เพลงรักผาปืนแตก ตอนที่ 3
รถขนผู้ต้องขังจอดรออยู่หน้าประตูใหญ่ของเรือนจำ โดยมีเจ้าหน้าที่เรือนจำพร้อมอาวุธครบมือ ยืนเฝ้ายู่ไม่ห่าง
ทันทีที่ประตูเหล็กเปิดออก ฟ้าลั่นที่มือและเท้ายังมีโซ่ตรวนพันธนาการอยู่ ก็ถูกผู้คุมเรือนจำ พา ตัวออกมา
“จะพาผมไปเลี้ยงโต๊ะจีนที่ไหนเหรอครับผู้คุม”
ฟ้าลั่นทำหน้าตายียวน
“จะพาย้ายไปอยู่เรือนจำอื่นต่างหาก”
“ก็ดีเหมือนกัน บอกตรงๆนะ อาหารที่นี่ เทให้หมากินหมามันยังเมินเลย”
จบประโยค ผู้คุมก็กระชากคอเสื้อของฟ้าลั่นด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว “ถ้าแกยังปากเก่งอยู่อีกล่ะก็ ที่เรือนจำใหม่แกจะได้กินแต่เศษอาหารที่ไว้เลี้ยงหมูทุกมื้อแน่”
จากนั้นฟ้าลั่นก็ถูกเจ้าหน้าที่ช่วยกันล็อกแขนแล้วลากขึ้นรถขนผู้ต้องขัง ก่อนที่รถจะเคลื่อนตัวออกไป
ยอดเลี้ยวรถบรรทุกจอดเอี๊ยดเข้าที่ข้างทาง เพลิงรีบลงจากรถอย่างหงุดหงิด
“เอ็งลงมาจากรถเดี๋ยวนี้เลยไอ้ยอด ข้าบอกให้เอ็งลงมา”
ยอดลงจากรถอย่างหัวเสีย
“เอ็งจะโวยวายใส่ข้าทำไมวะ ถ้าข้าไม่บุกไปช่วยเอ็ง ป่านนี้ไอ้เจ้ากรรมนายเวรของ เอ็ง มันคงยิง เอ็งทิ้งไปแล้ว”
เพลิงถอนหายใจเฮือกใหญ่ “แต่เอ็งทำให้ทุกอย่างแย่ลง ข้าแค่จำเป็นต้องซื้อเวลาให้ผู้กอง ไม่ไปยุ่งกับพวกเราที่อู่”
“ข้ารู้ว่าเอ็งคิดจะหลอกผู้กองว่าเอ็งรู้เรื่องของไอ้ลายเสือ แต่ข้าไม่เชื่อว่าเอ็งจะหาทางเอาตัวรอด จากไอ้ผู้กองมาได้ แล้วมันก็เป็นอย่างที่ข้าคิดจริงๆ”
“แต่เอ็งก็ไม่น่าทำแบบนี้” เพลิงยังไม่ยอมแพ้ “ตอนนี้ผู้กองสมานเลยยิ่งมองข้าเป็นอาชญากรร่วม มือกับพวกนั้น”
“เออ ข้าผิดที่เป็นห่วงเอ็ง แต่จะมาโทษข้าคนเดียวไม่ได้ เอ็งต้องโทษเทวดาบนฟ้านั่นด้วย ที่ไม่เคย ช่วยคนดีๆอย่างเอ็ง ปล่อยให้โดนเข้าใจผิดว่าเป็นคนเลวอยู่ได้ซ้ำๆซากๆ ชีวิตเอ็งไม่มีทางให้เลือกอีกแล้วนะเว้ย ไอ้เพลิง ข้าถึงไม่ยอมให้เอ็งกลับไปให้สวรรค์กลั่นแกล้ง ไปให้ไอ้ผู้กองหมาบ้านั่นจับเอ็งโยนเข้าคุกอีก”
เพลิงค่อยใจเย็นลง
“แต่ข้าไม่อยากหนีไปไหน ข้ายังต้องสืบหาฆาตกรตัวจริงที่ฆ่าฟ้างาม”
“ข้าก็ไม่ได้ขอให้เอ็งหยุดเรียกหาความยุติธรรม ช้าเร็วยังไงสักวันเอ็งก็ต้องหาความจริงเจอ แต่ถ้า เอ็งยังอยู่ใกล้ไอ้ผู้กองนั่น เอ็งจะไม่มีโอกาสเลย”
เพลิงนิ่งมองเพื่อนสีหน้าหนักใจครุ่นคิดอย่างจริงจัง ยอดเลยตัดสินใจยัดกุญแจรถสิบล้อ ใส่มือเพลิง
“ข้าพูดอะไรมีสาระมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว กบาลข้ามันเริ่มจะมึน เอาเป็นว่าจากนี้ไป เลือกชีวิต เอ็งเอาเอง จะกลับไปให้สวรรค์กลั่นแกล้ง หรือจะเสี่ยงไปตายเอาที่ขุมนรกข้างหน้า”
เพลิงนิ่งมองกุญแจรถในมือแล้วมองหน้ายอดอย่างตัดสินใจ
รถเรือนจำขนนักโทษขับมาตามถนนตามหลังรถตำรวจที่ขับคุ้มกันโดยมีตำรวจอยู่ในรถ 2 นาย
ครู่ใหญ่ รถเรือนจำก็เบรคเอี๊ยดอย่างแรง เพราะรถตำรวจซึ่งขับนำหน้าถูกรถสิบล้อขับเข้ามาพุ่งชนจนไถลออกไป ที่ข้างทาง ควันโขมง
ชายฉกรรจ์ 2 คน ที่รับค่าจ้างจากลายเสือ รีบลงจากรถ พร้อมกราดปืนเอ็ม 16 ยิงใส่ตำรวจที่ ยังไม่ทันตั้งสติ จนตำรวจในรถตายคาที่
ฟ้าลั่นนั่งอมยิ้มชอบใจในขณะที่เสียงปืนเอ็ม 16 ข้างนอกดังไม่หยุด เจ้าหน้าที่ 2 คนหน้าตื่น พลางกำปืนแน่น
“แกเฝ้ามันไว้ ฉันจะลงไปจัดการมันเอง”
เจ้าหน้าที่คนแรกบอก พร้อมกับรีบเปิดท้ายรถ แล้วถือปืนออกไปร่วมมือกับคนขับรถที่กำลัง ตั้งป้อมยิงต่อสู้กับชายฉกรรจ์ทั้ง 2 คนที่พยายามจะเข้ามาช่วยฟ้าลั่น เสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหว ในที่สุดชายฉกรรจ์ 2 คน ก็กราดปืนยิงใส่คนขับรถเรือนจำและเจ้าหน้าที่คนแรก ตายคาถนน ขณะที่บนรถเหลือเพียงฟ้าลั่นกับเจ้าหน้าที่อีกคน
เจ้าหน้าที่คนที่สอง เห็นทุกคนถูกฆ่าตายหมดก็หน้าเครียด พลางยกปืนขู่ฟ้าลั่น
“บอกพวกแกให้ถอยไป ไม่งั้นแกโดนระเบิดสมองกระจายแน่”
ฟ้าลั่นไม่ฟังเสียง แถมยังทำหน้ากวน ก็เลยโดนเจ้าหน้าที่เอาปืนกระแทกหน้า จนชะงักเลือดซิบๆที่มุมปาก
ทันใดนั้นชายฉกรจ์ 2 คนก็เข้ามาเปิดประตูท้ายรถ แล้วยกปืนเล็งไปที่เจ้าหน้าที่ ที่ยอมจำนน ทิ้งปืน แล้วชูมือยอมแพ้ จากนั้นก็รีบไขกุญแจมือปลดโซ่ตรวนพันธนาการฟ้าลั่นทั้งมือทั้งเท้าอย่างกลัวตาย
แต่เมื่อฟ้าลั่นก้าวลงจากรถ ชายฉกรรจ์ 2 คน ก็หันกลับมากราดยิงใส่ จนเจ้าหน้าที่ตายคาที่
ลายเสือตบบ่าชายฉกรรจ์ทั้ง 2 คนที่ไปช่วยฟ้าลั่นกลับมาได้อย่างชื่นชม ต่อหน้าฟ้าลั่น
“สมแล้วที่ไอ้คมแนะนำว่าฝีมือพวกเอ็งมันไร้ที่ติ ลูกชายข้าถึงได้รับอิสรภาพกลับมาโดย ไม่มี แม้แต่รอยขีดข่วน งั้นรางวัลพิเศษที่ข้าเตรียมไว้ให้ พวกเอ็งก็รับไปได้เลย”
ลายเสือหันไปพยักหน้า ไอ้คมกับพรรคพวก ก้าวออกมาพร้อมกับกราดยิงใส่ชายฉกรรจ์ทั้ง 2 คน กระสุบนับสิบพรุนร่างจนคนหนึ่งตายคาที่ ส่วนอีกคนนอนพะงาบๆ
ฟ้าลั่นเดินเข้าไปที่ชายคนที่นอนพะงาบแล้วชักปืนออกมาจ่อ
“ขอบใจมากสำหรับอิสรภาพที่พวกเอ็งช่วยเอาใส่พานมาให้ข้า”
จากนั้นฟ้าลั่นก็ดับชีวิตมันด้วยกระสุนปืนในมือ แล้วหันไปสั่งพวกลูกน้อง
“พวกเอ็งเตรียมอาวุธให้พร้อม ข้าจะไปตามล่าไอ้เชน เชิงพระกาฬ มันต้องชดใช้ที่ทำให้ ข้าต้อง ติดคุก”ลูกน้องยืนนิ่ง ไม่มีใครแสดงปฏิกิริยาพร้อมทำตามคำสั่งสักคนเดียว ลายเสือเดินเข้ามาพลางจ้องหน้าลูกชายเขม็ง
“ต่อไปนี้เอ็งไม่มีสิทธิ์สั่งอะไรใครอีกแล้ว ทุกคนจะฟังแต่คำสั่งข้าคนเดียวเท่านั้น”
พูดจบลายเสือ ก็เดินออกไป ทิ้งให้ฟ้าลั่นยืนอึ้งขบกรามแน่น ด้วยความเจ็บใจ ก่อนจะรีบวิ่งตามลายเสือไปที่รถจิ๊ป
“พ่อหักหน้าผมต่อหน้าพวกมันทำไม แล้วต่อไปหน้าไหนจะฟังผม”
“นี่แกยังไม่เข้าใจอีกเหรอ แกหาเรื่องเดือดร้อน จนทำให้ฉันต้องเสี่ยงเข้ามาที่นี่ ทั้งๆที่ฉันควรจะ ปล่อยให้แกโดนตัดสินโทษประหารไปด้วยซ้ำ”
“ผมรู้อยู่แล้วว่าพ่อไม่ทำ เพราะผมคือทายาทคนเดียวของราชายาเสพติด 3 แผ่นดิน”
ฟ้าลั่นพูดจบ ลายเสือก็ซัดหมัดเข้าหน้าเต็มๆ
“ต่อให้แกเป็นทายาทคนเดียวของฉัน แต่ถ้าความบ้าบิ่นมุทะลุของแก ทำให้ธุรกิจที่ฉันสร้างมา ด้วยเลือดเนื้อของสหายนับร้อยต้องป่นปี้ ฉันก็จะไม่เอาแกไว้”
ฟ้าลั่นได้ฟังก็ถึงกับอึ้ง แต่ไม่วายพูดต่อ
“พ่อ แต่ฉันต้องแก้แค้นไอ้เชน”
“ความแค้นของแกยังไงก็ต้องสะสาง แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ เพราะแกทำให้ฉันถูกรุมหมายหัว ไอ้พวก กองกำลัง ที่มันจ้องจะเล่นงานฉัน มันเลยออกอาละวาดเตรียมแย่งพื้นที่ฝิ่น ถ้าไม่รีบกลับไปสะสางล่ะก็ เราจะไม่ เหลืออะไร”
ระหว่างนั้นไอ้คมก็เข้ามารายงานข่าว
“นายครับ คนของผมเพิ่งส่งข่าวมาว่า ไอ้เพลิงกับไอ้ยอดมันหนีไปแล้ว รู้เส้นทางที่มัน กำลังใช้หนี ด้วย นายจะให้ผมตามไปปิดปากมันมั้ย”
ลายเสือนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง “เอ็งไม่ต้องไปเองหรอก เรายังมีภารกิจใหญ่ที่ต้องกลับไปสะสาง”
“งั้นผมจะส่งลูกน้องตามไปเช็คบิลมัน จะได้มั่นใจว่ามันไม่ปากโป้ง”
ลายเสือพยักหน้ารับ แล้วหันมาที่ฟ้าลั่น
“หมดเวลาสนุกของแกแล้ว ถ้าต่อไปนี้ แกทำให้ฉันมั่นใจไม่ได้ ว่าแกพร้อมเป็นตำนาน ราชา ยาเสพติด 3 แผ่นดินคนใหม่ ฉันก็จะไปสนับสนุนคนที่มันพร้อมแทนแก”
ลายเสือขู่จริงจังใส่แล้วเดินไปขึ้นรถจี๊ป ฟ้าลั่นนิ่งไปครู่ก่อนจะหันไปมองหน้าไอ้คมอย่างไม่ค่อยไว้ ใจ ก่อนจะเดินตามพ่อไปขึ้นรถอย่างว่าง่าย
ที่วัดผาปืนแตก ซึ่งเป็นวัดแห่งเดียวประจำหมู่บ้าน เป็นวัดเก่าแก่น่าศรัทธา กำนันปราบกำลัง สั่งการให้จัดมาตั้งสำรับถวาย ประกอบไปด้วยหมูเห็ดเป็ดไก่ชุดใหญ่ ระหว่างนั้น ชาติกับเนื้อทอง ก็เดินตามหลวงพ่อสินกับพระลูกวัดเข้ามาเพื่อจะรับเพล
“นี่อะไรกันน่ะกำนัน อย่าบอกนะว่าที่เห็นอยู่เนี่ย จะถวายเพลอาตมา”
“ใช่ครับ วันนี้ผมตั้งใจทำบุญใหญ่ หลังจากหลวงพ่อฉันอิ่มแล้ว ก็ว่าจะขอหลวงพ่อ เอาอาหารที่ เหลือ ไปแจกจ่ายให้พวกชาวบ้านต่อ”
หลวงพ่อสินพยักหน้า พลางมองมาทางลำดวนกับวัลภา
“นี่น่ะเหรอเมียใหม่กับลูกเลี้ยงของกำนัน ได้ยินชาวบ้านเขามาเล่าให้ฟัง จะจัดงานแต่ง พร้อมกับ ไอ้ชาติมันเลยใช่มั้ย”
“ครับหลวงพ่อ นี่ลำดวนกับวัลภา แต่งงานแล้วก็จะเป็นลูกบ้านผาปืนแตก เลยพามาฝากเนื้อ ฝากตัวกับหลวงพ่อด้วย”
ลำดวนกับวัลภาก้มกราบหลวงพ่อสิน
“เจริญพรเถอะโยม บ้านผาปืนแตกยินดีต้อนรับ”
เชนขี่มอเตอร์ไซค์ผ่าเข้ามากลางลานวัด ก่อนจะจอดเอี๊ยดต่อหน้าไอ้เชิดกับพวก ที่ยืนเฝ้าอยู “ไอ้เชน”
ไอ้เชิดจ้องหน้าเชน ขณะที่มือก็แตะปืนที่เหน็บเอวเตรียมพร้อมรับมือ
“จุ๊ๆ ใจเย็นๆสิวะไอ้เชิด ที่นี่มันวัดนะเว้ย แค่เอ็งพกปืนเข้ามามันก็ไม่เหมาะไม่ควรแล้ว”
เชนทำเสียงยียวน
“สำหรับเอ็งจะในวัด นอกวัดมันก็มีค่าเท่ากัน ถ้าคิดจะมาก่อกวนกำนันล่ะก็ ตายเหมือนหมาได้ ทั้งนั้น”
“ข้าไม่ได้มาก่อกวน แต่ข้ามีธุระกับกำนัน”
พูดพลาง เชนก็ขยับตัวจะเดินเข้าไปในวัด ไอ้เชิดกับพวกลูกน้องเลยชักปืนออกมาจ่อหน้า เชนกลับยิ้มมุมปาก แบบไม่กลัวเกรง
“กำนันมาทำบุญคงไม่ได้อยากได้บาปเป็นของแถม เพราะดันมีลูกน้องโง่ๆ สะเออะทำเรื่องโง่ๆ เพราะหวังเลียเจ้านาย ข้ามาตัวเปล่าถ้าไม่เชื่อก็ค้นตัวได้”
ไอ้เชิดมองอย่างสงสัย ก่อนจะสั่งการให้ลูกน้องเข้าไปค้นตัว แล้วก็พบว่าเชนไม่มีอาวุธมาจริงๆ
จากนั้นเชนก็เดินเข้ามาบนศาลาโดยมีพวกไอ้เชิดตามหลัง ขณะที่ด้านบนการทำบุญกรวดน้ำเพิ่งแล้วเสร็จ
ชาติเห็นเชนเดินมา ก็ลุกพรวดทันที
“ไอ้เชนนี่เอ็งกล้าเข้ามาหาเรื่องถึงในวัดเลยเหรอวะ”
พูดพลางจะปรี่เข้าไปหาเอาเรื่อง แต่ถูกเนื้อทองยื้อแขนไว้
“อย่านะชาติ อย่ายุ่งกับเขา”
ชาติบีบมือเนื้อทองเต็มแรง
“เธอนั่นแหละที่อย่ามายุ่ง ฉันเหลืออดกับมันเต็มทนแล้ว วันนี้ฉันต้องกระทืบมันต่อหน้าเธอให้ได้”
“ไอ้ชาติ” กำนันปราบเรียกลูกชายเสียงดัง “ทำอะไรเกรงใจหลวงพ่อมั่งสิเว้ย”
“เอ่อผมขอโทษครับกำนัน ขอโทษครับหลวงพ่อ” ไอ้เชิดรีบอธิบาย” ไอ้เชนมันบอก มีเรื่อง จะคุยกับกำนันให้ได้ ผมก็เลยต้องพามันเข้ามา ไม่งั้นมันอาจจะหาเรื่องก่อกวนงานบุญ”
กำนันปราบหรี่ตามองเชนอย่างสงสัย
“หวังว่าเรื่องที่เอ็งอยากคุย คงไม่ใช่สันดานเกเรอยากเอาชนะหรอกนะไอ้เชน”
“เอาล่ะๆ” หลวงพ่อรีบลุกขึ้นมาตัดบท “คนบ้านเดียวกัน ปัญหาของไอ้เชนกับไอ้ชาติ อาตมารับรู้ มานานแล้ว ไหนๆก็มาถึงวัด ถ้าจะคุยก็คุยกันต่อหน้าอาตมานี่แหละ มันจะได้จบ”
เชน กับชาติหันไปมองหลวงพ่อ แล้วนิ่งมองหน้ากันเองไปมาท่ามกลางความกังวลของเนื้อทอง
“ว่าไงนะ เอ็งอยากสงบศึกกับไอ้ชาติ”
กำนันปราบแทบไม่เชื่อหู เมื่อได้ยินเจตนาของเชน ที่พูดต่อหน้าหลวงพ่อสิน ชาติ รวมถึงเนื้อทอง
“ใช่แล้วกำนัน ก็ในเมื่อเนื้อทองเป็นคนตัดสินใจเลือกไอ้ชาติเป็นสามี ฉันก็ต้องตัดใจยอมรับ ความจริง ดีกว่าทุรนทุรายไปให้ซังกะตาย”
เนื้อทองเอง ก็ถึงกับอึ้ง เพราะไม่คิดว่าเชนจะพูดตัดพ้ออย่างไร้เยื่อใย ขณะที่ชาติชี้หน้า แล้วโวยวายเสียงดัง
“แต่ข้าไม่เชื่อเอ็งหรอกเว้ยไอ้เชน อย่างเอ็งเนี่ยจะยอมให้ข้า”
กำนันปราบ หันขวับมาทางลูกชาย
“ไอ้ชาติ อย่าให้มันมากไปกว่านี้ นี่มันในโบสถ์ต่อหน้าหลวงพ่อนะเว้ย ทุกอย่างที่พูดกันวันนี้ หลวงพ่อจะเป็นพยาน”
หลวงพ่อสิน ยิ้มอย่างใจดี
“เรื่องของทางโลกมันไม่ใช่กิจของสงฆ์หรอก แต่เพราะข้าเห็นหน้าพวกเอ็งเข้าๆออกๆ วัดนี้ มา ตั้งแต่ด็กกันทุกคน ก็คิดซะว่าจะทำอะไรก็ให้เกรงใจอาตมาแล้วกัน”
“งั้นเอาล่ะ เจตนาของเอ็งข้าพอจะเข้าใจ” กำนันปราบ พยักหน้าให้เชน ก่อนจะหันมาพูดกับเนื้อทอง
“ว่าไงล่ะเนื้อทอง”
เนื้อทองชะงัก มือไม้สั่น น้ำตาคลอ ด้วยความเจ็บปวด แต่ต้องทนเก็บและฝืนความรู้สึก เชน ก็รู้สึกเจ็บปสดไม่ต่างกัน
“บอกมันไปสิเนื้อทอง เธอดีใจที่ไอ้เชนจะไม่มายุ่งกับเธออีก”
ชาติหันมาออกคำสั่งกับเนื้อทอง
“ฉันดีใจที่เธอตัดใจจากฉันได้ซะทีนะ เชน”
“และเธอก็ดีใจด้วย ที่เธอจะได้ฉันเป็นผัว”
ชาติดึงเนื้อทองมาโอบแล้วบังคับให้พูด เนื้อทองแทบอยากระเบิดความรู้สึกออกมา แต่เท่าที่ทำได้ก็เพียงแค่พยักหน้ารับ
เชนกำหมัดแน่น อย่างข่มอารมณ์ พลางฝืนยิ้ม
“ฉันก็ดีใจถ้าทางที่เธอเลือกจะทำให้เธอมีความสุข”
กำนันปราบพยักหน้า
“ก็ดี ถ้าเอ็งตัดใจได้ แล้วเลิกมาวอแวกับลูกสะใภ้ข้า ข้าก็พร้อมรับคำขอโทษจากเอ็ง ยืนยัน ต่อหน้าหลวงพ่อนี่แหละ”
เชนยกมือไหว้“ขอบใจจ้ะกำนัน ในเมื่อกำนันเป็นผู้ใหญ่ ไม่คิดติดใจเอาความเด็ก งานแต่งงาน ของกำนันกับลูกชาย ฉันจะยกวงดนตรีไปเล่นให้ฟรี ถือเป็นของขวัญวันแต่งงาน”
“ไอ้วงเชียร์รำวงของเอ็งเนี่ยนะ” ชาติเบ้ปาก “ข้าไม่อยากได้มาเป็นของขวัญวันแต่งหรอกเว้ย”
“ไอ้ชาติ เกิดเป็นลูกผู้ชาย ถ้ามันสุภาพบุรุษมาแบบนี้ เอ็งก็ต้องเป็นสุภาพบุรุษกลับไป ตกลง ให้หลวงพ่อ เป็นพยานว่าผู้ใหญ่อย่างข้าจะไม่เอาเรื่องเด็กอย่างเอ็ง”
เชนนิ่ง พลางหันไปมองหลวงพ่อสินอยู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินจับมือกับกำนันแล้วบีบแน่น
“อย่างเอ็งเนี่ยนะจะยอมเสียหน้าไปสงบศึกกับไอ้ชาติ”
ครูประสิทธิ์ ก็ดูท่าไม่เชื่อว่าในสิ่งที่ลูกชายเล่า
“ก็ใช่น่ะสิพ่อ สงครามระหว่างฉันกับไอ้ชาติที่พ่อเป็นห่วงนักห่วงหนา มันจบลงแล้ว”
“ข้าไม่เชื่อเว้ย บอกมาเลยนะว่าเอ็งวางแผนอะไรอยู่”
“แผนอะไรที่ไหนล่ะ ไม่มี” เชนปฏิเสธ
“มันต้องมีสิวะ ไม่งั้นเอ็งจะเสนอตัวไปเล่นดนตรีถึงในงานแต่งของพวกนั้นทำไม”
“ก็เป็นของขวัญวันเกิดให้พวกเขาไง”
ครูประสิทธิ์ใช้ทรัมโบรินเคาะหัวเชน
“นี่แนะ ถ้าบอกว่าเอาลูกปืนไปเป็นของขวัญให้พวกมัน ข้ายังจะเชื่อมากกว่า”
“นี่ถ้าฉันพูดอะไรแล้วพ่อไม่เชื่อแบบนี้ หัวฉันคงต้องแตกเลือดอาบแน่ เอางี้แล้วกัน ถ้าชั้นพูดไป พ่อก็ไม่เชื่อ ก็ไปถามพวกน้าๆดูก็แล้วกัน”
และเมื่อครูประสิทธิ์ไปคาดคั้นเอาความจริงจากแสนกับจิก ก็ได้รับคำตอบเดียวกัน
“จริงจ้ะครู ไอ้เชนมันมาชวนพวกฉันให้ไปเล่นดนตรีงานแต่งกำนันกับไอ้ชาติจริงๆ”
“แน่ใจนะว่าพวกเอ็งแค่ไปเล่นดนตรี”
จิกใช้มือเกาเท้ายิกๆ
“แหมครู แค่ไปเล่นดนตรีถึงรังของพวกมันนี่ก็คันเท้ายิกๆอยากสำแดงฤทธิ์ เตะเสนียด สักป้าบ สองป้าบอยู่แล้ว”
“นั่นไง อยากหาเรื่องแบบนี้ แล้วจะให้ข้าเชื่อได้ไง”
จิกชะงัก รู้ตัวว่าผลอพูดอะไรที่เป็นพิรุธออกไป เลยหันไปส่งสัญญาณให้น้อยช่วย
“โอ้ย ครูจะไปฟังคำพูดไอ้จิกมันทำไม เชื่อฉันดีกว่า ฉันนี่แหละที่เป็นคนบอกไอ้เชน มันเองว่าเกิด เป็นสุภาพบุรุษต้องรู้จักเสียสละเพื่อคนที่เรารัก”
เชนพยักหน้า “ใช่จ้ะพ่อ ใช่เลย ฉันเป็นสุภาพบุรุษพอ ที่จะปล่อยให้เนื้อทองมีความสุข อย่างที่เขา เลือก”
ครูประสิทธิ์ นิ่งมองเชนกับน้อยอย่างครุ่นคิด แต่ยังไม่ค่อยไว้ใจ
ที่ร้านกาแฟของสำรวย พ่อของน้ำค้าง ซึ่งเป็นร้านที่ทุกคนในบ้านผาปืนแตก มักมานั่งกินกาแฟ หรือไม่ก็โอเลี้ยงเป็นประจำ
เชนรับเครื่องดื่มที่สำรวยเพิ่งจะชงเสร็จ 3 แก้วแล้วยกมามาเสิร์ฟให้น้อย แสนและจิกถึงโต๊ะ
“มาแล้วจ้าอันนี้โอเลี้ยงยกล้อของน้าจิก อันนี้กาแฟเย็นของน้าน้อย อันนี้นมเย็นของน้าแสน เต็มที่เลยนะน้าๆ อยากกินอะไรอีกก็บอก เดี๋ยวไอ้เชนจัดให้เต็มที่”
น้อยแกล้งมองค้อน
“เอ็งไม่ต้องมาทำเป็นเอาอกเอาใจพวกข้าเลยไอ้เชน ดูสิ ข้าเลยต้องบาปหนาผิดศีลมุสา โกหกครู อีน้อยขอโทษด้วยนะจ๊ะครู”
พูดพลางหันไปยกมือไหว้ท่วมหัว
“ฉันขอโทษจริงๆนะจ๊ะน้า ถ้าจะบาปก็ขอให้บาปมาตกที่ฉัน”
จิกยิ้มให้เชนอย่างใจดี
“เอาเถอะๆ เอ็งไม่ต้องมารู้สึกผิด ที่พวกข้ายอมช่วย ก็เพราะแผนฉุดเนื้อทองที่เอ็งวาง ไว้กับวัลภา นั่นแหละ ถ้าทำสำเร็จได้พาเนื้อทองหนีไปจากผาปืนแตกได้ พวกข้าก็ดีใจ”
“ต้องสำเร็จสิน้า” เชนพูดอย่างมั่นใจ “มีสายคอยเป็นหูเป็นตาให้แบบนี้ ไอ้ชาติมันไม่ได้แอ้ม เนื้อทองหรอก”
“จะว่าไป ไอ้ที่นังหนูวัลภายอมมาเสี่ยงกับเอ็งด้วยเพราะอะไรวะ”
จู่ๆ แสนก็ถามขึ้นมา
“เห็นว่าเกลียดพ่อเลี้ยง แล้วก็ไม่อยากอยู่ที่ผาปืนแตกน่ะน้า”
“งั้นเอ็งก็ต้องพานังหนูวัลภาหนีไปด้วยกันน่ะสิ”
ยังไม่ทันที่เชนจะตอบ เสียงของน้ำค้างก็แทรกสอดเข้ามา“ใครจะหนีไปไหนกันเหรอจ๊ะพี่เชนจ๋า”
ทางด้านลำดวนกำลังเอาชุดสวยๆหลายชุดมาทาบตัววัลภา
“ชุดนี้ดูธรรมดาไป เอาชุดนี้ดีกว่า แต่ก็ยังไม่เข้าท่า หรือจะเอาชุดนี้”
“เอาชุดนี้แหละ” วัลภาตัดบท “สวยน้อยหน่อย จะได้ไม่กลบรัศมีความสวยของเจ้าสาวตัวจริง อย่างแม่”
ระหว่างนั้นวัลภาก็มองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นเนื้อทองเดินลับๆล่อๆ อยู่ที่สวน ก็ให้นึกสงสัยว่า เนื้อทองจะไปไหน
ลำดวนเงยหน้าจากกองเสื้อผ้า ก็ไม่เห็นวัลภาอยู่ในห้องแล้ว
เพลงรักผาปืนแตก ตอนที่ 3 (ต่อ)
น้ำค้างพยายามเข้ามานั่งเบียดใกล้ๆกับเชน อย่างมีจริต
“ว่าไงล่ะจ๊ะพี่เชน ฉันได้ยินแว่วๆว่าพี่จะหนี อย่าบอกนะ ว่าพี่จะทิ้งผาปืนแตกไปอีก ไม่นะ ฉันไม่ยอมให้ พี่เชนไปไหนอีก ไม่ยอมจริงๆด้วย”
น้อยเห็นแล้วหมั่นไส้เลยแกล้งทำเป็นหยิบกาแฟเย็นมาดูด แต่จงใจเทหกรดใส่น้ำค้าง
“อุ๊ยตาย มือลื่น กาแฟหกหมดเลย”
“พี่น้อย นี่พี่จงใจแกล้งฉันเหรอ” น้ำค้างโวยวายเสียงดัง
“แกล้งอะไร ข้ามือลื่น”
“พี่อย่ามาสะตอ พี่อิจฉาฉัน เพราะผัวพี่น่ะแก่ใช้การไม่ได้ เลยอยากจะเคี้ยวเด็ก อย่างพี่เชนบ้าง ใช่มั้ยล่ะ”
“นังน้ำค้าง” น้อยโกรธจนมือไม้สั่น “ชักจะมากไปแล้วนะเอ็ง ไอ้เชนน่ะข้าช่วยเลี้ยงมันมาตั้งแต่ ตัวกะเปี๊ยก มันเหมือนลูกเหมือนหลานข้าเว้ย”
“ ใช่” แสนพูดพลางตบโต๊ะเสียงดัง “แล้วที่เอ็งมาดูถูกข้าว่าแก่จนใช้การไม่ได้น่ะ เอ็งอยากลองดู มั้ยล่ะ ข้าจะชวนเอ็งไปตั้งปี๊บให้ข้าเตะ”
“ข้าขอไปด้วยนะเว้ย จะช่วยเตะนังน้ำค้าง เอ้ยเตะปี๊บ”
“พี่เชน ดูสิ น้ำค้างถูกรุม”
เชนลอบถอนหายใจ อย่างนึกรำคาญ
“พวกน้าๆเขาก็แหย่เล่นไม่มีอะไรหรอก แล้วพี่ก็ไม่ได้คิดจะหนีไปไหนด้วย น้ำค้างน่าจะได้ยินจาก คนในวงแล้วนี่ ว่าพี่จะยกวงไปเล่นงานในแต่ง”
“จริงนะจ๊ะพี่เชน งั้นงานนี้ ฉันขอขึ้นเวทีด้วยนะ”
เชนตอบว่า “ได้” ขณะที่ทั้งน้อย แสนและจิก พูดพร้อมกันว่า “ไม่ได้”
“จะดีเหรอวะไอ้เชน ให้นังนี่โผล่ไปงานด้วยเนี่ยนะ” แสนเอียงหน้าไปกระซิบถาม
“ก็ดีกว่ามานั่งสงสัยฉันแหละน้า เอาไปด้วยเผื่อมีประโยชน์”
น้อยยิ้มดีใจ
“ถ้าพี่เชนอนุญาตฉันก็จะไป เพราะฉันอยากไปทำให้เนื้อทองเห็นว่า ไม่มีเนื้อทองแล้ว ก็มีฉันนี่แหละที่จะช่วยดูแลพี่เชนเอง”
น้ำค้างพูดพลางเอียงคอซบไหล่เชนทำเป็นออเซาะสุดฤทธิ์
ขณะที่เนื้อทองเดินมาหยุดนิ่งมองรางรถไฟที่ทอดยาวไปไกลจนสุดลูกหูลูกตา น้ำตาค่อยๆ เอ่อ ออกมาอย่างเจ็บปวด ระหว่างนั้นวัลภาเดินเข้ามาจากอีกทาง พลางพยายามมองหา จนกระทั่งเห็นเนื้อทองยืน อยู่ตรงรางรถไฟ จังหวะเดียวกับที่รถไฟขบวนหนึ่งกำลังวิ่งมาจากอีกทาง วัลภารีบวิ่งเข้าไปเรียกสติเนื้อทองใกล้ๆ
“เนื้อทองอย่าไปยืนตรงนั้น เดินออกมาเถอะ”
เนื้อทองหันกลับมามอง
“วัลภา ? เธอตามฉันมาทำไม”
“นี่เธอ อย่าทำอะไรโง่ๆแบบนี้นะ มีอะไรคุยกับฉัน ปรึกษาฉันก็ได้”
เนื้อทอง ยิ้มทั้งน้ำตา
“ขอบใจนะวัลภา แต่เราเพิ่งรู้จักกัน เรื่องของฉัน เธอคงไม่เข้าใจหรอก”
“ฉันเข้าใจเธอและรู้เรื่องของเธอหมดแล้ว ฉันพร้อมจะเป็นเพื่อนคุยกับเธอจริงๆนะ”
พูดพลางมองไปเห็นรถไฟเข้าใกล้มาเรื่อยๆ เลยตัดสินใจเข้าไปยืนที่รางรถไฟ คู่กับเนื้อทอง พลางจับมือเธอไว้แน่น
“ถ้าเธอไม่เดินออกไป ฉันก็จะไม่ไปเหมือนกัน และเธอก็จะไม่รู้เรื่องของเชนจากฉัน”
เนื้อทองมองวัลภาด้วยสีหน้าแปลกใจสงสัย ในขณะที่เสียงหวูดรถไฟดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ สองสาวนิ่งสบตากัน กระทั่งขบวนรถไฟวิ่งผ่านไป จนหมดขบวน
วัลภากับเนื้อทองยืนจับมือกันอยู่ที่ริมทางรถไฟ
“เธอรู้เรื่องอะไรจากเชนเหรอวัลภา”
เนื้อทองถามเข้าประเด็น ทันทีที่ทั้งคู่เดินมานั่งคุยกันที่เพิงข้างทาง ท่ามกลางทุ่งหญ้าเขียวขจี
“ไม่ได้รู้อะไรหรอกจ้ะ นอกจากได้ยินมาว่าเชนกำลังซ้อมเพลงสำหรับมาร้องให้เธอฟังในงานแต่ง”
เนื้อทองชะงัก “ว่าไงนะ งั้นเมื่อกี้นี้เธอก็”
วัลภายิ้มเจื่อนๆ เนื้อทองถึงกับน้ำตาซึม พลางขยับตัวจะเดินออกไป วัลภาเลยรีบตามไปรั้งไว้ต่อ
“เดี๋ยวสิเนื้อทอง ฉันขอโทษ ฉันจำเป็นต้องโกหก เพราะไม่อยากให้เธอคิดสั้น”
“เรื่องของฉันเธอคงรู้จากปากพวกชาวบ้านมาบ้างแล้วใช่มั้ย พวกเขาพูดกันว่าฉันเป็นนางวันทอง เป็นผู้หญิงมากผัว แต่นั่นมันยังไม่ทำให้ฉันเสียใจเท่ากับ ฉันทำร้ายเชน ด้วยตัวฉันเอง”
วัลภามองหน้าเนื้อทองอย่างเข้าใจ
“แต่ฉันว่าเชนเขาเข้าใจเธอนะ คนอย่างนั้นต้องไม่นิ่งเฉยแน่”
เนื้อทองหันมาสีหน้าสงสัย จนวัลภาเริ่มอึกอัก พลางคิดถึงตอนที่เธอปรึกษากับเชนเรื่องแผนการล้มงานวิวาห์
“ตกลง แผนการนี้ พี่เอากับน้องด้วย” เชนพูดเสียงเข้ม “ว่าแต่ว่า พี่อยากให้น้องส่ง ข่าวให้เนื้อทอง รู้ว่า พี่จะไม่ทอดทิ้งเธอ”
“ไม่ได้ ถ้าเนื้อทองรู้ว่านายวางแผนไปฉุดล่ะก็ เนื้อทองอาจจะทำให้แผนแตกได้ ฉันเป็นผู้หญิง ด้วยกัน ฉันเข้าใจดี ถ้าเนื้อทองรู้เรื่องนี้ก่อน ความดีใจของเนื้อทองจะแสดงออกมาทางสีหน้า แววตา จนทำให้พวกนั้นสงสัย”
“หมายความว่าพี่ต้องโกหก ต้องพูดจาทำร้ายจิตใจเนื้อทอง”
วัลภาพยักหน้า“ก็ถ้าอยากสำเร็จ นายก็ต้องทำตามที่ฉันบอก”
วัลภามองหน้าเนื้อทอง แล้วจำเป็นต้องพูดปด
“คือฉันหมายความว่า ความรักมันเป็นเรื่องซับซ้อน กว่าที่คนเราจะรักกันได้มันก็ต้อง ผ่านเรื่อง ยากลำบากมาด้วยกัน ความรักถึงจะมั่นคงแข็งแรง”
“ท่าทางเธอจะรู้จักความรักดีนะวัลภา”
วัลภาส่ายหน้า
“ไม่หรอก พวกผู้ชายเวลามันเจอฉันด่าเปิง มันก็กลัวชั้นหัวหดกันหมด ส่วนที่พูดไปน่ะ ฉันจำเอา มาจากในหนังละครมากกว่า”
เนื้อทองเริ่มยิ้มออก “ขอบใจนะที่เธอพยายามปลอบใจฉัน”
วัลภาเข้าไปจับมือเนื้อทองมาบีบให้กำลังใจ
“เพราะฉันเห็นว่าเธอเป็นคนดี ที่ไม่ควรจะอยู่ในบ้านหลังนั้น รับปากฉันนะว่าเธอ จะไม่ทำแบบนี้ อีก”
เนื้อทองพยักหน้ารับ
เชนเดินไปเดินมาอยู่ข้างๆกองฟางด้วยความร้อนใจ ระหว่างนั้นวัลภารีบเดินอย่างระมัดระวัง เพราะกลัวใครเห็น
“เนื้อทองเป็นไงบ้าง”
“เจอคำพูดของนายเข้าไป ก็เกือบจะฆ่าตัวตายน่ะสิ”
เชนถึงกับตกใจ “ว่าไงนะ”
พลางรีบผละจากวัลภาจะออกไป วัลภาเลยต้องรีบรั้งไว้
“เดี๋ยวๆ นายห้ามไปหาเนื้อทองเด็ดขาดนะ ไม่งั้นแผนที่วางไว้แตกแน่ เรื่องเนื้อทองน่ะ ฉันช่วย ปลอบใจจนเลิกคิดสั้นแล้ว”
จังหวะนั้นเชนได้ยินเสียงบางอย่างเลยรีบเข้าไปไปเอามือปิดปากวัลภา
“มีคนมา หาที่หลบก่อน”
เชนพาวัลภามาหลบที่หลังกองฟาง ขณะที่ไอ้ตุ่น ลูกน้องของชาติที่พาสาวชาวบ้านนุ่งกระโปรง สั้นกุดมาจู๋จี๋
“ทุเรศ อุบาทว์ลูกตาที่สุด ฉันไปล่ะนายเชน”
วัลภาทนดูไม่ได้ ขยับจะเดินออกไป แต่เผลอทำเสียงดัง เพราะบังเอิญไปเหยียบเศษกระเบื้อง
“เฮ้ย นั่นใครวะ”
ไอ้ตุ่นตะโกนถามเสียงดัง เชนตกใจ พลางรีบคว้าตัววัลภามาโอบเอาไว้ แล้วเอามือปิดปาก พร้อมทำเสียงนกกลบเกลื่อน
ครู่หนึ่งไอ้เชิดลูกน้องกำนันปราบ ก็พาสาวนุ่งมินิสเกิร์ตมาจู๋จี๋ที่กองฟางบ้าง
“บ้าชะมัดเลย คนที่ผาปืนแตกชอบพาผู้หญิงมาจู่จี๋กันที่กองฟางหมดเลยเหรอ”
วัลภาเริ่มหงุดหงิด
“ไม่ใช่แค่ที่นี่ที่เดียวหรอก ที่อื่นก็เป็น ไม่งั้นในหนังในละครจะเอาไปลอกเลียนแบบเหรอ”
“ไปทางนั้นก็ไม่ได้ ไปทางนี้ก็ไม่ได้ แล้วจะให้ทำยังไงเนี่ย”
เชนยิ้มกวน
“ก็คงต้องตีตั๋วหน้าจอดูหนังสดไปจนกว่าจะฉายจบนั่นแหละ น้องสาว”
วัลภาตกใจ “หา”
เอื้อมเดือน กำลังง่วนอยู่กับกองหนังสือพิมพ์เป็นตั้ง พลางก้มหน้าก้มตา อ่านข่าวที่เป็นข่าวเกี่ยว กับเพลิงเมื่อหลายปีก่อนอย่างตั้งใจ
“นักร้องหนุ่มไนท์คลับ ฆ่าโหดลูกสาวนักการเมืองดัง”
ขณะที่เพลิงหลบซุ่มอยู่ในโรงสีร้าง พลางนั่งหน้าเครียด สักพักยอด ที่เพิ่งปลดทุกข์เสร็จ ก็เดินเข้ามาหา
“นี่เอ็งยังไม่นอนอีกเหรอวะ ขับรถมาทั้งวันไม่เหนื่อยเหรอไง”
“เอ็งง่วงก็นอนเถอะ ข้ายังไม่ค่อยง่วง”
ยอดถอนหายใจ
“เออ ไอ้เพลิง แล้วอีกไกลมั้ยวะกว่าจะถึงบ้านผาปืนแตก”
“ถ้าวิ่งตามทางปกติป่านนี้ก็คงถึงแล้ว แต่ข้าต้องวิ่งออกนอกเส้นทางอ้อมให้ไกลที่สุด เลี่ยงไม่ให้ ทั้งตำรวจ ทั้งคนของไอ้ลายเสือตามเจอ”
“งั้นพรุ่งนี้ ข้าก็คงต้องนั่งปวดตูดอยู่บนรถอีกแล้วสิวะ”
ยอดบ่นพลางล้มตัวลงนอนที่ข้างกองไฟ ขณะที่เพลิงนั่งนิ่ง แววตาเหมือนหมดอาลัยกับชีวิต
ขณะที่เอื้อมเดือน กำลังสนใจกับข่าวคดีของเพลิงตามหนังสือพิมพ์ พลางครุ่นคิดอย่างสงสัย ระหว่างนั้นได้ยินเสียงผู้กองสมานกลับเข้ามา พร้อมกับลูกน้อง เอื้อมเดือนรีบเอาหนังสือพิมพ์ทั้งหมดไปเก็บไว้ที่ลิ้นชักไม่ให้พี่ชายเห็น แต่ด้วยความรีบร้อน จึงเผลอทำฉบับหนึ่งที่ตกพื้น
ผู้กองสมานเข้ามาในบ้าน ก็เห็นน้องสาวยืนอยู่
“ทำอะไรอยู่ ทำไมยังไม่นอน”
“เดือนทำกับข้าวไว้รอพี่กลับมากินจ้ะ”
ผู้กองสมานยิ้มกว้าง
“เหรอ ดีเหมือนกัน วันนี้วุ่นแต่ตามคดีจนข้าวปลาไม่ได้กินเลย”
“งั้นเดี๋ยวเดือนไปอุ่นกับข้าวให้นะจ๊ะพี่”
เอื้อมเดือนเดินออกไป ผู้กองสมานไปนั่งที่โซฟา พลางหันไปหยิบเหยือกน้ำมารินใส่แก้ว แต่ขณะที่กำลังยกแก้วดื่ม ตาก็เหลือบไปเห็นหนังสือพิมพ์เก่าตกอยู่ที่พื้น เมื่อหยิบขึ้นมา เห็นพาดหัวข่าว ของเพลิงก็ชะงัก
จากนั้นก็เดินถือหนังสือพิมพ์เข้ามาหาเอื้อมเดือน ที่กำลังจัดสำรับอยู่ ด้วยความไม่พอใจ
“นี่มันอะไรกันน่ะเดือน บอกมาว่าแกไปฟังมันเป่าหูอะไร มันถึงทำให้แกไม่เชื่อพี่”
เอื้อมเดือน ส่ายหน้า
“เขาไม่ได้เป่าหูเดือน แล้วเขาก็ไม่เคยพูดถึงพี่ด้วย”
“งั้นแกเอาข่าวของมันมาอ่านทำไม อยากรู้อยากเห็นเรื่องของมันทำไมอีก”
“เพราะเท่าที่เดือนคุยกับเขา ได้คลุกคลีรู้จัก เดือนไม่รู้สึกว่าเขาจะเป็นฆาตกรได้เลยน่ะสิ”
ผู้กองสมาน จ้องหนาน้องสาวนิ่ง “เดือนคิดว่าพี่ใช้อคติตัดสินคนงั้นเหรอ”
“เปล่านะพี่สมาน เดือนไม่ได้คิดแบบนั้น แต่เดือนวิเคราะห์ดูจากข่าวที่อ่าน เดือนว่าคดีของ นายเพลิง มันยังคลุมเครือ หลักฐานว่าเขาฆ่าฟ้างามก็ไม่ชัดเจน”
“พอได้แล้วเดือน” ผู้กองสมานตะคอกเสียงดัง “เดือนรู้จักมันก็แค่ผิวเผิน คนอย่างไอ้เพลิง มันปลิ้นปล้อน เล่นละครออดอ้อนให้คนสงสารเก่ง เหมือนอย่างอาชีพนักร้องของมันนั่นแหละ .รู้ไว้ด้วยนะ ว่า มันเพิ่งร่วมมือกับพวกราชาค้ายาเสพติด ฆ่าเจ้าหน้าที่เรือนจำ ช่วยนักโทษประหารให้หนีไปได้ อย่างนี้เหรอ ที่แก จะไม่ให้พี่ใช้อคติตัดสินมัน”
เอื้อมเดือน ได้ยินก็ถึงกับตกใจ “จริงเหรอพี่สมาน”
“ก็ที่พี่มัวแต่วุ่นวายทั้งวันจนข้าวปลาไม่ได้กิน ก็เพราะตามล่ามันอยู่นี่แหละ แต่ที่ทางการไม่ให้ เป็นข่าวครึกโครม เพราะอยากให้มันตายใจ”
พูดจบผู้กองสมาน ก็เดินออกไป ทิ้งให้เอื้อมเดือน ยืนอึ้งอย่างรู้สึกผิด
ผู้กองสมานเดินออกมานั่งที่โซฟาอย่างหัวเสีย เอื้อมเดือนตามออกมา แล้วมานั่งข้างๆ พลางจับมือพี่ชาย
“เดือนขอโทษจ้ะพี่ พี่ก็รู้จักนิสัยเดือน ไม่ใช่ว่าเดือนหัวแข็งไม่เชื่อพี่ แต่เดือน”
“พี่รู้ว่าเราน่ะเป็นคนเจ้าเหตุผล ถึงได้เหมาะกับอาชีพหมอไง”
เอื้อมเดือนพยักหน้า
“ก็ใช่น่ะสิ เดือนกับพี่ถึงได้ชอบเถียงกันไง คนนึงเจ้าอารมณ์ อีกคนก็เจ้าเหตุผล”
“ก็เพราะพี่เป็นห่วงเรานะ เหลือกันอยู่แค่สองคนพี่น้อง”
เอื้อมเดือน ยิ้มให้พี่ชาย
“แต่เดือนเป็นห่วงพี่มากกว่า พี่เป็นตำรวจ ต้องเจอเรื่องเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายทุกวัน เดือนก็เลยกลัว ว่า ถ้าพี่ใช้แต่อารมณ์บ่อยๆ วันนึงถ้าเดือนไม่อยู่คอยดูแลพี่ พี่จะขาดคนช่วยรั้ง”
“พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง เดือนจะไปไหน”
เอื้อมเดือนมองหน้าพี่ชายแล้วตัดสินใจหยิบจดหมายที่วางอยู่บนโต๊ะหน้าโซฟายื่นให้สมานดู
“จดหมายตอบรับให้เดือนไปเป็นแพทย์อาสาจ้ะพี่สมาน”
“แพทย์อาสา ? นี่เดือนไปยื่นทำเรื่องไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่”
“สักพักใหญ่ๆแล้วจ้ะพี่ พอดีเพื่อนเดือนที่เขาเป็นแพทย์อาสาอยู่ได้ทุนต้องไปเรียนต่อ เดือนเห็นว่า อยู่ที่นี่ เดือนไม่ค่อยได้ช่วยเหลือคนที่เขาเดือดร้อนจริงๆเท่าไหร่ เดือนก็เลย”..
ผู้กองสมานพยักหน้า
“พี่เข้าใจ พี่รู้จักน้องสาวตัวเองว่าเป็นคนขี้สงสาร ไปเสียสละทำดีเพื่อคนที่เขาเดือดร้อน และ ต้องการจริงๆ พี่สนับสนุน แต่พี่อยากรู้มากกว่าว่าเขาจะส่งเดือนไปที่ไหน”
“หมู่บ้านผาปืนแตกจ้ะ”
รถบรรทุกที่เพลิงขับมาจอดอยู่ริมถนนลูกรัง ที่ค่อนข้างทุรกันดาร เต็มไปด้วยฝุ่นสีแดง ข้างๆ ทาง มีแผ่นป้ายบอกทางจากแผ่นไม้เก่าๆ ผุๆ พังๆ ตัวหนังสือสีแดง เขียนด้วยลายมือซีดๆจางๆ พร้อมลูกศร ตรงไปอีก 10 กิโลเมตร
“หมู่บ้านผาปืนแตก”
เพลิงก้มหน้าก้มตาอยู่ที่ห้องเครื่อง ครู่หนึ่งก็หันมาตะโกนบอกยอด
“สตาร์ทอีกทีสิวะไอ้ยอด”
ยอดขานรับ พลางแล้วสตาร์ทเครื่องอยู่อีกสองสามครั้งแต่ก็ไม่มีวี่แววว่าเครื่องจะติด
“สงสัยจะจนปัญญาไปต่อไม่ไหวแล้ว”
เพลิงส่ายหัว ขณะที่ยอดรีบมาดูหน้ารถ
“ปั๊ดโธ่เว้ย ลุยกันมาตั้งนาน อีกแค่นิดเดียวทำใจเสาะ อ้าว แล้วนั่นเอ็งจะไปไหนวะไอ้เพลิง”
ยอดหันมาทาง เมื่อเห็นเพลิงคว้าเป้มาสะพาย
“รถมันไปไม่ได้แล้ว ก็ต้องเดินสิเว้ย”
“หา อีก 10 กิโลเนี่ยนะ ไม่ไหวนะเว้ยไอ้เพลิง เฮ้ย เอาจริงเหรอวะเนี่ย”ยอดทำหน้าเซ็งๆ แต่ก็ไม่มีทางเลือก นอกจากเดินไปคว้าเป้มาแบกหลังแล้วตามเพลิงไป ขณะที่ลูกน้องหน้าโหดของไอ้คม ที่ซุ่มดูอยู่ ก็ยิ้มร้ายอย่างเอาเรื่อง
ทางด้านเอื้อมเดือน ก็หิ้วกระเป๋าเดินทางใบย่อมๆ ออกมาที่หน้าบ้าน ผู้กองสมานยืนรออยู่ก่อนแล้ว
“เรียบร้อยพร้อมไปแล้วค่ะพี่สมาน”
ผู้กองสมานหน้านิ่งมองน้องสาว แล้วก็ถอนใจเฮือกใหญ่ด้วยความเป็นห่วง
“บอกทางนั้นให้เลื่อนเวลาเดินทางไปอีกหน่อยไม่ได้เหรอ จดหมายมาปุ๊บ ก็จะให้เดินทางไปปั๊บ แบบนี้ พี่เป็นห่วงเดือนจริงๆ”
เอื้อมเดือนยิ้มให้พี่ชาย
“เดือนไปทำงานเป็นแพทย์อาสานะคะ ไม่ได้ออกไปสนามรบซะหน่อย”
จังหวะนั้นลูกน้องของผู้กองสมาน ก็เข้ามาขัดจังหวะ
“ผู้กองครับ ขออนุญาตครับ ท่านผู้การสั่งให้ผมมาพาผู้กองไปพบครับ ท่านอยากฟังผู้กองอธิบาย เรื่องคดีนายเพลิง”
ผู้กองสมานขมวดคิ้ว “อ้าว ก็ผมเขียนในรายงานไปแล้วนี่ ท่านยังไม่ได้อ่านเหรอ”
“ท่านอ่านแล้วครับ แต่ท่านอยากฟังผู้กองอธิบายเอง ผมว่าท่านอยากเฉ่งผู้กองโดยตรงมากกว่า”
ผู้กองสมานถึงกับชะงัก เอื้อมเดือนแตะแขนพี่ชายอย่างเป็นห่วง
“วันนี้ผมไม่ว่าง ผมต้องไปส่งน้องสาว เดือนต้องไปเป็นแพทย์อาสาที่หมู่บ้านผาปืนแตก”
ลูกน้องตาโต
“หา หมู่บ้านอะไรนะครับ เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ผมยังไม่เคยได้ยินมาก่อน ฟังดูไม่ ค่อยน่าไป อยู่เท่าไหร่เลยนะครับ ดูมันดุเดือดเลือดพล่านขนาดปืนยังแตกเลย”
“ก็เพราะฟังแค่ชื่อก็ไม่น่าไปอยู่นี่แหละ ผมถึงปล่อยให้น้องสาวไปคนเดียวไม่ได้”
“แต่ว่า ท่านผู้การให้ผมมารับผู้กอง”
ยังไม่ทันที่ผู้กองสมานจะพูดอะไรต่อ เอื้อมเดือนก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน
“เอ่อ คุณจ่าคะ เดือนขอตัวพี่ชายสักครู่นะคะ”
จากนั้น เอื้อมเดือน ก็จูงมือพาพี่ชายแยกมาคุยกันตามลำพัง“เดือนว่าพี่ไม่ต้องไปส่งเดือนหรอกค่ะ เดือนนั่งรถไฟไปเองก็ได้”
ผู้กองสมานส่ายหน้า “ไม่ได้นะเดือน พี่ไม่ไว้ใจ”
“แต่เดือนดูแลตัวเองได้ พี่สมานควรต้องไปรับผิดชอบงานตัวเอง เชื่อเดือนเถอะนะ ถ้ามีอันตราย อะไรเกิดขึ้นกับเดือนล่ะก็ เดือนรับมือได้ พี่เคยสอนให้เดือนฝึกหมัดๆมวยๆไว้ป้องกันตัวแล้วนี่”
ผู้กองสมานตัดสินใจล้วงเข้าไปในอกเสื้อ แล้วเอาปืนพกสั้นของตัวเองยัดใส่มือน้องสาว
“แค่หมัดๆมวยๆ ที่พี่สอน มันอาจใช้รับมือพวกชั่วๆ ไม่ได้ ถ้าฉุกเฉินขึ้นมาจริงๆ จำที่พี่เคยสอนให้ ยิงปืนได้มั้ย รับปากพี่สิเดือน”
“ค่ะพี่ เดือนจะใช้มันป้องกันตัวเวลาที่จำเป็นจริงๆ”
เอื้อมเดือนรับปืนมา ผู้กองสมานดึงน้องสาวมากอด
เพลงรักผาปืนแตก ตอนที่ 3 (ต่อ)
ดวงอาทิตย์สีแดงฉาน ส่องแสงจ้า จนไอแดดระอุขึ้นมาจากพื้นถนนลูกรัง เพลิงกับยอดเดินแบก เป้มาตามทาง สองข้างทางมีแต่ภูผาหินแทบไม่มีต้นไม้สักต้น
“ไม่ไหวว่ะไอ้เพลิง ขอข้าพักแป๊บนึง ขาจะลากอยู่แล้ว”
ยอดหยุดพักที่ข้างทางแล้วเอากระติกน้ำขึ้นมายกกระดกดื่ม แต่ยังไม่ถึงอึก น้ำในกระติกก็เกลี้ยง ไม่มีแม้สักหยด
“อ้าวเฮ้ย นี่มันร้อนแล้งกันดารจนน้ำระเหยออกหมดเลยเหรอวะเนี่ย”
เพลิงยื่นกระติกตัวเองให้
“มันไม่ได้แล้งขนาดนั้นหรอก แต่เอ็งนั่นแหละที่กระดกมาตลอดทาง แล้วมันจะไม่หมดได้ไง เอา ของข้าไป”
“เฮ้ย ให้ข้าแล้วเอ็งล่ะ”
“ข้าทนได้เว้ย อีกไม่กี่โลก็ถึงแล้ว”
ยอดถอนหายใจ
“หวังว่าไปถึงหมู่บ้านผาปืนแตกแล้ว มันคงจะเป็นโอเอซีสกลางทะเลทรายที่คุ้มเหนื่อยให้เอ็งกับ ข้าดั้นด้นมา”
“อาจารย์ข้าท่านเป็นพระนักปฏิบัตินักพัฒนา ที่ไหนมีท่านอยู่ที่นั่นร่มเย็นแน่นอน”
จู่ๆ ฝุ่นจากถนนลูกรัง ก็ฟุ้งกระจายมาแต่ไกล เพราะมีมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งกำลังตรงเข้ามา ลูกน้อง ไอ้คมที่ขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามาเริ่มชักปืนขึ้นมาเล็งที่ทั้งคู่
“ไอ้ยอด หลบไป”
ลูกน้องไอ้คมลั่นไกใส่ไม่ยั้ง เพลิงกับยอดกระโจนหลบไปได้อย่างเฉียดฉิว ก่อนจะกลิ้งไปตามพื้น
ลูกน้องไอ้คมบิดมอเตอร์ไซค์ผ่านไปแล้วปัดล้อหลังหักเลี้ยวเตรียมวนกลับมาเล่นงานอีก
“คนของไอ้ลายเสือ มันตามมาปิดปากเรา”
“โธ่เว้ย ไอ้หมาลอบกัด มึง”
ยอดจะลุกขึ้นไปเอาเรื่อง แต่เพลิงสังเกตเห็นยอดมีเลือดไหลลงเต็มแขน
“ไอ้ยอด เอ็งโดนเข้าให้แล้ว ข้าจะจัดการกับมันเอง เอ็งไม่ไหวหรอก”
เพลิงพูดแค่นั้นแล้วรีบวิ่งหลอกล่อให้ลูกน้องไอ้คมบิดมอเตอร์ไซค์ไล่ยิงตัวเอง ยอดจับแขนที่เลือด ชุ่ม พลางมองด้วยความเป็นห่วง
จากนั้นเพลิงก็ล่อหลอกมันมาอีกทาง กระทั่งสามารถเผด็จศึกมันลงไปได้ ด้วยท่าจระเข้ฟาดหาง
จนมันหมุนค้างตัวลอยกระแทกพื้นแน่นิ่ง
ยอดจัดการห้ามเลือดที่โดนยิงเรียบร้อยแล้ว จึงเข้ามาสมทบกับเพลิงที่ลากคอลูกน้องไอ้คมใน สภาพสะบักสะบอมเต็มที่มากองตรงหน้า
“ไอ้หมาลอบกัด ลูกผู้ชายจริงๆเขาสู้กันซึ่งๆ หน้าเว้ย ขอสักทีเถอะวะ แม่งเอ้ย”
ยอดเข้าไปเตะเสยซ้ำจนมันเลือดกลบปาก พลางหันไปชักปืนจากเอวเพลิง พร้อมตั้งท่าจะยิงมันทิ้ง
“ไอ้ยอด เอ็งจะทำอะไร”
“จะเก็บมันไว้ ให้กลับไปตามพวกมันมาเล่นงานเราเหรอไงวะไอ้เพลิง”
ยอดนิ้วเหนี่ยวไก แต่ยิงไม่ออกเพราะเพลิงเอามือมาบีบลูกโม่ไว้ไม่ให้หมุน
“ไอ้เพลิง ความใจดี ไม่ยอมมือเปื้อนเลือดของเอ็ง จะทำให้พวกเราซวยนะเว้ย”
เพลิงส่ายหน้า
“ไม่หรอก เชื่อข้า ข้าจะคุยกับมันเอง”
เพลิงแก้มัดเชือกที่มัดมือลูกน้องไอ้คมออกแล้วผลักไหล่ให้เดินกลับไปตามทางที่มา
“ไอ้เพลิง ข้าไม่เห็นด้วย เอ็งไม่ควรปล่อยมันไป”
“แต่นี่คือทางออกที่จะทำให้พวกมันไม่ตามล่าเราอีก”
ยอดมองหน้าเพลิงอย่างข้องใจ
“จะเป็นไปได้ไงวะ ปล่อยมันกลับไป มันก็ต้องย้อนกลับมาเป็นโขยง คราวนี้จะไม่มีที่ให้เอ็งหนีอีก”
เพลิงมองยอดโดยไม่ตอบอะไร แต่เดินเข้าไปที่ลูกน้องไอ้คม
“เอ็งรู้ดีใช่มั้ย ถ้าเอ็งกลับไปสภาพนี้ แล้วบอกว่าพวกข้าหลุดมือไป มันจะเกิดอะไรขึ้น”
ลูกน้องไอ้คมนิ่งไป สีหน้าครุ่นคิด แววตาเคร่งเครียด
เพลิงยิ้ม แล้วพูดต่อ
“อย่างที่เอ็งคิดนั่นแหละ ข้าเองก็เดาไม่ยากเหมือนกันว่าคนอย่างลายเสือราชาค้ายาเสพติด 3 แผ่นดิน จะจัดการเชือดไก่ให้ลิงดูกับลูกน้องที่ทำงานพลาดยังไง”
“แต่ข้าจะกลับไปบอกปากเปล่าว่าพวกเอ็งถูกจัดการแล้ว ลูกพี่ข้าก็คงไม่เชื่อ”
ยอดจ้องหน้ามันอย่างขัดใจ
“จะให้ตัดมือตัดหัวพวกข้าไปยืนยันมันเหรอไง ไม่ใช่หนังกำลังภายในนะเว้ย”
“ข้าก็คงไม่เอาหัวเอามือพวกเอ็งไปหรอก กว่าจะถึงมันคงเน่าพอดี”
เพลิงตัดสินใจถอดสร้อยคอที่มีล็อกเก็ตเงินอยู่ออกมา พลางเปิดดู เห็นรูปถ่ายของฟ้างามอยู่ด้านใน
“งั้นเอ็งเอานี่ไปยืนยันกับพวกมันว่าไอ้เพลิง พญาไฟได้ตายจากโลกนี้ไปแล้ว พวกมันจะต้องเชื่อ เพราะนี่คือทั้งชีวิตของไอ้เพลิง พญาไฟแล้ว”
ลูกน้องไอ้คมรับสร้อยคอล็อกเก็ตจากเพลิงมาแล้วรีบเดินกะเผลกเจ็บตัวออกไป ยอดยึกยัก ไม่ไว้ใจ อยากจะไปตามตัวมันกลับมา แต่เพลิงรั้งไว้ก่อน
“ข้าเสี่ยงพนันเทหมดหน้าตักแล้ว ถ้าเอ็งไม่เชื่อใจข้า เราก็คงต้องแยกทางกัน”
“แต่นั่นมันเป็นสมบัติชิ้นเดียวของฟ้างามที่เอ็งมีอยู่ไม่ใช่เหรอวะ“
เพลงมองหน้ายอดด้วยแววตาจริงจัง
“เพื่อแลกกับการมีชีวิตต่อไป เพื่อให้ข้าได้มีเวลาค้นหาฆาตกรตัวจริง ฟ้างามไม่ได้จากไปไหน แต่อยู่ในใจข้าเสมอ”
ขณะที่วัลภายืนเหม่ออยู่ที่หน้าต่างของเรือนยกสูง ดูพวกคนงานของกำนันที่กำลังกุลีกุจอ ช่วยกัน จัดแต่งสถานที่เพื่อจัดงานแต่งที่จะมีขึ้นในคืนนี้ พลันเสียงเคาะประตูดังขึ้น วัลภารีบเดินไปเปิดประตู ก็เจอ เนื้อทองยืนทำท่าทางลับๆล่อๆ รออยู่
“วัลภา ฉันมีเรื่องอยากคุยกับเธอ ขอคุยด้วยได้มั้ย”
“ได้สิ”
เนื้อทองรีบเข้ามาแล้วปิดประตูให้แน่ใจว่าไม่มีใครเห็นว่าเธอเข้ามาหาวัลภา“วัลภา เพราะคำพูดที่เธอเตือนสติฉัน ต่อให้ถูกผลักตกลงไปในเหว ถ้ายังไม่ตายก็ต้อง ปีนขึ้นมา แล้ววันดีๆ ก็จะเป็นของเรา มันทำให้ฉันตัดสินแล้วล่ะ”
“ตัดสินใจ ตัดสินใจอะไรเหรอ”
เนื้อทองมองหน้าวัลภา แล้วตัดสินใจพูด
“ฉันจะไม่ทำร้ายจิตใจเชน ฉันจะหนีการแต่งงาน”
“หา” วัลภาตกใจ “หนีการแต่งงาน”
เนื้อทองรีบเอามือปิดปากวัลภาไม่ให้พูดออกมาเสียงดัง
“เบาๆ สิวัลภา ฉันมาบอกเธอ เพราะฉันไว้ใจเธอที่สุด และเธอก็ต้องช่วยฉัน”
“เธอจะหนีการแต่งงานไปไม่ได้นะเนื้อทอง”
“ต้องได้สิ” เนื้อทองพูดอย่างมั่นใจ “ฉันวางแผนเอาไว้แล้ว ตอนนี้ทุกคนในบ้านกำลังวุ่นวายอยู่ กับการเตรียมงานแต่ง ฉันจะอาศัยจังหวะนี้แหละแอบหนีออกไป แต่ต้องมีคนคอยตบตาว่าฉันยังอยู่ในห้องเจ้าสาว เธอช่วยฉันได้มั้ยวัลภา”
วัลภาอึกอัก “เอ่อ คือว่า เนื้อทอง เธอจะหนีไปตอนนี้ไม่ได้นะ”
“ต้องได้สิ โอกาสฉันมีแค่ตอนนี้เท่านั้น นะวัลภา เธอต้องช่วยฉัน”
“แต่ว่าคืนนี้ฉันกับ”
วัลภากำลังจะพูดชื่อเชน แต่บังเอิญเสียงเคาะประตูของลำดวน ก็ดังขัดจังหวะ
“วัลภา ทำอะไรของแกอยู่น่ะ ล็อกประตูห้องทำไม เปิดประตูให้แม่สิ”
วัลภามองเนื้อทองที่บีบมือเธอแน่น แววตาเว้าวอนสุดฤทธิ์ ก่อนจะเดินไปเปิดประตูให้แม่ ลำดวน เข้ามา เห็นเนื้อทองอยู่ด้วยก็แปลกใจ
“อ้าว เนื้อทองทำไมเธอมาอยู่ที่นี่ล่ะ”
วัลภารีบชิงตอบ “เนื้อทองแวะมาชวนฉันให้ไปช่วยเรื่องแต่งตัวให้จ้ะแม่”
ลำดวนคิ้วขมวดด้วยความสงสัย พลางกระซิบถาม
“แกเพิ่งเข้ามาอยู่ที่นี่แค่ไม่กี่วัน ไปสนิทกันตั้งแต่เมื่อไหร่”
“เอ้าแม่ ถามฉันไม่คิดมั่งเลย บ้านนี้มีแต่ผู้ชายกับผู้หญิงมีอายุอย่างแม่ เหลือฉันกับเนื้อทองที่วัย ใกล้กัน แล้วจะให้ฉันไปสนิทกับใครล่ะ”
พูดพลางก็เดินมาหาเนื้อทอง
“ไปรอฉันที่ห้องนะ เดี๋ยวฉันตามไป”
วัลภาพูดไปพร้อมส่งสายตาเป็นนัยให้เนื้อทองเข้าใจว่าเธอจะช่วยตามที่ขอมา เนื้อทองยิ้มรับ แล้วรีบเดินออกไป
ขณะที่ครูประสิทธิ์กับเชน กำลังก้มกราบหลวงพ่อสินอยู่ภายในโบสถ์ “ไอ้เชนน่ะมันยืนยันทั้งกับหลวงพ่อ ทั้งต่อหน้าพระประธาน เอ็งก็คงจะสบายใจได้ว่า คืนนี้มัน จะไม่ไปก่อเรื่องเดือดร้อน”
ครูประสิทธิ์ยิ้ม พลางรับคำ
“ก็ถ้าหลวงพ่อช่วยยืนยันแบบนี้ ผมก็สบายใจ ตั้งแต่แม่มันตาย ผมก็เหลือมันอยู่คนเดียว มันกลับมาแล้วก็อยากให้มันอยู่ด้วยกันนานๆ ไม่ใช่ต้องหนีตายไปอยู่ที่อื่นอีก”
“เอ็งเห็นมั้ยไอ้เชน พ่อเอ็งน่ะเขาเป็นห่วงเอ็งแค่ไหน อีกหน่อยก็ช่วยพ่อเอ็งทำมาหากิน เลิกห้าว เลิกนิสัยขวางโลก”
“รับปากหลวงพ่อเขาสิไอ้เชน”
เชนสีหน้ากระอักกระอ่วน แต่ก็จำเป็นต้องยกมือไหว้รับปาก
“ครับหลวงพ่อ”
หลวงพ่อสินที่กำลังจิบน้ำชาถึงกับสำลัก ขณะที่เชนที่ยิ้มแหะๆ
“เอ็งว่ายังไงนะไอ้เชน”
“อย่าให้ผมพูดซ้ำเลยครับหลวงพ่อ มันจะยิ่งละอายใจแล้วก็ยิ่งรู้สึกเป็นบาปครับ”
“ละอายใจ รู้สึกเป็นบาป” หลวงพ่อสินเริ่มโมโห “ไอ้กะล่อน ไอ้ลิงหลอกเจ้า หลอกได้แม้กระทั่ง พระ สงสัยเอ็งจะลืมรสชาติไม้เรียวที่ข้าเคยสั่งสอนเอ็งแล้วมั้ง”
พูดพลางก็หันไปคว้าไม้เรียวจะสั่งสอน แต่เชนรีบร้องห้าม
“ใจเย็นๆสิครับหลวงพ่อ อย่าเพิ่งตบะแตก เดี๋ยวจะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีกับพระรูปอื่น”
“ไอ้เชน นอกจากเอ็งยังไม่สำนึกแล้ว เอ็งยังมาหาเรื่องย้อนข้าอีก”
เชนวิ่งหนีหลวงพ่อสินที่ไล่เอาไม้เรียวชี้หน้าอย่างเอาเรื่อง ไปหลบหลังสถูป
“ผมไม่ได้คิดจะย้อนหลวงพ่อเลยนะครับ..ผมไม่สบายใจเลยจริงๆที่ต้องผิดศีลต่อหน้าพระ ต่อหน้าพ่อ ใจผมมันร้อนเหมือนตกนรกทั้งเป็น แต่เพราะมันเป็นทางออกเดียวที่จะช่วยเนื้อทองให้พ้นจากเงื้อมมือพวกมัน ผมก็เลยต้องทำ”
หลวงพ่อสิน ถอนหายใจ
“แต่ยิ่งเอ็งทำแบบนั้น เอ็งจะยิ่งทำให้ผาปืนแตกลุกเป็นไฟ”
“ไม่หรอกครับหลวงพ่อ ผมจะพาเนื้อทองหนีไปให้ไกลที่สุด ชาตินี้พวกมันก็หาผมไม่เจอ”
“แล้วพ่อเอ็งล่ะ เอ็งก็ได้ยินที่พ่อเอ็งพูดแล้ว เขาอยากให้เอ็งอยู่กับเขาที่นี่”เชนรู้สึกหนักใจ จากนั้นจึงค่อยๆ เดินออกมาจากหลังสถูป แล้วคุกเข่าพนมมือต่อหน้า หลวงพ่อ น้ำตาคลอเบ้า
“ไม่ใช่ว่าผมเห็นผู้หญิงอื่นดีกว่าพระคุณของพ่อ ผมยังอยากเป็นลูกที่ดี ได้ทำหน้าที่ทด แทน บุญคุณ ซึ่งผมสัญญาว่าถ้าผาปืนแตกกลับมาเป็นสวรรค์บนดินได้เมื่อไหร่ ผมจะกลับมากราบเท้าขอโทษพ่อครับ”
หลวงพ่อสินนิ่งมองเชน พลางลดไม้เรียวลง
“ถ้าเอ็งอยากให้ผาปืนแตกเป็นสวรรค์บนดิน เอ็งก็ควรเริ่มต้นทำด้วยตัวเองซะตั้งแต่ตอนนี้สิ”
“แต่ผมคนเดียวต่อสู้เรื่องนี้มาตั้งนาน ยังเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้เลยนะครับ”
หลวงพ่อนิ่งไป ระหว่างนั้นเด็กวัดก็วิ่งเข้ามา
“หลวงพ่อครับ มีต่างถิ่นพาคนเจ็บมาหาครับ เขาบอกว่ารู้จักหลวงพ่อ อยากให้หลวงพ่อช่วย รักษาเพื่อนเขา”
“ใคร ?”
“เขาบอกว่าเขาชื่อ เพลิง พญาไฟครับ”
หลวงพ่อสินรีบตามเด็กวัดเข้ามาในโบสถ์ ขณะที่พลิงนั่งประคองยอด ที่แขนชุ่มไปด้วยเลือด “ไอ้เพลิง นี่เอ็ง”
เพลิงรีบคลานเข้ามาคุกเข่า พลางพนมมือกราบเท้าหลวงพ่อ “ผมขอโทษครับหลวงพ่อที่อยู่ๆ ผมก็โผล่มาไม่บอกไม่กล่าว ผมไม่มีที่พึ่งที่ไหนอีกแล้ว นอกจากที่นี่ ได้โปรดช่วยเพื่อนผมด้วยครับ”
หลวงพ่อสิน มองไปที่ยอด“แล้วเพื่อนเอ็งไปโดนอะไรมา..ท่าทางจะเสียเลือดมาเยอะ”
“มันถูกยิงมาครับ”
หลวงพ่อสินรีบหันไปสั่งเด็กวัด “ช่วยพามันไปที่กุฏิข้า”
จากนั้นจึงหันมาที่เพลิง พลางมองด้วยสายตาตำหนิ
“รักษาเพื่อนเอ็งให้เสร็จแล้ว เอ็งกับข้ามีเรื่องต้องคุยกันยาว”
เนื้อทองเดินไปเดินมารออยู่ในห้อง ครู่หนึ่งวัลภาก็เปิดประตูเข้ามาตามที่รับปากไว้ เนื้อทองดีใจ
“วัลภา เธอจะช่วยฉันใช่มั้ย”
“เธอเตรียมตัวแล้วรึยัง”
เนื้อทองปรายตามองไปที่กระเป๋าบนเตียง
“ฉันเตรียมกระเป๋าเสื้อผ้าเอาไว้”
“ฉันว่าเธอไม่ต้องเอาอะไรติดตัวไปหรอก แค่ไปให้พ้นจากที่นี่ก็ยากพอแล้ว แค่เธอตามฉันไปก็พอ”
เนื้อทองพยักหน้า ก่อนจะถามต่อ
“แล้วพวกคนใช้ที่จะเข้ามาช่วยแต่งตัวให้ฉันล่ะ”
“ฉันจัดการให้เรียบร้อยแล้ว ถ้าเธอไม่รีบไปซะตั้งแต่เดี๋ยวนี้ เธอจะไม่มีโอกาสไปได้อีก”
เนื้อทองปราดเข้าไปสวมกอดวัลภาด้วยความดีใจ
“ขอบใจมากนะวัลภา ฉันดีใจจริงๆที่ยังมีคนดีๆ อยู่ในบ้านหลังนี้”
วัลภาเดินออกมาที่บริเวณสวนด้านหนึ่งของบ้านกำนันปราบ เห็นคนงานคนหนึ่งกำลังยกกระถาง ต้นไม้ จึงหยุดชะงักรอให้คนงานเดินผ่านไป ก่อนจะหันไปโบกมือเรียกเนื้อทองตามมา
“จากตรงนี้ไปฉันจะออกไปเอง” เนื้อทองพูดพลางจับมือวัลภาขึ้นมาบีบแน่น “ฉันจะจำวันนี้เอาไว้ จนวันตาย หนี้บุญคุณของเธอ ฉันจะชดใช้ให้แน่นอน”
เนื้อทองจะปล่อยมือเพื่อไปต่อ แต่วัลภากลับยังบีบมือเธอเอาไว้อย่างกระอักกระอ่วนใจ จนเนื้อทองชักเริ่มสงสัย กระทั่งเสียงของกำนันปราบดังขึ้น
“ปล่อยเนื้อทองมาให้ฉันได้แล้ววัลภา”
เนื้อทองชะงักหันขวับไปเห็นกำนันยืนหน้าตาจริงจัง พร้อมๆ กับเสียใจที่ถูกหักหลัง ก่อนจะ รีบสะบัดมือจะวิ่งหนี แต่ก็เจอกลับเจอไอ้เชิด ที่โผล่มายืนขวางทาง ทั้งกำนันปราบและไอ้เชิด เดินบีบเข้ามา จนเนื้อทองไม่มีทางให้หนีอีก ก่อนที่ไอ้เชิดจะปรี่เข้ามาจับตัวเนื้อทองเอาไว้
“วัลภา เธอหักหลังฉัน เธอทำกับฉันแบบนี้ได้ยังไง คนทรยศ”
“ไอ้เชิด เอาตัวไป”
กำนันปราบสั่งการเสียงเข้ม พลางหันมาทางวัลภา
“ขอบใจนะวัลภา สมกับเป็นลูกเลี้ยงของฉันจริงๆ”
พูดจบก็เดินตามเชิดเข้าไปในบ้าน วัลภากำหมัดแน่น น้ำตาคลอ
“ขอโทษด้วยนะเนื้อทอง ถ้าฉันไม่ทำแบบนี้ กำนันก็จะไม่ไว้ใจฉัน แล้วแผนการของเชน ก็จะไม่ สำเร็จ อดทนหน่อยนะเนื้อทอง”
เพลงรักผาปืนแตก ตอนที่ 3 (ต่อ)
เนื้อทองถูกเชิดผลักลงบนเตียง ก่อนที่กำนันปราบจะเข้ามายืนจ้องหน้าเธอเขม็ง
“ฉันว่าเธออย่าพยายามให้มากไปกว่านี้เลยเนื้อทอง เพราะเดี๋ยวจากฤกษ์ดีวันมงคลจะ กลายเป็น ฤกษ์เสีย เพราะมีคนเจ็บตัวซะก่อน”
เนื้อทองเชิดหน้า
“เอาสิกำนัน อยากทำร้ายอะไรฉัน ก็จัดการมาเลย”
“ทำร้ายเจ้าสาวของลูกชายฉันเนี่ยนะ. ฉันไม่ทำหรอก แต่กับพ่อแม่เธอที่กำลังมาร่วม งานนี่สิ ไม่แน่”
เนื้อทองชะงัก “เลว เลวที่สุด. พวกแกเห็นชีวิตคนเหมือนผักเหมือนปลา สักวันพวกแกต้อง ไม่ตายดี”
กำนันปราบบีบมือเนื้อทองแน่น พลางจ้องเขม็ง
“โลกของเธอมันสวยเกินกว่าที่จะเข้าใจความ สิ่งที่ฉันทำให้ผาปืนแตก มันคือการติดหนี้บุญคุณฉัน ก็เหมือนกับไอ้ชาติที่มันรักเธอหัวปักหัวปำ ปลดหนี้ให้พ่อแม่เธอ แต่เธอยังคิดทรยศความรักของมันอีก”
“แต่ฉันไม่ได้รักชาติ”
กำนันปราบยิ้มแบบเจ้าเล่ห์
“แต่งกันไป อยู่กินเป็นผัวเมียกันไป รับรองเธอจะติดใจไอ้ชาติจนลืมไอ้เชนไปเอง ไอ้เชิด จัดคน มาเฝ้าเอาไว้”
เชิดรับคำ พร้อมๆ กับที่กำนันปราบเดินออกจากห้อง เนื้อทองร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่บนเตียงด้วยความเสียใจ
“หา ว่าไงนะ เอ็งน่ะเหรอที่บอกให้นังน้ำค้างมันไปออกแบบชุดทุเรศๆ แบบนั้น”
น้อยหมายถึงชุดที่สั้นจนแทบจะมองเห็นของสงวน เชนพยักหน้า
“จ้ะ พี่น้อย”
“นี่ข้าไม่คิดเลยนะว่าเอ็งจะเป็นพวกโรคจิต ชอบดูอะไรแบบนี้กับเขาด้วย”
“ฉันเปล่านะจ๊ะพี่น้อย ฉันทำแบบนี้ก็เพราะว่า งานนี้พวกเราต้องอยู่ท่ามกลางดงปืนของ พวก กำนัน ถ้าผิดพลาดขึ้นมาก็เท่ากับว่าฉันพาพวกพี่ไปตาย”
“เอ็งก็เลยคิดทางออกทุเรศๆ ใช้น้ำค้างกับสาวๆ รำวงยั่วเสน่ห์เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ”
น้อยเริ่มจะเข้าใจเจตนา เลยจัดการดึงติ่งหูเชนเต็มแรง
“นี่แน่ะ ไอ้เชน ไม่รู้จะด่ายังไง นี่ถ้าครูมาเห็นเข้าล่ะก็ ด่าพี่จนเสียชาติเกิดแน่”
จังหวะเดียวกับที่แสนกับจิกเดินเข้ามาสมทบพอดี
“ไอ้เชน ข้ากับไอ้แสนไปจัดการเตรียมเวทีที่บ้านกำนัน เจอวัลภาฝากจดหมายนี่มาให้เอ็ง”
จิกยื่นจดหมายเป็นกระดาษพับครึ่งให้ เชนรับไปแล้วอ่านอย่างสนใจ
“นังเด็กนั่นว่าไง” น้อยรีบชะโงกหน้ามาถาม
“วัลภาบอกว่าทุกอย่างเป็นไปตามแผน ทำให้กำนันไว้ใจได้แล้ว ที่เหลือก็อยู่ที่พวกเรา อดทน หน่อยนะเนื้อทอง อีกไม่นานเธอก็จะพ้นจากเงื้อมมือมันแล้ว”
ทางด้านยอด ที่ได้รับการปฐมพยาบาลเรียบร้อยแล้ว กำลังนอนพักอยู่ในกุฏิ เพลิงก็เดินเข้ามา ยืนดู พร้อมๆกับเสียงหลวงพ่อสินดังจากข้างหลัง
“เพื่อนเอ็งน่ะเสียเลือดมามาก กว่าจะรู้สึกตัวคงต้องใช้เวลาสักพัก”
เพลิงทรุดตัวลงนั่งคุกเข่า พนมมือ แล้วกราบที่เท้าหลวงพ่อ
“ผมกราบขอบคุณหลวงพ่อมากครับ”
“เอ็งไม่ต้องมาขอบใจข้า ข้าเป็นพระ เห็นคนบาดเจ็บมาพึ่ง ดีชั่วยังไงข้าก็ต้องรักษา”
“ไอ้ยอดเพื่อนผมมันเป็นคนดี มันจะไม่หาเรื่องเดือดร้อนมาให้หลวงพ่อเหมือนอย่างผม”
จากนั้นเพลิงเดินตามหลวงพ่อมาตามทางเดินในบริเวณวัด ท่ามกลางบรรยากาศ ที่ร่มรื่น
“ตอนที่เอ็งไปติดคุกข้อหาฆาตกร ข้าคนหนึ่งล่ะที่ไม่เชื่อ แต่ในเมื่อกฏหมายเขามีหลักฐาน แน่นหนา
ข้าก็ไม่รู้จะช่วยเอ็งยังไง”
“ผมเข้าใจครับ ทั้งๆที่หลวงพ่ออยากให้ผมอยู่ในโลกของธรรมะ แต่ผมเองต่างหากที่ตัดสินใจ ทิ้งวัดออกมาเอง”
หลวงพ่อสินมองเพลิงด้วยความเมตตา
“เด็กกำพร้าอย่างเอ็ง บวชเรียนอยู่กับข้ามาตั้งแต่ตัวกะเปี๊ยก ถ้าเอ็งบวชเรียนอยู่กับข้า ป่านนี้ชีวิต ของเอ็ง ก็คงไม่ต้องมาตกระกำลำบากแบบนี้ แล้วที่เอ็งระหกระเหินดั้นด้นมาหาข้าไกลถึงขนาดนี้ ก็เพราะต้อง หนีตายอีกใช่มั้ย”
เพลิงพยักหน้า
“ครับหลวงพ่อ แต่ผมไม่ได้ทำผิด ผมถูกเข้าใจผิด ถูกใส่ร้าย ถูกเขาตามล่า”
“แล้วคิดว่าวัดของข้าจะเป็นที่พึ่งของเอ็งได้ ? ข้าเลี้ยงเอ็งมา ช่วยอะไรได้ข้าก็อยากจะช่วย แต่ ต่อให้เอ็งมาหลบอยู่ในที่ที่ปลอดภัย สงบร่มเย็นที่สุด ถ้าใจของเอ็งยังร้อนรุ่มอยู่กับการแก้แค้นเหมือนไฟสุม บน สวรรค์ มันก็เป็นนรกได้ เพราะเพลิงในหัวใจเอ็ง”
“งั้นผมต้องทำยังไงครับหลวงพ่อ”
“ข้าให้เอ็งอยู่ที่นี่ไม่ได้ จนกว่าเอ็งจะหาทางดับเพลิงในใจของเอ็งซะก่อน”
หลวงพ่อพูดทิ้งท้ายให้เพลิงคิด ก่อนที่จะเดินออกไป เพลิงลุกขึ้นมองตาม หลวงพ่อด้วยสีหน้า หนักใจ
ในที่สุดพิธีแต่งงานระหว่างกำนันปราบกับลำดวน และชาติกับเนื้อทอง ก็ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ท่ามกลางเสียงเพลงจังหวะสนุกสนานของวงดนตรีพราวฟ้า แขกเหรื่อมาร่วมแสดงความยินดีกันเต็มงาน น้ำค้างทำหน้าที่สาวเชียร์รำวงออกมารำกับหนุ่มๆแก่ๆ ปะปนทั้งลูกน้องและแขกในงาน
ขณะที่เชนยืนอยู่ที่ข้างเวที คอยคุมวงดนตรี แต่สายตากลับจรดจ้องไปที่การเปิดตัวของคู่สมรส นำโดยกำนันปราบ กับลำดวนในชุดเจ้าสาวสวยเซ็กส์ซี่เล็กๆ เสียงปรบมือและเสียงเฮให้การต้อนรับดังไปทั่วบ้าน
จากนั้นกำนันปราบก็นำเข้าคู่แต่งงานคู่ที่สอง
“เอาล่ะ ความยินดีสำหรับฉันยังไม่หมดแค่นี้ แต่สำหรับลูกชายฉันมันคือคืนที่น่ายินดีมากกว่า เพราะมันกำลังจะได้เป็นฝั่งเป็นฝากับผู้หญิงที่มันรักสุดหัวใจ”
จากนั้นชาติก็เดินจูงมือเนื้อทองในชุดเจ้าสาวสวยงาม แต่ใบหน้ากลับดูหม่นเศร้า จนชาติต้องหัน ไปบีบมือ
“เนื้อทอง นี่เป็นคืนของเรานะ เธอจะต้องจดจำว่ามันคือคืนแห่งความสุข”
เนื้อทองฝืนยิ้ม แล้วปล่อยให้ชาติกุมมือเธอเดินผ่านแขกเหรื่อทุกคนในงานไปที่เวที จนเผชิญหน้า กับเชน ทั้ง 3 คนมองตา ด้วยความรู้สึกที่ต่างกัน เนื้อทองกับเชน มองกันด้วยความรู้สึกเจ็บปวด ขณะที่ชาติ กลับกระหยิ่มยิ้มชอบใจ
“แกมาที่นี่เพื่อมาร่วมแสดงความยินดีกับฉันไม่ใช่เหรอไอ้เชน นี่ไงเจ้าสาวของฉัน”
เชนพยายามข่มความรู้สึก
“เนื้อทอง ฉันยินดีด้วยนะ คืนนี้เธอเป็นเจ้าสาวที่สวยมาก เธอเหมาะกับชาติแล้วล่ะ”
เนื้อทองน้ำตาคลอ ชาติหัวเราะชอบใจ แล้วดึงเนื้อทองมาจูบปาก ต่อหน้าทุกคนในงาน เชนตกใจกำหมัดแน่น
“คืนนี้เนื้อทองจะเป็นเมียไอ้ชาติ ไอ้ชาติคนนี้สาบานว่าจะรักเนื้อทองจนวันตาย ถ้าใครมา คิดมาแตะต้องเมียของไอ้ชาติ มันมีโทษถึงตาย”
พลางหันมาพูดเยาะเย้ยใส่หน้าเชน
“ขึ้นไปทำหน้าที่ของแกบนเวทีได้แล้ว ฉันรู้ว่าแกอยากร้องไห้คร่ำครวญ เชิญฟูมฟาย ตามสบาย”
ชาติหัวเราะเยาะใส่แล้วเดินจูงมือเนื้อทองไปหาแขกเหรื่อคนอื่นๆ เชนมองตาม พลางกำหมัดแน่น แต่เมื่อมองไปเห็นวัลภาที่ยืนไม่ไกลกันนัก ส่งสายตาเป็นเชิงปรามไม่ให้หุนหัน เชนจึงใจเย็นลง ยอมทำตามแผน
เชนขึ้นมายืนบนเวที พลางมองลงไปข้างล่าง เห็นชาติพยายามบังคับให้เนื้อทองดื่มเหล้า เชนมองด้วยความเจ็บใจจนแสนต้องเข้ามาสะกิดเตือน เชนจึงพยักหน้ารับ
ระหว่างเชนร้องเพลงอยู่บนเวที วัลภาก็รีบเดินเข้ามาที่ชาติกับเนื้อทอง ห้ามไม่ให้ชาติ บังคับ เนื้อทองดื่ม
“พอเถอะพี่ชาติ อย่าบังคับเจ้าสาวกินเหล้าแบบนี้เลย มันไม่ดี”
ชาติมองหน้าวัลภาอย่างขัดใจ“อะไรของเธอเนี่ยวัลภา พอได้ตำแหน่งน้องสาวฉันปุ๊บ ก็มาออกคำสั่งแล้ว”
“ฉันเป็นห่วงเนื้อทอง ท่าทางไม่เคยกินเหล้าแบบนี้ เดี๋ยวจะยืนไม่ไหวเอา”
เนื้อทองสะบัดหน้าใส่วัลภา“เธอไม่ต้องมายุ่งกับฉันหรอกวัลภา ไม่ต้องมาแสดงความเป็นห่วง ฉันจะทำอะไรมันก็เรื่องของฉัน”
พูดพลางคว้าแก้วเหล้าในมือชาติมายกดื่มอึกๆๆ จนหมดแก้ว
เนื้อทองวิ่งมาที่มุมหนึ่งแล้วอาเจียนเพราะฤทธิ์สุราที่ดื่มเข้าไปเยอะ วัลภารีบตามเข้ามาดู
“ฉันเตือนเธอแล้วไงว่าอย่าทำอย่างนี้”
เนื้อทอง จ้องหน้าวัลภาอย่างชิงชัง
“นี่เธอยังกล้ามาให้ฉันเห็นหน้าอีกเหรอ”
พลางเงื้อมือจะตบหน้า แต่วัลภาคว้าข้อมือเอาไว้ได้ทัน!
“ฟังฉันก่อนนะเนื้อทอง ฉันขอโทษที่หักหลังเธอ แต่ฉันจำเป็นต้องทำ”
“จำเป็น” เนื้อทองเบ้ปาก “ใช่สิ เธอมาอยู่ที่นี่ เธอก็เลยจำเป็นต้องเปลี่ยนสี เป็นคนชั่วๆ เหมือน พวกมัน ฉันไม่ฟังเธออธิบายอะไรทั้งนั้น. ต่อไปนี้หน้าเธอ ฉันก็ไม่อยากจะมอง”
เนื้อทองจะเดินหนี แต่วัลภาตามไปขวางไม่ให้ไป
“ฉันกับเชนวางแผนพาเธอหนี พวกเราจะไปจากนรกขุมนี้พร้อมกัน”
เนื้อทองถึงกับอึ้งไป
“เธอว่าไงนะ เธอว่าไงนะวัลภา”
แต่ยังไม่ทันที่วัลภาจะตอบ ไอ้เชิดกับไอ้ตุ่นก็เข้ามาตาม
“เนื้อทอง กำนันกับพี่ชาติให้ฉันมาตาม แขกในงานรออยู่”
เนื้อทองชะงักหันไปมองเชิดอย่างตกใจ วัลภารีบชิงพูดแก้ตัว
“เนื้อทองกลับไปเข้าไปในงานไม่ได้หรอก ขืนเข้าไปมีหวังได้อ้วกแตกอ้วกแตนใส่แขก หนีกระเจิง แน่”
พูดพลางแอบเอื้อมมือไปสะกิด เนื้อทองแกล้งทำเป็นพะอืดพะอม แล้วทำทีเป็นมึนเมา อยากจะ อาเจียน เซไปทางไอ้ตุ่น
“อย่ามาอ้วกใส่ข้า วันนี้ข้าอุตส่าห์หล่อเต็มยศ”
วัลภารีบเข้าไปประคอง
“เห็นมั้ยสภาพแบบนี้จะกลับเข้าไปได้ยังไง ฉันต้องพาเนื้อทองกลับไปพักในห้อง แกไปบอกกำนัน ให้ด้วย”
วัลภาจะรีบประคองพาเนื้อทองออกไป แต่ไอ้เชิดเดินมาขวางทางไว้
“งั้นฉันจะพาไปเอง”
“แกเป็นผู้ชายนะ ถ้าเนื้อทองอ้วกเลอะเสื้อผ้าขึ้นมา แกจะช่วยเปลี่ยนให้เหรอ ก็ได้นะ พี่ชาติจะได้ ลากคอแกไปยิงทิ้ง เพราะคิดไม่ซื่อกับเมียเจ้านาย”
ไอ้เชิดชะงัก แล้วมองหน้าไอ้ตุ่น
“งั้นไอ้ตุ่น เอ็งตามไปเฝ้าหน้าประตู ส่วนข้าจะไปบอกกำนัน”
ขณะที่ด้านหน้าเวที น้ำค้างกับสาวๆ รำวง ยังคลอเคลียนัวเนียกับพวกลูกน้องกำนันปราบ ที่มาขอรำวงด้วย ส่วนบนเวทีก็เล่นเพลงสนุกสนานขับกล่อมไป เชนก็คอยจับตาดู เห็นไอ้เชิดเดินเข้ามารายงานกำนันปราบที่โต๊ะ
“แล้วเอ็งให้ใครไปช่วยเฝ้า”
“ไอ้ตุ่นครับกำนัน”
“เดี๋ยวฉันตามไปดูเมียฉันเองดีกว่า”
ชาติหันมาบอกพ่อ กำนันปราบรีบโบกมือห้าม
“ไม่ต้องหรอกไอ้ชาติ ให้วัลภาเขาช่วยดูแลให้ดีกว่า”
เชนเข้าไปสะกิดแสนกับจิกและน้อยที่สุมหัวกันอยู่ข้างเวที
“วัลภาเริ่มทำตามแผนแล้ว พวกน้าเตรียมตัวกันได้เลย”
ทั้งสามคนพยักหน้ารับ เชนสีหน้าจริงจัง
“ว่าไงนะ ทั้งหมดเป็นแผนของเธอกับเชนเหรอ”
เนื้อทองถึงกับไม่เชื่อหูตัวเอง เมื่อได้ยินวัลภาเล่าถึงแผนการ
“เบาๆหน่อยสิเนื้อทอง ไอ้ตุ่นมันยังเฝ้าเราอยู่ข้างนอกนะ”
“เธอไม่ได้หลอกฉันอีกนะวัลภา”
วัลภามองหน้าเนื้อทอง ด้วยสายตาจริงใจ
“ที่ฉันต้องโกหก ทำเป็นทรยศต่อเธอ ก็เพราะต้องทำให้กำนันไว้ใจ และเพื่อไม่ให้เธอเผลอ ถูกชาติ จับพิรุธได้”
เนื้อทองน้ำตารื้น ด้วยความตื้นตัน พลางดึงวัลภามากอด
“ฉันขอโทษนะวัลภา ฉันไม่รู้เลยจริงๆว่าเธอจะดีกับฉันถึงขนาดนี้”
“หัวอกผู้หญิงเหมือนกัน ใครจะทนดูเธอต้องตกอยู่ในขุมนรกนี้ได้ล่ะ อีกอย่างฉันเองก็ไม่อยากอยู่ ที่นี่ คนเดียวที่จะพาฉันหนีไปด้วยได้ก็คือเชน”
เนื้อทองได้ฟังแล้วก็ถอนหายใจ
“แล้วเชนจะมาช่วยเราออกไปได้ยังไง พวกกำนันอยู่กันเต็มบ้านแบบนี้”
“เรื่องนั้น ฉันกับเชนวางแผนไว้แล้ว แต่ที่ผิดแผนก็มีที่เรานี่แหละ ฉันต้องหาทางจัดการกับไอ้ตุ่น ให้ได้ก่อน”
เนื้อทองพยักหน้า “อยากให้ฉันทำอะไร บอกมาได้เลยนะวัลภา”
สองสาวจับมือ แล้วพยักหน้าให้กัน
ที่บรรยากาศหน้าเวที ดนตรีจากวงพราวฟ้าเล่นกันอย่างสนุกสนาน จังหวะเร้าใจ พวกลูกน้อง กำนันปราบ ได้เหล้ายาปลาปิ้งเข้าปากก็สนุกจนเลยเถิด เริ่มลวนลามบรรดาสาวรำวง ทั้งดึงไปกอดไปหอม มือไม้อยู่ไม่สุข โดยเฉพาะกับน้ำค้างที่โดนหนุ่มๆเข้ามายื้อแย่งกันไปมา น้ำค้างผลักชายขี้เมาจนเซ มันโมโหตามไป กระชากแขนน้ำค้างมาจะตบ แต่เจอจิกกับแสนและน้อยเข้ามาขวาง
“เฮ้ย คิดให้ดีนะเว้ยถ้าจะทำอะไรคนในคณะพวกข้า”
“ถอยไปเลยไอ้กระจอก”
พูดพลางมันก็ชกหน้าจิกอย่างแรง แสนเลยปรี่เข้าไปเปิดศึกซัดหมัดเข้าหน้ามัน จากนั้นก็เกิดการตะลุมบอนกันขึ้น พวกนักดนตรีในวงพากันทิ้งเครื่องดนตรีกระโจนเข้ามาซัดกันนัว “ตะลุมบอนกันแล้ว เอ็งรีบไปตอนนี้เลยไอ้เชน”
น้อยตะโกนบอกเชน
“ขอบใจพวกน้ามากนะจ๊ะ ระวังตัวด้วยล่ะ”
“เอ็งนั่นแหละที่ต้องพาเนื้อทองกับวัลภาหนีไปให้พ้นจากที่นี่ อย่าให้โดนจับได้เด็ดขาด”
เชนพยักหน้ารับแล้วรีบไป
ขณะที่ไอ้ตุ่นนั่งเปิดนิตยสาร ดูภาพนางแบบในชุดว่ายน้ำตามยุคสมัย ระหว่างนั้นวัลภา ก็เปิด ประตูออกมา
“นี่แกยังอยู่ตรงนี้อีกเหรอ”
ไอ้ตุ่นทำหน้าเซ็ง “ก็ฉันมีหน้าที่เฝ้าเจ้าสาวของลูกพี่”
“มัวแต่มานั่งตบยุงเฝ้าแบบนี้ เดี๋ยวสาวๆ เชียร์รำวงก็โดนพวกแกงาบไปกินหมดหรอก ไปเถอะ เดี๋ยวฉันอยู่เฝ้าเนื้อทองเอง”
ไอ้ตุ่นลังเล “ไม่ไปดีกว่า ถ้าลูกพี่รู้ว่าไอ้ตุ่นไม่ตั้งใจทำตามคำสั่ง เดี๋ยวโดนจับเป็นเป้าวิ่งให้ไล่ยิงอีก”
วัลภาหน้าเสีย เลยกลับเข้าไปในห้องอีกครั้ง ก่อนจะเล่าให้เนื้อทองฟังอย่างขัดใจ
“ถ้าไอ้ตุ่นยังเฝ้าเป็นปลิงอยู่แบบนี้ ฉันคงพาเธอไปที่จุดนัดพบกับเชนไม่ได้แน่”
“งั้นเราต้องรีบทำอะไรแล้วล่ะ พวกของเชนคงถ่วงเวลาไม่ได้นานแน่”
วัลภามองไปที่หน้าต่างชะโงกหน้าลงไปดูเห็นว่าไม่สูงมากนัก
“งั้นคงต้องไปทางนี้. รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ ฉันจะใช้ผ้าปูที่นอนมัดเป็นเชือกปีนลงไป”
เนื้อทองพยักหน้ารับ
ขณะที่ด้านหน้าเวทียังตะลุมบอนกันอยู่ ทันใดนั้นกำนันปราบ ก็ลุกขึ้นมาตะโกนห้ามเสียงดังลั่น
“ข้าบอกให้หยุด หยุดเดี๋ยวนี้ นี่มันคืนงานมงคลของข้า แล้วดูที่พวกเอ็งทำ”
“คนที่เริ่มก่อนก็คือพวกลูกน้องกำนัน มันมาดูถูกสาวๆของฉัน”
น้อยพยายามอธิบาย แต่กำนันปราบไม่ฟังเสียง ระหว่างนั้นชาติมองหาเชนไปทั่วแต่ไม่เห็นตัว
“พ่อ ฉันไม่เห็นหัวไอ้เชนเลย”
กำนันปราบกวาดสายตามองไปทั่วๆ ก่อนที่จะเดินตรงเข้ามาที่น้อย แสน และจิก
“ไอ้เชนอยู่ไหน”
จิกหน้ากวน “เออ จริงด้วยสิกำนัน ไอ้เชนมันหายไปไหนวะ มีใครเห็นมันบ้าง”
พวกนักดนตรีในวงส่ายหน้าว่าไม่มีใครเห็น แสนทำสีหน้าเป็นห่วงแล้วเข้าไปชี้หน้ากำนัน
“กำนันเล่นสกปรกระหว่างที่กำลังวุ่นวายแล้วให้ลูกน้องลากไอ้เชนออกไปใช่มั้ย”
ไม่ทันขาดค ำกำนันปราบก็ปัดมือแสน แล้วใช้มือบีบปากอย่างแรง พลางจ้องหน้าอย่างเอาเรื่อง
“อุบายตื้นๆ ของพวกเอ็งข้าอ่านขาดแล้วเว้ย”
แสนโดนผลักกระเด็น จากนั้นกำนันปราบก็หันไปสั่งลูกน้องเสียงดัง
“ไอ้เชนมันยังอยู่ที่นี่ ตามล่ามันให้เจอ ถ้ามันขัดขืน. ยิงมันได้เลย”
จากนั้นก็หันมาทางชาติ “เอ็งรีบไปดูเนื้อทอง”
ชาติกับลูกน้องอีกสองสามคนรีบออกไป เหลือกำนันที่หันมามองหน้าพวกนักดนตรีทั้งหมด
“ถ้าข้านับหนึ่งถึงสามแล้วพวกเอ็งยังไม่หายหัวไปจากบ้านข้า พวกเอ็งจะไม่ได้เดิน ออกไปดีๆแน่ หนึ่ง”
เพียงแค่นับหนึ่ง พวกนักดนตรี ก็จ้ำอ้าวไปทันที
ขณะที่เชนยืนรออยู่ที่จุดนับพบ รถจี๊ปสำหรับพาเนื้อทองกับวัลภาหนี ถูกคลุมไว้ด้วยกิ่งไม้ ใบไม้ แต่จนแล้วจนรอด วัลภาก็ยังไม่พาเนื้อทองออกมาสักที จนเชนเริ่มร้อนใจ
ทางด้านวัลภากำลังค่อยๆเกาะผ้าปูที่นอน ที่มัดเป็นเชือกปืนลง มาจากห้องชั้นบน ลงพื้นอย่าง ปลอดภัย พลางเงยหน้าขึ้นไปบอกเนื้อทอง
“ค่อยๆลงมานะเนื้อทอง ไม่ต้องห่วง ฉันอยู่รับเธอเอง”
เนื้อทองพยักหน้ารับ พลางจับเชือกที่มัดไว้กับขาเตียง เพื่อเช็คดูว่าแน่นหนาดีแล้ว แต่ยังไม่ทันจะ ปีนหน้าต่าง มือก็ปัดไปโดนแจกันใกล้ๆ จนตกแตก
เนื้อทองชะงักหน้าเสีย
ไอ้ตุ่นได้ยินเสียงของแตกในห้องก็หันขวับ แล้วรีบเคาะประตู
“เนื้อทอง เกิดอะไรขึ้น เนื้อทอง”
ระหว่างนั้นชาติกับลูกน้องพากันเข้ามา
“ไอ้ตุ่น เนื้อทองยังอยู่รึเปล่า”
“อยู่สิครับลูกพี่ ผมเฝ้าอยู่ตรงนี้ตลอด แต่เมื่อกี้ได้ยินเสียงแปลกๆในห้อง เคาะเรียกแล้ว เนื้อทอง ไม่ยอมตอบเลย”
ชาติเริ่มสังหรณ์ใจ พลางรีบผลักไอ้ตุ่นให้หลบไป แล้วกระแทกประตูเปิดเข้าไปในห้องทันที
ชาติรีบเข้ามาในห้อง เห็นผ้าปูที่นอนที่มัดเป็นเชือกพาดลงไปที่หน้าต่างก็รีบวิ่งไปดู ภาพที่เห็น คือวัลภากับเนื้อทองกำลังจูงมือพากันหนีไปต่อหน้าต่อตา
ไอ้ตุ่นอยากจะช่วยเจ้านาย เลยชักปืนออกมา แล้วทำท่าจะยิง ชาติหันไปด่าทันที
“มึงจะยิงหาอะไร อยากให้เจ้าสาวกูโดนลูกหลงเหรอ ไป ไปพาเจ้าสาวกูกลับมา”
จบตอนที่ 3