xs
xsm
sm
md
lg

อีสา รวีช่วงโชติ ตอนที่ 36

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


อีสา รวีช่วงโชติ ตอนที่ 36

ชายรวีสวมแหวนหมั้นให้แหวว แต่แหววหน้านิ่งไม่ยอมสบตาชายรวีตอบ แค่ยกมือไหว้พอเป็นพิธี ทันใดนั้นเอง เสียงเพลงร็อกก็ดังสนั่นขึ้นจากหน้าบ้าน และดังเข้ามาในห้องโถง ทุกคนตกใจ สันทนาเหลียวขับไปตามเสียง โกรธสุดขีด

“ใครเปิดเพลง” นายพลโทผุดลุกขึ้น “ขอประทานโทษครับ หม่อม” แล้วออกไปอย่างฉุนเฉียว
แหววตาวาว นึกเดาได้ ลุกพรวดตามออกไปทันที
“ยัยแหวว” เฉิดฉวีร้องเรียก แต่ลูกสาวไม่เหลียวหลัง
คนในงานมองตาม พากันชะเง้อชะแง้ งงๆ หม่อมพริ้มกับชายรวีลุกขึ้นยืนตาม
“อ้าว เจ้าสาวไปไหนเสียแล้วล่ะ ไม่แต่งแล้วรึ”
“แต่งสิคะ หม่อม...ยัยแหววคงไปทำธุระน่ะค่ะ” เฉิดฉวียิ้มเจื่อนๆ

ศิวพจน์เปิดเพลงดังลั่น แล้วเดินเข้ามา ทหารของสันทนาคุมอยู่โดยรอบ ศิวพจน์กำลังจะเดินไปที่ห้องจัดงานหมั้น
สันทนาออกมาเผชิญหน้ากัน สันทนาจำหน้าศิวพจน์ได้
“คุณพ่อ”
“อย่ามาเรียกฉันว่าพ่อ” สันทนาสั่งทหาร “เอามันออกไป”
“เดี๋ยวครับคุณพ่อ ฟังผมก่อน”
“ถ้าไม่เดินออกไปดีๆ ก็ลากมันออกไป”
ทหารกรูเข้าจับตัวศิวพจน์ แหวววิ่งออกมาตะโกนลั่น
“อย่านะ ปล่อยเขาเดี๋ยวนี้”
“ยัยแหวว”
“ปล่อยเดี๋ยวนี้นะคะ คุณพ่อ”
สันทนาพยักหน้าให้ทหารปล่อย
ศิวพจน์ดีใจ “แหวว”
แหววตบหน้าฉาดใหญ่ ศิวพจน์หน้าหัน “มาทำไม”
“ผมมาห้ามคุณ คุณจะแต่งงานกับใครไม่ได้ทั้งนั้น”
ผู้คนในห้องจัดงานเริ่มมามุงๆ แอบดูสถานการณ์หน้าประตู เฉิดฉวีรีบเข้าไปหาสันทนา
“ทำอะไรซักอย่างเถอะค่ะ คุณพี่ คนมองกันใหญ่แล้ว”
สันทนาเดินปึงปังไปลากแขนแหวว
“มานี่” สันทนาสั่งศิวพจน์ “แกก็เหมือนกัน ตามมา”

สันทนาลากแหววออกไป แหววขัดขืนโวยวายตลอดเวลา
“โอ้ย คุณพ่อ เบาๆ แหววเจ็บ”
สันทนาลากแหววไปห้องด้านหลังบ้าน ศิวพจน์ตามไป
พอเข้าห้องมาสันทนาจึงปล่อยแหวว มองหน้าสองคน
“เอ้า มีอะไรก็ตกลงกันซะ ต่อหน้าฉันนี่แหละ”
ศิวพจน์บอก “แหววจะแต่งงานกับคนอื่นไม่ได้ครับ คุณพ่อ เขาต้องแต่งงานกับผม ผมรักเขา เรารักกัน คุณพ่อไม่มีสิทธิ์แยกเราสามคนออกจากกัน”
“เท่านี้ใช่ไหม” สันทนาสั่งทหาร “เอามันออกไป”
“เดี๋ยวค่ะ คุณพ่อ” แหววคาใจหันมาทางศิวพจน์ “หมายความว่ายังไง เราสามคน”
“ผม แหวว แล้วก็ลูกของเราไง”
แหววตื้นตัน แต่สันทนาไม่สนใจ “ฉันไม่อนุญาต”
“คุณพ่อไม่มีสิทธิ์ค่ะ ทุกอย่างมันอยู่ที่แหวว...เธอยอมรับลูกในท้องของแหววแล้วหรือ พจน์”
“ผมยอมรับ ลูกของแหววคือลูกของผม...ตอนนั้นผมผิดเอง แต่ตอนนี้ผมรู้ตัวแล้ว ผมยอมรับผิดทุกอย่าง ผมจะไม่ทำให้แหววเสียใจอีก”
แหววน้ำตาคลอ “คนบ้า ทำไมเพิ่งจะมาบอกตอนนี้”
“ผมพยายามโทร.หาแหววทั้งคืน จนถึงเช้า แต่ไม่มีใครยอมให้ผมพูดกับแหววหลังๆ ผมโทร.มา โทรศัพท์ที่บ้านแหววก็ไม่มีสัญญาณ”
แหววหันขวับไปมองพ่อ สันทนายอมรับ
“พ่อทำเอง เพราะผู้ชายคนนี้ มันไม่ดีพอสำหรับลูกของพ่อ” สันทนาสั่งลูกน้อง “ลากมันออกไปทิ้งนอกไกลๆ แล้วอย่าให้มันเข้ามาที่นี่อีก”
แหววตกใจปนโกรธ “คุณพ่อ”
สันทนาจับแขนแหววไว้ ศิวพจน์ร้องโวยวายระหว่างที่โดนทหารลากตัวออกไป

สันทนาลากแหววกลับเข้าบ้านพาเดินไปในห้องพิธี พอดีกับเฉิดฉวีออกมาตาม
“เป็นไงบ้างคะ คุณพี่ ทางเจ้าบ่าวเขาถามกันใหญ่แล้ว”
“บอกเขาไปเลยค่ะ คุณแม่ ว่าแหววเลิก! แหววไม่แต่ง!”
สันทนาเสียงดัง “ไม่ได้! แกต้องแต่ง”
“แต่แหววท้องกับเขานะคะ คุณพ่อ ศิวพจน์เป็นพ่อของลูกในท้องแหวว”
สันทนาโกรธสุดขีด ตวาดดุท่าทีน่ากลัวมาก “ไม่ใช่! ลูกในท้องของแก คือลูกของคุณชายรวีช่วงโชติ รวีวาร คนเดียวเท่านั้น...เข้าไป กลับไปแต่งงาน!”
ทั้งแหววและเฉิดฉวีตกใจ ที่เห็นสันทนาโกรธจัด
ชายรวีออกมา “ขอประทานโทษนะครับ”
สันทนา เฉิดฉวี แหวว ตกใจ เฉิดฉวีหน้าซีดเผือด
“คุณชาย”
“ผมขอประทานโทษที่มาขัดจังหวะ พอดีหม่อมแม่ท่านค่อนข้างกังวล อยากทราบว่ามันมีปัญหาอะไร” ชายรวีมองหน้าทุกคน “มีอะไรหรือเปล่าครับ”
สันทนายิ้มกลบเกลื่อน “ไม่มีหรอกคุณชาย” ท่านนายพลโอบไหล่คุณชาย “ไปครับ เข้าไปทำพิธีต่อดีกว่าเดี๋ยวจะเสียฤกษ์ ไปลูก”
สันทนาดึงแหววไป เฉิดฉวียืนหน้าเสีย กังวลหนัก
“คุณชายได้ยินที่ยายแหววพูดหรือเปล่านี่ สาธุ ขอให้ไม่ได้ยินเถอะ เจ้าประคู้น”

พิธีแต่งงานดำเนินต่อไป แหววกับชายรวีหมอบอยู่ที่ตั่งรดน้ำสังข์ หม่อมพริ้ม คุณหญิงทั้งสี่ สันทนา เฉิดฉวี และญาติผู้ใหญ่ ทยอยกันมารดน้ำอำนวยพรบ่าวสาว

ในเวลาต่อมา ขณะแขกในงานกำลังรดน้ำสังข์อยู่นั้น หม่อมพริ้มนั่งอยู่กับลูกสาวทั้ง 4 ตรงโซฟารับรอง แอบซุบซิบกัน
หญิงจ้อยเอ่ยขึ้น “ตกลงมันเรื่องอะไรกัน แล้วไอ้หนุ่มนั่นเป็นใคร”
“พี่จะไปรู้หรือ หญิงจิ๋มแน่ะ สนิทสนมกับเขา รู้หรือเปล่า” หญิงศุภลักษณ์หันมาทางหญิงจิ๋ม
หญิงจิ๋มบอก “ไม่ทราบค่ะ พี่หญิง...แต่ท่าทางไม่ดีเลย ดูไม่น่าไว้ใจ”
“นั่นน่ะซี...แล้วดูเจ้าสาวซี ทำหน้าอย่างกับจะร้องไห้” หญิงใหญ่หันมาทางหม่อมพริ้ม “หญิง
ว่ามันชักจะยังไงๆพิกลนะคะ หม่อมแม่ งานนี้”
หม่อมพริ้มกลุ้มใจเหมือนกัน แต่พูดไม่ออก

อีกมุมหนึ่ง สันทนาและเฉิดฉวีหลบมานั่งด้วยกัน มองไปที่กลุ่มหม่อมพริ้มและเหล่าคุณหญิงที่มีสีหน้าสงสัยสุดๆ
“ทางฝ่ายชายเขาคงสงสัยแน่ๆ โชคดีนะว่าก๊กนี้เขาเป็นผู้ดีแท้ๆ เลยเงียบอยู่ได้ไม่อย่างนั้นยัยแหววโดนซักฟอกกลางงานแน่ๆ”
“พวกนั้นฉันไม่ห่วงเท่าไหร่หรอกค่ะ ห่วงแต่คุณชายรวีนั่นแหละ คุณพี่ว่าเขาได้ยินที่ยัยแหววพูดไหมคะ… เรื่องนั้น น่ะ”
สันทนามองไปที่ใบหน้านิ่งขรึมของชายรวี ชายรวีมองมาไม่ยิ้มตอบแววตาครุ่นคิด
สันทนาถอนใจอย่างกังวล “เดี๋ยวก็รู้”

หลังพิธีรดน้ำสังข์ ชายรวีและแหววนั่งอยู่ด้วยกันที่โต๊ะเขียนหนังสือ ต่อหน้านายทะเบียน
“ลงชื่อในทะเบียนสมรสด้วยครับ คุณสวาทโฉม”
แหววจับปากกา แล้วเหลือบมองหน้าพ่อ สันทนาจิกตาใส่ แหววเซ็น แล้วเมินหน้าไปอีกทาง
นายทะเบียนบอก “เชิญคุณชายครับ”
ชายรวีจับปากกา นิ่งอยู่ครู่หนึ่ง
สันทนากับเฉิดฉวีแอบจับมือกัน ลุ้นสุดขีด หม่อมพริ้มมองชายรวี แววตารักและห่วงใย พูดขึ้นด้วยเสียงเบาๆ อ่อนโยนเพียงคำเดียว
“ชาย”
ชายรวีมองหน้าหม่อม แลเห็นแววตาหม่อมพริ้มเหมือนจะบอกให้ยกเลิก
ชายรวียิ้มให้หม่อมพริ้ม สายตาบอกว่ารักและเคารพอย่างที่สุด แล้วจึงจรดปากกาเซ็นชื่อลงไป
สันทนาบีบมือเฉิดฉวี ทั้งสองแอบถอนใจยาว โล่งอก

หม่อมพริ้มถอนใจ หน้าเศร้า สงสารชายรวีจับใจ

ฟากสาอยู่ไม่สุข คิดแต่เรื่องงานแต่งงานชายรวี คอยถามใจสว่าง ที่นั่งช่วยงานอยู่ในร้าน
“แหม อยากเห็นจังเลย งานแต่งคุณชายรวีจะเป็นยังไง”
เพ็ญศรีพูดตัดรำคาญ “ก็คงใหญ่โตตามประสาเค้าล่ะคะ คุณสา”
“แต่เห็นหนูใจบอกว่า เขาจัดเล็กๆ ไม่เชิญใครเลยนี่ ใช่ไหม”
“เห็นอาจารย์บอกว่าหยั่งงั้นนะคะ”
สาเดินบ่นไปมา “ใจก็นะ จะเอาของขวัญไปให้ชายรวีก็ไม่บอกป้า จะได้ไปด้วย”
สาชะงัก เมื่อเห็นสายตาของใจสว่างและเพ็ญศรีมองมาที่หล่อนเหมือนเป็นตัวประหลาด
“อะไร มองทำไมกัน”
“คุณน่ะรักลูกเลี้ยงของคุณมากเลยนะคะ คุณสา ฉันว่ารักเท่ากับโสภิตพิไลเลยด้วยซ้ำ”
สาอึ้งนิดๆ แล้วเลยเดินหนีไปหลังร้าน แก้เก้อ
“ไปดีกว่า”
“อ้าว” เพ็ญศรีงง หันมาทางใจสว่าง “น้าพูดอะไรผิด”
ใจสว่างขำ “ไม่ผิดหรอกค่ะ คุณป้าคงอาย ที่น้าเพ็ญว่าคุณป้ารักคุณชายเท่าพี่โสภิต”
“ก็มันจริงนี่ ใจว่าแปลกไหมล่ะ”
ใจสว่างคิดถึงชายรวี ยิ้มละไม “ไม่เห็นแปลกเลยค่ะ อาจารย์เป็นคนดี เป็นคนน่ารักใครอยู่ใกล้ก็ต้องรักอาจารย์ทั้งนั้น”
เพ็ญศรีเอะใจในท่าทางของใจสว่าง ยังไม่ได้พูดอะไร

มีงานเลี้ยงฉลองแต่งงาน ตอนเย็น หวนเดินเข้ามาถามหม่อมพริ้มในห้อง หม่อมพริ้มอยู่ในชุดสบายๆ อยู่กับบ้าน นั่งซึมๆ อยู่
“ยังไม่แต่งตัวอีกหรือคะ หม่อม”
“ข้าไม่อยากไปเลย หวน ไม่ไปได้ไหม”

หวนมองอย่างเห็นใจ เข้าใจ และเป็นห่วง
 
อานต่อหน้า 2

อีสา รวีช่วงโชติ ตอนที่ 36 (ต่อ)

หญิงจ้อยแต่งตัวในชุดอยู่บ้านเช่นกัน เข้ามาคุยกับหม่อมพริ้ม

“หญิงก็ไม่ได้อยากไปเหมือนกันค่ะ แต่กลัวชายรวีจะเสียใจ”
“หญิงไปหน่อยเถอะ ไปเป็นเพื่อนน้อง...แต่แม่ขอพักดีกว่า แก่แล้ว ไปไม่ไหววันนี้ใจมันวับๆ ยังไงพิกล”
หญิงจ้อยลงนั่ง ปลอบ “คงจะเหนื่อยกระมังคะ หม่อมแม่เหนื่อยก็พักก่อนก็ได้ ไม่ต้องรีบไปหรอกค่ะ เราใช่คนใหญ่คนโตอะไรที่ไหน”

จู่ๆ สาก็เดินฉับๆ กลับออกมาจากด้านใน
“เพ็ญ ปิดร้านเลยดีกว่า”
เพ็ญศรีร้อง “หา”
“ฉันจะไปงานแต่งงานคุณชายรวี”
“แต่เขาไม่ได้เชิญคุณป้านะคะ คุณป้าจะเข้าไปในงานได้ยังไง”
“แหม เขากินเลี้ยงที่โรงแรมนะ หนูใจ ใครก็ไปได้ ป้าไม่ได้เข้าไปในงานซักหน่อย กะว่าจะไปแอบดูเท่านั้น”
“แต่ถ้าคุณหญิงเฉิดฉวีเห็นคุณเข้า เธอเล่นงานคุณแน่” สาหน้างอที่ถูกขัดใจ เพ็ญศรีสำทับ “ถ้าเกิดไปมีเรื่องกันในงานคุณชาย คุณไม่อายแย่หรือคะ”
สาคิดนิดหนึ่ง แล้วเดินไปปิดประตูร้านปึงปังเหมือนเด็กเอาแต่ใจเพ็ญศรีกับใจสว่างได้แต่อ่อนใจ

ที่ด้านหน้าทางเข้าของโรงแรมที่จัดงานเลี้ยงฉลองแต่งงาน ศิวพจน์ใส่หมวกใส่แว่นพรางตัวนั่งจิบเครื่องดื่มอยู่มุมห้องล็อบบี้ สายตาจับจ้องไปที่ทางเข้าตลอดเวลา
ศิวพจน์ เห็นสันทนากับเฉิดฉวีในชุดราตรีเดินควงคู่กันมา มีผู้ติดตาม 2-3 คน เดินตามห่างๆ ผู้ติดตามบางคนพกปืนสั้นไว้ที่เอว
ด้านหลังเป็นชายรวีในชุดสากลกับแหววในชุดเจ้าสาวสตล์ฝรั่งสีขาว ศิวพจน์ส่งสัญญานให้พนักงานโรงแรมคนหนึ่ง ถือถาดเครื่องดื่มเดินเข้าไปชนแหวว
“โอ้ย”
“ขอโทษค่ะ คุณผู้หญิง ขอโทษ”
แหววโมโห “เดินยังไงเนี่ยไม่ดูตาม้าตาเรือ”
“หนูทำน้ำหกโดนชุดคุณน่ะค่ะ เอางี้” พนักงานมองหน้าแหวว ส่งสายตา “คุณไปเช็ดที่ห้องน้ำทางโน้นก่อนนะคะ” แหววงง “นะคะ” พนักงานลดเสียงลง “คุณแหวว”
แหววเอะใจ ที่พนักงานรู้ชื่อเธอ สันทนาถามมา
“ตกลงยังไงลูก”
แหววตัดสินใจหันไปบอกเฉิดฉวี “แหววไปห้องน้ำก่อนดีกว่า คุณพ่อคุณแม่เข้างานไปก่อนนะคะ เดี๋ยวแหววตามไป” แล้วบอกกับพนักงาน “ห้องน้ำไปทางไหน พาไปสิ”
แหววเดินตามพนักงานไป เฉิดฉวีบอกสันทนา
“คุณพี่พาคุณชายเข้าไปที่งานก่อนก็ได้ค่ะ เดี๋ยวเฉิดรอลูกแหววเอง”
ชายรวีบอก “อย่าเลยครับ ท่านกับคุณหญิงเป็นผู้ใหญ่ เข้าไปก่อนดีกว่า ผมรอคุณแหววเอง”
สันทนายิ้มพอใจ “คุณชายเขาทำหน้าที่สามีที่ดี อย่าไปแย่งเขาหน้าที่เขาเลยค่ะ น้อง...ไปค่ะ .. ฝากด้วยนะ คุณชาย”
สันทนากับเฉิดฉวีเดินไป ชายรวียืนรอแหวว

แหววเดินตามพนักงานมา แล้วมีมือใครคนหนึ่งมาดึงเข้ามุมไป แหววตกใจ
“พจน์! มาทำอะไรที่นี่”
“มาหาแหววน่ะซี... ผมจะพาแหววหนีไปด้วยกัน”
“จะบ้าเหรอ”
“หรือว่าแหววอยากแต่งงานกับมัน”
แหววตอบทันที “ไม่”
“งั้นเราไปด้วยกัน... แหววรออยู่นี่นะ ผมจะไปเอารถมาจอดหน้าโรงแรมแล้วพอผมให้สัญญาน แหวววิ่งออกไปขึ้นรถข้างหน้า เราจะหนีไปด้วยกัน”
แหววพยักหน้า ศิวพจน์ดึงแหววมาจูบ แล้ววิ่งออกไปเร็วรี่

ชายรวียืนรอแหววนานแล้ว
สาเดินแอบๆ ทำตัวเนียนๆ เข้ามา มองหาทางไปห้องจัดเลี้ยง พอมองไป ก็เห็นชายรวีแต่งตัวหรูยืนอยู่ สาหยุดยืนดู ปลื้ม
“คุณชายของแม่ งามสง่าที่สุดเลย วันนี้”
สายืนมองเหมือนต้องมนต์ ชายรวีหันมา เห็นสา
“คุณสา”
สายิ้มดีใจ “คุณชาย”
“ไม่นึกว่าจะได้เจอคุณสาที่นี่ มาทำอะไรครับ”
“สามาหาคุณชายนี่ล่ะค่ะ อยากมาอวยพรให้มีความสุขมากๆ”
“ขอบคุณครับ... ความจริงที่ผมไม่ได้เชิญคุณสาเพราะว่า...”
“ฉันเข้าใจค่ะ ทั้งท่านสันทนาทั้งคุณหญิง คงไม่มีใครอยากเห็นหน้าฉันเท่าไหร่แล้วคุณชายมายืนทำอะไรตรงนี้คนเดียวล่ะคะ เป็นเจ้าบ่าวแท้ๆ”
ชายรวียิ้มขำ “ยืนรอเจ้าสาวครับ คุณแหววเข้าไปห้องน้ำตั้งนานแล้ว เอ...ทำไมยังไม่ออกมาอีก” คุณชายนึกห่วง “มีปัญหาอะไรหรือเปล่า”
“ฉันไปดูให้เอาไหมคะ ฉันเป็นผู้หญิงด้วยกัน น่าจะสะดวกหน่อย”
“ดีเลยครับ งั้นผมรบกวนหน่อยนะครับ”
สาเดินออกไป
ที่ด้านหน้า ตรงประตูทางเข้าล็อบบี้ ศิวพจน์เดินเข้ามา ยืนพิงเสารอ
ส่วนที่มุมลับทางไปห้องน้ำ แหววแอบอยู่ ลุ้นสุดขีด เมื่อชะโงกหน้าออกมามองก็เห็นศิวพจน์มารอ พอมองไปที่ชายรวีก็เห็นว่ายืนอยู่ โดยไม่ได้มองมาทางตน
แหววตัดสินใจเดินแกมวิ่งออกไปพอดีสวนกับสาที่เดินมาพอดี
“คุณแหวว!”
“แก!” แหววตกใจ
เสียงสาและแหววทำให้ชายรวีหันมา แหววตัดสินใจผลักสาเซไป แล้วรีบวิ่งไปหาศิวพจน์ที่ทางออกด้านหน้า / ชายรวียืนงง ทำอะไรไม่ถูก

ขณะเดียวกันนั้น สันทนา เฉิดฉวี กับคณะผู้ติดตาม ที่เดินกลับออกมาดู เห็นเข้าพอดี
“คุณพี่ นั่นมัน...”
สันทนาสั่ง “เฮ้ย จับตัวมันไว้”
คณะผู้ติดตามวิ่งไปอย่างเร็วรี่ แหวววิ่งไปถึงตัวศิวพจน์ทั้งสองวิ่งออกไปถึงบันไดทางเข้า พร้อมๆ กับที่คณะผู้ติดตามเข้าไปถึงตัวศิวพจน์
ศิวพจน์กับแหววจับมือกันแน่น แหววเอาตัวเองกันศิวพจน์
“พวกแกอย่าเข้ามานะ...คุณพ่อ สั่งให้พวกนี้ถอยไป”
สันทนาไม่สน ลุแก่โทสะ “จับมันให้ได้...แหวว ออกมาเดี๋ยวนี้”
“ยัยแหวว เชื่อพ่อเค้านะลูก ออกมา”
แหววไม่สน คณะผู้ติดตามชักปืนออกมาขู่ ชายรวีเป็นห่วง รีบวิ่งเข้าไป สาชะเง้อชะแง้ด้วยความเป็นห่วง

ศิวพจน์กับแหววอยู่ท่ามกลางวงล้อม คณะผู้ติดตามหลอกล่อจนแยกตัวแหววออกมาได้ ชายรวีรีบเข้าไปดึงไว้
“คุณแหวว อย่าครับ...มันไม่ปลอดภัย” ชายรวีพูดเป็นนัย
แหววไม่สนใจ ดิ้นพราดๆ จะไปช่วยศิวพจน์ที่โดนรุมจับ ชายรวีล้อกตัวเอาไว้
ทางฝ่ายของสันทนาไม่ได้ใช้อาวุธ เพราะไม่ต้องการทำร้ายถึงชีวิต
ศิวพจน์ต่อสู้สุดท้าย ศิวพจน์แย่งปืนมาได้ เล็งไปที่ชายรวีที่จับแหววอยู่
“ปล่อยแหววมาเดี๋ยวนี้”
ศิวพจน์ยิงขู่ขึ้นฟ้า 1 นัด ผู้คนทั้งโรงแรมแตกตื่น สาที่แอบอยู่ตัวสั่นด้วยความกลัว
“คุณชาย... อย่านะ อย่าทำอะไรเขานะ”
สันทนากับเฉิดฉวีตกใจ
“คุณพี่ ไปกันใหญ่แล้ว ทำอะไรซักอย่างซีคะ”
สันทนาเล็งแล หาทางเข้าไปกู้สถานการณ์ไม่ได้
ศิวพจน์สั่งชายรวี “ปล่อยแหววมานี่”
ชายรวีปล่อยแหววไป แหวววิ่งไปหาศิวพจน์ กอดกัน พริบตานั้น ลูกน้องของสันทนาเข้าประชิดตัว ศิวพจน์ศิวพจน์ต่อสู้ ทำให้กระแทกแหววกระเด็นตกบันไดไป
“ลูกแหวว”
“คุณแหวว”
ชายรวีตกใจมากโถมตัวจะไปรับตัวแหววไว้ แต่ไม่ทัน แหววล้ม ร่างกระแทกเข้ากับขั้นบันไดปูนเต็มแรง
แหววร้องอย่างเจ็บปวด “โอ๊ย”
ศิวพจน์แย่งปืนกันลูกน้องสันทนา แล้วปืนลั่น ปากระบอกปืนลั่นออกมาโดนชายรวี ที่กำลังพุ่งตัวไปหาแหววพอดี เข้าที่สำคัญ ชายรวีร่วงลงกับพื้น เลือดกระฉูด
สาวิ่งออกมาด้วยความลืมตัว “คุณชาย... คุณชายลูกแม่”
สาวิ่งเข้าประคองชายรวี
เฉิดฉวีกับสันทนาไม่ทันสนใจสา ต่างพุ่งเข้าไปหาแหวว
“แหวว... ลูก เป็นยังไงบ้าง...” เฉิดฉวีกรี๊ดสุดเสียง
“อะไรคะ น้อง”
“เลือด... เลือดทั้งนั้นเลย”
สันทนามองไปพบว่ากระโปรงสีขาวของแหวว เปื้อนเลือดแดงฉาน แหววหน้าซีด หมดสติ ตัวอ่อนอยู่ในอ้อมแขนของเฉิดฉวี
“เฮ้ย เรียกรถพยาบาลโว้ย”
สันทนาร้องสั่ง แล้วเพิ่งได้สติ เห็นสาประคองชายรวีที่เลือดไหลทะลัก ปากพร่ำเพ้อ
“คุณอุษา?”
“ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย ท่านคะ ช่วยคุณชายด้วย”
สันทนาสะดุดหู เขม้นตามองอาการคร่ำครวญ น้ำตานองหน้าของสา นึกแปลกใจนิดๆ

ร่างคุณชายรวีถูกเข็นมาตามทางเข้าโรงพยาบาล เข้าไปด้านใน ชายรวีหมดสติไปแล้ว สาตามดูด้วยความเป็นห่วง จนพยาบาลเข็นเตียงเข้าไปในห้องฉุกเฉิน สาชะเง้อมองจนลับตา

อีกทางหนึ่ง แหววถูกเข็นมาที่ห้องฉุกเฉินเช่นกัน แหววยังมีสติอยู่ แต่ท่าทางเจ็บปวดมาก สันทนากับเฉิดฉวีตามดูแลด้วยความเป็นห่วง
“ทำใจดีๆ ไว้นะลูก อดทนไว้ ถึงมือหมอแล้ว”
“ช่วยลูกฉันด้วยนะคะ คุณหมอ ช่วยยัยแหววด้วย”
แหววถูกนำเข้าไปในห้องฉุกเฉิน
เฉิดฉวีกับสันทนาหันกลับมา เห็นสายืนชะเง้อชะแง้ห่วงใยอยู่
เฉิดฉวีแปลกใจ “นังอุษา?”
สาหันไปมอง เห็นเฉิดฉวีจิกตาใส่ ไม่อยากมีเรื่อง เลยเดินหลบออกไป เฉิดฉวีหันไปหาสันทนา
“แม่นั่นเขามาทำไมคะ”
“ก็มากับคุณชายรวีไง”
“ค่ะ เห็นแล้ว แต่ไม่เข้าใจ...มันเป็นแค่เมียบ่าวของท่านพ่อคุณชายไม่ใช่หรือคะ จะตามมาทำไมถึงนี่” เฉิดฉวีประชดอย่างหมั่นไส้ “แล้วดูทำท่าเข้าสิ เหมือนจะเป็นจะตาย นึกว่าตัวเองเป็นหม่อมแม่ของคุณชายหรือยังไง”

ในตอนค่ำ หม่อมพริ้มเดินเร่งร้อนเข้ามาในโถง โรงพยาบาล มีหญิงจ้อยประคองข้าง
“ไหนๆ ชายรวีอยู่ไหน”
“เขาว่าอยู่ที่ห้องฉุกเฉินค่ะ หม่อมแม่”
“รีบพาแม่ไป”

หม่อมพริ้ม หญิงจ้อย เดินมาถึงหน้าห้องฉุกเฉิน พบกับหญิงโศภี หญิงศุภลักษณ์ และหญิงจิ๋มเดินเข้ามาจากอีกทางหน้าตาแตกตื่น โดยเฉพาะหญิงรอง
“หม่อมแม่ขา”
“หญิงรอง...เห็นชายรวีไหม น้องเป็นยังไงบ้าง”
“คุณหมอเอาเข้าห้องฉุกเฉินไปแล้วค่ะ เห็นว่าถูกยิง คงจะต้องผ่าตัดค่ะ” หญิงศุภลักษณ์บอก
“โอ้ย คุณพระคุณเจ้า งานแต่งงานแท้ๆ มันเกิดเรื่องแบบนี้ได้ยังไง” หญิงจ้อยบ่น
“ลองถามสาดูซี สาเค้าอยู่ที่โรงแรมตอนนั้นด้วย” หญิงใหญ่หันไปเรียกสา “สา”
หม่อมพริ้มและคนอื่นๆ หันไป เห็นสานั่งเหม่ออยู่ บีบมือแน่นด้วยความเครียด ไม่ได้ยินเสียงเรียก
หม่อมพริ้มเดินเข้าไปหา
“อีสา”
สาสะดุ้งสุดตัว พอเห็นหม่อมพริ้มก็รีบลุกขึ้นไหว้
“หม่อม” สาหันไปไหว้คุณหญิงทุกคน “คุณหญิง”
หม่อมพริ้มมองดูสา เห็นเสื้อเปื้อนรอยเลือดจึงถาม “เอ็งอยู่กับชายรวีตอนที่เขาโดนยิงรึ”
“ค่ะ หม่อม”
“เอ็งไปทำอะไร”
“สาไปแอบดูคุณชายค่ะ อยากเห็นตอนเธอแต่งงาน พอไปถึง ก็เห็นเขามีเรื่องกัน...คนรักเก่าของคุณแหววเขาจะเอาตัวคุณแหววไป คุณสันทนาไม่ยอม เลยให้ลูกน้องจับตัวไว้ เขาแย่งปืนกัน แล้วปืนลั่น เลยมาโดนคุณชาย...โดนจังๆ เลยค่ะ หม่อม” สาจะร้องไห้เป็นห่วงลูก “เลือดออกเต็มเลย”
หม่อมพริ้มหน้าเสีย หญิงโศภาดุ
“พอแล้วสา จะเล่าให้มันน่ากลัวทำไม หม่อมแม่ตกใจหมดแล้ว เห็นไหม”
“เออนี่ แล้วเห็นที่โรงแรมเขาว่า เจ้าสาวก็บาดเจ็บ เข้าโรงพยาบาลด้วย ยัยแหววเขาโดนยิงด้วยเหรอ” หญิงจิ๋มถาม
“เปล่านี่คะ คุณหญิง คุณแหววแกเป็นอะไร สาเองก็ไม่ทันได้ดู แต่คุณแหววไม่ได้โดนยิงแน่ๆ ค่ะ”
หญิงจิ๋มแปลกใจ แหววเป็นอะไร

หมอที่ดูแลแหววเดินออกมาห้าห้อง บอกกับสันทนากับเฉิดฉวีที่รออยู่
“คนไข้อาการหนักอยู่ครับ รกเกิดลอกตัวออกมา เป็นผลจากการกระแทก ทำให้เลือดไหลออกมามาก ผมคงจะต้องผ่าตัด เพื่อเอารกออกกับเด็กในท้องออก”
“หมายความว่า...เด็กไม่รอด”
หมอถอนใจ “ทารกในครรภ์อายุสี่เดือนเท่านั้นครับ ถ้าซักห้าหกเดือนอาจจะรอดแต่นี่...หมอเสียใจด้วย”
“ค่ะ ฉันเข้าใจ ยังไงขอให้ยัยแหววปลอดภัยก็พอค่ะ”

หมอพยักหน้ารับคำ แล้วเดินออกไป สันทนากับเฉิดฉวีหน้าเศร้า

 
อานต่อหน้า 3

อีสา รวีช่วงโชติ ตอนที่ 36 (ต่อ)

บริเวณที่นั่งรอแถวหน้าห้องฉุกเฉิน ทุกคนกระสับกระส่ายรอฟังอาการของชายรวีอยู่ตรงนั้น พอเห็นพยาบาลเดินออกมาทุกคนก็กรูเข้าไปหา สาชะเง้อฟังอยู่วงนอกสุดด้วยความเจียมตัว

“เป็นยังไงบ้างคะ คุณ” หม่อมถาม
“คนไข้ถูกยิงเข้าที่ท้องค่ะ ต้องผ่ากระสุนออก แต่คนไข้จะต้องเสียเลือดมากแล้วบังเอิญว่าทางโรงพยาบาลของเรา ไม่มีเลือดเพียงพอ”
หม่อมพริ้มไม่ค่อยเข้าใจนัก หันไปถามคุณหญิงศุภลักษณ์ “ยังไงนะ หญิง”
“ชายรวีต้องการเลือดค่ะ หม่อมแม่ แต่ทางโรงพยาบาลเค้าไม่มีเลือดที่ตรงกับชายรวี”
หญิงจ้อยบอก “เอาเลือดของพวกเราได้ไหม เลือดของชายรวีกรุ๊ปอะไรเหรอคะ”
“กลุ่มเลือดของคนไข้เป็นคือ เอบี เนกาทีฟ ค่ะ เป็นเลือดกลุ่มพิเศษที่หายาก คุณหมอเลยให้ดิฉันมาถามญาติ ว่ามีใครให้เลือดกับคนไข้ได้ไหม”
ทุกคนมองหน้ากันไปมา สายืนงงๆ แต่ก็ลุ้นไปด้วย
“ในบรรดาพวกเรา มีใครมีเลือดกลุ่มนี้ไหม” หญิงใหญ่ถามน้องๆ
คุณหญิงน้องทั้งสามส่ายหน้า หม่อมพริ้มใจเสีย สามองหน้าทุกคนอย่างคนไม่ค่อยรู้เรื่องนัก
“ยังไงนะคะ คุณหญิงจ้อย ไม่มีใครให้เลือดคุณชายได้เลยหรือคะ”
“พวกเราไม่มีใครมีเลือดกลุ่มเดียวกับชายรวีเลย สา” หญิงจ้อยบอก
หญิงจิ๋มพูดแม้เสียงไม่ดังนัก แต่ชัดเจน “ก็เราเป็นพี่น้องกับชายรวีจริงๆ ซะที่ไหนล่ะ”
หม่อมพริ้มดุสียงเข้ม “หญิงจิ๋ม นี่ไม่ใช่เวลาจะมาพูดเรื่องนี้นะ”
หญิงศุภลักษณ์นึกได้ “แต่หม่อมแม่คะ ที่น้องหญิงจิ๋มพูดก็ถูก...พวกเรากับชายรวีไม่ได้เป็นอะไรกัน แต่ว่า...สา...”
หญิงศุภลักษณ์มองไปที่สาหม่อมพริ้มเข้าใจ
“อีสางั้นหรือ หญิงรอง”
“ท่านพ่อไม่ได้มีเลือดกรุ๊ปนี้แน่ๆ หญิงจำได้ ถ้าอย่างนั้น ชายรวีจะไปเหมือนใคร...นอกจากสา”
ฟังหญิงรองว่า หม่อมพริ้มชั่งใจนิดหนึ่ง แล้วหันมาถามสา
“อีสา เอ็งพร้อมจะให้เลือดกับชายรวีไหม”
สาบอกทันที “ทุกหยดในตัวสาเลยค่ะ หม่อม ถ้าเลือดของสาช่วยคุณชายได้สาเต็มใจ”

สันทนากับเฉิดฉวีเดินออกมา เห็นพวกหม่อมพริ้มจับกลุ่มกันอยู่
เฉิดฉวีนึกได้ “ตายจริง มัวแต่ห่วงยัยแหวว คุณชายเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้นะคะ”
สันทนาเดินนำเข้าไปหาพวกหม่อมพริ้ม
สันทนาไหว้ “หม่อมมานานหรือยังครับ”
หม่อมพริ้มรับไหว้ “ก็สักครู่”
เฉิดฉวีถาม “คุณชายเป็นยังไงบ้างคะ ตอนนี้”
“หมอกำลังจะผ่าตัดเอากระสุนออกจ้ะ เฉิด...ตอนนี้ก็รอฟังข่าวกันอยู่”
“ข่าวอะไรจ๊ะ”
พยาบาลคนเดิมเดินกลับมา หน้าตาสดใส
“แน่ะ เขามาแล้ว” หญิงรองบอก
“ข่าวดีค่ะ คุณหมอตรวจแล้ว เลือดของคุณอุษากรุ๊ปเดียวกับคนไข้ สามารถให้เลือดได้ ตอนนี้หมอลงมือผ่าตัดแล้วค่ะ”
“โอ้ย หมดห่วงไปที” หญิงจ้อยหันมาทางหม่อมแม่ “ชายรวีปลอดภัยแล้วล่ะค่ะ หม่อมแม่”
ทุกคนโล่งใจ หม่อมพริ้มยิ้มออกมาได้เป็นครั้งแรก

เฉิดฉวีกับสันทนามองหน้ากัน แปลกใจนิดๆ เฉิดฉวีหันไปกระซิบถามสันทนา
“นังอุษาไปให้เลือดคุณชาย ทำไมต้องเป็นมันด้วยคะ”
“นั่นน่ะสิ พี่ก็แปลกใจ” สันทนาก็แปลกใจ

สานอนให้เลือดที่เตียงข้างๆ เป็นชายรวีนอนหน้าซีดขาวสาหันมองชายรวีด้วยความรัก
“ลูกจ๋าแม่ขอให้เลือดของแม่ ต่อชีวิตของลูก ขอให้เลือดทุกหยดของแม่ ปกปักรักษา ให้ลูกของแม่ปลอดภัยด้วยเถอะนะ”

หม่อมพริ้มนั่งรอฟังอาการ สีหน้าเหนื่อยล้า หญิงโศภีคอยพัดวีให้คนอื่นเฝ้าอยู่โดยรอบ หญิงจ้อยเดินมาบอก
“ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วค่ะ หม่อมแม่ ชายรวีปลอดภัยแล้ว ตอนนี้กำลังพักฟื้นอยู่”
หญิงจิ๋มหาวหวอดๆ “อีกนานหรอกค่ะ กว่าจะรู้สึกตัว หม่อมแม่กลับไปพักผ่อนก่อนดีกว่า”
หญิงศุภลักษณ์เห็นด้วย “ดีเหมือนกันนะคะ หม่อมแม่ นี่ก็ดึกมากแล้ว...พรุ่งนี้ค่อยมากันใหม่”
หม่อมพริ้มพยักหน้า ลุกขึ้น จะกลับ แล้วนึกขึ้นได้
“เออ จริงสิ เมื่อตะกี๊ก็มัวแต่ห่วงชายรวี ไม่ได้ถามไถ่เขาเลย ว่าลูกสาวคุณสันทนาเขาเป็นยังไงบ้าง”
“หญิงได้ยินพยาบาลพูดกันแว่วๆ ว่ายัยแหววก็ผ่าตัดด่วนเหมือนกันค่ะ แต่ไม่รู้ผ่าอะไร” หญิงจิ๋มว่า
หม่อมพริ้มถามลูกๆ
“จะมากจะน้อยเขาก็แต่งงานกับชายรวีแล้ว ไปถามไถ่เยี่ยมเยียนเขาสักหน่อยไหม หญิง เดี๋ยวเขาจะว่าได้ ว่าเราไม่มีน้ำใจ”

สันทนากับเฉิดฉวีมามาที่ห้องพัก เปิดเข้าไปก็พบกับแหวว ที่นอนแบบพักฟื้นอยู่บนเตียง
“เป็นยังไงบ้างลูก”
แหววลืมตาขึ้นมาอย่างอ่อนแรง
“คุณแม่” แหววมองสันทนา “คุณพ่อ...พจน์ล่ะคะ”
สันทนาชะงัก เมินหน้าหนีอย่างไม่พอใจ แหววร้อนใจ
“พจน์อยู่ไหนคะ คุณพ่อเอาพจน์ไปไว้ไหน” แหววพยายามพูดทั้งๆ ที่ไม่มีแรง “คุณพ่อ อย่าทำอะไรพจน์นะคะ...แหววขอ นะคะคุณพ่อ”
เฉิดฉวีสุดจะทน เผลอดุลูกเสียงดัง
“พอเถอะยัยแหวว ไม่ใช่เพราะไอ้ศิวพจน์นี่หรอกเหรอ ตัวเองถึงได้ตกเลือดปางตายอยู่เนี่ย”
แหววแก้ต่าง “เขาไม่ได้ตั้งใจ ที่เขาทำไป เพราะคุณพ่อจะให้แหววไปแต่งงานกับคุณชาย”
“แล้วทำไมมันไม่คิดจะแต่งงานกับแกตั้งแต่ต้น! ถ้ามันดีจริง แกคงไม่ต้องอุ้มท้องกลับมาเมืองไทย พ่อคงไม่ต้องไปหาใครมาแต่งงานเพื่อรักษาหน้าแกจนมันวุ่นวายอย่างนี้”
หญิงจิ๋มเปิดประตูเข้ามา หน้าตาเอาเรื่อง “คุณสันทนาว่าอะไรนะคะ”
สันทนากับเฉิดฉวีตกใจ
“หญิงจิ๋ม”
หญิงจิ๋มเดินเข้ามากลางห้อง หม่อมพริ้มกับคุณหญิงอีกสามคนตามเข้ามา ทุกคนหน้าตาตึงเครียด
สันทนาพูดขึ้นเกรงๆ “หม่อม”
หญิงจิ๋มหยัน “ยัยแหววท้อง! เพราะอย่างนี้ใช่ไหมคะ ท่านนายพลกับคุณหญิงเฉิดฉวี ถึงต้องรีบจัดงานแต่งงาน จนเจ้าบ่าวแทบจะตั้งตัวไม่ทัน”
สันทนาพูดไม่ออก เฉิดฉวีหน้าเสีย แหววเชิดใส่ หม่อมพริ้มกับลูกๆ ไม่พูดอะไร

อีกมุมนอกห้องพักฟื้น หญิงจ้อยหน้าบึ้งตึง ถามเฉิดฉวี
“คุณแหววท้องกี่เดือนแล้วคะ”
เฉิดฉวีหน้าเจื่อน เมินๆไม่ตอบ
หญิงโศภีเสียงเข้ม “คุณหญิงเฉิดฉวีคะฉันถามว่าลูกสาวคุณท้องกี่เดือนแล้ว”
เฉิดฉวีจำใจบอก “สี่เดือนกว่าค่ะ”
หญิงศุภลักษณ์หน้าตึงไม่พอใจ “ก็แปลว่าคุณรู้ว่าคุณแหววท้อง ตั้งแต่ก่อนที่จะตกลงเรื่องการ
แต่งงาน”
หญิงจิ๋มเย้ยหยัน “ก็เพราะรู้น่ะสิคะ พี่หญิง ถึงต้องรีบหาคนมาแต่งงานกับลูกสาวเป็นการใหญ่ เลยมาย้อมแมวหลอกขายให้ชายรวี”
สันทนาทนไม่ไหว โต้ขึ้นมาบ้าง
“ขอโทษทีนะครับ ทุกท่าน ผมว่างานนี้ มันก็สมประโยชน์ด้วยกันทุกฝ่ายยัยแหววได้สามี คุณชายก็ได้วังคืนไป...แล้วจะว่าไป คุณหญิงจิ๋มกับคุณปวุตินั่นแหละ ที่ได้ประโยชน์มากกว่าใคร โดยไม่ต้องเสียอะไรซักอย่าง”
หม่อมพริ้มและคุณหญิงทุกคนหันขวับไปมองหญิงจิ๋มเป็นตาเดียว
เฉิดฉวีได้ที “ใช่ ถ้าคุณชายรวีไม่แต่งงานกับยายแหวว นึกเหรอ ว่าคุณสันทนาจะช่วยเธอเรื่องงานประมูล”
หม่อมพริ้มไม่พอใจ “จริงหรือหญิง”
หญิงจิ๋มเชิด ไม่แคร์ ไม่วายแขวะสองผัวเมีย “ค่ะ...แต่หญิงไม่ทราบนี่คะ ว่าลูกสาวคุณหญิงเฉิดฉวีจะเละเทะมาขนาดนี้”
เฉิดฉวีกับสันทนาไม่พอใจ แต่ทำอะไรไม่ได้
“ในเมื่อมันเป็นอย่างนี้ การแต่งงานก็ถือว่าเป็นโมฆะไปก็แล้วกัน” หญิงจ้อยว่า
หญิงศุภลักษณ์เห็นด้วย “พี่เห็นดีด้วย”
“ถ้าหากยกเลิกการแต่งงาน ทุกอย่างที่ผมตกลงไว้กับคุณชาย ก็ถือว่ายกเลิก” สันทนาจ้องหน้าหญิงจิ๋ม “รวมทั้งเรื่องประมูลงานของคุณหญิงด้วย”
หญิงจิ๋มแค้น “ฉันจะยุให้ชายรวีฟ้อง ว่าคุณหลอกลวงเอาให้มันดังไปทั้งเมืองเลย คอยดูซี”
หม่อมพริ้มที่ฟังอยู่เงียบๆ ทนไม่ไหว
“พอที! หยุดเถียงกันได้แล้ว” หม่อมมองจ้องสันทนา “คุณทำไม่ถูกนะ แต่ฉันก็เข้าใจ...คุณทำไปเพราะรักลูก ฉันไม่ว่าอะไร” ประมุขรวีวารมองคุณหญิงทุกคน “ส่วนเรื่องการแต่งงาน มันเป็นเรื่องของชายรวีเขา เพราะฉะนั้น เขาจะทำยังไงต่อไป ให้เขาเป็นคนตัดสินใจเอง”

หม่อมพริ้มสรุป ทุกคนเงียบไปทั้งแถบ

 
อานต่อหน้า 4

อีสา รวีช่วงโชติ ตอนที่ 36 (ต่อ)

ชายรวีได้สติฟื้นขึ้นมา พบว่าตัวเองอยู่ในห้องพักฟื้น มีสายน้ำเกลือและเลือดระโยงรยางค์ พยาบาลที่เฝ้าดูอยู่ยิ้มให้

“ฟื้นแล้วหรือคะ”
“ผมหมดสติไปนานแค่ไหนนี่” ชายรวีขยับตัว แล้วเจ็บแปล๊บ “โอ้ย”
“นี่จะเช้าแล้วค่ะ .. คุณหมอผ่าตัดเอากระสุนออกให้ คุณเสียเลือดเยอะ เลยหมดสติไปนานหน่อย”
ชายรวีรับรู้ “อ้อ ครับ”
พยาบาลช่วยปรับเตียงให้ชายรวี ชวนคุยไปด้วย
“เมื่อคืนตื่นเต้นกันแทบแย่ค่ะ ที่โรงพยาบาลไม่มีเลือดพอจะผ่าตัดคุณ เลือดกรุ๊ปเอบี เนกาทีฟ นี่หายากนะคะ พันคนจะมีซักคนนึง ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนบังเอิญมีเลือดกรุ๊ปเดียวกับคุณได้”
“ใครหรือครับ”
“คนที่มากับญาติของคุณน่ะค่ะ ชื่อคุณอุษา” พยาบาลบอกยิ้มๆ
“คุณอุษา?” ชายรวีแปลกใจ

เช้าวันต่อมา สากลับบ้านมานอนพักฟื้นอยู่บนเตียง ใจสว่างยกน้ำกับกาแฟขึ้นมาให้
“เมื่อคืนคุณป้ากลับดึกมากเลยนะคะ ใจรอไม่ไหว เลยเผลอหลับไปก่อน” เด็กสาวมองแขนสา เห็นสำลีแปะอยู่ “เอ๊ะ แขนคุณป้าไปโดนอะไรมาคะนั่น”
“ป้าไปให้เลือดมาน่ะจ้ะ” ใจสว่างแปลกใจ “เมื่อคืนนี้ คุณชายรวีถูกยิง”
ใจสว่างตกใจมาก “ตายจริง แล้วเป็นอะไรมากไหมคะ”
“ปลอดภัยแล้วจ้ะ”
“แล้วใครเป็นคนยิงคะ ทำไมถึงยิง”
สาตัดบทลุกขึ้น “เรื่องมันยาวน่ะ เดี๋ยวป้าอาบน้ำก่อน แล้วจะเล่าให้ฟัง...อ้อ ใจลงไปบอกน้าเพ็ญด้วย ว่าวันนี้ป้าไม่เปิดร้านล่ะนะ จะไปเยี่ยมคุณชาย ใจจะไปกับป้าก็ได้”
“ค่ะคุณป้า”

ขณะเดียวกันชายรวีนอนพักอยู่บนเตียง คิดถึงคำพูดของพยาบาล
“เลือดกรุ๊ป เอบี เนกาทีฟ นี่หายากนะคะ พันคนจะมีซักคนนึง ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนบังเอิญ มีเลือดกรุ๊ปเดียวกับคุณได้”
คำพูดของเจิมตอนหลง ที่เคยพูดเรื่องสามีลูกชายผุดซ้อนเข้ามาอีก ชายรวีรู้สึกสับสนในใจไปหมด
เสียงหม่อมพริ้มกับหวนเปิดประตูเข้ามา ชายรวีจึงตื่นจากภวังค์
“ชาย”
“หม่อมแม่”
“เป็นยังไงบ้างลูก”
“เจ็บแผลนิดหน่อยเท่านั้นครับ”
“ถือว่าฟาดเคราะห์ไปนะ”
หวนเอาหม้ออวยเล็กๆ วางลง
“น้าจวนทำข้าวยาคูมาให้คุณชายค่ะ อ่อนๆ รับทานง่าย คุณชายรับหน่อยไหมคะ”
“เอาไว้ก่อนเถอะจ้ะ พี่หวน ตอนนี้ยังตื้อๆ ไม่อยากกินอะไร.. หม่อมแม่มาพอดี ผมมีเรื่องสงสัย อยากจะถาม”
“อะไรลูก”
“คุณสาเขามีลูกชายใช่ไหมครับ”
หม่อมพริ้มกับหวนอึ้ง “ใครบอกชาย”
“เด็กคนนั้นเป็นใครครับ ตอนนี้อยู่ที่ไหน”
หม่อมพริ้มอ้ำอึ้ง พูดไม่ออก แล้วเดินหนีออกจากห้องไป
“พี่หวน”
หวนหน้าเสีย แล้วตามหม่อมพริ้มไป

เฉิดฉวีเดินมาพร้อมกับของเยี่ยมแหวว เห็นสาเดินมาพร้อมกับใจสว่าง ในมือของใจสว่างมีของเยี่ยมเช่นกันเฉิดวีหยุดเดิน เซ็ง
เฉิดฉวีบ่นกับตัวเอง “น่ารำคาญ ไปไหนก็เจอพวกเหลือบไรบินกันให้ว่อนไปหมด”
สากับใจสว่างเดินพ้นไป

สาเดินเลี้ยวมา พบกับหม่อมพริ้มเข้าจังๆ หม่อมพริ้มหน้าบึ้ง
“อีสา”
สาไหว้ทัก “หม่อม”
หม่อมพริ้มดึงแขนสา
“มานี่ เอ็งมาพูดกับข้าให้รู้เรื่อง”
หม่อมพริ้มดึงตัวสาไป ใจสว่างงงๆ จะตาม หวนดึงเอาไว้ ส่ายหน้าไม่ให้ตาม

หม่อมพริ้มดึงสามาที่มุมหนึ่ง เป็นมุมตึกลับตาคน
“เมื่อวานเอ็งบอกอะไรกับชายรวีหรือเปล่า”
“เปล่าเลยค่ะ หม่อมสาไม่ได้พูดกับคุณชายเลยซักคำ”
เฉิดฉวีเดินเข้ามาอีกด้านหนึ่ง ได้ยินเสียงสา ก็หยุดฟัง
“ตอนสาให้เลือด คุณชายไม่ได้สติ สาให้เลือดเสร็จก็กลับคุณชายก็ยังไม่ฟื้นเลยค่ะ” สาเห็นหม่อมหน้าเสีย “มีอะไรหรือคะ หม่อม”
“จู่ๆ ชายรวีก็มาถามข้า ถึงลูกชายของเอ็ง”
“ตายจริง แล้วหม่อมตอบไปว่ายังไงคะ”
เฉิดฉวีฟังด้วยสีหน้าแปลกใจ
“ข้าไม่รู้จะตอบยังไง ก็เลยเดินหนีออกมา” หม่อมออกอาการกลุ้มหนัก “ข้าไม่อยากโกหก แต่จะบอกความจริงมันก็กระไร”
“บอกไม่ได้นะคะ หม่อม แค่เรื่องโสภิตก็วุ่นวายพอแล้ว ถ้าคุณชายรู้ว่า คุณชายเป็นลูกของสา”
คำพูดสากระแทกเข้าที่หน้าเฉิดฉวีจังๆ คุณหญิงบ่าวตกใจสุดขีดอุทานออกมา
“อะไรนะ”
หม่อมพริ้มกับสาตกใจที่ได้ยินเสียง รีบออกไปดู เห็นเฉิดฉวียืนอยู่
“คุณหญิง!”
เฉิดฉวีมองหม่อมพริ้มอย่างอาฆาต แล้วเดินฉับๆ ออกไปทันที
“คุณหญิงคะ...หม่อม คุณหญิงเฉิดฉวีต้องได้ยินแน่ๆ จะทำยังไงดีคะ”
หม่อมพริ้มถอนใจ ไม่รู้จะทำยังไง

เฉิดฉวีเดินมาเห็นสันทนา ก็รีบเดินไปหา
“อ้าว น้อง ไปไหนมาคะ พี่เดินหาตั้งนาน”
“มานี่เลยค่ะ มาด้วยกัน เฉิดมีเรื่องสำคัญจะบอกคุณพี่”
เฉิดฉวีพาสันทนาเดินปรี่ไปที่ห้องของชายรวี

เวลานั้นใจสว่างยกถ้วยข้าวยาคูมาวาง ใจสว่างแจ่มใส ต่างจากหวนและชายรวีที่เหมือนมีอะไรกังวลในใจ
ใจสว่างบอกกับหวน “หน้าตาน่าทานจังค่ะ น้าหวน นี่เหรอคะ ข้าวยาคู”
“จ้ะ”
“หนูไม่เคยเห็นเลยค่ะสวยดี” ใจสว่างยกมาดม “หืมม หอมด้วย”
“ลองชิมดูก็ได้นะผมไม่หิวหรอก” ชายรวีนึกกังวล “พี่หวน หม่อมแม่ไปไหน”
หวนไม่กล้าตอบ ใจสว่างตอบแทน
“อ๋อ หม่อมท่านไปคุยธุระกับคุณป้าน่ะค่ะ ท่าทางจะเป็นเรื่องสำคัญ”
ชายรวีมองหน้าหวน
“เรื่องลูกชายของคุณอุษาใช่ไหม...มันมีความลับอะไรหรือครับ ทำไมทุกคนต้องปิดผม”
ใจสว่างงง “ลูกชายคุณป้า คุณป้าอุษามีลูกชายด้วยหรือคะ”
ประตูเปิดออก ทุกคนหันไป เห็นเฉิดฉวีกับสันทนาเข้ามา
“มีสิ ฉันเองก็เพิ่งรู้ ว่านังอุษาก็มีลูกชายกับเขาคนนึง”
สันทนางง “คุณไปเอามาจากไหน”

สาเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับหม่อมพริ้มเห็นเฉิดฉวีก็ชะงัก
“เฉิดได้ยินกับหูเลยค่ะ สองคนนี้ เขาคุยกันว่า นังอุษาเป็นแม่ของคุณชายรวี”
ด้วยชายรวีสังหรณ์ใจอยู่แล้ว เลยไม่ได้ช็อกมาก แค่รู้สึกไม่เข้าใจ หม่อมพริ้มกับสามองชายรวี เสียใจมาก
“อะไรนะคะ” ใจสว่างหันไปมองสา “คุณป้ากับอาจารย์”
สารับเสียงอ่อยๆ “จ้ะ”
“นึกไม่ถึงใช่ไหมล่ะ...คุณชายรวีช่วงโชติที่ทำท่าว่าเป็นผู้ดีสูงส่ง ที่แท้ ก็เป็นแค่ลูกของขี้ข้า ในวังรวีวาร” เฉิดฉวีใส่เป็นการใหญ่
สานิ่ง น้ำตาคลอ มองชายรวีอย่างรู้สึกผิด หม่อมพริ้มสงสารชายรวี ตอบโต้แทน
“ถึงแม่จะต้อยต่ำ แต่ชายรวีก็เป็นโอรสของท่านชาย เป็นสายเลือดของรวีวาร”
เฉิดฉวีย้อน “แน่ใจหรือคะ หม่อม ผู้หญิงอย่างมัน ลูกใครผัวใครก็คว้ามากินได้ไม่เลือกแล้วหม่อมแน่ใจได้ยังไง ว่าลูกในท้องของมัน เป็นลูกของท่านชาย”
สันทนาสงสารสา ทนไม่ไหว “พอเถอะ น้อง หยุดเสียที”
“เดือดร้อนแทนกันหรือไงคะ” เฉิดฉวีหันมาเอาเรื่องกับชายรวี “อ้อ นี่ยังไม่รู้สินะ ว่าแม่ของคุณชาย
เป็นเมียเก็บของคุณสันทนา” พร้อมกับหัวเราะเยาะ “เป็นทั้งเมียพ่อ เป็นทั้งเมียพ่อตาโอ้ย พัวพันกันสนุกพิลึก”
สาอับอายเหลือกำลัง ยกมือปิดหู “พอ พอเสียทีเถอะ พอ”
เฉิดฉวีไม่หยุด “อายเหรอ ตอนนี้ทำเป็นฟังไม่ได้ แล้วตอนทำทำไมไม่อาย”
หม่อมพริ้มสุดทนตวาดบลั่น “ออกไป! ฉันสั่งให้คุณสองคนออกไป”
สันทนาดึงเฉิดฉวีออกไปอย่างโกรธๆ
สาทรุดลงร้องไห้ หวนเข้าประคอง “สาเอ๊ยสา”

ชายรวีมองสภาพของแม่ผู้ให้กำเนิดของตนอย่างอนาถ หม่อมพริ้มมองชายรวีอย่างเห็นใจแล้วหันไปบอกใจสว่าง
“หนู พาสามันกลับไปก่อนเถอะ”
ใจสว่างเข้าไปดูแล “ไปค่ะ คุณป้า”
ใจสว่างประคองสาออกไป

หม่อมพริ้มหันมามองชายรวี สะท้อนใจเมื่อพบว่าชายรวีหลับตานิ่ง ดูออกว่าเจ็บปวดเหลือเกิน

อ่านต่อตอนที่ 37 อวสาน
กำลังโหลดความคิดเห็น