น่ารัก ตอนที่ 17
นายกับจีจี้ ทั้งตกใจและหนักใจ สองคนมองหน้ากันอึกอักอยู่อย่างนั้น จนสุดท้ายฝ่ายชองปอลเอ่ยขึ้นเสียงเย็นเยียบ
“ทำไมเห็นเราแล้วทำหน้าอย่างงั้นล่ะ คุณนายนาย คุณจีจี้ หรือว่าที่นี่ไม่เต็มใจที่จะต้อนรับเรา”
นายกับจีจี้ที่อึ้งอยู่ ได้สติก็รีบทำความเคารพทันที
“หามิได้พะยะค่ะ...ถวายบังคมพะยะค่ะ”
“ถวายบังคมเพคะ”
“เราจะไม่ถามอะไรให้มันวุ่นวายมากเรื่องหรอกนะ เพราะสิ่งที่เราอยากรู้มันมีแค่เพียงเรื่องเดียวก็คือ เวลานี้น้องหญิงโลลิต้าอยู่ที่ไหน”
นายกับจีจี้อึ้ง นิ่งงันกันไป ไม่คิดว่าชองปอลจะถามตรงขนาดนี้
ฟากราอูลกำลังยืนดูหน้าจอที่ render ข้อมูลอยู่ มือถือของท่านนายพลดัง ราอูลกดรับสาย
“ฮัลโหล ว่ายังไงทางนั้นมีความเคลื่อนไหวอะไรบ้าง” ราอูลอึ้งไป “ว่าไงนะ”
ด้านชองปอลนั่งอยู่มุมรับแขกโฮมออฟฟิศจีเอ็นเอ็น จิบน้ำ แต่ตามองเขม็ง คุยกับนายและจีจี้
“จริงๆ นะเพคะ พวกเราไม่รู้จริงๆ ว่าองค์หญิงโลลิต้าอยู่ที่ไหน”
ชองปอลไม่เชื่อนัก “จะเป็นไปได้ยังไง ในเมื่อข่าวบอกว่าน้องหญิงอยู่เมืองไทย แล้วน้องหญิงก็ไม่ได้สนิทสนมกับใคร นอกจากพวกคุณ”
“เรื่องข่าวองค์หญิงมาที่นี่ กระหม่อมก็เพิ่งรู้เมื่อตอนที่ข่าวออกเหมือนกันพะยะค่ะ องค์หญิงไปเจอกับไผทได้ยังไง กระหม่อมก็ไม่รู้เหมือนกัน”
ชองปอลพูดนิ่มนิ่ง “น้องหญิงหายตัวไปตั้งแต่วันที่ทีมงานไทยเดินทางกลับจากฮวาซาใต้ น่าแปลกจริงๆ ที่พวกคุณไม่รู้”
ชองปอลพยายามจับพิรุธนาย และจีจี้ สองคนพยายามคุมสติ ไม่แสดงอาการใดๆ
“ไม่เป็นไร คนอย่างชองปอล ถ้าคิดจะตามหาใครสักคน ไม่ยากหรอก” ชองปอลลุก “ไปกันเถอะทหาร”
ชองปอลเดินพรวดพราดออกไป ทหารตามพรึบพรับ
นายกับจีจี้ตามไปเห็นเค้าลางสารพันปัญหาที่กำลังจะตามมานับจากนี้
ต่อมา นายและจีจี้ออกมายืนส่งชองปอลที่เดินกลับขึ้นรถท่าทางโกรธๆ ขัดใจอย่างมาก รถของทหารชองปอลเคลื่อนออกไป สองคนถอนหายใจโล่งอก
“ท่าทางท่านชองปอลจะกริ้วมากเลยนะ” นายว่า
“คนที่จะต้องกลัวที่สุดก็คือไผท เดี๋ยวจี้รีบโทร.เตือนเจ๊ฟินกับไผทก่อนนะนาย” จีจี้รีบวิ่งกลับเข้าออฟฟิศไป
นายรู้สึกได้ว่ามือถือที่เปิดเป็นสั่นไว้มีสายเข้า พอหยิบมือถือมาดูเห็นว่า แนวหน้าโทรเข้ามา 5 มิส คอลล์
นายกดรับสายคุยมือถือ “ไอ้แนว แกต้องไม่เชื่อแน่ว่าชั้นเพิ่งเจออะไรมา”
แนวหน้าอยู่ที่ห้องตัดต่อ กำลังคุยโทรศัพท์กับนาย ท่าทางกังวลและร้อนรนใจมาก
“ท่านราอูลบอกผมแล้ว ว่าทหารรายงานว่าท่านชองปอลมาเมืองไทยแล้วไปตามหาองค์หญิงที่ออฟฟิศเรา”
นายอึ้งไปเหมือนกันที่ราอูลรู้แล้ว “เอ้อ ฉันลืมไปว่าแกอยู่กับใคร พวกเราทุกคนต้องระวังตัวนะ องค์หญิงจะอยู่ที่ห้องนั่นไม่ได้แล้วเข้าใจมั้ย”
ฟินอยู่ในออฟฟิศปั้นดาวคุยโทรศัพท์กับจีจี้อยู่
“หา ท่านชองปอลมาเองเลยเหรอ ตายๆๆ ท่าทางโกรธมากด้วยหรอ งั้นเดี๋ยวฉันต้องรีบไปเตือนไผทก่อน...ขอบใจมากนะจี้”
ฟินกดวางสาย แล้วรีบโทร.หาไผททันที
แนวหน้ากดวางสายจากนาย ทุกคนอยู่ตรงมุมหนึ่งในห้องตัด
“ที่ออฟฟิศปลอดภัยดีครับ แต่พี่นายบอกว่าท่าทางท่านชองปอลจะโกรธมากที่หาองค์หญิงไม่เจอ และอาจจะตามหาห้องตัดนี่ เจอในเร็วๆนี้”
ทุกคนผวา ท่าทางหวาดกลัว
“หรือว่า เราจะให้องค์หญิงเสด็จกลับฮวาซาใต้ตอนนี้ ดีไหมคะท่านนายพล”
“ไม่ได้องค์หญิงยังกลับฮวาซาใต้ตอนนี้ไม่ได้” ราอูลบอก
“ทำไมล่ะคะ คุณราอูล”
นายพลราอูลมีท่าทางหนักใจเห็นได้ชัด แต่ไม่อยากบอกให้องค์หญิงโลลิต้ากลุ้มใจหนักไปกว่านี้
ใบหน้าท่านธูลยิ้มสงบนิ่งแววตาลึกล้ำ กำลังนั่งจิบชากับใครบางคนอยู่ที่ห้องประชุม พบว่าคนๆ นั้นคือท่านหลุยส์ที่กำลังจิบชายิ้มละไมอยู่เช่นกัน
“เราเสียใจด้วยนะเรื่องสารคดีเปิดประเทศของฮวาซาใต้ที่ต้องหยุดชะงักไปกลางครัน แล้วถ้าไม่มีสารคดีชิ้นนั้นงานเปิดประเทศของฮวาซาใต้จะทำยังไง”
“ทางคณะมนตรียังปรึกษาหาทางแก้กันอยู่น่ะพะยะค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็แปลว่า งานนั้นก็อาจจะต้องเลื่อนออกไป ถ้าเช่นนั้นเราก็น่าจะคุยกันเรื่องการรวมประเทศฮวาซาเหนือกับใต้กันได้เสียที ฮวาซาเหนือของเราเตรียมพร้อมมานานมากแล้ว หรือว่าทางฮวาซาใต้มีปัญหาอะไรอีก”
“หามิได้ท่าน เราเพียงแต่…ต้องการเวลาอีกสักนิด”
“เราให้เวลาทางแผ่นดินใต้มามากแล้วนะท่านธูล มากจนเกินพอ อย่าให้ทางฮวาซาเหนือของเราต้องคิดว่า ทางฮวาซาใต้รังเกียจพวกเราเลย”
“เราไม่เคยคิดรังเกียจแผ่นดินเหนือแม้แต่น้อยนะ พะยะค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็แสดงให้เราเห็นความจริงใจสิท่านธูล… จัดงานอภิเษกสมรสระหว่างชองปอลกับโลลิต้าเสียที อย่าให้ชองปอลต้องรออีกต่อไปเลย ไม่เช่นนั้นโซเฟียก็อาจจะโกรธ และบังคับให้เราทำอะไรๆ ที่เราไม่อยากจะทำก็ได้…เข้าใจพระทัยใช่มั้ย ท่านธูล”
ท่านหลุยส์ยิ้มๆ ให้ ท่านธูลอึ้ง
ส่วนที่ห้องตัดต่อสารคดี ในกรุงเทพฯ ชีฟองออกอาการร้อนรน เพราะเป็นห่วงโลลิต้า
“ท่านหลุยส์ไปดักอยู่ที่ฮวาซาใต้ ส่วนท่านชองปอลมาดักที่ประเทศไทย แล้วแบบนี้องค์หญิงจะไปอยู่ที่ไหนดีล่ะเพคะ” “ที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่บ้านคนรู้จัก เพราะนั่นจะเป็นสิ่งแรกที่ทหารของฮวาซาเหนือไปตามหาองค์หญิง” ราอูลบอก
แนวหน้าเครียดจัด “แล้วถ้าเป็นบ้านที่ไม่มีใครรู้จักล่ะครับท่านนายพล”
ทุกคนหันมองแนวหน้า ไม่เข้าใจว่าแนวหน้าหมายถึงที่ไหน?
บ่ายวันนั้น แนวหน้ากำลังขับรถมุ่งหน้าออกต่างจังหวัด ปิแอร์นั่งคู่กับแนวหน้า โลลิต้า กะ ชีฟองนั่งอยู่ด้านหลัง แนวหน้านั้นคุยโทรศัพท์ด้วยอุปกรณ์
“ผมฝากสคริปต์ลงไทม์โค้ดทั้งหมดไว้ที่พี่เอทั้งหมด ฝากพี่นายช่วยคุมด้วยก็แล้วกัน แล้วท่านนายพลราอูลก็จะอยู่ดูแลพี่นายกับพี่จี้ด้วย และถ้ามีปัญหาอะไรเราค่อยโทรคุยกันนะเฮีย ถ้าถึงที่นั้นแล้วผมจะโทร.หา”
แนวหน้ากดวางสายไป แอบมองโลลิต้าผ่านกระจกมองหลังแล้วคิดในใจ
“ผมไม่คิดเลยว่าการที่ผมตัดสินใจไปกำกับสารคดีที่ประเทศเล็กๆ อย่างฮวาซาใต้ในวันนั้นจะทำให้เกิดเหตุการณ์มากมายขนาดนี้...และที่สำคัญผมแน่ใจว่าหัวใจของผม…มันไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว”
แนวหน้าเหลือบมองโลลิต้าอีกครั้ง แต่โลลิต้ามองวิวนอกรถโดยไม่สนใจมองแนวหน้า
ฝ่ายขิงมีสีหน้าตกใจมาก และกำลังคุยกับจีจี้ ซึ่งแวะมาหาที่ร้าน
“ท่านชองปอลมาตามหาตัวองค์หญิงที่เมืองไทยงั้นเหรอคะ”
“ใช่น่ะสิ...พี่ถึงแวะมาบอกขิง เดี๋ยวพี่กับนายนายต้องไปคุมตัดแทนไอ้แนวอีก”
“แล้วพี่แนวไปไหนเหรอคะ”
จีจี้มองขิงอย่างสงสารกระซิบบอก “พูดกับพี่จะพูดฮะอย่างแต่ก่อนก็ได้นะ พี่เข้าใจว่าพออยู่ที่ร้านมันเป็นตัวของตัวเองไม่ได้ ต้องใส่กระโปรงแต่งตัวสวยๆ…แต่ขิงยังเหมือนเดิมกับพี่ได้นะจ๊ะ”
ขิงอ๋อ…ฮะ…ขอบคุณพี่จี้ฮะ
“ตอนนี้ไอ้แนวมันพาองค์หญิงหลบไปอยู่ต่างจังหวัดน่ะ ยังไงวันนี้ขิงรีบปิดร้านแล้วก็รีบกลับบ้านเลยนะ...ระวังตัวด้วย อย่าห้าวนัก พี่ว่าตอนนี้ท่านชองปอลคงตามหาตัวองค์หญิงจากทุกคนที่เคยไปฮวาซาใต้แน่ๆ”
ขิงกังวล นึกเป็นห่วงไผทขึ้นมา
“ไผทจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ ท่าทางท่านชองปอลจะต้องมุ่งหน้าไปหาไผทก่อนใครแน่ๆ”
ฟินนั่งอยู่ในห้องแต่งตัวกับไผท เปิดฉากอบรมตอนบ่าย
“จำไว้นะไผท เลิกงานแล้วกลับบ้านเลย ห้ามไปที่อื่น ห้ามไปเจอใคร ห้ามอยู่ตามลำพัง แล้วถ้าท่านชองปอลมาก็บอกไปอย่างเดียวเลยว่าไม่รู้ไม่เห็น เข้าใจมั้ย”
“ผมจำได้แล้วครับพี่ฟิน...ตั้งแต่เช้ามาพี่พูดแบบนี้กับผมมาสามรอบแล้วนะ”
“แล้วที่สำคัญ ห้ามหนีพี่ไปหาองค์หญิงจนเกิดเรื่องแบบคราวที่แล้วอีกนะ”
ไผทย้อนแย้ง “ก็ถ้าพี่รับงานน้อยตามที่สัญญากับผมไว้ ผมก็ไม่หนีหรอกครับ”
ฟินฉุนกึก “นี่เธอโทษพี่เหรอไผท”
“ผมไม่ได้โทษครับ...แต่พี่ฟินจำไม่ได้เหรอว่าพี่สัญญากับผมแล้วว่ากลับมาคราวนี้จะรับงานให้น้อยลง ให้ผมมีเวลาว่างพักผ่อนมากขึ้น แต่นี่ทุกอย่างมันก็เหมือนเดิม”
ฟินอ่อนลง หาข้ออ้าง “ไผทต้องเข้าใจนะ ว่าตั้งแต่กลับมาจากฮวาซาใต้ กระแสไผทยังไม่ดีเหมือนเดิม...พี่ก็เลยต้องรับงานเยอะๆ เพื่อให้กระแสไผทกลับมา”
ไผทเซ็งสุดสุด “ผมต้องดังอีกซักแค่ไหนครับ พี่ถึงจะพอใจ”
ฟินอึ้งไป ทันใดนั้นได้ยินเสียงเคาะประตูห้อง ฟินเปิดประตูออกเห็นทีมงาน 1 ยืนอยู่หน้าห้อง
“มีคนมาขอพบไผทค่ะพี่ฟิน”
ทหารฮวาซาเหนือ 2 นายเดินเข้ามาที่ประตู ฟินกับไผทเห็นก็ชะงักไปทันที
“ท่านชองปอลขอเชิญคุณไผทไปคุยด้วยครับผม!” ทหาร 1 บอกขึงขัง
ไผทกับฟินอึ้ง
ไม่นานหลังจากนั้น ฟินกับไผทถูกพาตัวเข้ามาในห้องสูทแห่งหนึ่ง ซึ่งมีชองปอลนั่งรออยู่ ชองปอลหันมาพูดกับไผท ฟินยิ้มๆ
“นั่งก่อนสิ... คุณไผท ไพศาลี”
ทหารฮวาซาเหนือเลื่อนเก้าอี้มาให้ทั้งสองคนนั่ง ไผท กะ ฟินนั่งลง
ฟินพูดทันที “หม่อมฉันไม่รู้นะเพคะว่าองค์หญิงอยู่ที่ไหน”
ชองปอลดักคอ “คุณรู้ได้ยังไงว่าเราจะถามเรื่องน้องหญิง”
ฟินชะงัก อึกอัก “เอ่อ...คือ...”
ชองปอลตัดบท “เอาละ...ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว”
“งั้นหม่อมฉันกับไผทกลับเลยนะเพคะ เดี๋ยวทีมงานจะรอ เรายังต้องถ่ายรายการกันอีกเพค่ะ”
ฟินจูงมือไผทจะเดินออกไป
“เดี๋ยว! ไผทยังไม่ได้ตอบเราเลย ว่าเค้ารู้หรือเปล่าว่าน้องหญิงของเราอยู่ที่ไหน”
“ไผทก็ไม่รู้เพคะ” ฟินตอบแทน
“เราถามไผท ไม่ได้ถามคุณ”
“กระหม่อมไม่รู้หรอกพะยะค่ะ” ไผทตอบนิ่งๆ
ชองปอลย้อนแย้ง “ไม่รู้ได้ยังไง ในเมื่อรูปภาพในข่าว แกอยู่กับน้องหญิง”
“วันนั้นกระหม่อมเจอองค์หญิงด้วยความบังเอิญพะยะค่ะ องค์หญิงกำลังตกอยู่ในอันตรายกระหม่อมก็เข้าไปช่วย แล้วเราก็จากกันไป แล้วหลังจากวันนั้นกระหม่อมก็ไม่ได้เจอองค์หญิงอีกเลย”
ฟินรีบเสริม “หม่อมฉันเป็นพยานได้นะเพคะ ว่าไผทไม่ได้เจอองค์หญิงอีกเลยหลังจากวันนั้น ไม่เชื่อก็ถามคนในกองถ่ายดูก็ได้นะเพค่ะ”
ชองปอลจดสายตามองตาทั้งสองคนพินิจพิเคาระห์ว่ามีแววว่าโกหกหรือไม่ เจ๊ฟินนั้นหน้าซีดขาวเป็นไข่ต้ม
ส่วนไผทยังทำตาแข็ง วางหน้านิ่ง ดูไม่มีพิรุธใดๆ สมกับเป็นซุปตาร์!!
อ่านต่อหน้า 2
น่ารัก ตอนที่ 17 (ต่อ)
รถของท่านหลุยส์จอดรออยู่ที่หน้าวังฮวาซาใต้แล้วในตอนเย็นวันนั้น ท่านธูลเดินมาส่งท่านหลุยส์ สองพระองค์เดินคุยกันมาตามทางเดิน ท่านธูลนั้นดูครุ่นคิดตลอดเวลา
“ขอบพระทัยสำหรับชาฮวาซาใต้หอมๆ นะ ท่านธูล”
ท่านธูลยิ้ม “ด้วยความยินดีพะยะค่ะ”
“แล้วถ้าท่านธูลให้โหรหาฤกษ์ วันอภิเษกสมรสของชองปอลและโลลิต้าได้เมื่อไหร่ รีบแจ้งข่าวบอกทางเราด้วยแล้วกันนะ...เราจะรีบให้คณะมนตรีตระเตรียมจัดพระราชพิธีให้ยิ่งใหญ่สมพระเกียรติทันที”
“ไม่ต้องทรงห่วงพะยะค่ะ เราจะรีบดำเนินการให้เร็วที่สุด”
“เอ้อ จริงสิ...เราก็ลืมถามท่านไป ตั้งแต่มาถึงที่นี่เรายังไม่เห็นท่านายพลราอูลคนสนิทของท่านเลย ไปไหนซะล่ะ”
“เราส่งท่านนายพลไปดูงานที่ต่างประเทศอยู่น่ะ”
“ใจตรงกันเลย...เพราะเราก็ส่งชองปอลไปดูงานที่ต่างประเทศเหมือนกัน” ท่านหลุยส์หัวเราะชอบใจ “ดูเหมือนเราสองคน มักจะมีใจที่ตรงกันอยู่เสมอนะท่านธูล”
ท่านธูลกับท่านหลุยส์มองหน้ากันอย่างรู้ทัน ท่านหลุยส์ขึ้นรถออกไป ท่านธูลเครียดที่ถูกอีกฝ่ายตามเกมทัน
อีกฟากหนึ่ง ภายในห้องสูทโรงแรม อันเป็นที่พักในกรุงเทพฯ ของ ชองปอล ทหารกำลังรายงายความคืบหน้าอยู่
“กระหม่อมได้สืบหารายชื่อแขกตามโรงแรมต่างๆ แล้ว แต่ไม่มีพระนามขององค์หญิงโลลิต้าเลยพะยะค่ะ แล้วตอนนี้เราได้จัดแบ่งคนติดตามคุณนายนาย คุณจีจี้ และไผทเรียบร้อยแล้วครับผม!”
“ดี! ทางไหนมีความเคลื่อนไหวยังไงบอกให้ติดต่อเราด่วน”
“พะยะค่ะ”
ทหารทำความเคารพแล้วจะเดินออกไป ชองปอลพึมพำ “โลลิต้า...น้องไปอยู่ไหนนะ” สุดท้ายนึกบางอย่างได้ “เดี๋ยว เพิ่งนึกออกว่ามีอีกคนที่เรายังไม่ได้ไปถามเลย”
ลูกค้ากำลังเลือกชุดในร้านขิงดีไซน์ โดยที่ขิงคอยดูแลแนะนำให้
“ชุดนี้เพิ่งมาใหม่เลยนะคะ”
“สวยจังเลยค่ะ”
ทันใดนั้นเอง ทหารชองปอลเดินเข้ามาในร้านของขิงจนเต็มร้าน ขิงกับลูกค้ามองงงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น
ลูกค้าร้อง “ว้าย…อะไรกันคะเนี่ย”
ชองปอลเดินตามเข้ามาทีหลัง แล้วมองจ้องมายังขิงเขม็ง ขิงรู้ทันทีว่าชองปอลมาหาตัวเองทำไม ลูกค้าวางของ แล้วจรลีออกจากร้านไปทันที ขิงพยายามนิ่ง ไม่ลืมวางมาดทอมแล้วทำความเคารพชองปอล
“ถวายบังคมท่านชองปอล”
“ขอโทษทีนะคุณขิง เราขอคุยกับคุณเป็นการส่วนตัวได้ไหม?”
ขิงพูดแมนๆ “พะยะค่ะ”
ชองปอลนั่งอยู่ที่โซฟาตรงมุมรับรองลูกค้าในร้านขิง โดยมีทหารคุมอยู่ทั้งในร้านและนอกร้าน ผู้คนที่เดินผ่านไปมา พากันมองอย่างงงๆ ขิงนั่งอยู่ต่อหน้าชองปอล
“ขอบใจ...เราไม่อ้อมค้อมละนะ รู้ไหมว่าตอนนี้น้องหญิงโลลิต้าอยู่ไหน”
“ไม่ทราบพะยะค่ะ”
ชองปอลตบโต๊ะดังปัง โกรธสุดๆ “ไม่ทราบ ไม่ทราบ...ทีมงานสารคดีนี้พูดเป็นคำเดียวหรือไง”
ขิงเหวอ ท่าทางหวาดกลัว
ด้านแนวหน้าขับรถมาตามทาง ดูนาฬิกาในรถ มันเป็นเวลาเย็น เกือบ 6 โมง
“มีใครหิวบ้างรึยังครับ”
เสียงท้องทุกคนพร้อมใจประสานเสียง ทุกคนตกใจ กุมท้องตัวเอง
“เข้าใจแล้วครับ”
แนวหน้าหักพวงมาลัยเข้าข้างทาง
ทุกคนอยู่ในร้านอาหารข้างทาง แนวหน้า โลลิต้า ชีฟอง ปิแอร์ ยืนอยู่ที่หน้าร้านอาหารข้างทางตามต่างจังหวัดที่ขายอาหารหลายๆอย่าง โลลิต้า ชีฟอง ปิแอร์มองอาหารในร้านอย่างไม่เคยเห็น
แนวหน้าหันมาถามกับโลลิต้า ชีฟอง และปิแอร์ “องค์หญิงจะเสวยอะไรดีพะยะค่ะ”
“อะไรก็ได้ค่ะ หญิงทานได้หมด”
“อะไรก็ได้ไม่มีขายพะยะค่ะ มีแต่ข้าวมันไก่ ข้าวหมูแดง ข้าวขาหมู ก๋วยเตี๋ยวหมูต้มยำ แล้วก็ก๋วยจั๊บ”
“งั้นคุณแนวทานอะไรก็สั่งแบบนั้นให้หญิงแล้วกันค่ะ”
“งั้นเอางี้แล้วกันพะยะค่ะ...เดี๋ยวกระหม่อมซื้อมาให้ลองทุกอย่างเลย”
อาหารวางอยู่เต็มโต๊ะ ทั้งข้าวหมูแดง ข้าวมันไก่ ข้าวขาหมู ก๋วยเตี๋ยวหมูต้มยำ ก๋วยจั๊บ มีน้ำจิ้มต่างๆที่มากับข้าววางอยู่บนโต๊ะด้วย โลลิต้ามองอาหารตรงหน้าอย่างตื่นตา ดูน่ากินไปหมด
“โอ้โห…อาหารไทย น่ากินจังเลย” ชีฟองตาโต
ชีฟองกับปิแอร์นั่งกินอยู่อีกโต๊ะนึงใกล้ๆกัน
แนวหน้าหันไปพูดกับชีฟอง และปิแอร์ “หวังว่าคงจะพอกินได้นะครับคุณชีฟอง คุณปิแอร์”
“ไม่ใช่แค่พอกินได้หรอกครับ อาหารไทยอร่อยหมดทุกอย่าง ผู้หญิงไทยก็สวย ฮี่ๆ” ปิแอร์ทำท่าเคลิ้ม
ชีฟองแว้ด “ปิแอร์”
ปิแอร์สะดุ้งได้สติ “อุ้ย…ขอประทานอภัยพะยะค่ะ องค์หญิง”
แนวหน้าหันมาทางองค์หญิง โลลิต้าไม่รู้ว่าจะเริ่มกินอันไหนก่อนดี
“เสวยเลยสิพะยะค่ะ เดี๋ยวเย็นแล้วจะไม่อร่อย”
“หญิงไม่รู้จะเริ่มจากจานไหนก่อนดี”
แนวหน้ายิ้มๆ “งั้นข้าวหมูแดงก่อนล่ะกันพะยะค่ะ” แล้วเลื่อนจานข้าวหมูแดงให้
โลลิต้ามองข้าวหมูแดงแล้วจะตักเข้าปาก
แนวหน้าบอก “เดี๋ยวพะยะค่ะ ต้องราดน้ำจิ้มก่อนถึงจะอร่อย”
โลลิต้ามองถ้วยน้ำจิ้มบนโต๊ะที่เยอะแยะงงๆ แล้วจะตักน้ำจิ้มข้าวมันไก่ราด
“เอ่อ องค์หญิง...นั่นน้ำจิ้มข้าวมันไก่”
โลลิต้าชะงักแล้วหันไปจะตักน้ำจิ้มข้าวขาหมู
“นั่นน้ำจิ้มข้าวขาหมูพะยะค่ะ”
แนวหน้าเลื่อนน้ำจิ้มข้าวหมูแดงให้ “ถ้วยนี้พะยะค่ะ”
“ทำไมอาหารไทยมีน้ำจิ้มหลายอย่างจังเลย”
โลลิต้าตักน้ำจิ้มราดข้าว พร้อมกับตักกิน แนวหน้าตักก๋วยจั๊บกิน พร้อมกับแอบมองโลลิต้ายิ้มๆ
“องค์หญิงเคยเสด็จมาเรียนที่เมืองไทย ไม่เคยเสวยอาหารแบบนี้เลยเหรอพะยะค่ะ”
“ตอนหญิงมาเรียน หญิงมีแม่ครัวจากวังตามมาด้วยน่ะค่ะ”
แนวหน้าพยักหน้ารับรู้
โลลิต้านึกได้ “ว่าแต่ทำไมคุณแนวรู้ว่าหญิงเคยมาเรียนที่เมืองไทยคะ”
แนวหน้าชะงักแทบสำลัก ลืมตัวว่ารู้จากบล็อก “เอ่อ...คือกระหม่อมอ่านประวัติองค์หญิงจากในอินเตอร์เน็ตน่ะพะยะค่ะ”
โลลิต้าพยักหน้า แนวหน้าผ่อนลมหายใจโล่งอก เกือบไปไม่รอด บอกตัวเองในใจ
“ใจหนึ่งผมก็เคยคิดว่าถ้าจู่ๆ ผมบอกองค์หญิงไปตรงๆว่าผมคือนายพรหมลิขิต องค์หญิงจะรู้สึกยังไง”แนวหน้าแอบมองโลลิต้าแล้วถอนใจ ที่ต้องปิดบังไว้ “แต่…มันก็คงเป็นไปไม่ได้…น่าเศร้าใจจริงๆ”
ค่ำแล้ว ขิงเดินท่าทางอ่อนล้าตรงไปที่รถ ลานจอดรถค่อนข้างเปลี่ยว ด้านหน้าเหมือนมีเงาคนเดินตามแวบๆ ขิงหันขวับไปดู เห็นทหารฮวาซาเหนือโผล่มาสบตาขิง ก่อนจะหลบไป ขิงเริ่งฝีเท้าหนี ทหารเร่งฝีเท้าตาม ขิงเริ่มหวาดกลัว
นึกถึงเหตุการณ์ในร้าน ตอนที่ชองปอลมายืนพูดขู่ใกล้ๆ
“พวกคุณคิดว่าจะปิดบังเราไปได้นานแค่ไหน คนอย่างชองปอล ถ้าต้องการจะรู้อะไร ชองปอลจะต้องรู้ให้ได้…แล้วอย่าหาว่าเราใจร้ายก็แล้วกัน” จากนั้นชองปอลก็เดินปึงปังออกจากร้านไป
ขิงถอนใจ รู้ได้ทันทีว่า ชองปอลสั่งให้ทหารสะกดรอยตามตัวเอง ขิงขึ้นบนรถ หยิบโทรศัพท์มากด รอสาย
“พี่แนวทำไมถึงปิดเครื่องล่ะ”
ขิงติดสินใจเปลี่ยนกดโทร.อีกเบอร์ คุยมือถือ ท่าทีร้อนใจ “ไผท...ตอนนี้ไปไผทอยู่ที่ไหน”
ไม่นานต่อมาขิงนั่งอยู่ในห้องกับไผทแล้ว ท่าทางยังกลัวๆอยู่ ไผทเดินมานั่งลงข้างๆ พร้อมกับยื่นถ้วยโกโก้ร้านให้ “นี่ขิง...โกโก้ร้อน”
ขิงรับแก้วโกโก้จากไผท
“ใจเย็นๆ นะขิง รปภที่นี่เข้าไม่ยอมให้คนแปลกหน้าขึ้นมาบนนี้ได้หรอก ทหารของท่านชองปอลไม่มีวันมาวุ่นวายกับเราได้”
ขิงถอนใจ “ค่อยยังชั่ว…ขิงเป็นห่วงไผทมากเลย”
ไผทไม่รู้อะไรเล้ย... “ห่วงผม..ทำไมละขิง”
ขิงได้สติ “คือ..ขิงก็ห่วงทุกคนแหละ..ท่าทางท่านชองปอลน่ากลัวมาก ขิงไม่อยากให้ใครโดนคุกคามอย่างขิง”
“อย่าห่วงผมเลย ผมดูแลตัวเองได้…ว่าแต่ขิงเถอะ กลัวมากมั้ย”
ขิงพยักหน้า “ก็...ตกใจ ตอนที่รู้ว่าท่านให้ทหารคอยตามขิงกลับบ้าน”
“งั้นขิงอย่าเพิ่งกลับบ้านนะ...ขิงอยู่คอนโดคนเดียวมันอันตราย…อยู่ที่นี่ไปก่อนจนกว่าเค้าจะเลิกตาม” ไผทเอื้อมมือไปจับมือขิงปลอบ “ผมจะดูแลขิงเอง”
ขิงมองมือไผทที่จับมือตัวเองเขินๆ
“แต่ไม่รู้ป่านนี้พี่แนวพาองค์หญิงไปอยู่ไหนเนอะ ผมเป็นห่วงองค์หญิงจังเลยขิง”
ขิงมองมือไผทที่จับมือตัวเอง แต่ปากกลับบอกว่าห่วงองค์หญิง นึกขึ้นมาแล้วยิ่งเศร้า
อ่านต่อหน้า 3
น่ารัก ตอนที่ 17 (ต่อ)
รถของแนวหน้าขับเข้ามาจอดที่บ้านหลังเก่าที่เคยพาองค์หญิงหลบมาพักคราวก่อน โลลิต้ามองตัวบ้านยิ้มๆ
“ถึงแล้ว บ้านคุณแนวหน้า” ชีฟองหันไปปลุกปิแอร์ “ตื่นสิปิแอร์ ไปเปิดประตูรถ”
ปิแอร์ลุกขึ้นอย่างกระตือรือร้น
“ดีจังเลยค่ะ หญิงชอบที่นี่ คิดว่าจะไม่ได้กลับมาซะแล้ว”
แนวหน้ามองอึ้งๆ แอบดีใจที่องค์หญิงชอบบ้านตน
ชีฟอง เปิดห้องน้ำออกมาหาโลลิต้าที่ยืนรออยู่
“มาสรงเถอะเพค่ะองค์หญิง พี่ชีฟองทำความสะอาดห้องสรงให้แล้วขัดจนเป็นเงาวับเลยเพคะ”“จะให้อาบน้ำยังไงล่ะ พี่ฟอง”
“ทำไมล่ะเพค่ะ ทำไมจะสรงไม่ได้”
“อาบแล้วจะเอาอะไรใส่ล่ะ อย่าลืมสิค่ะว่าเราออกมาโดยไม่ได้เอาข้าวของมาด้วยเลยซักอย่าง”
ชีฟองตกใจ “ว้าย…จริงด้วยสิเพค่ะ”
เสียงเคาะประตูเบาๆ แนวหน้าเปิดเข้ามา
“ขอประทานอภัยพะยะค่ะ”
“มีอะไรเหรอคะ คุณแนวหน้า” องค์หญิงถาม
“คือ…พอดีเมื่อกี้ตอนแวะกินข้าว กระหม่อมเห็นว่ามันมีร้านเสื้อผ้าขาย เลยซื้อติดมาเผื่อองค์หญิงกับคุณชีฟองก่อน ยังไงพรุ่งนี้เช้ากระหม่อมจะหาเสื้อผ้าจากตลาดมาเพิ่มให้อีกนะนะพะยะค่ะ”
แนวหน้าส่งถุงให้ ชีฟองรับไปอย่างดีใจ
“คุณแนวนี่รอบคอบจังเลยนะคะ...ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ ที่นึกถึงชีฟองด้วย น่ารักจังเลย”
แนวหน้ายิ้มๆ โลลิต้ากระแอมปรามชีฟอง
“ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะคะคุณแนว”
“ไม่เป็นไรพะยะค่ะ เดี๋ยวกระหม่อมรีบไปโทรรายงานท่านราอูลกับพี่นายก่อน”
แนวหน้าเดินออกไป ชีฟองเปิดถุงดูของแล้วกรี๊ดกร๊าดที่เห็นมีของมาให้พร้อมพรัก
โลลิต้ามองตามหลังแนวหน้าไป รู้สึกดีกับเขามากขึ้น
แนวหน้าอยู่ตรงระเบียงบ้าน กำลังคุยมือถือกับนายอยู่
“พวกเราถึงที่พักเรียบร้อย ปลอดภัยดีนะเฮีย...แล้วทางนั้นเป็นยังไงบ้าง”
นายนั่งอยู่ในห้องตัด เห็นเอนั่งตัดงานอยู่ ราอูล จีจี้ ยืนอยู่กับนายอีกมุมหนึ่ง
“ทางฉันไม่มีอะไร แต่ขิงนี่สิ...เมื่อกี้โทร.มาบอกว่าท่านชองปอลไปตามหาองค์หญิงถึงร้าน แล้วก็ให้ทหารตาม ..ขิงเลยออกจะกลัวๆ หน่อย”
แนวหน้าตกใจ “จริงเหรอเฮีย งั้นเดี๋ยวผมขอโทรหาขิงหน่อย แค่นี้ก่อนนะเฮีย”
มือถือขิงมีสายโทร.เข้ามา แต่เป็นเบอร์ที่ไม่ได้เมมชื่อไว้ ไผทหยิบมือถือนั้นขึ้นมาดู พลางร้องเรียก
“ขิง...โทรศัพท์”
ขิงออกมาจากห้องน้ำ เพิ่งอาบน้ำเสร็จ โดยใส่เสื้อผ้าของไผท
“ใครโทร.มาเหรอไผท”
“ไม่รู้...ไม่ขึ้นชื่อ”
ขิงมองมือถือคิดว่าจะรับดีไหม
“ผมว่าไม่ต้องรับหรอกขิง อาจจะเป็นคนของท่านชองปอลก็ได้”
ขิงชะงักคิด “แต่ถ้าเป็นพี่แนวล่ะไผท พี่นายบอกว่าพี่แนวเปลี่ยนซิมเบอร์ใหม่ท่านชองปอลจะได้ตามหาไม่เจอ”
ขิงและไผทคิดหนักว่าจะรับดีไหม
ฝ่ายแนวหน้ายังรอสายจากขิงอยู่
“ทำไมไม่รับเนี่ยขิง” ที่สุดขิงรับสาย “ฮัลโหล ขิง...เป็นไงบ้าง ท่านชองปอลไปค้นที่ร้านเลยเหรอ”
ขิงคุยสายอยู่ที่คอนโดไผท “พี่แนว ขิงไม่เป็นอะไรแล้วพี่ พี่ไม่ต้องเป็นห่วงนะ ตอนนี้ขิงอยู่ที่คอนโด”
ไผทอึกอักนิดหน่อย “ไผทบอกให้ขิงอยู่ไปก่อน จนกว่าคนของท่านชองปอลจะเลิกตาม แล้วพี่แนวล่ะตอนนี้พาองค์หญิงไปอยู่ไหน”
แนวหน้านิ่งไป “พี่บอกไม่ได้...เอาเป็นว่าองค์หญิงปลอดภัยแล้ว...ขิงไม่ต้องห่วงนะ”
ไผทขอคุยกับแนวหน้า “ขิง...ขอผมคุยกับพี่แนวหน่อย”
ขิงพยักหน้ายื่นมือถือให้ไผท
“พี่แนว.....ผมขอคุยกับองค์หญิงหน่อยสิพี่”
แนวหน้าเซ็งเป็ด “แกจะคุยทำไมวะ”
ไผทอ้อน “ก็ผมเป็นห่วงองค์หญิงนี่พี่ นะพี่แนว...ผมขอร้อง นาทีเดียวก็ได้...นะพี่นะ”
ขิงเห็นไผทอยากคุยกับโลลิต้าเอามากๆ ก็เศร้าไป
ชีฟองกำลังจัดเตียงให้โลลิต้า เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น แนวหน้าเปิดประตูเข้ามา
“มีคนอยากคุยกับองค์หญิงพะยะค่ะ”
“ใครคะ” แนวหน้าออกอาการเซ็งๆ “ไผท”
โลลิต้ายิ้มดีใจทันที แนวหน้าส่งมือถือให้ “สวัสดีค่ะคุณไผท...คุณไผทเป็นยังไงบ้างคะ”
แนวหน้ามองท่าทางตื่นเต้นดีใจของโลลิต้า แล้วปวดหัวใจก่อนที่จะเดินออกไป
ไผทกำลังคุยโทรศัพท์กับโลลิต้า โดยที่ขิงยังอยู่ในห้องด้วย ขิงแอบมองไผทเศร้าๆ
“กระหม่อมสบายดีพะยะค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วง แล้วองค์หญิงล่ะพะยะค่ะ”
“หญิงก็สบายดีค่ะ พี่ชองปอลทำอะไรคุณไผทหรือเปล่าคะ”
“ไม่ได้ทำพะยะค่ะ กระหม่อมบอกเค้าไปว่าเราเจอกันโดยบังเอิญ แล้วเราก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย”
“ยังไงคุณไผทระวังตัวด้วยนะคะ พี่ชองปอลไม่ใช่คนที่เชื่ออะไรง่ายๆ หรอกค่ะ”
“กระหม่อมเป็นห่วงองค์หญิง…และก็คิดถึงมากด้วยพะยะค่ะ”
ขิงได้ยินถึงกับอึ้ง ส่วนโลลิต้าเขินอายม้วน แล้วมองไปเห็นว่ามีคอมพิวเตอร์อยู่ในห้อง
“คุณไผทคะ คุยทางโทรศัพท์มันไม่ค่อยสะดวก ยังไงเดี๋ยวเราแช็ตกันต่อในบล็อกดีกว่านะคะ” โลลิต้ากระซิบ “อีก 10 นาทีค่อยคุยกันนะคะ...นายพรหมลิขิต”
โลลิต้ากดวางสายไปเลย
ไผทยังถือโทรศัพท์ค้างอยู่ อย่างงงๆ
“แช็ตเหรอ” ไผทเกาหัวงงหนัก “ทำไมต้องแช็ตล่ะ”
ขิงมองหน้า “ทำไม…มีอะไรเหรอ”
“ก็องค์หญิงนะสิ อยู่ดีๆ ก็บอกว่าเดี๋ยวคุยกันต่อในบล็อก...แถมเรียกผมว่านายพรหมลิขิตอีก...ขิงว่าชื่อนี้มันคุ้นๆไหม”
ขิงอึกอัก “เอ่อ …นายพรหมลิขิตเหรอ ขิงไม่เคยได้ยินเลย”
“แต่ผมว่ามันคุ้นๆ นะ” ไผทเกาหูพยายามคิด “เคยได้ยินจากไหนน้า...”
“ชื่อในละครที่ไผทเล่นละมั้ง ขิงว่าไผทจำผิดแล้วล่ะ” “งั้นเหรอ? แต่มันคุ้นๆ นะ”
“นอนเถอะ ขิงง่วงแล้ว ขิงเข้าไปนอนในห้องเล็กนะ กู๊ดไนท์จ้ะ”
ขิงเดินเข้าห้องนอนแขกไป ไผทคิดไปคิดมา มั่นใจว่าเคยได้ยินชื่อนายพรหมลิขิต แต่นึกไม่ออกว่าเคยได้ยินที่ไหน
ไผทเดินเข้าห้องนอนตัวเอง เดินตรงไปที่โต๊ะทำงานเปิดคอมพิวเตอร์อย่างงงๆ จับต้นชนปลายไม่ถูก
“แช็ตเหรอ…แช็ตที่ไหนล่ะ” นึกอยู่นานสองนาน สุดท้ายความคิดไผทสะดุดกึก เขาชะงัก
นึกถึงเหตุการณ์ตอนที่เขาพยายามต่อฮาร์ดดิสก์ในห้องพักแนวหน้าที่ฮวาซาใต้ แล้วสายตามองเห็นว่าที่หน้าจอโน้ตบุ๊คขึ้น blog ที่แนวหน้าเขียนโต้ตอบกับโลลิต้า
ไผทอ่านชื่อ “นายพรหมลิขิต”
แนวหน้าได้ยินแล้วตกใจมาก รีบเดินกลับมาหาโวยลั่น
“เฮ้ย! กดเข้าไปดูอะไรกันเนี่ย” แนวหน้าปิดโน้ตบุ๊คทันควัน
“ใครอ่ะพี่แนว นายพรหมลิขิต”
“เรื่องของชั้น”
คิดแล้ว ไผทตื่นตัวขึ้นมาทันที
“นึกออกแล้ว...ชื่อนายพรหมลิขิต อยู่ในคอมพ์พี่แนวนี่นา”
ไผทครุ่นคิดอย่างงุนงงสงสัย และพยายามปะติดปะต่อเรื่องราว
ฟากโลลิต้าเปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้ว เป็นเสื้อยืด กางเกงเล ที่แนวหน้าซื้อหามาให้ กำลังนั่งแหมะอยู่หน้าโน้ตบุ๊คพร้อมพิมพ์ทักไป
“คุณไผทคะ” โลลิต้าจ้องจอรอ แต่ทุกอย่างเงียบกริบ
ชีฟองเหลียวมามอง ขอร้อง “องค์หญิงเพคะ บรรทมเถอะเพคะ...ดึกมากแล้วนะ”
“แต่คุณไผทยังไม่ตอบไรกลับมาเลยนะคะ หญิงพิมพ์ไป 2 รอบแล้วแท้ๆ”
“คุณไผทอาจจะมีธุระด่วนก็ได้มั้งคะ พี่ฟองว่าพรุ่งนี้ค่อยคุยอีกทีดีกว่าเพคะ”
โลลิต้ามองโน้ตบุ๊คอย่างแปลกใจ ครุ่นคิดไปมาว่าทำไมไผทไม่ตอบ ทั้งๆ ที่ตัวเองบอกไว้แล้วว่าอีก 10 นาทีเจอกัน
รุ่งเช้า ขิงอยู่ที่คอนโดไผท อาบน้ำแต่งตัวในชุดเดิมเมื่อวาน กำลังจะออกไปที่ร้านเสื้อ รอนานแล้ว แต่ไม่เห็นไผทออกมาจากห้องสักที ชงกาแฟดื่มก็แล้ว สุดท้ายดูนาฬิกา
“ไผท ไผทตื่นรึยัง ขิงจะออกไปแล้วนะ จะต้องกลับไปบ้านตอนนี้ ไผท”
ทุกอย่างเงียบ ขิงแปลกใจ
“ยังไม่ตื่นแน่ๆเลย ไผท”
ขิงตัดสินใจเดินขึ้นบันไดไปชั้นบน
ขิงเคาะประตูเบาๆ ก่อนเปิดประตูห้องนอนเข้าไป
“ไผท”
ขิงชะงัก กวาดตามองรอบห้อง พบว่าทั้งห้องว่างเปล่า ไม่มีร่างของไผท
“ไผท”
ขิงฉงนปนประหลาดใจ “หรือว่า มีถ่ายละครแต่เช้า”
ที่แท้ไผทพาตัวเองมาหยุดอยู่หน้าประตูโฮมออฟฟิศ บ. จีเอ็นเอ็น มองซ้ายแลขวา แต่ไม่เห็นมีใคร เพราะยังเช้าอยู่มาก “ขอโทษนะครับ…” ไผทเรียกดังขึ้น “ขอโทษนะครับ”
แว่นเพิ่งมาทำงานเดินเข้ามา ทางด้านหลังไผทพอดี “อ้าว ไผท…มาหาใคร” ไผทยกมือไหว้ “สวัสดีครับพี่แว่น…นี่ไม่มีใครอยู่เลยเหรอครับเนี่ย”
“พี่แนวไปต่างจังหวัดน่ะสิ ส่วนพี่จี้กับพี่นายก็ไปห้องตัดยังไม่กลับมาตั้งเมื่อคืน ไผทมีธุระอะไรเหรอ”
ไผทโล่งอก “คือ…ผมจะมาขอรูปที่พี่แนวถ่ายให้ผมตอนอยู่ฮวาซาน่ะครับ ผมโทร.คุยกับพี่แนวแล้ว พี่แนวให้ผมเซฟรูปไปจากคอมพ์เค้าได้เลยครับ”
แว่นเดินนำไผทมาที่โต๊ะทำงานของแนวหน้า
“นี่คือโต๊ะพี่แนว ตามสบายเลยนะ” แว่นหยิบเป้แนวหน้ามาดู บ่นๆ “ดูสิรีบร้อนไปต่างจังหวัด จนลืมเป้ ไผทเลือกดูเอาเองเลยนะ พี่ต้องออกไปข้างนอกก่อน เดี๋ยวคนอื่นจะเข้ามากันแหละ”
“ขอบคุณนะครับพี่แว่น”
แว่นพยักหน้ารับ แล้วเดินออกไป
ไผทเดินไปที่โต๊ะคอมพ์แนวหน้า บนโต๊ะมีหนังสือกองอยู่จนเต็มโต๊ะ ทั้งหนังสือสำหรับทำงานและ หนังสืออ่านเล่น โดยในนั้นมีหนังสือ Missing piece meet the big O วางอยู่ด้วย ไผทมองหนังสือเห็น เล่มนั้นก็หยิบขึ้นมาดู แล้วคิดถึงคำพูดตัวเองที่เคยถามขิงตอนอยู่ฮวาซาใต้
“เอ้อ ขิงรู้จักหนังสือเรื่อง Missing piece meet the big O ไหม? องค์หญิงชอบพูดถึงเรื่องนี้บ่อยๆ ผมเลยอยากหามาอ่าน”
ไผทมองจ้องหนังสือในมือแล้ววางลง
“พี่แนวก็อ่านเรื่องเล่มนี้เหมือนกันเหรอเนี่ย”
ไผทเดินไปจะนั่งลงตรงเก้าอี้ ตัดสินใจเปิดเป้ออกมาดู สมุดบันทึกของแนวหน้าหล่นออกมา
“ขอโทษนะพี่แนว แต่ผมอยากรู้จริงๆ”
ไผทพูดกับตัวเอง
อ่านต่อหน้า 4
น่ารัก ตอนที่ 17 (ต่อ)
ทางด้านแนวหน้ากำลังดื่มด่ำมองพระอาทิตย์ขึ้น ด้วยสีหน้ารื่นรมย์
“สมุดบันทึกอยู่ไหนเนี่ย” สุดท้ายคิดได้ “เฮ้อ ไม่น่าลืมไว้บ้านเลย...โน้ตบุ๊คก็ไม่มี สมุดบันทึกก็ไม่มี เหงาจังโว้ย”
แนวหน้าเซ็งเป็ด
สมุดบันทึกเล่มนั้นของแนวหน้าวางแหมะอยู่บนโต๊ะข้างๆ ไผทกำลังจ้องที่คอมพิวเตอร์เขม็ง พยายามเปิดเว็บ แล้วเซิร์ชหาบล็อกของนายพรหมลิขิตที่ตัวเองเคยเห็น ไผทคลิกนู่นคลิกนี่มั่วไปหมด แต่ก็หาไม่เจอ “บล็อกอันนั้นอยู่ไหนเนี่ย”
ไผทถอนใจยาว เพราะหาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ จังหวะนั้นเองไผทเหลือบไปมองบนโต๊ะ เห็นสมุดบันทึกของแนวหน้าที่เขาเก็บขึ้นมาวางไว้ มองสมุดบันทึกนิ่งคิด
เหตุการณ์ที่กระท่อมเปอร์ตีผุดขึ้นมาในห้วงคิด เวลานั้นแนวหน้าตัดบทหันไปหยิบสมุดบันทึก ขึ้นมาเขียนเพราะเบื่อจะคุยกับไผท
“เขียนอะไรน่ะพี่” “บันทึก” “รายรับรายจ่ายเหรอ”
“ไอ้บ้า บันทึกความทรงจำเว้ย”
อีกเหตุการณ์เป็นตอนที่ไผทไปเคาะประตูห้องแนวหน้า รอสักครู่แนวหน้าเดินมาเปิดประตูให้ ไผทยื่นสมุดบันทึกให้
“นี่ของพี่แนวใช่รึเปล่า”
แนวหน้าตาเหลือก รีบดึงสมุดมา “เฮ้ย! ไปอยู่กับแกได้ไง”
ไผทดึงตัวเองออกมา มองสมุดบันทึกของแนวหน้าครุ่นคิด ไผทตัดสินใจจะเปิดสมุดบันทึกของแนวหน้าเพื่ออ่าน จังหวะที่ไผทกำลังจะอ่านนั้นเอง เสียงข้อความจากบล็อกของแนวหน้าก็ดัง ตรึ๊ง!! ไผทหันไปมองเห็นว่าเป็นบล็อกที่ตัวเองกำลังหา เขาจึงวางสมุดบันทึกแล้วหันไปสนใจบล็อกทันที “นั่นไง มาแล้ว นายพรหมลิขิต จากเด็กน้อยขายไม้ขีดไฟ งั้นเหรอ”
ไผทคลิกที่บล็อกเปิดอ่านข้อความ
“ตื่นหรือยังคะคุณไผท เมื่อคืนหญิงรอคุยกับคุณทั้งคืนเลย”
ไผทมองงงๆ เพราะไม่คิดว่าจะเป็นข้อความส่งถึงตัวเอง
“คุณไผท นี่มันอะไรกันเนี่ย”
โลลิต้านั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ตัวเองกำลังอ่านข้อความจากบล็อกอยู่
“นั่นใครเหรอครับ”
โลลิต้างงๆ บ่นกับตัวเอง “หรือว่าไม่ใช่คุณไผท” องค์หญิงพิมพ์ข้อความไปว่า “นั่นคุณไผทหรือเปล่าคะ”
ไผทอ่านข้อความที่โลลิต้าตอบกลับมา แล้วพิมพ์ตอบ “ใช่ครับ…ผมไผท แล้วคุณล่ะ เป็นใคร” ข้อความดัง ตรึ๊ง โลลิต้าตอบกลับมาทันที “คุณไผทจำไม่ได้จริงๆ หรือว่าแกล้งหญิงกันแน่คะเนี่ย”
ไผทมองมองข้อความจากโลลิต้าแล้วคิดไปคิดมา
“หญิง” ไผทนึกได้ “องค์หญิงโลลิต้างั้นเหรอ” สีหน้าไผท เหวอ ตกใจสุดขีด
เห็นข้อความจากไผทส่งกลับมาดัง ตรึ๊ง
“กระหม่อมจำได้สิพะยะค่ะ แต่เพียงอยากแกล้งองค์หญิงเล่น เท่านั้นเอง 555” โลลิต้าโล่งใจ เพราะคิดว่าไผทจำตัวเองไม่ได้จริงๆ
“ขอเวลาสักครู่นะพะยะค่ะ เดี๋ยวกระหม่อมกลับมาคุยด้วย”
ไผทมองคอมพิวเตอร์ของแนวหน้านิ่งนาน งงเป็นไก่ตาแตก
“นี่มันอะไรกันวะ”
ไผทมองที่จอ ก่อนจะไล่ย้อนอ่านข้อความเก่าๆ ไผทอ่านลงมาต่อเรื่อยๆ ลุกลี้ลุกลน อยากรู้ ข้อความบรรยายถึงหนังสือ ถึงหมา ไผทชะงักค้าง
“เลิกอ้อมค้อมเถอะค่ะ นายพรหมลิขิต คุณก็รู้เท่าๆ กับที่ชั้นรู้ว่า ชั้นคือ เจ้าหญิงโลลิต้า และคุณก็คือคุณไผท ไพศาลี”
ไผทช็อก ตกใจสุดขีด เลื่อนลงมาอีก
“กระหม่อมไม่คิดเลยว่าองค์หญิงจะทรงรู้เรื่องนี้เร็วนัก กระหม่อมไม่เคย คิดจะหลอกลวงองค์หญิงเพียงแต่อยากคุยกับองค์หญิงให้มากกว่าที่เป็นอยู่ คุยกันอย่างคนธรรมดาที่เท่าเทียมกัน ยกโทษให้กระหม่อมด้วยนะ พะย่ะค่ะ”
ไผทไล่อ่านลงมาอีก เป็นข้อความของแนวหน้า
“ขอให้องค์หญิงรู้ว่าไม่ว่าความจริงกระหม่อมจะเป็นใคร แต่กระหม่อมคือ นายพรหมลิขิต เพื่อนแท้ที่พร้อมจะรับฟังองค์หญิงทุกอย่างตลอดไป”
และองค์หญิงเขียนตอบว่า “ขอบคุณค่ะ...นายพรหมลิขิต หญิงสัญญาว่าโลกภายในบล็อคของเรา สองคน จะไม่มีโลลิต้าและไผทแต่จะมีเพียงนายพรหมลิขิตและเด็กน้อย ขายไม้ขีดไฟตลอดไป และเราจะไม่พูดเรื่องนี้กันอีกนอกจากในบล็อค ของเราสองคน”
ไผทเงยหน้าขึ้นจากโน้ตบุ๊คท่าทางเครียดๆ “นี่พี่แนวใช้ชื่อเราคุยกับองค์หญิงงั้นเหรอ”
ไผทมึนงง ตกใจสุดขีด ไม่เข้าใจอะไรเลย
ฟากโลลิต้านั่งอยู่หน้าคอมพ์กำลังรอข้อความจากไผท ทันใดนั้นเสียง ตรึ๊ง ดังขึ้นมา โลลิต้ารีบอ่านทันที
“ขอโทษที่ให้รอนานนะพะยะค่ะองค์หญิง…แล้วก็ขอโทษเรื่องเมื่อคืนด้วยที่ปล่อยให้องค์หญิงรอ”
โลลิต้าพิมพ์ว่า “ไม่เป็นไรค่ะ”
“แล้วที่พักที่นั่นเป็นยังไงบ้างพะยะค่ะองคห์ญิง” ”ดีมากเลยค่ะ…เงียบสงบ แถมทะเลก็สวยมากๆ เลย”
“พี่แนวพาองค์หญิงไปทะเลเหรอพะยะค่ะ งั้นจะเป็นไรไหมพะยะค่ะถ้ากระหม่อมอยากรู้ว่าตอนนี้องค์หญิงอยู่ทะเลแถวไหน”
โลลิต้าชะงักคิดว่าจะบอกไผทดีไหม สุดท้ายพิมพ์ว่า “ถ้าหญิงบอกแล้ว คุณไผทต้องลบข้อความที่เราคุยกันทั้งหมดนะคะ หญิงกลัวว่าจะโดนตามสืบอีก”
ไผทเงยหน้าขึ้นจากโน้ตบุ๊ค พึมพำ “ปราณบุรีงั้นเหรอ”
ไผทครุ่นคิด ก่อนพิมพ์ต่อ
“แค่กระหม่อมได้รู้ว่าองค์หญิงประทับอยู่ที่ไหนกระหม่อมก็สบายใจแล้ว เดี๋ยวกระหม่อมขอตัวก่อนนะพะยะค่ะ”
ไผทพับโน้ตบุ๊คแนวหน้าลง แล้วลุกขึ้นจะเดินออกไปจากห้อง แต่หางตาเห็นบางอย่าง เขาชะงัก หันกลับมามองสมุดบันทึกของแนวหน้าที่วางอยู่บนโต๊ะ ไผทเดินกลับมาหยิบสมุดบันทึกไป
“เราต้องรู้ให้ได้ว่า องค์หญิงทำแบบนั้นทำไม”
ไผทเดินออกจากห้องทันที ด้วยสีหน้ามาดหมาย
ชีฟองยกถาดอาหารว่างมาวางบนโต๊ะกินข้าว จัดเตรียมให้โลลิต้า แนวหน้าเดินถือถุงเสื้อผ้าเข้ามา
“คุณแนวคะ ทานของว่างด้วยกันไหมคะ”
“เชิญองค์หญิงกับคุณชีฟองก่อนเลยครับ ผมกับปิแอร์เรียบร้อยมาจากตลาดแล้ว นี่เสื้อผ้ากับของใช้ ผมซื้อมาเพิ่มให้น่ะครับ”
“ขอบคุณนะคะ”
“แล้วนี่.. องค์หญิงล่ะครับ”
โลลิต้าเดินยิ้มเข้ามา สีหน้าเบิกบาน ท่าทางแจ่มใส
“องค์หญิงเพคะ…พี่ฟองบอกแล้วใช่ไหมว่าให้คุยได้แค่ 5 นาที”
“หญิงขอโทษนะคะพี่ฟอง”
แนวหน้าตัวแข็งไปในทันที สังหรณ์ใจโดยประหลาด โลลิต้าเดินไปนั่งลงที่โต๊ะอาหาร “องค์หญิงไปคุยอะไรมาเหรอพะยะค่ะ” แนวหน้าตัดสินใจถาม “หญิงคุยกับเพื่อนค่ะ” แนวหน้ากลัวว่าคนรู้ว่าโลลิต้าอยู่ไหน “เพื่อนที่ไหนพะยะค่ะ”
โลลิต้าชะงัก กลัวแนวหน้ารู้ว่าตัวเองคุยกับไผท เลยแกล้งทำเป็นพูดดุๆ กลบเกลื่อน “หญิงว่าหญิงไม่จำเป็นต้องบอกคุณทุกเรื่องมั้งคะ” “แต่ในภาวะและเหตุการณ์อย่างนี้กระหม่อมว่าองค์หญิงจำเป็นต้องบอกกระหม่อมทุกเรื่องนะพะยะค่ะ”
โลลิต้าชะงักจำต้องบอก “หญิงว่ามันคงไม่มีอันตรายหรอกค่ะ เพราะหญิงคุยกับคุณไผทค่ะ”
แนวหน้าชะงัก นิ่งงันไปในทันที เริ่มระแวงว่าโลลิต้าคุยกับไผททางไหน “องค์หญิงคุยโทรศัพท์กับไผทใช่มั้ยพะยะค่ะ” “คุณแนวไม่ต้องกังวลหรอกค่ะ หญิงไม่ได้ใช้โทรศัพท์…หญิงมีทางคุยกับคุณไผททางอื่น ซึ่งเป็นทางที่หญิงกับคุณไผทรู้แค่สองคน”
แนวหน้าชะงักอึ้งไปอีก มือปัดไปโดนแก้วน้ำหกทันที
แลเห็นสมุดบันทึกของแนวหน้าวางแปะอยู่เบาะข้างคนขับ คู่กับมือถือ โดยไผทกำลังขับรถมาตามทาง ใช้บลูทูธคุยมือถืออยู่กับฟิน “พี่ฟินครับ…ผมจะขอลาไปต่างจังหวัดสัก 2 วันนะครับ มีธุระด่วนจริงๆ”
ฟินโวยวายเสียงดังลั่น ไผทต้องรีบเอาบลูทูธออกจากหู แล้วรีบกดวางสาย และกดปิดเครื่องไปเลย แล้วขับรถไปเร็วราวกับจะบิน
รถของไผทกำลังขับมุ่งหน้าไปต่างจังหวัด เขาขับไปด้วยความเร็วสูง โดยไม่รู้เลยว่ามีรถเก๋งคันหนึ่งขับตามมาตั้งแต่กรุงเทพฯ แล้ว
ทหาร 1 ขับรถตามไผทมา ทหาร 2 อีกคนนั่งอยู่ข้างๆกำลังโทรศัพท์รายงานชองปอล
“ไอ้ไผทมันกำลังขับรถออกจากกรุงเทพพะยะค่ะท่านชองปอล พะยะค่ะ กระหม่อมจะตามมันไม่คลาดสายตา”
เห็นรถเก๋งขับตามรถไผทอย่างชำนาญ
ด้านเแนวหน้ากระวนกระวายกำลังกดโทร.หาไผท แต่ไผทปิดเครื่อง
“ปิดเครื่องทำไมเนี่ยไผท” แนวหน้าหงุดหงิด คิดไปคิดมา ก่อนกดมือถือหาขิง
“ฮัลโหล…ขิงเหรอ ไผทอยู่กับขิงไหม ไม่ได้อยู่เหรอ โอเค ไม่มีอะไร แค่นี้นะ”
แนวหน้าวางสายยิ่งกังวลมากขึ้น คิดถึงสิ่งที่โลลิต้าพูด “หญิงไม่ได้ใช้โทรศัพท์ หญิงมีทางคุยกับคุณไผท ซึ่งเป็นทางที่หญิงกับคุณไผทรู้แค่สองคน” “ไม่จริง เป็นไปไม่ได้...เป็นไปไม่ได้” แนวหน้าพึมพำ
ทันใดนั้นเอง มีรถคันหนึ่งขับเข้ามาจอดตรงหน้าบ้านพัก แนวหน้าหันไปมองว่าใครมา
โลลิต้า ชีฟองยืนมองจากในบ้าน เห็นรถคันหนึ่งขับเข้ามาจอดที่หน้าบ้านพัก ที่แนวหน้ายืนอยู่ “ใครมานะเพคะ” “องค์หญิงหลบก่อนพะยะค่ะ เดี๋ยวกระหม่อมไปดูก่อนว่าใครมา” ปิแอร์บอก
โลลิต้าแอบมองแล้วเห็นว่าคนที่ลงจากรถมาคือ ไผท
“นั่นคุณไผทนี่”
ไผทเดินลงจากรถที่หน้าบ้านพัก แนวหน้าเดินตรงเข้าไปหา ไม่พอใจนัก “แกมาที่นี่ได้ยังไง”
“ผมมีเรื่องต้องคุยกับพี่”
โลลิต้าวิ่งออกมาจากบ้าน “คุณไผทมาได้ยังไงคะ” ไผทยิ้มบางๆ “กระหม่อมว่างก็เลยแวะมาหาพะยะค่ะ”
“แล้วแกรู้ได้ยังไงว่าเราอยู่ที่นี่” แนวหน้าแปลกใจ “หญิงบอกคุณไผทเองค่ะ”
แนวหน้าชะงัก “แล้วองค์หญิงทำไมทรงทำอย่างนั้น ถ้าเกิดคนอื่นรู้ขึ้นมาจะทำยังไงพะยะค่ะ”
“ไม่มีใครรู้หรอกครับพี่แนว เพราะองค์หญิงเค้าบอกผมทางบล็อก บล็อกของนายพรหมลิขิตที่มีแต่ผมกับองค์หญิงเท่านั้นแหละที่จะเข้าไปดูได้”
แนวหน้า อึ้ง นิ่งงันไป รู้ทันทีว่าไผทต้องรู้เรื่องตัวเองกับโลลิต้าแล้วแน่ๆ
อ่านต่อตอนที่ 18