รักนี้เจ้จัดให้ ตอนที่ 1
บทประพันธ์ : จากเค้าโครงเรื่องของ อิสย่าห์-พิมพิสุธญ์
บทโทรทัศน์ : นายนุกูล
กำกับการแสดง : เสกวสุ, สิปปกร ภควัชร
ผลิต : บริษัท พุด-เดิ้น จำกัด โดยผู้จัด ปาจรีย์ ณ นคร
ออกอากาศ : ศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ เวลา 20.15 น. ทางช่อง 3
ระยะเวลาออกอากาศ : เริ่มตอนแรก อาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน 2557
จำนวนตอนออกอากาศ : 14/+/-
ณ ป่าลึกของเขาใหญ่ แวดล้อมไปด้วยบรรยากาศร่มรื่นของแมกไม้น้อยใหญ่ เสียงโทรศัพท์มือถือดังแทรกเสียงของธรรมชาติขึ้น พอล ชายหนุ่มผมยาว หนวดเคราเฟิ้มซึ่งนั่งอยู่หลังกล้องถ่ายรูปเลนส์ใหญ่แบบมืออาชีพ กำลังก้มล้วงหาโทรศัพท์ในกระเป๋าเป้สลับกับเงยมองเฟรมกล้อง
ครั้งแรกเขาเห็นช้างอยู่ไกลๆ พอลกดชัดเตอร์ไป 1 แชะ เสียงโทรศัพท์ยังดังอย่างเร่งเร้า พอลก้มลงหาโทรศัพท์ต่อแต่ยังหาไม่เจอ พอเงยหน้าขึ้นมองเฟรมกล้องก็เห็นช้างใกล้เข้ามาอีกนิด เขาจึงกดชัตเตอร์ถ่ายรูปช้างไปอีก 2 แชะ
เสียงโทรศัพท์ยังดังไม่หยุด พอลรีบก้มลงไปล้วงหาโทรศัพท์ต่อ จู่ๆ เสียงโทรศัพท์หยุดไปกะทันหัน พอลทำหน้าโล่งอกแล้วก็เงยหน้าขึ้นดูช้างในเฟรมกล้องต่อ พอลเห็นช้างยืนเอางวงจ่อหน้าเขานิ่ง พอลช็อจึง ไม่กระดุกกระดิก พอลและช้างสบตากันไปมา เหงื่อซึมไหลที่ข้างขมับพอล พอลกลั้นหายใจด้วยความระทึก บรรยากาศเงียบสงัด
เหงื่อตรงขมับพอลค่อยๆไหลหยดลงมาช้าๆ เหงื่อร่วงลงบนยอดหญ้า พอลสะดุ้ง ช้างหงุดหงิดจึงส่งเสียงคำรามแปร๋น ฝูงนกแตกกระจายแล้วโผขึ้นท้องฟ้าอย่างแตกตื่น พอลวิ่งหนีสุดชีวิต เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้งระคนกับเสียงคำรามของช้าง ช้างกำลังไล่ล่าพอล ขอนไม้ใหญ่ขวางทางพอลอยู่ พอลกระโดดลอยตัวสูงข้ามขอนไม้ เสียงโทรศัพท์ยังดังต่อเนื่อง พอลคิดในใจ
“ความวุ่นวายในชีวิตผม...มันเริ่มต้นขึ้นจากโทรศัพท์สายนี้แท้ๆ”
โทรศัพท์ของพอลที่อยู่ในเป้มีสัญญาณเรียกเข้ามีชื่อขึ้นว่า ”Pete”
โทรศัพท์มือถือในมือของพีทที่หน้าจอเป็นเบอร์โทรออกขึ้นชื่อว่า ”Paul” พีทหน้าตาเหมือนพอลยังกับแกะต่างกันแค่ดูสะอาดสะอ้านไร้หนวดเครา
“กรุณาฝากข้อความหลังได้ยินเสียงสัญญาณ”
พีทวางสายไปอย่างเซ็งๆ
พีทเดินฝ่าฝูงชนที่งานหนังสือเข้าไปที่เวที บนเวทีมีหน้าปกหนังสือ ”มีหมาเป็นผัวดีกว่ามีผัวหมาหมา”เป็นแบ็คกราวด์ท่ามกลางเสียงดังวุ่นวายของคนที่ตะโกนซื้อหนังสือ แฟนคลับผู้หญิงหลายสิบคนรุมแย่งกันซื้อหนังสือภายใต้บรรยากาศวุ่นวายแต่สนุกสนาน
“10 เล่ม”
“5 เล่ม”
คนที่ได้รับหนังสือแล้วหันกลับมาเงยหน้าขึ้น พอเห็นหน้าพีทก็กรี๊ดลั่น
“กรี๊ดด..พี่พีท”
พีทเก็กหน้าหล่อใส่ คนอื่นๆหันมามอง สาวคนหนึ่งวิ่งเข้ามาหาพีท คนอื่นๆวิ่งตาม
“ขอถ่ายรูปหน่อยนะคะ”
“เชิญครับ” พีทบอก
สาวคนนั้นวิ่งไปยืนข้างพีทแล้วใช้ไอโฟนถ่ายรูปตัวเองกับพีท สาวคนนั้นถ่ายเสร็จสาวๆที่วิ่งตามมาก็ขอถ่ายด้วย
“ถ่ายด้วยค่ะ”
สาวอีกคนวิ่งไปยืนคู่พีทเพื่อถ่ายรูป เสียงเพลงบนเวทีดังขึ้น
พีทหันไปมองเวทีแล้วยิ้มกับสาวๆ “งานจะเริ่มแล้วเดี๋ยวค่อยถ่ายต่อนะครับ”
พีทเดินออกไป สาวคนแรกเมาท์กับเพื่อนอีก 2 คนที่มาด้วยกัน
“ล้อหล่อเนอะ”
เพื่อนพยักหน้าเออออด้วย พีทเดินเข้างาน
พิธีกรที่มีบุคลิกสนุกสนานร่าเริงไหว้แขกในงาน
“กราบสวัสดีแขกผู้มีเกียรติ เซเลบทั้งหลาย และแฟนคลับทุกท่านค่ะ..ขอต้อนรับเข้าสู่งานเปิดตัวพ็อกเก็ตบุ๊คเล่มที่ 2 ของไอดอลของผู้หญิงยุคใหม่”
เสียงพิธีกรดังต่อเนื่อง “ผู้มีตำแหน่ง บก.นิตยสารเซเลบ นิตยสารชื่อดัง”
อุ่นเรือนใส่แว่นหนาเตอะแต่งตัวสุดเชยมีท่าทางหงอๆ เหมือนกลัวทุกคนในโลกกำลังยืนกอดสมุดโน๊ตยิ้มแฉ่งประหนึ่งตัวเองคือคนที่ถูกกล่าวถึง
“ผู้มีลีลาวาทะจิกตีผู้ชายด้วยคารมกระแทกใจจนทำให้เธอเป็นนักเขียนในดวงใจของผู้หญิงยุคใหม่ตั้งแต่ออกพ็อคเก็ตบุ๊คเล่มที่แล้ว”
ลูกจันสะกิดอุ่นเรือน อุ่นเรืองหันไปมองก่อนจะยิ้มแหยๆ แล้วหลีกทางให้
“ขอเสียงปรบมือต้อนรับคุณจันทร์เคียงดาว มันตรากุลค่ะ”
เสียงปรบมือดังขึ้น
ลูกจันที่แต่งหน้าจัดเต็มอยู่ในชุดแบรนด์สุดหรูเหมือนนางแบบหลุดออกมาจากแมกกาซีนก้าวเข้ามายืนตัวตรงพร้อมกับยิ้มภูมิใจในตัวเอง อุ่นเรือนยื่นขวดน้ำหอมให้ ลูกจันรับมาฉีดข้อมือ ฉีดที่ซอกคอแล้วเดินไปตามทางอย่างมั่นใจ อุ่นเรือนกอดสมุดโน้ตเดินตามลูกจันด้วยความชื่นชม ลูกจันเดินมายืนหน้าเวที แสงแฟลชจากบรรดาช่างภาพกระหน่ำยิงเข้าหน้าจนลูกจันหน้ามืดวิงเวียนหงายหลังไป จุ้มจิ้มที่ถือกล้องมีเลนส์ซูมใหญ่โอเว่อร์ตกใจที่เห็นลูกจันหงายหลัง
พอลโงหัวขึ้นมาก็เห็นลายเสืออยู่เต็มตาในระยะประชิด พอลตกใจจนตาเหลือก
พอลตะโกนเสียงสั่น “เสือ!!”
“ไม่ช่ายย”
พอลสะดุ้งที่เสือพูดได้ เขาเงยหน้าขึ้นหาต้นเสียงก็เห็นพระฤาษีในชุดหนังเสือเต็มยศเหมือนหลุดมาจากวรรณคดีกำลังยืนส่งยิ้มหวานให้
“ฤาษีลูกกก”
พอลอ้าปากหวออย่างตกตะลึง
ลูกจันยืนบนเวทีอย่างมั่นใจและสง่า เธอไหว้ทุกคนด้วยท่วงท่าสวยงาม นักข่าวถ่ายรูป แฟนคลับกรี๊ดลั่น พีทที่ยืนแถวหลังสุดเผลอตัวกรี๊ดตาม แฟนคลับหยุดกรี๊ดกะทันหัน พีทเบรคไม่ทันเลยหลุดเสียงกรี๊ดแหลมอยู่คนเดียว
แขกในงานหันหลังมามองหาที่มาของเสียงกรี๊ด พีทรีบหุบปากแล้วทำไม่รู้ไม่ชี้ก่อนจะแกล้งหันมองหาต้นเสียงเหมือนคนอื่นๆ
พีทหันไปเห็นยายแก่กำลังยืนเคี้ยวหมากอยู่แถวเดียวกับเขา พีทแก็กล้งชี้ไม้ชี้มือไปที่ยายให้คนอื่นเข้าใจว่าเป็นเสียงกรี๊ดของยาย แขกในงานทำหน้าเข้าใจว่ายายเป็นคนกรี๊ด แล้วก็หันกลับไปมองเวทีต่อ พีทเอามือลูบอกตัวเองเบาๆ ด้วยความโล่งใจที่รอด แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อมองต่ำแล้วไปสบตากับเด็กคนหนึ่งที่กำลังยืนมองพีทอย่างตกตะลึงอยู่ พีทรีบเก๊กแมนยักคิ้วให้เด็กแล้วหันกลับไปมองเวทีต่อ เด็กมองพีทไม่วางตา พีทก็เหล่มองเด็ก พีทจ๋อยที่หลุดกรี๊ดให้เด็กเห็น
ดอกไม้ในมืออาร์ตกำลังเคลื่อนไปหาลูกจันบนเวที แล้วอาร์ตก็ต้องชะงักเมื่อจุ้มจิ้มเดินมาขวาง
“งานนี้ไม่ต้อนรับผู้ชาย” จุ้มจิ้มบอก
อาร์ตสวนทันที “เลวๆ..แต่ฉันเป็น” อาร์ตพูดเน้น ”คนดี”มาได้”
อาร์ตผลักจุ้มจิ้มเซไปแล้วถือดอกไม้เดินไปยื่นให้ลูกจัน
ลูกจันรับดอกไม้จากอาร์ต “ขอบใจนะ”
“เปลี่ยนจากคำขอบใจเป็นหัวใจได้มั้ยครับ”
ลูกจันยิ้มเหยียดให้อาร์ต “หึ..ผู้ชายดูแลหัวใจผู้หญิงไม่เป็นหรอก” ลูกจันหันกลับมาพูดกับแขกในงาน “ดิฉันถึงต้องเขียนหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาแฉผู้ชายไงคะ”
แฟนคลับปรบมือแล้วกรี๊ดลั่นเพราะถูกใจ อาร์ตหน้าเจื่อน จุ้มจิ้มหัวเราะลั่น อุ่นเรือนมองอาร์ตด้วยความสงสาร เสียงปรบมือซาลงแต่เสียงหัวเราะของจุ้มจิ้มยังดังลั่น อาร์ตหันมามองจุ้มจิ้มอย่างไม่พอใจ จุ้มจิ้มยักคิ้วเยาะเย้ยเป็นเชิงสมน้ำหน้า
พิธีกรกับลูกจันนั่งอยู่ที่โซฟาบนเวที
“ผู้ชายแบบไหนคะที่คุณลูกจันเขียนแฉไว้ในหนังสือเล่มนี้” พิธีกรถาม
“เจ้าชู้ บ้าอำนาจ เห็นผู้หญิงเป็นทาสในชีวิตคู่ และที่ต้องหนีให้ไกลสุดกู่คือพวกเห็นผู้หญิงเป็นตู้เอทีเอ็ม” ลูกจันตอบ
แฟนคลับปรบมือเพราะถูกใจ
“กรี๊ด..ถูกใจค่ะ” พิธีกรเอานิ้วโป้งกดแขนลูกจัน “กดไลค์กดไลค์”
“เฮ้อออออ..ผู้ชายดีๆเค้าก็มี..พี่ลูกจันไม่เคยเจอเองมากกว่า” อุ่นเรือนบ่น
อาร์ตพูดกับอุ่นเรือน “พี่ลูกจันอาจจะเจอแล้วก็ได้...แต่ยังไม่รู้ใจตัวเอง” อาร์ตยักคิ้วกวนๆ “ผมไงพี่”
จุ้มจิ้มที่ยืนถ่ายรูปอยู่ใกล้ๆหมั่นไส้ทำเสียงแหวะใส่ “แหวะ”
“หาเรื่องเหรอไอ้ทอม!”
อุ่นเรือนเห็นอาร์ตกับจุ้มจิ้มจะมีเรื่องรีบห้าม
“หยุดค่ะ อย่าทะเลาะกัน ไม่เห็นแก่พี่ก็เห็นแก่พี่ลูกจันนะคะ”
จุ้มจิ้มที่อ้าปากกำลังจะตอบโต้มองอาร์ตอย่างไม่พอใจแล้วหันไปดูลูกจันต่อ อาร์ตมองจุ้มจิ้มอย่างไม่พอใจ
“เคยมีสักนิ้ดมั้ยคะ แบบแอบแว่บเข้ามาในหัวว่าผู้ชายดีๆที่น่าจะเอามาทำสามีก็มีอยู่ในโลก” พิธีกรถามต่อ
“ไม่ว่อบไม่แว่บเลยค่ะ แล้วก็มั่นใจมากด้วยว่าในนิยายน้ำเน่าเท่านั้นละค่ะที่จะมีผู้ชายแสนดี”
พอลค่อยๆประคองลูกนกวางในรังอย่างอ่อนโยน พอลขึ้นไปนั่งอยู่บนคบไม้ ลูกนกมองมาที่พอล
พอลยิ้มอบอุ่นพลางพูดกับลูกนก “อยู่นิ่งๆนะ อย่าซนจนตกลงไปอีกล่ะ” พอลนั่งข้างๆรังนก
พอลปีนลงจากต้นไม้แล้วหันไปหยิบเป้ก่อนจะนึกได้จึงหยิบโทรศัพท์มาดูก็เห็นว่าหน้าจอโทรศัพท์ไม่มีสัญญาณ
พอลเดินหาสัญญาณโทรศัพท์ด้วยความหงุดหงิด เจ้าหน้าที่เดินผ่านมา พอลวิ่งไปหา เจ้าหน้าที่ชะงักกึกเพราะได้กลิ่นตัวพอล เจ้าหน้าที่ทำท่าเหมือนจะจามจึงรีบเอาผ้าเช็ดหน้าปิดจมูก
เจ้าหน้าที่พึมพำ “โอ้โห..กลิ่น”
พอลไม่ได้ยินที่เจ้าหน้าที่พูดจึงรีบถาม
“ตรงไหนมีสัญญาณโทรศัพท์บ้างครับ”
“เมื่อวานตรงโน้น..เมื่อเช้าตรงนี้..แต่ตอนนี้ไม่รู้ตรงไหน..แถวนี้มีแต่เขาสัญญาณทะลุทะลวงมาลำบากบางวันก็ไม่มีเลยครับ”
“หมายความว่าต้องลงจากเขาเท่านั้นถึงจะมีสัญญาณชัวร์ๆ”
“ครับ”
พอลเซ็งแล้วก็จะเดินไป เจ้าหน้าที่เรียกไว้
“คุณครับ..เอ่อ...ที่บ้านพักน้ำไหลดีมั้ยครับ”
“ก็ไหลดีนะครับ”
“เอ่อ...งั้นว่างๆลองอาบดูมั่งสิครับ น้ำที่นี่เย็นสดชื่นดีนะครับ”
เจ้าหน้าที่ยิ้มแหยๆ ก่อนเดินออกไป พอลมองตามไปอย่างงงๆ
“จู่ๆมาเชิญชวนให้อาบน้ำทำไมวะ” พอลยังไม่สำนึกในกลิ่นเหม็นของตัวเอง
แมลงสาบบินมาเกาะที่เสื้อพอลแล้วตกลงมาชักตาย
ลูกจันนั่งหลังตรงยิ้มสวยงามอยู่บนเวที จุ้มจิ้มยังถ่ายรูปลูกจันตลอดเวลา
“ผู้หญิงยุคใหม่ต้องเป็นยังไงคะ” ลูกจันถาม
แล้วลูกจันก็ยื่นไมค์ไปหน้าเวที
“ไม่แคร์ผู้ชาย” แฟนคลับช่วยกันประสานเสียงตอบ
“เยี่ยมค่ะ..ขอให้ท่องทุกวัน 4 เวลาก่อนอาหาร ชีวิตมีความสุขแน่นอน..ขอบคุณทุกคนที่มาร่วมงานไว้เจอกันใหม่นะคะ”
ลูกจันไหว้สวยงาม อุ่นเรือนมองลูกจันอย่างชื่นชมแล้วก็ปรบมือก่อนคนอื่น ทุกคนในงานปรบมือลั่น แฟนคลับกรี๊ดเสียงดัง ทันใดนั้นพีทก็ถือช่อดอกไม้เดินมา
“อ๊ะๆๆ..บอกว่าผู้ชายดีไม่มีในโลกแต่พระเอกชื่อดังเอาดอกไม้ช่อโตมาเซอร์ไพรส์ เอ๊ะยังไงคะ ยังไง๊” พิธีกรแซว
พีทยิ้มขำ “เพื่อนกันครับ”
ลูกจันเดินมาหน้าเวที
พีทยื่นช่อดอกไม้ให้ลูกจัน “ขอให้ยอดขายถล่มทลายนะ”
ลูกจันกับพีทกอดแล้วเอาแก้มชนกัน นักข่าวกรูเข้ามาถ่ายรูป
ลูกจันกระซิบกับพีท “ขอบใจนะยะ”
“คุณพีทกับคุณลูกจันเป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งหลายปีแล้ว..มีโอกาสที่จะพัฒนาความสัมพันธ์จากเพื่อนไปเป็นแฟนมั้ยคะ” นักข่าวคนหนึ่งถาม
จุ้มจิ้มกับอาร์ตมองลูกจันอย่างรอคำตอบ
“โห..คงไม่ล่ะค่ะ คนนี้เพื่อนกันจริงๆค่ะคุณน้อง..เพื่อนจริงจริ๊ง”
จุ้มจิ้มกับอาร์ตยิ้มอย่างโล่งใจ
“ผมต้องไปถ่ายละครต่อ ขอตัวนะครับ” พีทพูดกับลูกจัน “ไปนะ”
ลูกจันโบกมือให้พีทด้วยท่าเก๋ๆ พีทเดินออกไป นักข่าวรุมถ่ายรูป ลูกจันมองพีทอย่างซาบซึ้งใจ
“งานจบแต่คุณลูกจันไม่จบนะคะ..เดี๋ยวคุณลูกจันจะลงไปแจกลายเซ็นต่อ ใครเป็นแฟนคลับเชิญซื้อหนังสือแล้วต่อคิวด้านโน้นเลยค่ะ” พิธีกรบอก
แฟนคลับลุกฮือวิ่งไปรุมที่โต๊ะแจกลายเซ็น
แฟนๆต่อแถวยาวมากรอลูกจันที่กำลังยิ้มแย้มแจกลายเซ็นให้อย่างมีความสุข จุ้มจิ้มถ่ายรูป อุ่นเรือนที่ยืนข้างๆ ลูกจันยื่นหน้าไปหาแล้วก็เอาทิชชู่ซับหน้าให้ลูกจันอย่างรู้ใจ
ลูกจันซับหน้าเสร็จก็หันไปบอกแฟนคลับ “เป็นผู้หญิงต้องสวยตลอดเวลาจำไว้นะคะ”
แฟนคลับมองลูกจันด้วยความชื่นชม “ค่ะ”
แฟนคลับเดินออกไป อาร์ตถือหนังสือต่อแถวมายื่นให้ลูกจันเซ็น
“นี่ซื้อเอาใจหรืออยากอ่านจริงๆ” ลูกจันถาม
“อยากอ่านจริงๆสิครับ..จะได้รู้ว่าพี่ไม่ชอบผู้ชายแบบไหน ผมจะได้ไม่เป็นแบบนั้นไง”
ลูกจันยิ้มเอ็นดูอาร์ตเหมือนน้องชายก่อนจะหยิบหนังสือมาเซ็น อาร์ตมองลูกจันแล้วยิ้มตาหวาน ส่วนจุ้มจิ้มมองอาร์ตด้วยความหมั่นไส้
เวลาผ่านไป แถวแฟนคลับสั้นลงเรื่อยๆ ลูกจันยังยิ้มแย้มแจกลายเซ็นอย่างไม่มีท่าทีเหน็ดเหนื่อย อุ่นเรือนเอาน้ำให้ลูกจันดื่ม
จุ้มจิ้มยังถ่ายรูปลูกจันอย่างไม่ลดละ ส่วนลูกจันดื่มน้ำแล้วเซ็นชื่อต่อ
แฟนคลับคนสุดท้ายรอหนังสือที่ลูกจันเซ็น ลูกจันเซ็นเสร็จก็ยื่นหนังสือให้แฟนคลับ
“ขอบคุณค่ะ”
แฟนคลับยิ้มดีใจแล้วเดินไป
อาร์ตมองลูกจันด้วยความเห็นใจ “แจกลายเซ็นตั้งหลายชั่วโมงเหนื่อยแย่เลย”
“คนอย่างลูกจันไม่เคยเหนื่อย ไม่เคยท้อ...จำไว้”
อาร์ตหน้าเจื่อน “ครับ”
“จุ้มถ่ายรูปพี่ลูกจันไว้เป็นพันรูปเลยนะฮะ..ไว้จุ้มจะปรินท์ใส่อัลบั้มมาให้”
ลูกจันยิ้มๆ “ขอบใจจ้ะ” ลูกจันพูดกับอุ่นเรือน “คิวต่อไปทำอะไร”
อุ่นเรือนเปิดสมุดคิวอย่างรีบร้อน “ประชุมทีมที่ออฟฟิศค่ะ”
“ไปรอที่รถ..พี่ไปเข้าห้องน้ำแป๊บนึงเดี๋ยวตามไป”
“ค่ะ” อุ่นเรือนรับคำ
ลูกจันเดินออกไป
“จุ้มไปก่อนนะฮะพี่อุ่น..เดี๋ยวพี่ลูกจันไปถึงออฟฟิศก่อนจุ้มจะซวย” จุ้มจิ้มรีบเดินออกไป
อาร์ตพูดกับอุ่นเรือน “ผมไปรอพี่ลูกจันที่ออฟฟิศดีกว่า เดี๋ยวเจอกันพี่”
อาร์ตรีบเดินออกไป
“ทั้งชายแท้ชายเทียมรุมจีบให้คึ่ก..เมื่อไหร่เราจะมีคนรุมจีบแบบนี้บ้างนะ”
อุ่นเรือนถอนหายใจอย่างเซ็งๆแล้วเดินออกไป
ลูกจันเดินถือขวดน้ำหอมเชิดๆ ออกมาจากห้องน้ำก่อนจะฉีดน้ำหอมที่ข้อมือ แตะซอกคอแล้วเก็บขวดน้ำหอม ณัฐถือหนังสือของลูกจันมายืนขวางหน้า
ณัฐยิ้มหวาน “ไม่ต้องฉีดน้ำหอมก็เนื้อหอมแล้วค่ะแจ่มจันทร์”
ลูกจันมองณัฐอย่างโกรธจัด
เหตุการณ์ในอดีตผุดซ้อนขึ้นมาในห้วงคิด โดยตอนนั้นลูกจันสภาพดูไม่จืด ทั้งผิวคล้ำ หน้าตกกระ จัดฟันที่ยังเหยิน คิ้วรกๆ ผมไม่เป็นทรง ใส่แว่นหนา ใส่ชุดนักศึกษาหลวมโพรกดูเฉิ่มเชยและมีท่าทางไม่มั่นใจในตัวเองเดินผ่านสนามบาสอย่างรีบร้อน ลูกบาสพุ่งมาโดนไหล่ลูกจันอย่างจังจนเธอเซล้มลง หนังสือในมือของเธอหล่นลงพื้นกระจัดกระจาย
“ว้ายย”
“ขอโทษครับ”
ลูกจันหันไปมองเห็นณัฐในชุดนักบาสกล้ามเป็นมัดทั้งหล่อทั้งเท่ เพื่อนนักบาสของณัฐยืนดูเหตุการณ์ในสนาม
ลูกจันยังงง “มะ ไม่เป็นไรค่ะ”
“เจ็บมากรึเปล่า..พี่พาไปหาหมอมั้ย”
“มะ ไม่เป็นไรค่ะ”
ลูกจันรีบหยิบหนังสือที่ตกบนพื้นเป็นจังหวะเดียวกับที่ณัฐช่วยเก็บทำให้มือของณัฐสัมผัสกับมือของลูกจันอย่างจัง
ลูกจันรู้สึกเหมือนโดนไฟช็อตไปทั่วร่าง เธอมองณัฐอย่างอึ้งๆแล้วรีบชักมืออก
“ขอโทษนะคะ”
“มะ ไม่เป็นไรค่ะ”
ณัฐรีบเก็บหนังสือให้ลูกจัน
“ขอบคุณค่ะ”
ลูกจันจะลุกขึ้นแต่ก็เสียหลักเซจะล้ม ณัฐรีบเข้ามาประคอง ลูกจันตื่นเต้นที่ถูกผู้ชายหล่อโดนตัวก็ถึงกับตัวสั่นงันงก
“ตัวสั่นเชียว..เป็นอะไรรึเปล่าคะ”
“มะ ไม่เป็นไรค่ะ”
ลูกจันจะเดินไป ณัฐมองลูกจันพร้อมกับยิ้มเจ้าชู้
“เดี๋ยวค่ะ”
ลูกจันชะงักแล้วหันมามองณัฐ
“พี่ชื่อณัฐ เศรษฐศาสตร์ปี 4 ถ้าน้องต้องไปหาหมอมาเก็บค่ารักษาที่พี่นะคะ พี่รับผิดชอบเต็มที่”
“มะ ไม่เป็นไรค่ะ”
ลูกจันเดินออกไปด้วยใจระทึกเพราะตื่นเต้นมากที่ได้คุยกับณัฐ ณัฐมองลูกจันอย่างรู้ทันว่าตื่นเต้นที่ได้คุยกับตน เขาก็ยิ้มอย่างมีแผน
ความสัมพันธ์ระหว่างลูกจันและณัฐดำเนินไปเรื่อยๆ โดยลูกจันเป็นฝ่ายทุ่มเททำทุกอย่างให้ณัฐ ลูกจันตามดูณัฐทำกิจกรรมต่างๆ ทั้งนั่งคุยกับเพื่อน,เล่นกีฬา,กินข้าว,เล่นดนตรี
ณัฐยื่นกุหลาบดอกเล็กๆให้ลูกจัน ลูกจันตกตะลึงและมีแววตาซาบซึ้งมาก
ลูกจันนั่งติวหนังสือให้ณัฐที่แก่กว่าแต่เรียนไม่เก่ง ณัฐแอบจับมือ ลูกจันเขินอายแล้วก็ลุกเดินไป
ตกกลางคืนลูกจันทำการบ้านให้ณัฐที่หอพัก แล้วเอาไปให้ณัฐในวันรุ่งขึ้น
วันต่อมา ลูกจันเดินถืออาหารมาให้ณัฐที่นั่งรออยู่นิ่งๆ ที่โรงอาหาร ทั้งสองนั่งกินอาหารด้วยกัน ลูกจันกับณัฐกินน้ำแก้วเดียวกันซึ่งมี 2 หลอดอย่างสวีทหวาน พอน้ำหมดลูกจันก็ลุกขึ้นไปซื้อเอง
ทั้งสองไปที่โรงหนัง ลูกจันซื้อตั๋วหนังเสร็จก็เดินไปซื้อป๊อบคอร์นและน้ำแล้วก็หอบหิ้วของพะรุงพะรังมาหาณัฐที่ยืนรออยู่ ณัฐเดินนำเข้าไปในโรงหนัง ลูกจันเดินตามพร้อมของพะรุงพะรังแต่สีหน้ามีความสุข
วันต่อมา ลูกจันเดินถือกล่องของขวัญมาให้ณัฐ ณัฐเปิดดูเป็นกระเป๋าเงินแบรนด์ดังก็ดีใจ เขาเอามือลูบหัวลูกจัน ลูกจันสะเทิ้นอายแล้วก็เดินไป
วันต่อมา ลูกจันเดินถือถุงขนมกับอาหารมาที่สนามบาส ณัฐกับเพื่อนๆรุมแย่งขนมกัน แต่ไม่มีใครสนใจลูกจันเลย แถมณัฐยังบอกให้ลูกจันไปหยิบน้ำมาเสิร์ฟเพื่อนๆ ของเขาด้วย ลูกจันวิ่งเสิร์ฟไปมาจนครบ
ณ ที่จองตั๋วคอนเสิร์ต ลูกจันไม่สบายหนักแต่ก็ต้องยืนเข้าคิวยาวมากเพื่อรอซื้อตั๋วคอนเสิร์ตให้ณัฐ เมื่อถึงคิวลูกจันก็มีสีหน้าเสียดายเงินขณะยื่นจ่ายค่าตั๋วเพราะตั๋วแพงมาก ลูกจันเอาบัตรมายื่นให้ณัฐ ณัฐทำท่าดีใจแล้วก็จูบตั๋วก่อนจะเดินจากไป ทิ้งให้ลูกจันยืนไอเพราะไข้ขึ้นอยู่ลำพัง
ลูกจันเดินมากดเงินที่ตู้ ATM พออกมาหน้าตู้ก็เจอณัฐยืนรออยู่ ลูกจันเอาเงินมาแบ่งให้ณัฐ แต่ณัฐเอื้อมมือมาหยิบเงินจากลูกจันไปจนหมดแล้วก็เดินไป ลูกจันเดินตาม ลูกจันกับณัฐเดินเข้าร้านเสื้อผ้าผู้ชาย ณัฐเลือกเสื้อผ้าโดยเอาเสื้อผ้ามาทาบตัวเองหลายๆตัวจนพอใจ แต่ลูกจันเป็นคนจ่ายเงิน ทั้งคู่เดินออกไปจากร้านโดยลูกจันเป็นฝ่ายหิ้วถุงตาม
ลูกจันยังมีสีหน้ามีความสุข เธอหิ้วถุงของใช้ที่ซื้อจากซุปเปอร์มาเก็ตเดินผ่านร้านอาหารอิตาเลี่ยน ลูกจันหยุดมองรูปอาหารที่ติดหน้าร้านจะเข้าไปแล้วหยุดทันทีเมื่อเห็นณัฐกับเบบี๋นั่งอยู่ในร้าน
“พี่ณัฐ..พี่เบบี๋”
ลูกจันยิ้มดีใจที่เจอณัฐจึงเดินเข้าไปในร้าน แต่ก่อนจะถึงโต๊ะเธอก็ได้ยินสิ่งที่สองคนคุยกัน
“พาเบบี๋มาทานอาหารอย่างนี้ ลูกจันไม่ว่าเอาเหรอคะ”
“จะว่าได้ยังไง..ณัฐกับลูกจันไม่ได้เป็นอะไรกันนี่คะ” ณัฐบอก
“ก็เห็นสนิทสนม ไปไหนมาไหนด้วยกันมาตั้งเกือบปีแล้ว..ยังจะบอกว่าไม่ได้เป็นอะไรกันอีกเหรอคะ”
“ณัฐสนิทกับลูกจันเพราะสงสารที่เค้าไม่ค่อยมีเพื่อน..ผู้หญิง เชยๆ..เอ่อ..ผู้หญิงเรียบๆอย่างนั้นไม่ใช่สเปกณัฐหรอก..สเปกณัฐน่ะ” ณัฐจับมือเบบี๋ “เบบี๋ค่ะ”
ลูกจันน้ำตาร่วงด้วยความเสียใจ พนักงานเดินมาเก็บเงิน เบบี๋จะหยิบกระเป๋าสตางค์
ณัฐจับมือเบบี๋ “ณัฐเลี้ยงเองค่ะ”
ณัฐหยิบเงินจ่ายให้พนักงาน
ลูกจันมองณัฐด้วยความเจ็บปวดใจจึงร้องไห้น้ำตาไหลพราก
ลูกจันมองณัฐด้วยสายตาเจ็บปวดก่อนจะพูดด้วยความโมโห
“แจ่มจันทร์ที่ เฉิ่ม เชย และเคยโง่เป็นควาย ตายไปนานแล้ว..เหลือแต่ฉันจันทร์เคียงดาว”
“ไม่ว่าลูกจันจะเปลี่ยนชื่อเป็นอะไรลูกจันก็ยังเป็นลูกจันที่พี่อยากเป็นเพื่อนด้วยเสมอ”
“ฉันไม่อยากเป็นเพื่อนกับคุณ...สำหรับฉันคุณเป็นศัตรู เป็นคู่แข่งทางธุรกิจที่ฉันต้องเอาชนะให้ได้”
ลูกจันจะเดินออกไป ณัฐจับแขนไว้แล้วถาม “เมื่อไหร่ลูกจันจะลืมเรื่องเก่าๆ แล้วกลับมาเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันซะที”
“ไม่มีวัน”
ณัฐถอนใจ “ถ้าไม่รับพี่เป็นเพื่อนก็รับเป็นแฟนหนังสือคนนึงละกัน” ณัฐยื่นหนังสือให้ลูกจัน “เซ็นให้พี่หน่อยนะคะ”
ลูกจันมองณัฐอย่างตัดสินใจแล้วรับหนังสือมา ณัฐยิ้มอย่างผู้ชนะที่อ้อนลูกจันได้สำเร็จ
“อย่าว่าแต่ให้รับเป็นแฟนคลับเลย ลายเซ็นของฉัน..คนอย่างคุณก็ไม่คู่ควร” ลูกจันขว้างหนังสือใส่หน้าณัฐอย่างแรง
ณัฐกุมจมูกร้องลั่น “โอ้ยย”
ลูกจันมองณัฐอย่างสะใจแล้วเดินเชิดออกไป ณัฐมองลูกจันด้วยความแค้นใจ
ณ กองถ่ายละครเรื่อง เกมร้ายเกมรัก ที่วันนี้ทีมงานถ่ายทำกันที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่ง
พีทที่แสดงนำมองกวางหน้าซึ้งๆ “ครอบครัวของสายชลก็คือนางฟ้า”
กวางมองพีทอย่างซาบซึ้งไม่แพ้กัน “ครอบครัวของนางฟ้าก็คือสายชล”
“เราจะอยู่ด้วยกันที่นี่ตลอดไป”
“สัญญา?”
พีทเอื้อมมือไปโน้มหัวของกวางเข้ามาแล้วก้มเอาจมูกมาชิดกันในท่าสัญญา “สัญญา..นางฟ้ากับสายชลจะอยู่ที่นี่ด้วยกันตลอดไป”
กวางยิ้ม “ตลอดไป”
ทั้งคู่มองตากันอย่างหวานซึ้ง
เสียงป้าอ้อยสั่ง “คัท”
พีทกับกวางผละออกจากกันแล้วยิ้มพอใจผลงาน ป้าอ้อยวิ่งแต๋วแตกมาหาพีทกับกวาง โดยมีทีมงานถือร่มกับแนนที่ถือแก้วน้ำ 2แก้ววิ่งกรูตามมาเป็นพรวน ทีมงานกางร่มให้พีทกับกวาง แนนส่งแก้วน้ำให้
ป้าอ้อยมองพีทและกวางอย่างชื่นชม “เป๊ะมากจ้ะ..อุ๊ย..ป้าน้ำตาจะไหล..ตอนจะเอาเรื่องนี้มารีเมคป้าล่ะเครี๊ยดเครียด...เพราะณเดชกับญาญ่าเค้าเล่นไว้ดีจริงๆ....กลัวเอามาทำแล้วไม่ดีเท่าเก่า...แต่เห็นพีทกับกวางเอาอยู่แบบนี้.....ป้าสบายใจแล้ว...ไปนั่งพักก่อนนะ”
พีทยิ้ม “ครับ” พีทพูดกับกวาง “ไปเถอะกวาง” พีทหันไปทางทีมงาน “มา..เดี๋ยวพี่ถือร่มให้เอง”
พีทกับกวางเดินไปด้วยกัน โดยพีทเป็นคนกางร่ม ป้าอ้อยมองตามแล้วก็รำพึงกับตัวเองโดยลืมไปว่าแนนยืนอยู่ด้วย
“เฮ้ออ...แอ๊บเนียนจริงๆพ่อคุณเอ๊ย”
แนนยื่นหน้าเข้ามาอย่างสอดรู้ “ใครแอ๊บอ่ะป้า”
ป้าอ้อยตกใจ “อุ๊ย...เอ่อ..ปะปะเปล่า..ฉันบอกว่าแอ็คย่ะ..แอ็คติ้งเนียนดี แอ๊บเอิ๊บอะไรยะ”
ป้าอ้อยรีบเดินหนีไปอย่างมีพิรุธ แนนมองตามป้าอ้อยแล้วหันมามองตามพีทกับกวางด้วยความสงสัย แนนเห็นพีทกับกวางเดินเคียงคู่กันไปที่โต๊ะนักแสดงโดยที่พีทดูแมนเป็นปกติ
พีทกับเต้ย นักแสดงที่รับบทเป็นเพื่อนชาวเกาะของสายชลในเกมร้ายเกมรักนั่งอยู่ที่โต๊ะ พีทหยิบกระปุกครีมออกจากกระเป๋ายื่นให้เต้ยดู
“พี่ให้”
เต้ยอ่านข้างกระปุก “ครีมกันแดด”
“อือ..เจ้าของแบรนด์เค้าให้มาลองใช้ พี่ใช้มาสักพักแล้วรู้สึกได้เลยว่ากันแดดดีมาก..เลยเอามาให้เต้ย”
“ผมไม่เอาหรอกครับไม่กล้าใช้..ไม่อยากให้ใครนินทาว่าผมเป็นเก้งเป็นกวาง”
“ผู้ชายสมัยนี้ออกจากท้องแม่ปุ๊บก็ถูกเมาท์แล้วว่าเป็น..อย่าสนใจคำพูดคนอื่นเลย..อาชีพเราขายหน้าตาดูแลหน้าตัวเองให้ใสปิ๊งไว้เอาใจแฟนคลับดีกว่า”
“จริงของพี่” เต้ยไหว้ “ขอบคุณครับ” เต้ยยิ้มตาหวานใส่พีทอย่างให้ท่า
พีทยิ้มให้เต้ยอย่างอ่อนโยนแต่ไม่สนใจการอ่อยของเต้ยแล้วก็หยิบมือถือมากดโทรออก เสียงสัญญาณติดแต่ไม่มีใครรับสาย
พีทวางสายแล้วถอนหายใจเศร้าๆ
อ่านต่อหน้า 2
รักนี้เจ้จัดให้ ตอนที่ 1 (ต่อ)
ลูกจันเดินเข้ามาในออฟฟิศ มีอุ่นเรือนเดินตามมาห่างๆ
“เดินให้มันเร็วกว่านี้หน่อยได้มั้ย”
“อุ่นก็ก้าวสุดเท้าแล้วค่ะ”
ลูกจันหยุดเดินหันควับมองอุ่นเรือนอย่างเอาเรื่อง
อุ่นเรือนกลัวมาก “อุ่นแค่จะบอกให้ฟังไม่ได้เถียงนะคะ”
“ไม่ใช่เรื่องนั้น”
อุ่นเรือนมองลูกจันอย่างงงๆ
“บอกหลายครั้งแล้วใช่มั้ยว่าชื่ออุ่นเรือนมันเชยให้ไปเปลี่ยนเป็นชื่อเก๋ๆ แล้วก็ให้แทนตัวเองว่าแอนนี่”
“ค่ะ”
“แล้วทำไมยังแทนตัวเองว่าอุ่นอีก”
“คือ..คือ..”
ลูกจันตวาด “เลิกติดอ่างเดี๋ยวนี้”
อุ่นเรือนพูดเร็วปรื๋อ “ชื่ออุ่นเรือนพ่อแม่ตั้งให้เลยไม่กล้าเปลี่ยน ส่วนชื่อแอนนี่มันสวยเกินตัวอุ่นเลยไม่กล้าใช้ค่ะ”
“มองหน้าพี่แล้วตั้งใจฟังให้ดี”
อุ่นเรือนมองหน้าลูกจันอย่างกลัวๆ
“ใครจะดูถูกเรายังไงก็ช่าง แต่เราต้องไม่ดูถูกตัวเอง..ท่องเดี๋ยวนี้ว่าฉันสวย ฉันเก่ง..ฉันสวย ฉันเก่ง”
“ฉันสวย..ฉันเก่ง..ฉันสวย..ฉันเก่ง”
“ไปตามทุกคนมาที่ห้องประชุม”
อุ่นเรือนพยักหน้า “ฉันสวย ฉันเก่ง ฉันสวย ฉันเก่ง”
อุ่นเรือนรีบวิ่งไปท่องไปอย่างลนลานจนสะดุดล้มพังพาบไปกับพื้น
ลูกจันสะดุ้งแล้วก็ส่ายหัวมองอุ่นเรือนอย่างเบื่อหน่ายพลางคิดในใจว่าไหวมั้ยเนี่ย?
ลูกจันเปิดประตูห้องประชุมอย่างหงุดหงิดแล้วชะงักเมื่อเห็นวิมาดานั่งเล่นไอแพดอยู่ในห้อง ของขวัญกล่องหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะ
“ฮัลโหล”
ลูกจันมองวิมาดางงๆ “เอ้อ..บอสจะใช้ห้องประชุมเหรอคะ”
“เปล่า..ฉันรอเธออยู่..เข้ามาสิ”
ลูกจันเดินเข้ามาหาวิมาดาอย่างงงๆ วิมาดายื่นกล่องของขวัญให้
“สำหรับไอดอลหญิงยุคใหม่ที่พ็อกเก็ตบุ๊คเล่ม 2 ขายหมดเกลี้ยงในเวลาครึ่งชั่วโมง”
ลูกจันไหว้ “ขอบคุณค่ะ”
“แกะดูสิว่าชอบมั้ย” วิมาดาถาม
มินตรา ปีโป้ที่ถือบอร์ดรูปเสื้อผ้าเดินมาถึงหน้าห้องประชุมก็เห็นวิมาดากำลังให้ของขวัญลูกจันพอดีจึงแอบดู ลูกจันแกะห่อของขวัญแล้วมองอย่างตื่นตะลึงเมื่อเห็นว่าเป็นกระเป๋า Hermes Birkin
“จันอยากได้สีนี้ตั้งนานแล้วแต่หาไม่ได้สักที...ขอบคุณบอสมากนะคะที่ซื้อให้ ขอบคุณมากค่ะ”
ลูกจันดีใจมากประหนึ่งได้รางวัลออสการ์
“ขอบคุณทุกSMS ขอบคุณทุกไปรษณียบัตร ขอบคุณทุกเสียงโหวต ขอบคุณทุกคะแนนที่ส่งมาเชียร์กัน ดิฉันสัญญาว่าจะทำให้ดีที่สุดต่อไปค่ะ...ขอบคุณค่ะ”
ลูกจันยิ้มหน้าบานขอบคุณวิมาดาอยู่ในห้องประชุม มินตรากับปีโป้ที่แอบดูอยู่มองลูกจันด้วยความอิจฉา
“กับฉันให้แค่กระเป๋าใบละหมื่นแต่กับนังลูกจันให้ใบละเป็นแสน..บอสลำเอียง” มินตราว่า
“โชคดีนะที่ฉันชวนให้มาส่งที่ห้องประชุม..ไม่งั้นเธอคงไม่รู้หรอกว่าบอสรักลูกจันมากกว่าเธอ” ปีโป้บอก
“สักวันฉันต้องเขี่ยนังลูกจันให้พ้นทางแล้วขึ้นแท่น บก.เซเลบแทนมันให้ได้”
มินตรามองลูกจันด้วยความอิจฉา
ลูกจันยืนกอดอกดูรูปเสื้อผ้าจากบอร์ดที่ปีโป้มาเอาเสนอแล้วก็ยิ้มพอใจ ทุกคนในที่ประชุมพูดคุยกัน
“สวยดี...เอาตามนี้ทุกชุดอย่าให้ผิดไปจากนี้เด็ดขาด” ลูกจันบอก
ปีโป้ประชด “ทราบค่ะ”
ลูกจันพูดกับแซนดี้ “แล้วโลเคชั่นว่าไง”
แซนดี้ที่แต่งตัวจัดตามแฟชั่นรีบพรีเซ็นต์
“ติดต่อเรียบร้อยค่ะ..เค้าจัดห้องพักที่ดีที่สุดไว้ให้พวกเราแล้วค่ะ”
“ดีมาก...พี่ต๋อย” ลูกจันส่งต่อคนต่อไป
ต๋อยพรีเซนต์ “ทุกคอลัมน์ส่งมาหมดแล้วพี่ปรินท์ให้แล้ว” ต๋อยยื่นแฟ้มงานให้ลูกจัน “มีของคุณเจี๊ยบคนเดียวที่ยังไม่ส่งมาค่ะ”
“จะปิดเล่มอยู่แล้วยังไม่ส่งมาอีก ใช้นักเขียนนอกทีไรเป็นอย่างนี้ทุกทีประชุมเสร็จโทรตามอีกทีบอกเค้าให้ส่งภายในคืนนี้ถ้าไม่ส่งไม่ต้องร่วมงานกันอีก”
ต๋อยรับทราบ “ค่ะ”
“ส่วนของจุ้มทีมพร้อม อุปกรณ์พร้อมฮะ”
“ดี”
อุ่นเรือนที่จดงานยิกๆหาวเพราะง่วงนอน
“ง่วงเหรอแอนนี่”
“ค่ะ”
“กลับบ้านนอนมั้ย” ลูกจันถาม
“อนุญาตให้อุ่น..เอ๊ยยย..แอนนี่กลับก่อนได้เหรอคะ”
“อือ..กลับไปนอนซะ..นอนยาวเลยนะแล้วพรุ่งนี้จะให้แมสเซนเจอร์เอาเงินชดเชยไปให้...แล้วไม่ต้องมาทำงานอีก”
อุ่นเรือนสะด้ง “อุ๊ย”
“รู้ว่าต้องทำงานถึงดึกทำไมไม่เตรียมร่างให้พร้อม..ถ้าง่วงจนจดผิดแล้วงานออกมาผิดจะทำยังไง”
“ขอโทษค่ะ...แอนนี่จะทำร่างให้พร้อมเดี๋ยวนี้ค่ะ”
อุ่นเรือนหยิบแก้วกาแฟมาดื่มอั่กๆ จนหมดแก้ว ทุกคนมองอุ่นเรือนขำๆ
ลูกจันมองอุ่นเรือนอย่างเซ็งๆ ส่วนปีโป้มองลูกจันด้วยความหมั่นไส้แล้วก็แอบพึมพำ
“บ้าอำนาจ”
ณัฐที่อยู่ในสภาพดั้งจมูกเขียวนั่งดื่มเหล้ากอดสาวสวยอยู่ในผับ เขาหันไปมองที่ทางเข้าเห็นอิงอรเดินเข้ามา
ณัฐพูดกับสาวสวย “แฟนพี่มาแล้ว..น้องไปก่อนนะคะ”
“ค่ะ”
ณัฐลุกขึ้นโบกมือให้ อิงอรหันมาเห็นณัฐก็ยิ้มดีใจแล้วก็เดินมาหา อิงอรเดินมาถึงเห็นดั้งจมูกณัฐเขียวก็มองอย่างตกใจ
“หน้าไปโดนอะไรมาคะ” อิงอรถาม
ณัฐตีหน้าเศร้า “พี่ไปแสดงความยินดีที่งานลูกจัน แต่เค้ากลับปาหนังสือใส่หน้าพี่”
อิงอรโกรธ “ถึงจะเป็นคู่แข่งกันแต่ลูกจันทำแบบนี้มันเกินไปนะคะ..พี่ณัฐแจ้งความรึยัง”
“ช่างเถอะค่ะ...พี่ไม่อยากให้ใครคิดว่าพี่รังแกผู้หญิง”
อิงอรปลื้ม “โถๆๆ..คนดี เป็นสุภาพบุรุษอีกแล้ว..อรอนุญาตให้พี่ณัฐยอมลูกจันแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวนะคะ ถ้าเค้าทำร้ายพี่ณัฐอีกพี่ณัฐต้องแจ้งความนะคะ”
ณัฐรับคำ “ค่ะ”
“ว่าง่ายๆอย่างนี้สิคะถึงจะน่ารัก”
ณัฐดึงอิงอรมากอด “กับคนที่พี่รักพี่ไม่ดื้อหรอกค่ะ”
ณัฐยิ้มหวานออดอ้อน อิงอรมองณัฐด้วยสายตารักสุดหัวใจ
เต๊นท์กางอยู่มุมหนึ่งของเขาค้อ ตรงกลางมีกองไฟกองเล็กๆจุดอยู่ ข้างๆ มีเปลสนามผูกอยู่และมีกระเป๋ากล้องวางอยู่ใกล้ๆ พอลนอนเหม่อมองดาวอยู่บนเปลสนาม พอลมองดาวพร้อมครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อตอนกลางวัน
เหตุการณ์เมื่อตอนกลางวัน พอลกับพระฤาษีที่นั่งอยู่บนโขดหินใต้ต้นไม้ใหญ่ พอลที่นั่งข้างล่างหน้าเหวอมาก
ฤาษียิ้มๆ “ตลอดชีวิตที่ผ่านมา เจ้ามักจะได้รับความเดือดร้อนจากผู้หญิง” เขาจ้องตาพอล “ใช่มั้ย”
พอลนึกย้อนอดีต
พอลตอนอายุ 9 เดือนกำลังนอนดูดนมจากขวดอย่างมีความสุข ทันใดนั้นขวดนมก็ถูกกระชากออกไปจากปาก พอลหันไปดูคนกระชาก ก็เห็นว่าเป็นเด็กผู้หญิงที่นอนติดกัน เด็กผู้หญิงคนนั้นกำลังนอนดูดนมจากขวดพอลอย่างมีความสุข พอลร้องไห้จ้า เด็กผู้หญิงนอนมองมาอย่างเฉยชา
ตอนที่พอลอยู่ประถมปีที่สาม นักเรียนแต่ละคนหน้าดำคร่ำเครียดก้มหน้าก้มตาทำข้อสอบอยู่ในห้องสอบ เด็กชายพอลกำลังก้มหน้าก้มตาลอกข้อสอบจากโพยที่แอบจดมา
เสียงเด็กหญิงคนหนึ่งดังขึ้น “คุณครูค้า...ภลภัทร์ลอกข้อสอบค่า”
พอลสะดุ้งเฮือกแล้วรีบหันไปมองครู ครูแก่หน้าโหดมากกำลังย่างสามขุมเข้ามาหา พอลหันไปมองตัวต้นเรื่อง เด็กหญิงขี้ฟ้องมองมาที่พอลแล้วยักคิ้วอย่างสะใจ
ตอนที่พอลอยู่ปี 2 ที่มหาวิทยาลัยต่างประเทศ พอลกำลังเดินจู๋จี๋มากับเพื่อนนักศึกษาฝรั่งสาว ทันใดนั้นหมัดนิรนามก็ลอยใส่หน้าพอล พอลงง เลือดกลบปาก
ฝรั่งนิรนามพูดกับพอล “This girl is mine”
พอลอึ้งแล้วก็หันไปมองหน้าฝรั่งสาว ฝรั่งสาวทำหน้าแหยๆ
โดย 2 วันก่อน พอลกำลังเดินหาซื้อข้าวของในตลาดก่อนขึ้นเขา จู่ๆ น้ำก็สาดเข้าเต็มหน้าพอล ผู้หญิงเจ้าของร้านแถวนั้นเป็นคนสาดน้ำ เธอทำหน้าจ๋อยใส่พอล
พอลคิดถึงคำที่ฤาษีพูด “เฮ้ยย...ตรงเป๊ะ!”
“เอ่อ...กะก็ใช่แหละครับ...แต่คงเป็นความบังเอิญมากกว่ามั้งครับ” พอลว่า
“หึ หึ..ไม่ใช่ความบังเอิญ..มันคือโชคชะตา...destiny!!”
พอลงงที่ฤาษีพูดภาษาอังกฤษ
“และระวังให้ดี..นับจากนี้ไปชีวิตเจ้าจะต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่เพราะผู้หญิงคนหนึ่ง...จำคำตาไว้..”ระวังผู้หญิง”!”
พอลที่นอนอยู่ในเต้นท์คิดถึงสิ่งที่ฤาษีพูดแล้วส่ายหัวขำๆ เพราะไม่เชื่อ พอลลุกขึ้นยืน เขายังอยู่ชุดเดิมโดยมีแว่นกันแดดคาดบนหัว พอลหอบไม้ฟืนเล็กๆเข้ามาแล้วโยนฟืนใส่กองไฟจนไฟลุกโชนขึ้น พอลเดินไปนั่งที่เปลสนามหยิบกล้องออกจากระเป๋ามาเปิดดูรูปช้าง เก้ง กวาง หมูป่า ที่ถ่ายไว้ พอลมองรูปแล้วก็ยิ้มพอใจ เขาคันจมูกจึงรีบเอามือปิดจมูกจามลั่น น้ำมูก น้ำลายเลอะเต็มมือ พอลเอามือเช็ดกางเกง แล้วก็อาแขนเสื้อเช็ดจมูกกับปาก ก่อนจะเก็บกล้องใส่กระเป๋าแล้วนอนกอดอกดูดาวอย่างมีความสุข
พีทสะพายกระเป๋าเดินกดโทรศัพท์มาที่รถ เสียงสัญญาณโทรติดแต่ไม่มีคนรับสาย พีทวางสายเศร้าๆ แล้วขึ้นไปนั่งรถอย่างเหงาๆ
จุ้มจิ้มเดินมาหน้าห้องลูกจันก็เห็นอาร์ตนั่งอยู่
“มานั่งทำอะไรหน้าห้องพี่ลูกจัน” จุ้มจิ้มถาม
“เรื่องของฉันไม่เกี่ยวกับแก” อาร์ตว่า
จุ้มจิ้มลงนั่งเก้าอี้อีกตัวที่อยู่ข้างๆ
อาร์ตมองอย่างไม่พอใจ “เฮ้ย..แล้วแกมานั่งทำอะไรตรงนี้เนี่ย”
“ไม่เกี่ยวกับแกเหมือนกัน”
ลูกจันหิ้วกระเป๋าพร้อมกับถือถุงเบอร์กิ้นเดินออกมาจากห้อง จุ้มจิ้มกับอาร์ตที่รออยู่รีบพุ่งไปหา
“จะกลับแล้วใช่มั้ยฮะ” จุ้มจิ้มถาม
“หอบของมาแทบหมดห้องอย่างนี้คงจะอยู่ทำงานต่อมั้ง” ลูกจันย้อน
อาร์ตหัวเราะขำแล้วก็มองเย้ยจุ้มจิ้ม
“ฮะๆๆ..ถามโง่ๆ”
ลูกจันพูดกับอาร์ต “ส่งงานหมดแล้วนี่..แล้วอยู่ออฟฟิศทำไมถึงดึกดื่นไม่กลับบ้านกลับช่อง”
“รอไปส่งพี่ลูกจันครับ” อาร์ตบอก
จุ้มจิ้มมองอาร์ตอย่างไม่พอใจ
“แกนี่ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องรึไง..พี่ลูกจันเค้าไม่ชอบผู้ชายยังตามจีบเค้าอยู่ได้”
“แล้วไง...พี่ลูกจันเค้าก็ไม่เคยชอบทอมซักหน่อย..แกยังตามตื๊อเค้าทุกวันเลย”
ลูกจันมองจุ้มจิ้มกับอาร์ตอย่างเซ็งๆแล้วเดินออกไป
จุ้มจิ้มกับอาร์ตจะเดินตาม
“พี่ลูกจัน”
ลูกจันหันขวับมามองด้วยสายตาพิฆาต “ไม่ต้องส่ง..พี่กลับเองได้”
ลูกจันจะเดินออกไป ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดัง ลูกจันหยิบมือถือมาดูก็เห็นเป็นชื่อพีท
ลูกจันกดรับ “ว่าไงยะ..” ลูกจันหยุดฟัง “ได้ๆเดี๋ยวเจอกัน” ลูกจันวางสายแล้วหันไปพูดกับอาร์ตกับจุ้มจิ้ม “พีทมันเหงาเลยโทรชวนพี่กับคนในกองเราไปคาราโอเกะไปมั้ย”
อาร์ตกับจุ้มจิ้มยิ้มแฉ่งด้วยความดีใจ อาร์ตเดินตามลูกจันพร้อมกับฮัมเพลงจีบลูกจัน จุ้มจิ้มมองด้วยความหมั่นไส้ แล้วก็รีบเดินตามไป
ณ ร้านคาราโอเกะ พีทร้องเพลง “รักไม่ต้องการเวลา”ของอ๊อฟ ปองศักดิ์ด้วยความคิดถึงใครบางคน
“ลมหายใจ...เหมือนหยุดไปในห้วงนาทีนี้ เช่นหัวใจ..ลอยหลุดไปทันทีที่สบตา เธอหยุดยั้งวันเวลา แค่เราได้พบกันในวันนี้...แค่พบเจอกับเธอ”
อาร์ต จุ้มจิ้ม ต๋อย อุ่นเรือน และลูกจันมองพีทที่ร้องเพลงเพราะมากด้วยสายตาชื่นชม แซนดี้มองพีทอย่างจับผิดแล้วกระซิบกับอุ่นเรือน
“ใส่อารมณ์เกิ๊น... พี่แอนนี่ว่าพี่พีทเป็น..เอ่อ...แบบว่า..ไม่แมนแบบที่หนังสือดาราเมาท์กันมั้ยอ่ะ”
“ไม่รู้เหมือนกันพี่ดูไม่ออก” อุ่นเรือนบอก
ลูกจันได้ยิน “เมาท์ไรเพื่อนพี่”
แซนดี้กับอุ่นเรือนหน้าเจื่อน
“แค่ถามเฉยๆค่ะไม่ได้เมาท์นะคะ” แซนดี้บอก
“พี่เป็นเพื่อนสนิทของพีท อยากรู้เรื่องพีทถามพี่อย่าไปถามคนอื่น” ลูกจันบอก
“คือ..เอ่อ..คือ..พี่พีทเป็นแมนแท้ๆรึเปล่าคะ” แซนดี้ตัดสินใจถาม
“ก็ใช่สิ.... แต่พีทเป็นผู้ชายอ่อนโยนเลยดูเหมือนไม่ค่อยแมน..แต่จริงๆ แมนมาก!”
แซนดี้กับอุ่นเรือนเชื่อสุดใจ แต่ลูกจันแอบไขว้นิ้วอยู่ด้านหลัง พีทร้องเพลงจบ ต๋อยนำปรบมือให้พีทด้วยความชื่นชม
“ร้องเพราะจังเลยค่ะ”
“ขอบคุณครับ”
เพลงเล่นของสูงดังขึ้น
“ใครขอเพลงนี้ครับ” พีทถาม
“ผมเองพี่” อาร์ตบอก
อาร์ตรับไมโครโฟนจากพีทแล้วร้องเพลงเล่นของสูงโดยตามองลูกจันอย่างมีความหมาย
“รู้ว่าเสี่ยงแต่คงต้องขอลอง รู้ว่าเหนื่อยถ้าอยากได้ของที่อยู่สูง ยังไงก็ขอลองดูสักที”
ทุกคนมองอาร์ตขำๆ ในขณะที่จุ้มจิ้มมองอาร์ตด้วยความหมั่นไส้ จุ้มจิ้มมองไปที่เครื่องเสียงแล้วแอบไปปิดเสียงไมโครโฟนอาร์ต อาร์ตร้องเพลงแต่ไม่มีเสียงออกไมโครโฟน จุ้มจิ้มหยิบไมโครโฟนอีกตัวมาร้องเพลงต่อมองลูกจันอย่างชื่นชม
“ได้เกิดมาเจอเธอทั้งที ไม่ว่ายังไงจะลองดีสักวัน อยากรักก็ต้องเสี่ยง ไม่อยากให้เธอเป็นเพียงภาพในความฝัน”
ทุกคนมองจุ้มจิ้มขำๆ ยกเว้นอาร์ตที่มองจุ้มจิ้มด้วยความหมั่นไส้
“เฮ้ย...ไอ้ทอม เพลงนี้ฉันเป็นคนขอนะ”
จุ้มจิ้มทำหน้ากวนก่อนจะยักไหล่ใส่อาร์ตแล้วร้องต่อ อาร์ตมองจุ้มจิ้มอย่างไม่พอใจเขามองไมโครโฟนในมือตัวเองที่จู่ๆก็ไม่มีเสียงด้วยความหงุดหงิด
พีทพูดกับลูกจัน “ไปห้องน้ำนะ”
ลูกจันพยักหน้าให้พีท พีทเดินออกไป อาร์ตที่กำลังหงุดหงิดจุ้มจิ้มมองตามพีทแล้วก็คิดๆ ก่อนจะเดินตาม
พีทเดินเข้ามาในห้องน้ำเพื่อจะไปฉี่ อาร์ตเดินตามเข้ามายืนที่โถฉี่ข้างๆพีท
“อ้าว อาร์ต”
“อาร์ตทำท่าอึกอัก เอ่อ..........”
“มีอะไรหละ พีททำท่างงๆ”
“ผมมีเรื่องสำคัญอยากคุยกับพี่”
พีทมองอาร์ตด้วยความแปลกใจ
อาร์ตพูดจริงจัง “คือ...ผมเห็นว่าพี่เป็นเพื่อนสนิทกับพี่ลูกจันเลยอยากมาบอกพี่ตรงๆในฐานะลูกผู้ชายเหมือนกันว่าผมรักพี่ลูกจันจริงๆ..และผมก็จะจีบพี่ลูกจันจริงๆ”
พีททึ่งในความกล้าของอาร์ต “โอเค...พี่เอาใจช่วย ขอให้โชคดีน้อง”
ทั้งคู่หันกลับมารูดซิปปากพร้อมกัน อาร์ตยื่นมือขอจับมือกับพีท
“ขอบคุณครับพี่”
พีทจับมือและยิ้มเอ็นดูอาร์ต
อุ่นเรือนยกมือย่อตัวไหว้พีทเหมือนเด็กประกวดมารยาท
“ขอบพระคุณพี่พีทมากนะคะที่เป็นเจ้ามือ”
“ไม่เป็นไรครับ..คราวหน้ามากันอีกนะ” พีทบอก
ทุกคนยิ้มมีความสุข
จุ้มจิ้มพูดกับลูกจัน “ดึกมากแล้วจุ้มเป็นเพื่อนไปส่งที่บ้านนะฮะ”
“ไม่ต้องไม่ต้อง..เดี๋ยวพี่ดูแลเพื่อนพี่เอง”
จุ้มจิ้มจ๋อย “ฮะ”
อาร์ตหัวเราะสะใจ จุ้มจิ้มมองอาร์ตอย่างไม่พอใจ
เสียงหัวเราะของพีทกับลูกจันดังลั่น
“จ๋อยเลย..สงสารยัยจุ้มจิ้มนะแต่ขืนให้มาส่งแก ความลับที่เราอยู่บ้านเดียวกันได้แตกดังโพล๊ะ”
ป้าภาเดินลงมาจากข้างบน พีทเดินเข้าไปกอด
“ดึกป่านนี้ทำไมยังไม่นอนอีกละครับคุณป้าคนสวย”
“เพิ่งสวดมนต์นั่งสมาธิเสร็จน่ะลูก เลยลงมาดูอีกทีว่าปิดประตูลงกลอนดีรึยัง”
ลูกจันพูดกับพีท “อย่าไปเผลอทำเสียงอ่อนเสียงหวานอย่างนี้นอกบ้านนะยะ เดี๋ยวเค้าจะรู้กันทั่วว่าพระเอกดาวรุ่งพุ่งแรงเป็นเก้งกวางบ่างชะนี ผัว..วว ผัว.....วว”
“แหม...ฉันน่ะคนนะยะไม่ใช่ควาย รู้น่าว่าอยู่ที่ไหนต้องทำตัวยังไง” พีทว่า
“เอาล่ะจ้ะๆ อย่ามัวแต่เถียงกันเลย ไปอาบน้ำอาบท่านอนกันได้แล้ว..นอนดึกเดี๋ยวป้าหน้าเหี่ยวหมด”
“ไม่ต้องกลัวค่ะ..คุณป้าเหี่ยวหย่อนคล้อยเมื่อไหร่ลูกจันจะพาไปพบแพทย์ให้เค้าดึงทึ้งให้ตึงเหมือนเดิมเอง”
“สวยด้วยแพทย์ป้าไม่เอาหรอกป้ากลัว..ใช้วิธีสวดมนต์นั่งสมาธิหน้าก็ตึงได้เหมือนกัน...ป้าไปดูประตูหน้าต่างก่อนนะ”
ลูกจันกับพีทรับคำพร้อมกัน “ค่ะ/ครับ”
ป้าภาเดินออกไป ลูกจันทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาอย่างหมดแรงเพราะทำงานมาทั้งวันจึงเหนื่อยมาก
“เฮ้อ..เหนื่อย”
ลูกจันหลับตาทำท่าจะหลับ
“นอนสภาพนี้เดี๋ยวสิวได้เห่อเต็มหน้า” พีทดึงมือลูกจันให้ลุกขึ้น “ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเลย หน้าเนี่ยเดี๋ยวเจ้จัดให้”
ลูกจันยิ้มแป้นเพราะเข้าแผน
พีทใส่เสื้อคลุมอาบน้ำนั่งขัดสมาธิบนเตียงโดยมีหมอนวางบนตัก ที่โต๊ะหัวเตียงมีอุปกรณ์เช็ดเครื่องสำอางวางอยู่เต็ม ลูกจันที่เครื่องสำอางถูกเช็ดออกเกือบหมดแล้วอยู่ในชุดเสื้อคลุมอาบน้ำนอนหลับตาหนุนหมอน พีทใช้สำลีเช็ดเครื่องสำอางให้ลูกจันอย่างเบามือ
“เรียบร้อย..สะอาดเอี่ยมทุกรูขุมขน”
ลูกจันลุกขึ้นมองพีทอย่างซึ้งใจ
“ขอบใจมากนะพีทที่ดูแลฉันทุกอย่าง...สมแล้วที่ฉันยกให้แกเป็นเจ้ใหญ่ประจำบ้าน”
พีทยิ้มๆ “ย่ะ...แต่จะมารอให้เจ้ดูแลให้อย่างเดียวไม่ได้หรอกนะยะ แกต้องดูแลตัวเองด้วย..ร่างกายเราไม่มีใครดูแลได้ดีเท่าเราหรอก”
“ก็ดูแล...แต่วันที่แกอยู่แล้วให้แกเช็ดหน้าให้มันก็สบายกว่าเช็ดเองป่ะล่ะ”
“พูดอย่างนี้แสดงว่าที่แกล้งทำเป็นเหนื่อยสลบต่อหน้าฉันเพราะจะหลอกใช้ฉันใช่มั้ย(ตีแขนลูกจันอย่างเอ็นดู)ร้ายนักนะ”
ลูกจันหัวเราะขำพีท
ลูกจันบิดขี้เกียจ “โอ้ยยย..ร่างจะแหลก”
“งานราษฎร์งานหลวงตั้งแต่เช้ายันดึกไม่เหนื่อยก็ถึกเกินไปแล้วล่ะ..อย่าว่าแต่แกเลยวันนี้ฉันก็ต่อยกะผู้ชายจนร่างจะแหลกเหมือนกัน”
“งั้นก็มามะ” ลูกจันกางแขน “กอดเพิ่มพลังกัน”
พีทโผเข้ากอดกับลูกจันด้วยความรักใคร่และอบอุ่นมากเหมือนได้รับกอดจากพี่สาวน้องสาว
“กอดกับแกแล้วอบอุ่นเหมือนได้กอดกับแม่เลย” ลูกจันบอก
พีทค้อน “ว่าฉันแก่เหรอ”
“หน้าแกเด้งกว่าหน้าฉันอีกใครจะกล้า...ฉันไปนอนก่อนนะ พรุ่งนี้ต้องไปขึ้นเขาแต่เช้า”
พีทยิ้มและพยักหน้า ลูกจันเดินออกไป พีทมองตามลูกจันด้วยความเอ็นดู
พอลใส่แว่นกันแดดเดินมาที่ร้านค้าบนอุทยาน แม่ค้านั่งเด็ดใบกะเพราอยู่ที่โต๊ะ
พอลสั่ง “ข้าวหมูทอดครับ”
“มาอยู่เป็นอาทิตย์เห็นกินแต่ข้าวหมูทอดไม่เบื่อบ้างรึไง” แม่ค้าถาม
“ไม่เบื่อครับ..ผมชอบกินของทอด”
แม่ค้าลุกขึ้นจะเดินไปทำข้าวหมูทอด พอเดินผ่านพอลก็ได้กลิ่นเหม็น
แม่ค้าทำจมูกฟุดฟิด “ได้กลิ่นอะไรมั้ย”
พอลสูดกลิ่น “ไม่นี่ครับ”
“จะว่าตัวอะไรตายก็ไม่ใช่เพราะกลิ่นมันเหม็นเขียวเหม็นเปรี้ยว”
แม่ค้าทำจมูกฟุดฟิดหาที่มาของกลิ่นแล้วมาหยุดที่พอล
“นึกว่ากลิ่นอะไรกลิ่นจั๊กแร้คุณนี่เอง”
พอลดมรักแร้ตัวเองแล้วยิ้มเขิน
“ไม่ได้อาบน้ำมา 3 วันแล้วครับ..ต้องถ่ายรูปสัตว์กลัวว่าอาบน้ำแล้วกลิ่นจะไม่กลืนกับธรรมชาติแล้วสัตว์จะหนีน่ะครับ”
“อย่านึกถึงแต่สัตว์สิพ่อเอ๊ย..นึกถึงคนที่เดินผ่านบ้าง”
แม่ค้าพูดแล้วก็เดินไปทำกับข้าว พอลมองแม่ค้าอย่างอายๆ
เสียงโทรศัพท์ของณัฐดังขึ้น ณัฐนอนหลับเปลือยกายอยู่กับอิงอร ณัฐควานหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูอย่างรำคาญ แล้วก็เห็นว่าเป็นชื่อเด ทีมงานในออฟฟิศของณัฐ
“โทรมาทำไมแต่เช้าวะไอ้เด”
อิงอรงัวเงียตื่นขึ้นมา
“11 โมงแล้วครับ..นางแบบ ทีมงานพร้อมแล้ว รอพี่ณัฐคนเดียวครับ” เดบอก
“พร้อมแล้วจะรอทำไมถ่ายไปเลยซี้” ณัฐหยุดฟัง “แกเป็นรอง บก..ถ้าแค่ถ่ายปกแล้วดูแลแทนฉันไม่ได้ก็ลาออกไปเลย”
ณัฐวางสายด้วยความหงุดหงิด
“พี่ณัฐต้องไปทำงานเหรอคะ” อิงอรถาม
“ไม่ไปล่ะ แฮงค์” ณัฐว่า
“ไม่ไปทำงานแล้วคุณสาโรจน์ไม่ว่าเอาเหรอคะ”
“พี่ไม่ได้เป็นแค่ บก.ของไลม์นะพี่เป็นหุ้นส่วนด้วย..ไม่มีใครกล้าว่าพี่หรอกค่ะ”
อิงอรมองณัฐอย่างลุ่มหลง ณัฐจับหน้าอิงอรมาจูบแล้วล้มลงบนเตียง
รถตู้หรูไฮโซวิ่งมาจอดหน้าที่ทำการอุทยานเขาใหญ่ จุ้มจิ้มเปิดประตูลงจากรถแล้วพูดกับลูกจัน
“เชิญฮะ”
ลูกจันในชุดกางเกงสามส่วน ใส่หมวก เสื้อแบรนด์เนมไฮโซก้าวลงจากรถ คนอื่นๆลงตาม ลูกจันหยิบน้ำหอมมาฉีดข้อมือ แตะซอกคอ แล้วก็เก็บใส่กระเป๋า เธอมองไปรอบๆ พอเห็นป่าเขียวชอุ่มก็ยิ้มพอใจ
แซนดี้ที่แต่งตัวเว่อร์พอกับลูกจันแต่ราคาไม่แพงเท่าและไม่ดูดีเท่าพูดขึ้น “แซนดี้เข้าไปเอากุญแจห้องก่อนแล้วจะพาไปที่ห้องพักนะคะ”
“พาคนอื่นไปก่อน ส่งทุกคนแล้วให้รถมารอที่นี่..พี่จะไปดูโลเคชั่น จะได้เลือกไว้เลยว่าพรุ่งนี้จะตั้งเซตตรงไหน” ลูกจันว่า
แซนดี้รับคำ “ค่ะ”
ลูกจันลงจากรถ
“จุ้มไปเป็นเพื่อนนะฮะ” จุ้มจิ้มบอก
ลูกจันยิ้มพยักหน้าแล้วเดินออกไป จุ้มจิ้มเดินตาม
ปีโป้มองตามลูกจันด้วยความหมั่นไส้ “ไปดูโลหรือไปตั้งวงกันก็ไม่รู้”
“ตั้งวงอะไรคะพี่โป้” แซนดี้งง
“เกลียดผู้ชายเข้ากระดูกดำแบบลูกจัน...ก็ต้องตั้งวงดนตรีไทยอย่างเดียวแหละย่ะ” ปีโป้ว่า
แซนดี้ ปีโป้และคนอื่นๆหัวเราะคิกคัก
ลูกจัน จุ้มจิ้ม เดินเข้ามาในป่า
“ตรงนี้ก็สวยนะ”
จุ้มจิ้มทำมือเป็นเฟรมส่องดูมุม “สวยฮะ..ลงตัวเลย...พี่ลูกจันเลือกมุมเก่งจัง”
“ไม่เก่ง ไม่แกร่ง อยู่วงการนี้ไม่ได้หรอก..ถ้าจุ้มอยากรอดในวงการนี้ห้ามอ่อนแอรู้มั้ย”
จุ้มจิ้มรับคำ “ฮะ”
ลมพัดมาเบาๆพร้อมกลิ่นตัวพอลที่โชยมา
“ได้กลิ่นอะไรมั้ย” ลูกจันถาม
จุ้มจิ้มสูดลมหายใจ “ได้ฮะ..อื้อหือ...สุดๆไปเลย” จุ้มจิ้มเดินตามกลิ่น “กลิ่นเหมือนมาจาก” จุ้มจิ้มเงยหน้าเห็นพอลใส่แว่นกันแดดถ่ายรูปรังนกอยู่บนต้นไม้อยู่ก็ชี้ “โน่น”
“อี๋...อยู่บนต้นไม้กลิ่นตัวยังโชยมาถึงข้างล่างสกปรกที่สุด”
ลูกจันรีบควักเอาขวดน้ำหอมประจำตัวมาฉีดตัวเองและหันไปฉีดรอบๆหวังกลบกลิ่นพอล พอลก้มมองมองลูกจันอย่างไม่พอใจ
“ผมยอมสกปรกเพราะต้องการใกล้ชิดธรรมชาติ..ดีกว่าคนสะอาดที่มาป่ามาเขาแต่ใส่น้ำหอมกลิ่นหึ่งจนทำลายระบบนิเวศน์ของป่า”
“แค่ใส่น้ำหอมเนี่ยนะ ทำลายระบบนิเวศน์ของป่า กล่าวหากันเกินไปแล้ว”
“สัตว์ป่าพอผิดกลิ่นก็กลัวไม่ออกหากินตามปกติ..พอไม่ออกหากินระบบความเป็นอยู่ในป่าก็ผิดเพี้ยน...ยิ่งไปกว่านั้นคือทำให้สัตว์หงุดหงิดจนทำร้ายกันเองหรือทำร้ายคนได้..อยากมาเที่ยวป่าก็หัดศึกษาธรรมชาติซะบ้างสิคุณ” พอลว่า
ลูกจันมองพอลอย่างไม่พอใจ เธอหันไปทางจุ้มจิ้มเพื่อหาพวก
“ที่อีตานั่นพูดไม่จริงใช่มั้ยจุ้ม”
จุ้มจิ้มอึกอัก “เอ่อ...จริงฮะ”
ลูกจันจ๋อย จุ้มจิ้มรีบช่วยกู้ความรู้สึกลูกจัน
จุ้มจิ้มพูดกับพอล “แต่ยังไงคุณก็ควรขอโทษพี่ฉัน”
“เรื่อง?” พอลงง
“ที่คุณว่าเค้าทำลายระบบนิเวศน์..พี่ฉันเค้าไม่ได้ตั้งใจซักหน่อย”
“ถ้าพี่คุณยอมขอโทษที่ว่าผมตัวเหม็น..ผมก็จะขอโทษพี่คุณ”
“ฉันพูดเรื่องจริงไม่จำเป็นต้องขอโทษ” ลูกจันบอก
“ผมก็พูดเรื่องจริงไม่จำเป็นต้องขอโทษเหมือนกัน”
“ไม่ขอโทษใช่มั้ย” ลูกจันหยิบกิ่งไม้ขว้างใส่พอล “เดี๋ยวจะให้เป็นลิงตกต้นไม้เลย”
“เฮ้ยคุณมันเจ็บนะ”
ลูกจันไม่ฟัง เธอยังหยิบก้อนหินปาใส่พอล พอลมองลูกจันอย่างโมโหก่อนจะดึงเถาวัลย์โยนใส่ลูกจัน
พอลตะโกนลั่น “งู!!!”
ลูกจันรู้สึกมีอะไรยาวๆตกใส่บ่าก็คิดว่าเป็นงูจริงๆ จึงตกใจร้องลั่น
“กรี๊ดด..งู..งู”
ลูกจันกรี๊ดวิ่งเตลิดออกไป
“อ้าว..พี่...”
พอลซึ่งยังอยู่บนต้นไม้มองลูกจันที่วิ่งเตลิดออกไปแล้วก็หัวเราะสะใจ
อ่านต่อหน้า 3
รักนี้เจ้จัดให้ ตอนที่ 1 (ต่อ)
ลูกจันที่มีเถาวัลย์พาดบ่า วิ่งกรี๊ดออกมาจากมุมหนึ่ง
“กรี๊ดด...งู..ช่วยด้วย”
จุ้มจิ้มวิ่งตามพยายามเรียกสติเพื่อจะบอกความจริง
“พี่ลูกจันฮะ พี่ลูกจัน”
ลูกจันกำลังตกใจจึงไม่สนจุ้มจิ้ม เธอวิ่งเตลิดไปจนถึงหน้าสำนักงาน
“ช่วยด้วย..ช่วยด้วย”
เจ้าหน้าที่วิ่งหน้าตื่นออกมาดูแล้วก็รีบวิ่งไปหาลูกจัน
“มีอะไรครับ”
“งูค่ะ..งูเกาะบ่าฉันเอาออกให้หน่อย”
เจ้าหน้าที่มองบ่าลูกจันแล้วก็หัวเราะลั่น จุ้มจิ้มวิ่งมาถึงพอดี ลูกจันมองเจ้าหน้าที่ด้วยความโมโห
“ขำอะไร.เอางูออกไปที ...เอางูออกไปเดี๋ยวนี้”
จุ้มจิ้มหยิบเถาวัลย์ให้ลูกจันดู
จุ้มจิ้มบอก “ไม่ใช่งูฮะ”
ลูกจันตกใจ “เถาวัลย์”
เจ้าหน้าที่ขำ “ครับ..ถ้าเป็นงูจริงผมไม่ขำอย่างนี้หรอก”
ลูกจันตวาดจุ้มจิ้ม “ทำไมไม่บอกพี่”
จุ้มจิ้มกลัว “ก็พยายามจะบอกตั้งแต่ในป่าแต่พี่วิ่งหน้าตั้งไม่ฟังจุ้มเลยนี่ฮะ”
เจ้าหน้าที่หัวเราะลั่นเพราะขำลูกจัน ลูกจันมองจุ้มจิ้มแล้วก็มองเจ้าหน้าที่อย่างหงุดหงิดแล้วมองไปทางป่าด้วยความแค้นใจ
ลูกจันตะโกนลั่นป่าด้วยความแค้น “ไอ้ตัวเหม็น..น”
ณ เวทีอีเวนท์เล็กๆ มีแคทวอล์คสั้นๆ ที่ฉากบนเวทีสวยงามเข้ากับงาน ทีมงานกำลังติดตัวหนังสือ “ทีนคลับเมาไม่ขับ” อาร์ตที่ยืนอยู่ด้านล่างเวทีกำลังสั่งทีมงานที่ติดตัวหนังสือ
“ซ้ายอีกนิดนึง โอเคๆตรงนั้นแหละ”
ทีมงานทำตามที่อาร์ตสั่ง
มินตราแต่งตัวสวยงามด้วยเสื้อผ้าแบรนด์ราคากลางๆ ทั้งตัวเป็นแม่งานเดินมาตรวจงาน
“อาร์ตจ๋า..เหลือเวลาอีกแค่สองชั่วโมง ฉากอาร์ตจะเสร็จทันมั้ยจ๊ะ” มินตราถาม
“ทันสิพี่ รับรองผมไม่ทำให้งานพี่มินเสียแน่” อาร์ตบอก
มินตราเชยคางอาร์ตอย่างหมาหยอกไก่
“น่าร้ากกอ่ะ”
พีทสะพายกระเป๋าเดินเข้ามาไหว้มินตรา
“สวัสดีครับ”
มินตราพูดเสียงสตอมาก “พีท..” มินตราดูนาฬิกา “ตรงเวลาเป๊ะเลยนะคะ”
“ผมไม่ชอบให้ใครรอน่ะครับ” พีทพูดกับอาร์ต “อาร์ตอยู่ฝ่ายศิลป์ของเซเลบไม่ใช่เหรอมาทำอะไรที่งานทีนคลับเค้า”
“หัวหน้าฝ่ายศิลป์ของพี่มินป่วยพี่มินเลยให้ผมมาช่วย” อาร์ตบอก
พีทยิ้มๆ “อ๋อ” พีทพูดกับมินตรา “ห้องแต่งตัวอยู่ไหนครับ”
“ชั้น 5 ค่ะเดี๋ยวมินพาไป”
มินตรามองพีทด้วยสายตาหวานฉ่ำแล้วก็จับแขนพีทพาเดินออกไป พีทมองมินตราอย่างกลัวๆ
มินตราเดินควงแขนพีทมาตามทาง คนในห้างมองพีทด้วยความชื่นชม หญิงสามคนเดินสวนมาเห็นพีทก็กรี๊ดลั่น
“กรี๊ดดด..พี่พีท”
“สวัสดีครับ” พีททักทาย
มินตราควงแขนเชิดหน้าอย่างภูมิใจที่ได้ควงพระเอกชื่อดัง พีทกับมินตราเดินผ่านไป แก็งค์หญิงหันไปเมาท์กัน
“ควงแขนกันด้วย แฟนเปล่าอ่ะ”
“ควงกันอย่างนี้น่าจะใช่นะ”
มินตราได้ยินหญิงสามคนเมาท์กันก็ยิ้มแฉ่งอย่างมีความสุข พีทมองมินตราอย่างไม่ค่อยชอบใจจึงแกะมือมินตราออกอย่างสุภาพ
“ปล่อยเถอะครับ..เป็นข่าวกับผมแฟนคุณมินจะเข้าใจผิดเปล่าๆ” พีทบอก
มินตรายังคงเกาะแขน “ไม่เป็นไรค่ะมินไม่มีแฟน”
“งั้นเกรงใจผู้ชายอื่นละกันครับเผื่อมีคนกำลังคิดจีบคุณ เป็นข่าวกับผมเดี๋ยวเค้าไม่กล้า”
พีทแกะมือมินตราออกอีกครั้งแล้วเดินนำไป มินตรามองพีทอย่างเซ็งๆแล้วตามไปเดินคู่
เต้ยกับแฟรงกี้นั่งแต่งหน้าทำผมอยู่ในห้องแต่งตัว ทีมงานเอาน้ำมาเสิร์ฟและดูแลอยู่ใกล้ๆ มินตราเปิดประตูพาพีทเดินเข้ามา พีทไหว้ช่างแต่งหน้า ช่างทำผม และทีมงาน
“สวัสดีทุกคนคร้าบ”
ทุกคนยิ้มทักทายพีท
เต้ยยกมือไหว้ “สวัสดีครับพี่พีท”
แฟรงกี้ไหว้พีท “สวัสดีครับ”
พีทยิ้มรับแล้วไหว้เต้ยกับแฟรงกี้แล้วบอกมินตรา
“ขอบคุณนะครับที่มาส่ง”
“แหม..พูดจาซะห่างเหิน คนกันเองไม่ต้องเกรงใจหรอกค่ะ มินไปทำงานก่อนนะคะ”
มินตราเดินออกไป
พีทเอากระเป๋าไปวางที่โซฟาแล้วนั่งรอแต่งหน้า
แฟรงกี้พูดกับพีท “ไม่เจอกันนานเลยนะครับ”
“ช่วงนี้ละครเพิ่งเปิดกล้อง ยุ่งมากเลยไม่ค่อยได้เดินแบบ งานนี้ถ้าไม่ใช่หนังสือในเครือเซเลบพี่ก็ไม่รับหรอก” พีทมองรูปร่างแฟรงกี้แล้วยิ้มกริ่ม “หุ่นดีขึ้นนะ”
“เข้าฟิตเนสแล้วก็ให้เทรนเนอร์จัดตารางอาหารตารางออกกำลังให้น่ะ” แฟรงกี้บอก “ครับ..แป๊บเดียว” แฟรงกี้ถอดเสื้อโยนไปมุมหนึ่งเพื่อโชว์ซิกแพ็ค “ได้นี่มาเลย”
พีทมองซิกแพ็คแฟรงกี้ใจละลายแต่ก็รีบเก็บอาการทำแมนกลบเกลื่อน
“อิจฉาว่ะ” พีทพูด
“ผมก็อิจฉา..เราไปเล่นที่เดียวกับแฟรงกี้มั้ยครับจะได้มีซิกแพ็คให้สาวๆ กรี๊ดบ้าง” เต้ยบอก
“ไม่ล่ะ..พี่ไม่ชอบออกกำลังใน fitness มันอึดอัด..ชอบออก out door วิ่งในหมู่บ้านในสวนสาธารณะมากกว่า”
ช่างแต่งหน้าพูด “เต้ยเสร็จแล้ว พีทมาเลยจ้ะ”
“ครับ”
เต้ยลุกไปนั่งให้ช่างทำผม พีทเดินไปนั่งที่เก้าอี้ตรงช่างแต่งหน้า ช่างเริ่มแต่งหน้าให้พีท
พีทแอบเหลือบมองซิกแพ็คของแฟรงกี้แล้วก็ยิ่งใจสั่น
อิงอรส่งเสื้อเชิ้ตให้พนักงานขายที่ถือเสื้อนับสิบตัว ณัฐที่ยืนอยู่ใกล้ๆถือถุงเสื้อผ้าแบรนด์ดังหลายถุง
อิงอรพูดกับพนักงาน “แค่นี้แหล่ะ”
ณัฐจะหยิบกระเป๋าสตางค์ แต่อิงอรยื่นบัตรเครดิตให้พนักงานก่อน
“กางเกง กระเป๋า รองเท้าอรจ่ายไปเป็นแสนแล้วนะคะ..เสื้อนี่พี่ซื้อเองดีกว่าค่ะ” ณัฐบอก
“ไม่ค่ะอรอยากดูแลพี่ณัฐ” อิงอรว่า
อิงอรพยักหน้าให้พนักงานเดินออกไป
“พี่เกรงใจอรจัง”
อิงอรลูบแก้มณัฐอย่างยั่วยวน “งั้นคืนนี้ก็ตอบแทนความเกรงใจด้วยการให้อรไปนอนที่บ้านสิคะ”
“คุณพ่อคุณแม่พี่กลับมาจากต่างประเทศแล้ว คืนนี้คงไม่สะดวก”
“งั้นพี่ณัฐไปตอบแทนที่คอนโดอรก็ได้”
“คงไม่ได้อีกเหมือนกันค่ะ..นานๆคุณพ่อคุณแม่จะกลับบ้านทีพี่คงต้องอยู่กับพวกท่านบ้าง”
อิงอรหน้าหงิกเพราะงอน
“อย่างอนเลยค่ะคนดี..พรุ่งนี้พี่บอกคุณพ่อคุณแม่ไว้แล้วว่าจะชวนอรไปทานข้าวด้วย พี่จะบอกพวกท่านว่าเราจะแต่งงานกัน”
อิงอรยิ้มแฉ่ง “จริงเหรอคะ”
“จริงสิคะ..พี่อยากอยู่กับอรทุกวันทุกคืนจะแย่อยู่แล้วไม่รู้รึไง”
อิงอรยิ้มแฉ่งอย่างมีความสุข
“เดี๋ยวเราเอาของไปเก็บที่รถก่อนแล้วค่อยลงไปที่งานนะคะจะได้ไม่เกะกะ”
“ค่ะ” อิงอรมองณัฐแล้วยิ้มหวานอย่างรักสุดหัวใจ ณัฐมองอิงอรยิ้มหวานให้เช่นกัน
ตัวหนังสือบนเวทีติดเสร็จแล้วเป็นประโยคว่า “ทีนคลับเมาไม่ขับ” แขกในงานเริ่มทยอยมา เด็กวัยรุ่นชายหญิงนั่งจับกลุ่มหลายกลุ่ม วิมาดาที่แต่งตัวเนี๊ยบสวยเท่เดินเข้ามา มินตรารีบเข้าไปต้อนรับ
“เชิญค่ะบอส”
วิมาดามองไปรอบๆ พอเห็นเวทีสวยก็อดชมไม่ได้
“ฉากสวยนะเข้ากับงานมาก”
“ฝีมืออาร์ตน่ะค่ะ” มินตราบอก
“เด็กคนนี้ฝีมือดี ลูกจันตาถึงที่รับมาทำงาน”
มินตราลอบมองวิมาดาอย่างไม่พอใจที่ชมลูกจันแล้วก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มแย้ม
“ค่ะ”
ณัฐกับอิงอรเดินเข้ามาในงาน
“สวัสดีครับคุณวิมาดา คุณมินตรา”
อิงอรไหว้วิมาดากับมินตรา วิมาดากับมินตรารับไหว้อิงอร
“คุณณัฐ คุณอร..ขอบคุณนะคะที่มาร่วมงานของเรา”
“ผมเป็นกำลังใจให้พี่น้องร่วมอาชีพเสมอครับ..ได้ข่าวว่าโครงการทีนคลับเมาไม่ขับที่ให้แฟนหนังสือทีนคลับส่งเข้าประกวดประสบความสำเร็จมาก” ณัฐบอก
มินตราเล่า “ก็มีส่งมา 50 กว่าทีม โครงการของแต่ละทีมเด็ดๆทั้งนั้น กรรมการหนักใจมากแต่ก็ตัดสินได้แล้วว่าใครชนะ..เดี๋ยวบอสจะเป็นคนขึ้นไปมอบรางวัลค่ะ”
ณัฐพูดกับวิมาดา “โครงการนี้คงทำให้ทีนคลับยอดขายพุ่งขึ้นอีกเยอะเลย..ดีใจด้วยนะครับ”
“ต้องชม บก.ทีนคลับค่ะ มินตราคิดโครงการนี้ขึ้นมา”
มินตรายิ้มแฉ่งที่วิมาดาชม
วิมาดาพูดกับมินตรา “พาคุณณัฐไปนั่งเถอะ”
“ค่ะ..” มินตราพูดกับณัฐและอิงอร “เชิญค่ะ”
ณัฐกับอิงอรเดินไปกับมินตรา วิมาดามองณัฐแล้วยิ้มเยาะในฐานะคู่แข่งอันดับหนึ่ง
แฟรงกี้เดินแบบออกมาโพสต์ท่าเท่ๆ บนเวที วิมาดานั่งเก้าอี้ประธาน โดยมีณัฐกับอิงอรนั่งอีกมุมหนึ่ง แขกมาร่วมงาน เด็กวัยรุ่นนั่งเต็มงาน คนในห้างมามุงดูเต็มไปหมด มินตราและทีมงานยืนดูแลความเรียบร้อย ทุกคนปรบมือให้แฟรงกี้ เต้ยเดินออกมา ทุกคนปรบมือให้เต้ย แฟรงกี้เดินกลับเข้าไป เต้ยเดินมาโพสหน้าเวทีแทนแล้วเดินกลับเข้าไป สักพักพีทก็เดินออกมาด้วยมาดแมนเท่สุดๆ สาวๆที่มุงดูงานและเด็กวัยรุ่นกรี๊ดลั่น ทุกคนในงานปรบมือให้พีท มินตรามองพีทด้วยสายตามีความหมายแล้วรีบเดินไปกระซิบวิมาดา
“พีทเรตติ้งดีมากเลยนะคะ มินว่าเซเลบปกหน้าเอาพีทขึ้นดีมั้ยคะ”
“เดี๋ยวเอาไว้ให้ลูกจันตัดสินใจแล้วกัน เค้าเป็นบก.เซเลบ” วิมาดาพูดนิ่งๆ แต่ปรามให้มินตรารู้ในทีว่าอย่าก้าวก่ายหน้าที่ลูกจัน
มินตราจ๋อย “ค่ะ”
พีทเดินมาโพสหน้าเวทีอย่างเท่ๆ สาวๆ เด็กวัยรุ่นยังกรี๊ดลั่น ณัฐกับอิงอรนั่งมองอยู่มองพีทอย่างชื่นชม
“หล่อเท่อย่างนี้ไม่อยากเชื่อเลยนะคะว่าไม่แมน”
“เท่าที่เคยคุยพี่ว่าเค้าก็แมนนะ หนังสือพิมพ์อยากขายข่าวเลยสร้างประเด็นมาเขียนมากกว่า..พี่จะชวนเค้าขึ้นปกให้ไลม์ซักครั้ง”
“พี่ณัฐชวนตั้งหลายครั้งแล้วนี่คะเค้าไม่เห็นยอมซะที”
“เค้าไม่ยอมเพราะเกรงใจลูกจันเพื่อนสนิทเค้า..แต่พี่เชื่อว่าสักวันจะกล่อมให้เค้ายอมได้แน่ๆ”
ณัฐมองพีทยิ้มๆอย่างมีแผน
ก๊องติดเตาบาบีคิว ต๋อย แซนดี้ ติ๊ด และชินยกจานบาบีคิวกับครื่องดื่มมาตั้ง จุ้มจิ้มถือกีต้าร์ หนังสือเพลงมาวาง ลูกจันเดินตามมา
“พวกผู้ชายปิ้งนะ เตามันร้อนสาวๆ ปิ้งแล้วเดี๋ยวหน้าเสียหมด”
ต๋อยกับแซนดี้ยิ้มแฉ่ง
“ไม่กลัวผู้ชายหน้าเสียบ้างเหรอครับ”
“ผู้ชายหน้าหนาสะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบกกว่าผู้หญิงเยอะหน้าไม่เสียหรอก”
ก๊องมองลูกจันแล้วยิ้มขำแต่ไม่ถือเพราะโดนด่าจนชินแล้ว
“ทั้งทีมมีพี่ก๊องเป็นผู้ชายคนเดียวปิ้งคนเดียวแต่กินตั้งหลายคนจะทันได้ยังไง” ปีโป้มองจุ้มจิ้ม “ต้องให้ผู้หญิงที่ทำตัวเป็นผู้ชายช่วยปิ้งด้วย”
“เดี๋ยวจุ้มช่วยพี่ก๊องเองฮะ”
“ถึงจะทำตัวเป็นผู้ชายแต่ผิวพรรณจุ้มก็ยังบอบบางเป็นผู้หญิง..ให้ผู้ชายที่ทำตัวเป็นผู้หญิงช่วยจะถูกกว่าเพราะถึงจะมีจริตเป็นผู้หญิงแต่ผิวหน้าก็ยังหนาเป็นผู้ชาย..ปีโป้ ติ๊ด ชิน พวกเธอนั่นแหละที่ต้องช่วยพี่ก๊อง”
ติ๊ดกับชินรับคำ “ได้เลยค่า”
ติ๊ดกับชินวิ่งสาวแตกไปช่วยก๊องปิ้งบาบีคิว ปีโป้มองมาอย่างไม่พอใจ
ลูกจันมองตอบ พลางยิ้มเยาะอย่างไม่แคร์
พอลอยู่หลังพุ่มไม้เอากล้องใส่ขาตั้งแล้วตั้งไว้หลังพุ่มไม้นั้นก่อนจะส่องไปมุมหนึ่ง พอลมองผ่านเลนส์กล้องเพื่อดูเฟรมแล้วก็ยิ้มพอใจ พอลเปิดกระเป๋าหยิบไฟฉายมาเปิด แล้วหยิบเลนส์ในกระเป๋ามาเช็ดทำความสะอาด พอลมองผ่านเลนส์แล้วปรับหาโฟกัส
เฟรมภาพที่มองผ่านเลนส์กล้องกำลังหาโฟกัส สักพักก็โฟกัสที่พีทจับมือมองกวางด้วยสายตาหวานซึ้ง
“เราจะแต่งงานกันนะนางฟ้า” พีทพูด
กวางมองพีทน้ำตาคลอก่อนจะโผเข้ากอดพีทด้วยความรักสุดหัวใจ พีทกอดกวางอย่างรักสุดหัวใจเช่นกัน
ป้าอ้อยสั่ง “คัท”
“เช็คเทปถ้าเทปไม่มีปัญหาเลิกกองค่ะ” แนนบอก
พีทกับกวางผละออกจากกันแล้วก็ยิ้มมีความสุขที่จะเลิกกอง พีทเดินมาที่โต๊ะนักแสดง ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น พีทเห็นว่าเป็นเบอร์ป้าภา
“ว่าไงครับคุณป้าคนสวย”
“ป้าจะโทรมาถามว่ากลับดึกมั้ย”
พีทคิดแล้วก็โกหก “ดึกครับ..วันนี้รับสองจ็อบเพิ่งมาที่กองละครตอนเย็นอาจจะถ่ายถึงเช้า ป้าไม่ต้องรอนะครับ..รักป้านะครับ”
พีทวางสายจากป้าภา
“เทปโอเค..เลิกกองค่าา” แนนตะโกนบอก
พีทยิ้มดีใจแล้วก็กดโทรศัพท์หาใครบางคน เขาโทรติดแต่ไม่มีคนรับสาย พีทคิดแล้วรีบแกะกระดุมเสื้อ
พีทพูดกับทีมงาน “เอาเสื้อผ้าพี่มาให้หน่อยพี่จะเปลี่ยนตรงนี้”
“ค่ะ”
อาร์ตนั่งก้มหน้าก้มตาแต่งกลอนอยู่ที่โต๊ะทำงาน
“วันนี้ดวงจันทร์หายไปฉันใจหาย”
อาร์ตเคาะปากกาคิดแล้วก็สะดุ้งพร้อมรีบเก็บสมุดกลอนเมื่อมินตราเดินเข้ามา
“ทำอะไรอยู่จ๊ะ”
“เอ่อ...” อาร์ตอึกอัก “ทำงานพี่..โห..กำลังยุ่งเลยเนี่ย” อาร์ตแกล้งทำจับโน่นจับนี่แก้เก้อ
“พี่จะมาบอกว่าบอสชอบฉากที่อาร์ตทำมากเลยนะชมใหญ่เลยว่าอาร์ตเก่ง”
อาร์ตยิ้มดีใจ “เหรอครับ...ขอบคุณมากเลยพี่”
“มาทำงานที่ทีนคลับด้วยกันมั้ย พี่จะคุยกับบอสแล้วจะขอเพิ่มเงินเดือนให้อาร์ตเอง”
“ไม่ล่ะพี่ ผมอยากทำที่เซเลบ...ผมอยากทำงานกับพี่ลูกจัน”
มินตรามองอาร์ตอย่างเซ็งๆ
มินตราแกล้งยิ้มแย้ม “ไม่เป็นไรจ้ะ เปลี่ยนใจเมื่อไหร่บอกพี่ได้ทุกเวลานะจ๊ะ”
“ไม่เปลี่ยนใจหรอกพี่ ผมรักเดียวใจเดียว”
มินตรายิ่งอิจฉาลูกจัน “จ้ะ”
มินตรายิ้มให้อาร์ตแต่พอหันหลังให้ก็หน้าหงิกเพราะหงุดหงิดมากแล้วเดินออกไป อาร์ตไม่รู้ว่าที่มินตรามาชวนเพราะอยากแย่งคนของเซเลบจึงก้มหน้าก้มตาแต่งกลอนให้ลูกจันต่อ
“วันนี้ดวงจันทร์หายไปใจฉันหาย”
พระจันทร์ดวงกลมโตสวยงามอยู่บนฟ้า พีทขับรถมาจอดหน้าคอนโดแห่งหนึ่ง พีทมองคอนโดด้วยสีหน้ามีความหวังก่อนจะหยิบกล้องวิดีโอและกล่องเค้กแล้วเปิดประตูลงจากรถเดินเข้าคอนโดไป
ประตูคอนโดถูกเปิดออก ภายในห้องปิดไฟมืดแต่มีแสงลอดออกมาจากห้องนอน พีทเห็นไฟในห้องนอนเปิดก็ยิ้มดีใจ
“อยู่ที่นี่จริงๆด้วย” พีทบอก
พีทเปิดกล้องวิดีโอเตรียมถ่ายหน้าตอนคนรักเซอร์ไพรส์ ในขณะที่อีกมือจุดเทียนที่เค้ก
พีทบ่นพึมพำ “เค้าต้องเซอร์ไพรส์แน่”
พีทเดินเข้าไปในห้องนอนอย่างมีความสุข แต่แล้วเขาก็ต้องหยุดกึกเมื่อมองเห็นภาพชายคู่หนึ่งกำลังเปลือยกายนอนกอดก่ายกันอยู่บนเตียง พีทตกใจมาก น้ำตาของเขาเอ่อขึ้นมาทันที พีทที่น้ำตาคลอมองภาพนั้นอย่างมัวๆ ทุกอย่างพร่าเลือนไม่ชัด
พีทร้องลั่น “กรี๊ด....”
พีทหมดแรงทำเค้กกับกล้องร่วงลงพื้น โดยที่กล้องยังคงเรคคอร์ดอยู่ ผู้ชายคนหนึ่งเดินลงจากเตียง พีทเดินไปหาผู้ชายคนนั้น ทั้งคู่ทะเลาะและทำร้ายกันเริ่มจากพีทจะเข้าไปทำร้ายก่อนแต่สุดท้ายพีทกลายเป็นฝ่ายถูกกระทำ
ข้าวของในห้องแตกกระจาย พีทเดินไปหาผู้ชายคนที่สอง
“แกมายุ่งกับเค้าทำไม” พีทถาม
ผู้ชายคนนั้นซึ่งก็คือแฟรงกี้เดินหนีพีทออกไปนอกห้องด้วยความตกใจและรู้สึกผิด ประตูห้องปิดตามหลังแฟรงกี้ เสียงตบต่อยเตะ เสียงข้าวของล้มโครมครามดังลั่น
ดวงดาวเต็มท้องฟ้า พอลกำลังนอนถ่ายภาพดาวอย่างมีความสุขท่ามกลางเสียงหรีดหริ่งเรไร ทันใดนั้นก็มีเสียงกีต้าร์ผสมเสียงเพลงดังเข้ามา
จุ้มจิ้ม ต๋อย และแซนดี้ร้องเพลง “ดอยเต่าบ้านเฮากันดาร หมู่เฮาจากบ้านไปหางานทำทำงานเสาะเบี้ยหาเงิน ลำบากเหลือเกินตากแดดหน้าดำทนเอาหนักเบาเช้าค่ำ ทนเอาหนักเบาเช้าค่ำ มันแสนชอกช้ำทำงานหาเงิน”
พอลหงุดหงิด “ทำไมส่งเสียงลั่นป่ากันอย่างนี้วะ”
พอลเดินออกจากป่าไปด้วยความหงุดหงิด
ณ ลานหน้าบ้านพัก บาร์บีคิวถูกปิ้งและกินไปเยอะแล้ว ทุกคนมีแก้วเครื่องดื่มเป็นของตัวเอง ก๊องใช้ช้อนเคาะขวดจาน ปีโป้นั่งไขว่ห้างดื่มและมองลูกจันด้วยความหมั่นไส้ จุ้มจิ้มเล่นกีต้าร์ ต๋อยกับแซนดี้ร้องเพลง ลูกจันนั่งโยกตามจังหวะเพลงอย่างมีความสุข ติ๊ดกับชินเต้นอย่างสนุกสนาน
“ไอ้หนุ่มดอยเต่า มันเศร้าหัวจอย กึ๊ดมากึ๊ดปอยมันน้อยจอยแต๊เล๊า แต่ก่อนบ้านเฮาดอยเต่าเมินมาลำบากนักหนาน้ำตาเฮาหลอย พอถึงหน้าฝน.....”
เจ้าหน้าที่เดินเข้ามา
“หยุดครับหยุด”
จุ้มจิ้มหยุดเล่นกีต้าร์ ทุกคนหยุดร้องเพลง
“มีอะไรเหรอคะ”
“มีคนร้องเรียนว่าพวกคุณส่งเสียงดังจนเค้าทำงานไม่ได้ครับ”
“ที่นี่มีแต่พวกเราบ้านพักก็ไม่มีคนอื่นเลย ใครคะที่ไปร้องเรียน”
“ตากล้องที่พักชายป่าโน่นน่ะครับ..เค้าบอกเสียงพวกคุณทำให้สัตว์เตลิดจนเค้าถ่ายรูปไม่ได้”
“ถ่ายรูปสัตว์ก็คงอยู่ในป่า..พวกเราไม่ได้เสียงดังมากจนเสียงดังไปถึงในป่าหรอกค่ะ ตากล้องนั่นหาเรื่องพวกเราแล้วละ”
จุ้มจิ้มพูดกับลูกจันอย่างเกรงใจ “เอ้อ..พี่ลูกจันฮะที่นี่เงียบมากแล้วก็มีแต่เขาทำให้เสียงสะท้อนไปสะท้อนมา เป็นไปได้ฮะที่เสียงพวกเราจะดังเข้าไปในป่า”
“ไม่ใช่แค่เป็นไปได้แต่เป็นอย่างที่น้องว่าจริงๆครับ..เพื่อความสงบในการอยู่ร่วมกับคนอื่นและธรรมชาติ ขอความกรุณาพวกคุณอย่าส่งเสียงดังอีกนะครับ”
“ฮะ”
เจ้าหน้าที่เดินออกไป
ปีโป้เย้ยลูกจัน “ว้า.. วงแตกลย...ฮะๆๆ”
ลูกจันมองปีโป้อย่างไม่พอใจ ต๋อยกลัวมีเรื่องรีบพูด
“ความจริงเลิกเร็วก็ดีเหมือนกันนะคะได้รีบเข้านอนพรุ่งนี้ต้องตื่นมาทำงานกันแต่เช้า”
“จริงด้วยค่ะ..ช่างหน้าช่างผมนางแบบมาถึงตี 5..แซนดี้ว่าพวกเราไปพักผ่อนเถอะนะคะ”
ทุกคนแยกย้ายไปยกเว้นจุ้มจิ้มที่ยังอยู่กับลูกจัน
“ตากล้องที่ไปฟ้องเจ้าหน้าที่ต้องเป็นคนเดียวกับไอ้ตัวเหม็นที่เราเจอตอนบ่ายแน่ๆเลย...พี่จะไปด่ามัน”
จุ้มจิ้มดึงไว้ “เค้าถ่ายรูปอยู่ในป่าเราหาเค้าไม่เจอหรอกฮะ..ไว้ค่อยด่าพรุ่งนี้สะดวกกว่า”
ลูกจันถอนหายใจด้วยความหงุดหงิด
ประตูห้องที่ปิดอยู่ถูกเปิดออก พีทปากแตกหน้าเขียวมีสภาพเหมือนผ่านการถูกซ้อมอย่างหนักเดินร้องไห้โฮโซซัดโซเซออกมา
“ฮือๆๆ”
พีทหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาลูกจัน
“ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก”
พีทเก็บโทรศัพท์แล้วเดินโซซัดโซเซไปกดลิฟต์
พีทยังร้องไห้เสียใจ “ฮือๆๆๆ”
ลูกจันใส่ชุดนอนนั่งอยู่บนที่นอนดูไอแพดกับไอโฟนด้วยความหงุดหงิด จุ้มจิ้มที่อยู่ในชุดนอนอ่านหนังสือ “มีหมาเป็นผัวดีกว่ามีผัวหมาหมา”
“อะไรเนี่ย..ไม่มีสัญญาณซักกะขีด”
“อ่านหนังสือมั้ยฮะ จุ้มเอามาหลายเล่ม” จุ้มจิ้มบอก
“หยิบมาด่วน”
จุ้มจิ้มหยิบหนังสือมาให้ลูกจัน ลูกจันรับหนังสือมาเปิดเพื่อจะเริ่มอ่าน ทันใดนั้นไฟก็ดับพรึ่บ
ลูกจันร้องลั่น “กรี๊ดด”
จุ้มจิ้มเปิดไฟฉาย “ได้เวลาที่เจ้าหน้าที่ปิดไฟพอดี จุ้มเอาไฟฉายส่องให้อ่านมั้ยฮะ”
“ไม่ต้อง..ไม่อ่งไม่อ่านมันแล้ว”
ลูกจันวางหนังสือล้มตัวลงนอนอย่างหงุดหงิด จุ้มจิ้มมองลูกจันแล้วก็ยิ้มขำปิดไฟฉายแล้วนอนตาม
พอลที่นั่งอยู่ในป่าถูกยุงกัด พอลเอามือปัดด้วยความหงุดหงิด เขานอนแผ่กลางดินอย่างหงุดหงิดแล้วก็ชะงักเมื่อได้ยินเสียงบางอย่าง พอลรีบลุกขึ้นหันไปดูเห็นดวงตาสีแดงของสัตว์ชนิดหนึ่งอยู่ในความมืด พอลค่อยๆขยับตัวไปหลบหลังพุ่มไม้แล้วหยิบมีดพกออกมา
สัตว์ตัวนั้นกระโดดออกมาทำให้เห็นว่าเป็นกระต่ายน่ารักตัวหนึ่ง พอลถอนหายใจโล่งอกก่อนจะเก็บมีดใส่ปลอกแล้วเดินออกมาจากพุ่มไม้ กระต่ายกระโดดออกไปทางที่จะออกจากป่า
พอลพูดกับกระต่าย “นั่นมันทางไปข้างนอก...ป่าอยู่ทางนี้”
กระต่ายกระโดดออกไปทางนั้นอย่างรวดเร็ว
“ออกไปใครเจอเข้าเดี๋ยวก็โดนจับไปขายหรอก”
พอลรีบตามกระต่ายไป
กระต่ายกระโดดมาแถวบ้านพัก พอลตะครุบกระต่ายแต่พลาด กระต่ายกระโดดหนีไป พอลตาม กระต่ายกระโดดไปใต้โต๊ะที่ตั้งอยู่หน้าบ้านพักลูกจัน พอลตามกระต่ายขึ้นไปพอจะจับกระต่ายก็กระโดดหนีไปอีก พอลมองกระต่ายแล้วก็เริ่มจะหงุดหงิด เขาพุ่งตัวจับกระต่ายไว้อย่างรวดเร็ว เขาชนเก้าอี้ล้มระเนระนาดดังโครมคราม
“โอ้ยย”
พอลล้มลงแต่กอดกระต่ายไว้ในอ้อมแขนอย่างปกป้อง
ลูกจันกับจุ้มจิ้มที่นอนหลับอยู่ในบ้านได้ยินเสียงโครมครามก็สะดุ้งตื่นด้วยความตกใจ
“เสียงอะไรน่ะจุ้ม”
จุ้มจิ้มเปิดไฟฉาย
“เหมือนมีคนมาทำอะไรล้มหน้าบ้านน่ะฮะ”
ลูกจันร้อนใจ “ใครเป็นอะไรรึเปล่า..รีบไปดูเร็ว”
จุ้มจิ้มลุกพรวดส่องไฟฉายเดินนำ ลูกจันรีบเดินตาม
พอลกอดกระต่ายลุกขึ้นอย่างเจ็บปวด
“อู้ยย”
พอลได้ยินเสียงคนเปิดกลอนประตูก็มองที่ประตูด้วยความตกใจ
“มีคนอยู่”
พอลรีบลุกขึ้นเตรียมพร้อมยอมรับผิด ลูกจันกับจุ้มจิ้มเปิดประตูออกมาได้กลิ่นตัวพอลก็ชะงักกึก
“อื้อหือ..แค่ได้กลิ่นไม่ต้องส่องไฟก็รู้เลยว่าใคร” จุ้มจิ้มบอก
“ไอ้ตัวเหม็น..มาส่งเสียงเอะอะโครมครามอะไรตรงนี้หา!!”
ทั่วบริเวณมืดทำให้ลูกจันกับจุ้มจิ้มเห็นหน้าพอลไม่ชัด
“ผมบอกแล้วว่าไม่อาบน้ำเพราะต้องการกลมกลืนกับธรรมชาติไม่ต้องเรียกผมไอ้ตัวเหม็นให้มันทุเรศหูอย่างนั้นก็ได้”
“นายทำตัวทุเรศถูกเรียกแบบทุเรศๆก็สมควรแล้ว”
พอลแค้น “เสียดายที่ไม่รู้ว่าคนที่อยู่ในบ้านเป็นคุณไม่งั้นผมจะทำเสียงให้ดังกว่านี้อีกสักสิบเท่า..เอาให้ไม่ได้หลับไม่ได้นอนไปเลย”
“หนอย..ลองทำให้ฉันไม่ได้นอนดูสิ..รับรอง นายซวยแน่”
“หึ..ผมซวยตั้งแต่เจอคุณแล้วล่ะ” พอลว่า
พอลอุ้มกระต่ายเดินออกไป ลูกจันวิ่งตามพอลด้วยความโมโห
“แน่จริงอย่าหนีสิมามีเรื่องกันก่อน”
จุ้มจิ้มรีบวิ่งมาดึงลูกจันไว้
“มืดก็มืดทางก็รกอย่าเสี่ยงตามไปเลยฮะ”
ลูกจันมองตามพอลไปอย่างโมโห
พีทที่มีสภาพปากแตกหน้าตาเขียวช้ำเดินร้องไห้เสียใจเข้ามาในบ้าน พีทรู้สึกเจ็บหน้า เขาจับหน้าอย่างเบามือแต่ก็ต้องสะดุ้งเฮือกเพราะเจ็บมาก พีทรีบเดินไปที่ห้องน้ำ
พีทยืนส่องกระจกที่หน้าห้องน้ำพอเห็นหน้าตัวเองบอบช้ำไปทั้งหน้าก็ร้องไห้อย่างเจ็บปวดใจ
“ฮือๆๆ”
พีทร้องไห้โฮแล้วก็ทรุดตัวลงนั่งกับพื้นห้องน้ำอย่างหมดแรง
“ทำไมคุณทำแบบนี้..”
พีทร้องไห้เสียใจและเจ็บปวดใจ พอเห็นน้ำยาล้างห้องน้ำเขาก็ชะงัก
เวลาผ่านไป พีททิ้งขวดน้ำยาล้างห้องน้ำในมือลงบนพื้น ขวดน้ำยาล้างห้องน้ำหล่นลงกระแทกพื้นทำให้ขวดล้มลงนอนน้ำยาสีแดงในขวดไหลนองออกมาทันที
พีทเดินมาที่บันไดอย่างอ่อนแรงแล้วก็เริ่มปวดท้อง
“โอ้ย”
พีทเดินไปเกาะราวบันไดแน่นแล้วก็เหงื่อแตกพลั่กเพราะปวดท้องมาก เขาพยายามแข็งใจเดินขึ้นบันไดไป พีทเดินขึ้นไปได้ไม่กี่ขั้นอาการปวดท้องก็รุนแรงขึ้น
“โอ้ยย”
พีทกุมท้องตัวงอแล้วตกบันไดกลิ้งลงมานอนอยู่บนพื้น
ป้าภาที่นอนอยู่ได้ยินเสียงโครมครามก็ตกใจลืมตาขึ้น
“ขโมย!!”
ป้าภาคว้ารูปปั้นตุ๊กตาเซรามิกขนาดเหมาะมือที่วางโชว์ที่หัวเตียงมาแล้วเดินออกจากห้องไป
ป้าภาถือตุ๊กตาเซรามิกค่อยๆ ย่องมาที่บันไดแล้วกดสวิตช์ไฟให้สว่างพรึ่บ ป้าภาเห็นพีทนอนสลบอยู่ที่ตีนบันไดก็ตกใจมากจนตุ๊กตาร่วงจากมือแตกกระจาย
“พีท!!”
ป้าภารีบวิ่งลงบันไดเข้าไปใกล้ๆ ก็เห็นว่าพีทหน้าตาเขียวช้ำ ปากแตก น้ำลายฟูมปากก็ยิ่งตกใจมากจึงวิ่งเข้าไปเขย่าตัวพีท
“พีท..พีท..ตื่นสิพีท”
พีทนอนน้ำลายฟูมปากแน่นิ่งไม่ไหวติง ไม่รู้เป็นหรือตาย!!!
อ่านต่อหน้า 4
รักนี้เจ้จัดให้ ตอนที่ 1 (ต่อ)
ในเวลานั้น ศพของพีทนอนนิ่งบนตั่งกลางศาลา มีสำลีอุดจมูก ผ้าแพรห่มตัว มือข้างหนึ่งยื่นออกมาโดยมีพวงมาลัยอยู่ในมือ มีพานรองน้ำวางอยู่ ป้าภานั่งร้องไห้สะอึกสะอื้น ข้างๆ ตั่งมีขันน้ำและมีขันเล็กๆไว้ตักน้ำอยู่หลายใบ
พอลวิ่งหน้าตื่นเข้ามาในศาลาแล้วมองพีทด้วยความตกใจ
“พีท”
พอลวิ่งเข้าไปเกาะศพพีทแล้วก็น้ำตาไหลด้วยความเสียใจ
ป้าภาร้องไห้โฮ “พีทไม่อยู่กับเราแล้ว..พีทตายแล้ว...พีทตายแล้ว”
พอลก้มไปมองหน้าพีทอย่างไม่อยากเชื่อว่าพีทจากไปแล้ว พีทจับแขนพอล พอลสะดุ้งก้มลงมองแขน แล้วเลื่อนสายตาขึ้นไปดูหน้าพีท ทันใดนั้นพีทก็ลืมตาเบิ่งโพลงทันที
พอลที่ยังอยู่ในชุดเดิมสะดุ้งเฮือกตื่นขึ้นอย่างตกใจ
“พีท”
พอลตกใจมากกับฝันร้ายจึงนั่งตั้งสติคิดสักพักแล้วก็รีบลุกขึ้นคว้ากระเป๋ากล้องออกไปด้วยความร้อนใจ
พระอาทิตย์เพิ่งเริ่มขึ้น รถของพอลวิ่งมาตามถนนด้วยความรวดเร็ว พอลถือโทรศัพท์ที่ไม่มีสัญญาณ เขามองถนนขับรถอย่างรีบร้อนแล้วมองโทรศัพท์อีกครั้งก็เห็นว่ามีสัญญาณ เสียงว่ามีข้อความเข้าดังขึ้น พอลรีบจอดรถข้างทางด้วยความร้อนใจ เขาเห็นMiss called จากพีทหลายครั้ง และมีข้อความเสียงจากป้าภาฝากไว้ พอลกดฟังข้อความ
ป้าภาพูดด้วยความร้อนใจมาก “พอลรีบโทรกลับมาหาป้าด้วยนะ รีบโทรกลับมา”
พอลรีบกดโทรศัพท์หาป้าภาอด้วยความร้อนใจ
“ป้าภา..พอลเองครับ” พอลตกใจมาก “พีท??!
พอลวางสายจากป้าภาแล้วขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว
ลูกจันกับจุ้มจิ้มเดินมาที่ชายป่าที่พอลกางเต็นท์นอนซึ่งเหลือเพียงซากกองไฟ แต่เต็นท์และพอลไม่อยู่แล้ว
“เจ้าหน้าที่บอกว่าตากล้องตัวเหม็นนอนตรงนี้ทุกคืน” จุ้มจิ้มบอก
“เก็บของไปหมดเหลือแต่ซากกองไฟคงกลับไปแล้ว” ลูกจันแค้นมาก “คงรู้ตัวว่าจะโดนด่าเลยรีบหนีไป”
จุ้มจิ้มขำ “ตั้งแต่เกิดมาจุ้มก็เพิ่งเห็นพี่ลูกจันคนแรกนี่ละฮะที่ตื่นมาพร้อมด่าคนได้แต่เช้า”
ลูกจันบ่น “อดด่าจนได้...เจ็บใจจริงๆ”
ลูกจันเดินออกไป จุ้มจิ้มเดินตาม
เตนท์สีขาวไฮโซตั้งอยู่ ลูกจัน ต๋อย และแซนดี้นั่งหน้าโน๊ตบุ๊คที่ต่อสายมาจากกล้องของก๊อง นางแบบแต่งหน้าทำผมใส่ชุดสวยงามถือกระบอกน้ำไฮโซ ด้านหลังเป็นป่าสวย ช่างแต่งหน้ากับช่างทำผมยืนดูแลอยู่ห่างๆ ปีโป้พอยท์เท้าแล้วทำท่าดื่มน้ำ
“ดื่มน้ำสวยๆค่ะ”
นางแบบโพสตามปีโป้
ลูกจันตะโกนบอกปีโป้ “เชย..เป็นถึงสไตล์ลิสเซเลบคิดท่าให้มันเก๋กว่านี้ไม่ได้รึไง”
ปีโป้มองลูกจันอย่างไม่พอใจแล้วเปลี่ยนท่าใหม่ที่เก๋กว่า นางแบบโพสตาม
“โอเคซื้อ” ลูกจันบอก
จุ้มจิ้มเอาที่วัดแสงไปวัดแสงที่หน้านางแบบ
“แสงโอเคฮะ”
ก๊องถือกล้องรุ่นใหม่ราคาหลายแสนปรับโฟกัสแล้วกดชัตเตอร์ รูปที่หน้าจอโน๊ตบุ๊คปรากฏเป็นรูปวิวสวยมาก นางแบบโพสท่าสวยงาม แต่ลูกจันไม่พอใจ
“เฟรมแคบกว่านี้ค่ะ เอาคนไม่เอาวิว”
ก๊องพึมพำ “ไม่เอาวิวถ่ายในสตูก็ได้ไม่ต้องมาถึงนี่หรอก”
“บ่นไรคะพี่ก๊อง” ลูกจันถาม
“อ๋อ..พี่บอกว่าเน้นคนก็ดีครับเพราะวิวไม่ค่อยสวย”
ลูกจันมองก๊องอย่างไม่เชื่อ ก๊องปรับเฟรมให้แคบลงแล้วถ่ายนางแบบต่อ หน้าจอโน๊ตบุ๊คปรากฏภาพโคลสอัพแต่หน้านางแบบไม่เห็นวิวเลยแต่ลูกจันพอใจมาก
“สวยค่ะ..สวยมาก”
ที่ห้องสตูดิโอของมินตรา มินตรากำลังแต่งตัวอยู่หน้ากระจกที่มีเครื่องสำอาง ขวดน้ำหอมวางอยู่เต็ม เสียงมือถือมินตราดังขึ้น วิมาดาโทรเข้ามา
มินตราประจบสุดขีด “อรุณสวัสดิ์ค่ะบอส” มินตราตกใจมาก “อะไรนะคะพีทฆ่าตัวตาย”
วิมาดาที่อยู่ในชุดออกกำลังกายคุยโทรศัพท์ด้วยความร้อนใจ
“ตั้งแต่เมื่อคืน..นักข่าวบอกว่าคนที่โรงพยาบาลโทรมาบอกแต่ไม่รู้ว่าจริงมั้ยเพราะนักข่าวยังไม่มีใครเห็นพีทเลยว่าอยู่ที่โรงพยาบาลจริงรึเปล่า..ฉันโทรหาพีท โทรลูกจันแล้วแต่โทรไม่ติด เธอลองติดต่อคนในกองเซเลบดูซิเผื่อจะได้เรื่องบ้าง”
“ค่ะๆ..ได้เรื่องยังไงเดี๋ยวมินจะรีบโทรบอกนะคะ” มินตราวางสายจากวิมาดา “เพี้ยง..ขอให้เป็นแค่ข่าวลือเถ๊อะ..เสียดายความหล่อ”
มินตรากดโทรศัพท์หาปีโป้แต่ไม่มีสัญญาณ มินตราไม่รอฟังให้จบ เธอกดตัดสายทิ้งแล้วโทรหาต๋อยอย่างร้อนใจ
พีทที่หน้าตาเขียวช้ำอยู่ในชุดคนไข้นอนอยู่บนเตียง มีสายออกซิเจนติดตรงจมูก สายน้ำเกลือระโยงระยางมีเฝือกอยู่ที่ขา ป้าภานั่งข้างเตียงมองพีทด้วยความสงสารจนน้ำตาไหลพราก พีทค่อยๆรู้สึกตัวตื่นขึ้น ป้าภาปาดน้ำตาแล้วยิ้มดีใจ
“พีท”
พีทค่อยๆรู้สึกตัวตื่นขึ้นมองรอบๆตัวอย่างงงๆ ก่อนจะทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้น
“พีทยังไม่ตาย” พีทว่า
“ยังลูก” ป้าภาร้องไห้ด้วยความเสียใจ “มีเรื่องอะไรทำไมไม่บอกป้า ทำไมไม่ปรึกษาป้า ทำไมพีทถึงคิดสั้นอย่างนี้ลูก ทำไม”
พีทมองป้าภาอย่างรู้สึกผิดจนน้ำตาไหล
“พีทขอโทษครับ”
ป้าภาลูบหัวพีทอย่างอ่อนโยน “บอกป้ามาซิว่ามันเกิดอะไรขึ้น ใครทำพีท บอกป้ามาว่าพีทมีปัญหาอะไร”
พีทเบือนหน้าหนีป้าภาแล้วก็น้ำตาไหล
ณัฐนอนหลับอย่างสบายใจ เสียงเคาะประตูดังขึ้น ณัฐงัวเงียตื่นอย่างหงุดหงิดก่อนจะเดินไปเปิดประตูก็เห็นอาภรณ์ยืนอยู่
“ปลุกผมทำไมครับแม่”
“คุณสาโรจน์โทรมา บอกมีเรื่องด่วนแต่โทรเข้ามือถือลูกไม่ติดเลยโทรเข้าบ้าน”
ณัฐครุ่นคิดเพราะสงสัยว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
นักข่าวนั่งที่โถงหน้าลิฟต์ชั้นที่พีทพักนับสิบคน ประตูลิฟต์เปิดออกมินตราเดินออกมาจากลิฟต์แต่นักข่าวไม่สนใจมินตราเลย มินตราเดินไปที่เคาท์เตอร์พยาบาล
“คุณพยาบาลคะฉันมาขอเยี่ยมคุณ พีท ฤทธาเดชค่ะ”
“คุณพีทไม่ได้เข้ารับการรักษาที่นี่นะคะ” พยาบาลบอก
“แต่ข่าววงในบอกว่าคุณพีทมารักษาตัวที่นี่ คุณต้องให้ฉันเข้าเยี่ยมนะคะ เพราะฉันเป็นญาติคุณพีท”
“ถ้าคุณเป็นญาติโทรถามคุณพีทเองดีกว่าค่ะว่าเข้ารักษาตัวที่ไหน”
มินตราหน้าเจื่อน พยาบาลหันไปทำงานต่อ ประตูลิฟต์เปิดออก ณัฐเดินออกมา นักข่าววิ่งกรูไปถ่ายรูป แล้วสัมภาษณ์
“คุณณัฐมาเยี่ยมคุณพีทเหรอครับ..คุณพีทเข้ารักษาตัวที่นี่จริงๆใช่มั้ยครับ”
“ผมยังไม่ทราบรายละเอียดครับเลยมาดูให้เห็นกับตานี่ละว่าพีทฆ่าตัวตายอย่างที่เป็นข่าวรึเปล่า พี่ๆทราบมั้ยครับว่าพีทอยู่ห้องไหน” ณัฐถาม
“ได้ยินว่าอยู่ห้อง204ครับ แต่ยังไม่เห็นพีท แล้วก็ยังไม่เห็นใครเข้าออกห้องนั้นเลย ก็เลยไม่รู้ว่าพีทอยู่ห้องนั้นจริงมั้ย”
มินตราเห็นนักข่าวรุมสัมภาษณ์ณัฐก็เดินแทรกนักข่าวมาคุยกับณัฐเพราะอยากดัง อยากโดนถ่ายรูปและอยากโดนสัมภาษณ์
“คุณณัฐก็ทราบข่าวเหมือนกันเหรอคะ..เพิ่งเจอพีทเมื่อวานไม่คิดเลยว่าวันนี้พีทจะมีข่าวแบบนี้”
นักข่าวสนใจมินตราขึ้นมาทันที “เจอเมื่อวาน”
“ค่ะ..ดิฉันชื่อมินตราเป็น บก.นิตยสารทีนคลับ คุณพีทเพิ่งมาเดินแบบให้ทีนคลับเมื่อวานค่ะ” มินตราบอก
“แล้วคุณพีทมีท่าทีซึมเศร้าหรือบ่นว่ามีปัญหาชีวิตอะไรให้ฟังบ้างมั้ยคะ”
ณัฐมองมินตราอย่างไม่พอใจแล้วชิงตอบ “ไม่นะครับ..ในฐานะ บก.นิตยสารไลม์เมื่อวานผมก็ไปร่วมงานได้ดูคุณพีทเดินแบบเหมือนกันแต่คุณพีทก็ดูปกติดีนะครับ”
ลิฟต์อีกตัวเปิดออก พอลใที่ส่แว่นกันแดดเดินออกมาจากลิฟต์ ทุกคนหันไปมองแต่เห็นแค่ข้างหลังพอล
“คนอะไรตัวเหม็นเป็นบ้า” นักข่าวบ่น
พอลไม่สนใจ เขาเดินไปอย่างรีบร้อน
พอลยืนอยู่แถวประตูห้อง เขาถอดแว่นกันแดดมองพีทที่นอนหลับอยู่ในสภาพบอบช้ำอย่างเจ็บปวด พอลน้ำตาคลอ ป้าภาที่เพิ่งออกมาจากห้องน้ำเห็นพอลก็ดีใจมาก
“พอล”
พอลโผกอดป้าภา
“ป้าภา”
ป้าภาลูบหัวพอลด้วยความคิดถึง แล้วก็ชะงักนิดนึงเมื่อได้กลิ่นตัวพอลจึงผละออกมา
“พีทปลอดภัยแล้วลูกพีทไม่เป็นไรแล้ว” ป้าภาบอก
“เกิดอะไรขึ้นครับ ทำไมพีทคิดสั้น แล้วทำไมสภาพพีทถึงได้เละขนาดนี้”
“ถูกแฟนทำร้าย” ป้าภาบอก
“มันเป็นใครครับ”
“ป้าพยายามซักหลายรอบแล้วแต่พีทไม่ยอมบอกว่าเป็นใคร..บอกแต่ว่าเป็นผู้ชายหลอกลวง หลอกให้รักแล้วนอกใจ แถมยังหลอกเอาเงินพีทไปตั้ง 30 ล้าน”
พอลตกใจ “30 ล้าน”
พีทที่หลับอยู่ได้ยินเสียงป้าภาคุยกับพอลก็หันไปมอง
“ป้าคุยกับใครครับ” พอพีทเห็นพอลก็ดีใจมาก “พอล”
พอลนั่งข้างเตียงมองพีทด้วยความสงสาร
“ไม่ได้เจอกันสิบกว่าปีไม่คิดเลยว่าพอเจอกันจะเห็นนายในสภาพนี้” พอลว่า
“เราขอโทษที่ทำให้นายผิดหวัง..แต่ก็ไม่แปลกหรอกเพราะเราก็ทำให้ครอบครัวผิดหวังมาตลอดอยู่แล้วโดยเฉพาะพ่อ”
ป้าภากับพอลมองพีทด้วยความสงสาร
“เราบอกตั้งแต่นายหนีมาอยู่เมืองไทยกับป้าภาใหม่ๆว่าพ่อหายโกรธแล้ว แล้วก็ขอให้นายกลับไปอยู่กับพวกเราที่อเมริกาแต่นายก็ไม่ยอมไป”
“พ่อเป็นคนไล่เราออกจากบ้าน”
ภาพในอดีตตอนที่พ่อไล่พีทออกจากบ้านแวบเข้ามาในหัวของพีท ”ถ้าแกจะทำตัวแบบนี้ แกก็ไม่ต้องอยู่บ้านนี้” พ่อของพีทเสียงดัง
“คนที่ต้องขอให้เรากลับต้องเป็นพ่อไม่ใช่นาย” พีทบอก
“ป้าไม่เข้าใจพีทเลย กับคนอื่นพีทยอมให้เค้าทำร้ายได้ทั้งร่างกายทั้งจิตใจ แต่กับพ่อที่ให้กำเนิด ทำไมพีทถึงไม่ยอมอ่อนข้อให้บ้างล่ะลูก”
พีทร้องไห้ “ก็พีทมันเป็นลูกอกตัญญูนี่ครับ พีทไม่รักดี เป็นผู้ชายดีๆไม่ชอบ ทำให้อดีตนักการฑูตอย่างพ่อต้องอับอาย”
ป้าภามองพีทด้วยความสงสารจนน้ำตาคลอ
“พอนะลูกไม่พูดเรื่องนี้แล้ว ป้าขอโทษ”
พีทสะอื้นอย่างเสียใจ พอลมองพีทแล้วก็น้ำตาคลอไปพูดไป
“บอกเรามาว่าคนที่ทำให้นายเป็นแบบนี้มันเป็นใคร”
“ระหว่างเรากับเค้ามันจบไปแล้ว เราไม่อยากให้นายไปยุ่งเกี่ยวกับเค้าอีก” พีทบอก
“แต่มันทำร้ายนายแถมยังเอาเงินไป นายไม่อยากแก้แค้น นายไม่อยากได้เงินคืนเหรอ”
พีทเจ็บปวด “ไม่..เรารักเค้า รักเกินกว่าที่จะแก้แค้น”
พอลกับป้าภามองพีทอึ้งๆ
“ถ้าหมออนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาล เราจะพานายกับป้าภากลับไปอยู่อเมริกาด้วยกัน”
“เราไปไม่ได้...เราโง่เองที่คิดสั้นอยากตาย แต่ในเมื่อไม่ตายเราก็ต้องใช้ชีวิตต่อไป ป่านนี้นักข่าวคงตามข่าวกันใหญ่ว่าเราฆ่าตัวตายจริงรึเปล่า”
“เราเห็นนักข่าวเต็มหน้าลิฟท์ พวกเค้ามาตามข่าวนายนี่เอง”
“นี่ขนาดขอร้องทางโรงพยาบาลว่าให้เก็บเรื่องพีทเป็นความลับ นักข่าวยังรู้อีกเหรอ” ป้าภาว่า
“นักข่าวมีสายอยู่ทุกที่ยังไงก็ปิดไม่มิดหรอกครับ...แต่ตอนนี้เราต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อน” พีทบอก
ป้าภากับพอลมองพีทด้วยความสงสัย
พีทจ้องหน้าพอล “นายต้องปลอมตัวเป็นเรา”
พอลตกใจ
“เฮ้ยย..ให้เราปลอมเป็นนายเนี่ยนะ??”
พอลคิดภาพตัวเองใส่ชุดกระโปรง มีเฟอร์พันคอดูหรูหรากำลังยืนแต่งหน้าทาปากแดงที่หน้ากระจก คิดถึงภาพตัวเองในชุดหรูแต่งหน้าแน่น รองเท้าส้นเข็มสูงปรี๊ดกำลังเดินส่ายสะโพก ถือกระเป๋าแอร์เมสใบใหญ่เดินไปส้นสูงแล้วส้นก็ติดร่องถนน พอลพยายามดึงส้นสูงจนล้มลง
พีทจ้องพอลอยู่อย่างรู้ทันว่าพอลคิดอะไร
พีทระอาใจ “ไม่ขนาดนั้นพอล..เว่อร์ไป!!”
พอลจ๋อยที่คิดภาพโอเว่อร์เกินจริง แต่ก็ยังยืนยันจะไม่ยอมปลอมตัวเป็นพีท
พอลส่ายหัวอย่างจริงจัง “แต่ถึงยังไงเราก็ทำไม่ได้”
“ได้สิ..เราไม่เคยบอกใครว่ามีฝาแฝด ถ้านายปลอมเป็นเราแล้วไปแถลงข่าวทุกคนต้องเชื่อว่าเราไม่ได้ฆ่าตัวตาย..แล้วพอเรารักษาตัวจนหายเราก็จะกลับไปใช้ชีวิตได้เหมือนเดิม”
พอลพูดหน้านิ่งเสียงจริงจัง “ให้เป็นคนอื่นแทนตัวเอง เราเป็นไม่ได้หรอก..เห็นนายปลอดภัยเราก็สบายใจแล้ว” พอลหันไปบอกป้าภา “ผมขอไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนแล้วจะมาใหม่นะครับ”
พอลจะเดินออกไป
“พอล..ถ้าไม่ใช้วิธีนี้นักข่าวต้องขุดคุ้ยเรื่องเรา แล้วถ้าเค้าขุดจนรู้ว่าเราฆ่าตัวตายเพราะผู้ชาย อนาคตในวงการเราดับแน่ ช่วยเราหน่อยนะพอล” พีทขอร้อง
“พีท..หน้าตาเหมือนกัน ไม่ได้หมายความว่าเราจะแทนกันได้นะ เราทำไม่ได้จริงๆ”
พอลเปิดประตูเดินออกจากห้องไป ป้าภามองพีทด้วยความสงสาร พีทหน้าเครียด
นักข่าวก้มหน้าก้มตาเล่นไอโฟน ไอแพดอย่างเซ็งๆที่ต้องรอ ณัฐคุยโทรศัพท์กับสาโรจน์ ในขณะที่มินตราคุยโทรศัพท์กับวิมาดา
“ผมอยู่กับพี่ๆนักข่าวที่โรงพยาบาลครับพี่สาโรจน์” ณัฐบอก
มินตราพูดโทรศัพท์ “มินติดต่อใครที่เขาค้อไม่ได้เลยค่ะบอส..แต่นี่มินก็มารอตั้งนานแล้วยังไม่รู้เลยค่ะว่าพีทฆ่าตัวตายจริงรึเปล่า”
“บางทีอาจจะเป็นข่าวลือก็ได้นะครับ”
“รออีกสักพักถ้าไม่มีอะไรคืบหน้ามินจะเข้าออฟฟิศแล้วค่ะ”
พอลเดินออกมากดลิฟท์ แม้จะหันหลังให้นักข่าวแต่กลิ่นตัวก็โชยเข้าจมูกนักข่าว นักข่าวมองพอลด้วยความรังเกียจ ณัฐกับมินตราตั้งหน้าตั้งตาคุยโทรศัพท์จึงไม่สนใจพอล
ลูกจันและทีมงานย้ายกองมาตั้งอีกมุม
“แสงจะหมดแล้วเร่งมือหน่อย”
ปีโป้โพสให้นางแบบดูเร็วๆ นางแบบโพสตาม จุ้มจิ้มวิ่งไปวัดแสงอย่างรวดเร็วแต่กลับสะดุดสายกล้องล้มลง
“โอ้ย”
“เป็นไรรึเปล่าจุ้ม” ลูกจันถาม
“ไม่ฮะ สบายมาก”
จุ้มจิ้มรีบลุกวิ่งไปวัดแสงที่หน้านางแบบ
จุ้มจิ้มบอก “แสงได้”
ก๊องรัวกดชัตเตอร์อย่างบ้าคลั่ง
“แคบๆ บอกจนปากจะฉีกถึงหูแล้วนะคะพี่ก๊องว่าเอาคนไม่เอาวิว”
ก๊องถอนหายใจอย่างเซ็งๆ ก่อนจะซูมเข้าไปโคลสอัพหน้านางแบบ
ลูกจันชม “สวยเว่อร์”
นางแบบโพสอีกสองสามท่า
“พอแล้ว..เลิกกองได้”
ทุกคนเฮด้วยความดีใจ ลูกจันเดินไปหาเชอรี่
“เก่งมากค่ะน้องเชอรี่ ขนาดถ่ายแบบครั้งแรกยังลื่นขนาดนี้ แววดีมาก...เรียนจบแล้วมาขึ้นปกให้พี่อีกนะคะ”
“ยินดีเลยค่ะพี่ลูกจัน ขอบคุณนะคะที่ให้เชอรี่ได้มีประสบการณ์ครั้งแรกในชีวิต”
ลูกจันยิ้มหวานกับเชอรี่
ลูกจันพูดกับทีมงาน “เอ้า..เร้วว....เก็บของเลย จะได้ถึงกรุงเทพไม่ดึก”
ทุกคนรีบเก็บของอย่างรีบร้อน ลูกจันมองทุกคนที่ทำตามคำสั่งแล้วยิ้มพอใจ
พีทนอนดูทีวีรายการข่าวบันเทิงด้วยความโมโห ป้าภาที่นั่งที่โซฟาดูอยู่ด้วย
มินตรากับณัฐให้สัมภาษณ์ที่หน้าลิฟท์โรงพยาบาล
“เพิ่งเจอพีทเมื่อวานไม่คิดเลยว่าวันนี้พีทจะมีข่าวแบบนี้”
นักข่าวสนใจมินตราขึ้นมาทันที “เจอเมื่อวาน”
“ค่ะ..ฉันชื่อมินตราเป็น บก.นิตยสารทีนคลับคุณพีทเพิ่งมาเดินแบบให้ทีนคลับเมื่อวานค่ะ”
“แล้วคุณพีทมีท่าทีซึมเศร้าหรือบ่นว่ามีปัญหาชีวิตอะไรให้ฟังบ้างมั้ยคะ” นักข่าวถาม
ณัฐมองมินตราอย่างไม่พอใจ
ณัฐชิงตอบ “ไม่นะครับ..ในฐานะ บก.นิตยสารไลม์เมื่อวานผมก็ไปร่วมงานได้ดูคุณพีทเดินแบบเหมือนกันแต่คุณพีทก็ดูปกติดีนะครับ”
พีทมองมินตรากับณัฐแล้วก็โมโห
“อาศัยข่าวคนฆ่าตัวตายพีอาร์หนังสือตัวเอง เลวจริงๆ” พีทว่า
ป้าภามองพีทด้วยความสงสารแล้วจู่ๆพีทก็ปวดท้องกุมท้องจนตัวงอ
“โอ้ยย”
ป้าภารีบลุกมาหาพีท “เป็นอะไรลูก”
“ปวดท้องครับ..ปวดมาก”
ป้าภามองพีทอย่างร้อนใจรีบกดสัญญาณเรียกพยาบาล
“มีอะไรให้ช่วยคะ” พยาบาลถาม
“คนไข้ปวดท้องมากรีบเข้ามาดูหน่อยค่ะ”
“ค่ะ”
ป้าภามองพีทอย่างร้อนใจ
พยาบาลเปิดประตูเข้ามาจับบริเวณท้องของพีท พีทนิ่วหน้าและมีท่าทางปวดมาก
“อาจจะเป็นผลจากสารเคมีที่คุณดื่มเข้าไป..คุณหมอสั่งไว้แล้วว่าถ้าคุณมีอาการปวดท้องให้พาลงไปตรวจที่ห้องอัลตร้าซาวน์”
“นักข่าวเต็มเลยไม่ใช่เหรอ ออกไปจากห้องนี้ทุกคนต้องรู้น่ะสิว่าผมฆ่าตัวตายจริงๆ” พีทบอก
“แต่เราไม่มีทางเลือกนะคะยังไงฉันก็ต้องพาคุณออกไป”
“ผมไม่ไป ยังไงผมก็ให้ใครรู้ไม่ได้ว่าผมคิดสั้น”
ป้าภาคิด “ไปเถอะพีท..ป้ามีวิธีที่จะทำให้พีทรอดจากนักข่าว”
พีทมองป้าภาด้วยความสงสัย
พยาบาลกดลิฟต์รออยู่ ป้าภาใส่หน้ากากปิดปากปิดจมูก ใส่หมวกเหมือนหมอผ่าตัดเดินเข็นพีทที่ใส่หน้ากากเอาผ้าห่มห่อหัว ปิดหน้าอีกชั้นจนเห็นแค่ลูกตา พีทกุมท้องมาอย่างเจ็บปวด พยาบาลเดินออกมารับพีทจากป้าภา นักข่าวเห็นมีคนท่าทางน่าสงสัยถูกเข็นมาก็วิ่งกรูเข้ามาดู
“คุณพีทรึเปล่าครับ”
“ขอดูหน้าหน่อยค่ะ”
“คนไข้กำลังป่วยหนักกรุณาอย่ารบกวนนะคะ” พยาบาลบอก
ป้าภารีบเดินเข้าลิฟต์ พยาบาลรีบเข็นพีทเข้าลิฟต์ นักข่าวรุมถ่ายรูปถ่ายวีดีโอ พยาบาลรีบกดปิดประตูลิฟต์
“ปิดหน้าปิดตาอย่างนี้พีทแน่ๆ” นักข่าวคนหนึ่งบอก
“คิดเหรอว่าทำแบบนี้แล้วจะหนีพวกเราพ้น” นักข่าวอีกคนว่า
“โทรบอกพวกเราที่เฝ้าชั้นอื่นว่ามีคนที่น่าสงสัยว่าเป็นพีทกำลังลงไป”
ทุกคนรีบกดโทรศัพท์โทรหาเพื่อนตัวเอง
ลิฟต์มาจอดที่ชั้น1 ประตูลิฟท์เปิดออก ป้าภา พีท พยาบาลที่อยู่ในนั้นเจอนักข่าวรุมถ่ายรูปแบบไม่ลืมหูลืมตา
“คุณคือพีท ฤทธาเดชใช่มั้ยครับ”
“ฉันต้องรีบพาคนไข้ไปตรวจ ขอทางหน่อยคะ” พยาบอลบอก
นักข่าวไม่ยอมหลบ
“ขอดูหน้านิดเดียวแล้วจะให้ไปนะครับ”
นักข่าวคนหนึ่งอาศัยจังหวะที่พีท ป้าภา พยาบาล กำลังให้ความสนใจกับนักข่าวเอีกกลุ่มอื้อมมือมาเพื่อจะกระชากผ้าห่มที่พันหัวพีทออก ก่อนที่มือของนักข่าวคนนั้นจะโดนผ้าห่ม พอลก็เอื้อมมาจับมือนักข่าวไว้ได้
“ผมอยู่นี่ครับ”
นักข่าวและทุกคนในที่นั้นตกตะลึงไปตามๆ กัน “พีท!!”
พอลที่ตอนนี้ตัดผม โกนหนวดจนหน้าใสปิ๊ง ใส่เสื้อผ้าสะอาดยืนอยู่ พีทกับป้าภามองพอลด้วยความดีใจสุดๆ
พอลยิ้มให้นักข่าวอย่างหวานหยดเพื่อให้ทุกคนเชื่อว่าเขาเป็นพีท
อ่านต่อตอนที่ 2