คู่กรรม ตอนที่ 23
ฝ่ายตาบัวกะตาผล เหลียวซ้ายแลขวาไปมาอย่างระวังระไวอยู่ที่ท่าน้ำตา อังศุมาลินถดตัวถอยออกมาจากตัววนัส เพื่อจะได้มองให้ถนัด ให้แน่ใจที่เห็น ว่ามีตัวตนจริง แต่มือยังจับกันอยู่
อังศุมาลินมองเห็นว่าเป็นวนัสจริงก็ทำท่าจะร้องไห้ ไม่อยากเชื่อ เพราะหายไปนับ 3-4 ปี
“...นัส..นัสจริงๆ..นี่..มาได้ยังไง ไหนว่าถูกขังอยู่สันติบาล แล้วที่บาดเจ็บละ นัสเป็นอะไร ตรงไหน นัสให้เขาดูซิ” อังศุมาลินถาม รัวเร็วเป็นชุด
“ถามทีละอย่างซิ” วนัสหัวเราะ “เค้าคิดถึงตัวมากรู้ไหม ยิ่งเห็นหน้าก็ยิ่งพูดอะไรไม่ถูก ตอนที่ถูกจับก็คิดอยู่อย่างเดียวว่าจะเป็นจะตายยังไงไม่ว่า แต่ขอให้ได้มาเห็นบ้านสักนิด เจออังสักหน่อยก็พอ”
“แล้วนี่หนีเขามาเหรอ”
“ไม่ ไม่ต้องหนี เรารู้กัน กลางคืนเขาจะปล่อยพวกเรามาทำงาน กลางวันก็เข้าไปอยู่ในห้องขังให้คนอื่นๆเห็นเสียหน่อย อังเป็นไง..สบายดีไหม”
อังศุมาลินพูดไม่เต็มคำนัก
“ก็...สบายดี
ฝ่ายโกโบริล้างหน้าเสร็จ เช็ดอย่างไวๆ หยิบเสื้อเครื่องแบบตัวใหม่สะอาดๆ มาใส่ ติดดุมรีบๆ หน้าตาสดใสขึ้นมาก เอาผ้าเช็ดหน้าของอังศุมาลินมามองดู ทอดถอนใจ ห้ามไม่ได้ที่จะรักและเลือกยอมแพ้ โกโบริเอาผ้าเช็ดหน้าสีโอลด์โรสมาพกพา ตัดสินใจ จะไปง้ออีกครั้ง
โกโบริเดินออกมา พกดาบซามูไรมาด้วยเพราะดึกมากแล้ว
พอดีเคสุเกะ เดินนำพวกคนงาน จะไปทางครัว
“อ้าวๆ เร็วๆๆ พักกินมื้อค่ำอย่างเร่งรีบเลยนะ คืนนี้ คงต้องทำงานกันทั้งคืน” เคสุเกะหันมา เห็นโกโบริ จึงร้องทัก “อ้าว..นายช่าง..มีบะหมี่เย็น จะกินไหมครับ”
“อ้อ..ฉันก็ว่าจะแวะไป..กินอะไรที่บ้านเสียหน่อย แล้วค่อยเลยไปบางกอกน้อย ไปเอาของที่ขาดมาให้ครบ”
หมอทาเคดะผ่านมาพอดี
“โกโบริน่าจะพักบ้างนะ กลับบ้านไปแล้วไม่ต้องทำอะไรแล้ว ทำงานมากเกินไป มันจะไม่สบายเอา”
ฮิชิดะตามมาสมทบตรงนั้นอีก บอกทุกๆ คน
“ทุกคนๆ...ไม่ต้องกลับมาแล้ว คืนนี้อากาศร้อนเกินไป เดี๋ยวไปเอาของที่บางกอกน้อย แล้วกลับมาพักผ่อนกันเถอะ ค่อยทำกันใหม่พรุ่งนี้เช้าดีกว่า ทุกคนก็เหนื่อยมากแล้ว”
“ดีเลย ฮิชิดะ งั้นเดี๋ยวคุณกินอาหารเสร็จแล้ว...แวะไปรับผมที่ท่าน้ำหน้าบ้านด้วยก็แล้วกัน”
ฮิชิดะรับคำ “ตกลง”
คนอื่นๆ เดินมุ่งไปโรงครัว
โกโบริเดินจะไปบ้านอังศุมาลิน มีหมอทาเคดะตามมา
“โกโบริ”
“มีอะไร”
“อยากฝากไปบอกอะไรอังศุมาลินซังหน่อย”
“บอกมา”
“บอกอังซัง...ว่า...คุณ...จะทำตัวให้ดีกว่านี้ จะไม่บ้างาน จะไม่ห่วงอย่างอื่น มากไปกว่า..อังซัง กับลูก”
โกโบริอึ้ง
“ทำไม พูดไม่ได้เหรอ” หมอถาม
โกโบริทำหน้างอ นิดๆ “เรื่องแบบนี้ หมอไม่ต้องมาสั่งให้บอกหรอก ผมรู้หรอกน่า ว่าจะพูดยังไง”
“พูดให้ได้ก็แล้วกัน” หมอทาเคดะหัวเราะชอบใจ แล้วเดินแยกไป
โกโบริมองตาม อดยิ้มเขินๆ ออกมาไม่ได้ ตั้งใจว่า จะลองทำ ให้ดีที่สุด
ดึกมากแล้วตาบัวกะตาผล สอดตามองระวังระไว ตบยุงไปมา
ตาบัวเกาคันแกรกๆ “ไอ้จิ๋มหนึ่ง แกว่า” พลางมองๆ ไปทางอู่ “จะมีเรือไอ้ยุ่นผ่านมาซักลำมั้ยวะตอนนี้”
ตาผลฉุน “ปากนะเอ็ง เข้าป่าอย่าพูดถึงเสือ ลงเรืออย่าพูดถึงตะเข้”
“แล้วถ้ามันมา เอ็งกะข้าจะพายทันหนีเหรอวะ”
“เออ...”
ตาผลคิดตาม เหลียวมองตาบัว ก่อนหันระไวระไวกันต่อไป
ด้านวนัสยังจับกุมมืออังศุมาลินไว้แน่น
“แล้วอังล่ะ คิดถึงเค้ามั้ย”
อังศุมาลินไม่ตอบ และพูดไม่เต็มเสียงนัก “นัส..เราจากกันไปนานเหลือเกิน ทั้งบ้านเมืองทั้งอะไรๆ ที่นี่มันเปลี่ยนแปลงไปมาก”
“อังจะบอกเรื่องที่เป็นไปงั้นหรือ”
อังศุมาลินแปลกใจ “นัส”
พูดเท่านั้นอังศุมาลินก็ได้แต่นิ่ง สองคนเงียบงันกันไป
วนัสบอกด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
“ถ้าจะเล่าเรื่องนั้น ไม่ต้องเล่าหรอก เค้ารู้หมดแล้ว”
ขณะเดียวกันทหารยามเปิดประตูให้โกโบริ พร้อมทำความเคารพ โกโบริยิ้มให้
โกโบริเดินมาตามทางอย่างใจร้อน แล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าอังศุมาลินมาดู แล้วยิ้มกับมัน แล้วเก็บใส่กระเป๋า แนบตัว รีบเดิน
ทางด้านสองคนเดินขรึมๆ มาด้วยกัน หยุดที่หน้าต้นลำพู หิ่งห้อยบินมากมาย
“ตอนที่โดนสอบ...ล่ามญี่ปุ่น...คนนั้น ท่าทางกิริยามารยาท หน้าตาเขาดีเชียวละ พูดจาสุภาพ แต่ไม่รู้ว่าเขาจะรู้หรือเปล่าว่า...นัสเป็น...” วนัสอึกอัก
อังศุมาลินบอกเบาๆ “เขารู้”
“ถ้าอย่างนั้น นับว่าเขาเป็นชายชาติทหารทีเดียว”
“แล้ว...ตัวได้ยิน..เรื่องของเค้า...ว่ายังไงมั่ง”
“ตอนรู้ใหม่ๆ มันเหมือนกับโลกทั้งโลกพังทลายลงมาทับ เหมือนกับว่าหัวใจกำลังขาดหายไปจากร่าง ตอนนั้นจะอยู่หรือตายก็ไม่สะดุ้งสะเทือนทั้งนั้น”
อังศุมาลินใจแป้ว ครางเบาๆ “นัส”
ฟากโกโบริเดินลิ่วมา แล้วได้กลิ่นดอกมะลิหอมมาตามลม มองๆ หา เห็นมะลิที่ต้นออกดอกเต็ม เป็นมะลิซ้อน โกโบริเก็บมาให้มีก้านยาวถือได้ 2-3 ดอก แล้วทำหน้าหมายมุ่งมั่น
โกโบริเดินอ้อมมาข้างเรือน ตรงจุดที่เห็นตรงต้นลำพูพอดี แล้วมองไป แต่ต้องผงะ เมื่อเห็น อังศุมาลิน และวนัส ยืนเผชิญกัน มีหิ่งห้อยบินวนสวยงาม
ร่างโกโบริอยู่ในที่มืด ไม่มีใครเห็น
อังศุมาลินพูดจริงจัง “นัส เขาเสียใจจริงๆ นะ เขารักษาคำสัญญานั้นไว้ไม่ได้”
“ลืมมันไปเถอะ คำสัญญานั่นมันแค่สิ่งที่เขาพยายามเอามาผูกตัวไว้ อย่าเอามากังวลอีกเลย”
อังศุมาลิน ประหลาด แกมโล่งใจ “นัส..นัสไม่ต้องการให้เขารักษามันไว้จริงๆหรอกหรือ ไม่โกรธเขาหรือ”
วนัสพยายามพูดให้อังศุมาลินรู้สึกดี ทั้งๆ ที่เจ็บปวดมาก “จะโกรธทำไม ในเมื่อคำสัญญานั้นมันเป็นเรื่องความเห็นแก่ตัวของผู้ชายคนหนึ่งที่อยากให้ผู้หญิงที่ตัวรักเฝ้าคอยอยู่ปีแล้วปีเล่า โดยไม่ได้คำนึงว่าเขารักตัวหรือเปล่า แล้วถ้าฝ่ายหญิงเกิดไปรักใครเข้าเสียก่อน ก็จะโวยวาย..เพื่อประโยชน์ของตัวเอง”
“นัส เขาไม่เคยคิดอย่างนี้ นอกจาก…”
“ตัวเลยกำลังเป็นทุกข์เพราะเรื่องนี้กระมัง” วนัสมองขาด
“ไม่รู้ซิ..เขายังไม่รู้เหมือนกันว่าเขาเป็นคนยังไง หรือต้องการอะไรกันแน่”
อังศุมาลินเงยมองหน้าวนัส ด้วยความสิ้นหวัง สับสน ขอความช่วยเหลือ วนัสมองอย่างสงสารและเข้าใจ จับมือมากำไว้
ฟากโกโบริแอบมองไปที่ท่าน้ำ เห็นวนัสกำลังยืนกุมมืออังศุมาลินไว้
ภายใต้เงาต้นไม้ โกโบริยืนนิ่ง ในใจเจ็บปวดเหลือแสน ในมือกำดอกมะลิช่อนั้นแน่น สับสนพลุ่งพล่าน ปล่อยดอกมะลิหลุดมือ ลงไปหักยับเยินอยู่ในกอหญ้า แล้วคว้าซามูไรมา ใจแค้นอยากฆ่าคน
วนัสมองที่อังศุมาลินจริงจัง
“ลุงผล ลุงบัว บอกว่า..อัง จะมีเด็ก”
อังศุมาลินบอกอย่างภาคภูมิเชื่อมั่น
“ใช่จ้ะ นัส”
วนัสพยายามสะกดเสียงให้ราบเรียบปกติ
“ถ้าอย่างนั้น...ตัวควรจะตัดสินใจได้แล้ว เพราะยังไงเขาก็เป็น...พ่อของเด็ก เรื่องอื่นต้องยกไว้ อย่าไปคำนึงถึงมันอีก นอกจากที่ตัวทำลงไปนี่เป็นเพราะเหตุผลอื่น หากเป็นอย่างนั้น พอจบสงคราม เขาจะกลับมาแต่งงานกับตัวให้ได้”
“ในเวลานี้..เขาไม่มีเหตุผลอื่น..นอกจาก..เขา..รักลูกของเขา แล้วก็..รักพ่อของลูก”
“ดีแล้ว..อัง..แบบนี้แหละ ดีแล้ว เขาอยากให้อังมีความสุข”
อังศุมาลินพยักหน้า น้ำตาไหลรินออกมา
วนัสเข้าเข้ามา แล้วใช้นิ้วตัวเองปาดเช็ดน้ำตาให้
อังศุมาลินถอยนิดนึง แล้วเช็ดเอง แต่เงยหน้ายิ้มให้กัน
โกโบริเขม้นมองนึกว่าสองคนปรับความเข้าใจ จึงชักดาบออกมา แต่ต้องรีบห้ามใจ เก็บดาบ แล้วรีบเมินหน้า สะบัดตัวหันกลับเดินหนีไปจากนั้น
ส่วนที่ท่าน้ำอังศุมาลินเอ่ยขึ้นอย่างตื้นตัน
“ขอบใจจ้ะนัส..ขอบใจ”
วนัสฝืนยิ้ม ทั้งๆ ที่ข้างในแสนเศร้า
“เขาต้องรีบไป แล้ววันหลังจะแวะมาอีก ตัวอย่าคิดอะไรให้ซับซ้อนนัก จำไว้ว่า...หากตัวจะรักใครสักคน ก็จงรักเสียเถอะ แล้วตัวจะได้รู้ว่า ความรักมันเหมือนแสงสว่างที่อบอุ่นอยู่ในหัวใจไม่มีวันดับ” วนัสหมายถึงในใจตนด้วย มองหน้าเพื่อจดจำตลอดไป “เขาไปละนะ”
“ทำไมต้องรีบนักล่ะนัส อยู่คุยกันอีกไม่ได้เหรอ”
“วันนี้เห็นทีจะไม่ได้แต่จะพยายามหาเวลาแอบมาใหม่” มองขึ้นไปบนบ้าน “เขาอยู่บ้านหรือเปล่าล่ะ”
“เปล่า ช่วงนี้ไปวุ่นอยู่ที่โรงงาน เออ นัส ที่พม่าเป็นยังไงบ้าง”
“ไม่ค่อยดีหรอก ทำไมหรือ”
“โกโบริจะย้ายไปพม่า”
“ไม่จำเป็นก็อย่าไปดีกว่า เพราะตอนนี้การรบกำลังรุนแรงมาก...” วนัสหันไปทางอู่ “เขาอยู่ที่อู่นี่หรือ”
อังศุมาลินพยักหน้าช้าๆ
“เขาเป็นนายช่างใหญ่ที่นี่”
“อืม...” วนัสครุ่นคิด “เตือนๆ เขาทางอ้อมอย่าให้รู้ตัวหน่อยแล้วกัน อย่าข้ามไปบางกอกน้อยเวลามีทิ้งระเบิด”
“งั้น ที่เขาว่ากันว่า นัสเข้ามาทำงาน…”
“ใช่”
“ระวังๆ หน่อยนะนัส”
“ไม่เป็นไรหรอก ตัวนั่นละ ช่วงนี้อยู่ให้ห่างๆ จากบางกอกน้อยให้มากๆ ไว้นะ เขาไปละ ต้องรีบไปทำงานแล้ว”
วนัสก้าวกระโดดลงเรือไป ตาบัว กะตาผล ร้องลั่น เพราะเรือโคลง
“ระวังตัวนะนัส”
“ไปละอัง อย่าลืมที่เขาเตือนนะ”
อังศุมาลินยืนมองจนเรือลับตาไป ถอนใจยาว ที่ได้ปลดภาระอันแสนหนักลงไปได้
แววตาอังศุมาลินเป็นประกายฉาบไปด้วยความหวัง และความสุข จนแทบระเบิดเป็นเสียงหัวเราะดังๆ ออกมา พลันอังศุมาลินหันมองไปทางอู่เรือบอกตัวเองเบาๆ เต็มเปี่ยมความหวัง
“โกโบริ..ฉันมีข่าวดีจะบอกคุณ..อย่าไปพม่าเลยนะ” แล้วรีบก้าวไปในสวน
อังศุมาลินเดินกึ่งวิ่งกำลังจะเลี้ยวผ่านข้างบ้านไป พลางเหลือบไปเห็นพุ่มมะลิช่อใหญ่ที่กำลังขาวสะพรั่ง จึงก้มเก็บขึ้นมา
พร้อมกับนึกถึง ภาพเหตุการณ์เมื่อหลายวันมาแล้ว ขณะที่อังศุมาลินมาก้มเก็บดอกมะลิ โกโบริเข้ามามองใกล้ๆ ก่อนดึงไปจากมือ โกโบริตาเป็นประกาย ฉกไปจากมืออังศุมาลิน ยกขึ้นดมสีหน้าหอมสดชื่น
“ดอกมะลิ” โกโบริยิ้มกรุ้มกริ่ม “ดีแล้ว เวลาผมไม่อยู่ คุณจะได้เก็บดอกไม้นี่ ไปวางไว้ใกล้ๆ ที่หมอน แทนตัวผม”
อังศุมาลินมองค้อน ว่าช่างคิดได้นะ
อังศุมาลินนึกได้ แววตามุ่งมั่น เด็ดดอกมะลิ มา 2-3 กิ่ง
“ฉันจะเอาดอกไม้ไปคืนคุณ...แล้วก็บอกว่า...เอาดอกไม้คืนไปเถอะ...แต่ตัวคุณ..ต้องกลับบ้านของเราเสียที”
อังศุมาลินรีบวิ่งไปตรงพงไม้ที่โกโบริยืนอยู่ตะกี๊นี้ ก้าวข้ามมะลิเละๆ ของโกโบริไปโดยไม่รู้ตัว
คู่กรรม ตอนที่ 23 (ต่อ)
ทหารยามตบเท้ายืนตรงแข็งขันทันทีเมื่อเห็นอังศุมาลินเดินตรงมา
“เชิญครับ” แล้วนึกได้ร้อง “เอ๊ะ”
ทหารยามเปิดประตูทางเข้าอู่กว้างๆ ให้อังศุมาลินที่มายืนอยู่ตรงหน้าทางเข้าอู่
“มีอะไรหรือ”
ทหารยามสีหน้าไม่แน่ใจ เหลียวมองเข้าไปข้างใน ทหารอีกคนที่เพิ่งจะออกเวร และกำลังจะเดินเข้าไปหันมาพอดี
ที่แท้เป็นเคสุเกะ
“อ้าว นายช่างไม่ได้อยู่ที่บ้านครับ เห็นแกบอกว่าจะกลับไปกินอะไร แล้วยังบอกให้ฮิชิดะซังเอาเรือไปรอที่ท่าน้ำที่บ้าน จะเลยไปบางกอกน้อยต่อ”
อังศุมาลินงง “หรือจ๊ะ ขอบใจมาก”
พลางอังศุมาลินถอนใจยาว ก่อนหันกลับ
อังศุมาลินเดินจากมา งงๆ พลางก้มดูดอกมะลิในมือ แล้วยิ้มๆ ยกขึ้นมาแตะที่ริมฝีปาก เดินกลับ
อังศุมาลินวิ่งลิ่วกลับบ้านมาทางหนึ่ง ส่วนอีกทางหนึ่ง ซึ่งอยู่ห่างกันคนละฟากท้องร่อง โกโบริยืนนิ่งงัน สีหน้าเลื่อนลอยครุ่นคิดอยู่
อังศุมาลินก้าวฉับๆ เดินขึ้นบันไดอย่างรวดเร็ว สีหน้าเต็มเปี่ยมว่าจะได้เจอโกโบริ มือยังถือมะลิอยู่
อังศุมาลินโผล่หน้าขึ้นมาที่ปากประตู กวาดตามองหาทั่ว
ยายศร กะแม่อร กำลังช่วยกันนาบพลูและจัดวางเรียงซ้อนกองกันอยู่หันมา
“ยายอัง นี่แม่กับยายกำลังเป็นห่วงอยู่พอดี หนูหายไปไหนมานานเชียว”
“โกโบริละคะ”
อังศุมาลินไม่รอฟังคำตอบ ก้าวเดินตรงจะไปที่ห้องนอน
“เอ๊ะ ไม่เห็นนี่ลูก”
อังศุมาลินใจหล่นวูบ
“หนูเห็นที่ไหนมา”
“ตะกี้หนูไปที่อู่ แล้วเคสุเกะว่าเขามานี่..เอ..หรือว่า…”
เรือเร็วลำหนึ่ง มีฮิชิดะนั่งมา ส่องไฟสว่าง กำลังแล่นมา
โกโบริอยู่ในสวน ถอนใจ และตัดใจ แล้วลำดับความคิด ว่าจะเอาไงดี ในที่สุดตัดสินใจรีบเดินมาทางท่าน้ำ
ส่วนอังศุมาลินพรวดหันกลับตรงไปที่บันไดอีก
“จะไปไหนอีกลูก”
“หนูจะลงไปดูที่ท่าน้ำอีกทีค่ะ”
“ฮื้อ ถ้ามาก็คงขึ้นมาเองแหละลูก มันมืด เดินขึ้นๆ ลงๆ เดี๋ยวก็ตกลงไปอีก”
อังศุมาลินกลั้วหัวเราะ เสียงแจ่มใส “ไม่ตกหรอกค่ะ หนูจะไม่ยอมกลิ้งลงไปอีกเด็ดขาด หนูมีอะไรจะเล่าให้เขาฟังนี่คะ”
อังศุมาลินลงบันไดหายไป ยายกะแม่คุยกันไปมา
“ยายอังนี่นะผีเข้าผีออก เดี๋ยวก็งอดแงด เดี๋ยวก็อยากพบเขาขึ้นมาเชียว”
“ก็ฤทธิ์งอนแหละค่ะ”
“นั่นสิ พ่อดอกมะลิ แกก็ขยันง้อของแกจริงๆ”
แม่อรหัวเราะ
ขณะเดียวกันโกโบริมายืน เงยหันมามองตัวบ้าน อังศุมาลิน ที่สว่างไสว เรือฮิดะชะลอรับ ท้ายเรือเร็วกำลังแล่นมาถึง โกโบริรีบเมินหน้าหนีจากมา และมองไปต่างด้านหน้าของตนเท่านั้น
อังศุมาลินเดินลงบันไดมาถึงพื้นหน้าบ้าน รีบหันขวับไปที่ท่า เสียงเรือเร็วที่คุ้นเคยดังเข้ามา
“โกโบริ”
อังศุมาลินรีบวิ่งไปที่ท่าน้ำอย่างรวดเร็ว พอดีโกโบริก้าวลงเรือ แล้วเรือก็ออกตัวไปทันที อังศุมาลินรีบวิ่งมาหยุดอยู่ที่ท่าน้ำ ทอดสายตาเหลียวมองตามเรือที่แล่นไปในความมืดอย่างแสนเสียดายและผิดหวัง
“โกโบริ...”
ภายในเรือ เสียงเรือดังกลบ โกโบรินั่งหน้าเชิด มองตรงไปเบื้องหน้าเท่านั้น เรือถูกกลืนหายไปกลางความมืด
อังศุมาลินยืนเคว้ง มองตามไป ข้างหน้าคือคุ้งน้ำดำมืด ลมพัดต้นลำพูพลิ้วไหวแรง บรรยากาศแสนวังเวง
อังศุมาลินถอนใจยาว ทิ้งตัวลงนั่งที่ท่าน้ำ วางมะลิข้างตัว กอดอกชะเง้อมองตามไป
“สถานีรถไฟบางกอกน้อย ธนบุรี ๕ มีนาคม พ.ศ.๒๔๘๘”
ทหารญี่ปุ่นพลุกพล่าน ไปมา กำลังเร่งขนแบกเสบียงกันวุ่นวาย เห็นหัวรถจักรรถไฟจอดเทียบท่าอยู่
โกโบริ ฮิชิดะ เดินลิ่วๆไป
ตรงบริเวณมุมลับตาแห่งหนึ่ง ในสถานีรถไฟบางกอกน้อย เครื่องส่งสัญญาณวิทยุกำลังสูง กำลังถูกใช้งาน โดยฝีมือวนัส เสียงเคาะรหัสดัง ตาบัวกะตาผล เหลียวมองระแวดระวังไปมารอบ เห็นสถานีรถไฟบางกอกน้อย มีทหารญี่ปุ่นพลุกพล่านอยู่ไกลๆ
วนัสกำลังรีบเคาะส่งรหัสสัญญาณอย่างรีบเร่ง และสำเร็จลงพอดี ก่อนเงยหน้ามาทำมือส่งสัญญาณให้ตาบัว และตาผลว่าเรียบร้อย
ตาบัวกะตาผล กำมือขึ้นเขย่าเป็นเชิงบอก สำเร็จแล้วโว้ย
อังศุมาลินที่ยังนั่งกอดอกเหม่อมองไปยังต้นทางคุ้งน้ำอยู่ พลันเสียงหวอสัญญาณโหยหวนระรัวดังขึ้น อังศุมาลินตกใจ ใจสั่นรัว รีบลุกขึ้นทันที
ที่อู่เรือญี่ปุ่น กลุ่มทหารที่กำลังกินบะหมี่กัน เคสุเกะมายืนสั่งการโหวกเหวก ก่อนที่บรรดากุลีจะรีบวิ่งกรูออกไป ไฟส่องสว่างตามจุดต่างๆ ทยอยดับลง เครื่องปั่นไฟหยุดทำงาน
ทหารญี่ปุ่นวิ่งกันพลุกพล่าน ไปมา ทาเคดะแหงนมองไปบนท้องฟ้า ก่อนรีบเดินไป
อังศุมาลินรีบพรวดขึ้นเรือนมา แม่อร กะยายศร อยู่นอกชานกำลังรีบเก็บกระด้งพลูเข้าที่ เสียงหวอดังแหลม โหยหวน เยือกเย็น ยังดังลั่นไม่หยุดหย่อน
“ต๊าย ตายๆ..มากันอีกแล้ว”
“ช้าๆ ก็ได้ค่ะแม่คุณยาย”
อังศุมาลินตรงไปหรี่ไส้ตะเกียงลงจนเกือบดับ
“ทำไมมันหนาวเยือกๆ อย่างนี้ก็ไม่รู้” ยายบอก
“หนูไปเตรียมผ้าห่มให้คุณยายเถอะลูก ข้าวของพวกนี้ สุมๆ วางทับๆ ไว้นี่ก่อนก็ได้”
อังศุมาลินเดินตรงหายเข้าไปในห้อง ก่อนหอบกระเป๋ายามฉุกเฉินกับผ้าห่มรุงรังออกมา
“ทางเราคงไม่มีอะไรหรอกค่ะ หมู่นี้เขาทิ้งกันตรงที่ตรงทาง เพราะพวกใต้ดินเขาให้ที่หมายกันแน่นอน”
“หลังๆ ก็ไม่ค่อยกลัวหรอก แต่วันนี้ใจมันหายวับๆ ยังไงก็ไม่รู้”
อังศุมาลิน และแม่อร ต่างเงียบ ก่อนที่แม่อรตรงไปเป่าตะเกียงดับ
“ไปกันเถอะ ยายอังปิดประตูนะลูก แม่จะพาคุณยายลงไปก่อน”
อังศุมาลินเหลียวมองสำรวจบ้านอีกรอบ ความมืดโดยรอบทำให้รู้สึกวังเวงสะท้าน ก่อนหันตามเดินลงเรือนไป
อังศุมาลินรีบเดินตามมา แม่อรที่จูงยายศรเดินนำไปตามทางในสวนที่มืดทึม
ยายศรพูดเสียงสั่น “มืดเหลือเกินพ่อดอกมะลิก็ไม่อยู่เสียด้วย หวอวันนี้ทำไมมันกระชั้นๆ เย็นๆ นักนะ”
“คงเข้าโจมตีใหญ่มังคะ”
“นั่นสิ ถึงได้กระเหม่นตามาตั้งแต่กลางวัน นึกแล้ว ว่าต้องมีเหตุ โดนหวอจริงๆ นี่แหละ” ยายว่า
อังศุมาลินเดินตามแม่อร และยายไปกระชั้น
ไม่นานนัก ฝูงเครื่องบินบี24 แล่นทะมึน เสียงดังครืนใกล้เข้ามา แม่อรยาย นั่งคลุมโปงบนเสื่อที่ปูอยู่ที่ท้องร่อง อังศุมาลินแหงนมองขึ้นไปบนท้องฟ้า
“คืนนี้น่าจะโจมตีหนัก” อังศุมาลินว่า
“เจ้าประคุ้ณ พ่อแก้วแม่แก้วกวัดไกวร้อยโยชน์แสนโยชน์เอาไปลงทะเลให้หมดทีเถอะ” ยายไหว้ไม่เลิก
“มันจะไม่ลงทะเลนะซิคะ ป่านนี้พวกใต้ดินคงติดต่อวิทยุกับข้างบนกันให้วุ่นไปแล้ว”
“ใครบอกหนู” แม่อรตกใจ
เสียงฝูงเครื่องบินบี 24 ดังใกล้เข้ามา พร้อมเสียงยิงต่อต้านเริ่มดังกลบ จนแม่อรต้องเงี่ยหูเข้าไปใกล้ๆ อังศุมาลินพูดไม่เต็มเสียง
“วนัสค่ะ”
“ใครนะ หนูบอกอีกทีซิ”
ที่บริเวณกลางคลองบางกอกน้อย เสียงหวีดของลูกเหล็กระเบิดลงเป็นห่าฝนดังเสียดระทึก เสียงปืนต่อต้านดังอึงอล ตาบัวกะตาผล รีบจ้วงพายไม่ยั้งสุดแรง มีวนัสนั่งกลาง
ตาบัวกะตาผลออกแรง จนเหนื่อย หอบแฮ่กๆ เสียงระเบิดลงสนั่น แผ่นดินสะเทือนเลื่อลั่นดังกึกก้องกัมปนาท พลันแสงวาบสาดกระทบหน้าคนทั้งสาม
ตาบัวร้อง “เย้”
“เต็มๆ เต็มๆ เยี่ยมมากพ่อนัส” ตาผลดีใจ
วนัสตะโกนเร่ง “รีบไปจากตรงนี้เถอะ”
ตาบัวกะตาผล จ้วงต่อทันที
วนัสเหลียวมองไปข้างหลัง เห็นท้องฟ้าสีเพลิงแดงฉาน ลุกโชติเหนือที่ตั้งสถานีรถไฟบางกอกน้อย
คู่กรรม ตอนที่ 23 (ต่อ)
ที่สถานีรถไฟบางกอกน้อย เวลานั้น ทหารญี่ปุ่นวิ่งหนีตายกันจ้าละหวั่น อาคารที่ตั้งพังทลาย ไฟลุกไหม้เป็นจุดๆ โกโบริ และฮิชิดะ หมอบนอนราบอยู่หลังที่กำบังหนึ่ง บริเวณใกล้โรงเครื่องจักร
“ถ้าจะหนักแน่ เราควรจะออกไปจากที่นี่” โกโบริว่า
“ครับ” ฮิชิดะเห็นด้วย
พลันเสียงหวีดของเหล่าลูกเหล็กลงมาอีกรอบ เห็นว่าอาคารตรงหน้าโดนระเบิดเต็ม กระจุยพัง ต่อหน้า
โกโบริ และเคสุเกะรีบหมอบนิ่ง เปลวไฟร้อนวูบสาดซัด ซากปรักปลิวว่อนมาโดนใกล้ๆ
ส่วนที่ท้องร่องสวน เสียงระเบิด แผ่นดินไหวสะเทือน ดังต่อเนื่องไม่ขาดสาย แม่อร ยายศร และอังศุมาลินนอนหมอบเบียดกันแน่น
“เจ้าประคุ้ณ ยังกับลงใกล้ๆ โดนเข้าที่ไหนก็ไม่รู้” ยายไหว้ปลกๆ
“เสียงมันใกล้เหลือเกินนี่ สงสัยลงบางกอกน้อยกระมัง”
อังศุมาลินผงกศีรษะขึ้นมา “คะ..ที่ไหนคะ”
“ไม่รู้ซิ แต่ฟังๆแล้วมันเหมือนแถวบางกอกน้อยนี่เลยนะ”
อังศุมาลินพรวดเหมือนโดนกระตุก ลุกผึงขึ้นมานั่งทันที
“บางกอกน้อย..แม่คะ”
แม่อรตกใจ รีบผงกศีรษะขึ้นมามองลูกสาว
อังศุมาลินเสียงสั่น “โกโบริอยู่ที่นั่นค่ะ”
“อาจเป็นที่อื่นก็ได้นะลูก เสียงระเบิดนี่มันลงตรงไหนใกล้ๆก็คล้ายกันทั้งนั้น ยังไงเสียพ่อดอกมะลิคงไม่เป็นอะไรหรอก ตอนนี้แกอาจกลับมาอู่แล้วก็ได้...คนดีผีคงคุ้มหรอกยายอัง”
คำปลอบของแม่ ทำให้อังศุมาลินคลายกังวลลงมาบ้าง ยายสวดมนตร์เสียงสั่นๆ ไปมา อังศุมาลินก้มลงกราบซบศีรษะแทบพื้นดิน ตั้งจิตอธิษฐาน
“คุ้มครองเขาด้วยเถอะเจ้าประคุ้ณ”
ท้องฟ้าเหนือสถานีรถไฟบางกอกน้อย มีฝูงบินระลอกใหม่บินทะมึนมาเป็นฝูง เสียงหวีดของห่าฝนลูกเหล็กเสียดดัง ระเบิดลูกแล้วลูกเล่าทิ้งลงมาทำลายบริเวณสถานีรถไฟ จนไฟลุกไหม้เป็นกองเพลิง
ทหารญี่ปุ่นวิ่งหนีตายกันจ้าละหวั่น บ้างวิ่งไฟคลอกล้มลงต่อหน้า ธงอาทิตย์อุทัยล้ม ซากเพลิงปลิวมาติด ธงลุกไหม้
โกโบริและฮิชิดะ วิ่งหัวซุกหัวซุนหลบเศษซากเพลิงปลิวว่อน โกโบริหันไปเห็นเพื่อนทหารนายหนึ่งนอนพะงาบๆ ลังเลจะเข้าไปช่วย พลันซากอาคารล้มลงมา โกโบริ และฮิชิดะ เลยต้องกระโจนหลบ
เสียงหวีดดัง ระเบิดทำลายอีกชุดหนึ่งร่วงเป็นสายลงมา พลังทำลายระเบิดเห็นเป็นแนวไล่เข้ามา ทั้งสองกำลังอยู่ในแนวระเบิด และทันใดนั้นก่อนที่จะคิดอ่านอันใดทัน เสียงระเบิดตูมดังกระจายร่างของโกโบริ และฮิชิดะ ปลิวกลิ้งหลุนๆ ไปตามแรงระเบิด
โกโบริเลือดออกที่ศีรษะเป็นทาง พยายามรวบรวมสติ กัดฟันจะลุกหนีต่อเรียกฮิชิดะที่นอนอยู่ใกล้ๆ
“ฮิชิดะ...ฮิชิดะ”
โกโบริกลิ้งพลิกตัวเข้าไปหาฮิชิดะ จึงเห็สภาพฮิชิดะเลือดโทรม หายใจระทวย
“ฮิชิดะ เป็นไงบ้าง...ฮิชิดะ”
โกโบริเห็นฮิชิดะนิ่งไม่ตอบ ออกแรงลากฮิชิดะสุดกำลังเข้ามาหลบตรงมุมหนึ่ง พลิกตัวขึ้นคร่อมปั้มหัวใจ แต่ฮิชิดะแทบไม่ตอบสนอง จนกระทั่งแน่นิ่งไป เสียงร้องโวยวาย บาดเจ็บขอความช่วยเหลืออึงอล
โกโบริสะท้าน รู้ว่าคงเยื้อไว้ไม่ได้แล้ว เหลียวซ้ายแลขวาหาทางหนี หันไปเห็นผ้าเช็ดหน้าผืนรักตกอยู่ รีบเข้าไปคว้าเก็บ แล้ววิ่งตะกายไปข้างหน้า
โกโบริวิ่งอยู่ท่ามกลางทะเลเพลิงลุกท่วมเต็มรายรอบตัว พยายามมองหาทาง เห็นทางออก เป็นช่องที่ไม่มีกองเพลิงขวาง อยู่ช่องเดียว สีหน้าโกโบริมีความหวังรีบวิ่งตรงไป มือกำผ้าเช็ดหน้าแน่น
จู่ๆ ระเบิดทำลายลูกเขื่องกำลังร่วงลงมา แหวกอากาศลงมาตรงทางวิ่งของโกโบริพอดิบพอดี โกโบริแหงนหน้าขึ้นมองเสียงหวีดที่อยู่ข้างบน วิ่งสุดชีวิต ก่อนจะตัดสินใจพุ่งกระโจนสุดแรงเกิด
ระเบิดตูมใหญ่วาบขึ้น เสียงดังกึกก้องกัมปนาทอย่างรุนแรงหนักหน่วง ไฟลุกโชติช่วง
ท้องฟ้าเหนือ ย่านคลองบางกอกน้อยแดงวาบไปทั่ว เมื่อมองจากริมฝั่งแม่น้ำหนึ่งมา
เสียงและระเบิดนั้นไหวสะเทือนมาถึงร่องสวน แม่อร ยายศร และอังศุมาลินก้มนอนหมอบกอดกันแน่นต่างร้องวี๊ดและพร้อมๆ กันนั้น อังศุมาลินรู้สึกถึงการกระตุกรุนแรงที่ท้องขึ้นมาจนอุทาน แม่อรเห็นตกใจ
“เป็นอะไรไปลูก”
“แกดิ้นแรงไปหน่อยคะ”
“คงจะสะเทือนมังลูก”
“ไม่ทราบซิคะ “
อังศุมาลินลูบท้องไปมาเป็นเชิงปลอบ จนการกระตุกเต้นรู้สึกบรรเทาลง
อังศุมาลินพูดเบาๆ “ลูก ช่วยปกป้องคุ้มครองพ่อด้วยนะจ๊ะ”
พูดจบคำอังศุมาลินรู้สึกซาบซ่านขึ้นมาอย่างประหลาด พึมพำเบาๆ อีกคำ
“พ่อคงกลับไปรอแม่อยู่ที่บ้านแล้ว และพอแม่เจอพ่อ..แม่จะบอกพ่อเขานะลูก”
เสียงเครื่องบินหายลับไปช้าๆ เสียงปืนต่อต้าน หรือสัญญาณภัยเงียบนิ่ง
ท่ามกลางซากพังและกองเพลิงในสถานีรถไฟบางกอกน้อย เสียงทหารเริ่มตะโกนโหวกเหวก โกโบริค่อยขยับลุกคลาน
“ใครเป็นอะไรบ้าง” เสียงทหารตะโกนถามกัน
เสียงคนเจ็บร้องโอดโอยให้ช่วยดังระงม
“ช่วยด้วย...”
“ทางนี้...”
ด้านโกโบริตะเกียกตะกาย พยายามพาตัวให้พ้นออกมาจากอาคารคลังแสงใกล้ๆ ระเบิดตูมๆๆ เป็นทอดๆ ประทุขึ้นมาเป็นระยะๆ เปลวไฟแดงกระทบใบหน้าวูบวาบ ในมือโกโบริยังกำผ้าเช็ดหน้าแน่น ขาที่ดูจะบาดเจ็บหนักไม่อาจขยับลุกได้ จึงต้องคืบคลานเต็มกำลัง
เสียงทหารตะโกนลั่น “ระวังคลังแสง ใครอยู่ใกล้ออกมาห่างๆ”
โกโบริพยายามรวบรวมกำลังที่มี เคลื่อนย้ายตัวเองเต็มที่ แต่ทันใดนั้นคลังแสงระเบิดตูมใหญ่ เสียงสนั่นหวั่นไหว สะเทือนเลื่อนลั่นไปทั้งแถบ เปลวเพลิงสูงท่วมฟ้า โกโบริหมอบมอง ลูกไฟลูกโตปลิวตกลงมาตรงซากอาคารที่โกโบริอยู่ เสียงครืนใหญ่ลั่นโครมโถมลงตามมา
โกโบริผงะเหลียวขึ้นไปดู
สามคนอยู่ในท้องร่องสวน เสียงระเบิดตูมๆ ๆ ยังดังประปรายแว่ว ทำเอา แม่อร ยายศร และอังศุมาลิน ต่างอึดอัด
“เครื่องบินก็ไม่มีแล้ว ทำไมเสียงระเบิดยังดังไม่หยุด” ยายตั้งข้อสังเกต
พลางยายศรแหงนมองฟ้า แม่อรพลางขยับลุกนั่งตัวตรง แสงจากท้องฟ้าสว่างวูบวาบ
“น่ากลัวระเบิดเพลิงจะลงที่ไหน” แม่อรว่า
อังศุมาลิน ชะเง้อมองไปทางอู่อย่างร้อนใจ
“ทางอู่ไม่เป็นไรหรอกค่ะ” อังศุมาลินถอนใจ “โล่งไปที..กลับขึ้นบ้านกันรึยังคะ”
“ฮื้อ เดี๋ยวซิลูก ยังไม่มีเสียงหวอปลอดภัยเลย กะเดี๋ยวก็ต้องวิ่งมากันใหม่หรอก” แม่อรบอก
อังศุมาลินกังวล ร้อนรนใจมากๆ “หนูว่าไม่มีอะไรแล้วละค่ะ”
“รอก่อนเถอะลูก ให้มันแน่ใจจริงๆ” แม่อรเงี่ยหูฟัง “ทำไมมันเหมือนมีระเบิดอะไรระเบิดต่อๆ กันไปเรื่อยๆ”
“ยังกับคลังแสงโดนระเบิดแน่ะค่ะ” อังศุมาลินว่า
สักครู่หนึ่งเสียงหวอปลอดภัยดังยาวแหลม อังศุมาลินลุกพรวดทันที มือหนึ่งฉวยกระเป๋าขึ้นถือ อีกมือหนึ่งพยุงฉุดดึงยายศรขึ้น
“ขึ้นบ้านได้แล้วค่ะ”
สามคนเดินมาถึงหน้าเรือน ท่ามกลางความมืดกลางดึกแลเห็นแสงเพลิงจับท้องฟ้าไหวๆ โชติช่วง ใกล้เข้าเรื่อยๆ อังศุมาลินเดินจ้ำๆ นำ แม่อร และยายศร ที่ตามมาห่างๆ
“ช้าๆ หน่อยซิลูก”
“หนูอยากรีบไปดูที่ท่าน้ำว่ามันลงตรงไหน ฟ้าถึงสว่างมากขนาดนั้น” อังศุมาลินใจหล่นวูบ ลดเสียงเบาลงขณะพูดคำต่อมา “หรือจะบางกอกน้อย”
อังศุมาลินหน้าซีดเผือด
ท้องฟ้าเหนือทิวไม้แนวคลุ้งน้ำ ไม่ไกลออกไป เห็นแนวไฟลุกพวยพุ่งแดงโร่ อังศุมาลินกำกระเป๋าแน่น มือเย็น ปากคอสั่น ยายศรเหลียวมองภาพแล้วร้องลั่น
“ว้าย ตายแล้ว…”
“แม่คะ หนูว่าบางกอกน้อยแน่แล้ว” อังศุมาลินว่า
“นั่นซิ...แต่พ่อดอกมะลิคงไม่ได้อยู่ที่นั่นหรอกลูก”
อังศุมาลินรีบเดินมาวางกระเป๋าลงที่หน้าบันไดเรือน แล้ววิ่งพรวดไปที่ท่าน้ำทันที
อังศุมาลินวิ่งจ้ำอ้าวมาถึงท่าน้ำ เสียงโหวกเหวกดังลั่นทั่วบริเวณคุ้งน้ำ เรือเร็วหลายรำแล่นบึ่งผ่านไปเป็นชุดๆ เรือลำเลียงของญี่ปุ่นอีกลำหนึ่งผ่านมาใกล้ ทหาร 4-5 นายอยู่เกือบเต็มลำ
อังศุมาลินรีบโผล่ไปตะโกนป้องปากถามดังๆ เป็นคำญี่ปุ่น
“นายช่างอยู่ที่อู่หรือเปล่า”
เรือลำเลียงแล่นดังอึงอลผ่านท่าไป เคสุเกะตะโกนกลับมาเกือบไม่ได้ศัพท์
“อยู่บางกอกน้อย”
อังศุมาลินหน้าซีด ซวนเซถอย ไปชนกับแขนแม่อรที่เดินตามมาถึง รับไว้พอดี
“อะไรลูก เป็นอะไร”
อังศุมาลินละล่ำละลัก “เขาอยู่ที่นั่น เขาอยู่นั่นค่ะแม่”
“ไม่เป็นไรหรอกลูก ไม่เป็นไร”
แม่อรพยายามลูบเนื้อตัวปลอบ อังศุมาลินที่พะว้าพะวง พลันคิดตัดสินใจขึ้นมา
“หนูจะไปดูเขาค่ะ”
“อย่าไปลูก อันตราย”
“หนูต้องไปค่ะ”
อังศุมาลินสะบัดจากแม่อร พรวดลงไปที่ท่า พลางปลดเชือกเรืออกจากหัวเสาอย่างเร่งรีบ
“กำลังท้องกำลังไส้ อย่าไปเลยลูก เชื่อแม่นะจ๊ะ”
น้ำเสียงอังศุมาลินขณะบอกแม่ เจือสะอื้น “ไม่ค่ะ หนูต้องไป..หนูต้องไปให้เห็นกับตาว่าเขาไม่เป็นอะไร หนูทนไม่ได้ หนูจะยืนรอเฉยๆ ตรงนี้ไม่ได้..หรือถ้าเขาจะเป็นอะไรไป ก็ขอให้หนูได้เห็นแก่ตาเถอะ”
อังศุมาลินคว้าพายจ้ำจ้วงพาเรือแล่นออกไปโดยเร็ว
“ลูก...อัง ระวังตัวด้วยนะ”
แม่อรมองตามด้วยความห่วงใย พลางถอนใจยาว เห็นว่าห้ามไม่ได้แล้ว
ติดตาม "คู่กรรม ตอนที่ 24 (อวสาน)