xs
xsm
sm
md
lg

เรือนริษยา ตอนที่ 22

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เรือนริษยา ตอนที่ 22

ภายในร้านอาหาร แฟนต้าเดินสั่งงานเด็กอยู่ ธีร์นั่งดื่มอยู่หงอยๆ เธอเดินเข้ามาหา
"เดือนนี้ต้าต้องขึ้นบอร์ดประกาศลูกค้าดีเด่น ให้พี่ธีร์ล่ะ เพิ่มยอดเครื่องดื่มให้ร้านต้าทุกวัน"
ธีร์ยังนั่งหน้าบูดไม่สนใจที่ต้าแซว
"โอ๋ ไม่รู้จะเล่นมุกไหนละนะ พูดอะไรก็ไม่ขำเนี่ย"
"คนมันขำไม่ออก"
"นี่ยังไม่หายงอนนันมันอีกเหรอ"
"ต้าไม่เข้าใจหรอกน่ะ"
"ทำไมจะไม่เข้าใจ ก็แค่รักเขาแล้วเขาไม่รักตอบ"
แฟนต้าพูดพลางมองธีร์อย่างน้อยใจนิดๆ ธีร์พอจับความรู้สึกได้
"แล้วก็เลิกนั่งทำหน้าเศร้าเป็นพระรองหนังเกาหลีได้ละ ตอนนี้คุณกฤตย้ายออกจากเรือนรัตนะแล้ว"
"หา... ต้ารู้ได้ไง"
"ก็ยัยนันมันโทร.มาเมาท์เมื่อคืนว่าลุงมานพมาลากตัวคุณกฤตกลับ เพราะยัยกิ๊บโร่ไปฟ้อง ว่า นันมันแกล้งขอให้คุณกฤตเป็นแฟน"
ธีร์หน้าบานขึ้นมาทันที
"แปลว่า คุณกฤตไม่ได้เป็นแฟนคุณนันจริงๆ งั้นเหรอ"
"อือ"
"งั้นพี่ก็ไม่อกหักล่ะสิ"
"อือ ปล่อยต้าอกหักคนเดียวก็พอละ"
ธีร์เอามือขยี้หัวแฟนต้าอย่างเอ็นดู
"เออ แต่พี่ธีร์รู้ไหม นันมันเอาใครเข้าไปอยู่แทน"
"ใคร"
"น้าทิพย์"
"น้าทิพย์เหรอ..ฮึ่ม... พี่ว่าทำให้พี่กังวลยิ่งกว่าอีก พี่ว่าเราไปเตือนนันกันเถอะ"
"ยากอ่ะพี่ธีร์ น้าทิพย์เลี้ยงนันมันมาแต่เด็ก เราพูดอะไรไปมันก็ไม่เชื่อหรอก แถมเราก็ไม่มีหลักฐานอะไร ที่จะไปยืนยันด้วย เราก็แค่สงสัยกันไปเอง"
ธีร์นิ่งคิด
"ถ้าอย่างนั้น เราก็ต้องหาหลักฐานมายืนยันให้ได้สิ"
แฟนต้ามองหน้าธีร์อย่างสงสัย

ภายในบ้านสวน ทั้งสองคน ใส่หมวกโม่ง ค่อยๆ แอบย่องเข้ามา คนหนึ่งมีกระเป๋าสะพายมาด้วย แฟนต้าทนไม่ไหว ถอดหมวกออก ธีร์ถอดบ้าง
"โอ๊ย หายใจไม่ออก นี่ต้องทำขนาดนี้เลยเหรอพี่ธีร์"
"ก็เผื่อมีใครสะกดรอยตาม"
"โห... ใครเขาจะตามเรามา บ้านป่าอยู่ลึกในซอยเปลี่ยวขนาดนี้"
"อย่าเสียงดังสิ เดี๋ยวคนอื่นได้ยิน"
"นอกจากเราสองคน ต้ายังไม่เห็นสิ่งมีชีวิตอื่นเลย อ๋อ ก็มีนะ พวก นก หนู ตะขาบอะไรเงี้ย"
"เลิกบ่นได้แล้ว เร็วเดี๋ยวจะมืด"
สองคนก็ค่อยๆ ย่องตรงไปที่ประตูบ้าน ธีร์เทถุงอุปกรณ์ออกมา มีทั้งคีมตัดเหล็ก ประแจ ลวดมากมาย
"โห ที่บอกไปเรียนเมืองนอก นี่เรียนสาขาช่างใช่ไหม"
"เปล่า เอามาจากห้องเก็บของที่บ้าน"
แล้วธีร์ก็พยายามเอาลวดมาลองไขกุญแจ ดูงกๆ เงิ่นๆ ไม่ออกสักที แฟนต้าออกเดินสำรวจรอบๆ บ้าน ชะโงกมองไปในหน้าต่าง และเจอประตูทางเข้าด้านหนึ่ง ซึ่งมีช่องเล็กๆ เปิดอยู่ พอจะลอดเข้ามาได้ เลยลอดเข้าไป แล้วหันไปเรียกธีร์
"พี่ธีร์ มานี่"
ธีร์ปาดเหงื่อ หยิบทิชชู่ของร้านอาหารต้าที่ติดมาเช็ดหน้า เช็ดเสร็จแล้วขยำๆ ทิ้งลงพื้น
"โธ่ แล้วก็ไม่บอกแต่แรก"
ธีร์รีบทิ้งถุงอุปกรณ์ แล้วเดินลอดไปทันที

ภายในเรือนรัตนะ ศรีกำลังจัดสำรับอาหาร รณฤทธิ์ กนกกร นั่งอยู่แล้ว เดือนตักข้าวให้ทุกคน
นันทนัชเดินก้าวเข้ามาร่วมโต๊ะเป็นครั้งแรก ฤทัยชะงักหันไปมอง แต่นั่นยังไม่เท่าที่มีทิพย์มาร่วมวงด้วย
"กับข้าวน่าทานจัง ขอทานด้วยคนนะคะ"
ฤทัยวางช้อนทันที สองคนพี่น้องมองหน้ากัน ว่าเอาไงดี
"ปกติเราก็ทานกันเฉพาะครอบครัวของเรา ไม่เห็นแกเคยเข้ามาร่วมวง วันนี้เกิดนึกอะไรขึ้นมา"
"ก็แค่อยากให้ร่วมฉลองการกลับมาของน้าทิพย์ นานๆ ครอบครัวเราจะได้อยู่กันพร้อมหน้า"
นันทนัชหันไปหาเดือน
"เดือน ตักข้าวให้น้าทิพย์ด้วย"
เดือนกำลังจะตัก แต่ฤทัยโพล่งปราม
"เดือน ถ้าแกตัก แกไม่ต้องมาเรียกฉันว่านายอีกต่อไป"
เดือนชะงัก
"เดือน ถ้าแกไม่ตัก แกออกจากบ้านนี้เดี๋ยวนี้เลย"
เดือนงง ไม่รู้จะทำไง รณฤทธิ์ทนไม่ไหว ลุกขึ้นตบโต๊ะ
"นี่ อย่าทำอะไรตามอำเภอใจให้มากนักนะ อย่าลืมว่าเราต่างมีสิทธิ์ในบ้านหลังนี้รวมกันทั้งหมด จนกว่าพินัยกรรมจะถูกเปิดเผย" กนกกรว่า
"นั่นน่ะสิ หรือที่ว่ามันยังไม่ถูกเปิดเผย เพราะแกไม่มีกันแน่"
เธอยิ้มเยือกเย็น
"หรือเพราะที่มันยังไม่ควรถูกเปิดเผย ก็เพียงเพราะแค่อยากช่วยทำทาน ต่อชีวิตใครบางคน ให้ยังมีสิทธิ์อยู่ที่เรือนรัตนะได้ เพราะถ้าวันเปิดพินัยกรรมมาถึง อาจจะเก็บกระเป๋ากันไม่ทันเลยก็ได้ จริงๆ แทนที่จะเอาเวลามานั่งเถียงกันอย่างนี้ นันว่าน่าจะไปเตรียมเก็บของกันดีกว่าไหมคะ"
กนกกรทนไม่ไหวลุกขึ้น ปราดเข้าหานันทนัช ทิพย์ลุกจากเก้าอี้มารั้งกนกกรไว้จากด้านหลัง
"อย่าทำอะไรคุณนันนะคะ"
"ปล่อยฉันนะ ปล่อย"
กนกกรดีดดิ้น ฤทัยลุกจากเก้าอี้เดินมาหาทิพย์
"อีทิพย์ ปล่อยลูกฉันเดี๋ยวนี้ แกอย่าเอาเชื้อไพร่ของแกมาแตะตัวลูกฉัน"
ทิพย์อึ้ง แอบเก็บอารมณ์แค้น ทำเป็นเสียใจ แล้วปล่อยตัวกนกกร นันทนัชไม่ทน ลุกขึ้นบ้าง
"ขอโทษน้าทิพย์เดี๋ยวนี้"
"ไม่เป็นไรค่ะคุณนัน"
"เป็นสิคะน้าทิพย์ น้าทิพย์มีสิทธิทุกอย่างเท่าที่นันพึงมี น้าทิพย์เป็นเหมือนแม่แท้ๆ ของนัน นันไม่ยอมให้ใครหน้าไหนตามมาดูถูกน้าทิพย์"
"ฉันก็ไม่ยอมให้ตระกูลของฉันต้องลดตัวไปเกลือกกลั้วกับพวกแก อย่าหวังว่าฉันจะยอมให้แกร่วมโต๊ะอาหาร"
"ก็ได้ มื้อนี้ฉันจะคิดซะว่าทำทาน ทานกันให้อร่อยล่ะ เพราะคงจะมีโอกาสทานอีกไม่กี่มื้อ เพราะอีกไม่กี่วัน เรือนรัตนะจะไม่ต้อนรับตระกูลของพวกแกอีกต่อไป"
เธอพูดจบก็ดึงตัวทิพย์กลับทันที ปล่อยให้ฤทัยกับลูกๆยืนแค้นเคืองอยู่
"แม่ ผมว่าเราซวยแน่ มันดูมั่นใจมากเลย"
"นั่นสิ ถ้าเราถูกไล่อออกจากเรือนรัตนะจะทำไง ทำไงดี"
"แกอย่าเพิ่งปากเสียได้ไหม เดี๋ยวจะโดนตบปากอีกคนหรอก"

ฤทัยเครียดเอาไงดี

นันทนัชหลบมาทานข้าวในมุมครัวเล็กๆ กับทิพย์ เอาใจดูแลทิพย์เป็นพิเศษ
"น้าทิพย์ทานได้ไหมคะ"
"น้าทานได้ทั้งนั้นแหละจ้ะ"
"อดทนอีกนิดนะคะ ทุกอย่างใกล้จะเรียบร้อยแล้ว"
"แล้วนี่จะนัดเปิดพินัยกรรมเมื่อไหร่คะ"
เธอถอนใจขึ้นมา
"อาทิตย์หน้าก็ครบรอบ 100วัน วันตายของคุณพ่อแล้วค่ะ แต่จริงๆ นันยังมืดแปดด้านอยู่เลย"
ทิพย์ตกใจปนเซ็งขึ้นมาทันที
"แปลว่าคุณนัน ก็ยังไม่รู้ว่าพินัยกรรมอยู่ไหน"
"ค่ะ"
"คุณนันหาทั่วหรือยังคะ ชะล่าใจไมได้นะคะ เกิดมีอะไรพลิกผันขึ้นมาจะทำไง"
ทิพย์เริ่มดูร้อนใจหนักกว่าปกติ
"นันพยายามแล้วนะคะน้าทิพย์ นี่นันก็นึกว่า ที่นายชิดโทร.มาจะช่วยอะไรได้ แต่สุดท้าย นายชิดก็หายไปอีกคน นี่ถ้าเราตามหานายชิดเจอ เราอาจจะพอสืบอะไรได้บ้างนะคะ"
ทิพย์มีพิรุธขึ้นมาอีกรอบ
"จะไปตามหาทำไม! คนอื่นอย่างนายชิดจะไปรู้อะไรคะคุณนัน"
เธอแปลกใจกับท่าทีที่ผิดปกติ
"ค่ะ นันก็แค่ไม่รู้จะทำไง นันก็พยายามแล้ว"
"ขอโทษนะคะ ที่น้าดุก็เพราะน้าก็แค่เป็นห่วงคุณนัน"
"ค่ะ นอกจากแม่ คงไม่มีใครรักนันเท่าน้าทิพย์อีกแล้ว"
นันทนัชยังเคารพบูชาในตัวทิพย์ ไร้ความเคลือบแคลงใดใด

แฟนต้ากับธีร์ยังเดินสำรวจในบ้านทิพย์ ไม่พบอะไรมากนัก นอกจากเสื้อผ้าและของใช้นิดหน่อย ส่วนหีบเหล็ก มีผ้าคลุมทับไว้ และมีแจกันดอกไม้มาวางอยู่ สองคนเลยไม่ได้สังเกตอะไร
"ไม่เห็นเจออะไรเลยอ่ะพี่ธีร์"
"นั่นสิ"
"จริงๆ ตอนน้าทิพย์อยู่ที่ร้าน แกก็ไม่เคยทำให้ต้าหนักใจเลย แล้วดูบ้านแกสิ แกก็อยู่อย่างสมถะ ชักรู้สึกผิดละเนี่ยที่ระแวงแก"
แฟนต้าเริ่มเหนื่อย นั่งพัก ธีร์เดินมาแล้วมือตวัดแจกันบนหีบเหล็กแตก ผ้าที่คลุมเปิดมานิดหน่อย สองคนตกใจ
พี่ธีร์ ซวยแล้ว เดี๋ยวเขาก็จับได้หรอกว่าเราบุกรุก"
"ก็ไม่ได้ตั้งใจนี่ รีบเก็บเถอะ"
แฟนต้ากับธีร์ช่วยกันเก็บเศษแจกันที่แตก มือเธอโดนบาด
"โอ๊ย"
"ต้า เป็นไรเปล่า ไหนดูซิ"
ธีร์เห็นเลือดไหล รีบจับมือต้าดู แล้วดูดแผลที่นิ้ว แฟนต้าเหวอ
"แผลนิดเดียว เดี๋ยวก็หาย เดี๋ยวพี่หายาใส่ก่อน"
แฟนต้ายิ้มน้อยๆ รู้สึกดีใจที่ธีร์เป็นห่วง ธีร์เดินไปรื้อตู้ที่ทิพย์เก็บเสื้อผ้า ไม่เจอยา แต่แปลกใจ
"ต้า...ดูนี่สิ"
ในตู้มีผ้าขาวม้า รองเท้า และเสื้อเชิ้ตผู้ชายแขวนอยู่
"นี่มันเสื้อผ้าผู้ชาย"
"ใช่ ไหนน้าทิพย์แกบอกว่าอยู่คนเดียวไง" ธีร์ว่า
"นั่นสิ"
สองคนสีหน้าครุ่นคิด

ในเวลาต่อมา นันทนัชขับรถเข้ามาจอดหน้าร้านอาหารของแฟนต้า สีหน้าเหนื่อยๆ
ภายในร้าน ธีร์กำลังติดปลาสเตอร์ให้แฟนต้าอยู่ เธอแอบยิ้มตลอดเวลา นันทนัชเดินเข้ามาเห็นพอดี เธอแอบยิ้มเช่นกัน แฟนต้าได้ยินเสียงคนเดินมา หันไปเห็นเพื่อนก็รีบปล่อยมือจากธีร์
"เอ่อ พอดีฉันโดนแก้วบาดน่ะ พี่ธีร์เลยช่วยทำแผล"
"ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่" เธอพูดกับธีร์ "ช่วงนี้นันยุ่งมาก ฝากต้าด้วยนะพี่ธีร์"
ธีร์มองอึกอักที่นันทนัชพยายามผลักไสเขา
"พี่นึกว่าชาตินี้จะไม่ได้เจอนันแล้วซะอีก"
"พี่ธีร์ก็พูดเกินไป เราไม่ได้อยู่กันคนละภพซะหน่อย"
"แกจะกินอะไรก่อนไหม"
"ก็ดีเหมือนกัน วันนี้กินข้าวแทบไม่เป็นสุขเลย"
"ทำไมอ่ะ"
"เกิดศึกซะก่อนอ่ะดิ ฉันพาน้าทิพย์ไปร่วมโต๊ะอาหาร"
นันทนัชเล่าอย่างสะใจ เพื่อนทั้งสองหันมองกันอย่างกังวล
"เออ แล้วแกเรียกฉันออกมาทำไม ฉันอยู่นานไมได้นะ เป็นห่วงน้าทิพย์"
"พี่ว่า นันไม่ต้องห่วงเขามากก็ได้"
นันทนัชมองเพื่อนทั้งสองคน
"วันนี้ฉันกับพี่ธีร์ไปบ้านน้าทิพย์มา"
"แล้วแกไปทำไม"
"ก็..ฉันกับพี่ธีร์รู้สึก น้าทิพย์แกมีอะไรแปลกๆ"
เธอส่ายหัวอย่างเซ็งๆ แล้วแฟนต้าก็ยื่นมือถือให้เพื่อนดู
"แกดูเอาเองละกัน ว่าฉันไปเจออะไรมา"
เธอเห็นรูปข้าวของผู้ชายที่อยู่ที่บ้านกลางสวนของทิพย์
"พี่ว่าน้าทิพย์คงไม่ได้อยู่บ้านนั่นคนเดียว และพี่ก็ไม่รู้ว่าเขาทำไมต้องโกหกนัน"
"แกคงไม่คิดว่าฉันจะบ้าเอาเสื้อผ้าผู้ชายไปวาง เพื่อจับผิดน้าทิพย์หรอกนะ" แฟนต้าว่า
เธอมองรูปและครุ่นคิดตาม
"พี่รู้นะ ว่าน้าทิพย์คือคนที่นันรักมากที่สุด แต่นันก็อย่าลืมว่านันไม่เจอน้าทิพย์มาตั้ง 5 ปี แล้ว ทั้งๆ ที่น้าทิพย์รู้ที่อยู่ของนั่นที่เมืองนอกตลอด แต่ก็เลือกติดต่อเฉพาะตอนที่พ่อนันเพิ่งเสีย แถมส่งข่าวโดยไม่ยอมบอกด้วยว่าเป็นใคร เขาอาจจะมีอะไรที่ปิดบังนันอีกเยอะก็ได้"
เธอนึกถึงนายชิดทันที ในวันที่ที่เขาโทรศัพท์หาเธอ...

เรือนริษยา ตอนที่ 22 (ต่อ)

"นายชิดเหรอ! นายชิดอยู่ที่ไหน"
กฤตพนธ์แปลกใจที่เห็นนันทนัชดีใจขนาดนั้น
"คุณนันอย่าเพิ่งถามอะไรผมตอนนี้เลยครับ ผมอยากพบคุณนันน่ะครับ ผมมีอะไรจะบอก"
"ได้ๆ ฉันก็อยากพบนายชิดเหมือนกัน ตอนนี้นายชิดพักอยู่ที่ไหน ฉันจะไปหา"
ชิดตกใจ
"ไม่ได้นะครับ คุณนันมาหาผมที่นี่ไม่ได้"
ชิดตกใจลืมตัว โพล่งออกไป จนนันทนัชแปลกใจ
"ที่นี่ของนายชิดคือที่ไหนเหรอ"
"เอ่อ...เอาเป็นว่าพรุ่งนี้คุณนันไปเจอผมที่ห้าง ก็แล้วกันนะครับ ตรงม้านั่งข้างน้ำพุ 11โมง ผมจะรออยู่ที่นั่น"
"โอเค พรุ่งนี้11โมงเจอกัน นันดีใจมากนะที่จะได้เจอนายชิดอีก"
"ผมก็ดีใจครับคุณหนู คุณรำเพยเคยดีกับผมมาก ผมไม่เคยได้มีโอกาสได้ตอบแทนบุญคุณคุณรำเพยเลย ผมมีแต่ทำตัวมีภาระ ครั้งนี้ผมจะทำเพื่อคุณหนู"
ชิดพูดด้วยหัวใจที่ภักดี เป็นห่วงลูกสาวนายหญิงมาก เธอแปลกใจ
"ทำอะไรเหรอนายชิด"
"ไว้พรุ่งนี้นะครับ...พรุ่งนี้ผมจะบอกคุณหนูทุกอย่าง สวัสดีครับ"

ฟังความจากเพื่อนแล้ว นันทนัชก็ตัดสินใจเดินเข้ามาในบ้านสวนคนเดียว และเดินเข้าไปตรงช่องตามที่แฟนต้าเคยบอกว่าลอดไปได้ แล้วลอดตัวเข้าไป

เธอเดินเข้ามาในบ้านน้าทิพย์ เห็นเสื้อผ้าผู้ชายอยู่ตามที่ต้าบอกจริงๆ เธอสำรวจรอบๆ อย่างครุ่นคิด เธอเดินไปถึงหีบเหล็กที่มีผ้าคลุมอยู่ ส้นสูงเธอไปเกี่ยวผ้าหลุดออกมา จนเห็นหีบเหล็ก เธอฉงนมอง แม้ว่าจะไม่ได้ปิดล็อกไว้ แต่เปิดยากพอสมควร เธอนันง้างสุดแรง จนเปิดออก
ภายในหีบ มีจดหมายมากมาย ที่จ่าหน้าถึงรำเพย ข้าวของบางชิ้นของลิตร อาทิ แว่นตา ไปป์ อยู่ในนั้นด้วย
"นี่มันลายมือพ่อนี่ พ่อเขียนถึงแม่ แล้วทำไมจดหมายมาอยู่ที่นี่"
เธอค่อยๆ หยิบกองจดหมายออกมา ทุกฉบับล้วนจ่าหน้าชื่อแม่เธอ นันเปิดออกอ่าน เสียงข้อความในจดหมายดังขึ้น
"รำเพยยอดรัก ผมคิดถึงคุณหมดหัวใจ ทำไมคุณถึงใจร้ายเยี่ยงนี้ คุณรู้บ้างไหม คุณเป็นทั้งแก้วตาและหัวใจของผม"
ในอดีต ลิตรซมเพราะพิษรัก พยายามเขียนจดหมายหารำเพย
"ผมอาจจะเป็นคนเลว แต่ก็เป็นคนเลวที่รักคุณสุดหัวใจ คุณเคยมีหัวใจให้คนเลวคนนี้บ้างไหม"

ภายในเรือนรัตนะเวลาเดียวกัน ทิพย์โหยหาอดีต เมื่อเดินชมเรือนรัตนะอย่างคิดถึง อดีตระหว่างเธอกับลิตร วันคืนเก่าๆ ...
"ผมฝากจดหมายนี้ผ่านทิพย์มา เพียงเพราะหวังให้คุณกลับมา"

นันทนัชร้องไห้น้ำตาเป็นสาย
"ถ้าเพียงแต่คุณจะอภัยให้ผมได้ ครอบครัวของเราคงได้อยู่กันพร้อมหน้า แต่ดูสิ...สิ่งที่คุณทำ ความทรงจำเดียวที่คุณหลงเหลือไว้ให้ผม มีเพียงต้นรำเพยที่ยืนต้นอย่างทระนง เหมือนคุณไม่มีผิด"
นันทนัชสะอื้นหนักขึ้น เธอไมไหว กดมือถือ
" ฮัลโหล...คุณอยู่ที่ไหน"

ภายในสนามยิงปืน กนกกรกำลังเล็งเป้ายิงอยู่ด้านหลัง ส่วนกฤตพนธ์หลบมารับโทรศัพท์
"คุณนัน...คุณเป็นอะไร คุณใจเย็นๆ นะ จอดรถก่อน เดี๋ยวผมไปหา"
เขาวางสาย ท่าทางร้อนใจมาก หันไปมองกนกกรที่เกาะแจอยู่
"พี่กฤต กิ๊บยิงพลาดเป้าตลอดเลย มาสอนกิ๊บอีกทีสิค่ะ"
เขาตัดสินใจกด sms หาภาณุ..... "เฮ้ย งานงอกว่ะ มาช่วยที"
เขาเดินกลับไปหากนกกร แล้วทำเป็นสอนวิธีจับปืน
"พี่บอกแล้วว่ามันไม่เหมาะกับกิ๊บหรอก"
"กิ๊บก็แค่อยากเรียนไว้ป้องกันตัว ถ้าพี่กฤตไม่อยากสอน พี่กฤตก็ต้องมาคอยเป็นบอดี้การ์ดกิ๊บแทนสิคะ"
เขาหน้าเจื่อน ไม่น่าพูดเลย แล้วไม่ทันไร ภาณุก็โผล่มา
"เอ้า ไอ้ณุ มีไรวะ"
"ไอ้กฤต หัวหน้าเรียกพบ เรื่องคดีค้ายาเคสเดิมน่ะ"
"เค งั้นเดี๋ยวฉันรีบไป ... กิ๊บ พี่ขอตัวก่อนนะ ยังไงเดี๋ยวให้ไอ้ณุมันสอนแทน มันเนี่ยแชมป์แม่นปืนเลย"
กฤตพนธ์พูดเสร็จก็เดินไปตบบ่าภาณุแล้วรีบรุดไป กนกกรหงุดหงิด หันมองตามเขาไป ปลายปืนเล็งมาทางภาณุโดยไม่ได้ตั้งใจ
"เอ่อ ถ้าจะหงุดหงิดขนาดนั้นล่ะก็ ช่วยเล็งปืนไปที่เป้าแทนนะครับ เดี๋ยวมันจะพลาดเอา"
กนกกรยิ้มเซ็ง ภาณุมองอย่างทั้งสงสารและเอ็นดู

บรรยากาศยามเย็น บนถนนสวยๆ สักแห่ง พระอาทิตย์กำลังจะตก นันทนัชยืนพิงรถ ปาดน้ำตา มองเหม่อไปข้างหน้า เสียงรถของกฤตพนธ์เข้ามาจอดแล้วรีบลงมาหา
"มีเรื่องอะไรครับคุณนัน"
"จริงๆ ฉันก็ไม่อยากโทร.หาคุณ ไม่อยากให้คุณอาของคุณตามมาว่าฉันได้อีก"
เขาไม่สบายใจ มองเธออย่างเป็นห่วง
"แต่คุณเคยขอฉันว่าถ้ามีอะไรที่ไม่สบายใจ ให้นึกถึงคุณเป็นคนแรก"
"ขอบคุณมากครับที่ให้เกียรติผม ผมดีใจมากครับที่คุณนันนึกถึงผม"
เธอหยิบกองจดหมายที่โกยมาใส่กล่องให้ เขาดูอย่างงงๆ

"จดหมายพวกนี้ พ่อเคยเขียนถึงแม่"

แล้วน้ำตาเธอก็ทำท่าจะรื้นขึ้นมาอีกรอบ
"ฉันเจอมันที่บ้านน้าทิพย์ ฉันอยากฝากให้คุณช่วยเก็บไว้"
กฤตพนธ์สะดุดใจขึ้นมาทันที
"คุณแอบไปบ้านน้าทิพย์มา"
เธอพยักหน้า
"ต้ากับพี่ธีร์ มาบอกฉันว่า เจอเสื้อผ้าผู้ชายที่บ้านน้าทิพย์ ฉันเลยอยากไปดูให้แน่ใจว่าน้าทิพย์อยู่กับใคร แต่สิ่งที่ฉันเจอ ยิ่งทำฉันสับสนไปหมด ถึงตอนนี้ ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าฉันควรจะไว้ใจใคร หรือไม่ไว้ใจใครกันแน่"
พอเจอเรื่องน้าทิพย์เก็บงำความลับนี้ไว้ เธอรู้สึกไม่เหลือใครจริงๆ เขาเอื้อมมือมาบีบมือเธอเบาๆ
"คุณนัน คุณไว้ใจผมได้เสมอนะ ต่อให้ทั้งโลกไม่เหลือใคร แต่คุณจะมีผมเสมอนะ"
เธอมองเขาแล้วโผกอด เธออยู่ในภาวะอ่อนแอเหลือเกิน เขาโอบเธอไว้เบาๆ หน้าตาครุ่นคิด

ภายในห้องไม้ในเรือนรัตนะ ฤทัยคลอเคลียอยู่กับไม้
"ตั้งแต่นังทิพย์มาอยู่เรือนรัตนะ ประสาทจะกินหัวฉันเอา"
"ใจเย็นๆ นะครับ เดี๋ยวรอเปิดพินัยกรรม คุณก็ได้ไล่พวกมันออกจากเรือนรัตนะแล้ว"
"ใช่ เรือนรัตนะต้องเป็นของฉัน ใครก็ตามที่คิดแย่งของที่เป็นของฉัน ไม่มีวันได้ตายดีแน่"
ไม้สะดุ้ง คิดถึงชะตากรรมของเขาและเดือน
ฤทัยลุกขึ้น จัดเนื้อตัวแล้วเตรียมจะเดินออก
"เธอก็อย่าประเจิดประเจ้อมากนะ นังทิพย์มันหูตาดี ถ้ามันรู้เรื่องนี้เข้า มันจะเที่ยวโพนทะนานไปทั่ว"
"ครับ"
ฤทัยเดินออก แต่ก็ต้องตกใจ เมื่อเห็นทิพย์ยืนอยู่ไม่ไกลนัก ทิพย์ยิ้มที่มุมปากเดินไปหาฤทัย
"ไม่เจอกันตั้งนาน ยังไม่เลิกกินอาหารรสชาติเดิมๆ อีกเหรอคะคุณฤทัย"
"แกพูดอะไรของแก"
"แหม กินอยู่กับปาก อยากอยู่กับท้อง อย่าให้ดิฉันต้องพูดออกมาเลยดีกว่า แค่จะพูดดิฉันยังกระดาก"
"ปากดีนักนะแก อีกไม่นาน ฉันจะเอาคืนให้อย่างสาสม"
แล้วฤทัยก็รีบเดินหลบไป ทิพย์มองตามอย่างสมเพช
"พวกแกต่างหาก ที่จะต้องถูกฉันเอาคืนอย่างสาสม"

ภายในห้อง ทิพย์กำลังปูที่นอนข้างเตียงนันทนัช ส่วนเธอเพิ่งจะเดินกลับเข้ามาในห้องอย่างเหนื่อยอ่อน สองคนเริ่มรู้สึกแปลกๆ ต่อกัน
"คุณนัน กลับซะดึกเชียวนะคะ"
"คุยกับต้าและก็พี่ธีร์เพลินไปหน่อยน่ะค่ะ"
"ฝากความระลึกถึงด้วยนะคะ เพื่อนคุณนันเป็นเจ้านายที่ปราณีน้ามาก"
"ค่ะ นันไปอาบน้ำก่อนนะคะ น้าทิพย์นอนก่อนได้เลยนะคะ วันนี้คงจะเหนื่อยมามากแล้ว"
ทิพย์ยิ้ม
"หนูนันก็รีบอาบน้ำแล้วพักผ่อนนะคะ"
"ค่ะ"
เธอจ้องหน้าทิพย์เหมือนอยากจะถามเรื่องจดหมาย
"น้าทิพย์ค่ะ"
"มีอะไรเหรอคะ"
ทิพย์กำลังจะล้มตัวนอน เด้งตัวขึ้นมา
"เล่าเรื่องตั้งแต่น้าทิพย์ออกจากเรือนรัตนะให้นันฟังหน่อยสิคะ"
"มีอะไรเกิดขึ้นมากมายเหลือเกินคะ น้าเล่าไม่จบในวันนี้แน่ ไว้สักวันน้าจะเล่าให้ฟังนะคะ"
"ค่ะ"
ทิพย์ล้มตัวนอน นันทนัชมองรูปแม่บนผนัง เหมือนจะขอให้แม่ช่วยเธอไขความลับทุกอย่าง
เธอแอบหันไปมองทิพย์ที่หันหลังหลับให้อย่างเคลือบแคลงและสงสัย
ทำไม จม.พ่อถึงไม่เคยถึงมือแม่ !?

นันทนัชลืมตาตื่น ตกใจ แล้วมองไป เห็นดอกรำเพย อยู่ในมือเธอ ทิพย์นำดอกรำเพยลอยน้ำในอ่างแก้วมาวางไว้ที่หัวเตียง
เสียงเคาะประตูดัง
"ตื่นแล้วเหรอคะ วันนี้น้าออกไปธุระหน่อยนะคะ และก็น้าทำต้มข่าของโปรดไว้ให้แล้วนะคะ"
"ค่ะ เดี๋ยวนันลงไป"
ทิพย์เดินออก นันทนัชครุ่นคิด เสียงโทรศัพท์ดัง
"ค่ะ คุณกฤต"
"คุณนันครับ ผมนึกอะไรออกแล้ว"

เวลาต่อมา กฤตพนธ์นั่งอยู่กับนันทนัชใต้ต้นรำเพย ในมือเขามีจดหมายมา 3-4 ฉบับ
"คุณนันลองจับดูสิครับ"
เขาจับนิ้วมือของเธอมาสัมผัส มุมปิดปากจดหมาย
"รู้สึกอะไรไหม"
เธอเขินนิดๆ เธอรู้สึกกับสัมผัสของเขามากกว่า เขาชี้ให้ดู ตัวปั๊มนูนตรงมุมปิดปากจดหมาย ที่เป็นรูปต้นไม้อยู่ เธอค่อยรู้สึกแล้วมองที่ตัวปั๊มนูน
"เมื่อคืนผมนั่งรื้อจดหมายออกมาดู แล้วผมก็สังเกตเห็น รูปปั๊มต้นไม้นี้ ผมเลยอยากมาดูที่ต้นรำเพยให้เห็นกับตา"
"คุณหมายความว่ายังไง"
"สิ่งที่พ่อคุณรักมากที่สุดคือแม่ของคุณ และสิ่งเดียวที่พ่อของคุณย้ำเสมอว่าเหลือเป็นความทรงจำ ก็คือต้นไม้นี้"
นันทนัชหยุดคิด แหงนมองต้นไม้
"แล้ว"
"ผมกำลังสงสัยว่าพินัยกรรมอาจจะอยู่ที่นี่"

นันทนัชแววตาเปล่งประกายแบบไม่อยากเชื่อ เส้นผมบังภูเขาแท้ๆ

เรือนริษยา ตอนที่ 22 (ต่อ)

ทั้งสองคนกำลังช่วยกันหิ้วต้นไม้เล็กๆ ลงจากรถ มาวางใต้ต้นรำเพย
"ทำอะไรของคุณน่ะ"
"คุณนี่ ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมบ้างเลย ขืนไปยืนขุดต้นรำเพยกัน คนก็สงสัยตาย"
เดือนกับศรีเดินเข้ามา
"ทำอะไรกันคะคุณกฤต" เดือนถาม
"จะปลูกต้นไม้นะครับ"
"ศรีช่วยนะคะ"
"ไม่เป็นไรจ้ะศรี ไปช่วยงานในบ้านเถอะ"
"คุณกิ๊บออกไปทำผมนะคะคุณกฤต น่าจะกลับบ่ายๆ" เดือนบอก
กฤตชะงัก หันมองหน้าเธอ
"ไม่เป็นไรครับ ผมมาหาคุณนัน"
เขาตอกกลับซะจนเดือนเงิบ เดินหนีไป เดือนกับศรีเดินไป สองคนคุยกัน
"แหม ไม่รู้ปลูกต้นไม้หรือต้นรักกันแน่"
"ต้นงิ้วสิไม่ว่า ฉันจะฟ้องคุณกิ๊บ"
ทางด้านทั้งคู่
"นี่ ไม่ต้องพูดเพื่อปกป้องฉันขนาดนั้นก็ได้ เดี๋ยวยัยกิ๊บรู้ก็หาเรื่องฉันอีก"
"ผมเปล่าทำเพื่อคุณซะหน่อย ทำเพื่อตัวเองทั้งนั้น ก็การได้ดูแลคุณมันทำให้ผมมีความสุขจริงๆ"
เขาพูดเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา แล้วก็เอาเสียมขุดดินอย่างแข็งขัน เธอมองอย่างมีความสุข

ภายในร้านกาแฟ ทิพย์นั่งคุยอยู่กับสมุทรชัย
"ตอนนี้ฉันย้ายมาอยู่ที่เรือนรัตนะแล้ว"
"แล้วนายชิดล่ะ"
"กลับบ้านนอกไปแล้ว และอย่าลืมที่ตกลงกัน ห้ามให้ใครรู้เรื่องระหว่างฉันกับนายชิด และเรื่องระหว่างเราเด็ดขาด"
สองพ่อลูกทนาย ไมได้ติดใจอะไร
"ก็ถ้าคุณทิพย์ไม่ลืมเงื่อนไขที่จะแบ่งมรดก 30% ให้ผมสองพ่อลูก ก็ไม่ลืมเหมือนกัน"
"นี่ก็ใกล้วันเต็มที่ ฉันอยากถามความคืบหน้าเรื่องพินัยกรรมหน่อย ถ้าหนูนันไม่เจอ
พินัยกรรมอะไรจะเกิดขึ้น"
"ตอนนี้เรากำลังพิสูจน์พินัยกรรมฉบับที่คุณฤทัยร่างขึ้นมาอยู่ หากฉบับนั้นเป็นของปลอม
เราก็คงต้องปล่อยเรื่องนี้ไปจนกว่าจะเจอพินัยกรรมฉบับจริง" ไกรภัทรว่า
"น่าหงุดหงิดจริงๆ เมื่อไหร่มันจะจบๆ ไปเสียที"
ทิพย์หงุดหงิดมาก

ทั้งคู่ ตัวเลอะดินมอมแมม ขุดดินไปได้ลึกประมาณนึงแล้ว แล้วกฤตพนธ์ก็พลันรู้สึกว่าเสียมในมือกระทบของแข็งบางอย่าง
"คุณนัน"
นันทนัชชะโงกมองตาม เห็นกล่องไม้เล็กๆ ซ่อนอยู่ใต้โพรงดิน
ทิพย์จ่ายค่ากาแฟกำลังจะกลับ เสียงโทรศัพท์ของทนายสมุทรชัยดังขึ้น
"ครับ คุณนัน"
ทิพย์ชะงัก รอฟัง
"จริงเหรอครับ"
ทิพย์ตกใจว่าเรื่องอะไร

เรือนรัตนะยามเช้า ในวันพิธีครบรอบ 100 วัน ที่ลิตรเสีย ภายในห้องโถง ทุกคนนั่งล้อมวงกันอยู่ ท่าทางกระวนกระวาย
"วันนี้ก็เป็นครบรอบ 100 วันที่คุณลิตรเสีย และเราจะทำการเปิดพินัยกรรม ตามที่ได้ตกลงกันไว้"
นันทนัชมั่นใจมาก ขณะที่ฤทัยนั่งร้อนใจอยู่กับลูกๆ
ไกรภัทรยื่นซองพินัยกรรมให้พ่อ
"พินัยกรรมฉบับนี้ทำขึ้น ณ เรือนรัตนะ เมื่อวันที่ 11 ม.ค. 2554 ข้าพเจ้า นายลิตร ได้คำนึงถึงสังขารของตนเองแล้ว ก็เห็นว่ามีอายุมากแล้ว จึงถือโอกาสที่ยังมีสติสัมปชัญญะดีอยู่นี้ สั่งการเกี่ยวกับทรัพย์สินเมื่อข้าพเจ้าถึงแก่กรรมแล้ว
ฉะนั้นข้าพเจ้าจึงขอทำพินัยกรรมสั่งการไว้ดังต่อไปนี้ :"
ทุกคนสีหน้าลุ้น
"ข้าพเจ้าขอมอบบ้านสวน ซึ่งปลูกอยู่ทีดินโฉนดเลขที่ 247/3 จำนวน 1 ไร่ 2 งาน พร้อมที่ดินเฉพาะส่วนที่เป็นที่ตั้งของบ้านเรือนพักหลังเล็ก ให้กับนางสาวทิพย์ แต่เพียงผู้เดียว"
นันทนัชยิ้มให้ทิพย์ ดีใจด้วย ทิพย์ยิ้มเหนียม แต่ในใจเหมือนแอบเคือง ฤทัยยิ้มหัวเราะ เหมือนชนะ
"ส่วนกิจการโรงสีพาณิชย์เจริญ ขอมอบให้นางฤทัย จึงเจริญสุข เป็นผู้บริหารดูแลต่อ โดยไม่มีสิทธิใดใดในกิจการนี้ นอกเสียจากเป็นผู้ดูแลเท่านั้น"
ฤทัยหน้าเริ่มซีด กนกกรกับรณฤทธิ์ เริ่มร้อนรน
"โดยหุ้นในกิจการโรงสีพาณิชย์เจริญ และทรัพย์สินส่วนที่เป็นเงินสดในธนาคารทั้งหมดของข้าพเจ้า ขอยกให้กับนางสาวนันทนัช แต่เพียงผู้เดียว"
ฤทัยปากสั่น
"แล้ว..แล้ว เรือนรัตนะล่ะ" ฤทัยถาม
"และเรือนรัตนะ ซึ่งปลูกอยู่ทีดินโฉนดเลขที่ 451/98 อันเป็นเรือนพักหลังใหญ่ พร้อมที่ดินเฉพาะส่วนที่เป็นที่ตั้งของบ้านดั้งกล่าว ขอมอบให้แก่ นางสาว นันทนัช.. ลูกสาวในสายเลือดคนเดียวระหว่างข้าพเจ้ากับนางรำเพย โดยมีข้อแม้ว่า ห้ามปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงตัวเรือนรัตนะ หรือขายทอด และห้ามตัดต้นรำเพยที่ฝังราก ณ เรือนรัตนะแห่งนี้ทิ้ง"
ทิพย์แววตาเจ็บปวด ฤทัยยืนหอบ ช็อกอยู่
"ไม่จริง ไม่จริง ไม่จริง แก แกทำพินัยกรรมปลอมขึ้นมาใช่ไหม"
"อย่าคิดว่าทุกคนจะใช้วิธีสกปรกเหมือนคุณน้าสิคะ"
"ฉันไม่เชื่อ ไม่จริง ฉันไม่เชื่อ ไหน ไหนหลักฐาน ที่พิสูจน์ว่ามันเป็นของจริง"
"ลายเซ็นที่อยู่บนลายน้ำในพินัยกรรม ตรงกับลายเซ็นในลายน้ำของธุรกรรมการเงินอื่นทุกประการครับ" ไกรภัทรบอก
"และยิ่งไปกว่านั้น มีหลักฐานที่ระบุว่า พินัยกรรมฉบับที่คุณฤทัยทำขึ้นนั้นเป็นฉบับปลอม ซึ่งคุณนัน มีสิทธิ์ที่จะเอาผิดตามกฎหมายทุกประการ" กฤตพนธ์บอก
ฤทัยเหมือนหายใจไม่ออก จะเป็นลม
"ไม่ดีกว่าค่ะ อะไรที่มันแล้วไปแล้ว นันจะไม่ถือสาเอาความอีก และนันขอประกาศตรงนี้ว่า นันให้เวลา ขอให้น้าฤทัยและครอบครัว 1 เดือน สำหรับเตรียมย้ายออกจากเรือนรัตนะแห่งนี้"

เธอประกาศปิดเกมเด็ดขาด ฤทัยหายใจถี่ขึ้น จนเป็นลมไปในที่สุด ทิพย์ แววตาช้ำๆ แค้นๆ อยู่เงียบๆ

ทิพย์มาเก็บของ นันทนัชตามมาหา
"น้าทิพย์จะไปไหนคะ"
"น้าจะกลับบ้านสวน"
"ไม่ได้นะคะ นันไม่ให้น้าทิพย์ไปไหนทั้งนั้น"
"แต่ไม่มีคุณฤทัยแล้ว คุณหนูก็ไม่จำเป็นต้องมีน้าคอยปกป้องแล้ว"
"น้าทิพย์ทำเพื่อนันมาเยอะแล้ว ต่อไปนี้ให้นันเป็นคนปกป้องน้าทิพย์บ้างนะคะ"
"โธ่ คุณหนู"
"น้าทิพย์ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้นนะคะ เราจะอยู่ด้วยกันที่นี่"
"ค่ะ แต่น้าถามอย่างนึงได้ไหมคะ"
"อะไรคะ"
"คุณหนูเจอพินัยกรรมที่ไหนคะ"
เธอนิ่งคิดจะบอกความจริงดีไหม ก่อนตัดสินใจ....
"เซฟในธนาคารน่ะค่ะ นันไปทำธุระที่แบงค์ แล้วทางเจ้าหน้าที่เพิ่งแจ้ง"
เธอพูดหน้าตาย ทิพย์รับฟังนิ่งๆ แต่แอบเห็นนันทนัชหลบสายตา

กนกกรกับรณฤทธิ์นั่งคุยกันอยู่
"พี่กิ๊บ แล้วเราจะทำไง"
"อย่าเพิ่งถามได้ไหม พี่ก็ยังไม่รู้เหมือนกัน"
"งั้นก็ขายโรงสี เอาตังค์ไปซื้อบ้านใหม่ ให้ใหญ่กว่าหลังนี้อีก"
"แกนี่โตแต่ตัวจริงๆ เขาแค่ยกโรงสีให้แม่ดูแล ไม่ได้หุ้นแม้สักหุ้น"
เสียงกรี๊ดดังขึ้น
"แม่"
กนกกรรีบวิ่งไปดู

ภายในห้อง ฤทัยนอนอยู่บนเตียงแล้วร้องกรี๊ดออกมา
"ไม่จริง ไม่จริง ไม่จริง"
กนกกรต้องรีบวิ่งเข้ามาฉุดตัวแม่ไว้ รณฤทธิ์ เห็นสภาพแม่แล้ว รู้สึกแค้นเคืองทุกอย่าง ได้แต่เอามือทุบกำแพง
"โธ่เว้ย ทำไมทุกอย่างแม่งกลายเป็นงี้วะ"

ทิพย์ท่าทางฉุนเฉียวคุยอยู่กับไกรภัทร และ สมุทรชัยที่บ้านสวน
"เรื่องจบแล้ว ส่วนแบ่งของผมจะได้เมื่อไหร่"
"ฉันจะเอาที่ไหนมาแบ่งให้ ไม่เห็นเหรอ ว่าฉันเหลือแค่ไอ้บ้านสัปรังเคหลังนี้"
ไกรภัทรกับสมุทรชัยมองหน้ากัน
"ถ้าคุณทิพย์ไม่รักษาสัญญา ผมกับลูกก็ไม่จำเป็นต้องรักษาสัญญาเช่นกัน"
"จะเปิดโปงเรื่องฉันงั้นเหรอ คิดเหรอว่า หนูนันจะเชื่อคนนอกมากกว่าคนในอย่างฉัน"
"ก็ถ้าคุณจะเล่นไม้นี้ เราก็ไม่มีทางเลือก" ไกรภัทรบอก
"เอาล่ะๆ ฉันจะหาทางขอเงินจากหนูนันมาให้ละกัน"
"ก็เท่านั้นแหละ"
สองพ่อลูกก็ออกไป ทิพย์เดินออกมาส่ง แต่ตอนจะกลับเข้าบ้าน ทิพย์เห็นถุงอุปกรณ์ของธีร์ตกอยู่ เธอมองแล้วครุ่นคิด และเห็นมีทิชชู่ เช็ดปาก ที่ประทับตราร้านอาหารของแฟนต้าตกอยู่ข้างๆ เธอเริ่มระแวงบางอย่าง รีบเดินเข้าบ้าน

ทิพย์หันไปมองหีบเหล็ก รู้สึกแปลกๆ จึงเปิดดู เธอตกใจเมื่อเห็นว่า จดหมายในนั้นหายไปหมด
"คุณนัน ..นี่แกรู้แล้วใช่ไหม"

ภายในเรือนรัตนะ กฤตพนธ์คุยกับนันทนัชที่สีหน้ายังดูกังวลอยู่
"จบเรื่องซะทีนะครับ"
"คุณว่านันใจร้ายไปรึเปล่า ที่ให้น้าฤทัยแกออกไปจากเรือนรัตนะ"
"ไม่หรอกครับ ดีแล้วล่ะ จะได้ตัดปัญหา ว่าแต่เรื่องของน้าทิพย์ คุณจะเอายังไง"
"นันคงให้น้าทิพย์อยู่ที่นี่กับนัน"
เขายังมีท่ามีไม่ไว้ใจ
"คุณเลิกระแวงแล้วเหรอครับ ว่าทำไมน้าทิพย์ถึงมีเรื่องปิดบังคุณตั้งหลายเรื่อง"
"เปล่าหรอกค่ะ แต่น้าทิพย์เป็นผู้ใหญ่คนเดียวในชีวิตที่นันเหลือ และผูกพันกับแม่และพ่อของนัน การได้อยู่กับน้าทิพย์ มันยังทำให้นันพอรู้สึกว่า ได้ใกล้ชิดกับความทรงจำบางส่วนของพ่อและแม่บ้าง...บางที ถ้านันได้มีเวลาอยู่ใกล้ชิดน้าทิพย์มากขึ้น น้าทิพย์อาจจะกล้าเปิดใจ เล่าอะไรๆ ให้นันฟังเยอะขึ้นก็ได้นะคะ"
กฤตต้องยอมเลยตามเลย เมื่อนันทนัชเชื่อทิพย์ขนาดนี้
"นันต้องขอบคุณคุณมาก สำหรับทุกอย่าง ถ้าไม่มีคุณ ทุกอย่างคงไม่จบลงแบบนี้ ตลกดีนะคะ ตอนที่รูปแม่รำเพยหาย คุณก็หามันเจอ ตอนพินัยกรรมนี่ก็ด้วย"
"สงสัยผมจะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านของหาย แต่มีอยู่อย่างที่ผมยังหาไม่เจอซะที"
"อะไรคะ"
"หัวใจของคุณไง ไม่รู้เมื่อไหร่ผมจะหาเจอ"
มุมหนึ่ง เห็นกนกกรแอบมองอย่างเจ็บปวด ความช้ำรุมเร้าไปหมด ทั้งเรื่องมรดก เรื่องแม่ที่เริ่มประสาทเสีย

แฟนต้ามาทำงาน แล้วก็ต้องตกใจ เมื่อเห็นหน้าต่างร้านกระจกแตก เธอรีบหยิบมือถือ

"พี่ธีร์ มาหาต้าหน่อย เรื่องใหญ่แล้ว"

เรือนริษยา ตอนที่ 22 (ต่อ)

ทิพย์กลับมาเรือนรัตนะ ถอดถุงมือพลาสติกโยนทิ้งขยะ แววตามุ่งมาด พร้อมทำร้ายทุกคน

ทิพย์เดินผ่านมุมลับตา มีเสียงคนกระซิบกระซาบ ทิพย์หยุดมอง เห็นเดือนกระแซะอยู่กับไม้
"คุณฤทัยแกเป็นบ้าไปแล้ว ตั้งแต่รู้เรื่องไม่ได้สมบัติ"
"แล้วเราสองคนจะโดนเนรเทศด้วยไหมก็ไม่รู้ ฉันว่าเรารีบหนีกันไปเถอะพี่ ไปใช้ชีวิตกันสองคน อย่างที่เราฝันกันมาตลอดไง ยังไงตอนนี้ คุณฤทัยก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับพี่แล้ว"
ทิพย์แอบยืนดูส่ายหัวด้วยความสังเวช
"ไอ้ไม้ ...อีเดือน"
"เอ็งว่ามาก็ถูก คุณฤทัยแกยิ่งขี้อาฆาตด้วย ถ้ารู้เรื่องไม่รู้เราสองคนจะโดนอะไรบ้าง เรารีบไปก่อนที่เรื่องมันจะปูดดีกว่า วันศุกร์หน้า เอ็งเตรียมตัวให้พร้อม สี่ทุ่มเราจะออกเดินทางกัน"
"ในที่สุด ฉันก็ได้ครอบครองพี่แต่เพียงคนเดียวซะที"
เดือนพูดเสร็จก็ซุกไซร้ตัวไม้ บรรเลงเพลงรักกันไป ทิพย์แอบมอง หน้าตาเปลี่ยนเป็นกระหยิ่มเจ้าเล่ห์ มีแผนชั่วเต็มพิกัด
"ไอ้ไม้ แล้วแกจะต้องได้รับผลกรรมที่แกทำลายชีวิตลูกฉัน"

ภายในร้านอาหาร แฟนต้า ธีร์ และนันทนัชต่างยืนดูหน้าต่างกระจกที่แตก
“แล้วนี่แกแจ้งตำรวจยังเนี่ย”
แฟนต้ากับธีร์หันมองหน้ากัน
“ยังเลย”
“พี่ธีร์รีบพาต้าไปโรงพักเลย ปล่อยไว้ไม่ได้นะคะ เกิดมันลอบกลับมาอีกจะทำยังไง”
“คือพี่กับต้าไม่อยากให้มันเป็นเรื่องใหญ่น่ะ”
“ไม่ใหญ่ได้ยังไงคะพี่ธีร์ ถ้าคราวหน้ามันไม่ใช่แค่กระจก แต่เป็น...”
“แก...”
แฟนต้ารีบสวนทันที นันทนัชทำหน้างง
“แกหมายความว่าไง”
ธีร์หันไปปรามต้าด้วยสายตา แต่ต้าไม่สนแล้ว
“ฉันสงสัยว่าเป็นฝีมือน้าทิพย์”
“ต้าร์”
ธีร์รั้งแฟนต้าไว้
“ไม่ค่ะพี่ธีร์ ต้าไม่สนแล้วอ่ะ … แกคิดเอาเองละกัน ร้านฉันไม่เคยมีเรื่องกับใคร และเหตุการณ์นี้มันก็เกิดหลังจากวันที่ฉันกับพี่ธีร์แอบไปบ้านน้าทิพย์”
นันทนัชสับสน งุนงง ยังไม่ปักใจเชื่อ
“พี่กับต้าอาจจะมาทีหลังน้าทิพย์ แต่เราสองคนก็เป็นห่วงนัน จริงๆ นะ”
“แล้วน้าทิพย์เขาจะทำแบบนั้นทำไม”
“เขาอาจจะมีความลับอะไรที่ไม่อยากให้แกรู้ แต่ฉันดันบังเอิญไปพบเข้า อย่างแรกก็เรื่องเสื้อผ้าผู้ชาย อย่างที่สองก็เรื่องจดหมาย และฉันว่า มันไม่น่ามีแค่สองเรื่องนี้แน่ๆ”
นันทนัชนิ่งคิด สับสน ช่างเดินเข้ามาพอดี
“ทางนี้เลยครับ”
“งั้นเดี๋ยวต้าขอตัวก่อนนะ”
แฟนต้าเดินออกไปดูแลช่างเปลี่ยนกระจก ธีร์เดินเข้าไปคุยกับเธอ
“นันเชื่อที่พี่กับต้าพูดบ้างรึเปล่า หรือนันคิดว่าพี่กับต้าแค่กุเรื่องทั้งหมดขึ้น”
“เปล่าค่ะ พี่ธีร์ นันไม่เคยคิดแบบนั้น นันรู้ว่าพี่ธีร์กับต้าเป็นห่วงนัน ขอเวลานันสืบเรื่องทั้งหมดนี้ก่อนนะคะ เพราะยังไง น้าทิพย์ก็เป็นคนที่มีบุญคุณกับนันมาตั้งแต่เกิด”
นันทนัชเครียด ครุ่นคิด

เธอกลับมายังเรือนรัตนะ และนั่งใต้ต้นรำเพย หวังจะไขปริศนา ทิพย์เดินเข้ามา
“คุณนันยุ่งรึเปล่าคะ”
“ไม่ค่ะ น้าทิพย์มีอะไรคะ”
“น้ามีเรื่องอยากปรึกษาคุณนันหน่อย”
“นานๆ นันจะได้ให้คำปรึกษาน้าทิพย์บ้าง นันยินดีค่ะ น้าทิพย์มีอะไรไม่สบายใจเหรอคะ”
“คือน้าอยากจะขายบ้านสวนน่ะค่ะ”
“ทำไมล่ะค่ะ”
“ช่วงที่น้าต้องออกจากเรือนรัตนะ น้าลำบากมาก กู้หนี้ยืมสินคนอื่นเยอะแยะไปหมด และน้าก็ไม่มีปัญญาใช้ พอคุณพ่อของคุณนันใจดียกบ้านสวนหลังนั้นให้ แถมคุณนันก็เมตตาให้น้ามาอยู่ที่นี่ น้าเลยคิดว่า จะขายบ้านหลังนั้น เพื่อเอาเงินไปใช้หนี้เก่าน่ะค่ะ”
“โธ่ น้าทิพย์ เก็บบ้านสวนไว้เถอะนะคะ อย่างน้อยมันก็เป็นบ้านที่นันเติบโตมา นันไม่อยากให้น้าทิพย์ขายเลย ส่วนเรื่องหนี้เก่าของน้าทิพย์ นันจะช่วยเหลือเอง”
“คุณนัน...มันเยอะนะคะ”
“ให้นันได้ตอบแทนที่น้าทิพย์เลี้ยงดูนันมาเถอะค่ะ น้าทิพย์เป็นหนี้อยู่เท่าไหร่ค่ะ”
“สองล้านค่ะ”
เธอตกใจนิดหน่อย แต่พยักหน้า
“นันจัดการให้เองค่ะ”
“ขอบคุณมากนะคะ”

ทิพย์กุมมือเธออย่างซาบซึ้ง แต่นันทนัชแอบระแวงนิดๆ

ในสวนสาธารณะ นันทนัชนั่งมองน้ำ กฤตพนธ์เดินเข้ามา
“ทำไมมาเร็วนักล่ะครับ ผมว่าผมมาก่อนเวลาแล้วนะ”
“นันไม่อยากอยู่ที่บ้านน่ะค่ะ”
เขานั่งลงข้างๆ อย่างเป็นห่วง
“มีใครทำอะไรคุณรึเปล่า”
“เปล่าค่ะ แค่หลังเปิดพินัยกรรม มีอะไรเกิดขึ้นเยอะไปหมด ร้านต้าก็เพิ่งโดนปากระจกไป ไม่รู้นันจะเจออะไรรึเปล่า ก็ต้องป้องกันตัวเองไว้บ้าง”
“ไม่ก็ต้องหาบอดี้การ์ดสักคน”
เขากรุ้มกริ่ม พลางทำท่าแบมือ
“อะไรของคุณ”
“ใบสมัครไงครับ ผมจะรีบกรอกคนแรกเลย”
เธอยักไหล่
“ไม่เอาอ่ะค่ะ ขี้เกียจแย่งชิงจากใครบางคน อ้อ เรื่องพินัยกรรม ถ้าเรียบร้อยแล้ว นันจะรีบโอนเงิน 10% ให้นะคะ”
เขาถอนใจนิดนึง
“ผมขอเป็นส่วนแบ่งหัวใจแทนได้ไหม แค่ 10 % ก็ยังดี”
เธอเขิน
“เออ คุณติดจดหมายของพ่อมาให้นันใช่ไหมคะ”
“ครับ แล้วไม่กลัวน้าทิพย์สงสัยแล้วเหรอครับ ว่าคุณนันได้มาได้ยังไง”
“ไม่กลัวล่ะค่ะ นันจะถามความจริงน้าทิพย์เลย ว่าทำไมจดหมายพวกนี้ถึงไปอยู่ที่บ้านน้าทิพย์ และน้าทิพย์ปิดบังอะไรนันไว้อีก”
“จะดีเหรอครับคุณนัน”
“ดีสิคะ นันอยากรู้ว่าน้าทิพย์ต้องการอะไร ถ้าต้องการเรือนรัตนะ นันก็ยินดีจะยกให้ นันแค่อยากมีความสุข และมีชีวิตที่สงบสุขซะที”
เธอพูดอย่างเหนื่อยๆ เขาห่วงเธอมากกว่าทุกคราว

ในห้องของนันทนัช ทิพย์หยิบห่อผ้าขาวออกมาจากกองสมบัติของเธอ แล้วหันไปมองที่รูปรำเพยบนผนัง
“ฉันคงจะต้องใช้มันอีกแล้วใช่ไหม... เธอชนะฉันมาตลอดชีวิต เธอไม่เคยรู้หรอว่า คนแพ้มันเป็นยังไง... ขอบคุณนะคุณลิตร สำหรับกิ่งรำเพย สมบัติเดียวสิ่งที่คุณทิ้งไว้ให้ฉัน”

ห้องผ้าขาวนั้น ยังมีเรื่องราวต่อไป
“ผมคงไม่ต้องใช้มันอีกแล้ว”
เสียงพ่อเฒ่าดังก้องในหัวของลิตร
“เอ็งเลือกทางเดินของเอ็งเอง เอ็งจบมันไม่ได้หรอก ชีวิตเอ็งมันถูกลิขิตไว้แล้ว จุดจบของชีวิตเอง มันจะฉิบหายกว่านี้อีกหลายเท่านัก ฮ่าๆๆๆ”
ลิตรมองไปที่กิ่งรำเพยแล้วตัดสินใจ

ในวันที่ลิตรตั้งใจฝังกิ่งรำเพย … เขาขุดหลุมลึกฝั่งพินัยกรรมลงก่อน
“ขอให้ทุกอย่างถูกเปิดเผยในวันที่สมควร”
เขาเกลี่ยดินกลบฝังพินัยกรรมเป็นที่เรียบร้อย ชั้นบนเหนือขึ้นมา ลิตรเอาห่อผ้าขาวฝังลงตามลงไป
“อภัยให้ผมนะรำเพย แล้วสักวันผมจะไปอยู่กับคุณ”
ลิตรแหงนมองต้นรำเพย อย่างคิดถึง
เป็ฯจังหวะที่ทิพย์เดินผ่านมา แอบมองไปทางต้นรำเพย และได้ยิน....
“พ่อเฒ่า ทุกอย่างเป็นอย่างที่พ่อเฒ่าทำนาย ชีวิตผมมันฉิบหายไปครั้งหนึ่ง ผมอยากให้ทุกอย่างมันสิ้นสุดเสียที”
ทิพย์มองด้วยความฉงน เธอเห็นลิตรมองห่อผ้าขาว
“ผมจะไม่ใช้มันรมไฟเพื่อฆ่าใครอีกแล้ว”
ทิพย์ครุ่นคิด สงสัย

ทิพย์ เก็บห่อผ้าขาวซ่อนไว้ในสัมภาระของเธออย่างมิดชิด แล้วเดินออกไป

ภายในห้องนอน กนกกรป้อนยาฤทัยอยู่ รณฤทธิ์มองแม่อย่างเป็นห่วง
“แกไม่ต้องมาคอยเฝ้าแม่กันทั้งสองคนแบบนี้ก็ได้ ฉันยังไม่ตายง่ายๆ หรอก”
“แม่อย่าพูดแบบนั้นได้ไหม แค่นี้กิ๊บก็เครียดจะแย่อยู่แล้ว”
“ไว้แม่หายเมื่อไหร่ เราจะได้ลุยเรื่องมรดกกันต่อ”
“ไอ้รณ! ในหัวมีแต่เรื่องพวกนี้รึไง”
“ช่างน้องเถอะ ยังไง แม่จะไม่ปล่อยให้แกสองคนลำบากแน่ แม่จะทำทุกอย่างเท่าที่แม่ทำได้ เพื่อให้ครอบครัวของเรา กลับมามีหน้ามีตาเหมือนเดิม”
“แม่ก็อีกคน ตอนนี้เอาแค่ตัวเองให้หายก่อนเถอะ เรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง”
กนกกรดูจะเป็นคนเดียวที่มีสติยั้งคิดสุดในยามนี้
“แม่ไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ แกสองคนไปพักเถอะ”
กนกกรห่มผ้าให้แม่แล้วเดินออกอย่างเป็นห่วงเป็นใย ฤทัยแอบมองอย่างซึ้งใจนิดๆ
พอสองคนออกไป ฤทัยค่อยๆ ประคองตัวเองลุกขึ้นเตียง มายืนริมหน้าต่าง
เสียงเคาะประตูดังขึ้น
“อะไรอีกล่ะ ยัยกิ๊บ”
ฤทัยหันไปมอง แต่ไม่มีใครเปิดเข้ามา
“ศรีเหรอ”
เสียงยังคงเงียบ ฤทัยสงสัย เดินไปที่ประตู ใต้ประตู มีกระดาษเล็กๆ สอดเข้ามา ฤทัยหยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นดู ช็อกกับข้อความนั้น

นันทนัชหน้าเครียดปิดประตูรถ เดินลงมาพร้อมกล่องจดหมายพ่อในมือ
“แม่คะ พ่อคะ นันต้องรู้ความจริงเรื่องทั้งหมดนี้ให้ได้ ช่วยนันด้วยนะคะ”

แล้วนันทนัชก็เดินขึ้นเรือนไป
 
จบตอนที่ 22 
กำลังโหลดความคิดเห็น