xs
xsm
sm
md
lg

อีสา รวีช่วงโชติ ตอนที่ 24

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


อีสา รวีช่วงโชติ ตอนที่ 24

ไม่นานต่อมา หญิงจ้อยเดินลูบพุงออกมานั่งที่ห้องโถง ชายรวีกับหม่อมพริ้มมองอย่างเอ็นดู

“น้ำพริกลงเรือยายจวนอร่อยที่สุดในโลกเลย โอ้ย อิ่มท้องจะแตก”
“ดูพูดเข้า หน้าไม่อาย” หม่อมเหน็บลูกสาวสีหน้าเอื้อเอ็นดู
“ก็มันจริงนี่คะ หม่อมแม่หญิงไปต่างประเทศทีไร น้ำหนักลดลงไปสองสามกิโลทุกที รับอะไรก็ไม่ลง” คุณหญิงผู้ร่าเริงสวมกอดหม่อมพริ้ม วาจาออดอ้อน “คิดถึงแต่กับข้าวฝีมือหม่อมแม่”
“ตกลงคิดถึงแม่หรือนังจวน”
“หม่อมแม่เป็นคนสอนจวน คิดถึงจวนก็เหมือนคิดถึงหม่อมแม่ล่ะค่ะ”
ชายรวีหยอกล้อ “พี่หญิงจ้อยนี่พูดจาสมกับที่ทำงานการทูตเลยนะครับ”
“ต๊าย” หญิงจ้อยตีชายรวีเผียะ “นี่จะหาว่าพี่พลิกลิ้นงั้นสิ ไม่ต้องเลยนะ พี่ไม่ได้เป็นนักการทูตซักหน่อย เป็นแค่เลขาท่านทูตเท่านั้น ตีฝีปากสู้นักกฎหมายไม่ได้หรอก”
ชายรวีเถียงสู้ “ตีฝีปากนั่นมันพวกทนายครับ พี่หญิง ผมเป็นผู้พิพากษา พูดคำไหนคำนั้น”
เสียงหญิงจิ๋มดังขึ้นจากประตูทางเข้า
“วุ้ย หมั่นไส้”
ทุกคนหันไปมองตามเสียง เห็น หรือ ม.ร.ว. หญิง สิริพรรณราย หรือคุณหญิงจิ๋ม ในอิริยาบถเจ้ายศเจ้าอย่างเดินเข้ามา
“อ้าว หญิงจิ๋ม” หม่อมพริ้มทักธิดา
หญิงจิ๋มไหว้ “หม่อมแม่ สวัสดีค่ะ” พูดด้วยวาจาแดกดันชายรวีนิดๆ “หญิงเดินเข้ามา ได้ยินเสียงคนโอ้อวดสรรพคุณตัวเองดังออกไปถึงนอกบ้าน”
ชายรวียิ้มไม่ติดใจถือสา “มีดีก็ต้องอวดกันหน่อยครับ”
หญิงจ้อยรู้ทันพี่สาวพูดกวน “ให้คนอิจฉาเล่นก็ยังดีค่ะ”
หม่อมพริ้มตัดบท “หญิงจิ๋มมาถึงนี่ มีธุระอะไรหรือเปล่า”
หญิงจิ๋มค้อนน้องชายหญิง แล้วเดินไปนั่งข้างหม่อมพริ้ม หยิบซองการ์ดแข็งสีขาวออกมาวาง
“ที่โรงเรียนเก่าของหญิงเขาจะจัดงานการกุศลค่ะ หม่อมแม่เป็นงานกินเลี้ยง ให้ศิษย์เก่าช่วยกันซื้อโต๊ะ พอดีหญิงไม่ว่างไป แต่ไหนๆ ก็ซื้อบัตรแล้ว...”
หญิงจ้อยขัดขึ้น “ไม่ไปแล้วซื้อทำไมคะ”
“ขืนไม่ซื้อ คนมันจะเอาไปพูดได้ ว่าเราไม่มีปัญญา ขายหน้าแย่” หญิงจิ๋มหันมาพูดกับหม่อมพริ้ม “ หม่อมแม่ให้หญิงจ้อยไปก็ได้นะคะ” มีเสียงแตรรถดังขึ้นพอดี หญิงจิ๋มลุก “หญิงไปก่อนนะคะ หม่อมแม่ เดี๋ยวต้องไปธุระอีกหลายแห่ง...กราบลาค่ะ”
หญิงจิ๋มไหว้หม่อมแม่แล้วเดินฉับๆ ออกไป หญิงจ้อยส่ายหัว
“เป็นภรรยานักธุรกิจใหญ่ หน้าเลยใหญ่ตามไปด้วย” หญิงจ้อยบอก
“ไปว่าพี่เขาทำไม...เอ้า อยากไปก็ไป ไม่อยากไปก็ไม่ต้องไป”
หม่อมพริ้มส่งการ์ดให้ หญิงจ้อยเบ้หน้ารับไป ชิดเข้ามาในจังหวะนี้
“คุณชายครับ” ชิดนั่งลง “แฟ้มเอกสารที่คุณชายว่า หาจนทั่วรถแล้วไม่มีนะครับ”
“อ้าว งั้นหรือ”
หม่อมพริ้มฉงน “แฟ้มอะไรกัน”
“สำนวนฟ้องน่ะครับ หม่อมแม่ ผมหาไม่เจอ นึกว่าลืมเอาไว้ในรถ”
“เอ็งหาทั่วแน่แล้วรึ ชิด”
“แน่ครับหม่อม” ชิดหันมาพูดกับชายรวี “คุณชายคงจะไปลืมไว้ที่อื่นแล้วล่ะครับ”
“เอ” ชายรวีนึกๆ “สงสัยผมจะเอาติดมือลงไปกินข้าว...จริงสิ สงสัยจะไปลืมเอาไว้ในคลับแน่ๆ”
ชายรวีพูดโดยไม่คิดอะไร แต่หม่อมพริ้มชะงัก รอยยิ้มบนหน้าหายไปทันที

“อะไร นี่เมื่อคืนชายไปเที่ยวไนต์คลับมาอีกแล้วหรือ”

ทางฝ่ายสา ผุดลุกผุดนั่งอยู่ในห้องทำงานที่ไนต์คลับ ตั้งแต่เย็นจนค่ำรอคอยชายรวี ท่าทางกระวนกระวายใจเหลือแสน บนโต๊ะมีแฟ้มเอกสารของชายรวีวางอยู่ ประธานเดินเข้ามา ยืนมองท่าทีกวนๆ

“เห็นเด็กมันว่า วันนี้คุณอุษาวดีเข้ามาที่คลับตั้งแต่หัววัน”
สาย้อนเสียงขุ่น “แล้วทำไม”
ประธานเดินเข้ามาที่โต๊ะทำงาน เข้าไปหาสาที่นั่งอยู่
“นัดไอ้ไก่อ่อนเอาไว้งั้นหรือ” เขาเอื้อมไปหยิบแฟ้มมาอ่านน้ำเสียงยั่วล้อ “หม่อมราชวงศ์รวีช่วงโชติ รวีวาร...บ๊ะไม่เลวเลยนี่”
สาโมโห “เอามานี่ ประธาน”
ประธานไม่ยอมให้ ยั่วสาเล่น
“เป็นถึงหม่อมราชวงศ์แถมยังเป็นผู้พิพากษา มิน่าคุณอุษาถึงอยากจะจับให้ได้”
สาชักโกรธ “หึงบ้าบออยู่ได้ ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ได้คิดอะไรแบบนั้น”
“จริงเหรอ”
ประธานจ้องตาคู่ขาแน่วนิ่ง สาเชิดใส่ จ้องตอบอย่างท้าทาย เพ็ญศรีเคาะประตู ทั้งสองผละออกจากกัน
ประธานบอก “เข้ามา”
“คุณสาคะ...เขามาแล้วค่ะ”
สาลิงโลดตาเป็นประกาย กระชากแฟ้มจากมือประธานแล้วเดินออกไปทันที
เพ็ญศรีจะตามไป ประธานเรียกไว้ “เดี๋ยว เพ็ญ” เพ็ญศรีชะงัก “เขาน่ะใคร”
“ก็คนเดิม...ลูกค้าคนโปรดของคุณอุษาเขาน่ะพี่”
ประธานนิ่วหน้า ไม่พอใจ

ชายรวีนั่งรออยู่ สาเดินมาที่โต๊ะ ชายรวีลุกขึ้นยืน
“คุณอุษา”
สาหน้าสดชื่น ดวงตาสุกใส มองลูกชาย ม.ร.ว. รวีช่วงโชติ เต็มตา อย่างปลาบปลื้มใจ
ชายรวีอมยิ้มขำ ที่สายืนมองเขานิ่ง เหมือนต้องมนตร์
จนชายรวีต้องกระแอม “คุณอุษาครับ”
สาได้สติ “คะ”
“เมื่อคืนผมลืมของสำคัญเอาไว้” คุณชายมองแฟ้มในมือสา “ผมคิดว่าคุณอุษาคงเก็บเอาไว้ให้”
“อ๋อ ค่ะ” สายื่นแฟ้มในมือให้ “นี่ค่ะ”
“ขอบคุณมากครับ”
ชายรวีโค้งให้นิดๆ ทำท่าเหมือนจะลากลับ สารีบพูด
“คุณชายจะไปแล้วหรือคะ”
ชายรวีชะงัก สารีบออกตัว
“ฉันเห็นนามบัตรที่ติดมา...มีชื่อคุณชาย”
ชายรวียิ้ม “ครับ วันนี้ผมตั้งใจจะมาเอาของที่ลืมไว้เท่านั้น คงต้องขอตัว”
“อยู่ก่อนไม่ได้หรือคะ” สาอ้อนแววตาวิงวอนสุดๆ “นะคะ สักครู่เดียวก็ยังดี”

ส่วนที่ตำหนักขาว หม่อมพริ้มยืนมองออกไปในความมืด สีหน้ากังวล หญิงจ้อยในชุดอยู่กับบ้าน เดินมายืนข้างๆ
“หม่อมแม่ขานี่ก็เพิ่งหัวค่ำเอง ชายรวีเขาโตเป็นหนุ่มแล้ว เลิกงานก็ต้องไปสังสรรค์บ้าง มันเรื่องธรรมดาค่ะ”
“แต่มันไม่ธรรมดานะ หญิงจ้อย สองสามวันมานี่ ชายรวีไปที่ไนต์คลับนั่นทุกคืน”
“เขาก็บอกแล้วไงคะ ว่าเมื่อวานมันมีเหตุจำเป็นต้องไป”
“แล้ววันนี้ก็มีเหตุจำเป็นต้องไปอีก”
หญิงจ้อยแปลกใจ “หม่อมแม่ไม่เชื่อหรือคะ”
“ชายรวีไม่เคยโกหก...แต่ไม่รู้สิ แม่สังหรณ์ กลัวว่าชายรวีจะไปเจออะไรไม่ดี”

หม่อมพริ้มหน้าหมองลงไปถนัดตา ไม่สบายใจยิ่งนัก

อ่านต่อหน้า 2

อีสา รวีช่วงโชติ ตอนที่ 24 (ต่อ)

ด้วยยังเป็นช่วงหัวค่ำ จึงไม่มีลูกค้าอื่นมา และยังไม่มีโชว์ มีแค่ดนตรีบรรเลงจากแผ่นเสียงเปิดเบาๆ คลอ สานั่งอยู่กับชายรวี บริกรเอาจินโทนิคมาเสิร์ฟให้ที่โต๊ะ สาเลื่อนให้ชายรวี เอาอกเอาใจมาก

“จินโทนิคค่ะ คุณชายสั่งทุกครั้ง ฉันจำได้”
ชายรวีรับรู้ได้ว่าสานั้นสนใจตนมากเป็นพิเศษ แต่ไม่ได้รังเกียจอะไรได้แต่ยิ้มรับ
“ขอบคุณครับ”
“วงดนตรีจะเล่นรอบแรกตอนสองทุ่ม คุณชายอยู่ฟังก่อนนะคะ” ชายรวีทำท่าเหมือนอยากปฏิเสธสาเซ้าซี้ “นะคะ ไหนๆ คุณชายก็แวะมาแล้ว ฉันอยากให้อยู่นานๆ”
ชายรวีเห็นแววตาสาเว้าวอนอย่างบริสุทธิ์ใจ ไม่เข้าใจว่าทำไมสาแคร์ตนขนาดนั้น แต่ก็สงสารและรู้สึกดีจึงยิ้มรับ
“ผมจะอยู่ฟัง ถ้าคุณอุษาจะให้เกียรติร้องเอง”
สาดีใจมาก “คุณชายอยากฟังหรือคะ”
“ครับ ผมชอบน้ำเสียงของคุณอุษามาก ฟังแล้วมันสบายใจอย่างบอกไม่ถูกจริงๆ”
สายิ้มปลื้ม แววตาจดจำรำลึกไปถึงอดีต ตอนที่คุณชายรวีเล็กๆ บอกว่าชอบฟังสาร้องเพลง
เสียงเพลงนกขมิ้นดังหวานใสไปทั่วไนต์คลับนั้น
ประธานอยู่หลังเวที นางโชว์กำลังแต่งหน้าแต่งตัวอยู่ ประธานซักซ้อมกับนักร้องถึงเพลงที่จะขึ้นแสดงต่อไป
“วันนี้ไอ้ยงมันลาป่วย อ้อยร้องสองรอบเลยไหวไหม”
“ไหวค่ะ แต่ต้องไม่เต้นตลอดนะ” นักร้องสาวว่า
“ช้ามั่งเร็วมั่งสลับกันไปได้ แต่เพลงช้าอย่ามากแล้วกัน เดี๋ยวแขกหลับหมด”
“ป่านนี้คงหลับแล้วล่ะพี่”
นางโชว์บุ้ยใบ้ ประธานหยุดฟัง ได้ยินเสียงสาร้องเพลงนกขมิ้นหวานเจื้อยแจ้วมา ประธานงงจัด

ประธานเดินออกมาดู เห็นสาครวญเพลงอยู่บนเวที น้ำเสียงหวานเศร้าใส่อารมณ์เต็มที่ ประธานเดินไปหาเพ็ญศรีที่ยืนฟังอยู่ หน้าตางงๆ เช่นเดียวกับบริกรที่ยืนงงอยู่ตามมุมต่างๆ
“เพลงนกขมิ้น? นึกยังไงขึ้นมา” ประธานฉงน
“ไม่รู้สิพี่” เพ็ญศรีมองไปที่ชายรวี “คงมีคนขอมั้ง”
ประธานมองไปที่มุมหนึ่ง เห็นชายรวีนั่งฟัง สายตาจับจ้องไปที่สาอย่างดื่มด่ำ ประธานรู้ทันที ว่าสาร้องเพลงนี้ให้ใคร
ชายรวีเอนพิงพนัก หลับตาฟังเพลง เหมือนได้ย้อนไปสู่ความทรงจำของวัยเด็กที่แสนสุข

ขณะเดียวกันนั้นรถแท็กซี่จอดที่หน้าอุษาวดีไนต์คลับ โสภิตพิไลเดินลงมาแท็กซี่แล่นออกไป โสภิตพิไลยืนอยู่ตรงหน้าทางเข้าไนต์คลับ ท่าทางตื่นๆ ไม่คุ้นเคย พนักงานเฝ้าประตูถามขึ้น
“มาหาใคร หนู...”
โสภิตพิไลยืดตัวขึ้น วางมาดทำท่าเป็นผู้ใหญ่ “ฉันมาหาคุณอุษาวดี”
พนักงานมองหัวจรดเท้า “อายุเท่าไหร่เนี่ย ยังเด็กเข้าไม่ได้นะ”
“ฉันเป็นหลานสาว ไปบอกคุณป้าหน่อยว่าฉันมาหา”
พนักงานมองๆ แล้วเปิดประตูเดินเข้าไปด้านใน โสภิตพิไลยืนรอ

ห่างออกไป เห็นชายหนุ่มนักเที่ยว 3 คน แต่งตัวดูดี แต่ท่าทางเมาแล้วนิดๆ ทั้งสามยืนสูบบุหรี่อยู่มองมายังโสภิตพิไล แล้วซุบซิบกัน

สายังร้องเพลงอยู่บนเวที พนักงานเอาเรื่องมาบอกเพ็ญศรีที่มุมแคชเชียร์ด้านใน
“อะไรนะ หลานสาวคุณอุษา…อยู่ไหน”
“ข้างหน้าครับ พี่เพ็ญ ผมไม่แน่ใจ เลยไม่ให้เข้ามา”
“คุณอุษาร้องเพลงอยู่...ฉันไปดูเอง”

แคชเชียร์สาวใหญ่เดินออกไป

สามหนุ่มนักเที่ยวเดินเข้ามาล้อมโสภิตพิไล หนุ่ม 1 เป็นคนเปิดฉากแทะเล็ม

“มาเที่ยวหรือทำไมมาคนเดียวล่ะครับ”
โสภิตพิไลไม่ตอบ อาการชักกลัวๆ แต่พยายามทำนิ่ง สามหนุ่มเห็นว่าเด็กกลัว ยิ่งสนุก
หนุ่ม 2 บอกว่า “ไปนั่งดื่มกับพวกพี่ไหม”
หนุ่ม3 “เอ๊ เงียบจัง หรือว่าเป็นใบ้”
โสภิตพิไลเดินหนี หนุ่ม3 คว้าแขนไว้ ชายหนุ่มคนที่คนที่สาม ท่าทางจะเป็นหัวหน้ากลุ่ม
“เดี๋ยวสิ น้อง”
โสภิตพิไลตกใจ “ปล่อยนะ”
โสภิตพิไลสะบัด ผลักหนุ่ม3 เซไปชนเพื่อนๆ แล้ววิ่งหนีเข้าไปในร้านทันที
หนุ่ม 3 นึกสนุก “เฮ้ย ตามเว้ย”
สามหนุ่มจะเข้าไป เพ็ญศรีกับพนักงานออกมาพอดี
“เดี๋ยวครับพี่ มาเที่ยวเหรอครับ”
“เออ” หนุ่ม 1 กระแทกเสียงใส่
สามหนุ่มเข้าไป เพ็ญศรีมองไปรอบๆ ไม่เห็นใคร
“ไหนล่ะ หลานสาวคุณอุษา”
“ผมบอกให้รอตรงนี้ เอ .. หายไปไหน หรือว่ากลับไปแล้ว

โสภิตพิไลวิ่งเข้ามาในความมืดสลัวของไนต์คลับ ยังปรับสายตาไม่ได้ และไม่คุ้นเคย ทำให้ต้องยืนเคว้งอยู่กลางห้อง
สาอยู่บนเวทีร้องเพลงจบพอดี ชายรวีลุกขึ้นยืนปรบมือให้ สาเดินลงมา แต่โดนเพ็ญศรีเรียกไว้
เพ็ญศรีท่าทีร้อนใจ “คุณอุษา”
“มีอะไร เพ็ญ”
“หลานสาวของคุณมาที่นี่ค่ะ เห็นว่าแกมาหาคุณ”
สาตกใจ “โสภิตมา! แล้วอยู่ไหน”
“เด็กมันมาตามเพ็ญออกไปดู พอออกไป แกก็หายไปแล้ว หายไปไหนไม่รู้ค่ะ”
สาตกใจ “ตายจริง โสภิต”

ส่วนโสภิตพิไลหันรีหันขวางอยู่จนในที่สุดปรับสายตาได้ ค่อยๆ มองหาสาเห็นสาเดินตามเพ็ญศรีอย่างเร่งร้อนออกไปที่ประตูด้านข้าง ก็จะรีบเดินไปหา
โสภิตพิไลพูดกับตัวเอง “คุณป้า”
หนุ่มคู่กรณีทั้งสามเดินตามมาทันพอดี
หนุ่ม 3 ล้อ “จะเอ๋”
“ถอยไปนะฉันไม่รู้จักคุณ”
“ไม่เห็นยาก ไป ไปนั่งด้วยกัน”
หนุ่ม 3 คว้าแขนโสภิตพิไล แต่โสภิตพิไลสะบัด
“ปล่อยนะ ปล่อย …ช่วยด้วย”
มือของหนุ่ม 3 อุดปากโสภิตพิไลหมับ
ทันใดนั้น ก็มีมืออันแข็งแรง มากระชากหนุ่ม 3 ออก แล้วผลักออกไปโดยแรง หนุ่ม 3 เซไปชนโต๊ะล้มลง เพื่อนทั้งสองตกใจร้องลั่น
“เฮ้ย”
ชายรวีหันไปดูแลโสภิตพิไลเห็นจากหน้าตาและการแต่งตัวว่าเป็นแค่เด็กสาววัยรุ่นยิ่งแปลกใจ
ชายรวีหลุดปาก “หนู...เป็นอะไรมั้ยหนู เอ่อ...ขอโทษ คุณไม่ควรมาที่นี่ ออกไปก่อนดีกว่า”
“ฉันมาหาคนค่ะ” โสภิตพิไล
“มาหาคน” ฉงน
โสภิตพิไลมองไปข้างหลังร้องวี้ด “ว้าย คุณ ระวัง”
ชายรวีหันขวับ หนุ่ม 3 พุ่งมากระชากชายรวี แล้วต่อยโครม โสภิตพิไลหวีดร้อง
ชายรวีตั้งหลักป้องกันตัว หนุ่มทั้ง 3 เข้ามากลุ้มรุมทำร้าย เกิดการต่อสู้กันเป็นที่วุ่นวาย บริกรตกใจ
ประธานเห็นคนต่อยกันนัว ไม่รู้ใครเป็นใคร ร้องบอกพนักงานผู้ชาย
“เฮ้ย แขกตีกันเว้ย” ประธานพุ่งไปทันที ลูกน้องตาม

ฝ่ายสากับเพ็ญศรีหาโสภิตพิไลไม่เจอ เลยกลับเข้ามา
“ถ้ามาจริงก็ต้องเห็นสิ แกจะไปไหนได้”
เพ็ญศรีชี้ไปที่ด้านหน้า “นั่นรึเปล่าพี่”
สาแลเห็นโสภิตพิไลขึ้นไปยืนอยู่บนโต๊ะ ร้องลั่น “ช่วยด้วยค่ะ คนจะฆ่ากัน”
“โสภิต” สาตกใจมาก

ชายรวีพลาดท่า ถูกสองหนุ่มจับตัวเอาไว้ หนุ่ม 3 ควักมีดสปริงออกมา
“มึงหยามน้ำหน้ากู ก็อย่าอยู่เลย”
“หยุดนะ” ประธานร้องเดินเข้ามาพร้อมปืนในมือ “ใครจะมาฆ่ากันในคลับของกูไม่ได้”
3 หนุ่มอึ้งเป็นแถบ เมื่อเห็นปืนในมือประธาน ชายรวีสลัดจนหลุดออกได้
“อยากจะฆ่ากัน ออกไปข้างนอก กูไม่ยุ่ง แต่ถ้าอยู่ในนี้”

ประธานขยับปืนขู่ “ถือว่ามีเรื่องกับกู”

อ่านต่อหน้า 3

อีสา รวีช่วงโชติ ตอนที่ 24 (ต่อ)

สากับเพ็ญศรีวิ่งเข้ามาพอดี

“โสภิต” สาถลาเข้าประคองลูกสาว “เกิดอะไรขึ้น”
“คุณป้า ผู้ชายสามคนนี้เขามาเกะกะกับหนู คุณคนนี้ช่วยหนูไว้”
ชายรวีบอกกับสา “สามคนนี้พกอาวุธเข้ามาในคลับ ก่อเรื่องทะเลาะวิวาท แถมยังรังแกผู้หญิง...แบบนี้ปล่อยเอาไว้ไม่ได้ คุณน่าจะให้ตำรวจจัดการ”
ด้วยความโกรธสุดขีด สาหันไปสั่งประธาน “ลากตัวพวกนี้ไปให้ตำรวจ”
ประธานพยักหน้าให้บรรดาพนักงานชายที่รายล้อมอยู่ “เฮ้ย จัดการ”
“ไม่ต้องๆ กูออกไปดีๆ ก็ได้” หนุ่มหัวโจกบอก
ทั้งสามขยับจะออกไป หนุ่ม 3 แค้นไม่หาย ฉวยโอกาสที่ทุกคนวางใจ พุ่งเข้าแทงชายรวีด้วยความแค้น
เพ็ญศรีเห็นคนแรก “ว้าย คุณ”
ชายรวีเบี่ยงหลบทัน โดนแขนและสีข้างไม่ลึกแต่เลือดก็ไหลกระฉูด
“คุณชาย!” สาตะลึง
หนุ่ม 3 จ้วงแทงอีก ในนาทีคับขันนั้น สาพุ่งเข้าไปแย่งมีดอย่างลืมตัว มีดเกือบจะโดนตัวสา ดีว่าประธานยิงมือของหนุ่ม 3 จนมีดกระเด็นไป
เสียงปืนทำให้ทุกอย่างนิ่งสงัด หนุ่ม 3 กุมมือที่เลือดท่วม เพื่อนทั้งสองประคอง
ประธานเอาปืนชี้ขู่อีก “พาเพื่อนมึงออกไป แล้วถ้ากูเห็นมึงสามคนที่นี่อีก มึงตาย”
ทั้งสามพากันออกไป
สาประคองชายรวี ห่วงใยมาก
“คุณชาย เป็นยังไงบ้างคะ ไปทำแผลก่อนนะคะ...ไปเพ็ญ ไปเอายามา”
สากับเพ็ญศรีพาชายรวีไปที่ห้องด้านในประธานมองตามสาไป รู้สึกได้ว่าสาไม่สนใจเขาเลย โสภิตพิไลยืนอึ้ง หน้าซีด ยังตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่รู้จะไปไหน
ประธานมองโสภิตพิไล รู้สึกสงสารเด็กสาวขึ้นมา พูดอย่างเมตตา
“ไปนั่งข้างในก่อนเถอะ เด็กสาวๆ อย่างคุณไม่ควรมาอยู่ตรงนี้คนเดียว”
โสภิตพิไลมองประธาน อึ้งๆ ประธานทอดยิ้มอันอบอุ่นมาให้
“ตามผมมา ไม่ต้องกลัว”
โสภิตพิไลเดินตามประธานไปโดยดี

สามคนอยู่ในห้องทำงานสา เพ็ญศรีเอาอ่างใส่น้ำและอุปกรณ์ทำแผลเข้าไปให้ ชายรวีนั่งอยู่ที่เก้าอี้ สาบอกอย่างอ่อนโยน
“คุณชายถอดเสื้อตัวนอกออกก่อนเถอะค่ะ ฉันจะทำแผลให้”
ชายรวีลังเลเล็กน้อย แต่เห็นว่าอยู่ในห้องค่อนข้างลับตา เลยกล้าถอดเสื้อเชิ้ตแขนยาวตัวนอกออก เหลือแค่เสื้อกล้ามข้างใน
สาบรรจงม้วนชายเสื้อกล้ามขึ้น เอาผ้าชุบน้ำเช็ดเลือดที่แขนด้านใน และสีข้างอย่างเอาใจใส่
เพ็ญศรีมองสาอย่างสงสัยนิดๆ แล้วออกไปแต่เปิดประตูทิ้งไว้

โสภิตพิไลนั่งหน้าซีดอยู่มุมหนึ่งตรงหน้าห้องทำงานสา สีหน้าครุ่นคิด
ภาพในความคิดของโสภิตพิไล คือติดค้างใจที่สาพุ่งเข้าไปขวางและแย่งมีดไม่ให้ ชาย 3 แทงชายรวี
ประธานเดินมา เอาน้ำส้มมาวางให้ “ดื่มซะ จะได้หายตกใจ”
“ขอบคุณค่ะ” เด็กสาวถามขึ้นลอยๆ “เขาเป็นใครคะ…ผู้ชายที่มาช่วยฉันคนนั้น”
ประธานหันไปมองประตูที่เปิดอ้าออกกว้าง เห็นสากำลังง่วนกับการทำแผลให้ชายรวี ประธานรู้สึกน้อยใจวูบขึ้นมา
“หวานใจคนใหม่ของคุณอุษาเขาล่ะ ตอนนี้หายใจเข้าหายใจออกก็มีแต่คนนี้”
โสภิตพิไลตกใจนิดๆ “อะไรกัน...ฉันคิดว่าคุณกับคุณป้า...”
ประธานเย้ยหยัน “คุณไม่เคยได้ยินเพลงเค้าร้องเหรอ...เก่าๆ มันเป็นสนิม ใหม่กว่าหน้าตาจุ๋มจิ๋ม”
โสภิตพิไลตกใจ ลุกขึ้นเดินไปยืนดูที่หน้าประตูบ้าง

สาใส่ยาเสร็จแล้ว บอกกับชายรวี
“โชคดีที่แผลไม่ลึก แต่ยังไงก็ต้องพันแผลหน่อยนะคะ” สาหยิบผ้าพันแผลมา บอกเสียงอ่อนโยนห่วงใย “คุณชายอยู่นิ่งๆ นะคะ...เอ่อ ฉันจะพันแผลให้”
สาพันแผลให้ชายรวี โดยต้องเอาผ้าพันแผลอ้อมรอบลำตัว ทำให้ต้องใกล้ชิด ชายรวีนั่งนิ่ง ระมัดระวัง แต่สาไม่ได้รู้สึกอะไรเลยในความใกล้ชิดนั้น เพราะรู้อยู่แก่ใจว่าชายรวีคือลูก
ส่วนที่หน้าประตู โสภิตพิไลหยุดยืนดู สาที่กำลังพันแผลอย่างเอาใจใส่ แทบจะโอบกอดชายรวีเอาไว้ทั้งตัว ประธานเดินตามมา หยุดยืนด้านหลังโสภิตพิไล เห็นภาพเดียวกัน
“เขาคงลืมไปแล้วมั้ง ว่าคุณยังอยู่ที่นี่ด้วย”
โสภิตพิไลมองหน้าประธานรู้สึกผิดหวัง อับอาย เลยหันหลังเดินออกไปจากที่นั้น

ประธานมองตาม แววตามีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ประหลาด

โสภิตพิไลเดินออกมาหน้าไนต์คลับ เป็นเวลาดึกแล้ว ถนนเลยโล่งและเงียบ โสภิตพิไลมองหารถแท็กซี่

จู่ๆ มีรถสปอร์ตเปิดประทุนของประธานขับมาจอด
“ขึ้นมา ผมจะไปส่ง”
โสภิตพิไลบอกปัด “ฉันกลับแท็กซี่ได้ค่ะ”
ประธานส่ายหัวแล้วลงมาจากรถ “กลัวผมจะทำอะไรงั้นเหรอ”
โสภิตพิไลบอก “เปล่าค่ะ ...ฉัน...” เด็กสาวไม่พูด แต่สีหน้าบอกชัดว่าไม่ไว้ใจ
ประธานยิ้มขำดูออก แล้วชักปืนพกประจำตัวออกมา โสภิตพิไลยิ่งตกใจ
“คุณ!”
ประธานจับมือโสภิตพิไลมา เอาปืนยัดใส่ แล้วกุมมือโสภิตพิไลไว้
“ยิงปืนเป็นไหม”
โสภิตพิไลส่ายหน้า “ไม่”
ประธานอ้อมมาโอบตัวจับมือที่มีปืนขึ้นมากระซิบสอน โสภิตพิไลใจสั่นไปหมด
“อยากยิงอะไร เล็งปากกระบอกปืนไปที่นั่น แล้วเหนี่ยวไก ปัง!”
ประธานปล่อยมือโสภิตพิไลแล้วไปเปิดประตูรถ หันมาบอก
“ขึ้นไป ถือปืนไว้ด้วย ถ้าผมทำอะไรไม่น่าไว้ใจ คุณยิงได้เลย”
โสภิตพิไลเข้าไปนั่ง ประธานกลับมานั่งที่คนขับ โสภิตพิไลถือปืนไว้ในมือ ยังกลัว ประธานแกล้งกระชากรถให้โสภิตพิไลหน้าคะมำ แล้วตัวเองก็หัวเราะลั่น
รถประธานแล่นออกไป เห็นว่าที่หน้าประตู เพ็ญศรียืนมองอยู่ สีหน้างุนงง
“พี่ประธานกับหลานคุณสา...นี่เราตาฝาดหรือเปล่านี่”

เพ็ญศรีเดินกลับมาด้านใน เห็นชายรวีแต่งตัวเรียบร้อย ถือแฟ้มเอกสารกำลังลากลับ
“ผมคงต้องขอตัวก่อน”
“คุณชายขับรถไหวหรือคะ ความจริงทิ้งรถไว้ที่นี่ก็ได้ ฉันจะไปส่งคุณชายเอง”
“รบกวนเปล่าๆ ครับ คุณอุษาคงต้องดูแลคลับต่อ”
“ทางนี้เขาดูแลกันได้ค่ะ ยังไงฉันก็ต้องพาโสภิตกลับบ้านอยู่แล้ว เออ จริงสิเพ็ญ โสภิตไปไหนแล้วล่ะ”
เพ็ญศรีมองสาอย่างอ่อนใจ
“ไปแล้วค่ะ แกนั่งอยู่ตั้งนาน คุณไม่สนใจ แกเลยกลับไปกับพี่ประธาน”
สาอึ้ง เพิ่งนึกได้ว่าตัวเองไม่สนใจโสภิตพิไลเลย จึงรู้สึกผิด

รถประธานจอดที่หน้าบ้าน โสภิตพิไลยังถือปืนในมือ ประธานยิ้มขำ
“ถึงแล้ว”
โสภิตพิไลรู้สึกเขินๆ ส่งปืนคืนให้ประธาน
“ขอบคุณค่ะ” โสภิตพิไลจะเปิดประตู แล้วชะงักนิดหนึ่ง หันมาไหว้ “ขอบคุณมาก สำหรับทุกอย่าง”
“ยินดีครับ”
โสภิตพิไลเดินลงจากรถ เข้าบ้าน รู้สึกดีกับประธานมากกว่าเดิม
ประธานยืนมองตามจนลับตา ยิ้มตาแพรวพราว รู้สึกสนใจในตัวโสภิตพิไลเข้าอย่างจัง

รุ่งเช้าหม่อมพริ้มเดินหน้าตาเคร่งเครียดไปที่หน้าห้องนอนชายรวี เคาะประตูเรียก
“ชาย แม่เข้าไปนะ”
หม่อมพริ้มเปิดเข้าไปอย่างร้อนใจ เห็นชายรวีใส่กางเกงแพร เสื้อป่านบางๆ เห็นผ้าพันแผลมีเลือดซึมนิดๆนั่งอยู่บนเตียง
“หวนมันบอกว่าชายไม่สบาย เสื้อที่ใส่เมื่อวานก็ขาด มีรอยเลือด” หม่อมมองดูแผล “มันเกิดอะไรขึ้นชายไปโดนอะไรมา”
ชายรวีมองหน้าหม่อมพริ้ม ไม่อยากเล่า รู้ว่าเรื่องใหญ่แน่ แต่ก็ไม่อยากปิด
“ผมโดนแทงน่ะครับ”
หม่อมพริ้มตกใจ “หา! โดนแทง”

ไม่นานต่อมา หมอประจำตระกูล เป็นชายวัยกลางคนเปลี่ยนผ้าพันแผลให้ชายรวีใหม่ หวนคอยช่วย หญิงจ้อยดูแลอยู่ใกล้ๆ ส่วนหม่อมพริ้มยืนดูอยู่ห่างๆ หน้าบึ้งตึง
“แผลไม่ลึก ไม่มีอาการติดเชื้อ อย่างนี้สักสองสามวันก็น่าจะหายครับ หม่อม”
หม่อมพริ้มพยักหน้ารับรู้ ชายรวียกมือไหว้หมอ
“ขอบคุณมากครับ คุณอาหมอ ที่กรุณามาดูแลผมถึงบ้าน”
“ไม่เป็นไร” หมอบอกกับหวน “พรุ่งนี้ล้างแผล แล้วไม่ต้องพันผ้าแล้วนะ ทำตามที่สอนไว้”
“ค่ะ”
หมอหันมาทางหญิงจ้อยลุกยืนขึ้น “วันนี้คงไม่มีอะไรแล้ว ผมลาละครับหม่อม”
หม่อมพริ้มรับไหว้หมอ
“ขอบคุณมากค่ะ หญิงจ้อยไปส่งคุณอาหมอทีลูก แม่จะคุยกับน้องหวน เอ็งก็ไปด้วย”
หญิงจ้อยหันมาทำหน้าล้อชายรวีเป็นเชิงบอกน้องว่าเรื่องยาวแน่ ชายรวีอมยิ้มรับ
“เชิญค่ะ คุณอาหมอ เดี๋ยวหญิงให้ชิดไปส่งคุณอาหมอที่บ้าน”

หญิงจ้อยนำออกไป หวนกับหมอตามไป

อ่านต่อหน้า 4

อีสา รวีช่วงโชติ ตอนที่ 24 (ต่อ)

พอทุกคนลับตัวไปแล้ว หม่อมพริ้มหันมาดุชายรวี

“แม่ขอชายแล้วใช่ไหม ว่าไม่ให้ไปที่แบบนั้น”
“ผมกะว่าจะไปเอาของที่ลืมไว้เท่านั้นครับ”
“ถ้าแค่นั้น แล้วมันจะมีเรื่องได้ยังไง…ชายเป็นถึงผู้พิพากษา ไปเที่ยวกินเหล้าเมายาจนเกิดเรื่องในไนต์คลับ มันใช้ได้ที่ไหนลูก”
ชายรวีอธิบาย “หม่อมแม่ครับ เรื่องที่เกิดขึ้น มันไม่ใช่เพราะผมเมา ผู้ชายพวกนั้นรังแกผู้หญิง ผมเห็น ผมก็ต้องช่วย”
“แต่ถ้าชายไม่ไปที่นั่น ชายก็ไม่เห็น แล้วก็ไม่ต้องเอาชีวิตของตัวเองเข้าไปเสี่ยง ชายจะว่าแม่เห็นแก่ตัวก็ได้ แม่ไม่รู้ว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร แต่ถ้าเขาเป็นคนดี กลางค่ำกลางคืน เขาคงไม่ไปอยู่ในที่แบบนั้น แล้วความปลอดภัยของคนแบบนั้น มันเทียบได้หรือกับชีวิตของลูกชายคนเดียวของแม่”
ชายรวีตระหนักและเข้าใจความห่วงใยของแม่ แม้จะเห็นต่าง จึงลุกไปกราบหม่อมพริ้ม
“ผมขอโทษครับ ที่ทำให้หม่อมแม่ไม่สบายใจ จากนี้ไป ผมจะระวังตัวให้มากกว่าเดิม”
“รับปากกับแม่ได้ไหม ว่าจะไม่ไปที่นั่นอีก”
ชายรวียิ้มอย่างเข้าใจ แต่ยืนยันย้ำคำ “ถ้าผมรับปาก มันก็ต้องเป็นสิ่งที่ผมตั้งใจแล้วว่าจะทำ และจะไม่มีวันผิดคำพูดตัวเองเป็นอันขาด...ส่วนการไปที่นั่น ผมไม่เห็นว่ามันจะเสียหายอะไร เพราะฉะนั้น หม่อมแม่อย่าให้ผมรับปาก เรื่องที่ผมไม่แน่ใจว่าจะทำ ดีกว่านะครับ”
ชายรวีตอบด้วยน้ำเสียงสุภาพ ท่าทีจริงจัง เป็นผู้ใหญ่ หม่อมพริ้มนิ่งขึง

เจิมที่บัดนี้ดูแก่ลงไปถนัดตา ไม่ค่อยมีแรงมาหมอบเฝ้าคุยกับหม่อมพริ้ม ท่าทางไม่สบายใจเมื่อฟังความจากหม่อมจบลง
“คุณชายไม่เคยดื้อกับหม่อม คราวนี้ทำไมถึงได้...”
“ก็นั่นน่ะซี นังเจิม คุณชายคนดีของเอ็ง ตอนนี้กลายเป็นเที่ยวไนต์คลับทุกวัน ไปจนมีเรื่องเลือดตกยางออก ..ข้าขอไม่ให้ไป ก็ไม่ยอมรับปาก”
เจิมคิดๆ “ไปติดอกติดใจอะไรหรือเปล่าเจ้าคะ”
“อะไรนะ” หม่อมคิดตาม นึกเอะใจ “เอ็ง...นี่เอ็งคิดว่า...”
“คุณหญิงโสภาเธอก็เรียบร้อยเชื่อฟังหม่อมมาตลอด จะมาดื้อดึงก็ตอนที่...”
หม่อมพริ้มใจหายวาบ
“หรือว่าชายรวีไปติดใจใครที่นั่น”

เจิมกับหม่อมพริ้มมองหน้ากัน สีหน้าเป็นกังวลหนัก

ฟากหวนกับจวนแอบคุยกันเรื่องชายรวีอยู่มุมหนึ่งของตำหนักขาว จวนร้องลั่นพอรู้เรื่อง

“หา! คุณชายไปติดผู้หญิงหยั่งว่ารึนังหวน”
“ไม่ใช่” หวนแก้แทน “หม่อมท่านแค่สงสัย ว่าคุณชายไปที่ไนต์คลับทำไมทุกวัน...ก็แค่นั้นแหละ”
จวนบ่นบ้าออกท่าออกท่า “มันจะมีเรื่องอะไร้ ถ้าไม่ใช่เรื่องผู้หญิง จะว่าไป คุณชายเธอก็โตเป็นหนุ่มใหญ่แล้ว ไม่ไปติดอกติดใจใครสิแปลก”
“แต่หม่อมท่านเลี้ยงคุณชายมา อบรมให้เป็นผู้ดีทุกกระเบียดนิ้ว ถ้าเธอจะรักจะชอบใคร ก็คงไม่ใช่พวกผู้หญิงกลางคืนหรอกน้าจวน”
“เฮ้อ ถึงหม่อมท่านจะเลี้ยงมา แต่เลือดอีสามันก็คงมีอยู่ในตัวคุณชายบ้างล่ะวะ แล้วเอ็งก็รู้ว่าอีสาน่ะมัน...” จวนละปากคำว่าแรดไว้ “...ซะขนาดไหน”
จวนกลุ้มด้วยความเป็นห่วงชายรวี แต่หวนยังมั่นใจ
“ให้มันรู้กันไปสิน้าจวน ระหว่างหม่อมท่านกับอีสา...ธรรมะจะไม่ชนะอธรรม มันก็เกินไป”

สานั่งรออยู่ที่ห้องนั่งเล่น เห็นโสภิตพิไลเดินลงมาจากชั้นบน สาร้องเรียกเสียงหวานเอาใจ
“โสภิต มานี่สิจ๊ะ”
โสภิตพิไลเดินมานั่งตรงหน้าอย่างเรียบร้อย แต่ใบหน้านิ่ง
“คุณป้าเรียกหาหนู มีอะไรหรือคะ”
สาพูดเสียงอ่อนหวาน “เรายังไม่ได้คุยกันเลย...เรื่องเมื่อคืน”
“ค่ะ” โสภิตพิไลยิ้มเยาะ “คุณป้าไม่ว่าง…หนูทราบ”
สาไม่ชอบรอยยิ้มของโสภิตพิไล เลยชักสีหน้าเสียงกระด้างขึ้นมานิดหนึ่ง
“ป้าขอโทษ ที่ไม่ได้ดูแลหนู...แต่ความจริงหนูก็ไม่ควรไปที่นั่น”
“หนูอยากเห็นที่ทำงานของคุณป้า อยากเห็นว่างานของคุณป้าเป็นยังไง”
สาส่ายหน้า “วันหน้าวันหลังอย่าไปอีกก็แล้วกันมันไม่ดี มันอันตราย”
“แต่คุณป้าก็ไปทุกวัน” เด็กสาวยิ้มเยาะอีก “ชอบซะด้วย”
สาชักโมโห “โสภิต!” แต่พยายามข่มใจ “ไม่เอาละ ป้าไม่เถียงกับหนูแล้ว เอาเป็นว่าป้าห้ามเด็ดขาดไม่ให้ไปที่นั่นอีก”
“ค่ะ” โสภิตพิไลรับห้วนสั้นแล้วลุกขึ้นยืน “เท่านี้ใช่ไหมคะ”
โสภิตพิไลเดินกลับไป สามองอย่างขัดใจ แล้วลุกตามไป เรียกเสียงแข็ง
“เดี๋ยว โสภิต” เด็กสาวชะงัก หันมา สาลดเสียงให้อ่อนลง “โรงเรียนของหนูเขาจัดงานเลี้ยงการกุศล เขาขอให้ผู้ปกครองศิษย์เก่าช่วยซื้อบัตร ป้าเลยซื้อไว้โต๊ะนึง...”
โสภิตพิไลพูดสวนออกมา “หนูว่าจะไปนั่งกับกรรณิการ์ค่ะ เค้าชวน หนูรับปากเค้าไว้แล้ว”
“แต่ป้าซื้อโต๊ะไว้นะ...”
โสภิตพิไลยิ้มนิดๆ มองสาอย่างเวทนา “เพื่อนหนูคงไม่มีใครยอมนั่งกับคุณป้าหรอกค่ะ” สาฟังแล้วสะอึก “หนูว่า คุณป้าอยู่บ้านเถอะนะคะ งานแบบนี้มันไม่ใช่ที่ของคุณป้าอย่าไปให้ตัวเองขายหน้าเลย”
สาอึ้ง พูดไม่ออก แววตามีแต่ความเสียใจ

ช่วงตอนกลางวัน สากับเพ็ญศรีเดินเข้ามาในร้านอาหารหรูร้านเดิมที่เคยมาหลายวันก่อน ในมือมีถุงกระดาษใส่ผ้าตัดเสื้อหลายใบพะรุงพะรัง ทั้งสองลงนั่งที่โต๊ะมุมหนึ่ง

เพ็ญศรีบ่น “ดู๊ดู เขาพูดขนาดนั้นแล้ว คุณก็ยังจะถ่อไปซื้อผ้ามาตัดชุดให้เขา เนี่ยดูซิ ไม่รู้กี่หลาต่อกี่หลา ไหมญี่ปุ่นงี้ ลูกไม้ฝรั่งเศสงี้ มีแต่ของแพงๆ ทั้งนั้น...”
“ช่างฉันเถอะน่ะ กะอีแค่ซื้อผ้ามันไม่จนหรอก...วันงาน ฉันอยากให้โสภิตแต่งตัวสวยที่สุด โก้ที่สุด คนจะได้ไม่ดูถูกเขา…” สาถอนใจ “เผื่อเขาจะนึกรักฉันขึ้นมาบ้าง”
เพ็ญศรีมองสาอย่างสงสาร
“เท่าที่ฉันดู โสภิตก็ไม่ได้เป็นเด็กเห่อเหิมอยากได้อยากมีอะไรนี่คะ” เพ็ญศรีเกรงใจสาแต่ก็ต้องพูดออกไป “ที่แกไม่พอใจคุณสา คงเป็นเพราะเรื่อง...เอ่อ...คุณชายคนนั้นมากกว่า”
สาไม่พอใจนิดๆ ถามเสียงขุ่น “หมายความว่ายังไง”
“ก็คืนนั้น ฉันเป็นคนอื่น ฉันยังว่า คุณสนใจคุณชายมากกว่าโสภิตเสียอีก แล้วตัวโสภิตเองแกจะไม่น้อยใจได้ยังไง”
สาแก้ตัว “คุณชายเธอมาช่วยโสภิตจนเจ็บตัว ฉันจะไม่สนใจเธอได้ยังไง” พูดแล้วนึกห่วงลูกชายขึ้นมา “ป่านนี้เป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ โดนแทงไปจังๆ ไปขนาดนั้น...” สานึกอีกอย่างได้ “ตายจริง”
เพ็ญศรีพลอยตกใจ “ใครคะ ใครตาย”
“ไม่ใช่!” สาออกอาการกลุ้ม “เรื่องใหญ่ขนาดนี้หม่อมต้องรู้แล้วแน่เลย...นี่ถ้ารู้ว่าคุณชายโดนแทงเพราะฉัน ฉันต้องตายแน่เลย”
สาพูดๆ อยู่แล้วชะงัก ตาค้าง เมื่อสายตาแลเห็นหญิงจันทร์จิรากับอนุกรยืนอยู่ตรงหน้า ทั้งสองคนได้ยินที่สาพร่ำบ่น มองมาอย่างตกตะลึง
อนุกรถาม “คุณพูดใหม่สิครับ”
สาอึกอัก “พูดอะไรคะ”
“ก็ที่ว่าคุณชายรวีโดนแทงเพราะเธอ มันหมายความว่ายังไง…ทำไม คุณชายถึงได้ไปยุ่งเกี่ยวกับคนอย่างเธอได้” หญิงจันทร์โมโห
สาไม่ทันโต้ตอบ เสียงเพ็ญศรีก็แปร๋นขึ้นมา ด้วยความไม่พอใจน้ำเสียงและคำพูดดูแคลนของหญิงจันทร์
“ทำไมจะไม่ได้ คุณชายรวีอะไรนั่นน่ะ เขาโดนแทงที่ไนต์คลับของคุณอุษา แล้ว คนอย่าง คุณอุษานี่แหละ ที่ช่วยเขาไว้ ไม่อย่างนั้น อาจจะตายไปแล้วก็ได้จะบอกให้”
หญิงจันทร์หน้าตึงที่ถูกด่า ไม่พอใจมาก

สาดึงเพ็ญศรีให้หยุดพูด สีหน้าเป็นกังวล รู้ว่าต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่

จริงดังที่สากังวล เพราะตกตอนบ่ายวันเดียวกันนี้ หม่อมพริ้มเดินออกมาที่ห้องโถง เห็นคุณหญิงจันทร์จิรานั่งรออยู่อย่างเรียบร้อย แต่แววตาร้อนใจ หญิงจันทร์หันมาเห็นไหว้อย่างเรียบร้อย
“กราบหม่อมอาค่ะ”
“ไหว้พระเถอะจ้ะ หญิงจันทร์ วันนี้ลมอะไรพัดมาถึงนี่”
หญิงจันทร์จิราเลื่อนกระเช้าหวายใส่ผลไม้ต่างประเทศพวกแอปเปิ้ลแดง องุ่น พลับจีน มาตรงหน้าหม่อมพริ้มยิ้มหวาน
“หญิงไปแถวสะพานหัน เห็นผลไม้น่ารับประทาน ก็เลยคิดถึงหม่อมอาค่ะ”
หม่อมพริ้มยิ้มรับ มองหญิงจันทร์อย่างเอ็นดู
“ขอบใจจ้ะ หญิงจันทร์” หม่อมส่งตะกร้าให้พุด “เอ็งไปบอกนังจวน จัดขนมกลีบลำดวนใส่โหลใบใหญ่ให้ที” แล้วหันกลับมาทางหญิงจันทร์ “อาทำเอง ฝากไปถวายท่านพ่อด้วยนะจ๊ะ”
หญิงจันทร์อัดอั้นเลิกอ้อมค้อม เข้าประเด็นทันที
“หญิงมาวันนี้ ก็ว่าจะมาถามข่าวคุณชายด้วยค่ะ” หม่อมพริ้มชะงัก “ทราบมาว่าไปโดนแทงที่ไนต์คลับ”
หม่อมพริ้มตกใจที่ข่าวไม่ดีของลูกชายรั่วออกไป “หญิงไปรู้มาจากไหน”
“ความจริงที่กระทรวงก็ไม่มีใครทราบหรอกนะคะ คุณชายเธอไม่ได้บอกใคร แต่พอดีหญิงกับอนุกรไปเจอ...” หญิงจันทร์ทำสีหน้ารังเกียจ “ผู้หญิงที่เป็นเจ้าของไนต์คลับ ที่ร้านอาหาร เขาคุยอวดเสียลั่นร้านว่าคุณชายโดนแทงเพราะเขา...ทำท่าทางอย่างกับสนิทสนมกับคุณชายเสียเหลือเกิน”
หม่อมพริ้มฟังแล้วหวั่นใจ “จริงหรือ? เขาเป็นใครกัน”

“เอ่ยชื่อไปหม่อมอาก็ไม่รู้จักหรอกค่ะ หล่อนไม่ใช่คนดิบดีอะไร ผ่านผู้ชายมานับไม่ถ้วน อายุมากแล้ว แต่ยังดูสาว แล้วก็สวยมากหญิงเลยเป็นห่วงว่าชายรวีจะไปติดบ่วงเสน่ห์หล่อนเข้าให้"

หม่อมพริ้มได้ฟังยิ่งไม่สบายใจ

หม่อมพริ้มไม่สบายใจเอามาก ค่ำคืนนั้น เลยตัดสินใจเข้ามาพูดเด็ดขาดกับลูกชายถึงในห้องนอน ชายรวีซึ่งนั่งอยู่บนเตียง กิริยาท่าทางยังเจ็บแผลไม่หาย พูดรับปากออกไป

“ผมรับรองได้ครับ หม่อมแม่” คุณชายยิ้มกว้าง “ผมไม่ไปติดบ่วงเสน่ห์ใครง่ายๆ หรอก”
“คนเรามันก็พลาดกันได้...ถึงยังไง ชายก็ไม่ควรไปคบหาสมาคมกับผู้หญิงโรงเต้นรำ”
ชายรวีพูดเล่นยิ้มๆ ไม่จริงจัง “เอ คบหาสมาคมของหม่อมแม่นี่กินความแค่ไหนครับ”
หม่อมพริ้มดุเสียงเข้ม “อย่ามาตีสำนวนกับแม่นะ! ชายเป็นทายาทผู้สืบสกุลรวีวารชื่อเสียงเกียรติยศของรวีวารเป็นหน้าที่ของชายที่จะต้องรักษาไว้...เรื่องคู่ครองสำคัญมากนะชาย ถ้าคู่ครองไม่ดี ไม่มีศีลมีธรรม มันจะฉุดให้วงศ์ตระกูลเราต่ำลง”
ชายรวีมองหม่อมพริ้ม เห็นว่าผู้เป็นมารดาดูกังวลมาก เลยเข้ามากอด ปลอบให้คลายใจ
“หม่อมแม่ไม่ต้องกังวลหรอกครับ ผมสัญญากับหม่อมแม่ด้วยเกียรติของผมตรงนี้เลย ว่าผมจะไม่ทำให้รวีวารต้องเสื่อมเสียเป็นอันขาดไม่ว่าด้วยเรื่องไหน”
ชายรวีพูดจริงจัง แต่หม่อมพริ้มยังไม่หมดระแวง
“งั้นรับปากแม่ ว่าชายจะไม่ไปที่นั่นอีก”
ชายรวีนิ่ง มองหน้าหม่อมแม่ พบว่าท่าทีจริงจังมาก เลยตัดสินใจพยักหน้ารับ
“ครับ ผมรับปาก”
หม่อมพริ้มถอนใจอย่างโล่งอก


กลางดึกคืนนั้น คลับเลิกแล้ว บริกรช่วยกันเก็บโต๊ะ เพ็ญศรีก้มหน้าก้มตาคิดบัญชีอยู่ ประธานเข้ามาพูดแดกดันลอยๆ
“วันนี้ลูกค้าคนโปรดไม่มา คุณอุษาเลยพลอยหายหน้าไปด้วย”
เพ็ญศรีเงยหน้ามาจากเครื่องคิดเงินพูดประชด
“ฉันถามจริงๆ เถอะ คบกันมานานขนาดนี้ ทำไมพี่กับคุณอุษาไม่แต่งงานกันเสียล่ะ”
ประธานพูดกวนๆ “ใครจะแต่งกับใคร เขาคั่วคนใหม่สดๆ ซิงๆ อยู่ เพ็ญไม่เห็นหรือไง”

เพ็ญศรีย้อน “แล้วพี่ล่ะคั่วคนใหม่ สดๆ ซิงๆ อยู่ด้วยหรือเปล่า”
ประธานชะงัก มองหน้าเพ็ญศรี
“เมื่อคืน ฉันเห็นพี่ออกไปกับหลานสาวคุณอุษา” เพ็ญศรีชี้หน้าอย่างรู้ทัน “อย่าบอกนะว่าไม่ได้คิดอะไร อยู่กันมากี่ปีแล้ว พี่อ้าปากฉันก็เห็นถึงลิ้นไก่”
ประธานพูดกลั้วหัวเราะ “น้ำตาลใกล้มด มันจะอดได้ยังไง!”
เพ็ญศรีด่าประสมเตือน “ริจะเป็นพระยาเทครัว ระวังเถอะ ถ้าคุณอุษาแกรู้ขึ้นมา แกเล่นงานพี่ตายแน่”
ประธานหัวเราะ สีหน้าไม่กลัวสักนิด

หลายวันต่อมา บนหุ่นที่ตั้งโชว์อยู่ภายในห้องโสภิตพิไล มีชุดราตรีสั้นสีหวานตัดจากผ้าลูกไม้หรูหรา สวยงาม น่ารัก เหมือนชุดของเจ้าหญิงน้อยๆ สายืนยิ้มภูมิใจในฝีมือ ละมัยคุกเข่ากับพื้น มองอย่างเป็นปลื้ม โสภิตพิไลยืนมองชุดในหุ่น สีหน้าไม่แน่ใจ
“สวยไหมจ๊ะ โสภิต”
“สวยค่ะ แต่ว่า...” โสภิตพิไลอิดออด
ละมัยขัดขึ้น “ไม่มีแต่ล่ะค่ะ คุณหนู ชุดนี้สวยเหมาะกับคุณหนูจริงๆ คุณหนูสวยอยู่แล้ว ใส่ชุดนี้เข้าไป คงสวยเหมือนนางฟ้า”
โสภิตพิไลท้วง “มันไม่หรูหราเกินไปหรือคะคุณป้า สำหรับงานโรงเรียน”
“ไม่หรอกจ้ะ โรงเรียนหนูมีแต่ผู้ลากมากดี คนมีสตางค์ทั้งนั้น แค่นี้ยังจะน้อยไปด้วยซ้ำ” สาหันไปหาละมัย “มัย ส่งของมาสิ”
ละมัยส่งให้ “นี่ค่ะ คุณสา”
สารับกล่องกำมะหยี่มาจากละมัย เปิดให้โสภิตพิไลดู ข้างใน เป็นสร้อย ต่างหู แหวน ครบชุด ดูมีค่าแบบสวยงามเข้ากับชุดในหุ่น
“ป้าให้หนู...ถือว่าเป็นของรับขวัญ ที่หนูเรียนจบ”
โสภิตพิไลคิดไม่ถึง อึ้งไปเหมือนกัน “คุณป้า”
“ป้าเลือกมาให้เขากับชุดนี้ หนูจะได้ใส่ไปด้วยกัน...คืนนี้ หนูจะต้องสวยที่สุดเด่นที่สุด จะไม่มีใครมาดูถูกโสภิตพิไลของป้าได้”
โสภิตพิไลมองหน้าสา เห็นแววตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก ใจก็อ่อนลง ยกมือไหว้
“ขอบพระคุณค่ะ”

สาทนดีใจไม่ไหว เป็นฝ่ายดึงลูกสาวมากอด สีหน้าโสภิตพิไลอ่อนละมุนลง รู้ว่าสารักตนเลยกอดตอบนิดนึง สาดีใจ
จังหวะนี้ประธานแต่งตัวหล่อเหลา ใส่แจ็คเก็ตเก๋ไก๋ เดินเข้ามา เจอตุ่น
“ตุ่น คุณอุษาล่ะ”
“อยู่ข้างบนค่ะ”
“ไปบอกที ว่าฉันมาหา”
สาเดินออกมาพอดีถามอย่างแปลกใจ
“นึกยังไง มาไม่บอกไม่กล่าว”
ตุ่นหลบออกไป ประธานตีฝีปากพูดกวนใส่
“เดี๋ยวนี้เรื่องมากจริงแฮะ” แกล้งมองไปในบ้าน พอยั่วล้อยิ้มๆ “ทำไม ซุกผู้ชายเอาไว้เหรอ”
สาทุบประธาน “ทะลึ่ง! ตกลงมาทำไม”
“หิว ขออะไรกินซักคำก่อนค่อยคุยได้ไหม”
สาค้อนควัก แล้วเดินนำเข้าบ้าน ประธานผิวปาก ทำเป็นสบายใจ แต่แอบสอดส่ายสายตาหาโสภิตพิไล

ต่อมาไม่นาน สากับประธานนั่งอยู่ที่โต๊ะน้ำชาตรงระเบียงบ้าน ตุ่นรับใช้อยู่ ประธานจิบชาอย่างสบายใจ แล้วทำเป็นเลียบเคียงถาม
ประธานหลานสาวกิตติมศักดิ์ของคุณไม่อยู่บ้านหรอกเหรอ
“โสภิตแต่งตัวอยู่ข้างบน” ประธานมองเป็นเชิงถาม “คืนนี้ที่โรงเรียนเขามีงานเลี้ยงศิษย์เก่า” สาส่งการ์ดให้ประธานดู
มีเสียงกดกริ่งที่หน้าประตู สาหันไปมอง
“สงสัยเพื่อนของโสภิตจะมาแล้ว ตุ่นไปเปิดประตูไป” ตุ่นออกไป สาลุกขึ้นยืน พูดกับประธาน “รออยู่นี่ก่อนนะ ฉันจะไปตามโสภิต”
สาเดินออกไป ประธานหยิบการ์ดมาดูๆ แอบเก็บเข้ากระเป๋าแจ๊กเก็ต แล้วเดินตามสาไป

ตอนนั้นเย็นแล้วสาเดินเข้ามาในบ้าน จะตรงไปที่บันได สวนกับละมัยที่เดินลงมา
“มัย คุณหนูแต่งตัวเสร็จหรือยัง”
“เสร็จแล้วค่ะคุณสา”

ละมัยเดินเลี่ยงหลบมา แล้วบุ้ยใบ้ให้สามองไปที่บันไดเห็นโสภิตพิไลเดินลงมา
ประธานเดินตามเข้ามา เห็นโสภิตพิไลแต่งตัวสวยงามชวนมอง ดูสดใสบริสุทธิ์เหมือนนางฟ้า สาเองก็ยืนมองอย่างเป็นปลื้ม
“หนูสวยเหลือเกิน”
“ขอบคุณค่ะ คุณป้า” เด็กสาวยิ้มเขินๆ “แต่หนูก็ยังคิดว่ามันสวยเกินไปอยู่ดี”
“ไม่มีคำว่าสวยเกินไปสำหรับผู้หญิงจ้ะ จริงไหม ประธาน”
“จริงที่สุดครับ”
ประธานมองอย่างลุกซึ้ง ชื่นชมเปิดเผย จนโสภิตพิไลรู้สึกเก้อเขิน
ตุ่นพากรรณิการ์เข้ามา
“คุณกรรณิการ์มาค่ะ คุณหนู”
โสภิตพิไลร้องทัก “กรรณ”
“โสภิต! โอ้โห”
กรรณิการ์ไหว้สาและทำเป็นไม่เห็นประธานตามเคย
“สวัสดีค่ะ คุณป้า...” แล้วหันมาชมโสภิตพิไล “วันนี้ตัวสวยจังเลย โสภิต”
“ขอบใจจ้ะ ตัวก็สวยเหมือนกัน”
“แล้วนี่หนูกรรณมายังไงจ๊ะ ไม่ได้ยินเสียงรถ ไม่ได้มากับคุณแม่หรือ”
กรรณิการ์ตอบอุบอิบ
“รถจอดรออยู่นอกบ้านค่ะ คุณแม่ท่าน เอ่อ ..ท่านให้หนูมาตามโสภิตออกไป”
สาอึ้ง โสภิตพิไลมองสาอย่างสงสาร ประธานเอ่ยขึ้นลอยๆ
“ไม่อยากลงมาสินะ”
กรรณิการ์หลบหน้าหลบตา แล้วหันไปพูดกับโสภิตพิไล
“เราไปกันเลยไหม โสภิต”
“จ้ะ ...คุณป้าขา หนูไปนะคะ” เด็กสาวทั้งสองยกมือไหว้สา
สารับไหว้ “เดี๋ยวจ้ะ แล้วหนูจะกลับกี่โมง โสภิต ดึกไหม ป้าจะได้ไปรับ”
โสภิตพิไลมองสา รู้สึกสงสารนิดๆ แต่ก็ต้องตัดใจ
“อย่าลำบากเลยค่ะ คุณป้า คุณแม่ของกรรณท่านว่าจะมาส่งหนู …หนูไปก่อนนะคะ เดี๋ยวท่านจะรอนาน”
โสภิตพิไลปรายตามองประธานอย่างเกรงใจนิดหนึ่ง รู้สึกผิดที่ไม่ไหว้ ก่อนจะออกไปกับกรรณิการ์
สาหันมายิ้มกับประธานอย่างขมขื่น
“สงสารโสภิตนะ ประธาน แกคงอายเพื่อนๆ มาก ที่มีป้าอย่างฉัน”
“ไปสนใจอะไรผู้ดีจอมปลอมพรรค์นั้น...เอาเงินฟาดหัวเข้าไป ขี้คร้านจะยกมือไหว้กันไม่ทัน”

ประธานโอบไหล่ปลอบใจสามองตามเด็กสาวไปด้วยนัยน์ตาลึกล้ำเร้นลับ

อ่านต่อตอนที่ 25
กำลังโหลดความคิดเห็น