รักออกฤทธิ์ ตอนที่ 23
ม.ร. ว. จันทร์ธิดา เดินออกมาจากลิฟต์คอนโด ขณะที่โจที่นั่งรออยู่ที่ล็อบบี้ โจยกมือไหว้
“สวัสดีครับ”
“สวัสดี”
แต่แล้วก็ถึงกับอึ้งไป เมื่อเพิ่งเห็นว่าวนิษามาด้วย
“วนิษา”...
วนิษายกมือไหว้ แต่คุณหญิงจุ๋มทำเฉย
“เธอพาเขามาด้วยทำไม”
โจไม่ตอบ แต่กลับย้อนถาม “คุณพจน์อยู่ไหมครับ”
“ไม่อยู่” พลางเห็นสีหน้าโจ ที่ดูเคร่งเครียด “มีอะไรเหรอ”
“ผมว่าขึ้นไปคุยบนห้องคุณดีกว่าครับ”
คุณหญิงจุ๋ม มองทั้งคู่อย่างชั่งใจครู่หนึ่ง
เมื่อเข้ามาภายในห้อง โจก็เริ่มเล่าเรื่องคดี ม.ร. ว. จันทร์กระจ่างให้ฟัง
“เป็นอันว่าตอนนี้ผมไขคดีของคุณชายแจ้กับเสี่ยป๊อกได้แล้ว”
คุณหญิงจุ๋ม แค่นหัวเราะ
“เรื่องเสี่ยป๊อกฉันรับได้ ไม่แปลกใจด้วย เพราะใครบางคนมันยั่วเก่งจนเสี่ยป๊อกถึงต้องหายาโด๊ปมากินแบบนั้นน่ะ แต่เรื่องชายแจ้นี่บอกตรงๆว่าเว่อร์มาก ฉันไม่เชื่อหรอก ยิ่งบอกว่าสามีฉันเป็นคนทำ ยิ่งบ้าบอกันเข้าไปใหญ่”
โจรีบอธิบ่าย “แต่คุณพจน์มีเหตุจูงใจที่จะทำแบบนั้นนะครับ”
“ฉันไม่เชื่อ คุณพจน์ไม่ใช่คนแบบนั้นแน่ๆ”
“ถ้าคุณหญิงจุ๋มไม่เชื่อผม แล้วคุณหญิงมาจ้างผมทำไม”
คุณหญิงจุ๋ม มองสายตาที่โจกับวนิษามองเธอ
“นี่อย่าบอกนะ ว่าพวกเธอก็สงสัยฉันด้วยเหมือนกัน”
วนิษายิ้มให้ “พวกเราให้เกียรติคุณ ถึงมาคุยกับคุณตรงๆ”
“เธอเงียบไปเลย” คุณหญิงจุ๋มหันมาตะคอกใส่วนิษา “ตอนนี้ฉันชักสงสัยแล้วว่าเธอหว่านเสน่ห์ใส่นายโจอีท่าไหน นายโจถึงได้หน้ามืดตามัว เห็นผิดเป็นถูก แทนที่จะหาทางจับเธอเข้าคุก ดันมาสงสัยคุณพจน์”
“เราไม่ได้ใช้อารมณ์สรุปว่าจะสงสัยหรือไม่สงสัยใคร ทุกอย่างเราใช้เหตุผลค่ะ”
“ฉันไม่สนเหตุผลของพวกเธอ ฉันเป็นภรรยาของคุณพจน์มาหลายปี ฉันรู้ดีว่าเขาเป็นคนยังไง ขาไม่ใช่ฆาตกร โดยเฉพาะกับคุณชายแจ้ ไม่มีทางเป็นไปได้เด็ดขาด”
“แต่ว่า”
โจจับมือวนิษา เตือนให้เงียบไว้
“ค่อยๆพูดกันก่อนดีกว่าครับ คุณหญิงอาจจะยังตั้งหลักไม่ทัน”
คุณหญิงจุ๋ม หัวเราะ
“นี่ต่อหน้าฉันยังถึงขั้นจับมือถือแขนกันสนิทสนมเลยนะ ตอนอยู่กันสองต่อสองมันจะไปถึงขั้นไหนกันเนี่ย”
วนิษาโกรธจนพูดไม่ออก
“ไหนบอกว่าจะสรุปคดีให้ได้ในสามวัน แต่ถ้าสรุปมั่วๆแบบนี้ล่ะก็ พอเหอะ เงินค่าจ้างฉันไม่เอาคืนก็ได้ ถือว่าฉันตาต่ำเองที่หลงผิดมาจ้างเธอ”
“คุณหญิงจุ๋มครับ ผมว่า”.
“พอแล้ว ตอนนี้ฉันเลิกจ้างเธอแล้ว เชิญออกไปได้ ไม่อย่างนั้นฉันจะเรียก รปภ.”
โจลุกขึ้นยืน แล้วเดินที่ไปที่หน้าประตูพร้อมกับวนิษา แต่ไม่วายหันกลับมาบอก
“ผมจะยังไม่เลิกทำคดีนี้ให้คุณ”
โจเดินออกไป วนิษาเดินตามออกไป คุณหญิงจุ๋ม ตามมาปิดประตู แต่ก่อนที่ประตูจะปิด
วนิษายื่นมือมาดันประตูไว้
“ มีอะไรอีก”
“ถ้าฉันเป็นคุณหญิง ฉันจะระวังคุณพจน์ไว้ให้มาก”
“ออกไป”
วนิษาปล่อยมือ ม.ร. ว. จันทร์ธิดา ปิดประตูกระแทกปัง ท่าทางหงุดหงิด
โจกับวนิษาลงมานั่งที่งล็อบบี้คอนโด พลางเอาหนังสือพิมพ์กางบังหน้า ขณะที่คอยมองไปที่ลิฟต์ตลอดเวลา
“คุณคิดว่าคุณหญิงจุ๋มรู้เรื่องการตายของคุณชายแจ้มั้ย”
“ผมไม่แน่ใจ ถ้าถามตอนนี้ผมว่าเขาไม่รู้เรื่อง แต่เขากำลังปิดบังอะไรบางอย่างอยู่”
“เรื่องคุณพจน์น่ะเหรอ”
โจ พยักหน้า
“ผมว่าเขาคงฉุกใจคิดเรื่องคุณพจน์ไม่มากก็น้อย เพียงแต่ยังไม่ยอมรับความจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่มาบอกเธอคือคุณ”
“แปลว่าฉันไม่ควรมาใช่ไหม”
“ครับ แต่ผมก็ไม่กล้ามาคนเดียว ถ้าเกิดเขาอยู่กันสองคนผัวเมียแล้วรู้เห็นเป็นใจกัน เขาอาจจะร่วมมือกันฆ่าผมก็ได้ เลยต้องชวนคุณมาเป็นไม้กันหมา”
วนิษามองค้อนโจ “ขอบใจย่ะ”
“คุณวนิครับ ถ้าเกิดว่า..”
โจกำลังจะพูดอะไรต่อ พลันประตูลิฟต์เปิดออก ม.ร. ว. จันทร์ธิดา เดินคุยมือถือด้วย แต่ระยะไกลมาก โจเพ่งมองริมฝีปากเขม็ง
“คุณพจน์ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน อย่าเพิ่งเข้ามาที่คอนโด ฉันจะออกไปหาคุณเอง”
คุณหญิงจุ๋ม ตรงไปทางที่ออกอาคารจอดรถ โจรีบสะกิดวนิษา
“คุณหญิงจุ๋มกำลังจะไปหาคุณพจน์”
“คุณรู้ได้ไง อย่าบอกนะว่าได้ยินน่ะ” วนิษาอดแปลกใจไม่ได้
“ผมอ่านริมฝีปากได้ครับ”
“หา แล้วที่ผ่านมาเคยแอบอ่านปากฉันบ้างมั้ยเนี่ย”
โจ พยักหน้า “เคยครับ ไว้เล่าให้ฟังวันหลังละกัน รีบไปเถอะครับ”
รถของ ม.ร.ว.จันทร์ธิดา ขับไปตามถนน รถโจตามไปห่างๆ แต่ก็คลาดกันในที่สุด
“รถคุณหญิงจุ๋มหายไปแล้ว”
โจหน้าเครียด “ครับ เราคลาดกับเขาแล้ว”
“จะเอาไงต่อคะ”
“กลับไปตั้งหลักที่บ้านผมก่อนดีกว่า”
ขณะที่พจน์ ภาคย์ และธงธง ยังนั่งคุยกันอยู่ที่คาราโฮเกะ หน้าตาเคร่งเครียด
“ตกลง เอาตามที่คุยกันนี่นะ”
ภาคย์ยังดูลังเล ขณะที่ธงธงดูนิ่งๆ พจน์ตบไหล่ภาคย์
“ถ้าแกอยากรวยก็เอากับฉัน แต่ถ้าขี้ขลาด กลัวนู่นกลัวนี่ก็ไม่ต้อง อยู่จนๆของแกต่อไป จะเอาไงว่ามาเลย”
ภาคย์ทำใจครู่หนึ่ง ก่อนที่จะพยักหน้า “ผมเอาด้วยครับ”
“ดี เราร่วมหัวจมท้ายด้วยกัน เสี่ยงด้วยกัน รวยด้วยกัน”
พจน์ยื่นมืออออกไป ภาคย์กับธงธงยื่นมือมาจับด้วย
“ไปได้แล้ว เดี๋ยวเมียฉันมาเห็นเข้า ออกประตูหลังนะ”
“ครับพี่”
ภาคย์เดินออกไปทางด้านหลัง พจน์หันมาทางธงธง
“เตรียมตัว”
ธงธงรับคำ แล้วลุกเดินหายไป พจน์นั่งอยู่คนเดียวหยิบมือถือ มาเปิดรูปถ่ายในเครื่องดู เป็นภาพคู่ของระหว่างเขากับ มรว. จันทร์ธิดา กำลังกอดกันหวานแหวว พจน์ถอนใจเบาๆ
“วันนี้เป็นวันตายของเธอแล้วสินะที่รัก”
พจน์เงียบไป แล้วยิ้มหยัน “นังหน้าโง่เอ๊ย”
ม.ร.ว. จันทร์ธิดา เดินมาที่หน้าร้านคาราโอเกะ แล้วกดกริ่งหน้าร้าน สักครู่พจน์เปิดประตูออกมา มองไปทางถนนอย่างระมัดระวัง
“มีใครตามมารึเปล่า”
คุณหญิงจุ๋มตกใจ รีบหันมองซ้ายขวา
“เออ ใช่ ฉันก็ลืมสังเกต คงไม่มีมั้ง”
“เข้ามาเร็วๆเข้าคุณ”
พจน์รีบเปิดประตูให้ภรรยาเข้าไป แล้วปิดประตู
“ก็ประมาณนี้แหละที่โจเขาเล่าให้ฉันฟัง”
คุณหญิงจุ๋ม เล่าเรื่องทั้งหมดให้สามีฟัง
“แล้วเธอว่าไง”
“ฉันบอกโจว่าฉันไม่เชื่อเขา ฉันเป็นเมียคุณฉันรู้จักคุณดี”
พจน์จับมือภรรยา แล้วปั้นหน้ายิ้มปลื้มใจ
“ขอบคุณมากที่รัก ขอบคุณที่เชื่อใจผม”
คุณหญิงจุ๋ม ดึงมือกลับ แล้วส่ายหน้า
“นั่นคือสิ่งที่ฉันพูดกับโจ แต่ไม่ใช่สิ่งที่ฉันคิด”
“หมายความว่ายังไง”
คุณหญิงจุ๋ม มองหน้าสามี “หลายอย่างมันเข้าเค้ากับเรื่องที่โจเล่ามา”
“คุณพูดอะไรของคุณ” พจน์แกล้งทำหน้าไม่รู้เรื่อง
“อย่างแรกก็เรื่องรองเท้า ยัยแป๋วเจ้าของร้านเวดดิ้งเพื่อนฉันโทรมาบอกว่า คุณเป็นคนไปขอให้เขาเปลี่ยนแบบรองเท้าทั้งของเจ้าบ่าวเจ้าสาว ที่แป๋วมันโทรมาปรึกษาเพราะมันคิดว่ารองเท้าน่าเกลียดมาก เรื่องเค้กอีกคุณก็อาสาเป็นคนจัดหามาทั้งๆที่โรงแรมก็มี สองเรื่องนี้คุณจะอธิบายว่าไง”
“ความหวังดีน่ะสิ”
“หวังดียังไง” คุณหญิงจุ๋มย้อนถาม
“นี่เหรอคนรักกันเขาพูดกัน คุณไม่เชื่อใจผมแล้วเหรอ”
“ฉันรักคุณ แต่คุณต้องอธิบายเรื่องนี้ให้ฉันมั่นใจว่าคุณไม่ใช่คนที่ฆ่าน้องชายฉัน”
“ผมเนี่ยนะจะฆ่าคุณชายแจ้ ผมเป็นคนยังไงคุณก็รู้”
พจน์แกล้งปั้นหน้าใสซื่อพลางเดินมาหา คุณหญิงจุ๋มถอยกรูด
“อย่าเข้ามานะคุณพจน์”
อ่านต่อหน้า 2
รักออกฤทธิ์ ตอนที่ 23 (ต่อ)
ธงธงโผล่ออกมาจากเงามืด ย่องเข้ามาหา ม.ร. ว. จันทร์ธิดา อย่างเชื่องช้า มั่นคง และแผ่วเบา พจน์หยุดกับที่ ชูมือแสดงความบริสุทธิ์ใจ
“นี่คุณกลัวผมเหรอ ผมสามีคุณนะ”
“ถ้าคุณอธิบายเรื่องรองเท้ากับเค้กไม่ได้ แปลว่าคุณเป็นคนฆ่าน้องฉัน ต่อให้คุณเป็นผัวฉัน ฉันก็จะแจ้งความจับคุณ”
พจน์ยิ้มเยือกเย็น
“นึกแล้วว่าคุณต้องพูดแบบนี้ งั้นก็เจอกันชาติหน้าก็แล้วกันนะที่รัก”
ขาดคำธงธงก็ตวัดเชือกในมือคล้องคอ คุณหญิงจุ๋ม สะดุ้งสุดตัว จะร้องก็ร้องไม่ออก พยายามแกะเชือกอกจากคอ แต่ยิ่งดิ้นเชือกยิ่งรัดแน่น ที่สุด มรว. จันทร์ธิดา ก็หมดสติ ธงธงปล่อยมือจากเชือก ร่างของ ม.ร.ว. จันทร์ธิดา ร่วงไปที่พื้น
“เอาไงต่อครับ”
“เดี๋ยวแกเอาทั้งศพทั้งรถไปเผาหรือจะไปทิ้งที่บึงไหนสักบึง จัดการดีๆ อย่าให้ศพลอยขึ้นมาได้ล่ะ”
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงครับ เรื่องเล็ก”
โจกับวนิษา กลับมานั่งดูดีวีดีงานแต่งงานของวนิษากับกริช
“งานแต่งของคุณกับคุณกริชคืนนั้น คุณรู้สึกมีอะไรผิดสังเกตหรือผิดปกติบ้างหรือเปล่า”
วนิษาดูวีดีโอไปด้วย นึกตามไปด้วย
“ไม่มีอะไรนี่คะ ทุกอย่างปกติเรียบร้อยดี คุณล่ะ เห็นอะไรผิดปกติบ้างไหม”
โจ ส่ายหน้า “ไม่ วันนั้นผมกับป๋องตรวจดูทุกอย่าง ถ้ามีใครคิดจะฆ่าคุณกริช มันคงไม่โง่ใช้วิธีเดียวกับฆ่าคุณชายแจ้แน่ๆ”
“หมอบอกว่าคุณกริชตายเพราะอาการแพ้รุนแรง ความจริงเรื่องการแพ้นี่เป็นความลับของคุณกริช”
“เขาแพ้ถั่วลิสง”
วนิษาแปลกใจ “คุณรู้”
โจพยักหน้า
“คุณกริชเคยบอกฉัน แต่เขาบอกว่าเป็นความลับที่ไม่มีคนอื่นรู้”
“ผมรู้ตั้งนานแล้ว และถ้าผมรู้ คนอื่นก็รู้ได้เหมือนกัน สำหรับคนที่มีอาการแพ้แบบนี้ แค่ถั่วลิสง
เพียงนิดเดียวก็ฆ่าเขาได้ หลายปีก่อนเคยมีข่าวผู้หญิงที่แพ้ถั่วตายเพราะจูบกับแฟนของเธอที่เพิ่งกินถั่วมา”
“คุณกริชรู้ตัวดีค่ะ เขาระวังเรื่องการกินมาก”
“แล้วเขาไปกินอะไรที่มีส่วนผสมของถั่วตอนไหน”
ดีวีดีเล่นถึงตอนกริชจูบแก้มวนิษา สักพักก็ล้มลง โจกดหยุดภาพ
“คุณพจน์รู้จักกับคุณกริชไหมครับ”
วนิษาส่ายหน้า “ไม่ค่ะ”
“แต่วันนั้นเขาก็มาร่วมงานด้วย”
“อาจจะตามมากับหม่อมแม่ก็ได้”
“แต่เขาไม่ใช่คนมารยาทดีขนาดนั้น การมาของเขาต้องมีจุดประสงค์อื่น”
โจนั่งหลับตาทบทวน เหตุการณ์ในคืนนั้นทั้งหมด
“วันนั้นผมว่า ผมเห็นคุณพจน์ทำอะไรสักอย่างที่ไม่ปกติอยู่”
โจย้อนนึกถึงตอนที่เขาเดินผ่าน เห็นพจน์กำลังให้อะไรกับมือผู้หญิงคนหนึ่ง โจหยิบอัลบั้มรูปถ่ายงานแต่งงานของวนิษากับกริชออกมาค้นดูแต่ละใบอย่างรวดเร็ว แล้วก็สะดุดตารูปใบหนึ่ง พลางหยิบออกมา
“ผู้หญิงคนนี้ใคร”
โจชี้ที่ด้านหลังรูปที่วนิษาถ่ายกับแขกร่วมงาน เห็นกะเทยนางหนึ่งเดินผ่านกล้องไปพอดี
“อ๋อ ช่างแต่งหน้าค่ะ เขาแต่งหน้าให้ฉันในคืนนั้น”
“ช่างแต่งหน้า”
โจใช้เวลาเสี้ยววินาทีในหัว ประกอบเรื่องราวทั้งหมดได้ ก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
“ผมรู้แล้ว แนบเนียนจริงๆ”
“อะไรคะ”
“วันนั้นผมเห็นคุณพจน์เอาอะไรสักอย่างให้ช่างแต่งหน้าคุณ พนันได้เลยว่าก่อนขึ้นเวที เขามาแต่งหน้าให้คุณอีกรอบใช่ไหม”
วนิษา พยักหน้า “ค่ะ”
“ในเครื่องสำอางอาจมีส่วนผสมของถั่วลิสง ซึ่งนั่นก็คือยาพิษสำหรับคุณกริช”
วนิษาอึ้ง แล้วก็ร้องไห้ออกมา เพิ่งเข้าใจสาเหตุการตายก็ตอนนี้เอง
โจกดปุ่มวางสายมือถือ ก่อนที่จะเดินมาหาวนิษา
“ช่างแต่งหน้าคนนั้นไปต่างประเทศ ไม่มีใครรู้ว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน ไม่มีหลักฐาน ไม่มีพยาน”
วนิษา หน้าเศร้า
“ใจร้ายมาก คุณกริชเขาทำอะไร คุณพจน์ถึงต้องฆ่าเขา”
โจนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนเรียบเรียงความคิด
“ผมเดาว่าเขาวางแผนทั้งหมด ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหญิงจุ๋ม ตอนแรกเขาตั้งใจจะฆ่าคุณชายแจ้เพื่อให้มรดกตกมาที่คุณหญิงจุ๋มแต่เพียงผู้เดียว หลังจากนั้นค่อยหาวิธีฆ่าคุณหญิงจุ๋มอีกที เมื่อคุณหญิงจุ๋มตายมรดกจำนวนมหาศาลก็จะตกเป็นของเขา แต่คุณชายแจ้ดันมาแต่งงานกับคุณเข้าซะก่อน เขาจึงต้องกำจัดคุณด้วย โชคดีที่คุณรอดมาได้ จะเพราะเหตุบังเอิญหรืออะไรก็ตาม ทีนี้พอคุณรอดตายมรดกของคุณชายแจ้ก็ไปตกอยู่ที่คุณแทน
ตอนนั้นเขาคงแค้นคุณมาก เพราะเขาอุตส่าห์วางแผนซะดิบดี แต่คุณดันมาชุบมือเปิบ ยังไม่ทันไรคุณก็ไปแต่งงานกับเสี่ยป๊อก บังเอิญที่เสี่ยป๊อกตาย ทำให้คุณพจน์มีความหวังอีกครั้ง แล้วคุณก็มาแต่งงานกับคุณกริชอีก คราวนี้เขาคงไม่ยอมพลาดอีกแล้ว การที่เขาลงมือฆ่าคุณกริช แปลว่าเขาต้องมั่นใจว่าจะได้เงินทั้งหมดของคุณชายแจ้ที่อยู่ที่คุณ แถมด้วยมรดกจากเสี่ยป๊อกกับคุณกริชทบเข้าไปอีก”
“แล้วเขาจะเอาเงินไปจากฉันได้ยังไง”
“ถ้าคุณแต่งงานกับใครสักคนแล้วคุณตายล่ะก็ เจ้าบ่าวของคุณจะได้เงินทั้งหมดไป”
วนิษามองหน้าโจ
“คุณหมายถึงคุณภาคย์เหรอ คุณภาคย์เขาเกี่ยวอะไรด้วย”
“อย่าลืมสิคุณพจน์เป็นคนพาภาคย์มาเจอคุณไม่ใช่เหรอครับ“
“แต่ฉันรู้จักคุณภาคย์ก่อนหน้านั้น”
“ครับ เขาช่วยคุณยายของคุณที่ตลาด แต่ของแบบนี้จัดฉากกันได้ไม่ยาก”
วนิษานิ่งไปครู่หนึ่ง
“เหตุผลสำคัญที่ฉันจะแต่งงานกับคุณภาคย์ก็เพราะเขามีดวงปรมะ เรื่องแบบนี้คุณพจน์จะจัดฉาก
ได้ไง”
โจอึ้ง เพราะเขาเองก็ยังหาคำตอบไม่ได้
“เรื่องนี้ผมไม่รู้ ยังไม่รู้ ดูจากแผนการณ์ของเขาที่ผ่านมา ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเขาเป็นคนฉลาดมาก แค่จัดฉากเรื่องดวงปรมะทำไมจะทำไม่ได้”
“คุณพูดแบบนี้ ไม่เป็นธรรมกับคุณภาคย์ ถ้าจะกล่าวหาว่าคุณภาคย์สมคบคิดกับคุณพจน์ คุณต้องมีหลักฐานที่ชัดเจน พรุ่งนี้ก็จะครบสามวันที่เราตกลงกันไว้แล้วนะ”
โจเริ่มหงุดหงิด
“คุณจะบ้าเหรอ ถึงขนาดนี้แล้วคุณยังจะแต่งงานกับเขาอีก”
วนิษาพยักหน้า “ใช่ ฉันเชื่อเรื่องดวงอาถรรพ์ของฉัน ไหนคุณบอกคุณจะพิสูจน์ว่าเรื่องดวงไม่มีจริง
พิสูจน์สิ พิสูจน์ให้ฉันเห็น”
“ได้ คุณนัดภาคย์ไว้กี่โมง”
“เที่ยง”
“คุณกลับไปก่อนเถอะ ก่อนเที่ยง ผมจะหาหลักฐานไปให้คุณดู”
วนิษามองโจ น้ำตาคลอ “ทำให้ได้นะคะ”
เมื่อวนิษาออกไป โจก็กลับมานั่งเครียดอยู่กับข้อมูลเพียงลำพัง
“คุณวนิพูดถูก ลำพังคุณพจน์ไม่มีทางจัดฉากเรื่องดวงปรมะได้ นอกเสียจากว่าไอ้เม้ง”
โจผลุนผลันออกไป ความเร่งรีบทำให้ลืมหยิบมือถือออกไปด้วย
โจขยุ้มคอเสื้อ อ. เม้งอัดเข้ากับกำแพง
“บอกมา แกโกหกเรื่องดวงปรมะใช่มั้ย”
อ. เม้ง เหงื่อแตกพลั่ก “ผมไม่ได้โกหก”
“พูดดีๆไม่รู้เรื่อง อยากเจ็บตัวก่อนใช่มั้ย”
โจง้างหมัด อ. เม้ง หลับตาปี๋
“อย่าครับ ผมไม่ได้โกหกจริงๆ”
“ไม่จริง แกสมรู้ร่วมคิดกับคุณพจน์เซ็ทเรื่องดวงปรมะของภาคย์ขึ้นมา”
“ผมไม่รู้เรื่องจริงๆครับ คุณต่อยผมให้ตาย ผมก็พูดเหมือนเดิม อย่าบังคับให้ผมโกหกเลย
อาชีพผมโกหกไม่ได้”
โจ พยักหน้า “ได้ งั้นฉันจะช่วยทำให้แกไม่ต้องโกหกอีกตลอดไป จะต่อยให้ฟันแกร่วงหมดปาก
จนพูดอะไรไม่ได้เลย”
โจง้างหมัดจะต่อย พลันหูก็แว่วได้ยินเสียงหลวงพ่อสีสุก ก็เลยได้สติขึ้นมา เห็นใบหน้าตัวเองในเงาสะท้อนจากแผ่นโลหะข้างกำแพง หน้าตาบิ้วเบี้ยวเต็มไปด้วยโทสะ
โจปล่อยมือจาก อ. เม้ง
“อาจารย์เม้ง ผมขอโทษ”
“ช่างมันเถอะ ผมชินแล้วล่ะ เวลาทำนายดวงใครแย่ๆ มักจะโดนแบบนี้ประจำ ว่าแต่คุณเถอะ คุณเป็นอะไรไป คืนนี้ดูแปลกๆ ท่าทางเหมือนไม่ได้นอนมาหลายคืนแล้วนะ”
“ผมกำลังจะเสียของสำคัญที่สุดในชีวิตไป แม้ว่าผมจะพยายามยื้อมันอย่างสุดความสามารถแล้ว แต่ก็”
พูดได้แค่นั้น โจก็ทรุดตัวลงนั่งกับพื้น สีหน้าท้อแท้ อ. เม้งมองโจด้วยความเห็นใจ
อ่านต่อหน้า 3
รักออกฤทธิ์ ตอนที่ 23 (ต่อ)
วนิษาเดินเข้ามาถึงร้านอาหารแห่งหนึ่งมองเข้าไป พลางดูนาฬิกา เที่ยงตรงพอดี จากนั้นก็หยิบมือถือโทรออก แต่ไม่มีสัญญาณตอบรับ วนิษาเก็บมือถือ มองซ้ายขวา หวังว่าโจจะโผล่มาแต่ก็ไม่มีวี่แวว จนในที่สุด ภาคย์ ที่นั่งรออยู่ก่อนแล้ว ก็หันมาเห็น
“สวัสดีครับคุณวนิ”
“สวัสดีค่ะ”
“ผมตื่นเต้นจังเลยครับ”
วนิษาฝืนยิ้ม
“ก่อนทานข้าว ผมขอเข้าเรื่องเลยได้ไหมครับ ไม่งั้นผมทานข้าวไม่ลงแน่ๆ คำตอบของคุณวนิษาคือ”.
วนิษามองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นโจยืนมองมาอยู่ ก็ยิ้มดีใจ แต่โจกลับยืนเฉย สีหน้าทดท้อ
จนวนิษาอึ้ง
“คุณวนิษาครับ”
วนิษารีบเก็บอาการ หันมาทางภาคย์
“คำตอบของฉัน”
วนิษามองโจอีกครั้ง แล้วก็น้ำตาซึม
“ฉันฝันมาตลอดว่าอยากมีครอบครัวที่อบอุ่น มีผู้ชายสามคนเคยรับปากว่าจะทำให้ฝันของฉันเป็นจริง แต่ในที่สุดมันก็ล้มเหลว คุณภาคย์ คุณรับปากฉันได้ไหม ว่าคราวนี้มันจะไม่ล้มเหลวเหมือนที่ผ่านมา”
“ผมสัญญาด้วยชีวิตของผม”
“ฉันไม่ต้องการชีวิตของใครอีกแล้ว”
“โทษครับ ผมพูดผิดไป ผมขอสัญญาด้วยดวงปรมะของผม ดวงของผมจะเอาชนะ ดวงร้ายๆของคุณได้ แล้วเราจะสร้างครอบครัวที่อบอุ่นด้วยกัน”
วนิษาเหลือบตามองโจอีกแว้บก่อนจะหันมาหาภาคย์
“ถ้าอย่างนั้น คำตอบของฉันคือ.”
โจอยู่นอกร้านมองเข้าไปในร้าน เพ่งที่ริมฝีปากของวนิษา จากนั้นก็เห็นภาคยิ้มแก้มปริ พลางกุมมือ
วนิษา ท่าทางมีความสุขโจหันหลัง เดินจากมา ด้วยความเสียใจ
โจเข้ามาในบ้านด้วยอาการหมดเรี่ยวหมดแรง ขณะที่ป๋องนั่งรออยู่
“พี่โจ เป็นอะไรรึเปล่า หน้าตาดูไม่ได้เลย”
“ไม่มีอะไร แค่อดนอนน่ะ”
โจเข้ามานั่งโซฟา กำลังจะล้มตัวลงนอน
“พี่ลืมมือถือไว้นะ”
โจ พยักหน้า “เออ ตอนออกไปมันรีบร้อนไปหน่อย มีใครโทรมารึเปล่า”
“มีครับ คุณหญิงจุ๋มโทรมา”
“เขาว่าไง”
“ผมรับไม่ทัน แต่มันแปลกๆ”
“แปลกไงวะ”
“เขาโทรมาเมื่อคืนตอนผมเข้าห้องน้ำ ผมเลยไม่ได้ยิน มาเห็นมิสคอลตอนเช้า พอเห็นเป็นคุณหญิงจุ๋มผมก็เลยโทรกลับ โทรไปตั้งนานกว่าจะมีคนมารับ แปลกที่คนรับสายเป็นใครก็ไม่รู้”
โจตาสว่างขึ้นทันที
“เขาบอกเก็บมือถือได้ตอนเช้ามืด พอเครื่องดังก็ตกใจ รับสายก็ไม่เป็น ต้องเสียเวลาไปตามลูกมารับให้”
“บ้านเขาอยู่ไหนรู้มั้ย”
“แถวรังสิตครับ”
โจนิ่งไปครู่หนึ่ง หน้าตาท้อแท้ หมดอาลัยตายอยาก
“ฉันว่าคุณหญิงจุ๋มคงตายแล้วล่ะ”
ป๋อง ตกใจ “หา ไม่ขนาดนั้นมั้งพี่ แค่มือถือหล่นแค่เนี่ยนะ”
“แกลองโทรไปที่คอนโดเขารึยัง”
“โทรแล้วครับ ไม่มีใครรับสาย”
โจส่ายหน้า “โธ่ ฉันไม่น่าไปหาเขาเลย”
“เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ”
“เมื่อวานฉันไปหาคุณหญิงจุ๋มที่คอนโด บอกเขาว่าคุณพจน์เป็นฆาตกร เขาคงไปถามเรื่องนี้กับคุณพจน์ เลยโดนคุณพจน์ฆ่าปิดปาก”
ป๋องอ้าปากค้าง “หา งั้นเราไปแจ้งความมั้ยพี่”
“แจ้งว่าอะไรวะ แค่มีคนเก็บมือถือคุณหญิงจุ๋มได้แค่นี้เอง เราไม่มีหลักฐานเป็นชิ้นเป็นอันซักอย่าง
ฉันทำอะไรไม่ได้เลยว่ะป๋อง คุณวนิก็กำลังจะแต่งงานกับภาคย์ที่สมรู้ร่วมคิดกับคุณพจน์ ฉันยับยั้งเขาไม่ได้ ฉันเคยนึกว่าฉันฉลาด แต่จริงๆฉันมันห่วยแตก แล้วที่คุณหญิงจุ๋มตายก็เพราะฉันอีก”
ป๋องส่ายหน้า“ไม่ใช่หรอก คุณหญิงจุ๋มตายเพราะเขาไม่เชื่อพี่ต่างหาก”
“ยังไงเขาก็ต้องตาย เพราะเขาเป็นนายจ้างฉัน”
“ผมว่าพี่นอนพักสักงีบก่อนดีกว่า ตื่นมาอาจจะพบว่าคุณหญิงจุ๋มเขาแค่ทำมือถือหล่นก็ได้นะครับ”
“ไม่ใช่หรอก แกอย่าพยายามเลยว่ะ ฉันจะหนีความจริงไปทำไม ฉันคือโจตัวซวย ฉันคือโจตัวซวย ไอ้โจตัวซวย”
โจยิ้มเยาะตัวเอง ก่อนที่จะนั่งนิ่ง แล้วก็หลับไปในที่สุด
วนิษาเข้ามาในห้อง เจอปลายฝนกำลังเล่นแท็บเล็ตอยู่ ก็เลยเล่าเรื่องที่จะแต่งงานกับภาคย์ให้ฟัง
ขณะที่คุยกันอยู่มือถือวนิษาก็ดังขึ้นมา ปลายฝนมองไป เห็นรูปโจโชว์ขึ้นมา วนิษารีบหยิบมือถือเดินหลบปลายฝนมาก่อนรับสาย
“สวัสดีค่ะ”
“สั้นๆนะครับ คุณหญิงจุ๋มอาจจะตายไปแล้ว”
วนิษาตกใจ “ว่าไงนะ”
“เขาอาจจะถูกคุณพจน์ฆ่า”
วนิษาเงียบไป รู้สึกทั้งช็อกและสับสน
“ผมคิดว่าคุณน่าจะรู้เรื่องนี้ไว้ด้วย แค่นี้นะครับ”
วนิษานั่งรออยู่ในร้านกาแฟ ครู่หนึ่งภาคย์ก็เดินเข้ามาหา
“โทษทีครับ มาช้าไปหน่อย คุณวนิษาโทรมาหาตอนผมกำลังยุ่งๆอยู่พอดี”
“ฉันมีเรื่องไม่สบายใจอยากคุยกับคุณภาคย์”
“ว่ามาเลยครับ”
“ตอนนี้คุณหญิงจุ๋มหายตัวไป ติดต่อไม่ได้เลย คุณภาคย์พอรู้เรื่องไหมคะ”
ภาคย์นิ่งนึกครู่หนึ่ง “คุณหญิงจุ๋ม ใครเหรอครับ”
“ภรรยาคุณพจน์ไงคะ”
“อ๋อ นึกออกแล้วครับ แต่ผมไม่เคยเห็นหน้าเขาเลย เขาหายตัวไปเหรอครับ”
“คุณภาคย์สนิทกับคุณพจน์แค่ไหนค่ะ”
ภาคย์รีบอธิบาย
“ไม่สนิทเท่าไหร่หรอกครับ ผมตกแต่งสวนให้บ้านเพื่อนเขา เขาชอบก็เลยให้ไปตกแต่งที่วังหม่อม
จันจิรา เอ คุณวนิถามแปลกๆนะครับวันนี้”
“มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย อาจจะเกี่ยวกับคดีฆาตกรรมด้วย ฉันอยากรู้ว่าคุณเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยหรือเปล่า”
ภาคย์เงียบไป “ให้ผมเดานะ คุณฟังเรื่องพวกนี้มาจากคนขับรถของคุณที่ชื่อโจใช่ไหมครับ”
วนิษาพยักหน้า
“ผมดูออกว่าเขาชอบคุณ แล้วก็ดูออกว่าคุณสองคนน่ะสนิทกันมาก บางทีการที่คุณจะแต่งงานกับผมอาจจะทำให้เขาไม่พอใจ”
“เขาไม่ใช่คนแบบนั้น”
“เขามีหลักฐานหรือเปล่าที่ดึงผมไปเกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรม”
วนิษาอึ้ง ภาคย์ลุกเดินไปหลังเคาเตอร์ หยิบมีดออกมากำมือหนึ่ง พนักงานองตามงงๆ แต่ไม่ได้ห้าม
ภาคย์หยุดยืนห่างจากวนิษาพอสมควร
“คุณวนิษา สงสัยผม ผมตอบได้เลยว่าผมไม่เกี่ยวอะไรด้วยเลย ถ้าผมเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ขอให้ผมมีอันเป็นไปเดี๋ยวนี้เลย”
ภาคย์โยนมีดทั้งกำมือขึ้นไปตรงๆ มีดลอยขึ้นไป แล้วก็ตกลงมา วนิษานั่งตะลึง ขณะที่พนักงานและคนอื่นๆกรีดร้อง
มีดทุกเล่มตกลงข้างๆตัวภาคย์โดยไม่ทำอันตรายเขาเลยแม้แต่น้อย
“นี่คือข้อพิสูจน์ของผม คุณวนิษาจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็แล้วแต่คุณ”
วนิษาพูดไม่ออก ภาคย์มองมาที่วนิษา ดวงตามุ่งมั่นเปิดเผย
ทางด้านพจน์กับธงธงนั่งอยู่ในรถที่จอดอยู่หน้าร้าน พลางมองเข้าไป
“โอ้โห ไอ้คนชื่อภาคย์นี่มันใจถึงจริงๆนะครับ ผมนับถือมันเลย”
“หมอดูบอกมันมีดวงปรมะ คุ้มครองมันได้”
“อย่างงี้มันเทพชัดๆ”
พจน์หัวเราะ
“อย่าเพิ่งปักใจเชื่อนักเลยวะ มันอาจจะเคยฝึกโยนมีดแบบนี้มาก่อนก็ได้ ไอ้นี่มันเขี้ยวลากดินผ่านอะไรต่อมิอะไรมาเยอะ”
“เรื่องแบบนี้ก็ว่าไม่ได้นะครับ ถ้ามันมีดวงปรมะจริงๆ คุณพจน์จะจัดการมันยังไง”
พจน์ยิ้มร้าย
“ฉันไม่เชื่อเรื่องดวง เรื่องเพ้อเจ้อแบบนี้ใครหัวอ่อนก็เชื่อไปเหอะ เมื่อถึงเวลาฉันจะฆ่ามันให้แกดู เอาปืนยิงเข้าแสกหน้ามัน ดูซิว่าดวงปรมะจะกันลูกปืนได้มั้ย”
“ถ้ายิงไม่เข้าล่ะครับ”
“ก็เปลี่ยนกระบอกแล้วยิงใหม่ เปลี่ยนจนกว่าจะเจอกระบอกที่ยิงเข้า ไปกันเหอะ ท่าทางไม่มีอะไรต้องช่วยมันแล้ว ยัยวนิษาดูซาบซึ้งมากกับการเล่นปาหี่ของมัน”
ภาคย์ชำเลืองมองตามรถของพจน์ไป แววตาเย็นเยียบก่อนจะหันกลับมา และยิ้มให้วนิษา
“คุณวนิษาครับ ผมอยากบอกว่าผมรักคุณจริงๆนะครับ รักจากก้นบึ้งหัวใจของผม”
“ขอบคุณค่ะ”
โจจอดรถริมถนน ก่อนจะเข้าไปโทรศัพท์ที่ตู้สาธารณะ ขณะที่หม่อมจันจิรา กำลังนั่งอ่านหนังสือธรรมะอยู่ เมื่อมือถือดัง ก็รีบกดรับสาย
“วังวาสุวงศ์ค่ะ”
“สวัสดีครับ ขอเรียนสายหม่อมจันจิราครับ”
“กำลังพูดอยู่ค่ะ”
“คุณหญิงจุ๋มกำลังตกอยู่ในอันตราย ให้ตำรวจสืบหาด่วน มีอะไรถามคุณพจน์”
พูดจบโจก็รีบวางสาย หม่อมจันจิราตกใจ และเมื่อกดโทรศัพท์หา มรว. จันทร์ธิดา ปรากฏว่าติดต่อไม่ได้ ก็ยิ่งหน้าซีด รีบกดหาเบอร์นายตำรวจที่รู้จัก
“ท่านรองคะ เมื่อกี้มีคนโทรมาหาฉันบอกว่าหญิงจุ๋มอยู่ในอันตรายแล้วก็วางสายไป ฉันโทรเข้าเครื่องหญิงจุ๋มก็ติดต่อไม่ได้ ท่านรองบอกลูกน้องให้ช่วยตามเรื่องให้ได้ไหมคะ”
โจนั่งเหม่อๆอยู่คนเดียวในร้านกาแฟ สักครู่ระรินก็เข้ามาในร้าน
“ว่าไงคะโจ มีอะไรเหรอ”
โจหยุดครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจพูด
“ผมจะไปเมืองจีน จะไปแก้เคล็ดกับคุณ”
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมจู่ๆคุณถึง”
“ผมยอมแพ้แล้ว ผมคือโจตัวซวย พ่อคุณยังจะช่วยผมอยู่อีกมั้ย”
“ฉันจะคุยกับป๊าให้ ไม่น่าจะมีปัญหา พรุ่งนี้ฉันจะให้ป๊าช่วยเดินเรื่องวีซ่าให้วันสองวันก็ได้แล้ว
โจ ฉันดีใจจริงๆค่ะที่คุณคิดได้”
“ผมดันทุรังมานาน สุดท้ายผมก็ต้องยอมรับความจริงซะทีว่าโลกนี้มีดวงปรมะ มีดวงกินผัว
มีดวงตัวซวยอย่างผม”
ระรินเข้ามากอดโจ “ฉันดีใจจริงๆค่ะโจ ในที่สุดคุณก็เชื่อเรื่องพวกนี้”
อ่านต่อหน้า 4
รักออกฤทธิ์ ตอนที่ 23 (ต่อ)
ขณะที่พจน์นั่งดื่มคุยอยู่กับธงธง ที่คอนโดของ ม.ร.ว. จันทร์ธิดา
“แกแน่ใจนะว่าจัดการกับศพเมียฉันดีแล้ว ไม่ใช่อยู่ดีๆเกิดลอยตุ๊บป่องขึ้นมาน่ะ”
ธงธง ส่ายหน้า “ไม่หรอกครับ ศพอยู่ในรถ แล้วรถก็จมอยู่ในน้ำเรียบร้อย”
“จะมีใครเห็นรถหรือเปล่า”
“สระที่ผมเอาไปทิ้งน่ะสระขุด เขาขุดดินไปถมที่ ลึกตั้งสิบกว่าเมตร น้ำขุ่นยังกะอะไรดี ผมว่าอีกเป็นร้อยปีมั้งถึงจะมีคนเจอศพ”
“ก็ดีเหมือนกัน ยัยจุ๋มมันหยิ่งยะโส เป็นไฮโซเป็นชนชั้นสูง สูงนักต้องให้มันไปนอนที่ก้นสระแบบนั้นนั่นแหละสะใจ”
ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตู ธงธงไปเปิด ภาคย์เดินเข้ามา พจน์ยิ้มร่า รีบยกแก้ว
“ดื่มให้ผู้กล้าโว้ย แกเจ๋งมากที่กล้าโยนมีดแบบนั้นเนี่ย”
“มันจำเป็นครับ ต้องจัดหนักเพราะวนิษาเขาสงสัยในตัวผม”
“สงสัยเรื่องอะไร”
“เขารู้ว่าเมียพี่ตายแล้ว”
พจน์ตกใจ “วนิษารู้ได้ไง”
“ผมก็ไม่ได้ถามรายละเอียด กลัวเขาจะสงสัย แต่ฟังดูเหมือนจะรู้จากไอ้โจ”
“วนิษากับไอ้โจอาจจะรู้อะไรมากกว่าที่เราคิด”
“แต่คงไม่มากพอ ไม่อย่างนั้นคงแจ้งตำรวจมาจับพวกเราแล้ว”
พจน์หน้าเครียด
“ถึงยังไงเรื่องนี้ก็อันตราย “ พลางหันมาทางภาคย์ “รีบแต่งงานแล้วก็ฆ่าวนิษาซะ”
“พี่พจน์ ความจริงผมไม่ชอบฆ่าคนหรอกนะครับ อย่างวนิษาเนี่ย ผมแต่งงานกับเขาแล้ว ผมจะหาทางโกงเงินเขามาให้พี่ดีไหมครับ”
พจน์ตบโต๊ะเปรี้ยง
“ฉันเตือนแกแล้วใช่ไหมไอ้ภาคย์ว่าอย่าใจอ่อน นี่แกหลงรักวนิษาแล้วเหรอไง”
ภาคย์ส่ายหน้า “เปล่าครับ”
“งั้นก็ไม่ต้องลังเล แกต้องฆ่าวนิษา” พจน์สั่งการเสียงเหี้ยม
ธงธงหันมาถาม “แกเคยฆ่าคนรึยัง”
“ยังครับ”
“ฆ่าคนมันไม่ยากหรอก ลองดู แล้วแกจะติดใจ”
ภาคย์ปรายตามองพจน์ที่ดูยังโกรธอยู่
“ครับ ผมจะฆ่าวนิษาครับ”
พจน์ยิ้มพอใจ
“เชื่อฉัน ถ้าแกมีเงินแกจะได้ผู้หญิงอีกหลายคน สวยเซ็กซี่กว่าวนิษาตั้งเยอะแยะ อย่าให้ผู้หญิงคนเดียวมาหยุดความทะเยอทะยานของแก”
ภาคย์รับคำ พจน์หันมาทางธงธง
“ส่วนเรื่องไอ้โจ ฉันอยากรู้ว่าไอ้โจมันรู้เรื่องคุณหญิงจุ๋มได้ยังไง แล้วรู้แค่ไหน อย่าเพิ่งทำอะไรบุ่มบ่ามนะ ถ้าปล่อยได้ก็ปล่อยไป แต่ถ้ามันรู้เยอะก็คงต้องกำจัดมันอีกคน”
ทางด้านโจ ก็มาหาปฐมที่บ่อน
“ที่ผมเล่าเรื่องทั้งหมดให้คุณปฐมฟังเพราะผมจะไปเมืองจีน ไม่รู้จะได้กลับเมื่อไหร่ ถ้าไม่เล่าตอนนี้ก็ไม่รู้จะเล่าให้ฟังตอนไหน”
ปฐมมองหน้าโจอย่างเข้าใจ
“ผมเข้าใจ คุณไม่ต้องห่วงตั่วเจ๊ ผมจะดูแลความปลอดภัยให้เธอสุดความสามารถของผม”
“ผมห่วงตั่วเจ๊ แล้วก็ห่วงคุณด้วย”
“ห่วงผมเหรอ”
“ภาคย์เป็นคนมีดวงปรมะ คุณก็เป็นพวกบู๊ลิ้ม มีอะไรชอบซัดกันซึ่งหน้า ผมกลัวว่าถ้าซัดกันเมื่อไหร่”
“กลัวผมสู้ภาคย์ไม่ได้ใช่ไหม ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวนี้ผมรู้ตัวว่าแก่แล้ว ทำอะไรคงต้องใช้กำลังให้น้อยลง แล้วอีกอย่าง ผมคิดว่าผมอาจจะไม่ต้องปะทะกับคนชื่อภาคย์นี่ก็ได้”
“ทำไมล่ะครับ” โจเริ่มแปลกใจ
“เท่าที่ผมเห็น ตั่วเฮียใกล้ชิดกับตั่วเจ๊ไม่นานก็หลงรักเธอสุดหัวใจ คุณกริชก็เช่นกัน ไม่เว้นแม้แต่ตัวคุณเอง ภาคย์เองก็คงเป็นอย่างนั้น ตั่วเจ๊มีอะไรบางอย่างในตัวเธอ ที่ทำให้ผู้ชายหลงรัก และถ้าภาคย์รักตั่วเจ๊จริง ภาคย์อาจเป็นศัตรูของคุณ แต่ไม่ใช่ศัตรูของผม”
โจอึ้งไปครู่หนึ่งแล้วฝืนยิ้ม
“ขอให้เป็นอย่างนั้นก็แล้วกัน”
ขณะที่ป๋องพอรู้ว่าโจจะไปเมืองจีนก็โวยวายลั่น
“เกิดอะไรขึ้น ไหนเคยบอกยอมตายก็ไม่เชื่อไงเรื่องดวงเนี่ย”
“ตอนนี้ฉันยอมแพ้แล้วว่ะ”
“พี่กำลังจะบอกว่าที่คุณหญิงจุ๋มตายนี่ เกี่ยวกับพี่”
โจพยักหน้า “ถ้าเขาไม่จ้างฉันทำงาน เขาอาจจะยังไม่ตายก็ได้ เดี๋ยวตำรวจคงมาถามแกเรื่องคุณหญิงจุ๋ม แกก็เล่าไปตามความจริงแล้วกัน เมื่อกี้ฉันเอาเงินก้อนหนึ่งเข้าบัญชีแกแล้ว คงพอใช้ไปอีกหลายเดือน ถ้ามีปัญหาอื่นก็ช่วยตัวเองเอาละกัน ถ้าไม่ไหวก็ไปหาหลวงพ่อ”
“แล้วทำไมพี่ไม่ไปหาหลวงพ่อ”
โจเงียบไปพักหนึ่ง
“ไม่รู้เหมือนกัน ไว้กลับจากเมืองจีนค่อยไปหาท่านละกัน ฉันไปละนะ”
โจหันไปหยิบกระเป๋าเดินทาง ป๋องรีบท้วงไว้
“แล้วคุณวนิษาล่ะ”
“เขาไม่ต้องการฉันแล้วล่ะ”
“แต่พี่บอกว่าเขากำลังจะแต่งงานกับคนเลวไม่ใช่เหรอ พี่ยอมเหรอ”
“ฉันทำอะไรไม่ได้หรอก ทุกอย่างขึ้นอยู่กับดวง กับชะตากรรมของเขา”
โจเดินหน้าเศร้าออกไป ขณะที่ป๋องรีบโทร. ไปบอกปลายฝน
ปลายฝนวิ่งหน้าตั้งมา เรียกวนิษาที่ยืนรอลิฟท์อยู่
“เดี๋ยวค่ะๆ”
วนิษาหันกลับมา “มีอะไรเหรอ”
“เมื่อกี้ป๋องโทรมา บอกว่าพี่โจ พี่โจจะไป ไปแก้เคล็ดที่เมืองจีนกับคุณระริน”
วนิษาอึ้งไป
“พี่โจจะไปพรุ่งนี้แล้ว คุณรีบไปห้ามเขาเร็วเถอะค่ะ”
“ก็ดีแล้วนี่”
วนิษาพูดจบ ก็เดินเข้าลิฟท์ไปหน้าตาเฉย
“ในที่สุด ฉันก็ยอมแพ้ คุณก็ยอมแพ้”
วนิษารำพึงออกมาเบาๆ แล้วก็ร้องไห้
“คุณวนิษาคิดว่าไงครับ ชอบชุดนี้ไหมครับ”
ภาคย์หันมาถามความเห็นวนิษา ขณะที่ทั้งคู่กำลังลองชุดอยู่ในร้านชุดวิวาห์
“ก็ดีค่ะ” วนิษาฝืนยิ้ม
“ส่วนเรื่องฤกษ์ยาม เราไปหาอาจารย์เม้ง จิตทิพย์ให้เขาหาฤกษ์ให้ดีไหมครับ”
วนิษานิ่งคิดไปครู่หนึ่ง
“ไม่จำเป็นค่ะ พรุ่งนี้เลย”
“อะไรนะครับ”
“เราแต่งงานกันพรุ่งนี้เลยค่ะ”
ภาคย์ตกใจ “พรุ่งนี้”
“ไหนๆก็จะแต่งแล้ว จะแต่งเร็วแต่งช้าก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอคะ”
ขณะที่ทางวังวาสุวงศ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กำลังคุยกับหม่อมจันจิรา
“เราตามเจอมือถือของคุณหญิงจุ๋มแล้วนะครับ ชาวบ้านบอกว่าเก็บได้ ตำรวจสอบถามแล้วก็ไม่พบพิรุธอะไร บริเวณนั้นก็ไม่มีร่องรอยการต่อสู้ นอกจากโทรศัพท์ที่มีคนโทรมาบอกหม่อมแล้ว เรายังไม่พบอะไรที่บอกว่าคุณหญิงจุ๋มตกอยู่ในอันตรายเลยนะครับ”
ตำรวจคนแรกอธิบาย ขณะที่อีกคนช่วยเสริม
“บางทีคุณหญิงจุ๋มอาจจะไปเที่ยวหรือทำธุระส่วนตัวที่ไหนสักแห่งก็ได้นะครับ แล้วบังเอิญทำมือถือหล่นหรือโดนขโมยมือถือ”
หม่อมจันจิราหน้าเสีย
“คุณพจน์สามีเขาก็ติดต่อไม่ได้เหมือนกัน อย่างนี้มันไม่ผิดปกติไปหน่อยเหรอคะ”
“เร็วเกินไปที่จะบอกว่าผิดปกติครับ”
“ฉันจะแจ้งความคนหายได้ไหมคะ หรือว่าต้องรอ 24 ชั่วโมง”
“ได้ครับ ไม่ถึง 24 ชั่วโมงก็แจ้งได้ครับ แต่ต้องรบกวนหม่อมไปที่สถานีตำรวจนะครับ”
หม่อมจันจิราพยักหน้ารับทราบ
“พอดีฉันมีธุระ คืนนี้ต้องไปต่างจังหวัดซะด้วย งั้นฉันจะรอดูสถานการณ์อีก 2-3 วันก็แล้วกัน”
ตร.ทั้งสองนายรีบพยักหน้าเห็นด้วย
“อะไรนะ พรุ่งนี้เหรอ ทำไมมันปุบปับแบบนี้ล่ะวนิ มาคุยกับยายก่อนเถอะ เอ้า ตามใจ พรุ่งนี้ก็พรุ่งนี้...สวัสดี”
คุณยายวรางค์วางสายไปอย่างงงๆ ท่าทางไม่ค่อยพอใจ หนุงหนิง ที่อยู่แถวนั้น รีบถาม
“มีอะไรเหรอคะคุณยาย”
“ยัยวนิน่ะสิ จะแต่งงานอีกแล้ว แถมจะแต่งพรุ่งนี้เลยไม่รู้ทำต้องกระทันหันอย่างนี้ด้วย”
หนุงหนิงตกใจมาก “พรุ่งนี้เลยเหรอคะคุณยาย”
“ใช่ ตกใจใช่มั้ย ฉันก็ตกใจ เขาเห็นงานแต่งงานเป็นอะไร”
“ค่ะ ตกใจค่ะ ปุบปับแบบนี้หนูจะตัดชุดไปงานที่ไหนทันล่ะคะ โชคดีนะคะเย็นนี้มีตลาดนัด
เดี๋ยวต้องรีบไปหาชุดเจ็บๆ คุณยายจะไปด้วยกันไหมคะ”
คุณยายวรางค์ค้อนขวับ “เชิญเถอะย่ะ ใจคอแกไม่คิดอะไรอย่างอื่นเลยใช่ไหม”
“โธ่ คุณยายขา คุณยายจะงงไปทำไมล่ะคะ แต่งสายฟ้าแลบแบบนี้มันก็ชัดเลยว่าคุณวนิน่ะตะลุ้บตุ๊บป่อง ดีใจด้วยนะคะคุณยายจะได้เป็นอัพเกรดเป็นคุณทวดแว้ว”
คุณยายวรางค์ฉุน พลางหาของจะเขวี้ยง หนุงหนิงรีบเดินหนีออกไป
วนิษากลับเข้ามาในคอนโด เจอปลายฝนดูทีวีอยู่
“ ปลายฝนพรุ่งนี้ว่างไหม ช่วงเย็นๆ”
“ว่างค่ะ มีอะไรรึเปล่าคะ”
“พรุ่งนี้ฉันจะแต่งงาน”
พูดจบวนิษาก็เดินเข้าไปในห้อง ปลายฝนตกใจรีบปิดทีวี
“เมื่อกี้คุณบอกว่าอะไรนะ”
“พรุ่งนี้ฉันจะแต่งงาน”
วนิษาเข้าห้องไป ปลายฝนยืนอึ้ง แล้วก็รีบวิ่งมาหยิบมือถือโทร. บอกป๋องทันที เมื่อป๋องวางสาย ก็หันมา เจอโจกำลังจัดกระเป๋าอยู่พอดี
“เมื่อกี้ปลายฝนโทรมาครับ พรุ่งนี้คุณวนิษาจะแต่งงานครับ”
โจอึ้งไปครู่หนึ่ง
“ครั้งนี้คงสมหวัง อุตส่าห์แต่งกับคนดวงปรมะแล้วนี่ หวังว่าคงไม่จบด้วยงานศพอีกนะ”
พูดจบโจก็ก้มหน้าจัดกระเป๋าต่อ
“แล้วพี่จะไม่ทำอะไรเลยเหรอครับ”
“ปล่อยไปเฉยๆไม่ได้”
ป๋องยิ้มดีใจที่เห็นโจกระตือรือล้นขึ้น โจควักกระเป๋าสตางค์ หยิบเงินออกมาหนึ่งพันส่งให้ป๋อง
“อ้ะ ฝากใส่ซองให้แทนฉันด้วย”
วนิษายืนอยู่นอกระเบียง ดูดาวบนฟ้า คิดถึงชีวิตตัวเองแล้วน้ำตาไหลออกมา ขณะที่โจเอกเขนกอยู่ตรงระเบียง ดูดาวบนฟ้า แล้วก็คิดถึงวนิษา
อ่านต่อตอนที่ 24