เสือสมิง ตอนที่ 23
สิ่งที่อยู่ในห่อผ้าคือศีรษะขององครักษ์หญิง นางกำนัลรีบวิ่งเข้ามาด้วยความตกใจเมื่อได้ยินเสียงอิระวดีกรี๊ดลั่น และเมื่อเห็นศีรษะขององครักษ์หญิงจึงเป็นลมทันที
“งะดินเด...ไอ้จิ้งจอกเจ้าเล่ห์” อิระวดีตั้งสติได้หน้าเคียดแค้นในใจกังวล
วันใหม่...บาเยงโบแต่งกายชุดนักรบอย่างประณีต เขายืนอยู่หน้าแท่นบูชา แล้วสวดมนต์บริกรรมคาถาต่อหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์บังเกิดแสงเรืองรอบกายก่อนเดินออกไป
ทางด้านอิระวดี ยืนอยู่หน้ากระจกใบหน้าในกระจกเริ่มเหี่ยวย่น มีอาการไอและอ่อนแรง
“งะดินเด...ข้าไม่ยอมตายคนเดียวแน่”
บางเยงโบกับหัวหน้าราชองครักษ์ ขี่ม้ามาตามทางอย่างรวดเร็ว
“มันจะไม่เสี่ยงไปหรือพระพุทธเจ้าข้า”
“นอกจากแผ่นดินนี้แล้ว ชะเวมะรัตมีค่าเหนือสิ่งอื่นใดทั้งปวง ถ้าข้าหาได้ปกป้องนางได้ ก็ไม่สมควรที่จะมีลมหายใจต่อไป”
ทั้งคู่ควบม้าไปอย่างรวดเร็ว
องครักษ์หญิงสี่คนคุกเข่าต่อหน้าอิระวดี
“พวกเจ้าทุกตัวคนจงฟัง การศึกในวันนี้อาจหาได้มีชีวิตกลับมาแม้จะได้กำชัย มันผู้ใดเปลี่ยนใจเสียตอนนี้ข้าจะอนุญาตให้ลาทัพ”
องครักษ์หญิงทั้งสี่สีหน้ามุ่งมั่นแสดงความเด็ดเดี่ยว อิระวดีอยู่ในชุดนักรบชายสะพายธนูท่าทางเด็ดเดี่ยว แม้ว่าใบหน้าเริ่มเหี่ยวย่น
“ดี...”
อิระวดีเอาผ้าปิดใบหน้าไว้ แล้วเดินทางทันที
บาเยงโบกับหัวหน้าองครักษ์ ชักม้ามาถึงที่นัดหมายแล้วลงจากม้ามองไปรอบๆ งะดินเด กับชะเวโบปรากฏกายขึ้นตรงหน้า ชะเวมะรัตถูกจองจำด้วยอาคม มีชะเวโบคุมอยู่
“ตรงเวลาดีนี่บาเยงโบ”
“บังอาจ...เจ้ากล่าวเยี่ยงนี้กับพ่ออยู่หัวได้เยี่ยงไร...ข้าจะกุดหัวเจ้าเอง”
หัวหน้าองครักษ์หมายจะเข้าไป บาเยงโบห้ามเอาไว้
“ไม่ต้อง...เรื่องนี้ข้าจัดการเอง ปล่อยชะเวมะรัตเดี๋ยวนี้”
ชะเวมะรัตหน้าสลดละอายใจ
“กลับไปเถิดพ่ออยู่หัว อย่าเอาชีวิตของพระองค์และอนาคตของประชาราษฎร์มาเสี่ยงกับหม่อมฉันเลย...หม่อมฉันหาควรค่าไม่...จะเปรียบไปแล้วหม่อมฉันก็คือกบฏคนหนึ่ง”
“อย่าได้กล่าวเยี่ยงนั้นชะเวมะรัต นางผู้เป็นดวงใจของข้า หากหาได้มีเจ้าข้างกายข้ายอมตายเสียดีกว่า”
งะดินเดตวาด
“ดี...ถ้าเจ้าไม่สามารถช่วยนางอันเป็นที่รักได้ก็อย่าปกครองแผ่นดินต่อไปเลย”
งะดินเดชักดาบของบาเยงโบออกมา หัวหน้าราชองครักษ์ตกใจ
“ดาบอาญาสิทธิ์”
“ไม่อยากรู้หรือว่าใครนำมันมาให้ข้า”
“ข้าไม่อยากรู้...เพราะอีกไม่นานมันก็จะเป็นของข้าแล้ว”
บาเยงโบชักดาบประจำกายออกมา หัวหน้าราชองครักษ์ถอยฉากไป บาเยงโบยืนประจันหน้ากับงะดินเดแววตาของทั้งคู่กร้าวพร้อมที่จะห้ำหั่นกันให้ตายไปข้างหนึ่ง ชะเวโบยืนคุมชะเวมะรัตอย่างระมัดระวัง หัวหน้าราชองครักษ์ยืนจ้องหาจังหวะช่วยชะเวมะรัต
บาเยงโบตัดสินใจวิ่งเข้าปะดาบกับงะดินเดอย่างดุดัน บาเยงโบท่าทางจะสู้งะดินเดไม่ได้หลายครั้งที่งะดินเดฟันด้วยดาบอาคม บาเยงโบได้รับบาดเจ็บหลายแผลแต่ใจยังสู้ แต่ก่อนที่บาเยงโบจะพลาด ทันใดนั้นธนูไฟอาคมวิ่งแหวกอากาศมาพุ่งเข้าใส่ที่หน้าอกงะดินเดอย่างจังจนผงะไป ทุกคนแปลกใจหันไปมองที่มาของธนูเห็นเป็นอิระวดีคลุมใบหน้าอยู่ไม่มีใครรู้ว่าเป็นใคร งะดินเดบาดเจ็บแต่ยังครองสติ
“เจ้าเป็นใคร”
ไม่มีคำตอบ แต่อิระวดีกับองครักษ์ทั้งสี่ก็วิ่งเข้ามาจู่โจมงะดินเดทันที ชะเวโบเห็นท่าไม่ดีจึงเข้าไปช่วยงะดินเด เวมะรัตยังถูกพันธนาการอยู่ใต้ต้นไม้
“ท่านพ่อ...”
หัวหน้าราชองครักษ์ตรงเข้าไปต่อสู้กับชะเวโบ องครักษ์ 4 บุกเข้าไปล้อมและต่อสู้กับงะดินเด อิระวดีคอยหาจังหวะเข้าจู่โจมด้วย งะดินเดต่อสู้ปัดป้องทั้งๆที่บาดเจ็บและมีทีท่าว่ากำลังเสียเปรียบ เขาถอยออกไปตั้งหลัก ชะเวโบต่อสู้กับหัวหน้าราชองครักษ์ งะดินเดรวบรวมสมาธิแล้วใช้อาคมกลายเป็นเสือสมิง เป็นตัวคนปกติแต่มีรัศมีเป็นเสือล้อมรอบตัว
บาเยงโบเห็นเช่นนั้นจึงบริกรรมคาถาร่างกายเป็นเหมือนไฟ เข้าไปช่วยอิระวดีและองครักษ์ทั้ง 4 เกิดการต่อสู้กันอย่างดุเดือด ชะเวโบร่ายคาถากลายเป็นเสือสมิง เข้าต่อสู้กับหัวหน้าราชองครักษ์
หลังจากเปลี่ยนร่างงะดินเดมีพลังมากขึ้นสามารถฆ่าองครักษ์ทั้ง 4 ตายไปทีละคนจนหมด แต่งะดินเดเองก็บาดเจ็บหนักท่าทางไม่ไหวเหมือนกัน อิระวดีตัดสินใจครั้งสุดท้ายพุ่งเข้าใส่งะดินเดหมายแลกตาย แต่ก็ถูกงะดินเดแทงกระเด็นออกมาลมหายใจรวยริน จังหวะเดียวกับที่บาเยงโบเข้าไปหมายจะเผด็จศึกแต่ก็ถูกซัดออกมา งะดินเดตัดสินใจจับชะเวมะรัตเป็นตัวประกันแล้วหนีไป
“อย่าเข้ามานะ”
บาเยงโบตกใจ
“ชะเวมะรัต”
ชะเวมะรัตตื่นกลัว
“พ่ออยู่หัว...”
งะดินเดจากไปอย่างรวดเร็ว หัวหน้าองครักษ์พันธนาการชะเวโบไว้ได้
“ท่านพ่อ...”
บาเยงโบแค้นแล้วรีบไปดูอิระวดี
“ท่าน...ท่านเป็นใคร”
อิระวดีเปิดผ้าคลุมใบหน้าออก บาเยงโบตกใจ
“พระสนม”
อิระวดีกำลังจะสิ้นใจ
“ข้าสมควรตายแล้วพ่ออยู่หัว...ไป...ไปช่วย...พระมเหสีมาให้ได้...”
อิระวดีสิ้นใจทันที ร่างค่อยๆเปลี่ยนเป็นคนชรา บาเยงโบแค้น และบาดเจ็บ ชะเวโบหน้าเสีย
ชะเวมะรัตประคองงะดินเดนอนลงที่พื้นปูด้วยใบไม้ ไม่ห่างนักมีกองไฟก่ออยู่ ดาบอาญาสิทธิ์เล่มนั้นยังอยู่ข้างกายงะดินเด เขายังมีสติแต่บาดเจ็บอย่างหนัก
“นังสนมอสรพิษ มันทำข้าได้ปวดร้าวนัก”
ชะเวมะรัตเป็นห่วงพ่อ
“ท่านพ่อเป็นเยี่ยงไรบ้าง”
“ข้าไม่เป็นอะไรมาก แต่ต้องบริกรรมใช้อาคมรักษาภายในร่างกาย คอยดูนะข้าต้องกลับไปเอาคืนแน่บาเยงโบ”
ชะเวมะรัตไม่พอใจ
“แค่นี้ยังไม่พออีกหรือท่านพ่อ พ่ออยู่หัวปล่อยชะเวโบออกมาท่านพ่อก็น่าจะรู้ว่าพ่ออยู่หัวมีความหมายเยี่ยงไร”
“ข้าไม่สน”
ชะเวมะรัตใส่ยาที่แผลงะดินเดเสร็จแล้วประคอง งะดินเดนั่งสมาธิ
“ถ้าเจ้ารักผัวมากกว่าพ่อเจ้าก็ไปเลย”
งะดินเดหลับตาลง ชะเวมะรัตเดินออกไปนอกถ้ำแล้วนั่งคิดไตร่ตรอง เวลาผ่านไปสักครู่ ชะเวมะรัตเดินเข้ามาเห็นงะดินเดสงบนิ่งไม่รับรู้โลกภายนอก เธอหยิบดาบแล้วพูดเป็นครั้งสุดท้ายก่อนออกไป
“ข้าหาได้เลือกสามีแต่ข้าเลือกความถูกต้อง”
ชะเวมะรัตเดินออกไป งะดินเดยังคงหลับตานิ่ง
เสือสมิง ตอนที่ 23 (ต่อ)
คบไฟถูกจุดต่อๆกันเป็นวงกลมจนสว่างหมดเห็นเป็นลานกว้าง ตรงกลางมีกองฟืนกองใหญ่ที่ยังไม่จุด ชะเวโบถูกตรึงกางเขนอยู่ตรงกลางกองฟืนเตรียมถูกเผามีผู้คนชาวบ้านมาดูการประหารมากมาย ในปะรำพิธี มีบรรดามหาอำมาตย์และเหล่าขุนนางต่างๆนั่งอยู่กันมากมาย ชะเวโบหน้าซีดและกลัว พยายามดิ้น สักพักมีเสียงมหาดเล็กประกาศ
“พ่ออยู่หัวเสด็จแล้ว”
ทุกคนต่างคุกเข่านอบน้อมบาเยงโบเดินขึ้นมาที่ปะรำพิธี
“พ่ออยู่หัวจงทรงพระเจริญ”
ชะเวโบร้องขอชีวิต
“พ่อยู่หัวปล่อยกระหม่อมไปเถอะกระหม่อมสำนึกผิดแล้ว...พ่ออยู่หัวทรงเมตตาด้วย”
บาเยงโบตวาด
“บังอาจ...กบฏคิดคดอย่างเจ้ายังมีหน้ามาร้องของชีวิตอีกหรือ”
ชะเวโบเงียบหน้าสลด บาเยงโบยืนขึ้นประกาศเสียงดัง
“พวกเจ้าทุกตัวคนจงจำไว้ มันผู้นี้ชะเวโบ บุตรงะดินเดบังอาจก่อการกบฏลอบสังหารข้าถึงสองครั้งสองครา...ข้าให้โอกาสกลับตัวกลับใจมันก็ยังคบคิดกับพ่อของมันทำการเยี่ยงโจรปล้นบัลลังก์ข้า”
ชาวบ้านทุกคนพากันสาปแช่งและโจษจรร
“โทษของมันคือประหาร 7 ชั่วโคตร...และใครได้เบาะแสที่อยู่ของโจรเฒ่างะดินเดให้นำความมาบอกแก่ข้า ข้าจะมีรางวัลให้ 100 ตำลึงทอง”
ชาวบ้านต่างโจษจรรอื้ออึง หัวหน้าองครักษ์รายงานบาเยงโบ
“ได้เวลาแล้วพระพุทธเจ้าข้า”
บาเยงโบพยักหน้ารับ หัวหน้าองครักษ์ตะโกน
“เพชฌฆาต...ลงทัณฑ์มันได้”
เพชฌฆาต 3 คนถือคบไฟเดินเข้ามาที่กองฟืนและรอคนละมุมเตรียมจุดไฟ ทันใดนั้นชะเวมะรัตเดินออกมาจากมุมมืดในมือสองข้างถือคบไฟ เดินตรงมาตรงหน้ากองไฟ บาเยงโบมองลงมาดีใจ
“ชะเวมะรัต...เจ้ากลับมาแล้ว...ราชองครักษ์ เชิญพระมเหสีเสด็จขึ้นมา”
ชะเวโบมีความหวัง
“ท่านพี่ ท่านพี่มาช่วยข้าใช่ไหม...ท่านพี่บอกพ่อยู่หัวไปสิว่าข้าจะไม่ทำอีกแล้ว ปล่อยข้าไปเถอะ...นะท่านพี่”
ชะเวมะรัตหน้านิ่ง
“อย่าได้ทำเยี่ยงนั้นเลยพ่ออยู่หัว หม่อมฉันหาได้มาในฐานะมเหสีแต่มาในฐานะนักโทษกบฏ”
ชะเวมะรัตเอาดาบของบาเยงโบที่สะพายหลังมาวางที่พื้น บาเยงโบตกใจ ชะเวโบผิดหวัง
“ท่านพี่...”
บาเยงโบแย้งขึ้น
“เหตุใดพระมเหสีกล่าวเยี่ยงนั้น เจ้าหาได้เกี่ยวข้องอันใดกับการนี้”
“พ่ออยู่หัวอย่าได้เลี่ยงเป็นอื่นเลย พ่ออยู่หัวย่อมรู้กฎมณเฑียรบาลดี บิดาหม่อมฉันกระทำการที่น่าละอาย ยิ่งได้รับการยกเว้นโทษ หม่อมฉันจะมีหน้าอยู่สู้สายตาผู้คนทั้งแผ่นดินได้เยี่ยงไร ในเมื่อขึ้นชื่อว่าเป็นกบฏ”
ชะเวมะรัตพูดไปน้ำตาไหลไป บาเยงโบพูดไม่ออก ชาวบ้าน เหล่าเสนาอำมาตย์ต่างๆนิ่งกันหมด ชะเวมะรัตตัดสินใจด้วยความเด็ดเดี่ยว ถือคบไฟเดินไปหาชะเวโบที่กองฟืนพร้อมจะจุดไฟเผาตัวเองและน้อง
“ได้เวลาชำระความแล้ว”
บาเยงโบตะโกนลั่น
“ชะเวมะรัต...อย่า...”
ชะเวมะรัตไม่ฟังเสียง เธอไปยืนข้างชะเวโบอย่างไม่กลัวเกรง ชะเวโบน้ำตาไหลด้วยความกลัว
“ท่านพี่...ทำไมท่านพี่ทำแบบนี้...”
“ชะเวโบน้องพี่ อย่าได้เกรงกลัวกับการรับโทษทัณฑ์ที่เจ้าได้ก่อเอาไว้เลย เราจะยืดอกรับมันอย่างสง่างามหาไม่มันจะนำความเสื่อมเสียทั้งเกียรติยศและศักดิ์ศรีไปตราบนิรันดร์”
ชะเวโบร้องไห้
“ท่านพี่...”
“เราจะเป็นพี่น้องกันทุกชาติไป...ลาก่อนพ่ออยู่หัว อภัยให้หม่อมฉันด้วย”
แววตาชะเวมะรัตทั้งเด็ดเดี่ยวทั้งอ่อนโยนแล้วเอาคบที่ถือมาจุดไฟทันที ไฟลุกพลึ่บ บาเยงโบลุกขึ้นจากที่ประทับยืนมองตาถลนด้วยความตกตะลึงและเสียใจ
“ชะเวมะรัต”
เสียงบาเยงโบดังกึกก้องไปไกล
งะดินเดลืมตาโพลงราวกับรับรู้เรื่องที่เกิดขึ้น หน้าตระหนก เขานั่งบริกรรมอยู่ที่เดิมแล้วมองไปรอบๆเห็นว่าดาบไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว งะดินเดกังวลรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“ชะเวมะรัต”
ไฟลุกโชติช่วงสีหน้าชะเวมะรัตเจ็บปวดแต่นิ่ง ชะเวโบดิ้นรนร้องครวญลั่นด้วยความเจ็บปวด บาเยงโบยืนมองกำมือแน่นด้วยความเสียใจและแค้นใจที่ช่วยชะเวมะรัตไม่ได้ น้ำตาไหลรินออกมา ร่างของชะเวโบมอดไหม้ไปพร้อมกับร่างของชะเวมะรัต บาเยงโบตะโกนก้อง
“ชะเวมะรัต...”
วันใหม่...กองไฟที่ลุกโชนมอดลงบรรยากาศเงียบอ้างว้างไม่มีคน มีควันกรุ่นอยู่บางส่วน ที่กองเถ้าถ่านมีกระดูกที่ไหม้และเศษเสื้อผ้าของชะเวโบและชะเวมะรัตกระจายกันอยู่ งะดินเดมากอบเศษกระดูกสีหน้าทั้งแค้นทั้งเศร้า
“ลูกข้า...”
พระอาทิตย์ดวงโตที่เส้นขอบฟ้าบริเวณราชวัง บาเยงโบยืนนิ่งมองไปที่เส้นขอบฟ้า ในมือถือหน้ากากทองซึ่งเป็นของสิ่งเดียวที่ชะเวมะรัตทิ้งไว้ให้ นางกำนัลเข้ามาเตือนให้เสวยอาหาร
“พระกระยาหารพร้อมแล้วเพคะ”
“เราไม่หิว”
บาเยงโบน้ำเสียงเด็ดขาด นางกำนัลรีบคลานออกไป ทันใดนั้นเสียงแม่ผีฟ้าแทรกเข้ามา
“พ่ออยู่หัวควรเสวยอะไรบ้างนะ”
บาเยงโบหันไปเห็นเป็นแม่หมอจึงนอบน้อมลง
“แม่ผีฟ้า”
แม่ผีฟ้าค้อมตัวทำความเคารพเล็กน้อยแล้วมองไปที่หน้ากากในมือของบาเยงโบ
“ทุกอย่างย่อมเป็นไปตามกรรมที่กำหนดไว้...พ่ออยู่หัวอย่าได้เสียพระทัยไปเลย”
“มันน่าเจ็บใจ เราเป็นถึงกษัตริย์ มีอำนาจล้นฟ้า สั่งเป็นสั่งตายผู้ใดก็ได้ แต่ชีวิตนางผู้เป็นดวงใจข้ากลับรักษามันไว้ไม่ได้”
“หม่อมฉันเข้าใจ แต่เรื่องนี้มันยังคงจะไม่จบง่ายๆ คนอย่างงะดินเดหายอมง่ายไม่ มันต้องเอาสิ่งที่มันต้องการให้จงได้”
“เราหาได้กลัวไม่ แต่เราอยากให้เกิดความสงบ ทุกคนอยู่กันอย่างสงบ...วันหนึ่งเราอยากจากไปอย่างสงบ เราจะไปอยู่ในที่ไกลและไม่อยากให้ใครมารบกวน”
แม่ผีฟ้าคิดตามบาเยงโบ
“พ่ออยู่หัวจะได้ตามพระประสงค์”
บาเยงโบมองหน้าแม่หมออย่างพอใจและขอบคุณ แล้วยื่นหน้ากากทองให้
งะดินเดมายืนที่ริมแม่น้ำใหญ่ ในมือมีผ้าห่อกระดูกของชะเวมะรัต และชะเวโบ แววตาอาลัยในใจแค้น งะดินเดลอยกระดูกลูกทั้งสองออกไปและสาบานต่อหน้าแม่น้ำ
“ข้าสาบานว่าข้าจะตามแก้แค้นบาเยงโบทุกชาติไป จนกว่าร่างของมันจะดับสลายไปชั่วกัปชั่วกัลป์ไม่เหลือแม้แต่กระดูก ไม่มีแม้เถ้าถ่าน”
สิ้นคำสาบานของงะดิเดบังเกิดฟ้ามืดครึ้มเสียงครืนคราง...ผ้าห่อกระดูกลอยไปตามกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยว
กองคาราวานของเสี่ยรงค์เดินทางไปตามป่า ทุกคนเหนื่อยอ่อน อองไชยกับสมรักษ์ดูแผนที่แล้วเดินนำทางไป...เสือใจ นำแก้วและหิน ตามกลุ่มของเสี่ยรงค์มาอย่างระมัดระวัง ทุกคนเหนื่อยแต่มุ่งมั่น
อองไชยกับสมรักษ์ นำทุกคนมาถึงป่าทึบบริเวณตีนเขา เห็นว่ามีเสาหินโบราณตั้งอยู่ บ้างปรักหักพัง มีเทวรูปแบบพุกามเรียงราย ทั้งหมดถูกปกคลุมด้วยเถาวัลย์ อองไชยตรงเข้าไปถากถางมันบางส่วน
“ที่นี่แหละสุสานบาเยงโบ”
สมรักษ์ดูแผนที่ให้แน่ใจแต่ยังไม่เข้าใจหันไปคุยกับจ่าชิต
“ฉันเคยมาทางนี้หลายครั้ง แต่ทำไมไม่เห็นนะ”
“ตอนนั้นมันอาจจะมีอะไรบังตาอยู่ก็ได้...ขุมทรัพย์อะไรจะเจอง่ายจัง”
ภราดรแทรกเข้ามา
“เหมือนกับมีคนจงใจพาพวกเรามา”
ทั้งหมดมองหน้ากันอย่างสงสัย เสี่ยรงค์ทำลายความเงียบ
“แล้วทางเข้าล่ะ...ทางเข้าอยู่ไหน”
อองไชยมองไปรอบๆแล้วสั่งการ
“พวกผู้ชายแยกย้ายกันหา พวกผู้หญิงไปหาเสบียงและน้ำ”
อ่านต่อเวลา 17.00น.
เสือสมิง ตอนที่ 23 (ต่อ)
ภราดรลุกออกไปกับสมรักษ์ ประเดิม และ จ่าชิต เสี่ยรงค์ ไปกับศักดา และเบิ้ม อองไชยแยกไปอีกทางหนึ่ง กินรี จงใจ ระรินอยู่จัดการข้าวของ
“พี่จะไปหาอะไรมากินนะ” กินรีบอกจงใจ
จงใจรับรู้ กินรีเดินออกไป จงใจก้มหน้าก้มตาจัดของ ระรินมองตามกินรี แล้วลอบเดินตามไป
ประเดิม ภราดร สมรักษ์ และจ่าชิต มาที่ด้านหนึ่งของตีนเขา
“มันจะมีจริงหรือ...ไอ้ขุมทรัพย์ที่ว่าน่ะ” ประเดิมบ่น
สมรักษ์ตัดบท
“มาถึงตรงนี้แล้ว จริงไม่จริงมันไม่สำคัญแล้ว รีบหาเถอะจะได้กลับบ้านกัน”
จ่าชิตเห็นด้วย
“ใช่... กลับบ้านไปชำระแค้น ให้พะอูลูกของฉัน”
ภราดรมองซ้ายขวาไม่เห็นมีอะไรจึงบอกทุกคน
“ผมว่าเราแยกกันหาดีกว่า”
ทุกคนแยกกันไป
เสี่ยรงค์ ศักดา และเบิ้ม พากันมาหาทางเข้าอีกด้านหนึ่งของตีนเขา
“เร็ว...รีบหากันเข้า” เสี่ยรงค์บอกอย่างดีใจและขวนขวาย
“ได้...เสี่ย...ถ้าเราได้ของแล้วเราจะทำยังไงกับพวกนั้น”
เสี่ยรงค์พูดเป็นนัยๆ
“คงต้องทิ้งใครบางคนไว้ที่นี่แบบตลอดกาล”
ศักดายิ้มเข้าใจ
อองไชยเดินวนมาที่เทวรูป ที่ปรักหักพัง มีแท่นศิลาวางเรียงราย แต่ไม่เห็นทางเข้า เขานั่งนึกถึงคำปริศนา
“ด้วยรักแห่งข้าอันเป็นนิรันดร์ ต่อชะเวมะรัต ข้าของสาบานที่จะติดตามเจ้าไปทุกชาติ ตราบใดที่ศพของข้ายังคงอยู่อย่างสงบนิ่ง...แต่เมื่อแสงแห่งอัญมณีเฉิดฉายดุจเลือดปักษา เมื่อนั่นสุสานข้าจะเปิดและทุกอย่างจะกลายเป็นนิรันดร์...ชั่วฟ้าดินสลาย”
ระหว่างที่อองไชยรำพึง เขาหันมองไปรอบๆเห็นสิ่งรอบกาย...
ในอดีตเมื่อ 800 ปีที่แล้ว....บายงโบนอนป่วยใกล้สิ้นใจ ด้านข้างมีแม่ผีฟ้าคอยรับฟังคำสั่งเสีย มีนางกำนัลและเหล่าอำมาตย์ผู้ใหญ่นั่งอยู่ด้วย
“คงถึงเวลาของข้าแล้ว...ข้าใช้ชีวิตบนสนามรบอย่างวุ่นวายมาตลอด...ถึงเวลาแล้วที่ข้าต้องไปหานางอันเป็นที่รักของข้า ข้าอยากจะอยู่อย่างสงบ ไม่มีใครมารบกวน รับปากข้าสิแม่ผีฟ้า สัญญากับข้า...ว่า...จะให้ข้านอนหลับอย่างสงบ”
“ข้าสัญญา”
ขาดคำของแม่ผีฟ้า บาเยงโบสิ้นลมทันที ทุกคนก้มกราบ ร้องออกมาพร้อมกัน
“พ่ออยู่หัวสวรรคตแล้ว...พ่ออยู่หัวสวรรคตแล้ว”
มหาดเล็กสี่คน เดินแบกศพของบาเยงโบที่บรรจุในโลงทองสวยงาม มีขบวนเสนาอำมาตย์ และนางกำนัลเดินตามอย่างสมเกียรติ แม่ผีฟ้าประกาศก้อง
“พ่ออยู่หัวจะอยู่อย่างสงบสุข หาได้มีผู้ใดรบกวน เมื่อขบวนผ่านสายหมอกเข้าไปทุกอย่างจะมีแต่ความสงบจนกว่านางอันเป็นที่รักจะเวียนมาพบพร้อมกับอัญมณีที่สดใส เมื่อนั้นพ่ออยู่หัวก็จะได้ครองรักกับนางไปตราบนิรันดร”
ขบวนทั้งขบวนหายเข้าไปในหมอก
อองไชยแหงนมอง
“มันต้องมีวิธีสิน่า”
อองไชยหยิบรูปปั้นชะเวมะรัตกับรูปปั้นบาเยงโบออกมาดูแล้วครุ่นคิด
กินรีเดินหาเก็บผลไม้ป่าไปเรื่อยๆ เธอได้กล้วยป่ากับผลไม่อย่างองุ่นป่ามาพอสมควร แล้วเดินกลับ ไม่ห่างนักระรินเดินย่องตามมาแล้วเรียกกินรีจากทางข้างหลัง
“นังกินรี”
กินรีหันมาตามเสียง
“คุณระริน”
ระรินยืนตรงหน้าหยิบมีดปลายแหลมออกมา แววตาเพชฌฆาต
“นังกินรี นังมารหัวใจแก...ตาย”
ระรินเงื้อมีดจะจ้วงแทง กินรีหมดทางปกป้องตัวเอง แต่มือจงใจมาจับมือที่ถือมีดของระรินไว้
“อย่านะ...คุณระริน”
“ปล่อยฉันนะ”
จงใจยื้อมีดกับระรินไปมา
“ไม่ปล่อย”
มะค่าที่มาพร้อมจงใจยืนมองอย่างตกใจ จงใจพยายามแย่งมีดจากกินรี ขณะเดียวกัน จ่าชิตกับสมรักษ์เข้ามาเห็นเหตุการณ์ สมรักษ์เข้าไปแย่งมีดมาได้
ระรินแววตากร้าวจ้องกินรีเอาเป็นเอาตาย เสี่ยรงค์ ศักดา และภราดรเข้ามาในเหตุการณ์ไล่เลี่ยกัน
“นี่มันอะไรกันระริน”
ระรินรีบวิ่งเข้าไปเกาะแขนภราดร
“ลูกเกลียดมัน”
จงใจจ้องหน้า
“เกลียดถึงกับจะฆ่าจะแกงกันเลยหรือ”
ทุกคนตกใจที่ระรินเหี้ยมขนาดนี้
“นังกินรีมันเป็นมารหัวใจของฉัน”
เสี่ยรงค์ไม่อยากอับอาย
“ไม่เอาน่าระริน...ไม่มีใครแย่งความรักของลูกไปได้หรอก ไหนบอกว่าเอ่อ...หมอภราดร...”
เสี่ยรงค์จะพูดว่าถูกเสน่ห์ ภราดรแทรกเข้ามาทันที
“ถูกทำเสน่ห์ใช่ไหม”
ทุกคนตกใจ ยกเว้นจ่าชิต กินรีมองหน้าภราดรอย่างแปลกใจ ภราดรยิ้มให้กินรีอย่างสดใส
“ใช่สิ...ผมถูกระรินทำเสน่ห์ แต่พระท่านยังเมตตา...ใช่ไหมจ่าชิต”
ภราดรหันไปมอง จ่าชิตยิ้มแล้วเฉลย
“ใช่แล้ว...”
จ่าชิตเล่าเหตุการณ์ที่ผ่านมาให้ทุกคนฟัง....
ช่วงเวลานั้น...เสือใจเป็นคนทำพิธีล้างเสน่ห์ให้ภราดร...เสือใจนั่งบริกรรมคาถาในมือมีหุ่นตุ๊กตาเสน่ห์ ภราดรยังนอนหมดสติอยู่ จ่าชิตอยู่ด้านหลังเสือใจมองอย่างอึ้งๆ
“ไม่น่าเชื่อว่าระรินจะถึงกับต้องทำเสน่ห์หมอภราดร”
“ความรักไม่ได้ทำให้คนตาบอดอย่างเดียว มันทำให้คนดีๆเป็นคนชั่วได้เลยล่ะ”
“แล้วเอ็งแก้เสน่ห์ได้หรือ”
“ทำไมจะไม่ได้ เพราะเสน่ห์แบบนี้ เป็นวิชาของอาจารย์ข้าเอง ข้าเรียนผูกมาก็ต้องแก้ได้สิวะ อยู่เฉยๆเถอะ”
จ่าชิตเงียบ เสือใจบริกรรมคาถาต่อ ร่างภราดรที่หลับสนิทบังเกิดแสงออกมา ปรากฏเป็นผีเจ็ดป่าช้า จ่าชิตตะลึง
“ออกมาแล้วหรือ”
ผีเจ็ดป่าช้ารวมร่างเป็นร่างเดียว
“เจ้ามันแส่ไม่เข้าเรื่อง คงไม่อยากหายใจต่อไปแล้วสิ ได้ข้าจะสงเคราะห์ให้”
ผีตนนั้นตรงเข้ามาใช้อาคมหมายจะทำร้าย แต่เสือใจสู้ด้วยอาคมและมีดหมอ จังหวะหนึ่งเสือใจถูกบีบคอกำลังจะสิ้นลม ส่วนอีกมือหนึ่งของผีก็บีบคอจ่าชิตที่กำลังจะสิ้นลมเช่นกัน ในมโนภาพของเสือใจพระธุดงค์ผุดเข้ามาแล้วเตือนสติ
“ตั้งสติเอาไว้โยม สัมภเวสีพวกนี้ไม่ได้มีตัวตนอย่างที่สายตาโยมเห็น จิตเท่านั้นที่จะมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่าง”
เสือใจได้สติลืมตาขึ้นรวบรวมพลังและสมาธิ แล้วบังเกิดไฟบรรลัยกัลป์ พุ่งขึ้นมาใส่ผีจนร่างของมันมอดไหม้
ในที่สุดผีเจ็ดป่าช้าก็พ่ายไป ภราดรฟื้นคืนสติขึ้นมาอย่างงงๆ เขามองเห็นจ่าชิตและเสือใจที่เพิ่งรอดตายมาอย่างหวุดหวิด กำลังหายใจหอบ
“จ่าชิต ผมเป็นอะไรไปเนี่ย”
จ่าชิตมองภราดรอย่างโล่งอกแล้วเล่าเรื่องราวที่ภราดรถูกระรินทำเสน่ห์
“ระรินทำเสน่ห์ผมหรือนี่”
เสือใจเสริม
“ใช่...ท่าทางหมอจะเนื้อหอมนะ ลูกสาวเสี่ยรงค์นี่มันร้ายไม่ผิดพ่อมันจริงๆ”
จ่าชิตสอบถามภราดร
“หมอมาที่นี่ได้ยังไง”
“ผมจำได้เค้าๆว่า ผมกับระริน ประเดิมได้รับคำสั่งให้มาออกหน่วยที่นี่ยังมีกินรีกับมะค่าที่มาด้วย แล้วจ่าล่ะ”
“ผมมาตามหาหมวดสมรักษ์ ที่ตอนนี้กลายเป็นผู้ร้ายไปแล้ว ส่วนเสือใจมาตามหาจงใจลูกสาวเขา”
ภราดรแปลกใจ
“อ้าว...ไหงเป็นอย่างนั้น”
“ถ้าไม่ใช่เพราะไอ้เสี่ยรงค์แล้วจะมีใคร ไอ้เสี่ยรงค์นี่มันจริงๆเมื่อไหร่จะปราบมันอยู่เสียทีนะ” จ่าชิตบอกเครียดๆ
ภราดรเปลี่ยนเรื่อง
“เสี่ยรงค์...ตอนนี้ทุกคนอยู่ที่โบสถ์รีบไปกันเถอะ”
จ่าชิตรีบบอก
“หมอ...ผมมีเรื่องจะขอร้องหมอสักอย่าง ผมอยากให้หมอทำเป็นว่าหมอถูกเสน่ห์และทำตัวกับระรินเหมือนเดิมไปก่อน”
ภราดรไม่เข้าใจ
“ทำไมล่ะ”
“ผมอยากให้หมอดูความเคลื่อนไหวของเสี่ยรงค์ ผมอยากได้หลักฐานที่จะทำให้เสี่ยรงค์ดิ้นไม่หลุด ผมใช้เวลาทำเรื่องนี้มาหลายปีแต่ก็ไม่สำเร็จ ผมเลยอยากให้หมอช่วยสักครั้งนึกว่าเป็นแก่ประเทศชาติเถอะ”
ภราดรคิดสักครู่ในใจตกลงแต่ยังมีเงื่อนไข
“แล้วกินรีล่ะ”
จ่าชิตกำชับ
“ให้ทุกคนรู้ไม่ได้ โดยเฉพาะกินรี เพราะถ้ามีอะไรผิดพลาดหรือพวกมันไหวตัวกินรีนั่นแหละจะมีอันตรายกว่าใครทุกคน”
เสือสมิง ตอนที่ 23 (ต่อ)
ภราดรหนักใจ เสือใจตบไหล่แสดงความเห็นใจภราดร
“รักย่อมเข้าใจในรัก หมอ...”
ภราดรพยักหน้าตกลง
ทุกคนที่นั่นได้รับรู้เรื่องราวทั้งหมด สมรักษ์มองหน้าจ่าชิตแล้วบ่น
“ปิดซะเนียนเลยนะ...”
จ่าชิตยิ้ม อองไชยเดินเข้ามาเขามายืนฟังอยู่นานแล้ว
“ที่แท้ก็ฝีมือไอ้ใจ...ข้าไม่เข้าใจเลยว่าเหตุใดเจ้าถึงปิดบังอาคมของข้าได้”
ภราดรเดินไปหากินรีแล้วเฉลย
“อำนาจของคนที่เจ้ากำลังมาหาเขาไง”
อองไชยอึ้ง
“บาเยงโบ”
ภราดรพยักหน้า
“ใช่...และนี่ก็คืออีกเหตุผลหนึ่งที่ข้าต้องทำเป็นหลงเสน่ห์ของระริน จอมกษัตริย์บาเยงโบต้องการให้ผมมาที่นี่...ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร”
อองไชยถึงกับอึ้งพูดไม่ออก ระรินแววตากร้าวแต่แล้วก็เศร้าหมองลง
“ที่แท้หมอก็หลอกระรินมาตลอด”
“ก็ไม่เท่าที่คุณทำกับผม กับกินรีหรอก...ความรักน่ะ มันฝืนใจกันไม่ได้หรอก ต่อให้ใช้มนตราอาคมขนาดไหน แต่จิตใจไม่ได้โหยหากัน อาคมมนตราเหล่านั้นก็จะเสื่อมไปสักวัน แล้วมันก็จะยิ่งสร้างความเจ็บช้ำให้เป็นทวีคูณ”
“แต่ฉันรักหมอ นะรักด้วยหัวใจทั้งหมด”
“รักคือความเข้าใจ ถ้าระรินเข้าใจประโยคนี้ระรินก็จะเข้าใจในความรัก”
ระรินยังไม่ยอม
“ไม่...ระรินไม่ยอม”
เสี่ยรงค์ขึ้นเสียง
“ระริน...พอได้แล้ว แค่นี้พ่อก็อายแทบพลิกแผ่นดินแล้ว”
ระรินมองหน้าเสี่ยรงค์ ไม่เชื่อว่าพ่อจะเข้าข้างคนอื่น
“นี่พ่อเข้าข้างมันใช่ไหม ได้ลูกสาวอีกคนแล้วลืมระรินใช่ไหม”
เสี่ยรงค์พยายามจะแก้ตัวแต่ระรินวิ่งเตลิดไปในป่าทุกคนตกใจ เสี่ยรงค์สั่ง
“ไม่ต้องตาม...เขาไปไม่ไกลหรอก ฉันรู้นิสัยลูกฉันดี ไปทำงานของเราต่อดีกว่า”
อองไชยพยักหน้ารับ ทุกคนเดินไปทางถ้ำ จ่าชิตหันมองภราดรแล้วอมยิ้ม
“ไอ้ใจมันพูดถูก รักย่อมเข้าใจในรัก”
กินรีมองหน้าภราดรอย่างมีความสุข แล้วทั้งคู่ชวนกันเดินตามไป
ระรินวิ่งร้องไห้เตลิดมาในป่าสักพักแล้วมาหยุดที่ต้นไม้ต้นหนึ่งท่าทางเหนื่อยและแค้น
“ทำไม...ทำไมไม่มีใครรักเราเลย...”
ทันใดนั้นมีปืนมาจ่อด้านข้างศีรษะ เสียงขึ้นนกดังกริ๊ก เสือทศยื่นหน้าเข้ามาใกล้ยิ้มยียวน
“อกหักล่ะสิ”
เสือเรืองเดินเข้ามาพร้อมด้วยทหารรับจ้างอีกคน ระรินแปลกใจ
เสี่ยรงค์นำทุกคน เดินมาที่หน้าถ้ำ อองไชยพยายามคิดหาทางเข้า เอารูปปั้นตั้งไว้ข้างๆ
“เราหาจนทั่วแล้วไม่เจอทางเข้าเลย”เสี่ยรงค์หงุดหงิด
อองไชยรับรู้หนักใจ สมรักษ์เดินเข้ามาบอกเสี่ยรงค์
“ทางผมก็ไม่มี”
“ปริศนาไม่ได้บอกอะไรบ้างเลยหรือ ท่านพราน”
อองไชยมองไปที่รูปปั้นชะเวมะรัต เห็นว่ามือของรูปปั้นขาดอะไรไปอย่างหนึ่งแต่ไม่ได้เอะใจ
“ไม่...หรือว่าบอกแต่ข้ายังคิดไม่ออก”
อองไชยนึกได้แล้วหันมาทางภราดร
“จริงสิท่านหมอ ท่านบอกว่าจอมกษัตริย์บาเยงโบนำท่านมาที่นี่ แสดงว่าท่านต้องรู้ว่าจะเข้าทางไหน”
เสี่ยรงค์เห็นด้วย
“จริงด้วย หรือว่าหมอรู้แล้วไม่ยอมบอกเรา”
“ผมไม่รู้...”ภราดรส่ายหน้า
ศักดาตรงไปดึงกินรีมาแล้วเอาปืนจ่อ ท่ามกลางความตกใจของทุกคน
“บอกมาหมอ ถ้ายังอยากเห็นนังนี่หายใจอยู่”
ภราดรหน้าตื่นตระหนก
“อย่าทำอะไรเธอนะ...ผมไม่รู้จริงๆ”
“เจ้าเคยบอกว่าเจ้าติดต่อกับบาเยงโบได้...เจ้าต้องพยายามแล้วล่ะหมอ”
ภราดรเดินมาที่บริเวณหน้าถ้ำแล้วมองไปรอบๆในใจเป็นห่วงกินรี แล้วตั้งสมาธิให้นิ่งนึกถึงบาเยงโบ
“ท่าน ผมได้นำท่านมาที่นี่แล้ว ถึงเวลาที่ท่านจะต้องเปิดประตูมันออกแล้ว”
สักพักเสียงบาเยงโบก็ผุดขึ้นในภวังค์ของภราดร
“ข้าบอกเจ้าไม่ได้เพราะมันเป็นสาป แต่ทั้งหมดข้าได้บอกไว้ในปริศนาเอาไว้แล้ว”
“ปริศนา...ผมอ่านไม่เข้าใจ”
“ที่ตัวข้ามีสิ่งล้ำค่าคือดาบ และถ้าเจ้าหาสิ่งล้ำค่าของชะเวมะรัตเจอ เจ้าก็จะเปิดประตูได้”
เสียงบาเยงโบหายไปภราดรตื่นจากภวังค์ เขาครุ่นคิดแล้วบอกอองไชย
“ถ้าสิ่งล้ำค่าของบางเยงโบคือดาบ และสิ่งล้ำค่าของชะเวมะรัตคืออะไร”
อองไชยคิดแล้วมองไปที่รูปปั้นชะเวมะรัต แล้วสังเกตที่มือ
“ผู้หญิง...ต้องคู่กับ...อัญมณี...ใช่แล้ว อัญมณี”
เสี่ยรงค์ไม่เข้าใจ
“อะไรนะ...อัญมณีอะไร”
อองไชยอธิบาย
“เมื่อแสงแห่งอัญมณีเฉิดฉาย ดุจเลือดปักษา เมื่อนั่นสุสานข้าจะเปิดและทุกอย่างจะกลายเป็นนิรันดร์...ชั่วฟ้าดินสลาย”
ทุกคนคิดตาม อองไชยมองรูปปั้น
“ที่รูปปั้นนี่เหมือนกับว่าถืออะไรอยู่บางอย่าง”
เสี่ยรงค์คิดๆ
“อัญมณี...อะไร หรือว่าพลอยก้อนนั้น...ใช่แล้วไอ้คนที่มันเอามาขายมันเคยบอกว่าเป็นของกษัตริย์ แต่ฉันไม่เชื่อมัน หรือว่ามันจะจริง”
อองไชยหันมาบอก
“ก็ต้องลองดู”
สมรักษ์คิดแล้วมองไปที่จงใจ
“จงใจ...พลอยของแม่เธอเม็ดนั้น...”
จงใจพยักหน้าเข้าใจ
พลอยแดงเม็ดนั้นถูกวางลงบนมือของรูปปั้นชะเวมะรัต อองไชยเอารูปปั้นไปวางที่ลานหน้าทางเข้า บังเกิดแสงสะท้องกับพระอาทิตย์เป็นรัศมีสีแดงคลอบคลุมไปทั้งพื้นที่ ทุกคนประหลาดใจ อองไชยดีใจ
“ใช่แล้ว...เมื่อแสงแห่งอัญมณีเฉิดฉาย ดุจเลือดปักษา...ใช่แล้ว”
พลันประตูถ้ำก็เผยออกมา เสี่ยรงค์และทุกคนดีใจ เสี่ยรงค์ลืมเรื่องระรินไปชั่วครู่
งะดินเดที่ร่างกายดูหนุ่มขึ้นนั่งสมาธิอยู่ที่ริมแม่น้ำ เขารับรู้ถึงการเปิดปากทางเข้าสุสาน แล้วลืมตาพอใจ
“อาคมแกถูกทำลายแล้วนังผีฟ้าหน้าทองเอ๋ย”
เสือใจ แก้ว หินลอบมองมาจากหินก้อนใหญ่ที่อยู่ไม่ไกลจากบริเวณนั้น ทั้งหมดประหลาดใจแบบไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ
“เป็นไปได้หรือนี่”
เสือใจบอกเสียงเรียบนิ่ง
“แต่มันก็เป็นไปแล้ว...สุสานบาเยงโบ มีจริงๆด้วย”
แก้วจ้องดูเหตุการณ์ข้างหน้าอย่างไม่วางตา
ทั้งหมดยังคงอยู่ที่หน้าถ้ำ ทุกอย่างสงบลง อองไชยสั่งสมรักษ์
“แกเข้าไปก่อน”
สมรักษ์เซ็ง
“คิดอยู่แล้ว ว่าแกทำไมถึงเอาฉันมา”
“เข้าไป...ไม่ต้องพูดมาก...หมวด หมอด้วย”
เสี่ยรงค์สั่งภราดรให้เข้าไปด้วย กินรีเป็นห่วง จงใจก็เป็นห่วงสมรักษ์เหมือนกัน
“ระวังตัวนะหมวด”
สมรักษ์พยักหน้ารับแล้วเข้าถ้ำไปกับภราดร
จบตอนที่ 23
อ่านต่อตอนอวสานพรุ่งนี้ เวลา 09.30น.