คือหัตถาครองพิภพ ตอนที่ 24
ในห้องหนังสือของบ้านเจ้าคุณวันใหม่...ศีลนั่งตรงหน้า คุณหญิงสะบันงา และคุณหญิงศรี
“ขอรับ สมัยนี้มีลูกผู้ลากมากดี ที่กลับมาจากเมืองนอกไปร้องเพลง ไปแสดงภาพยนตร์กันก็มีหลายรายขอรับ”
“ถ้าเป็นผู้หญิงสาวๆ จะไม่โดนลวนลามเอาหรอกหรือ ในห้องอาหารน่าจะมีพวกคนเมาเพราะดื่มเข้าไป” คุณหญิงศรีถามอย่างเป็นห่วง
“นั่นสินะ ถ้าหากว่า คุณพราวเจอเช่นนั้น เธอคงตกใจมาก” คุณหญิงสะบันงาเห็นด้วย
“ร้านอาหารในโรงแรมของผม คนที่เข้าไปรับประทาน ยังไม่เคยมีใครเมาอาละวาดเลยขอรับ แต่ถ้ามีขึ้นมา เราจะให้พนักงานของร้านนำตัวออกไปจากร้านทันทีขอรับ”
สองคนมองหน้ากัน คุณหญิงศรีพยักหน้า คุณหญิงสะบันงามองหน้าศีล
“ถ้าคุณพราวเธอยินดีและพอใจจะไปร้องเพลงที่ร้านอาหารของศีล นายแม่จะอนุญาต”
“มีข้อแม้ว่า ศีลจะต้องปกป้องดูแลเธอให้ดีราวกับไข่ในหิน รับปากได้ไหม”
“ขอรับ คุณท่าน นายแม่”
คุณหญิงศรีพยักหน้า
“เช่นนั้นก็ตกลง ที่อนุญาตนี่ไม่ใช่เพราะอยากให้เธอไปเป็นนักร้องไปเต้นกินรำกิน แต่ อยากให้เธอได้ทำในสิ่งที่เธอพอใจ และมีความสุขสดชื่น สมวัยของเธอ”
“ขอรับ กระผมกราบขอบพระคุณมากขอรับ”
“นายแม่จะถามความสมัครใจของคุณพราวอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ”
“ขอรับ” ศีลยิ้มอย่างยินดี
ในห้องเปียโน...พราวพิลาสมองหน้าคุณหญิงสะบันงาที่มาถาม แล้วตอบรับ
“ค่ะ นายแม่ พราวอยากไปร้องเพลง เล่นดนตรีค่ะ ไม่ใช่เพราะพราวอยากมีชื่อเสียง แต่พราวอยากทำอะไรที่พราวมีความสุข”
“รับปากแม่ ว่าจะดูแลตัวเอง เพราะในกระบวนลูกทั้งหมด คุณพราวน่าห่วงที่สุด คุณพราวสู้รบปรบมือใครไปไม่เป็น คุณพริ้มแม้ไม่สู้รบกับใคร แต่เธอตั้งรับเป็น ส่วนคุณแพรวนั่นเธอปะทะก่อนเสมอ”
“พราวไปร้องเพลง พราวคงไม่ต้องไปสู้รบกับใครหรอกค่ะ นายแม่”
“ถ้าเช่นนั้นแม่ก็ยินดีให้ลูกไปทำในสิ่งที่ลูกพอใจและมีความสุข”
“ขอบคุณมากค่ะ นายแม่”
“อะไรที่เป็นความสุขของลูก ก็คือความสุขของแม่”
คุณหญิงสะบันงากอดลูกไว้
ค่ำวันใหม่...รถคันสวย แล่นมาจอดที่ลานจอดรถส่งคนเข้าลอบบี้ พราวพิลาสแต่งตัวสวย นั่งมากับเมี้ยนด้านหลัง พราวพิลาสจับมือเมี้ยนไว้แน่น
“ไหนว่าไม่กลัวคะ มือเย็นเฉียบทีเดียว”
“กังวลค่ะ กังวลว่าจะทำได้ไม่ดีค่ะ”
“วันก่อนที่ไปแสดง คุณศีลเธอบอกว่าทำดีมาก จนเสด็จท่านตรัสชม”
“นั่นงานวงใน พราวทำพลาดไปก็ได้รับการอภัยนะคะ แต่นี่ ต้องมีแขกในร้านอาหารมาตั้งใจฟัง พราวเลยชักหวั่นใจค่ะ”
“เอาหัวใจใส่ลงไปในสิ่งที่กำลังทำ แล้วลืมทุกอย่างรอบตัว ทุกอย่างมันจะดีเองแหละค่ะ คิดเสียว่ากำลังอยู่กับมิสแมรี่เพียงลำพัง”
“ขอบคุณมากค่ะที่แนะนำพราว”
“นั่นค่ะ คุณศีลมารอรับแล้วค่ะ เที่ยงคืนป้าเมี้ยนจะมารับนะคะ”
“ค่ะ”
ศีลเดินมาที่รถ พนักงานเปิดประตูรถพราวพิลาสลงมาจากรถ
“เชิญครับ คุณพราว”
ศีลยิ้มอย่างยินดี เมี้ยนหันมากำชับ
“คุณหญิงท่านบอกมาว่าฝากดูแลให้ด้วยนะคะ”
“ขอรับ”
ศีลผายมือให้พราวพิลาส สองคนเดินเคียงกันไป เมี้ยนมองตามถอนใจ
“น่าเสียดาย คุณศีลไม่น่าพลาดท่าเสียทียัยคุณหน้ามะเหงกนั่นเลย เฮ้อ”
นายบุญขับรถเคลื่อนออกไปจากที่นั่น
ในห้องอาหาร...ศีลพาเมขลาไปที่เปียโน
“ขอบคุณมากที่สุด ที่ให้เกียรติและไว้ใจมาร้องเพลงเล่นเปียโนให้ที่นี่”
“คุณศีลเคยบอกพราวนี่คะ ว่าพราวทำได้ พราวก็อยากจะลองทำแต่ตอนนี้พราวประหม่ามากค่ะ”
มือพราวพิลาสสั่นๆ ศีลมองไปทำท่าจะไปจับ ธรรม์เข้าประตูมา มองทั้งคู่ ศีลชะงัก พราวพิลาสไม่เห็นธรรม์
“ครับ ทำให้ดีที่สุดครับ ผมเป็นกำลังใจให้นะครับ”
ศีลลงไป พราวพิลาสนั่งตั้งสติ เสียงเมี้ยนในหัวบอกว่าคิดเสียว่าอยู่ลำพังกับมิสแมรี่ พราวพิลาสหลับตานิดหนึ่ง แล้วเริ่มกดคีย์...ผู้คนมากินอาหาร มีเสียงเปียโนดังขึ้น ศีลกับเพื่อน มองไปที่พราวพิลาสเพื่อนยกนิ้วให้ศีล
“นายเก่งมาก ที่สามารถทำให้เธอผู้สูงส่งมาทำงานกับเราได้”
“สำหรับเธอคงไม่ใช่งาน แต่เป็นความสุขความพอใจที่ได้ทำในสิ่งเธอที่รัก”
“ลูกผู้ดีมีเงิน ไม่สนใจทำธุรกิจ สนใจทำแต่ในสิ่งที่ตนเองพอใจแล้วเมื่อไหร่สมบัติจะงอกเงย”
“สมบัติของพวกเธองอกเงยขึ้นทุกวันอยู่แล้ว เพราะท่านเจ้าพระยาพ่อของเธอจัดการไว้หมดแล้ว”
“เฮ้อ เกิดมามีบุญ สวยรวย เก่ง ดูสิ แขกเริ่มหันไปมองเธอแล้ว”
สองคนมองเห็นแขกกำลังมองไปที่พราวพิลาส ด้วยสายตาพึงพอใจมาก พราวพิลาสเล่นเปียโนร้องเพลงอย่างดื่มด่ำ เธอร้องจนจบเสียงปรบมือกราวใหญ่ดังมากและดังนาน จิรศักดิ์ เสี่ยร้านทอง นั่งอยู่ลำพังเงียบๆ พึมพำกับตัวเอง
“น่ารักที่สุด จนอยากจะรักให้ได้สักครั้ง หรือตลอดไป”
เพื่อนหันมาบอกศีล
“แขกชอบเธอมาก ทีนี้แหละจะเล่าลือกันไป และจะแห่กันมาฟังเธอ สังคมเขาเห่อผู้ดีมีเงินกันจะตายไป”
ศีลยิ้มชื่นชมพราวพิลาสจนลืมฟังเพื่อน เขาพึมพำเบาๆ
“คุณพราว ทำสำเร็จแล้ว”
“นายไม่ได้ฟังฉัน นายตาลอยใจลอยไปหาเมียที่เมืองนอกหรือ”
“เอ้อ เอ้อ นายว่าอะไร” ศีลชะงักอึกอัก
ธรรม์เดินตรงมาหาศีลยื่นมือให้
“ยินดีด้วยครับ คุณศีล ที่สามารถพาคุณพราวมาร้องเพลงเล่นเปียโนที่นี่”
“ขอบคุณครับ คุณธรรม์”
“ถ้าผมอยากจะมาสีไวโอลินบ้าง เป็นบางครั้ง เล่นฟรีไม่ต้องการเงินแต่ แบบสบายๆ”
“ยินดีครับ”
“ขอบคุณมาก ถ้าผมจะขอเล่นคืนนี้เลย”
“ด้วยความยินดีครับ” ศีลยิ้ม
เพื่อนกระซิบศีล
“ผู้ดีมักคู่กับผู้ดี มีลูกมีหลานจะได้เป็นผู้ดี”
ธรรม์สีหน้ายังหม่นหมองมองไปที่พราวพิลาส
ในมหาวิทยาลัยที่อเมริกา...เมขลานั่งอ่านตำราไปใจคิดไปถึงเมืองไทย
“ศีลคุณทำอะไรอยู่ พราวพิลาศเธอทำอะไรอยู่”
เมขลานึกถึงตอนที่บอกศีลว่าจะไปนอก และศีลบอกว่าถ้าไปให้หย่า เมขลารับปากว่ากลับมาจะหย่าให้
“หย่าหรือ ฉันก็แค่หลอกให้คุณตายใจ พราวพิลาส อย่าหวังว่าฉันจะปล่อยให้คุณศีลหลุดมือไปถึงแกได้ นางโง่ ฉันจะกลับไปให้เร็วที่สุด ฉันจะจบให้เร็วที่สุด” เมขลายิ้มร้ายกาจ “แมวไม่อยู่หนูร่าเริง คุณคงหาโอกาสไปพบนังนั่นแทบทุกวันเวลา นังพราวพิลาสแกอยากปีนต้นงิ้วให้มันรู้ไป แล้วแกจะได้ลิ้มรสหนามงิ้วว่ามันเจ็บปวดเพียงใด”
เมขลายังหาทางจัดการพราวพิลาสไม่เลิก
พราวพิลาสร้องเพลงจบเพลง จะเดินลงไปพัก ท่ามกลางเสียงปรบมือ ธรรม์เดินมาหา
“พี่ธรรม์”
“เจ้าของร้านเขาอนุญาตให้พี่เล่นไวโอลินที่นี่ได้”
พราวพิลาสจะเดินไป
“คุณพราวจะไปไหน”
“พราวได้เวลาพักแล้วค่ะ”
“เล่นเปียโนให้พี่ ก่อน พลีส”
“เอ้อ” พราวพิลาสชะงัก
“เดี๋ยวนี่คุณพราวไม่เต็มใจเล่นดนตรีกับพี่ เพราะมีใครสั่งหรือเปล่าครับ”
“ไม่มีค่ะ แต่เป็นช่วงจบเบรกแรกของพราวค่ะ”
จิรศักดิ์ เดินมาหาพราวพิลาสพร้อมด้วยเงินปึกหนึ่ง
“คุณนักร้องนักดนตรีคนสวยครับ คุณถูกใจผมมาก นี่รางวัลครับ”
จิรศักดิ์จะเอาเงินมายัดใส่มือมาจับมือ พราวพิลาสงงหดมือหนีหลบ ส่ายหน้าไม่ยอมรับ
“รางวัลอะไรกันคะ”
“รางวัลที่ผมพอใจตัวคุณ เอ้อ...”
“ว่าอะไรนะคะ” พราวพิลาสเริ่มตกใจ
“ผมหมายถึงการร้องเพลงและเล่นเปียโนของคุณน่ะสิครับ รางวัลมากโขนะครับ”
“ขอบคุณมาก แต่ฉันไม่รับค่ะ”
“ถ้าไม่รับ หมายถึงดูถูกคนที่เป็นแขกของที่นี่นะครับ”
“ขอโทษนะครับ เธอไม่ใช่นักร้องอาชีพ” ธรรม์ขัดขึ้น
ศีลเดินเข้ามา
“มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“นิดหน่อย นักร้องของคุณไม่ยอมรับเงินรางวัลจากผม ผมถือว่าดูถูก”
“เธอไม่ได้ดูถูกครับ เธอเป็นนักร้องกิตติมศักดิ์ ไม่ได้หวังรางวัล”
ธรรม์พยักหน้าให้ พราวพิลาสจึงหันกลับไปเล่นเปียโนให้ธรรม์สีไวโอลิน ศีลโค้งให้จิรศักดิ์
“ต้องขอโทษด้วยนะครับ คุณ เอ้อ...”
“จิรศักดิ์ นี่นามบัตรของผม ถ้าใครจะซื้อทอง เชิญที่ร้านของผมได้เลย”
จิรศักดิ์หันกลับพึมพำด่า
“อะไรกันวะ เล่นตัวแท้ๆ เธอคนนี้เป็นลูกสาวใครกันนะ”
จิรศักดิ์เดินออกไปหงุดหงิด ศีลเริ่มไม่สบายใจ
“นี่เพียงวันแรกที่เธอเริ่มงานเท่านั้น หรือว่าเราคิดผิด”
บนเวที ธรรม์กับพราวพิลาสแสดงดนตรีด้วยกัน ธรรม์ดูมีความสุขขึ้น ศีลถอยมาหลบมุมถอนใจ เพื่อนเดินมากระซิบ
“เห็นคู่นั้นบนเวทีเขารักกัน พาลให้นายคิดไปถึงเมียละสิ หน้าเสียทีเดียว”
ศีลถอนใจเฮือก
คือหัตถาครองพิภพ ตอนที่ 24 (ต่อ)
ห้องอาหารเลิกแล้ว พราวพิลาสเตรียมตัวกลับ ศีลเดินเข้าไปหา
“ได้เวลาพี่เมี้ยนมารอรับแล้วครับ เชิญครับ”
ธรรม์เดินมาอีกคน
“กลับบ้านกับพี่นะครับ คุณพราว”
“เอ้อ...” พราวพิลาสอึกอัก
จิรศักดิ์พรวดมาถึงอีกคน
“ผมเอารถสปอร์ตมา นั่งได้สองคนกินลมชมแสงสีกรุงเทพยามราตรี สบายใจไปเลยครับ”
“อ้อ” พราวพิลาสอึ้ง
“เชิญครับ” จิรศักดิ์ผายมือ
“คุณกำลังเข้าใจผิดนะครับ”ธรรม์ขัดขึ้น
“อย่างไรไม่ทราบ คุณก็แค่นักสีไวโอลิน อย่าสะเออะ”
“ผมไม่จำเป็นต้องสะเออะ ผมกับเธอคือเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก”
“เลยตีขลุมยกใหญ่ ว่าอย่างไรครับ คุณนักร้องคนสวย ผมเชิญแล้วนะครับ”
พราวพิลาสสบตา ศีลแบบไม่ไหวแล้ว
“เชิญครับคุณพราว ขอตัวคุณพราวก่อนนะครับ ทั้งสองท่าน” ศีลตัดบท
พราวพิลาสปรายตามองธรรม์เชิงขอโทษ แล้วออกเดินไปกับศีล จิรศักดิ์มองหน้าธรรม์
“ถามจริงเถิด พ่อนักดนตรี ผู้หญิงคนนั้น แฟนหรือเปล่า เห็นมองตามจนตาละห้อย จนแล้วก็ต้องเจียมเสียใจด้วยนะ”
ธรรม์มองหน้าจิรศักดิ์แบบสังเวชมาก ส่ายหน้าพึมพำ
“เป็นผู้ดีเพราะมีเงิน”
“เฮ้ย ว่าอะไรนะ” จิรศักดิ์กระชากบ่าธรรม์ไว้
“ปล่อยมือออกจากบ่าผมนะ”
“ได้สิ ปล่อยแล้ว”
จิรศักดิ์ชกโครมแล้วปล่อย ธรรม์ร่วงผล็อยนภาและเพื่อนศีลตกใจมากปราดมาประคองธรรม์ไว้ จิรศักดิ์ชี้หน้าธรรม์
“จำไว้อย่าได้มาขึ้นเสียงกับอั๊ว เสี่ยจิรศักดิ์ ทำไมวะมีเงินแล้วเป็นผู้ดีไม่ได้หรือไง”
ธรรม์แม้จะแย่ไปแล้วยังพูดต่อ
“นี่แหละผู้ดีจอมปลอม”
“เฮ้ย” จิรศักดิ์ผวามาอีก
เพื่อนศีลยกมือไหว้
“ขอเถิดครับ เขาสู้เสี่ยไม่ได้หรอกครับ”
“ยกให้ เพราะอยากจะตามไปดูนักรัองคนสวยว่ะ”
จิรศักดิ์เดินอาดๆออกไปทันที เพราะจะตามไปดูพราวพิลาส ธรรม์ปาดเลือดที่ปาก
“ขอบคุณ ผมไม่เป็นไร ไม่ใช่สู้ไม่เป็น แต่ผมไม่ชอบการใช้กำลัง” ธรรม์เดินออกไปอีกคน
ศีลพาพราวพิลาสเดินมายังรถ คนรถเปิดประตูรอรับ มีเมี้ยนนั่งรอด้านใน ยื่นมือมารับ
“ผมส่งให้ถึงมือแล้วนะครับ พี่เมี้ยน”
“ไม่มีปัญหาใช่ไหมคะ”
สองคนอึ้งไป เมี้ยนสงสัย
“เอ๊ะ หรือว่ามีคะ”
“คือ...” ศีลอึกอัก
พราวพิลาสแทรกขึ้น
“คือคุณศีลดูแลพราวราวกับไข่ในหิน ตามที่คุณป้าท่านสั่งค่ะ ขอบคุณมากค่ะ คุณศีล”
พราวพิลาสขึ้นรถ เมี้ยนยังยื่นหน้ามาบอก
“ขอบคุณมากค่ะ คุณท่านกับคุณหญิง สบายใจมากค่ะ”
ศีลอึดอัด พราวพิลาสสบตาศีล ยิ้มให้แบบไม่เป็นไร
จิรศักดิ์มายืนแอบมองพราวพิลาส
“โฮ้โห เราช่างตาแหลม ที่แท้เธอคนนั้นคือคุณหนูที่คู่ควรกับเสี่ยเช่นเรา เธอราวกับเจ้าหญิงมีพี่เลี้ยงนางนมมารับ มีคนรถมารอ เราต้องทุ่มสุดชีวิตเอาร้านทองหนึ่งสาขา เป็นเดิมพัน”
จิรศักดิ์หันไป เจอเอาธรรม์ ยืนเยื้องไปเบื้องหลังมาดูพราวพิลาสเช่นกัน
“เฮ้ย ตามมาหาเรื่องกันนี่หว่า”
จิรศักดิ์ปราดไปที่ธรรม์ ศีลเข้ามาขวาง
“อย่าครับ คุณจิรศักดิ์ คุณธรรม์เขาไม่ทะเลาะกับคุณหรอกครับ คุณธรรม์เขา...”
จิรศักดิ์สวน
“เป็นลูกผู้ดีมาเกิดอีกคนหรืออย่างไร หน้าออกฝรั่ง เฮ้ยหรือว่าแม่ไปมีผัวฝรั่ง”
ศีลหน้าเสียหันมาธรรม์
“คุณธรรม์ ครับ ผมขอโทษ ถ้าจะกรุณา”
“ผมเข้าใจ ผมขอตัว”
ธรรม์เดินแยกไป จิรศักดิ์หันมาหาศีล
“มันกลัวผม มันรีบไป ดีแล้ว รู้เสียบ้าง”
“ผมขอตัว”
“เดี๋ยว ผมอยากรู้ว่า คุณนักร้องคนสวยนั่นเธอคือใคร พ่อแม่ท่าจะมีเงินนะ”
“เธอคือลูกสาวท่านเจ้าพระยาสมิติภูมิ ตอนนี้ท่านเสียไปแล้ว แม่ของเธอคือคุณหญิงสะบันงาครับ”
“โอ้โห น่าสนใจมาก น่าสนใจจริงๆ ตระกูลนี้เป็นเจ้าของห้างฝรั่งตั้งสองแห่ง น่าคบค้าสมาคมด้วยแท้ๆ ผมพูดตรงนะ ชอบเธอว่ะ เป็นพ่อสื่อให้ผมนะ”
“เสียใจด้วย และขอโทษที่ไม่อาจรับเกียรตินี้ครับ ผมขอตัว”
ศีลเดินหนีเอาดื้อๆ แต่ท่าทีของศีลไม่จ๋องจ๋อยเช่นธรรม์ จิรศักดิ์จึงไม่กล้าพูดไล่หลัง
“สมภารจะกินไก่วัด หรือว่าดอกฟ้ากับหมาวัดกันแน่”
ศีลหันหลังให้จิรศักดิ์ ขบกรามแน่นไม่พอใจ
นายบุญขับรถมาจอดในที่จอดรถรีบลงมาเปิดประตู เมี้ยนรีบตามลงมา พราวพิลาสตามมาติดๆตกใจ
“ตายจริง”
พราวพิลาสเห็นคุณหญิงสะบันงา คุณหญิงศรี ดา เดือน มายืนเรียงหน้ากระดาน
“นายแม่ คุณป้า แม่ดา แม่เดือน ทำไมยังไม่นอนคะ”
คุณหญิงสะบันงาเข้ามาหา
“แม่มารอรับคุณพราว เราไม่เคยจากกันนานเป็นหลายชั่วโมง”
“ป้าก็เลยติดบ่วงติดแล้วเขามาด้วย เพราะเกรงว่าถ้าเกิดมาช้าไปสักนาทีเขาจะตกใจจนพาลเป็นลม ไม่ได้มารอนะ” คุณหญิงศรีออกตัว
“แม่ดาก็มาเป็นเพื่อนคุณท่านค่ะ”
“แม่เดือนก็เออ...มา มา นี่คือน้ำส้มคั้นก่อนนอนค่ะ”
พราวพิลาสมองทุกคนรู้ทัน หันมายิ้มกับเมี้ยน แล้วเดินไปกอดคุณหญิงสะบันงากับคุณหญิงศรีศรีและทุกคน
“ขอบคุณมากค่ะที่ห่วงพราว พราวสนุกมากค่ะ”
“จริงค่ะ” เมี้ยนยืนยัน
“รู้ได้อย่างไร แปลงกายเป็นริ้นไรไต่ตามตัวเขาไปรึ” คุณหญิงศรีแดกดันเมี้ยน
“แหม เมี้ยนก็ฟังเอาจากคุณพราวค่ะ”
“เอาละ...สนุกสนานและรอดปลอดภัยมาก็ดีแล้ว หมดห่วงไปอีกคน แยกย้ายกันไปกลับไปนอนได้แล้ว ฉันง่วงจะตายแล้วเมี้ยน”
คุณหญิงศรีเดินไปกับเมี้ยนที่ประคอง
“นอนไม่หลับเพราะไม่มีเมี้ยนเกาหลังให้ใช่ไหมคะ”
“นี่อย่ามาทวงบุญคุณกันนะ”
คุณหญิงศรีกุมมือเมี้ยนไว้แน่น สองคนเกาะกุมกัน
พราวพิลาสอยู่ในห้องนอนยิ้มอย่างพึงพอใจในฝีมือตัวเอง
“ในที่สุดเราก็ได้ทำในสิ่งที่เราต้องการ ช่างมีความสุขเหลือเกิน คุณศีลขาพราวขอบคุณที่สนับสุนนพราวค่ะ”
พราวพิลาสยิ้มมีความสุขขึ้นมาบ้าง
ในบ้านหลังใหญ่หรูหรา...จิรศักดิ์อยู่ในห้องนั่งเล่นมีอีหนูมายืนตรงหน้าเข้ามาโอบกอด
“เสี่ยขา”
“กลับไป...อย่ามายุ่ง...ฉันไม่ต้องการให้ใครมารบกวน” จิรศักดิ์ไล่อย่างไม่ใยดี
“เสี่ยสั่งให้หนูมาเองนะคะ...ทำไม”
“ทำไมไม่ไปห่างๆอย่างที่ฉันบอก...เบื่อพวกเธอจริงๆ พวกหิวเงินไป…”
อีหนูงงๆแต่ก็ออกไปหงอยๆ
“พราวพิลาส...รูปงามนามเพราะ ชาติตระกูลสูงส่ง เงินทองมากมาย ถ้าเราได้แต่งงานกับผู้หญิงเช่นนี้เธอจะทำให้เราดูดีมีสังคมกับพวกผู้ดี ที่แท้จริงกับเขาสักที อะไรที่ฉันอยากจะได้ฉันต้องได้แต่...ระหว่างไอ้นักดนตรีหน้าเศร้า กับไอ้ศีลหน้าตาเอาจริงเอาจังนั่นเธอจะเลือกใครกันแน่พราวพิลาส...แต่ที่แน่ๆมันสองคนพึงพอใจเธอ”
จิรศักดิ์ถอนใจฝันหวานถึงพราวพิลาส
คือหัตถาครองพิภพ ตอนที่ 24 (ต่อ)
ค่ำคืนนั้น เมื่ออยู่ในห้องนอนตามลำพัง ธรรม์หม่นหมองครุ่นคิด ถึงท่าทีพราวพิลาสที่เปลี่ยนแปลงไป
“ปากคุณพราวก็บอกไม่ถือสาเรื่องที่พี่ผิดสัญญา แต่สายตาที่มองมากลับเปลี่ยนแปลงไป เพราะผู้ชายคนนั้นหรือ...ไม่จริง...เขามีภรรยาแล้ว คุณพราวเป็นคนใจอ่อนขี้สงสาร...ใช่สิ...เราต้องทำให้เธอใจอ่อนทำให้คุณพราวของพี่กลับมาเหมือนเดิมให้ได้”
ธรรม์มีความหวังขึ้นมา
ศีลนั่งอยู่ในห้องนอน ด้วยความรู้สึกเสียใจไม่หาย
“ทำไมเราต้องไปกังวลเรื่องคุณธรรม์กับคุณพราว เราไม่มีสิทธิ์...เพราะเรามีเมขลา เราต้องอดทนรอจนกว่าจะถึงวันที่เราเป็นอิสระ แต่กว่าจะถึงวันนั้น...คุณธรรม์ผู้อ่อนโยนคนนั้นคงทำให้คุณพราวใจอ่อนคืนดี”
เสียงเคาะห้องดังขึ้น
“เข้ามาได้”
พยาบาลอุ้มลูกหนูเข้ามาให้
“หลับแล้วค่ะ”
“พาแกไปไว้บนเตียงของผม”
“เออ...ดิฉันสามารถดูแลแกได้ตลอดเวลานะคะ”
“แต่นี่คือลูกของผม ผมต้องการดูแลแกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ คืนนี้ผมอยากนอนกับลูก ขอบคุณมากคุณพยาบาล คุณไปพักผ่อนเถอะ”
“ขอบคุณมากค่ะคุณศีล”
ศีลรับลูกมาในอ้อมกอด พยาบาลออกไป ศีลเอาลูกแนบอกไว้
“เพราะหนูรู้ไหมคะลูก พ่อถึงไม่อาจตัดรอนกับแม่ของหนูในทันที พ่ออยากให้หนูได้รับความรักความอบอุ่นให้มากที่สุด”
ศีลเห่กล่อมลูกไปมา เอาแต่มองหน้าลูก
“น่ารักถึงเพียงนี้ทำไมเมขลาถึงกล้าทิ้งไปได้ลงคอนะ”
อเมริกา...เมขลาคร่ำเคร่งอ่านตำราแล้วเงยหน้าครุ่นคิด
“ลูกหนูของแม่จ๋า ใช่ว่าแม่จะอยากทอดทิ้งลูกไว้กับพ่อตามลำพัง ได้โปรดเข้าใจแม่ด้วย แม่ต้องการให้ทุกคนยอมรับแม่ แม่จะไม่ยอมให้ใครดูถูกแม่ คนพวกนั้นต้องหันมามองดอกเตอร์เมขลาว่าช่างฉลาดปราดเปรื่องไปเสียทุกอย่าง ทั้งสวย ทั้งเก่ง แล้วลูกก็จะกลายเป็นเด็กวิเศษ กว่าพวกนังพราวพิลาสกับพี่น้องของมัน นังคนโง่ไม่ยอมเรียนหนังสือ เอาแต่เล่นดนตรีจมปลักดักดานอยู่กับมิสแมรี่ของแกต่อไปเถิด...”
เมขลาคิดถึงพราวพิลาสอย่างเกลียดชัง ไม่รู้ว่าเธอมาเล่นดนตรีให้ร้านอาหารศีลแล้ว
ในร้านอาหาร พราวพิลาสเล่นเปียโนร้องเพลงไปด้วย จิรศักดิ์เอาพวงมาลัยมาให้ บางวันธรรม์มาสีไวโอลินด้วย ศีลนั่งหลบๆมองอยู่
เก้าเดือนผ่านไป...ไร่ชาดาจิลิ่ง
แพรวพรรณรายอุ้มเด็กหญิงตัวน้อยในอ้อมกอด มีพอลกอดทั้งแพรวพรรณรายอีกที ทั้งสองก้มมองหน้าลูกสาว
“ฉันขอตั้งชื่อลูกสาวเราว่า พริสซิลล่าค่ะ”
“OK ชื่อเพราะมาก แต่ทำไมจึงชอบชื่อนี้”
“ชื่อพี่สาวแสนสวยของฉันเอง แต่เธอตายไปแล้ว ฉันเห็นลูกสาวเราสวยน่ารักมาก จึงอยากให้สวยเหมือนคุณพริสซี่...พริสซี่คนสวยแม่จะส่งหนูไปให้คุณยายที่เมืองไทยนะคะ”
“เราก็คิดถึงลูกแย่สิ”
“เราก็ไปเมืองไทยด้วยกันสิ โอเค้...ไปแล้วจะรักเมืองไทยมาก”
“YES รอให้พริสซี่โตกว่านี้เราจะไปเมืองไทยด้วยกัน Love you”
“Yes! Love you”
พอลหอมแก้ม แพรวพรรณรายหอมตอบอย่างมีความสุข
สกลนครในป่าที่พริ้มปฏิบัติธรรม...พริ้มนั่งทำสมาธิใส่ชุดขาวใต้แสงจันทร์สีหน้าอิ่มเอิบไปด้วยบุญ มีแม่ชี้นั่งทำสมาธิอยู่ใกล้ๆกัน
คุณหญิงสะบันงาถือจดหมายอยู่สองซองในมือ ยกให้คุณหญิงศรีดู
“มาจากอินเดียค่ะ คุณแพรวคลอดลูกสาวแล้วตั้งชื่อว่าพริสซิลล่าค่ะ คุณแพรวบอกว่าเธอสวยเหมือนคุณพริสซี่ค่ะ”
“ฉันเชื่อนะว่าเด็กคนนั้นต้องสวย บอกให้รีบส่งมาให้พวกเราเลี้ยงเร็วๆสิ”
“เมี้ยนอยากเลี้ยงคุณหนูจนมือสั่นแล้วค่ะ” เมี้ยนรีบบอก
“มือสั่นเพราะแก่ยังมาแก้ตัวว่าเพราะอยากเลี้ยงเด็ก” คุณหญิงศรีมองค้อน
“พวกเขาจะมาเมืองไทยกันทั้งครอบครัว รอให้พริสซิลล่าน้อยโตขึ้นอีกสักนิดค่ะ”
“อีกฉบับนั่นฉันทายว่าของพริ้มเพรา” คุณหญิงศรีถามขึ้นมา
“ค่ะ เธอนั่งสมาธิแตกฉานถือศีลแปด กินอาหารมื้อเดียว เดินเท้าเปล่าด้วยค่ะ”
“อนิจจา ลูกสาวท่านเจ้าพระยาสมิติภูมิ ผู้มีมรดกเป็นเจ้าของห้าง สรรพสินค้าใหญ่โต ไปเดินเท้าเปล่ากินข้าวมื้อเดียวอยู่ท่ามกลางป่าดง...คนนี้จะมาเยี่ยมบ้านไหม”
“เธอว่าถ้าทุกคนสบายดีแล้วก็ไม่จำเป็นที่เธอต้องกลับมาดูแลแก้ไข”
เมี้ยนพยักหน้าเห็นด้วย
“ก็จริงนะคะ...ถ้าเราไม่สบายดีเมื่อไหร่ให้คุณหมออุดรไปรับเธอกลับมาก็ได้นะคะ”
“สุดท้าย...พราวพิลาสนักเปียโนเอกของเราสบายดีอยู่หรือ” คุณหญิงศรีสงสัย
“คงสบายใจขึ้นมากแล้วค่ะ ไม่เห็นเธอบ่นว่าอะไรนี่คะ”
“มาพอดีนักดนตรีเอกของป้า”
พราวพิลาสแต่งตัวสวยเดินมาไหว้ลาสามคน
“พราวไปนะคะนายแม่ คุณป้า ป้าเมี้ยน”
“เอาใครไปส่งเล่า มาล่ำลาเมี้ยนดิบดี”
“ไม่มีใครไปส่งแล้วค่ะ พราวไปกับนายบุญสองคนเท่านั้น เกรงใจ สงสารต้องตื่นดึกๆไปรับพราว”
“คุณพราวเขามาขอว่าโตแล้วค่ะ ไปเล่นที่นั่นมาเกือบปีแล้วไม่อยากเป็นเด็กน้อยให้คนเขาแอบนินทาค่ะ”
คุณหญิงสะบันงาหันไปเล่าคุณหญิงศรี
“ก็โตแล้วจริงๆด้วยๆ พูดจาฉะฉานขึ้นมาก”
“พราวไปก่อนนะคะ”
พราวพิลาสเดินออกไป เมี้ยนมองตาม
“สงสารคุณธรรม์เหมือนกันนะคะ หน้างี้หมองคล้ำ แต่ก็ยังวนเวียนมาเป็นปีไม่เลิกไม่รานะคะ”
“ทำอย่างไรได้ขึ้นอยู่กับคุณพราวเขาเถิด” คุณหญิงสะบันงาบอกอย่างปลงๆ
“เด็กโต เราแก่ เด็กแก่ เราตาย เวียนว่ายตายเกิดไม่จบสิ้น ปลงๆไปซะ จิตใจมันจึงสงบดี”
“ค่ะ”
สองคนดูใจสงบนิ่งขึ้นไปกว่าเดิมอีกมาก
ศีลเดินมาในห้องอาหาร มองหาพราวพิลาส นภาเดินเข้ามาถาม
“มองหาคุณพราวหรือคะ”
“เออ...ยังไม่มาอีกหรือ”
“มาแล้วค่ะ แต่..เออ...”
“มีอะไรหรือ”
“เธอมาก่อนเวลาด้วยค่ะ”
“แล้วเธอไปไหน”
“ไปดูไวโอลินที่ร้านขายเครื่องดนตรีแถวนี้กับคุณธรรม์ค่ะ”
“อ้อ...” ศีลอึ้งไป
“เธอกับคุณธรรม์เหมาะสมกันมากนะคะ เล่นดนตรีด้วยกัน ชอบอะไรเหมือนๆกัน วันนี้คุณธรรม์ดีใจหน้าบานยิ้มแฉ่งในรอบเก้าเดือนเลยค่ะ”
“เขามีความสุขกันตามประสาน่ะสิ”
“ค่ะ น่ารักมาก...ตายจริงนภามัวแต่ชื่นชมคู่รัก คุณศีลจะรับประทานอะไรคะ”
“ดื่มวิสกี้”
“นภาหมายถึงอาหารค่ะ นี่เพิ่งหัวค่ำนะคะ”
“ไปเอามาเถิด...อ้อ...ไปที่โต๊ะด้านในโน้นนะ”
“ค่ะ” นภามองแปลกใจว่าทำไมอยากดื่ม
ธรรม์กับพราวพิลาสกำลังดูไวโอลินอยู่ในร้าน ธรรม์หน้าตาสดชื่นมาก
“พี่ดีใจที่วันนี้คุณพราวใจดีมาช่วยพี่เลือกไวโอลิน”
“วันนี้วันเกิดพี่ธรรม์นี่คะ แฮปปี้เบิร์ดเดย์ค่ะ”
“คุณพราวจำได้” ธรรม์ตื่นเต้น
“จำได้สิคะ เราเคยฉลองวันเกิดด้วยกันตั้งหลายปีก่อนพี่ธรรม์ไปนอกนี่คะ”
“ขอบใจมากครับ เออ...ถ้าเช่นนั้นค่ำนี้ คุณพราวดินเนอร์กับพี่ได้ไหม”
“แต่พราวต้องร้องเพลงนี่คะ”
“เราก็ดินเนอร์ในห้องอาหารกัน ยังมีเวลาอีกนานก่อนถึงเวลาร้องเพลงของคุณพราว”
“ตกลงค่ะ”
สองคนดูไวโอลินต่อ
ศีลนั่งดื่มจนเมา นภามองหนักใจ
“ไปเอามาอีกนภา”
“มากพอแล้วนะคะ คุณสุกิจก็ไม่มาช่วยดื่ม”
“คุณพราวกลับมาหรือยัง”
“มาแล้วค่ะ กำลังดินเนอร์อยู่กับคุณธรรม์ค่ะ จู๋จี๋กันน่าเอ็นดู”
“ใช่ น่าเอ็นดูแท้ๆ นี่ถ้าตาเสี่ยมามิเกิดศึกชิงนาง”
“วันนี้เสี่ยจิรศักดิ์ไม่มาค่ะ นัยว่าต้องไปธุระที่ฮ่องกง ถ้าเจอได้หงุดหงิด กันแน่ๆ ทำอย่างไรได้คะคุณพราวเธอเรียกแขกได้จริงๆนะคะ”
“ใช่ เธอเรียกแขกได้มากจริงๆ ใครๆก็ติดใจเธอ ชื่นชมเธอ”
“น่าปลื้มใจแทนคุณธรรม์นะคะ”
ศีลชะโงกไปแอบมอง เห็นพราวพิลาสทานอาหารอยู่กับธรรม์ พูดคุยกันเบาๆยิ้มแย้มกัน
“พราวไม่มีของขวัญให้วันนี้ พี่ธรรม์อยากได้อะไรคะ”
“นึกออกแล้วพี่จะบอก”
ธรรม์สบตาพราวจ้องอย่างมีความหมาย ศีลเบือนหน้าหนี
เมขลานั่งยิ้มกริ่มมองผลการสอบ
“เราเกือบจบแล้ว เราช่างเรียนเก่งแท้ๆ คุณศีลขาเมขลาจะกลับไปพร้อมกับความสำเร็จ และจะไม่หย่ากับคุณเด็ดขาดค่ะ”
เมขลายิ้มสะใจมีชัย ไม่ยอมปล่อยศีลหลุดมือไปหาพราวพิลาสได้
พราวพิลาสเล่นดนตรีและร้องเพลงสุดท้ายจบลงท่ามกลางเสียงปรบมือ ชาวต่างชาติกลุ่มหนึ่งที่ปรบมือดังมาก
“Encore…Encore!”
ศีลแอบมองในมุมที่พราวไม่เห็น
“งดงาม บริสุทธิ์ผุดผาด”
ขณะเดียวกันธรรม์ เดินไปหาพราวพิลาสที่ลงจากเวที แล้วมองหาศีล
“วันนี้คุณศีลไม่มาคุมร้าน แปลกแท้ๆ”
พราวพิลาสผิดหวังไม่น้อย ธรรม์เดินมาหา
“คุณพราวครับพี่นึกออกแล้วว่าอยากได้ของขวัญอะไร”
พราวพิลาสมัวแต่ส่ายตาหาศีล
“คุณพราวไม่ได้ฟังที่พี่พูด”
“ขอโทษค่ะ อะไรคะ”
“พี่นึกออกแล้วว่าอยากได้ของขวัญอะไร”
“ได้สิคะ บอกมาเถิดค่ะ”
“พี่ขอพาคุณพราวไปส่งบ้าน”
“เอ้อ..” พราวพิลาสอึ้งไปพูดไม่ออก
“พี่ขอมากเกินไปใช่ไหมครับ”
“ไม่มากเกินไปหรอกค่ะ แต่พราวไม่ได้ขออนุญาตนายแม่ไว้ว่าจะให้ พี่ธรรม์ไปส่งค่ะ”
พราวพิลาสยังมองหาศีล นึกในใจว่า เขาไม่มาจริงๆด้วย
“พี่ขอโทษ พี่คงไม่อาจเป็นที่ไว้วางใจของใครได้อีกต่อไป”
“พราวก็ขอโทษค่ะ”
ธรรม์น้อยใจหันกลับเดินออกไป พราวพิลาสเดินมองหาศีล นภาเดินมาหาพอดี
“คุณศีลเมาจนฟุบอยู่มุมโน้นค่ะคุณพราว”
“ตายจริง”
“ไปดูหน่อยสิคะไม่ยอมเลิกดื่มค่ะ ไม่ทราบว่าไม่สบายใจอะไรขึ้นมา ตอนมาถึงทีแรกก็ดีๆอยู่ค่ะ”
พราวพิลาสกำลังจะเดินไปหาศีล พร้อมนภา ฝรั่งโวยวายเดินมาดึงแขนพราวโดยแรงเพราะเมา
“เอาอีก ไปร้องเพลงอีก”
“ว๊าย” นภาตกใจ
“หยุดนะ” พราวพยายามปัดมือ
“NO ไม่หยุดจนกว่า You จะไปเล่นเปียโนและร้องเพลงอีก”
ฝรั่งดึงพราวพิลาสพยายามจะลากพราวไปบนเวทีให้ได้ พราวพิลาสตบหน้าโดยแรงซ้อนๆสองที
“คนเลว Stop it bad you”
ฝรั่งโกรธมาก กระชากเสื้อพราวขาดเป็นทางยาว นภาร้องกรี๊ดเสียงดัง พนักงานชายสองคนปราดมาลากฝรั่งไป เพื่อนฝรั่งที่มาด้วยตกใจมากยกมือไหว้พราวพิลาสที่ยืนเอามือดึงเสื้อมาปิดอกไว้ ฝรั่งโต๊ะอื่นมากระชากต่อยตีผสม
“Sory ขอโทษมากๆ เขาเมาเหมือนหมา จริงๆ”
“คุณพราวไปอยู่ที่ห้องพักของคุณศีลก่อนนะคะ” นภารีบบอก
“ขอบคุณค่ะ เออ...แล้วเขา....”
“เดี๋ยวนภาจัดการเองค่ะ”
พราวพิลาสกับนภาพากันไปจากที่นั่นทางด้านหลังห้องอาหาร
คือหัตถาครองพิภพ ตอนที่ 24 (ต่อ)
นายบุญมายืนรออยู่ข้างรถที่จอดอยู่ลานจอดรถหน้าล็อบบี้ ธรรม์เดินออกมา นายบุญแปลกใจที่ไม่เห็นพราวพิลาส
“คุณธรรม์ขอรับ วันนี้คุณพราวไม่ได้ออกมากับคุณธรรม์หรือขอรับ”
“เปล่า...อีกสักครู่ก็คงมา”
ธรรม์เดินจากไป นายบุญพึมพำ
“หรือว่าวันนี้คุณศีลๆไม่มา คุณพราวเลยใจคอไม่สบาย”
พนักงานมาหานายบุญ
“นายบุญใช่ไหมครับ”
“ครับ ผมมารอรับเจ้านาย คุณพราวพิลาสครับ”
พนักงานส่งจดหมายที่ใส่ซองให้
“คุณพราวพิลาสฝากจดหมายไปให้คุณหญิงแม่ของเธอ”
“ครับ” นายบุญรับจดหมายมา
“เธอสั่งให้มาบอกนายบุญว่ากลับไปได้แล้ว และกลับมารับเธอใหม่พรุ่งนี้เช้าครับ”
นายบุญฟังงงๆ แต่ก็รับคำ...พนักงานหันกลับ
ในห้องพักของศีล...พราวพิลาสใส่เสื้อคลุมอาบน้ำของห้องน้ำ
“เกิดเรื่องร้ายๆขนาดนี้นายแม่กับคุณป้าจะรู้ไม่ได้เด็ดขาด เพราะนั่นคือการโดนบังคับให้หยุดมาร้องเพลงที่นี่ทันที”
นภานำด้าย เข็ม กรรไกรมาให้
“ขอบใจมากนภาฉันจะค่อยๆชุน และเย็บเสื้อที่ขาดนี่ติดกันให้เสร็จก่อนเช้า”
“ฝรั่งนั่นบ้าจริงๆนะคะ”
“เขาเมา คนเมาทำอะไรลงไปไม่รู้ตัวหรอก”
เสียงเคาะห้องดังขึ้นนภาไปเปิดห้อง พนักงานหิ้วปีกศีลเข้ามาในห้อง
“อ้าว คิดว่าจะไปเปิดห้องใหม่ให้คุณศีล”
ศีลไม่สนใจปัดมือทุกคน แล้วล้มลงไปนอนบนเตียง นภาเดินไปเรียก
“คุณศีลขา ไปนอนอีกห้องนะคะสั่งเปิดห้องใหม่นะแล้วพาคุณศีลไป”
“ไปให้พ้น ไปเอาวิสกี้มาดื่มอีก” ศีลโวยวาย
ใครเข้าใกล้ศีลก็ผลักโดยแรง พราวพิลาสหันไปหานภา
“ช่างเถิดนภา เขาเมามากปล่อยเขาหลับไปเถิด ฉันจะนั่งชุนเสื้อซ่อมเสื้อไปเงียบ ๆเขาไม่รู้หรอกว่าฉันอยู่ในนี้ ฉันกลับไปแต่เช้า เขาก็ยังไม่ตื่นด้วยซ้ำ ไม่ต้องบอกเขานะว่าเกิดอะไรขึ้น”
“ค่ะ เออ...คุณ” นภากระซิบ “ไม่กลัวเธอหรือคะ”
“ไม่กลัว จำความได้ก็รู้จักเธอแล้ว เธอเป็นเสมือน เออ...พี่ชายของฉัน ชุนเสื้อเสร็จฉันจะโทรไปบอกให้เขาเปิดห้องให้อีกห้องเองจ้ะ...นภา ไม่ต้องห่วง กลับไปเถิด”
“ค่ะ”
นภาโล่งอกพยักหน้าให้ทุกคนออกไป นภาและทุกคนออกไป พราวพิลาสหยุดมือจากการทำเสื้อ หันมามองศีลที่หลับไปแล้วจริงๆ
“คุณศีลไม่สบายใจเรื่องอะไรกันคะ พราวไม่เคยเห็นคุณศีลดื่มมากมายขนาดนี้มาก่อน”
ศีลพึมพำ
“คุณพราว คุณธรรม์ พวกคุณเหมาะสมกันที่สุด เมขลาอย่าลืมสัญญาว่าเราจะหย่าขาดจากกันทันทีที่คุณกลับมาเมืองไทย...คุณพราวสุดที่รัก สุดเทินทูนของผม ผมขอโทษ”
พราวพิลาสยืนนิ่งน้ำตาคลอ
“โธ่ คุณศีล”
พราวพิลาสหันหนีกลับมา รีบมานั่งตั้งสติทำเสื้อที่ขาดต่อไป ใจคอหวั่นไหว ในหัวยังมีเสียงบอกรักของศีลดังอื้ออึ้ง
บ้านเจ้าคุณ...สะบันงารับจดหมายมาจากเดือนสีหน้าตกใจมาก
“คุณพราวทำไมไม่กลับมากับนายบุญ เกิดอะไรขึ้น”
“เธอฝากจดหมายมากับนายบุญค่ะ นายบุญบอกเธอสั่งมาว่าให้ไปรับเธอ พรุ่งนี้เช้าค่ะ” เดือนบอก
คุณหญิงสะบันงารีบเปิดอ่านแล้วถอนใจ
“เฮ้ย...เรื่องแค่นี้ทำเอาแม่ใจหายใจคว่ำ”
"เธอเป็นอะไรคะ” เดือนถามอย่างสงสัย
“ปวดท้องจ้ะ เลยเปิดห้องที่โรงแรม ดีนะที่เป็นโรงแรมชั้นดี”
“ถ้าเช่นนั้นคุณหญิงก็เบาใจได้ นอนเถิดนะคะจะให้เดือนนอนเป็นเพื่อนไหมคะ”
“ไม่ต้องขอบใจมากเดือน”
คุณหญิงสะบันงาถอนใจโล่งอก
พราวพิลาสชุนเสื้อไปหันมามองศีลเป็นระยะ ศีลหลับสนิท พราวพิลาสชุนเสื้อเสร็จ หาวนอนหลับไปเสื้อหล่นจากมือ
ในห้องนอนเมขลาเมืองนอก เธอกำลังจัดของมือไปปัดรูปตัวเองกับศีลที่วางหัวเตียงตกลงมาแตกกระจาย
“อุ๊ย”
เมขลาไปหยิบรูปขึ้นมา
“คุณศีล แม้แต่รูปของคุณยังไม่อยากจะอยู่กับเมขลา บ้าจริง”
เมขลามองรูปนั่นอย่างหงุดหงิด
“นอกใจเมขลาคงห้ามได้ อย่าได้เผลอไปนอกกายเมขลา...อย่าให้รู้ทีเดียวจะแฉประจานให้หมดเปลือกความเป็นผู้ดีของนังพราวพิลาสทีเดียว”
เมขลาหงุดหงิดบอกไม่ถูก
พราวพิลาสยังนอนหลับฟุบคาเก้าอี้ ศีลอยู่บนเตียงขยับตัวลืมตาตื่นแล้วลุกพรวด
“ลูกหนู” ศิลมองไปรอบตัว “ไม่ใช่บ้านนี่นา นี่เราเมามากเพราะ...”
ศีลมองไปเห็นร่างหนึ่งใส่ชุดคลุมอาบน้ำของโรงแรมฟุบหลับที่เก้าอี้ ศีลตะลึง
“คุณพราว”
ศีลพรวดมาที่พราวพิลาสแปลกใจงงๆ
“คุณพราวมาทำอะไรที่นี่...คุณพราวครับ”
พราวพิลาสสะดุ้งตกใจตื่นเช่นกัน
“ตายจริง นี่พราวเผลอหลับไปได้อย่างไรกัน เสื้อผ้าก็ยังไม่ทันเปลี่ยน”
“เกิดอะไรขึ้นครับ” ศีลแปลกใจมาก
ธรรม์มาหาพราวแต่เช้า ตั้งใจมาขอโทษ เจอคุณหญิงสะบันงากับคุณหญิงศรี และเมี้ยน
“คุณพราวนอนค้างที่โรงแรมเมื่อคืนเธอปวดท้องมาก” คุณหญิงสะบันงาบอก
“หรือครับ เอ...แปลก” ธรรม์แปลกใจ
“แปลกอย่างไรหรือ” คุณหญิงสะบันงาสงสัย
“เธอไม่ได้ทำท่าว่าปวดท้องสักนิด เธอคงปิดผมเอาไว้กลัวว่าจะเป็นห่วง ผมจะมาขอโทษเธอครับนายแม่ คือเมื่อคืนผมขอมาส่งเธอเองที่บ้าน แต่เธอบอกว่ายังไม่ได้ขออนุญาตนายแม่ว่าจะไม่กลับรถของที่บ้าน ผมน้อยใจเดินหนีเธอไป จึงตั้งใจจะมาขอโทษ เออ...ถ้าเช่นนั้นนายแม่ครับ อนุญาตให้ผมไปรับเธอที่โรงแรมแทนนายบุญได้ไหมครับ”
“ได้จ้ะ ไปสิ”
ธรรม์ยกมือไหว้ดีใจ
พราวพิลาสเล่าจบรู้สึกอายศีลมาก
“บ้าจริง ผมก็เลวเต็มทน ดันไปเมาจนไม่ได้ดูแลคุณพราว นี่ถ้านายแม่…”
“ท่านจะไม่ทราบหรอกค่ะ...พราวจะไม่บอกท่าน”
พราวพิลาสรีบลุก
“ผมต้องเข้มงวดรัดกุมเรื่องการดูแลมากขึ้นกว่าเดิม”
“พราวขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้านะคะ...คือพราวไม่น่าเผลอหลับจนแต่งกายไม่สุภาพ”
“เชิญครับ”
พราวพิลาสรีบหิ้วชุดหายไปในห้องน้ำกลับออกมาใส่ชุดดังเช่นเดิม
“เออ...พราวขอตัวกลับเลยนะคะ”
พราวพิลาสเดินไปที่ประตู ศีลเดินตามมา พราวพิลาสคิดว่าเขามาส่ง แต่ศีลกลับดึงมือไว้
“คุณพราวครับ ผมเออ...อยากจะ...”
“อยากจะอะไรหรือคะ มีอะไรจะพูดกับพราวหรือคะ”
“เออ...”
ศีลรวบตัวพราวพิลาสไว้ในอ้อมกอด
“คุณศีลทำอะไรคะ” พราวพิลาสตกใจ
“ผมอยากกอดคุณพราว ให้ทุกข์ที่มันทับถมจิตใจผมคลายลงไปบ้าง”
“เออ...พราว”
พราวพิลาสมองหน้าศีลเหมือนจะถาม ศีลก้มหน้าลงมาจูบ
ศีลกับพราวแต่งตัวดังเดิมแล้วทั้งสองคน พราวอับอายมาก
“ช่างน่าอับอาย พราวทำตัวเลวมาก พราวไม่ควรปล่อยให้มันเกิดขึ้น”
“ผมต่างหากที่เลวมากผมทำให้มันเกิดขึ้น เพราะอดใจไม่ได้”
“ถ้าเมขลาทราบ”
“เราจะหย่ากันทันทีที่เขากลับมา ผมกับเขาจะหย่ากันทันทีเราจะแต่งงานกัน...นะครับ คุณพราว”
“มันจะไม่น่าเกลียดหรือคะ”
“ผมกับเมขลาแยกทางกันโดยพฤตินัยแล้ว”
ศีลดึงพราวพิลาสมาแนบอก พราวพิลาสทั้งเศร้าทั้งสุขปนกัน
“พราวคงไม่กล้ามองหน้านายแม่ คุณป้า และทุกคนในบ้าน”
“คุณพราวจะให้ผมไปกราบรับผิดกับท่านก็ได้นะครับ”
“อย่านะคะ มันคงจะกลายเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย เพราะ คุณศีลกับเมขลายังผูกกันกันอยู่ตามกฎหมาย พราวไม่ควรทำเลย”
“อย่าโทษตัวเองอย่าโกรธตัวเอง ทูนหัวของผม”
“พราวจะไม่ทำผิดเช่นนี้ซ้ำสองอีก”
ศีลพยักหน้ารับ กอดพราวพิลาสไว้มีความสุขมาก
“ผมจะลงไปส่งคุณพราว”
“อย่านะคะ มันจะเป็นจุดสนใจ อย่าให้ใครทราบเรื่องนี้เป็นอันขาด”
พราวตัดใจลุกแม้อาลัยอาวรณ์ เดินออกจากห้อง
ธรรม์มานั่งรอเงียบๆ ในลอบบี้โรงแรมใจจดใจจ่อมองไปทางที่คิดว่าพราวพิลาสจะโผล่ออกมา... ธรรม์นั่งรอจนกระสับกระส่าย
“ทำไมคุณพราวช้าจริง หรือว่ายังปวดท้องมาก”
ธรรม์ลุกเดินไปที่เคาน์เตอร์เพื่อจะถามว่าพราวพักห้องไหน
“ขอโทษครับ อยากทราบว่าเมื่อคืนคุณพราวพาเธอพักที่นี่...กรุณาโทรให้ผมติดต่อกับเธอด้วยครับ”
“ค่ะ” พนักงานค้นหาไม่พบ “เออ...คุณพราวพิลาสไม่ได้...”
พราวพิลาสออกมาพอดีเห็นธรรม์ตกใจมากยืนตะลึง
“พี่ธรรม์”
พนักงานหันมาเห็น
“คุณพราวพิลาสมาแล้วค่ะ”
ธรรม์หันไปเห็น รีบปราดไปหา
“คุณพราว พี่มารอตั้งนาน”
“เออ...” พราวพิลาสถึงกับพูดไม่ออก
“หายปวดท้องแล้วหรือยังครับ”
“ค่ะ”
“พี่นอนไม่หลับทั้งคืน...เพราะเมื่อคืนพี่ทำตัวไม่ดีเอาแต่ใจตัว”
“เออ...ไม่เป็นไรค่ะ”
“พี่รู้ตัวว่าผิดมาก...พี่จึงรีบไปที่บ้านเพื่อขอโทษคุณพราว พี่ขออนุญาตนายแม่แล้วว่าขอมารับคุณพราว”
“ขอบคุณมากค่ะ”
ธรรม์จ้องมองหน้าพราวพิลาสจนชิด
“คุณพราวหน้าซีดมาก...คงยังไม่หายปวดท้องเท่าไหร่”
“พราวอยากกลับบ้านค่ะ”
พราวพิลาสอึดอัดมากขึ้นทุกที
“เชิญครับ รอที่นี่ พี่จะไปเอารถมารับครับ”
“ค่ะ”
ธรรม์เดินออกไป พราวยืนกลั้นน้ำตากลัวใครจะรู้
ประชาสัมพันธ์สองคน พูดคุยกันเรื่องพราวพิลาส
“ไม่มีชื่อคุณพราวเปิดห้อง แล้วเธอไปพักห้องไหน”
“ห้องเออ...ไม่พูดดีกว่าเดี๋ยวจะกลายเป็นพวกผีเจาะปาก”
สองคนมองไป ศีลยืนหน้ามุ่ยที่ประตูด้านจะออกมาลอบบี้
“คุณศีล”
สองคนสบตากันแบบมีนัย
ลานจอดรถรับส่งหน้าลอบบี้...พราวพิลาสยังยืนนิ่งเป็นหุ่นทำอะไรไม่ถูก การเสียตัวให้กับคนรักแม้เป็นสมัยนั้นผู้หญิงไม่ได้ดีใจดังสมัยนี้ แต่ตกใจ มึนงง ยิ่งเสียตัวให้กับคนที่มีภรรยาเป็นตัวเป็นตนแล้วยิ่งรู้สึกอับอาย ธรรม์เดินเข้ามากุลีกุจอยิ้มแย้มบอกพราวพิลาสที่เหม่อลอยซึมมาก
“เชิญครับคุณพราว พี่ไปเอารถมาแล้วครับ คุณพราวครับ...คุณพราว”
ธรรม์แตะข้อมือพราวพิลาสที่ยังเหม่อเลื่อนลอย
“คุณพราวครับ”
“คะ...เออ...ค่ะ ค่ะ”
ธรรม์ดูพราวพิลาสมึนๆ จึงจูงมือเธอเดินออกไปจากลอบบี้ เธอเดินตามเหมือนเด็ก ศีลอดขยับตัวตามมามองไม่ได้ หน้าตาเขาเศร้าสร้อยลง
“คุณพราวเหมาะสมกับคุณธรรม์ไม่ใช่คนเลวๆฉวยโอกาสอย่างเรา เราเผลอตัวเผลอใจทำในสิ่งที่เลวทรามลงไปจนได้”
ศีลว้าวุ่นใจมาก
จบตอนที่ 24