เรือนริษยา ตอนที่ 24 อวสาน
กนกกรเดินท่าทางเหนื่อยอ่อนมายังห้องครัว
“ศรี ขอนมฉันแก้วหนึ่งสิ”
เงียบ ไม่มีเสียงตอบ บรรยากาศในครัวดูสลัว
“ศรี ศรี อยู่รึเปล่า”
กนกกรเหลียวมองรอบๆ เธอเดินตรงไปเปิดตู้เย็น ก้มลงมองหาอะไรกิน เธอหยิบกล่องนมออกมา แล้วปิดประตูตู้เย็นดังปึ้ง พร้อมกับเสียงอุทานของกนกกร
“ว้าย”
ทิพย์ยืนยิ้มนิ่งๆ อยู่ข้างๆ
“ศรีลากลับบ้านนอกน่ะ”
“ไม่เห็นศรีบอกเลย”
“คงต้องรีบไปน่ะ” ทิพย์ยื่นนมให้ “ทานสิ กำลังอุ่นเลย”
ทิพย์ยื่นแก้วให้ กนกกรมองทิพย์อย่างไม่ไว้ใจ
“เอ่อ ไม่ดีกว่า ฉันอยากทานน้ำส้มมากกว่า”
ทิพย์เหมือนชะงักไปเล็กน้อย กนกกรเปิดตู้เย็นอีกครั้ง เห็นน้ำส้มที่อยู่ในเหยือกแก้ว เธอเทน้ำส้มใส่แก้วแล้วรีบเดินออกไป ทิพย์มองตาม ยิ้มเหยียดมุมปาก
กนกกรถือน้ำส้มในมือ ถอนใจนั่งมองรูปฤทัยอยู่ในห้อง เช่นเดียวกับนันทนัชที่เอามือลูบรูปแม่พร้อมกับรอยยิ้มกังวล
กนกกร รู้สึกเหมือนวิงเวียนจึงรีบเดินไปที่เตียง แก้วน้ำส้มหล่นจากมือ แตกกระจาย
นันทนัชกำลังหยิบผ้าเช็ดตัวจะไปอาบน้ำ ได้ยินเสียงแก้วแตกดัง เพล้ง ! ก็สะดุ้ง เธอใจเสีย
ลุกไปเปิดประตูดู ไม่เห็นความผิดปกติอะไร เธอวางมือถือไว้ข้างหัวเตียง แล้วเดินไปห้องน้ำ
กนกกรนอนสลบอยู่บนเตียง แก้วน้ำส้มแตกกระจายบนพื้น เทิพย์เปิดประตูเข้ามา ยิ้มเหยียดเต็มที่
“คนอย่างแก ไม่มีทางทันฉันหรอก”
ทิพย์เดินไปมองกนกกรใกล้ๆ ให้แน่ใจว่าหลับสนิท พูดต่อ...
“ฉันจะปราณีแกไว้คน ตราบที่แกไม่เข้ามาขวางทางฉัน”
ทิพย์พูดเสร็จก็เดินออกจากห้องไป
นันทนัชเดินออกมาจากห้องน้ำในชุดนอน ล้มตัวลงนอน
ภายในห้องนอนกฤตพนธ์ เรื่องราวของพ่อเฒ่าผ่านเข้ามาในความฝัน
“มันเกิดมาเพื่อชดใช้เวรกรรม มันจะต้องทุรนทุราย เจียนตาย ถ้าแกไม่ช่วยมัน แกคือผู้เปลี่ยนชะตากรรม”
กฤตสะดุ้งตื่นทันที ครุ่นคิด
เมื่อเขาเห็นหลังพ่อเฒ่าแว่บๆ ก้าวเข้าลิฟท์โรงพยาบาลไป
“เอ่อลุง...เดี๋ยวครับ”
ประตูลิฟท์กำลังปิดลงช้าๆ เห็นพ่อเฒ่ายืนหันหลังอยู่
“ลุงครับ เมื่อกี้ลุงพูดกับผมใช่ไหม”
เขาถามพลางใช้มือกดๆที่ปุ่มลิฟท์ให้เปิด แต่ประตูลิฟท์ไม่ยอมหยุด มันค่อยๆปิดลงช้าๆ
“โธ่เว้ย! เปิดซี”
พ่อเฒ่าค่อยๆหันหน้ามา เห็นหน้าเหี่ยวๆย่นๆ พ่อเฒ่าหัวเราะมองและชี้นิ้วที่เล็บเหลืองหงิกงอยาวเฟื้อยมาที่กฤตพนธ์และพูดว่า
“แกคือผู้เปลี่ยนชะตากรรม”
“ห่ะ”
กฤตพนธ์อึ้งๆกับสิ่งที่ได้ยิน แล้วประตูลิฟท์ก็ปิดลงพร้อมภาพพ่อเฒ่ายิงฟันดำหัวเราะก้อง
กฤตพนธ์สะดุ้ง รีบโทร.หานันทนัช
เธอยังคงหลับสนิท แต่ไฟหน้าจอมือถือที่วางบนหัวเตียงสว่างวาบ ทิพย์หยิบเอากิ่งรำเพยมาวางข้างตัวนัน แล้วเอื้อมมือหยิบโทรศัพท์ออกไป
เขาร้อนใจที่เธอไม่รับสายสักที
ไอ้โม่งที่ยืนอยู่ปลายเตียงของนันทนัช กดรับสาย
“คุณนัน คุณอยู่ไหน”
ปลายสายเงียบ
“คุณนัน ได้ยินผมไหม คุณนัน”
เสียงปลายสาย หัวเราะออกมาเป็นเสียงแหลมเล็กๆ
“ใคร นั่นใครอ่ะ”
เสียงกดตัดสายดัง กฤตพนธ์คว้ากุญแจรถแล้วลุกออกไปทันที
ดวงตานันทนัชกะพริบถี่ๆ เห็นควันสีขาวๆ ลอยวนเข้าหาตัว เธอเริ่มไอ งงกับควันที่ลอยเต็มห้อง เธอกลั้นหายใจ และเห็นเท้าของคนๆ หนึ่งกำลังเดินเข้ามา เธอค่อยๆ ผุดตัวลุกขึ้น แล้วมองผ่านควันออกไป เห็นคนในชุดโม่ง เดินตรงมาหาเธอ เธอตกใจ รีบฝืนยันตัวลุก
“แกเป็นใคร”
ไอ้โม่งไม่ตอบ เดินตรงเข้าหาเธอ
“ใครก็ได้ ช่วยด้วย น้าทิพย์ ช่วยนันด้วย”
เธอพยายามจะลุกหนี แต่ไอ้โม่งเข้ามาประชิดตัวเธอ ทั้งคู่ยื้อยุดกัน จนหัวไอ้โม่งกระแทกหัวเตียง
“โอ๊ย”
เสียงนั้นฟังดูเหมือนผู้หญิง ไอ้โม่งหยุดไปชั่วขณะ สบตาผ่านรูที่เจาะบนหน้า เธอวิงเวียนเพราะฤทธิ์รำเพย แต่พยายามลากตัวเองไปเปิดประตู เธอวิ่งจะตรงไปห้องทำงานพ่อ
บริเวณที่พักบันได ไอ้โม่งเข้ามาขวางไว้ พร้อมมีดในมือ เธอถอยหลังกรูด เริ่มโอนเอนด้วยความอ่อนแรงจากฤทธิ์ควัน เธอเอามือยันหัวบันไดไว้
“แกเป็นใคร แกต้องการอะไร”
ไอ้โม่ง ไม่ตอบ แต่ยกปลายมีดมาทางเธอ เธอหอบหายใจไม่หยุด ไอด้วยฤทธิ์ควันขึ้นมาอีก
“เก่ง สู้คน..สมกับที่เป็นคุณนัน”
เธอขมวดคิ้ว เสียงนั้นคุ้นเหลือเกิน
“แกเป็นใครกันแน่”
ไอ้โม่งพักมือที่ถือมีดลง แล้วค่อยๆ ถอดไอ้โม่งออก เธออ่อนแรงเต็มที หรี่ตามอง
ทิพย์ โยนหมวกโม่งทิ้ง ยิ้มแสยะ
“น้า...ทิพย์”
เธอแทบหมดแรง
“แปลกใจไหมคะ”
เธอเสียใจมากกว่าจะแปลกใจ ทิพย์ยกมีดขึ้น เดินประชิดเข้าหาเธอ เท้านันที่หมิ่นอยู่ขอบบันได พลันเธอก็พลัดตก กลิ้งลงบันไดไป
กฤตขับรถหน้าตาร้อนใจ อีกมือนึงก็กดโทรศัพท์ ปลายสาย..ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก
“โธ่เว้ย”
เขาโยนโทรศัพท์ทิ้งไป แล้วเปิดเกะตรงคอนโซลหน้า หยิบปืนออกมาแนบไว้ข้างตัว
นันทนัชกลิ้งลงบันไดมาถึงขั้นสุดท้าย ทิพย์วิ่งตามลงมาติดๆ เธอฝืนเฮือกสุดท้าย รีบหลบเข้าไปยังห้องรับแขกปิดล็อกประตู เอาหลังพิง เสียงมือหมุนลูกบิดดัง ก๊อก แก๊ก อยู่ 2 - 3 รอบ ทิพย์ฉุนเฉียว เธอมองไปรอบๆ เสียงหมุนลูกบิดหยุดลง เธอถอนใจอย่างโล่งอก เหมือนทุกอย่างจะเรียบร้อย แล้วมีดเล่มหนึ่งปักทะลุประตูเข้ามาแทน เธอกรี๊ดลั่น ถอยออกมาจากประตูทันที
“แกนี่มันฆ่ายากฆ่าเย็นจริงๆ ทุกอย่างมันคงจบไปนานแล้ว ถ้าแกตายไปตั้งแต่วันแรก”
เสียงทิพย์เข้าไปในห้อง นันทนัชได้ยินจนหมดสิ้น
“ฉันอุตส่าห์เตรียมแผนให้ทุกอย่างมันเป็นอุบัติเหตุ”
รถธีร์แฉลบลงข้างทางที่เป็นที่เนินไปไกลอย่างเบรกแตกหยุดไม่อยู่
“อ๊าก”
“อ๊าย”
แล้วรถก็ชนเข้ากับต้นไม้เสียงดังโครมใหญ่...รถอัดแน่นิ่งอยู่กับต้นไม้ ควันโขมง ทุกอย่างนิ่งเงียบ
ภายในรถ..ธีร์หัวแตกเลือดอาบสลบคาพวงมาลัย
“แต่แกก็ยังรอดมาได้”
เธอยืนอึ้งกับความจริงทีได้รู้ว่า น้าทิพย์คือคนฆ่าเธอ!!
นันยังช็อค จนกระทั่งได้ยินเสียงกระแทกประตู เธอเหลียวมองไปรอบๆ เพื่อหาอะไรป้องกันตัวแทน
บานประตูเริ่มถูกผลักเข้ามาเหมือนใกล้เปิดได้แล้ว เธอมองหาทางหนีทีไล่ ด้วยการคว้าเชิงเทียนแถวนั้นขึ้นมา
ประตูถูกพังเข้ามาในที่สุด ทิพย์ยืนถือมีดอยู่ แต่ยังไม่ทันเข้ามาในห้อง อยู่ๆ ก็ร่วงไปเพราะเจอเธอฟาดด้วยเชิงเทียน
นันทนัชเปิดประตูเข้ามาในห้องทำงานลิตร มือสั่น รีบหากุญแจ ทำของตกแตกไปหมดก่อนไปที่ลิ้นชัก เธอไขกุญแจ...
ทิพย์เลือดไหลที่หัว เดินหน้าขึงเข้ามา
“หาไรคะคุณนัน”
นันรีบไขกุญแจ มือสั่นหนักกว่าเดิม ทิพย์ถือมีดอยู่ในมือ เดินตรงเข้ามาหาเธอ
“อย่าทำให้เรื่องมันยากขึ้นเลยคุณนัน... เพราะคุณนัน ทำให้ทุกอย่างมันยาก น้าก็เลยจำเป็นต้องกำจัดคนอื่นที่เข้ามาข้องเกี่ยวไปด้วย”
เธอหยุดไข หันมามอง
“โดยเฉพาะคนที่มันคิดจะปกป้องคุณนัน”
เธอพึมพำ
“คุณกฤต”
“ ใช่ มันทำให้ฉันต้องทำงานยากขึ้น ฉันต้องส่งคนไปตามเก็บแกสองคนถึงที่”
เหตุการณ์ที่เขาใหญ่ ที่เธอและกฤตพนธ์ต้องหนีตาย นึกถึงเรื่องราวแล้ว นันทนัชก็สะอื้นไห้ด้วยความกลัว ตกใจ เสียใจ ปนเปไปหมด
“ไอ้พวกมือปืนกระจอก เสียแรงจ้าง ชั้นเลยต้องจัดการพวกมันทั้งหมด”
เสียงคนเดินคุยกันมาว่ามีคนตกตึกตาย รีบพากันไปดู เดินผ่านทิพย์ที่ต้องรีบหลบหน้า แล้วรีบเดินจากมา
จนถึงเหตุการณ์ ที่เชนมาขอเงินล้านบาท แล้วทิพย์ก็ฆ่าเชนและจับหงายหลังลงบ่อน้ำ
ทิพย์จับขาเชนขึ้นยก ทำให้ร่างเชนหงายหลังตกลงไปในบ่อ
“ไม่ว่าใครก็ตามที่มันขวางทางฉัน ฉันจะทำลายมันให้หมด”
นันทนัชน้ำตาไหล เธอไม่เข้าใจ ทิพย์เดินวนไปรอบๆ มีดยังอยู่ในมือเธอ
“ถ้าวันนั้นแกไม่ขอความช่วยเหลือจากไอ้ชิด มันก็คงไม่ต้องโดนไปด้วย น่าสงสารจริง ทั้ง ๆ ที่มันดีกับชั้น คอยดูแลชั้น เอาใจใส่เหมือนเป็นทาสรับใช้ คิดซะว่ามันคงถึงคราวตาย ที่มันต้องตายก็เพราะแก จำใส่กะลาหัวแกไว้ ว่าไอ้ชิด ต้องตายเพราะแก”
เธอมองทิพย์อย่างตกใจ ระคนสงสาร และกลัว
“ชั้นจะกำจัดทุกคนที่ขวางทาง”
เรือนริษยา ตอนที่ 24 อวสาน (ต่อ)
จู่ ๆ ทิพย์ก็ร้องไห้ เพราะพูดถึงชิด และจู่ ๆ ก็หยุดร้อง
“แกทำให้ชั้นต้องฆ่าคนหลายคน แกต้องรับผิดชอบการกระทำของแกนังนันทนัช”
เธอน้ำตาไหลพราก ไม่นึกไม่ฝัน ว่าน้าทิพย์จะเป็นเช่นนี้
“รวมทั้งนังศรีด้วย ยุ่งไม่เข้าเรื่อง”
กฤตพนธ์ขับรถและโทรศัพท์ไปด้วย
นันทนัช น้ำตาไหลไม่ขาดสาย สภาพร่างกายที่ว่าแย่ ไม่เท่าจิตใจเธอตอนนี้ ชีวิตสลายไปหมด
เธอกลั้นสะอื้น พูดเสียงขาดเป็นห้วงๆ
“น้าทิพย์..ให้คนไปทุบกระจก ร้านต้าด้วย..ใช่ไหมคะ”
ทิพย์หัวเราะลั่นแทนคำตอบ
“ก็มันสองคนบุกไปบ้านน้าก่อนทำไม แส่ไม่เข้าเรื่อง ไม่ฆ่าก็บุญแล้ว”
ทิพย์พูดต่อพลางหัวเราะ
“อ้อ แกก็เลยได้เจอจดหมาย ที่แกเคยถามชั้นว่าทำไมจดหมายพวกนี้ถึงอยู่ที่ชั้น ก็เพราะฉันไม่ต้องการให้มันถึงมือแม่ของแกไง”
เธอฟังความจริงจนสะอื้นตัวโยน
“พ่อแกยอมทำทุกอย่าง เพื่อให้ได้ความรักจากแม่แก ยอมแม้กระทั่งฆ่าพี่สาวของแม่แก เพื่อให้ได้อยู่กับนังรำเพย รู้ไว้ซะ ว่าแกเกิดมาเพราะการตายของพี่สาวแม่แก”
เธอไม่อยากจะฟังอะไรอีกแล้ว
ในห้องนอนเรไร ร่างในเงามืด เคลื่อนออกมาช้าๆ ตรงมาที่หัวเตียง ก้มลงหยิบเตาเล็กๆ สำหรับเอากำยาน ที่ยังมีควันกรุ่นอยู่ใส่ในถุง ก่อนจะเปิดหน้าต่างออก ลมเย็นยามค่ำคืนจากภายนอกพัดเข้ามาในห้อง ร่างในเงามืด เดินออกจากห้องไป เรไร นอนสิ้นลม อย่างเดียวดาย
กฤตพนธ์กำลังขับรถอย่างเร่งรีบ พร้อมโทรศัพท์
นัoทนัชรับฟังความจริงเรื่องพ่อเป้นครั้งแรก แทบหมดแรง
“คุณลิตรเค้ารักแม่แกอย่างเหลือเกิน รักเสียจนไม่เหลือเสี้ยวหัวใจแบ่งให้ฉัน”
ทิพย์พูดด้วยความช้ำพอกัน
“และที่ฉันรับเลี้ยงแก ก็เพราะหวังว่าคุณลิตรจะมองเห็นความดีของฉันบ้าง แต่สุดท้าย ฉันก็เป็นได้แค่เมียลับ”
เธอใจสลาย ความภักดีที่เคยมีต่อทิพย์ หมดสิ้นแล้ว เธอพูดออกมาช้าๆ
“รู้ไหมคะ ทุกคน พี่ธีร์ ต้า คุณกฤต เขาเตือนนันเรื่องน้าทิพย์หมด”
เธอน้ำตาไหลไม่หยุด
“แต่นันไม่เคยเชื่อใครเลย”
เธอสะอื้นตัวโยน
“นันเชื่อมาตลอดว่า คนที่คิดทำร้ายนันคือ ฤทัย”
“ฤทัย.. ฮะ ฮะ ฮ่า มันน่ะ ก็แค่เหยื่อตัวนึง ที่ฉันล่อให้แกตายใจ ว่าแผนทั้งหมดเป็นฝีมืออีนังโง่นั่น แต่ตอนนี้มันก็ได้ชดใช้กรรมในคุกไปแล้ว มันได้เสียลูกด้วยน้ำมือของมันเอง มันจะได้เข้าใจอย่างที่ฉันเคยเจ็บปวด มันจะได้รู้ว่าการถูกพรากลูกที่เป็นดั่งดวงใจ จากหัวอกของคนเป็นแม่นั้นมันเจ็บปวดยังไง” ทิพย์พูดพลางร้องไห้ออกมา
ทิพย์พูดเสร็จก็เสียศูนย์ ร้องไห้ออกมา มือที่ถือมีดอ่อนลง เธอจึงลองใช้ไม้อ่อนเข้าหา
“ นันรักน้าทิพย์เหมือนแม่ ชีวิตของนันมีแค่น้าทิพย์คนเดียว นันไม่มีใครแล้ว วันที่นันโดดเดี่ยวเหมือนไม่มีใคร แต่นันก็มีน้าทิพย์ น้าทิพย์คือทุกสิ่งทุกอย่างของนันนะคะ”
ทิพย์เหมือนจะซาบซึ้งขึ้นมา มองเธออย่างรักใคร่ เกิดความรู้สึกผิด ร้องไห้ออกมา
เสียงแกร๊กดัง ทิพย์หันมองทันที นันทนัชไขกุญแจสำเร็จ เปิดลิ้นชัก หยิบปืนขึ้นมาเล็งไปทางทิพย์ เธอปาดน้ำตา เม้มปากแน่น ทิพย์อึ้ง แววร้ายกลับมาเหมือนเดิม
“เลือดทรยศแกนี่มันแรงเหมือนพ่อไม่มีผิด”
นันจับปืนมั่นเล็ง ทิพย์ไม่ยี่หระ
“ยิงสิคะ”
เธอกะพริบตาถี่ หายใจหอบ
“ยิงน้าด้วยปืนที่แม่ของแกใช้ฆ่าตัวตายนั่นแหละ”
เธอเหมือนโดนจี้จุดอ่อน
เรื่องราวเหตุการณ์ที่รำเพยฆ่าตัวตายผ่านเข้ามาในความทรงจำ
“คุณลิตรเค้ารักแม่แกอย่างเหลือเกิน รักเสียจนไม่เหลือเสี้ยวหัวใจแบ่งให้ฉัน”
นันทนัชไร้เรี่ยวแรงจะถือปืน น้ำตานองกลบตา
“น้าอุตส่าห์จะทำให้คุณนันทรมานน้อยที่สุด”
เธอหมดแรงลงทุกที ตาเริ่มจะปิด
“ให้คุณนันไปสบาย เหมือนตอนที่พ่อคุณนันตาย”
เธอเบิกตาขึ้นมาทันที หยุดอึ้ง..ชะงัก
“น้าทิพย์... เป็นคนฆ่าพ่อเหรอคะ”
ทิพย์ยิ้มอย่างเลือดเย็นที่สุด แทนคำตอบ เธอลนลานแทบหยุดหายใจ ร้องไห้อย่างเจ็บปวด
ทิพย์พยักหน้าช้าๆ
“ฉันฆ่าพ่อแกด้วยวิธีเดียวกับพ่อแกฆ่าพี่สาวแม่แกนั่นแหละ”
เธออึ้ง เพิ่งรู้ความจริงทั้งหมดของตำนานครอบครัวเธอ และเพิ่งรู้ว่าที่เธอเริ่มมีอาการหมดแรงเพราะฤทธิ์รำเพย ทิพย์เดินช้า ๆ เพื่อไปตรงจุดที่เธอเคยได้สัมผัสลิตร ทิพย์ยิ้มหน้าตามีความสุข ใช้มือลูบไล้ลงบนพนักเก้าอี้อย่างหวนนึกถึงความหลัง
นันทนัชถอยในขณะที่ทิพย์ก้าวเข้ามา
“ชั้นรักเค้าหมดหัวใจ แต่เค้าไม่เคยเห็นชั้นมีค่าอะไรมากไปกว่าคนรับใช้ เค้ารักแม่รำเพยของแกมาก ๆ จนไม่เหลือที่ให้ชั้นยืนอยู่ในหัวใจของเค้า แม้แต่พื้นที่ตารางนิ้วเดียว ชั้นอดทนรอ เพื่อวันหนึ่งจะมีโอกาสได้ถูกรัก แต่วันนั้นมันก็ไม่เคยมาถึง ชั้นต้องยอมใช้เล่ห์กล มารยาทุกอย่าง เพื่อกำจัดแม่ของแกออกไปให้พ้นทาง”
เหตุนี้เองที่ทิพย์ฉีกจดหมาย และเก็บซ่อนไว้ แล้วไปบอกกับลิตรว่ารำเพยได้รับจดหมายแล้ว
เธอร้องไห้จะขาดใจ ทิพย์นั่งลงบนเก้าอี้ลิตร
“ชั้นคิดว่า ถ้าแม่ของแกตายไป ชั้นคงจะได้เสวยสุขอยู่ในเรือนรัตนะแห่งนี้ ได้ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ที่นี่ รวมทั้งชีวิตของพ่อแก ที่จะอยู่ในกำมือของชั้นตลอดไป แต่ชั้นคิดผิด ชั้นไม่เคยคิดว่า เค้าจะทำร้ายความดีงาม ความจงรักภักดีที่ชั้นมีให้เค้าอย่างหมดหัวใจ ด้วยการเอานังฤทัยมายำยีหัวใจชั้น เฉดหัวชั้นออกไปจากเรือนรัตนะเหมือนหมูเหมือนหมา ทั้ง ๆ ที่ลูกในท้องก็คือลูกของเค้า”
เธออึ้งกับสิ่งที่ได้ยิน
“น้าทิพย์ .... น้าทิพย์มีลูกด้วยเหรอคะ”
ทิพย์หันมาพูด
“ใช่ เค้าฆ่าลูกตัวเอง เค้าปล่อยให้นังฤทัยมันเอาคนมาทำร้ายลูกในท้องของชั้น ทั้ง ๆ ที่เค้าควรจะมีโอกาสได้เกิดมา ได้เห็นหน้าแม่ของเค้า ได้เก็บเค้าไว้เป็นตัวแทนของความรัก ความรักที่ชั้นมีให้กับผู้ชายคนหนึ่งอย่างสุดหัวใจ สิ่งเดียวที่เค้ามอบให้ชั้น คือความเจ็บปวด ความทรมาน ที่หลอกหลอนชั้นไปชั่วชีวิต”
ทิพย์ลุกขึ้น เธอถอยออก
“”ชั้นเฝ้ารอวันนี้มาเป็นสิบปี วันที่ชั้นจะได้กลับมาที่นี่ กลับมาเพื่อทำลายทุกชีวิตในเรือน
รัตนะ ให้มันย่อยยับลง เหมือนกันที่พวกแกเคยทำไว้กับชั้นไง”
นันทนัชหมดแรงเมื่อได้ยินเรื่องราวทั้งหมด ถึงกับทำปืนตก 2 คนพุ่งเข้าหาปืนพร้อมกัน แต่ทิพย์ได้ปืน เล็งปืนไปที่นันททนัช พร้อมกระชากเธออกจากห้อง
กฤตพนธ์ขับรถเข้ามาจอดหน้าเรือนรัตนะ และหยิบปืนออกมาด้วย
ทิพย์ กระชากนันทนัชออกมาที่โถงกลาง
“มานี่”
ทิพย์เหวี่ยงนันไปตรงกลางโถง พลางมองเรือนรัตนะไปรอบ ๆ พร้อมกับหัวเราะ
“จะไม่ขอร้องอะไรน้าหน่อยเหรอคะ”
เธอนิ่ง แววตาว่างเปล่า ปราศจากความรู้สึก เหมือนจะบอกว่า บางทีความตายอาจจะดีกว่าอยู่กับความจริงที่จะกัดกินเธอไปทั้งชีวิต
“บอกลา “เรือนรัตนะ” เป็นครั้งสุดท้ายซะนะคะ เราจะได้สิ้นสุดกันแค่นี้ น้าอโหสิกรรมให้คุณค่ะ”
นันทนัชหน้านิ่ง เหมือนพร้อมยอมรับความตาย
เสียงปืนดังขึ้น 1 นัด แต่... เธอยังคงอยู่ในสภาพปกติ ส่วนร่างทิพย์มีเลือดไหลออกมา ปืนในมือร่วง เธอเห็นกฤตพนธ์อยู่ด้านหลังชองทิพย์
ทั้งคู่โผกอดกันแน่น
“น้าทิพย์ฆ่าพ่อค่ะ น้าทิพย์ฆ่าพ่อ น้าทิพย์ฆ่าน้าชิด ฆ่าศรี และพยายามจะฆ่านัน น้าทิพย์
ฆ่าทุกคนค่ะ”
นันทนัชพูดไปสะอื้นไป
“ผมอยู่ที่นี่แล้วครับ ไม่ต้องกลัว”
ทิพย์นอนอยู่ แต่นิ้วกระดิก ปลายนิ้วทิพย์คืบไปหยิบปืน ยกปืนเล็งไปที่กฤตพนธ์ จนอีกฝ่ายล้มลง ปืนร่วงจากมือ ททิพย์กำลังจะลั่นไกอีกนัด แต่เธอคว้าปืนของเขายิงสวนไป ร่างทิพย์ร่วงลงพื้น
โศกนาฎกรรมของเรือนรัตนะ ปิดฉากลงแล้ว
ร่างของกฤตนอนนิ่งอยู่บนเตียง เตียงถูฏเข็นเข้ามาในวอร์ด เธอวิ่งตามมาด้วยท่าทีร้อนรน
“ญาติรอข้างนอกก่อนนะคะ”
พยาบาลกันตัวนันทนัชออก ประตูห้องไอซียูปิดลง
เธอเดินไปมาอยู่ที่หน้าห้อง พลันคิดถึงภาพความทรงจำระหว่างคน 2 คน และทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมา
เวลาต่อมา แฟนต้ากับธีร์เพิ่งเข้ามาในโรงพยาบาล
“นัน”
ธีร์มอง เขาไม่เคยเห็นเธออ่อนแอเท่านี้มาก่อน
“ใจเย็นๆ นะนัน คุณกฤตจะต้องปลอดภัย”
เธอพยายามพยักหน้า สายตาเธอยังมองผ่านประตูไปด้านใน...
จนหมอออกจากห้อง ทั้งหมดรีบกรูเข้าไปถาม
“คนไข้พ้นขีดอันตรายแล้วครับ”
เธอยิ้มทั้งน้ำตา
“คงใช้เวลาสักพักกว่าจะฟื้น ไม่ต้องกังวลนะ”
“ขอบคุณมากนะคะ ขอบคุณนะคะ”
หมอเดินออก เธอมองผ่านกระจกเข้าไปในห้อง เหมือนส่งความรู้สึกทั้งหมดไปให้เขาในห้อง
ธีร์ยิ้มยอมรับความพ่ายแพ้
เรือนริษยา ตอนที่ 24 อวสาน (ต่อ)
ภายในห้องนอน กนกกรเพิ่งรู้สึกตัว และตื่นชึ้น เธอเดินเห็นแก้วน้ำส้มที่แตกอยู่ และเริ่มทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้น นันทนัชเปิดประตูเข้ามา ยิ้มบางให้
"กิ๊บ เป็นไงบ้าง"
"เกิดไรขึ้น กิ๊บจำได้แค่กิ๊บทานน้ำส้มแล้วก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย"
แล้วทั้งสองคนคุยกันบนเตียง กนกกรตกใจกับเรื่องราวที่เธอเล่าให้ฟัง
วันใหม่ นันทนัชเดินถือกระเช้าของเยี่ยม มาตามทางเดินในโรงพยาบาล หน้าตาเบิกบาน โลกสวย หัวใจพองโต พอถึงประตูห้องที่แง้มอยู่ เธอก็เห็นกนกกรกำลังซบกอดกฤตพนธ์แน่น
เธออ้าปากค้าง ใจสลาย อุตส่าห์มาเฝ้าดูแล นอนคอยทั้งคืน... เธอชะงักเท้าจะถอยออก แต่กนกกรหันมาเห็นเธอก่อนและยิ้มให้อย่างจริงใจ
"กิ๊บกำลังจะกลับพอดีเลยค่ะ"
กนกกรหันไปมองกฤตพนธ์กล่าวลา
"กิ๊บลานะคะ"
นันทนัชอยากจะเดินออกไป แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ กนกกรเดินออกไปแล้ว แต่เธอยังไม่ยอมเข้ามา
"คุณจะไม่เข้ามาจริงๆ เหรอ"
เธอกลืนก้อนสะอื้น แอ๊บเข้มแข็งขึ้นมาทันที
"ฉันแค่อยากมาดู ว่าคุณฟื้นหรือตาย"
เขาหุบยิ้มทันที
"ถ้าฟื้นก็ดีแล้ว"
เธอพูดโดยไม่ขยับเข้ามาที่เตียง
"ฉันจะได้จัดการเรื่องส่วนแบ่งมรดก 10% ให้เรียบร้อย"
เธอเดินออกไปทันที เขาอึ้ง แทบจะทรุดอีกรอบ ไม่นึกว่า เธอจะปฏิบัติกับเขาแบบนี้ อุตส่าห์เฝ้าดูแลช่วยชีวิต
เธอน้ำตาเธอไหลเป็นทาง เร่งเดินเพื่อไปให้พ้นจากที่นี่ แฟนต้าตามเข้ามาพอดี เห็นสภาพเพื่อนก็งง
"นัน นัน"
เธอพยายามเช็ดน้ำตา
"เป็นอะไร"
เธอสะอื้น
"เปล่า"
"ทะเลาะกับคุณกฤตเหรอ"
เธอไม่ตอบ แต่เดินออกไปเลย ขณะที่แฟนต้ายืนงง ธีร์ก็เดินเข้ามาพร้อมของเยี่ยม
"อ้าว ต้า ทำไมไม่ขึ้นไปก่อนล่ะ พี่บอกแล้วไงซื้อของเยี่ยมแล้วตามไป"
"พอดีเจอนันมันก่อนอ่ะ"
"เออ เมื่อกี้ตอนจอดรถพี่ก็เจอคุณกิ๊บ สงสัยมาเยี่ยมคุณกฤตเหมือนกัน"
แฟนต้าทำหน้าอ๋อ...ทันที
"มิน่า"
"อะไร"
"ก็ยัยนันอ่ะดิ ร้องไห้เป็นนางเอก MV เลย สงสัยไปเห็นภาพบาดตาเข้า"
ธีร์กังวล หน้าตาครุ่นคิด
เธอสะอื้นร้องไห้ที่มุมหนึ่ง
"แม่คะ พ่อคะ เมื่อไหร่ทุกอย่างมันจะจบคะ นันเหนื่อยเหลือเกิน"
วันใหม่ กฤตพนธ์อยู่ในชุดไปรเวท เตรียมกลับ เขานั่งมองชื่อเธอในมือถือ อ่านข้อความเก่าๆ ที่เคยไลน์หากัน บางข้อความหวานจนเขาสะเทือนใจ เขาลดมือถือลง ถอนใจ
เสียงเคาะประตูดัง เขาแอบยิ้มออกมาอย่างดีใจเพราะคิดว่าเป็ฯเธอ แต่คนที่เข้ามาคือภาณุ เขาหุบยิ้มส่ายหน้า
"อ้าว เฮ้ย เพื่อนอุตส่าห์มารับกลับ ทำไมทำหน้างั้นวะ"
"เออ ขอบใจ"
เขาพูดเสียงห้วนๆ เดินไปเก็บของ ภาณุเดินเข้ามาพร้อมหนังสือพิมพ์ในมือ
"อ่ะ แกดูนี่"
เขารับหนังสือพิมพ์มาดู เห็นข่าว สำนักงาน สมุทรชัยทนายความถูกปิด สองพ่อลูกถูกดำเนินคดีฉ้อฉล แล้วภาณุยื่นซองน้ำตาลอีกซองมาให้
"อ่ะ เจ้าหน้าที่พยาบาลเค้ายื่นมาให้ชั้น บอกมีคนฝากไว้ให้"
เขาแกะออกดูเป็นสมุดบัญชีชื่อเขา พร้อมลายมือเขียนว่า ส่วนแบ่ง 10% / เขาโกรธมาก
"เป็นไรของแก"
นันทนัช ธีร์ ต้า มาฝังเถ้ากระดูกใต้ต้นรำเพย เธอเอาดินกลบ หน้าเศร้า ร้องไห้
"อโหสิกรรมให้นันนะคะน้าทิพย์"
3 คน ยกมือไหว้
"ต้ากับธีร์ขออโหสิกรรมให้น้าทิพย์ค่ะ"
แฟนต้าขอตัวไปเก็บของที่รถ ธีร์อยู่ข้างๆ ถือกรอบรูปขาวดำของน้าทิพย์ไว้
"หวังว่าเรื่องทุกอย่างจะจบลงเสียที พี่อยากเห็นนันมีความสุข"
"นันไม่รู้แล้วค่ะ ว่าความสุขคืออะไร"
"นัน พี่ขออะไรอย่างได้ไหม"
"อะไรคะ"
"สัญญากับพี่ ว่านันจะไม่ทำตัวแบบที่ผ่านมากับคุณกฤต"
"พี่ธีร์...นัน"
"อย่าโกหกตัวเองเลย พี่รู้ว่านันรู้สึกยังไงกับคุณกฤต และพี่ก็เชื่อว่าเขาจะดูแลนันได้ดีกว่าพี่ หลังจากนี้ พี่ธีร์คงไม่มีเวลาดูแลนันแล้วนะ"
ธีร์พูดพลางหยิบกล่องแหวนออกมา
"พี่จะลองขอต้า นันว่าต้าจะว่ายังไง"
เธอยิ้มดีใจมาก
"ถ้ามันไม่ตอบตกลง มันคงต้องโดนอะไรตกใส่หัวจนสมองเพี้ยนแน่ๆ"
ธีร์หัวเราะ
"สัญญากับนันนะคะ ว่าพี่ธีร์จะทำให้ต้ามีความสุขที่สุด"
ธีร์พยักหน้าเต็มร้อย เขาคืนกรอบรูปทิพย์ให้นัน แล้วเดินไป เธอนั่งเหม่อๆ ลำพังคนเดียว มองรูปทิพย์
"พี่นันคะ"
เธอหันมองตามเสียง
กนกกรเดินมาหา ยิ้มให้อย่างจริงใจ ดูนิ่ง เป็นผู้ใหญ่ เป็นคนละคน
"จะไปเที่ยวไหนเหรอคะ"
"กิ๊บ มาลาค่ะ จะไปเรียนต่อสักพัก"
"เรียนต่อ"
"ค่ะ ก่อนจะไป กิ๊บอยากขอให้พี่นันยกโทษให้กิ๊บและครอบครัวด้วย รวมทั้งเรื่องพี่กฤต"
เธองงหนักขึ้นอีก รู้สึกแปลกและอิ่มใจกับที่กนกกรเรียกพี่อย่างเต็มปาก
ย้อนเวลากลับไปที่โรงพยาบาลในวันนั้น กนกกรเดินเข้ามา เขายังหลับอยู่บนเตียง แล้วค่อยๆ ลืมตาเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามา
"พี่กฤตหลับอยู่รึเปล่าคะ ไว้กิ๊บมาใหม่ดีกว่า"
"ไม่ต้องหรอก พี่หลับมาจะอาทิตย์แล้ว ให้พี่ตื่นเถอะ"
กนกกรนั่งลงข้างๆ
"กิ๊บเป็นยังไงบ้าง"
"ดูสิ ตัวเองแย่ขนาดนี้ ยังต้องนึกถึงคนอื่นอีก"
"ก็กิ๊บเป็นน้องสาวพี่"
เขาหมายความตามนั้นจริงๆ เธอยิ้มยอมรับสภาพ
"น้องสาวที่ไม่ได้เรื่อง เอาแต่ใจ ไม่เคยคิดถึงคนอื่น"
กนกกรพูดอย่างสำนึกผิด เขาเอื้อมมือมาลูบหัวเธอเบาๆ
"ขอบคุณนะคะ ที่ดูแลน้องสาวคนนี้มาตลอด แต่ตอนนี้ กิ๊บคิดว่าถึงเวลาแล้ว ที่กิ๊บต้องหัดโตเป็นผู้ใหญ่ซะที"
"กิ๊บจะไปไหน"
"กิ๊บว่าจะไปเรียนต่อด้านบริหารที่ออสเตรเลียค่ะ กิ๊บติดต่อเอเย่นซี่ ให้เขาดีลที่เรียนไว้ให้แล้ว"
"แล้วจะอยู่ได้เหรอ"
"ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ กิ๊บเป็นภาระของพี่กฤตมาเยอะแล้ว ยกโทษให้กิ๊บนะคะ ต่อไปนี้ ขอให้พี่กฤตมีชีวิตที่ดีนะคะ"
"ยังไงกิ๊บก็เป็นน้องสาวของพี่เสมอนะ"
เขาลูบหัวกนกกรอย่างเอ็นดู เธอโผเข้ากอด และเป็นจังหวะที่ นันทนัชเข้ามาพอดี
นันทนัชอึ้งกับสิ่งที่เธอเข้าใจผิดไปเอง
"เขาไม่เคยรักกิ๊บหรอกค่ะ มีแต่กิ๊บที่พยายามไปเอง ถ้าเขารักกิ๊บบ้าง กิ๊บคงไม่ต้องเหนื่อยขนาดนี้"
กนกกรพูดอย่างยอมแพ้ราบคาบ
"แล้วจะไปนานไหมคะ"
"ปีนึง สองปี ไม่รู้สิคะ ไม่อยากเอาแน่อะไรกับอนาคต"
กนกกรพูดอย่างปล่อยวาง เธอดูนิ่งขึ้นจริงๆ เธอมองไปรอบๆ เสียงสั่น
"ตั้งแต่เกิดเรื่องตารณ เรื่องแม่.. จนเรื่องน้าทิพย์...ทุกอย่างมันรุมเข้ามารวดเร็วมาก จนกิ๊บ..กิ๊บสับสนไปหมด ชีวิตคนเรามันสั้นจะตาย เราไม่มีเวลามากเท่าที่เราคิดหรอก อยากทำอะไรก็ควรรีบทำ"
กนกกรมองนาฬิกา
"กิ๊บต้องไปละค่ะ พี่นันยังไม่บอกเลย ว่าอภัยให้กิ๊บรึยัง"
เธอพยักหน้า น้ำตารื้น
"ถึงยังไง กิ๊บก็เป็นน้องสาวคนเดียวที่พี่มี"
กนกกรยิ้ม ลุกขึ้นแล้วโผกอดนันทนัช น้ำตาไหล
"ขอบคุณนะคะพี่นัน"
"เดินทางดีๆ นะกิ๊บ"
"แล้วไว้กิ๊บจะกลับมาเยี่ยมนะคะ"
กนกกรเดินไป เธอยังยืนนิ่ง สะอื้น รู้สึกผิด อาลัยในหลายสิ่ง
เสียงโทรศัพท์ดัง แต่เธอไม่รับ
ภายในร้านกาแฟ กฤตพนธ์มองเอกสารสมุดบัญชีในมือ
"เฮ้อ ดูเหมือน หัวใจหมวดกฤตจะทะลุยิ่งกว่าโดนลูกปืนอีกว่ะ"
เขาฉุน แต่ภาณุขำ
"ก็ไม่ไปเคลียร์กันให้เรียบร้อยวะ"
"ตอนจะตายเขายังไม่ไปเยี่ยม แถมฝากเอกสารเรื่องส่วนแบ่งพินัยกรรม 10% ไว้กับแก แกคิดว่าเขาจะอยากเห็นหน้าฉันเหรอวะ"
ภาณุตบบ่าเพื่อน
"เอาหน่ะ ระดับหมวดกฤต ไขคดียากๆ มาเป็นพันๆ คดี คดีหัวใจแค่นี้ ไม่ยากเกิความสามารถหรอก"
เขานั่งเครียด มองเอกสารอย่างครุ่นคิด
ธีร์แบกของใช้ในถุงพลาสติกส่งให้แฟนต้าคอยจัดลงในกระโปรงหลัง เธอจัดของเสร็จเรียบร้อย ตะโกนถามโดยไม่หันหน้ามา
"หมดยังพี่ธีร์"
"ยัง"
"ก็ส่งมาดี๊"
ธีร์ยิ้ม มือไพล่หลังไว้
"เอามือมาดิ"
ต้าไม่หันหน้ายืนมือไปรับ เขาวางกล่องแหวนลงในมือต้า
"ทำไมถุงนี้มันเบาๆ อ่ะ"
เธอตกใจ
"พี่ธีร์"
"เปิดดูสิ"
แฟนต้ามือสั่น ค่อยๆ เปิด ในกล่องแหวนเป็นแค่กระดาษโน้ต เขียนว่า เป็นแฟนกันนะ
เธอยิ้ม แต่ทำไก๋พูดว่า
"ตกใจหมด นึกว่าแหวน"
"แล้วถ้าเป็นแหวนจริงๆ ล่ะ"
คราวนี้ธีร์ควักแหวนวงเกลี้ยงๆ ออกมาจากกระเป๋า โชว์ เธอน้ำตาไหลด้วยความดีใจ
"พี่ธีร์ มุกอีกไหม"
"ไม่แล้ว"
"ต้าแต่งจริงนะ"
ธีร์หัวเราะขำ
"ใครเค้าแต่งเล่นๆ กันเล่า"
ธีร์พูดพลางคุกเข่าสวมแหวนให้ แฟนต้าโผกอด ดีใจมาก
"พี่ขอโทษนะ ถ้าเคยทำให้ต้าเสียใจ ต่อไปนี้พี่ขอดูแลต้า ชดเชยแทนนะ"
เธอกอดธีร์แน่น
"แล้วนันมันรู้ไหมเนี่ย"
ธีร์หัวเราะ
"เคลียร์หมดแล้ว"
"ค่อยยังชั่ว เฮ้อ เหลือแต่เรื่องของนันมันนั่นแหละ"
เรือนริษยา ตอนที่ 24 อวสาน (ต่อ)
แล้วก็ถึงวันนับเริ่มต้นใหม่ที่เรือนรัตนะ นันทนัชเดินดูการขยับข้าวของภายในบ้าน มีสาวใช้คนใหม่ และแม่ครัวเข้ามา แฟนต้าเดินเข้ามาพร้อมกระเป๋าเสื้อผ้า
"แกหอบอะไรมาเยอะแยะเนี่ย จะอยู่เป็นเดือนเลยรึไง"
"เอ้า อุตส่าห์หวังดี กลัวเพื่อนเหงา งั้นฉันกลับละนะ"
แฟนต้าจะเดินออก แต่เธอรั้งตัวไว้
"เดี๋ยว ๆๆฉันกลัวพี่ธีร์จะมาว่าฉันต่างหาก ก็เห็นพวกข้าวใหม่ปลามัน ไม่รู้จะคิดถึงกันวันละ 3 เวลา หลังอาหารรึเปล่า"
แฟนต้ายืนเขิน บิดม้วน
"เอาๆๆๆตัวจะม้วนกลายเป็นเถาวัลย์แล้ว ไปขึ้นบ้าน"
เธอช่วยเพื่อนถือของ แล้วเดินเข้าบ้านไป
แฟนต้าเดินขนของเข้ามาไว้ในห้องนันทนัช
"แกจะอยู่ไหวจริง ๆ เหรอวะ คนเดียว บ้านหลังเบ้อเริ่ม"
"ไม่รู้เหมือนกันว่ะ ทำไงได้อ่ะ พินัยกรรมบอกห้ามขายทิ้งด้วย"
"ฉันว่าแกเปิดเป็น Nursery ไหม จะได้ไม่เหงา"
เธอหัวเราะ โทรศัพท์นันทนัชดัง พอรู้ว่าเป็นสายกฤตพนธ์ เธอก็กดสายทิ้ง แฟนต้าแอบเห็น
"ไม่ก็หาใครสักคนมาอยู่ด้วย"
เธอถอนหายใจ
"ชีวิตมันสั้นนัก ทำไมแกไม่รีบหาความสุข ไม่รู้สึกว่าอะไรในชีวิตมันหายไป ลองคิดดูนะ"
เธอหน้าเครียด แฟนต้าแตะไหล่เพื่อนแล้วเดินไป
นันทนัชนั่งมองโทรศัพท์ หน้าซึมเศร้าคิดถึงเมื่อครั้งที่กฤตพนธ์เคยมาอยู่ในเรือนรัตนะเพื่อดูแลเธอ ทำให้เธอไม่ต้องพึ่งยานอนหลับ ช่วยหาชิ้นส่วนของรูปที่หายไป
คิดแล้วให้รู้สึกเสียใจ มองรูปแม่ที่เคยถูกฉีกในมือ ก่อนคว้ากุญแจรถ รีบลงจากเรือนไปทันที
เธอเดินตรงไปที่รถซึ่งเตรียมสตาร์ท แต่แล้วเธอก็ต้องตกใจ กฤตพนธ์มารออยู่ที่เรือนรัตนะ สีหน้าเขายังโกรธ แต่เธอยิ้ม เขาถือบุ้กแบงก์ที่เธอโอนเงิน 10 เปอร์เซนต์ให้
"ผมมีมารยาทพอที่จะเอามาคืนด้วยตัวเอง"
เขายื่นบุ้กแบงก์คืนให้ แต่เธอไม่ยอมรับ
"ถ้าคุณไม่รับ ผมก็จะโยนมันทิ้งตรงนี้"
"อย่าทำแบบนี้ได้ไหมคะ"
"แล้วที่คุณโยนความรู้สึกที่ผมมีให้ขว้างทิ้งล่ะครับ"
เธอพูดไม่ออก
"ผมเคยนึกชื่นชมที่คุณเป็นผู้หญิงแข็งแกร่ง ทั้งที่ผ่านเรื่องราวมากมาย ผมเคยอยากปกป้องคุณ แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่า ผมควรปกป้องตัวเอง ให้ห่างจากผู้หญิงไม่มีหัวใจอย่างคุณต่างหาก"
เขาพูดเสร็จก็ยื่นสมุดบัญชีให้อีก เธอจำใจรับมา เขาเดินจากไป เธอหัวใจสลาย
นันทนัชนั่งซึมใต้ต้นรำเพย มองใบ ดอก ที่ปลิดปลิว ร่วงหล่น เคว้งคว้าง
"ชั้นว่าแกหยุดเรียกร้องความสนใจด้วยส่วนแบ่ง 10% อะไรของแกนั่นได้แล้ว ตระกูลเค้าก็ไม่ได้ธรรมดานะ เค้าไม่จำเป็นต้องมาเสี่ยงตายเพื่อหวังมรดก 10 % ของแกหรอก ชั้นว่ามันอาจทำให้แกดูไม่ดีเปล่า ๆ มันเหมือนเราไปดูถูกเค้า แกลองไปคิดใหม่หน่อยแล้วกัน"
กฤตพนธ์นั่งซึมในร้าน ทั้งที่ค่ำมืดแล้ว
หลายวันผ่านไป นันทนัชรูดซิปกระเป๋า อีกมือหยิบพาสปอร์ตพร้อมตั๋วเครื่องบินไปอังกฤษ
เธอมองไปรอบๆ ห้อง แล้วเดินออก
ตัดไป
กฤตพนธ์ยังนั่งซึมๆ อยู่ในร้านกาแฟ ธีร์เดินเข้ามาหา
"หวัดดีครับ"
"มีอะไรรึเปล่าครับ"
"ผมอยากคุยกับคุณ เรื่อง...คุณนัน"
เขาขมวดคิ้ว สังหรณ์ใจทางไม่ดี
"ไม่ว่าจะเรื่องอะไร ผมยินดีด้วยครับ"
"ยินดีอะไรครับ"
"ยินดีถ้าคุณจะมาบอกผมว่าคุณกับนันรักกัน"
"ผมรักนันครับ แต่เขาไม่เคยรักผม"
เขาชะงักเมื่อร็ความจริง
"ผมพยายามจะเอาชนะใจเขา แต่ไม่เคยสำเร็จ แต่ผมก็ยังพยายาม จนวันนึง ที่ผมเห็นเขาร้องไห้เพราะคุณ"
"ร้องไห้เพราะผม"
"ครับ วันที่คุณเข้าโรงพยาบาล นันมาเฝ้าทุกวัน ผมไม่เคยเห็นเขาอ่อนแอเท่านี้มาก่อน ถ้าไม่เรียกว่ารัก ผมก็ไม่รู้จะเรียกสิ่งที่นันทำว่าอะไร"
กฤตพนธ์ยืนฟัง แอบดีใจยิ้มให้ ธีร์ยิ้มอย่างยอมรับความพ่ายแพ้
" ผมต่างหากที่ต้องบอกคุณว่า ยินดีด้วยที่เอาชนะใจนันได้"
สองหนุ่มคลี่คลาย ธีร์จะเดินออก หันมาบอก
"นันเค้าจะกลับอังกฤษสักพัก คุณยังพอมีเวลาปรับความเข้าใจนะครับ"
กฤตพนธ์รีบออกจากร้านทันที
นันทนัชเดินเข็นกระเป๋าเดินทางมา ก็ต้องตกใจเห็นรถกฤตพนธ์เข้ามาจอดที่เรือนรัตนะ เธอเบือนหน้าหนี
"คุณจะไปไหน"
"คุณจะสนใจทำไม"
เขาเดินเข้ามาคว้าข้อมือ เธอสะบัด
"ปล่อยนะ"
เขากลับโอบจากด้านหลัง รัดแน่
"คุณไม่ไปได้ไหม"
เธอหน้าแดง ดิ้นขัดขืน จนหลุดออกมาจากอ้อมกอดกฤต
"อะไรของคุณ วันก่อนก็ไล่ฉันไปจากชีวิต อยู่ๆ วันนี้ก็กลับมา คุณจะเอายังไงกับฉันกันแน่"
"ผมไม่เอายังไง แค่ไม่อยากให้คุณไปไหนทั้งนั้น จนกว่าจะทำตามสัญญาที่ให้ไว้ก่อน"
"ฉันทำแล้ว แต่คุณก็เอามาคืน"
" ก็อันนั้นผมไมได้ขอ แต่ผมเคยขอส่วนแบ่งอื่นไว้"
เธออายเริ่มยิ้ม
"ถ้าผมมาขอทวงส่วนแบ่งนั้น คุณจะยินดีให้ผมไหม"
เธอทำเก๊กพูดเสียงแข็งๆ
"ก็ถ้าให้ แล้วจะเอามาคืนอีกป่ะล่ะ"
กฤตแอบยิ้ม
"ถ้าเป็นส่วนแบ่งหัวใจ ยังไงก็ไม่มีทาง ตกลงจะให้ไหม"
เธอพยักหน้าเขิน
"งั้นก็พูดเป็นหลักฐานให้ผมมั่นใจ"
"จะให้ฉันพูดอะไร"
"คุณก็รู้ว่าผมอยากฟังคำไหน "
เธอเขินก้มหน้า ไม่กล้าพูด เขาทำท่าจะเดินออก กลับหันหลัง เธอฟึดฟัดโพล่งออกมาเบาๆ
"ฉัน..ฉัน..รักคุณ"
เขาดีใจมาก แต่แกล้งทำเก๊ก เดินถอยห่าง
"คุณว่าอะไรนะ ผมไมได้ยิน"
"ฉัน...รักคุณ"
"อะไรนะ ฟังไม่ชัดอ่ะ"
เขาทำท่าเดินถอยห่างอีก
"ฉัน...ฉัน..รักคุณๆๆๆๆ ได้ยินยัง"
เขาหัวเราะ หันหน้ากลับมามอง สองคนยืนห่างกัน เขาตะโกนกลับเสียงดังลั่นเรือนรัตนะ
"ผมก็รักคุณ..."
สองคนยิ้มอายๆ บนระเบียงเรือนรัตนะ ธีร์กับต้า ยืนมอง 2 คนอยู่ด้านล่าง
จบบริบูรณ์