สาปสาง ตอนที่ 24
แพรวเลี้ยวรถเข้ามาจอดหน้าบ้านกรณ์ แพรวเหลือบสายตามองขวดน้ำกาลีที่ซุกไว้ในกระเป๋าถือ แล้วยิ้มชั่ว
"วันนี้ ฉันจะทำให้คุณทั้งรักทั้งหลงให้ได้"
กรณ์ออกจากบ้านมาดูว่าใครมา แพรวรีบลงจากรถ
"อ้าว คุณแพรว"
แพรวตีหน้าเศร้าใส่
"ขอโทษนะคะที่แพรวมารบกวน"
กรณ์สังเกตสีหน้าเศร้าหมองของแพรวแล้วถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง
"มีอะไรรึเปล่าครับ สีหน้าคุณไม่ค่อยดีเลย"
"เอ่อ คือ…คือว่า….”
แพรวน้ำตาหยด เธอยกมือขึ้นปาดน้ำตา
"คุณแพรว!!” กรณ์ตกใจ
แพรวทรุดลงนั่งร้องไห้โฮ กรณ์ตกใจมากรีบเข้ามาดู เขาลูบผมแพรวเบาๆ ด้วยความห่วงใย
"เกิดอะไรขึ้นครับ บอกผมสิครับคุณแพรว"
พริ้วคาดคั้นกับณราไม่เลิก
"นอกจากเรื่องนั้นแล้ว ฉันพูดอะไรอีก บอกมาให้หมดนะ ฉันอยากรู้" พริ้วว่า
"ก็แค่นั้นแหละ" ณราบอก
"ไม่จริงอ่ะ"
"ผมจะโกหกคุณทำไม คุณเอาแต่พูดว่าให้ผมไปบอกคุณกรณ์ว่าตายแล้ว ตายแล้ว ก็แค่นั้นแหละ"
"แค่นั้นจริงๆ เหรอ"
"ถ้าไม่เชื่อแล้วจะถามทำไม"
พริ้วอึ้งไป
"แสดงว่าเธอต้องเกี่ยวข้องกับคุณกรณ์ …หรือว่า…หรือว่าเธอจะเป็นคนรัก?
"ไม่ต้องเดาหรอก เดี๋ยวถึงแล้วก็รู้เองนั่นแหละ"
ณราเลี้ยวรถเข้ามาจอดหน้าบ้าน พริ้วรีบวิ่งลงไปกดกริ่ง ณราส่ายหัว
"ท่าทางจะอยากรู้มากนะเนี่ย"
พริ้วรอแต่ไม่มีใครออกมา พริ้วจึงกดอีกครั้ง
"เปิดสิๆๆ ฉันมีเรื่องสำคัญจะมาบอกคุณนะ รีบออกมาสิ"
พริ้วกดออดรัวๆ ณราเห็นท่าไม่ดีจึงรีบลงมาตีมือ
"พอได้แล้วนะคุณ กดออดจนได้ยินไปถึงปากซอยแล้ว"
"ก็ฉันร้อนใจนี่"
"กดขนาดนี้แล้ว ถ้ายังไม่ออกมา แสดงว่าเขาคงไม่อยู่บ้านหรอก"
"ไม่อยู่บ้าน! โธ่เอ้ย ทำไมต้องไม่อยู่ตอนนี้ด้วยนะ มีอะไรสำคัญนักหนารึไง ถึงต้องออกไปข้างนอกเอาตอนนี้ โอ๊ยย"
พริ้วเครียดมาก
กรณ์เป็นคนขับรถให้แพรว แพรวอุ้มห่อสังฆทานไว้บนตักแล้วตีหน้าเศร้าตลอดเวลา
"แพรวฝันเห็นไทน่ะค่ะ ฝันว่าเขากำลังร้องไห้ แพรวก็เลยใจคอไม่ดี เป็นห่วงเขาเหลือเกิน ถึงได้ชวนคุณมาทำบุญแผ่อุทิศส่วยกุศลให้เขา เพราะเห็นคุณกรณ์เป็นคนเดียวที่เหลือที่รู้จักไท ต้องขอโทษด้วยนะคะที่รบกวน"
"ไม่ได้รบกวนเลยครับ ผมยินดีซะอีกที่คุณนึกถึงผม ทำใจดีๆ ไว้นะครับ ถึงวัดแล้ว"
แพรวบีบน้ำตาร่วงเผาะแต่แอบลอบยิ้มร้าย กรณ์จอดรถหน้าวัด
ณรากำลังหาเบอร์กรณ์ในไอโฟน โดยมีพริ้วเร่งเร้าอยู่ข้างๆ
"เร็วเข้าสิคุณ เจอรึยัง เร็วสิ รีบโทรหาคุณกรณ์เร็วๆ เข้า"
"เจอแล้ว" ณราบอก
"เจอแล้วก็โทรเลยสิ เร็วๆ เข้า ณรากดโทรออก"
แพรวกับกรณ์กำลังจะเข้าไปในวัด ทันใดนั้นมือถือของกรณ์ก็ดัง กรณ์หยิบมาดู
"คุณณราโทรมา"
"เอ่อ....ทำบุญให้เสร็จก่อนดีไหมคะ เรื่องงานเอาไว้ทีหลังดีกว่า แพรวใจคอไม่ดีเลยค่ะ"
"ก็ได้ครับ"
กรณ์ทำตามใจแพรวจึงกดไม่รับสาย
ณรามองโทรศัพท์ด้วยสีหน้าแปลกใจเล็กน้อย
"ไม่รับสาย" ณราบอก
"อ้าว ทำไมไม่รับ" พริ้วสงสัย
ณราชักหมั่นไส้ "ผมจะไปรู้เหรอครับคุณผู้หญิง"
พริ้วร้อนอกร้อนใจ
"ลองโทรอีกทีสิคะ"
"ผมว่าเรารอเขาโทรกลับมาดีกว่านะ เขาอาจจะยุ่งอยู่ก็ได้"
"โธ่เอ้ย! ทำไมต้องมายุ่งตอนนี้ด้วยนะ"
"ใจเย็นๆสิครับ จะใจร้อนไปไหนเนี่ย"
"ฉันไม่ได้รีบ แต่วิญญาณผู้หญิงคนนั้นเขาต้องรีบแน่ ฉันมั่นใจ"
พริ้วทำหน้าจริงจังมาก ณรามองอย่างกังวล
หลวงพ่อสวดรับสังฆทานก่อนจะหยุดแล้วบอก
"กรวดน้ำแผ่อุทิศส่วนกุศลให้ผู้ตายและเจ้ากรรมนายเวรนะโยม"
แพรวกับณรารับคำ "ค่ะ/ครับ"
พระสวดนำแผ่ส่วนกุศล
ช่อเอื้องมองไปด้านบนก็เห็นแสงเงินแสงทองวิบวับแต่ไม่ตกมาถึงตน
"คุณกรณ์ ช่อตายแล้ว ช่อถูกพวกมันฆ่าตาย แผ่บุญให้ช่อด้วย ช่อจะได้มีพลังกลับไปล้างแค้นมัน! ….คุณกรณ์ แผ่บุญให้ช่อ แผ่บุญให้ช่อด้วย"
แพรวกับกรณ์มานั่งดื่มกาแฟคุยกัน แพรวทำเป็นโล่งใจที่ได้ทำบุญให้ไท
"โล่งใจไปที ป่านนี้ไทคงได้รับส่วนบุญแล้ว"
"เมื่อคืนผมเองก็ฝันประหลาดเหมือนกัน"
"ประหลาดยังไงเหรอคะ" แพรวถาม
"ผมฝันเห็นช่อเอื้อง" กรณ์บอก
แพรวอึ้งแล้วกำแก้วแน่น
"ในฝันช่อเอื้องมีเลือดเต็มตัว ผมกังวลจริงๆ กลัวว่าเธอจะเป็นอะไร"
"อย่ากังวลไปเลยค่ะ อย่าลืมสิว่าช่อเขาไม่อยากให้คุณเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเขาอีก ตัดใจเถอะค่ะ คิดเสียว่าคนเราพบเพื่อจาก ตายเพื่อพรากนะคะ"
"คุณพูดเหมือนกับช่อเขาตายไปแล้วยังงั้นแหละ"
แพรวสะดุ้งวาบแล้วรีบปรับสีหน้าก่อนจะแก้ตัว "ตงตายอะไรกันคะ เขาก็ไปมีชีวิตของเขา อยางนี้เขาเรียกว่าจากเป็นค่ะ ไม่ใช่จากตาย"
กรณ์อึ้งไปมีโทรศัพท์เข้าอีกครั้ง
"คุณณราโทรมาอีกแล้ว คงจะมีเรื่องสำคัญ ผมขอรับสายนะครับ"
"เชิญค่ะ"
กรณ์รับสาย "สวัสดีครับ ฮัลโหล? เอ่อ" กรณ์บอกแพรว "สัญญาณไม่ดี ขอตัวแป๊บนะครับ"
"ตามสบายค่ะ"
กรณ์ลุกไปรับสายที่มุมอื่น แพรวหยิบขวดน้ำกาลีออกมายิ้มร้ายแล้วเปิดขวด
กรณ์มารับสายณรา
"ครับคุณณรา ขอโทษด้วยที่เมื่อกี้ไม่ได้รับสายนะครับ พอดีว่าผมไม่ค่อยสะดวก มีอะไรด่วนรึเปล่าครับ"
อ่านต่อหน้า 2
สาปสาง ตอนที่ 24 (ต่อ)
ณราคุยโทรศัพท์กับกรณ์
"เรื่องที่ผมจะบอกคุณมันอาจจะฟังดูเหลือเชื่อหน่อยนะครับ แต่ขอให้เชื่อใจว่าผมไม่ได้โกหก แล้วก็ไม่ได้ล้อเล่นด้วย"
"มีเรื่องอะไรเหรอครับ" กรณ์ถาม
"ที่โรงละครมีวิญญาณน่ะครับ เธอเป็นผู้หญิง" ณราบอก
กรณ์อึ้ง
"แล้วเธอก็อยากให้คุณรู้ว่าเธอเสียชีวิตแล้ว ณราบอก
"แล้วเธอบอกรึเปล่าครับว่าเธอเป็นใคร"
"ไม่ได้บอกครับ เธอบอกแค่นั้นจริงๆ"
กรณ์ใจหายวาบ
"ช่อเอื้อง…"
แพรวแอบเทน้ำกาลีใส่แก้วกาแฟของกรณ์
"เสร็จฉันแน่"
ณราวางสายแล้วหันมาบอกพริ้ว
"บอกให้เรียบร้อยแล้วนะ น้ำเสียงเขาตกใจมากทีเดียว"
"แสดงว่าต้องเป็นคนสำคัญแน่….ใครกันนะ"
กรณ์เดินหน้าตาตื่นกลับมาที่โต๊ะทำงาน
"มีอะไรเหรอคะ"
"แย่แล้วครับคุณแพรว"
"อะไรคะ"
"คือว่า….คุณณราโทรมาบอกว่าที่โรงละครของคุณแม่มีวิญญาณผู้หญิงอยู่ที่นั่นด้วย"
แพรวทำเป็นหัวเราะขำ "อะไรกันคะคุณกรณ์ นี่คุณเชื่อเรื่องพวกนี้ด้วยเหรอคะ"
"ผมโตมากับการไหว้ครูละครของคุณแม่ เรื่องเหนือธรรมชาติทำนองนี้ ผมไม่กล้าลบหลู่หรอกครับ แล้วที่สำคัญคุณณราเขาเน้นว่าเขาไม่ได้โกหกหรือว่าล้อเล่นด้วย"
"ใจเย็นๆ ค่ะ ดูสีหน้าคุณสิ หน้าซีดหมดเลย ดื่มกาแฟก่อนสิคะ"
แพรวรีบยกแก้วกาแฟส่งให้ กรณ์รับไว้แต่ยังไม่ยอมดื่ม
"แล้วคุณณราเขาไปรู้เรื่องนี้ได้ยังไงกันคะ อย่าบอกนะว่าเขาเห็น"
"เขาบอกว่าวิญญาณผีผู้หญิงที่โรงละคร เข้าสิงร่างคุณพริ้ว สั่งให้เธอมาบอกกับผมว่า เธอตายแล้ว"
แพรวยิ้มรับทั้งๆ ที่ในใจเต้นแรง
"ไปกันใหญ่แล้ว เหลวใหลชะมัด หวังว่าคุณคงไม่เชื่อเรื่องพวกนี้นะคะ"
"จำที่ผมเล่าเรื่องความฝันเมื่อคืนได้ไหมครับ เรื่องช่อเอื้อง ผมกลัวว่าวิญญาณนั่นจะเป็นเธอ"
"อย่าเอามาเกี่ยวกันสิคะ ฝันก็ส่วนฝัน ว่าแต่ว่า นี่ตกลงคุณเชื่อเรื่องผีสางจริงๆ หรอกคะ"
"ผมก็ไม่แน่ใจ แค่รู้สึกไม่สบายใจ คงเหมือนที่คุณไทมาเข้าฝันคุณแล้วคุณต้องออกมาทำบุญให้เขา มันก็คงเหมือนๆ กันไม่ใช่เหรอครับ"
กรณ์วางแก้วกาแฟลง แพรวสะอึกจนพูดไม่ออก เธอมองแก้วกาแฟด้วยความแค้นช่อเอื้องก่อนจะรีบปรับสีหน้า
"เอ่อ….มันต่างกันค่ะ ฉันกับไทเป็นเพื่อนกันมานาน มีจิตใจผูกพันกัน พอไทมาตายใส่ ฉันก็เลยไม่สบายใจ ไม่ใช่ว่าฉันเห็นผีเขามาขอส่วนบุญซะที่ไหน"
กรณ์นิ่งไป สีหน้าของเขาครุ่นคิดกับเรื่องที่ณราเพิ่งบอกจึงเป็นกังวลว่าจะเป็นช่อเอื้อง
"เอาอย่างนี้สิคะ ฉันจะลองติดต่อช่อดู ให้รู้ไปเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับช่อกันแน่ คุณจะได้สบายใจ ตกลงไหมคะ"
กรณ์อึ้งๆ แต่ยังไม่ตอบ
"แพรวยินดีจะช่วยคุณทุกอย่าง เราต้องรู้ความจริงเรื่องนี้ให้ได้ แพรวสัญญาค่ะว่าจะช่วยคุณให้ได้"
แพรวส่งแก้วกาแฟให้ กรณ์รับไป
"ดื่มสิคะ จะได้สดชื่นขึ้น เรื่องช่อไว้เป็นธุระแพรวเองค่ะ"
กรณ์กลุ้มใจแต่ก็ดื่มกาแฟจนได้ หมอกดำกระจายออกมาจากร่างเพราะน้ำกาลีออกฤทธิ์ แพรวลอบยิ้มร้าย
พ่อปู่ที่หลับตานั่งทางในอยู่เห็นภาพกรณ์ดื่มน้ำกาลีก็หัวเราะออกมาทั้งๆ ที่ยังหลับตา
"มันต้องอย่างนี้สิอีเลือดชั่ว มึงทำสำเร็จแล้ว" พ่อปู่ลืมตา "ต่อไปนี้ มันจะหมกมุ่นอยู่แต่กับมึง ไม่มีหัวจิตหัวใจจะไปคิดถึงอีผีชั่วนั่นอีกเป็นอันขาด"
อนงค์เดินเข้ามาในวัดด้วยท่าทางเงอะๆงะๆ ปู่บุญที่กวาดใบไม้อยู่เงยหน้าขึ้นถาม
"มาหาใครหรือโยม"
"เอ่อ คือ ฉันมาหาหลวงพ่อน่ะจ้ะ มีเรื่องกลุ้มใจจะมาขอให้ท่านช่วย"
"มีอะไรด่วยรึเปล่า"
"โอ๊ย ด่วนมาก ด่วนมากๆ เลยเจ้าค่ะ"
ปู่บุญหยุดมองอนงค์ที่มีท่าทางร้อนอกร้อนใจมาก
ปู่บุญส่งขวดน้ำมนต์ให้
"เอานี้ น้ำมนต์ที่โยมอยากได้ ปลุกเสกไว้แล้วเรียบร้อยแล้ว"
"ขลังค์แน่นะจ้ะ" อนงค์ถามย้ำ
"น้ำมนต์ก็คือน้ำทิพย์ ทำขึ้นด้วยจิตที่สะอาดบริสุทธิ์ แต่จะหาพลังหาฤทธิ์เหมือนทางคุณไสยน่ะคงจะไม่ได้หรอกนะคุณ ตกลงโยมจะเอาหรือไม่เอา"
"เอาสิจ้ะเอาๆๆ" อนงค์รีบกอดขวดไว้แน่น "งั้นฉันลาก่อนนะคะ ขอบพระคุณมากค่ะหลวงพ่อ"
อนงค์รีบร้อนเดินออกไป ปู่บุญมองตามไปแล้วส่ายหน้า
"ร้อนไปทั้งกายทั้งใจแบบนี้ ดื่มกินน้ำมนต์เสียบ้าง อาจจะเย็นลงได้"
ณรายืนมองหน้าพริ้วที่ยังคงหน้านิ่วคิ้วขมวดแล้วถอนใจเฮือกใหญ่
"ผมก็บอกให้คุณกรณ์เขารับรู้เรื่องนี้แล้ว ยังไม่พอใจคุณอีกเหรอ"
"แต่ว่าฉัน…"
ณราแทรกขึ้นก่อนที่พริ้วจะพูดจบ
"รู้สึกจะห่วงนายกรณ์นี่เหลือเกินนะ"
"อย่ามาชวนฉันทะเลาะดีกว่า นี่มันเรื่องความเป็นความตาย จะไม่ให้ฉันห่วงได้ยังไง" พริ้วค้อน "ฉันไม่ได้ใจดำเหมือนคุณนี่"
"อ้าว โดนด่าอีกจนได้"
พริ้วลุกขึ้นยืน
"คุณจะไปไหน"
"ไปโรงละคร แล้วคุณก็ต้องไปกับฉันด้วย"
พริ้วเข้าไปดึงแขนณรา
"นี่ ผมเป็นเจ้านายคุณนะ มีสิทธิ์อะไรมาสั่งผม"
พริ้วไม่ฟัง เธอลากตัวณราออกไป
"เดี๋ยวสิคุณ คุณทำอย่างนี้กับผมไม่ได้นะ"
พริ้วลากณราออกไปจนได้
แพรวขับรถเหลือบตามองกรณ์ที่นั่งอยู่ข้างๆ กรณ์หลับตาและมีท่าทางไม่สบายเนื้อสบายตัว
"เป็นอะไรรึเปล่าคะคุณกรณ์"
"ผมก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน มันแปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้"
"ไม่สบายรึเปล่าคะ ปวดหัวไหมคะ"
"ไม่ใช่ครับ…มัน" กรณ์พยายามสะบัดหัวไล่ความมึน "มันตื้อๆ มึนๆ ยังไงก็ไม่ทราบ"
"ไปหาหมอไหมคะ" แพรวถาม
"ไม่เป็นไรครับ เอ่อ เรื่องไปโรงละคร ผมว่าคงเอาไว้ก่อนดีกว่า ถ้าไม่เป็นการรบกวน ช่วยไปส่งผมที่บ้านหน่อยนะครับ"
แพรวแอบดีใจแต่ทำเป็นตีหน้าซื่อถาม
"อ้าว ก็ไหนคุณบอกว่าอยากไปโรงละครมาก อาการคุณคงแย่มากสินะคะ ถึงเปลี่ยนใจกระทันหันแบบนี้"
กรณ์อึ้งและเงียบไป ภายในหัวของเขาสับสนวุ่นวายไปหมดเพราะหาคำตอบไม่ได้
"บอกแพรวได้ไหมคะว่าทำไมคุณถึงเปลี่ยนใจ"
"ผมเองก็ไม่ทราบ…คงเป็นเพราะรู้สึกไม่ค่อยดีมั้งครับ"
กรณ์ตัดบทด้วยการหลับตาลง แพรวลอบยิ้มอย่างสาสมใจ
พริ้วมองหยกที่คอแล้วครุ่นคิดชั่งใจว่าจะถอดออกดีหรือไม่ ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจถอด ณราที่ขับรถอยู่เหลือบตามอง
"คุณทำอะไรน่ะ ถอดหยกคุ้มกันออกทำไม ใส่กลับคืนไปเดี๋ยวนี้นะ"
"ไม่"
"ทำไมคุณดื้อแบบนี้ หยกนั่นพ่อคุณมอบให้คุณไว้เพื่อคุ้มกันภัย คุณจะมาถอดเข้าถอดออก ตามใจชอบไม่ได้นะ"
"แต่ฉันจำเป็นต้องทำแบบนี้"
"เพื่อ?”
"ถ้าวิญญานนั่นสื่อสารผ่านร่างฉันได้ ฉันก็จะยอมให้เธอเข้าสิง ให้เธอใช้ร่างฉันบอกทุกสิ่งที่เธอต้องการ ทุกสิ่งที่ฉุดรั้งเธอไว้ให้อยู่ที่นั่น ไม่ยอมไปผุดไปเกิด"
"แต่คุณก็รู้ว่าการเข้าสิงมันไม่ดีต่อตัวคุณ คุณหมดสติที่เธอใช้ร่างคุณ สวมหยกนั่นซะ ไม่อย่างนั้น ผมจะไม่พาคุณไปที่นั่นอีกเป็นอันขาด"
พริ้วอึ้งๆ ไปกับน้ำเสียงจริงจังของณรา ณราเห็นพริ้วไม่ยอมทำตามก็เตรียมจะเลี้ยวรถกลับ
"โอเคๆ ฉันจะสวมมันเดี๋ยวนี้แหละ"
พริ้วสวมหยกกลับเข้าไปตามเดิม ณราเหลือบตามองด้วยสีหน้าดุและขึงขังจริงจัง
"เพิ่งรู้นะว่าคุณห่วงฉันขนาดนี้"
พริ้วลอบยิ้มนิดๆ เพราะลึกๆ แล้วรู้สึกอบอุ่นใจ
อ่านต่อหน้า 3
สาปสาง ตอนที่ 24 (ต่อ)
แพรวจอดรถหน้าบ้าน กรณ์มีท่าทีนิ่งคิดโดยยังไม่ยอมลงจากรถ แพรวลอบยิ้ม
"อย่าบอกนะคะว่าคุณเปลี่ยนใจ ไม่อยากกลับบ้านแล้ว"
กรณ์หันมามองหน้าแพรว หมอกดำจางๆ แผ่ออกจากศรีษะกรณ์ กรณ์จ้องหน้าแพรวนิ่งด้วยความไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อแพรว
"มีอะไรรึเปล่าคะ" แพรวถาม
"ขอบคุณนะครับ"
กรณ์ตัดใจหยุดความมึนในหัวแล้วพูดออกไปก่อนจะลงจากรถไป
"แน่ใจนะคะว่าไม่มีอะไรจริงๆ" แพรวถามย้ำ
"ครับ ขับรถกลับดีๆ นะครับ"
กรณ์ยิ้มให้ก่อนเปิดรั้วแล้วเข้าบ้านไป แพรวมองตามไปด้วยรอยยิ้มร้าย
"เริ่มออกฤทธิ์แล้วใช่ไหม…น้ำกายกาลี"
กรณ์เปิดประตูเข้ามาด้านในของบ้านด้วยความรู้สึกมึนๆ ในหัวและใจเต้นแรง
"นี่มันอะไรกัน มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่"
กรณ์เดินไปนั่งที่โซฟาแล้วคลึงขมับตัวเองไปมาเพื่อขับไล่อาการประหลาดในหัว หมอกดำแผ่ออกมาจากศีรษะของเขามากขึ้นเรื่อยๆ
ในหัวกรณ์ เต็มไปด้วยภาพแพรว
"นี่มันอะไรกัน เกิดบ้าอะไรขึ้นกันแน่"
อนงค์อุ้มขันน้ำมนต์แล้วพรมไปรอบๆ บริเวณบ้าน
"เจ้าประคู้ณ ขอน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ช่วยปกป้องคุ้มครอง และขับไล่พวกผีร้ายออกไปให้พ้นๆ ด้วยเถิดด ขออย่าให้มันเข้ามาได้อีกเล้ยย สาธุ"
อนงค์ยกขันน้ำมนต์ขึ้นจรดท่วมหัว แพรวขับรถกลับมาถึงก็เดินลงจากรถด้วยสีหน้ามีความสุขมาก
"ผีมาหลอกถึงบ้าน ยังจะมีหน้ามายิ้มอีก มานี่ๆ" อนงค์กวักมือเรียก
"อะไรอีกล่ะแม่" แพรวถาม
"แม่ไปขอน้ำมนต์หลวงพ่อที่วัดมา มารดน้ำมนต์ซะหน่อย ผีมันจะได้เข้าใกล้ ไม่ได้"
"โอ๊ย ยังไม่จบอีกเหรอเรื่องผีบ้าอะไรของแม่เนี่ย พอเลยนะ ไม่ต้องไปกลัวมัน มันทำอะไรเราไม่ได้หรอก"
"นี่ แก แกพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง แกรู้จักผีตัวนั้นเหรอ?”
"ไร้สาระน่ะแม่ ฮึ่ย คนกำลังอารมณ์ดีๆ ดันมากวนให้ขุ่นซะได้"
แพรวเดินฟ่อดแฟ่ดเข้าบ้านไป
"เดี๋ยวสิแพรว กลับมาพูดกันให้รู้เรื่องก่อน กลับมารดน้ำมนต์ก็ยังดี"
อนงค์ไล่ตามเอาน้ำมนต์พรมใส่ตามหลังแพรว แพรวดึงประตูปิดโครม!!
"ว้าย!!” อนงค์เสียหลักล้มจนขันน้ำมนต์หลุดจากมือ
"หกหมดแล้วๆ นี่มันลางหายนะชัดๆ"
อนงค์ยกมือขึ้นพนมแล้วหลับตาสวดมนต์งึมงำๆ ชนิดฟังไม่ได้ศัพท์
แพรวเดินเข้ามาแล้วดึงประตูปิดตามหลังด้วยหน้าตาขุ่นๆ ก่อนจะเดินไปที่กระจก สีหน้าของเธอค่อยดีขึ้น แพรวจับเผ้าจับผมให้สวย
"เสร็จฉันแน่คุณกรณ์….คราวนี้จะไม่มีใครแย่งคุณไปจากฉันได้อีกแน่ ไม่ว่าจะคน หรือผี"
ณราตามประกบพริ้วเข้ามาในบริเวณโรงละคร พริ้วหยุดเดินกระทันหัน ณรากระแทกเข้ากับร่างพริ้วจนพริ้วหัวคะมำ
"โอ๊ยย คุณนี่ ฉันเจ็บนะ เดินประสาอะไร"
"ก็คุณอยากหยุดกระทันหันทำไมล่ะ แล้วเจ็บมากรึเปล่า"
"ไม่ต้องมายุ่งเลย แล้วก็ไม่ต้องมาตามประกบฉันขนาดนี้ด้วย ฉันไม่ใช่เด็กๆ นะ"
"ก็ผมห่วงว่าคุณจะทำเรื่องอะไรเข้าอีกน่ะสิ" ณราบอก
"ถ้าฉันจะทำ ก็แสดงว่าเรื่องนั้น มันเป็นเรื่องสำคัญ เป็นเรื่องที่ต้องทำ"
พริ้วหมุนตัวแล้วเดินเลี้ยวลับมุมไป
พริ้วเดินเข้ามาเผชิญหน้ากับวิญญาณช่อเอื้อง พริ้วไม่เห็นช่อเอื้องจึงได้แต่มองไปรอบๆ แล้วพูด
"คุณ คุณคะ"
"ครับ"
พริ้วถอนใจแล้วหันไปมองหน้าณราที่เดินตามมาทันพอดี
"ฉันไม่ได้เรียกคุณ"
"อ้าว แล้วคุณเรียกใคร? อย่าบอกนะว่า…"
"ใช่ ฉันเรียกวิญญาณผู้หญิงคนนั้น"
"แล้วคุณไปเรียกเธอมาทำไม"
"ฉันอยากรู้ว่าเธอเป็นใคร เกี่ยวข้องอะไรกับคุณกรณ์"
"นายกรณ์อีกแล้ว หายใจเข้า หายใจออกเป็นกรณ์ นี่คุณอย่าบอกนะว่าคุณหึงหวงผี"
"จะบ้าเหรอ พูดอะไรบ้าๆ ปากพล่อยจริงๆ เลยคุณนี่"
"ถ้าไม่จริงผมก็จะดีใจ"
พริ้วพึมพำ "คนบ้า" พริ้วหันไปทางอื่น "คุณคะ ถ้าคุณอยู่แถวนี้ ช่วยออกมาด้วยเถอะนะคะ ฉันมาเพื่อช่วยเหลือคุณ มีอะไรให้ฉันช่วยได้ก็เข้าสิงร่างฉันแล้วบอกเรื่องที่คุณอยากให้เราช่วยกับผู้ชายคนนี้" พริ้วชี้ไปที่ณรา
"เฮ้ย.. พริ้ว เธอรู้ใช่ไหมว่าทำแบบนี้มันจะไม่ดีกับตัวเธอเอง"
พริ้วไม่ตอบอะไร เธอก้มหน้ามองหยกคุ้มกัน พอช่อเอื้องไม่ได้คิดจะทำร้ายพริ้วก็ทำให้ช่อเอื้องสามารถเข้าสิงได้แม้พริ้วจะมีหยก
"หยกไม่เปลี่ยนสี ไม่ร้อน แสดงว่าเธอไม่ใช่พลังด้านมืด เธอไม่ได้มาร้ายไม่เชื่อก็ดูสิคะ" พริ้วโชว์หยกที่คอให้ณราดู
"จริงด้วย…"
พริ้วหันไปเรียกผีอีกที "คุณคะ คุณเองก็มาดี ฉันเองก็ปรารถนาดี เราต่างฝ่ายต่างก็ไม่ได้คิดร้ายต่อกัน มีอะไรที่พวกเราจะช่วยได้ก็บอกมาเลยค่ะ ฉันพร้อมแล้ว พริ้วหลับตาลง"
"พริ้ว แต่ว่า" ณราจับไหล่พริ้วให้หันมา
ณราถึงกับผงะไปเพราะพริ้วที่หันมามีน้ำตาอาบแก้มและมีสีหน้าเศร้าโศกมาก ณราผงะออก แล้วปล่อยมือจากพริ้ว ร่างของพริ้วสั่นนิดๆ และร้องไห้ไม่หยุด
"คุณไม่ใช่พริ้ว"
พ่อปู่ลืมตาผ่าง
"อีผีชั่ว คิดจะใช้ตัวตายตัวแทนเหรอมึง!”
ช่อเอื้องในร่างพริ้วบอกกับณรา
"ฉันชื่อช่อเอื้อง"
"ช่อเอื้อง… แล้วคุณเป็นใคร ต้องการให้พวกเราช่วยอะไร"
"ฉันเป็นคนรักของคุณกรณ์"
"แล้วเกิดอะไรขึ้นกับคุณครับ ทำไมคุณถึงตาย แล้วทำไมคุณกรณ์เขาถึงไม่รู้เรื่องนี้"
คำถามของณราสะกิดความแค้นของช่อเอื้อง พลังแห่งแรงแค้นส่งผลให้พริ้วกระอักเลือดออกมา
"พริ้ว!”
ร่างของพริ้วทรุดลงไป ณรารีบเข้าไปช้อนรับไว้ วิญญาณช่อเอื้องออกจากร่างพริ้ว
"ฉันชอโทษ ฉันไม่ได้อยากทำร้ายเธอ ฉันขอโทษ" ช่อเอื้องบอก
"พริ้ว คุณเป็นยังไงบ้าง พริ้ว….ท่าจะไม่ดีแล้ว ทำใจดีๆ ไว้นะครับ"
ณราช้อนร่างพริ้วแล้วอุ้มออกไป
"ฉันขอโทษ ได้โปรดช่วยฉันด้วย"
ช่อเอื้องทรุดลงไปร้องไห้อยู่ที่พื้น
"คุณกรณ์ ช่อรักคุณเหลือเกิน"
อ่านต่อหน้า 4
สาปสาง ตอนที่ 24 (ต่อ)
ณราอุ้มพริ้วกลับมาที่รถ เขาเปิดประตูแล้วจับร่างพริ้ววางลงก่อนจะปิดประตูแล้วเดินอ้อมไปฝั่งคนขับ
ทันใดนั้น รถคันหนึ่งก็พุ่งเข้ามา เสียงเบรคเอี๊ยดดังลั่นแต่ไม่ทัน รถพุ่งชนร่างณราอย่างแรง ในรถคันนั้นลูกพี่หันไปตบหัวลูกน้องที่เป็นคนขับรถ
"เฮ้ย มึงขับรถประสาอะไร วะ ชนคนตายแล้วมึงเห็นไหม"
"กูไม่รู้ อยู่ๆ ก็ก็หน้ามืดวืบไปเลย"
"ไอ้เลว มึงเล่นยามากล่ะสิท่า"
"แล้วเอาไงวะ ตายเปล่าวะ"
"ฮึ่ย ตายไม่ตายช่างหัวมัน รีบเผ่นก่อนจะมีคนมาเห็นเถอะ ไปเร็วเข้า"
"แล้วจะทิ้งมันไว้อย่างนี้เหรอ"
"หรือมึงอยากติดคุก ถ้ามึงอยากก็ลงไปช่วยมันเลย ไป"
ลูกพี่จะยกเท้าถีบ คนขับอึกอักๆ ก่อนตัดสินใจขับรถหนีไปทันที ณราค่อยๆ หมดสติและสลบไป อีกาดำบินมาเกาะบริเวณนั้น
พ่อปู่แสยะยิ้มอย่างสาแก่ใจ
"อยากสู่รู้ดีนัก มึงเลยต้องเจอดี"
วิญญาณช่อมาปรากฏที่ร่างของณรา
"คุณต้องไม่ตาย ฉันจะช่วยคุณเอง"
วิญญาณช่อเอื้องลุกขึ้นไปที่ร่างพริ้ว
"ฉันขอโทษ แต่ฉันจำเป็นต้องทำจริงๆ"
วิญญาณช่อเอื้องเข้าสิงร่างพริ้ว ทำให้พริ้วค่อยๆ ลืมตาขึ้น มอเตอร์ไซด์คันหนึ่งแล่นเข้ามา พริ้วรีบวิ่งไปขวางไว้
คนขี่มอเตอร์ไซต์ตกใจ "เฮ้ยย"
"ช่วย ช่วยด้วย"
พริ้วกระอักเลือด ช่อเอื้องรีบออกจากร่างทำให้พริ้วทรุดฮวบลง
"อ้าว เฮ้ย คุณเป็นอะไร"
คนขี่มอเตอร์ไซต์มองไปที่รถก็เห็นร่างณรา
"เฮ้ยย เกิดไรขึ้นวะ!”
กรณ์นอนไม่หลับเพราะในหัวมีแต่ภาพแพรวเข้ามาไม่หยุด
"โอ๊ย นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย ทำไมถึงคิดถึงแต่คุณแพรว เป็นบ้าไปแล้วรึไง"
มือถือของเขาดัง กรณ์รับสาย
"สวัสดีครับ" กรณ์ฟัง "อะไรนะครับ! แล้วตอนนี้เป็นยังไงบ้าง อยู่โรงพยาบาลไหนครับ"
เฟยรีบร้อนเข้ามาถึงหน้าห้องฉุกเฉิน กรณ์ที่รออยู่แล้วรีบเข้ามาหา
"คุณใช่ไหมที่โทรไปหาผม"
"ครับ ผมเอง ผมกรณ์ครับผมขอโทษนะครับที่ต้องละลาบละล้วงค้นหาเบอร์คุณจากโทรศัพท์ของคุณพริ้ว"
"ไม่เป็นไร แล้วอาพริ้วเป็นยังไงบ้าง"
"คุณพริ้วเธอปลอดภัยครับ ตอนนี้อยู่ที่ห้องพักฟื้น ส่วนคุณณรา เจ้านายของเธอ ยังไม่ฟื้นเลยครับ"
"อ๊ายหยา… อั๊วเตือนแล้วเตือนอีกว่าอย่าไปที่โรงละครนั่น อย่าไปๆๆ ก็ไม่มีใครเชื่อ"
พยาบาลเข้ามาบอก
"คนไข้ฟื้นแล้วนะคะ เยี่ยมได้แล้วค่ะ"
กรณ์บอกกับเฟย "ผมว่าคุณไปเยี่ยมคุณพริ้วก่อนดีไหมครับ ทางนี้ผมจะดูแลเอง"
"ได้ๆ"
เฟยเดินออกไป กรณ์มองตามไปโดยนึกติดใจในคำพูดของเฟย
"ทำไมต้องห้ามไปที่โรงละครด้วยนะ"
เฟยเปิดประตูเข้ามาเจอพริ้วนั่งเอนหลังอยู่บนเตียง
"ป๊า"
"อาพริ้ว"
สองพ่อลูกสวมกอดกัน
"อั๊วเตือนลื้อแล้วว่าอย่าไปที่นั่น อย่าไปยุ่งกับที่นั่น ทำไมลื้อไม่เชื่ออั๊ว ทำไม"
"หนูขอโทษ หนูแค่อยากช่วยเขา วิญญาณผู้หญิงคนนั้น เขาต้องการหนู หนูเป็นสื่อให้เขาได้"
"ช่วยเค้าแล้วตัวเองต้องมาเป็นแบบนี้น่ะเหรอ อั๊วบอกแล้วไงว่ากรรมใครก็กรรมมัน อย่าเข้าไปยุ่งในบ่วงกรรมของใคร"
"แต่เขาเป็นวิญญาณที่ดีนะป๊า"
"ลื้อรู้ได้ยังไง"
"ก็หยกคุ้มกันที่ป๊าให้หนูไง เวลาที่เขามาใกล้ หยกไม่ร้อน ไม่เปลี่ยนสี เป็นปกติดีทุกอย่าง หยกไม่ได้เตือนภัย ไม่ต้องคุ้มกันหนู หนูก็เลยรู้ว่าเขาเป็นวิญญาณที่ดี เป็นผีที่น่าสงสาร หนูรู้สึกได้ หนูอยากช่วยเขานะป๊า"
"ยังไง ไอ้ที่ว่าช่วยน่ะ ลื้อจะช่วยเขายังไง"
"หนูก็ให้เขาสิงร่างหนู ใช้ร่างหนูบอกว่าเขาต้องการให้เราช่วยอะไรยังไงล่ะป๊า"
"บอกกับเจ้านายลื้องั้นน่ะเหรอ"
"ใช่ เพราะหนูจะไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น แต่วิญญาณนั่นจะใช้ร่างหนู บอกทุกสิ่งกับคุณณรา แล้วเราจะช่วยกันช่วยเขาไงล่ะป๊า"
"แล้วลื้อรู้ไหมว่าตอนนี้คุณณราเจ้านายลื้อเขาเป็นยังไง"
"ป๊าพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง ทำไม มันเกิดอะไรขึ้นเหรอจ้ะป๊า"
พริ้ววิ่งนำหน้าเฟยมา
"อาพริ้ว อาพริ้ว "
กรณ์รีบรับหน้าไว้ก่อน
"คุณกรณ์ บอกฉันสิคะว่าคุณณราปลอดภัย เขาจะไม่เป็นอะไร เขาจะปลอดภัย บอกฉันสิคะ"
"ใจเย็นๆ ครับคุณพริ้ว คุณณราอยู่ในมือหมอที่ดีที่สุดแล้ว ไม่มีอะไรต้องกังวลนะครับ"
พริ้วโผจะผลักประตูเข้าไปแต่กรณ์รีบคว้าตัวไว้
"อย่าครับ ทำอย่างนั้นไม่ได้นะครับ"
พริ้วร้องไห้โฮแล้วโผเข้าหากรณ์ กรณ์ปลอบโดยลูบหัวลูบหลัง
"เพราะฉันแท้ๆ เลย ฉันทำให้เขาต้องเป็นแบบนี้" พริ้วร้องไห้
"อย่าโทษตัวเองอย่างนั้นสิครับ มันไม่ใช่ความผิดของคุณ" กรณ์ปลอบ
"แต่ฉันเป็นคนพาเขาไปที่นั่น ฉันบังคับให้เขาไปที่นั่น"
"มันเป็นอุบัติเหตุ ไม่ใช่ความผิดของคุณ ทำใจดี ๆ ไว้ครับ"
พริ้วค่อยๆ สงบลง
"ชะตาคุณณรายังไม่ถึงฆาต ลื้อไม่ต้องกลัวหรอกอาพริ้ว อียังไม่ตายง่ายๆ หรอก"
"แน่นะป๊า"
"เชื่อฝีมือซินแสคนนี้สิ อั๊วตรวจดูดวงชะตาให้แล้ว ยังไงก็รอด"
พริ้วถอนหายใจด้วยความโล่งใจก่อนจะทรุดตัวลงนั่งแล้วพึมพำกับตัวเอง
"ฉันจะรอคุณฟื้นนะ ฉันจะรอคุณอยู่ตรงนี้….ฉันจะรอ….”
พ่อปู่จ้องมองไปที่เปลวของเทียนดำ ในเปลวไฟนั้นเห็นภาพของพริ้วและณราที่อยู่ในเครื่องช่วยหายใจ
"มึงจะไม่มีวันฟื้น มึงจะไม่มีวันได้เผยความลับทายาทแห่งกู"
อ่านต่อตอนที่ 25