหน้าทันที
“นี่ครับ”
ชีฟองมองกุหลาบอย่างอึ้งๆ “อะไรของคุณ”
แนวหน้าปั้นเสียงหล่อ “ดอกกุหลาบ ครับผม”
ชีฟองอึ้ง “กุหลาบ” แล้วเปลี่ยนท่าทีเป็นโกรธจัด “มาจากแปลงกุหลาบขององค์หญิงโลลิต้าใช่ไหม! นายไม่รู้เหรอว่าคนที่มีสิทธิ์เก็บกุหลาบที่สวนนั้น มีแต่ชั้นกับองค์หญิงเท่านั้น ฉันจะไปฟ้ององค์หญิง”
ชีฟองโมโหจะเดินไป
“อย่าครับ...อย่าไป”
แนวหน้ารีบร้อนไปดักหน้า ชีฟองยั้งตัวไม่ทันชนแนวหน้าเต็มแรง แนวหน้าเสียหลักซวนเซจะล้ม ชีฟองดึงเอาไว้ ชีฟองกับแนวหน้ามองสบตากันนิ่งนาน
มาเรียกับเซลีนกำลังจะเดินผ่านแล้วเห็นแนวหน้าอยู่ในอ้อมกอดชีฟองพอดี ทั้งคู่ตะลึงแล
ชีฟองรีบปล่อยมือ “ขอโทษนะคะ คือ ชั้นกำลังรีบ”
“จะขอโทษทำไม ผมสิต้องขอบคุณคุณมาก ไม่อย่างนั้นผมคงล้มหัวฟาดไปแล้ว คุณชีฟองจะไปไหนเหรอครับ”
ชีฟองเขิน “ชั้นจะไปซื้อของให้เจ้าหญิงค่ะ”
“งั้นดีเลย ผมกำลังหาข้อมูลของฮวาซา ขออนุญาตไปด้วยนะครับ จะได้ช่วยคุณถือของด้วย”
“ก็ได้ค่ะ”
ชีฟองเขินจัด รีบเดินนำไป แนวหน้ารีบตาม คว้าตะกร้าในมือชีฟองมาช่วยถือ
มาเรียกับเซลีนที่แอบดูอยู่มุมหนึ่ง มองหน้ากันอย่างไม่เชื่อสายตา
ด้านเจ๊ฟินยอมบากหน้ามาที่ออฟฟิศค่ายละคร ยกมือไหว้อ้อนวอนผู้กำกับป้อมที่เคยมีเรื่องกันอยู่
“ขอร้องล่ะค่ะพี่ป้อม ให้โอกาสเด็กของฟินเถอะนะคะ”
“คุณยังจะกล้าขออีกเหรอ? ที่ส่งมา ไม่ได้เรื่องเลยสักคน”
ผู้กำกับโยนรูปเด็กในสังกัดฟินทั้งสามใบลงที่โต๊ะตรงหน้าทันที คนแรกหน้าตาดูดี คนที่สองเป็นลูกครึ่ง
ผู้กำกับชี้คนแรก “ไอ้นี่หล่อจริง แต่แอคติ้งห่วยยังกับหุ่นยนต์” ชี้รูปคนที่สอง “ไอ้นี่ลูกครึ่งหน้าตาดีจมูกโด่ง แต่ยิ้มทีฟันยื่นออกมาอย่างจอบ กลัวจะไปเฉาะหน้านางเอก” สุดท้ายชี้รูปคนที่สาม “ส่วนไอ้คนที่สามเนี่ย แค่ให้ลองไปซ้อมฉากแอคชั่น กลับมาเป็นยังไงก็ดูเอาเองแล้วกัน!”
แลเห็นผู้ช่วยพยุงเด็กของฟินคนที่สามที่ใส่เผือกและมีผ้าพันแผลเต็มตัวเข้ามา ฟินหน้าจ๋อยที่โดนด่าเรื่องเด็กยับ
“เดี๋ยวฟินจะลองหาเด็กมาให้พี่ป้อมใหม่นะคะ”
“ไม่ต้อง! ผมไม่รอคุณแล้ว!! ผมใช้เด็กของพี่บียังจะดีซะกว่า แค่นี้นะ”
ฟินหน้าหดเหลือสองนิ้ว
ทางด้านนายพาตัวเองมายืนเคาะประตูหน้าห้องจีจี้ อย่างตัดสินใจแล้ว
“จีจี้...จีจี้...”
สักครู่หนึ่ง ปิดประตูสาวรับใช้เดินออกมาจากห้องจีจี้
นายแปลกใจ “คุณจีจี้ยังไม่ตื่นเหรอครับ”
“คุณจีจี้ให้ทหารออกไปส่งที่สนามบินตั้งแต่เช้ามืดแล้วค่ะ”
นายตกใจ “อะไรนะ ไปส่งที่สนามบิน นี่จีจี้กลับกรุงเทพฯ เหรอครับ”
“ค่ะ เก็บของไปหมดห้องเลย” สาวรับใช้บอก
“แล้วเค้าบอกรึเปล่าว่าจะกลับมาเมื่อไร”
“ไม่ได้บอกนะคะ แต่ท่าทางคงจะไม่กลับมาแล้วล่ะค่ะ”
สาวใช้เดินออกไป นายเดินเข้าไปในห้องที่วางเปล่าอึ้งๆ ไม่คิดว่าจีจี้จะทิ้งไปจริงๆ
ฝ่ายฟินเดินกลับเข้าไปที่ห้องท่าทางเหนื่อยล้า อ่อนแรง
“โอ๊ย.. จะทำยังไงดี ไม่มีงานเลย”
ฟินลุกขึ้นเดินไปเปิดลิ้นชัก หยิบสมุดธนาคารออกมาดู
“ไม่มีเงินเพิ่มขึ้นมาเลย ไผทนะไผท ชั้นอยากจะฆ่าแกนัก”
เสียงออดดัง ฟินเดินไปที่ประตูช้าๆ ตะโกนถาม “ใคร”
อีกด้านเงียบ
“ชั้นถามว่าใคร”
“จีจี้เองค่ะเจ๊”
ฟินตาลุกวาว กระชากประตูเปิด จีจี้ยืนจ๋อยอยู่
“นี่แกยังกล้ามาให้ชั้นเห็นหน้าอีกเหรอ”
“ใจเย็นๆ นะพี่ฟิน ฟังหนูก่อน หนูขอร้อง”
ฟากแนวหน้าช่วยชีฟองถือตะกร้าพร้อมเดินคุยกันไป
“ปกติแล้วหนุ่มสาวฮวาซานี่เค้าชอบไปเที่ยวที่ไหนกันบ้างเหรอครับ”
“คุณอยากเที่ยวแบบไหนล่ะคะ”
“แบบที่...องค์หญิงชอบน่ะครับ”
ชีฟองตาเขียว เสียงแข็งทันที “นี่คุณคิดอะไรกับองค์หญิง”
แนวหน้ารีบแก้ “อ๋อ เปล่าครับ...คือผมต้องถ่ายทำสารคดีกับองค์หญิง ถ้ารู้ว่าท่านโปรดอะไรจะได้เอาไปทำสคริปต์ถูก แต่ถ้าคุณชีฟองไม่รู้ก็ไม่เป็นไรนะครับ”
“ในฮวาซาคนที่จะรู้ใจองค์หญิงมากที่สุดก็คือชั้น เพราะชั้นตามเสด็จมาตั้งแต่องค์หญิงยังทรงพระเยาว์”
แนวหน้าชม “โหย...ยอดเลย งั้นคุณชีฟองก็ต้องรู้หมดสิครับว่าองค์หญิงโปรดอะไร ไม่โปรดอะไร”
ชีฟองคุยอวด “องค์หญิงทรงเป็นเจ้าหญิงที่น่ารักที่สุด ท่านโปรดการเล่นกีฬา ขี่ม้า ผจญภัย บางทีก็ทรงปลอมพระองค์ขี่ม้าเข้าไปเที่ยวตามหมู่บ้านต่างๆ เพื่อดูทุกข์สุขของราษฎร”
แนวหน้าแย้ง “อย่างที่ผมเคยเจอใช่มั้ย ซนชะมัดเลย”
“ไม่นะคะ องค์หญิงทรงอ่อนหวาน ใจดีจะตาย คุณรู้อะไรมั้ย เธอชอบอ่านหนังสือ แล้วก็ดูละครมากเลยนะ หลังๆ ถึงกับทรงนิพนธ์นิยายแล้วก็บทละครเลยแหละ” ชีฟองชะงัก “อุ๊ย คุณอย่าไปบอกใครนะว่าชีฟองมาเล่าให้ฟัง ไม่งั้นองค์หญิงเล่นงานชีฟองตายแน่”
“อย่าห่วงเลยครับ ผมไม่มีวันเล่าเด็ดขาด ถ้ามันจะทำให้คุณชีฟองต้องมีอันตราย”
แนวหน้าทอดยิ้มหวานให้ ชีฟองเขินอายสุดฤทธิ์
จีจี้นั่งคุยกับฟินอยู่ในห้องเพียงสองคน ฟินยังโมโหเรื่องไผทไม่หาย
“ไหน มีอะไรก็รีบเล่ามา ละก็ออกจากห้องชั้นไปได้ละ”
“หนูอยากมาเล่าให้ฟังว่า วันนั้นมันเกิดอะไรขึ้นที่บริษัทคุณลูกปู”
ฟินลุกพรวด “เรื่องนั้นน่ะ มันจบไปแล้ว ชั้นไม่สนใจอีก เธอกลับไปได้แล้ว”
“ไม่ใช่นะพี่ฟิน ความจริงแล้วหนูไม่ได้ทำอะไรเลยนะ คุณลูกปูเป็นคนทำทั้งหมด เค้ารู้มานานแล้วว่าไผทแอบคบกับน้องก้อย เค้าก็เลยวางแผนจะหนีหน้าไผทต่อหน้านักข่าว”
ฟินตะลึง “อะไรนะ”
“จริงๆ นะพี่ฟิน เค้าไม่ใช่คนดีอย่างที่พี่คิดหรอก คุณลูกปูน่ะ”
จีจี้เล่าความจริงให้ฟัง
อ่านต่อหน้า 3
น่ารัก ตอนที่ 7 (ต่อ)
ครั้นพอฟังจบว่าทุกอย่างเป็นผลงานของลูกปู ฟินถึงกับออกอาการเคืองแค้นสุดขีด
“ชั้นนึกแล้วว่านังคนนี้มันต้องร้าย”
“เค้ามีปาปาราซซี่ของเค้าเอง ตามถ่ายรูปไผททุกที่เลย รูปที่เค้าเอามาโชว์นักข่าว ก็ไม่ใช่รูปที่หนูให้โด่งถ่ายด้วย”
ฟินแค้นแทบกระอัก “อยากบีบคอมันจริงๆ เค้าจะรู้มั้ยนะว่าทำให้ชั้นกับไผทลำบากลำบนขนาดไหน”
“พี่ฟิน นี่พี่ฟินจะยอมเหรอ ไม่กลับไปตามไผทมาจริงๆ เหรอ”
ฟินอึ้ง พูดไม่ออก
“หนูเองก็โดนนายนายกับแนวหน้าชุบมือเปิบเอาตัวไผทไป พี่ฟินคิดว่าถ้าเราสองคนร่วมมือกัน เราจะมีทางเอาชนะพวกเค้าได้มั้ย”
ฟินทำหน้าชั่วร้าย ครุ่นคิดแผนการ ที่คงไม่เป็นผลดีต่อแนวหน้ากับนาย หรือ ไผท แน่นอน
ตอนสายวันหนึ่ง มาเรียกับเซลีนคุยกันมาตามทางในวัง แล้วหัวเราะคิกคัก โลลิต้าเดินมามองซ้ายขวาเจอสองสาว
“มาเรีย เซลีน นี่พวกเธอเห็นพี่ฟองไหม ออกไปซื้อของกลับมาหรือยัง”
มาเรียกับเซลีนมองหน้ากันยิ้มๆ
“วันนี้พี่ชีฟองคงจะไม่กลับมาง่ายๆหรอกเพคะองค์หญิง” มาเรียว่า ทั้งสองคนหัวเราะคิก
“ทำไมล่ะ มีอะไรกันเหรอ”
สองสาวหัวเราะคิกคักกันอีก ก่อนจะยอมตอบ
แนวหน้าเดินถือตะกร้าตามชีฟองมาจนถึงหน้าประตูเข้าวังชั้นใน
“ขอบคุณนะคะที่ช่วยถือให้ ขอตัวก่อนนะคะ”
“แล้วหวังว่าวันหลังเราพาผมไปเดินเที่ยวอีกนะครับ”
ชีฟองยิ้มหวานให้ แล้วเดินจากไป แนวหน้าหยิบสมุดเล็กๆ ออกมาจดบันทึก
“เอาวะ..อย่างน้อยก็รู้ว่าองค์หญิงชอบเขียนนิยายน้ำเน่าฟรุ้งฟริ้ง” แนวหน้าหันกลับมาอีกทางแล้วตกใจสาวแตก “ว้าย!”
เบื้องหน้าโลลิต้ายืนหน้าตาถมึงทึงอยู่ “นี่นาย จีบพี่ชีฟองเหรอ?”
แนวหน้าปฏิเสธทันที “เปล๊า” แล้วรับเดินหนี
โลลิต้าเดินตาม “อย่าโกหก!”
“จริงๆ สาบานได้พะย่ะค่ะ”
“แล้วที่ยิ้มหวาน โบกไม้โบกมือเมื่อกี้มันคืออะไร”
“ก็ลากันไง ออกไปข้างนอกกันมา พอกลับเข้าวัง ก็โบกมือลากัน มันผิดตรงไหน บ๊ายบายนะพะย่ะค่ะ”
โลลิต้าเดินเข้ามาขวางหน้า แนวหน้าชะงัก องค์หญิงชี้หน้าขู่ “พี่ชีฟองเป็นเหมือนพี่สาวฉัน เค้าเลี้ยงฉันมาตั้งแต่เด็ก เค้าเป็นจิตใจดี เชื่อคนง่าย ไม่มีทางทันคนเจ้าเล่ห์อย่างนายหรอก!! บอกไว้ก่อนนะ ถ้านายยุ่งกับพี่ชีฟอง ฉันจะเอาเรื่องนายแน่!” แล้วเดินหนีไปเลย
“เอ๋า ผมบอกแล้วไงว่าไม่ได้จีบ แค่ผูกมิตรกันเฉยๆ คุณ เจ้าหญิง...” โลลิต้าไม่หันมา “โว้ว”
แนวหน้าเซ็งที่องค์หญิงจอมแก่นรู้ทัน
จีจี้กับฟินยืนคุยกันอยู่หน้าร้านขิงดีไซน์ ฟินบอกอย่างหมายมั่นปั้นมือ
“ถ้าคิดจะเอาชนะพวกนั้นให้ได้ ก็ต้องทำให้มันทะเลาะกันก่อน!”
จีจี้ไม่เห็นด้วย “แต่ทำแบบนี้จะดีเหรอเจ๊”
“พระรามกับทศกัณฑ์ยังรบกันเพราะนางสีดาคนเดียว ไผทกับไอ้แนวก็ต้องแตกคอกันเพราะเรื่องนี้แหละ” จีจี้คิดท่าทางยังลังเลอยู่มาก ฟินเร่ง “ไป! เข้าไปได้แล้ว”
จีจี้ลากฟินเข้าไป
ฟินกับจีจี้พากันมานั่งอยู่กับขิงในร้านเสื้อแล้ว
“ก็อย่างที่เล่าไปนั่นแหละจ้ะ อยู่ๆ คนที่รับปากว่าจะไป ก็มาแคนเซิล ไผทเค้าก็เลยแนะนำให้พี่ติดต่อขิงให้ไปดูแลเรื่องเสื้อผ้าที่ฮวาซาให้เค้า” ฟินเปิดฉากเจรจา
“เอ๊ะ แปลกนะคะ ถ้าเค้าอยากให้ขิงทำให้ ทำไมไผทถึงไม่โทร.มาเอง” ขิงว่า
จีจี้ร้องขึ้น “โอ๊ย ที่ฮวาซาไม่มีสัญญาณโทรศัพท์หรอกจ๊ะ ไผทคงไม่รู้จะติดต่อคุณขิงยังไง ก็เลยให้พี่มาบอกเอง”
“แต่พี่ว่าไผทเค้าคงจะเหงาด้วยแหละถึงอยากให้ขิงไป อย่างว่าเนอะคงไม่มีใครคุยด้วย” ฟินบอก
“แล้วพี่แนวล่ะคะ” ขิงกังวล
“ขิงน่าจะรูดีกว่าใครๆ ว่าสองคนนั้นเค้าไม่ค่อยถูกกันนักหรอก จริงมั้ย”
ขิงอึ้ง เห็นด้วย
ฟินโน้มน้าว “น่า นะ ขิง ทิ้งร้านไว้ให้ลูกน้องดูแลซักพักแล้วไปช่วยไผทที่ฮวาซานะจ๊ะ นะ นะ”
ขิงนิ่งคิดตัดสินใจ ฟินกับจีจี้ลอบมองหน้ากัน ลุ้นว่าขิงจะตัดสินใจยังไง
แนวหน้ากับนายอยู่ตรงมุมทำงานในห้องพัก สองพี่น้องนั่งคุยกันเรื่องเตรียมการถ่ายทำสารคดี นายใจลอย เพราะห่วงเรื่องจีจี้ แนวหน้าดูข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ไปด้วย
“สรุปว่าสถานที่ที่เฮียหาข้อมูลเตรียมไว้ให้ 3-4 ที่เนี่ย พอทีมงานเรามาถึงก็ไปสำรวจได้เลยใช่มั้ยเฮีย แล้วเราจะได้เริ่มถ่ายทำกันเร็วที่สุด”
นายไม่ตอบ เพราะหมกมุ่นครุ่นคิดเรื่องจีจี้ แนวหน้าเงยหน้าขึ้นมอง
“เฮีย!” แนวหน้าเสียงดัง
นายรู้สึกตัว “เยี่ยม! ตามนั้น เปิดกล้องเลย”
“เฮ้ย เดี๋ยวสิ ไปดูโลเกชั่นกันก่อน”
“แกจัดการไปก็แล้วกัน ชั้นเชื่อใจแก”
แนวหน้าเห็นอาการนายนายแล้วดูออกว่าคิดมากเรื่องจีจี้
“นี่เฮียกลุ้มใจเรื่องจีจี้ใช่มะ”
“เฮ้ย บ้า กลุ้มเกลิ้มอะไร” นายลุกขึ้น
“เอางี้นะแนว พี่ว่าพี่บินไปรับทีมงานที่กรุงเทพฯ ดีกว่า จะได้แน่ใจว่าเค้าเตรียมตัวมาพร้อมแน่ๆจริงๆ ส่วนแกเตรียมสคริปต์คร่าวๆก่อนแล้วกัน”
นายเปิดประตูตู้เสื้อผ้าหยิบออกมา แนวหน้าตะลึง
“เดี๋ยวสิเฮีย เฮียจะทำอะไร”
“ก็จัดกระเป๋าน่ะสิ ถามได้”
นายเดินเข้าไปเก็บข้าวของเครื่องใช้ในห้องน้ำ แนวหน้าตะลึง
แนวหน้าออกมาจากห้องแล้วบ่นงึมงำกับตัวเอง
“จะไปตามง้อพี่จี้ชัดๆ แล้วมาฟอร์มว่าจะไปรับทีมงาน โอ๊ย...เบื่อพวกบ้ารักว่ะ บ่องตง”
แนวหน้าออกเดิน พอพ้นหัวมุม ชนโครมเข้ากับร่างใครคนหนึ่งเต็มแรง จนของในมืออีกฝ่ายหล่นกระจาย
โลลิต้าร้องลั่น “โอ๊ย”
แนวหน้าตกใจ “ขอโทษครับ”
สองคนชะงักมองหน้ากัน ทั้งคู่ต่างตกใจที่เห็นว่าเป็นใครที่ชน
“องค์หญิงเป็นอะไรรึเปล่า กระหม่อมขอประทานอภัย”
โลลิต้าไม่ตอบมองข้าวของที่ตกพื้นอยู่ แล้วหยิบขึ้นมาทันที แนวหน้าคว้าได้ก่อน
“เดี๋ยว นี่มันรูปไอ้ไผทนี่นา”
โลลิต้ากระชากรูปคืน แล้วซ่อนไว้ข้างหลัง แนวหน้าก้มลงหยิบปากกาเมจิค นึกออกว่าอะไรเป็นอะไร มองแล้วยิ้มขำๆ
“ปากกาเมจิค... องค์หญิงกำลังจะเสด็จไปไหนพะย่ะค่ะ”
โลลิต้าฟอร์ม “ชั้นจะไปไหน มันเรื่องอะไรของนาย”
องค์หญิงสะบัดหน้าจะเดินออกไป
แนวหน้าแกล้งมองเลยโลลิต้าไป “อ้าว เฮ้ย ไผท”
โลลิต้าหันหลังไปมอง แนวหน้าหัวเราะก๊าก
“ชัดเลย มีรูป มีปากกา เดินมาทางนี้ นี่ก็แสดงว่า องค์หญิงกำลังจะมาขอลายเซ็นไผทใช่มั้ยพะย่ะค่ะ”
โลลิต้าทั้งโกรธและอาย “ชั้นจะทำอะไรมันก็เรื่องของชั้น”
แนวหน้าหัวเราะชอบใจ องค์หญิงยิ่งโกรธ
“งั้นเดี๋ยวกระหม่อมไปตามตัวไผทให้นะพะย่ะค่ะ”
“ไม่ต้อง ชั้นบอกว่าอย่ายุ่งก็อย่ายุ่งสิ”
โลลิต้าสะบัดหน้า เดินจากไปทันทีอย่างเสียฟอร์ม แนวหน้ามองตามไปขำๆ
“คนขี้วีนแบบนี้ เวลามีความรักก็น่ารักดีแฮะ”
รอยยิ้มแนวหน้าจางลงเล็กน้อย ก่อนจะพึมพำกับตัวเอง
“คนไม่ได้เรื่องอย่างไอ้ไผท ทำไมมันมีคนชอบเยอะนักวะ”
ขิงอยู่ในร้าน มองเหม่อ ครุ่นคิด ตัดสินใจว่าจะไปฮวาซาดีไหม ขิงเดินกลับไปกลับมา หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ทำท่าทางจะกดโทรออกแล้วชะงัก นึกได้ว่าฮวาซาไม่มีสัญญาณ ขิงถอนใจ
“จะไปไม่ไปดีนะ”
ส่วนชองปอลกำลังคุยกับท่านธูล โลลิต้านั่งอยู่ด้วย และมีราอูลยืนอยู่ข้างๆ
“พอชองปอลติดสัญญาณอินเตอร์เน็ตทั่ววัง แล้วลองเช็คข่าวของไผทดูก็เจอนี่เลย”
ชองปอลยื่นไอแพดให้ท่านธูล
บนไอแพดเห็นข่าวเสียหายของไผทเต็มไปหมด
“ชองปอลก็ไม่อยากพูดอะไรมากหรอก แต่นี่เหรอคือคนที่มีคุณสมบัติที่เหมาะสมจะมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ร่วมกับน้องหญิง ทั้งมีข่าวกับผู้หญิง ทั้งหนีงาน รับงานซ้อน ข่าวฉาวสารพัด”
ท่านธูลเห็นข่าวแล้วเครียด ส่งไอแพดให้โลลิต้า “หญิงว่ายังไงลูก”
“หญิงรู้เรื่องนี้มานานแล้วเพคะ เสด็จพ่อ”
ชองปอลงง “น้องหญิงรู้แล้ว? แล้วยังเลือกมันอีกเหรอคะ”
โลลิต้าสวนนิ่มๆ “เค้าอาจจะถูกใส่ร้ายก็ได้นะเพคะ เราจะฟังความข้างเดียวไม่ได้หรอกนะคะท่านพ่อ ท่านพ่อเคยบอกว่าชาวฮวาซาไม่ใช่ผู้ที่ตัดสินคนอื่นจากการฟังความข้างเดียว นี่เรายังไม่เห็นและไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของคุณไผทเลย เราจะไปสรุปว่าเค้าเป็นคนไม่ดีได้ยังไง จริงมั้ยเพคะ”
ท่านธูลเห็นด้วยกับโลลิต้า หันไปชองปอล “จริงขอลูกหญิง...การให้โอกาสคนอื่น เป็นสิ่งที่คนมีอำนาจพึงกระทำนะท่านชองปอล”
ชองปอลชะงัก แค้นแทบกระอักที่ทำอะไรไผทไม่ได้สักที
“ถ้างั้นก็ตามพระอัยท่านอา แต่ขอบอกว่าชองปอลไม่ไว้ใจมัน และเพื่อความปลอดภัยของน้องหญิง พี่จะจับตาดูนายไผทเอง! ตลอดเวลาที่มีการถ่ายทำสารคดีคราวนี้ พี่จะไปกับน้องหญิงด้วย หวังว่าท่านอาคงจะไม่ขัดข้อง”
ชองปอลคำนับแล้วเดินออกไป โลลิต้าถอนใจเซ็งๆ
อ่านต่อหน้า 4
น่ารัก ตอนที่ 7 (ต่อ)
เวลาผ่านไปอีกหลายวัน เช้าวันนี้ ภาพทิวทัศน์ธรรมชาติแสนงดงามของฮวาซาใต้ ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ ดอกไม้ ใบหญ้า กำลังชูช่อสะบัดใบต้องลมต้อนรับพระอาทิตย์ ที่กำลังขึ้นโผล่พ้นเหนือภูเขาสุดลูกตา
ริ้วธงสีสันสดใสอันเป็นสัญลักษณ์ของฮวาซาปลิวไสว ภาพชีวิตของชาวบ้าน แม่ค้าพ่อขายที่ค้าขายอยู่ในตลาด และภาพเด็กๆ ในชุดประจำชาติฮวาซากำลังวิ่งเล่นกันสนุกสนาน ถูกบันทึกผ่านกล้องวิดีโอ โดยมีแนวหน้าควบคุมการทำงานในฐานะครีเอทีฟ และโปรดิวเซอร์
เสียงแนวหน้าดังลั่น “คัท!”
กองถ่ายสารคดี อันมีแนวหน้านั่งดูมอนิเตอร์อยู่ หันไปบ่นกับตากล้องลูกน้องของบริษัทจีเอ็นเอ็น ที่เพิ่งบินมาสมทบ
“แล้วนี่พี่นายเค้าบอกรึเปล่าว่าจะกลับมาเมื่อไร”
“ไม่พูดอะไรเลยครับ บอกแต่ว่าให้พวกผมมาก่อน เดี๋ยวเค้าจะตามมาทีหลัง”
ไผทยื่นหน้าเข้ามา “นี่พี่นายเค้าจะทิ้งพวกเราไว้แบบนี้จริงๆ เหรอพี่แนว”
“เฮ้ย พูดอะไรเหลวไหล มีชั้นอยู่ทั้งคนแกจะไปสนใจอะไรกับพี่นายวะ” แนวหน้าว่า
ชีฟองเดินตามโลลิต้าเข้ามา ชีฟองเป็นปลื้ม
“เก่งจริงๆ เลยค่ะคุณแนว ถ่ายออกมาสวยกว่าวิวจริงตั้งเยอะแน่ะ จริงมั้ยเพคะองค์หญิง”
โลลิต้าเมินไม่ตอบ ชองปอลเดินอาดๆ เข้ามา
“แล้วนี่เมื่อไรจะถ่ายองค์หญิงโลลิต้าซักที ให้มาตั้งแต่เช้า แล้วรออะไรกันเนี่ย”
แนวหน้าอธิบาย “เอ่อ...คือถ่ายพิธีกรเป็นช่วงท้ายน่ะพะยะค่ะ กระหม่อมนัดองค์หญิงมาก่อนเพื่อที่จะให้คุ้นเคยกับกองถ่ายก่อน เวลาถ่ายจริงจะได้ไม่ทรงขัดเขินน่ะพะย่ะค่ะ”
“ถ้าพี่ชองปอลทรงเบื่อ ก็เสด็จกลับไปที่วังก่อนก็ได้นี่เพคะ” โลลิต้าว่า
“พี่ไม่ได้เบื่อหรอกจ้ะ พี่แค่กลัวน้องหญิงจะเบื่อต่างหาก”
“ทำไมน้องหญิงต้องเบื่อล่ะเพคะ สนุกจะตายไป ต่อไป เราจะไปที่หมู่บ้านทอผ้าใช่มั้ยคุณแนว? เชิญเลยค่ะ”
โลลิต้าตัดบท แล้วเดินนำไป ไผทจะเดินตามโลลิต้าไป แต่ชองปอลแทรกตัวไปเดินคู่กับโลลิต้า แนวหน้ากับไผทมองหน้ากัน แล้วส่ายหน้าอย่างระอานิสัยชองปอล
ผ้าสีสันสดใส ถูกแขวนตากเป็นแนว ละลานตา สีสันสวยงาม แนวหน้ากำลังคุมการถ่ายทำเก็บภาพบรรยากาศในหมู่บ้านทอผ้า
ไผทเดินชะเง้อหาอะไรบางอย่างพลางบ่น “ไหนล่ะ เค้าบอกว่าจะมีผู้เชี่ยวชาญพามาดูการย้อมผ้า อยู่ไหนนะ”
ไผทเหลียวมองรอบตัว
ด้านข้าง ราวผ้าที่ตากอยู่ มีเงาแบบบางสวยงามปรากฏที่ผ้า แล้วร่างของโลลิต้าก็เดินออกมาสวยงามแจ่มใสจนทุกคนตกตะลึง แนวหน้าเองก็อึ้งๆ
“กำลังถามหาหญิงอยู่หรือคะ”
ชีฟองเป็นปลื้มชื่นชม “องค์หญิงทรงพระสิริโฉมจริงๆ เพคะ”
แนวหน้ารีบทำท่าให้ชีฟองเงียบเสียง
“เบาหน่อยครับ เดี๋ยวเสียงเข้าไมค์บูม”
ชองปอลขอแจม “เราว่าน่าจะมีภาพน้องหญิงใกล้ๆ ด้วยนะ คนดูคงอยากเห็นหน้าองค์หญิงชัดๆ”
แนวหน้าจุ๊ปาก ทำท่าให้ชองปอลพูดค่อยๆ แต่ชองปอลไม่สนใจ
“คุณไผทด้วยนะคะ คนดูก็ต้องอยากเห็นคุณไผทใกล้ๆ” ชีฟองเสนอ
ชองปอลแย้ง “ไม่จริงหรอก ไม่จำเป็น สารคดีฮวาซาก็ต้องเห็นองค์หญิงฮวาซามากกว่าสิ
ชีฟองโต้ “แต่เราอุตส่าห์มีคุณไผทในเรื่องนะเพคะ ชีฟองว่าคนน่าจะอยากดูคุณไผทพอๆ กัน”
แนวหน้าปรี๊ด ลุกขึ้น “โอ๊ย!” ทั้งชองปอลและชีฟองชะงัก “เงียบเสียงกันหน่อยได้มั้ยครับ ถ่ายทำอะไรไม่ได้แล้ว เอางี้นะครับ เรื่องถ่ายทำสารคดีคราวนี้ มันเป็นความรับผิดชอบของผม ขอความกรุณาให้ผมได้เป็นคนตัดสินใจเองจะได้มั้ยครับ”
ชองปอลอึ้ง แล้วสะบัดหน้าเดินจากไปอย่างโกรธๆ
ชีฟองมองความเด็ดขาดของแนวหน้าอย่างประทับใจ ส่วนไผทกับโลลิต้ายืนมองมางงๆ
ตากล้องของแนวหน้ากำลังถ่ายโลลิต้ากับไผท ซึ่งพูดอธิบายเรื่องการย้อมผ้าของฮวาซาอยู่ ซึ่งด้านหลังเป็นผ้าขาวที่ตากเตรียมไว้สำหรับย้อม ไม่ห่างกัน มีถังสีย้อมผ้าใบใหญ่เท่าตัวคนหลายใบ ตั้งอยู่ ทั้งเหลือง เขียว น้ำเงิน ม่วง ฯลฯ เป็นสีย้อมเย็น
การถ่ายทำดำเนินไป ชีฟอง ชองปอล ยืนอยู่หลังกล้องที่ถ่ายอยู่ ชองปอลยังคงโมโหกรุ่นๆ
“ที่นี่เป็นแหล่งผลิตผ้าทอใหญ่ที่สุดของชาวฮวาซาเลยนะคะ ผ้าที่เห็นพวกนี้ย้อมด้วยกรรมวิธีพื้นเมือง และมีเคล็ดลับบางอย่างเฉพาะของฮวาซาด้วยนะคะ” โลลิต้าอธิบาย
ไผทยิ้มเอ็นดู “เคล็ดลับอะไรเหรอครับ”
โลลิต้าเขินหลบตา “ถ้าบอกก็ไม่ลับน่ะสิคะ” ไผทขำ “แต่สำหรับแขกคนพิเศษของฮวาซาใต้ หญิงบอกก็ได้ค่ะ...เราใช้ยางจากเปลือกของต้นจาร์มี ผสมลงไปค่ะ ต้นจาร์มีนี้เป็นต้นไม้ที่ขึ้นเฉพาะที่ลุ่มน้ำฮวาซา มันจะขับสีย้อมให้สดขึ้นและติดทนนานด้วย”
“แล้วใช้ได้กับทุกสีเลยเหรอครับ”
“ใช่ค่ะ เพราะสีที่เราใช้เป็นสีจากธรรมชาติ... อย่างสีแดงเนี่ย” องค์หญิงหยิบสีที่อยู่ในกาละมังเล็กซึ่งเป็นสีผงขึ้นมา) ได้มาจากรากยอ แก่นฝาง ลูกคำแสด.. ส่วนสีฟ้าครามนี่”
โลลิต้าวางแล้วเผลอเอามือมาปัดผมที่ติดอยู่ที่แก้ม จนสีเปรอะที่แก้มของตัวเอง ไผทเห็นตกใจ
โลลิต้าชะงัก “มีอะไรเหรอคะ”
ไผทชี้ที่แก้มตัวเอง บริเวณเดียวกับที่โลลิต้าเปื้อนสี โลลิต้าไม่เข้าใจ พยายามจับแก้มตัวเองว่ามีอะไร แต่ยิ่งจับสีก็ยิ่งเปื้อน ไผทหัวเราะเอ็นดู
“เอ่อ...ขอโทษนะพะย่ะค่ะ” ไผทเอื้อมมือไปเช็ดแก้มที่เปื้อนให้โลลิต้าอย่างอ่อนโยน
โลลิต้าอึ้ง ใจเต้นโครมครามที่ไผททำแบบนี้ให้แบบไม่ทันตั้งตัว แนวหน้าเองก็อึ้งกับภาพที่เห็น
ชีฟองตกใจ “อุ๊ย!”
ชองปอลที่ยืนทำฟอร์มเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ได้ยินเสียงชีฟองเลยหันไปมอง แล้วตะลึง
“หมดแล้วพะย่ะค่ะ อ้อ มีตรงนี้อีกนิด” ไผทเช็ดตรงข้างแก้ม ริมใบหูให้โลลิต้า
ชองปอลตาวาว โกรธสุดขีด “เอามือออกจากแก้มน้องหญิงเดี๋ยวนี้”
ขาดคำชองปอลพุ่งเข้าไปดึงแขนโลลิต้าให้ออกห่าง แล้วจะกระชากคอเสื้อไผท องค์หญิงเซจะล้ม ไผทตกใจ
“องค์หญิง!”
ไผทปัดมือชองปอลที่เพิ่งจับคอเสื้อออกอย่างแรง แล้ววิ่งไปประคองโลลิต้า
แรงปัดของไผท ทำให้ชองปอลเสียหลัก เซหัวทิ่มไปที่ราวตากผ้า มือชองปอลเหนี่ยวพันผ้าปิดหน้าปิดตา ชองปอลพยายามปัดอออก โซซัดโซเซไปชนถังล้างสีผ้าล้มลงในถังสีโครม สีราดรดบนตัวชองปอลทั่วตัว ทุกคนตะลึง
ชีฟอง กับทหารร้อง “ท่านชองปอล!”
แนวหน้า โลลิต้า ไผท ตกตะลึงพรึงเพริด
มองจากเท้าของชองปอล ขึ้นไป เห็นว่าชองปอลตัวแดงเถือก หน้าตาโกรธแค้น ท่านธูลหน้าตาไม่สบายใจ
ชองปอลโวยวายฟ้องร้องต่อท่านธูล “เรื่องนี้ชองปอลไม่ยอมนะ ยังไงท่านอาก็ต้องลงโทษนายไผทนั่น!”
“แต่พี่ชองปอลเข้าไปจะต่อยพี่ไผทก่อนนะเพคะ แล้วคุณไผทเค้าก็แค่ปัดพระหัตถ์พี่ชองปอลเท่านั้นเอง” โลลิต้าแก้ให้
“เท่านั้นเองเหรอ แต่มันทำให้พี่ล้มลงบนถังสีนั่น”
“แล้วมันเกิดอะไรขึ้นล่ะชองปอล หลานถึงกับจะลงไม้ลงมือกับแขกบ้านแขกเมืองของอา”
“มันบังอาจแตะต้องพระองค์น้องหญิงโลลิต้าพะย่ะค่ะท่านอา”
ท่านธูลตกใจ
โลลิต้ารีบแก้ “คุณไผทเค้าแค่จะเช็ดสีที่เลอะหน้าให้หญิงเท่านั้นเพคะเสด็จพ่อ”
ท่านธูลค่อยโล่งอก
“แต่เค้าควรจะรู้ว่าคนธรรมดาอย่างเค้าไม่มีสิทธิ์มาแตะต้องตัวเจ้าหญิงแห่งฮวาซา”
โลลิต้าจะเถียงต่อ “แต่ว่า...”
ท่านธูลรีบห้าม “พอเถอะลูกหญิง เรื่องนี้ให้พ่อตัดสินเอง!”
แนวหน้ารออยู่ที่ด้านนอก ดูกระวนกระวายหนัก
“ไผท แกก็ไม่น่ามือไวไปแตะหน้าองค์หญิงเค้าเลย”
“ก็ผมเห็นพระพักตร์ท่านเลอะ ผมเลยอยากจะเช็ดให้...นี่ผมผิดมากเลยเหรอพี่”
“มันไม่ผิดหรอกถ้าเค้าเป็นผู้หญิงธรรมดา...แต่นี่เค้าเป็นเจ้าหญิง”
ไผทจ๋อยลง “แล้วนี่ผมจะโดนลงโทษมั้ยอะพี่แนว”
“อย่างเบาก็โดนโยนออกไปนอกวังอย่างที่ชั้นกับพี่นายโดน อย่างหนักก็คงโดนโบย หรือไม่ก็ติดคุก”
ไผทตาเหลือก “โบย! ติดคุก!”
“ช่วยกันภาวนาเถอะ ขอให้ท่านธูลทรงมีเหตุผลพอ ไม่งั้นเราแย่แน่ๆ”
สองหนุ่ม จ๋อยสนิท
ชองปอลยังคงโวยวายเอากับท่านธูลอยู่
“ทรงรับสั่งว่าอะไรนะท่านอา”
“เราเห็นว่ามันเป็นเหตุสุดวิสัยจริงๆ คุณไผทเองก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะทำให้ท่านชองปอลตกถังสี และอีกอย่างเค้าคงไม่รู้ธรรมเนียมของประเทศเราว่าเราถือสาเรื่องถูกเนื้อต้องตัวกันขนาดไหน”
โลลิต้าถอนใจโล่งอก
ชองปอลโกรธ “ชองปอลไม่คิดเลยว่า ท่านอาจะทรงเข้าข้างคนต่างชาติมากกว่าองค์มกุฎราชกุมารแห่งฮวาซาเหนือ”
ชองปอลเดินหุนหันออกไป โลลิต้าโล่งอกที่ท่านธูลไม่เอาผิดไผท
“เป็นพระกรุณาเพคะท่านพ่อ ที่ไม่ลงโทษคุณไผท”
“ต่อไปลูกหญิงต้องระวังตัวมากกว่านี้นะลูก...พ่อไม่อยากให้เกิดปัญหาขึ้นอีก”
“เพคะ ท่านพ่อ”
ท่านธูลถอนใจเฮือก หนักอกกับความวุ่นวายที่จะตามมาอีก
แนวหน้ากับไผทเดินกลับไปกลับมาด้วยความกลัดกลุ้ม
“พี่แนวๆช่วยดูหน่อย หน้าผมผื่นขึ้นรึเปล่า” ไผทถามชวนปวดตับมาก
แนวหน้าโมโห “นี่มันใช่เวลาจะมาห่วงความหล่อเหรอ จะโดนโบยหลังขาดอยู่แล้วนะ”
“แต่ถ้าผมเครียดมากๆ หน้าผมจะผื่นขึ้นนะพี่”
ราอูลเดินเข้ามาหา แนวหน้ากับไผทชะงัก ราอูลหน้าตาเคร่งเครียดมาก
“มีรับสั่งให้คุณทั้งสองเข้าไปพบที่ห้องทรงงานเดี๋ยวนี้”
แนวหน้ากับไผทกลืนน้ำลายลงคอ ด้วยความสยดสยอง
นายเดินเข้าไปที่ออฟฟิศของฟิน ดูออกว่าเป็นสถาบันปั้นดารา เขามองรอบๆ ตัว ไม่มีใครสนใจ นายเดินตรงไปที่เคาน์เตอร์ต้อนรับ
“เอ่อ...”
“มาสมัครเป็นดาราใช่มั้ยฮะ กรอกใบสมัครทิ้งไว้ได้เลยฮ่ะ” พนักงานส่งใบสมัครให้
“ไม่ใช่ครับ ผมมาหาคุณฟิน อยู่มั้ยครับ”
“เจ๊ฟินเหรอฮะ ไม่อยู่หรอกฮ่ะ เพิ่งออกไปเมื่อเช้ามืดนี้เอง”
“เมื่อเช้า แล้วไปไหน ทราบมั้ยครับ”
“ไม่ทราบหรอกฮ่ะ แต่มีชะนีนางนึงมารับ เห็นว่าจะไปต่างประเทศหรือไงก็ไม่ทราบฮ่ะ”
“ชะนี สวยๆผมยาวๆ ชื่อจีจี้ใช่มั้ยครับ” นายซัก
“น่าจะใช่นะฮะ หรือไงก็ไม่รู้ ตกลงจะมาสมัครเป็นดารารึเปล่าฮะ ถึงจะอายุมากไปนิด แต่ก็มีแววนะคะ สมัครเถอะ นะๆๆๆ”
นายเซ็ง หันหลังให้ ครุ่นคิด
“ไปต่างประเทศ ไปไหนกันนะ หรือว่า...” นายตกใจสุดขีด
ประตูเปิดออก ราอูลเดินนำมา แล้วหันไปข้างหลัง
“เชิญ”
แนวหน้า ไผท เดินตามราอูลเข้ามาในห้องท่านธูล อย่างหวั่นกลัว
“ท่านธูลพะย่ะค่ะ พวกกระหม่อมชี้แจงได้...”
ไผทตะลึง “พี่ฟิน”
แนวตกใจเงยหน้ามอง เห็นฟินยืนอยู่ข้างจีจี้ก็ตกใจ “อี...พี่จี้”
ฟินกับจีจี้ขยับตัวออกห่างกัน เผยให้เห็นขิงยืนยิ้มแหยๆ อยู่
ไผทกะแนวหน้าดีใจ อุทานพร้อมกัน “ขิง!”
ฟินกับจีจี้ยิ้มให้กันอย่างสาสมใจ โลลิต้ายืนมองงงๆ
“พวกเราเรานึกว่าคุณจีจี้จะไม่กลับมาที่ฮวาซาแล้ว” ท่านธูลกล่าว
“ต้องกลับสิเพคะ...จีจี้แค่ไปพาทีมงานมาเพิ่ม เพื่อช่วยคุณนายนายและแนวหน้าทำงานอย่างที่เขาขอร้อง”
จีจี้มองหน้าแนวหน้า ยิ้มร้ายท้าทาย
“แล้วพี่นายล่ะ ไม่ได้มาด้วยกันเหรอพี่”
จีจี้ไม่ตอบหันไปแนะนำกับท่านธูล “นี่คือคุณฟินผู้จัดการส่วนตัวของไผทค่ะ”
พลางผายมือไปทางฟินที่ยืนยิ้มแป้นแล้นอยู่ข้างๆ
“ที่จีจี้พาคุณฟินมาก็เพราะคุณฟินดูแลไผทมานาน รู้ใจไผททุกอย่าง ไผทน่าจะมีความสุขถ้ามีคุณฟินอยู่ใกล้ๆ
“ยินดีต้อนรับสู่ฮวาซาใต้”
ฟินทำความเคารพอย่างงดงาม “ขอบพระทัยเพคะ”
จีจี้หันไปมองขิงที่ยืนอยู่ข้างๆ
“ส่วนนี่คุณขิง เป็นดีไซเนอร์ชื่อดัง ผ่านงานออกแบบเสื้อผ้าทั้งหนังละครมามากมาย และนอกจากนี้...เค้ายังเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของไผทด้วยเพคะ”
โลลิต้าชะงัก มองหน้าขิงกับไผทที่ยิ้มให้กัน
“ขิงดูแลเสื้อผ้าให้กระหม่อมตั้งแต่เริ่มเข้าวงการเลยพะย่ะค่ะ เราสนิทกันตั้งแต่สมัยเรียน” ไผทอวด
แนวหน้าเริ่มเห็นเค้าลางความวุ่นวาย หันไปมองโลลิต้า
“ท่านธูลกับองค์หญิงจะติดขัดอะไรหรือไม่เพคะ ที่จีจี้ให้สองคนนี้มาช่วยงานที่นี่”
“เป็นเรื่องน่ายินดีอย่างมากกว่าที่พวกท่านสละเวลามาช่วยฮวาซา จริงไหมลูกหญิง”
โลลิต้าพยายามฝืนยิ้ม “ค่ะ ขอบคุณทุกคนแทนชาวฮวาซาด้วยนะคะ”
ขิงหันไปยิ้มให้ไผท ดีใจที่เจอกัน แนวหน้าเซ็ง รู้ทันแผนของจีจี้กะฟิน ส่วนโลลิต้าเริ่มหวั่นไหว
จีจี้กับฟินเดินออกมาจากห้องตามด้วยแนวหน้า
“เจ๊ นี่เจ๊คิดจะทำอะไรเนี่ย”
“ก็กลับมาช่วยงานอย่างที่พี่ชายนายขอร้องไง...ไม่ดีเหรอ”
ฟินหัวเราะเยาะเย้ยอย่างชอบอกชอบใจ ขิงเดินออกมากับไผท
“ดีใจจังที่ขิงมา”
“ขิงเอายาแก้แพ้กับวิตามินมาเผื่อไผทด้วยนะ”
“ดีจังเลย ขอบใจมากนะ”
จีจี้มองสองคนยิ้มเหี้ยมสมใจ ฟินมองแนวหน้าอย่างท้าทาย
“หรือนายกลัวว่า ถ้าขิงมาอยู่ใกล้ไผทแล้วนายจะหึงจนทำงานไม่ได้”
แนวหน้าโน้มหน้ามาพูดใกล้ๆ “จะมากไปแล้วนะ เจ๊หน้าแป้น”
“จะโกรธไปทำไม ก็นายเคยบอกเองไม่ใช่เหรอว่าไผทกับขิงเค้าเคยเป็นแฟนกัน” จีจี้บอก
โลลิต้าออกมาจากห้องพอดี ชะงักงัน ได้ยินเต็มสองหู
แนวหน้าหันไปเห็นโลลิต้าก็ตกใจ รีบไปหาไผทกับขิง
“มีคนพาไปที่ห้องรึยังขิง”
“เดี๋ยวผมพาไปก็ได้ จะได้ไปดูว่าขิงเอาอะไรมาฝากบ้าง” ไผทอาสา
ขิงหัวเราะ “เยอะแยะเลย ของที่ไผทชอบทั้งนั้น”
“ผมเชื่อ ใครจะไปรู้ใจผมเท่าขิง”
ทั้งคู่หัวเราะขำให้กัน แล้วเดินไป ฟินกับจีจี้มองตาม แววตาชั่วร้ายฝุดๆ
โลลิต้าจับกิริยา มั่นใจว่าสองคนชอบกัน
ตกกลางคืน โลลิต้านั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์กำลังเขียนนิยายต่อ พิมพ์แล้วอ่านไปด้วย
“ทันทีที่เจ้าหญิงโลล่าเห็นว่าน้ำนิ่งจับมือกับคุณเข็มแฟนเก่าของเขา หัวใจของเธอก็แตกสลายลงทันที…น้ำตาหลั่งไหลราวกับลำธาร”
นิยายตอนนี้ ถูกโพสต์ลงบล็อคส่วนตัวของเจ้าหญิงโลลิต้า
“โลล่าเดินจากมา และไม่หันหลังกลับไปอีก เพราะเธอไม่สามารถทนดูภาพบาดตานั้นต่อไปได้ นี่เองน่ะหรือ ความเจ็บปวดที่เกิดจากความรัก”
โลลิต้าหยุดเขียนไว้เท่านั้น หน้าตาโศกาอาดูร ดูออกว่าอีกไม่นานจากนี้องค์หญิงคงจะร้องไห้!
อ่านต่อตอนที่ 8