xs
xsm
sm
md
lg

รักนี้เจ้จัดให้ ตอนที่ 9

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


รักนี้เจ้จัดให้ ตอนที่ 9

จุ้มจิ้มกำลังชะเง้อมองไปทางประตูอย่างกระวนกระวาย หน้าประตูว่างเปล่าไร้เงาอาร์ต จุ้มจิ้มกระวนกระวายกว่าเดิม เธอทนนั่งเฉยๆไม่ไหวจึงลุกขึ้นเดินไปชะเง้อดูตรงประตูแต่ก็ไม่เห็นใครเลย จุ้มจิ้มผิดหวังจึงหมุนตัวกลับมาแต่แล้วก็ต้องสะดุ้งที่เห็นแม่ยืนมองยิ้มๆ
“รออาร์ตเหรอลูก” แม่ถาม
จุ้มจิ้มหลบตาแม่อย่างมีพิรุธ
“ปะปะเปล่าจ้ะ”
จุ้มจิ้มเดินเลี่ยงแม่มานั่งที่เก้าอี้ เธอแกล้งหยิบหนังสือมาอ่านแก้เขิน แม่ยิ้มๆ แล้วเดินมานั่งข้างๆจุ้มจิ้มแล้วโอบจุ้มจิ้มไว้พร้อมลูบผมเธอเบาๆอย่างอ่อนโยน
“จุ้ม..หนูโตแล้ว การจะรักใครซักคนไม่ใช่เรื่องผิดหรอกลูก”
จุ้มจิ้มแดงก่ำเพราะอายที่แม่รู้ทัน
“ขอแค่ให้คนๆนั้นเป็นคนดี” แม่ว่า
จุ้มจิ้มเงยหน้ามองแม่
จุ้มจิ้มอาย “แล้ว..ถ้าเค้าไม่ได้รวยล่ะจ๊ะแม่”
“ความสุขของชีวิตคู่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเงินทองนะจุ้ม ดูพ่อกับแม่สิ เราก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไรแต่ก็มีความสุขดีจริงมั้ย”
จุ้มจิ้มพยักหน้ารับคำแม่
“ขอแค่ให้เค้าเป็นคนดีและรักหนูก็พอ...เพราะการรักเค้าข้างเดียว ถึงมันจะไม่ผิด..แต่มันก็เจ็บนะลูก”
จุ้มจิ้มซบหน้ากับอกแม่ซึ่งเต็มไปด้วยความอบอุ่นระหว่างแม่ลูก
เสียงรถมอเตอร์ไซค์อาร์ตดัง จุ้มจิ้มรีบผละออกมาชะเง้อไปทางเสียง
“มาแล้วมั้ง...รีบไปเถอะจุ้ม ไม่ต้องให้อาร์ตเค้าเข้ามาสวัสดีแม่หรอกเดี๋ยวจะสาย” แม่บอก
“จ้ะแม่”
จุ้มจิ้มวิ่งออกไปทางประตูแต่แล้วก็เปลี่ยนใจวิ่งกลับมาหอมแก้มแม่
“จุ้มรักแม่ที่สุดเลยจ้ะ”
“แม่ก็รักจุ้มจ้ะ”
จุ้มจิ้มกอดแม่อีกครั้งก่อนจะวิ่งออกไป แม่มองตามจุ้มจิ้มพร้อมยิ้มอย่างเอ็นดู

บ้านสวนลูกจันเต็มไปด้วยความสงบ
เสียงลูกจันดังขึ้น “พีท..พี๊ท”
ลูกจันปรากฏตัวขึ้นพร้อมทำลายความสงบด้วยเสียงเรียกพอล ลูกจันเดินหาพอลทั่วบ้านทั้งข้างนอกและข้างใน แล้วลูกจันก็ชักจะหงุดหงิด
“พีท...หายไปไหนเนี่ย..พี๊ท”

แม่จันทร์กับยายแจ่มและเด็กรับใช้กำลังทำกับข้าว ลูกจันเดินเข้ามา
“แม่จ๋า ยายจ๋า เห็นพีทมั้ยจ๊ะ”
“หนูพีทเค้าอาสาไปเก็บผักบุ้งมาให้ยายผัดน่ะลูก” แม่จันทร์บอก
ลูกจันอ้าปากค้างเพราะงงมาก “ห๊า?”

ลูกจันยังอ้าปากค้างที่เห็นพอลในชุดผ้าขาวม้าท่อนบนเปลือยกำลังเมามันกับการยืนหันหลังลากเถาผักบุ้งอย่างแมนมาก
“พีท”
พอลสะดุ้งแล้วรีบหันกลับมาทางลูกจัน เถาผักบุ้งสะบัดโคลนใส่หน้าพอลพอดี
“โอ๊ย”
ลูกจันเหวอก่อนร้อง “ว๊ายย”
ลูกจันเห็นหน้าพอลมอมไปด้วยขี้โคลน
“ขึ้นมาเดี๋ยวนี้เลยนะพีท”
พอลเดินหน้าจ๋อยขึ้นมาแต่ไม่ลืมแบกเถาผักบุ้งมาด้วย ลูกจันรี่เข้าไปหาพอลด้วยความหงุดหงิด
ลูกจันจ้องหน้าพอล “ทำอะไรของแก๊..ดูดิ๊..หน้ามอมขนาดนี้เดี๋ยวสิวก็ขึ้นหรอก”
พอลยังหรี่ตาข้างที่โดนโคลนสะบัดใส่ ลูกจันสังเกตเพิ่งสังเกตเห็น
“เป็นอะไรน่ะ” ลูกจันถาม
“โคลนกระเด็นเข้าตา” พอลบอก
“ตายแล้ว...ตาจะอักเสบมั้ยเนี่ย..ไหนดูซิ”
ลูกจันหยิบผ้าเช็ดหน้าจากกางเกงมาเช็ดตาให้พอล พอลเห็นลูกจันกระตือรือล้นเอาผ้าเช็ดหน้าเช็ดโคลนออกจากหน้าและตาของเขา พอลยิ้มเขินๆ ยอมให้ลูกจันแหกตาเช็ดโคลนอย่างมีความสุข แม่จันทร์กำลังยืนดูทั้งคู่อยู่เงียบๆ ที่มุมหนึ่งด้วยแววตาครุ่นคิด

ทุกคนนั่งประจำที่โต๊ะอาหาร
“เอาเลยลูก อร่อยทุกอย่าง ยายรับรอง” ยายแจ่มบอก
ลูกจันทร์ยิ้มแป้นก่อนจะตักอาหารเข้าปากอย่างมีความสุข พอลเอื้อมมือไปตักผัดผักบุ้ง ผัดผักบุ้งที่พอลตักมีพริกติดมา2เม็ด แม่จันทร์เห็นก็ตกใจจึงอ้าปากจะเตือนพอล แต่ช้าไปแล้วเพราะพอลเอาผัดผักบุ้งพร้อมพริกเข้าปากแล้ว
แม่จันทร์ทำหน้าหวาดเสียวแต่ยังจ้องอยู่ที่พอลลุ้นๆ พอลเคี้ยวผัดผักบุ้งช้าๆ แต่หนักแน่น แม่จันทร์กลืนน้ำลายเอื๊อกแล้วคิดในใจว่าพอลแย่แน่ พอลกลืนผัดผักบุ้งอย่างสบายใจ แม่จันทร์ขมวดคิ้วสงสัย พอลยื่นมือไปตักผัดผักบุ้งพร้อมพริกอีกครั้ง
ลูกจันทัก “เดี๋ยวพีท”
พอลชะงัก ลูกจันใช้ส้อมเขี่ยพริกออกจากผัดผักบุ้งที่พอลตัก
ลูกจันพูดกับยายแจ่ม “ยายอ่ะ..ทำไมใส่พริกเยอะล่ะจ๊ะ..ลืมแล้วเหรอว่าพีทกินเผ็ดไม่ได้”
“ขอโทษทีลูก ยายเผลอไป”
พอลยิ้มแหยๆ
“ไม่เป็นไรครับ..เขี่ยออกได้”
พอลทำเป็นเขี่ยพริกออกจากผัดผักบุ้งก่อนจะตักเข้าปากอย่างเนียนๆ
แม่จันทร์ขมวดคิ้วด้วยความสงสัยมากกว่าเดิม

อาร์ตกำลังปั้นเซรามิคอย่างคล่องแคล่วและเก่งเว่อร์ สักพักอาร์ตก็ยกชิ้นงานที่ปั้นเสร็จสมบูรณ์ออกจากแท่นหมุน จุ้มจิ้มตะลึงมองด้วยความชื่นชม
“โห..เก่งจัง”
อาร์ตยิ้มปลื้มปนเขิน
เป็นครั้งแรกที่จะเรียกจุ้มจิ้มว่าจุ้มแทนคำว่าแก อาร์ตเลยมีอาการเคอะเขินเล็กน้อย “เอ่อ..จุ้มก็ทำได้..เดี๋ยวอาร์ตสอนให้”
จุ้มจิ้มรู้สึกได้กับสรรพนามที่เปลี่ยนไปจึงเขินมาก
“แต่..เรา..” จุ้มจิ้มมองเห็นอาร์ตมองมาด้วยแววตาเว้าวอนก็เป็นอันเข้าใจได้ว่าอยากให้เปลี่ยนสรรพนาม “เอ่อ..จุ้มคงทำไม่สวยเท่าอาร์ต..กลัวปั้นแล้วสัดส่วนผิด”
อาร์ตอมยิ้มเอ็นดูจุ้มจิ้ม
“การปั้นเซรามิคเป็นงานศิลปะ ศิลปะไม่มีถูกไม่มีผิด..แค่ทำไปตามความรู้สึกก็พอ” อาร์ตบอก
จุ้มจิ้มมองอาร์ตด้วยดวงตาเป็นประกายเพราะรู้สึกดีมากมาย อาร์ตมองจุ้มจิ้มด้วยดวงตาเป็นประกายไม่แพ้กัน ทั้งคู่ยืนมองตากันนิ่งราวโลกหยุดหมุน
ทันใดนั้นหมาข้างบ้านก็เห่า “โฮ่งๆๆ”
อาร์ตและจุ้มจิ้มสะดุ้งพร้อมกันแล้วสติก็กลับคืนมา อาร์ตและจุ้มจิ้มเขินจนทำอะไรไม่ถูกทั้งคู่
อาร์ตพยายามนำเข้าบทเรียนเพื่อแก้เขิน “เอ่อ..งะงั้นเรามาเริ่มจากขั้นตอนแรกก่อนนะ...ฝึกนวดดิน”
จุ้มจิ้มพยักหน้ารับแล้วหลบตาอาร์ตวูบวาบ อาร์ตแอบมองท่าทางเขินอายของจุ้มจิ้มด้วยความเอ็นดู จุ้มจิ้มเงยหน้าขึ้นมองอาร์ต อาร์ตหลบตาทันทีแล้วแกล้งฟอร์มง่วนอยู่กับการเตรียมดิน จุ้มจิ้มอมยิ้มเบาๆ ด้วยความเอ็นดูอาร์ตเหมือนกัน

กระเป๋าแบรนด์เนมถูกวางเรียงกัน โทรศัพท์มือถือปีโป้ดัง “กริ๊งง”
ปีโป้ในชุดเสื้อกล้ามเน่าๆกับกางเกงขาสั้นเก่าๆ ลุ๊คเป็นคุณลุงเอาท์ๆผิดจากเวลาไปทำงานรีบวิ่งมารับโทรศัพท์พร้อมชามใส่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป
“ฮัลโหล”
เสียงมินตราดังจากปลายสาย
“ไม่ได้ลืมใช่มั้ยว่าวันนี้เราจะไปสืบประวัติลูกจันให้ถึงบ้านเกิด”
“ไม่ต้องห่วงจ้ะ...งานนี้เราจะได้มีรูปลูกจันในสภาพน้องนางบ้านนามาฝากนักข่าวแน่” ปีโป้ว่า
“งั้นก็รีบออกมาได้แล้ว..มัวทำอะไรอยู่”
“เอ่อ...เดี๋ยวกินข้าวเสร็จจะรีบไปนะ”
“เร็วๆนะ..เออ..แล้วกินอยู่ที่ไหนเนี่ย”
หน้าปีโป้มีพิรุธ
“เอ่อ..ก็..ก็ที่ร้าน..อาหารญี่ปุ่นอ่ะ”
ชามบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปวางอยู่เบื้องหน้า ปีโป้กัดฟันชวนเพื่อความเนียน
“...เอ่อ..มะมากินด้วยกันมั้ยล่ะ”
“ไม่ล่ะ..ฉันไดเอ็ท”
ปีโป้โล่งอก
“โอเค..งั้นเดี๋ยวเจอกัน”
ปีโป้กดวางสายก่อนจะยกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาโซ้ยต่อพร้อมลูบไล้กระเป๋าแบรนด์เนมอย่างมีความสุข ใบทวงหนี้วางอยู่เกลื่อนห้อง

มินตราที่เพิ่งวางหูจากปีโป้นั่งทำหน้าเป็นนางร้ายเตรียมพิฆาตนางเอก ทันใดนั้นถุงใส่โครงไก่ทอดยื่นมาตรงหน้ามินตรา มินตรานั่งรอโครงไก่อยู่ที่ร้านข้างถนนโดยมีสภาพการแต่งตัวที่โทรมไม่แพ้ปีโป้
แม่ค้าพูดห้วนๆ “45 บาท”
มินตราไม่พอใจ “อะไร..วันก่อนยัง40บาทอยู่เลย”
“โฮ้ย...น้ำ ไฟ น้ำมัน แก๊สขึ้นราคาขนาดนี้..โครงไก่ก็ต้องขึ้นราคาเหมือนกันแหละคู๊ณ”
มินตราทำหน้าเหวี่ยงก่อนจะควักเงินส่งให้แม่ค้าแล้วก้มมองถุงโครงไก่
“อ้าว...แล้วน้ำจิ้มล่ะ” มินตราถาม
“อ๊าวว..ก็เห็นว่าจะเอาไปให้หมา...ต้องเอาน้ำจิ้มด้วยเหรอ”
มินตราทำหน้ามีพิรุธเพราะกลัวแม่ค้ารู้ว่าซื้อไปกินเองแต่จะไม่เอาน้ำจิ้มก็กลัวไม่แซ่บ
“เอ่อ..ก็..หมะหมาที่บ้านชอบกินรสจัด..เอาน้ำจิ้มมา2ถุงเลยนะ”
แม่ค้าทำหน้าเบื่อหน่ายก่อนจะเดินไปหยิบน้ำจิ้ม มินตราแอบมองโครงไก่ในถุงแล้วก็กลืนน้ำลายเอื๊อกด้วยความหิว

อาร์ตกำลังนวดดินเป็นดอกมัมอย่างสวย
อาร์ตก้มหน้าก้มตานวดดินไปพูดไป “เราต้องเริ่มจากนวดดินให้เป็นรูปดอกมัมแบบนี้”
อาร์ตหันไปดูดินที่จุ้มจิ้มกำลังนวดก็เห็นว่าดินเละมาก เขางงว่าตรงไหนที่เรียกว่าดอกมัม อาร์ตสะดุ้งกับฝีมือลูกศิษย์ จุ้มจิ้มหน้าเจื่อนด้วยความอายในฝีมือนวดดินของตัวเอง
“อย่าใช้ทั้งฝ่ามือนวดสิ..ต้องใช้สันมือนวด...ไหนลองทำซิ”
จุ้มจิ้มพยายามทำตามคำสอนอย่างเงอะงะๆ แต่ก็ยังใช้ฝ่ามือนวดอยู่ดี อาร์ตยื่นมือไปจับมือจุ้มจิ้มให้หยุดนวด
“ไม่ใช่แบบนั้น...นี่..ต้องใช้สันมือนวดแบบนี้สิ..อย่าลงน้ำหนักมาก..แค่นี้พอ..โอเค...ช้าๆ..ใจเย็นๆ”
อาร์ตจับมือจุ้มนวดดินด้วยทำท่าเหมือนคุณครูผู้จริงจังกับการถ่ายทอดวิชา จุ้มจิ้มยิ้มอายๆ ถึงรู้เขาหลอกจับมือแต่ก็เต็มใจให้หลอก

ยายวงศ์เห็นดอกกล้วยไม้ที่มัดเป็นช่ออย่างสวยงามหลายช่อวางอยู่ ลูกจันกับพอลนั่งพับเพียบเรียบร้อยอยู่หน้ายายวงศ์
“ขอบใจนะลูก..เอาของซื้อของขายมาให้ยายฟรีอีกแล้ว”
“ให้ฟรีที่ไหนจ๊ะ...หนูฝากยายเอาไปไหว้พระต่างหาก..จะได้พลอยได้บุญไปกับยายด้วย”
“ขอให้เจริญๆ..เกิดมาชาติหน้าก็ขอให้สวยเหมือนดอกไม้ทุกชาติไปนะลูก”
“สาธุ...แต่หนูขอเริ่มสวยตั้งแต่ชาตินี้เลยได้มั้ยจ๊ะยาย” ลูกจันหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
พอลมองภาพลูกจันกำลังหยอกล้อกับยายวงศ์อย่างรู้สึกดีในความอ่อนโยนของเธอ

ลูกจันเห็นพอลกำลังพายเรืออย่างทะมัดทะแมงตรงกลางเรือยังมีดอกไม้อยู่อีกหลายช่อ
“ตอนมาบ้านสวนคราวที่แล้ว ฉันยังต้องพายเรือให้แกนั่งอยู่เลย...มาคราวนี้แกกลายเป็นคนพายเรือให้ฉันไปซะแล้ว”
พอลหลบตาลูกจันแล้วพยายามแก้ตัว
“ก็..ก็เล่นละคร..ก็เลยต้องฝึกไง”
ลูกจันทำหน้าชื่นชม
“อือ..แกนี่เก่งเนอะ..เปลี่ยนตัวเองเป็นตัวละครได้ทุกตัวเลย..โชคดีนะที่เรื่องนี้แกเล่นเป็นสายชลเลยแค่ต้องหัดพายเรือ...ถ้าเรื่องหน้าเล่นเป็นไอ้แมงมุม..แกคงต้องฝึกไต่กำแพงสินะ....ฮ่าๆๆๆ”
ลูกจันหัวเราะอย่างภูมิใจในมุกตัวเองสุดๆ พอลกระตุกยิ้มพร้อมแค่นเสียงหัวเราะกับมุกฝืดๆของลูกจัน
“เหอะ..ตลกจังเลย”
ลูกจันคิดได้ “เอ๊ะ...แต่มีอยู่บทนึงนะที่แกเล่นเท่าไหร่ก็ไม่เคยอิน”
“บทอะไร”
“บทผู้ชายไง....ฮ่าๆๆ”
พอลทำหน้าครุ่นคิดบางอย่างแล้วแอบแย๊บลูกจันเบาๆ
“แล้ว..ถ้าเกิด..ฉันอินกับบทผู้ชายขึ้นมาล่ะ”
ลูกจันหยุดหัวเราะทันทีก่อนจะหันมาตอบพอลอย่างจริงจังมาก
“แกกับฉันก็คงต้องเลิกคบกัน”
พอลหน้าเสียแล้วคิดในใจว่าขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย

พอลกับลูกจันลอยเรืออยู่ริมท่าบ้านยายบุญ ลูกจันยกมือไหว้ลายายบุญหลังจากส่งดอกไม้ให้
ยายบุญอวยพร “เจริญๆนะลูกเอ๊ย”
ลูกจันกับพอลยกมือไหว้รับพรจากยายบุญพร้อมกัน พอลพายเรือออกมาพร้อมลูกจัน บนเรือว่างเปล่าเพราะเอาดอกไม้ไปแจกคนแก่หมดแล้ว
“เสร็จสิ้นภาระกิจ...เราไปหาไรหร่อยๆกินกันเถอะ” ลูกจันชวน
พอลมองความสดใสของลูกจัน แล้วยิ้มอย่างมีความสุขก่อนตอบ “โอเค๊”

อาร์ตยิ้มปลื้มปริ่มราวกับกำลังชื่นชมงานศิลปะระดับโลก
“โอเคมากเลยจุ้ม” อาร์ตบอก
จุ้มจิ้มทำหน้าแหยๆ
“โอเคแล้วจริงๆเหรอ”
จุ้มจิ้มก้มลงมองงานตัวเองก็เห็นงานปั้นของจุ้มจิ้มเป็นแก้วน้ำที่บิดเบี้ยวมาก
“จริงจริ๊งง...มันดูมีความเป็นตัวของตัวเอง...ดูยูนีค...ดูมีจิตวิญญาณ” อาร์ตบอก
จุ้มจิ้มยิ้มอย่างมีกำลังใจ
“เอ้า...ปั้นอีกเยอะๆเลย จะได้ชำนาญ...แล้วเดี๋ยวจะได้เข้าเตาเผาพร้อมกัน”
จุ้มจิ้มนั่งลงเตรียมตัดดินมาปั้นแต่เผลอทำมีดตัดดินตกไปใต้โต๊ะ อาร์ตรีบคุกเข่าลงไปควานหามาให้
“ได้แล้ว”
อาร์ตเงยหน้าขึ้นจากใต้โต๊ะจังหวะเดียวกับที่จุ้มจิ้มก้มหน้าลงมองพอดี หน้าทั้งคู่จึงอยู่ในมุมที่ห่างกันแค่คืบเท่านั้น องศาหน้าที่อาร์ตเงยขึ้นมาและจุ้มจิ้มก้มลงไปก็เหมาะกับการจูบ อาร์ตกับจุ้มจิ้มจ้องมองกันไปมา
อาร์ตเห็นปากสีชมพูจิ้มลิ้มของจุ้มจิ้มช่างเชิญชวน อาร์ตค่อยๆยื่นหน้าเข้าไปใกล้จุ้มจิ้มช้าๆ จุ้มจิ้มใจระทึกแต่ก็พริ้มตารอ
อาร์ตค่อยๆเคลื่อนหน้าเข้าไปใกล้จุ้มอีกนิด ภาพในความคิดของอาร์ตเป็นตอนที่เขาคุยกับนันทา
นันทาพูดกับเขา “ฝากจุ้มด้วยนะอาร์ต”
“ไม่ต้องห่วงครับ..ผมจะดูแลจุ้มอย่างดีเลยครับ”
อาร์ตชะงักและมีสติขึ้นมาอีกครั้ง
อาร์ตหักห้ามใจตัวเองให้เป็นสุภาพบุรุษสมกับที่แม่จุ้มจิ้มไว้วางใจ เขารีบลุกขึ้นผละออกจากจุ้มจิ้ม
“เอ่อ..เดี๋ยว..เดี๋ยวไปเอาน้ำมาให้นะ..หิวน้ำใช่มั้ย”
อาร์ตวางมีดตัดดินลงบนโต๊ะแล้วรีบเดินงุดๆเข้าไปในบ้าน
จุ้มจิ้มเขินอยู่คนเดียว ใจนึงก็อายที่เกือบยอมให้เค้าจูบง่ายๆ แต่อีกใจก็รู้สึกดีกับความเป็นสุภาพบุรุษของอาร์ต จุ้มจิ้มมองเข้าไปในบ้าน.แล้วยิ้มบางๆอย่างมีความสุข

ลูกจันกำลังอุ้มเด็กน้อยคนหนึ่งอยู่บนตักพร้อมกอดหอมอย่างเอ็นดู
ลูกจันพูดกับเด็ก “ร้อนมั้ยคะ..โถ..เหงื่อซึมเลย..มา..เดี๋ยวพี่เช็ดหน้าให้นะ”
ลูกจันบรรจงใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดหน้าเด็กอย่างอ่อนโยน
พอลนั่งอมยิ้มกับความอ่อนโยนของลูกจัน
“ได้แล้วค่ะ” แม่ค้าบอก
แม่ค้ายื่นถุงใส่ห่อหมกให้ลูกจัน
“มีห่อหมกปลาช่อน 5 ห่อหมกปลากราย 5 นะคะ”
ลูกจันรับถุงห่อหมกส่งต่อให้พอลแล้วอุ้มเด็กส่งข้ามเรือให้แม่ค้าที่อยู่ในเรืออีกลำ
ลูกจันพูดกับเด็ก “บ๊ายบายย”
ลูกจันเห็นแม่ค้าพายเรือออกไปพร้อมลูกน้อย แล้วลูกจันก็หันกลับมาทางพอล
ลูกจันพูดหน้าเศร้า “น่าสงสารเนอะ..ตัวเล็กจิ๊ดเดียวต้องมาตากแดดขายของกับแม่”
พอลพยักหน้ารับด้วยแววตาชื่นชมความใจดีของลูกจัน
ลูกจันมองไปที่เรือสินค้ารอบๆตัว
“เอาอะไรอีกดี”
“เอ่อ...ฉันว่า...พอก่อนมั้ย?”
พอลก้มลงมองที่ท้องเรือก็เห็นอาหารมากมายวางอยู่แน่นจนเรือจะจมอยู่แระ
“เคๆ..งั้นพายไปหาที่สบายกินกันดีกว่า”
พอลขยับจะจ้วงไม้พาย
เสียงคุณยายที่แหบเครือและน่าสงสารดังขึ้น “ห่อหมกจ้า..ห่อหมกปลาช่อน ปลากรายจ้า”
ยายแก่มากพายเรือมาขายห่อหมกอยู่ ลูกจันหันไปมองยายด้วยสีหน้าสงสาร
ลูกจันเรียก “ยายจ๋า...ทางนี้จ้ะยาย”
ยายรีบพายเรือมาทางลูกจัน
“ห่อหมกเราซื้อมาแล้ว10ห่อนะลูกจัน” พอลบอก
“ไม่เป็นไรหรอก..เดี๋ยวเอาไปฝากคนงานก็ได้..สงสารยายอ่ะ”
พอลพยักหน้าเห็นดีด้วย ยายพายเรือมาถึง
“เหมาหมดเลยจ้ะยาย...เท่าไหร่จ๊ะ”
ยายยายนับห่อหมก “ห่อละ30จ้ะ..20ห่อก็600”
ลูกจันยื่นแบงค์พันให้ยาย “นี่จ้ะ..ไม่ต้องทอนนะจ๊ะ...หนูให้ยาย”
ยายรับเงินจากลูกจันด้วยความดีใจ “ขอให้เจริญๆนะลูก”
ลูกจันยกมือไหว้รับพร “สาธุ..ขอบคุณจ้ะยาย”
เหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ในสายตาของพอล พอลยิ้มกว้าง ดวงตาเป็นประกาย อย่างประทับใจกับมุมแสนดีของลูกจันมากๆ

พอลเห็นลูกจันกำลังกินอาหารที่ซื้อมาอย่างเอร็ดอร่อย ลูกจันเริ่มรู้สึกตัวว่าโดนมองเลยจ้องพอลกลับ“มองชั้นทำไมยะ”
พอลยิ้มๆ
“ก็...กำลังมองอยู่ว่า..เสียดายที่อายุแกเกิน..ไม่งั้นจะส่งประกวดนางงาม”
ลูกจันเชิดๆ ราวกับมีมงกุฏอยู่บนหัว “หึ...เพิ่งเห็นความสวยของฉันเหรอยะ”
พอลหัวเราะ “ไม่ได้ส่งประกวดเพราะสวย..แต่ส่งเพราะเห็นมีคุณสมบัตินางงามครบ”
ลูกจันงง “คุณสมบัติอะไร”
“ก็รักเด็ก รักคนแก่ไง”
“รักแกด้วย”
ลูกจันยิ้มหวานให้พอล
พอลกำลังจะยิ้มหวานตอบ
ลูกจันตัดอารมณ์พอลโดยไม่รู้ตัว “แต่เกลียดผู้ชาย!!”
พอลจ๋อย ลูกจันยังไม่รู้ตัวว่าทำให้ใครจ๋อยแล้วเธอก็เอ็นจอยกับการกินต่อไป

อาร์ตกับจุ้มจิ้มร่วมด้วยช่วยกันสร้างงานศิลปะไปพร้อมกันในทุกขั้นตอนของการทำเซรามิค ตั้งแต่ปั้น เคลือบสี ไปจนถึงขั้นตอนเผา งานเซรามิคค่อยๆเป็นรูปเป็นร่าง เช่นเดียวกับความรู้สึกดีๆระหว่างทั้งคู่ก็ค่อยๆเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาเหมือนกัน
จุ้มจิ้มเอาน้ำมาป้อนอาร์ตเพราะอาร์ตมือเลอะโคลน อาร์ตใช้มือปัดลูกผมที่ตกลงมาระหน้าให้จุ้มจิ้ม แม้ไม่มีคำพูด แต่แววตาและรอยยิ้มก็บอกชัดเจนว่าทั้งสองรักกัน

มินตรากับปีโป้เดินทางสืบหาบ้านของลูกจัน มินตราและปีโป้ช่วยกันมองหาบ้านลูกจันตั้งแต่อยู่บนรถ
มินตราและปีโป้แยกย้ายกันออกไปถามชาวบ้านจนได้เบาะแสแล้วก็ขึ้นรถขับหาต่อ ปีโป้จอดรถลงไปด้อมๆมองๆบ้านบางหลังจนโดนหมาไล่กัด ส่วนมินตราเดินหาบ้านลูกจันจนส้นรองเท้าหัก มีความยากลำบากอีกมากมายที่ปีโป้และมินตราต้องเผชิญในการตามหาบ้านลูกจัน

ชัตเตอร์ลั่นรับมุมสวยของคุ้งน้ำ พอลกำลังเพลิดเพลินกับการถ่ายภาพ ลูกจันนั่งมองความจริงจังในการถ่ายรูปของพอลด้วยความสงสัย
“พีท”
พอลยังถ่ายรูปต่อโดยไม่ได้หันมามอง “หือ”
“ทำไมหมู่นี้แกถ่ายรูปจริงจังยังกะเป็นตากล้องอาชีพแน่ะ”
พอลชะงักแล้วทำตาล่อกแล่ก เขากำลังอ้าปากจะโกหก
ลูกจันพูดดัก “หยุด...ไม่ต้องพูด...ฉันขอทายว่า...ละครเรื่องหน้าแกต้องรับบทเป็นตากล้องชิมิ?”
พอลถอนหายใจด้วยความโล่งอกเพราะดีใจที่ไม่ต้องคิดเรื่องโกหก
“อือ..ใช่ๆ”
ลูกจันยิ้มปลื้มปริ่มอย่างภาคภูมิใจในตัวเอง “หึๆ..ฉันนี่มันทั้งสวยทั้งฉลาดของแท้เลยเนอะ”
พอลยิ้มแหยๆ เพราะเพลียกับความมั่นใจในตัวเองของลูกจัน แล้วพอลก็หันไปถ่ายรูปต่อ ลูกจันเห็นสร้อยที่คอพอล เธอจึงยื่นหน้าเข้าไปดู
ลูกจันหรี่ตาเพื่อปรับโฟกัสให้เห็นสร้อยชัดขึ้น ลูกจันขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
“พีท”
พอลหันมามองลูกจัน
“ว่าจะถามหลายครั้งแล้วแต่ลืมทุกทีเลย...สร้อยที่คอแกน่ะ..อาจารย์ไหนให้มารึเปล่า..เห็นใส่ไม่ถอดเลยนะยะ”
พอลเอามือจับสร้อยขึ้นมาดูแล้วย้อนคิดไปถึงเรื่องราวในอดีต

ภาพเหตุการณ์ในอดีต คุณยายหน้าตาใจดีพูดกับพีทและพอลในวัยเด็กที่นั่งตรงหน้า
“วันนี้ยายจะให้ของที่ระลึกคนละชิ้นนะลูก...เลือกเอาเองเลยว่าชอบชิ้นไหน”
คุณยายค่อยๆเปิดกล่องสมบัติข้างหน้าที่มีประมาณ5-6กล่อง สมบัติในหีบซึ่งเป็นเครื่องประดับเพชร ทอง และอัญมณีอื่นๆ ส่องแสงวูบวาบออกมา
พอลเบ้หน้าเพราะตาลายกับแสงเพชร
“เอ่อ..ให้พีทเลือกก่อนก็ได้ครับ”
พอลหันมาทางพีทแล้วถึงกับอ้าปากค้าง พอลเห็นพีทใส่มงกุฎและติดกิ๊บเพชรแน่นไปทั้งหัว คุณยายก็อึ้งไม่แพ้พอล
คุณยายพูดกัยพีท “..เอ่อ...ค่อยๆเลือกดูซักชิ้นแล้วกันนะลูก...คือ..ถ้าพีทจะใช้ทีเดียวทั้งหมด...เอ่อ..ยายว่ามันจะเยอะไปน่ะลูก” คุณยายพูดกับพอล “อ้าว..แล้วพอลล่ะลูก ชอบชิ้นไหน?”
พอลหันไปมองกล่องสมบัติอีกครั้งก็เห็นแหวนเงินเกลี้ยงๆวงหนึ่งวางอยู่ท่ามกลางหมู่อัญมณี พอลชี้ไปที่แหวนเงินวงนั้น คุณยายหันไปมองตามมือพอลแล้วยิ้ม ยายบรรจงหยิงแหวนเงินเกลี้ยงขึ้นมาอย่างทะนุถนอม
“แหวนวงนี้เป็นแหวนวงแรกที่คุณตาของหนูให้ยาย...ราคามันไม่มากหรอกลูก...แต่คุณค่าของความรักที่ซ่อนเอาไว้ในแหวนวงนี้มันมหาศาล”
ยายเอาแหวนร้อยเข้าไปในสร้อยแล้วสวมคอให้พอล
“เอ้า...ยายให้พอลเก็บเอาไว้ให้คนที่พอลรักนะลูก”
พอลก้มมองแหวนที่คอแล้วเงยหน้าขึ้นดูยาย

เหตุการณ์ปัจจุบัน พอลเงยหน้าขึ้นจากสร้อยแล้วก็สะดุ้งเฮือกที่เห็นลูกจันยื่นหน้ามาหาจนจมูกจะจ่อกันอยู่แล้ว
พอลตกใจ “เฮ้ยย”
ลูกจันค้อนขวับ
“อุ๊ย..หมั่นไส้..แค่นี้ทำเป็นขวัญอ่อน..ว่าไงยะตกลงสร้อยเนี่ยอาจารย์ที่ไหนให้มาใส่แก้เคล็ด”
พอลอึกอัก “ปะเปล่า...ยายให้มา”
“ให้มาเมื่อไหร่”
“ก็...นานแล้ว...ตั้งแต่เด็ก”
“แล้วทำไมเพิ่งเอามาใส่ตอนนี้”
“ไม่รู้ดิ..ก็...คิดถึงยายอ่ะ”
ลูกจันมองพอลอย่างอ่อนโยน
“โถ....ไม่เป็นไรนะ..ป่านนี้ยายคงนั่งดูแกอยู่บนสวรรค์แล้วล่ะ...มา...ฉันกอดแกแทนยายเอง”
ลูกจันขยับเข้าไปกอดพอลไว้แน่น พอลคิดกลับไปถึงอดีตอีกครั้ง

เหตุการณ์ในอดีต พอลในวัยเด็กเงยมองคุณยาย
“แล้วผมจะรู้ได้ไงครับ ว่าจะให้แหวนวงนี้กับใคร”
ยายยิ้มน้อยๆ
“ถึงวันที่หนูเจอเค้า...หัวใจจะบอกหนูเองจ้ะ”

พอลในปัจจุบันแอบเหลือบมองเสี้ยวหน้าของลูกจันขณะกำลังกอดอยู่
เสียงหัวใจพอลเต้นตึ่กตั่ก พอลสะดุ้งกับเสียงเต้นของหัวใจตัวเอง เขาคิดว่าหัวใจกำลังบอกอะไรเขาอยู่รึเปล่าเนี่ย

จุ้มจิ้มกำลังนั่งหวีผมอยู่หน้ากระจกพร้อมครุ่นคิดถึงเหตุการณ์เมื่อตอนค่ำ

เหตุการณ์ตอนหัวค่ำย้อนกลับมาในความคิด
จุ้มจิ้มลงจากมอเตอร์ไซค์อาร์ต
จุ้มจิ้มเขินๆ “ขอบคุณนะ”
อาร์ตพยักหน้ายิ้มๆ เพราะเขินไม่แพ้กัน
“ให้อาร์ตเข้าไปสวัสดีแม่ก่อนมั้ย”
“ไม่ต้องหรอก ตอนนี้แม่สวดมนต์อยู่...อีกนานกว่าจะเสร็จ..เดี๋ยวเรา..” จุ้มจิ้มพูด อาร์ตมองด้วยสายตาตัดพ้อ “...เอ่อ..เดี๋ยวจุ้มบอกแม่ให้เอง”
อาร์ตพยักหน้า จุ้มจิ้มละล้าละลังเพราะจะเข้าบ้านก็ยังเสียดายเวลาที่จะได้อยู่ด้วยกัน ไอ้ครั้นจะยืนต่อก็กลัวอาร์ตจะคิดว่าให้ท่า อาร์ตก็มีอารมณ์ไม่ต่างกัน
ในที่สุด จุ้มจิ้มก็ทนไม่ไหวจึงเป็นฝ่ายทำลายความเงียบขึ้นมาก่อน
“เอ่อ...งั้น...จุ้มเข้าบ้านก่อนนะ”
อาร์ตหน้าสลดมีลักษณะยังไม่อยากให้ไปแต่ไม่กล้าเอ่ย “เอ่อ...”
จุ้มจิ้มแอบเงี่ยหูรอคำกล่าวจากอาร์ต
อาร์ตอึกอัก “เอ่อ....”
จุ้มจิ้มชักอารมณ์เสียเพราะรอไม่ไหวแล้ว
“ไปแล้วนะ...” จุ้มจิ้มหันหลังจะเดินเข้าบ้านแต่ก็ตัดใจไม่ลงเลยหันมาอีกครั้ง “ไปนะ...” อาร์ตยังอ้ำอึ้ง จุ้มจิ้มชักกระตุก “ไปจริงๆแล้วนะ”
จุ้มจิ้มงอนจึงสะบัดหน้าเดินเข้าบ้าน
อาร์ตเพิ่งจะสมองแล่นเลยร้องเรียก
“ดะเดี๋ยวจุ้ม”
จุ้มจิ้มแอบยิ้มสมใจก่อนจะหันกลับมาช้าๆ ในหน้าแบ๊วๆอย่างนางเอก
จุ้มจิ้มพยายามจะทำหน้าไม่ยิ้มแต่ก็ซ่อนไม่ค่อยอยู่ “มีอะไรเหรออาร์ต”
อาร์ตอึกอักในช่วงแรกแต่แล้วก็กลั้นใจพูดรวดเดียวจบในช่วงหลัง “คือ...คือ..แบบว่า..เอ่อ...คืออาร์ตกำลังจะหาข้อมูลทำคอลัมน์ใหม่อ่ะ...พรุ่งนี้จะไปสวนสนุก...ไปด้วยกันมั้...”
จุ้มจิ้มตอบเร็วก่อนอาร์ตจะถามจบซะอีก “ไป!”
อาร์ตยิ้มกว้างปากฉีกถึงหู ตาหยีปิดสนิท
“งั้นพรุ่งนี้9โมง อาร์ตมารับนะ”
จุ้มจิ้มยิ้มหวานจ๋อยแล้วพยักหน้ารับอย่างเต็มใจมาก อาร์ตเตรียมสตาร์ทรถ
“อาร์ต”
อาร์ตหันมามองจุ้มจิ้ม
จุ้มจิ้มเขินมากจึงพูดไปหลบตาไป “เอ่อ...ถึงบ้านแล้วโทรมาบอกด้วยนะ”
อาร์ตตะลึง อึ้งนิ่งราวกับโลกหยุดหมุน ดีใจยิ่งกว่าถูกหวยจึงได้แต่พยักหน้ารัวๆ เพราะปลื้มจนพูดไม่ออก เพราะหญิงสั่งให้โทรหาตอนถึงบ้านแบบนี้นี่มันแฟนกันชัดๆ

เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านไป จุ้มจิ้มก็นั่งถือหวีค้างแล้วยิ้มอยู่คนเดียว จุ้มจิ้มหันไปเห็นตัวเองในกระจกนั่งยิ้มคนเดียวแล้วก็ถึงกับสะดุ้งดูท่าจะอาการหนักแล้วสิเรา
จุ้มจิ้มวางหวีลงแล้วหันไปทางโต๊ะร้อยลูกปัดแล้วก็ครุ่นคิดอะไรบางอย่าง จุ้มจิ้มเดินไปที่โต๊ะร้อยลูกปัด เธอนั่งลงมองลูกปัดบนโต๊ะ จุ้มจิ้มเห็นลูกปัดหลากสีวางอยู่บนโต๊ะ
จุ้มจิ้มยิ้มสมใจ เธอเริ่มต้นร้อยสร้อยเทอคอยซ์อย่างตั้งใจมาก เวลาผ่านไป จุ้มจิ้มค่อยๆหยิบเทอคอยซ์อย่างทะนุถนอม ดวงตาของเธอเป็นประกายตอนเอียงคอมองสร้อยที่ค่อยๆเป็นรูปร่าง จุ้มจิ้มมีสีหน้าเขินอายตอนร้อยไปคิดถึงคนที่จะให้ไป
มือถือของจุ้มจิ้มดัง “กริ๊งง”
จุ้มจิ้มรีบหยิบโทรศัพท์มาดู หน้าจอโทรศัพท์ขึ้นชื่อ"อาร์ต"
จุ้มจิ้มยิ้มกว้าง เธอรีบเอาโทรศัพท์แนบหู
จุ้มจิ้มพูดเสียงหวาน “ฮัลโหล”
แสงดาวส่องสกาวอยู่เต็มท้องฟ้า

พอลกับลูกจันนั่งดูดาวกันอยู่ที่ริมน้ำ ลูกจันหลับตา สูดลมหายใจเข้าปอดอย่างชื่นใจ
“เฮ้อ....สงบดีจังเลยนะ” ลูกจันโพล่งออกมา
พอลเหลือบมองลูกจันอย่างงงๆ ว่าอารมณ์ไหนวะ
“บางทีฉันก็คิดว่า...อยากมีชีวิตสงบแบบนี้ตลอดไป” ลูกจันบอก
พอลหันขวับมาทางลูกจันพร้อมยิ้มดีใจ
“จริงเหรอ??...แกไม่ได้ชอบใช้ชีวิตในเมืองเหรอ”
ลูกจันตอบเสียงหนักแน่น “เปล่า..ฉันชอบแบบนี้มากกว่า”
พอลยิ้มกว้างกว่าเดิมเพราะเข้าทางเขามาก
ลูกจันพูดต่อ “แต่ต้องหลังจากที่ฉันมั่นใจ ว่าเซเลบได้เป็นที่1แน่นอนแล้ว”
พอลหุบยิ้มกะทันหันด้วยความผิดหวัง
“ตอนนี้เซเลบก็เป็นที่1อยู่แล้วนี่” พอลบอก
“ใช่...แต่ฉันจะประมาทไม่ได้..เพราะใครๆก็รอจะโค่นที่1ของฉัน...” แววตาลูกจันแค้นวูบขึ้นมา “โดยเฉพาะไลม์!”
พอลมองลูกจันอย่างอ่อนโยนแล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอบอุ่นแต่จริงจัง
“ลูกจัน..ไม่มีใครเป็นที่1ได้ตลอดไปหรอกนะ..ถ้ายึดติดกับความเป็นที่1..แกก็คงต้องเหนื่อยกับการต่อสู้ไปตลอดชีวิต”
ลูกจันอึ้ง
พอลพูดต่อ “มันคุ้มเหรอลูกจัน..กับการทิ้งความสุขทั้งชีวิต...เพียงเพื่อคำว่า "ที่1"
ลูกจันอึ้งมองหน้าพอลนิ่ง แล้วมีแววตาสับสน คำพูดของพอลกำลังสั่นคลอนความเชื่อเดิมของลูกจัน
ทันใดนั้นเอง ดาวก็ตกวูบลงมาแย่งซีน ลูกจันมีสีหน้าตื่นเต้นจนลืมเรื่องที่คุยกับพอลไปชั่วคราว
“ว๊ายย...ดาวตก...อธิษฐานสิแก..เร็วๆ”
ลูกจันทำหน้าซึ้งก่อนจะหันไปทางดาวตก แล้วหลับตาอธิษฐานอย่างตั้งใจมาก พอลขมวดคิ้วแล้วจ้องไปที่ดาวตกอย่างสงสัยตะหงิดๆ
เสียงเครื่องบินตกโครม!! ตามด้วยเสียงระเบิดตูม!!!
พอลกับลูกจันสะดุ้งแล้วหันมามองหน้ากัน
“เอ่อ...คงไม่ใช่ดาวตกแล้วล่ะ” พอลว่า
เสียงชาวบ้านดังเซ็งแซ่และโกลาหล “เครื่องบินตกๆ...ไปช่วยกันหน่อยพวกเรา”
ลูกจันจ๋อย

อ่านต่อหน้าที่ 2

รักนี้เจ้จัดให้ ตอนที่ 9(ต่อ)

มินตรากับปีโป้ยืนหน้าจ๋อยในสภาพเสื้อผ้ามอมแมมเป็นลูกหมาตกโคลนทั้งคู่ รถของปีโป้ตกอยู่ข้างทาง
มินตราหันมองปีโป้ด้วยความโมโห “ก็แค่เครื่องบินตก...จะตกใจอะไรหนักหนา..นี่ถ้าโดดลงไม่ทัน..ฉันไม่แย่เหรอ”
ปีโป้ชักของขึ้นเหมือนกัน “ฉันไม่ได้ตกใจเครื่องบินตก...แต่ตกใจที่อยู่ๆเธอก็กระโดดมากอดฉันตะหาก”
มินตราชักจ๋อย “ก็..เสียงระเบิดมันดังอ่ะ”
ปีโป้ค้อนขวับ “แล้วจะเอาไงล่ะทีนี้...รถเนี่ยคงไปต่อไม่ได้แล้วล่ะ”
มินตราหลบตาปีโป้และไม่กล้าเถียง ชาวบ้านคนหนึ่งขับรถกระบะเก่าๆผ่านมา ปีโป้กับมินตรารีบถลาไปโบกให้รถจอด
“พี่สาวจ๋า...รถพวกเราเกิดอุบัติเหตุ...ขออาศัยติดรถไปถนนใหญ่หน่อยได้มั้ยจ๊ะ” ปีโป้พูด
มินตราพูดกับปีโป้ “อ้าว....แล้วบ้านลูกจันล่ะ”
ปีโป้เหวี่ยงใส่ “โอ๊ยย...ดึกดื่นป่านนี้จะไปหาบ้านลูกจันที่ไหน๊...เอาไว้วันหลังค่อยมาหาใหม่แล้วกัน”
มินตราไม่พอใจ “ก็ได้”
ชาวบ้านคนนั้นค่อยๆเอ่ยออกมาอย่างเกรงใจ
“เอ่อ...ขอโทษนะ...ตะกี้ได้ยินว่ากำลังหาบ้านหนูลูกจันรึเปล่า”
“ใช่จ้ะ” ปีโป้ตอบ
“ฉันกำลังจะไปบ้านหนูลูกจันพอดี...ไปด้วยกันก็ได้จ้ะ”
มินตรากับปีโป้หันมามองหน้ากันด้วยความดีใจในความส้มหล่น แล้วทั้งคู่ก็ตีมือกัน
“เยส”

ลูกจันจ้องมองด้วยสายตารู้ทัน ส่วนมินตราจ้องด้วยสายตาหมั่นไส้
ปีโป้จ้องมองด้วยสายตาสงสัย ส่วนพอลจ้องด้วยสายตางงๆ
ยายแจ่มกระแอม “อะแฮ่ม...จะจ้องกันอีกนานมั้ย”
ลูกจันกำลังยืนจ้องกับมินตรา ส่วนปีโป้กำลังจ้องลูกจันและมินตรา ในขณะที่พอลกำลังจ้องทั้งลูกจัน มินตราและปีโป้ ทุกคนรู้สึกตัวว่าจ้องกันนานไปแล้วจึงย้ายสายตากลับมาหายายแจ่ม
ยายแจ่มพูดขึ้น “สรุปว่า...หนู 2 คนมาหาข้อมูลทำงาน..แต่เกิดอุบัติเหตุแถวนี้พอดี?”
ลูกจันเบะปากแล้วทำหน้ารู้ทันใส่มินตรากับปีโป้ “บังเอิญจังนะ!!”
มินตรากับปีโป้ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
แม่จันทร์กับเด็กรับใช้เดินมา “ก้อย..เดี๋ยวพาคุณๆไปที่ห้องนะ”
มินตรากับปีโป้หันมองไปรอบบ้านก็เห็นว่าบ้านหลังใหญ่ดูเวิ้งว้างชอบกล มินตราและปีโป้หันมาสบตากันด้วยแววตา"กลัวผี" ที่เปล่งประกายชัดอยู่ในแววตาทั้งคู่
“เอ่อ...หนู 2 คนนอนห้องเดียวกันได้ค่ะ” มินตราบอก
“โฮ้ย...บ้านหลังใหญ่...ห้องเยอะแยะจะมานอนเบียดกันทำม้าย” ยายแจ่มว่า
“เอ่อ....มะมะไม่เป็นไรค่ะ...นอนเบียดกัน..อุ่นดี”
“งั้นก็ตามใจ...” ยายแจ่มพูดกับเด็กรับใช้ “ก้อย..งั้นเดี๋ยวเปิดห้องใหญ่ให้คุณๆ นะ”
เด็กรับใช้พยักหน้ารับคำสั่ง
ลูกจันพูด “ดึกแล้ว..ยายกับแม่ไปพักผ่อนเถอะจ้ะ...เดี๋ยวทางนี้หนูดูแลเอง”
“งั้นก็ตามสบายนะจ๊ะ..เพื่อนลูกจันก็คนกันเองอยู่แล้ว”
แม่จันทร์กับยายแจ่มยิ้มให้มินตรากับปีโป้อย่างใจดีก่อนเดินเข้าไปในบ้าน มินตราแอบมองพอลอย่างมีแผนแล้วก็แกล้งทำเป็นยกกระเป๋าเดินทางไม่ไหวเหมือนมันหนักมาก
พอลขยับจะเข้าไปช่วยด้วยความเป็นสุภาพบุรุษแต่ลูกจันคว้าแขนพอลเอาไว้แน่น
ลูกจันใช้ตามองพอลแต่ปากพูดกับเด็กรับใช้ “ก้อย..ยกของไปให้คุณๆที่ห้องเลยจ้ะ”
“ค่ะ”
ก้อยยกกระเป๋าทั้งของมินตราและปีโป้แบบสบายๆ ไม่ได้มีทีท่าว่าจะหนักอย่างที่มินตราทำแอ็คติ้งเลย
มินตราหันมาแอบค้อนลูกจันที่มาขวางทางโจร ก้อยเดินนำปีโป้และมินตราไปที่ห้อง ลูกจันหันมาค้อนพร้อมหยิกแขนพอลด้วยความหมั่นไส้
“ยังไม่เข็ดใช่มั้ย...เรื่องเป็นสุภาพบุรุษเนี่ย”
พอลคลำแขนที่ถูกหยิกป้อยๆ หน้าจ๋อย

มินตราที่อยู่ในห้องพักกำลังยืนมองออกไปนอกหน้าต่าง เธอเห็นสวนกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตาบ่งบอกถึงความรวยมากของลูกจัน
มินตราหน้าเครียดแบบทั้งผิดหวังและอิจฉาอยู่ในแววตา ปีโป้กำลังเดินดูเครื่องประดับห้องแต่ละชิ้นซึ่งล้วนเป็นของเก่ามีราคาและมีรสนิยม
“ไหนเธอบอกว่าลูกจันเป็นเด็กบ้านนอกจนๆไง...ดูซิทั้งบ้านทั้งสวนใหญ่ขนาดนี้..จนตรงไหน๊?” ปีโป้ว่า
มินตราขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจคำพูดปีโป้
ปีโป้ยังไม่รู้ตัวจึงใส่ต่อ “แค่เรื่องสวยกับเก่งเราก็สู้ยากแล้ว...นี่ดันรวยอี๊ก.แบบนี้พวกเราก็แพ้ลูกเดียวอะดิ”
มินตราแค้นกว่าเดิม
ปีโป้เหลือบมองมินตราด้วยความเกรงใจ “เอ่อ..มิน..รึว่า..เราจะเปลี่ยนแผนมาทำดีกับลูกจันซะ...เผื่ออีกหน่อยมีปัญหาเรื่องเงินเรื่องทองจะได้หยิบยืมได้มั่ง”
มินตราหันขวับมาหาปีโป้แล้วเหวี่ยงอย่างแรง
“อยากเป็นเพื่อนลูกจันก็เป็นไปคนเดียวเลย..ฉันไม่เป็น!”
ปีโป้ทำหน้าเบื่อหน่ายความเหวี่ยงของมินตรา
มินตราทำหน้าถือไพ่เหนือกว่า “แต่แน่ใจเหรอว่าลูกจันจะยังยอมเป็นเพื่อนกับเธอ..ถ้ารู้ว่า..เมื่อปีที่แล้ว"ใคร"เป็นคนขโมยเครื่องประดับของนางแบบปกพิเศษไป..จนทำให้ลูกจันต้องชดใช้ตั้งหลายแสน”
ปีโป้หน้าซีดเผือดที่มินตราหลุดเรื่องขโมยออกมา
ปีโป้กลับลำกะทันหัน “บ๊า...ฉันล้อเล่นนนน...ใครจะไปยอมเป็นเพื่อนลูกจัน...ไม่เอ๊า..คนละสายพันธุ์เข้ากันไม่ได้”
มินตราแสยะยิ้มเย้ย
“แล้วจะเอาไงต่อล่ะ...บอกตรงๆนะ..ฉันถอดใจเลยเนี่ย..นางพร้อมซะขนาดนี้...เราจะทำอะไรนางได้??”
“ฉันไม่เชื่อว่าลูกจันจะพร้อมไปหมดทุกอย่าง...คนเรามันต้องมีจุดอ่อนอะไรซักอย่างในชีวิตสิ...เราต้องหามันให้เจอ!”
มินตราเต็มไปด้วยความร้อนรุ่ม เปลวไฟในห้องกำลังลุกโชนเหมือนไฟริษยาในใจของมินตรา

ที่คอนโดมีเนียมของพีท พีทนั่งสมาธิหลับตาพริ้มอยู่บนวีลแชร์
เสียงซีดีพระเทศน์ดังอยู่ในห้อง “....ความโกรธ เกลียด อิจฉา อาฆาต ก็เหมือนกับเปลวไฟ...มีแต่จะเผาไหม้ให้หัวใจเราเป็นทุกข์...ไฟอื่นเรายังใช้น้ำดับได้...แต่ไฟที่ใจ...ต้องใช้ใจดับอย่างเดียว” เสียงระฆังและดนตรีเหง่งหง่างสงบร่มเย็นมาก
พีทขมวดคิ้วน้อยๆ หายใจแรงขึ้นแต่ยังหลับตานั่งสมาธิอยู่เหมือนพีทกำลังพยายามดับไฟในใจของตัวเองอยู่

มินตรากำลังส่งสายตาเว้าวอนไปที่พอล
“นะคะ...ขอมินติดรถไปหาข้อมูลด้วยคนนะคะพีท...นะคะๆ”
พอลมีท่าทางอึดอัดใจ เขาเหลือบตาดูอารมณ์ของลูกจัน “เอ่อ....”
ลูกจันทำหน้านิ่งเย็นยะเยือกจนน่าขนหัวลุก พอลหนาวกับสีหน้าลูกจันจึงไม่กล้าตอบรับคำขอของมินตรา
“เอ่อ...คือ...ลองถามลูกจันดูดีกว่าครับว่า...สะดวกมั้ย?”
มินตราแอบทำหน้าไม่พอใจที่พอลไม่รับปากแต่ก็ฝืนหันไปออดอ้อนลูกจันต่อ
“ขอฉันไปด้วยนะลูกจัน...ฉันอยากหาข้อมูลไปลงคอลัมน์ปักษ์หน้า..นะลูกจันนะๆๆ” มินตราอ้อนวอน
ลูกจันเหลือบมองมินตราด้วยหางตาก่อนตอบเสียงเย็นชา
“ตามใจ”
มินตรายิ้มสมใจ
“งั้นก็รีบไปกันเถอะ...สายแล้วจะร้อน” ปีโป้พูดกับมินตรา “ฉันขอรออยู่ที่นี่นะมิน..รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวเนื้อเหมือนจะไม่สบาย”
“โอเคจ้ะ..นอนพักเยอะๆนะปีโป้”
มินตรากับปีโป้แอบสบตาและยิ้มให้กันอย่างมีแผน

ปีโป้สอดส่ายสายตาไปทั่วบ้าน ปีโป้กำลังเดินไปทั่วบ้านเพื่อหาร่องรอยจุดอ่อนของลูกจันแต่แล้วก็ผิดหวัง
ปีโป้รำพึง “ไม่เห็นมีร่องรอยอะไรเลย”
ปีโป้กำลังจะหมุนตัวกลับแต่แล้วก็ชะงักเมื่อตาเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่าง สิ่งที่ปีโป้เห็นคือห้องลูกจันปีโป้ยิ้มมุมมาก หน้าตาเจ้าเล่ห์

อาร์ตกำลังเหลือบมองจุ้มจิ้มอย่างสมใจ จุ้มจิ้มกำลังเกาะแขนอาร์ตแน่นเนื้อตัวสั่นด้วยความกลัวในขณะอยู่บนเครื่องเล่น อาร์ตแอบสูดกลิ่นหอมจากเส้นผมจุ้มจิ้ม จุ้มจิ้มเงยหน้ามองอาร์ตเพราะหวาดกลัวเครื่องเล่นจนน้ำตาคลอเบ้า อาร์ตก้มหน้าลงมองจุ้มจิ้มอย่างอ่อนโยนก่อนจะค่อยๆใช้ปลายนิ้วเช็ดน้ำตาให้จุ้มจิ้ม
“ไม่ต้องกลัวนะ..อาร์ตจะดูแลจุ้มเอง..” อาร์ตทำหน้าเจ้าเล่ห์ “กอดอาร์ตไว้เลยก็ได้จ้ะ”
จุ้มจิ้มทำหน้าซึ้งใจในความเท่ของอาร์ต เธอค่อยๆกอดอาร์ตแล้วซบลงกับอกอาร์ตอย่างเขินอาย อาร์ตลูบหัวจุ้มจิ้มเบาๆ ด้วยมาดเหมือนพระเอกที่กำลังปกป้องนางเอก อาร์ตกระตุกยิ้มมุมปากอย่างงามสง่าพร้อมค่อยๆระเบิดเสียงหัวเราะออกมาราวกับแม่ทัพใหญ่ที่เพิ่งจะตีเมืองขึ้นได้สำเร็จ
“หึๆๆ....ฮ่าๆๆ”
เสียงหัวเราะเพลิดเพลินใจของจุ้มจิ้มดังแทรกเสียงหัวเราะของอาร์ตขึ้นมา
อาร์ตกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริงก่อนจะหันไปตามเสียงหัวเราะของจุ้มจิ้ม อาร์ตเห็นจุ้มจิ้มกำลังชะโงกหน้ามองไปรอบๆตัวอย่างตื่นเต้น แถมยังหัวเราะคิกคักร่าเริง
อาร์ตมองจุ้มจิ้มอึ้งๆ “อ้าว..ไม่กอด...เอ๊ย..ไม่เกาะแขนเหรอ?”
จุ้มจิ้มมองอาร์ตงงๆ “เกาะทำไม?”
อาร์ตงงกว่าที่อาการจุ้มจิ้มไม่เป็นไปตามที่คิดไว้ “อ้าว..ก็..ก็เผื่อกลัว”
จุ้มจิ้มยิ้มแป้น “ไม่กลั๊ว....เราชอบ”
อาร์ตเงิบ “ห๊า?”
ทันใดนั้นเอง เครื่องเล่นก็เริ่มสตาร์ท การเคลื่อนตัวที่น่าหวาดเสียวทำเอาอาร์ตสะดุ้ง อาร์ตจับราวอย่างเกร็งมาก อาร์ตกลัวจนเหงื่อแตก หน้าซีด ตาเหลือก ในขณะที่จุ้มจิ้มยิ้มร่าด้วยท่าทางแฮปปี้มาก เครื่องเล่นออกตัวอย่างจริงจังน่าหวาดเสียว.พร้อมกับเสียงกรีดร้องของอาร์ต!
“อ๊าย....”

ลูกจันและพอลร่วมทำกิจกรรมต่างๆใกล้ๆกัน แต่ก็มีมินตราแทรกเข้ามาออดอ้อนพอลในทุกกิจกรรม
ลูกจันหงุดหงิดจึงเหวี่ยงใส่พอลเป็นระยะ บางครั้งถึงขนาดวงแตกเดินแยกตัวออกไปซะเฉยๆ พอลอึดอัดเพราะแสนจะแคร์ลูกจันแต่ความเป็นสุภาพบุรุษก็ค้ำคออยู่จนทำอะไรไม่ถนัด ส่วนมินตราแฮปปี้ที่ได้ทำลายบรรยากาศดีๆระหว่างลูกจันและพอล

ปีโป้กลิ้งตาล่อกแล่กขณะยืนอยู่ในห้องลูกจัน เวลาผ่านไป ปีโป้สำรวจข้อมูลลับตามจุดต่างๆในห้องลูกจันมีทั้งยืนสำรวจ ปีนขึ้นไปสำรวจ ตะแคงตัวสำรวจ โก้งโค้งสำรวจ ฯลฯ อย่างทุลักทุเลมาก
ลูกบิดประตูดังก๊อกแก๊ก
ปีโป้ตาเหลือกคิดในใจว่าซวยแล้ว
สักพักแม่จันทร์ก็เดินถือแจกันดอกกล้วยไม้เข้ามาในห้อง แม่จันทร์มองไปรอบห้องก็พบว่าห้องโล่งไม่มีใคร แม่จันทร์เดินเอาแจกันไปวางที่ข้างเตียงแล้วจะเดินออกไป
ปีโป้ที่ซ่อนตัวอยู่ในผ้าม่านถอนหายใจโล่งอกแต่ดันเซไปชนถังใส่ของดัง “โครม”
ปีโป้ตกใจสุดชีวิต แม่จันทร์ชะงักแล้วขมวดคิ้ว ปีโป้หน้าซีดเหงื่อแตกซิ่กคิดในใจว่าถูกจับได้แน่ๆ
แม่จันทร์ก้มลงมองที่เท้าตัวเองก็เห็นถังเล็กๆ อยู่ที่ปลายเท้า เพราะแม่จันทร์เตะถังในจังหวะเดียวกับที่ปีโป้ชนถังพอดี แม่จันทร์ก้มลงหยิบถังเล็กเก็บเข้าที่เดิมแล้วเดินออกไป
ประตูปิดสนิท ปีโป้ถอนหายใจอย่างโล่งอก
“โอย...หัวใจจะวาย”

อาร์ตถอนหายใจด้วยความโล่งอก อาร์ตกับจุ้มจิ้มเพิ่งลงมาจากเครื่องเล่นสุดหวาดเสียว อาร์ตอยู่ในสภาพที่เพลียมาก ส่วนจุ้มจิ้มยังดูสดใสสนุกสนาน
“ต่อเลยมั้ย?” จุ้มจิ้มถาม
อาร์ตสะดุ้งโหยงแล้วอึกอัก
“เอ่อ..ต่อเลยเรอะ???...เอ่อ..ไม่พักให้หายเวียนหัวก่อนซักหน่อยล่ะ..ไม่ต้องเกรงใจนะ...อาร์ตไม่รีบ”
“ไม่เอา..ไม่ต้องพักหรอก..กำลังมัน..ต่อเลยดีกว่า” จุ้มจิ้มมองไปรอบๆ “เอ๊..เล่นไรต่อดีน้า”
อาร์ตทำหน้าผิดหวังกับคำตอบของจุ้มจิ้ม แต่ก็ต้องรักษาศักดิ์ศรีลูกผู้ชายเอาไว้ อาร์ตมองไปรอบๆสวนสนุกเพื่อหาเครื่องเล่นซอฟท์ๆ
อาร์ตถาม “ม้าหมุนมั้ย?”
จุ้มหันมามองหน้าอาร์ตเป็นเชิงถามว่าคืออะไร อาร์ตจ๋อย
“เอ่อ..คงไม่ดี..งั้นชิงช้าสวรรค์มั้ย..ดีนะ..ได้ชมวิวด้วยไง”
จุ้มจิ้มส่ายหัวจริงจัง อาร์ตจ๋อยอีกครั้ง
จุ้มจิ้มพูดเสียงร่าเริงมาก “รู้แล้วจะเล่นอะไรต่อ..โน่นไง”
จุ้มจิ้มชี้มือไปด้านหลังอาร์ต อาร์ตหันมองตามมือจุ้มจิ้มก็เห็นรถไฟเหาะตีลังกาม้วนเกลียวประมาณ8ตลบ อาร์ตหน้าซีดเผือด กลืนน้ำลายเอื๊อก

ลูกจันกำลังใช้กรรไกรตัดก้านดอกกล้วยไม้อย่างคล่องแคล่ว
“พีท”
พอลรีบวิ่งเข้ามารับดอกไม้จากลูกจันใส่ตะกร้าในมือ
เสียงมินตราดังขึ้น “พีทค้า..ทางนี้ค่า”
มินตรายืนตัดกล้วยไม้อยู่อีกฝั่ง เธอกำลังยืนกวักมือเรียกให้พอลไปรับกล้วยไม้ใส่ตะกร้า พอลเหลือบมองลูกจันอย่างเกรงใจ
ลูกจันขมวดคิ้วอารมณ์ไม่ดี
“พีทคะ..มารับดอกไม้หน่อยค่ะ” มินตราเร่ง
พอลยิ้มแหยๆให้ลูกจันก่อนเดินไปรับดอกไม้จากมินตรา มินตราส่งดอกไม้พร้อมรอยยิ้มหวานเยิ้มให้พอล
ลูกจันกระตุกอย่างไม่มีเหตุผล ลูกจันรีบเอื้อมมือไปตัดดอกกล้วยไม้ฉับๆ
ลูกจันตะโกน “พี๊ทท”
พอลรีบวิ่งมารับดอกไม้จากลูกจัน
มินตราสีหน้าไม่พอใจรีบตัดกล้วยไม้ฉับๆ
“พีทคะ..รับดอกไม้ด้วยค่ะ”
พอลวิ่งไปรับดอกไม้จากมินตรา
ลูกจันหมั่นไส้จึงตัดดอกกล้วยไม้อีกฉับๆๆ พอลวิ่งไปรับดอกไม้จากลูกจัน
มินตราตัดดอกกล้วยไม้ฉับๆๆ พอลวิ่งไปรับกล้วยไม้จากมินตรา
สองสาวตัดดอกกล้วยไม้อย่างบ้าคลั่ง และพอลก็วิ่งไปมาอย่างน่าเวทนา
พอลเหงื่อเต็มหน้าแล้วหอบแฮ่กๆ
พอลถามลูกจัน “พอรึยัง?”
ลูกจันค้อน “ยัง!!...ฉันจะไปตัดฝั่งโน้นต่อ...แกตามไปแบกดอกไม้ให้ฉันด้วย”
พอลพยักหน้าเพลียๆ ลูกจันยิ้มสมใจก่อนจะเดินนำพอลไปอีกทาง มินตราหันมาเห็นพอลกับลูกจันกำลังจะเดินไปก็รีบหอบดอกกล้วยไม้เดินมาหาพอลกับลูกจัน
“จะไปไหนคะพีท”
“จะไปช่วยลูกจันทางโน้นครับ” พอลบอก
“อ้าว..แล้วใครจะช่วยมินถือดอกไม้ล่ะคะ”
พอลเหลือบมองลูกจัน ลูกจันทำสายตาที่บอกชัดเจนว่า เอาซี้ แน่จริงอยู่ช่วยมินตราซี้!
พอลรู้ตัวจึงรีบหันไปตอบมินตรา
“เดี๋ยวผมเรียกคนงานมาช่วยคุณมินดีกว่าครับ”
ลูกจันกลั้นยิ้มแทบไม่ไหวก่อนจะหันไปทำหน้า"ผู้ชนะ"ใส่มินตรา แล้วลูกจันก็หันหลังจะเดินออกไปพร้อมพอล มินตราเจ็บใจมากจึงตัดสินใจใช้แผนเท้าแพลง มินตราพับขาตัวเองลงไปนั่งกองอยู่กับพื้นซะอย่างงั้น
มินตราร้อง “โอ๊ย”
พอลกับลูกจันหันมองมินตรา ทั้งสองเห็นมินตรานั่งโอดโอยอยู่ที่พื้น พอลกับลูกจันเดินกลับเข้าไปหามินตรา
“โอ๊ย...เจ็บ” มินตราร้อง
ลูกจันทำหน้ารู้ทัน “เป็นอะไร”
มินตราตอบลูกจันห้วนๆ “สะดุดล้ม..ขาแพลง” มินตราพูดกับพอล “เจ็บจังค่ะพีท..มินเดินไม่ไหวแน่ๆ..ช่วยประคองมินหน่อยค่ะ”
มินตราส่งสายตาวิงวอนพอล พอลกำลังจะเดินเข้าไปประคองมินตราตามแบบอย่างของพระเอกทั่วไป แต่ลูกจันพุ่งเข้าไปจับแขนของมินตราได้ก่อน
ลูกจันพูดกับพอลห้วนๆ “เดี๋ยวฉันช่วยประคองเอง” ลูกจันพูดกับมินตราเสียงหวานแต่ตาจิก “ดีมั้ยจ๊ะ?”
มินตราหน้าหงิกแต่ก็ยอมให้ลูกจันประคองอย่างไม่เต็มใจ

ปีโป้นั่งหมดสภาพอยู่กลางห้องลูกจัน
ปีโป้รำพึงกับตัวเอง “ไม่เห็นเจออะไรเลย...เสียเวลาเปล่าจริงๆเลย”
ปีโป้ลุกขึ้นยืนอย่างเซ็งๆ แหวนของปีโป้บังเอิญไปเกี่ยวกับขอบเตียงจนหลุดจากนิ้วกลิ้งไปใต้เตียงนอนของลูกจัน
ปีโป้ตกใจ “อุ๊ย!”
ปีโป้รีบก้มลงไปมองหาแหวนใต้เตียงลูกจันแต่ใต้เตียงมืดมาก ปีโป้ตัดสินใจยื่นมือควานหาแหวนใต้เตียง
ปีโป้ยิ้ม “เจอแระ”
ปีโป้กำลังจะดึงแหวนออกมาจากใต้เตียงแต่มือไปกระทบกับกล่องเหล็ก ปีโป้ขมวดคิ้วสงสัยว่าคืออะไร

กล่องเหล็กวางอยู่ข้างหน้า ปีโป้ค่อยๆเปิดกล่องเหล็กออกก็เห็นของกระจุกกระจิกพร้อมสมุดไดอารี่เล่มหนึ่งวางอยู่ในกล่องเหล็ก ปีโป้ค่อยๆหยิบของขึ้นมาทีละชิ้น เริ่มจากซองใสใส่เปลือกลูกอมหลายยี่ห้อเอาไว้
"เปลือกลูกอมรสโปรดของพี่ณัฐ"
ปีโป้หยิบขวดน้ำขึ้นมาดู
ปีโป้อ่านกระดาษที่แปะขวด "น้ำที่พี่ณัฐกินเหลือ...เราเอามากินต่อ..ชื่นใจจัง"
ปีโป้ทำหน้าเบ้เพราะรับไม่ได้กับการกินน้ำเหลือของคนอื่น ปีโป้หยิบของชิ้นต่อมาคือกล่องยาแก้เจ็บคอ
ปีโป้อ่านกระดาษแปะที่กล่อง "วันนี้พี่ณัฐเจ็บคอ..เราเลยซื้อยาอมให้..พี่ณัฐยิ้มหวานให้เราด้วย...กรี๊ด!!!" ปีโป้เบะปาก “เพ้อนะ!!”
ปีโป้หยิบปากกา5-6แท่งที่มัดรวมกันไว้มาดูพร้อมอ่านกระดาษที่แปะไว้
"ปากกาพี่ณัฐ...หมึกหมดแล้ว..แต่กลิ่นพี่ณัฐยังอยู่...ขอเก็บไว้ดมเวลาคิดถึงเนอะ..อิอิ"
ปีโป้ทำหน้านอยด์ความ"จิตนิดๆ"ของลูกจัน เธอหยิบสมุดไดอารี่ขึ้นมาแล้วค่อยๆเปิดออก ตั๋วหนังเรื่องฟ้าทะลายโจรถูกแปะไว้บนกระดาษพร้อมข้อความ
"หนังเรื่องแรกที่ได้ดูกับพี่ณัฐ...เกือบไม่ได้ดูแล้วสิ..โชคดีเพื่อนพี่ณัฐป่วย..เราเลยได้ดูกับพี่ณัฐแทน...นี่ใช่มั้ยที่เค้าเรียกว่าพรหมลิขิต!!!"
ปีโป้เปิดหน้าต่อไปเป็นตั๋วรถเมล์แปะเอาไว้พร้อมข้อความ
"วันนี้ไปเข้าคิวรอซื้อบัตรคอนเสิร์ตให้พี่ณัฐ..คนเยอะมาก...บัตรหมดก่อน..แต่ไม่อยากให้พี่ณัฐผิดหวัง..เลยขอซื้อบัตรต่อจากคนอื่น..บัตรแพงมาก..แต่คุ้มค่ากับสายตาเป็นประกายที่พี่ณัฐส่งมาให้เราตอนได้รับบัตร...ป.ล เสียดายคราวนี้เพื่อนพี่ณัฐไม่ป่วย...เราเลยอดดูคอนเสิร์ตกับพี่ณัฐ"
หน้าต่อไปเป็นกระดาษทิชชู่ใช้แล้วแปะไว้
"วันนี้พี่ณัฐชวนไปกินอาหารอิตาเลี่ยน..แต่พี่ณัฐลืมกระเป๋าตังค์..เราเลยเลี้ยงพี่ณัฐแทน...ค่าอาหารแพงมาก...แต่ได้แอบหยิบทิชชู่เช็ดปากพี่ณัฐมาเป็นที่ระลึก...คุ้มแระ!!
หน้าต่อไปเป็นลูกอมแปะไว้แต่ถูกมดกินลูกอมไปจนเกือบเหลือแต่เปลือกแล้ว
"อดหลับอดนอนทำรายงานให้พี่ณัฐ 3 คืนรวด..จนป่วยเป็นปอดอักเสบพี่ณัฐเลยให้ลูกอมมาเป็นกำลังใจ..ดีใจที่สุดเลย"
ปีโป้เปิดดูไปเรื่อยๆ เห็นตั๋วรถเมล์มากมายหลายหน้า
"ไปซื้อขนมเค้กให้พี่ณัฐ" ปีโป้เปิดหน้าต่อไป "ไปคืนหนังสือห้องสมุดให้พี่ณัฐ"..."ไปซื้อของขวัญวันเกิดให้พี่ณัฐ"
ปีโป้เปิดสมุดไปเรื่อยๆ ทุกหน้ามีตั๋วรถเมล์และข้อความ มีสลิปเอทีเอ็มหลายใบ
"สงสารพี่ณัฐจัง..โดนคุณแม่หักค่าขนมเพราะเกรดตก..เลยแอบเอาเงินไปให้..ต้องขอร้องตั้งนานกว่าพี่ณัฐจะรับ...พี่ณัฐบอกจะตอบแทนด้วยการดูแลเราไปตลอดชีวิต...มีความสุขจัง"
ปีโป้เปิดมาจนถึงหน้าที่มีดอกกุหลาบแห้งอัดติดไว้..พร้อมข้อความ
"วาเลนไทน์นี้..พี่ณัฐให้กุหลาบเราด้วย..พี่ณัฐบอกว่ารักเราคนเดียว..เราก็รักพี่ณัฐคนเดียวเหมือนกัน!!"
ปีโป้ทำหน้าครุ่นคิด
“พี่ณัฐ...ใครวะ?”
ปีโป้เปิดหน้าต่อไปแล้วก็ต้องทำหน้าตกตะลึงที่เห็นรูปคู่ลูกจันถ่ายคู่กับณัฐ ปีโป้แสยะยิ้มแล้วคิดในใจว่าเสร็จแน่ลูกจัน!!

ปีโป้ไลน์หามินตรา
"เจอของดีแล้ว..รีบกลับมาวางแผนต่อด่วน!!!"
มินตรากำลังถูกลูกจันประคองอยู่แอบเอียงหน้าอ่านไลน์ มินตราอ่านข้อความจบก็ยิ้มด้วยความปีติมาก
มินตราหันไปทางพอล
มินตราทำหน้ายิ้มแย้มโอเว่อร์ชนิดที่ปิดความดีใจไม่มิด “พีทคะ..พอดีปีโป้เค้าป่วยหนัก เดี๋ยวมินต้องรีบพาเค้าไปหาหมอก่อนนะคะ”
มินตรารีบสะบัดตัวหลุดจากลูกจัน
มินตราพูดกับลูกจัน “ฉันไม่เป็นไรแล้ว..ไปก่อนล่ะ” มินตราหันไปยิ้มหวานใส่พอล “แล้วเจอกันนะคะพีท
มินตรารีบวิ่งหน้ายิ้มแฉ่งออกไป พอลกับลูกจันมองตามงงๆ
“คุณมินคงห่วงเพื่อนมากนะ..วิ่งซะลืมขาแพลงไปเลย” พอลว่า
ลูกจันค้อนขวับ
“อุ๊ย..รำคาญ..ก็บอกแล้วไงว่าให้ดูละครซะมั่ง..ไอ้มุกขาแพลงเนี่ย..มันเป็นมุกประจำตัวนางร้ายทั่วประเทศไทย”
พอลทำหน้าคิด
“แต่ตอนที่เราเดินตามหาจุ้มจิ้มที่ทะเล..แกก็เคยขาแพลงนะ”
ลูกจันนึกภาพตอนตัวเองขาแพลงที่ทะเล
ลูกจันเหวี่ยง “มันไม่เหมือนกันนะยะ...พวกนางร้ายอ่ะะแพลงปลอม..ส่วนฉันเป็นนางเอก...แพลงจริงย่ะ!!”
ลูกจันสะบัดหน้าเดินจากไปอย่างอารมณ์เสียที่พอลแยกแยะนางร้ายกับนางเอกไม่ได้ พอลมองตามงงๆ ว่าใครจะรู้ว่าอันไหนแพลงจริงแพลงปลอม

อาร์ตกำลังยืนอ้วกจนหน้าเขียวหน้าเหลืองในสภาพหัวหูยุ่งเหยิง อาร์ตเห็นจุ้มจิ้มยื่นแก้วน้ำส้มคั้นมาให้ เขาเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นจุ้มจิ้มมีสีหน้าห่วงใย อาร์ตรับแก้วน้ำส้มมาดื่มด้วยอาการราวกับคนแพ้ท้อง
จุ้มจิ้มส่งยาดมให้ อาร์ตมือไม้สั่นก่อนจะรีบรับมาดมอย่างหมดฟอร์ม
จุ้มจิ้มถาม “ไหวมั้ย”
อาร์ตฝืนใจพยักหน้าแต่ยังดูผะอืดผะอมมาก
จุ้มจิ้มดูอาการออกว่าอาร์ตไม่ไหวแระ “พอดีกว่าเนอะ”
อาร์ตฝืนความเวียนหัวคลื่นไส้ไว้เพื่อความรัก “ไม่เป็นไร..ไปเล่นต่อเถอะ..จุ้มยังเล่นเครื่องที่อยากเล่นไม่หมดเลยนี่”
“แต่ว่า....”
“อาร์ตมียาดมแล้ว..อาร์ตไหว” อาร์ตยิ้มอ่อนโยน “จุ้มอยากเล่นอะไรต่อล่ะ..เลือกเลย”
จุ้มจิ้มมองอาร์ตด้วยความซึ้งใจพร้อมยิ้มหวาน
“ขอบคุณนะ”
อาร์ตยิ้มตอบแบบหวานไม่แพ้กัน
“งั้นไปต่อนะ” จุ้มจิ้มยื่นมือมาให้อาร์ต
อาร์ตมองจุ้มจิ้มงงๆ จุ้มจิ้มหลบตาอาร์ตเขินๆปนขัดใจที่ผู้ชายไม่เก็ท เธอนึกในใจว่าจัดเองก็ได้ฟะ จุ้มจิ้มจับมืออาร์ต
จุ้มจิ้มอาย “ไป”
อาร์ตก้มมองมือจุ้มจิ้มที่จับมือตัวเองแล้วก็เงยหน้ามองจุ้มจิ้มก่อนจะยิ้มปากฉีกถึงหู อาร์ตกระชับมือจุ้มจิ้มแน่น
“ไปจ้ะ” อาร์ตบอก
อาร์ตและจุ้มจิ้มจูงมือกันเดินไปหาเครื่องเล่นต่อไป จุ้มจิ้มอายปนสุข ส่วนอาร์ตแฮปปี้มาก นาทีนี้ให้อ้วกแตกตายคาเครื่องเล่นเขาก็ยอม

ลูกจันนั่งเหงาๆมองแม่น้ำ พอลเดินมามองไปที่ลูกจันด้วยแววตาอาทร พอลเดินมานั่งข้างๆลูกจัน
ลูกจันพูดเสียงเศร้าๆ ไม่หันมามองพอล “ใจหายเนอะ พรุ่งนี้ก็ต้องกลับแล้ว”
พอลเสียงอ่อนโยน “อยากมาอีกเมื่อไหร่ก็บอกสิ..จะช่วยขับรถให้”
ลูกจันหันมามองพอลอย่างซึ้งใจ
“ขอบใจนะพีท...นอกจากแม่กับยายแล้ว..ชีวิตฉันก็มีแกนี่แหละที่ดีกับฉันที่สุด..เป็นคนที่ฉันไว้ใจที่สุด”
พอลหลบตาลูกจันเพราะรู้สึกผิดกับความไว้ใจที่ลูกจันมีให้
“เราจะอยู่ด้วยกันไปจนแก่เลยนะแก” ลูกจันพูด
พอลนิ่ง
“ถ้าวันนึงแกมีแฟน...แกก็ต้องอยู่กับฉันนะ” ลูกจันทำท่าคิด “อือ..เอางี้ก็ดะ..ให้แฟนแกมาอยู่บ้านเดียวกับเราก็ได้..แต่แกต้องแบ่งเวลาให้ฉัน 5วัน...ให้แฟนแก 2วัน...แฟร์ๆเลย!”
พอลอึ้งว่ามันแฟร์ตรงไหน ลูกจันยิ้มแฉ่ง ตาเป็นประกายดูเป็นเด็กจอมแสบมากกว่าสาวสวย
พอลหยั่งเชิง “แล้ว...ถ้าแกมีแฟนล่ะ”
ลูกจันตอบกลับมาอย่างมั่นใจ
“ไม่มี!!...แกก็รู้ว่าฉันเกลียดผู้ชาย”
พอลจ๋อยแต่ยังใจสู้หาข้อมูลต่อ
“ผู้ชายที่แกเคยรัก..ทำให้แกเจ็บขนาดที่ต้องเกลียดผู้ชายทั้งโลกเลยเหรอ”
ลูกจันมีแววเศร้าวูบขึ้นมาในแววตา เธอนิ่งเงียบแล้วเบือนหน้ากลับไปมองแม่น้ำ
ลูกจันพูดโดยไม่หันมามองพอล “ฉันไม่ได้เกลียดผู้ชายทั้งโลกหรอก..ฉันแค่.."ไม่เชื่อใจ"ผู้ชายอีกแล้ว”
พอลอึ้ง
“บางคนอาจต้องใช้เวลาเจ็บซ้ำๆหลายครั้งกว่าจะเข็ดเรื่องความรัก..แต่สำหรับฉัน..ครั้งเดียวก็มากพอแล้วที่จะทำให้ฉันหมดศรัทธาในความรัก”
พอลมองลูกจันอย่างสงสาร
พอลพูดด้วยเสียงปลอบประโลม “ถ้าเรื่องเก่าๆ..กับคนเก่าๆมันทำให้เจ็บ..ก็ลืมมันไปซะสิลูกจัน”
ลูกจันน้ำตาคลอขณะหันมามองพอล “ถ้ามันลืมได้ง่ายๆก็ดีสิ!”
ลูกจันน้ำตาร่วงลงกระทบแก้ม น้ำตาหยดนั้นราวกับหยดลงกระทบใจพอลด้วย พอลเศร้าที่ลูกจันยังไม่ลืมใครคนนั้น
ลูกจันพูดทั้งน้ำตาด้วยความอ่อนแออย่างถึงที่สุด “แกช่วยลูบหัวฉันเบาๆได้มั้ยพีท”
พอลพยักหน้าอย่างสงสาร ลูกจันเอนตัวลงหนุนตักพอล พอลค่อยๆลูบหัวลูกจันอย่างอ่อนโยน ลูกจันหลับตาแต่น้ำตาไหลซึมออกมาเป็นสาย
แววตาของพอลบ่งบอกชัดเจนว่าอยากช่วยรักษาแผลใจให้ลูกจัน พอลลูบหัวลูกจันที่นอนร้องไห้อยู่บนตักของเขาท่ามกลางดาวเต็มฟ้าเป็นพยาน

พอลผู้ยังนั่งลูบหัวลูกจันอยู่ โดยที่ลูกจันหลับไปแล้ว ข้างแก้มของเธอยังมีคราบน้ำตา พอลเริ่มปัดยุง พอลก้มลงจะปลุกลูกจัน พอลเห็นลูกจันหลับสนิทแลดูสวยปนเศร้า เขาค่อยๆก้มหน้าลงไปหาใบหน้าของลูกจันคล้ายจะจูบ
แม่จันทร์ที่แอบมองอยู่เบิกตากว้างด้วยความตกใจ แม่จันทร์กำลังจะก้าวออกไปขวางการกระทำของพอล แต่ก็มีมือใครคนหนึ่งยื่นมาดึงมือแม่จันทร์ไว้ แม่จันทร์เงยมองเจ้าของมือก็พบว่าเป็นยายแจ่ม
“แม่!!”
ยายแจ่มทำท่าจุ๊ปากให้แม่จันทร์เงียบแล้วหันไปมองพอลต่อ พอลยังเคลื่อนหน้าเข้าใกล้หน้าลูกจันเรื่อยๆ ทันใดนั้น พอลก็เป่าลมใส่หน้าลูกจันเบาๆ ยุงตัวหนึ่งที่เกาะอยู่ที่หน้าลูกจันบินจากไปเมื่อโดนพอลเป่าลมไล่ พอลยิ้มอบอุ่นหลังจากที่ปกป้องลูกจันจากยุงร้าย แม่จันทร์โล่งอกก่อนจะหันกลับไปพูดกับยายแจ่ม
“แม่..หนูสงสัยว่า....”
ยายแจ่มพูดแทรก “ค่อยๆดูไปก่อนดีกว่า”
แม่จันทร์งงที่ยายแจ่มรู้แล้ว
“อ้าว......แม่รู้?”
ยายแจ่มยิ้มๆ “ถ้าแม่โง่..จะเลี้ยงลูกกับหลานมาได้ถึงป่านนี้เรอะ”
แม่จันทร์หันไปมองพอลกับลูกจันด้วยสีหน้ากังวล
“จันทร์...แม่เองเกลียดผู้ชายมาตั้งแต่โดนพ่อของจันทร์ทิ้งไป..สอนจันทร์มาตลอดถึงความเลวร้ายของผู้ชาย..แต่ในที่สุดจันทร์ก็รักกับพ่อของลูกจันจนได้..เราฝืนพรหมลิขิตไม่ได้หรอกลูก...อย่างเดียวที่เราทำได้ คือภาวนาให้ลูกจันโชคดีได้เจอผู้ชายที่ดีกว่าที่เราสองคนเจอ”
ยายแจ่มหันกลับไปมองทางพอลและลูกจัน แม่จันทร์หันไปมองตาม ทั้งสองเห็นพอลกำลังนั่งลูบหัวและเป่ายุงให้ลูกจันเบาๆอย่างทะนุถนอม

อ่านต่อหน้าที่ 3

รักนี้เจ้จัดให้ ตอนที่ 9 (ต่อ)
อาร์ตประคับประคองแก้วกาแฟอย่างทะนุถนอมพร้อมเดินยิ้มกริ่มมาตามทาง ในขณะที่จุ้มจิ้มเดินถือกล่องของขวัญเดินสวนทางมา

อาร์ตดีใจ “จุ้ม..เจอพอดีเลย..อาร์ตกำลังจะเอากาแฟไปให้”
อาร์ตยื่นกาแฟให้จุ้มจิ้มอย่างเขินๆ จุ้มจิ้มรับมาหน้าเขินไม่แพ้กัน
“ขอบคุณนะ”
อาร์ตพยักหน้ารับคำขอบคุณแล้วขยับจะเดินจากไป
จุ้มจิ้มเรียก “อาร์ต”
อาร์ตหันมองจุ้มจิ้มงงๆ
“เอ่อ...ค่ากาแฟ..”
“ไม่เป็นไร..ซื้อมาฝาก”
จุ้มจิ้มทำหน้าจริงจัง “ไม่ได้..ต้องจ่าย...” จุ้มจิ้มหลบตาอาร์ต “เอ่อ..แต่..ไม่มีแบงค์ย่อยอ่ะ...เอ้า..เอาอันนี้ไปแทนละกัน”
จุ้มจิ้มยื่นกล่องที่ถือเตรียมไว้ในมือให้อาร์ต อาร์ตยื่นมือไปรับกล่องงงๆ
“ไม่เป็น...”
จุ้มจิ้มก้มหน้าก้มตาเดินออกไปก่อนที่อาร์ตจะพูดจบ อาร์ตงง เขาก้มลงเปิดกล่องที่จุ้มจิ้มให้มา อาร์ตเห็นสร้อยที่ถูกร้อยมาอย่างสวยงามวางอยู่ อาร์ตยิ้มแฉ่ง

มินตรายิ้มร้าย บนโต๊ะมีภาพถ่ายคู่ของณัฐกับลูกจันวางอยู่ ปีโป้นั่งทำหน้าภูมิใจในความสำเร็จนั่งอยู่ตรงข้ามมินตรา
“จัดการเลยมั้ย?..ฉันจะได้รีบปล่อยรูปให้ครบทุกสื่อ” ปีโป้ว่า
มินตราเบรก “ยัง!!”
ปีโป้งง “อ้าว...ทำไมล่ะ”
“คนแบบลูกจันมันแมว9ชีวิต ตายยาก....ถ้าจะฆ่า..ต้องหาช่วงที่มันกำลังอ่อนแรงที่สุด..แล้วกระทืบซ้ำ”
ปีโป้อ้าปากค้างกับความอำมหิตของมินตรา
มินตราจ้องหน้าปีโป้ “...เชื่อฉันสิ...ช้าแต่ชัวร์..สะใจกว่า”
ปีโป้และมินตราประสานตากันแบบตัวร้ายสุดๆ

ณ ร้านกาแฟหรู ลูกจันยืนสั่งอยู่หน้าเคาเตอร์
“ลาเต้ร้อนค่ะ”
พนักงานขานออเดอร์ลูกจัน
“ลาเต้ร้อน1แก้ว....100 บาทค่ะ”
ลูกจันเปิดกระเป๋าหยิบเงินขึ้นมา ทันใดนั้นก็มีมือปริศนาแย่งส่งเงินให้พนักงานซะก่อน พนักงานรับเงินไป ลูกจันหันไปมองเจ้าของมือปริศนาก็เห็นณัฐยืนยิ้มอย่างเป็นมิตรอยู่ตรงหน้า ลูกจันมองณัฐนิ่งเม้มปากแน่นพนักงานส่งกาแฟให้ลูกจัน
“ลาเต้ได้แล้วค่ะ”
ลูกจันรับกาแฟจากพนักงานแล้วหันกลับมาทางณัฐ ณัฐยืนยิ้มรอคำขอบคุณจากลูกจัน ลูกจันมองตรงไปที่ณัฐด้วยสายตาเย็นชาแล้ววางเงินตรงหน้าณัฐ
ณัฐจ๋อย ลูกจันเดินออกจากร้าน ณัฐมองตามลูกจันแล้วครุ่นคิด

ลูกจันกำลังเดินมาที่รถ เธอกดรีโมทแล้วเอื้อมไปเปิดประตูรถ ลูกจันสะดุ้งเฮือกกลั้นหายใจ เหงื่อไหลซึมจากไรผมของเธอ ลูกจันกลืนน้ำลายเอื๊อกและมีแววตาตื่นกลัว
ลูกจันค่อยๆเหลือบตาลงมองบริเวณบั้นเอวของตัวเองซึ่งมีปืนจ่ออยู่ ลูกจันหน้าเสียกว่าเดิม ลูกจันถูกโจรคนหนึ่งใช้ปืนจี้อยู่ ส่วนโจรอีกคนยืนคุมเชิงอยู่ใกล้ๆ โจรทั้งสองสวมหมวกกันน็อคปิดบังใบหน้า
ลูกจันพูดเสียงสั่นด้วยความกลัวโดยไม่กล้าหันไปทางโจร “เงินอยู่ในกระเป๋า..เอาไปสิ”
“ใครบอกว่าพวกเราอยากได้เงิน”
ลูกจันงงจนลืมกลัว “..อ้าว..ไม่อยากได้เงินแล้วมาจี้ฉันทำไม?”
“ก็ได้ข่าวว่าเกลียดผู้ชายมาก...เลยอยากจะมาช่วยกันทำให้เธอรักผู้ชายขึ้นไง”
โจรทั้งสองประสานเสียงหัวเราะกันตามแบบอย่างของผู้ร้ายสมัยโบราณ
“ฮ่าๆๆ”
ลูกจันเบิกตากว้างและตกใจโอเว่อร์
“ห๊า...ฉันจะโดนข่มขืนเหรอเนี่ย”
โจรสั่ง “เข้าไป!!”
โจรคนหนึ่งพยายามดันตัวลูกจันเข้าไปในรถ ในขณะที่ลูกจันก็ขัดขืนอย่างเต็มที่
“ว๊ายย...อย่านะ...ช่วยด้วย..ช่วยด้วย”
ณัฐส่งเสียงดังลั่น “หยุด!!”
โจรทั้งสองและลูกจันหันขวับไปทางเสียง ทุกคนเห็นณัฐยืนอยู่อย่างเท่มาก
ณัฐพูโดด้วยเสียงและท่าอย่างหล่อ “ปล่อยลูกจันเดี๋ยวนี้”
โจรทั้งสองหันไปมองหน้ากันแล้วระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างยียวน
โจรพูดด้วยท่าพูดไม่ต่างกับผู้ร้ายในละครฉลอง “เฮ้ย...ไอ้หนุ่ม..หมูเค้าจะหามอย่าเอาคานเข้ามาสอดดีกว่า”
ณัฐไม่พูดพล่ามทำเพลงรีบวิ่งเข้าใส่โจรคนหนึ่งทันที โจรหยุดจี้ลูกจันชั่วคราวแล้วหันกลับมาเล็งปืนไปทางณัฐ ณัฐต่อยโจรจนปืนหลุดจากมือ โจรต่อยณัฐกลับแต่ณัฐก็เบี่ยงตัวหลบได้อย่างสวยงามพร้อมเหวี่ยงหมัดสวนจนโจรเซล้มไป
โจรคนนั้นดูหวาดกลัวโอเว่อร์ เขารีบหันไปเรียกโจรอีกคน
“หนีเถอะ..มันเก่งว่ะ”
ณัฐยืนเก๊กหน้าเก่งตามคำโจร
โจรอีกคนไม่ฟังลูกพี่รีบพุ่งเข้าไปต่อยณัฐ3-4หมัดจนณัฐล้มลง
ณัฐปัดป้องหมัดพร้อมมองหน้าโจรแบบงงๆ โจรคนแรกยืนตะลึงแล้วรีบวิ่งเข้าไปลากโจรอีกคนออกจากณัฐ
“เฮ้ย....พอแล้ว”
โจรทั้งสองขึ้นมอเตอร์ไซค์ขับหนีไป ลูกจันยืนอกสั่นขวัญแขวนมองตามโจรไป ลูกจันหันมามองปืนของโจรที่ตกอยู่ เธอเดินเข้าไปหยิบปืนขึ้นมา ลูกจันค่อยๆลั่นไกปืน เปลวไฟโผล่มาทางปลายกระบอกปืนเพราะว่ามันคือไฟแช็ค!!!
ลูกจันเบะปากอย่างดูถูก เธอหันมาทางณัฐ ก็เห็นณัฐกำลังนอนโอดโอยอยู่บนพื้น ลูกจันรีบเข้าไปประคองณัฐ
ลูกจันถามด้วยสีหน้าห่วงใย “เป็นไงบ้าง”
ณัฐกำลังจุกแต่ฝืนเก๊กหน้าหล่อตอบกลับมาอย่างพระเอก
“ไม่เป็นไรค่ะ...ลูกจันปลอดภัยดีใช่มั้ยคะ”
ลูกจันพยักหน้าพร้อมยิ้มน้อยๆอย่างขอบคุณ ณัฐมองรอยยิ้มของลูกจันด้วยแววตามีเลศนัย!!

พอลกำลังนั่งอ่านหนังสือภาษาอังกฤษเกี่ยวกับเรื่องท่องเที่ยวอย่างสบายใจ
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น “กริ๊งงง”
พอลหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูแล้วรับสาย
“ว่าไงพีท”
พีทมีใบหน้าสดชื่นดูสบายใจขึ้น “ไม่มีอะไรหรอก แค่จะโทรมาส่งข่าวว่าเราดีขึ้นมากแล้ว”
พอลยิ้มดีใจ “เหรอ...ดีจัง”
“เดี๋ยวถ้าเราตัดเฝือกเมื่อไหร่..นายก็จะได้กลับไปใช้ชีวิตแบบเดิมแล้วนะ”
พอลหน้าเสีย
พีทพูดต่อ “นายอดทนอีกนิดนะพอล”
พอลอึกอัก “เอ่อ....เรายังพอทนไหว...มะไม่ต้องรีบก็ได้”
พอลวางหูแล้วก็ใจหายเมื่อนึกว่าใกล้จะถึงเวลาที่ต้องจากลูกจันแล้วเหรอเนี่ย

ณ บริษัทเซเลบ อุ่นเรือน แซนดี้ อาร์ต และจุ้มจิ้มตกตะลึง ที่ลูกจันกำลังประคองณัฐเข้าไปในห้องทำงาน
จอโทรศัพท์มือถือที่ปีโป้ถือเป็นโหมดกล้องวีดีโอที่กำลังอัดการเคลื่อนไหวของณัฐและลูกจัน ณัฐกับลูกจันหายไปในห้องทำงานของลูกจัน อุ่นเรือน แซนดี้ อาร์ต และจุ้มจิ้มหันมองหน้ากันงงๆ
“พี่ลูกจันพาคุณณัฐมาที่ทำงาน” จุ้มจิ้มงง
อาร์ตเสริม “ดูญาติดีกันด้วย”
แซนดี้ตกใจ “แปลกมาก”
อุ่นเรือนพูดไม่ออกจึงตอบรับสั้นๆ “ค่ะ!”
ทุกคนหันไปมองอุ่นเรือนพร้อมกันว่าพูดได้แค่เนี้ย ปีโป้ที่อยู่ในอีกมุมหนึ่งกำลังยืนคุยโทรศัพท์กับมินตรา
“ฉันว่า...ใกล้หมดเวลาของลูกจันแล้วล่ะ”
ปีโป้ยิ้มร้าย

พอลโผล่หน้าเข้ามาในห้องลูกจันพร้อมส่งเสียงทักอย่างร่าเริง
“ลูกจั.......”
พอลเห็นลูกจันกำลังนั่งทำแผลให้ณัฐในระยะใกล้ชิดก็อึ้งไป ลูกจันหันมามองพอล
“อ้าวพีท....แวะมากินข้าวเที่ยงกับฉันเหรอ”
พอลพยักหน้ารับแต่ตายังแอบเหลือบไปทางณัฐ ณัฐเหลือบตามองพอลอย่างหวาดระแวงเพราะคิดว่าเป็นพีท
“งั้นเดี๋ยวเราไปพร้อมกันเลยก็แล้วกัน”
พอลงงกับคำว่า"เรา"!

อาหารถูกกินจนหมด พนักงานเอาบัตรเครดิตมาคืนลูกจัน
ลูกจันพูดกับณัฐเสียงเรียบๆ “มื้อนี้ถือว่าฉันเลี้ยงขอบคุณที่คุณช่วยฉันวันนี้ก็แล้วกัน
“ขอบคุณค่ะลูกจัน..ที่จริงไม่ต้องเลี้ยงก็ได้..พี่เต็มใจปกป้องลูกจันอยู่แล้ว”
พอลมองเหล่ๆ และคิ้วขมวดสเต็ป1
“แล้ว..” ลูกจันมองไปที่แผลบนหน้าณัฐก่อนถาม “..ยังปวดอยู่มั้ย”
ณัฐทำเสียงออดอ้อนและตาหวานใส่ลูกจัน “ก็..เริ่มปวดแล้วค่ะ...สงสัยจะอักเสบ”
พอลยังคงมองแล้วขมวดคิ้วสเต็ป2
ลูกจันยื่นมือไปจับหน้าณัฐ ค่อนข้างแรง
ลูกจันถาม “เจ็บตรงไหน”
ณัฐเจ็บจริง “โอ๊ย”
“อุ๊ย...ขอโทษ”
พอลห็นลูกจันชักจะใกล้ชิดณัฐเกินไปแล้ว พอลก็ขมวดคิ้วสเต็ป3 ด้วยติ้วที่กระตุกมาก!!!

ณัฐกำลังนั่งหัวเราะหึๆ ในขณะที่เขากำลังนั่งบิ๊วอารมณ์อยู่คนเดียวในห้องทำงานจากหัวเราะแค่มุมปากก็ค่อยๆเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ...จนเจ็บแผล
“หึๆ....ฮ่าๆๆ...โอ๊ย”
ณัฐเอามือจับรอยช้ำที่หน้า
เสียงเคาะประตูดังขึ้น “ก๊อกๆ”
“เข้ามา” ณัฐว่า
เมย์ เลขาของณัฐเดินเข้ามา
เมย์อ้ำอึ้ง “เอ่อ...มีแขกมาขอพบคุณณัฐค่ะ”
“ใคร?”
“บอกว่าชื่อศักดิ์ค่ะ...แต่ท่าทางแปลกๆนะคะ..คือ...
ณัฐตัดบท “ให้เข้ามา”
เมย์มองณัฐงงๆ “...เอ่อ...ค่ะ”
เมย์เดินออกไปนอกห้อง
เสียงเคาะประตูดัง “ก๊อกๆ”
ประตูเปิดออก ชายหน้าตานักเลงคนหนึ่งเดินเข้ามา แม้จะไม่ได้ใส่หมวกกันน็อคแต่เสื้อผ้าก็บอกชัดว่าเป็นโจรคนหนึ่งที่เพิ่งจี้ลูกจันเมื่อเช้า ณัฐทำหน้าไม่สบอารมณ์ใส่ชายคนนั้น
“สั่งแล้วใช่มั้ยว่าไม่ให้มาที่นี่”
“ผมร้อนเงินน่ะนาย..ลูกต้องจ่ายค่าเทอมพรุ่งนี้ เลยมาขอรับค่าจ้างก่อน”
ณัฐเดินไปหยิบซองใส่เงินโยนไปบนโต๊ะ
โจรรีบเดินไปหยิบซองขึ้นมาเปิดดู หลังจากนับด้วยสายตาอยู่พักหนึ่งจึงเงยหน้าขึ้นพูดกับณัฐอย่างไม่พอใจ
“ทำไมมันน้อยกว่าที่เราตกลงกันล่ะครับ”
ณัฐตอบเสียงห้วนๆ “ก็ลูกน้องมึงเล่นทำเกินแผนที่กูบอก..ต่อยกูซะเกือบหน้าแหก...กูจ่ายให้แค่นี้ก็บุญแล้ว”
โจรมองตรงไปที่ณัฐอย่างไม่พอใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้
“กลับไปไล่ไอ้ลูกน้องโง่ๆของมึงออกไปซะเลยนะ...ทำงานโง่ๆแบบนี้..กูไม่เลี้ยงไว้ให้เปลืองข้าวสุกหรอก” ณัฐว่า
“แต่ตอนคุณอิงอรก็ใช้แผนนี้...นายยังเคยชมว่าไอ้ใบมันเล่นได้สมจริงดี”
“ก็ตอนนั้นมันเล่นดี..แต่ตอนนี้มันเล่นเกิน...ไม่ต้องพูดมาก..กูบอกให้ไล่ออกก็ไล่ออกสิ...แล้วรีบออกไปได้แล้ว เดี๋ยวใครมาเจอเข้าจะสงสัย”
โจรรับคำอย่างไม่เต็มใจ “ครับนาย”
โจรเดินออกไปจากห้อง ณัฐยิ้มปลื้มกับความสำเร็จของแผนตัวเอง
เสียงเคาะประตูดังอีก “ก๊อกๆ”
ณัฐคิดว่าโจรจึงตวาด “กลับมาทำไมอีก”
อิงอรงง “อรเองค่ะพี่ณัฐ”
ณัฐรีบหันมามองอิงอร
“ขอโทษค่ะอร พี่คิดว่าพวก..เอ่อ..พวกลูกน้องน่ะ”
อิงอรจ้องไปที่ใบหน้าณัฐที่เป็นรอยฟกช้ำดำเขียว
“กรี๊ดด”
อิงอรกรี๊ดพร้อมวิ่งเข้ามาดูหน้าณัฐใกล้ๆ
“พี่ณัฐ..เป็นอะไรคะเนี่ย..ใครทำพี่ณัฐคะ”
ณัฐตีหน้าเศร้า “อ๋อ...ก็พอดีพี่เจอโจรมันกำลังจี้...”
อิงอรขัดขึ้นมาอย่างไม่พอใจ “อย่าบอกนะคะว่าพี่ณัฐไปช่วยผู้หญิงที่กำลังโดนโจรจี้..เหมือนที่เคยช่วยอร”
ณัฐอ้อน “ไม่เหมือนหรอกค่ะ...ยายคนที่พี่ช่วยเค้าอายุเกือบ80แล้วมั้ง..ไม่สาวไม่สวยเหมือนอรซักหน่อย”
อิงอรยิ้มออก “งั้นก็แล้วไป” อิงอรจับหน้าณัฐเบาๆ “แต่ทำไมคราวนี้พี่ณัฐโดนเยอะจังคะ..ตอนช่วยอรน่ะพี่ณัฐชนะพวกโจรได้สบายๆเลยนี่”
“เอ่อ...ก็..ก็คราวนี้มันมากันเยอะอ่ะ...เอ่อ..เกือบ10คนแน่ะ”
“ห๊า..10 คน??” อิงอรตกใจ “มารุมจี้คนแก่คนเดียวเนี่ยนะ?”
ณัฐพยักหน้าไปส่งๆ
อิงอรพูดโดยยังจ้องหน้าณัฐอยู่ “เลว!!”
ณัฐสะดุ้ง
อิงอรเพิ่งรู้ตัวว่าพูดคำว่าเลวใส่หน้าณัฐ “คือ..อรด่าไอ้พวกโจรน่ะค่ะ”
ณัฐยิ้มแหยๆ เพราะโดนเต็มๆ

พอลเห็นลูกจันนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะใกล้ขึ้นเรื่อยๆ
ลูกจันพูดทั้งที่ยังก้มหน้าทำงาน “นี่ถ้าไม่รู้ว่าแกเป็นเกย์ ฉันต้องคิดว่าแกกำลังแอบรักฉันนะเนี่ย”
ลูกจันหันมาสบตากับพอลที่กำลังยื่นหน้ามามองลูกจันอยู่ พอลสะดุ้ง
“จะมองอะไรกันหนักหนายะ” ลูกจันถาม
พอลอึกอัก “เอ่อ...มอง..เอ่อ..คือ..เหมือน..เหมือนจะเห็นตีนกา”
ลูกจันช็อคมากจนตาโตเลยทีเดียว “ว๊ายย”
ลูกจันรีบลนลานเปิดตลับแป้งอย่างเสียขวัญ
“กรี๊ดดดด..ไหน..ไหน..ตีนกาอยู่ไหน”
ลูกจันส่องซ้ายขวาบนล่างจนทั่วเพื่อหารอยตีนกา
ลูกจันหันมามองพอลด้วยความหงุดหงิด “ไม่มีซะหน่อย...บ้าจริง..ใจหายหมดเลย”
พอลยิ้มแหยๆ “ขอโทษที..ฉันคงตาฝาดไปน่ะ”
ลูกจันค้อน “อย่าตาฝาดบ่อยนะยะ..ฉันหัวใจจะวาย” ลูกจันนึกได้ “เอ๊ะ..วันนี้มันคิวถ่ายของแกนี่..ไม่ไปถ่ายเหรอ”
“พี่แมนยังไม่ออกจากโรงพยาบาล เลยต้องยกกองไปก่อน” พอลบอก
“โห...งี้กว่าจะได้ปิดกล้องคงเป็นปี..ผู้จัดคงกัดลิ้นเลยเนอะ”
พอลพยักหน้า
“ถ้าแกเหงา..แกมาออฟฟิศกับฉันทุกวันก็ได้นะ” ลูกจันบอก
พอลยิ้มกว้างเพราะอยากมามาก

จุ้มจิ้ม อุ่นเรือน และแซนดี้กำลังนั่งคุยกันตามประสาสาวๆ อาร์ตที่ใส่สร้อยที่จุ้มจิ้มให้เดินผ่านมาเห็น อาร์ตมองโฟกัสไปที่จุ้มจิ้มคนเดียวแล้วก็คิดว่าน่ารักอ่ะ อาร์ตเดินตรงเข้ามา
“คุยอะไรกันจ๊ะสาวๆ...ขอคุยด้วยคนสิ”
อาร์ตแอบสบตากับจุ้มจิ้ม จุ้มจิ้มเขินจึงหลบตา
แซนดี้ดี๊ด๊า “ได้สิ..นั่งด้วยกันเลยอาร์ต”
อุ่นเรือนมองไปที่สร้อยของอาร์ต
“อุ๊ย...สร้อยสวยจังอาร์ต”
อาร์ตก้มลงไปมองสร้อยพร้อมจับอย่างทะนุถนอม
“มีคนให้มาน่ะ”
อาร์ตยิ้มๆ แล้วแอบเหลือบมองจุ้มจิ้ม จุ้มจิ้มอายหน้าแดงแต่แกล้งทำไม่รู้ไม่ชี้
อุ่นเรือนแซว “ดูปลื้มขนาดนี้..คนที่ให้มาคงเป็นคนพิเศษเนอะ”
แซนดี้ทำหน้าไม่สบายใจก่อนจะหันไปหามองอาร์ตเพื่อรอคำตอบ
อาร์ตพูดเสียงหนักแน่น ตาเป็นประกาย “พิเศษมาก!!”
แซนดี้เซ็ง อาร์ตกับจุ้มจิ้มแอบสบตากันแบบเขินปนแฮปปี้

ณัฐมองท่อนอกกำยำที่เปลือยเปล่าของนายแบบแต่ล่ะคนที่กำลังยืนเปลือยแผงอกให้ณัฐเลือกอยู่ในห้องทำงาน โดยมีเมย์ยืนอยู่ใกล้ๆ ณัฐมองหน้านายแบบทีละคนจนมาถึงคนสุดท้าย นายแบบคนสุดท้ายมองตรงมาที่ณัฐด้วยแววตาอะไรบางอย่าง ณัฐมองตอบแบบผีเห็นผี ณัฐยิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนจะพูดกับนายแบบคนสุดท้าย
“วันอาทิตย์นี้แวะไปหาผมที่คอนโด...ผมจะให้คุณดูreferanceปกที่จะให้คุณถ่าย”
นายแบบหนุ่มตาเป็นประกายลิงโลด
นายแบบคนนั้นยกมือไหว้ณัฐ “ขอบคุณครับ”
ณัฐและนายแบบคนสุดท้ายสบตากันอย่างมีความหมายเพราะต่างเข้าใจในความต้องการของกันและกัน
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น “กริ๊งง”
ณัฐเหลือบมองโทรศัพท์แล้วขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นเบอร์โทรเข้า
ณัฐพูดกับเมย์ “จัดการเรื่องแผนที่คอนโดผมให้นายแบบด้วย”
“ค่ะ”
เมย์และนายแบบทั้ง4เดินออกไปจากห้อง
ณัฐกดรับสายด้วยเสียงเย็นชา “ว่าไงแฟรงกี้?”

เสียงเคาะประตูดังก๊อกๆ อุ่นเรือนเดินถือเทสเตอร์เครื่องสำอางค์ที่มีลิปบาล์ม แป้งฝุ่น มาสคาร่า ขนตาปลอมเข้ามาในห้อง
“สินค้าใหม่ค่ะพี่ลูกจัน..เป็นเครื่องสำอางค์สำหรับผู้ชาย...เพิ่งจะมาลงโฆษณากับเรา..ลูกค้าอยากให้พี่ลูกจันเป็นคนเขียนรีวิวสินค้าค่ะ”
“โอเคจ้ะ..เดี๋ยวพี่จัดการให้”
อุ่นเรือนเดินออกไปจากห้อง
ลูกจันเหลือบตาเจ้าเล่ห์มาทางพอล “พีท”
พอลเหล่มองลูกจันอย่างไม่ไว้ใจ “ว่า?”
ลูกจันยิ้มประจบ “แกช่วยเป็นหนูทดลองสินค้าให้ฉันหน่อยสิ..ฉันจะได้เขียนรีวิวได้..นะๆ”
พอลมองถาดสินค้าพลางคิดในใจว่าจะทาเป็นมั้ยมาสคาร่าเนี่ย!
“เอ่อ...ฉัน..ฉันขี้เกียจอ่ะ”
“ไม่เป็นไร..แกไม่ต้องทำอะไรเลย...แค่นั่งเป็นหุ่นเฉยๆ..แล้วบอกความรู้สึกหลังใช้ก็พอ”
ลูกจันไม่รอฟังคำตอบ เธอรีบขยับร่างมาหาพอลพร้อมหยิบลิปบาล์มมาทาไปที่ปากพอล พอลเผยอปากรับลิปบาล์ม ลูกจันทาลิปบาล์มอย่างนุ่มนวล พอลมองหน้าลูกจันที่อยู่ในระยะห่างแค่คืบเท่านั้น
พอลเห็นลูกจันสวยสะท้านทรวงมากก็เคลิ้มมมมมม
“เป็นไงมั่งแก” ลูกจันถาม
พอลยังเคลิ้มอยู่ “อือ...นุ่มม” พอลหมายถึงนิ้วลูกจันที่สัมผัสปากเขา
ลูกจันหยิบสมุดกับปากกามาจด “...อือ..เนื้อลิปนุ่มดีนะ...แล้วอื่นๆล่ะ..ความมัน..รสชาติล่ะเป็นไง”
พอลยังไม่หายเคลิ้ม “ดี...ดีมากเลย”
“โห...งี้ต้อง5ดาวนะ”
ลูกจันวาดดาวที่คำว่า"ลิปบาล์ม" ไป 5 ดาว เธอหันไปหยิบแป้งฝุ่นต่อ ลูกจันก้มอ่านฉลาก
“ต่อไป..แป้งฝุ่นระงับความมันบนใบหน้า”
ลูกจันค่อยๆตบแป้งบนหน้าพอล ลูกจันเข้ามาอยู่ใกล้พอลมาก
“เอ้า..หลับตาสิ..ฉันจะตบเปลือกตา”
พอลหลับตาแต่แอบหรี่ข้างนึงมองลูกจัน เขาเห็นลูกจันในมุมที่หรี่ตาปรือแต่ยังสวย ลูกจันเอียงหน้าตบแป้งให้พอลอย่างตั้งอกตั้งใจจนติ่งหูเกือบชิดจมูกพอล พอลแอบสูดกลิ่นหอมจากตัวลูกจันอย่างชื่นใจ
ลูกจันตบแป้งไปถามไป “เป็นไงมั่งแก”
พอลยังแอบดมลูกจันอย่างเพลิดเพลิน “อือ...หอมดี”
ลูกจันชะงักก่อนจะหยิบกระปุกแป้งฝุ่นมาอ่านฉลาก
“หอมเหรอ??..เอ๊ะ..ไหนเค้าบอกว่าไม่ได้ผสมน้ำหอมไง”
ลูกจันลองดมแป้งฝุ่น
“ไม่เห็นมีกลิ่นเลยพีท...จมูกแกเพี้ยนแล้ว..ป่วยป่ะเนี่ย?”
พอลจ๋อย “อ้าว..เหรอ..เอ่อ..สงสัยเป็นหวัด..จมูกมันรับกลิ่นไม่ค่อยดีอ่ะ”
พอลยิ้มแหยๆ ก่อนจะหลบตาลูกจันวูบ

ดอกไม้ในแจกันใบใหญ่วางอยู่ตรงหน้าณัฐ
“คุณอิงอรส่งมาค่ะ” เมย์บอก
ณัฐพยักหน้ารับอย่างไม่สนใจ เมย์เดินออกไปจากห้อง ณัฐหยิบการ์ดที่แนบมากับแจกันมาเปิดอ่าน ที่การ์ดเขียนว่า"หายเร็วๆนะคะคนดี...รักค่ะ..อร"
ณัฐเบะปากดูถูกความหลอกง่ายของอิงอร เขาหันกลับจะไปทำงานต่อแต่แล้วก็ชะงักเหมือนคิดอะไรได้ ณัฐหันมามองแจกันดอกไม้อีกที แล้วณัฐก็ยิ้มอย่างมีแผน

เสียงลูกจันพูด “ต๊าย..ดูดีอ่ะ”
ลูกจันยืนทำหน้าปลื้มปริ่มที่เห็นพอลถูกจับติดขนตาแน่น
พอลหน้าหงิก “หรา?”
ลูกจันมิได้นำพาการประชดของพอล “อือ..เดี๋ยวปัดมาสคาร่าตามอีกนิด เริ่ด!!!”
ลูกจันหันไปหยิบมาสคาร่า
เสียงเคาะประตูดังขึ้น
อุ่นเรือนเดินเข้าห้องมาพร้อมดอกไม้ในแจกันใบใหญ่แบบเดียวกับที่อิงอรส่งให้ณัฐ
“ดอกไม้จากคุณณัฐค่ะ”
ลูกจันหน้านิ่งจนเดาอารมณ์ยาก แต่พอลทำหน้าเดาอารมณ์ง่ายมากเพราะกระตุกชัด

แจกันดอกไม้วางอยู่ตรงหน้าลูกจัน ลูกจันกำลังโทรหาณัฐ
ลูกจันพูดเสียงนิ่งๆ “จะส่งมาปลอบขวัญฉันทำไม..ฉันสิควรปลอบขวัญคุณมากกว่า” ลูกจันฟัง “ก็ได้ค่ะ”
ลูกจันวางสายแล้วหันมาทางพอลที่ฟอร์มทำเหมือนไม่สนใจแต่เอียงหูจนห้อยแล้ว
“พีท..ถ่ายรูปฉันกับดอกไม้นี่หน่อย” ลูกจันบอก
พอลพูดเสียงเกเร “ถ่ายทำไม”
“คุณณัฐเค้าขอให้ส่งให้เค้าดูหน่อย...ก็ทำให้เค้าหน่อยแล้วกัน..คิดซะว่าตอบแทนที่เค้าช่วยฉันเมื่อเช้า”
“ก็เลี้ยงข้าวไปแล้วไง”
“เอาน่า..ถ่ายๆไปเถอะ..เร็วสิ”
ลูกจันเอาหน้าแนบแจกันดอกไม้ พอลหมั่นไส้มาก พอลรับมือถือของลูกจันมากดถ่ายไปมั่วๆ ลูกจันรับมือถือกลับมาเช็ครูปก็เห็นว่ารูปมัวมาก
ลูกจันโวย “อะไรของแกเนี่ย..เบลอเชียะ..ยังกะภาพถ่ายติดวิญญาณ”
พอลหน้าคว่ำ “ก็ฉันถ่ายไม่เก่งอ่ะ..เป็นดารา..ไม่ใช่ช่างภาพอาชีพ!”
ลูกจันยังไม่เก็ทว่าพอลแอบหึง “เอาล่ะๆ..งั้นถ่ายใหม่อีกที”
ลูกจันแนบหน้ากับแจกันดอกไม้อีกครั้ง พอลกระตุกอีกหน เขาเล็งโฟกัสที่มือถืออย่างตั้งใจแล้วกดชัตเตอร์ก่อนจะส่งมือถือคืนลูกจัน
“แค่นี้นะ...เบื่อแล้ว...จะไปเดินเล่น”
พอลเดินหน้าหงิกออกจากห้องไปแบบงอนๆท่ามกลางความงงๆของลูกจัน “อ้าว....”
ลูกจันส่ายหัวให้ความผีเข้าผีออกของเพื่อนแล้วก้มหน้าลงเช็ครูปในมือถือ เธอเห็นภาพที่พอลถ่ายมาเป็นรูปแจกันดอกไม้เต็มๆกับปลายติ่งหูของลูกจัน ลูกจันหน้าเหวอกับภาพคู่ดอกไม้ที่พอลทิ้งไว้ให้

ณัฐหน้านิ่งแต่แววตาไม่พอใจ
แฟรงกี้พูดด้วยแววตาและสำเนียงขู่กลายๆ “ไอ้เรื่องที่พี่กระทืบพี่พีทเกือบตายนั่นน่ะก็มีผมคนเดียวที่อยู่ในเหตุการณ์..ผมก็กลัวว่าพี่พีทเค้าจะเอาผมเป็นพยานถ้าเรื่องถึงตำรวจ..ผมก็เลยไม่ค่อยได้รับงานเพราะจะหลบพี่พีท...แต่พอไม่รับงาน..มันก้อ”
ณัฐตัดบท “จะเอาเท่าไหร่?”
“ก็..ซัก5แสนก่อนก็แล้วกันครับ..ถ้าหมดแล้วผมค่อยมารบกวนพี่ใหม่”
ณัฐพยายามสะกดอารมณ์
ณัฐพูดเสียงเหี้ยม “ได้...เดี๋ยวพี่จะรีบจัดการให้"
แฟรงกี้ไม่สังเกตเห็นอาการของณัฐ เขารินสาเกจิบอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง

ณัฐแอบคุยโทรศัพท์กับนักเลงที่ห้องน้ำ
“รีบมาจัดหนักให้มัน..วันนี้เลย!”
ณัฐวางหูด้วยสีหน้าอำมหิต

ประตูห้องส่วนตัวที่แฟรงกี้นั่งอยู่ถูกเปิดออก แฟรงกี้เงยหน้ามองเห็นพอลยืนอยู่หน้าประตู แฟรงกี้ตกใจมาก
“อ้าว แฟรงกี้”
“เอ่อ...พะพี่พีท”
พอลกวาดตามองไปที่โต๊ะอาหารก็เห็นจานวางอยู่ 2ชุดโดยมีรอยกินไปบ้างแล้ว
“มากับใครเหรอแฟรงกี้” พอลถาม
แฟรงกี้มีพิรุธมากมาย “เอ่อ..มะมาคนเดียวครับ”
พอลขมวดคิ้วเพราะรู้ทันทีว่าแฟรงกี้โกหก พนักงานเสิร์ฟเดินเข้ามา
พนักงานพูดกับพอล “ขอโทษค่ะ..พนักงานบอกเลขที่ห้องผิด..ห้องคุณอยู่ทางโน้นค่ะ”
พอลพูดกับพนักงาน “ครับ”
พอลหันกลับมาทางแฟรงกี้ก่อนจะจ้องหน้ามองหาพิรุธ
“ขอโทษที่รบกวนนะ”
แฟรงกี้หลบตาพอล “ครับ”
พอลปิดประตูห้องแล้วเดินจากไป แฟรงกี้หน้าซีดเผือด

ณัฐหน้าเครียดขณะคุยโทรศัพท์กับแฟรงกี้
“งั้นพี่ไม่กลับเข้าไปแล้วนะ...ไม่อยากเจอพีท” ณัฐฟัง “อ๋อ..เรื่องเงินน่ะเหรอ..ก็บอกแล้วไงว่าจะ"จัดการให้"..รอแป๊บนึงนะ”
ณัฐวางสายพร้อมยิ้มเหี้ยม

พอลนั่งกินอาหารด้วยสีหน้าครุ่นคิด พอลคิดย้อนไปเป็นภาพหน้าแฟรงกี้ที่ดูตกใจตอนเจอหน้าเขา คำพูดของแฟรงกี้ที่บอกว่า"มาคนเดียว"ขัดแย้งกับภาพอาหาร2ชุดที่พอลเห็น พอลประมวลเรื่องราวแล้วขมวดคิ้ว เขาคิดว่าคนที่มากับแฟรงกี้น่าจะเกี่ยวกับเรื่องที่พีทโดนทำร้าย พอลตัดสินใจลุกออกจากห้องไป

พอลเปิดประตูห้องอาหารอย่างแรง เขาเห็นโต๊ะว่างเปล่า จานอาหารทั้งหมดถูกเก็บเรียบร้อยแล้ว พอลเจ็บใจที่พลาดไปนิดเดียว

อ่านต่อหน้าที่ 4


รักนี้เจ้จัดให้ ตอนที่ 9 (ต่อ)
แฟรงกี้เดินมาที่รถ นักเลงสองคนพุ่งเข้ามาหาแฟรงกี้อย่างไม่ให้ตั้งตัว

แฟรงกี้โดนอัดน่วมจนล้มลงไปบนพื้น นักเลงคนหนึ่งเงื้อเท้าจะกระทืบที่กลางอก นักเลงอีกคนดึงแขนนักเลงคนนั้นเอาไว้
“เฮ้ย..พอแล้ว..นายบอกเอาให้หนัก..แต่อย่าให้ถึงตาย..เดี๋ยวตำรวจสาวไปถึงนาย”
นักเลงทั้งสองขี่มอเตอร์ไซค์ออกไป แฟรงกี้เละ
แฟรงกี้ครางออกมาเบาๆ “พี่พีท”
แล้วแฟรงกี้ก็หมดสติไป

พอลกำลังก้มลงไปคุยกับใครบางคนอย่างอ่อนโยน
“ระวังนะครับ”
พอลกำลังช่วยพาคุณยายคนหนึ่งข้ามถนน พอลกับคุณยายข้ามถนนมาได้โดยสวัสดิภาพ
คุณยายพูดไปไอไป “ขอบใจนะลูก”
คุณยายพูดไปไอไปอย่างหนัก จังหวะหนึ่งคุณยายก็ไอใส่หน้าพอลเต็มๆ คุณยายรีบเอาผ้าเช็ดหน้ามาปิดปาก พอลมองคุณยายด้วยความเป็นห่วง
“คุณยายไอเยอะจัง..ไม่สบายรึเปล่าครับ..ผมพาไปหาหมอมั้ยครับ”
คุณยายส่ายหัวไปไอไป
“ไม่เป็นไรหรอกลูก..ยายไอแบบนี้มาหลายปี..ชินแล้วล่ะ”
คุณยายไออย่างหนักอีกครั้งก่อนจะเอาผ้าเช็ดหน้าลง ผ้าเช็ดหน้าในมือยายมีคราบเหมือนเลือดติดอยู่จางๆ
“ยายไปก่อนนะลูก..ขอให้เจริญๆนะ”
พอลยกมือไหว้คุณยายอย่างอ่อนน้อม คุณยายเดินไอจากไป บริเวณเสื้อพอลที่โดนคุณยายไอใส่มีคราบแดงๆคล้ายคราบเลือดติดอยู่ด้วย

ณัฐกำลังคุยโทรศัพท์กับแฟรงกี้
ณัฐแปลกใจ “พีทเหรอ?” ณัฐยิ้มเจ้าเล่ห์ “อือ..ก็เป็นไปได้นะ..เค้าคงส่งคนมาแก้แค้น” ณัฐฟังแล้วก็ตกใจ “อย่า...เอ่อ..พี่ว่าอย่าแจ้งความเลย..ถ้าตำรวจสอบสวนแล้วพีทแจ้งความกลับเรื่องที่เราเคยทำกับเค้า..เราจะเดือดร้อนนะ” ณัฐฟัง “ดีๆ..หลบไปอยู่ต่างจังหวัดซักพักจะปลอดภัยกว่า” ณัฐฟัง “อือ..ไม่ต้องห่วง..พี่จะระวังตัว”
ณัฐวางสายแล้วยิ้มเยาะความโง่ของแฟรงกี้

อุ่นเรือนเดินถือแฟ้มพะรุงพะรังเดินมาตามทาง ทันใดนั้นก็มีโจรวิ่งมากระชากกระเป๋า อุ่นเรือนมัวแต่ตกใจกว่าจะร้องให้คนช่วย โจรก็วิ่งลับตาไปแล้ว
อุ่นเรือนร้องไห้ “ช่วยด้วยค่ะ..ช่วยด้วย..ฮือๆๆ”
อุ่นเรือนทำใจว่าคงไม่ได้กระเป๋าคืนแล้วจึงก้มตาก้มตาเก็บแฟ้มไปร้องไห้ไป กอล์ฟยื่นกระเป๋ามาให้
“ของคุณใช่มั้ยครับ”
อุ่นเรือนดีใจจึงรีบเงยหน้ามองเจ้าของมือคู่นั้น
กอล์ฟ...ชายผู้เป็นฮีโร่ยืนยิ้มอยู่ตรงหน้าอุ่นเรือนอย่างหล่อ อุ่นเรือนแอบกรี๊ดอยู่ในใจ

อุ่นเรือนมีท่าทางสะเทิ้นอาย
“ชื่ออุ่นเรือน..เอ๊ย..แอนนี่...เอ่อ..คือจริงๆชื่ออุ่นเรือนค่ะ..แต่เจ้านายบอกว่าเชยให้เปลี่ยนเป็นแอนนี่”
อุ่นเรือนนั่งคุยอยู่กับกอล์ฟ กอล์ฟยิ้มหล่อใส่อุ่นเรือน
“ผมว่าชื่ออุ่นเรือนน่ารักดีออกครับ..ฟังดูไทยๆ...แล้วก็อุ่นๆดีด้วย”
อุ่นเรือนยิ้มปลื้มที่มีคนชมชื่อแสนเชยของตัวเอง
“งั้นเรียกอุ่นว่าอุ่นเฉยๆก็ได้ค่ะ”
“งั้นก็เรียกผมว่ากอล์ฟเฉยๆนะครับ”
“ค่ะคุณกอล์ฟเฉยๆ”
“แน่ะ!!” กอล์ฟหัวเราะเอ็นดูมุกของอุ่นเรือน
อุ่นเรือนหัวเราะตามแล้วโลกก็สดใสเป็นสีชมพู

วันต่อมา อาร์ตเดินดมดอกไม้ที่ตั้งใจเอาให้จิ้มจุ้มมาอย่างมีความสุข อุ่นเรือนแต่งตัวสวยเดินสวนมาพอดี
อาร์ตมองอุ่นเรือนอย่างแปลกใจ “โห..แอนนี่..ทำไมวันนี้สวยจัง”
อุ่นเรือนเขิน “ก็..วันนี้เรามีนัดอ่ะ”
อาร์ตทำหน้าแซว
“ฮั่นแน่..แต่งตัวขนาดนี้คงไม่ใช่นัดธรรมดาแระ”
อุ่นเรือนยิ่งเขินหนักเลยพยายามเปลี่ยนเรื่อง
“ดอกไม้สวยเชียว..เอามาให้ใครน่ะ”
อาร์ตอึ้งเพราะถูกถามกะทันหันไม่ทันเตรียมคำตอบ “เอ่อ..คือ...เอ่อ..”
อุ่นเรือนทำหน้ารู้ทัน “อ๋อ...รู้แล้ว...เอามาให้พี่ลูกจันใช่ม้า..นี่มันดอกไม้โปรดของพี่ลูกจันนี่”
“เอ่อ...เปล่า..คือ...”
“ไม่ต้องเขินหรอกน่า...มาเดี๋ยวเราเอาไปใส่แจกันให้นะ”
อุ่นเรือนคว้าเอาดอกไม้ไปจากมืออาร์ตแล้วเดินไป อาร์ตยังยืนอึ้งอยู่

อุ่นเรือนเดินมาตามทาง จุ้มจิ้มเดินสวนมาเห็นอุ่นเรือน
“แอนนี่”
อุ่นเรือนหยุดเดิน
จุ้มจิ้มมองสำรวจอุ่นเรือน “วันนี้สวยเชียว”
อุ่นเรือนยิ้มภูมิใจปนเขิน จุ้มจิ้มเห็นดอกไม้ของอาร์ตที่อุ่นเรือนถืออยู่
“ดอกไม้สวยจัง...หอมเชียว”
“อาร์ตเค้าเอามาให้พี่ลูกจันน่ะ”
จุ้มจิ้มชะงัก
อุ่นเรือนพูดต่อ “ทำคะแนนสู้ตายแบบนี้...ซักวันพี่ลูกจันคงใจอ่อนเนอะ”
จุ้มจิ้มฝืนพยักหน้ารับคำอุ่นเรือนแต่แววตาสลดลง

ลูกจันกำลังเดินลงบันไดในชุดเตรียมไปทำงาน
พอลไอ “แค่กๆๆๆ”
ลูกจันขมวดคิ้วก่อนจะรีบก้าวเท้าลงบันได พอลนั่งไออยู่ที่โซฟา ข้างหน้ามีกาแฟวางอยู่ ลูกจันรีบเข้าไปหาพอล
“เป็นอะไรน่ะพีท..ทำไมไอเยอะจัง..ไม่สบายเหรอ”
“อืม..นิดหน่อย” พอลไอต่อ
ลูกจันเอามือไปอังหน้าผากพอล
ลูกจันตกใจโอเว่อร์ “ว๊าย...ตัวร้อนด้วย..ไปหาหมอมั้ยแก?”
“ไข้ต่ำๆเท่านั้นแหละ..เดี๋ยวกินยาแล้วนอนพักซักหน่อยก็หาย” พอลไออีก
ลูกจันมองพอลด้วยความเป็นห่วง
“ไข้ต่ำแต่แกไอเยอะขนาดนี้...ไหวมั้ยอ่ะ”
พอลยังไออย่างต่อเนื่อง ลูกจันละล้าละลัง
“เอางี้..แกกินยาแล้วนอนไปก่อน..เดี๋ยวฉันรีบไปเคลียร์งานที่ออฟฟิศแล้วจะรีบกลับมาอยู่เป็นเพื่อนนะ”
พอลพยักหน้ายิ้มๆอย่างรู้สึกดีแล้วก็ไอต่อ ลูกจันมองอาการของพอลอย่างไม่สบายใจ

อาร์ตนั่งอยู่ จุ้มจิ้มเดินผ่านมา
อาร์ตลุกขึ้นอย่างดีใจ “จุ้ม”
จุ้มจิ้มหันมามองอาร์ตด้วสายตาเย็นชา อาร์ตยังไม่รู้ตัวจึงหาเรื่องชวนคุยต่อ
“วันนี้อาร์ตเอาดอกไม้....”
จุ้มจิ้มสวนขึ้นมาทันที “มาให้พี่ลูกจัน...เห็นแล้ว...สวยดีนะ” จุ้มจิ้มทำเสียงประชด
อาร์ตกำลังจะอธิบาย
“เปล่านะจุ้ม....คือ...”
ลูกจันเรียก “อาร์ต”
ลูกจันเดินมาเรียกอาร์ตพอดี
“พี่มีงานด่วนให้ทำ..ตามพี่ไปที่ห้องหน่อย”
อาร์ตละล้าละลังแต่ก็ไม่มีทางเลือก “เอ่อ..ครับๆ”
อาร์ตพยายามหันมาสบตาจุ้มจิ้ม จุ้มจิ้มเมินไม่ยอมสบตาด้วย อาร์ตจำใจต้องเดินตามลูกจันออกไป จุ้มจิ้มมองตามหลังลูกจันและอาร์ตอย่างเศร้าๆ

พอลยังนอนอยู่ที่โซฟา บนโต๊ะมีร่องรอยการแกะยากิน พอลยังคงไออย่างหนักและมีอาการน่าเป็นห่วง

ลูกจันกำลังเร่งเซ็นเอกสารและตรวจงาน เธอยกนาฬิกาขึ้นดูอย่างกระวนกระวายเพราะเป็นห่วงพอล เวลาผ่านไป ลูกจันเซ็นเอกสารแผ่นสุดท้ายเสร็จ ลูกจันรีบลุกออกจากโต๊ะอย่างร้อนใจ

อุ่นเรือนมีดวงตาเป็นประกายอย่างมีความสุข เธอกำลังคุยโทรศัพท์หงุ๋งหงิ๋งชนิดที่ดูปุ๊บรู้ปั๊บว่าคุยกับผู้ชายชัวร์
“ก็ถ้าไม่ดึกมากที่บ้านก็ไม่ว่าค่ะ” อุ่นเรือนฟัง “ค่ะ..ค่ะ...งั้นเย็นนี้เจอกันที่เดิมนะคะ..บ๊ายบายค่ะ”
อุ่นเรือนกดวางสายแล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อเงยหน้ามาเห็นลูกจันยืนมองอยู่
“อุ๊ย..พี่ลูกจัน” อุ่นเรือนอึกอัก “..เอ่อ..มานานรึยังคะ”
ลูกจันพูดเสียงนิ่งๆ “เพิ่งมา”
อุ่นเรือนแอบทำหน้าโล่งอกเพราะสบายใจที่ลูกจันไม่ได้ยินที่ตัวเองคุยโทรศัพท์กับผู้ชาย
“วันนี้พี่มีธุระที่บ้าน จะรีบกลับก่อน..ถ้ามีอะไรด่วนก็โทรเข้าเครื่องพี่แล้วกัน”
“ค่ะ”
ลูกจันเดินออกไป อุ่นเรือนก้มหน้าจะทำงานต่อ ลูกจันหันกลับมาพูดกับอุ่นเรือนด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“แอนนี่...อย่าไว้ใจใครง่ายๆนะ..โดยเฉพาะ..ผู้ชาย!”
อุ่นเรือนจ๋อย เธอก้มหน้าหลบสายตาลูกจัน

พอลที่นอนหลับตาอยู่ทำจมูกฟุดฟิดเหมือนได้กลิ่นอะไรบางอย่าง เขาลืมตาตื่น พอลเห็นลูกจันกำลังเอาชามโจ๊กวางบนโต๊ะ
“อ้าว..ตื่นแล้วเหรอ..ดีขึ้นมั้ย” ลูกจันถาม
ลูกจันเอามืออังหน้าผากพอล
“ไข้ลดแล้วนี่”
พอลพยักหน้าแล้วไอ
“แต่ยังไอเยอะอยู่นะ..แล้วทำไมไม่ไปนอนบนห้องล่ะ”
“ไม่อยากอยู่กับแอร์เยอะ...ตรงนี้อากาศถ่ายเทดีกว่า” พอลไอ
“งั้นเดี๋ยวกินข้าวหน่อยนะ..จะได้กินยาแก้ไอ..ฉันซื้อแบบกินแล้วง่วงมาให้..แกกินยาแล้วจะได้นอนเลย”
พอลลุกขึ้นนั่ง ลูกจันก้มลงหยิบชามโจ๊ก พอลเหลือบมองลูกจันแล้วแอบยิ้มมีแผน พอลเก๊กหน้าผู้ป่วยหนัก
พอลอ้อน “ลูกจัน...ฉันคงกินไม่ไหวอ่ะ”
ลูกจันงง “อ้าว..ทำไมล่ะ..ก็ไหนว่าไข้ลดแล้วไง”
พอลแอ็คติ้งใหญ่แลดูป่วยมาก “แต่ยังไม่ค่อยมีแรงเลย” พอลแกล้งหยิบช้อนแล้วทำร่วง “ดูสิ...จับช้อนยังไม่ไหวเลย”
ลูกจันมองพอลด้วยความสงสาร
“โถ....งั้นเดี๋ยวฉันป้อนแกเองก็ได้”
ลูกจันก้มลงคนโจ๊กให้ความร้อนคลาย พอลยิ้มเจ้าเล่ห์

ลูกจันกำลังส่งโจ๊กเข้าปากพอลอย่างอ่อนโยน ลูกจันนั่งเป่าโจ๊กทีล่ะคำก่อนป้อนพอล พอลแอบมองลูกจันอย่างมีความสุข
“ไม่น่าเชื่อนะว่าบก.ลูกจันจะดูแลผู้ป่วยเก่งขนาดนี้”
ลูกจันเชิดหน้ารับคำชมอย่างมั่นใจ “เรื่องกล้วยๆจ้ะ...ฉันก็อปมาจากละครทุกกระเบียดนิ้ว...การป้อนข้าวเป็นหน้าที่ของนางเอกทุกเรื่องจ้ะ”
ลูกจันก็อปท่านางเอกละครแล้วป้อนข้าวพอลต่อ พอลทำตาล่อกแล่กแล้วคิดแผนเพิ่ม
“เอ่อ...แต่ที่ฉันเคยดู..เอ๊ย...เคยเล่นละครมา...นางเอกเค้าต้องเช็ดตัวให้พระเอกด้วยไม่ใช่เหรอ”
ลูกจันทำหน้าคิดได้
“เออใช่...ฉากเช็ดตัวนี่มันไฮไลท์ของเรื่องเลยนะ...ต้องเลย!”
พอลอมยิ้มที่หลอกคนติดละครนี่ง่ายดีแฮะ!

ลูกจันเช็ดตัวให้พอลอย่างขะมักเขม้น
“เอ้า...พลิกซ้ายหน่อยสิ”
พอลพลิกซ้ายตามคำสั่ง ลูกจันเช็ดตัวให้พอลอย่างนุ่มนวล พอลยิ้มๆ เพราะรู้สึกดี
“เอ้า..ทีนี้ก็พลิกขวา”
พอลพลิกขวาตามออเดอร์ ลูกจันเช็ดไปบ่นไป
“เฮ้อ...เป็นนางเอกนี่เหนื่อยจังเนอะ”
พอลแอบขำลูกจัน

ลูกจันกำลังทาแป้งที่แผงอกของพอลก่อนจะติดกระดุมเสื้อชุดนอนให้ ลูกจันปิดท้ายด้วยการทาแป้งขาวที่หน้าพอล
“เสร็จแระ”
พอลยิ้มแฉ่งให้พยาบาลจำเป็นอย่างมีความสุขมาก
โทรศัพท์ลูกจันดังขึ้น “กริ๊งง”
ลูกจันหยิบโทรศัพท์มากดรับ
“ว่าไงแอนนี่” ลูกจันฟัง “ไม่ต้องส่งมาหรอก..เอาไว้ที่ออฟฟิศนั่นแหละ..อือ..ขอบใจนะ”
ลูกจันหันกลับมาทางพอล พอลกำลังมองด้วยความสงสัย
“คุณณัฐเค้าส่งดอกไม้ไปให้ที่ออฟฟิศน่ะ...แอนนี่เลยถามว่าจะให้ส่งมาที่บ้านรึเปล่า”
พอลหงุดหงิดจี๊ดขึ้นมาทันที
“ดอกไม้อีกแล้ว!!...บ้านขายดอกไม้รึไง..ส่งมาได้ทุกวัน” พอลทำเสียงพาล
ลูกจันยิ้มๆ แต่ไม่ตอบ
“เดี๋ยวฉันไปอาบน้ำก่อนนะ...เช็ดตัวให้แกจนเหงื่อแตกแล้วเนี่ย”
ลูกจันลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไป พอลมองตามลูกจันไปอย่างหวาดระแวง
พอลรำพึงกับตัวเอง “ทำไมไม่ด่ามันเหมือนเดิมวะ” พอลไอต่อ
อาร์ตเดินหาจุ้มจิ้มทั่วออฟฟิศ
“ไปไหนน้า”
อาร์ตหยุดยืนคิดแล้วก็ทำท่าคิดออกจึงยิ้ม แล้วอาร์ตก็เดินออกไป

อุ่นเรือนกำลังเตรียมเก็บของ อาร์ตเดินเข้ามา
“อ้าวอาร์ต..มาหาพี่ลูกจันเหรอ”
อาร์ตอ้าปากจะปฏิเสธ
“ปละ...”
อุ่นเรือนพูดแทรก “พี่ลูกจันกลับไปตั้งแต่ตอนสายๆแล้ว..เห็นว่ามีธุระที่บ้าน”
อาร์ตพยักหน้ารับแกนๆ แต่ตายังสอดส่ายหาจุ้มจิ้ม
อุ่นเรือนแซว “แหม...หมู่นี้รุกหนักน้า...เช้าถึงเย็นถึงดอกไม้ถึง”
อาร์ตยิ้มแหยๆ เพราะมันไม่ใช่อย่างที่อุ่นเรือนคิดเลย
“ถามจริงๆนะ...อาร์ตรักพี่ลูกจันมากเลยเหรอ”
อาร์ตตอบยิ้มๆ “รักมาก”
จุ้มจิ้มที่แอบฟังอยู่ที่มุมหนึ่งน้ำตาไหลพราก จุ้มจิ้มเดินจากไปด้วยหัวใจแตกสลายจึงไม่ได้ยินประโยคต่อไปของอาร์ต
อาร์ตพูดต่อ “..แต่รักแบบพี่สาวนะ!”
อุ่นเรือนมองหน้าอาร์ตงงๆ
อาร์ตยิ้มอย่างบริสุทธิ์ใจเพราะมีความสุขที่ได้ค้นพบความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองที่มีต่อลูกจันและจุ้มจิ้ม

อาร์ตเดินมาจนเห็นหลังจุ้มจิ้มอยู่ไวๆ อาร์ตยิ้มดีใจ
“จุ้มๆ”
จุ้มจิ้มยังเดินต่อโดยไม่หันมามองอาร์ต อาร์ตงงที่ตะโกนขนาดนี้จุ้มจิ้มยังไม่ได้ยิน อาร์ตรีบวิ่งไปดักหน้าจุ้มจิ้ม
อาร์ตทำเสียงร่าเริงโดยยังไม่รู้ชะตากรรมของตัวเอง “จุ้ม....หูไม่ดีแล้วนะเรา..อาร์ตตะโกนเรียกยังไม่ได้ยินเลย”
จุ้มจิ้มเมินหน้าไปทางอื่นโดยไม่มองอาร์ต
“กลับเลยมั้ย..เดี๋ยวอาร์ตไปส่ง”
จุ้มจิ้มสะบัดหน้ามามองอาร์ตด้วยแววตาแข็งกร้าวร้าวราวปนแค้นใจ
“ไม่ต้อง..ฉันกลับเองได้...แล้วต่อไปก็ไม่ต้องมายุ่งกับฉันอีก...รำคาญ”
อาร์ตหน้าจ๋อยเพราะไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น จุ้มจิ้มหันหลังเดินจากไปอย่างไร้เยื่อไย จุ้มจิ้มน้ำตาไหลพรากแต่กัดฟันข่มใจไม่ให้ส่งเสียงสะอื้นออกมา

จุ้มจิ้มที่นั่งอยู่ที่บ้านเศร้ามาก จุ้มจิ้มนั่งเหม่อลอย
ภาพวันเวลาแห่งความสุขระหว่างจุ้มจิ้มและอาร์ตแวบขึ้นในหัวของเธอ จุ้มจิ้มยิ้มทั้งน้ำตา
คำพูดอาร์ตกับอุ่นเรือนเมื่อตอนเย็นย้อนกลับมา
อุ่นเรือนถาม “ถามจริงๆนะ...อาร์ตรักพี่ลูกจันมากเลยเหรอ”
“รักมาก”
น้ำตาจุ้มจิ้มค่อยๆไหลรินออกจากตา จุ้มจิ้มเอามือปาดน้ำตาแล้วพยายามเชิดหน้าให้เข้มแข็ง
จุ้มจิ้มพูดกับตัวเอง “เค้าไม่ได้รักเรา..เค้าแค่ใช้เราเป็นสะพานเข้าหาพี่ลูกจัน..นิ่งซะจุ้ม”
ดูเหมือนการสั่งตัวเองจะไม่ได้ผลเพราะน้ำตาจุ้มจิ้มไหลมากขึ้นเรื่อยๆ จุ้มจิ้มคิดถึงคำพูดของแม่
“การรักเค้าข้างเดียว..ถึงมันจะไม่ผิด..แต่มันเจ็บนะลูก”
จุ้มจิ้มร้องไห้จนตาบวม
จุ้มจิ้มพูด “มันเจ็บจริงๆจ้ะแม่จ๋า”
จุ้มจิ้มสะอึกสะอื้นอย่างน่าสงสาร

อาร์ตกำลังนั่งเหม่อเมื่อคิดถึงคำพูดของจุ้มจิ้มเมื่อตอนเย็น
“ต่อไปไม่ต้องมายุ่งกับฉันอีก...รำคาญ!”
อาร์ตหน้าเครียดแล้วรำพึง “เราทำอะไรผิดวะ?”

วันต่อมา ลูกจันกำลังยืนรินน้ำส้มคั้นอยู่ในครัว
เสียงพอลไอ “แค่กๆๆ”
ลูกจันหันไปมอง พอลเดินไอมาอย่างหนักก่อนจะทรุดนั่งบนโซฟา ลูกจันเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าพอล
ลูกจันมองพอลอย่างห่วงใย
“แกต้องไปหาหมอกับฉัน..เดี๋ยวนี้!”
พอลพูดไม่ออกบอกไม่ถูกจึงได้แต่ไอตาปริบๆ

ณ คอนโดป้าภา พีทกำลังนั่งสมาธิอยู่บนวีลแชร์ ทันใดนั้นเองก็มีลมแรงพัดวูบมา รูปถ่ายของพอลที่วางอยู่บนโต๊ะถูกแรงลมพัดตกลงมาบนพื้นจนกรอบรูปแตก
พีทสะดุ้งเฮือกลืมตาขึ้นทันที กรอบรูปพอลแตกละเอียดอยู่บนพื้น พีทรีบเข็นวีลแชร์มาเก็บกรอบรูปที่แตก
มือพีทถูกเศษกระจกบาด “โอ๊ยย”
เลือดจากนิ้วพีทหยดใส่รูปของพอล พีทหน้าซีดใจหายวาบ
“พอล!!”

ลูกจันหน้าซีด ปากสั่น
“วัณโรค?”
ลูกจันกับพอลกำลังนั่งฟังผลวินิจฉัยโรคจากหมอ
“ครับ..อาการใกล้เคียงมาก ผลการเอ็กซเรย์ปอดก็พบว่ามีจุดฝ้าบริเวณด้านบนซึ่งเป็นตำแหน่งที่มักเกิดขึ้นกับคนเป็นวัณโรค”
หมอชี้ให้พอลและลูกจันดูภาพเอ็กซเรย์ พอลหน้านิ่งสงบอย่างคนยอมรับความจริง ส่วนลูกจันน้ำตาคลอ
หมอปลอบลูกจัน “ใจเย็นๆนะครับ เปอร์เซ็นต์ที่จะไม่ใช่ก็พอมีอยู่..เพื่อความมั่นใจหมอจะขอเอาเสมหะไปตรวจเชื้อก่อน..อีก3วันถึงจะรู้ผลที่แน่นอนครับ”
ลูกจันพยายามระงับอารมณ์แต่ก็ระงับไม่อยู่!!
“แล้ว..สมมุติว่าเป็น...จะรักษาหายมั้ยคะ”
“หายครับ แต่ต้องใช้เวลานานหน่อย..เป็นปีครับ”
“แล้วตอนนี้ต้องทำยังไงต่อคะหมอ”
“หมอจะสั่งยาลดไข้กับยาแก้ไอให้ทานก่อนจะได้ไอน้อยลง..รอผลยืนยันว่าเป็นวัณโรคแน่นอนแล้ว..หมอถึงจะสั่งยาใหม่ให้ทาน”
พอลพยักหน้ารับคำหมอ “ครับ” พอลไอ
“แต่ระหว่างนี้ผู้ป่วยควรระวังการใกล้ชิดกับคนอื่นนะครับ..เพราะถ้าเป็นวัณโรคจริงๆ..เชื้อจะค่อนข้างแรง..ติดต่อกันได้ง่าย”
ลูกจันหันไปมองพอลด้วยความสงสาร
“โธ่..พีท”
ลูกจันเอื้อมมือไปจับแขนพอลอย่างปลอบโยน พอลดึงแขนออกจากการจับของลูกจัน แล้วขยับตัวออกห่างจากลูกจัน ลูกจันอึ้งกับอาการของพอล

อุ่นเรือนกำลังคุยโทรศัพท์กับลูกจัน
“ค่ะ..ถ้ามีงานด่วนอุ่น..เอ๊ยย...แอนนี่จะเมล์ไปนะคะ...อ้อ..พี่ลูกจันคะ วันนี้คุณณัฐส่งดอกไม้มาอีกแล้วค่ะ..จะให้เก็บการ์ดไว้เหมือนเดิมมั้ยคะ?..ค่ะ..ได้ค่ะ”
แอนนี่วางหูโทรศัพท์ ดอกไม้ที่ณัฐส่งมาให้ลูกจันวางอยู่บนโต๊ะอุ่นเรือน

ลูกจันวางสายจากอุ่นเรือนแล้วหันมามองพอล พอลที่มีมาสค์ปิดปากแน่นหนาพยายามกลั้นไอแต่ไม่สำเร็จ ลูกจันมองด้วยแววตาอ่อนโยน ลูกจันเดินไปหาพอล พอลถอยหนีก่อนชี้มือไปที่มาสค์ที่วางอยู่บนโต๊ะ
“อย่าเข้ามา!!...ใส่มาสค์ซะก่อน” พอลสั่ง
ลูกจันชะงัก
“ใส่ทำไม”
“แกก็รู้นี่ว่าวัณโรคเป็นแล้วทรมาน” พอลไออย่างหนักดูทรมาน “ไม่กลัวติดเหรอ”
ลูกจันก้าวเท้าเข้ามาหยุดอยู่ที่หน้าพอลแล้วเงยหน้าขึ้นประสานสายตากับพอลด้วยแววตาเต็มไปด้วยความรักและจริงใจ
ลูกจันพูดเสียงหนักแน่น “ไม่กลัว!!”
พอลมองลูกจันอย่างซึ้งใจ

เวลาผ่านไป ลูกจันวิ่งวุ่นทำอาหารให้พอล
ลูกจันป้อนโจ๊กให้พอล ลูกจันเตรียมยาให้พอล
ลูกจันเช็ดตัวให้พอล ลูกจันคอยลูบหลังไหล่ให้ตอนพอลไอหนักๆ
ลูกจันป้อนยาแก้ไอให้พอล ลูกจันทำน้ำผึ้งมะนาวร้อนๆมายื่นให้พอล
ลูกจันล้างจาน ลูกจันดูเหน็ดเหนื่อยจนโทรม พอลมองลูกจันด้วยความสงสาร

ลูกจันกำลังหลับด้วยความอ่อนเพลีย พอลเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าลูกจัน พอลมาพร้อมกระเป๋าเสื้อผ้า พอลเห็นลูกจันหลับสนิทผมรุ่ยร่าย เขามองลูกจันด้วยสายตาอ่อนโยน พอลค่อยๆเอื้อมไปปัดผมที่รุ่ยร่ายให้ลูกจัน
เขามองลูกจันอย่างอาลัยอยู่อีกพักใหญ่ ก่อนจะตัดใจ พอลหันหลังกลับ
เสียงลูกจันพูดขึ้น “แกจะทิ้งฉันไปจริงๆเหรอ”
พอลหันกลับไป
ลูกจันกำลังยืนส่งสายตาตัดพ้อทั้งน้ำตามาให้พอล
ลูกจันน้ำตาร่วง “ตอบสิ..แกจะทิ้งฉันใช่มั้ย?”
พอลอึ้งกับน้ำตาของลูกจัน
“ฉัน..ฉันสงสารแกที่ต้องคอยดูแลฉัน...ฉันไม่อยากเห็นแกเหนื่อย..แล้วฉันก็ไม่อยากให้แกติดโรคจากฉัน”
ลูกจันมองพอลอย่างตัดพ้อ
“แล้วแกเคยถามฉันมั้ยว่าฉันเหนื่อยรึเปล่า?..รึฉันมีความสุขที่ได้ดูแลแก?”
พอลอึ้งกว่าเดิม
ลูกจันพูดทั้งน้ำตา “แกเคยคิดมั่งมั้ยว่าถ้าไม่มีแกฉันจะอยู่ยังไง?”
พอลรู้สึกผิดที่คิดจะทิ้งลูกจันไว้คนเดียว
ลูกจันร้องไห้ “ถ้าฉันดูแลแกจนถึงที่สุดแล้ว..แต่แกต้องจากฉันไปเพราะโรคร้าย ฉันยังพอทำใจรับได้..เพราะอย่างน้อยฉันก็ได้ทำหน้าที่ของเพื่อนดีที่สุดแล้ว...แต่นี่ฉันยังไม่ทันได้ดูแลแกเลย..แกก็จะทิ้งฉันไปแล้ว...นี่เหรอที่แกบอกว่าแกรักฉัน?”
ลูกจันร้องไห้โฮ พอลน้ำตาคลอเพราะซึ้งใจในความรักเพื่อนของลูกจัน
“ลูกจัน..ฉันขอโทษ”
ลูกจันโผเข้ามาจะกอดพอล พอลหยิบมาสค์ออกมา ลูกจันชะงักมองพอล
พอลพูดเสียงจริงจัง “อย่าทำให้ฉันต้องรู้สึกเสียใจไปตลอดชีวิต”
ลูกจันพยักหน้าเข้าใจความต้องการของพอล พอลยิ้มอบอุ่นก่อนเอื้อมมือไปใส่มาสค์ให้ลูกจัน ลูกจันหยิบมาสค์อีกอันใส่ให้พอล พอลและลูกจันมองตากันด้วยความรัก พอลและลูกจันโผเข้ากอดกัน

อ่านต่อตอนที่ 10

กำลังโหลดความคิดเห็น