xs
xsm
sm
md
lg

คู่กรรม ตอนที่ 24 จบบริบูรณ์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


คู่กรรม ตอนที่ 24 อวสาน

ทั่วทั้งบริเวณสถานีรถไฟบางกอกน้อยขณะนั้น เสียงคนตะโกนเอะอะโหวกเหวกดังลั่น ผู้คนวิ่งวุ่นขวักไขว่ไปมา อังศุมาลินพายเรือแล่นเข้ามาใกล้ แสงเพลิงจับปะทะใบหน้าแดงฉาน

ภาพทะเลเพลิงโหมลุกไหม้สถานีรถไฟบางกอกน้อยและบริเวณใกล้เคียง ราวกับไฟบรรลัยกรรผลาญนรกก็ไม่ปาน
เห็นเรือชาวบ้านไทยมุงมากมายลอยเรืออยู่นับสิบลำ
หนึ่งในนั้นเป็นยายเมี้ยนและครอบครัวที่ร้องไม่หยุดปาก
“ตายๆๆๆตายไม่มีเหลือ”
“นี่แม่จะออกมาดูทำไมเนี่ย น่าขนพองสยองเกล้าออกจะตาย” แมวบ่นอุบ
อังศุมาลินพายเรือแล่นเข้ามาใกล้ แสงเพลิงจับปะทะใบหน้าแดงฉาน แต่อังศุมาลินพยายามแหวกกลุ่มเรือชุมนุมตรงหน้าเข้าไปให้ได้ พร้อมตะโกนขอทางเสียงดัง
“ขอทางหน่อย...ขอทางหน่อยจ้ะ”
เรือตาแกละและยายเมี้ยน รวมทั้งแมว ลอยอยู่ใกล้ๆ หันมา
“อะ อ้าว..หนูอัง มากะเขาด้วยเร้อ” ตาแกละร้องทัก
“อ้าว แม่อัง...มาทำไมจ๊ะ มารับใครหรือเปล่า” ยายเมี้ยนก็ทัก
แต่อังศุมาลินไม่สนใจ รีบจ้วงไม้พายในมือสุดแรงขอทางแหวกเข้าไป
“มาหาผัวเขามั้งแม่” แมวว่า
“หา...ตานายช่างนั่นมาอยู่นี่เหรอ” ยายเมี้ยนตกใจ
“ราบพนาสูรอย่างนี้”
ตาแกละกะยายเมี้ยน มองหน้ากัน สยองไม่อยากคิด

ที่ท่าน้ำสถานีรถไฟบางกอกน้อยยังอลหม่าน แลเห็นทหารญี่ปุ่นต่างเข้าแถวลำเลียงส่งน้ำเข้าไปในพื้นที่เพลิงโหมไหม้กันแข็งขัน เรือดับเพลิงกำลังเร่งฉีดน้ำฟุ้งกระจายทั่วบริเวณ เจ้าหน้าที่บนเรือหันมาเห็นร้องห้าม
“อย่าเข้าไป..ออกไป…”
อังศุมาลินที่ทั้งพายทั้งผลักเรือที่จอดขวางเป็นแพ จนเรือมาเทียบใกล้ถึงท่าเหงื่อท่วมตัว สายตาเอาแต่สอดส่ายมองหาโกโบริ ไม่สนใจเสียงเรียกใดๆ ทั้งสิ้น
ทั้งเจ้าหน้าที่ ทหารญี่ปุ่น ซึ่งมีเคสุเกะร่วมอยู่ด้วย ราชนาวีไทย บุรุษพยาบาล ต่างกำลังลำเลียงหามคนเจ็บออกมาวุ่น บ้างกำลังจะขาดใจตาย บ้างเลือดโทรมกายจนดูไม่ออกว่าใครเป็นใคร หลายศพถูกหามออกมาวางกองๆ อยู่ใกล้ๆ ตลิ่ง
อังศุมาลินมือเย็น ยืนตัวแข็ง เห็นคนเจ็บนอนนิ่งตรงหน้ากลั้นใจเข้าไปพลิกหน้าขึ้นดู จนแทบหดมือกลับโดยเร็ว
อังศุมาลินร้อง “อุ๊ย”
เลือดติดมืออังศุมาลินหยดเป็นสีแดง
พลันเรือลำหนึ่งมาจอดเทียบ ทาเคดะและทหารอีก 3-4นายพรวดขึ้นท่ามา อังศุมาลินหันไปเห็นพอดี
“หมอ”
หมอทาเคดะหันมา ประหลาดใจ “คุณมาทำไม อังซัง”
“โกโบริค่ะ...หมอเห็นเขามั้ยคะ”
“ยังไม่เห็น”
“แล้วคนเจ็บที่ไปโรงพยาบาลแล้วละคะ มีมั้ย”
“ผมยังไม่ทราบ”
หมอทาเคดะรีบวิ่งไปเร็วรี่ ตรงเข้าไปภายในทันทีพร้อมทหารพยาบาลที่ตามมาด้วย
อังศุมาลินหันไปเห็นเคสุเกะ “เคสุเกะ โกโบริอยุ่ที่นี่หรือเปล่า
“ไม่เห็นครับ” หมอทาเคสุเกะขนคนเจ็บออกไป
อังศุมาลินเหวอ ยืนหมุนคว้างอยู่ลำพัง ทำอะไรไม่ถูก ก่อนรีบวิ่งตามเข้าไป

อังศุมาลินเดินฝ่าคนเจ็บ และศพต่างๆ ที่เรียงรายตลอดทาง ตาก็สอดส่องมองไปยังคนที่ถูกหาบหามผ่านมาตลอด เพื่อจะดูให้แน่ใจไม่คลาดตา
ระหว่างนั้นหมอทาเคดะเดินผ่าน ก้าวข้ามกองศพที่วางสุมๆ ไป บ้างพลิกดูหากเห็นว่ายังไหว
“มาเอาคนนี้ไป คนนั้นไม่ต้อง เร็ว...ศพนี่ลากหลบไป จะได้ไม่เกะกะ”
บุรุษพยาบาลที่ตามติดมา ต่างแยกย้ายหันไปอย่างขันแข็งทำตามที่หมอทาเคดะสั่งการ
อังศุมาลินเดินพลิกดูศพแต่ละศพไปมา ศพแล้วศพเล่า จนมือเปื้อนเต็มไปด้วยเลือด บางจังหวะบางคนอังศุมาลินก็ก้มลงกระซิบเรียก เพื่อความแน่ใจ
“โกโบริ...โกโบริ”
เสียงร้องโอดโอยดังระงม อังศุมาลินเดินเข้าไปด้านในขึ้นเรื่อยๆ เหงื่อโทรมกาย พลันหันไปเห็นทหารนายหนึ่งนอนฟุบรูปร่างหน้าตาแสนคุ้น
อังศุมาลินรีบโผเข้ามาหา ใจหายวาบคิดว่าจะเป็นโกโบริ แต่พลิกทหารนายนั้นขึ้นมา กลับเป็นฮิชิดะที่หายใจรวยรินเต็มที เลือดไหลออกจากปาก ครางเบาๆ ในลำคอ
อังศุมาลินเขย่าตัวฮิชิดะไปมา “เห็นนายช่างไหม.โกโบริ โกโบริอยู่ไหน”
“คะ ใคร...ใคร” ฮิชิดะ ปรือตามอง
“โกโบริ โกโบริอยู่ไหน...ได้ยินหรือเปล่า”
ฮิชิดะพยายามจะเอียงหูฟัง แต่ไร้เรี่ยวแรงจะขยับ
อังศุมาลินพูดช้าๆ ชัดๆ “โก-โบ-ริ-อยู่-ที่-ไหน”
“อยู่...โรง...รถจักร...ตอนระเบิด”
พูดเท่านั้นฮิชิดะก็เงียบเสียงไป อังศุมาลินละล้าละลังจะทิ้งไว้แล้วรีบไปก็ใช่ที่
“ทำใจดีๆ ไม่เป็นอะไรนะ เดี๋ยวหมอมา”
อังศุมาลินเหลียวมองหาทาเคดะ ทาเคดะกำลังง่วนอยู่ไม่ไกล
“หมอคะ ทางนี้คนหนึ่งค่ะ”
“เดี๋ยว”
อังศุมาลินเหลียวไปมาทั้งมองฮิชิดะ ทั้งมองหมอทาเคดะที่กว่าจะเดินผ่านรายทางมาถึง
“ทหารที่อู่ไงคะหมอ เขามากับโกโบริ”
หมอทาเคดะเดินมาแล้วก้มดูปราดเดียว
“ไม่มีทางแล้ว ปล่อยเขาไว้เถอะ”
อังศุมาลินตกตะลึง “หมอคะ”
หมอทาเคดะเดินไปดูรายอื่นต่อทันที
อังศุมาลินมองร่างฮิชิดะที่กระตุกเบาๆ ก่อนที่ดวงตาเบิกกว้างจะหรี่ลงทันที
อังศุมาลินประคองวางร่างเคสุเกะลงบนกองอิฐใกล้ๆ มองดูอย่างสลดหดหู่ ก่อนลุกขึ้นช้าๆ

อังศุมาลินเดินมาตรงจุดซากอาคารของสถานีรถไฟบางกอกน้อย ร่างเต็มไปด้วยเลือด แต่สายตาสอดส่ายมองหาอย่างไม่ย่อท้อ ก้าวแล้วก้าวเล่าที่เหยียบไปบนเศษอิฐ เศษไม้ ร้อนๆ ทำเอาผิวระบม

ผมอังศุมาลินลุ่ยกระเซิงรุงรังลงมาปรกหน้า
จังหวะหนึ่งเดินเซถลาไปชนเสาซากอาคารที่พังไปทั้งแถบ จนถูกไฟลามเลียเป็นบางส่วน
“โกโบริ…”
อังศุมาลินกำลังอ่อนล้าโรยแรงลงทุกที จนแทบจะหมดแรง แต่กัดฟันส่งเสียงโหยหวน ใจจะขาดรอนๆ
“โกโบริ...”
จังหวะนั้นเองเสียงของโกโบริแผ่วๆ เบาหวิว แหบแห้งดังขึ้น
“ฮิเดโกะ...”
อังศุมาลินสะดุ้งพรวด เหลียวขวับกราดสายตามองไปทั่วบริเวณ เริ่มมีความหวัง
“โกโบริ”
อังศุมาลินมองรอบตัว แต่ไม่เห็นร่างหรือเงาอะไร นอกจากกองเศษซากปรักหักพัง อังศุมาลินพยายามเอียงตัวจดจ่อฟังเสียง แต่ก็ไม่มีเสียงใดๆ อีกจึง จึงทิ้งตัวลงนั่งอย่างหมดอาลัย ใบหน้าเศร้า สะอื้นร่ำไห้ น้ำตาไหลพราก
“โกโบริ”
เสียงแผ่วเบา แหบแห้งของโกโบริดังขึ้นมาอีก “ ฮิเดโกะ..ผม ผมอยู่นี่”
อังศุมาลินเหลียวขวับ หันมองหา พยายามจับที่มาของเสียง
“อยู่ไหน อยู่ไหนคะ...โกโบริ”
“ตรงนี้...กอง ไม้...”
อังศุมาลินหันไปข้างหลัง จึงเห็นกองซากไม้ทับถมพะเนินท่วมอยู่
“ใต้กองไม้หรือคะ...โกโบริ”
อังศุมาลินพยายามมองๆ หาไปที่กองไม้ แล้วร้องเรียกอีก
“โกโบริ”
ไม่มีเสียงตอบ อังศุมาลิน ไม่รอช้ารีบเข้าไปจับซากเศษไม้ที่ทับกันอยู่ตรงนั้น เหวี่ยงทิ้งออกไปท่อนแล้วท่อนเล่า ทั้งดึง ทั้งพลัก ออกแรงงัดไม้ท่อนหนักๆ สุดแรง
“รอเดี๋ยว...รอเดี๋ยวนะคะ”
ในที่สุดอังศุมาลินเห็นชายในชุดทหารอยู่ใต้กองไม้นั้น แขนหักพับบังหน้าอยู่ ร่างนอนติดคาอยู่บนกองไม้ ส่วนล่างของตัวยังถูกทับแน่นอีกชั้น
อังศุมาลินสั่นสะท้าน สะอื้นไห้ พูดแทบไม่เป็นคำ
“รอเดี๋ยวค่ะ...รออีกเดี๋ยว”
อังศุมาลินพยายามรื้อไม้ส่วนที่ยังทับตัวโกโบริอยู่ออก ด้วยแรงที่ยังพอมี แต่ก็ยังยากที่จะขยับมันออกง่ายๆ โกโบริพยายามขยับเผยหน้าออกมา แต่ตายังปิดสนิท ทำให้แลเห็นชัดเจนว่าสภาพมอมแมม เลือดอาบร่าง เสื้อทหารขาดวิ่น
“โกโบริ อย่าเพิ่งเป็นอะไรนะคะ ฉันจะรื้อไม้นี่ออกให้คุณหมด แล้วจะรีบไปตามหมอมานะ อดทนไว้นะคะ”
โกโบริบอกเสียงแผ่วเบา “ฮิเดโกะ...คุณไม่ไหว อย่าเลย”
“ไหวค่ะ...ฉันไหว ทำใจดีๆ ไว้ค่ะ อีกนิดเดียว คุณต้องปลอดภัย”
“อย่าเลย ลูก...ระวัง ลูกของเรา”
“ไม่ค่ะ แม่กับลูกต้องเอาพ่อเขาออกมาให้ได้” อังศุมาลินบอก
อังศุมาลินออกแรงจนเซ แต่รีบลุกขึ้นมาดัน ดึง ไม้ต่อไม่ย่อท้อ โกโบริลืมตาขึ้นมาเล็กน้อย พยายามขยับตัว

“อย่าคะ คุณอย่าเพิ่งขยับ เดี๋ยวไม้ท่อนอื่นจะตกลงมาอีก”

คู่กรรม ตอนที่ 24 อวสาน (ต่อ)

อังศุมาลินออกแรงดันไม้ท่อนใหญ่ท่อนสุดท้าย ผลักออกจนพ้นร่างโกโบริได้สำเร็จ ก่อนจะรีบโผเข้ามาช้อนตัวโกโบริขึ้นมาไว้แนบอก วางศีรษะไว้บนตัก

เลือดอุ่นๆ จากตัวโกโบริไหลเยิ้มเป็นทาง จากแขนลงมาถึงอ้อมอก อังศุมาลินรู้สึกได้ในทันที ศีรษะโกโบริที่หนุนเอียงซบอยู่ในอ้อมแขนอังศุมาลิน พยายามขยับหันมามองใบหน้าอังศุมาลิน แลเห็นใบหน้าอันมอมแมม และเลือดที่ไหลออกจากปากเป็นทาง
โกโบริพยายามลืมตาที่แทบจะปิดขึ้นมาช้าๆ อังศุมาลินพยายามลูบปัดเช็ดหน้าโกโบริไปมาอย่างทะนุถนอม น้ำตาเอ่อท้น ก้มมองดวงหน้านั้นอย่างใกล้ชิด
“ผมดีใจ...ได้เห็นหน้าคุณ” เสียงโกโบริเบาหวิว
อังศุมาลินพยายามยิ้มปลอบใจ แต่ปากสั่นระริก
“ฉันต้องมา...ยังไงฉันก็ต้องมาคะ โกโบริ...คุณรอฉันก่อนนะ ฉันจะไปตามหมอมา”
“อย่า...อย่าไป มันไม่มีประโยขน์”
“คุณไม่ได้เป็นอะไร พอหมอมาฉีดยาทำแผลให้คุณ แล้วจะได้พาไปโรงพยาบาลไงคะ”
อังศุมาลินขยับจัดตัวโกโบริที่หลับตาหายใจรวยริน วางพิงลงกับท่อนไม้ใกล้ๆ
“คอยเดี๋ยวนะคะ”
อังศุมาลินรีบวิ่งไปเร็วรี่

อังศุมาลินวิ่งหัวซุน ผ่านซากปรักหักพัง และศพที่เรียงรายกลาดเกลื่อนมา หมอและบุรุษพยาบาลกำลังทำหน้าที่ช่วยเหลือคนเจ็บที่ลำเลียงไปมาอย่างเต็มกำลัง อังศุมาลินวิ่งมาถึง มองหาหมอทาเคดะวุ่น จนหันไปเจอหมอนั่งตรวจทหารนายหนึ่งที่นอนแน่นิ่งอยู่
อังศุมาลินพุ่งตรงเข้ามาถึงหมอทาเคดะทันที
“หมอคะ ไปคะ” อังศุมาลินคว้ามือ กระชากฉุดมาอย่างร้อนใจ “โกโบริอยู่ทางโน้นค่ะดิฉันเพิ่งเอาเขาออกมาจากกองไม้ กรุณาไปดูเขานิดเดี๋ยวนี้ได้มั้ยคะ”
หมอทาเคดะรีบบอก “ได้ๆ...ผมไป”
“เร็วๆ เข้าเถอะค่ะ”
หมอทาเคดะคว้ากระเป๋ายา บุกตามอังศุมาลินที่ลิ่วนำไป

ครู่ต่อมา อังศุมาลินมาถึงรีบก้มตัวช้อนร่างโกโบริขึ้น หมอทาเคดะก้มตรวจดูไปมา
“เป็นไงบ้าง โกโบริซัง”
โกโบริพยายามลืมตามอง “หมอ...” โกโบริยิ้มให้ “ไม่มีทางหรอก ฮิโดโกะไม่ยอมฟัง…”
“ดูแผลหน่อย”
“ข้างหลังนี่คะ หมอช่วยดูห้ามเลือดที”
อังศุมาลินประคองพลิกตัวโกโบริขึ้น เผยให้เห็นแผลลึกจากสะเก็ดระเบิดบาดลึกเป็นรูฉกรรจ์ เลือดไหลซึมตลอดเวลา
“เลือดหยุดก็ไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหมคะหมอ”
หมอทาเคดะไม่ตอบมองนิ่ง สีหน้าเครียดขรึม
“เอาเลยคะหมอ ฉีดยา ทำแผลให้เขาเลยซิคะ” อังศุมาลินเร่งเร้า
โกโบริรู้ตัวถามเสียงแผ่วเบา “หมดหวังใช่ไหม”
อังศุมาลินไม่ฟังโกโบริ “ไม่หมดหวังค่ะ หมอทำแผลซิคะ”
หมอทาเคดะถอนใจหนักหน่วง สีหน้าเครียดหนักใจ
“ยาเรามีน้อยมาก ผมต้องเก็บเอาไว้ใช้กับคนที่พอจะช่วยได้ก่อนเสมอ”
“ไม่หมดหวังค่ะ โกโบริยังช่วยได้เหมือนคนอื่นค่ะหมอ”
โกโบริพลิกตัวมาซบที่ตักอังศุมาลิน ก่อนหันไปยิ้มบางๆ ให้หมอทาเคดะ
“ขอบใจมาก หมอ”
หมอทาเคดะนิ่งงัน อัดอั้น จับหูกระเป๋าเกร็งแน่น
“ขอบใจในทุกอย่างที่ผ่านมาหมอ ฝากฮิเดโกะด้วย...ลูก ถ้าลูกผมจะคลอด ผมฝากหมอด้วย”
หมอทาเคดะยิ้มให้ “ด้วยความยินดียิ่ง”
โกโบริยิ้มพอใจแล้ว “หมอ ไปเถอะ ยังมีอีกหลายคนรอหมออยู่...ลาก่อนหมอ ฝากบอกกับทุกคนด้วย”
หมอทาเคดะลุกยืนขึ้นช้าๆ อังศุมาลินมองถอนสะอื้น อ้อนวอน
“หมอ อย่าเพิ่งไปค่ะ..หมอช่วยโกโบริก่อน หมอคะ”
หมอทาเคดะชิดเท้าทำความเคารพโกโบริหนักแน่นเป็นครั้งสุดท้าย โกโบริยิ้มให้ หมอทาเคดะมองนิ่งสูดหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนโค้งอีกครั้ง แล้วหันตัวเดินลิ่วจากไปทันที
“เดี๋ยวคะหมอ หมอ...หมอใจร้าย...หมอ”

อังศุมาลินร่ำไห้ ปิ่มว่าจะขาดใจ

แสงไฟจากเปลวเพลิงรอบตัวเริ่มลาลงแล้ว แต่ห่างออกไปยังไหม้อยู่เป็นหย่อม อังศุมาลินร่ำร้อง สะอื้นไห้ โกโบริพยายามลืมตามอง

“ฮิเดโกะ”
อังศุมาลินหยุดมอง พูดไม่หยุด
“หมอไม่ช่วยก็ช่าง จะพาคุณไปโรงพยาบาลเอง ไปถึงนู้นคุณก็ปลอดภัยแล้ว..หรือ” อังศุมาลินคิดขึ้นมาได้ “ฉันไปตามหมอคนอื่นมาแทน บอกเขาไปเลยว่าคุณคือหลานชายแม่ทัพ พวกเขาต้องมาช่วยคุณ ใช่ไหมคะ…”
“ไม่มีใครช่วยได้หรอก ฮิเดโกะ คุณไปบอกเขายังไง เขาก็ช่วยไม่ได้ กองทัพเราเป็นแบบนั้น ยา คือยุทธปัจจัยสำคัญสำหรับคนที่ควรจะรอด แต่คน...ที่กำลังจะตาย มันเปล่าประโยชน์”
“ไม่..ไม่ตาย คุณต้องไม่ตาย” อุงศุมาลินกอดโกโบริแน่น “คุณจะไม่ตายค่ะ ฉันยังมีอะไรจะพูดกับคุณมาก เดี๋ยวฉันจะเอาชายเสื้อผูกแผลให้คุณก่อน คุณจะได้มีแรง แล้วจะได้พาคุณไปหาหมอ ให้เข้าให้เลือด ทำแผล แล้วก็กลับบ้านเรากัน ดีมั้ยคะ”
โกโบริมองมา เศร้าสลด “อย่าพูดถึงอนาคตผมอีกเลย มันมีอีกไม่ถึงชั่วโมงหรอก...ฮิเดโกะ”
“ไม่ซิคะ เราต้องอยู่กันอีกนานแสนนาน นานจนคุณต้องถามฉัน ว่าเราอยู่ด้วยกันมากี่ปีแล้ว ฉันก็จะตอบ ว่าร้อยปีแล้วมังคะ”
“อย่าหลอกตัวเอง...ฮิเดโกะ ความจริงมันไม่โกหกใครได้ เราต้องยอมรับมันอย่างชายชาติทหาร...ผมรู้ตัวดี”
อังศุมาลินร่ำไห้สะอึกสะอื้น
“อย่าร้องไห้ ฮิเดโกะ เรามีเวลาเหลืออีกไม่เท่าไหร่ อย่าปล่อยให้มันผ่านไปเสีย อนาคตเรากำลังจะสิ้นสุดแล้ว แต่..เรายังมีอดีตของเรา จำได้ไหม ผมเคยบอกคุณ ว่าแม้ผมต้องตายไป ผมก็จะพาหัวใจรักของผมไปด้วย ถ้าหากให้ผมเลือกที่จะตายได้ ผมก็ขอเลือกที่จะตายแบบนี้ ในขณะนี้อยู่ดี”
อังศุมาลินพยายาม ใช้อีกมือปัดเช็ดหน้าโกโบริอย่างบรรจงไปมา
“ไม่ใช่แต่คุณพาหัวใจรักของคุณไปด้วยหรอก แต่ยังเอาหัวใจที่แหลกสลายดวงนี้ไปด้วยต่างหาก” อังศุมาลินพูดด้วยเสียงอ่อนหวาน ปลอบโยน “คงจริงอย่างที่คุณว่า บางทีเราต้องยอมรับความจริงอย่างชาติทหาร เพราะฉันเป็นลูกทหาร แล้วก็เป็นเมียทหารด้วย ใช่มั้ยคะ”
“ฮิเดโกะ…”
“คุณนอนนิ่งๆ ดีกว่า ฉันมีอะไรจะเล่าให้คุณฟังอีกตั้งเยอะ คุณอยากฟังไหมคะ อย่างน้อยก็มีประโยคนึงที่ฉันจะบอกคุณ”
อังศุมาลินถอนใจยาว น้ำตาเหือดแห้ง เสียงสั่นระริก พยายามทำตัวให้แจ่มใส โกโบริที่หน้าซีดลงเรื่อยๆ ยิ้มตอบบางๆ
“คุณยิ้มอย่างนี้ มันเหมือนวันที่เราพบกันวันแรก คุณจำได้ไหมคะ”
“ไม่มีอะไรเกี่ยวกับคุณที่ผมจำไม่ได้” โกโบริบอก

ท้องฟ้ามืดสนิท แสงดาวรำไรไกลๆ อังศุมาลินก้มมอง ลูบไล้แตะหน้าโกโบริอย่างทะนุถนอม
“วันนั้นคุณเป็นหนุ่มน้อยรูปงาม ช่างเล่น ช่างเจรจา”
โกโบริยิ้มให้ “แล้วทำไมคุณไม่รับรักผม”
“ถ้าฉันรู้อนาคต ฉันจะไม่รั้น ไม่ทิฐิ ฉันจะรักคุณเสียแต่วันนั้น แล้วกอบโกยเวลาของเราไว้ให้มากที่สุดที่จะมากได้ คุณจำได้ไหมคะ คุณสอนฉันไว้ ให้พูดประโยคๆ หนึ่ง”
“จำได้ แต่ผมไม่เคยทำสำเร็จซักที”
อังศุมาลินก้มจุมพิตที่หน้าผาก ก่อนกระซิบขึ้นเบาๆ เสียงแผ่วๆ แต่อ่อนหวานเหลือแสน
“ฉันรักคุณ...ฉันรักคุณค่ะ”
โกโบริฟังยิ้มละไม ในดวงตาอันอ่อนโยน
“ฉันรักคุณ..อย่าถามนะคะ ว่ามากแค่ไหน คุณได้มันไปเป็นคนแรก และคนสุดท้าย...” ประโยคต่อมาอังศุมาลินเหมือนพูบอกตัวเอง “ฉันพยายามจะไม่รักคุณค่ะ.. ฉันพยายามอย่างยิ่งมาตลอด ฉันต้องต่อสู้กับหัวใจตัวเอง คุณไม่รู้หรอก ว่าฉันทรมานตัวเองมากแค่ไหน”
“ผมรู้..เพราะผมรักคุณ..ตลอดมา”
“คนที่ต้องทรมาน เพราะรักไม่สมหวัง ก็ยังไม่ทรมาน...เท่ากับ...พยายามที่จะไม่รักคนที่เรารักมาก..ความทุกข์จากการได้รัก ไม่เท่าความทุกข์...จากการพยายามไม่รัก...ฉันไม่ได้เพิ่งรู้ตัวนะคะ ว่ารักคุณ...ฉันรู้มานานแล้ว...แต่...เมื่อฉันสัญญากับคนๆ นึงไว้...ว่าจะคอยเขา ฉันก็ต้องคอย คุณเข้าใจไหมคะ บางครั้ง...การรักษาเกียรติ และคำสั่นสัญญา ก็ทำให้เราต้องเชือดหัวใจตัวเอง”
“ผมเข้าใจ...แล้วก็ภูมิใจด้วย ที่คุณเป็นคนอย่างนี้”
“คุณคงไม่รู้..ว่าฉันพบวนัส..เมื่อตอนค่ำนี้เองค่ะ...”
โกโบรินิ่ง เงียบกริบ ไม่ยอมบอกว่ารู้ กลัวทำให้อังศุมาลินเสียใจมากขึ้น
“เขามาบอกฉันว่า...ฉันมีสิทธิ์จะรักใครก็ได้...ที่ฉันอยากจะรัก น่าขันนะคะ...ที่ฉันรอ...รอเขามานาน รอ...เพื่อฟังประโยคนี้ประโยคเดียว...แค่เพราะฉันไม่อยากทำลายน้ำใจเพื่อน...ที่เห็นใจกันมาแต่เล็กแต่น้อย แต่ตอนนี้...ฉันเป็นอิสระแล้ว อิสระที่จะรักคุณจนหมดหัวใจของฉันไงคะ พอฉันก็รู้ตัวว่าเป็นอิสระ ฉันก็รีบวิ่งไปที่อู่...เพื่อจะบอกคุณ...บอกใครๆ ทั้งโลกได้แล้ว ว่าฉันมีคนที่รักแล้ว และจะไม่มีวันรักใครได้อีก ...ฉันบอกตัวเองแล้วค่ะ...ว่ายังไงๆ ฉันก็ยอมเสียคุณไปไม่ได้ สงคราม...หรืออะไรๆ อื่นๆ จะเป็นยังไงก็ช่าง ขอให้ฉันรักคุณ และคุณรักฉันอย่างเดียวก็พอ” อังศุมาลินยิ้ม ลูบหน้าโกโบริ
โกโบริยกมือทาบไปบนมืออังศุมาลิน “ฮิเดโกะ…”
สองคนยิ้มให้กัน แล้วอังศุมาลินโน้มเอาหน้าผากมาชนกับหน้าผากโกโบริ ต่างคนต่างหลับตา แล้วนิ่งเงียบ เหมือนจะถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิดทั้งหมดรวมกัน

โกโบริยิ้มสมหวังแล้วกับสิ่งที่รอคอย มีความสุขเหลือล้นในห้วงสุดท้ายของชีวิต

คู่กรรม ตอนที่ 24 อวสาน (ต่อ)

ขณะเดียวกัน ทหารเรือไทย และทหารญี่ปุ่นบางส่วน ช่วยกันทำหน้าที่ดับไฟที่ยังลุกโพลงอย่างแข็งขัน

หมอทาเคดะกำลังทำปั๊มหัวใจกดชายโครง กระแทกๆ ให้คนพลเรือนไทยชายแก่
เคสุเกะ กับทหารไทย ช่วยกันประคองเด็กๆ และแม่ที่บาดเจ็บสภาพมอมแมมมานั่งเรียงกันอีกด้านนึง เอาน้ำให้กิน เด็กร้องไห้กันกระจองอแง
ส่วนอังศุมาลินประคองโกโบริให้นอนบนตักตนอย่างสบายที่สุด ลูบผมไปมาเบาๆ ท่าทางทั้งสองเต็มไปด้วยความสงบ
“คุณเคยบอกว่า...ถ้าลูกเราเป็นผู้ชาย เราต้องแขวนปลาตะเพียนไว้หน้าบ้านใช่ไหมคะ”
โกโบริยิ้ม พยักหน้า พยายามสูดลมหายใจลึกๆ
อังศุมาลินให้ความสุขให้มากที่สุด เหมือนนัดแนะกันอย่างมีความเชื่อที่สุด
“ฉันจะแขวนปลาตะเพียนตัวโตๆ ไว้ค่ะ ถ้าคุณอยู่บนฟ้า คุณจะได้มองลงมาเห็นเราง่ายๆ อย่างนิทานเรื่องเจ้าหญิงทอหูก กับหนุ่มเลี้ยงแกะไงคะ...”พลางก้มมาสบตา ยิ้มเอาใจ “คุณเป็นหนุ่มเลี้ยงแกะ ขึ้นไปคอยฉันอยู่บนดวงดาวด้านนึงของทางช้างเผือกก่อน ..อีกหน่อย..ฉันจะขึ้นไปอยู่บนดาวตรงกันข้าม พอถึงเทศกาลทานาบามัตสุริ ในวันที่ 7 ของเดือนที่ 7 เราก็จะได้ข้ามทางช้างเผือกมาพบกัน”
โกโบริยิ้ม “ทำไมคุณช่างจำอะไรต่ออะไรไว้ได้มากนักนะ” สายตาโกโบริเริ่มดูง่วงๆ
“เพราะฉันรักคุณน่ะสิคะ ง่วงหรือคะ” อังศุมาลินจูบริมฝีปากเบาๆ พยายามถ่ายทอดความอบอุ่นไปให้
โกโบริยิ้ม พยักหน้า “คุณพูดไปเรื่อยๆ นะ..อย่าหยุด..ผมชอบฟัง”
อังศุมาลินมองหน้าโกโบริเหมือนจะจารจำไว้ทุกอณู
“ฉันอยากให้ลูกหน้าตาเหมือนคุณค่ะ..แล้วก็คงเหมือน เพราะทางโบราณของไทยเขาเชื่อว่า ถ้าแม่รักใครมากๆ ลูกจะหน้าเหมือนคนนั้น”
มือของโกโบริคลำๆ หา คว้ามือของอังศุมาลินมาจูบ พลางบอก “แต่อย่าใจแข็งเหมือนแม่”
อังศุมาลินมองโกโบริท่าทีเหมือนกำลังฝัน “ฉันจะขอภาวนะ..ว่าถ้าเขาโตขึ้น และรักใครซักคน ขอให้เขาได้อยู่กับคนที่เขารักยืนยาว..อย่าให้เหมือนพ่อกับแม่เลย”
โกโบริเอามืออังศุมาลินมากอดไว้
“ผมไม่ไปไหนหรอก ผมจะติดตามคุณไปทุกแห่ง”
“เวลาฉันตาย..คุณจะมาอยู่ใกล้ๆ ไหมคะ” อังศุมาลินคาดคั้นให้โกโบริรับปาก
โกโบริรับอย่างหนักแน่น “มาสิ! มารับคุณไปไว้บนดาวเจ้าหญิงทอหูกไงล่ะ”
“คุณคงคอยฉัน..ไม่นานหรอกค่ะ…”
โกโบริยิ้ม แล้วชะงักนิดๆ พยายามมองไปรอบๆ เพ่งมอง
“ไฟดับหมดแล้วหรือ ฟ้ามืดเหลือเกิน”
อังศุมาลินเงยหน้ามองไป แล้วอึ้งเพราะความจริงที่เห็น ฟ้ายังแดงฉาน ยังมีไฟลุกตรงนั้นตรงนี้เป็นหย่อมๆ
อังศุมาลินรู้ว่าหมดเวลาแล้ว อังศุมาลินน้ำตาไหล แต่ฝืนทำเสียงแจ่มใสโกหกไป
“ค่ะ ไฟดับแล้ว มีแต่พระจันทร์...กับดาว”
“มิน่า...ผมเห็นแต่แสงสลัว”
อังศุมาลินก้มลง จูบแล้วจูบอีก “หลับเสียเถอะค่ะ”
โกโบริยิ้มให้ พยายามจูบตอบตาลอยๆ
อังศุมาลินลูบดวงหน้าโกโบริเบาๆ เอามือวาดไปตามรูปเค้าโครงหน้าผาก คิ้ว กระบอกตา โหนกแก้ม สันจมูก ปาก คาง แก้ม จงใจจะพิมพ์ทุกส่วนจารไว้ในใจ
“คุณจำมิสเตอร์ไมเคิลได้ไหมคะ”
โกโบริเริ่มเบลอ “คน..ไหน...”
“เชลยที่คุณปล่อยไปไงคะ”
โกโบริยิ้มอ่อนๆ เหมือนง่วงงุน “อ๋อ...คนนั้น”
“น่าแปลก...เขาบอกว่า...คุณรักฉัน...ก่อนที่คุณจะบอกเสียอีก”
โกโบริยิ้ม “หัวใจผม...มันคง...บอกเขา..กระมัง”
“หัวใจคุณ...เคยบอกอะไรใครมั่งคะ”
โกโบริเอามืออังศุมาลินมากอบกุมและกำไว้ สองคนยิ้มประสานให้กัน
“มันบอกว่า ผมรักคุณ ฮิเดโกะ ผมรักคุณ ฮิเดโกะ ผมรักคุณ ฮิเดโกะ ผมรักคุณ ผมรักคุณเสมอ ฮิเดโกะ รัก เสมอ...” คำสุดท้ายสิ้นสุดลง ดวงตาโกโบริมองค้าง ม่านตาขยายกว้าง หอบหายใจยาวที่สุดอีกหนึ่งที แล้วนิ่งไป สงบ ไม่มีอาการกระตุกเฮือกๆ หรืออะไรเลย จากนั้นโกโบริก็หลับตาลง แล้วยิ้มนิดๆ เหมือนคนหลับ
อังศุมาลินจูบลา เงยขึ้น รำพึงเบาๆ “โกโบริ ฉันไม่มีวันที่จะมีใครอีก...นอกจากคุณ”
อังศุมาลินนำมือที่กุมกันไว้ขึ้นมาดู จูบมือโกโบริ
“หลับเสียนะคะ หลับเสีย หลับให้สบาย หลับเสีย”
โกโบรินิ่งไปแล้ว
อังศุมาลินร้องไห้ครวญคร่ำ
“แต่เมื่อไหร่ล่ะคะ...คุณจะลืมตาขึ้นดูฉัน...”
อังศุมาลินกอดร่างโกโบริไว้ โบกตัวเบาๆ เหมือนกล่อม ร้องไห้
ระหว่างนั้นตาบัว กะตาผล วิ่งลุยกองซากต่างมา จนเจอ
“แม่อังๆๆ”
“นายช่าง..เป็นไงบ้าง”
อังศุมาลินเงยหน้ามามอง แล้วพูดในท่าทีสงบ น้ำตานองเต็มหน้า
“สิ้นใจแล้วค่ะ”
ตาบัวกะตาผล สองคนยืนเบียดกันอยู่มุมหนึ่ง เงียบกริบ ไม่ฟูมฟาย แต่อึ้ง
อังศุมาลินกอดโกโบริแนบอก เงยหน้ามองฟ้า มองดาว วินาทีนั้นดาวดวงหนึ่งฉายแสงวาบสว่าง เหมือนทักทาย
อังศุมาลินมองดาวดวงนั้น แล้วก้มลงมาประทับจูบโกโบริอีกที พร้อมๆ กับภาพเหตุการณ์ผุดพร่างในหัว ราวกับสายน้ำไหล
นับตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน อังศุมาลินว่ายน้ำไปที่อู่ โกโบริโผล่จากเรือมาทัก โบกมือลา หน้าเปื้อนมอมแมม ทำทะเล้นๆ ใส่ / ภาพอังศุมาลินพายเรือมากะแม่อร แล้วเจอโกโบริวนเรือกลับมาคุย
เหตุการณ์ที่ตลาด โกโบริโดนแม่ค้าเอาเปรียบ / และตอนที่โกโบริ อังศุมาลินเผชิญหน้ากัน ตอนสั่งกรอกน้ำมันตาบัว ตาผล / ภาพเหตุการณ์ที่โกโบริทำทะเล้น ยักคิ้ว ร่าเริงสดใส ในช่วงแรกที่เจอกัน
โกโบริจัดดอกไม้ / สานก้านมะพร้าว / พาหมอทาเคดะมารักษาคุณยาย / หัดตีขิมแล้วหัวเราะสดใส / หัดพูดไทยคำต่างๆ / เล่นมอญซ่อนผ้าตอนงานปีใหม่ที่วัด / ตอนโกโบริขับเรือมาดูหน้าที่ท่าน้ำ

ภาพสุดท้ายเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขหลังแต่งงานที่แสนหวาน โกโบริสดใสร่าเริงเป็นที่สุด

หลายเดือนต่อมา 
ท้องน้ำ ลำคลองหน้าบ้าน สว่างสดใสอยู่ในแสงตะวัน ทุกอย่างยังเหมือนเดิม ศาลาท่าน้ำที่ว่างเปล่า บรรยากาศเงียบเหงา เงียบงัน มีแต่เสียงน้ำ เสียงลมพัดดังหวิวๆ
ในสวนหลังบ้านลมพัดแรง ต้นไม้แกว่งไกว เงาของต้นไม้เอนไหวไปตามแรงลม

บนเรือน เงียบเชียบ ผนังเรือนตรงกลางบ้านกว้าง โล่ง ว่าง เปล่า และดูเวิ้งว้าง เงียบเหงา ลมพัดหวิวๆ
ลมพัดมาแรงขึ้น บนโต๊ะเตี้ยซึ่งมีหนังสือขุนช้างขุนแผนวางอยู่ จังหวะหนึ่งลมพัดหน้าหนังสือปลิว เปิดพลิกๆ ไปตามแรงลม เห็นกระดาษที่โกโบริพับเป็นศิลปะพับกระดาษญี่ปุ่นคั่นหน้าไว้ ปลิวออกมาแล้วกลิ้งไปบนพื้น
ผนังอีกด้านหนึ่งคือโหลเลี้ยงปลาของโกโบริตั้งอยู่ น้ำดูสะอาดใส มีสาหร่ายหางกระรอกลอยอยู่ ปลาแหวกว่ายร่าเริง
ข้างๆ โหลมีรูปภาพวันแต่งงาน ทั้งภาพที่ถ่ายคู่กันเป็นทางการ และภาพที่โกโบริประคับประคองคอยดูแลอังศุมาลินขณะทำพิธี แขวนอยู่
ภาพชุดที่แขวนเรียงรายถัดไป เป็นภาพตอนสองคนไปเที่ยววัดอรุณ ลานพระรูป และสถานที่ต่างๆ กรอบภาพแตกต่างออกไป ติดเต็มผนัง
ในที่สุดก็ถึงจุดนำสายตา คือภาพขยายใหญ่รูปเดี่ยวของโกโบริในชุดวันแต่งงาน เป็นภาพขาวดำติดเด่นเป็นสง่าที่ผนังกลางบ้าน ข้างหน้ามีแท่นวางกระถางธูป
หน้าตาโกโบริในภาพแลดูสดใสมาก ตรงแท่นมีพวงมาลัยมะลิร้อยเองอย่างสวยงามคล้องอยู่ ดอกมะลิเหี่ยวแห้งบ้างแล้ว เพราะวางอยู่ประมาณวันสองวัน
อังศุมาลินที่ท้องโตมากขึ้นพอเห็นแล้วว่าอายุครรภ์ประมาณ 5-6 เดือน เดินเข้ามา ในมือถือกิ่งดอกมะลิล้วนๆ ใส่แจกันมา
อังศุมาลินหยิบมาลัยพวงเก่าออก เงยหน้าขึ้น ยิ้มกับรูป แล้วพูดกับภาพโกโบริ
“โกโบริ...ฉันเก็บมะลิข้างบ้านมาฝากคุณ...ได้กลิ่นไหมคะ แม่ชอบเรียกคุณ...ว่าพ่อดอกมะลิ...” อังศุมาลินวางแจกันลง “ดอกมะลิที่ขาวบริสุทธิ์...เหมือนจิตใจคุณ”
อังศุมาลินเพ่งมองที่รูป แล้วเอามือไปแตะเบาๆ มองสบตา
“รูปคุณ...รูปนี้ เป็นรูปที่ถ่ายวันงานแต่งงานของเรา...คุณจำโคลงของคุณแม่คุณ...ที่คุณแปลให้ฉันฟัง...ในวันแต่งงานได้ไหมคะ”
เสียงโกโบริดังขึ้น “ผมไม่เคยลืม…”
อังศุมาลินมองรูป ยิ้มนิ่งฟัง
เสียงโกโบริท่องคำอำนวยพรของแม่เป็นคำญี่ปุ่นดังขึ้น
“ขอให้ความรักและดวงใจทั้งสอง ผนึกรวมกันเป็นหนึ่งเดียว...” โกโบริพูดเป็นภาษาอังกฤษ “may the love you share , be all two hearts could hold” ยิ้มฝันหวาน แล้วลองแปลเป็นไทย “ขอให้ความรักและดวงใจทั้งสอง ผนึกรวมกันเป็นหนึ่งเดียว”

อังศุมาลินดึงตัวเองกลับมา
“วันนั้น...ถ้าฉันได้บอกคุณทันเวลา ฉันมีวรรคสุดท้ายของโคลงนี้ จะบอกคุณค่ะ”
ยินเสียงโกโบริตอบมา “คุณบอกผมเดี๋ยวนี้ก็ได้ ผมจะได้จำไว้ ให้ติดหัวใจ”
อังศุมาลินเยื้อนยิ้ม “ฉันจะบอกว่า...บัดนี้..หัวใจของเรา ได้ผนึกแนบแน่น รวมกันเป็นหนึ่งเดียวตลอดไปแล้วค่ะ”
เสียงโกโบริดังตอบมาอีก “ตอนนั้น..ผมไม่คิดหรอกนะ ว่าพรของพ่อกับแม่จะได้ผล
อังศุมาลินเพ่งมองที่รูป แล้วยิ้มออกมา ถอนใจ เอาผ้าที่พาดไหล่มาเช็ดกระจกกรอบรูป

ตกตอนกลางคืน แสงจากตะเกียงสว่างเรืองรองไปทั่วชานเรือน อังศุมาลินเดินไปแล้วหันมาเห็นม้านั่งข้างตุ่มน้ำตรงนอกชานที่โกโบริทำให้นั่งอาบน้ำ อังศุมาลินก้มลง หยิบม้านั่งตัวนั้นมากอด นึกไปถึงวันนั้น

โกโบริพาอังศุมาลินมาแล้วสั่ง “นั่งลง…”
“ยืนอาบก็ได้”
“นั่งดีกว่า เก้าอี้นี่แข็งแรงมาก” โกโบริตบๆ กดน้ำหนักให้ดู “คุณจะได้ไม่ลำบาก...เวลาที่..ตัวโตกว่านี้..นั่งลง ขอร้องล่ะ”
อังศุมาลินถอนใจ นั่งแบบจำยอม โกโบริรับผ้าต่างๆ ของอังศุมาลินมาแขวนไว้ข้างๆ แล้วก็เอาขันตักน้ำขึ้นมา
“เอามือมา ล้างมือก่อน”
อังศุมาลินงงๆ แต่ก็ยื่นมือไป
โกโบริเทน้ำใส่มือ “ล้างมือให้สะอาด..แล้วเอาน้ำลูบหน้า ให้ร่างกายค่อยๆ ปรับตัว..กับความเย็นของน้ำ”
อังศุมาลินมองขำๆ แต่ก็ทำตาม
โกโบริหน้าตาจริงจังแน่วแน่ ตักน้ำราดตัวอังศุมาลินช้าๆ อย่างตั้งใจ ที่ไหล่ หลัง และที่ตัว เบาๆ

อังศุมาลินวางม้านั่งตัวนั้นลงช้าๆ ภาพเหตุการณ์ต่อมาผุดขึ้นอีก
อังศุมาลินถูแรงขึ้น ทำไม่สนใจ โกโบริถามขึ้น
“ถ้าผมตาย คุณจะร้องไห้ไหม”
“ไม่”
“งั้น ผมจะคอยดู”

อังศุมาลินดึงตัวเองกลับมา แล้วเหลียวมองรอบๆ บ้าน พูดออกไป
“โกโบริ ฉันไม่ร้องไห้แล้วค่ะ ไม่ร้องจริงๆ เพราะหัวใจของฉัน...หลุดลอย...ตามคุณไปด้วยแล้ว น่าแปลกนะคะ ที่คนเรา...ยังอยู่ได้ ทั้งๆ ที่หัวใจ..ได้จากร่างไปแล้ว”
อีกเหตุการณ์ที่อังศุมาลิน จดจำไม่ลืมผุดขึ้นมาในความคิด

เวลานั้นโกโบริมองไปรอบบ้านๆ ยิ้มออกมาบางๆ
“ไม่ว่าหลับหรือตื่น ผมจำที่นี่ได้แม่นยำเสมอ บ้านไม้ ยกพื้น มีนอกชาน สวนที่มีต้นไม้สีเขียว ดอกไม้ที่ออกดอกสีสดตลอดปี แล้วก็...คุณ”
โกโบริก้มมองอังศุมาลิน ยิ้มๆ
“ผู้หญิงตัวเล็ก...ใจแข็ง และไม่เคยรู้ว่าความรักเป็นอย่างไร”
อังศุมาลิน แหงนมองสบตาเสียงแข็งใส่ “ไม่จริง”
“นึกว่าคุณจะไม่ยอมพูดกับผมเสียอีก เอาเป็นว่า..คุณรู้จักความรักละ เพียงแต่ไม่ใช่สำหรับผมเท่านั้นเอง

อังศุมาลินดึงตัวเองกลับมาสู่ปัจจุบัน เหลียวมองไปรอบๆ บ้าน
“ฉันรู้จักความรักแล้วค่ะ..ความรัก..ที่ไม่เคยมีใครได้ไปนอกจจากคุณ ที่จริง..ฉันไม่เคยต้องการอิสระเลย ไม่ว่ายามคุณยังอยู่ หรือคุณตายไป ฉันเป็นของคุณเสมอ”
อังศุมาลินเดินไปที่ข้างประตู ตรงนั้นมีกิ่งไผ่ติดโคมกระดาษสาเป็นสีๆ สไตล์ญี่ปุ่น ที่แขวนไว้หลายอัน ส่องแสงอ่อนนุ่ม นวลตา
“นี่ก็วันที่ 7 ของเดือนที่ 7 แล้วนะคะ ฉันทำโคมแขวนไว้ให้คุณดูด้วยค่ะ” อังศุมาลินแหงนหน้าขึ้น จับโคมพวกนั้น “คืนนี้...คุณต้องมองลงมานะคะ...” พูดแล้วอังศุมาลินยิ้มขำๆ “คุณเคยถามฉันใช่ไหมคะ ว่าทำไม ฉันจำอะไรๆ เกี่ยวกับคุณได้มากมาย โกโบริ ฉันรักคุณนี่คะ คุณเชื่อไหมคะ...ว่าฉันจำได้ทุกอย่าง...จำได้ ตั้งแต่วันแรก...ที่เราพบกัน”
เสียงโกโบริดังเข้ามาอีก “ผมเชื่อคุณเสมอ...คุณพูดไปเรื่อยๆ นะ ผมชอบฟัง”
อังศุมาลินยืนพิงขอบประตู แหงนหน้ามองท้องฟ้า “ฉันไม่รู้หรอกค่ะ...ว่าฉันรักคุณตรงไหน รู้แต่ว่าทุกอย่างที่ประกอบขึ้นเป็นคุณ ฉันรักทั้งนั้น ฉันรักคุณ...ตั้งแต่แรกพบค่ะ...โกโบริ”
ท้องฟ้าเบื้องบน เห็นทางช้างเผือก และกลุ่มดาวพราวพร่าง
อังศุมาลินถอนใจเบาๆ มือจับที่ท้อง
“ลูกเข้าใจแม่...ใช่ไหมจ๊ะ...ว่าแม่รักพ่อ รักแต่แรกเจอ...รักเสมอมา แต่แม่โง่เกินไป แม่ไม่รู้ ว่าเวลาในชีวิตของคนเรา..มันสั้นมาก มันผ่านไปรวดเร็ว..แล้วจะไม่มีวันกลับมาอีก...แม่เลยไม่รู้ว่า..เราต้องฉกฉวยเวลาทุกวินาทีเอาไว้ ไม่ปล่อยให้ไหลล่วงผ่านไป..ความสุขอยู่ตรงหน้าแท้ๆ แค่เอื้อมมือไป ก็จะคว้าไว้ได้ แต่แม่ก็กลับทิ้งมันไป..ปิดขังหัวใจไว้ในความหลงผิด กับทิฐิ มานะ ยึดมั่น ถือมั่น ดึงดื้อถือดีบ้าๆ กว่าแม่จะรู้..ทุกสิ่งทุกอย่าง..ก็หลุดลอยไปหมดแล้ว ไม่เหลืออะไรแล้ว...” อังศุมาลินต้องสะดุ้งอีก เพราะลูกเตะ “โอ๊ะ..อ้า..จริงสิ...ขอบใจนะจ๊ะ ที่เตือน...แม่เกือบจะโง่ไปอีกแล้วสิ แม่ไม่ได้ไม่เหลืออะไรซักหน่อย แม่มีลูกไงล่ะ ลูกของแม่ทั้งคน...” เงยหน้าขึ้นมองฟ้าต่อ “ลูกของเราค่ะ โกโบริ ฉันจะต้องอยู่ ฉันจะต้องทำให้เวลาต่อไปนี้ เป็นเวลาที่ดีที่สุดเสมอ...เพื่อลูกของเรา”
เสียงโกโบริดังก้องอยู่ในหัวอังศุมาลิน
“ฮิเดโกะ...ผมจะไม่ไปไหนหรอก จะติดตามคุณไปทุกแห่ง คอยก่อนนะ แล้วผมจะรับคุณไปไว้บนดาวเจ้าหญิงทอหูก บนทางช้างเผือกโน่น”

เหมือนว่าอังศุมาลินยืนพิงขอบประตูอยู่เพียงลำพัง และแหงนหน้ามองไปที่บนท้องฟ้า
แต่หากมองลงมาจากท้องฟ้ายามนั้น จะเห็นว่ามีโกโบริใส่ชุดทหารเต็มยศ แบบเดียวกับในรูปถ่าย กำลังยืนเคียงข้างโอบประคองอังศุมาลินไว้ ร่างของโกโบริมีแสงเรืองรองผ่องใส

ทั้งสองเหลียวมองไปยังทางช้างเผือกบนท้องฟ้าด้วยกัน
 
จบบริบูรณ์
 
โปรดติดตาม "เรือนเสน่หา" ทางช่อง 5 ไม่มีให้อ่านทางละครออนไลน์ 
กำลังโหลดความคิดเห็น