น่ารัก ตอนที่ 9
กลางดึกในคืนเดียวกัน ไผทเดินวนเวียนไปมาอยู่ในบริเวณสนามหน้าวัง หมกมุ่นครุ่นคิดเรื่องท่าทางแปลกๆ ของเจ้าหญิงโลลิต้า ฟินเดินมาเห็น ชะงักมองท่าทีเหนื่อยใจของไผทแล้วเดินไปหา ไผทหันมาเห็นตกใจ
“ไผท ทำไมมาเดินคนเดียวดึกๆดื่นๆ ไม่รู้จักหลับจักนอน”
ไผทยิ้มเจื่อนๆ “ผมนอนไม่หลับครับพี่ฟิน”
“หา! นอนไม่หลับ มีอะไรรึเปล่า” ฟินแปลกใจ
“ไม่มีครับ ไม่มีอะไร” ไผทเลี่ยงจะเดินหนี
“อย่ามาหลอกพี่เลยไผทอยู่กับพี่มากี่ปี ทำไมพี่จะไม่รู้ว่าคนอย่างเธอน่ะพอหัวถึงหมอนปุ๊บก็หลับปั๊บ มันต้องมีอะไรแน่ๆ บอกมา”
ไผทอึกอักตอบไม่ถูก ได้แต่ถอนใจ ฟินโพล่งขึ้น
“เรื่ององค์หญิงโลลิต้าใช่มั้ย”
ไผทตกใจ ปฏิเสธลั่น “เฮ้ย! ไม่ใช่นะพี่ฟิน”
“ตาชั้นไม่ได้บอด ชั้นดูออกว่าแกชอบเค้า ใช่มั้ย”
ไผทอึกอักแล้วทำเป็นหาวปากกว้าง
“ฮ้าว! โอ๊ย พอพี่ฟินมาผมก็ง่วงทันที ผมไปนอนก่อนนะครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นไม่ไหว กู๊ดไนท์นะครับ”
ไผทรีบเดินจากไปทันที ฟินค้อนควัก มองตามด้วยความหมั่นไส้
“คิดจะปิดบังชั้นเหรอ ไอ้เด็กเมื่อวานซืน”
ฟากโลลิต้ากับแนวหน้า ยังคงก้มหน้าก้มตาพิมพ์ข้อความโต้ตอบกันอยู่
“ทำไมคุณนอนดึกจังล่ะคะ”
“ผมชอบนั่งคิดๆเขียนๆอะไรไปเรื่อยน่ะครับ บางทีก็อ่านหนังสือ”
เวลาผ่านไปอีกสักระยะ ตรงหน้ากระจกในห้องน้ำมีโน้ตบุ๊ควางอยู่ แนวหน้ากำลังยืนแปรงฟันไปอ่านข้อความจากโลลิต้าไป
“แต่ก่อนชั้นก็เคยเลี้ยงหมาเหมือนกัน หมาตัวแรกของชั้นชื่อลักกี้ ของคุณล่ะ”
แนวหน้ายิ้ม กดพิมพ์ข้อความตอบโต้โลลิต้าทั้งที่ยังแปรงฟันอยู่
“หมาตัวแรกของผมชื่อแตงอ่อน”
โลลิต้านอนอ่านข้อความอยู่บนเตียงท่าทางง่วงเหงาหาวนอนเต็มที โลลิต้าพิมพ์ตอบ
“แตงอ่อน นั่นมันชื่อของผลไม้ไม่ใช่เหรอคะ”
กด sent แล้วโลลิต้าอ้าปากหาว
พระอาทิตย์โผล่พ้นเหลี่ยมเขาสาดแสงแรกของวัน ฟินแต่งตัวเสร็จ เดินออกมาจากห้องน้ำ มองจีจี้ที่นอนซมอยู่บนเตียง
“นี่แกจะไม่ไปออกกองจริงๆ เหรอจีจี้”
“หนูปวดหัวน่ะเจ๊ฟิน ไปไม่ไหว”
ฟินรู้ทัน “ปวดหัว หรือมัวแต่อาลัยอาวรณ์ไอ้นายกันแน่ เฮอะ เบื่อชะนีจริงๆ ชั้นไปคนเดียวก็ได้ จะได้หาทางเอาชนะไอ้แนวมันเร็วๆ”
ฟินหมั่นไส้เดินออกไป จีจี้ลุกมานั่งซึมต่อ ไม่สบายใจเรื่องที่ผิดใจกับนาย และเหตุการณ์บานปลายออกไป
ทีมงานกองถ่ายเตรียมงานกันอยู่ แต่ละคนทำหน้าที่ของตัวเองไป
โลลิต้าแอบหาว ไผทเดินเข้ามา ยื่นถ้วยกาแฟให้ โลลิต้าตกใจรีบเอามือปิดปาก ไผททำเนียนนั่งข้างๆ
“เมื่อคืนองค์หญิงทรงเมื่อยหรือปวดตรงไหนบ้างหรือเปล่า”
“ไม่นี่คะ”
“ค่อยยังชั่ว กระหม่อมนอนไม่หลับเลย เป็นห่วงองค์หญิง กลัวว่าจะเป็นอะไรมากหลังจากที่กลิ้งตกลงไป”
โลลิต้าอึ้งไป ในความห่วงใย เลยจิบกาแฟแก้เขิน
“แต่ท่าทางวันนี้ทรงอารมณ์ดีขึ้นกว่าเมื่อวานนะพะย่ะค่ะ เมื่อวานกระหม่อมคิดว่าทรงโกรธอะไรกระหม่อมซะอีก”
“ปละ เปล่านี่คะ ไม่ได้มีอะไร”
ไผทยิ้มให้อย่างอ่อนโยนและอบอุ่น จนโลลิต้าเขิน
อีกมุมหนึ่ง แนวหน้านั่งเล่นกับหมาที่เดินผ่านมาอยู่ เอาขนมในมือให้กิน ขิงเดินเข้ามา ในมือถือซองยา
“พี่แนวคะ”
“อ้าวขิง มีอะไรเหรอจ๊ะ”
“ขิงเอายามาให้ ว่าจะให้กินตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว แต่พี่แนวก็นอนเงียบอยู่ในห้อง ขิงเลยไม่อยากกวน ปวดเนื้อปวดตัวบ้างรึเปล่าคะ”
แนวหน้ารับยามา “ขอบใจมากจ้ะขิง”
ขิงส่งขวดน้ำให้ แนวหน้ากินยา อ้าปากกว้าง ขิงมองแล้วชะงักเมื่อเห็นเสื้อแนวกระดุมหลุดไป มีรอยขาดรุ่ยร่าย
“พี่แนว เสื้อขาดอ่ะ”
แนวหน้าก้มลงมอง “คงเพราะล้มไปเมื่อวาน ช่างมันเถอะ พี่ใส่ได้”
“เดี๋ยวพอเลิกกอง พี่แนวเอามาให้ขิงนะ ขิงจะเย็บให้”
ขิงเดินจากไป แนวหน้ามองตาม แล้วมองไปทางโลลิต้าที่ปิดปากหาวอยู่ แนวหาวอ้าปากกว้างตามทันที
ตกตอนบ่าย ประตูห้องนอนเปิดออก โลลิต้ากับชีฟองเดินเข้ามา โลลิต้ายังคงหน้าตาดูอิดโรย ท่าทีง่วงนอนอยู่
“โชคดีจังเลยนะเพคะ ที่วันนี้คุณแนวให้เลิกถ่ายเร็ว เพราะพระพักตร์องค์หญิงดูง่วงนอนมากเลยวันนี้”
โลลิต้าไม่ตอบ ปิดปากหาว
“หญิงขอนอนพักก่อนนะพี่ชีฟอง ถ้าเวลาอาหารเย็นค่อยมาปลุกนะคะ”
“โหย ท่าทางจะง่วงเอามากๆเลย บรรทมก่อนเถอะเพคะ”
ชีฟองช่วยดึงผ้าห่มให้ โลลิต้าลานอน ชีฟองออกไป
ตาโลลิต้าค่อยๆ หรี่ลงๆ แต่แล้วมีเสียง “ตึ้ง” ดังขึ้นมา พร้อมกับการเตือนข้อความในคอมพ์ที่เปิดทิ้งไว้ ว่ามีข้อความ จาก “นายพรหมลิขิต”
องค์หญิงเบิกตาโพลงทันที ลุกไปดู ก่อนจะยิ้มอย่างอารมณ์ดี แล้วลงนั่งอ่านข้อความทันที
“ผมมีเวลาอ่านนิยายของคุณอีกรอบ มันสนุกจริงๆ”
แนวหน้าอยู่ในห้องนอน นั่งพิมพ์ข้อความอยู่หน้าคอมพ์
“คุณรู้มั้ยว่าคุณเขียนสำนวนฟรุ้งฟริ้งมาก”
โลลิต้าชะงัก ทำหน้างง ก่อนพิมพ์ถาม “ฟรุ้งฟริ้งคืออะไร”
แนวหน้าหัวเราะชอบใจ ก่อนจะพิมพ์
“โหย แค่นี้ก็ไม่รู้จัก อย่าเชยเลย เป็นคนไทยรึเปล่าเนี่ย”
โลลิต้าชะงัก อึ้งไปนิดนึง ก่อนพิมพ์
“ไม่ใช่หรอกค่ะ แต่เคยไปเรียนเมืองไทย คนที่เมืองชั้นอ่านภาษาไทยคล่องๆ ทั้งนั้น”
แนวหน้าหยุดพิมพ์ นึกถึงใบหน้าโลลิต้าขึ้นมา ด้วยความเอ็นดู
ขณะที่ขิงยืนเหม่อมองทิวทัศน์ฮวาซาอยู่ ไผทเดินผ่าน พอเห็นขิงยืนอยู่ก็เลยชะงัก เดินเข้าไปหา
“คิดถึงกรุงเทพฯ เหรอขิง”
ขิงหันมายิ้มให้ “เปล่าหรอก แต่กำลังคิดว่าที่นี่อากาศดีจัง อยากให้กรุงเทพฯ อากาศดีแบบที่นี่บ้าง ว่าแต่ไผทนั่นแหละ จะอยู่ที่เงียบๆเหงาๆอย่างนี้ถึง 3 เดือนไหวเหรอ ธรรมดาจะติดแสงสีในเมือง” ขิงพูดแซวขำๆ
อีกด้านหนึ่งเจ๊ฟินมองมาเห็น จึงหยุดแอบดูท่าทีของทั้งคู่
“ไม่หรอก ผมชอบที่นี่” ไผทบอก
“สงสัยเป็นเพราะได้อยู่ใกล้องค์หญิง ก็เลยทนได้ ไม่เบื่อ” ขิงว่า
ฟินชะงัก สนใจฟัง
ไผทยิ้ม “คงเป็นอย่างนั้นมั้ง”
“แล้วนี่ถ้าถ่ายสารคดีที่นี่เสร็จ พอกลับไปกรุงเทพฯ ไผทจะเซ็นสัญญากับพี่ฟินต่ออีกหรือเปล่า”
“ก็ยังไม่รู้เหมือนกัน เอาไว้ถ่ายใกล้ๆ เสร็จแล้วค่อยคิดก็แล้วกัน”
“อีกไม่ถึง 3 เดือนแล้วนะ จะทำอะไรก็รีบคิดเข้า เดี๋ยวหมดสัญญากลับไปกรุงเทพฯ แล้วมันจะยุ่ง
ไผทพยักหน้าอย่างไม่ค่อยใส่ใจ”
ด้านหลังสองคน ฟินตาลุกกับข้อความที่ได้รับรู้ แต่ไม่แน่ใจนัก
ไผทเดินเข้าห้องนอน ฟินผลักประตูตามเข้าไปติดๆ
“พี่ฟิน ตกใจหมดเลย มีอะไรกับผมเหรอ”
“แปลว่าอะไร” ฟินระเบิดใส่
ไผทงง “อะไรแปลว่าอะไร”
“ก็ที่เธอคุยกับขิงเมื่อกี้น่ะสิ ทำไมขิงถึงบอกให้ไผทคิดเรื่องต่อสัญญา เพราะจะหมดอีกไม่นานแล้ว แปลว่าอะไร”
ไผทคิดตามก็พอจะเข้าใจ ก่อนจะเลี่ยงไปไม่ตอบ
“อ๋อ ไม่มีอะไรหรอกพี่”
ฟินดึงแขนไผทให้หันมาหา
“อย่ามาพูดอย่างนี้นะไผท เธอก็รู้ว่าพี่กลุ้มใจขนาดไหนเรื่องสัญญาของเธอ กินไม่ได้นอนไม่หลับ เธอจะใจร้ายกับพี่ไปถึงไหน เวลา 5 ปีที่พี่ดูแลไผทน่ะ ไม่นึกถึงพี่บ้างเลยเหรอ” ฟินทำเป็นซับน้ำตา
ไผทใจอ่อน ถอนใจเฮือก “พี่ฟินอย่าคิดมากสิ ตอนนั้นเมืองไทยมันวุ่นวายมาก ผมเบื่อ คิดแต่อยากจะหนีเรื่องยุ่งๆ ก็แค่นั้นเอง”
“ถ้าแค่อยากหนี ก็บอกพี่สิ ทำไมต้องไปเซ็นสัญญากับคนอื่นข้ามหัวพี่ด้วย”
ไผทถอนใจอีก “ไม่เอาน่าพี่ฟิน ผมก็แค่เซ็นสัญญาให้พี่แนวดูแลแค่ 3 เดือนเท่านั้นแหละ”
ฟินตาลุก “อะไรนะ! 3 เดือนเหรอ!”
“ก็แค่อยู่ถ่ายสารคดีที่นี่ให้เสร็จเท่านั้น พี่แนวเค้ากลัวพี่จะมาวีนแล้วลากผมกลับไปก่อนงานจะเสร็จ ก็เลยทำแบบนี้ ก็แค่นั้น”
ฟินตะลึงกับความจริงที่ได้รับรู้ แล้วร้องกรี๊ดออกมาอย่างอัดอั้น ไผทอุดหูทันที
คืนนั้น แนวหน้านั่งหน้าคอมพ์ มือจิ้มผลไม้ในจานเล็กใส่ปาก เห็นชัดว่าเขากินข้าวเย็นในห้อง อ่านข้อความที่โลลิต้าส่งมา
“เคยมีคนบอกไหมว่าคุณเป็นคนตลกมาก”
แนวหน้าพิมพ์ข้อความกลับไป “เคยมีแต่คนบอกว่าผมเป็นคนหล่อมาก”
โลลิต้าอ่านข้อความแล้วหัวเราะขำ
ประตูเปิดเข้ามา ชีฟองเดินเข้ามา โลลิต้าไม่สนใจ พิมพ์ต่อไป ชีฟองมองถาดอาหารที่ฝาไม่โดนแตะเลย
“องค์หญิงเพคะ”
โลลิต้าไม่สนใจ พิมพ์ต่อ
“ทำอะไรอยู่เพคะ ข้าวปลาอาหารไม่ทรงแตะเลย”
“คุยกับเพื่อนน่ะค่ะ”
“เพื่อน! เพื่อนที่ไหนเพคะ เห็นคุยกันอยู่นานละ”
โลลิต้าหันมาตอบ “เค้าชื่อนายพรหมลิขิตค่ะ ทีแรกก็มาเป็นแฟนคลับนิยายของหญิง แต่คุยไปคุยมาถูกคอกัน เค้าคุยสนุกมากๆ เลยนะพี่ชีฟอง ชอบอะไรเหมือนๆ หญิงทุกอย่างเลย”
ชีฟองติง “แต่นี่มันดึกแล้วนะเพคะ พอเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะตื่นบรรทมไม่ไหว”
โลลิต้าพิมพ์ไป พูดไป “อีกแป๊บนึงนะคะพี่ชีฟอง หญิงขออีกครึ่งชั่วโมง นะๆๆ”
โลลิต้าคุยกับแนวหน้าอย่างเพลิดเพลิน ชีฟองยืนมองอย่างไม่ไว้ใจเพื่อนในโซเชี่ยลขององค์หญิง
ฝ่ายฟินอาละวาดฟาดหมอนบนเตียงระบายอารมณ์ จีจี้นั่งมอง
“ดูสิ ดู๊ ดู ไอ้บ้าแนวมันแสบมาก มันหลอกพวกเรา ตุ๋นจนเปื่อย”
“แต่ถ้าเป็นแบบนี้จริง มันก็ดีไม่ใช่เหรอคะ สัญญาแค่ 3 เดือน เดี๋ยวมันก็จบ ไผทเป็นอิสระ เจ๊ก็ค่อยกลับไปเซ็นสัญญาใหม่อีกที”
“ไม่ มันแกล้งชั้นขนาดนี้ ชั้นจะต้องแก้แค้น ชั้นจะต้องหาสัญญามันให้เจอ แล้วฉีกทิ้งทันที ชั้นจะไม่ยอมให้มันแกล้งชั้นฝ่ายเดียวอีกต่อไป!! แกจะต้องช่วยชั้นนะจีจี้”
จีจี้มองฟิน ด้วยสีหน้าเบื่อหน่ายและเอือมระอาเล็กน้อย
อ่านต่อหน้า 2
น่ารัก ตอนที่ 9 (ต่อ)
ค่อนรุ่งแล้ว แต่แนวหน้ายังไม่หลับ นอนคว่ำพิมพ์ตอบโต้กับโลลิต้าอยู่บนเตียง
“แม่ผมเป็นโรคหัวใจ เสียไปเมื่อ 5 ปีที่แล้ว”
โลลิต้านั่งพิมพ์อยู่บนเตียงเช่นกัน
“คุณยังดีนะที่มีโอกาสได้อยู่กับแม่ แต่ชั้น ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยเห็นหน้าแม่ชั้นเลย ท่านเสียหลังจากที่คลอดชั้น”
แนวหน้าอ่านแล้วอึ้ง สงสารโลลิต้า พิมพ์ข้อความไป
โลลิต้าอ่านข้อความ
“ผมเสียใจด้วยนะคุณ ถ้าคุณเหงา คุณมีผมเป็นเพื่อนเสมอนะครับ”
โลลิต้ายิ้มรู้สึกดี แล้วเงยหน้าขึ้น หยิบนาฬิกามาดู ตกใจ
“ตี 5 กว่าแล้วเหรอเนี่ย ตายแล้ว!”
โลลิต้ายิ้ม วิ่งมาเปิดม่านมองข้างนอก พบว่าท้องฟ้าเริ่มสว่างแล้ว องค์หญิงตกใจที่ตัวเองเล่นคอมพ์จนเช้า รีบเปิดประตูระเบียงออกไปสูดอากาศ
ไผทเดินมาที่สนามใส่ชุดพร้อมวิ่งบ่นบ้าประสาซุปตาร์หุ่นเฟิร์มเป๊ะ
“ไม่ได้เข้ายิมมาหลายวัน กล้ามจะหายหมดแล้วเนี่ย” ไผทออกวิ่งไป
มองลงไปด้านล่าง จากระเบียงห้องนอน โลลิต้าเห็นไผทวิ่งอยู่ที่สวนบริเวณรอบนอกวัง ไผทเงยหน้ามาเห็นหน้าโลลิต้า ก็ยิ้มทักแล้วโบกไม้โบกมือให้ โลลิต้ายกมือทักตอบ ยิ้มเขินๆ
“ตื่นบรรทมแต่เช้าเลยนะองค์หญิง”
โลลิต้ายิ้มทัก “ออกกำลังเหรอคะ”
“ครับ” ไผทหยุดคิดนิดหนึ่งก่อนจะสร้างภาพ “อ่านบท เล่นคอมพ์จนดึก กลัวเวลาทำงานแล้วหน้าตาดูไม่ได้ เลยต้องออกกำลังหน่อยน่ะพะย่ะค่ะ”
โลลิต้าหาว “งั้นหญิงไปนอนบ้างดีกว่า แล้วเดี๋ยวเจอกันนะคะ”
โลลิต้าโบกมือแล้วเดินกลับเข้าห้อง ไผทมองตาม
“อ่านบท เล่นคอมพ์จนดึก โฮะๆ เรานี่ก็เจ๋งเหมือนกันเนอะ คิดได้ยังไง”
ไผทขำคำพูดตัวเองแล้วออกวิ่งต่ออย่างคึกคัก
ประตูห้องเปิดออก เผยให้เห็นแนวหน้าในสภาพหน้าตาทรุดโทรม ง่วงนอนสุดขีด เดินออกมาจากห้อง อ้าปากกว้างหาวแล้วบิดขี้เกียจจนตัวเป็นเกลียว ก่อนจะเดินมึนๆ ออกไปประชุมทีมงาน
ด้านหลัง ฟินกับจีจี้ปากฎตัวออกมา มองตามแนวหน้าไป
“เดี๋ยวเธอไปประชุมกับเจ้าแนวนะ ถ่วงเวลามันไว้ เดี๋ยวชั้นจะไปค้นสัญญาในห้องมันเอง”
“แล้วถ้ามันถามถึงเจ๊ล่ะ”
“ก็บอกไปสิว่าชั้นท้องเสีย คอยดูนะ ถ้าเจอสัญญาเมื่อไร ชั้นจะเอามาฉีกใส่หน้ามันเลย แล้วเราก็จะกลับไปพบกับความศิวิไลซ์ในกรุงเทพฯ กันซะที”
ฟินทำหน้าตาสะใจ
ตรงโต๊ะยาวภายในห้องหนึ่งของชั้นใต้ดินของวัง ถูกปรับเป็นห้องประชุมทีมงานสารคดี แนวหน้ามองไปรอบๆ ทีมงานท่าทางคึกคัก ทุกคน รอฟัง
“เราจะหยุดพักกัน 2 วัน ส่วนวันนี้ เดี๋ยวสายๆเราจะออกไปบล็อกช็อตกันก่อน เวลาเราไปถ่ายจริงจะได้ไม่ช้า
จีจี้เดินเข้ามา
“อ้าว แล้วเจ๊หน้าแป้นล่ะเจ๊”
จีจี้อึกอัก “เจ๊ฟินปวดท้อง นอนอยู่ที่ห้อง แต่วันนี้จะไปบล็อกช็อตมันไม่เกี่ยวกับเค้าไม่ใช่เหรอ”
แนวพยักหน้าเซ็งๆ แล้วเปิดคอมพ์ให้ทีมงานดูรูปไป
ฟากฟินอยู่ในห้องนอนแนวหน้าแล้ว กวาดสายตามองไปรอบห้อง เห็นข้าวของรกเรื้อระเกะระกะ มีแม้แต่จานข้าวที่กินทิ้งไว้เมื่อคืน
“คนบ้าอะไร ทำไมห้องมันรกนักนะ อี๋”
ฟินรื้อค้นข้าวของในห้องแนวอย่างเงียบๆ
ฝ่ายแนวหน้ากำลังปิดการประชุม
“ทุกคนเข้าใจตามนี้นะ เดี๋ยวเจอกันที่รถตอน 11 โมง”
ทุกคนพยักหน้ารับ แล้วเริ่มเก็บของ จีจี้กระวนกระวายเพราะรู้ว่าฟินไปหาสัญญาในห้องแนว
“แนว นี่แกประชุมเสร็จแล้วเหรอ”
“ก็เสร็จแล้วน่ะสิ...เจ๊มีอะไรอีกหรือเปล่า”
จีจี้รีบบอก “ไม่มี๊...” แต่แล้วนึกได้ “เอ้อ มีๆๆๆ”
“มีอะไรเจ๊”
จีจี้พยายามคิดหาหนทางรั้งแนวหน้าไว้ “เอ่อ..มี.. มี...”
ขิงเดินมาหาแนวหน้าพอดี
“พี่แนวคะ ขิงจะเอาแจ๊กเก็ตคืนพี่ แต่ขิงลืมไว้ที่ห้อง พี่แนวรอที่นี่ก่อนได้ไหมคะ”
จีจี้คิดปราดเดียว “โอ๊ยขิง จะเดินไปเดินมาให้ลำบากทำไม แนวแกก็ไปเอาที่ห้องขิงสิ จะให้น้องเดินไปเอาได้ไง ไม่เป็นสุภาพบุรุษเลย”
“ไม่เป็นไรหรอกขิง ค่อยให้พี่พรุ่งนี้ก็ได้”
“ทำไมต้องพรุ่งนี้ล่ะ ก็เดินไปเอาวันนี้เลยนี่แหละ เผื่อออกไปดูโลเกชั่นมันหนาว เดี๋ยวจะไม่สบาย ไปๆๆๆ”
จีจี้ดันแนวหน้าให้เดินไปกับขิง แนวหน้าเลยต้องเดินตามไปงงๆ จีจี้โล่งอก แต่ก็อดเป็นห่วงฟินไม่ได้
“เจ๊ฟินหาสัญญาเจอรึยังเนี่ย”
จีจี้ทำท่าจะเดินออกไป ถูกตากล้องเรียกไว้
“คุณจี้ เดี๋ยวครับ ผมขอเบิกงบเบี้ยเลี้ยง่อนได้มั้ยครับ คือพอดีผมต้องซื้อของน่ะครับ”
จีจี้ชะงัก แล้วต้องหยุดดูแฟ้มที่ตากล้องเอามาให้ดู
แนวหน้ายืนรออยู่หน้าห้อง ขิงมีท่าทางประหม่าไม่มั่นใจ เดินเอาเสื้อออกมาจากห้องแล้วยื่นให้แนวหน้า
“นี่ค่ะ เย็บให้เรียบร้อยแล้ว ไอ้ตรงกระดุมที่ขาดก็เอามาติดให้แล้วด้วย”
แนวหน้ารับเสื้อมาพลิกดู มองขิงอย่างปลื้มใจปนอึ้งๆ
“ขอบคุณมากนะขิง ไม่เคยมีใครเย็บผ้าให้พี่เลย ตั้งแต่แม่ตายไป”
ขิงฟังแล้วอึ้งไปนิด “เฮ้ย อย่าพูดอย่างนี้สิพี่แนว แค่เรื่องนิดๆ หน่อยๆ แค่นี้เอง”
แนวหน้ายิ้มรู้สึกดี “ยังไงพี่ก็ต้องขอบคุณ ขิงดีกับพี่มาตลอดเลยจริงๆ”
แนวหน้าเดินห่างออกไป ขิงมองตาม รู้สึกเอ็นดูที่แนวหน้าดูจะซาบซึ้งกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้
ฟากเจ๊ฟินอยู่ในห้องนอนแนวหน้า พยายามหาสัญญาอย่างร้อนรน ทั้งบนโต๊ะทำงานที่มีเอกสารกองยุ่งๆอยู่ แต่หาแล้วไม่เจอ เลยเดินไปที่เตียง ที่มีเอกสารที่แนวหน้า กองไว้เพื่อทำงานอยู่
ฟินเซ็งสุดๆ “โอ๊ย...มันเอาสัญญาไปไว้ที่ไหนยะ รื้อทุกซอกทุกมุมแล้วนะ”
เสียงแนวหน้าดังขึ้น “ผมช่วยหาไหมเจ๊หน้าแป้น”
ฟินชะงักหันมาเห็นแนวหน้าที่มองตนเองอยู่อย่างเอาเรื่อง แนวหน้าเดินเข้าห้องมาโยนแจ๊กเก็ตที่ขิงเพิ่งเอาคืนลงบนเตียงโครม
“เจ๊เข้ามาในห้องผมทำไม? อย่าบอกนะว่าเจ๊คิดอะไรกับผม”
ฟินเหวอ งงสุดขีด “ห๊ะ! อะไรนะ”
“คราวหลังสะกิดกันก็ได้นะเจ๊ ไม่ต้องแอบเข้าห้องแบบนี้หรอก” แนวหน้าแกล้งทำหน้าหื่นใส่ “แต่ผมขอเตือนไว้ก่อนนะว่ารสนิยมผมมันไม่ค่อยเหมือนใคร ผมชอบจับคนมัด ยิ่งเห็นคนเจ็บ ผมยิ่งมีความสุข เจ๊อยากโดนอีกมั้ย” ว่าพลางย่างสามขุมเข้าหาฟินพร้อมทำหน้าหื่นกามโรคจิตสุดๆ
ฟินกรี๊ด “แอร๊ย...อย่าเข้ามานะไอ้บ้า ไอ้โรคจิต!”
ฟินกลัววิ่งจู๊ดออกไปจากห้องทันที แนวหน้ามองตามส่ายหน้าเซ็งๆ แล้วหันมองไปรอบห้องอย่างกังวล และไม่วางใจ
“อีเจ๊หน้าแป้นจะเข้ามาหาอะไรวะ”
ละแวกแถวๆ ที่ประชุม ฟินกำลังโวยวายอาละวาดใส่จีจี้
“อร๊าย...ฉันบอกให้แกรั้งไอ้แนวไว้! ทำไมแกไม่รั้ง”
“ก็หนูนึกว่ามันจะคุยกับขิงนานนี่เจ๊”
“แกรู้ไหมว่าฉันเกือบโดนมันปล้ำแล้วนะ”
“ห๊ะ นี่ไอ้แนวมันอดอยากปากแห้งขนาดนี้เลยเหรอ” จีจี้รู้ตัวรีบเอามืออุดปาก “อุ๊ย! ขอโทษค่ะเจ๊”
“ชั้นหาทั่วห้องแล้ว ไม่เห็นมีสัญญาเลย”
จีจี้คิดไปคิดมา “หรือว่านายนายจะเอากลับไปด้วย ปกติเอกสารสำคัญนายนายจะเป็นคนเก็บนะเจ๊ เพราะไอ้แนวมันเก็บอะไรไม่เป็นระเบียบนะเจ๊”
“งั้นแกกลับกรุงเทพฯ ไปเอามาเลย”
จีจี้ตาเหลือก “ห๊ะ! นี่เจ๊รีบขนาดนั้นเลยเหรอ สัญญามันแค่ 3 เดือนเอง รออีกหน่อยก็ครบแล้ว”
ฟินฮึดฮัด “ชั้นไม่รอ! ชั้นรอไม่ไหวแล้ว ได้ยินไหม?”
“แต่ถ้าเจ๊ฉีกสัญญา งานสารคดีก็พัง บริษัทหนูก็ซวยไปด้วยน่ะสิเจ๊”
“งั้นก็เอาอย่างงี้ แกไปเอาสัญญามาให้ชั้น แล้วชั้นจะทำสัญญาใหม่ให้ไผทถ่ายทำสารคดีเรื่องนี้ให้เสร็จ โดยที่แกจะต้องเป็นผู้คุมโปรเจ็คท์นี้แต่เพียงผู้เดียว.... โอเคมั้ย”
จีจี้ใจแป้ว ครุ่นคิดหนัก “แล้วนายนายล่ะเจ๊”
“โอ๊ย! ยังจะไปห่วงเค้าอีก... แล้วนี่ตอนไปเอาสัญญามาให้ฉันก็อย่าไปใจอ่อนกับนายนายล่ะ ไม่งั้นแผนเจ๊งหมด เข้าใจไหม?”
จีจี้รับหน้าจ๋อย “ค่ะเจ๊”
เช้าวันนี้ ที่ออฟฟิศจีเอ็นเอ็น นายกำลังเก็บเอกสารที่มีหัวกระดาษว่า “หนังสือสัญญาว่าจ้าง” ใส่ซองน้ำตาล แล้วเก็บใส่ลิ้นชัก ก่อนจะไขกุญแจล็อกไว้ นายหันไปมองรูปคู่ของตัวเองกับจีจี้ที่วางอยู่บนโต๊ะ
นายมองรูปนั้นสักครู่ แล้วคว่ำรูปลงกับโต๊ะ ก่อนจะลุกขึ้นเพื่อไปทำอย่างอื่นต่อ
แต่สักครู่เดียว นายก็กลับมาหยิบกรอบรูปขึ้นตั้งอย่างเบามือ แล้วนั่งลงมองรูปตัวเองกับจีจี้ ที่สุดนายตัดใจ พยายามเตือนตัวเอง
“ทำงานไอ้นาย! ทำงาน!...ไม่ต้องคิดถึงเค้าแล้ว”
ทันใดนั้นเองมือถือของนายดังขึ้น ที่หน้าจอปรากฏรูปจีจี้ที่ถ่ายคู่นายอย่างหวาน เป็นสายจากจีจี้ที่โทร.เข้ามา
นายหยิบมือถือขึ้นมาดู ชะงักแปลกใจนิดๆ ลังเลว่าจะรับดีไหม นายยังมองมือถือตัวเองที่มีสายเรียกเข้าจากจีจี้อยู่นิ่งนาน สุดท้ายตัดสินใจกดรับสาย พูดอย่างมีฟอร์ม น้ำเสียงหมางเมินชัดแจ้ง
“ครับ”
“ต้องใช้เวลาคิดนานมากเลยเหรอ กว่าจะรับโทรศัพท์ของชั้นน่ะ” เสียงจีจี้ตัดพ้อดังลอดออกมา
นายถอนใจ “มีธุระอะไรกับผมเหรอ”
เสียงจีจี้ลอดออกมา “ชั้นต้องมีธุระอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นก็คงไม่โทร.มาหรอก”
“แล้ว มีอะไรล่ะ”
“จะบอกว่าเปิดประตูให้หน่อย ชั้นลืมเอากุญแจบ้านมา”
นายชะงักหันไปมองผ่านกระจก เห็นจีจี้ยืนอยู่พร้อมกระเป๋าเดินทาง นายช็อค ไม่ทันตั้งตัวว่าจะเจอหน้าจีจี้ตอนนี้
ครู่ต่อมานายเปิดประตูให้จีจี้เข้าบ้านมาในห้องโถง พร้อมกระเป๋า
จีจี้ยิ้มให้ “อยู่คนเดียวเหรอ”
“เห็นผมอยู่กับใครไหมล่ะ” นายเดินหนีขึ้นบ้านไปเลย
จีจี้มองตามรู้ว่านายยังงอนอยู่ ก็ถอนใจอย่างหนักอก
อ่านต่อหน้า 3
น่ารัก ตอนที่ 9 (ต่อ)
เช้าเดียวกันนี้ ท่านธูลกำลังอ่านเอกสารอะไรบางอย่าง หัวกระดาษดูเป็นสิ่งสำคัญใหญ่โต ท่าทางหนักใจมาก ราอูลมองอยู่ข้างๆ เอ่ยถาม
“ฮวาซาเหนือส่งหนังสือมาทรงตามเรื่องการรวมฮวาซาอีกแล้วรึพะย่ะค่ะ”
ท่านธูลถอนใจยาว หนักใจ
“ถึงแม้ท่านหลุยส์จะเสนอความช่วยเหลือมากมายมาให้พิจารณา แต่ไม่ว่ายังไงมันก็ยังเป็นการก้าวก่ายในกิจการของฮวาซาใต้อยู่ดี”
“คงเป็นเพราะอย่างนี้ พระองค์ถึงได้ทรงเลื่อนพิธีหมั้นของท่านชองปอลกับองค์หญิงโลลิต้าไปเรื่อยๆ”
“เรื่องนั้นไม่เกี่ยวหรอกราอูล ลูกหญิงดูจะไม่ชอบหน้าชองปอลเท่าไรนัก” ท่านธูลว่า
“แต่ไม่ว่ายังไง สภาเสนาบดีก็จะต้องกราบทูลขอร้องให้ทรงอภิเษกสมรสกันจนได้อยู่ดี” ราอูลกังวล
ท่านธูลถอนใจยาว เดินไปมาอย่างกลัดกลุ้ม “เราไม่อยากจะต้องบังคับจิตใจของโลลิต้าเลยจริงๆ”
“แล้วการที่ท่านชองปอลมาป้วนเปี้ยนอยู่ที่นี่บ่อยๆ ฝ่าบาทคิดว่าเป็นแผนการบีบให้เรารวมประเทศกับฮวาซาเหนือให้เร็วขึ้นรึเปล่าพะยะค่ะ”
“ชองปอลอาจไม่ได้คิดถึงขนาดนั้น แต่เราเชื่อว่าท่านหลุยส์ต้องคิดแน่ ไม่อย่างนั้นคงไม่ปล่อยลูกชายให้มาอยู่ที่นี่ตลอดเวลาแบบนี้”
“กระหม่อมกังวลว่าหากเราเพิกเฉยต่อไป อาจทำให้ฮวาซาเหนือไม่พอใจแล้วหาทางก่อสงครามระหว่างประเทศขึ้นมาอีก”
“เรื่องนั้นเราเข้าใจ แล้วเราก็จะไม่ยอมให้เกิดขึ้นแน่นอน...สงครามมีแต่ทำให้คนแพ้กับแพ้ ไม่เคยมีใครชนะได้อย่างแท้จริงสักคน”
ท่านธูลครุ่นคิด ดูออกว่าหนักใจยิ่งนัก
ในเวลาเดียวกัน แนวหน้า โลลิต้า ไผท ขิง ฟิน และ ชีฟอง นั่งประชุมกันอยู่ที่อุทยาน ไผทรับเอกสารมาเปิดดู เห็นที่หัวข้อเขียนว่า “พิธีงะน๋อเซ่อ”
ไผทพยายามอ่าน “พิธีงะหนอ...”
โลลิต้าบอก “งะหนอเซ่อ ค่ะ พิธีนี้เราได้รับอิทธิพลมาจากพิธีบูชาเทพของชาวอาข่า”
“เอ้อ แต่ผมงงอยู่อย่างนะองค์หญิง ตามพิธีอาข่าดั้งเดิม มันไม่มีพิธีเสี่ยงทายด้วยเชือกแดง แล้วทำไมพิธีของฮวาซาถึงมีละพะย่ะค่ะ”
ชีฟองมองแนวหน้าอย่างชื่นชมในความฉลาดเฉลียว
โลลิต้ายิ้มบอก “เพราะเราชาวฮวาซาใต้เชื่อในเรื่องพรหมลิขิตค่ะ เราเชื่อว่าคนที่เป็นคู่กันจะมีด้ายแดงที่เรามองไม่เห็นผูกติดกันไว้อยู่ที่ปลายนิ้วก้อย ถึงแม้จะต้องอยู่ห่างกัน แต่วันนึงพรหมลิขิตจะพาคนทั้งคู่กลับมาพบกัน ...ในงานพิธีเราถึงใช้เชือกแดงเป็นสัญลักษณ์ไงคะ”
แนวหน้าหลุดปาก “โอ้โห...ฟรุ้งฟริ้งสุดๆ”
โลลิต้าชะงักหันมองหน้าแนวหน้า
แนวหน้าชะงัก เพราะรู้ว่าเผลอพูดคำที่เคยใช้ตอนเป็นนายพรหมลิขิต จึงแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กลบ
“โรแมนติกจังเลยองค์หญิง...แล้วในพิธีต้องทำยังไงบ้างพะย่ะค่ะ” ไผทสนใจ
“เราจะให้ฝ่ายชายกับฝ่ายหญิงล้อมวงกัน แล้วจับปลายของกลุ่มเชือกแดงคนละด้านกัน ถ้าชายหญิงคู่ไหนจับได้เชือกเส้นเดียวกัน ก็หมายความว่า เค้าสองคนนั้นเป็นคู่กันค่ะ” โลลิต้าอธิบาย
“ง่ายๆ อย่างนั้นเลยเหรอพะย่ะค่ะ” ไผทว่า
ฟินจงใจแหย่รังแตน “เก๋เริ่ด! ไผทกับขิงน่าจะลองไปเสี่ยงทายเล่นๆ ดูนะ ว่าเป็นเนื้อคู่กันรึเปล่า”
โลลิต้าได้ยินแล้วอึ้งไป ไผทกับขิงก็อึ้ง
“ทำไมเราถึงจะต้องเสี่ยงทายด้วยล่ะพี่ฟิน” ขิงถาม
ชีฟองตอบ “เราจะทำเป็นเล่นไม่ได้นะคะ พิธีนี้ศักดิ์สิทธิ์มาก...หญิงชายหลายคู่ที่จับได้เชือกเส้นเดียวกัน” สุดท้ายก็ได้แต่งงานกัน...เหมือนท่านธูลกับพระมารดาขององค์หญิงโลลิต้าไงคะ”
ไผททึ่ง “จริงเหรอพะย่ะค่ะ”
โลลิต้ายิ้มแย้ม “ค่ะ ท่านพ่อกับท่านแม่เคยเข้าร่วมในพิธีนี้”
ไผทยิ้มให้โลลิต้าอย่างอบอุ่น แนวหน้าเมินหน้าไปทางอื่นโดยไม่รู้ตัว
“ขิงมีข้อสงสัยอีกอย่างค่ะ งะน๋อเซ่อ แปลว่าอะไรเหรอคะ”
แนวหน้า กะ โลลิต้าพูดออกมาพร้อมกัน “ฉันรักเธอ”
ทุกคนชะงักมองแนวหน้า โลลิต้า แนวหน้าทำหน้าเก้อเขินอย่างประหลาด แล้วรีบแก้
“หมายถึง งะน๋อเซ่อ แปลว่าฉันรักเธอ”
โลลิต้ารีบเสริม “ใช่ค่ะ หญิงก็จะบอกอย่างนั้นเหมือนกัน...ทำไมคุณถึงได้รู้ล่ะ”
“กระหม่อมหาข้อมูลมาก่อนน่ะพะย่ะค่ะ”
ทันใดนั้นชองปอลเดินเข้ามา พูดจายิ้มแย้มดูเป็นมิตร
“ประชุมงานกันอยู่ที่นี่เอง...ชองปอลเดินหาน้องหญิงซะทั่ววังเลย...ชองปอลได้ยินว่ากำลังประชุมกันเคร่งเครียดก็เลยเอาช็อกโกแลตกับขนมมาฝาก ทานแล้วจะได้คลายเครียดกัน เรามีฝากทีมงานทุกคนเลยนะ เชิญๆๆๆ”
ทหารเอาขนมมาตั้งโต๊ะวางให้อย่างคล่องแคล่ว ทุกคนมองหน้ากันงงๆ ต่างก็ไม่ไว้วางใจ และคิดหนักว่าชองปอลจะมาไม้ไหนกันแน่
ที่กรุงเทพฯ ตอนเย็น นายนั่งอ่านเอกสารกองโตอยู่ที่โซฟาห้องรับแขกในโฮมออฟฟิศ จีจี้ยืนอยู่ด้านนอก แอบมองนายนายก่อนพึมพำกับตัวเอง
“ง้อเพื่อให้ได้สัญญา ห้ามอินจริง ห้ามใจอ่อนเด็ดขาด”
จีจี้เตือนตัวเองอย่างมุ่งมั่น หันไปยกถาดกับข้าว แล้วเดินไปหานาย มีต้มยำกุ้ง ไก่ทอด ผัดผักรวม
จีจี้เอาอาหารวางเรียงลงที่โต๊ะหน้าโซฟาที่นายนายนั่งทำงานอยู่
นายมองงงๆ ว่าจีจี้จะมาไม้ไหน “คุณทำอะไร”
“ก็กินข้าวไง”
“แล้วทำไมไม่ไปกินที่โต๊ะกินข้าว... นี่มันส่วนทำงานนะ จำไม่ได้เหรอ”
“ก็ฉันอยากกินกับคุณ”
นายอึ้งไปครู่หนึ่ง “แต่ผมไม่หิว”
พูดจบนายก็เก็บเอกสารที่อ่านค้างอยู่ลุกเดินหนีไป จีจี้อึ้ง คอตกที่นายไม่สนใจ
นายเดินออกไปแล้วแอบหันกลับมามอง เห็นจีจี้นั่งเศร้าก็นึกสงสาร แต่ภาพตอนท่านธูลยื่นดอก ฟอร์เก็ตมีน็อตให้ โดยจีจี้รับมามองสายตาหวานฉ่ำ ผุดขึ้นมาหลอกหลอน นายสะบัดหน้าเดินออกไปทันที
โลลิต้านั่งสัปปะหงกอยู่ในสวนกุหลาบ ไผทเดินเข้ามามองยิ้มๆ โลลิต้ารู้ตัวรีบลุกขึ้นอายๆ
“คุณไผท!”
ไผทเดินเข้ามาใกล้ ส่งกระปุกมะขามจี๊ดจ๊าดให้
โลลิต้ามองงงๆ “อะไรเหรอคะ”
“กระหม่อมเห็นว่า 2-3 วันนี้องค์หญิงท่าทางง่วงมาก ก็เลยอยากให้ลองนี่ ที่เมืองไทยเรียกว่ามะขามจี๊ดจ๊าด ลองเอาไปทานดูสิครับ เผื่อจะหายง่วง”
ไผทเปิดฝาให้ องค์หญิงลองชิม แล้วหลับตาปี๋ “อ๊าย เปรี้ยว!”
ไผทหัวเราะชอบใจ “แต่มันก็หายง่วง จริงมั้ยพะย่ะค่ะ”
โลลิต้าขำไปด้วย ชองปอลเดินเข้ามาเห็นสองคน ชะงักกึก รีบปราดเข้ามาหาสองคนทันที
“ทำอะไรน่ะน้องหญิง”
โลลิต้ายังยิ้มค้างอยู่ “คุณไผทเอามะขามจี๊ดจ๊าดมาให้หญิงชิมค่ะ พี่ชองปอลจะลองมั้ยเพคะ”
โลลิต้าส่งให้ ชองปอลมองรับมาชิม แล้วเปรี้ยวจนตาปิด
“โอ๊ย นี่มันอะไรน่ะ เปรี้ยวขนาดนี้ ถ้าท้องเสียขึ้นมาจะทำยังไง”
โลลิต้าขำ “แต่มันก็ทำให้หญิงหายง่วงได้นะเพคะ”
“ถ้าง่วงมากก็กลับไปเข้าท้องพระโรงสิคะ พี่เอากาแฟ...มาด้วย พี่จะให้น้องหญิงลองชิมดู”
ชองปอลหันมาพูดดีกับไผท “แล้วค่อยเจอกันเวลาทำงานนะคุณไผท”
ชองปอลยื่นแขนมาให้จับ โลลิต้าคิดครู่หนึ่ง ก่อนที่จะเกาะเพียงนิดๆ แล้วทั้งคู่เดินออกไป ไผทมองตามโลลิต้าอย่างอาลัยอาวรณ์
แนวหน้าเดินเข้ามาหาเห็นอาการก็ดูออก “ไม่ว่ายังไง เค้าสองคนก็ต้องแต่งงานกัน”
“พี่แนวแน่ใจเหรอ”
“เค้าเป็นเจ้าหญิงกับเจ้าชายนะเว้ย เหมือนกันเทพนิยายไง มีเจ้าหญิงที่ไหน จะมารักกับดารา หรือคนในกองถ่าย”
“ผมว่า ในความรัก ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้หรอกพี่แนว ผมไม่ยอมแพ้หรอก”
ไผทเดินออกไป แนวหน้าอึ้ง
“ไอ้นี่ มันเอาจริงขนาดนี้เลยเหรอวะ”
แนวหน้าอึ้งๆ เซ็งๆ
เย็นนั้น นายนั่งทำงานในห้องนอนแล้วหยุดชะงัก คิดถึงการที่จีจี้เข้ามาหาและบอกว่า
“อยากกินข้าวกับคุณ”
นายถอนใจแล้วลุกขึ้นจะออกไปหา แต่ชะงักตัดใจ หันกลับมาทำงานต่อ
จีจี้กำลังรื้อค้นหาเอกสาร ตามโต๊ะ ตามชั้นบนตู้ แต่หาไม่เจอ พยายามเปิดดูทุกลิ้นชักที่โต๊ะของนาย แต่ก็ไม่มีเอกสารอะไรเลย จีจี้เปิดลิ้นชักสุดท้าย เป็นลิ้นชักที่จำได้ว่านายเก็บสัญญาไว้ แต่ปรากฏว่าลิ้นชักล็อก
“ล็อก! หรือว่าสัญญาจะอยู่ในนี้” จีจี้ค้นหากุญแจ “กุญแจลิ้นชักๆๆ...อยู่ไหนนะ” พอหาไม่เจอ จึงหยุดคิด
ขณะเดียวกัน โลลิต้ากำลังเขียนนิยายอยู่ เห็นที่หน้าจอ มีข้อความเขียนว่า “ขอบคุณทุกคอมเม้นต์และกำลังใจ ไว้พบกันในตอนที่ 8 นะคะ จากเด็กน้อยขายไม้ขีดไฟ“
ชีฟองเอานมอุ่นมาวางให้ แล้วไปจัดเตียงเตรียมให้โลลิต้าเข้านอน
“นอนได้แล้วเพคะองค์หญิง”
“แป๊บนึงพี่ฟอง...หญิงขอตอบข้อความเพื่อนก่อน”
“เพื่อนใหม่คนนั้นอีกแล้วเหรอเพคะ”
โลลิต้าพิมพ์ตอบข้อความไม่ได้มองชีฟอง “ค่ะ”
“หมู่นี้องค์หญิงคุยกับเค้าบ่อยนะเพคะ...เค้าเป็นใคร มาจากไหนหรือเพคะ แล้วเค้ารู้รึเปล่าว่าองค์หญิงเป็นใคร”
“โธ่พี่ชีฟอง เค้าจะรู้ได้ยังไง เค้าแค่ชื่นชมงานเขียนของหญิง แล้วก็เป็นคนไทยด้วย พี่ชีฟองคิดดูสิ หญิงตัดสินใจถูกจริงๆที่เขียนนิยายเป็นภาษาไทยเนอะ”
“องค์หญิงอย่าไปไว้ใจใครมากนะเพคะ เราเห็นแต่ตัวหนังสือที่เค้าพิมพ์มา หน้าตาจิตใจเป็นยังไงก็ไม่รู้”
“อย่าห่วงเลยค่ะพี่ชีฟอง หญิงแค่ดีใจที่มีแฟนหนังสือที่คุยสนุกอย่างนายพรหมลิขิตก็เท่านั้นเอง”
โลลิต้าหันไปพิมพ์ข้อความส่งไปใบหน้ายิ้มแย้ม ดูมีความสุขกับเพื่อนใหม่อย่างนายพรหมลิขิต ชีฟองมองอย่างเป็นห่วง
เวลาเดียวกันแนวหน้ากำลังนั่งเขียนบันทึกในสมุดไป อ่านข้อความที่หน้าคอมพ์ไปด้วย
“เมื่อวานมัวแต่คุยกับคุณ...วันนี้ฉันเลยง่วงทั้งวัน คืนนี้ฉันคุยด้วยไม่ได้นะคะ พรุ่งนี้มีงานแต่เช้า”
แนวหน้าพิมพ์ข้อความตอบ
“ผมก็มีงานเช้าเหมือนกันครับ ฝันดีนะ เด็กน้อยขายไม้ขีดไฟ”
โลลิต้ายิ้มปิดคอมพ์ไป ส่วนแนวหน้ายิ้มชื่น รู้สึกดีที่ได้คุยกับโลลิต้า
อ่านต่อหน้า 4
น่ารัก ตอนที่ 9 (ต่อ)
เช้าวันนี้แนวหน้าและทีมงาน เลือกมาเก็บบรรยากาศยามเช้าของริมทะเลสาบ แสนสดชื่น มุมหนึ่งตรงบริเวณแอ่งน้ำตก เป็นบ่อน้ำตามธรรมชาติ ซึ่งมีแท่งหินตั้งเรียงรายเหมือนเป็นสัญลักษณ์กราบไหว้บูชาสำคัญของชาวฮวาซาใต้
ถัดออกมาไม่ไกลมีการกางเต็นท์อลังการงานสร้างเว่อร์วังเพื่อกันแดด โดยมีชองปอลยืนคุมทหารอยู่
ไผทเดินเข้าไปทักทายพูดคุยกับโลลิต้า
“เป็นไงบ้างองค์หญิง เมื่อคืนฝันดีมั้ยพะย่ะค่ะ”
“ก็ดีค่ะ...” องค์หญิงเอะใจนิดๆ ที่ไผทพูดเรื่องฝันดี เหมือนนายพหรมลิขิต
“งั้นก็คงไม่ต้องพึ่งมะขามจี๊ดจ๊าดของกระหม่อมสินะ” ไผทสัพยอก
โลลิต้ายิ้มขำ ชองปอลที่เห็นโลลิต้าคุยกับไผทก็รีบเดินเข้ามาแทรกทันที
“น้องหญิง ทหารกางเต็นท์เรียบร้อยแล้ว ไปนั่งพักในนั้นดีกว่า”
“ไม่เป็นไรค่ะ ตรงนี้ก็ไม่ได้ร้อนอะไร”
โลลิต้าบอกปัดพร้อมกับเดินห่างออกไป ไผทมองตามแล้วหันมาเจอชองปอลจ้องหน้าอยู่ ไผทยิ้มให้อย่างแจ่มใส
แนวหน้านั่งดูคิวถ่ายทำอยู่ที่มุมหนึ่งท้ายรถตู้ สักครู่หนึ่งชีฟองเดินเข้ามาพร้อมถาดอาหารเช้า
“คุณแนวหน้าคะ อาหารเช้าค่ะ”
แนวหน้ายิ้มให้ แล้วกุลีกุจอรับถาดอาหารไว้
“ขอบคุณนะครับ คุณชีฟองไม่น่าต้องลำบาก”
“ไม่ลำบากหรอกค่ะ ชีฟองเตรียมมาถวายองค์หญิง แล้วก็เอามาเผื่อให้คุณด้วย”
ขิงเดินตรงมาหา พร้อมแซนด์วิชหนึ่งอันในมืด
ชีฟองหันไปมองพร้อมกับแนวหน้า ขิงเห็นถาดอาหารของชีฟองก็ชะงัก
“มีอะไรเหรอขิง”
“ขิงเอาแซนด์วิชมาให้ นึกว่าพี่แนวยังไม่ได้กินอะไร”
ขิงยิ้มซื่อๆ ให้ ชีฟองเมินมองไปทางอื่นอย่างมีมารยาท
แนวหน้ามีท่าทีเกรงใจ “พอดีคุณชีฟองเอาอาหารเช้ามาให้น่ะจ้ะ”
ชีฟองยิ้มกว้าง
“ไม่เป็นไรค่ะ แซนด์วิชอันนี้ขิงกินเองก็ได้”
ขิงยิ้มให้ชีฟองก่อนเดินออกไป แนวมองตามขิงแบบอึดอัด อยากกินของขิงด้วย
“ชีฟองขอตัวไปดูองค์หญิงก่อนนะคะ”
ชีฟองเดินออกไป แนวหน้ามองถาดอาหารอย่างงงๆ
เสียงประชดแดกดันของฟินแหวเข้ามา “โอ๊ย เจ้าเสน่ห์จริงจริ๊ง”
แนวหน้าหันขวับไปมอง เห็นฟินเดินนวยนาดหน้าตากวนประสาทเข้ามา
“ไม่อยากจะเชื่อว่าเจ้าเสน่ห์ขนาดนี้ สาวๆ รุมให้อาหารกันตรึม”
“อะไรเจ๊ พูดจาให้มันดีๆ นะ”
“อย่างนี้ยังไม่ดีอีกเหรอ ผู้กำกับเจ้าเสน่ห์ แบรด พิต ชัดๆ”
ฟินเดินหนีไปเลย แนวหน้างุนงงกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
ตรงหลังแท่งหินที่ตั้งเรียงรายเป็นรูปสัญลักษณ์อะไรบางอย่าง โลลิต้ากับไผทกำลังคุยกันอยู่ต่อหน้ากล้อง คนอื่นมองอยู่หลังกล้องกัน
“นี่คือแท่นบูชาเทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำฮวาซาค่ะ สิ่งศักดิ์สิทธิ์อีกสิ่งหนึ่งที่ชาวฮวาซาใต้นับถือกันมาก นอกจากการบูชาเพื่อความอุดมสมบูรณ์ของน้ำที่ใช้ในการเพาะปลูกแล้ว ชาวฮวาซายังชอบมาอธิษฐานขอพรด้วยนะคะ”
“แล้วองค์หญิงเคยทรงอธิษฐานขออะไรรึเปล่า”
โลลิต้าเยื้อนยิ้ม “ห้ามบอกเรื่องที่อธิษฐานกับใครค่ะ ไม่อย่างนั้นเรื่องที่ขอจะไม่เป็นจริง”
“งั้นต้องขอประทานอภัย แล้วเทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำฮวาซาจะเมตตาคนที่ไม่ใช่คนฮวาซาด้วยไหมพะย่ะค่ะ”
“ท่านเมตตาคนดีเสมอค่ะ”
โลลิต้ายิ้มกับไผท แล้วทั้งคู่ก็หันไปยกมือไหว้อธิษฐานพร้อมกัน
แนวหน้าที่อยู่หลังกล้อง มองโลลิต้าที่ยืนคู่กับไผทแล้วขมวดคิ้ว แอบรู้สึกไม่ชอบใจนักโดยอธิบายเหตุผลไม่ถูก ส่วนชองปอลที่ดูอยู่ที่มุมหนึ่งก็ไม่ชอบใจ แต่พยายามเก็บอาการ
แนวหน้ากำลังเช็คเทป คนอื่นๆ เตรียมงานอยู่ไกลออกไป ไผทเดินเข้ามานั่งพักข้างๆ พูดลอยๆ
“น่ารักอ้ะ”
แนวหน้าเง็ง “อะไรของแกอีก”
“ก็องค์หญิงไงพี่ ยิ่งรู้จักยิ่งน่ารักเนอะ พี่ว่าไหม”
แนวหน้าหงุดหงิด “ยังไม่เลิกอีก! ว่าที่คู่หมั้นเค้านั่งหัวโด่อยู่นั่น เห็นมั้ย”
สองหนุ่มมองไป เห็นชองปอลเอาน้ำผลไม้ให้โลลิต้าดื่มอยู่
ไผทเหลียวไปมองโลลิต้าแล้วหันมาพูดจริงจัง “เค้าอาจจะเป็นคู่หมั้นกันก็จริง แต่นั่นมันเรื่องทางการเมือง แต่ผมจะพยายามเอาชนะหัวใจขององค์หญิงให้ได้ พี่แนวคอยดูสิ”
แนวหน้าชะงักงัน อึ้งไปที่ไผทบอกว่าชอบโลลิต้า ไผทยิ้ม ยักคิ้วให้แล้วลุกเดินออกไป
โดยไม่รู้ตัวแนวหน้าเผลอหงุดหงิดออกมา “จะใครชอบ มันก็เป็นไปไม่ได้ทั้งนั้นแหละ!”
แนวหน้าโยนสมุดในมือทิ้ง หงุดหงิดอย่างไม่มีเหตุผล
ที่กรุงเทพฯ นายกับจีจี้อยู่ในรถที่นายเป็นคนขับมาตามทางสายหนึ่ง จีจี้ออกอาการเซ็ง
“ทำไมคุณไม่มาคนเดียว ทำไมต้องพาฉันมาด้วย”
“ก็บัญชีธนาคารมันเป็นชื่อของเราสองคน ถ้าไม่มีคุณแล้วผมจะเบิกเงินออกมาจ่ายทีมงานได้ยังไง”
จีจี้ถอนใจเฮือก ทันใดนั้นเอง นายก็จอดรถกึก
“อ้าว แล้วจอดรถทำไมอีกล่ะ ไม่ไปธนาคารให้มันเสร็จๆ ไป”
“ผมจะแวะไปคุยกับห้องตัดก่อน”
นายเดินลงจากรถไปทันที จีจี้มองตามเซ็งอยู่อย่างนั้น แต่แล้วหล่อนก็ชะงักคิดบางอย่างได้
“เอ๊ะ หรือกุญแจลิ้นชักจะอยู่ในรถ”
จีจี้ขยับรื้อค้นรถทันทีเพื่อหากุญแจลิ้นชักโต๊ะทำงาน รื้อทั้งด้านหน้า เบาะหลัง ทุกซอก ทุกมุมที่พอจะรื้อได้
ด้านนายคุยธุระเสร็จ เดินออกมา ผ่านหน้าร้านดอกไม้แล้วชะงัก คิดถึงจีจี้ขึ้นมา นายลังเลเหมือนตัดใจจะเดินผ่านร้านดอกไม้ไป สุดท้ายหันกลับมามองที่ร้านดอกไม้อีกครั้ง ชั่งใจว่าจะเอายังไงดี
ฟากจีจี้ยังคงง่วนอยู่กับการหากุญแจในที่เก็บของของนายท้ายรถ
“ไม่เห็นมีเลย!! นายนายไปเก็บไว้ไหนเนี่ย”
จีจี้ปิดที่เก็บของอย่างหงุดหงิด จังหวะที่ปิดนั้นเองนายถือช่อกุหลาบยื่นอยู่ตรงหน้าพอดี จีจี้ชะงักตกใจ มองช่อกุหลาบอย่างแปลกใจ
“อุ๊ย! อะไรน่ะ”
“ดอกไม้” นายบอกเสียงขรึม
จีจี้อึ้ง แอบดีใจเพราะคิดว่านายซื้อมาให้ ค่อยๆ ยื่นมือไปจะรับไว้
“ผมจะเอาไปให้วันเกิดลูกค้า ฝากถือหน่อย”
จีจี้แอบผิดหวัง รับดอกไม้มา อยากร้องไห้
ในลานกว้างหน้าบริเวณทำพิธี งะน๋อเซ่อ แลเห็นเชือกสีแดงเส้นใหญ่ ถูกขดเป็นวงกลมอยู่ที่พื้นเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 เมตร มีปลายเชือกให้จับอยู่สองฝั่ง ฝั่งละประมาณ 5-6 เส้น ซึ่งไม่รู้ว่าปลายเส้นเชือกของทั้งสองฝั่งนั้นเส้นไหนคู่กับเส้นไหน
แนวหน้ากำลังถ่ายทำการประกอบพิธี โดยมีโลลิต้ากับไผทยืนอธิบายอยู่หน้ากล้อง
“โอ้โห คนมาร่วมพิธีเต็มเลยนะครับ”
“ใช่ค่ะ เราชาวฮวาซาเชื่อในพิธีงะน๋อเซ่อมาก”
“แล้วมีบ้างไหมครับที่คนที่เสี่ยงทายไม่ได้คู่ใครเลย”
“ก็มีเหมือนกันนะคะ แล้วก็มีคนที่เป็นแฟนกันอยู่แล้วเคยมาเสี่ยงทาย พอได้คู่กัน ทางบ้านก็รีบจัดพิธีแต่งงานให้ก็มี หรือคนโสดถ้ามาจับแล้วได้คู่ ส่วนใหญ่ก็จะได้คบกันและไปถึงขั้นแต่งงานกันก็มีหลายคู่ค่ะ”
มี ชาย หญิง ราว 6 คู่ เดินไปตรงแท่นเสี่ยงทายพร้อมกับจับเชือกเตรียมเสี่ยงทาย ในขณะที่โลลิต้าเล่าบรรยาย เสียงชาวบ้านร้องเพลงคล้ายกับเสียงสวดดังขึ้น
ฝ่ายชายกับฝ่ายหญิงต่างมองหน้าคู่ที่ตัวเองหมายปองอยู่ แล้วส่งสายตายิ้มหวานซึ้งให้กัน ไผทกับโลลิต้าหันมายิ้มให้กัน ชองปอลมองไผทที่ดูสนิทสนมกับโลลิต้าอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์
เพลงจบแล้วทุกคนก็พร้อมใจกันดึงเชือกทันที เชือกเสี่ยงทายถูกดึงขึ้นเหนือพื้น
ผลปรากฏว่า ชาย หญิง 3 คู่จับได้คู่หมายซึ่งกันและกัน ชาวบ้านเข้าไปรุมล้อมจับมือร้องเพลงกันเป็นวงล้อมรอบทั้ง 3 คู่นั้น แสดงความยินดี
แนวหน้าสั่ง “คัท”
ฟินยิ้มร้าย คิดแผนชั่วออก “น่าสนุกจังเลย เราเข้าไปดึงเชือกกันเล่นๆ ดีมั้ยขิง”
“จะดีเหรอคะพี่ฟิน คนที่นี่เค้านับถือนะคะ” ขิงย้อนแย้ง
“เอาแค่ดึงเชือกเล่นๆ ไม่ต้องสวดอะไรก็ได้ ไปนะ ไปเป็นเพื่อนพี่หน่อย” ฟินไม่รอคำตอบ ฉุดลากดึงขิงเข้าไปหาโลลิต้า “องค์หญิงเพคะ เราเข้าไปลองดึงเชือกกันได้มั้ยเพคะ”
“ได้สิคะ นี่มันพิธีปลอมๆ เซ็ตเพื่อการถ่ายทำ ไม่ได้อัญเชิญเทพอะไรจริงหรอกค่ะ” โลลิต้าว่า
ชองปอลแหลมขึ้นมา “ถ้าอย่างนั้นก็ลองไปดึงเชือกกันเถอะ ชองปอลเล่นด้วย ไปกันน้องหญิง”
“งั้นไปกันให้หมดนี่แหละ มาเร็วๆ ไผท ขิง แนว”
ฟินจัดแจงลากไผทไป โลลิต้าหันไปมองชีฟองเป็นเชิงหารือ
“ถ้าคิดว่าเป็นการทำเล่นๆ ก็คงไม่เป็นไรหรอกนะเพคะ”
โลลิต้าเดินตามไปกับชีฟอง
ทีมงานโดนชาวบ้านดึงไปเล่นด้วย แนวหน้าเดินตามไป ไม่ค่อยเชื่อถือนัก
ทุกคนยืนอยู่พร้อมแล้ว ชองปอล ไผท แนวหน้า ถือเชือกอยู่ฝั่งผู้ชาย โลลิต้า ขิง ชีฟอง และฟินอยู่ฝั่งผู้หญิง
ฟินกระซิบถามขิง “แล้วพี่ควรจะอยู่ฝั่งไหนดีล่ะเนี่ย”
ขิงนึกขำ “ถ้าท่านชองปอลหยิบเชือกแล้วเจอพี่ฟินคงจะสนุกน่าดู”
ฟินตาโต “ท่านจะโกรธมั้ยอ่ะ ไม่เอาดีกว่า เดี๋ยวเอาพี่ไปประหาร” สุดท้ายพูดเสียงซะดังลั่น “ไม่เอาละ ไม่เล่นดีกว่า กลัวดึงได้ไอ้แนว”
เจ๊หน้าแป้นของแนวหน้า เดินออกไปสังเกตการณ์ ไผทเพ่งมองมายังโลลิต้า ชองปอลก็มองโลลิต้า แต่โลลิต้ามองไผท
ขิงมองไผท แล้วหันมามองแนวหน้า เพราะไผทเอาแต่มองจ้องโลลิต้า
แนวหน้ามองขิงอย่างสงสาร แล้วหันไปมองโลลิต้าอย่างเผลอไผล ชีฟองมองแนวหน้าอย่างหลงรัก
ชาวบ้านหญิงอาวุโสลงนั่งร้องเพลง เสียงดังโหยหวนฟังดูเร้นลับ ดูราวกับมีมนต์สาป
ฟินเป็นกรรมการ “เดี๋ยวพี่นับหนึ่งสองสามแล้วเรายกพร้อมกันนะ...พร้อมนะ...หนึ่ง..สอง...สาม”
ทุกคนต่างดึงเชือกของตัวเอง เชือกแดงถูกดึงขึ้นจากพื้น สีหน้าแต่ละคนลุ้นสุดๆ
เชือกถูกดึงจนตึง
โลลิต้าอึ้ง มองตามเส้นเชือกที่ตัวเองดึงอยู่ พบว่าเป็นเส้นเดียวกับแนวหน้า โลลิต้าตกใจ เบิกตาโพลง
“หา”
แนวหน้าอึ้งหนัก ที่จับได้เชือกเส้นเดียวกับองค์หญิงคู่ปรับ
ไผทมองตามเส้นเชือกไปเรื่อยๆ ปรากฏว่าเป็นเส้นเดียวกับขิง
ขิงกับไผท ต่างฝ่ายต่างตกใจ ขิงนั้นคาดไม่ถึง
ส่วนเชื่อกของชีฟอง กับ ชองปอล เป็นเชือกหย่อนๆ เพราะจับไม่ได้ใครเลย ชีฟองมองแนวหน้าที่จับได้เชือกเส้นเดียวกับโลลิต้าแล้วอึ้ง นิ่งงันไป โลลิต้าหันไปมองไผทที่จับได้เชือกเส้นเดียวกับขิงแล้วหน้าเศร้า เห็นถนัดตา
“ว้ายๆๆๆไผทกับขิงจับได้เชือกเส้นเดียวกัน แสดงว่านี่เป็นเนื้อคู่กันจริงๆ น่ะสิ ว้ายๆๆ”
นางมารร้ายฟินจัดเต็มเล่นใหญ่ กระโดดโลดเต้นตบไม้ตบมือดีใจเว่อร์ โลลิต้าปล่อยเชือกเงียบๆ ขิงเขินจนทำอะไรไม่ถูก
“ไม่ใช่หรอกพี่ฟิน ก็พี่บอกเองนี่นาว่าทำเล่นๆ ไม่ใช่เรื่องจริงจัง” ไผทว่า
ขิงหน้าสลดลง
ชองปอลเสริมทันที “จริง เรื่องไม่เป็นเรื่อง เราไม่ควรเล่นกันเลย Silly ที่สุด คนอย่างชองปอลเนี่ยนะไม่มีคู่ น้องหญิงมาจับเชือกนี้เร็ว”
แนวหน้าเหลือบมองโลลิต้า อย่างงุนงง เผลอไผล
แนวหน้าได้สติ หันไปโวยใส่ฟิน “เอ้อ ใช่เจ๊! เนื้อคู่อะไร เราไม่ได้ทำพิธีกันจริงๆ สักหน่อย...ไปๆ รีบเก็บของเหอะ จะได้กลับกัน”
ชองปอลเสียงดัง “เดี๋ยว! เราขอจับใหม่จนกว่าจะได้น้องหญิง คู่แท้จริงของเรา”
“หญิงว่าพอเถอะเพคะ ทีมงานจะได้กลับไปพักผ่อน”
โลลิต้าตัดบท วางเชือกแล้วเดินหนีไปทันที ชองปอลเดินตามไปอย่างขุ่นเคือง คนอื่นๆ แยกย้ายกันไป ไผทมองตามโลลิต้าไปอย่างเป็นห่วง แอบผิดหวังที่ไม่ได้เชือกเส้นเดียวกัน ก่อนจะหันไปมองแนวหน้า
“มองอะไร อย่าบอกนะอิจฉาที่ชั้นจับได้เชือกเดียวกับองค์หญิง”
“ผมไม่คิดมากหรอกพี่ ผมรู้ว่ายังไงพี่กับองค์หญิงก็ไม่มีวันเป็นไปได้”
แนวหน้าอึ้ง ไผทเดินออกไป
“ไอ้บ้าเอ้ย!”
แนวหน้าด่าแล้วหันกลับมามองเชือก อมยิ้มดีใจที่จับได้เชือกเส้นเดียวกับโลลิต้า
ค่ำแล้ว ขณะที่จีจี้กับนายเดินกลับเข้ามาที่บ้าน จีจี้ยังถือดอกไม้อยู่ในมือ
“แล้วดอกไม้นี่จะเอาไปให้ลูกค้าเมื่อไหร่”
“ผมจำวันผิด คุณเอาไปแล้วกัน”
นายทำฟอร์มเดินเข้าบ้านไป จีจี้ชะงัก แล้วเขิน เข้าใจทันทีว่านายอยากเอาดอกไม้ให้ตน แต่ฟอร์ม
จีจี้เดินตามเข้าบ้านไป นายกดเปิดสวิทช์ไฟ แต่ไฟไม่ติด
“อ้าว ไฟดับเหรอเนี่ย”
นายกับจีจี้หันมามองหน้ากัน ทั้งคู่อยู่ในความมืดสลัว
ฟากชองปอลออกอาการโกรธขึ้ง ขุ่นเคืองไปหมด โทร.คุยมือถือระบายให้ท่านพ่อที่ฮวาซาเหนือฟัง
“ตั้งแต่พวกมันเข้ามาทำสารคดีที่นี่ น้องหญิงก็เปลี่ยนไป เป็นเพราะพวกมันท่านพ่อ ไม่เป็นไรพะย่ะค่ะ ชองปอลจัดการเองได้ ไอ้กองถ่ายคนไทยพวกนั้นมันกล้ามาวุ่นวายกับน้องหญิง ชองปอลจะทำให้มันรู้ว่าการลองดีกับชองปอลเป็นยังไง”
ชองปอลตาวาววับครุ่นคิดแผนการร้ายในท่าทีอันเหี้ยมโหด
ค่ำคืนนั้น เทียนหอมถูกจุดไว้ทั่วบ้าน นายนั่งอยู่ที่โซฟา มองดอกไม้ที่ตอนนี้ถูกใส่แจกันวางไว้ที่โต๊ะตรงหน้า จีจี้ที่เพิ่งคุยโทรศัพท์เสร็จเดินเข้ามา
“ฉันโทร.ไปถามการไฟฟ้าแล้ว เค้าบอกว่าหม้อแปลงระเบิด กว่าจะซ่อมเสร็จคงอีกสักพักนึง”
นายพยักหน้า
“คุณร้อนไหม เอาอะไรเย็นๆ ไหม เดี๋ยวฉันทำให้”
“ไม่เป็นไร ผมโอเค”
จีจี้คิดว่านายยังโกรธตนอยู่ “งั้น...ฉันไปอาบน้ำก่อนนะ”
จีจี้จะเดินออกไป แล้วนึกได้เดินกลับมาที่โต๊ะ นายหันมองว่าจีจี้จะทำอะไร
“เอ่อ...ฉันจะมาเอาดอกไม้ไปใส่แจกัน สงสารมัน กลัวมันจะเหี่ยว”
จีจี้หยิบดอกไม้แล้วเดินออก แต่สะดุดเก้าอี้เพราะความมืด หัวทิ่ม นายรับไว้ก่อนจีจี้จะล้ม
“ระวัง”
เหตุการณ์กลายเป็นว่าสองคนยืนกอดกัน ทั้งคู่ชะงัก อยู่ในอ้อมแขนของกันและกัน จีจี้ผละออก ท่าทีเก้อเขินทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะก้มลงหยิบดอกไม้ที่ตกพื้น แล้วเดินออกไป ถูกนายดึงแขนไว้
“ผมขอโทษ”
จีจี้ชะงัก อึ้ง
“ที่ผ่านมาคุณอาจจะคิดว่า ผมเอาแต่ความคิดของตัวเองเป็นใหญ่ แต่ที่ผมทำอะไรโดยไม่ปรึกษาคุณ เพราะผมไม่อยากให้คุณเหนื่อยต่างหาก... ผมเป็นคนปากไม่ค่อยดี พูดอะไรพล่อยๆ จนทำร้ายคุณโดยไม่รู้ตัว ผมขอโทษ เลิกโกรธผมเถอะนะ”
จีจี้น้ำตาคลอ หันกลับไปมองหน้านาย กำแพงที่เคยตั้งไว้ทลายลงหมดสิ้น
“จี้ก็ขอโทษที่ชอบทำตัวงี่เง่า เอาแต่ใจตัวเอง ทิฐิ คิดมาก แล้วก็เอาแต่จะเอาชนะ แต่ความจริงจี้ไม่ได้อยากทำอย่างนั้นเลยนะ”
“ผมก็เหมือนกัน...เราดีกันนะจี้ เลิกโกรธกันซะที”
จีจี้พยักหน้ายิ้มๆ ดีใจที่นายยอมง้อ สองคนกอดกันเต็มรักเต็มความคิดถึง
คืนเดียวกันแนวหน้ายืนเหม่อ อารมณ์สับสน ว้าวุ่นผิดปกติ สุดท้ายก็ถอนใจยาว
“เป็นบ้าอะไรวะวันนี้ ทำงานๆๆ”
แนวหน้าพยายามฮึด เดินไปหยิบกล้องถ่ายรูป จะเช็คดูรูปที่ถ่ายวันนี้
มีเสียงดังมาจากคอมพ์ บอกให้รู้ว่ามีข้อความเข้ามา แนวหน้าวางกล้อง ถลามาที่คอมพ์ทันที
มีข้อความจากโลลิต้ามาว่า “นายพรหมลิขิตคะ คุณเคยรู้จักพิธีงะน๋อเซ่อบ้างมั้ยคะ”
แนวหน้าอึ้งไป รวบรวมความคิดแล้วลงนั่งพิมพ์
โลลิต้านั่งอยู่ในห้องนอน รอข้อความแล้วเปิดดู
“ผมเคยได้ยินมาว่าเป็นพิธีขอเนื้อคู่จากเทพเจ้าของชาวฮวาซา ไม่รู้ว่าถูกรึเปล่า”
โลลิต้าพิมพ์ข้อความ “ถูกต้องแล้วค่ะ วันนี้บังเอิญชั้นได้เข้าร่วมพิธีนี้ด้วย”
โลลิต้าเงยหน้าขึ้นถอดใจ ก่อนพิมพ์ต่อ
“ถึงแม้มันจะเป็นแค่พิธีสมมติที่ทำขึ้นเล่นๆ แต่ชั้นก็ไม่สบายใจเลย ที่เนื้อคู่สมมติของฉัน ไม่ใช่คนที่ชั้นชอบ”
แนวหน้าถอนใจ เงยหน้าขึ้น อึ้งกันไป
ทางด้านนายนอนหลับกอดจีจี้อยู่บนเตียง จีจี้นอนลืมตาคิดถึงภารกิจที่ตัวเองมาที่นี่ ตัดสินใจเด็ดขาด ค่อยๆ จับแขนนายที่กอดตัวเองอยู่ออกอย่างเบามือ แล้วลุกลงจากเตียง ย่องไปค้นลิ้นชักหัวเตียง จนเจอกุญแจ
“อยู่ตรงนี้นี่เอง” จีจี้พึมพำ ย่องออกจากห้องไป พอเสียงปิดประตูลง นายลืมตาโพลงอยู่ในความมืด
จีจี้ย่องเข้ามาในห้องทำงานนาย รีบเดินไปที่โต๊ะไขกุญแจลิ้นชัก พยายามรื้อของหาสัญญา
“ไม่มี ทำไมล่ะ!”
จีจี้มองปราดไปทั่วห้อง ก่อนสะดุดตากับกระเป๋าเอกสารของนาย ปรี่ไปที่กระเป๋า รื้อหากุญแจทันที แต่หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอสัญญา
พอจีจี้หันมาอีกที เห็นนายยืนอยู่ที่หน้าห้อง
“คุณทำอะไรเหรอจี้”
จีจี้อึ้งไปชั่วขณะ “เปล่า ไม่มีอะไร ฉันแค่นอนไม่หลับ ก็เลยลงมา”
“ลงมาหาของในลิ้นชักของผมเล่น” นายพูดเสียงเย็นถึงกระดูก
จีจี้ชะงักหน้าเสียที่โดนจับได้ “มะ ไม่ใช่นะ”
“แต่ผมว่าคุณไม่จำเป็นต้องหาแล้วละ เพราะมันอยู่ที่นี่แล้ว สัญญาของไผทใช่ไหมที่คุณอยากได้”
นายชูสัญญาของไผทให้ดู จีจี้มองชะงักงัน ไม่คิดว่านายจะรู้
นายมองจีจี้อย่างผิดหวัง “ผมคิดว่าคุณกลับมาที่นี่ก็เพราะอยากมาหาผมซะอีก
จีจี้ชะงักมอง อาการของนายตอนนี้ ดูเสียใจและผิดหวังมาก
“นาย คือ…จีจี้ไมได้…”
นายรีบตัดบททันที “ตอนที่ผมเห็นคุณค้นรถ ผมก็พยายามไม่คิดว่าคุณจะใจร้ายขนาดนี้...แต่ผมรู้แล้วว่าผมคิดผิด ผมไม่คิดเลยว่าคุณจะเห็นพี่ฟินดีกว่าผม”
จีจี้จ๋อย หน้าเจื่อนสนิท “ไม่ใช่อย่างนั้นนะ คือ...”
“เอาไปสิ” นายยื่นซองให้ “แล้วถ้าอยากฉีกหรือทำลายสัญญาก็ทำเลย...ผมมีสำเนาอีกหลายใบ”
จีจี้อึ้ง ทำอะไรไม่ถูก นายเอื้อมมือไปดึงมือจีจี้มา ยัดซองใส่มือจีจี้ แล้วเดินหนีไปทันที
“นาย…เดี๋ยว!” จีจี้คว้าแขนนายนายไว้
นายดึงมือจีจี้ออก แล้วเดินออกไปจากห้องทันที
จีจี้มองตาม ก่อนจะมองสัญญาในมืออย่างปวดร้าว เพราะรู้ว่าตัวเองทำผิดมหันต์ น้ำตาของจีจี้หยดรินลงใส่สัญญาที่อยู่ในมือ
ฝ่ายแนวหน้ากำลังอ่านข้อความจากโลลิต้าหน้าจอคอมพ์อยู่ในห้องนอน
“คนที่อยู่ปลายเชือกแถวของชั้น ก็คืออีตาบ้าที่ชั้นไม่ชอบหน้าที่สุด”
แนวหน้าจ๋อย บ่นพึมพำ “องค์หญิงเกลียดเราขนาดนั้นเลยเหรอวะ” แล้วพิมพ์ตอบไป
โลลิต้าท่าทางหงุดหงิดกำลังอ่านข้อความนายพรหมลิขิต
“อย่าไปคิดมากเลย...การเสี่ยงทายก็คือการเสี่ยงทาย ไม่ได้แปลว่าเป็นจริงสักหน่อยนี่คุณ”
“ก็จริงของคุณ แต่ก็อดไม่สบายใจไม่ได้ ถ้าเนื้อคู่ของชั้นเป็นอีตาโรคจิตนั่น ชั้นคงตายแน่นอน”
แนวหน้าหุบยิ้มแทบไม่ทัน
“ขอบคุณนะคะที่เตือนสติ คุยกับคุณพรหมลิขิตแล้วชั้นสบายใจขึ้นมากเลย”
โลลิต้ากดส่งข้อความด้วยความรู้สึกสบายใจ ถอนใจอย่างโล่งอก ส่วนแนวหน้าอึ้ง อึงอล ใจโหวงๆ พิกล
อ่านต่อตอนที่ 10