น่ารัก ตอนที่ 14
ทางด้าน ท่านธูล กับ องค์หญิงโลลิต้ายืนอยู่ที่มุมหนึ่งในห้องทรงงาน ราอูลกำลังถวายรายงานเหตุการณ์ มีชีฟองยืนอยู่ห่างๆ
“คนร้ายบุกเข้าห้องคุณนายนายพะย่ะค่ะ”
ท่านธูล และ โลลิต้าอึ้งไปชั่วขณะ
“แล้วมีใครเป็นอะไรมั้ย” ท่านธูลถาม
ราอูลรายงานต่อ “คุณนายนายกับคุณจีจี้ได้รับบาดเจ็บนิดหน่อย แต่ที่แย่กว่านั้นคือฮาร์ดดิสก์ที่เก็บข้อมูลไฟล์ที่ถ่ายทำสารคดีทั้งหมดถูกคนร้ายยิงเสียหาย ตอนนี้คุณแนวหน้ากำลังพยายามกู้ข้อมูลอยู่ ยังไม่ทราบว่าจะกู้คืนได้หรือไม่พะย่ะค่ะ”
โลลิต้ากับท่านธูลอึ้งอีก
“คนร้ายมันต้องการอะไร ถึงบุกเข้าไปในนั้น” องค์หญิงแปลกใจปนสงสัย
“คาดว่ามันต้องการจะขโมยฮาร์ดดิสก์อันนั้นพะย่ะค่ะ แต่คุณนายนายปกป้องไว้ได้”
ท่านธูลคาใจ “แล้วคนร้ายเป็นใคร จับตัวได้หรือยัง”
“มันหนีไปได้พะย่ะค่ะ แต่ทหารวังกำลังพยายามติดตามรอยไป”
ท่านธูลโกรธมาก “มันกล้าบุกเข้ามาทำเหตุการณ์เลวร้ายแบบนี้ถึงในวังของเรา นี่ถ้าพลาดพลั้งขึ้นมา คุณจีจี้หรือคุณนายนายอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้”
โลลิต้าหนุน “เสด็จพ่อต้องจับมันให้ได้นะเพคะ หญิงอยากรู้จริงๆ ว่ามันเป็นใคร แล้วทำแบบนี้ทำไม”
ท่านธูลครุ่นคิดหนัก แต่ไม่ปริปากพูดอะไรออกมา
โลลิต้าออกมาจากห้องบิดา สีหน้าท่าทางหนักใจมาก ชีฟองเดินตามมา เอ่ยขึ้น
“ตั้งแต่สงครามระหว่างฮวาซาเหนือกับใต้จบลง ก็ไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นเลยนะเพคะ ใครกันนะที่กล้าทำแบบนี้”
โลลิต้าหลุดปาก “จะเป็นใครไปได้อีกละคะ”
“องค์หญิงรู้เหรอเพคะว่าฝีมือใคร”
“หญิงแค่เดาเอาน่ะค่ะพี่ฟอง แต่จริงๆ ที่เสด็จพ่อตรัส ใครมันจะต้องการทำลายสารคดีชิ้นนี้ นอกจาก...” โลลิต้าค้างคำแต่นั้น
“นอกจากใครเพคะ”
โลลิต้าเงียบไม่ตอบ ครุ่นคิด
ในห้องพักนายกับแนวหน้า ตอนนี้ ทุกคนยืนรุมกันอยู่ที่หน้าคอมพ์ของแนวหน้า แนวหน้าเอาฮาร์ดดิสก์ที่เสียหายมาส่องๆ แล้วเสียบเข้าคอมพ์ ทุกคนท่าทางลุ้นจัด
“พี่แนวว่ามันจะยังใช้ได้มั้ยอ่ะ”
เบื้องแรกหน้าจอมืด ไม่มีอะไร แนวหน้าเครียด
“ไม่เอาน่า อย่าเป็นอย่างนี้สิ”
ต่อมาหน้าจอกระพริบๆ มีข้อความแปลกๆ ไม่เป็นภาษมนุษย์ขึ้นมา ทุกคนดีใจ
ไผทกะนายร้องลั่น “เฮ! ติดแล้ว”
แล้วข้อความก็ค้างเติ่ง ก่อนที่จะดับไปเฉยๆ ทุกคนอึ้ง
แนวหน้าตาเหลือก “เฮ้ยๆ อย่านะ ไม่เอานะ”
จากนั้นแนวหน้าพยายามทุกอย่าง เขย่าเครื่อง ตบหน้าจอ ฯลฯ แต่เงียบกริบ
“เงียบเลยอ่ะเฮีย”
“ตะกี้มันยังติดอยู่เลยนี่นา” นายเซ็ง
“แล้วถ้าฮาร์ดดิสก์มันเกิดเสียขึ้นมาจริงๆ เราจะทำยังไงล่ะพี่ เราต้องถ่ายใหม่หมดเลยเหรอ จะไหวเหรอ”
“เฮ้ย อย่าพูดแมวๆ อย่างนี้สิไอ้ไผท มันต้องไม่เสีย มันต้องกู้ขึ้นมาได้ ลองใหม่อีกทีดีกว่า”
ประตูห้องเปิดออก ขิงเดินเข้ามาหา “พี่นายคะ”
“ว่าไงขิง พี่จีจี้เป็นไงบ้าง”
“หมอมาดูอาการพี่จีจี้แล้วค่ะ บอกว่าไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง แต่ตอนนี้ขิงว่าพี่จีจี้เครียดมากเลย ถามหาแต่พี่นายว่าเป็นยังไงบ้าง ขิงเลยลงมาตามพี่นายค่ะ”
นายอึ้ง มองหน้าน้องชาย
“ไปดูเจ๊เค้าเหอะเฮีย ทางนี้ผมจะพยายามเอง”
นายเดินตามขิงออกไป แนวหน้ากับไผทหันมาสนใจฮาร์ดดิสก์กันต่อ
“ซ่อมให้ได้นะพี่ ผมไม่อยากถ่ายใหม่อะ ผมเหนื่อย” ไผทบ่น
แนวหน้าถอนใจ พยายามจะเสียบสายแล้ว Reboot อีกทีหนึ่ง
“ขอโทษ...ผมแค่จะเอายามาให้ คุณหายปวดหัวหรือยัง”
นายเดินตามขิงเข้ามาในห้อง จีจี้ที่นั่งขดตัวอยู่อย่างระแวง ถึงกับผวา ทำท่าจะหนี
“ผมเองจีจี้ ไม่ต้องกลัว”
จีจี้ขวัญเสียผวาเข้ามาหานายนาย
“นายนาย คุณเป็นอะไรรึเปล่า คุณหายไปไหนมา”
“ผมลงไปดูแนวหน้าซ่อมฮาร์ดดิสก์มา ทำไมคุณถึงไม่นอนพักล่ะจีจี้”
“แล้วคุณเป็นอะไรรึเปล่า เจ็บตรงไหน ชั้นเห็นไอ้คนนั้นมันจ่อปืนมาที่คุณ แล้วมันก็ยิงคุณจริงๆ” จีจี้ร้องไห้โฮ “คุณไม่เป็นอะไรจริงๆ ใช่มั้ย
จีจี้ร้องไห้ด้วยความกลัว นายหันไปมองขิง ขิงทำท่าให้รู้ว่าจะออกไปรอข้างนอก นายพยักหน้ารับรู้
ขิงเดินออกไปเงียบๆ นายมองจีจี้ที่นั่งร้องไห้แล้วเดินไปใกล้
“หยุดร้องไห้เถอะ ผมไม่เป็นอะไรแล้วจีจี้”
จีจี้ยังร้องต่อ นายค่อยๆกอดไว้อย่างปลอบโยน
“ผมอยู่ตรงนี้แล้ว ผมไม่ได้เป็นอะไร”
“นายนาย ถ้าคุณเป็นอะไรไป จี้จะทำยังไง จี้กลัว”
จีจี้กอดนายแน่น นายกอดตอบ เหตุร้ายและความสูญเสียที่เกิดขึ้น ทำให้ทั้งคู่ลืมเรื่องบาดหมางกัน
ด้านราชินีโซเฟียโวยวายใส่ทุกคนทันที
“ทหารของฮวาซาใต้ทำงานกันยังไง ปล่อยให้คนร้ายบุกเข้ามาในวังในขณะที่มีแขกเมืองอยู่แบบนี้ได้”
ท่านหลุยส์หันไปปรามดุ “โซเฟีย คงไม่มีใครอยากให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นหรอก”
“ยังไงเราก็ต้องขอโทษท่านหลุยส์ ท่านโซเฟีย แล้วก็หลานชองปอลด้วยเป็นความผิดของฮวาซาใต้ที่ปล่อยให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น... ยกโทษให้เราด้วยเถิด”
“ชองปอลคิดว่าเสด็จพ่อเสด็จแม่ควรจะเสด็จกลับฮวาซาเหนือภายในวันนี้เลยจะดีกว่า เผื่อว่าจะมีเหตุการณ์ร้ายแรงอะไรเกิดขึ้นอีก”
โซเฟียเห็นด้วย “นั่นสิเพคะท่านพี่ ชองปอล บอกให้ทหารไปเตรียมรถเลย”
“เดี๋ยวก่อน โซเฟีย ชองปอล ทำอย่างนี้มันจะเป็นการกล่าวหาท่านธูลเกินไปนะ ว่าทรงดูแลพวกเราไม่ดีพอ ฮวาซาเหนือและฮวาซาใต้เปรียบเสมือนบ้านพี่เมืองน้อง ถ้าฮวาซาใต้เกิดเรื่องร้ายอะไร เราชาวฮวาซาเหนือก็ควรจะร่วมทุกข์ด้วยสิ ถึงจะถูก”
ชองปอลอิดออด “แต่ว่า...”
“ลูกยังเด็กนักชองปอล มิตรภาพและภราดรภาพคือสิ่งที่ผู้ปกครองประเทศควรจะให้ความสำคัญ” ท่านหลุยส์หันมาพูดกับท่านธูล “พวกเราจะอยู่ที่นี่ต่อไป จนกว่าท่านธูลจะทรงจับตัวคนร้ายได้ เราอยากเห็นเหลือเกินว่ามันเป็นใคร และต้องการอะไร ถึงอุกอาจได้ถึงเพียงนี้”
ท่านธูลมีท่าทางอึดอัดใจมาก ราชินีโซเฟียกับชองปอลมองท่านหลุยส์อย่างไม่เข้าใจ
ประตูห้องโลลิต้าเปิดออก โลลิต้าออกมาแล้วชะงัก มีทหารยืนอยู่หน้าห้อง
“มาทำอะไรตรงนี้”
ชีฟองรีบเดินเข้ามาหา “องค์หญิงเพคะ จะไปไหนเพคะ”
“พี่ชีฟอง ทำไมถึงมีทหารอยู่หน้าห้องหญิง”
“เป็นคำสั่งของคุณราอูลเพคะ เพื่อถวายความคุ้มครององค์หญิง”
“แต่หญิงไม่ต้องการ บอกให้เค้ากลับไป” องค์หญิงทำท่าจะเดินไป
“จะเสด็จไหนเพคะ”
“หญิงจะลงไปดูว่าพวกกองถ่ายเค้าเป็นยังไงกันบ้าง ฮาร์ดดิสก์เสียหายขนาดไหน”
ชีฟองห้าม “ยังลงไปไม่ได้นะเพคะ ท่านธูลไม่ทรงอนุญาต มีรับสั่งว่าสถานการณ์ยังไม่น่าไว้ใจ รอจนกว่าจะจับคนร้ายได้ก่อนจะดีกว่านะเพคะ”
โลลิต้าหงุดหงิด ฮึดฮัด ขัดใจ แล้วเข้าห้องปิดประตูปัง ชีฟองถอนใจ
เย็นจวนค่ำ ที่หน้าห้องแนวหน้า มีโน้ตบุ๊ค 2-3 เครื่อง เป็นโน้ตบุ๊คของขิง กับของไผทด้วย รวมทั้งของแนวหน้าวางอยู่ ขิงกับไผทนั่งลุ้นอยู่ข้างๆ
แนวหน้าบ่นอย่างหงุดหงิด “โอ๊ย นิ่งสนิท ไม่เอาน่า กลับมาเถอะนะจ๊ะๆๆๆๆ”
“หรือว่ามันพังจริงๆ พี่ พี่ก็ลองเปิดกับคอมพ์ทุกเครื่องแล้วนะ”
“เราลองแกะออกมาดูไหมพี่แนว” ขิงว่า
“ถ้าแกะมา แล้วประกอบไม่ได้เหมือนเดิม พี่ว่าจะยิ่งพังมากกว่าเดิมนะ”
แนวหน้าถอนหายใจอย่างเครียดๆ
“ขิงว่าพี่แนวพักก่อนเหอะ...กาแฟสักแก้วไหม ขิงไปเอามาให้”
“ไม่ล่ะ ขอบใจจ๊ะ พี่ขอล้างหน้าล้างตาก็พอ”
แนวหน้าเดินเข้าห้องน้ำไป ไผทยกมือไหว้ท่วมหัว
“เทพฮวาซา เจ้าป่าเจ้าเขา ขออย่าให้ฮาร์ดดิสก์เจ๊งเลย ขอให้พี่แนวกู้ขึ้นมาได้สำเร็จด้วยเถิ๊ด”
เสียงตรึ๊งดังขึ้นมาจากโน้ตบุ๊คของแนวหน้า ทั้งขิงและไผทหันไปมอง
“พี่แนวเล่นแชทด้วยแหละขิง” ไผทแซวขำๆ พลางอ่าน “เด็กน้อยขายไม้ขีดไฟ กับนายพรหมลิขิต”
ขิงเหลียวขวับ นึกเอะใจ “อะไรนะ”
ไผทหัวเราะขำกลิ้ง “ก็ชื่อที่พี่แนวเล่นไง คิกขุมากเลย นายพรหมลิขิต ฮะๆๆ”
ขิงอึ้ง รู้สึกคุ้นๆ หู แนวหน้าออกมาจากห้องน้ำพอดี หน้าตาเปียกน้ำอยู่
“พี่แนวแชทกับใครอยู่ เค้าทักมา นายพรหมลิขิต”
แนวหน้าตาปลิ้น ถลันเข้ามาปิดจอคอมพ์ทันที “เรื่องของชั้น”
ไผทเย้า “ฮั่นแน่ มีความลับ แชทกับสาวอ่ะดิ คิกขุ น่าดู”
“อย่ายุ่งน่า แกกับขิงไปกินข้าวกินปลาเลยไป ที่เหลือเดี๋ยวพี่จัดการเอง”
แนวหน้าหอบของเผ่นเข้าห้องทันที ไผทหัวเราะชอบใจในพิรุธของเขา ส่วนขิงครุ่นคิด
โลลิต้านั่งหน้าคอมพ์รอคอยอย่างจดจ่อ
“ไม่ตอบอีกแล้ว สงสัยจะยุ่งกันอยู่”
โลลิต้าถอนใจ ลุกขึ้นยืน
“จะเป็นยังไงกันบ้างนะ”
โลลิต้าเป็นห่วงทีมงานชาวไทย
กลางป่า คืนเดียวกันนั้น
ตัวละครท่านหลุยส์ ชองปอล ทหารองครักษ์ ชายชุดดำ
ในมุมหนึ่งอันลับตาผู้คนของวัง ท่านหลุยส์กับชองปอลยืนอยู่ มีทหารองครักษ์พาชายชุดดำที่เข้าไปในห้องนายมาหา คนร้ายเดินมาถึงหน้าท่านหลุยส์ กับชองปอล แล้วก็ทำความเคารพก่อนที่จะถอดหมวกไอ้โม่งออกมา
“แน่ใจใช่ไหมว่าเก็บหลักฐานทุกอย่างในที่เกิดเหตุเรียบร้อยแล้ว”
“พะย่ะค่ะ รับรองว่าไม่มีทางสืบมาถึงฮวาซาเหนือได้อย่างแน่นอน” คนร้ายบอก
ท่านหลุยส์ยิ้มพอใจ
“แต่ถึงเราจะกำจัดหลักฐานไปหมดแล้ว แต่ถ้าตราบใจยังไม่ได้ตัวคนร้าย ฮวาซาใต้ก็ไม่มีทางหยุดตามสืบเรื่องนี้แน่พะย่ะค่ะ” ชองปอลเอ่ยขึ้น
“จำไว้นะชองปอล ถ้าคิดจะทำการใหญ่ เจ้าจะต้องรู้จักคิดวางแผนให้เรียบร้อยตั้งแต่ต้นจนจบ”
ท่านหลุยส์ยิ้มเหี้ยมผิดมนุษย์
ในบ้านหลังหนึ่ง ชาวบ้านชายแก่ กับ ลูกชายวัยหนุ่ม มีลูกเล็กและเมีย นอนอยู่กันพร้อมหน้าครอบครัว ทั้งหมดหลับสนิท อยู่ๆ ประตูถูกถีบเข้ามา ทหารฮวาซาเหนือในชุดดำใส่โม่ง 3 คนบุกพรวดเข้ามาพร้อมปืนในมือ ทุกคนตกใจลุกขึ้น ผู้หญิงกรีดร้อง ทหารพุ่งเข้าไปจับตัวผู้หญิงกับเด็กเล็กแยกออกมา
ชาวบ้าน 1 ขอร้อง “อย่าทำอะไรลูกเมียผมเลยครับ”
ทหาร 1 ในนั้นเอาปืนจ่อ “ถ้าอย่างนั้นแกก็ต้องทำตามคำสั่งของฉัน!
ชาวบ้านมองทหารด้วยท่าทีหวาดกลัวมาก
เช้าวันใหม่ มีเสียงเคาะประตูห้องบรรทมท่านธูล ก่อนจะเห็นราอูลเดินเข้ามาในห้องนอน อย่างรีบร้อน ท่านธูลใส่เสื้อคลุมนอนอยู่หันไปมอง
“มีอะไรด่วนเหรอราอูล ถึงมาปลุกเราแต่เช้า”
“พระอาญาไม่พ้นเกล้า เราจับตัวคนร้ายได้แล้วพะย่ะค่ะ”
ท่านธูลตะลึง ลุกขึ้นดินออกจากห้องไปทันที
อ่านต่อหน้า 2
น่ารัก ตอนที่ 14 (ต่อ)
ไม่นานต่อมา ท่านธูลและราอูลเดินเข้ามาในห้องรับรอง ซึ่งมีชองปอล และ โลลิต้า นั่งรออยู่แล้ว ทุกคนเห็นทหารฮวาซาเหนือควบคุมชาวบ้านชาย 2 คน ที่ถูกมัดมือ ท่าทางหวาดกลัว นายและจีจี้อยู่ไม่ไกลนัก
ทหารฮวาซาเหนือรานงาน “พลลาดตระเวนของเราจับชาวบ้าน 2 คนนี้ได้ใกล้เขตชายแดนกับฮวาซาใต้ท่าทางมีพรุธ จึงได้จับมาสอบสวนแล้วก็ได้ทราบความจริงพะย่ะค่ะ”
โดยไม่ทันสอบสวนใดๆ ชาวบ้าน 1 ผู้เป็นพ่อรีบสารภาพผิด “พระอาญามิพ้นเกล้า พวกกระหม่อมเป็นคนเข้าไปค้นข้าวของในห้องของคนไทยพวกนั้นพะย่ะค่ะ
นายกับจีจี้เขม้นมอง
ชาวบ้าน 2 ผู้เป็นลูกชายเสริม “แล้วกระหม่อมกับพ่อก็เป็นคนทำลายภาพในถ้ำพันปีด้วยการสาดสีใส่ ลงโทษพวกกระหม่อมเลยพะย่ะค่ะ”
ท่านธูล และโลลิต้าแปลกใจที่คนร้ายยอมรับง่ายๆ นายกับจีจี้มองกัน รู้สึกแปลกใจอะไรบางอย่าง
ท่านธูลหันทางสองคน “คุณจีจี้ คุณนายนายคนร้ายหนึ่งในสองคนนี้ ใช่คนที่เข้าไปทำร้ายคุณในห้องรึเปล่า”
“ไม่แน่ใจเพคะ เมื่อวานคนร้ายใส่หมวกไหมพรม”
“กระหม่อมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันพะย่ะค่ะ แต่เท่าที่จำได้ เหมือนคนร้ายจะตัวสูงกว่าคนพวกนี้พะย่ะค่ะ”
ชาวบ้าน 1 ชำเลืองมองทหารของชองปอลแล้วรีบพูด
“แต่พวกกระหม่อมทำจริงๆพะย่ะค่ะ ลงโทษกระหม่อมเลย”
ท่านธูลจ้องชาวบ้านทั้งสองพ่อลูก “พวกเจ้ามีเหตุผลอะไรถึงทำแบบนั้น”
ชาวบ้าน 2 คนชะงัก สบตาท่านธูลที่มองมาอย่างปราณี แต่จำต้องก้มหน้ารับผิดต่อ
ชาวบ้าน 1 บอก “พวกเราเป็นทหารที่รบกับฮวาซาใต้มาตลอด 20 ปี พวกเราไม่เห็นด้วยกับการเปิดประเทศฮวาซาใต้พะย่ะค่ะ เราไม่ต้องการให้ฮวาซาใต้ทัดเทียมกับฮวาซาเหนือ เราก็เลยคิดขัดขวางการถ่ายทำสารคดีชิ้นนี้ ขอพระองค์ได้โปรดลงโทษพวกกระหม่อมเถิดพะย่ะค่ะ”
“เลวมาก พวกเจ้าทำให้ฮวาซาเหนือต้องมัวหมอง ต่อให้ท่านธูลไม่ลงโทษเจ้า ข้านี่แหละ ที่จะลงโทษพวกเจ้าให้สาสม ไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อคนอื่นอีกต่อไป” ท่านหลุยส์สวมบทโหด
ชาวบ้าน 1 ที่เป็นพ่อร้องไห้ด้วยความหวาดกลัว คนเป็นลูกร้องไห้กอดพ่อ
ท่านธูล โลลิต้า ราอูล นาย และจีจี้มองด้วยความสงสาร ไม่เชื่อในเหตุผลของชาวบ้าน
ประตูห้องรับรองเปิดออก ท่านธูลกับโลลิต้าเดินออกมา ท่านธูลดูครุ่นคิดกังวลหนัก ท่านหลุยส์กับชองปอลตามมาทางด้านหลัง
“ท่านธูล”
ท่านธูลชะงัก หันกลับไป ท่านหลุยส์เดินมาใกล้
“ดีใจด้วยที่จับตัวคนร้ายได้แล้ว และขอพระราชทานอภัยที่คนร้ายเป็นชาวฮวาซาเหนือ เราจะหาทางชดเชยความผิดครั้งนี้ให้ได้มากที่สุด”
“ไม่จำเป็นหรอกพะย่ะค่ะ ท่านไม่ต้องทรงเป็นกังวลกับเรื่องนี้เลยสักนิด”
“จะทำอย่างนั้นได้ยังไง ประชาชนฮวาซาเหนือกระทำการอุกอาจขนาดนี้ กระหม่อมย่อมต้องรับผิดชอบในฐานะผู้ปกครองประเทศ ดังนั้นกระหม่อมขอพระราชทานอนุญาตนำตัวผู้ต้องหาทั้งสองกลับไปยังประเทศ เพื่อไต่สวนและลงโทษให้สาสมพะย่ะค่ะ”
โลลิต้าแย้ง “แต่หญิงมั่นใจนะเพคะ ว่าทางฮวาซาใต้สามารถจัดการกับเรื่องนี้ด้วยตัวเองเพคะท่านลุง”
“อย่าได้เกรงใจเลยค่ะน้องหญิง เสด็จพ่อเสด็จแม่และพี่กำลังจะเสด็จกลับบ่ายวันนี้แล้ว เมื่อไปถึงวัง เราจะเริ่มไต่สวนคดีนี้ทันที ว่าแต่ว่าน้องหญิงแน่ใจเหรอว่าการประทับอยู่ที่ฮวาซาใต้มันจะปลอดภัย”
“พี่ชองปอลทรงหมายความว่าอะไรเหรอเพคะ”
“ก็ระยะนี้ฮวาซาใต้ดูจะมีคนปองร้ายอยู่ คนพวกนี้อาจจะทำงานกันเป็นขบวนการเลยก็ได้ นี่ขนาดในวังหลวงยังลักลอบเข้ามาได้แบบนี้ ชองปอลคิดว่าอาจจะมีเกลือเป็นหนอนนะพะย่ะค่ะท่านอา ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยขององค์หญิงโลลิต้า ชองปอลจึงอยากให้องค์หญิงเสด็จไปซ่อนตัวอยู่ที่ฮวาซาเหนือเป็นการชั่วคราว ดีมั้ยพะย่ะค่ะท่านอา”
ท่านธูลและโลลิต้าอึ้ง
“อย่าต้องรบกวนถึงขนาดนั้นเลยชองปอล ขอบพระทัยสำหรับความหวังดี แต่อาแน่ใจว่าพวกเราดูแลตัวเองได้”
“หญิงขอตัวนะเพคะ หญิงมีงานจะต้องไปดูกับพี่ชีฟอง ทูลลาเพคะท่านลุง พี่ชองปอล”
โลลิต้าเดินออกไปอย่างโกรธๆ
“กระหม่อมก็ต้องทูลลาเช่นกัน ราอูลคงจะรออยู่ ทูลลา”
ท่านธูลออกไป ท่านหลุยส์กับชองปอลมองตาม พอลับตาแล้วท่านหลุยส์ก็หัวเราะเบาๆ ชมลูกชาย
“ทำได้ดีมากชองปอลลูกพ่อ ลูกทำได้ดีมากจริงๆ”
ท่านหลุยส์ตบไหล่ลูกชาย ชองปอลยิ้มยืดภูมิใจฝุดๆ
สายวันเดียวกัน ท่านธูล และโลลิต้ากำลังปรึกษาอยู่กับราอูล โลลิต้าดูอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก
“จากการสืบค้นประวัติ พ่อลูกคู่นี้ไม่ได้เกิดในครอบครัวทหารแต่อย่างใด แต่เป็นคนจากหมู่บ้านทอผ้า ซึ่งเป็นกลุ่มหลักที่จะได้รับประโยชน์โดยตรงจากการเปิดประเทศ ไม่มีเหตุผลใดที่พวกเค้าไม่เห็นด้วยขนาดนั้นพะย่ะค่ะ” ราอูลรายงาน
“หญิงไม่เชื่อว่าพวกเค้าเป็นคนร้ายเพคะท่านพ่อ มองตาพวกเค้าก็รู้ว่าเป็นแค่ประชาชนตาดำๆ ที่ไม่มีวันคิดร้ายกับใคร”
ราอูลโมโหมาก “กระหม่อมว่าคราวนี้ฮวาซาเหนือชักจะทำเกินไปแล้วพะย่ะค่ะ”
ท่านธูลยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น “ถึงขนาดเอาคนบริสุทธิ์มาเป็นแพะรับบาปเลยเหรอเนี่ย” พลางสั่งการราอูล “ราอูล ส่งทหารไปสืบดูว่าครอบครัวของพวกเค้าอยู่ที่ไหน ปลอดภัยดีหรือไม่ แล้วระหว่างนี้ปล่อยข่าวออกไป ว่าสองคนนั้นถูกคุมขังเพื่อรอการพิจารณาคดีจากศาลสูงสุดแห่งฮวาซาใต้”
“พะย่ะค่ะ” ราอูลทำความเคารพแล้วรีบออกไป
โลลิต้าขัดใจ “ท่านพ่อเพคะ ทำไมเราต้องยอมให้พวกฮวาซาเหนือทำอย่างนี้ต่อไปหรือเพคะ”
“ทนอีกนิดเถอะลูกหญิง ถ้าเราเปิดประเทศให้เข้าสู่ความสนใจของอารยะประเทศได้สำเร็จ ศักดิ์ศรีของฮวาซาใต้จะไม่ถูกใครกดขี่ข่มเหงอีกต่อไป”
ท่านธูลมีสีหน้ามุ่งมั่น โลลิต้าครุ่นคิด
แนวหน้ากำลังพยายามต่อฮาร์ดดิสก์เข้ากับคอมพิวเตอร์ของฮวาซา แต่ทุกอย่างไม่ตอบสนอง
แนวหน้ายกมือไหว้ “ติดเถอะครับพี่ ช่วยกันทำมาหากินหน่อยนะครับ สาธุ”
จู่ๆ หน้าต่างข้างๆ ถูกผลักให้แง้มออก แนวหน้าหันไปเห็นตกใจมาก เขาคว้าผ้าคลุมเตียง ย่องไปยืนข้างๆ หน้าต่างอย่างระมัดระวัง
หน้าต่างเปิดกว้างออก แล้วร่างใครคนหนึ่งก็ปีนเข้ามาในห้อง แนวหน้ารออยู่รีบเอาผ้าคลุมทันที กอดรัดฟัดเหวี่ยง คิดว่าเป็นคนร้าย
“แกเป็นใคร ต้องการอะไรถึงเข้ามาในนี้”
เสียงอู้อี้ของโลลิต้าดังออกมา “ปล่อยนะ ปล่อยหญิง ปล่อย”
แนวหน้าชะงักจำเสียงได้ รีบปล่อยทันที โลลิต้าตะกุยผ้าออกจากตัว หัวฟูยุ่ง
“องค์หญิง”
โลลิต้าโกรธจัด “นี่คุณคิดจะทำอะไรของคุณ”
แนวหน้าลงไปคุกเข่าพนมมือแต้
“ยกโทษให้กระหม่อมด้วยนะพะย่ะค่ะ กระหม่อมคิดว่าคนร้ายกลับเข้ามาอีก แล้วทำไมถึงเสด็จมาทางนี้ล่ะพะย่ะค่ะ”
“ก็ทหารยามเฝ้าหญิงตลอดเวลา ไม่ยอมให้ลงมาข้างล่างนี้ บอกว่ามันอันตราย หญิงก็เลยแอบมา หญิงเอาคอมของหญิงมา เผื่อว่าคุณจะต่อกับฮาร์ดดิสก์ของคุณได้”
“กระหม่อมลองต่อกับทุกเครื่องแล้ว แต่ไม่ได้ผลเลยพะย่ะค่ะ มันคงจะเสียจริงๆ”
“ไม่ได้สิคะ คุณต้องไม่ท้อถอย เราต้องกู้ข้อมูลในฮาร์ดดิสก์คืนมาให้ได้”
โลลิต้ากุลีกุจอเอาสายมาจะต่อฮาร์ดดิสก์กับคอมพ์ของตัวเอง
“กระหม่อมทำเองพะย่ะค่ะ”
แนวหน้าเอื้อมมือไปจับสายฮาร์ดดิสก์พร้อมๆ กับโลลิต้า ทำให้ทั้งสองจับมือกัน ต่างชะงักไปทั้งคู่ โลลิต้ารีบดึงมือตัวเองกลับทันที
“เดี๋ยวกระหม่อมดูให้เองดีกว่าพะย่ะค่ะ”
แนวหน้าเสียบฮาร์ดดิสก์เข้ากับคอมพ์ของโลลิต้า ทุกอย่างนิ่งเงียบ
“ทำไมมันยังเงียบแบบนี้ล่ะ”
แนวหน้าถอนใจ “องค์หญิงลองถามมันดูไหมพะย่ะค่ะ ถามกระหม่อมแบบนี้กระหม่อมตอบไม่ได้”
โลลิต้าหันมองขวับทันที
“นี่มันไม่ใช่เวลาจะมาพูดเล่นนะคุณแนวหน้า คุณไม่รู้หรือไงว่าสารคดีนี้สำคัญกับ ประเทศฮวาซาใต้ขนาดไหน” โลลิต้าเสียงขุ่น
แนวหน้าชะงักเพราะเห็นโลลิต้าเริ่มโมโห “ทราบพะย่ะค่ะ กระหม่อมทราบจากพี่นายแล้ว”
“คนที่เกิดในประเทศที่ไม่เคยตกอยู่ใต้อำนาจของใครอย่างคุณ ไม่เข้าใจความทุกข์ของคนในประเทศเราหรอก พวกเราชาวฮวาซาตกเป็นอาณานิคมของประเทศมหาอำนาจนานหลายสิบปี แล้วพอได้เอกราช คิดจะลืมตาอ้าปาก กลับต้องถูกรุกรานโดยประเทศบ้านพี่เมืองน้องอีก ถูกเค้ารังแกเอารัดเอาเปรียบสารพัด มีเพียงแค่สารคดีและการเปิดประเทศครั้งนี้เท่านั้น ที่อาจจะช่วยพวกเราได้ แต่คุณกลับเห็นเป็นเรื่องเล่นๆ และบอกให้หญิงหมดหวังอย่างนั้นเหรอคะ ไม่มีทาง หญิงไม่มีวันยอมแพ้ง่ายๆแน่นอน”
โลลิต้าพูดแล้วน้ำตาคลอด้วยความอัดอั้น แนวหน้าอึ้ง สงสาร และเข้าใจหัวอกองค์หญิง
“กระหม่อมยอมรับว่ากระหม่อมไม่รู้เลยว่าสารคดีชิ้นนี้สำคัญขนาดนั้น แต่กระหม่อมไม่เคยมองว่าสิ่งที่กระหม่อมทำเป็นเรื่องเล่นๆ โดยเฉพาะเรื่องกู้ฮาร์ดดิสก์นี้ ขอให้องค์หญิงทรงสบายพระทัยเถอะพะย่ะค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ขอให้ช่วยทำให้สำเร็จ เพราะมันเป็นความหวังชิ้นสุดท้ายของเรา” น้ำเสียงโลลิต้าอ่อนลง “ถือว่าเป็นคำขอร้องจากหญิงนะคะคุณแนวหน้า”
โลลิต้ามองแนวอย่างอ้อนวอน
“ความรู้สึกปวดหัวใจเหมือนถูกใครกระชากอย่างแรงเมื่อเห็นน้ำตาขององค์หญิงโลลิต้านี่มันคืออะไร ผมสาบานกับตัวเองในวินาทีนั้นทันทีว่า ไม่ว่าต้องบุกน้ำลุยไฟ ต้องเจอกับอันตรายมากมายขนาดไหน ผมก็ยินดีทำ เพื่อช่วยองค์หญิง พวกซุปเปอร์ฮีโร่ในหนัง เค้าคงคิดแบบนี้เหมือนกันสินะ”
แนวหน้าได้แต่บอกตัวเองในใจ
นายกับจีจี้นั่งคุยหารือกันอย่างสับสน
“จี้เชื่อนะ ว่าชาวบ้าน 2 คนนั้น ไม่ใช่คนร้ายที่แท้จริง”
“ผมก็ว่าอย่างนั้น แต่ผมไม่เข้าใจว่าเค้ามาสารภาพทำไม ถ้าตัวเองไม่ได้ทำ”
“อาจจะมีคนบังคับให้เค้าทำแบบนั้นก็ได้ ว่ามั้ยคะ”
นายถอนใจเฮือกใหญ่ แนวหน้าเปิดประตูเข้ามาพอดี
“เฮีย ผมจะกลับกรุงเทพฯ”
นายงง “จะกลับไปทำไม”
“ถามบ้าๆ ก็เอาฮาร์ดดิสก์ไปซ่อมน่ะสิ”
จีจี้ท้วง “ทำไมต้องเป็นแนว ให้แว่นไปก็ได้ สารคดีทางนี้ยังถ่ายไม่เสร็จนะ”
“สารคดีที่เราถ่ายมาทั้งเรื่องอยู่ในนี้นะเจ๊ ไว้ใจคนอื่นไม่ได้หรอก”
นายแย้ง “แต่แกเป็นผู้กำกับนะเว้ย! ถ้าแกไม่อยู่แล้วใครจะทำ”
“สารคดีส่วนที่เหลือไม่ยากแล้วเฮีย ผมว่าพี่สองคนทำได้ หรือให้ขิงช่วยก็ได้ เค้าเคยทำหนังสั้นประกวดมาแล้วตอนเรียน”
“เดี๋ยว! แกไม่ได้มีเหตุผลอื่นใช่ไหมที่อยู่ๆ ก็จะหนีกลับกรุงเทพฯแบบนี้”
“หรือเฮิร์ทเรื่องขิงกับไผท” จีจี้ว่า
“บ้าน่ะเจ๊ ไม่เกี่ยวกับขิงหรอก ผมไม่ได้คิดอะไรกับขิงแล้ว”
“งั้นก็ผู้หญิงคนอื่น ใครกัน คุณชีฟองเหรอ” จีจี้ซักไม่เลิก
“พอเหอะเจ๊ ตอนนี้เอาเรื่องงานก่อนไหม สารคดีของเราเนี่ย มันสำคัญกับประเทศฮวาซาใต้มากนะ ไม่ว่ายังไง ผมต้องกู้มันคืนมาให้ได้ คอยดูสิ”
ตอนเย็น ชีฟองเดินลงมาจากวังจะกลับที่พัก สวนกับไผทที่เดินกลับเข้ามาจากด้านหลังวัง
“คุณไผท มาทำอะไรตรงนี้คะเนี่ย”
“ผมออกไปเดินเล่นในสวนหลังวังมาน่ะครับ หมู่นี้บรรยากาศแถวนี้มันเครียดเหลือเกิน ถ้าอยู่แต่ข้างใน มันจะอึดอัด”
“ชีฟองเข้าใจค่ะ ใครๆในวังก็ดูจะเครียดกันไปหมดเพราะเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ไม่ว่ายังไง คุณไผทก็ไม่ควรจะออกไปเดินเล่นคนเดียวแบบนี้นะคะ เพราะอาจจะเกิดเรื่องร้ายขึ้นอีกก็ได้”
ไผทยิ้ม “ใครมันจะมาทำอะไรผมล่ะครับคุณชีฟอง”
“มันก็ไม่แน่นะคะ เพราะคุณไผท คือคนสำคัญมากอีกคนนึงสำหรับสารคดีชิ้นนี้ ถ้าศัตรูของเรามันไม่อยากให้สารคดีชิ้นนี้ของเราถ่ายทำสำเร็จ มันอาจคิดปองร้ายคุณไผทก็ได้”
รอยยิ้มไผทจางลง เริ่มซีเรียส
“เมื่อไหร่ไอ้เรื่องร้ายๆ นี่มันจะจบลงซะที นี่พรุ่งนี้พี่แนวก็จะกลับกรุงเทพฯ เพื่อเอาฮาร์ดดิสก์ไปซ่อม เรามาช่วยกันภาวนาให้ซ่อมได้กันเถอะนะครับ”
“อย่าห่วงเลยค่ะ ต่อให้ต้องคุกเข่าสวดมนต์ อ้อนวอนเทพเจ้าสามวันสามคืน ชีฟองก็ยินดี ขอแค่ให้คุณแนวหน้า หาทางซ่อมฮาร์ดดิสก์นั่นได้เท่านั้น”
ไผทมองสีหน้ามุ่งมั่นของชีฟองด้วยความเห็นใจ นึกสงสารในความสิ้นหวังของชาวฮวาซาใต้จับใจ
เช้าวันต่อมาขิงเอาแฟลชไดรฟ์เสียบเข้ากับโน้ตบุ๊คของแนวหน้า โดยมีแนวหน้ายืนกำกับอยู่
“เดี๋ยวขิงเซฟพวกสคริปต์กับเรฟเฟอร์เรนท์สารคดีส่วนที่ยังไม่ได้ถ่ายไว้ดูนะ เวลาพี่นายขอให้ช่วยจะได้ตามได้ทันทีเลย”
“ได้ค่ะพี่แนว” ขิงแซวขำๆ “กลับไปกรุงเทพฯหนนี้พี่ก็มีเรื่องต้องทำอีกเยอะเลยสิ”
แนวหน้าไม่เข้าใจ “ขิงหมายถึงเรื่องอะไร”
“อ้าว! พี่ได้บอกสาวในเน็ตของพี่รึยังว่านายพรหมลิขิตคือพี่ ไม่ใช่คนคนนั้น”
แนวหน้าอึ้งไปนาน ก่อนจะตอบอย่างไม่เต็มใจว่า “ยัง”
“เอ๋า แล้วทำไมไม่รีบบอกไปล่ะ ก่อนที่เค้าจะเข้าใจผิดไปกันใหญ่”
“ไม่มีประโยชน์หรอกขิง พี่ไปละนะ ยังเก็บกระเป๋าไม่เสร็จเลย”
“พี่แนวรู้ได้ยังไงว่ามันไม่มีประโยชน์” แนวหน้าอึ้ง “บางทีขิงก็เคยคิดนะว่า ถ้าขิงกล้าบอกชอบไผทไปตั้งแต่สมัยเรียน ขิงอาจจะไม่ต้องมานั่งเป็นทุกข์แบบนี้ก็ได้ การทำอะไรเพื่อความฝัน ถึงแม้มันจะผิดหวัง แต่ก็ยังดีกว่าที่เราจะไม่ได้ลองทำมันเลยไม่ใช่เหรอ”
แนวหน้าฟังแล้วอึ้ง สีหน้าครุ่นคิดตามคำพูดของขิง
อ่านต่อหน้า 3
น่ารัก ตอนที่ 14 (ต่อ)
ตอนเช้าเห็นไผทเดินมาตามทาง มองซ้ายมองขวามองหาโลลิต้า ทันใดนั้นไผทเห็นนางในรับใช้คนหนึ่งเดินมา ไผทรีบเข้าไปถาม
“เห็นองค์หญิงไหมครับ”
“ไม่เห็นค่ะ”
“แล้วคุณชีฟองล่ะครับ”
“ก็ไม่เห็นค่ะ”
“รู้มั้ยครับว่าเค้าไปไหนกัน”
“เอ่อ...” นางในรับใช้อึกอัก “พี่ชีฟองสั่งไว้ว่าไม่ให้บอกใครค่ะ
“บอกผมหน่อยเถอะครับ ผมมีธุระกับองค์หญิงจริงๆ นะครับ”
ไผทยิ้มหวานแล้วทำหน้าอ้อนทันที นางในรับใช้ใจละลายกับยิ้มเยิ้มของซุปตาร์หนุ่ม
บริเวณริมน้ำตกใต้ต้นไม้ใหญ่ แลเห็นชีฟองถือพานใส่กลีบดอกไม้เดินเข้ามากับโลลิต้าโลลิต้า ชีฟองเดินมาหยุดอยู่ที่ริมน้ำตก
“นี่เพคะองค์หญิง” ชีฟองยื่นพานดอกไม้ถวาย
“ขอบคุณค่ะพี่ฟอง”
โลลิต้ารับพานใส่กลีบดอกไม้มาแล้วนั่งลงคุกเข่าแล้วเตรียมอธิษฐาน
แนวหน้าวิ่งหอบแฮกๆ จนมาถึงปากทางเข้าน้ำตก แนวหน้ายืนทำใจรวบรวมความกล้า
“จริงอย่างที่ขิงพูด พูดดีกว่าไม่พูด ผมเองก็ไม่อยากมานั่งเสียใจในวันหลังว่า เมื่อเรายังมีโอกาส ทำไมเราถึงได้ละทิ้งความหวังนั้นไป ผมจะบอกองค์หญิงโลลิต้าทุกเรื่อง ทั้งเรื่องของนายพรหมลิขิต และเรื่อง... ความรู้สึกของผม”
แนวหน้าถอนใจยาว สีหน้ายังมุ่งมั่น กำลังจะเดินเข้าไปหาโลลิต้า ทันใดนั้นเอง ทหารองครักษ์ก็ออกมายืนขวางไว้หน้าตาดุดัน
“เข้าไม่ได้ครับ”
“ผมมีเรื่องสำคัญจะคุยกับองค์หญิงโลลิต้าครับ ท่านอยู่ที่นี่ใช่ไหม”
“อยู่ครับ แต่ใครก็เข้าไม่ได้ครับ”
แนวหน้าอธิบาย “แต่มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับสารคดีนะครับ ผมต้องรีบกราบทูลองค์หญิงก่อนขึ้นเครื่องตอนสายวันนี้ ขอผมเข้าไปเข้าเฝ้าท่านเถอะครับ”
ทหารองค์รักษ์คิดว่าจะให้เข้าดีมั้ย
ขณะเดียวกัน โลลิต้า กับชีฟองอยู่ตรงริมน้ำตก
โลลิต้าโรยกลีบดอกไม้พร้อมกับกำลังอธิษฐานอยู่ ชีฟองยืนอยู่ห่างจากโลลิต้าไปนิดหน่อย เห็นเท้าผู้ชายคนนึงเดินเข้ามาทางด้านหลังของโลลิต้า และชีฟอง เห็นว่าใครคนนั้นมาหยุดยืนอยู่ตรงด้านหลัง
เสียงไผทดังขึ้น “อธิษฐานอะไรอยู่พะย่ะค่ะ”
โลลิต้า และชีฟองชะงักหันไปมองผู้ชายที่ยืนอยู่ด้านหลัง เห็นว่าเป็นไผท
“คุณไผท”
“คุณเข้ามาได้ยังไงคะ องค์หญิงทรงต้องการความเป็นส่วนพระองค์” ชีฟองพูดเป็นเชิงตำหนิ
“กระหม่อมแอบเข้ามาทางด้านหลังพะย่ะค่ะ ถ้าเข้าด้านหน้ากลัวโดนทหารห้าม... เอ่อ กระหม่อมขอพระราชทานอภัยโทษด้วย แต่กระหม่อมอยากมาร่วมอธิษฐานด้วย อย่ากริ้วเลยนะพะย่ะค่ะ”
ไผทยิ้มให้โลลิต้า โลลิต้าอึ้ง ชีฟองมองอย่างไม่ค่อยสบายใจ กลัวใครมาเห็น
ตรงปากทางเข้าน้ำตก แนวหน้ากำลังอ้อนวอนทหารอยู่
“ผมให้เข้าไปไม่ได้ครับ” ทหารยืนกราน
“ให้ผมเข้าไปเถอะครับคุณทหาร ผมจะคุยเรื่องงานจริงๆ นี่ผมต้องรีบกลับเมืองไทยแล้วด้วย”
“ไม่ได้จริงๆครับ องค์หญิงสั่งไว้...ท่านทรงกำลังอธิษฐานกับเทพเจ้าอยู่ คุณรอตรงนี้แล้วกันนะครับ องค์หญิงออกมาแล้วค่อยคุย”
แนวหน้าถอนใจไม่รู้จะเข้าไปยังไง คิดหนัก
“หรือว่า เวลาและโอกาส มันไม่เคยเปิดสำหรับความรักของผม”
“งั้นไม่เป็นไรครับ ผมไม่รอแล้วก็ได้”
แนวหน้าทำเป็นเดินออกไปให้ลับตาทหาร แล้วหยุดเดินคิด
“หรือว่า...บางทีเราก็ไม่ควรจะรอโชคชะตา นายพรหมลิขิตอย่างผม จะต้องลิขิตชีวิตของตัวเองให้ได้”
แนวหน้าออกวิ่งอ้อมไปอีกทางทันที
ขิงเดินออกมาจากห้องพัก เจอนายพอดี
“ขิง มาพอดี พี่มีเรื่องจะคุยด้วย เชิญข้างล่างหน่อยสิ”
“ค่ะ พี่นาย”
ขิงเอ่ยขึ้น เมื่อสองคนอยู่ตรงมุมหนึ่ง
“พี่แนวมาเกริ่นๆ กับขิงแล้วล่ะค่ะ ว่าจะให้ช่วยดูตอนถ่ายสารคดี”
“ความจริงพี่ก็ไม่อยากจะกวนขิงหรอกนะ แต่อะไรๆ มันวุ่นวายเหลือเกิน ถ้าพี่กำกับเองก็คงทำได้ไม่ดี เพราะคิดโน่นคิดนี่ ไม่มีสมาธิ”
“ขิงเข้าใจค่ะพี่นาย แล้วก็ยินดีที่จะช่วยด้วย อย่าห่วงเลยค่ะ”
นายเปิดคอมพ์ของแนว
“นี่เป็นสคริปต์ของแนวที่จะไปถ่ายคราวหน้า ช่วยดูด้วยนะจ๊ะ แล้วถ้าสงสัยอะไรก็ถามพี่ได้ เดี๋ยวพี่จะไปคุยกับพี่จีจี้ก่อน หมู่นี้รายนั้นก็เครียดๆ ไงไม่รู้ ฝากด้วยแล้วกันนะจ๊ะ”
“ค่ะ พี่นาย”
นายยิ้มขอบคุณก่อนเดินจากไป ขิงคลิกอ่านบทในเฟสบุ๊ค
ไผทยืนข้างๆ โลลิต้า ตรงริมน้ำตก ชีฟองยืนดูอยู่ห่างออกไป
“คุณไผทโรยกลีบดอกไม้พวกนี้ลงในน้ำ พร้อมกับอธิษฐานขอพรนะคะ”
ไผทเอื้อมมือไปหยิบกลีบดอกไม้ในพานแล้วทำตามโลลิต้า
จังหวะนี้ที่มุมหนึ่ง แนวหน้าวิ่งออกมาแล้วชะงักยืนแอบมองโลลิต้ากับไผทที่อธิษฐานขอพรด้วยกัน ทั้งคู่ดูเหมาะสมกันมาก
แนวหน้าบอกตัวเองในใจ “เวลาและโอกาสของผมกับเจ้าหญิงโลลิต้า มันมักจะสวนทางกันเสมอ บางทีผมอาจจะไม่ใช่คนคนนั้นของพระองค์จริงๆ ก็ได้”
แนวหน้ามองภาพนั้นเศร้าๆ ก่อนจะเดินคอตกออกไป
โลลิต้าเดินกลับเข้าห้อง มีชีฟองที่ท่าทางเครียดๆเดนตามเข้ามา
“องค์หญิงเพคะ พี่ชีฟองขอพูดอะไรหน่อยได้มั้ยเพคะ”
โลลิต้าแปลกใจที่เห็นว่าชีฟองท่าทางซีเรียส “มีอะไรเหรอคะ”
“ชีฟองรู้ว่าองค์หญิงรู้สึกยังไงกับคุณไผท แต่การที่ทรงให้ความสนิทสนมอย่างเปิดเผยแบบนั้น ชีฟองว่ามันไม่เหมาะนะเพคะ”
“แต่หญิงก็แค่คุยกันเฉยๆ นะคะ”
“องค์หญิงเป็นถึงมกุฎราชกุมารีแห่งฮวาซาใต้นะเพคะ ทุกการกระทำขององค์หญิงย่อมหมายถึงศักดิ์ศรี และเกียรติยศแห่งบัลลังก์ฮวาซา พี่ชีฟองคิดว่าองค์หญิงควรจะระมัดระวังองค์ให้มากกว่านี้เพคะ”
โลลิต้าอึ้งเข้าใจความหมายของชีฟอง
ขิงอยู่ที่หน้าคอมพ์แนวหน้า อ่านสคริปต์อยู่ สัญญาณว่ามีข้อความเข้าดังตรึ๊งขึ้น ขิงชะงัก พบว่าเจ้าของชื่อ “เด็กน้อยขายไม้ขีดไฟ” ส่งข้อความมา ขิงลังเล มองซ้ายมองขวา ก่อนจะพูดเบาๆ
“ขอโทษนะคะพี่แนว ขิงแค่อยากช่วยพี่แนวบ้าง เท่านั้นเอง”
ขิงคลิกเข้าไปดูข้อความข้างใน
สองคนอยู่ในห้องด้วยกัน นายยื่นเอกสารการถ่ายทำให้จีจี้ดู
“นี่คือแผนการถ่ายพรุ่งนี้นะจี้...เราจะไปถ่ายที่ทุ่งดอกไม้”
จีจี้ไม่ได้สนใจดูเอกสารสักนิด
“เรากลับกรุงเทพฯพร้อมแนววันนี้เลยดีไหมนาย” นายหยุดทันที “รอให้สถานการณ์ที่นี่ดีกว่านี้ เราค่อยกลับมาถ่ายทำต่อ”
“เราไม่มีเวลามากขนาดนั้นนะจี้ สารคดีต้องเสร็จภายใน 1 เดือน”
จีจี้กังวล “แต่ที่นี่ไม่ปลอดภัย จี้กลัว”
“งั้นคุณอยู่เคลียร์เอกสารที่นี่ไหม เดี๋ยวผมไปออกกองแทนคุณเอง”
“ชั้นไม่ได้อยากให้คุณไปออกกองแทนชั้น ชั้นอยากให้เราทุกคนกลับบ้าน”
จีจี้ลงนั่งที่เตียงอย่างเหนื่อยใจเหนื่อยกาย นายอึ้งแล้วเดินเข้าไปนั่งข้างๆ
“อดทนหน่อยนะจี้ อีกไม่กี่คิวเราก็จะถ่ายสารคดีจบ แล้วเราก็จะได้กลับบ้านพร้อมกัน...ผมรับรองว่าจะไม่พาคุณมาเสี่ยงอะไรแบบนี้อีกแล้ว...ผมสัญญา”
อ้อมกอดของนาย ทำให้จีจี้รู้สึกดีมากขึ้น
ส่วนขิงอ่านบล็อกของแนวหน้าต่อ
“นายพรหมลิขิตกับเด็กน้อยขายไม้ขีดไฟ”
ขิงยิ้มอ่านต่อไปเรื่อยๆ
“คุยกันแอบหวานขนาดนี้ แล้วเค้าเข้าใจผิดอะไรตอนไหน”
พอขิงเลื่อนอ่านต่อไปเรื่อยๆ มาเจอข้อความตรงหน้าแล้วถึงกับชะงัก
อ่านออกเสียงว่า “เลิกอ้อมค้อมเถอะค่ะ นายพรหมลิขิต คุณก็รู้เท่าๆ กับที่ชั้นรู้ว่า ชั้นคือเจ้าหญิงโลลิต้า และคุณก็คือคุณไผท ไพศาลี”
ขิงอึ้ง ตกใจสุดขีด “เจ้าหญิง กับ ไผท”
ขิงถึงกับเดินหน้าเหวอออกมาหน้าห้อง เห็นแนวหน้าเดินกลับมา สีหน้าเจ็บปวดแต่พยายามเก็บอาการไว้ ขิงอยากถามเรื่องเกี่ยวกับบล็อก แต่ไม่แน่ใจว่าควรถามดีหรือเปล่า
“อ้าวขิง มาทำอะไรที่นี่”
“พี่นายให้มาดูสคริปต์ ขิงโหลดข้อมูลเสร็จแล้วนะพี่แนว”
“พี่ไปก่อนนะขิง รถจะออกแล้ว พี่ไปเอาของก่อน”
แนวหน้าเดินเข้าไปในห้อง แล้วหยิบสัมภาระข้าวของออกมา
“ฝากดูแลทางนี้ด้วยนะขิง พี่ไปละ”
ขิงมองแนวหน้าจะเดินออกไปแล้ว ตัดสินใจพูด
“พี่แนว เมื่อกี้ขิงอ่านบล็อกที่พี่คุยกับ...องค์หญิงแล้ว”
แนวหน้าชะงักหันมองหน้าขิงอย่างตกใจ กระเป๋าร่วงจากมือ
“ความจริงขิงไม่ได้ตั้งใจจะเสียมารยาท ขิงแค่อยากจะช่วย ก็เลยได้รู้ว่า คนที่ทำให้พี่แนวเสียใจขนาดนี้...คือองค์หญิงโลลิต้า”
แนวหน้าอึ้ง ก่อนตัดสินใจพูด “มันไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรหรอกขิง อย่าใส่ใจเลย”
“สำคัญสิ ก็พี่แนวชอบท่าน แล้วยังปล่อยให้ท่านทรงคิดว่าพี่คือไผทได้ยังไง”
“คนบางคนมันก็ไม่ได้มีวาสนาพอที่จะมีความรักดีดีอย่างคนอื่นเค้า อย่าสนใจพี่เลยขิง เดี๋ยวพี่ก็ตัดใจได้ พี่ไปล่ะนะ”
แนวหน้าเดินถือข้าวของออกไปเศร้าๆ ขิงมองตามไปด้วยความเห็นใจ
อ่านต่อตอนต่อไป
น่ารัก ตอนที่ 14 (ต่อ)
แนวหน้าถือกระเป๋าและสัมภาระที่จะกลับกรุงเทพฯ เดินตรงมาที่รถทหาร
เสียงปิแอร์ทหารพลขับที่เคยไปรับครั้งแรกเดินมาหา “ผมช่วยครับ”
แนวหน้าเงยหน้าขึ้น ดีใจ “อ้าว คุณปิแอร์”
ปิแอร์ยิ้มแฉ่ง ตะเบ๊ะแนวหน้า
“ท่านราอูลทรงรับสั่งให้ผมตามไปอารักขาคุณที่กรุงเทพฯครับพ้ม!” ปิแอร์ตะเบ๊ะอย่างขึงขัง
“ห๊ะ”
“เชิญขึ้นรถเลยครับพ้ม! เดี๋ยวจะไปขึ้นเครื่องไม่ทันครับพ้ม”
ปิแอร์เดินนำแนวหน้าขึ้นรถ แนวหน้ามองตามอย่างเหวอๆแล้วตามขึ้นรถ
รถค่อยๆ เคลื่อนตัวห่างจากวังฮวาซาใต้เรื่อยๆ แนวหน้าที่อยู่ในรถหันกลับไปมองวังอย่างอาลัยรู้สึกเหมือนจะไม่ได้กลับมาอีกแล้ว เขาหยิบปิ่นปักผมของโลลิต้าขึ้นมามองด้วยความคิดถึง
ภาพเหตุการณ์ต่างๆ ผุดซ้อนขึ้นมาในความคิดราวสายน้ำไหล ตั้งแต่เจอครั้งแรกตอนแย่งขนม / ตอนเขาทำความเคารพโลลิต้าในฐานะองค์หญิงแล้วเงยหน้าขึ้นมาสบตากัน / ตอนถ่ายทำสารคดีที่ได้อยู่ใกล้ชิดโลลิต้า / จนถึงตอนที่โลลิต้าหลับซบไหล่แนวหน้าในถ้ำพันปี
“ผมตัดสินใจได้แล้วว่า ผมจะหยุดความรู้สึกทั้งหมดที่มีต่อองค์หญิงไว้ที่ตอนนี้ เพื่อที่จะไม่ต้องเสียใจอีกต่อไป บางทีการกลับกรุงเทพฯ คราวนี้ คงทำให้ผมหายวุ่นวายใจไปได้บ้าง ลาก่อนฮวาซาใต้ และ...เจ้าหญิงโลลิต้า”
แนวหน้าเจ็บปวดเหลือแสนที่ต้องตัดใจจากโลลิต้า
ขิงเดินออกจากห้องแนวหน้าสีหน้าครุ่นคิด เจอไผทเดินยิ้มแก้มแทบแตกเข้ามาหา
“ขิง พี่แนวไปแล้วเหรอ”
“จ้ะ ไปเมื่อกี้นี่เอง” ขิงมองหน้า “ไปไหนมาน่ะไผท หน้าตาแจ่มใสเชียว”
“ไปไหว้บูชาเทพกับองค์หญิงมา ขอพรให้กู้ฮาร์ดดิสก์สำเร็จ ทุกอย่างที่เราถ่ายไปยังอยู่รอดปลอดภัย”
ขิงชะงักรู้เลยว่าแนวหน้าไปเจอภาพบาดตา “มิน่า...”
ไผทงง “มิน่าอะไร”
“เปล่า ไม่มีอะไร หิวรึยังไผท หาอะไรกินกันเถอะ”
“เออขิง เดี๋ยว ขิงพอจะมีหนังสืออะไรให้ผมอ่านบ้างมั้ย”
“หนังสือ” ขิงฉงน ที่คนเกลียดหนังสืออย่างไผทถามหาหนังสือ
“วรรณกรรม นิยาย นิทานเด็ก อะไรก็ได้”
“เกิดอะไรขึ้นมา จะอ่านหนังสือ ปกติไผทขี้เกียจอ่านจะตายไม่ใช่เหรอ”
ไผททำหน้าเมื่อย “ก็องค์หญิงน่ะสิ ชอบคุยเรื่องหนังสืออยู่เรื่อย คงจะทรงเข้าใจว่าผมชอบอ่านหนังสือ เวลาทรงถามอะไร ผมก็ตอบไม่ค่อยได้เลย อายท่านน่ะ”
ขิงอึ้ง “หรือว่า...ท่านจะทรงโปรดคนชอบอ่านหนังสือ”
ไผทบอกซื่อๆ “นั่นสิ แต่ไม่เป็นไร ผมจะพยายามอ่านก็ได้ ถ้าขิงเอาหนังสืออะไรติดมา ก็ขอยืมหน่อยนะจ๊ะ ปะ ไปกินข้าวกันเถอะ ผมหิวจนแสบท้องแล้ว”
ไผทเดินนำไป ขิงมองตามเริ่มคิดว่า หรือโลลิต้าจะชอบแนวหน้า?
แนวหน้าตีรถจากสุวรรณภูมิเข้าบ้าน แต่รถติดอยู่บนถนนยาวเหยียด ปิแอร์มองออกจากรถว่าทำไมรถถึงไม่ขยับไปไหนเลย แล้วทนไม่ไหว เปิดประตูลงไปดู ก่อนจะกลับเข้ามา
“ทำไมรถไม่ขยับเลยล่ะครับ..มีอุบัติเหตุอะไรรึเปล่า”
“ไม่ได้มีอะไรหรอกคุณปิแอร์…กรุงเทพฯก็รถติดเป็นปกติ นี่มัน Rush Hour ด้วย”
“โอ้โห ปกติ ถ้าปกติเป็นแบบนี้ แล้วพวกคุณยังเฉยๆ กันอยู่ได้เนี่ย ผมว่าคนกรุงเทพฯผิดปกติกันแล้วล่ะครับ”
คนขับแท็กซี่มองหน้าปิแอร์
แนวหน้าเห็นด้วย “เออ จริงว่ะ”
“ผมว่าเราลงเดินกันดีกว่ามั้ยครับ มันอาจจะเร็วกว่านั่งรถก็ได้”
ปิแอร์ทำท่าจะเปิดประตูลง แนวหน้าจับไว้
“ใจเย็นๆ ครับ ใจเย็น นั่งก่อน ข้างนอกมันร้อน เดินไม่ไหวหรอก เดี๋ยวก็ถึง”
ปิแอร์ท่าทางทนทุกข์ทรมานถึงที่สุด
ในที่สุดแนวหน้าลงจากรถแท็กซี่ จ่ายเงิน อีกด้าน ปิแอร์ลงมาหน้าซีดเผือดเหมือนจะเป็นลม
“นี่แหละบ้านผม เอากระเป๋าไปเก็บก่อน แล้วค่อยไปหาช่างไก่เพื่อนผม เอาดิสก์ไปซ่อม”
ขณะแนวหน้าออกเดิน เห็นปิแอร์ล้มลง ก็ตกใจ
“คุณปิแอร์ เป็นอะไรไป”
“ผม...ปวดหัว...จะอ้วก”
“เฮ้ย!”
“คุณแนวหน้า รถแท็กซี่คันนั้นต้องเป็นคนร้ายแน่ๆ มันรมแก๊สพิษเราสองคน ผมได้กลิ่น มันจะฆ่าเรา” ทหารคนซื่อวิ่งจู๊ดไปอ้วกหลังพุ่มไม้
แนวหน้ามองอย่างสงสาร “ไม่ใช่หรอกคุณ นั่นมันกลิ่นแก๊สติดรถยนต์ธรรมดา พอดีรถติดนานไปหน่อย คุณก็เลยเวียนหัว”
ปิแอร์ตาค้าง “ธรรมดา รถติดก็ปกติ รถติดแก๊สพิษก็ยังธรรมดาอีก โอ๊ย คนกรุงเทพฯนี่น่ากลัวสุดๆแล้ว”
ปิแอร์ทำหน้าสยอง กลัวเกรงชาวกรุงมากๆ
แนวหน้ากำลังกดกริ่งรัวๆอยู่ที่หน้าบ้านช่างซ่อมคอมพิวเตอร์ที่สนิทกัน ปิแอร์ยืนอยู่ใกล้ๆ
แนวหน้าตะโกนเรียก “พี่ไก่! พี่ไก่!”
บ้านยังเงียบไม่มีใครมาเปิดประตูให้
“ไปไหนของเค้าวะ” แนวหน้ากดกริ่งเรียกอีก แต่ก็ไม่มีใครมาเปิดประตู
“นี่คือบ้านของช่างที่จะซ่อมฮาร์ดดิสก์ให้เราใช่มั้ยครับ” ปิแอร์ถาม
“ใช่ ฮาร์ดดิสก์เนี่ย ไม่ใช่ใครๆ ก็ซ่อมได้ ต้องเป็นศูนย์ซ่อมใหญ่ๆ เท่านั้น แล้วช่างไก่เนี่ย ก็เป็นมือดีที่สุดทางด้านนี้”
“ถ้างั้นปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผมเองครับ”
ปิแอร์พับแขนเสื้อดูทะมัดทะแมง แนวหน้ามองงๆ ว่าปิแอร์จะทำอะไร ทันใดนั้นเองปิแอร์เดินถอยหลังไป 2-3 ก้าว แล้ววิ่งเทคตัวกระโดนปีนรั้วบ้านทันที
แนวหน้าตาเหลือก “เฮ้ย คุณจะทำอะไร!”
“ก็ปีนไปตามคนชื่อไก่มาให้คุณแนวไงครับ หน้าที่ของผมคือทำทุกอย่างเพื่อให้ฮาร์ดดิสก์กลับมาอยู่ในสภาพที่ปกติ”
“โอ๊ยๆๆ ไม่ต้อง เดี๋ยวก็โดนจับเข้าคุกก่อนซ่อมได้หรอก เดี๋ยวผมโทร.หาเค้าเอง…ลงมาๆ”
แนวหน้าดึงปิแอร์ลงมา ปิแอร์มองแนวหน้างงๆ
แนวหน้าหยิบมือถือขึ้นมาแล้วกดโทร.หาพี่ไก่
“ฮัลโหล พี่ไก่ อยู่ไหนเนี่ย หา! ฮ่องกง พาลูกเมียไปเที่ยวอีก 2 วันกลับ” แนวหน้าเซ็ง “ผมเพิ่งกลับมาถึงกรุงเทพฯ พี่ มีเรื่องด่วนที่สุดเลยด้วย เอางี้ พี่กลับมาถึงบ้านเมื่อไหร่โทรบอกผมเลยนะ จะให้ช่วยดูฮาร์ดดิสก์ให้หน่อย สวัสดีครับ”
แนวหน้าวางสายอย่างหงุดหงิด
“เขาไม่อยู่บ้านเหรอครับ” แนวหน้าพยักหน้ารับรู้ “แล้วเราเอาไงต่อครับ”
“ก็นั่นน่ะสิ จะเอาไปซ่อมที่ไหนดีนะ” แนวหน้าคิด “เอางี้ ลองไปอีกที่ก็แล้วกัน”
แนวหน้าทำท่าจะเดิน ปิแอร์ดึงแขนไว้หน้าเสีย
“เราต้องไปนั่งอยู่กลางถนนอีกแล้วเหรอครับ ที่ติดเมื่อกี้ ผมทำคลอดลูกวัวได้ 3 ตัวเลยนะครับ”
แนวหน้าปัดมือเดินต่อ ปิแอร์เดินตามหน้าละห้อย
ที่ร้านรับซ่อมคอมพิวเตอร์ร้านใหญ่ แนวหน้าเดินมากับปิแอร์อย่างมีความหวังแล้วพากันชะงัก เห็นที่ร้านติดป้าย “หยุดสงกรานต์ 12-18 เม.ย.”
แนวหน้าแทบช็อก “หา ร้านปิด 12-18 นี่มันวันที่เท่าไหร่เนี่ย”
ปิแอร์บอก “12 ครับ”
“เหลืออีกตั้ง 6 วัน ตาย...ตายแน่ๆ ผมลืมไปได้ยังไงเนี่ยว่ามันเป็นช่วงสงกรานต์”
“แล้วทีนี้ เอาไงครับ ทำไงต่อ”
แนวหน้าทำหน้าสิ้นหวัง
“สงกรานต์แบบนี้ ไปศูนย์ใหญ่ที่ไหนก็คงปิดหมด เอางี้ กลับไปตั้งหลักที่บ้านก่อนก็แล้วกัน แล้วค่อยคิดดูว่าจะทำยังไงต่อไปดี” แนวหน้าควักยาดมขึ้นมา “อ่ะ ผมซื้อมาฝาก ไปขึ้นรถ”
แนวหน้าเดินออกไป ปิแอร์ตาเหลือก
“นี่ ต้องนั่งรถอีกแล้วเหรอเนี่ย” ปิแอร์หยิบยาดมมาดู แล้วสูดปื้ดใหญ่ อยากตาย
โลลิต้านั่งอยู่ที่หน้าโน้ตบุ๊คส่วนตัว กำลังพิมพ์ข้อความหานายพรหมลิขิตที่คิดว่าคือไผทอยู่
“นอนหรือยังคะคุณไผท”
ชีฟองเดินถือแก้วนมอุ่นเข้ามา มองโลลิต้าที่นั่งอยู่หน้าคอมพ์อีกแล้ว
“คุยกับคุณไผทอีกแล้วเหรอเพคะ เมื่อเช้าก็คุยกันไปตั้งนาน กลางคืนยังจะคุยอีกเหรอเพคะ”
“หญิงก็แค่ทักทายเท่านั้นแหละค่ะ”
ชีฟองยื่นนมให้ “บรรทมเถอะเพคะ พรุ่งนี้ต้องไปออกกองแต่เช้า”
โลลิต้ารับนมมาดื่ม แล้วมองที่จอคอมพ์ว่าทำไมไผทไม่ตอบข้อความมาเหมือนเคย
เช้าวันใหม่ แนวหน้าเดินงัวเงียลงมาจากบ้าน แต่ไม่ได้มองพื้นสะดุดอะไรสักอย่างล้มหน้าแทบคว่ำ
“โอ๊ย”
แนวหน้าหันมามองพบว่าที่ตัวเองสะดุดคือปิแอร์ที่นอนอยู่ในถุงนอนทหารโผล่มาแต่หัว ปิแอร์ลุกขึ้นมางงๆ
“เฮ้ย! ขอโทษครับ ผมไม่เห็น แล้วทำไมมานอนตรงนี้ละครับ เมื่อคืนผมบอกให้นอนในห้องนี่”
ปิแอร์ลุกขึ้นมายืนตะเบ๊ะทั้งชุดนอนอย่างจริงจัง
“หน้าที่ของผมคือปกป้องคุณและฮาร์ดดิสก์ให้ดีที่สุดครับผม นอนตรงนี้ถ้าใครเข้ามาก็จะได้เห็นได้ก่อน ครับผ๊ม”
แนวหน้ามองในความซื่อของปิแอร์ ส่วนปิแอร์เก็บถุงนอนแล้วเดินเอาของขึ้นไปเก็บชั้นบนอย่างแข็งขัน แนวหน้าเดินไปที่โต๊ะทำงานเปิดคอมพ์ตัวเองขึ้นมาดู เห็นว่าโลลิต้าส่งข้อความมาจึงเปิดอ่าน
“นอนหรือยังคะคุณไผท” แนวหน้าชะงักทันที บอกตัวเองในใจ
“ไม่นะ ผมต้องไม่ตอบ ไม่อย่างนั้น ผมคงไม่มีวันตัดใจจากองค์หญิงได้”
แนวหน้าถอนใจ พับโน้ตบุ๊คลงเหมือนเดิม ก่อนเดินจากไป
ส่วนโลลิต้าแต่งตัวเรียบร้อย นั่งมองจอคอมพ์ คาใจว่าทำไมไผทถึงไม่ตอบอะไรกลับมาเลย
“ทำไมเค้าถึงไม่ตอบนะ เป็นอะไรไปรึเปล่า”
โลลิต้าครุ่นคิดก่อนลุกขึ้นจะลงไปดูไผท นางในหญิงรับใช้
“องค์หญิง เชิญเสด็จเถอะเพคะ รถพร้อมแล้วเพคะ”
โลลิต้าพยักหน้า พับโน้ตบุ๊คตัวเองลงแล้วเดินออกจากห้องไป
เช้าวันเดียวกัน เห็นจีจี้ยืนแต่งตัวอยู่หน้ากระจก นายนายเดินที่ด้านหลังจีจี้แล้วจับบ่าจีจี้ไว้
“ไหวแน่นะจี้”
จีจี้พยักหน้า
“งั้นยิ้มหน่อยสิ” นายจับแก้มจีจี้ให้ยิ้ม
“ผมธูลท่านธูลแล้วนะ ถ้าวันนี้เราถ่ายได้เยอะ ผมจะขอพักกองแล้วกลับไปกรุงเทพฯ อย่างที่คุณขอ”
จีจี้ดีใจ “จริงเหรอนาย”
นายพยักหน้า จีจี้โผเข้าไปกอดเขาด้วยความดีใจ
“กลับบ้านไปพักสักอาทิตย์ แล้วค่อยกลับมาสู้กันใหม่นะ”
นายพยักหน้า ทั้งคู่กอดกันกลม
“จ้ะ รีบไปนะ เดี๋ยวผมจะเก็บกระเป๋ารอคุณที่นี่”
รถตู้ทีมงานสารคดี จอดรอหน้าวัง 2 คัน โลลิต้าลงมามองหา แปลกใจที่ไม่เจอชีฟอง
“เอ๊ เซลีน พี่ชีฟองหายไปไหน”
“นั่นสิเพคะ เดี๋ยวเซลีนไปตามมานะเพคะ”
เซลีนเดินไปตามหาชีฟอง ไผทเดินเข้ามา ยิ้มทัก
“บรรทมสบายดีไหมพะย่ะค่ะองค์หญิง”
“ค่ะ สบายดี แล้วคุณไผทล่ะคะ”
“ง่วงๆ นิดหน่อยพะย่ะค่ะ พอดีเมื่อคืน กระหม่อมอ่านหนังสือจนดึก หนังสือสนุกจริงๆ พะย่ะค่ะ วางไม่ลงเลย”
โลลิต้าถอนใจโล่งอก ยิ้มออกที่รู้ว่าไผทแค่ไม่ได้เปิดคอมพ์ดู ไม่ใช่ป่วยอย่างที่คิด
ขิงเดินเข้ามาสมทบ แล้วทำความเคารพ แล้วยื่นสคริปต์กับคิวถ่ายทำให้โลลิต้า พูดแมนๆ
“นี่สคริปต์สำหรับถ่ายทำวันนี้พะย่ะค่ะ เอ๊ย! เพคะองค์หญิง”
โลลิต้าเปิดดูแล้วตกใจ “โอ้โห บทพูดยาวขนาดนี้ หญิงต้องจำไม่ได้แน่เลย”
“อ้าว ปกติองค์หญิงก็พูดบทยาวได้ไม่ใช่เหรอพะย่ะค่ะ” ไผททักท้วง
“อันนั้นคุณแนวหน้าเค้าปล่อยให้หญิงพูดไปตามความเข้าใจของหญิงเองน่ะค่ะ”
ขิงชะงักแล้วเก็บสคริปต์ “อ้อ งั้นไม่ต้องใช้ก็ได้เพคะ ทำแบบที่พี่แนวเคยทำก็ได้”
เซลีนรีบเดินเร็วรี่เข้ามาหา
“องค์หญิงเพคะ พี่ชีฟองไม่ค่อยสบายเพคะ เมื่อกี้เซลีนไปพบกำลังอาเจียนอยู่ บอกว่าเหมือนอาหารจะเป็นพิษเพคะ”
“ตายจริง! ส่งหมอหลวงไปดูแลรึยัง”
“พี่ชีฟองบอกไม่ต้องเพคะ เดี๋ยวจะออกมา ไปกองถ่ายกับองค์หญิงด้วย ฝากกราบทูลขอประทานอภัยโทษเพคะ”
“ถ้าอย่างนั้น เดี๋ยวรถทีมงานจะล่วงหน้าไปเซ็ตอะไรๆรอก่อนนะเพคะ ไม่ต้องรีบก็ได้เพคะ” ขิงบอก
ไผทยิ้ม “เดี๋ยวเจอกันนะพะย่ะค่ะ” แล้วออกไปกับขิง
“ไปเซลีน เราไปดูพี่ชีฟองกันดีกว่า”
ทุกคนนั่งอยู่ในรถพร้อมแล้ว จีจี้เอ่ยขึ้น
“วันนี้พี่นายเค้าอยู่จัดการเรื่องตั๋วเครื่องบินนะ ถ้าพวกเราถ่ายเสร็จวันนี้ เราก็จะได้กลับบ้านไปพักกันละ”
“ดีฮะ ขิงเริ่มเป็นห่วงที่ร้านแล้ว เรามาช่วยกันทำงานวันนี้ให้เต็มที่นะฮะพี่จี้”
“ได้เลย”
จีจี้หันมาหาพร้อมยื่นมือออกมา ขิงประสานมือ ไผทเซ็ง เพราะไม่อยากกลับ แต่ก็ต้องยื่นมือมาประสาน
สองสาวร้อง “ไฟท์ติ้ง”
รถตู้ของทีมงานสารคดีกำลังขับมาตามทาง 2 คัน เหมือนมีอะไรถูกโรยอยู่บนพื้นถนน สิ่งนั้นคือตะปูเรือใบที่โรยไว้เต็มถนน เห็นรถนำขบวนกำลังขับใกล้เข้ามาที่ตะปูเรือใบที่โรยบนพื้น ภาพล้อรถ บดทับบนตะปูเรือใบ
ในรถขิง ไผท และ จีจี้ กำลังหัวเราะร่าเริงกัน คนขับรถหน้าตาตกใจ หักพวงมาลัยอย่างแรง
“ระวังครับ”
ทุกคนตกใจตัวเหวี่ยงไปตามรถ คนขับหักพวงมาลัยซ้ายขวาไปมา คนนั่งตัวเหวี่ยงไปมาอย่างแรง
“ว้าย...” จีจี้กรีดร้องสุดเสียง
รถพุ่งเข้าใส่ต้นไม้ใหญ่ข้างทางโครมใหญ่ ยางแบนแต๊ดแต๋ รถตู้จอดนิ่งสนิท ทุกอย่างไม่เคลื่อนไหวใดๆ คนในรถไม่รู้เป็นหรือตาย
อ่านต่อตอนที่ 15