รักนี้เจ้จัดให้ ตอนที่ 2
รถตู้วิ่งมาตามถนนมุ่งหน้าเข้าเมือง จุ้มจิ้มกับลูกจันนั่งเบาะหน้า ติ๊ด ชิน และก๊องนั่งเบาะหลังหลับอย่างเหนื่อยอ่อน ต๋อย แซนดี้ และปีโป้นั่งเบาะกลาง ต๋อยนั่งอ่านหนังสือ ปีโป้มองข้างทางอย่างเบื่อๆ แซนดี้พยายามชูโทรศัพท์หาสัญญาณอย่างใจจดใจจ่อ
แซนดี้ตะโกนอย่างดีใจ “เย้...สัญญาณมาแล้ว”
เสียงข้อความจากโทรศัพท์ของทุกคนในรถดังขึ้นพร้อมกันรัวถี่ยิบเหมือนมีคนรัวเอ็มสิบหก คนที่นอนหลับอยู่สะดุ้งตื่นเพราะตกใจ
“เสียงอะไร เสียงอะไร” ต๋อยถาม
“ข้อความโทรศัพท์ฮะ” จุ้มจิ้มตอบ
ลูกจันแปลกใจ “87 ข้อความ!!!...เมื่อวานถึงวันนี้มีคนโทรหาฉัน 87 ครั้งเลยเหรอ?”
ทุกคนในรถกดดูข้อความในโทรศัพท์ตัวเอง ต๋อยดูข้อความแล้วพูดด้วยความแปลกใจ
“มินไม่เคยโทรหาพี่เลยวันนี้โทรมาทำไม”
“นั่นสิคะเครื่องแซนดี้ก็มีข้อความว่าพี่มินโทรเข้ามาเหมือนกัน”
“จุ้มก็มีฮะ”
ติ๊ด ชิน และก๊องพูดพร้อมกัน “ฉัน/ผมก็มี”
“ของฉันก็มี เอ๊ะ..หรือคุณวิจะปิดเซเลบ มินเลยจะโทรบอกพวกเราว่าไม่ต้องถ่ายปกแล้ว” ปีโป้เดา
ลูกจันพูดกับปีโป้อย่างไม่พอใจ “เซเลบยอดขายทิ้งห่างทีนคลับที่เพื่อนสนิทเธอเป็น บก.ตั้งหลายช่วงตัวฉันว่าคุณวิคงจะปิดทีนคลับมากกว่า ยัยมินถึงกระหน่ำโทรหาคนของเซเลบเพื่อขอสมัครงาน”
ปีโป้ค้อนลูกจันด้วยความหมั่นไส้แล้วกดดูข้อความต่อ ลูกจันมองปีโป้แล้วยิ้มเยาะอย่างสะใจแล้วก็ดูข้อความในมือถือต่อ
“พีทหนึ่งมิสคอล ป้าภา 4 มิสคอล บอส 20 มิสคอล”
ลูกจันรีบกดโทรศัพท์ไปหาวิมาดาด้วยสีหน้าเครียด
“ค่ะบอส...” ลูกจันตกใจมาก “อะไรนะคะ..ข่าวลือแน่ๆค่ะพีทเป็นคนร่าเริงมองโลกในแง่ดี..ไม่มีปัญหาชีวิตที่จะเป็นเหตุจูงใจให้ทำแบบนั้นเลยสักนิดเดียว..เดี๋ยวจันขอโทรหาพีทก่อนนะคะ”
ลูกจันกดโทรศัพท์โทรหาพีท
“ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก”
ลูกจันกดตัดสายแล้วโทรหาป้าภา เสียงโทรติดแต่ป้าภาไม่รับสาย ลูกจันเริ่มร้อนใจ เธอกดตัดสายแล้วโทรหาพีทอีกครั้ง
“ไม่มีสัญญาณตอบรับ”
ลูกจันกดตัดสายอย่างร้อนใจแล้วหันไปพูดกับทุกคนที่กำลังอ่านข้อความในโทรศัพท์
“มีข่าวว่าพีทฆ่าตัวตาย”
ทุกคนในรถตกใจ
“ใครมีไอโฟน ไอแพด เครื่องมือสื่อสารอะไรเอาออกมาให้หมด เข้าทุกเว็บ ใครเจอข่าวพีทรีบบอกด่วน” ลูกจันสั่ง
จุ้มจิ้มรับคำ “ฮะ”
ทุกคนรวมทั้งปีโป้รีบเข้าเว็บไซต์เพื่อเช็คข่าวพีท
อิงอรที่แต่งหน้าทำผมอย่างสวยงามกำลังนั่งให้ช่างทำเล็บ ส่วนณัฐนั่งอ่านข่าวพีทในไอแพดเพื่อรออิงอร เสียงข้อความมือถือดังขึ้น ณัฐหยิบมาดูเห็นข้อความ “ลูกจัน 0817377337 สามารถติดต่อได้แล้วในขณะนี้/ The number is now available” ณัฐมองอิงอรอย่างระวังแล้วก็ลุกไป
กองถ่ายตอนกลางคืนมีช่างไฟกำลังจัดไฟ ป้าอ้อยกำลังคุยโทรศัพท์กับลูกจันอยู่หน้ามอนิเตอร์อย่างร้อนใจ
“วันนี้พีทไม่มีคิวถ่าย..แต่พอรู้ข่าวทางกองก็พยายามติดต่อพีทแต่ก็ติดต่อไม่ได้เลยค่ะ”
ลูกจันคุยโทรศัพท์กับป้าอ้อย
“งั้นแค่นี้ก่อนนะคะป้าอ้อย จันจะโทรถามกองเอ็มวีว่าพีทไปถ่ายเอ็มวีหรือเปล่า”
ลูกจันวางโทรศัพท์ด้วยความร้อนใจ
“ไม่มีใครติดต่อพีทได้เลย ป้าภาก็ไม่รับสาย...หรือพีทจะเป็นอะไรไปจริงๆ”
“ใจเย็นๆฮะ..พี่ลูกจันบอกเองว่าพี่พีทไม่มีปัญหาอะไรให้ต้องฆ่าตัวตาย จุ้มว่าพี่พีทไม่เป็นอะไรหรอกฮะแต่อาจจะขี้เกียจตอบคำถามเลยปิดโทรศัพท์หนีนักข่าวน่ะฮะ”
ลูกจันถอนหายใจเพราะเป็นห่วงพีท เสียงมือถือของลูกจันดัง ลูกจันรีบดูหน้าจอก็เห็นว่าณัฐโทรเข้ามา เธอมองอย่างหงุดหงิดจะกดตัดสายแต่แล้วก็ชะงักเปลี่ยนใจ
ลูกจันกดรับสาย “ฮัลโหล”
ณัฐที่อยู่ที่ร้านทำผมทำเสียงตื่นเต้น
“ลูกจัน..ติดต่อได้ซะทีพี่ห่วงลูกจันแทบแย่ รู้ข่าวพีทรึยังคะ”
“รู้แล้ว”
“ลูกจันคงตกใจมาก..ทำใจดีๆไว้นะ”
ลูกจันสวนขึ้นมาทันที “ฉันไม่ต้องการคำปลอบใจของคุณ มีธุระอะไรก็ว่ามา ถ้าไม่มีฉันจะวางสาย”
“มีค่ะมี..เอ่อ..เรื่องพีทน่ะค่ะ” ณัฐบอก
ลูกจันที่นั่งอยู่ในรถตู้ยิ้มเหยียดๆ อย่างรู้ทัน
“ลูกจันติดต่อพีทได้รึยังคะ..ตกลงพีทฆ่าตัวตายจริงรึเปล่า” ณัฐถาม
“ฮึ..ชั้นนึกเชียวว่าแล้วว่าคนที่รักแต่ตัวเองอย่างคุณคงไม่ได้โทรมาเพราะห่วงฉันหรอก..ตกลงจะโทรมาเช็คข่าวใช่มั้ย”
“ไม่จริงค่ะ พี่โทรมาเพราะเป็นห่วงลูกจัน กลัวลูกจันจะเป็นอะไรไปถ้าข่าวพีทเป็นเรื่องจริง พี่ห่วงลูกจันเสมอนะคะ...แต่ถ้าลูกจันไม่เห็นความห่วงใยของพี่คิดว่าพี่แค่โทรมาเช็คข่าวก็ไม่ต้องบอกอะไรพี่ก็ได้ค่ะ”
“อือ..แค่นี้นะ” ลูกจันตัดสายไป
ณัฐมองโทรศัพท์อย่างหงุดหงิดเช่นกัน
“วางสายจริงๆเหรอวะเนี่ย..บ้าเอ๊ย”
ณัฐเดินกลับเข้ามาในร้าน อิงอรที่ทำเล็บเสร็จเดินมาหาแล้วพูดทีเล่นทีจริง
“อรเห็นนะคะว่าพี่ณัฐออกไปคุยโทรศัพท์..อรทำเล็บแป๊บเดียวพี่ณัฐฉวยโอกาสโทรหากิ๊กเลยเหรอคะ”
“กิ๊กเกิ๊กที่ไหนกันล่ะคะ พี่โทรคุยกับนักข่าวเรื่องพีท” ณัฐแก้ตัว
“จริงนะ”
“จริงสิคะ..พี่รักอรคนเดียวจะมีใจให้ใครเป็นกิ๊กได้ยังไง”
“แล้วเป็นยังไงบ้างคะมีข่าวอะไรคืบหน้ามั้ย” อิงอรถาม
“ยังไม่มีเลยค่ะ” ณัฐพยายามเปลี่ยนเรื่อง “ทำเล็บเสร็จแล้วเหรอ”
“ค่ะ”
“ไหนดูซิว่าทาสีอะไร” ณัฐจับมืออิงอรมาดู “สีสวยเชียว” ณัฐมองอิงอร “สวยตั้งแต่หัวจรดเท้า คุณพ่อคุณแม่พี่ต้องภูมิใจมากๆเลยค่ะที่จะได้สะใภ้สวยๆอย่างอร”
อิงอรยิ้มเขิน ณัฐมองอิงอรแล้วยิ้มตาหวาน
พอลนั่งอยู่ที่โซฟามองนักข่าว20คนที่รุมล้อมด้วยความอึดอัดแต่ก็แกล้งยิ้มหวาน นักข่าวรุมกระหน่ำถ่ายรูปพอลไม่ยั้ง
“พวกคุณเห็นแล้วนะครับว่าผมสบายดีไม่ได้ฆ่าตัวตายอย่างที่มีคนเอาไปลือ..งั้น..แค่นี้นะครับ”
พอลรีบสรุปแล้วลุกขึ้นเพราะจะรีบหนีเนื่องจากกลัวถูกจับได้
นักข่าวห้ามไว้
“จะรีบไปไหนละคะ ไหนๆก็เจอกันแล้วอยู่คุยกันก่อนนะคะ”
นักข่าวมองพอลแล้วยิ้มอย่างมีแผนเพราะมั่นใจว่าเขาโกหกแน่ๆ พอลมองนักข่าวอย่างอึดอัดแต่ต้องแกล้งยิ้มหวานให้
ป้าภาที่สวมหน้ากากเข็นพีทที่ใส่หน้ากากมีผ้าห่มคลุมหัวมาตามทางเดินมาด้วย พีทร้องไห้สะอึกสะอื้น
ป้าภามองพีทด้วยความตกใจ “ปวดท้องมากจนร้องไห้เลยเหรอ...งั้นนั่งดีๆนะเดี๋ยวป้าจะเข็นวิ่งเลย”
“ไม่ต้องหรอกครับ...พีทไม่ได้ปวดท้องมากขนาดนั้นแต่ที่ร้องไห้เพราะตื้นตัน ที่พอลช่วยพีท” พีทสะอื้น “ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าพอลจะเปลี่ยนใจยอมช่วย”
“แต่ป้ามั่นใจนะว่ายังไงพอลก็ช่วยพีทแน่ๆ”
พีทมองหน้าป้าภาด้วยความแปลกใจ “มั่นใจ?”
ป้าภาพยักหน้า “ถึงพอลจะไม่ได้อยู่กับป้า แต่ป้าก็ไปเยี่ยมครอบครัวพีทที่อเมริกาเกือบทุกปีป้าเห็นมาตลอดว่าพอลชอบช่วยเหลือคน ชอบช่วยเหลือสัตว์ เป็นคนอ่อนโยน”
ป้าภาทำหน้าแหยๆเมื่อคิดถึงความแสบของพอลในสมัยเด็ก
“เอ่อ...ปะเป็นเด็กดีมาตลอดขนาดนั้น...แล้วนี่พี่ชายฝาแฝดที่คลานตามกันมาเดือดร้อน พอลจะไม่ช่วยได้ยังไง”
พีทงอน “คิดช่วยอยู่แล้วก็น่าจะบอกแต่แรกไม่น่าให้พีทต้องเครียดจนกินไม่ได้นอนไม่หลับแบบนี้”
“พอลก็ปากแข็งใจอ่อนเหมือนพ่อเรานั่นแหล่ะ”
“ไม่เหมือนหรอกครับเพราะคุณพ่อปากแข็งใจร้าย ยังไงพอลก็ดีกว่าคุณพ่อ”
ป้าภามองพีทด้วยความหนักใจ
ฟากมินตรานั่งหน้าคอมพิวเตอร์ดูเว็บพันทิปเพื่อเช็คข่าวพีท เธอเห็นแต่กระทู้ที่โพสต์ว่า พีทฆ่าตัวตายจริงเหรอ / มีใครได้ข่าวพีทรึยัง / ทำไมพีทต้องฆ่าตัวตาย / ข่าวการฆ่าตัวตายของพีทเชื่อได้หรือไม่ ฯลฯ เต็มไปหมด เสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เชิญค่ะ”
อาร์ตเปิดประตูเข้ามา
“พี่ปรู๊ฟอาร์ตเวิร์คปกทีนคลับที่อาร์ตส่งเมลมาแล้ว.. position รูปกับตัวหนังสือสวยมากอาร์ตทำสวยกว่าหัวหน้าฝ่ายศิลป์ของพี่อีก..พี่พูดจริงๆนะอาร์ตมาทำงานกับพี่เถอะ”
“ผมก็พูดจริงๆว่าผมอยากทำงานกับพี่ลูกจัน”
มินตรามองอาร์ตด้วยความหนักใจ
“ถ้าไม่ต้องแก้งานงั้นผมไปเลยนะพี่” อาร์ตบอก
“ท่าทางรีบร้อน นัดสาวเหรอจ๊ะ”
“เปล่าครับ..ผมทำของขวัญไว้ให้พี่ลูกจันจะรีบไปลงสี พรุ่งนี้จะได้เอาไปให้เค้า”
มินตรามองอาร์ตอย่างหมั่นไส้ “ลูกจันใช้แต่ของแบรนด์เนมของแฮนด์เมดเค้าไม่แตะหรอก”
“ไม่แตะก็ไม่เป็นไรพี่..แค่ได้ให้ผมก็สุขใจแล้ว”
อาร์ตเดินออกไป มินตรามองตามด้วยความหมั่นไส้
อาร์ตเดินออกมาจากห้องมินตรา อุ่นเรือนวิ่งมาหาอาร์ตด้วยสีหน้าเครียด
“อาร์ต...พี่ถามคนทั้งออฟฟิศแล้วไม่มีใครรู้เรื่องพี่พีทมากกว่าที่ลงในเว็บเลย อาร์ตรู้อะไรเพิ่มมาบ้างมั้ย”
“รู้เรื่องอะไรพี่” อาร์ตถาม
“เรื่องพี่พีทฆ่าตัวตายไง”
อาร์ตตกใจมาก “พี่พีทฆ่าตัวตาย?”
“เค้าลือกันให้แซ่ดตั้งแต่เช้า เว็บดารา เฟสบุ๊ค เค้าโพสต์กันเป็นร้อยกระทู้อาร์ตไม่รู้เรื่องเลยเหรอ”
“วันนี้ผมทำงานอยู่แต่ในห้องไม่ได้คุยกับใครเลย” อาร์ตคิด “มีข่าวอย่างนี้พี่ลูกจันจะเป็นไงบ้างก็ไม่รู้ผมขอไปโทรหาพี่ลูกจันก่อนนะพี่”
อาร์ตวิ่งออกจากห้องไปอย่างรีบร้อน
“รู้อะไรเพิ่มบอกพี่ด้วยนะ พี่ห่วงพี่พีท”
อุ่นเรือนมองอาร์ตที่วิ่งออกไปอย่างร้อนใจ
อาร์ตวิ่งเข้ามาหยิบโทรศัพท์บนโต๊ะแล้วโทรหาลูกจันด้วยความร้อนใจ
“พี่ลูกจันผมเพิ่งรู้ข่าวพี่พีท เรื่องจริงรึเปล่าครับ”
ลูกจันร้อนใจ “พี่ยังติดต่อพีทไม่ได้เลย กลับไปว่าจะรีบพุ่งไปบ้านพีทถ้าไม่เป็นไรพีทก็คงอยู่บ้าน”
“อีกตั้งหลายชั่วโมงกว่าพี่จะถึงกรุงเทพ ผมจะไปดูที่บ้านพี่พีทให้เอง บ้านพี่พีทอยู่ไหนครับ”
ลูกจันคุยโทรศัพท์กับอาร์ต ในขณะที่คนอื่นๆยังก้มตาก้มตาเช็คข่าวในเว็บ
“พี่บอกไม่ได้ พีทให้เก็บที่อยู่เค้าเป็นความลับ” ลูกจันบอก
“แต่นี่มันความเป็นความตายของพี่พีทเลยนะ..พี่ลูกจันผมสัญญาว่าจะไปคนเดียวจะไม่บอกที่อยู่พี่พีทให้ใครรู้เด็ดขาด ไว้ใจผมนะ”
ลูกจันคิดแล้วตัดสินใจ
“เดี๋ยวพี่ส่งที่อยู่พีทไปให้ รีบไปให้เร็วที่สุดได้ความยังไงแล้วรีบโทรบอกพี่ด้วย”
พอลถอนหายใจอย่างระอาแต่ก็ต้องฝืนยิ้มพูดกับนักข่าว
“พวกคุณถามคำถามนี้เป็นสิบๆรอบแล้วนะครับ..แล้วผมก็ตอบเป็นสิบๆ รอบแล้วเหมือนกันว่าผมไม่ได้ฆ่าตัวตายจริงๆ”
“มีสายข่าวบอกว่าเมื่อคืนมีคนเห็นพีทนอนบนเตียงคนไข้แล้วถูกเข็นเข้าห้องฉุกเฉินถ้าพีทไม่ได้ฆ่าตัวตายอย่างที่เค้าลือแล้วพีทไม่สบายเป็นอะไร”
พอลชะงักมองนักข่าวอย่างอึ้งๆแล้วก็คิดก่อนจะพูด
“เป็น เป็น เป็นหวัดน่ะครับ”
พอลแกล้งจาม 3 ครั้งติดกันแล้วเอามือที่ปิดปากซึ่งเต็มไปด้วยน้ำลายเช็ดกางเกง นักข่าวมองพอลอย่างรังเกียจแล้วก็แอบเมาท์กับนักข่าวข้างๆ
“ปกติพีทเนี๊ยบจะตาย วันนี้ดูซกม๊กยังไงก็ไม่รู้ว่ามั้ย”
เพื่อนนักข่าวด้วยกันพยักหน้า พอลมองนักข่าวที่มองอย่างรังเกียจแล้วยิ้มอย่างมีแผน
“หมอสงสัยว่าอาจจะเป็นหวัดสายพันธุ์ใหม่ที่ติดเชื้อง่าย เป็นแล้วตายใน3วัน เพราะไม่มีทางรักษา เลยเจาะเลือดไปตรวจแล้วนัดมาฟังผลพรุ่งนี้..ถ้าผมเป็นหวัดสายพันธุ์ใหม่จริงคงตายสถานเดียว ถ้าที่ผ่านมาผมเคยล่วงเกินอะไรพวกคุณไว้.. ผม” พอลก้มหน้าไหว้ “กราบขอขมาพวกคุณตรงนี้เลยนะครับ”
พอลเงยหน้าขึ้นมาก็ถึงกับสะดุ้งเมื่อเห็นนักข่าวถอยไปตั้งหลักห่างออกไป พอลแกล้งจามโดยไม่ปิดปาดปิดจมูกอีก 1 ครั้ง นักข่าวขยับหนีไกลออกไปอีก 1 เสต็ป พอลจาม 2 ครั้งติด นักข่าวพร้อมใจกันขยับออกไปอีก 2 เสต็ปโดยพร้อมเพรียงกัน แต่ละคนรีบงัดผ้าเช็ดหน้า บางคนใช้มือเปล่าบ้างปิดปากปิดจมูกตัวเองเพื่อกันเชื้อจากพอลเป็นการใหญ่
พอลแอบยิ้มขำแล้วเก๊กหน้าป่วยใส่นักข่าวต่อ
พีทนอนอยู่บนเตียง โดยมีหมอ พยาบาล และป้าภาอยู่ในห้อง หมอถือผลตรวจอัลตร้าซาวน์แล้วบอกพีท
“ช่องท้องคุณปกติดีครับ..แต่ที่ปวดท้องน่าจะมาจากความเครียดทำให้ท้องอืด”
หมอเอามือเคาะท้องพีทก็มีเสียง”ปู้ด”ดังออกมา พีทอาย
หมอขำ “ชัวร์!... งั้นเดี๋ยวหมอจะให้พยาบาลเอายาแก้ท้องอืดมาฉีดให้ เดี๋ยวก็ดีขึ้นครับ”
“ขอบคุณครับ” พีทเขิน
หมอและพยาบาลเดินออกไป ป้าภาลูบหัวพีทด้วยความสงสาร
“เรื่องที่แล้วให้แล้วไปอย่าเครียดอีกเลยนะลูก”
พีทยิ้มให้ป้าภาด้วยความขอบคุณ เสียงโทรศัพท์ป้าภาดังขึ้น ป้าภาเปิดตู้หยิบกระเป๋าออกมาควานหาโทรศัพท์แล้วหยิบมาดู
“ลูกจันโทรมา” ป้าภาบอก
“คงโทรหาผมไม่ติดเพราะผมปิดเครื่อง”
“คงได้ข่าวเรื่องพีทแล้ว” ป้าภาส่งโทรศัพท์ให้พีท “คุยกับลูกจันสิว่าพีทปลอดภัยแล้วลูกจันจะได้ไม่เป็นห่วง”
พีทครุ่นคิด “รอพอลขึ้นมาก่อนดีกว่าครับ..จะได้รู้ว่าพอลบอกนักข่าวว่ายังไงจะได้บอกลูกจันให้ตรงกัน”
ป้าภานึกถึงลูกจันด้วยความสงสาร “ทนร้อนใจอีกนิดนะลูกจัน”
ดำรงกับมัลลิกานั่งอยู่ในร้านอาหารสุดหรู ณัฐจูงมืออิงอรเดินเข้ามา
“มากันแล้ว” มัลลิกาบอก
“อร..คุณพ่อคุณแม่พี่ค่ะ” ณัฐแนะนำ
อิงอรไหว้ดำรงกับมัลลลิกา
“สวัสดีค่ะคุณลุงคุณป้า”
ดำรงยิ้มแล้วรับไหว้อิงอรผิดกับมัลลิกาที่มองอิงอรอย่างพิจารณา
“คนนี้เองเหรออิงอรลูกท่านรัฐมนตรีอาคม”
อิงอรมองมัลลิกาอย่างเกร็งๆเพราะเดาใจไม่ถูก
“ณัฐพูดเรื่องหนูให้ลุงฟังตั้งนานแล้วเพิ่งได้เจอกันวันนี้เอง..เชิญๆ..นั่งก่อน” ดำรงบอก
ณัฐกับอิงอรนั่งอยู่บนเก้าอี้เรียบร้อย ณัฐมองดำรงกับมัลลิกาอย่างเกรงใจ
ณัฐพูด “คุณพ่อคุณแม่ครับวันนี้นอกจากพาอรมาแนะนำกับคุณพ่อคุณแม่แล้ว ผมยังมีเรื่องสำคัญจะบอกด้วย”
ดำรงกับมัลลิกามองณัฐด้วยความแปลกใจ
“ผมจะแต่งงานกับอรครับ”
มัลลิกาทำหน้าเหมือนตกใจมาก “แต่งงาน!”
อิงอรหน้าเสียเพราะคิดว่ามัลลิกาไม่พอใจ
“ครับ” ณัฐย้ำ
มัลลิกาเปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มแย้มกะทันหัน “ถ้าหนูอรจะแต่งงานกับณัฐก็เรียกป้าว่าป้าไม่ได้แล้วจ้ะ..ต้องเรียกว่าคุณแม่
อิงอรยิ้มอย่างดีใจ ณัฐยิ้มดีใจไปด้วย
“งั้นก็ต้องเรียกลุงว่าพ่อเหมือนกัน..ยินดีต้อนรับสู่ตระกูลเทพนาวานะ” ดำรงบอก
“ขอบคุณค่ะ..คุณพ่อคุณแม่”
ณัฐมองอิงอรที่ได้รับการยอมรับจากดำรงกับมัลลิกาแล้วก็ยิ้มอย่างมีความสุข
รถของอาร์ตแล่นมาจอดหน้าบ้านพีท อาร์ตลงจากรถแล้วมองบ้านเลขที่ก่อนจะดูที่อยู่จากข้อความในโทรศัพท์
“บ้านนี้แหล่ะ” อาร์ตบอก
อาร์ตมองไปในบ้านที่ปิดไฟมืดแล้วกดออดแต่บ้านก็เงียบและไม่มีใครออกมา อาร์ตกดโทรศัพท์หาลูกจัน
“พี่ลูกจันครับผมอยู่หน้าบ้านพี่พีทแล้วกดออดแล้วแต่ไม่มีใครมาเปิดเลยครับ บ้านก็ปิดไฟมืดสงสัยจะไม่มีใครอยู่”
ลูกจันที่อยู่ในรถตู้เครียด “ปกติป้าภาอยู่บ้านทุกวันแต่นี่ไม่อยู่หรือพีทจะฆ่าตัวตายจริงๆ”
จุ้มจิ้มที่อ่านข่าวในไอแพดอยู่ตะโกนลั่นรถด้วยความดีใจ
“ไม่จริงฮะ พี่พีทไม่ได้ฆ่าตัวตาย..มีคนมาโพสต์ว่าพี่พีทแถลงข่าวแล้ว”
ลูกจันดีใจ “มีคนโพสต์ลงเว็บแล้วว่าพีทไม่ได้ฆ่าตัวตายแค่นี้ก่อนนะอาร์ต”
“ครับ..” อาร์ตวางสายจากลูกจัน “ถึงจะช่วยอะไรได้ไม่มากแต่อย่างน้อยการที่พี่ลูกจันยอมให้มาบ้านพี่พีทก็แปลว่าพี่ลูกจันไว้ใจเรา”
อาร์ตยิ้มอย่างภูมิใจ
รักนี้เจ้จัดให้ ตอนที่ 2 (ต่อ)
พีทดูทีวีเพื่อรอดูข่าวบันเทิง
“เดี๋ยวช่วงข่าวบันเทิงคงมีข่าวพีททุกช่อง..พอลเคยแต่อยู่เงียบๆโดนนักข่าวเป็นสิบๆคนรุมถามรุมทึ้งไม่รู้จะเป็นยังไงบ้าง” พีทบอก
“พอลเป็นคนฉลาด แล้วตอนตัดสินใจปลอมตัวเป็นพีทพอลก็คงคิดแล้วว่าจะรับมือนักข่าวยังไง..อย่าห่วงเลยลูกเครียดมากเดี๋ยวจะปวดท้องอีก”
พอลเปิดประตูห้องเดินหน้าหงิกเข้ามา
“พอล..นายบอกนักข่าวว่าไง” พีทถาม
“ก็บอกไปว่าไม่ได้ฆ่าตัวตายแล้วที่ถูกหามส่งโรงพยาบาลเมื่อคืนก็เพราะเป็นหวัด..” พอลหงุดหงิดมาก “ถามวนไปวนมาอยู่นั่นพยายามจะให้ตอบให้ได้ว่าฆ่าตัวตาย ถ้าไม่เกรงใจว่าต้องรักษาภาพให้นาย เราด่าเปิงไปแล้วนายทนนักข่าวพวกนี้ได้ยังไง”
“หน้าที่นักข่าวคือหาความจริง ถ้าเค้าคิดว่าคำตอบที่เค้าได้ไม่ใช่ความจริงเค้าก็จะพยายามถามเพื่อเอาความจริงให้ได้..เค้าก็ทำหน้าที่ของเค้าอย่าโกรธเค้าเลย”
พอลกระแทกตัวนั่งด้วยความหงุดหงิด
“รู้แล้วว่าพอลตอบนักข่าวว่ายังไง..ก็โทรบอกเพื่อนได้แล้ว เค้าจะได้ไม่ห่วง”
“ครับ”
พีทหยิบโทรศัพท์มากดเปิดเครื่อง
ลูกจันคุยโทรศัพท์กับพีทอย่างโมโห
“ไม่ให้ฉันทุรนทุรายตายก่อนล่ะแล้วค่อยโทรบอกฉันว่าแค่เป็นหวัดไม่ได้ฆ่าตัวตาย” ลูกจันหยุดฟัง “ยุ่งมากจนไม่มีเวลาโทร??..ใช่ซี้ฉันมันไม่สำคัญสำหรับแกนี่”
พีทที่อยู่โรงพยาบาลพูด “แกเป็นเพื่อนที่ฉันรักที่สุดนะ..เชื่อเถอะว่าฉันแคร์แกที่สุดอยากบอกทุกอย่างกับแกที่สุดแต่วันนี้ฉันไม่สะดวกจริงๆ..ฉันขอโทษนะที่ทำให้แกเป็นห่วง”
“เออๆ...ฉันกำลังกลับกรุงเทพเดี๋ยวเจอกันที่บ้านนะ”
พีทวางสายจากลูกจัน
“โกรธมากใช่มั้ย”
“ครับ..แต่หายแล้ว” พีทพูดกับพอล “พอล ขอบใจมากนะที่ช่วยเรา”
“เรามีกันแค่สองคนพี่น้อง ไม่ช่วยนายแล้วเราจะช่วยใคร”
พีทกับป้าภามองพอลอย่างซึ้งใจ
“แต่นายก็ช่วยหายเร็วๆ กลับมาใช้ชีวิตของนายเร็วๆ เราจะได้กลับไปใช้ชีวิตของเราต่อ”
“เราจะดูแลตัวเองอย่างดีจะไม่ทำร้ายตัวเองให้ป้าภา ให้พอลเสียใจ จะไม่ให้ใครต้องเดือดร้อนเพราะเราอีกแล้ว” พีทน้ำตาไหล
เสียงเคาะประตูดังขึ้น พยาบาลเดินเข้ามาในห้อง
“ทานยาแก้อักเสบหน่อยนะคะ”
พยาบาลมองหน้าพีทและพอลสลับกัน พีทเห็นพยาบาลตะลึงก็รีบพูด
พีทพูดเสียงวิงวอน “คุณพยาบาลครับ ผมอยากขอ..”
พยาบาลพูดด้วยสีหน้าเข้าใจ “ไม่ต้องขอหรอกค่ะคุณพีท ดิฉันเข้าใจค่ะ ดิฉันสัญญาว่าทุกอย่างจะเป็นความลับค่ะ”
“ขอบคุณครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ดิฉันเป็นแฟนคลับคุณพีทค่ะ” พยาบาลยิ้มอ่อนโยน “ทานยานะคะจะได้หายไวๆ”
พยาบาลป้อนยาและน้ำให้พีท พยาบาลเดินออกจากห้อง
พอลพูดเสียงจริงจัง “เอาล่ะ..ทีนี้เราต้องทำยังไงต่อ”
“อย่างแรกนายต้องรู้จักเพื่อนสนิทเราก่อน เค้าเป็น บก.นิตยสารเซเลบ” พีทบอก
“เมื่อกี๊เราได้ยินนายพูดว่ารักเค้า แคร์เค้าที่สุด แล้วทำไมนายไม่บอกความจริงเค้าไปล่ะว่าเกิดอะไรขึ้น”
พีทอึกอักแล้วพยายามแก้ตัว “เอ่อ..เราไม่อยากให้เค้ารู้ว่าเราอ่อนแอ ไม่อยากให้เค้าผิดหวังในตัวเรา”
“เป็นเพื่อนสนิทกัน น่าจะเข้าใจกันสิ”
พีทคิดถึงความลับเรื่องแฟนหนุ่มที่ปิดบังลูกจันไว้ก็เศร้าจึงรำพึงกับตัวเอง “บางเรื่องเราก็ไม่รู้ว่าเพื่อนจะเข้าใจรึเปล่า” พีทตัดสินใจเด็ดขาดแล้วพูดกับพอล “เอาเป็นว่าเราไม่อยากให้ใครรู้เรื่องนี้” พีทวิงวอนน้ำตาคลอ “สัญญากับเราได้มั้ยพอลว่าจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ”
พอลทำหน้าไม่เห็นด้วยแต่ก็จำใจพยักหน้ารับ
“ถ้าเพื่อนพีทถามถึงป้า บอกเค้าว่าป้าไปปฏิบัติธรรมต่างจังหวัดนะ”
พอลงง “กลับบ้านแล้วเจอเพื่อนพีท..อย่าบอกนะว่า...”
“เค้าอยู่บ้านเดียวกับเรา”
พอลตกใจมาก “หา...นี่เราต้องทำตัวเป็นนายตลอดเวลาที่อยู่กับเพื่อนนายเลยเหรอ”
พีทพยักหน้า พอลทำหน้าเซ็ง
พอลขับรถพีทมาจอดหน้าบ้าน เขามองเข้าไปในบ้านที่มืดแสดงว่าลูกจันยังไม่กลับ พอลรีบกดรีโมทเปิดประตูรั้วแล้วย่องเข้าบ้าน
ไฟในห้องพีทสว่างพรึ่บ พอลสะพายเป้ สะพายกระเป๋ากล้องยืนที่สวิตช์ไฟมองรอบห้อง
“เรียบร้อยยังกะห้องผู้หญิง”
พอลปิดประตูห้องเดินเข้าไปวางเป้และกระเป๋ากล้องเรี่ยราดตามทาง พอลเดินมาที่หน้ากระจกที่มีเครื่องประทินผิวเพียบ
“เยอะขนาดนี้กว่าจะทาเสร็จไม่เช้าเลยรึไง”
พอลเดินไปดูใกล้ๆ ก็เห็นน้ำหอมกลิ่นเดียวกันวางอยู่ถึง 5 ขวด
“จะเอาไว้อาบรึไงเนี่ย”
พอลหยิบน้ำหอมมาดมแล้วก็เบ้หน้า
“อื้อหือ หวานมาก”
พอลมองเครื่องประทินผิวและน้ำหอมทั้งหมดแล้วก็ยิ้มขำก่อนจะถอดเสื้อโยนไว้กับพื้น เขาเดินไปทางห้องน้ำโดยระหว่างเดินก็ปลดเข็มขัดไปด้วย
ลูกจันลากกระเป๋ามาหน้าบ้านแล้วก็เหยียบรองเท้าที่พอลถอดทิ้งไว้
“ทำไมวันนี้ถอดรองเท้าทิ้งเกะกะแบบนี้” ลูกจันก้มมองรองเท้าชัดๆ ก็เห็นว่าสกปรกมาก “อี๋..โสโครกด้วย สงสัยของกองถ่าย”
ลูกจันจะเปิดประตูบ้านแต่ประตูล็อค
“พีท..พีท..”
ลูกจันเรียกแต่ไม่มีใครมาเปิด ลูกจันรีบหยิบกุญแจมาไข
พอลอาบน้ำสระผมอย่างสบายอารมณ์โดยไม่รู้ว่าลูกจันกลับมา
ลูกจันเคาะประตูห้องพีท
“พีทเปิดประตูหน่อยพีท..พีท”
พอลอาบน้ำอย่างสบายอารมณ์เพราะไม่ได้ยินเสียงลูกจัน
ลูกจันเคาะประตูห้องพีทอย่างร้อนใจ
“พีท..พีท..” ลูกจันห่วง “หรือจะไข้ขึ้นจนสลบไม่ได้สติ”
ลูกจันจะเปิดประตูแต่ห้องล็อค เธอหยิบกุญแจออกจากกระเป๋าแล้วไขเข้าไป ลูกจันเข้ามาในห้องอย่างร้อนใจแล้วก็สะดุดกระเป๋าเป้ที่วางบนพื้นจนเกือบหน้าทิ่ม
“ว้าย” ลูกจันมองกระเป๋า “สงสัยไม่สบายหนักจนไม่มีแรงเก็บของ ดูดิ๊วางซะเขละเชียะ”
พอลที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จเปิดประตูห้องน้ำออกมาเห็นลูกจันก็ตกใจ
“เฮ้ย”
ลูกจันเห็นพอลก็กรี๊ดลั่น
“กรี๊ดด”
“เฮ้ย” พอลชะงักมองท่อนล่างตัวเองที่นุ่งผ้าขาวม้าเก่ามาก ลูกจันยังกรี๊ดอยู่ “นี่คู้ณ...จะกรี๊ดทำไมเนี่ย ผมไม่ได้โป๊ซะหน่อย”
“ก็ฉันตกใจผ้าขี้ริ้วที่แกนุ่งอยู่..เอาของกองถ่ายมาอีกสิเนี่ย..อี๋..โสโครกมาก”
พอลยังอึ้งอยู่ เขาก้มมองผ้าขาวม้าด้วยความงงว่าโสโครกตรงไหน
“แล้วดูสิเนี่ย..เป็นหวัดใครเค้าให้สระผมยะ..เดี๋ยวไข้ก็กลับหรอก”
ลูกจันหยิบเสื้อคลุมสีหวานไปให้พอล “ใส่ซะ”
พอลเห็นหน้าลูกจันชัดๆก็ชะงัก “คุณ”
พอลนึกถึงเหตุการณ์ในอดีต
ภาพตอนที่ลูกจันพูดกับเขาย้อนกลับมา “อี๋...อยู่บนต้นไม้กลิ่นตัวยังโชยมาถึงข้างล่างสกปรกที่สุด”
พอลก้มมองมองลูกจันกับจุ้มจิ้มอย่างไม่พอใจ
“ผมยอมสกปรกเพราะต้องการใกล้ชิดธรรมชาติ..แต่ก็ดีกว่าคนสะอาดอย่างพวกคุณที่มาป่ามาเขาแต่ใส่น้ำหอมกลิ่นหึ่งจนทำลายระบบนิเวศน์ของป่า” พอลบอก
“แค่ใส่น้ำหอมเนี่ยนะ ทำลายระบบนิเวศน์ของป่ากล่าวหากันเกินไปแล้วคุณ”
“สัตว์ป่าพอผิดกลิ่นก็กลัวไม่ออกหากินตามปกติ..พอไม่ออกหากินระบบความเป็นอยู่ในป่าก็ผิดเพี้ยน...ยิ่งไปกว่านั้นคือทำให้สัตว์หงุดหงิดจนทำร้ายกันเองหรือทำร้ายคนได้..อยากมาเที่ยวป่าก็หัดศึกษาธรรมชาติซะบ้างสิคุณ”
ลูกจันมองพอลอย่างไม่พอใจ
เมื่อนึกถึงเหตุการณ์นั้น พอลก็จ้องหน้าลูกจัน
“ลูกจัน?”
พอลเห็นรูปลูกจันถ่ายคู่กับพีทอยู่ในห้อง
“ก็ฉันน่ะสิ..จ้องหน้าฉันทำไม หน้าฉันมีอะไร” ลูกจันตกใจมาก “ขนตาปลอมหลุดเหรอ?”
ลูกจันวิ่งไปส่องกระจกด้วยความตกใจ
“ไม่เห็นมีอะไรเลย”
ลูกจันหันมามองเห็นพอลยืนถือเสื้อคลุม
“เอ้าแล้วยืนงงอยู่ทำไม ไปใส่เสื้อคลุมสิ”
“ไม่ต้องใส่หรอก เดี๋ยวผมจะใส่ชุดนอนแล้ว”
“ผม?..แกพูดผมกับฉัน..แกเพี้ยนรึเปล่า”
“เอ้อ..คือ ผม เอ้อ ฉัน ฉันกินยาแก้หวัดน่ะเลยเบลอๆ..แกเพิ่งกลับมาถึงคงเหนื่อยมาก ไปพักผ่อนเถอะเดี๋ยวฉันเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็จะนอนแล้ว”
“ยังนอนไม่ได้ แกต้องเปลี่ยนใส่เสื้อคลุมนั่นก่อน”
พอลก้มลงดูเสื้อคลุมในมือด้วยท่าทางงงๆ
ลูกจันทำท่าเหนื่อยใจ “เฮ้อ..ท่าทางแกเบลอยามากจนจำอะไรไม่ได้จริงๆ..เอาเหอะๆ..รีบไปใส่เสื้อคลุมไป๊”
พอลหันหลังเดินเข้าห้องน้ำแล้วพึมพำกับตัวเอง
“ไม่อยากเชื่อเลยว่าลูกจันจะเป็นคนเดียวกับยัยไฮโซป่วนธรรมชาติ”
พอลถอนหายใจด้วยความเครียดจัด
พอลใส่เสื้อคลุมเดินออกมาจากห้องน้ำ ลูกจันที่นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียงรีบลุกขึ้นเดินไปหน้ากระจกแล้วหยิบน้ำหอมมาฉีดให้พอล พอลสะดุ้ง
“ทำอะไรน่ะ”
“อ้าว ก็ฉีดกลิ่นประจำตัวให้แกไง แกจะได้นอนหลับสบาย”
พอลแอบเบ้หน้าแล้วทำจมูกฟุดฟิด เขาคิดในใจว่าเจอกลิ่นนี้เข้าไปจะนอนหลับมั้ยเนี่ย ลูกจันเดินกลับไปที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง
“มานั่งนี่เลย”
พอลเดินไปนั่งหน้ากระจกตามที่ลูกจันสั่งด้วยแววตาหวาดระแวง ลูกจันหยิบไดร์เป่าผมที่เสียบรอไว้เปิดเป่าผมให้พอล พอลชะงักมองลูกจันอย่างไม่อยากเชื่อว่าเธอจะดูแลพีทดีอย่างนี้
“เป่าผมให้แห้งก่อนแล้วค่อยนอน”
“แล้วทำไมต้องใส่เสื้อคลุมเป่าด้วย ใส่ชุดนอนเป่าไม่ได้รึไง”
“ใส่ชุดนอนมาเป่าเดี๋ยวน้ำกระเด็นใส่เสื้อ เสื้อชื้นก็ต้องเปลี่ยนอยู่ดี..เรื่องพวกนี้แกบอกฉันเอง แต่วันนี้ดันจำไม่ได้ ยาที่หมอให้คงแรงจริงๆ”
“ผม..เอ๊ย..ฉันเป่าเองก็ได้..แกไปนอนไป”
“ฉันยังไม่ง่วง..แล้วก็มีอีกหลายสิ่งจิงเกอเบลที่ฉันต้องทำให้แก”
“เป่าผมให้ก็พอแล้ว..อย่างอื่นฉันทำเองได้”
“ฉันไม่ให้แกทำเอง..ตอนฉันไม่สบายแกดูแลฉันทุกอย่าง แกไม่สบายฉันก็อยากดูแลแกเหมือนที่แกดูแลฉันบ้าง”
พอลแอบมองลูกจันที่เป่าผมให้ สัมผัสได้ถึงความรักความผูกพันที่ลูกจันมีต่อพีท
ลูกจันนั่งบนเตียงที่มีหมอนวางที่ตัก พอลถามลูกจันอย่างขัดเขิน
“เอ่อ..ให้นอนบนหมอนนี่เหรอ” พอลถาม
“ก็ใช่น่ะสิ..มีปัญหาอะไรอีกล่ะ” ลูกจันงง
“มะ ไม่มี”
พอลนอนหนุนหมอนบนตักลูกจันอย่างประดักประเดิดเพราะทำตัวไม่ถูก
“หลับตา”
พอลหลับตาตามคำสั่งแต่แขนขาเกร็ง ลูกจันหยิบขวดครีมที่โต๊ะข้างเตียงขึ้นมาแล้วเทครีมใส่มือก่อนจะบรรจงทาครีมที่หน้าพอล พอลขมวดคิ้วแล้วเกร็งหน้าขึ้นมาทันที
“กรี๊ดด”
พอลลุกพรวดด้วยความตกใจ
“เป็นอะไร”
ลูกจันพูดเหมือนเป็นเรื่องใหญ่มาก “ทำไมหน้าแกกร้านขึ้นมากอย่างนี้”
พอลเซ็ง “เรื่องแค่นี้ร้องซะลั่นบ้าน”
“เรื่องแค่นี้เหรอ..แกเห็นเรื่องหน้าตาผิวพรรณแกเป็นเรื่องเล็กตั้งแต่เมื่อไหร่”
“เอ้อ..ฉัน ฉันไม่ได้เห็นเป็นเรื่องเล็ก แต่หมอบอกว่ายาแก้หวัดที่ให้จะมีผลต่อผิวนิดหน่อย เดี๋ยวก็หายเอง”
“ยาแก้หวัดมีผลต่อผิว ฉันเพิ่งเคยได้ยิน”
พอลพยายามกำจัดลูกจัน “เอ่อ..นี่มันดึกมากแล้ว ฉันทาเองได้แกไปนอนเถอะ..นะๆ..ไปเถอะๆ”
“บอกแล้วไงว่าอยากดูแล อยากดูแล..มานี่”
ลูกจันโน้มคอพอลให้นอนลงไปที่หมอน พอลจำต้องนอนลงไปแบบเกร็งทั้งหน้า เกร็งทั้งตัว
ณ บ้านไม้หลังเล็กที่มีต้นไม้เต็มบ้านดูร่มรื่น อุปกรณ์จานสีและพู่กันวางอยู่เต็มพื้น อาร์ตถือปูนปั้นรูปเหมือนตัวเอง อาร์ตมองรูปปั้นลูกจันแล้วยิ้มพอใจ
“มีทั้งกลอนเพราะๆที่แต่งเอง..ทั้งรูปปั้นน่ารักๆที่ปั้นเอง..พี่ลูกจันจะไม่ประทับใจก็ให้มันรู้ไปสิวะ”
อาร์ตบรรจงเอาพลาสติกห่อรูปปั้นแล้วเอาใส่กล่อง เขาบรรจงเอากระดาษห่อของขวัญห่อกล่องนั้นอย่างตั้งใจ
พอลยังนอนหลับตาและมีสีหน้าไม่มีความสุขอยู่บนหมอนหนุนตักลูกจันที่ยังทาครีมให้
“ทาตั้งนานแล้วยังไม่เสร็จอีกเหรอ” พอลถาม
“พูดเหมือนไม่รู้เนอะว่าบำรุงหน้าแกมีตั้งหลายตัว..นี่ตัวสุดท้ายแล้ว”
พอลยิ้มด้วยความดีใจ ลูกจันจับปากพอลให้หยุดยิ้มแล้วทาครีมต่อ
“อย่ายิ้ม..ทาไม่ถนัด”
พอลถอนหายใจอย่างเซ็งๆ
ลูกจันทำจมูกฟุดฟิดดมพอลไปทาครีมไป “กลิ่นประจำตัวแกนี่มันหอมชื่นใจเหมาะกะแกจริงๆเลยนะ” ลูกจันนึกได้ “เออนี่..ที่เขาค้อฉันเจอผู้ชายคนนึงตัวเหม็นมากกกกกเลยอ่ะ เหม็นยิ่งกว่าขยะเน่าๆซะอีก เหม็นขนาดว่าอยู่บนต้นไม้แล้วกลิ่นยังโชยมาถึงพื้นเลยอ่ะ ทุเรศสุดๆตั้งแต่ฉันเคยเจอมนุษย์มาเลย”
พอลลุกพรวดขึ้นด้วยความไม่พอใจ
“กลับมาถึงกรุงเทพแล้วยังไม่เลิกด่าเค้าอีกเหรอ”
ลูกจันแปลกใจ “แกรู้ได้ยังไงว่าฉันด่าเค้าไปแล้ว”
พอลอึกอัก “ก็...ก็คนปากไวอย่างแกมีเหรอจะหุบปากไม่ด่าเค้าได้”
“อือ ก็ด่าไปแล้วล่ะแต่แกรู้มั้ยว่าอีตานั่นหน้าด้านมาก ขนาดด่าว่าตัวเหม็นยังเถียงฉอด ๆแล้วก็ไม่ยอมอาบน้ำด้วย..สกปรกทุกรูขุมขนอย่างนั้นชาตินี้หาเมียไม่ได้แน่ๆ”
พอลเผลอตัวเถียงทันควัน “หาไม่ได้เค้าก็ไม่เดือดร้อนหรอกเพราะเค้าไม่ได้อยากมีเมีย”
“แกรู้ได้ยังไง”
“เอ่อ..กะ..ก็..ก็คนที่อยากมีเมียจะทำตัวสกปรกอย่างนั้นทำไมล่ะ”
“เออ จริงของแก”
“คุณ..เอ๊ย..แกกลับห้องแกไปได้แล้ว”
“ฉันยังทาครีมให้แกไม่เสร็จเลย”
พอลทำเสียงหงุดหงิด “กระปุกสุดท้ายแล้วไม่ใช่เหรอ ฉันทาเองก็ได้”
“ทำไมทำเสียงสะบัดสะบิ้งใส่ฉันอย่างนี้ แกไม่พอใจอะไรฉันรึเปล่า”
พอลได้สติ “ปละ เปล่า..แกดูแลฉันดีขนาดนี้ฉันจะโกรธอะไรแกได้ยังไง”
“ไม่รู้สิ..ดูน้ำเสียงแกโกรธๆแล้วก็เหมือนอยากให้ฉันรีบกลับห้องยังไงชอบกล”
“ฉันไม่ได้โกรธแกจริงๆ...แล้วที่อยากให้แกกลับห้องเพราะฉันกลัวแกติดไข้แล้วจะไม่สบายไปด้วย”
พอลไปเปิดประตูห้อง
“แกกลับห้องเถอะนะ..นะ”
ลูกจันเดินออกไปนอกห้องแล้วหันมาพูดกับพอล
“แล้วอย่าเบลอยาจนลืมดูสมุดคิวล่ะว่าพรุ่งนี้ต้องทำอะไร”
พอลยิ้มแฉ่งพยักหน้าแล้วรีบปิดประตูห้องล็อคประตูถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“จุ้นจ้านเป็นบ้า”
พอลนึกถึงคำพูดฤาษี "ระวังผู้หญิง" ก็ทำท่าบรึ๋ย เขาเดินมาหยิบสมุดคิวที่อยู่บนหัวเตียง
“พรุ่งนี้พีทต้องทำอะไร” พอลเปิดสมุดดูแล้วก็ตกใจ “ถ่ายละคร”
พอลทำหน้าเครียดแล้วก็ครุ่นคิด
พอลเปิดดีวีดีละครที่พีทเคยเล่น ในละครเรื่องนั้นพีทเล่นเป็นคุณต้นกำลังนั่งคุยกับนางเอกที่โต๊ะอาหาร พีทในละครมองนางเอก
พีทกระแอม “เอ่อ..คุณพิม..สบายดีมั้ยครับ”
พอลกดรีโมทหยุดภาพไว้
พอลกระแอมเบาๆ เลียนแบบคุณต้นในละคร “อะแฮ้ม..เอ่อ..คุณพิม..สบายดีมั้ยครับ”
พอลกดรีโมทให้ภาพเล่นต่อ เป็นฉากที่นางเอกขอโทษคุณต้น
พีททำหน้าซึ้ง “ไม่เป็นไรครับ”
พอลกดรีโมทหยุดภาพแล้วเก๊กหน้าซึ้งตามคุณต้นในละครจนเหมือนเปี๊ยบ
พอลทำหน้าซึ้งตามในละคร “ไม่เป็นไรครับ” พอลยิ้มพอใจ “นึกว่าจะยากกว่านี้..ง่ายกว่าที่คิดตั้งเยอะ”
พอลต้องสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงลูกจัน “พีท”
พอลหันไปมองเห็นลูกจันล้างเครื่องสำอางออกแล้วใส่ชุดนอนเสื้อกล้ามกางเกงขาสั้นเดินเข้ามา พอลมองชุดนอนลูกจันแล้วก็เขินจึงรีบนั่งบนโซฟามองทีวีแต่ปากพูดกับลูกจัน
“ลงมาทำไม”
ลูกจันเดินมานั่งข้างๆ
“ฉันน่าจะถามแกมากกว่าว่าไม่สบายทำไมไม่พักผ่อน ลงมาทำไม”
“ผม..เอ่อ..ฉันนอนไม่หลับเลยลงมาดูทีวีน่ะ” พอลบอก
“ดูละครที่ตัวเองเคยเล่นเนี่ยนะ”
“อือ”
“แกจะดูละครที่ตัวเองเคยเล่นก็ต่อเมื่อแกต้องการเรียกความมั่นใจเรื่องการแสดง..พรุ่งนี้แกต้องเข้าฉากใหญ่ๆเลยตื่นเต้นจนนอนไม่หลับใช่มั้ย”
พอลหันมาพูดกับลูกจัน “ใช่ๆ”
ลูกจันยิ้มอ่อนโยน พอลเห็นหน้าลูกจันที่ไร้เครื่องสำอางดูน่ารักกว่าตอนแต่งหน้ามากก็ชะงัก ทันใดนั้นภาพฤาษีก็ปรากฏขึ้นในความคิด “...ระวังผู้หญิง!”
ลูกจันเอื้อมมือมาจับมือพอล พอลสะดุ้งเฮือกเมื่อลูกจันจับมือ
“แกเล่นละครมาเป็นสิบๆเรื่อง ผ่านฉากใหญ่ๆมาตั้งเยอะไม่มีอะไรต้องกลัวแล้ว..มามะกอดเพิ่มพลังกันหน่อย”
ลูกจันดึงพอลเข้ามากอด พอลใจระทึกเลือดหนุ่มพลุ่งพล่านจะกอดลูกจันตอบ หน้าฤาษีลอยมาอีก
“...ระวังผู้หญิง!”
พอลชะงักได้สติก็รีบผลักลูกจันออกอย่างแรงจนลูกจันเกือบตกโซฟา ลูกจันมองพอลอย่างตกใจ
“โอ๊ย..ผลักฉันทำไม”
“ผม..ฉัน ฉันกลัวไข้ติดคุณ..เอ๊ยแก..เอ่อ..ฉันง่วงแล้วไปนอนก่อนนะ”
พอลเดินออกไปอย่างรีบร้อน ลูกจันมองตามพอลอย่างงงๆ
พอลเปิดประตูเข้ามาในห้องด้วยใจระทึก
“เค้าเป็นเพื่อนพีท เค้ากอดเพราะเค้าคิดว่าแกเป็นพีทห้ามคิดอะไรกับเค้าเด็ดขาด”
พอลสะบัดหัวพยายามข่มใจ
“ยุบหนอ พองหนอ ยุบหนอ พองหนอ ยุบหนอ พองหนอ”
พอลรีบวิ่งขึ้นเตียงนอนหลับตาเพื่อสงบสติอารมณ์
นาฬิกาบอกเวลาตี3 ลูกจันนอนหลับอย่างมีความสุข แต่พอลนอนพลิกตัวไปมาอย่างกระสับกระส่าย
ภาพหน้าลูกจันที่ไร้เครื่องสำอางแว่บมาในหัว พอลพลิกตัวด้วยความหงุดหงิด ภาพลูกจันกอดพอลแว่บเข้ามาในหัว พอลทนไม่ไหวจึงลุกขึ้นนั่ง
“ตามมาหลอกหลอนอยู่ได้ ทนไม่ไหวแล้วนะ”
พอลลุกพรวดขึ้นแล้วเดินออกจากห้องไป
ลูกจันนอนหลับอย่างมีความสุข พอลค่อยๆ แง้มเปิดประตู พอลมองลูกจันที่นอนบนเตียงด้วยสายตาวาบหวาม พอลโถมตัวใส่ลูกจัน ลูกจันสะดุ้งตื่นกรีดร้องด้วยความตกใจ
“แอร๊ยยย...”
ลูกจันผลักพอลออก
“พีท!!..แกเป็นบ้าอะไรของแก แกปล้ำฉันทำไม”
“ผมไม่ใช่พีท ผมชื่อพอล ผมทนไม่ไหวแล้ว”
พอลโถมตัวเข้าใส่ลูกจัน ลูกจันดิ้นรนขัดขืน
“ปล่อยฉันนะพีท ปล่อยฉัน..ปล๊อย”
พอลไม่ฟัง เขายังปล้ำลูกจันอย่างต่อเนื่อง ลูกจันหวาดกลัวร้องให้คนช่วย
“ช่วยด้วย..ช่วยด้วยย”
อ่านต่อหน้า 3
รักนี้เจ้จัดให้ ตอนที่ 2 (ต่อ)
พอลหลับตานอนคว่ำอยู่บนหมอนข้าง
“อืม...ตัวคุณนุ่มจังลูกจัน...หอมด้วย..ห๊อมหอม” พอลซุกไซ้หมอนข้างแล้วชันตัวลุกขึ้นพูดกับหมอนข้าง”แน่ะ..ยังไม่หยุดร้องอีก..หยุดเดี๋ยวนี้”
เสียงเคาะประตูดังรัวถี่ยิบเหมือนคนเคาะร้อนใจ
“พีท..พีท” เสียงลูกจันเรียก
พอลหลับลึกจึงไม่ได้ยินเสียงลูกจัน เขายังคงกอดจูบหมอนข้างอย่างต่อเนื่อง ลูกบิดประตูที่ถูกล็อคเด้งขึ้น ลูกจันเปิดประตูเข้ามาในห้องอย่างร้อนใจ
“พีท..โวยวายอะไรฝันร้ายเหรอ”
ลูกจันเปิดไฟก็เห็นพอลนอนกอดจูบหมอนข้างอย่างเอาจริงเอาจังจึงมองด้วยความตกใจ
“พีท..ละเมอ”
ลูกจันเปลี่ยนเป็นขำ เธอหยิบไอโฟนของพอลมาถ่ายวีดีโอ
“ดิ้นเหรอ คุณหนีผมไม่พ้นหรอก” พอลพูด
พอลตะกายไปบนเตียงเหมือนตามจับลูกจัน แล้วก็ตกเตียงลงมาดังพลั่ก
“โอ้ย”
ลูกจันหัวเราะลั่นห้องอย่างขำสุดๆ พอลได้สติตื่นจากฝัน ลูกจันรีบหยุดถ่ายวีดิโอแล้วเอาไอโฟนซ่อนข้างหลังแต่ยังหัวเราะลั่น
พอลมองลูกจันด้วยความตกใจ “ลูกจัน..” พอลคิด “ฝันไป”
ลูกจันหัวเราะลั่น “ฝันว่าปล้ำคนด้วยใช่ป่ะฮะๆ”
พอลมองลูกจันด้วยความอับอายสุดๆ เขาไม่ยอมรับจึงทำโมโหกลบเกลื่อน
“ผมไม่ใช่พวกบ้าเซ็กส์หื่นกามนะจะได้ฝันแบบนั้น”
“ฮะๆๆไม่ยอมรับแล้วยังทำโมโหกลบเกลื่อนเหมือนฉันเปี๊ยบ นิสัยอย่างนี้มันต้องมีหลักฐานยืนยันถึงจะยอมรับ..ดูคลิปกันป่ะ” ลูกจันยื่นไอโฟนไปตรงหน้าพอล
พอลมองไอโฟนด้วยความตกใจ
จอไอโฟนแสดงวีดีโอที่พอลกำลังปล้ำหมอนข้าง มีเสียงลูกจันหัวเราะดังลั่น ลูกจันถือไอโฟนเปิดคลิปให้พอลดู
พอลมองลูกจันอย่างไม่พอใจ “คุณถ่ายคลิปผม”
“แกกับฉันปากแข็งพอกันถ้าไม่ถ่ายจะมีหลักฐานมัดตัว แกจะยอมรับเหรอ”
พอลมองลูกจันด้วยความอายสุดๆ
ลูกจันมองพอลขำๆ “ฝันว่าปล้ำผู้หญิงด้วยใช่ป่ะ”
พอลตกใจ “คุณรู้ได้ยังไง”
“ก็ตั้งแต่แกตื่น แกเรียกฉันว่าคุณแล้วก็แทนตัวเองว่าผมทุกคำ..ถ้าแกไม่ได้ฝันว่าปล้ำผู้หญิงจนฮอร์โมนเพศชายทำงาน แกคงไม่พูดแบบนี้หรอก”
พอลชะงักมองลูกจันอย่างกลัวว่าจะถูกจับได้ แล้วก็แกล้งทำเป็นโกรธ
“เอาโทรศัพท์ผม..เอ๊ย..เอาโทรศัพท์ฉันคืนมา”
ลูกจันเอาโทรศัพท์หลบ “บอกมาก่อนว่าผู้หญิงที่โดนแกปล้ำในฝันเป็นใคร”
พอลจ้องหน้าลูกจันอึ้งๆ โดยไม่กล้าบอก “คุณ..เอ่อ.แกไม่รู้จักหรอก”
“ฉันรู้จักผู้หญิงในชีวิตแกทุกคน”
พอลชะงักแล้วรีบเปลี่ยนเรื่องกลบเกลื่อน “แกไม่เคยฝันถึงคนที่ไม่รู้จักรึไง เอาโทรศัพท์คืนมาได้แล้ว”
พอลแย่งโทรศัพท์
ลูกจันหลบ “เดี๋ยวให้..ขอส่งคลิปเข้าเครื่องฉันก่อน เอาไว้ดูเวลาเครียด”
พอลอึ้งและอับอาย ลูกจันจะส่งคลิปเข้าเครื่องตัวเอง พอลเข้ามาแย่ง
“เฮ้ย....อย่าส่ง”
ลูกจันไม่ยอม เธอวิ่งหนีไปมุมหนึ่งแล้วพยายามกดส่งคลิป
พอลตามมาแย่ง “เอามานะ”
“บอกว่าขอส่งก่อน”
ลูกจันเดินถอยหลังและพยายามส่งคลิปไป พอลเดินตามพยายามแย่งโทรศัพท์จากลูกจัน ลูกจันถอยจนไปสะดุดขอบเตียงแล้วก็จะหงายหลัง
“ว้าย”
ลูกจันหาที่ยึดจึงคว้าคอเสื้อพอลอย่างจังแล้วหงายหลังลงบนเตียง โดยมีพอลล้มตามมาด้วย พอลนอนทับบนตัวลูกจันโดยหน้าทั้งสองเกือบชนกัน
ลูกจันจดจ่ออยู่กับคลิปในโทรศัพท์ พอลจ้องหน้าลูกจันอย่างตกอยู่ในภวังค์ แล้วก็ต้องตื่นจากภวังค์เพราะเสียงของลูกจัน
ลูกจันมองพอลงงๆ “พีท..พี๊ท...งงอะไรอยู่ลุกไปสิ..หนัก”
พอลรีบลุกพรวดขึ้นอย่างรู้สึกผิดที่เผลอใจตกอยู่ในภวังค์กับลูกจัน เขาแอบก้มลงมองตัวเองแล้วสะดุ้งจึงรีบหยิบหมอนมาบังหว่างขาไว้ ลูกจันลุกขึ้นจะหยิบโทรศัพท์ พอลรีบคว้ามาถือไว้แน่น
“แหม..รีบหยิบเชียว” ลูกจันล้อ “ยังไงๆชั้นก็คงไม่ลืมท่าแกปล้ำผู้หญิงง่ายๆหรอก” ลูกจันแกล้งจ้องตาพอลแล้วกัดปากทำหน้าเซ็กซี่ “แมนมากเลยจ้ะ”
พอลจ้องตาลูกจันแล้วก็ชักรู้สึกหวิวๆ จึงทำเป็นดุข่ม
“กลับห้องไปเลยไป”
พอลลากลูกจันมาที่ประตูห้องแล้วผลักลูกจันออกไป ลูกจันมองประตูห้องป้าภาด้วยความแปลกใจ
“ปกติป้าภาหูไวจะตายทำไมวันนี้ป้าไม่ได้ยินเสียงแก..หรือจะเป็นลม”
ลูกจันจะเดินไปห้องป้าภา
พอลรีบบอก “ป้าภาไม่อยู่..ไป..ไปปฏิบัติธรรมที่วัดน่ะ”
“อ๋อ”
พอลเห็นกุญแจห้องคาที่ประตูก็ดึงออก
“ผม..เอ่อ..ฉันจะไม่ให้แกเก็บกุญแจห้องฉันแล้วนะ..ฉันต้องการพื้นที่ส่วนตัว”
ลูกจันขำพอลจึงหัวเราะลั่น
พอลปิดประตูอย่างหงุดหงิดแล้วก็คิด “อยู่ไม่ได้แล้วโว๊ย”
พอลตัดสินใจวิ่งไปเปิดตู้หยิบเสื้อผ้าออกมาเปลี่ยนอย่างเร่งร้อนด้วยท่าทางเหมือนหนีตาย พอลมีสีหน้าเครียดมาก
พีทหลับอยู่บนเตียงคนไข้ ป้าภานั่งพับเพียบบนโซฟาแล้วสวดมนต์
“นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ”
เสียงประตูห้องถูกเปิดออก ป้าภาหันไปมองเห็นพอลสะพายเป้เดินเข้ามา เธอมองนาฬิกาที่ผนังก็เห็นว่าเป็นเวลาเกือบ 4 ทุ่ม
“อ้าว..ดึกดื่นป่านนี้แล้ว ทำไมไม่นอนพักผ่อนล่ะลูก” ป้าภาถาม
พอลไม่กล้าบอกเรื่องลูกจัน “ผม..ผมนอนไม่หลับน่ะครับ”
“โถ.. ..ห่วงพีทเหรอลูก”
พอลหลบตาป้า “เอ่อ..ครับ..พีทเป็นยังไงบ้างครับ”
“หายปวดท้องแล้ว..อาการอื่นต้องรอหมอมาตรวจอีกที”
พอลพยักหน้ามองพีทด้วยความสงสาร เขารู้สึกง่วงมากจึงหาวหวอด
ป้าภาเอ็นดู “ดู๊...พอรู้ว่าพีทหายปวดท้อง ง่วงขึ้นมาทันทีเชียวนะ”
พอลยิ้มเขินๆ
ป้าภาลุกจากโซฟา “มานอนนี่มา”
“ไม่ต้องหรอกครับ ป้าสวดมนต์ต่อเถอะเดี๋ยวผมไปนอนที่โซฟาห้องรับแขกก็ได้”
ป้าภามองพอลก่อนจะยิ้มอ่อนโยนแล้วพยักหน้าให้
เวลาผ่านไป พอลนอนงอเข่าคุดคู้อยู่ที่โซฟา เขาพลิกตัวไปมาเพราะนอนไม่สบาย
พอลรู้สึกหงุดหงิด พยายามจะนอนก็นอนไม่หลับ เพราะทุกครั้งที่หลับตาก็จะมีลูกจันในชุดวาบหวิวลอยมา พอลลุกขึ้นนั่งถอนหายใจ
เวลาผ่านไปอีกหน่อย พอลนั่งสวดมนต์อย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อข่มความฟุ้งซ่านอยู่ข้างๆ ป้าภา พอลสวดเสียงดัง ป้าภามองพอลอย่างงงๆ ว่าเขาเกิดใฝ่ธรรมะอะไรขึ้นมา
อาร์ตถือกล่องของขวัญที่มีซองการ์ดทำเองอยู่บนกล่องเดินมาหาอุ่นเรือนที่นั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะ
“พี่แอนนี่”
อุ่นเรือนเงยหน้ามองอาร์ต
“คือผมทำของขวัญมาให้พี่ลูกจัน เอ่อ..ผมขออนุญาตเอาของขวัญไปไว้บนโต๊ะพี่ลูกจันหน่อยนะพี่”
เสียงจุ้มจิ้มดังขึ้น “อย่าเสียเวลาเล้ย”
อาร์ตกับอุ่นเรือนหันไปมองเห็นจุ้มจิ้มเดินมา
“พี่ลูกจันไม่ซาบซึ้งน้ำตาไหลพรากๆเพราะของขวัญของแกหรอก”
อาร์ตมองอย่างเหยียดหยาม “เฮอะ..กลัวพี่ลูกจันรับรักฉันแล้วแกจะอกหักดังเป๊าะๆๆละสิ”
จุ้มจิ้มมองอย่างเหยียดหยามกลับด้วยท่าเดียวกัน “เฮอะ...นี่ยังไม่มีใครบอกแกใช่มั้ยว่าตอนไปเขาค้อพี่ลูกจันนอนห้องเดียวกับฉัน”
อาร์ตหัวเราะ “ฮ่าๆๆ....โถ..ยังกล้าจะภูมิใจเนอะ..ที่พี่ลูกจันเค้ายอมนอนห้องเดียวกับแกก็เพราะเค้าเห็นแกเป็นผู้หญิงเหมือนเค้าอะดิ”
จุ้มจิ้มแอบจ๋อยแต่ก็ยังพยายามเก๊กเพื่อรักษาฟอร์ม
อาร์ตยิ้มกวนๆ “ถามจริง...แกเคยมองตาพี่ลูกจันป่ะ”
จุ้มจิ้มยิ้มกวนกลับด้วยท่าเดียวกัน “เคยสิทำไมจะไม่เคย”
“งั้นแกก็โง่มากที่ไม่รู้ว่าสายตาที่พี่ลูกจันมองแกเป็นแค่สายตาของผู้ใหญ่เอ็นดูเด็ก”
“งั้นแกก็โง่เหมือนฉันนั่นแหละ ที่ไม่รู้ว่าพี่ลูกจันก็มองแกเหมือนพี่มองน้อง เฮอะ..ยังจะตามจีบเค้าอยู่ได้”
อาร์ตพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ “ความรักชนะทุกอย่าง สักวันความรักของฉันจะทำให้พี่ลูกจันเปลี่ยนใจมารักฉันแบบแฟน.. เฮ้อ..เถียงกับคนโง่อย่างแกเสียเวลาปล่าๆ เอาของไปให้พี่ลูกจันดีกว่า” อาร์ตพูดกับอุ่นเรือน “ขออนุญาตเข้าห้องพี่ลูกจันหน่อยนะพี่”
อุ่นเรือนพยักหน้า อาร์ตยักคิ้วกวนๆใส่จุ้มจิ้มแล้วเดินเข้าห้องของลูกจันไป จุ้มจิ้มมองตามอาร์ตอย่างแค้นใจ จุ้มจิ้มครุ่นคิดยิ้มมีแผนแล้วก็รีบเดินออกไป
มินตรากับปีโป้นั่งดื่มกาแฟอยู่ด้วยกัน ปีโป้กำลังอ้าปากพะงาบๆ ใส่ไฟลูกจัน มินตรากระแทกแก้วกาแฟลงบนโต๊ะอย่างไม่พอใจ
“นังลูกจันมันกล้าพูดขนาดนี้เลยเหรอ” มินตราไม่พอใจ
“ชีพูดมากกว่านี้อีกนะ แต่ฉันไม่อยากให้เธอโกรธมากกว่านี้ ก็เลย..” ปีโป้ทำท่าทางสะตอมาก “เฮ้อออออ...ไม่เล่าดีกว่า”
“มันว่าอะไรอีก พูดมาเลยปีโป้”
ปีโป้ทำท่าอิดออดแต่ก็จัดเต็ม “ก็..ก็ชีก็บอกว่าถ้ายอดทีนคลับยังไม่ดีขึ้น ชีจะขอคุณวิเป็น บก.ทีนคลับด้วย..ชีจะทำให้คุณวิรู้ว่าชีเป็น บก. หนังสือควบ 2 เล่มได้ แถมจะทำให้ยอดขายดีทั้งคู่ด้วย”
มินตราโกรธ “นังลูกจัน”
ปีโป้เสี้ยมต่ออย่างเมามัน “ชีกำลังขึ้นหม้อ คงคิดว่าพูดอะไรคุณวิก็ฟัง เธออย่าไปยอมมันนะ”
“ไม่ยอมหรอก..ฉันน่ะพยายามหาโอกาสเขี่ยมันให้ตกบัลลังก์เซเลบทุกวันแต่ยังหาโอกาสเหมาะไม่ได้ซักที”
ปีโป้เห็นจุ้มจิ้มสะพายกระเป๋าเดินผ่านมา ปีโป้มองจุ้มจิ้มคิดๆแล้วยิ้มมีแผนแล้ววิ่งไปหาจุ้มจิ้ม
“จุ้มๆ” ปีโป้เรียก
จุ้มจิ้มรับคำ “ฮะ”
“พี่อยากดูรูป โหลดรูปลงคอมฯรึยัง”
“ยังอยู่ในเอสดีการ์ดอยู่เลยฮะ.. เดี๋ยวขอทำธุระส่วนตัวแป๊บแล้วจะโหลดฮะ”
“โหลดเสร็จแล้วบอกพี่ด้วยนะพี่จะไปดู”
“ฮะ”
จุ้มจิ้มเดินออกไป ปีโป้มองตามจุ้มจิ้มยิ้มอย่างมีแผนแล้วเดินกลับมาหามินตรา
“โอกาสที่เธอจะเขี่ยนังลูกจันมาถึงแล้ว”
มินตรามองปีโป้ด้วยความแปลกใจ
พอลนอนขดตัวหลับสนิทกรนอยู่ที่โซฟา ทันใดนั้นเสียงมือถือของพอลก็ดังขึ้น พอลหลับตาคว้าโทรศัพท์มารับอย่างงัวเงีย
พอลพูดด้วยสำเนียงฝรั่งมาก “hello”
ลูกจันอยู่ในชุดนอนชงกาแฟไปคุยโทรศัพท์ไปอยู่ที่บ้าน
“เพิ่งได้ผู้ชายฝรั่งมาเหรอยะถึงพูดสำเนียงฝรั่งใส่ฉัน”
พอลพูดอย่างงัวเงีย “who are you?”
“โอ้โห..พอเป็นฝรั่งขึ้นมาเลยจำเสียงฉันไม่ได้เลยเหรอยะ..ลูกจันย่ะ..your best friend”
พอลตกใจลุกพรวดขึ้น “ลูกจัน..” พอลมองมือถือในมือ “มือถือพีท”
พอลลุกขึ้นวิ่งไปหาพีทในห้องคนไข้
พอลวิ่งไปหาพีทที่กึ่งนั่งกึ่งนอนเช็คข่าวพันทิปในไอแพดอยู่บนเตียง
“ทำไมฉันไม่ได้ยินเสียงแกเลย..ฮัลโหล” เสียงลูกจันพูด
พอลยื่นโทรศัพท์ให้พีทแล้วพูดไม่มีเสียง “ลูกจัน”
พีทพยักหน้าแล้วรับโทรศัพท์มาจากพอล
“ฮัลโหล ฮัลโหล”
พีทรับสาย “ว่าไงจ๊ะ..เพื่อนรัก”
“ผู้ชายฝรั่งกลับไปแล้วเหรอยะถึงพูดไทยกับฉันได้”
พีทหัวเราะเบาๆ
“ฉันคิดถึงแกม๊ากมากถ้าเจอกันขอกอดแน่นๆเลยนะ”
ลูกจันนั่งดื่มกาแฟพูดกับพีทด้วยความเป็นห่วง
“แกเป็นอะไรรึเปล่า” ลูกจันถาม
พีทนึกได้ “ไม่ได้เป็นแค่คิดถึงเฉยๆ”
“แกมีถ่ายละครบ่ายไม่ใช่เหรอแล้วออกไปไหนแต่เช้า”
“เอ่อ... ก็มาถ่ายละครนี่แหละเค้าขอเลื่อนมานัดเช้าน่ะ”
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ป้าภาถือถุงของกินเดินเข้ามา
“ป้าซื้อของมาเยอะเลย กินกันเลยนะ” ป้าภาบอก
“เสียงป้าภานี่..ไหนแกบอกว่าป้าภาอยู่วัดแล้วไปอยู่กับแกได้ยังไง” ลูกจันงง
“ใช่ป้าภาที่ไหนล่ะเสียงป้าสวัสดิการกองถ่ายตะหาก แกคิดถึงป้าภามากจนหูแว่วแล้ว” พีทว่า
เสียงเคาะประตูดังขึ้น หมอและพยาบาลเปิดประตูเข้ามา
“ทีมงานมาตามแล้ว ฉันทำงานก่อนนะ” พีทบอก
พีทวางสายแล้วถอนหายใจด้วยความโล่งอก
หมอตรวจพีทจนเสร็จ
“อาการโดยรวมดีขึ้นมากวันนี้กลับบ้านได้แล้วครับ แขนที่ซ้นก็พยายามอย่าเคลื่อนไหวมาก ทางที่ดีก็ผูกคอห้อยเอาไว้ก่อน”
พีท พอล และป้าภายิ้มดีใจ
“แล้วขาที่หักนี่ต้องใช้เวลารักษานานแค่ไหนครับ” พอลถาม
“อย่างเร็วที่สุดก็ 2 เดือนครับ”
พอลตาโต “2 เดือน!”
พอลพูดกับพีทด้วยความเครียดสุดๆ
“เป็นนายแค่วันเดียวเราก็อึดอัดจะแย่แล้ว แล้วนี่ต้องเป็นนายไปอีก 2 เดือนเราตายแน่..นายบอกความจริงกับลูกจันเถอะ”
พีทคิดถึงความลับที่แอบคบศัตรูของเพื่อนแล้วก็เครียด “เราบอกลูกจันไม่ได้”
“ทำไม” พอลถาม
“เรามีเหตุผลก็แล้วกัน” พีทวิงวอน “พอลตั้งแต่เป็นพี่น้องกันมาเราไม่เคยขออะไรนายเลย ครั้งนี้เราไม่มีทางอื่นจริงๆ ช่วยเราหน่อยนะ” พีทมองหน้าพอเห็นพอลทำท่าจะปฏิเสธก็พูด “รึจะให้เราฆ่าตัวตายหนีปัญหาอีกที”
“อย่านะลูก อย่าคิดสั้นอีกนะพีท” ป้าภาร้องไห้
พอลโดนกดดันหนักจนต้องยอม “เอาล่ะๆ เราช่วยต่อก็ได้ แต่นายต้องสัญญาว่าจะไม่คิดสั้นอีก”
พีทน้ำตาคลอ “เราสัญญา ขอบใจนะพอล”
พอลพยักหน้ารับเซ็งๆ แล้วหันไปถามป้าภา “แล้วช่วงนี้ป้ากับพีทจะไปอยู่ที่ไหนกันครับ”
“คอนโดป้าจ้ะ ฝรั่งที่เคยเช่าอยู่กลับประเทศไปสองเดือนแล้ว ตอนนี้ว่าง ป้าจะพาพีทไปอยู่ที่นั่น”
พีทกับพอลพยักหน้าเห็นดีกับป้าภา
“แล้วนายอยู่กับลูกจันเป็นไงบ้าง ลูกจันสงสัยอะไรมั้ย” พีทถาม
“ไม่เลย” พอลตอบ
“เพื่อนสนิทที่อยู่ด้วยกันทุกวันยังไม่สงสัย แสดงว่านายเล่นเนียนมาก(คิดได้...ตกใจ) แต่วันนี้มีถ่ายละครนี่...ว๊าย”
“ไม่ต้องห่วง เมื่อคืนเราซ้อมเล่นละครตามนายแล้ว (โม้)ง่ายกว่าที่คิดตั้งเยอะ นายแค่บอกข้อมูลเรื่องใครเป็นใครในกองถ่ายก็พอ”
จุ้มจิ้มนั่งดูเว็บขายจิ้งจก ตุ๊กแก งู ตะขาบยาง
“บอกว่าจัดส่งภายใน 15 นาที นี่ 16 นาทีแล้วทำไมไม่มาส่งอีก”
เสียงมือถือจุ้มจิ้มดังขึ้น
“ฮัลโหล..มาแล้วเหรอ..ลงไปเอาเดี๋ยวนี้ละฮะ”
จุ้มจิ้มวิ่งออกจากห้องไปด้วยความดีใจ
จุ้มจิ้มเดินออกจากห้องด้วยความรีบร้อน มินตรากับปีโป้ที่ซุ่มอยู่มุมหนึ่งหันมายิ้มให้กันด้วยความดีใจ
“ฉันดูต้นทางให้ เธอเข้าไปจัดการเลย” ปีโป้บอก
มินตราพยักหน้ามองซ้ายมองขวาอย่างระแวดระวังแล้วเดินเข้าห้องจุ้มจิ้มไป ปีโป้ดูต้นทางให้มินตราอย่างระแวดระวัง
มินตราคลิ๊กเข้าไปดูโฟลเดอร์ที่เขียนว่ารูปปกเซเลบแต่ยังไม่มีไฟล์ที่เขียนว่าเขาค้อ
“ยังไม่มีไฟล์เขาค้อแสดงว่ายังไม่ได้โหลด”
มินตราค้นกระเป๋าจุ้มจิ้มจนเจอกล่องเอสดีการ์ดแล้วก็ยิ้มร้าย
“เตรียมหางานใหม่ได้เลย....บก.ลูกจัน” มินตราว่า
มินตราเอากล่องเอสดีการ์ดซุกกระเป๋ากางเกงแล้วรีบเดินออกจากห้องไป
รูปปกของไลม์ถูกโยนลงบนโต๊ะอย่างแรง
“เสื้อผ้า หน้า ผม ไร้รสนิยมสิ้นดี ถ้าเอารูปพวกนี้ลงปกไลม์ได้ถูกด่าเปิงว่าเป็นนิตยสารชั้นต่ำ..ทำไมณัฐไม่ไปคุมกองถ่าย” สาโรจน์ว่า
ณัฐไม่พอใจ “ใครฟ้องพี่”
“ไม่ต้องรู้..ตอบพี่มาว่าทำไมณัฐไม่ไปคุมกอง”
“ผมไม่สบายไปไม่ไหว”
“แล้วทำไมไม่ยกกองปล่อยให้เดคุมแทนได้ยังไง”
“มันเป็นรอง บก.นะครับใครจะไปคิดว่ามันจะทำงานแทนผมไม่ได้”
“มีคนนึงนะที่ทำงานแทนณัฐได้”
“ใคร”
“ลูกจัน...ถ้าณัฐยังปล่อยให้งานออกมาแบบนี้ ปล่อยให้ไลม์ยอดขายรองจากเซเลบทั้งปีทั้งชาติแบบนี้ พี่จะซื้อตัวลูกจันมาทำงานแทนณัฐ”
“พี่ขู่ผมเหรอ”
“คนอย่างพี่ไม่เคยขู่..ณัฐก็รู้”
สาโรจน์จ้องณัฐอย่างไม่กลัว ณัฐเห็นสาโรจน์เอาจริงก็พูดด้วยเสียงอ่อนลง
“ผมจะไม่ให้ใครคุมงานแทนอีกแล้ว แล้วก็จะพยายามทำให้ยอดขายไลม์แซงเซเลบให้ได้ครับ”
“ดีมาก..ไปได้แล้ว”
“ครับ”
ณัฐหันหลังจะเดินออกไป หน้าตาที่ยิ้มให้สาโรจน์เมื่อครู่เปลี่ยนเป็นเคียดแค้น
เดนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะ ณัฐเดินเข้ามากระชากคอเดแล้วต่อยอย่างแรง คนที่นั่งทำงานอยู่มองอย่างตกใจ
“โอ้ย” เดล้มไปกองกับพื้นแล้วมองณัฐอย่างงงๆ “พี่ต่อยผมทำไม”
“แล้วมึงฟ้องพี่สาโรจน์ทำไมว่ากูไม่ไปคุมกอง”
เดลุกขึ้นแล้วพยายามอธิบาย
“คุณสาโรจน์เป็นเจ้านาย เค้าถามผมก็ต้องบอกความจริง”
“ความจริงที่ทำให้กูโดนด่ามึงก็ไม่ต้องบอกใครก็ได้..มึงเก็บของแล้วออกไปจากออฟฟิศเลยนะ กูไล่มึงออก”
ณัฐเดินออกไปด้วยความหงุดหงิด เดตะโกนตามหลังณัฐอย่างโมโห
“เออ กูออกก็ได้..เป็น บก.แต่มีปัญหาไม่เคยช่วยคิด ความดีใส่ตัวความชั่วให้ลูกน้อง กูก็หมดความอดทนที่จะทำงานกับหัวหน้าอย่างมึงแล้วเหมือนกัน”
ณัฐเดินเข้าห้องาด้วยความหงุดหงิด เขากดโทรศัพท์หาอิงอร
ณัฐพูดเสียงแข็ง “อร..จองคิวหมอนวดที่สปาให้หน่อยสิ พี่จะไปนวด เครียด”
จุ้มจิ้มถือกล่องของขวัญเดินยิ้มเข้ามา
“กระดาษห่อลายเดียวกัน กล่องเท่ากัน ไอ้อาร์ตต้องงงไป 3 วัน 7 วันที่ของขวัญข้างในเปลี่ยนไป”
จุ้มจิ้มเดินซุ่มแอบดูอุ่นเรือนอยู่ที่มุมหนึ่งแล้วกดโทรศัพท์ โทรศัพท์ที่โต๊ะอุ่นเรือนดังขึ้น
จุ้มจิ้มดัดเสียง “คุณอุ่นเรือนใช่มั้ยคะ”
อุ่นเรือนรับคำ “ค่ะ”
จุ้มจิ้มดัดเสียง “เอาพิซซ่ามาส่งค่ะ”
อุ่นเรือนงง “พิซซ่า..ฉันไม่ได้สั่งนี่คะ”
“มีผู้ชายคนหนึ่งสั่งให้คุณ”
อุ่นเรือนดีใจมาก “ผู้ชายสั่งให้?? เค้าชื่ออะไรคะ”
จุ้มจิ้มมองอุ่นเรือนแล้วขำ “เค้าไม่ประสงค์ออกนามค่ะ..ตอนนี้พนักงานของเราอยู่หน้าออฟฟิศคุณแล้วออกมารับด้วยค่ะ”
“ค่ะๆ”
อุ่นเรือนรีบวางสายแล้วออกไปด้วยความดีใจ
จุ้มจิ้มมองตามอุ่นเรือนแล้วยิ้มขำพอมองไปรอบๆเห็นไม่มีใครก็รีบเข้าห้องลูกจัน
ป้าอ้อย ทีมงานคนอื่นนั่งดูมอนิเตอร์ที่เต้ย กวาง เข้าฉากกัน
“สายชลคงไม่กลับมาหานางฟ้าแล้วล่ะ” เต้ยพูดบท
กวางเจ็บปวดจนร้องไห้ “ไม่จริง..สายชลต้องไม่ทิ้งนางฟ้า..สายชลสัญญากับนางฟ้าแล้ว..ฮือๆๆ”
กวางน้ำตาไหลพรากด้วยความเจ็บปวด
ป้าอ้อยและทีมงานที่นั่งหน้ามอนิเตอร์มองกวางด้วยความอินจัด
“ดี..เจ็บปวดไว้เจ็บปวดมากๆ”
ทุกคนก็ต้องชะงักเมื่อเห็นพอลเดินแบกเป้ทะเล่อทะล่าผ่านหน้ากล้องเข้ามา
ป้าอ้อยหงุดหงิดมาก “คัท”
ทุกคนมองพอลอย่างงงๆ กวางมองพีทแล้วถอนหายใจด้วยความไม่พอใจ
ป้าอ้อยตะโกนถามพอล “พีทเดินไปตรงนั้นทำไม ไม่เห็นรึไงว่าเค้าถ่ายกันอยู่”
พอลมองไปรอบๆ อย่างเขินๆ
“อ้าว เหรอครับ ขอโทษครับ..แล้วผมต้องไปตรงไหน”
“ห้องแต่งตัวอยู่ทางนี้ค่ะ” แนนบอก
แนนเดินนำออกไป พอลเดินตามไปอย่างรู้สึกผิด
ป้าอ้อยพูดกับทุกคน “รีเซตฉากขออีกเทค”
“ร้องไห้ไม่ได้แล้วค่ะขอพักทำอารมณ์แป๊บนึงนะคะ”
“เอ้าพักกอง เต้ยไปรอที่ห้องแต่ตัวก่อนก็ได้นะ กวางพร้อมแล้วจะวอ. เรียก”
“ครับ”
เต้ยเดินไปทางห้องแต่งตัว
ป้าอ้อยเซ็ง “พีทนะพีทอยู่กองถ่ายมาตั้งนานยังเดินตัดหน้ากล้องอีก..เฮ้อ..เสียเวลาจริงๆ”
พอลเดินเข้ามาในห้องแต่งตัว แนนเดินออกไป ช่างแต่งหน้า ช่างทำผมเดินตามเข้ามา พอลวางกระเป๋าแล้วหันไปเห็นช่างแต่งหน้า ช่างทำผมก็ยกมือไหว้
“สวัสดีครับพี่เจี๊ยบ พี่แอม”
เต้ยเดินเข้ามาในห้องแต่งตัว พอลไหว้ช่างหน้าที่เป็นกะเทย
ช่างแต่งหน้ามองพอลอย่างงงๆ “พี่บอยค่ะ พี่เจี๊ยบไม่ว่างเลยส่งพี่มาแทน”
พอลกร่อย “เอ่อ..ครับพี่บอย..เอ้อ..ผมทานยาแก้หวัดมาน่ะครับสมองเลยอาจจะเบลอไปหน่อย”
พอลยิ้มกลบเกลื่อนความผิด เต้ยเดินมาหาพอลแล้วมองพร้อมกับยิ้มหวาน
“ไม่สบายแล้วยังมาทำงานอีก พี่พีทนี่สปิริตแรงกล้าจริงๆนะครับ”
พอลยิ้มให้เต้ยอย่างเป็นมิตร
“ไม่สบายต้องดื่มน้ำเยอะๆ เดี๋ยวผมไปเอาน้ำมาให้นะครับ”
เต้ยเดินออกไป พอลมองตามเต้ยแล้วก็ครุ่นคิด
พอลคิดในใจ “เอาใจพีทน่าดู..หรือจะเป็นคนนี้ที่หลอกเอาเงินพีทไป”
พอลมองตามเต้ยด้วยความสงสัย
อุ่นเรือนนั่งหน้าหงิกทำงานอยู่ที่โต๊ะ สักพักเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
“ไม่เห็นมีใครเอาพิซซ่ามาส่งให้ฉันเลยค่ะ” อุ่นเรือนชะงัก “อ้าวอาร์ต..พี่ลูกจันยังไม่มาเลยถ้ามาแล้วจะโทรบอกนะ”
อุ่นเรือนวางสายจากอาร์ตแล้วเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีก
“คราวนี้พนักงานพิซซ่าแน่ๆ” อุ่นเรือนรับสาย “ไม่เห็นมีใครเอาพิซซ่ามาส่งเลยค่ะ” อุ่นเรือนชะงัก “จุ้มเองเหรอ..พี่ลูกจันยังไม่มาเลย”
อุ่นเรือนพูดจบ ลูกจันที่แต่งตัวสวยงามด้วยแบรนด์เนมทั้งตัวก็เดินเข้ามา
“มาพอดีเลยจุ้มแค่นี้ก่อนนะ”
ลูกจันเดินมาถึงโต๊ะอุ่นเรือน
“สวัสดีค่ะพี่ลูกจัน..อุ่น เอ้ย แอนนี่ขอโทรศัพท์แป๊บนึงแล้วจะเอากาแฟเข้าไปให้ พร้อมรายงานคิววันนี้นะคะ”
“เร็วๆล่ะ”
“ค่ะๆ” อุ่นเรือนรีบกดโทรศัพท์หาอาร์ต
“พี่ลูกจันมาแล้วนะอาร์ต”
ลูกจันเดินเข้ามาในห้องพอเห็นซองการ์ดกับกล่องของขวัญวางอยู่ก็มองแปลกใจ เสียงเคาะประตูดังขึ้นอุ่นเรือนเดินถือถาดกาแฟที่มีสมุดจดคิววางในถาดเข้ามาด้วย
“ของขวัญจากใคร” ลูกจันถาม
“อาร์ตค่ะ” อุ่นเรือนตอบ
เสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เข้ามา”
จุ้มจิ้มเปิดประตูยิ้มแฉ่งเดินเข้ามา
“จุ้มจะมาถามว่าพี่ลูกจันจะเลือกรูปปกเลยมั้ยฮะ จุ้มจะได้ส่งไฟล์รูปมาให้”
“ส่งมาเลย”
เสียงเคาะประตูดังขึ้น
ลูกจันแปลกใจ “ทำไมวันนี้ทุกคนมาหาฉันพร้อมเพรียงกันอย่างนี้..เข้ามา”
อาร์ตเปิดประตูเข้ามา
“พี่ลูกจันชอบของขวัญที่ผมให้มั้ยพี่”
“ยังไม่ได้เปิดเล้ยพ่อคู๊ณ”
“งั้นก็เปิดเลยสิพี่ จะได้รู้ว่าชอบมั้ย”
ลูกจันก้มลงพลิกดูการ์ด อุ่นเรือนชะเง้อมองอย่างลุ้นไปด้วย อาร์ตยิ้มกริ่มเพราะมั่นใจว่าลูกจันต้องกรี๊ดด้วยความปลื้มเมื่อเห็นของ
จุ้มจิ้มแอบทำหน้าเจ้าเล่ห์แล้วคิดในใจว่าเสร็จแน่มึง
อ่านต่อหน้า 4
รักนี้เจ้จัดให้ ตอนที่ 2 (ต่อ)
ลูกจันเอาการ์ดออกจากซอง เป็นการ์ดทำมือน่ารักๆ
อุ่นเรือนตื่นเต้น “การ์ดน่ารักจังเลยค่ะ”
“ผมทำเองกับมือเพื่อพี่ลูกจันโดยเฉพาะเลยนะเนี่ย”
จุ้มจิ้มมองอาร์ตด้วยความหมั่นไส้
ลูกจันเปิดการ์ดอ่าน “วันนี้ดวงจันทร์หายไปใจฉันหาย”
อาร์ตยิ้มแฉ่ง
“แค่ประโยคแรกก็รู้แล้วว่าน้ำเน่า” จุ้มจิ้มว่า
อาร์ตมองจุ้มจิ้มอย่างไม่พอใจ “ถ้าแยกคำว่าน้ำเน่ากับโรแมนติคไม่ออกก็เงียบปากไปเลย”
จุ้มจิ้มยิ้มเยาะแล้วหันไปฟังลูกจันอ่านต่อ
ลูกจันยิ้มขำ “ทุกวันต้องเห็นหน้าเธอตอนสายๆ..แต่วันนี้ไม่..อยากเห็นจันทร์สายบ่ายเย็นทุกวันไป..พลบค่ำไซร้ขอเป็นดาวเพราะอยากเคียงจันทร์” ลูกจันขำมาก “ฮะๆๆๆๆ..แต่งได้ไงเนี่ย...ความคล้องจองอยู่ตรงไหน?”
“ความคล้องจองอาจไม่มี..แต่ความจริงใจเต็มร้อยนะคร้าบ” อาร์ตบอก
ลูกจันส่ายหัวยิ้มๆ เพราะเอ็นดูในความพยายามของอาร์ต แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรเกินเลยกว่านั้น ลูกจันแกะห่อของขวัญ อาร์ต จุ้มจิ้ม และอุ่นเรือนมองด้วยความตื่นเต้น ลูกจันเปิดกล่องของขวัญออกมาแล้วก็กรี๊ดลั่น
“กรี๊ดดด”
“นึกแล้วเชียวว่าพี่ต้องกรี๊ด น่ารักใช่ม๊า” อาร์ตว่า
อาร์ตหันไปยักคิ้วเย้ยจุ้มจิ้ม จุ้มจิ้มยิ้มเย้ยกลับมา
ลูกจันโยนกล่องของขวัญทิ้ง “กรี๊ดด”
อาร์ตกับอุ่นเรือนมองอย่างตกใจ จุ้มจิ้มหัวเราะขำ กล่องของขวัญลอยมาตรงหน้าอุ่นเรือน อุ่นเรือนตกใจจนทิ้งสมุดคิวแล้วรีบรับกล่องของขวัญ พอเห็นของในกล่องอุ่นเรือนก็กรี๊ดลั่น
“กรี๊ดด”
อุ่นเรือนโยนกล่องของขวัญลงพื้นทำให้ตุ๊กแกยางกระเด็นออกมา
“อาร์ต แกเอาตุ๊กแกมาให้พี่ลูกจันเหรอ..ไม่รู้รึไงว่าพี่ลูกจันกลัวตุ๊กแก” จุ้มจิ้มว่า
อาร์ตหน้าเจื่อนรีบอธิบายกับลูกจัน
“นี่ไม่ใช่ของขวัญของผม..ต้องมี” อาร์ตมองจุ้มจิ้ม “คนแกล้งเปลี่ยนของในกล่องผมแน่ๆ”
“เฮ้ยๆ มองฉันอย่างนี้หาว่าฉันเปลี่ยนของแกเหรอ”
“ก็แกน่าสงสัยที่สุด”
“จุ้มไม่ได้เข้ามาในห้องพี่ลูกจันเลย ไม่ใช่จุ้มหรอกอาร์ต” อุ่นเรือนบอก
“เอาละๆช่างเถอะ เอาเป็นว่าพี่ขอบใจสำหรับกลอนและของขวัญแต่วันหลังจะให้ของขวัญใครก็เช็คให้ดีก่อนจะได้ไม่พลาดแบบนี้อีก”
อาร์ตหน้าเจื่อน “ครับ”
จุ้มจิ้มยิ้มเยาะอาร์ตด้วยความสะใจ
“ออกไปได้แล้วพี่จะทำงาน.. เอาตุ๊กแกนี่ออกไปด้วย..อี๋ หยะแหยง”
อาร์ตถือกล่องตุ๊กแกออกมาจากห้องลูกจัน จุ้มจิ้มเดินตามออกมา
จุ้มจิ้มเรียก “อาร์ต”
อาร์ตไม่พอใจ “อะไร”
“ฉันเชื่อแล้วว่าแกทำให้พี่ลูกจันประทับใจของขวัญของแกได้จริงๆ..กรี๊ดลั่นห้องแบบนี้พี่ลูกจันคงจำของขวัญชิ้นนี้ของแกไปจนตายเลย..ฮ่าๆ”
จุ้มจิ้มเดินหัวเราะออกไปอย่างสะใจ อาร์ตมองตามจุ้มจิ้มด้วยความแค้นใจ
“แกแน่ๆไอ้ทอม”
จุ้มจิ้มเดินเลี้ยวไปทางห้องน้ำ อาร์ตมองของขวัญในมือแล้วคิด
“ถ้ามันสลับของ..ของขวัญที่เราทำให้พี่ลูกจันก็ต้องอยู่ที่มัน”
อาร์ตเดินไปออกไปทางห้องจุ้มจิ้ม
อาร์ตหาของขวัญของตัวเองในห้องจุ้มจิ้ม
“มันเอาไปซ่อนที่ไหนวะ”
อาร์ตค้นหาตามมุมโน้นมุมนี้ จุ้มจิ้มเปิดประตูเข้ามาเห็นอาร์ตค้นของก็มองด้วยความตกใจ
“ไอ้อาร์ต”
อาร์ตหันไปมองจุ้มจิ้มอย่างตกใจ
“แกเข้ามาทำอะไรในห้องฉัน” จุ้มจิ้มถาม
“เอ้อ..ฉัน ฉันอยากดูรูปปกที่ไปถ่ายที่เขาค้อน่ะ..แกปรินท์ไว้ไหน” อาร์ตแก้เก้อ
“ยังไม่ได้โหลดยังไม่ได้ปรินท์..เดี๋ยวปรินท์เสร็จแล้วจะเอาไปให้”
“เออ”
อาร์ตเดินออกจากห้องจุ้มจิ้ม จุ้มจิ้มมองตามอาร์ตแล้วยิ้มเยาะ
“เฮอะ...ฉันคงโง่เก็บของแกไว้ให้แกจับได้หรอกนะ”
จุ้มจิ้มหัวเราะสะใจ ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ในห้องจุ้มจิ้มก็ดังขึ้น
“ฮัลโหล..รูปที่เขาค้อ..ได้เลยฮะขอเวลาไม่เกิน 15 นาทีเดี๋ยวจุ้มเมล์เข้าเมล์พี่ลูกจันให้ฮะ”
ณัฐกับอิงอรที่นอนคนละเตียงมีหมอนวดกำลังนวดให้
“ได้นวดแล้วหายเครียดมั้ยคะ” อิงอรถาม
“ดีขึ้นเยอะเลยค่ะ” ณัฐบอก
“อรไม่อยากให้พี่ณัฐเครียดอย่างนี้เลย”
“ถ้าไม่โดนพี่สาโรจน์ด่า พี่ก็คงไม่เครียดหรอกค่ะ”
“คุณสาโรจน์นี่ก็พูดจาไม่รักษาน้ำใจพี่ณัฐเลย พูดมาได้ยังไงว่าจะเอาลูกจันมาเป็น บก.ไลม์แทนพี่ณัฐ...ถอนหุ้นแล้วลาออกเลยค่ะ”
“พี่ต้องทำงานหาเงิน ถ้าถอนหุ้นลาออกจากไลม์แล้วพี่จะไปทำอะไรกินล่ะคะ”
“ไม่ต้องทำค่ะอรจะเลี้ยงพี่ณัฐกับครอบครัวเอง”
ณัฐแอบยิ้ม “พี่เป็นผู้ชาย ขืนให้ผู้หญิงเลี้ยงก็โดนนินทาว่าเกาะผู้หญิงกินน่ะสิ”
“เราก็หุ้นกันทำธุรกิจสิคะจะได้ไม่มีใครว่าพี่ณัฐได้”
ณัฐจับมืออิงอรมาจูบ “แฟนพี่ทั้งสวยทั้งฉลาดจริงๆค่ะ”
อิงอรเคลิ้ม
“แต่ตอนนี้พี่อยากพิสูจน์ให้คนในวงการหนังสือเห็นว่า บก.ที่เก่งที่สุดคือพี่ พี่ขอทำให้ยอดขายไลม์ชนะเซเลบก่อน..ถึงวันนั้นต่อให้พี่สาโรจน์คุกเข่าอ้อนวอนไม่ให้พี่ลาออก...พี่ก็จะลาออกมาทำหัวหนังสือใหม่แน่ๆ”
ณัฐพูดด้วยความแค้นสาโรจน์
ณ บ้านสวยที่ใช้ถ่ายละคร กวางยืนร้องไห้อยู่ในฉากด้วยความเสียใจ พอลวิ่งเข้ามาในฉากด้วยท่าทางเกร็งมากและมีตาล่อกแล่กตลอด
“นางฟ้า”
กวางจะเดินหนีด้วยความน้อยใจแต่พอลจับแขนไว้
“ฟังสายชลก่อน”
พอลจับกวางให้หันหน้ามา
กวางสวยมากสมเป็นนางเอกเบอร์หนึ่ง พอลตะลึงจนอ้าปากอ้าง เขาเผลอตัวพริ้มตาแล้วค่อยๆก้มหน้าลงไปจะจูบ กวางพยายามเกร็งตัวเอาไว้ไม่ให้พอลจูบ ป้าอ้อยดูบทในมือแล้วหันไปคุยกับผู้ช่วยด้วยสีหน้าเครียด
“ตอนนี้มันยังไม่มีบทจูบนี่”
พอลยังเคลิ้มกับความสวยของกวางจึงพยายามจะจูบให้ได้ กวางดิ้นกระแด่วๆ หันหน้าหาคนช่วย
ป้าอ้อยเซ็งสุดๆ “คัท”
กวางรีบผละออกจากพอลอย่างนอยด์ๆ ป้าอ้อยเดินเข้ามาพูดด้วยความโมโห
“นี่มันเทคที่ 20 แล้วนะพีท บอกแล้วไงว่าพอกวางหันหน้ามาพีทก็แค่เอามือประคองหน้ากวางแล้วเช็ดน้ำตาให้...เอาแค่นั้นพอ..ยังไม่ต้องจูบ นี่ ..นี่..ดูปากยังไม่ต้องจูบ..บ” ป้าอ้อยชี้ให้ดูปากตัวเอง
“ขอโทษจริงๆ...ขออีกทีครับ”
“กวางไม่ไหวแล้วค่ะ ร้องไห้จนน้ำตาจะเป็นสายเลือดปวดหัวไปหมดแล้ว” กวางบอก
“งั้นก็ให้กวางไปพัก เอาฉากที่ไม่มีกวางมาถ่ายก่อน”
“ครับ” ทีมงานรับคำ
ป้าอ้อยเดินไปด้วยความหงุดหงิด พอลมองทุกคนในกองอย่างรู้สึกผิด
พอลกระแทกตัวลงนั่งอย่างเซ็งๆ
“เมื่อคืนซ้อมมาก็ว่าง่าย ทำไมเล่นจริงมันยากงี้วะ” พอลบ่น
เสียงเต้ยถามขึ้น “เครียดเหรอครับ”
พอลหันไปมองเต้ยเดินมา พอลพยักหน้า
“ทุกคนในกองรู้ว่าพี่จำบทไม่ได้เพราะไม่สบาย ไม่มีใครโกรธพี่หรอกครับ” เต้ยบอก
พอลถอนหายใจเซ็งๆ
“ฉากต่อไปพี่เข้ากับผมเป็นฉากแอคชั่น.....ลองทำความเข้าใจจังหวะดูอีกทีนะครับ”
เต้ยยื่นบทให้ พอลรับบทมา
“ขอบใจ”
เต้ยมองพอลแล้วยิ้มหวาน พอลยิ้มหวานให้เต้ยแต่ในใจสงสัยว่าเต้ยอาจเป็นคนที่หลอกเอาเงินพีทไป
พอลกับเต้ยยืนประจันหน้ากับสตั๊น
ผช.ผกกนับถอยหลัง “5 4 3 2”
พอลตาล่อกแล่กก่อนจะพูดตะกุกตะกัก “เอ่อ..พะพวกแก..เอ่อ..คือ..ยังไง...เอ๊ย...ทำไม..เอ่อ..”
“คัท” ป้าอ้อยเดินมาหาพอลอย่างเซ็งมาก “เกิดอะไรขึ้นพีท..ทำไมตะกุกตะกักแบบนี้”
“คือ..บทมันยาวอ่ะ..ผมจำไม่ได้” พอลบอก
“อ้าว...ทุกคิวก็เห็นจำบทได้เป็นหน้าๆ..แล้ววันนี้เป็นอะไรไป”
พอลหาข้อแก้ตัว “เอ่อ...คือ...เอ่อ...”
เต้ยรีบช่วย “พี่พีทเพิ่งหายป่วย ก็คงยังเบลอๆน่ะครับป้า” เต้ยพูดกับพอล “ใช่มั้ยครับพี่พีท”
“เอ่อ..ชะใช่ครับ..”
“งั้นก็สลับให้เต้ยพูดบทแทนก็แล้วกัน ส่วนพีทก็บู๊อย่างเดียวพอ” ป้าอ้อยมองพีท “จบนะ”
พอลยิ้มแหยๆ “จบครับ”
พอลพยายามทำหน้าโกรธแค้นแต่ดูแล้วเหมือนปวดท้องมากกว่า ป้าอ้อยที่นั่งหน้ามอนิเตอร์มองพอลอย่างลุ้นสุดตัว
“แค้นอีกๆ”
พอลยิ่งพยามยามเค้นสีหน้าพยายามขบเขี้ยวเคี้ยวฟันให้ดูแค้นแต่ยิ่งดูอิหลักอิเหลื่อมาก
เต้ยพูดกับสตั๊นท์ “พวกแกใช่มั้ยที่ลักพาตัวนางฟ้าไป” เต้ยหันไปหาพอล “สายชล..ลุย!”
พอลกับเต้ยวิ่งกรูเข้าไปหาสตั๊นท์แมน พอลต่อยหน้าสตั๊นท์คนแรกอย่างแรง หมัดโดนหน้าสตั๊นท์อย่างจัง เสียงดังกร๊อบ
สตั๊นท์ร้องลั่น “โอ้ย”
พอลหันไปกระโดดถีบสตั๊นท์อีกคน เท้าของพอลปะทะเข้าที่ท้องสตั๊นท์คนนั้นอย่างจัง สตั๊นท์คนนั้นลอยไปไกลมากแล้วตกมาเสียงดังพลั่ก
ป้าอ้อยและทีมงานตกใจจนตาเหลือก
“คัท...ตายๆๆ...มีใครตายมั่งมั้ย”
รถพยาบาลจอดอยู่พร้อมไฟหมุน เจ้าหน้าที่หามสตั๊นท์คนหนึ่งขึ้นรถ ผู้ช่วยเดินมาพร้อมป้าอ้อยแล้วมองไปที่รถพยาบาลที่กำลังวิ่งออกไป
“หลังหักค่ะ...ส่วนอีกคน...เอ่อ...” ผู้ช่วยบอก
เสียงหวอรถปอเต็กตึ๊งพร้อมรถวิ่งเข้ามา สตั๊นท์อีกคนนอนชักกระตุกอยู่บนเตียงเปล ป้าอ้อยตาเหลือก
ป้าอ้อยตกใจ “ปอเต็กตึ๊ง?”
ผู้ช่วยพยักหน้ากร่อยๆ “ค่ะ”
“เอิ๊กก”
ป้าอ้อยลมตีขึ้นจนสลบเหมือดไป
เด็กในกองหามป้าอ้อยขึ้นเตียงเปลภายใต้บรรยากาศที่อลหม่านมากพอลกับเต้ยเดินเข้ามา พอลมองบรรยากาศรอบข้างอย่างงุนงง
พอลพูดด้วยเสียงใสซื่อมาก “เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ?”
ผู้ช่วยเซ็ง
จุ้มจิ้มเดินถือกุญแจรถเข้ามาในห้องอย่างร้อนใจ
“ในรถก็ไม่มี..อยู่ไหนเนี่ย” จุ้มจิ้มร้อนใจ
จุ้มจิ้มค้นกระเป๋า เปิดลิ้นชักหากล่องเอสดีการ์ด เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น จุ้มจิ้มรับสายอย่างร้อนใจ
“อีกแป๊บฮะพี่แอนนี่..แป๊บเดียวเดี๋ยวส่งให้ฮะ”
จุ้มจิ้มรื้อของบนโต๊ะหากล่องเอสดีการ์ดอย่างร้อนใจแล้วก็นึกได้
“ไอ้อาร์ตเข้ามาค้นของในห้อง”
จุ้มจิ้มคิดๆแล้วเดินออกจากห้องไปด้วยความโกรธจัด
อาร์ตนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะ แชมป์ บี พนักงานฝ่ายอาร์ตนั่งที่โต๊ะตัวเองต่างคนต่างทำงาน จุ้มจิ้มเปิดประตูพรวดเข้ามาด้วยความโกรธจัด ทุกคนหันไปมองอย่างตกใจ
“ไอ้อาร์ตเอาเอสดีการ์ดฉันคืนมา”
อาร์ตพูดกวนประสาท “ม่ายคืน”
“แกอยากมีเรื่องใช่มั้ย”
“ม่ายอยาก”
“ไม่อยากก็เอาคืนมา” จุ้มจิ้มบอก
“ก็ไม่ได้เอาไปจะให้เอาคืนได้ยังไงเล่า” อาร์ตว่า
“แกเข้าไปรื้อของในห้องฉัน ถ้าเชื่อว่าแกไม่ได้เอาไปฉันก็ควายแล้ว” จุ้มจิ้มผลักอาร์ต “หลีกไป”
อาร์ตเซออกจากเก้าอี้ จุ้มจิ้มรื้อของที่โต๊ะอาร์ตอย่างเอาเป็นเอาตาย
อาร์ตเข้ามาห้ามจุ้มจิ้ม “เฮ้ย..ไอ้ทอมบอกว่าไม่ได้เอาไปไม่รู้เรื่องรึไงวะ”
“เออ..ไม่รู้เรื่อง”
อาร์ตมองจุ้มจิ้มอย่างโมโหก่อนจะจับมือจุ้มจิ้มแล้วลากออกไป
“กลับห้องแกไปเลย” อาร์ตบอก
จุ้มจิ้มขัดขืน “ปล่อยฉันนะ ปล่อย”
อาร์ตไม่ฟัง เขาลากจุ้มจิ้มออกจากห้องไป แชมป์กับบีวิ่งหน้าตื่นมาดูที่ประตูด้วยความตกใจ
อาร์ตลากจุ้มจิ้มมาตามทางเดิน พนักงานที่นั่งแถวนั้นมองด้วยความตกใจ
จุ้มจิ้มดิ้นรน “ปล่อยฉันนะไอ้อาร์ต ปล่อย”
“ปล่อยแน่..แต่ฉันจะปล่อยแกที่ห้อง แล้วถ้าแกมาราวีฉันอีกฉันก็จะลากแกกลับไปที่ห้องอย่างนี้จนกว่าจะหมดแรงตายกันไปข้างนึง”
ต๋อยกับแซนดี้ที่เดินสวนมามองอาร์ตกับจุ้มจิ้มอย่างตกใจ
“พี่ต๋อย พี่แซนดี้ช่วยจุ้มด้วย.ไอ้อาร์ตมันบ้าไปแล้ว” จุ้มจิ้มฟ้อง
“มีเรื่องอะไรค่อยพูดค่อยจากันก็ได้นี่อาร์ต ทำไมต้องฉุดกระชากลากถูจุ้มอย่างนี้ด้วย” ต๋อยว่า
“ถ้าพูดดีๆแล้วมันรู้เรื่องผมคงไม่ต้องลากมันให้เหนื่อยอย่างนี้หรอกครับ...ไป”
อาร์ตจะลากจุ้มจิ้มไปที่ห้อง ต๋อยกับแซนดี้มองอย่างตกใจ ลูกจันเดินผ่านมาพอดี
จุ้มจิ้มร้องให้ช่วย “พี่ลูกจันช่วยจุ้มด้วย”
ลูกจันมองอาร์ตอย่างไม่พอใจ “ปล่อยจุ้มเดี๋ยวนี้นะอาร์ต”
อาร์ตปล่อยจุ้มจิ้มอย่างจำใจ จุ้มจิ้มรีบวิ่งไปหาลูกจัน
“พี่ลูกจันฮะไอ้อาร์ตขโมยเอสดีการ์ดรูปที่เขาค้อไปฮะ” จุ้มจิ้มฟ้อง
“ผมไม่ได้ขโมยนะครับ”
“ไปคุยกันที่ห้องพี่” ลูกจันบอก
ลูกจันถอนหายใจด้วยความหนักใจ
“พี่เชื่อใจอาร์ต พี่ว่าอาร์ตไม่ได้ขโมย”
“แต่มันเข้าไปค้นของในห้องจุ้มนะฮะ”
“ผมสงสัยจุ้มว่าเป็นคนสลับของขวัญที่ผมทำให้พี่เลยเข้าไปดูว่าของขวัญของผมอยู่ในห้องมันรึเปล่าเท่านั้นเอง”
“มีมันคนเดียวที่เข้าไปในห้องจุ้ม ถ้าไม่ใช่มันขโมยแล้วจะใคร”
“ตอนนี้ไม่สำคัญหรอกว่าใครเป็นคนขโมย สิ่งที่สำคัญคือเราจะหาเอสดีการ์ดเจอมั้ย” ลูกจันบอก
“ในรถ ในกระเป๋า ในห้อง ตามทางเดินหาหมดแล้วแต่ไม่เจอเลยฮะ” จุ้มจิ้มบอก
“มั่นใจแล้วใช่มั้ยว่าหายแน่ๆ” ลูกจันถามย้ำ
จุ้มจิ้มจ๋อย “ถ้าไอ้อาร์ตไม่ได้ขโมยก็หายแน่ฮะ”
ลูกจันลุกพรวดตะโกนใส่หน้าจุ้มจิ้มด้วยความโมโห
“ทำไมสะเพร่าแบบนี้”
จุ้มจิ้มกับอาร์ตสะดุ้งเฮือก
“รู้มั้ยว่าต้องเสียเงินเท่าไหร่กว่าจะได้รูปพวกนั้นมา” ลูกจันว่า
จุ้มจิ้มรู้สึกผิดมาก “รู้ฮะ..จุ้มขอโทษนะฮะที่ทำงานสะเพร่า จุ้มขอลาออกก็ได้ฮะ”
“ลาออก?..สร้างปัญหาให้พี่แล้วจะชิ่งลาออกเหรอ? ใช้สมองส่วนไหนคิด หา!”
จุ้มจิ้มน้ำตาคลอ “จุ้มแค่อยากแสดงความรับผิดชอบ”
“อยากแสดงความรับผิดชอบก็อยู่ช่วยกันแก้ปัญหาไม่ใช่มาขอลาออกอย่างนี้” ลูกจันว่า
ลูกจันกดโทรศัพท์หาอุ่นเรือน
“แอนนี่ให้แซนดี้เช็คคิวเชอรี่ด่วน แล้วให้บอกปีโป้ว่าอย่าเพิ่งเอาชุดไปคืน เราต้องใช้ต่อ”
จุ้มจิ้มรู้สึกผิด “พี่ลูกจันจะถ่ายปกใหม่เหรอฮะ”
“ไม่ถ่ายแล้วจะให้ขึ้นตัวหนังสือคำว่าเซเลบคำเดียวบนปกรึไง”
จุ้มจิ้มหน้าเจื่อนน้ำตาคลออย่างรู้สึกผิด อาร์ตมองจุ้มจิ้มด้วยความเห็นใจ
ลูกจันมองจุ้มจิ้มด้วยความโมโห
ปีโป้นั่งคุยโทรศัพท์มือถืออยู่ในห้องมินตรา
“รับทราบ..แค่นี้นะ”
ปีโป้วางสายจากมือถือแล้วพูดกับมินตราอย่างสะใจ
“ลูกจันสั่งว่ายังไม่ให้เอาชุดไปคืนแสดงว่าชีรู้แล้วว่าเอสดีการ์ดหาย”
“เอสดีการ์ดหาย รูปขึ้นปกก็ต้องหายไปด้วยแล้วก็ต้องของบจากบอสมาถ่ายใหม่ ทำงานผิดพลาดใหญ่หลวงอย่างนี้ถ้าบอสไม่ไล่ออกก็ให้มันรู้ไป..ขอบใจเธอมากนะที่ช่วยคว้าโอกาสทองให้ฉัน” มินตราว่า
“ก็ไม่ต้องอะไรมากแว่นกันแดดรุ่นใหม่แบรนด์เก๋ๆซักอัน..ฉันก็พอใจแล้ว”
“ลูกจันโดนไล่ออกเมื่อไหร่เธอได้แว่นเมื่อนั้น”
ปีโป้ยิ้มแฉ่งด้วยความดีใจ
ลูกจันหน้าเครียดขณะฟังรายงานจากลูกน้อง
“น้องเชอรี่กลับเมืองนอกไปแล้วค่ะ” แซนดี้รายงาน
“ลูกหลานไฮโซคนอื่นล่ะ” ลูกจันถาม
“เช็คหมดแล้วค่ะ ทุกคนเคยถ่ายแบบลงหนังสือมาหมดแล้ว ถ้าเอามามันจะไม่ตรงคอนเส็ปต์”ครั้งแรกในชีวิต”ของเซเลบเล่มนี้ค่ะ ส่วนพวกที่ไม่เคยถ่ายลงหนังสือเล่มไหนเลย..เอ่อ..หน้าตาก็สมควรแล้วค่ะที่ไม่มีใครเอาไปถ่าย เอามาขึ้นปกเราไม่ไหวหรอกค่ะ” ต๋อยบอก
อุ่นเรือนพูด “แอนนี่ลองไปหาเด็กๆหน้าตาดีตามโรงเรียนแล้วนะคะ ปรากฎว่าทุกคนสังกัดโมหมด เคยถ่ายแบบเคยออกทีวีกันมาหมดทุกคนแล้วค่ะ”
“จุ้มก็ลองไปเดินหาตามแหล่งวัยรุ่นแล้วฮะ..ไม่มีเลย”
ลูกจันเครียดกว่าเดิม เธอคว้ายาแก้ไมเกรนใส่ปากแล้วตบน้ำตามก่อนจะหลับตาเอามือนวดขมับตัวเอง
จุ้มจิ้มพูดด้วยหน้าตารู้สึกผิด “แต่เดี๋ยวคืนนี้จุ้มจะลองไปหาดูตามที่เที่ยวกลางคืนต่อ..เผื่อมีคนหน้าตาดีที่ตรงคอนเส็ปต์เรา...น่าจะยังพอมีมั่งนะฮะ..บลาๆๆ
ลูกจันหน้ายิ้มๆ เหมือนเมายา
พอลกับเต้ยนั่งอยู่ในร้านอาหารหรู
พอลสั่งอาหาร “หมูแดดเดียว ทอดมันปลากราย ทอดมันกุ้ง”
“พี่พีททานของทอดเหรอครับ”
“ใช่..ทำไมเหรอ”
“ก็ผมเคยชวนพี่ทานปาท่องโก๋ พี่บอกไม่ทานของทอดของมันมาหลายปีแล้วเพราะรักษาหุ่น..แต่วันนี้พี่สั่งแต่ของทอด ผมเลยแปลกใจน่ะครับ”
พอลพยายามแก้ตัว “เอ่อ..ก็..ก็พอดีพี่เพิ่งฟื้นไข้ไง เลยอยากกินอะไรที่ไม่ได้กินมานาน..(รีบเปลี่ยนเรื่อง)แล้วเต้ยล่ะกินอะไร สั่งสิ”
เต้ยเอาใจ “ทานที่พี่พีทสั่งมานั่นล่ะครับเพราะผมชอบทุกอย่างเลย”
เต้ยยิ้มหวานให้ พอลยิ้มตอบ
“วันนี้พี่พีทมีธุระที่ไหนอีกมั้ยครับ” เต้ยถาม
“ไม่มี”
“งั้นทานข้าวเสร็จแล้วไปนั่งเล่นที่คอนโดผมต่อมั้ยครับ”
เต้ยมองพอลแล้วยิ้มหวานอย่างมีนัย พอลมองเต้ยแล้วก็ครุ่นคิดก่อนจะยิ้มหวานแทนคำตอบ
อ่านต่อตอนที่ 3