เสน่หาสัญญาแค้น ตอนที่ 24
นารถนรินทร์สับๆ หมูอย่างรัวและแรง นารถนรินทร์ช่วยปานตะวันกับใบตองทำกับข้าวอยู่
ใบตองทำหน้าสยอง “ก็รู้นะคะว่าจะทำข้าวต้มหมูสับ แต่ว่า..เอ่อ..สับแรงไปมั้ยคะคุณนารถ?”
นารถนรินทร์ชะงัก “แรงน้อยไป!! นี่ยังแรงไม่สะใจ” นารถนรินทร์สับต่อแรงกว่าเก่า
ใบตองสยอง เธอมองหน้าปานตะวันประมาณว่าจะให้ช่วยเคลียร์
ปานตะวันยิ้มขำๆ “เมื่อกี้ก็ยังเห็นอารมณ์ดีอยู่ ใครทำให้น้องนารถอารมณ์เสียคะเนี่ย”
นารถนรินทร์ชะงักแล้วโยนมีดทิ้งไปแรงๆ ใบตองร้องลั่น
“จะมีใครคะ? ก็มีพี่คินคนเดียวแหละ!”
ปานตะวันหั่นผักอยู่ถึงกับชะงักกึกทันที
“เอ้ย! ไม่ใช่สิ ไม่ใช่พี่คินคนเดียว ต้องยัยค๊อกแค๊กนั่นด้วย ตัวดี!” นารถนรินทร์พูดจ๋อยๆ “พี่ตะวันคิดดูสิคะ เมื่อก่อนพี่คินต้องกลับมาทานข้าวกับนารถแทบทุกวัน” นารถนรินทร์ถาม “จริงมั้ย พี่ใบตอง?”
“จริงค่ะ!!”
“แต่เดี๋ยวนี้..ตั้งแต่มียัยค๊อกแค๊ก พี่คินหายไปเลยไม่รู้โดนยัยนั่นมันดูดลงท่อไปไหน หายได้หายดี!! ถามจริงเถอะค่ะ พี่ตะวันทำเฉยอยู่ได้ไงคะ พี่ตะวันไม่รักพี่คินซักนิดเลยเหรอคะ”
ปานตะวันเผลอหั่นนิ้วตัวเองแทนผักซะงั้น
ปานตะวันร้อง “โอ้ย”
นารถนรินทร์กับใบตองตกใจ “พี่ตะวัน! คุณตะวัน”
นาคินทร์มาส่งกนกรัตน์
“กู้ดไนท์นะครับ” นาคินทร์บอก
กนกรัตน์หน้าเสีย “พี่คิน!” กนกรัตน์คว้ามือเขาไว้ “อย่าเพิ่งกลับเลยนะคะ อยู่เป็นเพื่อนเคทอีกซักแป๊บนึง เคท..เหงาจังค่ะ”
นาคินทร์เห็นสายตาปรอยๆ ของกนกรัตน์แล้วก็ยอมเดินตามมานั่งที่โซฟา
กนกรัตน์นั่งใกล้ “พี่คินคะ..ใกล้จะถึงวันแต่งงานของน้องนารถแล้ว เคทตื่นเต้นแทนน้องนารถจังเลย” กนกรัตน์ช้อนตามอง “พี่คินล่ะคะ” กนกรัตน์ถามแบบมีนัยยะซ่อนเร้น “รู้สึกยังไง?”
นาคินทร์พูดซื่อๆ “ก็..” นาคินทร์ยิ้มน้อยๆ “ก็แอบหวงอยู่เหมือนกันนะครับ” นาคินทร์นึกถึงน้องสาว “ยัยนารถเป็นดวงใจของบ้านเรา”
กนกรัตน์แอบไม่พอใจแวบนึง ก่อนจะเริ่มลูบไล้นาคินทร์เล็กๆ
“ดวงใจของบ้านเรา” กนกรัตน์ยิ้มๆ “แล้วดวงใจของพี่คินละคะ? ของพี่คินคนเดียว?”
นาคินทร์อึ้งไปเพราะแอบอายด้วยซ้ำที่เจอยิงตรงแบบนี้ นาคินทร์ได้แต่ยิ้มน้อยๆ หลบตาแล้วไม่ตอบ
กนกรัตน์นึกแผนแล้วก็ถอนใจ “นึกๆ แล้วก็ใจหายนะคะ”
“มีอะไรเหรอครับ?”
กนกรัตน์ทำหน้าเศร้า “เคทไม่รู้..ว่าเคทจะได้อยู่กับพี่คินแบบนี้อีกนานแค่ไหน?”
นาคินทร์อึ้ง “ทำไมล่ะครับ?”
กนกรัตน์ถอนใจอย่างเศร้าๆ “อย่างที่เคทเคยบอกพี่คินไงคะ” กนกรัตน์น้ำตาเริ่มคลอขึ้นมาจริงๆ “คุณพ่อคุณแม่อยากให้เคทกลับไปช่วยธุรกิจของท่านที่อเมริกา”
นาคินทร์อึ้ง
กนกรัตน์น้ำตาหยด แล้วก็ช้อนตามองนาคินทร์ “เคทไม่อยากไป” กนกรัตน์กุมมือนาคินทร์ “เคทไม่อยากจากพี่คิน” กนกรัตน์เอาหน้าแนบมือนาคินทร์ “เคทกลัว..กลัวว่าถ้าจากกันแล้ว” กนกรัตน์มีสายตาแอบร้ายเพราะคิดแผน “เราจะไม่ได้พบกันอีก” กนกรัตน์ผละกลับมาจ้องตานาคินทร์ “เคทกลัวการพลัดพราก” กนกรัตน์ตั้งใจถาม “หรือว่าพี่คินไม่กลัวคะ?”
นาคินทร์อึ้งแล้วมีสายตาหวาดกลัว การพลัดพรากมากที่สุด
กนกรัตน์รุกกอดแน่น “เคทจะทำยังไงดีคะ? พี่คิน..เราควรจะทำยังไงดี?”
นาคินทร์หน้าเสียแล้วก็กอดกนกรัตน์ไว้ สักพักเขาก็ผละออก “ใจเย็นๆ นะครับ เป็นไปได้มั้ย? พี่ขอคุยกับคุณพ่อคุณแม่ของกนกก่อน”
กนกรัตน์อึ้ง สายตาของเธอที่จ้องนาคินทร์อยู่หวั่นไหวแว่บนึงก่อนจะรีบกลับมาทำตาแป๋วอย่างเดิม
“เอ่อ..อะไรนะคะ?”
“พี่รู้ว่าพูดคุยทางโทรศัพท์มันไม่ค่อยเหมาะ พี่ควจจะไปพบท่านด้วยตัวเอง...” นาคินทร์บอก
กนกรัตน์รีบตัดบทแล้วทำท่าปวดหัวทันที “โอ๊ย..”
“กนก! กนกเป็นอะไรครับ?”
กนกรัตน์ทำมารยา “ไม่ทราบค่ะ ปวดหัว ปวดหัวมาก”
“ใจเย็นๆ นะครับกนก” นาคินทร์จะจับตัวเธอเอนลง กนกรัตน์โน้มคอนาคินทร์ล้มลงไปบนโซฟาด้วยกัน ทั้งสองคนจ้องตากัน
กนกรัตน์ทำสายตาเว้าวอน “วันข้างหน้าจะเป็นยังไงก็ไม่รู้ เราอาจจะต้องพรากจากกันไปอย่างไม่มีวันที่จะได้พบเจอกันอีก”
นาคินทร์อึ้ง
“เคทคงจะเสียใจมาก” กนกรัตน์โน้มคอนาคินทร์ลงมาแทบจะจมูกชนกัน “เคทรักพี่คินคนเดียว”
นาคินทร์เคลิ้มจูบกนกรัตน์ กนกรัตน์แฮปปี้ ทันใดนั้นมือถือนาคินทร์ก็ดัง นาคินทร์ผละออก กนกรัตน์หน้าหงิกเพราะเคืองสุดๆ
นาคินทร์เหมือนได้สติ เขามองโทรศัพท์แล้วบอกกับกนกรัตน์ “ยัยนารถโทร.มา..พี่ขอโทษนะครับ” นาคินทร์รับโทรศัพท์ “ว่าไง?” นาคินทร์ฟังแล้วก็ตกใจ “อะไรนะ? ตะวันเป็นอะไร?”
กนกรัตน์หันขวับมามองตาโตด้วยความโมโห
นาคินทร์ลุกพรึ่บทันที “พี่จะไปเดี๋ยวนี้” นาคินทร์วางหู
กนกรัตน์ตะปบไว้
“พี่คิน!! ไม่นะคะ!!”
นาคินทร์ไม่ฟัง “ไว้พี่โทร.มานะครับ”
นาคินทร์วิ่งพรวดออกไปอย่างเร็ว
กนกรัตน์ช็อคเพราะแทบไม่เชื่อสายตา “พี่คิน!!” กนกรัตน์ร้องเรียก “พี่คินน” กนกรัตน์เหนื่อย โกรธ จนหอบ “นังตะวัน!!” กนกรัตน์กรี๊ด “นังปานตะวัน!!”
นาคินทร์ขับรถซิ่งทะลุอย่างกับพายุด้วยหน้าตาเป็นห่วงสุดชีวิต
“ตะวัน!! ปานตะวัน!!”
นาคินทร์หักหลบคนข้ามถนนมาอย่างหวาดเสียว คนข้ามถนนตะโกนด่าตามหลัง นาคินทร์ซิ่งต่อ
นาคินทร์วิ่งเข้ามาแล้วตะโกนลั่น
“ตะวัน!! ปานตะวัน!!”
นาคินทร์วิ่งตามหาปานตะวันมุมนู้นมุมนี้ นาคินทร์หอบ แล้วเขาก็นึกได้จึงรีบวิ่งออกไป
นาคินทร์เปิดประตูห้องปานตะวันผัวะเข้ามาอย่างแรง ปากก็ร้องเรียก
“ปานตะวัน!!”
นาคินทร์ชะงักกึกที่เห็นปานตะวันนั่งหน้าเหวอๆ อยู่บนเตียง
นาคินทร์วิ่งเข้ามากอดแน่น “ตะวัน!! ไม่เป็นไร ใจเย็นๆ นะ ผมจะพาคุณไปหาหมอ” นาคินทร์จะอุ้มทันที
ปานตะวันตกใจและงง “อะไรกันคะ” ปานตะวันผลัก “คุณเป็นอะไรของคุณคะคุณนาคินทร์” ปานตะวันดันออก “ปล่อยนะจะพาฉันไปหาหมอทำไม”
“ก็คุณ..” นาคินทร์ชะงักมอง “ก็คุณ..”
ปานตะวันมองอย่างหวั่นๆ นึกว่านาคินทร์รู้เรื่องลูกจึงแอบเอามือกุมท้องโดยอัตโนมัติ “ฉัน ฉันทำไมคะ? คุณจะไปฉันไปหาหมอทำไม” ปานตะวันกลัวมาก “ใครบอกอะไรคุณ?”
นาคินทร์อึ้ง เหวอ “อ้าว..ก็..”
เสียงนารถนรินทร์ดังขึ้น “นารถบอกเองแหละค่ะ”
ทั้งสองหันไปมอง
ปานตะวันตกใจ “น้องนารถ?”
ใบตองเข็นนารถนรินทร์เข้ามาด้วยหน้าตาเจ้าเล่ห์ปลื้มปริ่มกันทั้งคู่
ตะวันรีบถามนารถนรินทร์ทันที “น้องนารถบอกอะไรคุณนาคินทร์คะ?”
นาคินทร์อึ้ง เขามองปานตะวันแล้วหันไปถามนารถนรินทร์ “นารถโทร.ไปบอกพี่ว่าตะวันล้มหัวฟาดพื้นสลบไปไม่ใช่เหรอ”
ปานตะวันทำตาโต “หกล้มหัวฟาดพื้นสลบ?”
นารถนรินทร์ขำกิ๊กกับใบตอง
นาคินทร์รู้ทันทีก็เคืองจึงลุกปรี่ไปหาทันที “ยัยนารถ!!”
นารถนรินทร์ร้องลั่น “เดี๋ยวสิคะพี่คิน!! อย่าเพิ่งโกรธน้อง”
นาคินทร์ชะงัก
นาคินทร์ไม่พอใจ “จะไม่โกรธได้ยังไง? เธอไม่รู้เหรอว่าพี่รีบขับรถมาเร็วแค่ไหน? นี่ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาจะทำยังไง?”
นารถนรินทร์ทำหน้าแบ๊ว “ก็แล้วทำไมต้องรีบขนาดนั้นด้วยล่ะค่ะ?”
นาคินทร์หลุดจะตอบ “ก็..” นาคินทร์ชะงักกึก
ทุกคนรวมทั้งปานตะวันมองนาคินทร์
นารถนรินทร์กับใบตองอ้ำอึ้ง “ก็..?”
นาคินทร์อึ้งมองปานตะวันที่ก็จ้องอยู่ นาคินทร์ทำอะไรไม่ถูก
นาคินทร์พูดเสียงเข้มอย่างดุจริง “ยัยนารถ!! ทีหลังอย่าเล่นอะไรแบบนี้ มันไม่สนุก”
พูดจบนาคินทร์ก็พุ่งออกไปทันที ใบตองกลัวจนหัวหดแต่นารถนรินทร์สะใจ
“คุณนารถ..ใบตองกลัว” ใบตองบอก
“ชิ!! จะกลัวทำไม?” นารถนรินทร์ขำ
ปานตะวันงงไปหมด “น้องนารถ..นี่มันอะไรกันคะ? พี่งงไปหมดแล้ว”
นารถยิ้มกริ่มอย่างเชิดๆ เพราะพึงพอใจ ปานตะวันรอฟัง
นาคินทร์นั่งสงบสติอารมณ์และนึกทบทวนความรู้สึกของตัวเองอยู่
นาคินทร์นึกถึงตอนที่เขาพูดกับนารถนรินทร์ “จะไม่โกรธได้ยังไง?? เธอไม่รู้เหรอว่าพี่รีบขับรถมาเร็วแค่ไหน?”
“ก็แล้วทำไมต้องรีบขนาดนั้นด้วยล่ะ?” นารถนรินทร์ถาม
ปานตะวันมองนาคินทร์?
เมื่อนึกถึงเหตุการณ์นั้น นาคินทร์ก็ชักจะหงุดหงิด
“ไม่จริง!! ไม่ใช่!!”
นาคินทร์โมโหตัวเอง เขาลุกขึ้นก่อนจะหันกลับมาเจอปานตะวันยืนอยู่ นาคินทร์อึกอักนิดนึงก่อนจะฟอร์มเข้ม
นาคินทร์ทำเสียงดุ “มีอะไร?”
ปานตะวันอ้อมแอ้ม “อย่าโกรธคุณนารถเลยนะคะ”
นาคินทร์อึ้งๆ ฟอร์มๆ ก่อนจะเมินหน้าไป
“เธอก็แค่..อยากให้คุณกลับมาทานข้าวกับเธอบ้าง” ปานตะวันบอก
นาคินทร์อึกอักก่อนจะทำเสียงเข้ม “แล้วคุณเกี่ยวอะไรด้วย?”
ปานตะวันอึ้งไปก่อนจะนึก
เหตุการณ์ในอดีตย้อนกลับมา ตอนที่นารถนรินทร์เล่าให้ปานตะวันฟัง นารถนรินทร์หันกลับมาทำหน้าเชิดๆ ก่อนจะเม้าด้วยความสะใจ
“เกี่ยวสิคะพี่ตะวัน!! พี่ตะวันเกี่ยวเต็มๆ” นารถนรินทร์ขำก๊าก “สะใจจริงๆ”
“น้องนารถ!! ตกลงมันยังไงกันคะ?? ทำไมจู่ๆ คุณนาคินทร์ถึงได้รีบร้อนกลับมา แล้วทำไมน้องนารถถึงโทร.บอกคุณนาคินทร์ว่าพี่ล้มหัวฟาดพื้นสลบ แล้วทำไม...”
นารถนรินทร์สวนทันที “ก็ถ้านารถไม่ทำอย่างนั้น เราก็คงไม่รู้ซักทีว่าพี่คินรู้สึกยังไงกับพี่ตะวัน?”
ปานตะวันอึ้ง
นารถนรินทร์ยิ้มแฉ่ง “จริงมั้ย..พี่ใบตอง?”
“จริง!! ตามนั้น!! ฟันธงค่ะ!!! ซิ่งยังกะพายุมาซะขนาดนั้น” ใบตองว่า
“ทีนี้” นารถนรินทร์มองเหล่อย่างคาดคั้น “ก็เหลือแต่พี่ตะวันแล้วล่ะค่ะ ระวังตัวไว้ให้ดี นารถจะต้องหาวิธีล้วงความรู้สึก” นารถนรินทร์ล้อ “ลึกสุดใจของพี่ตะวันออกมาให้ได้”
ปานตะวันเครียด “น้องนารถ!!”
นารถนรินทร์สวน “เบื่อจริงๆ..พวกคนปากแข็ง!” นารถนรินทร์หัวเราะคิกคักกับใบตอง
เมื่อคิดถึงเหตุการณ์นั้น ปานตะวันที่กำลังอึ้งก็สะดุ้งเพราะเสียงนาคินทร์
“จะอึ้งอีกนานมั้ย”
ปานตะวันสะดุ้ง “เอ่อ..คือ”
“ผมถาม..ว่าคุณเกี่ยวอะไรด้วย เรื่องผมกับยัยนารถ”
ปานตะวันหลบตา “ก็..” ปานตะวันเจียมตัว “ไม่เกี่ยวหรอกค่ะ..ฉันไม่เกี่ยว..ก็แค่ไม่อยากให้คุณโกรธคุณนารถเพราะ...”
นาคินทร์สวนทันที “นี่คุณคงจะคิดว่าผมรีบขับรถกลับมาเพราะคุณ?”
ปานตะวันมอง นาคินทร์เดินเข้ามาใกล้ ปานตะวันหลบตา
“ช่วยคิดใหม่ด้วยนะ”
ปานตะวันมองนาคินทร์
“มันไร้สาระมาก! ผมไม่มีวันจะเอาชีวิตของผมไปทิ้งกลางถนนเพราะคุณ เหมือนอย่างที่กนกวลีเคยมาแล้ว”
ปานตะวันอึ้ง นาคินทร์จ้องหน้าปานตะวันแล้วเดินออกไป ทิ้งให้ปานตะวันเสียใจ
กนกรัตน์ปาแก้วไวน์จนแตกกระจาย กนกรัตน์เมามายนอนเกลือกกลิ้งอยู่กับพื้น
“นังตะวัน นังมารหัวใจ ไม่มีทาง ฉันมาไกลขนาดนี้แล้ว ฉันจะไม่มีวันให้ใครหน้าไหนมาดับฝันของฉันทั้งนั้น”
อ่านต่อหน้าที่ 2
เสน่หาสัญญาแค้น ตอนที่ 24 (ต่อ)
เช้าวันใหม่ รูปหน้า Before ของกนกรัตน์ในแฟ้มถูกวางลงบนโต๊ะ
“ว่าไง? ตกลงผู้หญิงในรูปนี่เป็นคนๆ เดียวกับยัยเคท กนกรัตน์ใช่มั้ย” แพรวพรรณรายถาม
โก้มองเงียบๆ
ประกายเดือนเร่ง “ใช่มั้ยคะ ทำไมไม่ตอบละค่ะคุณหมอ?”
โก้ยังเงียบ
“นี่!! ไอ้โก้!! แกกับฉัน เพื่อนกันรึเปล่า?”
โก้ถอนหายใจ
แพรวพรรณรายวี๊ด “นี่!! นี่แกอย่าบอกนะว่าแกกับฉันไม่ใช่เพื่อนกัน”
โก้หนักใจ
“ฉันรู้นะว่าเป็นหมอต้องมีจรรยาบรรณ แล้วแกก็มีมากด้วย แต่เรื่องนี้มันสำคัญมากนะเว้ย”
“ใช่ค่ะคุณหมอ!! ได้โปรดเถอะนะคะ คุณหมอไม่ได้ทำผิดอะไรซะหน่อย แค่บอกว่าใช่หรือไม่ใช่? แล้วยัยเคท..เอ่อ..ผู้หญิงคนนี้เค้าเป็นใครมาจากไหน? ไม่งั้น..พี่สาวของดิฉันอาจจะตกอยู่ในอันตรายก็ได้นะคะ”
โก้ไม่ค่อยอยากจะเชื่อ “ขนาดนั้นเชียวเหรอครับ”
แพรวพรรณรายตบโต๊ะดังเปรี้ยง “จะบอกรึไม่บอก?”
โก้นิ่ง
แพรวพรรณรายเสียงอ่อนทันที “แค่พยักหน้าก็ได้..นะ?”
โก้นิ่งคิดแล้วตัดสินใจ ก่อนจะหยิบแฟ้มมาเปิดดูช้าๆ สองสาวลุ้นอย่างมีความหวัง โก้ปิดแฟ้มแล้วก็ถอนใจสองสาวลุ้นสุดตัว
“อย่าโกรธกันเลยนะเพื่อน ฉันเอาความลับคนไข้มาเปิดเผยไม่ได้จริงๆ”
สองสาวตกใจ “เฮ่ย?”
“โก้! แกเว่อร์ไปแล้ว”
“คุณหมอคะ..แต่ว่า” ประกายเดือนอึกอัก
โก้ตัดบท “ต้องขอโทษจริงๆ นะครับ ว่าแต่..แฟ้มนี้มันไปอยู่ที่คุณได้ยังไงครับ?”
ประกายเดือนอึ้ง “เอ่อ..คือ..” ประกายเดือนไม่รู้จะบอกยังไง
“ทำไมจะต้องบอก ทีแกยังไม่ยอมบอกพวกเราเลย” แพรวพรรณรายคว้ามือประกายเดือนลุกขึ้นพรวดพราดออกไป “ไป กลับเหอะเดือน เรื่องแค่นี้ไม่เห็นต้องง้อ ไอ้เพื่อนใจดำ”
แพรวพรรณรายกระชากประกายเดือนเดินออกไปทันที
โก้ตัดสินใจเรียกไว้ “เดี๋ยว!”
สองสาวชะงัก
แพรวพรรณรายหันมาแว้ด “อะไรอีกล่ะ?”
โก้ตัดสินใจพูด “อยู่ห่างๆ” โก้ชูแฟ้มขึ้น “ผู้หญิงคนนี้ไว้หน่อยก็ดี”
สองสาวอึ้งแล้วมองหน้ากัน ก่อนจะหันมองหน้าโก้
ปานตะวันคุยกับประกายเดือนและแพรวพรรณราย
“ดูละครเยอะไปรึเปล่า? ซีรีส์เกาหลีน่ะเบาๆ ลงบ้างนะยัยพิ้งค์” ปานตะวันมองประกายเดือน “เราก็ด้วย..ยัยเดือน!”
แพรวพรรณรายกับประกายเดือนไม่พอใจ “ตะวัน!!”
เสียงอัครินทร์ดังขึ้น “จริงครับ”
แพรวพรรณรายหันขวับไปทำตาเขียวใส่
“ใครถาม ใครชวนคุย ใครอนุญาตให้มานั่งฟังด้วย?” แพรวพรรณรายว่า
อัครินทร์ขำก่อนจะลุกมาร่วมวง “โทษนะครับ..นี่บ้านผม!! แล้วผมก็นั่งอยู่ตรงนี้กับคุณตะวันก่อนที่คุณจะมาซะอีก”
แพรวพรรณรายหน้าตาเฉย “ก็พอฉันมาแล้วทำไมคุณไม่ไปล่ะ” แพรวพรรณรายค้อน “ไม่มีมารยาท”
อัครินทร์ตกใจ “เฮ้ย?”
ประกายเดือนเข้าเรื่อง “ตะวัน..เค้าเป็นห่วงตะวันจริงๆ นะ ตะวันต้องระวังตัวนะ”
“เดี๋ยวนะเดือน กับแค่คุณเคทเค้าทำศัลยกรรม มันไม่ได้แปลว่าเค้าจะเป็นคนเลวร้ายอันตรายขนาดนั้นนะ?” ปานตะวันบอก
“แม่พระ! นี่!! จะบอกให้นะ แม่เคทนั่นน่ะ ไม่ใช่แค่ทำศัลยกรรม ขอใช้คำว่าทุบหน้าเลยดีกว่า! ทำหน้าใหม่หมด”
“ใช่!! แล้วทำเหมือนใครไม่เหมือนดันมาทำเหมือนคุณกนกวลีด้วย”
ปานตะวันอึ้ง
แพรวพรรณรายพูดทันที “อย่างนี้มันปลอมตัวชัดๆ มันต้องมีเจตนาแอบแฝงแน่ๆ”
ปานตะวันอึ้ง เธอหันไปมองหน้าอัครินทร์
“เอ่อ..ผมว่า”
แพรวพรรณรายพูดทันที “ใครถาม? ใครขอความเห็น”
อัครินทร์เหวอ
แพรวพรรณรายพูดกับปานตะวัน “ตะวัน เพื่อนขอคอนเฟิร์ม!! ยัยเคทนั่นเป็นคนอันตราย ไม่น่าไว้วางใจ อย่างยิ่ง”
ปานตะวันอึ้ง
“ตะวัน..เชื่อเค้าเหอะ เค้ารู้สึกมาตลอดว่า ยัยคนนี้แปลกๆ อ่ะลองคิดดูดีๆสิเป็นใครมาจากไหนก็ไม่รู้ จู่ๆก็โผล่มาเค้าว่านางไม่ธรรมดาแน่ๆ”
“แล้วจะยังไง? ถึงเค้าจะแปลก เค้าก็ไม่ได้ทำอะไรให้เดือดร้อน เค้าไม่ได้ทำร้ายอะไรเราแล้วเราจะไปอะไรเค้า”
“ตอนนี้อาจจะไม่ แต่ต่อไป..ใครจะรู้?”
อัครินทร์พูดอย่างจริงจัง “คือผมว่า…”
แพรวพรรณรายกับประกายเดือนหันขวับไปจ้องอัครินทร์ทันที อัครินทร์ยกมือยอมแพ้และไม่ยุ่ง
“ไม่ใช่ตะวันเดียวนะคะที่พวกเราเป็นห่วง ท่านประธาน..คุณนาคินทร์พี่ชายคุณก็ด้วย น่าเป็นห่วงไม่แพ้ตะวัน”
อัครินทร์อึ้งๆ สองสาวทำหน้าตามั่นใจ ปานตะวันคิด
นาคินทร์มองกนกรัตน์ที่กำลังเขี่ยอาหารทำหน้าเศร้าไม่ยอมกิน นาคินทร์รู้สึกผิดที่คืนนั้นทิ้งกนกรัตน์
“พี่..”
กนกรัตน์ช้อนตามองนาคินทร์ด้วยสายตาอ่อนเศร้า ไม่เกี้ยวกราด
นาคินทร์ยิ่งใจอ่อนยวบยาบ “พี่คินขอโทษนะครับที่..คืนนั้น..พี่..”
กนกรัตน์ทำตัวเป็นแม่พระมาก แต่น้ำเสียงและสีหน้าเศร้าสร้อย “ทานข้าวเถอะคะพี่คิน..ทำงานมาเหนื่อยทั้งวันแล้ว”
นาคินทร์ยิ่งอึ้งและรู้สึกผิด เขานั่งกินข้าวไปเงียบๆ สักพักกนกรัตน์ก็เอ่ยขึ้น
“เคทบอกกับคุณพ่อคุณแม่..จะขออยู่ให้ถึงงานแต่งงานน้องนารถก่อน”
นาคินทร์ชะงักมองหน้ากนกรัตน์
กนกรัตน์พูดต่อเรียบๆ “หลังจากนั้น เคทคงต้องกลับอเมริกา”
นาคินทร์อึ้ง
กนกรัตน์ทำเป็นเข้มแข็ง ก่อนจะฝืนยิ้มน้อยๆ ให้นาคินทร์ “เคทคงจะคิดถึงพี่คินมาก”
นาคินทร์พูดไม่ออก “..กนก..”
กนกรัตน์ทำท่าเหมือนจะร้องไห้แต่พยายามเข้มแข็ง เธอฝืนยิ้มให้นาคินทร์นิดนึงแล้วก้มหน้าพยายามกินอาหารต่อ กนกรัตน์อยากให้นาคินทร์เห็นว่าเธอเสียใจแต่พยายามซ่อนไว้ ไม่แสดงออก
นาคินทร์ใจอ่อนยวบ “กนกครับ..ให้พี่ได้เรียนสายกับคุณพ่อคุณแม่ของกนกซักครั้งได้มั้ยครับ”
กนกรัตน์เกือบหลุด แต่ก็เนียนพูดต่อทัน “ไม่มีประโยชน์หรอกค่ะ เคทคุยกับท่าน ต่อรองทุกวิถีทางแล้ว แต่ท่านบอกว่า...”
“ว่าอะไรครับ?”
กนกรัตน์ถอนหายใจเฮือก “ท่านบอกว่า..ไม่มีอะไรยืนยัน การันตีได้ว่าพี่คินรักเคทจริง”
นาคินทร์อึ้ง
กนกรัตน์รีบพูดด้วยความเห็นใจ “พี่คินอย่าถือสาคำพูดของท่านเลยนะคะ ถึงท่านจะอยู่ต่างประเทศนานหลายสิบปี แต่ท่านก็ยังมีความคิดโบราณ..”
“พี่เข้าใจครับ พี่เข้าใจท่าน”
กนกรัตน์แอบลอบยิ้มก่อนจะพูดต่อ “การที่เราจะแต่งงานกับใครซักคน ไม่ใช่เรื่องปุบปับ เคทเข้าใจนะคะ ว่ามันต้องใช้เวลา” กนกรัตน์ถอนใจอย่างเศร้าๆ “เคทกลับไปคราวนี้ ไม่รู้เหมือนกันว่าเมื่อไหร่จะได้กลับมาหาพี่คินอีก”
กนกรัตน์ส่งสายตาเศร้าให้นาคินทร์
นาคินทร์มีแววตาสับสน “กนกครับ..พี่..”
กนกรัตน์รีบทำแม่พระโดยจับมือเขา “เคทเข้าใจค่ะ..พี่คินยังต้องการเวลา” กนกรัตน์บีบมือให้กำลังใจ “เคทเข้าใจ”
นาคินทร์มองกนกรัตน์อย่างรู้สึกผิด กนกรัตน์ส่งสายตาที่แอบแว่บร้าย
กนกรัตน์คิดในใจ “ไม่มีทางที่ฉันจะปล่อยให้ผู้ชายอย่างคุณหลุดมือฉันไปได้หรอก คุณนาคินทร์”
กนกรัตน์ยังบีบมือนาคินทร์ นาคินทร์ยังสับสน ส่วนกนกรัตน์ยิ้มเย็น
ยามค่ำ ปานตะวันแอบกังวล อัครินทร์สังเกตุเห็น
“เป็นห่วงพี่คินเหรอครับ” อัครินทร์ถาม
ปานตะวันทำเป็นปกติกลบเกลื่อน “อะไรคะคุณอัค?”
“ผมว่า...มันถึงเวลาแล้วล่ะครับที่คุณกับพี่คิน ควรจะเปิดใจกัน”
ปานตะวันมองหน้าแล้วทำหน้าตาอ่อนใจ “คุณอัค”
“ถ้าคุณเคทไม่น่าไว้วางใจอย่างที่คุณเดือนกับคุณพิ้งค์บอก คุณไม่เป็นห่วง พี่คินเหรอครับ”
ปานตะวันอึ้งไป ก่อนจะพูด “มัน..ไม่ใช่เรื่องอะไรของฉันนี่คะ ฉันกับคุณนาคินทร์...เราเหมือนเส้นขนาน” ปานตะวันปากไม่ตรงกับใจ “อีกอย่าง..ถ้าคุณเคทเข้ามาแทน คุณกนกวลีได้จริง ความแค้นที่คุณนาคินทร์มีต่อ ฉันมันก็อาจจะเบาบางลงไปได้บ้าง”
อัครินทร์ฟังแล้วส่ายหน้าช้าๆ “ผมไม่เชื่อ”
ปานตะวันหน้าเศร้า “เค้าไม่มีวันยกโทษให้ฉันจริงๆ ใช่มั้ยค่ะ”
“เปล่า.. ผมไม่เชื่อว่าพี่คินแค้นคุณ”
“อะไรนะคะ ?”
“เมื่อก่อน..อาจจจะใช่ แต่ตอนนี้..ผมเชื่อว่า ความแค้นของพี่คินที่มีต่อคุณมันได้จางหาย แล้วกลายเป็นความรักไปแล้ว”
“คุณอัค!!”
“ถ้าคุณ 2 คนยังไม่ยอมรับความจริง ปล่อยให้ทุกอย่างค้างคาอยู่แบบนี้ มันอาจจะมีผลกระทบไปถึงใครอีกหลายๆคนได้นะครับ”
ปานตะวันอึ้งก่อนจะพูด “ไม่หรอกค่ะ..ความจริงก็คือ ..คุณนาคินทร์ไม่ได้รักฉัน” ปานตะวันจุกจนน้ำตารื้น “เราไม่ได้รักกัน” ปานตะวันฝืนยิ้ม “อีกไม่นานสัญญา ระหว่างฉันกับเค้า ก็จะสิ้นสุดลงแล้วและยิ่งเมื่อไหร่ ที่คุณเคทแต่งงานกับคุณนาคินทร์ทุกอย่างก็คงจะจบลงซะที” ปานตะวันฝืนยิ้ม “มันไม่มีผลกระทบอะไรถึงใครหรอกค่ะ”
พูดจบปานตะวันก็เดินออกไป
อัครินทร์มองตาม “มีสิครับ..อย่างน้อย...ก็ ’ผม’ คนนึง..ปานตะวัน”
ปานตะวันนั่งลงบนเตียงแล้วลูบท้อง
“ถึงยังไง..ลูกก็ยังมีแม่นะคะ อย่าว่าแม่...ที่แม่ต้องตัดสินใจแบบนี้ แม่กลัวจริงๆว่า ถ้าพ่อเค้ารู้ เค้าอาจจะพรากลูกไปจากแม่ แม่สัญญา...ว่าแม่จะเป็นทั้งพ่อและแม่ให้กับลูก.. แม่จะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด”
ที่งานเลี้ยงการแต่งงานเต็มไปด้วยความชื่นมื่น แขกเหรื่อยิ้มแย้มแจ่มใส พ่อแม่บ่าวสาวสวัสดีรับแขกอยู่หน้างาน สักพักก็คุยกันเอง
“แหะๆ..ดิฉันต้องขอโทษด้วยนะคะคุณพี่ที่ยัยนารถ ลูกสาวดิฉันมีไอเดียประหลาดๆ ไม่ยอมออกมารับแขกที่หน้างานเหมือนงานแต่งงานทั่วไป” สาวิตรีพูด
“โถ..คุณน้องคะ เด็กสมัยนี้เค้าก็มีความคิดเป็นตัวของตัวเอง ดีซะอีกค่ะ..หนูนารถจะได้ไม่เหนื่อยมาก” แม่วิทย์บอก
“ยัยนารถเองก็อาจจะเกรงใจแขกผู้ใหญ่ที่ตัวเองต้องนั่งรถเข็นไม่สามารถยืนถ่ายรูปด้วยได้” ทวยเทพบอก
“โธ่..เรื่องนั้นอย่าไปคิดมาก เจ้าวิทย์และพวกเรารักหนูนารถที่จิตใจข้างใน ไม่ใช่ร่างกายภายนอกครับ” พ่อวิทย์ว่า
สาวิตรีปลื้มก่อนจะจับมือทวยเทพแน่นแล้วบอกกับพ่อแม่วิทย์
“ดิฉันดีใจแทนยัยนารถจริงๆ ค่ะ ที่ได้พบคนที่รักและเข้าใจยัยนารถขนาดนี้”
ทั้งหมดมีความสุข
นารถนรินทร์ถูกพี่เจ้าของร้านเสื้อเข็นรถเปิดตัวออกมา
“เจ้าสาวของเรา..คุณนารถนรินทร์ ไกรตระกูล ค่า” เจ้าของร้านเสื้อเสียงดัง
ใบตองกับช่างแต่งหน้าทำผมวี้ดว้ายกระตู้วู้ ชื่นชมกัน ทั้งกรี๊ดกร๊าดว่าสวยเริ่ด ฯลฯ นารถนรินทร์ยิ้มแฉ่งด้วยความดีใจ ช่างภาพกดชัตเตอร์แชะๆ
เจ้าของร้านเสื้อประกาศ “และเพื่อนเจ้าสาวทั้ง 3 คุณพราวพรรณราย, คุณประกายเดือน และคุณปานตะวัน”
เพื่อนเจ้าสาวทั้ง 3 เดินออกมาในชุดสวยงาม
ใบตองกับช่างแต่งหน้าทำผมวี้ดว้ายกระตู้วู้ ช่างภาพกดชัตเตอร์แชะๆๆ
เจ้าของร้านเสื้อปลาบปลื้ม “สวย แซบที่สุดใน 4 โลก!! แหม..เห็นแล้วมันเขี้ยว น่าจะแต่งพร้อมๆ กันซะเลยนะคะทั้ง 4 สาว”
นารถนรินทร์ถูกใจ สามสาวสะดุ้งเฮือกแบบมีพิรุธ
“อุ่ย..ก็อยากจะแต่งอยู่นะคะคุณพี่ แต่ไม่มีผู้ชายให้แต่งด้วยน่ะสิ จริงมั้ยเดือน?”
ประกายเดือนสะดุ้งโหยง ปากคอสั่น “อือ..ชะๆๆใช่..จริงๆ”
“อะไร? เป็นไร? ถามแค่นี้ปากคอสั่น เจ้าสาวน่ะน้องนารถนะยะไม่ใช่เธอ ทำเป็นตื่นเต้นเว่อร์เกินหน้าเกินตาเจ้าสาว”
ประกายเดือนแอบเหล่มองปานตะวันที่มองประกายเดือนแล้วก็ทำแหะๆ หลบตาไป
“จริงด้วยค่ะ ถ้าเรา 4 คนได้แต่งพร้อมๆ กันคงจะสนุกน่าดูเลย งั้นวันนี้ถือว่าซ้อมใหญ่ก่อนมั้ยคะ..พี่ตะวัน”
ปานตะวันสะดุ้ง “อะ..อะไรนะคะ?”
“นารถบอกว่า พี่ตะวันน่าจะถือโอกาสซ้อมใหญ่กับพี่คินไปซะเลยน่ะค่ะ”
ทุกคนกรี๊ดกร๊าดกันดังลั่น ยกเว้นปานตะวันที่แอบมองตากับแพรวพรรณราย แพรวพรรณรายแอบบีบมือให้กำลังใจเพื่อน
แพรวพรรณรายแกล้งแว๊ด “เอ๊า!! มัวแต่กรี๊ดกันอยู่นั่นแหละ นี่ก็ใกล้พิธีจะเริ่มแล้วนะ”
“ว้าย! จริงด้วยค่ะ” ใบตองโวยวายทันที “เอ้า! เร็วๆๆๆ เติมๆๆ ตบๆๆๆ หน้าผมจัดเต็มเลยสิคะ”
ช่างแต่งหน้าทำผมรุมตบแป้งและเติมหน้าให้ใบตอง
ใบตองวี๊ด “ไม่ใช่ย่ะ!! ฉันสวยมากแล้ว” ใบตองชี้ไป “ทางนู้น!”
ช่างแต่งหน้าทำผมกรูไปหาเจ้าสาวกับเพื่อนเจ้าสาว ช่างภาพเก็บภาพกันอย่างสนุกสนาน นารถนรินทร์จับมือมองตากับปานตะวันแบบเตรียมจะทำเซอร์ไพรส์ใหญ่
นาคินทร์ที่แต่งตัวหล่อทิ้งตัวลงนั่งอย่างเซ็งๆ อัครินทร์นั่งลงจ้องหน้า
“โห..พี่คิน หน้าตาไม่ยินดีแบบนี้ ยัยนารถเห็นคงวี๊ดงานแตกแน่ๆ”
“ก็วี๊ดไปสิ ไอเดียบ้าๆ เพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาว” นาคินทร์ส่ายหน้าอย่างเคืองๆ
นัครินทร์ที่เสียงนำมาก่อนเดินควงวิทย์แต่งหล่อออกมาด้วย
“อัลไลฮะ? ยังไงฮะ? อิจฉาไอ้วิทย์เหรอฮะ? อยากเป็นเจ้าบ่าวกะเค้ามั่งล่ะสิ?”
นาคินทร์ไม่ขำด้วย “ไอ้นัค!”
“อุ่ยย”
วิทย์ยิ้มๆ “ต้องขอโทษพี่คินด้วยนะครับที่ต้องรบกวน แต่น้องนารถรักพี่ๆ ทั้ง 3 คนมากเลยอยากให้เป็นคนสำคัญที่ยืนอยู่ข้างๆ เค้าบนเวที”
นัครินทร์ยืด “มันแน่นอนอยู่แล้ว มีพี่ชายทั้งหล่อและแสนดีขนาดนี้ มันต้องโชว์แขกกันหน่อย”
ทันใดนั้นออแกไนเซอร์ก็โผล่มา
“ได้เวลาเริ่มพิธีแล้วค่า ขอเชิญได้เลยค่า เชิญเจ้าบ่าวค่า” ออแกไนเซอร์รีบมาลากวิทย์ออกไปทันที
ตอนนี้เหลือแค่ 3 คนพี่น้อง
นัครินทร์มองตามวิทย์ตาละห้อยก่อนจะพึมพำ “ทำไมถึงไม่เป็นเรามั่งวะ” นัครินทร์หันมาพูดกับอัครินทร์ ไอ้หมอ!! แกคอยดูนะ คิวต่อไปต้องเป็นฉัน ฉันจะต้องได้เป็น ‘เจ้าบ่าว’ ในเร็วๆนี้”
นาคินทร์ที่นั่งอยู่ทำหน้านิ่ง
นาคินทร์พูดเสียงเย็น “ฝันไปเถอะ!”
พูดจบนาคินทร์ก็ลุกขึ้นเดินผ่านหน้าน้องชายที่เหวอรับประทานออกไป
นัครินทร์เหวออยู่ “เฮ่ย..” นัครินทร์ตะโกนเรียก “พี่คิน!! พี่คิน!!” นัครินทร์พูดกับอัครินทร์ “พูดงี้ได้ไงวะ พี่คินพูดจาแบบนี้ได้ไง” นัครินทร์หมายมั่นปั้นมือ “แกคอยดูนะไอ้หมอ แกคอยดู”
นัครินทร์รีบพุ่งออกไป ทิ้งให้อัครินทร์มองตามแล้วส่ายหน้ายิ้มๆ ก่อนจะเดินตามไป
อ่านต่อหน้าที่ 3
เสน่หาสัญญาแค้น ตอนที่ 24 (ต่อ)
พ่อแม่บ่าวสาวต้อนรับแขกอยู่ ออแกไนเซอร์เข้ามาเชิญ
“ได้เวลาแล้ว เชิญด้านในเลยครับ”
ทุกคนชวนกันออกไปจนไม่เหลือใคร เท้าใครคนหนึ่งก้าวเข้ามา ‘กนกรัตน์’ เดินเยื้องย่างเข้ามาในชุดราตรีสีแดง ปากสีแดงด้วยลิปสติกแท่งนั้น กนกรัตน์เดินมาหยุดยืนมองแล้วยิ้มเหยียดๆ
แขกเหรื่อยืนคุยเพื่อรอพิธีเริ่มกันอยู่ จู่ๆ ไฟก็ดับพรึ่บ ทุกคนฮือฮาสักพัก ก่อนที่ไฟ Follow บนเวทีจะส่องสว่างให้เห็นนักร้อง นักเปียโนชื่อดัง ทั้งสองเริ่มเล่นเปียโนและร้องเพลง ผู้คนเริ่มยิ้มแย้ม
หลังเวทีออแกไนเซอร์กำลังบรีฟเพื่อนเจ้าบ่าวทั้ง 3 คน
“อย่าลืมคิวนะครับ เดินออกไปปุ๊บ เจอเพื่อนเจ้าสาวจับมือปั๊บ”
นาคินทร์หันขวับ “อะไรนะครับ? ทำไมต้องจับมือด้วย”
นัครินทร์พูดกับออแกไนเซอร์ทันที “จัดให้เลยฮะ!! ระดับนัครินทร์..คิวเป๊ะ!! ของโปรด..เอ้ย มือโปร!! ไม่ต้องห่วง”
“นี่!! เดี๋ยวก่อนครับ..”
ออแกไนเซอร์ไม่ฟังเสียง “คิว!” ออแกไนเซอร์เร่งกับนาคินทร์ “คิวแล้วครับทุกคน!”
นัครินทร์ผลักนาคินทร์ออกไปทันที
นาคินทร์ถูกผลักออกมายืนหน้าเวที แขกเหรื่อฮือฮาในความหล่อ นาคินทร์จำต้องยืนนิ่ง ปานตะวันเดินเปิดตัวออกมาจากมุมเวที เธอดูสวยจนนาคินทร์เผลอตะลึง
ออแกไนเซอร์ที่อยู่หลังเวทีเร่งพูดใส่วอ.
“คิว!! คิวสิคิวๆๆ”
นาคินทร์สะดุ้งนิดนึงแล้วก็ทำเก๊กก่อนจะเดินไปจับมือปานตะวัน ทั้งสองมองหน้ากันแล้วเดินมาอยู่คู่กัน
แขกเหรื่อยิ้มแย้ม พ่อ แม่ และใบตองยิ้มปลื้มปริ่ม
’กนกรัตน์’ เดินเข้างานมาจ้องมองจนตาแทบถลน
นัครินทร์เดินออกมา ประกายเดือนเดินตามมา นัครินทร์เดินไปจับมือประกายเดือนอย่างกระดี๊กระด๊าสุดๆ ประกายเดือนแอบกลัวปานตะวันกับนาคินทร์ที่มองมา
นาคินทร์กัดฟันพูดหน้านิ่งๆ “อย่าหวังว่าแผนจับน้องชายผมจะสำเร็จ ผมไม่มีวันยอม”
ปานตะวันกัดฟันพูดตอบด้วยสีหน้านิ่ง “อย่าหวังว่าจะแตะต้องน้องสาวฉันได้ ฉันเอาตายแน่”
ทั้งสองหันมาจ้องตากันแบบไม่ยอมกัน
’กนกรัตน์’ จ้องมองตาวาวเมื่อเห็นเขาจ้องตากันก็นึกว่าทั้งสองหวานใส่กัน เธอจึงโกรธมาก
บนเวที อัครินทร์เดินออกมา แพรวพรรณรายเดินตามมา อัครินทร์เดินไปจับมือแพรวพรรณราย แพรวพรรณรายแอบปลื้มปริ่มแต่ก็ยังรักษาฟอร์มอยู่
หลังจากนั้นวิทย์ก็เข็นรถเข็นนารถนรินทร์เดินผ่านทั้ง 3 คู่มาอยู่ที่กลางเวที ทุกคนปรบมือด้วยความชื่นใจ วิทย์คุกเข่าลงทำการสวมแหวนแต่งงานให้นารถนรินทร์ นารถนรินทร์สวมแหวนแต่งงานให้วิทย์ ทั้งสองสวมกอดกัน แขกเหรื่อปรบมือด้วยความชื่นใจ วิทย์ลุกขึ้นจะเข็นนารถนรินทร์ไปที่เค้กแต่งงาน แต่นารถนรินทร์แตะมือวิทย์ไว้ วิทย์ชะงักมอง
“ไม่ต้องหรอกค่ะพี่วิทย์”
นารถนรินทร์หันไปมองปานตะวัน ปานตะวันยิ้มให้กำลังใจ นาคินทร์มองอย่างงงๆ ทันใดนั้น นารถนรินทร์ค่อยๆ ลุกขึ้นยืน สร้างความตกตะลึงให้คนทั้งบนเวทีและแขกเหรื่อที่มาร่วมงาน
วิทย์ตะลึง “น้องนารถ?”
นารถนรินทร์ยิ้มๆ แบบกังวลนิดๆ ก่อนจะยื่นมือไปให้วิทย์
“เราเดินไปด้วยกันนะคะพี่วิทย์”
วิทย์อึ้ง “น้องนารถ”
วิทย์พุ่งเข้ามาสวมกอดนารถนรินทร์แน่น
นาคินทร์หันขวับไปมองปานตะวันที่กำลังซับน้ำตาแห่งความปลาบปลื้มอยู่ แล้วเขาก็หันกลับไปมองนารถนรินทร์อย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา
นารถนรินทร์กับวิทย์ค่อยๆ จับมือกันเดินไปตัดเค้กด้วยกัน
แขกเหรื่อปรบมือ พ่อกับแม่ดีใจจนน้ำตาแตกกับใบตอง นารถนรินทร์กับวิทย์ตัดเค้กอย่างสวยงาม นาคินทร์หันไปมองปานตะวันอย่างเหลือเชื่อที่เธอทำได้ สายตาของเขาเผลอทึ่งปานตะวัน ปานตะวันหันมาเห็นสายตาก็ชะงักก่อนจะเมินไป นาคินทร์เก้อ กนกรัตน์จ้องมองทั้งสองบนเวทีอย่างไม่พอใจ
กนกรัตน์เหวี่ยงกระเป๋าลงที่หน้ากระจกแล้วจ้องตัวเองในกระจกด้วยความโมโห
“อะไร? ทำไม? นี่ฉันยังไม่สวยพออีกเรอะ?? ทำไมพี่คินถึงได้จ้องมองแต่อีนังปานตะวัน?? ทำไมๆๆ”
กนกรัตน์มองกระจกอย่างโกรธแค้นก่อนจะทำฟึดฟัดหยิบกระเป๋ามาเปิดแล้วควักลิปสติกแท่งเดิมออกมาหมุนแล้วมอง
กนกรัตน์พึมพำราวกับสะกดจิตตัวเอง “ฉันต้องสวย พี่คินต้องมองฉันคนเดียว ฉันต้องสวยอีก”
ว่าแล้วกนกรัตน์ก็บรรจงทาลิปสติกสีแดงให้ปากแดงยิ่งขึ้นไปอีก
ทันใดนั้น ‘ประกายเดือน’ ก็เดินจะเข้ามาในห้องน้ำแต่พอเห็นกนกรัตน์ก็ชะงักกึก
กนกรัตน์หันไปมองแล้วยิ้มหวาน “อ้าว..คุณเดือน” กนกรัตน์จิกตามองแล้วพูดเหยียด “วันนี้สวยนะคะ” กนกรัตน์หันไปทาลิปสติกต่อโดยไม่สนใจ
ประกายเดือนอ้าปากจะด่าแต่ก็ชะงักเมื่อเห็นลิปสติกในมือกนกรัตน์ ประกายเดือนมองคุ้นๆ
กนกรัตน์ชะงักเมื่อรู้สึกว่าถูกจ้องอยู่ก็ค่อยๆ หันมามองด้วยสายตาประกายเดือนที่มองมาที่ลิปสติกของเธอก่อนจะยิ้มแล้วยื่นให้ “ซะหน่อยมั้ยคะ? จะได้สวยขึ้น?”
ประกายเดือนฉุน “ไม่ล่ะค่ะ” ประกายเดือนด่ากระแทก “สวยปลอมๆ..ไม่ปลื้ม”
ประกายเดือนพูดจบก็สะบัดออกไปทันที ทิ้งให้กนกรัตน์ยืนตาวาว
กนกรัตน์ด่าตามหลัง “อิจฉาล่ะสิ!!! เชอะ”
กนกรัตน์มองตัวเองในกระจกแล้วยิ้มสวย เธอเก็บลิปสติกแล้วเดินเข้าห้องน้ำ แพรวพรรณรายประคองปานตะวันเข้ามายืนคุยหน้ากระจกหน้าห้องน้ำ
“ไงตะวัน..ไหวป่ะ?? เพื่อนพาไปส่งบ้านดีกว่ามั้ย” แพรวพรรณรายถาม
“ได้ไง งานยังไม่เลิก” ปานตะวันว่า
กนกรัตน์ที่อยู่ในห้องน้ำชะงัก
“อยากอาเจียนรึเปล่า?? เพื่อนลูบหลังให้” แพรวพรรณรายถาม
“ไม่ขนาดนั้น แค่มึนๆ ข้างในคนเยอะน่ะ” ปานตะวันว่า
แพรวพรรณรายมองปานตะวันอย่างปลาบปลื้ม “ตะวันนี่เก่งจังเลยนะ ทำให้น้องนารถลุกขึ้นเดินในงานแต่งงานได้จริงๆ”
ปานตะวันยิ้ม
“ตะวันต้องเห็นสายตาที่คุณนาคินทร์มองมา อื้อหือ..มันแบบว่า..แบบว่า ไม่รู้จะบรรยายยังไงดี เพื่อนเอ๋ย”
กนกรัตน์ไม่พอใจ
“ไม่ต้องบรรยายหรอก ไม่อยากฟัง” ปานตะวันว่า
“ตะวันน..เพื่อนว่า.ดูๆ ไป..คุณนาคินทร์เค้าก็มีกลิ่นนะ”
“กลิ่นอะไร?” ปานตะวันถาม
“เพื่อนว่า..เค้าต้องแอบรักตะวันอยู่ลึกๆ แน่ๆ”
กนกรัตน์อึ้ง
“ป่วยและ!! ไปหาหมอมั้ย?? ให้ฉันตามหมออัคมารักษาให้มั้ยพิ้งค์?”
“เพื่อนพูดจริงนะ!! นี่..ตะวัน จะไม่ลองปรับความเข้าใจ เปิดใจคุยกับคุณนาคินทร์เค้าสักครั้งเหรอ เผื่อว่าทุกอย่างมันจะ..”
ปานตะวันสวน “ถ้าไม่หยุด!! ฉันจะตามหมออัคมาเดี๋ยวนี้!”
แพรวพรรณรายอ้าปากค้างแล้วก็ถอนหายใจเฮือก “แหม..เอะอะๆ ก็ปี๊ด?? คนท้องนี่อารมณ์ปี๊ดอย่างนี้ทุกคนรึเปล่าหา”
กนกรัตน์อึ้ง
“นี่!! จะเสียงดังไปไหน บอกแล้วว่าอย่าพูดเรื่องนี้ เดี๋ยวใครได้ยินเข้า” ปานตะวันว่า
“ก็เพื่อนเป็นห่วงนี่!! ห่วงทั้งตะวันแล้วก็หลานในท้อง” แพรวพรรณรายว่า
กนกรัตน์ตั้งใจฟังมาก
“อยากเห็น พ่อ แม่ ลูก อยู่ด้วยกันพร้อมหน้าอย่างมีความสุข”
ปานตะวันอึ้งก่อนจะพึมพำ “ไม่หรอก..คุณนาคินทร์เค้าคงไม่คิดอย่างนั้น”
กนกรัตน์แทบช็อคกับสิ่งที่ได้ยิน เธอมีสายตาและสีหน้าหวาดหวั่นริษยาจนน่ากลัว
นาคินทร์เดินชะเง้อมองหาปานตะวันมาเรื่อยๆ ทันใดนั้นก็มีคนพรวดมาขวางหน้า นาคินทร์ชะงักกึก
“กนก?” นาคินทร์ตกใจ
กนกรัตน์ทำหน้าดุก่อนจะยิ้มหวาน
“ตามหาใครอยู่เหรอคะพี่คิน?”
“เอ่อ..” นาคินทร์อึกอัก
“ตามหาเคทเหรอคะ? ขอโทษนะคะ เคทออกมาเข้าห้องน้ำ” กนกรัตน์ว่า
นาคินทร์อึกอัก “เอ่อ…”
กนกรัตน์เข้ามากอดแน่นทันที “พี่คิน ..พี่คินยังรักเคทเหมือนเดิมใช่มั้ยคะ?”
นาคินทร์พูดไม่ออก
ปานตะวัน แพรวพรรณราย และประกายเดือนเดินมาเห็นก็ชะงักมอง
กนกรัตน์พูด “เคทเห็นน้องนารถมีความสุขกับคุณวิทย์ เคทก็อยากทำให้พี่คินมีความสุขบ้างเราแต่งงาน มีลูกด้วยกันเถอะนะคะพี่คิน”
นาคินทร์อึ้งเมื่อเจอมุกนี้
ปานตะวันรู้สึกช้ำใจจะเดินออกไป ประกายเดือนกับแพรวพรรณรายรีบวิ่งตาม
“กนกครับ..เราเข้าไปในงานกันเถอะครับ” นาคินทร์เปลี่ยนเรื่อง
กนกรัตน์เสียงเขียว “ทำไมคะ ทำไมถึงไม่อยากมีลูกกับเคท หรือพี่คินมีลูกกับใครแล้ว?”
นาคินทร์ชะงักเพราะงงจริง “อะไรนะครับ? เมื่อกี้กนกว่าอะไรนะครับ”
กนกรัตน์รู้ทันทีว่านาคินทร์ไม่รู้เรื่องปานตะวันท้องเธอก็เปลี่ยนเป็นยิ้มหวานทันที “ไม่มีอะไรค่ะพี่คิน เคทแหย่เล่นขำๆ เมื่อกี้พี่คินว่าจะเข้าไปในงานใช่มั้ยคะ ไปกันเถอะค่ะ”
กนกรัตน์ดึงนาคินทร์ออก นาคินทร์ยังมองหาปานตะวันจนเดินออกไปกับกนกรัตน์
ปานตะวันเดินมานั่งอย่างช้ำใจ เธอเช็ดน้ำตาแล้วทำเป็นเข้มแข็ง ประกายเดือนกับแพรวพรรณรายตามมานั่งข้างๆ
แพรวพรรณรายสงสาร “ตะวัน...”
ประกายเดือนเสียงเฉียบ “ตะวัน!!ตะวันรักท่านประธานใช่มั้ย?”
“เดือนพูดอะไร?” ปานตะวันว่า
“ก็พูดความจริงน่ะสิ”
ปานตะวันสวน “ไม่จริง”
“ไม่จริงแล้ววิ่งมาทำไม? ไม่จริงแล้วร้องไห้ทำไม? คนอย่างตะวันเสียน้ำตาให้ใครง่ายๆที่ไหน?”
ปานตะวันเบือนหน้าเพื่อซ่อนความจริง”
“ถ้ารัก ก็รีบเอาท่านประธานกลับมา!” ประกายเดือนว่า
“หยุดพูดซะทีเถอะเดือน” ปานตะวันบอก
“ใจคอตะวันจะปล่อยให้คนที่รักตะวันรักต้องอยู่กับผู้หญิงอันตรายอย่างยัยเคทนั่น จริงๆ หรอ” ประกายเดือนบอก
ปานตะวันยังนิ่ง
“ตะวัน..ฟังเค้านะ..ฟังแล้วก็ต้องเชื่อด้วย!! ตะวันต้องเชื่อเค้าว่ายัยเคทนั่นมันไม่ธรรมดา” ประกายเดือนบอก
“นอกจากจะไม่ธรรมดาแล้ว มันอาจจะไม่ปกติด้วย” แพรวพรรณรายว่า
“เดือน..เดือนก็ฟังพี่..ฟังแล้วต้องเชื่อด้วย! เลิกยุ่งเกี่ยวกับพวกเค้า ทั้งทุกคนในไกรตระกูลแล้วก็คุณเคท!”
“แต่ว่า..” ประกายเดือนอึกอัก
“นับจากนี้..หมดหน้าที่ของพี่กับคุณนารถ” ปานตะวันแอบเสียงสั่น “หมดสัญญาของพี่ที่มีต่อคุณนาคินทร์..หมดแล้ว..ไม่มีอะไรต่อกันอีกแล้ว”
ประกายเดือนกับแพรวพรรณรายพูดพร้อมกัน “ตะวัน”
“พี่จะหางานใหม่ ส่วนเดือน..ก็ไปลาออกจาก KTK” ปานตะวันบอก
ประกายเดือนเสียงดังลั่น “ตะวัน?”
ปานตะวันสวน “ไปลาออกจาก KTK!!! แล้วหางานใหม่ ถ้าหาไม่ได้..พี่จะหาเลี้ยงเดือนเอง!”
แพรวพรรณรายโวยทันที “จะบ้าเหรอตะวัน??? นี่เป็นบ้าไปแล้วเหรอ” แพรวพรรณรายหลุดปาก “จะทำอะไรก็หัดคิดถึงลูกในท้องมั่งสิ”
ปานตะวันชะงัก ส่วนประกายเดือนตะลึงจนตาโต เธอหันไปมองปานตะวันแบบทั้งงง ทั้งช็อค
“อะ..อะไร..นะ? เมื่อกี้...พี่พิ้งค์..ว่าอะไรนะ?”
ปานตะวันโกรธแพรวพรรณรายจนจะร้องไห้ “พิ้งค์!!”
แพรวพรรณรายจ๋อย “เอ่อ..”
ประกายเดือนยังมึน “พี่พิ้งค์..เดือนถามว่า..เมื่อกี้..พี่พิ้งค์พูดว่าอะไร?”
แพรวพรรณรายอึกอัก “เอ่อ..”
ปานตะวันตวาดทันที “พิ้งค์!!”
“ท้อง?? ลูกในท้อง นี่..ตะวัน..กำลังท้อง?” ประกายเดือนช็อก
ปานตะวันปล่อยโฮก่อนจะซบหน้าลงกับกับฝ่ามือแล้วร้องไห้ แพรวพรรณรายจ๋อย น้ำตาคลอ ก่อนจะกอดปานตะวันแล้วร้องไห้ไปด้วยกัน ประกายเดือนยังเอ๋อกับสิ่งที่เพิ่งได้รู้
บ่าวสาวกำลังถ่ายรูปกับพ่อแม่และครอบครัวอย่างครื้นเครง นาคินทร์พากนกรัตน์มาถ่ายด้วย
นารถนรินทร์รีบพูด “แล้วพี่ตะวันไปไหนคะ?? ครอบครัวเราขาดพี่ตะวันไปได้ไงคะ”
กนกรัตน์หันขวับไปมอง
“ไม่มีพี่ตะวัน นารถไม่ถ่ายหรอกค่ะ” นารถนรินทร์ว่า
นาคินทร์ปราม “นารถ..อยู่กันแค่นี้ก็ถ่ายแค่นี้”
นารถนรินทร์พูดทันที “ไม่ค่ะ..ต้องอยู่ครบถึงจะถ่ายขาดพี่ตะวันไป ก็เท่ากับขาดคนในครอบครัวเราไปคนนึง จริงมั้ยคะคุณแม่?”
“เอ่อ..อ่อ..จริงจ้ะ” สาวิตรีเกรงใจกนกรัตน์นิดๆ
“เออ.จริงสิ!! นี่คุณเดือนก็หายไปด้วยฮะ” นัครินทร์ว่า
ทุกคนยกเว้นกนกรัตน์หันมองนัครินทร์เป็นตาเดียว
“อะ..อะไรฮะ?มองอะไรกันก็..หายกันไปทั้งคู่จริงๆนี่ฮะหายกันไปทั้งเดือนทั้งตะวัน” นัครินทร์มองอัครินทร์ “คุณหมอพิ้งค์ก็ด้วย”
“เฮ่ย!!อะไร? มองผมทำไม ไม่เกี่ยว” อัครินทร์ว่า
กนกรัตน์ทำเนียน “เอ..เคทว่าเคทเห็นอยู่แถวๆห้องน้ำ งั้นเดี๋ยวเคทไปตามให้นะคะ”
นารถนรินทร์พูดทันที “พี่ใบตอง!!ช่วยไปตามพี่ตะวันมาถ่ายรูปครอบครัวที่ค่ะ”
“รับทราบค่ะ” ใบตองวิ่งจู๊ดออกไป
กนกรัตน์ลอบมองอย่างไม่พอใจ
อ่านต่อหน้าที่ 4
เสน่หาสัญญาแค้น ตอนที่ 24 (ต่อ)
ประกายเดือนค่อยๆ เอื้อมไปแตะท้องปานตะวัน สองพี่น้องมองหน้ากันก่อนจะโผเข้ากอดกันแน่น แพรวพรรณรายเช็คน้ำตาป้อย ๆ
ปานตะวันมองหน้าประกายเดือน “เดือน..พี่..ขอโทษ..พี่เป็นพี่ที่แย่มาก พี่พร่ำสอนให้เดือนรักนวลสงวนตัวแต่พี่..พี่..กลับ”
ประกายเดือนสวน “ตะวัน..ไม่ต้องพูดแล้ว..ไม่ต้องขอโทษ” ประกายเดือนยิ้มๆ “นี่ต้องถือเป็นข่าวดีด้วยซ้ำ..จริงมั้ย?”
“มัน..มันไม่ใช่อย่างนั้นหรอกเดือน” ปานตะวันบอก
“ใช่สิ!!ทำไมจะไม่ใช่!! ตะวันเหนื่อยมามากแล้ว ทำเพื่อเค้า ทำเพื่อคนอื่นมามากแล้ว ตะวันควรจะต้องทำเพื่อตัวเองซะที”
“แต่คุณนาคินทร์...”
ประกายเดือนสวน “เลิกแต่ เลิกเถียง เลิกนู่นนี่ซะทีเถอะ ตะวัน หัดปล่อยให้ชีวิตมัน ไม่มีเงื่อนไขมั่งได้มั้ย”
แพรวพรรณรายเช็คน้ำตาแล้วสะอื้น “หูย..พูดดีอ่ะ..โดนอ่ะ”
“เค้าจะบอกท่านประธาน” ประกายเดือนว่า
“ไม่ได้นะเดือน!” ปานตะวันสั่งเสียงเฉียบ “ถ้าเดือนทำอย่างนั้น เดือนไม่ต้องมาเรียกพี่ว่าพี่”
“ตะวัน?”
“เดือนต้องทำตามพี่! เรื่องราวทุกอย่างมันจะได้จบซะที ชีวิตพี่กับลูกจะได้เป็นอิสระ ไม่มีเงื่อนไขอย่างที่เดือนพูดไงล่ะ”
“อะไรล่ะตะวัน มันคืออะไร” ประกายเดือนว่า
ทุกคนอึ้งไป ทันใดนั้นใบตองก็เสียงแหลมนำมาเลย
“ยู้ฮู!!อยู่นี่กันเอง!! แฮ่กๆ..คุณผู้หญิงให้มาเชิญไปถ่ายรูปค่ะ อ่อ..รูปครอบครัวค่ะ เชิญค่ะ”
ทุกคนมองหน้ากัน ปานตะวันถอนใจ
ตากล้องกำลังให้สัญญาณทุกคน
“พร้อมนะครับ ทุกท่านยิ้มแย้มสดใสร่าเริงนะครับ”
สองครอบครัวร่วมเฟรมกันครบ แต่ปานตะวันอยู่ห่างจากนาคินทร์มาก
นารถนรินทร์ร้องลั่น “เดี๋ยวค่ะเดี๋ยว!! อย่าเพิ่งค่ะ”
ทุกคนอื้ออึงเพราะงงว่าทำไม? อะไร?
นารถนรินทร์มอง “พี่ตะวันคะ..” นารถนรินทร์ตั้งใจพูดแดกดันกนกรัตน์ “อยู่ผิดที่หรือเปล่าค่ะ”
กนกรัตน์ที่ยืนเคียงข้างนาคินทร์ถึงกับอึ้งและโกรธ
นารถนรินทร์ดึงปานตะวันมายืนข้างตัวเองโดยยืนติดนาคินทร์เลย “นี่ค่ะ!! ต้องอยู่ตรงนี้ค่ะ ถึงจะถูกต้องและคู่ควร”
ปานตะวันอึกๆ อักๆ นาคินทร์ยังเก็ก คนอื่นๆ อมยิ้ม ยกเว้นกนกรัตน์ที่ยืนกลืนเลือดอยู่คนเดียว
นาคินทร์เอือม “จะถ่ายได้รึยัง..ยัยนารถ?”
นารถนรินทร์ตาใสทำไม่รู้ไม่ชี้ “ได้ค่ะ..พร้อมค่ะ..ทุกคน.แฮปปี้ค่ะ” นารถนรินทร์ตะโกนนำ “แฮปปี้”
“แฮปปี้” ทุกคนยกเว้นนาคินทร์ ปานตะวัน และกนกรัตน์พูดพร้อมกัน
ตากล้องกดชัตเตอร์บันทึกภาพหมู่มวล
ปานตะวันที่อยู่ในชุดนอนยืนมองชุดเพื่อนเจ้าสาวที่แขวนอยู่บนไม้แขวน ส่วนเสื้อถืออยู่ในมือ
ภาพตอนที่เธอจับมือนาคินทร์ในงานแต่งนารถนรินทร์ย้อนกลับมา
ปานตะวันค่อยๆ วางชุดลงบนเตียงนอนอย่างเบามือแล้วถอนใจ
นาคินทร์นั่งมองมือตัวเองอยู่
ภาพตอนที่เขาจับมือปานตะวันในงานแต่งนารถนรินทร์ย้อนกลับมา
นาคินทร์ถอนหายใจเฮือกก่อนจะค่อยๆ กำมือแน่นแล้วลุกขึ้นหันไปปะทะกับปานตะวันที่ยืนมองอยู่ ทั้งสองมองหน้ากัน
“มีอะไร?” นาคินทร์ถาม
“ฉันมีธุระจะพูดกับคุณค่ะ” ปานตะวันบอก
นาคินทร์รู้ว่าน่าจะเป็นเรื่องอะไร แต่เขาก็ทำนิ่งๆ เพื่อกลบเกลื่อน
ปานตะวันเดินเข้ามาจ้องตา “เงื่อนไขในสัญญาระหว่างเรา ฉันจะต้องดูแลคุณนารถเป็นเวลา 1 ปี โดยที่ไม่ลาออกก่อน อายุสัญญา ซึ่งตอนนี้..เหลืออีกเพียง 7 วัน..ก็จะครบกำหนดแล้ว”
นาคินทร์แอบวูบ
ปานตะวันกลืนความรู้สึกแล้วก็แอบพูดเสียงสั่น “ส่วนเงื่อนไขพิเศษที่ถ้าฉันสามารถช่วยให้คุณนารถกลับมาเดินได้เป็นปกติ คุณจะยกคอนโดฯที่ยัยเดือนอยู่ทุกวันนี้ให้เป็นของฉัน”
นาคินทร์สวนขึ้นมาแบบพาลๆ “เหลืออีกตั้ง 7 วัน จะรีบทวงไปไหน”
ปานตะวันพูดเรียบๆ “เปล่าค่ะ..ฉันเพียงแต่อยากจะบอกว่าคอนโดฯ ที่คุณจะยกให้ฉัน..ฉันจะไม่รับ”
นาคินทร์อึ้ง “อะไรนะ?”
“ฉันถือว่ามันเป็นหน้าที่ของฉันที่จะต้องดูแลคุณนารถอย่างดีที่สุด โดยไม่จำเป็นต้องมีเงื่อนไขพิเศษอื่นๆ อีก”
นาคินทร์อึ้งเพราะไม่อยากจะเชื่อหู ก่อนจะหาเรื่องอีก “ตกลงคุณต้องการอะไรกันแน่? ไม่เอาคอนโด งั้นอยากได้อะไร แค่นั้นมันน้อยไปใช่มั้ย”
ปานตะวันแอบน้อยใจ “ฉันก็แค่อยากจะบอกคุณล่วงหน้าว่าอีก 7 วันฉันก็จะไปจากที่นี่”
นาคินทร์อึ้ง
“ไปอย่างไม่ต้องการเรียกร้องอะไร ไปอย่างไม่มีพันธะผูกพันใดๆ ทั้งสิ้น” ปานตะวันบอก
นาคินทร์อึ้งแล้วก็แอบใจหายวูบ แต่ก็พยายามเก็บไว้
“ฉันหมดธุระแล้วค่ะ” ปานตะวันบอก
นาคินทร์ไม่มองหน้าปานตะวัน
ปานตะวันยืนมองหน้านาคินทร์เหมือนจะจดจำเขาไว้เป็นครั้งสุดท้ายแล้วเดินออกไป
นาคินทร์เรียกไว้ “เดี๋ยว!”
ปานตะวันชะงักแล้วหันมา นาคินทร์หันมามองตา ทั้งสองมองกันไปมองกันมาแต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไร ปานตะวันรอให้นาคินทร์พูด นาคินทร์หัวใจสับสนจนพูดไม่ออก ปานตะวันเอ่ยขึ้นอย่างเข้มแข็ง
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว...ฉันไปก่อนนะคะ”
ปานตะวันเดินจากไป ทิ้งให้นาคินทร์มองตามอย่างอาลัยอาวรณ์
กนกรัตน์ที่อยู่ในชุดงานแต่งกำลังนั่งกึ่มอยู่
เธอนึกถึงเหตุการณ์ในอดีต ตอนที่แพรวพรรณรายพูดกับปานตะวันเรื่องลูกในท้อง ตอนที่นารถนรินทร์พูด “ต้องอยู่ตรงนี้ค่ะถึงจะถูกต้องและคู่ควร” ตอนที่นาคินทร์จับมือปานตะวันบนเวทีที่งานแต่ง
กนกรัตน์ขว้างแก้วเปรี้ยง บ๋อยตกใจจึงมองอย่างหวาดๆ
บ๋อยเดินเข้ามา “คุณผู้หญิงเป็นอะไรรึเปล่าครับ?”
กนกรัตน์แว๊ดลั่น “เป็น!! เป็นสิ ฉันแค้น ฉันเกลียดมัน!! ฉันเกลียดมัน!”
กนกรัตน์ทำหน้าตาน่ากลัวมาก
นัครินทร์ที่คุยกับประกายเดือนอยู่บนเตียงตกใจมาก
“ห๊า?? อะไรนะฮะ คุณพยาบาลจะให้คุณลาออกจากงาน จะคืนคอนโดฯ นี้ให้พี่คิน?? บ้า!! บ้าไปแล้วฮะ!! พี่สาวคุณบ้าไปแล้วฮะ”
ประกายเดือนเถียงทั้งที่หน้าจ๋อย “นี่!! อย่ามาว่าพี่สาวฉันนะ”
“ไม่ว่าไม่ได้แล้วฮะ!! คนดีๆ ที่ไหนเค้าจะทำอย่างนี้กันล่ะฮะ” นัครินทร์
ประกายเดือนอึ้งไป เธอนั่งกอดเข่าเพราะพูดไม่ออก
“ไม่ยอม!! ผมไม่ยอม!! ทำอย่างนี้ก็เท่ากับจะพรากคุณไปจากผมนี่ฮะ…ใจร้าย!! พี่สาวคุณใจร้าย”
นัครินทร์ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ประกายเดือนเห็นแล้วใจแป้วแล้วก็รู้เลยว่านัครินทร์รักประกายเดือนจริงๆ ประกายเดือนค่อยๆ กอดนัครินทร์ นัครินทร์รีบรวบตัวประกายเดือนไว้แน่น
นัครินทร์ใจเสียสุดๆ เหมือนเด็กน้อยผู้บริสุทธิ์ “ผมไม่ให้คุณไปไหนนะฮะ ผมไม่ยอมให้คุณไปไหนทั้งนั้น อยากจะลาออกก็ลาไป อยากจะคืนคอนโดก็คืนไป แต่คุณต้องอยู่กับผม คุณเป็นเมียผมอย่างถูกต้องตามกฏหมายแล้วนะฮะ”
นัครินทร์จ้องหน้าประกายเดือน น้ำตาลูกผู้ชายค่อยๆ หยด
ประกายเดือนตกใจมากจนถึงกับอึ้ง “..คุณนัค..”
นัครินทร์ยังจ้องประกายเดือนอยู่ด้วยสายตาอ้อนวอนอย่างจริงใจ
“..อย่าทิ้งผมไปนะฮะ..”
ประกายเดือนใจหายวาบ เธอโน้มคอนัครินทร์มาซบไหล่ตัวเองแล้วกอดนัครินทร์ไว้แน่น ทั้งสองกอดกันแน่น นัครินทร์ค่อยๆ ผละออกมาจ้องหน้าประกายเดือน
“..ผมอยู่ไม่ได้จริงๆ”
ประกายเดือนอึ้ง
“ผมรักคุณที่สุด”
ประกายเดือนซาบซึ้งอย่างสุดหัวใจ ทั้งสองค่อยๆ เอาหน้าเข้าไปใกล้กัน จากนั้นก็ปล่อยให้หัวใจทำงานไปตามปรารถนา
ทุกคนกำลังนั่งรับประทานอาหารเช้ากันที่นอกบ้านในบรรยากาศชื่นมื่น
“วันนี้เปลี่ยนบรรยากาศมาทานเบรคฟาสท์กันนอกบ้าน ต้อนรับลูกวิทย์ลูกเขยคนเดียวของไกรตระกูล แล้วแม่ก็ถือโอกาสขอบคุณเพื่อนเจ้าสาวด้วยเลยนะจ๊ะหนูตะวัน หนูเดือน หนูหมอพิ้งค์” สาวิตรีบอก
วิทย์ยกมือไหว้ “ขอบพระคุณครับคุณแม่”
ปานตะวัน ประกายเดือน และแพรวพรรณรายพูด “ขอบคุณค่ะคุณแม่”
“ไม่ว่ากันนะ พ่อขอให้แต่งเข้า บ้านเรามีลูกสาวคนเดียว พ่อไม่อยากให้ออกไปอยู่ข้างนอก” ทวยเทพบอก
“ผมทราบดี แล้วก็ยินดีครับคุณพ่อ” วิทย์ยิ้ม
“แหม..นี่ขนาดมีสมาชิกใหม่เพิ่มมาแค่คนเดียวยังครึกครื้นขนาดนี้ นี่ถ้ามีสะใภ้เพิ่มมาอีก 3 คงสนุกน่าดูเลยนะคะ” ใบตองว่า
“จริงด้วยสิ แหม..ยัยใบตองพูดดีแฮะ..วันนี้” สาวิตรีสนับสนุน
นารถนรินทร์เหลือบมองปานตะวัน “พี่ตะวันว่าจะสนุกมั้ยคะ?”
ปานตะวันสะดุ้ง “..เอ่อ..”
นาคินทร์นั่งนิ่ง
“เออจริงสิ..เรื่องที่นารถกับพี่วิทย์จะไปฮันนีมูนกัน เรา 2 คนคิดดูแล้ว เราไม่อยากไปกัน 2 คนอ่ะค่ะ”
สาวิตรีตาโต “อ้าว..ทำไมล่ะ?! ไปฮันนีมูน ไม่ไปกัน 2 คน แล้วมันจะดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์กันยังไงล่ะคะลูก?”
“นั่นสิคะ..ติดคอตาย” ใบตองว่า
“ไปกัน 2 คน ไปเมื่อไหร่ก็ไปได้ แต่นารถกับพี่วิทย์อยากชวนทุกคนไปด้วยอ่ะค่ะ ไปกันหมดบ้านเลย บ้านเราไม่เคยไปเที่ยวด้วยกันมานานแล้วนะคะ” นารถนรินทร์บอก
สาวิตรีกับทวยเทพมองหน้ากัน
“เออ..ก็จริงอยู่นะ” สาวิตรีเห็นด้วย
“จริงที่สุดค่ะ..จริงฝุดฝุด!! ไอเดียคุณนารถเริ่ดมั่กๆ ค่ะ” ใบตองประจบด้วยการกอดขา “ใบตองได้ไปด้วยใช่มั้ยคะ”
นารถนรินทร์ขำ “แหม... ใช่สิคะ จะขาดพี่ใบตองได้ไง?” นารถนรินทร์พูดกับนาคินทร์ “พี่คิน, พี่ตะวัน ไปยุโรปด้วยกันนะคะ”
นาคินทร์กับปานตะวันชะงักอึ้ง
“โอเค!! งั้นนารถจะจัดการเลย เดี๋ยวเตรียมขอวีซ่า...”
ปานตะวันสวนขึ้นทันที “น้องนารถคะ”
นารถนรินทร์ชะงัก “คะ? มีอะไรคะพี่ตะวัน”
ปานตะวันอ้ำอึ้ง นาคินทร์นิ่งฟัง
“คือ..ตะวันมีเรื่องจะเรียนคุณท่านน่ะค่ะ”
นาคินทร์นิ่ง ทุกคนรอฟัง
“ตะวัน..จะลาออกค่ะ” ปานตะวันบอก
ทุกคนตกใจสุดๆ ร้อง หา อะไรนะ? ยกเว้นนาคินทร์ นัครินทร์ที่นั่งนิ่งมาตลอด อัครินทร์ที่ถอนหายใจเฮือก
นารถนรินทร์น้ำตารื้น “พี่ตะวัน? พี่ตะวันพูดอะไรคะ?”
“ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา” ปานตะวันยกมือไหว้ “ตะวันกราบขอบคุณทุกท่านที่เมตตาตะวัน แต่ตอนนี้สัญญาที่ตะวันทำไว้..กับคุณนาคินทร์จะสิ้นสุดลงอาทิตย์หน้านี้แล้ว ตะวันเลย อยากจะเรียนทุกท่านล่วงหน้าตั้งแต่วันนี้”
นารถนรินทร์ปล่อยโฮ “พี่ตะวัน!”
ทุกคนอึ้งและช็อคกันไป นาคินทร์กลืนความรู้สึก
อัครินทร์หันไปมองนาคินทร์แล้วหันไปมองปานตะวันก่อนจะตัดสินใจพูด
“พี่คินครับ..ไม่คิดจะพูดอะไรซักคำเหรอครับ”
ทุกคนหันไปฟังนาคินทร์ นาคินทร์นิ่งสักพักก่อนจะพูด
“ผม..” นาคินทร์ตัดสินใจพูดเฉียบขาด “ไม่มีอะไรจะพูด”
ทุกคนผิดหวัง
“พี่คินไม่มี แต่ผมมีฮะ!!” นัครินทร์พูด
ทุกคนงงก่อนจะหันไปจ้องนัครินทร์เป็นตาเดียว ประกายเดือนขนหัวลุก
“เอ่อ..” สาวิตรีทำหน้าแหยๆ แล้วก็ลุ้นๆ “ลูกมีอะไรเหรอคะ..ลูกนัค”
นัครินทร์ยืนขึ้น
“ผม..” นัครินทร์พูดอย่างมั่นใจ “มีเมียแล้ว”
ทุกคนอึ้งเพราะช็อค “มีเมียแล้ว”
นาคินทร์กับปานตะวันตกตะลึง ทั้งสองมองนัครินทร์กับประกายเดือนแล้วก็จะเป็นลม
“นายนัค!! แกไปมีเมียตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วใคร ใครเป็นเมียแกวะ” ทวยเทพถาม
นัครินทร์คว้าตัวประกายเดือนขึ้นมากอด
“ประกายเดือนเป็นเมียผม”
นาคินทร์กับปานตะวันอึ้ง ทุกคนช็อค
นัครินทร์พูดต่อ “ผมกับเดือนจดทะเบียนสมรสกันถูกต้องตามกฏหมายนานแล้วฮะ”
ทุกคนช็อค
ปานตะวันเสียงดังลั่น “เดือน!”
นาคินทร์ลุกขึ้นมากระชากคอเสื้อนัครินทร์ “ไอ้นัค!! ฉันเคยบอกแกว่ายังไง” นาคินทร์เสียงดังลั่น “ฉันเคยสั่งแกว่ายังไง”
นัครินทร์ทำเฉยอย่างไม่กลัว “พี่คินจะสั่งยังไงผมไม่สน หัวใจของผม ผมต้องสั่งมันเอง ไม่ใช่พี่คิน” นัครินทร์หันไปหาพ่อกับแม่ “ผมรู้ว่าเมื่อก่อนผมทำตัวไม่ดีนัก แต่คนนี้..ผมรักจริง..ผมอยากให้เดือนเป็นเมีย เป็นแม่ของลูกผม”
สาวิตรี นารถนรินทร์ และใบตองแทบจะจิกหมอน
“พ่อกับแม่อย่าโกรธผมนะฮะ” นัครินทร์บอก
สาวิตรีเช็ดน้ำตาป้อยอย่างซาบซึ้ง “ไม่จ้ะ..แม่ไม่โกรธ”
ทวยเทพโอบไหล่ “ร้องไห้ทำไมคุณ?”
“แม่ปลื้มค่ะ” สาวิตรีตอบ
นัครินทร์พาประกายเดือนไปกราบทวยเทพกับสาวิตรี
สาวิตรีกอดประกายเดือน “มาเป็นลูกสาวแม่อีกคนนะลูกนะ”
นัครินทร์พูดกับปานตะวัน “คุณพยาบาล เอ่อ คุณตะวันฮะ”
ยังไม่ทันที่นัครินทร์จะพูดอะไร ปานตะวันก็ทนไม่ไหวจึงรีบลุกออกไปทันที
ประกายเดือนตกใจ “ตะวัน!! ตะวัน!!”
ประกายเดือนรีบวิ่งตามไป แพรวพรรณรายวิ่งตามไปอีกคน ทุกคนมองตามไปอย่างกังวล อัครินทร์ตบไหล่นัครินทร์เพื่อให้กำลังใจ นาคินทร์ไม่ปลื้มอย่างแรง
อ่านต่อตอนที่ 25