วิวาห์ป่าช้าแตก ตอนที่ 23
เมียขุนศึกท้องแก่ จับผ้าที่โยงกับขื่อพยายามเบ่งคลอดลูก หมอตำแยคอยดูแลอยู่ใกล้
“ทำใจดีๆไว้ เดี๋ยวผัวเอ็งก็กลับมาแล้ว เอ้า เบ่งเข้าๆ อึ๊บ”
เมียขุนศึกพยายามโหนตัวเบ่งคลอด มีสร้อยพระในมือ
“อึ๊บ”
ผีขุนศึกเล่าความหลังหน้าเศร้า
“กูจำต้องออกรบ ทั้งที่เมียกูกำลังท้องแก่ สิ่งที่กูทิ้งไว้ต่างหน้าให้กับเมีย มีเพียงสร้อยพระประจำตัวเท่านั้น”
ในมือเมียขุนศึก กำสร้อยพระแน่น
สงครามในอดีต...ขุนศึกใช้ดาบปะทะ ดันข้าศึก 2 คน ที่ใช้ดาบตั้งรับ จนข้าศึกก้าวถอย
“ขณะที่ประดาบกับข้าศึก กูคิดแต่เพียงว่า กูต้องรอด กูจะกลับไปหาลูกเมีย กูจะไม่ยอมตายที่นี่”
หมอตำแยช่วยทำคลอด เมียขุนศึก
“เบ่งอีก เบ่งเข้าอีก เบ่งเข้า”
เมียขุนศึกจับผ้า โหนตัวออกแรงเบ่ง
ในสมรภูมิ ขุนศึกใช้ดาบฟันข้าศึกคนหนึ่งล้มลง
“ตอนนั้น สถานการณ์ของกูกำลังได้เปรียบ กูล้มพวกมันไปได้หนึ่ง เหลือกำจัดพวกมันเพียงอีกหนึ่งเท่านั้น กูก็จะได้กลับบ้าน”
ขุนศึกเงื้อดาบวิ่งเข้าหาข้าศึกอีกคนที่เหลือ
“ย๊าก”
ขุนศึกรุกหนัก ฟัน แทงข้าศึกที่เหลืออยู่ข้าศึกถอยร่น คอยใช้ดาบรับไว้
“กูกระหน่ำทั้งแทง ทั้งฟัน ทุ่มสุดกำลังเพื่อเอาชนะ จุดหมายกูคือต้องกลับบ้านไปหาลูกเมียให้ได้... จนในที่สุด...”
ขุนศึกฟันดาบข้าศึกจนหลุดมือ ข้าศึกตกใจ ยกมือไหว้ ขุนศึกเงื้อดาบจะฆ่า
เมียขุนศึกกรีดร้อง
“โอ๊ย...เจ็บ ไม่ไหวแล้ว โอ๊ย”
ขุนศึกจ้องหน้าข้าศึก ชะงัก สงสาร ข้าศึกถอย ลนลานวิ่งหนี ขุนศึกลดดาบลง หอบ แต่แล้วร่างขุนศึกกับกระตุก ชะงัก ตาเบิกโพลง ข้าศึกคนแรกที่ล้มลง บาดเจ็บเลือดอาบ กลับมาใช้ดาบแทงจากด้านหลัง ดันร่างขุนศึกไปพิงต้นไม้ ขุนศึกหันกลับมามีดาบปักคาตัว ใช้ดาบ ฟันข้าศึกพาดผ่านลำตัว ข้าศึกไม่ยอมตายง่ายๆ ฟันขุนศึกซ้ำที่คอ ก่อนจะล้มลงสิ้นใจ ขุนศึกเลือดทะลักออกจากปาก คอพับ สิ้นใจตายเช่นกัน
เมียขุนศึกกรีดร้องสุดเสียง
“พี่ขุน”
เด็กทารกออกจากครรภ์
“อุแว้ๆ”
“ได้แล้ว เอ็งได้ลูกชายๆ”
หมอตำแยอุ้มเด็กให้ เมียขุนศึกยิ้ม
ผีขุนศึกเศร้าก้มหน้ามือลูบที่ต้นไม้ น้ำตาไหล
“ในที่สุด กูก็ต้องมาตายอยู่ที่นี่ ไม่มีโอกาสไปหาเมียรัก หรือได้เห็นหน้าลูกที่เกิดมา วิญญาณกูไม่ยอมไปผุดไปเกิด เพราะกูอยากไปหาลูกเมีย แต่เสียดาย...กูไม่มีทางได้กลับบ้าน...”
ผีขุนศึกทรุดตัวลงคุกเข่า สะอื้น ร้องไห้ สนธยาเอื้อมมือไปจับบ่าผีขุนศึก
“ไม่ต้องห่วง ฉันจะช่วยพานายกลับบ้านให้ได้ ฉันจะไม่ทิ้งนายเด็ดขาด”
หรั่งสะอื้น
“ใช่ ถ้าอยุธยาหาไม่เจอ เดี๋ยวเลยไป โคราช แวะฟาร์มโชคชัย ออกศรีษะเกษ ไปดูแถวเวียดนามก็ได้ อย่าเพิ่งท้อสิคุณผี”
ผีขุนศึกส่ายหัว
“นอกจากที่นี่ กูจะไปไหนได้อีก ตอนนี้กูไม่รู้พวกเขาอยู่ที่ไหน ทุกอย่างมันเปลี่ยนไป กูหาทางกลับบ้านไม่ได้ กูจนปัญญาจริงๆ” ผีขุนศึกร้องไห้
สนธยามองหน้าหรั่ง เศร้า หมดหวัง
“เอาไงดีคุณสน ขนาดคุณผียังจำไม่ได้ แล้วเราจะช่วยยังไงดี”
ผีเด็กมาสะกิดสนธยา
“พี่ๆ ที่หลังพี่เขา มีลายแทงด้วยอ่ะ”
สนธยาหันไปมองที่หลังผีขุนศึกที่คุกเข่าร้องไห้ เห็นเป็นลายแผนที่เขียนที่เสื้อยันต์ที่ขุนศึกใส่อยู่ สนธยาอ่าน
“บ้านป่าแพรก อโยธยา”
สนธยากับหรั่งมองหน้ากัน อึ้ง
หลวงพ่อหลับตา ยกพานที่ใส่สร้อยพระรอดขึ้นที่อก บริกรรมคาถา หลวงพ่อสวดเสร็จ ส่งพระให้เจนนี่
“ฝากพระรอดนี้ ให้ไอ้สนด้วยนะ”
“แต่สนไม่รับโทรศัพท์ แล้วหนูจะเจอสนได้ไงล่ะคะ หลวงพ่อ”
“ขอเพียงจิตเป็นกุศล หวังดีต่อกัน ยิ่งถ้ามีวาสนาต่อกันแล้ว ก็พบกันได้ไม่ยากหรอกโยม”
“แต่ตอนนี้สนเขาไปส่งผีขุนศึกที่อยุธยานะคะ”
“งั้นรอวาสนาอย่างเดียวไม่ได้ คงต้องพึ่งรถตู้ หรือบขส.ตามไปหาด้วยแล้วล่ะ”
เจนนี่อึกอัก
“แต่หนู...”
“ไอ้สนกำลังตกอยู่ในอันตราย เรื่องอื่นเก็บไว้ในใจก่อนเถอะนะโยม”
เจนนี่หยิบพระรอดมามอง คิดหนัก
สนธยาถอดเสื้อผีขุนศึกมาดูแผนที่ หรั่งมาใกล้ๆช่วยลุ้นยกมือไหว้ท่วมหัว
“สาธุ ลูกช้างอุตส่าห์พาคุณผีมาส่ง ขอ 6 ตัวตรงงวดนี้ ออกบ้านเลขที่คุณผีด้วยเถ๊อะ”
สนธยาเอาให้ผีขุนศึกดู
“นายเคยบอกว่านายเป็นคนป่าแพรก อยุธยา งั้นจำนี่ได้มั้ย”
ผีขุนศึกมองแผนที่
“แผนที่เดินทัพ ใยมันถึงมาอยู่บนตัวกูได้เล่า”
“สงครามสมัยก่อนเขาใช้เวลารบกันเป็นปี บางทีก็สิบปี นายอาจจะลืมว่าเคยเก็บแผนที่ไว้กับตัวก็ได้”
“ถ้าเช่นนั้น ที่เรายืนอยู่คือที่รบพุ่ง เรียกว่าลานไทรใหญ่”
ผีขุนศึกชี้แผนที่ มีภาพวาดตัวหนังสืออธิบายตามที่ผีขุนศึกบอก
“ส่วนบ้านกูอยู่ป่าแพรก ไปทางตะวันออก ข้ามอีก 2 ลำห้วย ผ่านวัดค่ายที่ใช้เป็นฐานที่มั่น ผ่านเนินหิน ถึงต้นมะขามใหญ่...ใช่แล้ว ใต้ต้นมะขาม มีศาลเพียงตากูกับเมียเคยสาบานรักกันที่นั่น” ผีขุนศึกดีใจ “บ้านกูปลูกอยู่หลังต้นมะขาม นี่แหละ ทางกลับบ้าน...ใช่แล้ว ขอบใจมากสนธยา ขอบใจมาก”
สนธยามองหรั่งกับผีเด็กที่ยืนอยู่ ยิ้ม
“ที่จริง เพราะพวกเราช่วยกันต่างหาก...ไป เราจะได้พานายกลับบ้านซะที”
สนธยาพาทุกคนขึ้นรถตู้ ขับออกไป บนหลังคารถตู้ผีข้าศึก 2 ตัว นั่งบนหลังคาติดไปด้วย
รถตู้โทนี่ขับมาจอด ลูกน้องลงจากรถมาเป็นกลุ่ม โทนี่ตามลงมา หน้าโหด ลูกน้องโทนี่คนที่แอบเข้าไปในบ้าน เปิดรั้วออกมา เดินมาสมทบ รายงานสถานการณ์
“ข้างใน พวกช่างไปนอนอู้กันอยู่ในเรือนหอ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงครับนาย”
“งั้นพวกมึงสองคน เฝ้าอยู่ข้างนอก ที่เหลือตามกูมา”
โทนี่เดินนำลูกน้องเข้าเรือนหอไป ทิ้งลูกน้องสองคนไว้เฝ้าที่นอกรั้ว
สนธยาดูแผนที่อย่างกังวล หรั่งขับรถอยู่หันมาถาม
“คุณสนครับ มาทางตะวันออกตามแผนที่ ไม่เห็นมีลำห้วยแม่น้ำ หรืออะไรเลย นี่เราหลงกันรึเปล่าครับเนี่ย”
“ผ่านมาเป็นร้อยปี เขาคงตัดเป็นถนนหมดแล้ว ค่อยๆหาไปก็ได้”
ผีเด็กชี้ไป
“นั่นไง ข้างหน้า มีวัดเก่า”
ด้านนอก ไกลจากรถออกไป เป็นซากเจดีย์ อิฐแดง ไม่เห็นเป็นวัดชัดเจน สนธยาดูแผนที่
“หรือข้างหน้าจะเป็นวัดที่ใช้ตั้งค่าย หรั่ง จอดๆ ลงไปดูก่อน”
รถตู้จอด ทุกคนลงจากรถ ผีขุนศึกตามลงมา เดินไปรอบๆ
“ใช่รึเปล่าคะพี่ขุนศึก” ผีเด็กถาม
“ที่นี่แหละ วัดค่าย เมื่อก่อนมันยังไม่เป็นซากปรักหักพังเช่นนี้” ผีขุนศึกชี้ไป “ตรงไปทางนั้น อีกไม่กี่อึดใจ ก็จะผ่านเนินหิน ต้นมะขาม แล้วบ้านข้าก็อยู่ตรงนั้น”
สนธยามองแผนที่
“ใช่แล้ว ในที่สุด...ไป เรารีบไปกันเถอะ”
สนธยา หันหลังจะ ขึ้นรถตู้ แต่มีดาบสองเล่มมาขวางไว้ สนธยาหันไป ผีข้าศึก 2 ตัวยืนขวางอยู่
“พวกเมิงจะไปไหนไม่ได้”
สนธยา หรั่ง เห็นผีข้าศึก ตกใจ
ลูกน้องโทนี่ ยืนคุมอยู่ที่นอกรั้วเรือนหอ มณฑลแอบดูอยู่ ที่ป่าหญ้าอย่างกังวล
“เรามาช้าไป...”
มณฑลหยิบโทรศัพท์มาโทร...พิมพ์ดาวรับโทรศัพท์
“ว่าไงคะหมวด”
“พวกโทนี่มันเข้าไปที่เรือนหอแล้ว คุณรีบติดต่อสนธยาให้ได้...ให้เขาไปหาคุณอย่าเพิ่งมาที่นี่ ผมจะเข้าไปจัดการโทนี่ที่เรือนหอเอง”
มณฑลวางสาย...พิมพ์ดาวรู้ว่ามณฑลจะเข้าไปที่เรือนหอคนเดียวก็ตกใจ
“หมวด หมวดมณฑลคะ หมวด”
พิมพ์ดาว รู่ว่ามณฑลวางโทรศัพท์ไปแล้ว เป็นห่วง
อ่านต่อหน้า 2
วิวาห์ป่าช้าแตก ตอนที่ 23 (ต่อ)
ผีข้าศึกชี้ดาบมา ขู่สนธยากับหรั่งตกใจ
“ค...ใครอ่ะครับ พี่ขุนศึก เพื่อนกันรึเปล่าครับเนี่ย”
ผีขุนศึกหน้าเครียด ผีข้าศึกคนหนึ่งชี้ดาบไปที่ผีขุนศึก
“ในที่สุดมึงก็กลับมา มึงเป็นหนี้ชีวิตกู กูจะแก้แค้น”
ผีข้าศึกอีกตัวจ้องหน้าผีขุนศึก
“ไอ้ขุนศึก มึงต้องมาสู้กับกูอีกครั้ง กูรอมาจนถึงวันนี้ เพื่อจะลากมึงลงนรก”
“เรื่องในอดีต ขอให้เราเลิกแล้วต่อกันไม่ได้รึไง หยุดจองเวรแล้วอโหสิกรรมให้กันเถอะ” สนธยาไกล่เกลี่ย
ผีข้าศึกหันขวับมาหาสนธยา
“ได้ งั้นกูจะฆ่ามึง ดูสิ มึงจะอโหสิให้กูมั้ย”
ผีข้าศึกเงื้อดาบจะฟันสนธยา ผีขุนศึกถลาเข้ามา ถีบยอดอก ผีข้าศึกเซไป ผีขุนศึกและผีข้าศึกทั้งสอง ใช้ดาบต่อสู้กัน สนธยากับหรั่งมายืนบัง ผีเด็กไว้
“ทำไงล่ะคุณสน สองรุมหนึ่ง พี่ขุนศึกจะรอดมั้ยเนี่ย”
ผีขุนศึกที่ประดาบอยู่ ถูกถีบล้ม ผีข้าศึกจะฟันซ้ำ สนธยาตะโกนบอก
“ระวัง”
ผีขุนศึกกลิ้งตัวหลบ ลุกขึ้นยืนได้ ผีข้าศึกสองตัวเงื้อดาบวิ่งเข้าฟัน ผีขุนศึกเอาดาบรับดาบได้ แต่โดนอีกตัวฟันที่แขน บาดเจ็บ สนธยาตกใจ
“ขุนศึก”
สนธยาอยากช่วย ก้มมองที่พื้น เห็นกิ่งไม้ยาว หยิบขึ้นมา แล้ววิ่งออกไป หรั่งหน้าตื่น
“อ้าวเฮ้ย คุณสน จะบ้ารึไง เรื่องของผีจะไปแจมได้ไง กลับมา”
สนธยาวิ่งเข้าไปกระโดดถีบผีข้าศึกล้มลง แล้วเอาหลังพิงผีขุนศึก สู้ศึกสองด้าน ผีข้าศึก บุกเข้ามาหน้าหลังคนละด้าน ผีขุนศึกกับสนธยาแยกกันสู้ ผีข้าศึกคนหนึ่งฟันดาบใส่ สนธยา เอากิ่งไม้รับ ผีข้าศึกฟันซ้ำอีก สนธยาเอากิ่งไม้ยันไว้แต่ถูกดาบกดลง จนดาบมาจ่อหน้า ผีขุนศึกที่สู้อยู่หันมาเห็น ตกใจ
“สน”
ผีขุนศึกใช้ปลายดาบกระแทกหน้าผีข้าศึกเซไป แล้ววิ่งไปช่วยสนธยา เอาดาบเสียบร่างผีข้าศึกทะลุ ผีข้าศึกตัวนั้นโดนดาบแทง หันมามองผีขุนศึก แค้นๆ
“มึง”
ผีข้าศึกร่างค่อยๆสลายไป ผีข้าศึกอีกตัวเห็นเพื่อนตาย เจ็บใจ วิ่งเข้ามาจะลุย
“ย๊าก”
ผีขุนศึกมองหน้าสนธยา พยักหน้า ลุยพร้อมกัน ชูดาบ กับไม้ วิ่งเข้าใส่
“ย๊าก”
ผีข้าศึกตกใจ เปลี่ยนใจ วิ่งถอยหลัง หนีสนธยากับขุนศึกไป
“ย๊าก”
ผีขุนศึกหัวเราะลั่น สนธยายิ้ม ผีเด็กยกนิ้ว
“สุดยอดเลยคุณพี่”
ผีขุนศึกตบบ่าสนธยา
“ขอบใจนะ เพื่อนยาก”
“ฉันบอกแล้ว เราจะไม่ทิ้งกัน...ไป รีบกลับบ้านนายกันเถอะ”
ผีขุนศึก หรั่ง ผีเด็กพยักหน้ายิ้มให้กัน
สนิท ชมพู่ อาสา นอนหลับกลางวันกันอยู่ที่พื้นในเรือนหอ มีเท้ามาสะกิดไหล่สนิทยังนอนหลับตาอยู่ เอามือปัดๆ ไม่รู้ตัว
“ไรวะ คนจะนอน”
โทนี่ยืนอยู่ยิ้ม แล้วกระทืบสนิทที่หน้าเต็มแรง
“โอ๊ย”
สนิทสะดุ้งตกใจตื่น เอามือกุมจมูกเลือดออก อาสากับชมพู่ ตื่นขึ้น
“ไอ้ห่าน กูไปทำไรให้มึง ถึงมากระทืบกูแบบนี้” สนิทโวยวาย
“จำกูไม่ได้รึไง”
“ไอ้นี่ ที่เคยมาบุกเรือนหอเรา แล้วโดนคุณผีหลอกจนฉี่ราดนี่หว่า ฮ่าๆ” ชมพู่หัวเราะร่า
โทนี่ยิ้ม เตะปากเลยชมพู่หน้าหัน เลือดกบปาก อาสา รีบเข้าไปประคอง
“ใช่กูเอง แต่คราวนี้พวกมึงไม่มีผีคุ้มกะลาหัวแล้วใช่มั้ย ถ้างั้นก็เตรียมตัวตายซะ”
กลุ่มลูกน้องโทนี่เดินมาสมทบ เดินเข้าหาพวกสนิท กลัว โทนี่ยิ้ม สะใจ
หรั่งขับรถตู้มาตามถนนอย่างงงๆ
“ออกจากวัดค่าย เจอเนินดิน เนินดินนี่กลายเป็น 4 แยกแล้วหรือเปล่าคุณสน”
“อาจใช่ก็ได้ ลองเดินหาเลยดีกว่า จอดเลยหรั่ง จอดๆ”
รถตู้จอด พวกสนธยาลงจากรถ สนธยามองไปรอบๆ ชี้ไปตามทาง ประเมินจากแผนที่
“เมื่อกี้เรามาจากวัดค่ายที่อยู่ตรงนั้น ตรงมามีสะพาน ถ้าตรงนั้นเป็นเนินดิน งั้นต้นมะขามก็ต้องอยู่แถวนี้”
หรั่งคิดตาม
“สมมติต้นมะขามอยู่แถวนี้ งั้นใต้ต้นมะขามก็มี...”
ผีขุนศึกแทรกขึ้น
“ศาลเพียงตา”
“นั่นไง ศาลอยู่นั่น”
ผีเด็กชี้ออกไปไกล เห็นศาลไม้อยู่ลิบๆ
สนธยาวิ่งมาที่ศาลไม้เก่าๆ เล็กๆ สภาพผุพัง หรั่งวิ่งตามมา
“จริงด้วย มีศาลอยู่ตรงนี้จริงด้วย”
หรั่งไหว้
“สาธุ ฝุ่นจับเก่ากึ๊กขนาดนี้ ต้องเป็นศาลที่พี่ขุนตามหา เป๊ะๆ”
ผีขุนศึกดีใจ
“ใช่แล้ว กูรู้สึกได้ กูเคยสาบานรักกับเมียที่นี่”
“งั้นต้นมะขามเก่าอาจถูกตัดไป แล้วเคยอยู่ตรงนี้” สนธยาชี้ที่ยืนอยู่
ผีขุนศึกดีใจ
“ใช่แล้ว ถ้าต้นมะขามอยู่ตรงนี้ ศาลเพียงตาอยู่ตรงนี้ ข้างหลังกูก็เป็น...”
ทุกคนหันหลังไป อึ้ง มีตึกโลตัส ตั้งอยู่ เห็นป้ายชัดเจนใหญ่ยักษ์ ทุกคนตกใจ
“โลตัส”
ผีขุนศึกส่ายหัว
“ไม่...ไม่จริง ม่าย”
ผีขุนศึกตกใจบ้านที่หวังจะเจอกกลายเป็นโลตัส โกรธ อึ้ง ชี้ไป
“ม...ไม่ นี่ไม่ใช่เรือนกู ท...ทำไม ทำไมเรือนกู ถึงกลายเป็นปราสาท ราชวัง ใหญ่โตเช่นนี้”
สนธยาชะงัก
“เอ่อ ใจเย็น นี่ใม่ใช่วัง นี่โลตัส”
“ช...ใช่ คุณผี นี่โลตัสเป็นห้างใหญ๊ใหญ่ ข้างในมีของเยอะแยะ แถมมีเป็นร้อยสาขา ยังไงก็ไม่ใช่บ้านคุณผีแน่ๆ” หรั่งอธิบาย
สนธยากัดฟันยิ้ม
“ช่วยได้มากเลยหรั่ง จะย้ำหาพระแสงอะไรเล่า”
ผีขุนศึกโกรธกระชากคอหรั่งกับสนธยามาตะคอก หรั่งกลัว ยกมือไหว้
“ถ้านี่ไม่ใช่เรือนกู แล้วใยมึงพากูมาที่นี่ มึงหลอกกูทำไม”
ผีเด็กมองเห็นอีกาบินไปก็ตกใจ
“แย่แล้ว พี่สนกำลังตกอยู่ในอันตราย อย่าเพิ่งเป็นไรนะพี่สน”
ผีเด็กหายตัวไปทันที
ค่ำนั้น เจนนี่ลงจากรถตู้กรุงเทพ-อยุธยา สะพายเป้เล็กๆมา โทรศัพท์อยู่ หน้าหงิกใกล้ๆ กับที่เจนนี่ยืนมีรถกระบะจอดสตาร์ทอยู่ เจนนี่เอาโทรศัพท์มาดู บ่นๆ
“โทรไปก็ไม่รับ แล้วจะให้ฉันไปตามที่ไหนเนี่ย”
เจนนี่มองไปรอบๆ ไม่รู้จะไปไหน ผีเด็กปรากฏตัวมาข้างๆแต่เจนนี่มองไม่เห็น
“พี่เจนนี่ ตามหนูมา ไปช่วยพี่สนเร็วเข้า”
เจนนี่ไม่ได้ยินผีเด็ก กดโทรศัพท์หาสนธยาอีก
“โอย ก็บอกให้ตามมานี่ไง พี่สนโดนตื๊บอยู่ รับโทรศัพท์ไม่ได้”
“รับสิสน รับสิ”
“ไม่ฟังใช่มั้ย งั้นเอามานี่”
ผีเด็กกระโดดแย่งโทรศัพท์จากเจนนี่ แล้วโยนไปที่ท้ายรถกระบะที่จอดอยู่ เจนนี่ที่เหมือนโดนดึงโทรศัพท์ไป ตกใจ เห็นโทรศัพท์ลอยไปตกที่ท้ายรถกระบะ
“เฮ้ย”
รถกระบะขับออกไป ผีเด็กอยู่ที่ท้ายรถกระบะแล้ว กวักมือเรียก
“มาเร็ว ตามมานี่ เร็วเข้า”
เจนนี่มองซ้าย ขวา เห็นมอเตอร์ไซค์รับจ้างจอดอยู่ รีบขึ้นไปซ้อน
“พี่ๆ ตามรถกระบะคันนั้นไป ด่วนเลย”
มอเตอร์ไซค์รับจ้างซ้อนเจนนี่ ขับตามรถกระบะไป
อ่านต่อตอนที่ 24
วิวาห์ป่าช้าแตก ตอนที่ 24
สนิทโดนลูกน้องโทนี่ล็อคตัว อีกคนต่อยหน้าสนิท ซ้ายขวาๆ สนิทหน้าหันตามซ้ายขวาๆ ลูกน้องโทนี่ หยุดต่อย สนิทยังหน้าหันต่อ ซ้ายขวาๆๆ อาสากับชมพู่ที่ โดนลูกน้องโทนี่คุมอยู่ ตกใจ
“พอแล้ว”
สนิทเลือดกบปาก พูดไป
“ที่จริง กูพอตั้งแต่ทีแรกแล้ว...แล้วกูว่ามึงก็ควรจะพอเหมือนกัน...ต่อยอยู่ได้ ไม่รู้รึไง กูเจ็บ”
โทนี่ยิ้ม เดินมาหาสนิท
“งั้นฉันจะให้โอกาสพวกแก ถ้าไม่อยากตาย ก็เผาเรือนหอนี่ซะ”
“ไม่...กูเป็นช่างก่อสร้าง กูมีแต่สร้างๆ ไม่มีทางทำลายเว้ย แล้วที่สำคัญ กูไม่มีวันทรยศคุณสนเด็ดขาด”
โทนี่ต่อยหน้า สนิทหน้าหัน
“ตามใจ งั้นกูจะสงเคราะห์ให้”
โทนี่หยิบปืนมาขึ้นลำ จะยิงสนิท เสียงมณฑลดังขึ้น
“หยุดนะ โทนี่ วางปืนซะ”
โทนี่หันไป มณฑล เข้ามา เล็งปืนมาที่โทนี่
ผีขุนศึก กระชากคอ สนธยากับหรั่งจะเอาเรื่อง
“กูนี่มันโง่จริงๆ ที่หลงไว้ใจพวกมึง ขนาดกูเป็นผีพวกมึงยังหลอกผี อยากตายกันใช่มั้ย”
“ไม่นะขุนศึก เราเป็นเพื่อนกัน ฉันไม่มีวันหลอกนาย เชื่อฉันสิ” สนธยาบอก
“ใช่ พวกเราอุตส่าห์เสี่ยงตายช่วยกันมา จะหลอกกันทำไมล่ะครับ” หรั่งหวาดกลัว
ผีขุนศึกชะงัก คิดทบทวน สับสน ปล่อยมือ
“แล้วทำไม ทุกอย่างถึงเป็นเยี่ยงนี้”
สนธยาเห็นใจ
“เสียใจด้วยนะขุนศึก แต่เราต้องรับความจริงว่าเวลาทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป รวมทั้งเรื่องของนาย มันคงไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกแล้ว”
ผีขุนศึกเศร้าหมอง
“ถ้าเช่นนั้น ลูกเมียของกู...”
สนธยาจับบ่า
“เวลาผ่านไปเป็นร้อยปี ลูกเมียนายคงไม่อยู่แล้วล่ะ”
ผีขุนศึกเสียใจ
“ไม่...ไม่จริง นี่กูต้องกลับไปอยู่ที่เรือนมึงหรือนี่”
สนธยาสะดุ้ง
“หือ”
“ในเมื่อเรือนกูเปลี่ยนไปเช่นนี้ ถ้าไม่มีลูกเมียอยู่ แล้วกูจะอยู่ไปทำไม”
“จ...ใจเย็นขุนศึก ถึงลูกเมียนายไม่อยู่ แต่วิญญาณเขาอาจยังรอนายอยู่ก็ได้”
สนธยาสะกิดหรั่งให้ช่วย
“ช...ใช่ ตอนผีนางทาส วิญญาณคุณหลวงก็รอแบบนี้แหละ ยิ่งที่นี่เป็นโลตัสด้วย ของเยอะ ช็อปรอกันเพลินเลยล่ะ”
ผีขุนศึกมีหวังทันที
“พี่พวกเอ็งพูดจริงรึ”
สนธยากับหรั่ง อึ้งๆ ยิ้ม พยักหน้า เอาตัวรอด
มณฑลบุกเข้ามาช่วยพวกสนิท เล็งปืนไปที่โทนี่
“แกถูกจับแล้วโทนี่ ข้อหาพยายามฆ่า ปล่อยพวกนั้นไป แล้วมอบตัวซะ”
โทนี่ยิ้ม
“แกคิดว่าแกคนเดียว จะหยุดพวกฉันได้งั้นเหรอวะ”
ลูกน้องโทนี่ ชักปืนออกมา เล็งไปที่มณฑลทันที ชมพู่สะอื้น
“ฮือ ตอนแรกนึกว่าจะมาช่วย ตอนนี้น่าจะมาซวยแล้วล่ะ คุณตำรวจ”
“...ฆ่ามัน” โทนี่สั่งการ
มณฑลเงยหน้ามองที่เพดาน เห็นแผงหลอดไฟแบบยาว ยิงใส่ทันที หลอดไฟแตกกระจาย พวกโทนี่ โดนเศษหลอดไฟตกใส่ ยกมือบังหน้า
“ไป”
มณฑลวิ่งนำไป พวกสนิทได้โอกาส ผลักพวกลูกน้องมณฑลล้มลง วิ่งหนี โทนี่รู้ตัว ยิงปืนไล่หลังพวกสนิทรัว แล้วตะโกนสั่งลูกน้อง
“รีบตามไปสิวะ”
ห้างโลตัส ยังเปิดอยู่ สนธยา หรั่ง ผีขุนศึกมาเดินที่แผนกเครื่องครัว ผีขุนศึก ดูของรอบๆตัว ประหลาดใจ
“ข้าวของช่างมากมาย แล้วนี่ลูกเมียข้า จะไปสิงอยู่ที่ไหนกัน”
ผีขุนศึกหยิบหม้อสแตนเลสบนชั้นมาเปิด หรั่งกับสนธยาเดินตามมา แอบเมาท์หาวิธี
“เมียบ้าอะไรไปสิงอยู่ในหม้อ” หรั่งมองซ้ายขวา “รีบหาลูกเมียให้คุณผีเถอะคุณสน เกิดใครมาเห็นเข้า มีหวังห้างแตกแน่”
สนธยากระซิบ
“ดูจนทั่วแล้ว ยังไม่เห็นผีตัวอื่น แล้วจะให้หาที่ไหนล่ะ”
ผีขุนศึก เปิดตู้เย็น มองเข้าไปดู ตะโกนถาม
“กระถิน...เอ็งอยู่ในนี้รึเปล่า กระถิน ตอบพี่สิ กระถิน”
หรั่งส่ายหน้าเซ็ง
“โอย ไปถามที่แผนกผักมั้ย ไม่ก็ถามประชาสัมพันธ์ก็ได้ ตะโกนหาในตู้เย็น ตู้เย็นที่ไหนจะตอบล่ะครับ”
ผีขุนศึกหันมาดุ
“อ้าวไอ้นี่ เอ็งบอกวิญญาณเมียข้าอยู่แถวนี้ ถ้าข้าไม่เรียกเมียข้า แล้วมันจะออกมามั้ยล่ะวะ”
สนธยานึกได้
“ใช่แล้ว เราต้องเรียกวิญญาณลูกเมียขุนศึกออกมา ฉันรู้แล้วว่าจะหาลูกเมียขุนศึกได้ที่ไหน”
ขุนศึกกับหรั่งมองหน้ากันงงๆ สนธยาแววตามีหวัง
ลูกน้องโทนี่วิ่งออกมาที่หน้าเรือนหอ จะตามหาพวกสนิท โทนี่เดินตามหลังมา ตะโกนสั่ง
“หาให้ทั่ว อย่าปล่อยให้รอดไปได้ ฆ่ามันให้หมด”
มณฑล สนิท ชมพู่ อาสา มาหลบหลังแคมป์ หอบเหนื่อย
“เอาไงอ่ะน้า เมื่อกี้ถูกยิงเฉียดหัวไปเกือบตาย เขายังไม่อยากตาย” ชมพู่กลัวตัวสั่น
“ไม่อยากตาย ก็หนีสิวะ” อาสาจะไป
สนิทดึงไว้
“มึงหูหนวกรึไง เมื่อกี้มันบอกจะเผาเรือนหอ ถ้าเราหนีไป เรือนหอเหลือแต่ตอแน่”
“แต่เราคนน้อยกว่า อาวุธก็ไม่มี แล้วจะสู้มันยังไง” อาสาแย้ง
“กูเป็นช่างนะไม่ใช่ทหารรับจ้าง คิดว่ากูรู้รึไง...” สนิทหันไปหามณฑล “เอาไงดีคุณตำรวจ”
“ถ้าจะรักษาเรือนหอไว้ เราก็ต้องไล่มันไปจากที่นี่”
ชมพู่เซ็งเลย
“อันนั้นน่ะรู้แล้ว แต่จะไล่มันยังไง มันมีปืนเห็นมั้ย จะให้วิ่งไปถุยน้ำลายใส่ ให้มันกลัวรึไง”
สนิทนึกได้
“เฮ้ย กูนึกออกแล้ว ว่าจะทำให้มันกลัวได้ยังไง”
“ยังไงวะน้า” อาสาสงสัย
“คราวที่แล้ว ไอ้โทนี่กลัวจนฉี่ราดเพราะอะไร มึงจำได้มั้ย”
ชมพู่กับอาสามองหน้ากัน
“ผี”
มณฑลงง
“ผี”
“ใช่ คนดีผีคุ้ม นี่เป็นทางรอดสุดท้าย ยังไงก็ต้องลองดูสักตั้งล่ะวะ”
สนิทแววตามีแผน เอาจริง
อ่านต่อหน้า 4
วิวาห์ป่าช้าแตก ตอนที่ 24 (ต่อ)
ไฟในโลตัสทยอยดับลง เหลือเพียงไฟสลัวๆ...บริเวณแผนกอุปกรณ์เดินป่า สนธยากับหรั่ง คลานออกมาจากเต้นท์ที่ตั้งโชว์ ยืนอยู่กลางโลตัส ที่ไฟดับเกือบหมด สนธยาถือถุงโลตัส มีกระดาษแข็ง ธูป ไฟแช็ค แก้วน้ำเล็ก อยู่ด้วย
“เอาล่ะ ไม่มีใครแล้ว เริ่มพิธีได้”
สนธยาเอากระดาษแข็งกางกับพื้น เห็นเป็นตารางเล่นผีถ้วยแก้ว มีพยัญชนะ สระ ตัวเลข ใช่ / ไม่ หรั่งมองอึ้งๆ
“โห ใช้วิธีถามผีถ้วยแก้วเลยเนี่ยนะคุณสน โบราณมั่กๆ”
“เอาน่ะไม่มีวิธีอื่นแล้ว รีบจุดธูปเชิญดวงวิญญาณลูกเมียขุนศึกมาสิงในแก้วเร็วเข้า”
หรั่งเอาธูปมาจุด
“ขอเชิญดวงวิญญาณที่อยู่แถวนี้มาสิงสถิตย์อยู่ในแก้วด้วยเถิด...สาธุ”
“เสร็จแล้ววางนิ้วบนถ้วย ห้ามเอามือออกจนกว่าจะทำพิธีเสร็จเด็ดขาด...พร้อมนะ”
หรั่งส่ายหน้ายิก สนธยาไม่สนดึงมือหรั่งจิ้มบนถ้วยที่วางอยู่บนตารางผีถ้วยแก้วแล้วถามเลย
“ตอนนี้ มีดวงวิญญาณมาสิงสถิตย์อยู่ที่นี่แล้ว ใช่หรือไม่”
ถ้วยแก้ว ค่อยๆ ขยับไปที่คำว่า ใช่หรั่งหน้าเหวอ
“เอาแล้วไง เขาบอกว่า ใช่ มาแล้วจริงด้วย”
“ถ้าเช่นนั้น ดวงวิญญาณที่มา คือวิญญาณลูกเมียขุนศึกใช่หรือไม่”
สนธยากับหรั่งลุ้น ถ้วยแก้วเลื่อนไปที่คำว่า ไม่แน่ หรั่งชะงัก
“ไม่แน่ อ้ะแน้ะ มีไม่แน่ด้วยเว้ยเฮ้ย กวนติงซะแล้ว”
“ขอร้องเถอะครับ ช่วยบอกเราตามความเป็นจริงด้วย ตกลงท่านคือวิญญาณคุณกระถินรึเปล่าครับ”
ถ้วยขยับไปที่คำว่าไม่ หรั่งหน้าตื่น
“ซวยแล้ว...แปลว่าวิญญาณอื่นมาแจม ยังไงวะเนี่ย”
“ใจเย็นๆ...ถ้าท่านไม่ใช่วิญญาณกระถิน ลูกเมียขุนศึก แล้วท่านรู้จักลูกเมียขุนศึกหรือไม่”
ขาดคำสนธยา แก้ว ขยับไปที่ตัวอักษร ร.เรือ-สระอู-ไม้โท สนธยากับหรั่งดีใจ
“รู้”
“งั้นบอกเราได้หรือไม่ ว่าท่านเป็นใครกันแน่”
แก้วขยับไปที่ตัวอักษร ก.ไก่-สระอู - สระเอ - อ.อ่าง - ง.งู สนธยากับหรั่งอ่าน
“กู...เอง...ห๊ะ กูเอง”
ผีขุนศึกยื่นหน้ามาหาสนธยา
“ก็กูนี่ไง”
สนธยาสะดุ้ง
“เฮ้ย ขุนศึก จะบ้ารึไง หัวใจจะวายหมด”
“พวกเอ็งสิบ้า ข้ายืนหัวโด่อยู่นี่ จะจุดธูปเรียกทำไมวะ”
หรั่งครุ่นคิด
“แย่แล้ว ขนาดเชิญวิญญาณยังไม่มา หรือว่าลูกเมียพี่ขุนศึกไม่อยู่แล้วจริงๆ...นี่เราหมดหวังแล้วเหรอเนี่ยคุณสน”
ผีขุนศึกหันมอง สนธยาหน้าเสียหมดหวัง ขณะเดียวกันนั้น รปภ. ตัวใหญ่ หน้าคล้ายผีขุนศึก เอาไฟฉายส่องมา
“ทำอะไรน่ะ”
หรั่งกับสนธยาเห็นรปภ.ก็ตกใจ
“หนีก่อนเร็ว คุณสน”
หรั่งลากสนธยาวิ่งหนีไป
เจนนี่นั่งมอเตอร์ไซค์ แซงรถกระบะมา โบกให้รถกระบะจอดริมถนน หน้าโลตัส เจนนี่ จ่ายเงินมอเตอร์ไซค์ แล้วรีบวิ่งไปที่รถกระบะ
“ขอโทษค่ะ พอดีโทรศัพท์หนูตกอยู่ท้ายกระบะ ขอคืนด้วยนะพี่”
คนขับพยักหน้า เจนนี่วิ่งไปหยิบโทรศัพท์ท้ายกระบะ แล้ววิ่งมายกมือไหว้คนขับ
“ขอบคุณค่ะ”
คนขับพยักหน้ารับ แล้วขับรถกระบะออกไป ผีเด็กยืนอยู่ข้างถนนแล้ว
“เร็วพี่ รีบไปช่วยพี่สนเร็ว ไม่ทันแล้ว”
ผีเด็กดึงมือเจนนี่วิ่งไปเลย เจนนี่ตกใจ เหมือนโดนอะไรบางอย่างลากไปแต่มองไม่เห็น
“เฮ้ยๆ อะไรเนี่ย ปล่อย”
โทนี่ยืนอยู่หน้าเรือนหอ หงุดหงิด ลูกน้องวิ่งมารายงาน
“หาจนทั่วแล้ว ไม่เจอเลยครับนาย”
“คนของเราสลบอยู่ที่รั้ว มันอาจจะหนีไปแล้วก็ได้นะครับนาย”
โทนี่ยิ้มเย้ย
“ไอ้พวกกระจอก...งั้นก็เผาเรือนหอมันซะ แล้วอย่าเสือกทิ้งหลักฐานไว้เด็ดขาด”
ทันใดนั้นเสียงหมาหอนดังไปทั่ว ลูกน้องโทนี่ มองหน้ากันหวาดๆ โทนี่อารมณ์เสีย
“รออะไร รีบไปเผาสิวะ”
ลูกน้องคนหนึ่งมองไปบนหลังคาเรือนหอแล้วตกใจ
“นายครับ น...นั่น”
ลูกน้องชี้ไป โทนี่ หันไปบนหลังคา ผีผู้หญิงผมยาว ปิดหน้า ชุดขาว นั่งห้อยขาอยู่ซึ่งคืออาสาปลอมเป็นผี โทนี่หน้าเหวอ
สนธยากับหรั่ง วิ่งหนี รปภ.มาหลบท้ายรถกระบะ หอบเหนื่อย
“ขืนกลับเข้าไป โดนจับแน่ ไว้วันหลังมาใหม่ดีกว่าคุณสน”
“ไม่ ฉันจะไม่ยอมแพ้เด็ดขาด เราต้องช่วยขุนศึกให้ได้”
ผีขุนศึกปรากฏตัวตามมา
“ขอบใจในน้ำใจเอ็งมาก งั้นข้าจะช่วยเอ็งกุดหัวมัน”
“จะบ้าเรอะคุณผี นี่เราไม่ได้อยู่ในสงครามนะ อยู่ดีๆจะไปฟันหัวใครเล่น โหดไปป่ะเนี่ย” หรั่งโวย
“ใจเย็นขุนศึก นายแค่อย่าเพิ่งปรากฏตัวให้ใครเห็นก็พอ ที่เหลือฉันจัดการเอง”
“ตามใจเอ็ง ก็แล้วกัน”
ผีขุนศึกหายตัวไป
“โอเค ขาโหดไปแล้ว งั้นคุณสนตามหาวิญญาณต่อ ส่วนผมจะล่อยามไปที่อื่นเอง”
หรั่งจะไป สนธยาดึงไว้
“แล้วนายรู้เหรอว่าตอนนี้ยามอยู่ที่ไหน”
รปภ.ยืนอยู่ท้ายกระบะ เหนือหัวสนธยากับหรั่งที่ซ่อนอยู่
“อยู่นี่”
สนธยากับหรั่งมองขึ้นไป รปภ.กระโดดใส่สนธยาเลย หรั่งตกใจ
“คุณสน”
ลูกน้องโทนี่เห็นผีผู้หญิงห้อยขาอยู่ พากันกลัว ลูกน้องคนหนึ่งชี้ไป
“นายครับ ผ...ผีครับ เอาไงดีครับนาย”
ลูกน้อง อีกคนไม่กลัว
“มึงรู้ได้ไง ว่าเป็นผี”
“ไอ้หอก มืดขนาดนี้ คนบ้านมึงรึไง จะไปนั่งห้อยขาบนหลังคา แถมคราวที่แล้ว นายมาก็เจอผี ไม่เชื่อถามนายสิวะ”
“เดี๋ยวกูพิสูจน์เอง”
โทนี่หยิบปืนมา ตั้งท่าจะยิง ผีผู้หญิงบนหลังคา ชี้มาทันที ปืนโทนี่กระเด็นหลุดมือ โทนี่หน้าเหวอ..มุมหนึ่งข้างเรือนหอ มณฑลใช้ปืนเก็บเสียงซุ่มยิงอยู่ ยิ้มๆ ลูกน้องโทนนี่กลัว โวยวาย
“ซวยแล้วมึง ผ...ผี ผีผลัก ไม่ไหวแล้ว กูไม่อยู่แล้ว”
ลูกน้องจะวิ่งหนีโทนี่ยิงลูกน้องกลางหลัง ลูกน้องล้มลง
“ใครหนีอีก มึงตาย”
ลูกน้องหันมาถาม
“แล้วเราจะสู้กับผียังไงล่ะครับนาย”
โทนี่สติแตกโวย
“ก็หาวิธีเข้าสิวะ”
ทันใดนั้นเสียงหัวเราะดังไปทั่ว โทนี่กับลูกน้องมองไปรอบๆ พากันกลัวที่ประตูหน้าต่างเรือนหอ เปิด ปิด ๆ เหล่าลูกน้องหน้าเหวอ ลูกน้องมองไปบนหลังคา ตกใจ
“ห...หายไป...ผีหายไปแล้วครับนาย”
โทนี่หันมองที่หลังคา ว่างเปล่า ผีหายไป ลูกน้อง ยืนอยู่เยื้องกับระเบียงชั้น 2 มีเลือดหยดลงมาโดนตัว ลูกน้องปัดๆ
“อะไรวะ”
ลูกน้องเห็นเลือดหยดลงมาตกใจ เงยหน้ามองขึ้นไปหน้าชมพู่ เลือดท่วม ผมยาว ห้อยหัวลงมา จากระเบียงชั้นสอง ลูกน้องคนนั้นร้องลั่น
“ผ...ผี จ๊าก”
โทนี่กับพวกลูกน้อง เงยหน้าขึ้นมองเห็นชมพู่ห้อยหัวอยู่ วิ่งหนีทันที
“จ๊าก”
อาสาที่อยู่ในชุดขาว ใส่วิกผมยาวกับสนิท จับขาชมพู่ คนละข้าง ห้อยหัวอยู่ หัวเราะขำ
เจนนี่ถูกผีเด็กลากมาแต่ไม่เห็นตัว เธอตัดสินใจ ยื้อไว้ สะบัดมือ
“ปล่อย จะพาฉันไปไหนเนี่ย ปล่อย”
ผีเด็กปรากฏตัว หกล้ม ลุกขึ้น หันมาคุยกับเจนนี่
“หนูก็จะพาพี่ไปช่วยพี่สนไงเล่า”
“หนู...นี่หนูที่มาช่วยปล่อยผีกับพวกเรางั้นเหรอ”
“ใช่ แต่ตอนนี้พี่สนกำลังอยู่ในอันตราย รีบไปช่วยเร็วเข้า”
“ห๊ะ แล้วไม่บอกแต่แรกล่ะ”
“ก็หนูปรากฎตัวไม่ได้ ก็เพราะ...”
เสียงอีการ้องดังไปทั่ว ผีเด็กมองไปตกใจปิดหู
“แย่แล้ว มันมาแล้ว มันมาแล้ว”
ผีเด็กหายตัวไปทันที
“หนูๆ แล้วสนอยู่ไหนล่ะ บอกมาสิ”
เจนนี่หน้าเซ็ง มองซ้ายขวามือลึกลับอ้อมมาปิดปากเจนนี่ แล้วดึงตัวไป
อ่านต่อตอนที่ 25 / 17.00 น.