สาปสาง ตอนที่ 23
เหตุการณ์ปัจจุบัน หยกป้องกันที่คอพริ้วเริ่มเปลี่ยนสีจากสีแดงกลายเป็นสีเขียวหยก เฟยมองหยก แล้วก็รู้ว่าพริ้วใกล้จะฟื้น
"อาพริ้ว...”
พริ้วฟื้นขึ้นมาอย่างงงๆว่าเกิดอะไรขึ้น เธอผงะตกใจ
"เลือด…..ฆาตกรรม... กรรมฆาตกร !”
"ลื้อปลอดภัยแล้วอาพริ้ว"
"ป๊า...มีคนตายที่โรงละครอีกแล้ว ต้องเป็นฝีมือวิญญาณผู้หญิงคนนั้นแน่ๆ เราจะทำยังไงดี ฉันไปห้ามเขาไม่ทัน"
"ลื้อห้ามกรรมของคนอื่นไม่ได้หรอกอาพริ้ว"
"แต่ผู้หญิงคนนั้นไม่น่าทำแบบนี้ ตัวเองตายเพราะถูกฆ่าแต่ยังฆ่าคนอื่นอีก มันจะเป็นบาปติดตัวต่อเนื่อง"
"แล้วลื้อจะทำอะไรเขาได้"
"ห้ามผู้หญิงคนนั้นสิป๊า ยับยั้งเธอ ไม่ให้เธอไปทำอะไรที่จะสร้างตราบาปให้หนักขึ้นไปอีก"
"ตัดกรรม ไม่ได้ใช้กรรไกรนะอาพริ้ว ต้องใช้ใจ...ใจที่พร้อมจะลด ละ ปล่อยวาง"
"เราจะช่วยผู้หญิงคนนั้นไม่ได้เลยหรือป๊า ถ้าเกิดผู้หญิงคนนั้นยังมีความแค้นคนอื่นอยู่อีก แบบนี้ก็ต้องล้างแค้นกันไม่รู้จักจบจักสิ้นหรือ"
"ไม่ใช่กรรมของลื้อ อย่าเอาตัวเข้าไปเวียนวน กรรมใครกรรมมัน"
"ตกลงป๊าจะไม่ทำอะไรใช่ไหม"
"ไม่ใช่ไม่ทำนะอาพริ้ว แต่ป๊าทำไม่ได้ ป๊าก้าวก่ายกรรมคนอื่นไม่ได้"
ซินแสย้ำหนักแน่น พริ้วนิ่งและนึกในใจว่าถ้าเฟยไม่ทำเธออาจจะต้องทำเอง
พริ้วมองหยกในกระจกนิ่ง เธอตัดสินใจถอดหยกออกวางลงที่โต๊ะเครื่องแป้ง
"ฉันอยากติดต่อกับเธอ ฉันต้องช่วยเธอให้ได้"
รูปถ่ายหน้าโลงของไทตั้งอยู่ ญาติพี่น้องไทร้องห่มร้องไห้ ณรา พริ้ว และกรณ์เข้ามาไหว้ศพ แล้วไปไหว้ญาติไท
กรณ์พูดกับญาติของไท "ผมเสียใจด้วยครับ"
ญาติของไทพูดอะไรไม่ออกจึงได้แต่พยักหน้า น้ำตาไหลอาบแก้ม
ณราพาพริ้วกับกรณ์มานั่งที่มุมหนึ่ง
"แขกมาเยอะ แสดงว่าคุณกรณ์น่าจะเป็นที่รักของใครหลายๆคนนะคะ"
"ยกเว้นคนเดียว"
พริ้วหยิกณรา "คุณณรา พูดเล่นอยู่ได้"
แพรวเข้ามาไหว้ศพ ญาติจุดธูปส่งให้ แพรวรับธูปมาแล้วมองที่รูปไท
แพรวคิดในใจ "ฉันเตือนแกแล้วนะไท...แกก็ไม่เชื่อ ต่อไปนี้แกก็ค่อยไปตามรักกับอีช่อในนรกแล้วกัน"
แพรวอดมีรอยยิ้มผุดขึ้นที่มุมปากไม่ได้แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นเห็นกรณ์ ณราและพริ้วมองมา แพรวก็บีบน้ำตาทันที
แพรวเข้ามาหากรณ์โดยเบียดพริ้วออกไป
"เธอไปนั่งตรงนั้นได้ไหม ฉันอยากนั่งกับคุณกรณ์"
พริ้วเคืองจึงมองหน้า แต่ก็ยอมลุกไปโดยดี กรณ์ไม่ค่อยพอใจที่แพรวแสดงกิริยาไล่พริ้วออกไป
"ผมคิดว่าคุณจะไม่มา" กรณ์ว่า
"แพรวจะไม่มาได้ยังไงล่ะคะ ไทเป็นเพื่อนรักของแพรว เราเคยร่วมทุกข์ ร่วมสุขด้วยกันมา แพรวต้องมาส่งเพื่อนสิคะ"
"แต่ก็มาถึงก่อนสวดจบสุดท้าย"
ณราปราม "คุณพริ้ว" ณรากระซิบกันสองคน "ช่างเค้าเถอะน่า"
"ฉันยังทำใจไม่ได้ ฉันไม่อยากให้ไทเห็นว่าฉันอ่อนแอ"
แพรวมีน้ำเสียงแข็งเมื่อพูดกับพริ้วแล้วก็เสียงหวานและอ่อนขึ้น เธอมีมารยาขึ้นเมื่อพูดกับกรณ์
"แพรวแทบช็อคนะคะคุณกรณ์ ช่วงนี้แพรวคงต้องขอให้คุณกรณ์อยู่เป็นเพื่อนบ่อยๆ แพรวไม่ค่อยสบายใจน่ะค่ะ"
"คุณแพรว ตั้งแต่มา เห็นพูดเรื่องตัวเอง ทำไมคุณไม่ถามซักคำว่าเพื่อนคุณเสียชีวิตยังไง"
กรณ์มองแพรวและรอฟังคำตอบ แพรวช้อนสายตามองกรณ์แล้วสะบัดแพขนตาให้น้ำตาไหลบ่าออกมาราวกับเขื่อนแตก
"แพรวยังทำใจไม่ได้ค่ะคุณกรณ์ แพรวไม่อยากให้เรื่องพวกนี้มาตอกย้ำว่าเพื่อนรักของแพรวได้จากแพรวไปแล้วอย่างไม่มีวันกลับ"
"โอ้โห สวยๆ" พริ้วประชด
ณราปราม "พะพริ้ว"
"ไทไม่เคยเล่าอะไรให้คุณฟังเลยเหรอแพรว"
"ไม่เคยเลยค่ะ ถึงเราจะสนิทกัน แต่ไทไม่เคยบอกว่ามีศัตรูที่ไหนเลย ไทเป็นคนดีมากนะคะ"
"แต่คุณไทถูกฆ่าตายด้วยความแค้น คนทำร้ายต้องมีความแค้นส่วนตัว คุณไม่รู้จริงๆหรือคะคุณแพรว ว่าเพื่อนคุณเคยมีเรื่องกับใคร"
"เรื่องอะไร ไม่มีหรอกค่ะ เราทุกคนรักกันยิ่งกว่าอะไร แพรว ไท ช่อเอื้อง เราไม่เคยทะเลาะกันเลย เราสนิทกันมาก มีอะไรก็ปรึกษากันตลอด"
กรณ์มองหน้าแพรวแล้วชั่งน้ำหนักความเชื่อถือ พริ้วมีสีหน้าดูเหมือนไม่เชื่อเด็ดขาด
"ถ้าสนิทกันขนาดนั้น คุณไทต้องเล่าอะไรให้คุณฟังบ้างสิ คุณไม่รู้เลยหรือว่าเกิดอะไรขึ้นที่โรงละคร"
"พอเถอะคุณพริ้ว คุณแพรวเสียเพื่อนไปแล้วทั้งคนยังทำใจไม่ได้ คุณจะซักเขาให้ได้อะไรขึ้นมา"
"แต่ฉันอยากรู้"
"ไว้เป็นหน้าที่ของตำรวจเถอะน่า"
พริ้วจะอ้าปากเถียง ณราจับมือพริ้วขอให้หยุด พริ้วยอม เสียงพระสวดจบสุดท้ายดังขึ้น ทุกคนต้องหยุดการสนทนา
แพรวประนมมือไปอย่างนั้นแต่ในใจนึกเคียดแค้นพริ้ว
อ่านต่อหน้า 2
สาปสาง ตอนที่ 23 (ต่อ)
เสียงพระสวดศพดังแว่วมาถึงบริเวณหน้าวัด ช่อเอื้องปรากฎร่างขึ้นในความมืดด้วยสีหน้ายิ้มเยาะสะใจ
"จบสิ้นกันเสียที ไอ้ไท"
ช่อเอื้องตวัดสายตามองไปที่ศาลาสวดศพ
"มึงจะเป็นศพต่อไป นังเพื่อนทรยศ"
ช่อเอื้องยิ้มเย้ยอย่างเลือดเย็น แววตาของเธอแดงก่ำจนน่าหวาดกลัว แพรวเชิดหน้าฟังสวดแต่ก็ยังไม่รู้สำนึก
แขกเหรื่อกำลังทยอยลาเจ้าภาพและเดินทางกลับ ณรา พริ้ว กรณ์ และแพรวลาเจ้าภาพแล้วเดินออกมา
"ฉันกลับก่อนนะคะ" พริ้วลา
"จะกลับยังไง ผมไปส่ง" ณราบอก
"ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไปกับคุณกรณ์"
"ผมผ่านทางนั้นพอดีครับ" กรณ์บอก
กรณ์ตอบอย่างจริงใจ แต่พอเห็นสายตาณรา กรณ์ก็เข้าใจจนอดยิ้มไม่ได้
"คุณพริ้วครับ ผมว่าคุณให้คุณณราไปส่งดีกว่า น่าจะดีที่สุด" กรณ์บอก
"อ้าว ทำไมล่ะคะคุณกรณ์" พริ้วสงสัย
"ไม่ต้องถามมากหรอกน่า มานี่ ผมจะไปส่งเอง" ณราบอก
ณราดึงมือพริ้วออกก่อนจะเดินไป ณราพยักหน้าให้กรณ์เป็นเชิงขอบคุณ กรณ์พยักหน้ารับแล้วหันมาเจอแพรว เขาทำท่าจะเลี่ยงไป
"ที่คุณกรณ์ไม่ไปส่งคุณพริ้ว คุณกรณ์จะไปส่งแพรวใช่ไหมคะ ดีจังค่ะ เราไปหาที่นั่งเย็นๆ จิบอะไรเบาๆ คุยกันดีกว่า" แพรวบอก
"ผมว่าคืนนี้คงไม่เหมาะนะครับ เพื่อนสนิทคุณเพิ่งเสียชีวิต ช่วงเวลาอย่างนี้ เราน่าจะนึกถึงคนตายมากกว่ามาพูดคุยเรื่องอื่น ขอตัวนะครับ" พูดจบกรณ์ก็เดินออกไป
แพรวยืนเข่นเขี้ยวอยู่คนเดียวเพราะโกรธจัด เธอคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ก็มีสายตาวาบอย่างน่าหวั่นใจ
อนงค์นั่งสวดมนต์อยู่ต่อหน้าพระในห้องพระแบบมือไม้สั่น เสียงสั่น
"นะโม ตัสสะ....ภะ ภะ.....โอยย อย่ามาหลอกหลอนกันเลย ถึงฉันจะไม่ชอบหน้าแก แต่แกตายไปแล้ว อย่ามาหากันอีกเลยนะนายไท"
ด้านนอกหน้าต่างเกิดลมพัดแรงจนม่านปลิว ทุกครั้งที่ม่านปลิว อนงค์ก็ผวาทุกครั้ง
"อิติปิโส ภะคะวา....ฮือ อย่ามาให้เห็นอีกนะ เพี้ยง สาธุ สาธุ"
อนงค์ก้มกราบปลกๆ แล้วเงยหน้าขึ้นมองนาฬิกาก็เห็นว่าห้าทุ่มกว่าแล้ว
"งานศพไทน่าจะเลิกตั้งนานแล้ว นังแพรวมันทำอะไรของมันอยู่ถึงยังไม่กลับ"
อนงค์เปิดม่านมองออกไปก็เห็นว่าด้านนอกว่างเปล่า แต่เดี๋ยวเดียวเธอก็ต้องรีบปิดเพราะกลัวผี
รถของแพรวมาจอดหน้าตำหนักพ่อปู่ แพรวเดินลงมาด้วยสีหน้าที่มีแผนการร้าย เสียงนกการ้อง แพรวตวัดสายตาขวับจนนกกาเงียบกริบ
พ่อปู่มีสีหน้ายิ้มเยาะ
"มึงอยากให้ผู้ชายที่ชื่อกรณ์มารักมาหลงมึง ฮ่ะๆๆ"
"หัวเราะอะไรพ่อปู่ ฉันจริงจัง ไม่ใช่ขำๆ"
"กูหัวร่อ เพราะมึงมันชั่วไม่มีที่ติ เพื่อนมึงเพิ่งตาย มึงยังมีแก่ใจมาห่วงเรื่องกามตัณหา ฮ่ะๆๆ มึงนี่ชั่วจริงๆ"
"ไม่ใช่เรื่องหัวเราะเยาะ ฉันซีเรียส พ่อปู่บอกฉันเองว่า พ่อปุ่คุ้มครองฉันได้รอบทิศ ตอนนี้ก็ไม่เห็นต้องกลัว"
"มึงไม่ห่วงเรื่องที่เพื่อนมึงตายบ้างหรือไง"
"มันรนหาที่ตายเอง ฉันเตือนแล้วมันไม่เชื่อนี่ ช่วยไม่ได้ ส่วนฉันยังปลอดภัยเพราะมนต์มารของพ่อปู่ไม่ใช่เหรอ"
"ก็ใช่ มนต์มารและเกราะจำบังมารทำให้ใครทำอะไรมึงไม่ได้"
"แต่พ่อปู่ต้องทำให้คุณกรณ์รักฉันให้ได้"
"ทำไมกูต้องทำ"
"พ่อปู่ไม่อยากทำ หรือทำไม่ได้กันแน่"
"ชะชะ อีกาลี เรื่องชั่วๆแค่ไหนกูก็ทำได้ กะอีแค่กระตุ้นกิเลสกามราคะ"
"งั้นพ่อปู่ก็ต้องทำให้คุณกรณ์รักฉัน หลงฉัน ทำให้คุณกรณ์ลืมอีช่อ"
พ่อปู่เริ่มดูอุปกรณ์ไฮเทคและอุปกรณ์ไสยศาสตร์เพื่อเตรียมทำพิธี
"ในเมื่อมึงสิ้นปัญญาหาทางให้มันมารัก กูจะสะเดาะเคราะห์ให้มึงเอง"
แพรวจ้องมองอย่างเอาจริงเอาจัง เธอดูพ่อปู่เปิดไอแพดแอพพลิเคชั่นกามาสุตรา
"มึงนี่มันเลือดชั่วตั้งแต่ชะตาเกิด จะทำชั่วอะไรก็ง่ายดายยิ่งกว่าใครทั้งหมด คืนนี้เดือนคว่ำจันทร์ดับ ได้จังหวะเหมาะจะทำพิธีอาบราคะมึงเตรียมตัวได้เลย"
แพรวยิ้มสาแก่ใจเพราะคืนนี้เธอจะได้เล่ห์สวาทราคะมาเสริมเสน่ห์ตน เธอคิดว่ากรณ์จะต้องรักต้องหลงหัวปักหัวปำ
ณราขับรถมาเรื่อยๆ จู่ๆพริ้วที่มองออกหน้าต่างก็หันมาทางณรา
"คุณไม่ต้องไปส่งฉันที่บ้านแล้ว"
"ไม่ไปที่บ้าน คุณจะไปไหน คุณพริ้ว"
"โรงละครค่ะ"
ณรามองหน้าพริ้วอย่างพิศวง
"คุณจะไปที่นั่นทำไม เพิ่งเกิดเหตุการณ์ไม่ดี มีคนตายที่นั่น มันไมปลอดภัย เกิดฆาตกรย้อนกลับมาอีกล่ะ"
"ฉันไม่มีทางเป็นอะไรหรอกค่ะ"
"ทำไมคุณประมาทอย่างนี้นะพริ้ว"
"เชื่อฉันสิ ฉันจะปลอดภัยแน่นอน"
"นี่ไม่ใช่มั่นใจแล้วนะคุณพริ้ว นี่มันเรียกว่า ดื้อ"
พริ้วเหลืออดจึงถอดเข็มขัดนิรภัยแล้วทำท่าจะเปิดประตู
"เฮ้ยๆ คุณพริ้ว คุณจะทำอะไร"
ณราจอดรถ เขากลัวพริ้วจะกระโดดลงจึงจับมือพริ้วไว้
"ก็คุณไม่ไปส่ง ฉันก็จะเรียกแท็กซี่ไปเอง"
"จะบ้าเหรอ ค่ำมืดดึกดื่น ผมไม่ปล่อยให้คุณไปคนเดียวหรอก"
พริ้วอ่อนลง ณราเอื้อมตัวไปดึงเข็มขัดนิรภัยมารัดให้ ทั้งคู่ต่างสบตากัน พริ้วยังเคืองเล็กน้อยแต่เห็นแววตาความเป็นห่วงของณรา พริ้วจึงขอบคุณเสียงค่อย
"ขอบคุณค่ะ"
ณรามองพริ้วแบบทั้งเอ็นดู ทั้งระอาในความมั่นใจ ความดื้อ แต่เขาก็เป็นห่วง
อ่านต่อหน้า 3
สาปสาง ตอนที่ 23 (ต่อ)
อนงค์กระวนกระวายใจเพราะนาฬิกาใกล้จะเที่ยงคืนแล้ว แต่แพรวยังไม่กลับมา
"จะเที่ยงคืนแล้ว นังแพรวทำไมยังไม่กลับเสียที"
อนงค์จะเปิดม่านมองแต่ก็หวาดกลัว เธอเดินกลับไปอุ้มพระพุทธรูปแล้วค่อยมาเปิดประตูบ้านมองออกไป บรรยากาศภายนอกวังเวง มีเสียงนกกลางคืนร้อง อนงค์ขวัญหนีดีฝ่อเป็นทุนอยู่แล้ว เธอรีบปิดประตูทันที
"ตายแล้ว นะโม สังโฆ...อยู่ไหนนะนังแพรว"
อนงค์อุ้มพระเข้าไปในบ้านแล้วมาวางที่โต๊ะ เธอนั่งใกล้พระแล้วหยิบโทรศัพท์โทรหาแพรว
เสียงจากโทรศัพท์ดัง "หมายเลขที่ท่านเรียก ยังไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้"
"นังแพรว โทรก็ไม่ติด มัวทำอะไรอยู่เนี่ย"
อนงค์หวาดหวั่นที่ต้องอยู่คนเดียวและยังเป็นห่วงลูกสาวด้วย
ด้านนอกชานเรือนมีผ้าแดงผืนใหญ่กั้นอยู่เป็นฉากบังตา พ่อปู่นั่งพึมพำมนต์เป็นการเริ่มต้นทำพิธีอาบราคะ เล่ห์สวาท
"กูตั้งต้นคาถากาลีให้แล้ว ทีนี้ถึงตามึงแล้ว อีเลือดชั่ว"
พ่อปู่เงยหน้ามองดวงจันทร์คืนแรมที่มืดสนิท ท้องฟ้าไร้เมฆ พ่อปู่มองผ้าแดงกั้นฉากก็เห็นเงาวอบแว่บ อีกฝั่งหนึ่งของผ้าแดงกั้นมีอ่างน้ำขนาดใหญ่ที่มีเทียนสีแดงจุดล้อม แพรวทาปากแดงฉ่ำยิ้มแย้ม พ่อปู่เริ่มพึมพำมนต์
"เล่ห์ สังวาส เชิงชาติเลือดชั่ว ราคะ มัดตัว กำหนัด จัดจอง
ฝั่งพึ่งมนต์มาร สามานย์สมสู่ เสพสมเชิงชู้ อาบกายโลกีย์"
ภาพที่ผ้าแดงฉากกั้นมีเงาร่างของแพรวที่เห็นทรวดทรงเพราะเปลือยกาย เงาร่างแพรวทาบทับที่ผ้าแดงที่กั้นฉากไว้ แพรวเดินเปลือยเข้ามาแล้วก้าวลงไปแช่ในอ่างน้ำ แพรวแช่อ่างน้ำด้วยสีหน้าเยิ้มฉ่ำไปด้วยเสน่ห์รัญจวน สายตาของเธอเย้ายวนหว่านเสน่ห์ราวกับว่ากรณ์อยู่ตรงหน้า แพรวลูบไล้น้ำที่มีเทียนหยดน้ำตาเทียนสีแดงตามเนื้อตัว
"คุณกรณ์ขา......”
แพรวลูบไล้เนื้อตัวไปเรื่อย มือของเธอไล่ระไปตามร่างกายก่อนจะค่อยๆจมน้ำลงจนมือหายไปในดินแดนมหัศจรรย์ พ่อปู่พึมพำคาถาต่อไป แพรวขยับตัวอยู่ในน้ำ
แพรวลุกจากอ่างน้ำ ส่วนต่างๆของร่างกายแพรวมีรอยน้ำเกาะ หยดน้ำไหลไปตามร่างกาย น้ำที่ไหลมาจากร่องขาไหลเป็นทางตามขาอ่อนด้านใน
ขวดแก้วเจียระไนบรรจุน้ำวางอยู่ แพรวมองขวดแก้วนั้นด้วยความปรีดา
"เอาน้ำอาบราคะของมึงไปให้ผู้ชายที่มึงต้องการดื่มกิน"
แพรวจ้องน้ำอาบราคะในขวดก็เห็นคราบบางอย่างลอยเป็นตะกอน แพรวนึกลิงโลดใจอยากให้กรณ์มารักมาหลงตนซะวันนี้เดี๋ยวนี้
"ถ้าคุณกรณ์ได้ดื่มน้ำราคะขวดนี้ คุณกรณ์จะรักฉันใช่ไหมพ่อปู่"
"น้ำราคะกระตุ้นเสน่ห์ ผู้ชายที่มึงพึงใจ จะตกอยู่ในภาวะกำหนัด เกิดตัณหาอยากจะพิศวาสกับมึงเท่านั้น"
แพรวยิ้มกริ่ม เธอหยิบขวดแก้วเจียระไนขึ้นมาชื่นชม
"คุณกรณ์ คุณจะต้องรักชั้น"
บริเวณหน้าโรงละครยังมีเทปสีเหลืองปิดทางเข้า รถของณราแล่นมาจอด ณราทำท่าจะลงจากรถ
พริ้วบอกณราเพื่อตัดบท
"คุณณรารออยู่ที่นี่แหละค่ะ ฉันเข้าไปคนเดียวจะสะดวกกว่า"
"สะดวกยังไง" ณราถาม
"นะคะ คุณอยู่ตรงนี้นะคะ"
พริ้วตัดบทแล้วลงจากรถ เธอเดินเข้าไปคนเดียว ณราเป็นห่วงพริ้วมาก เขาลงจากรถแล้วจะตาม พริ้วหันมามอง
ณราพยักหน้าแล้วยอมให้ เขาได้แต่ยืนรอกระวนกระวายอยู่ที่ข้างรถ
พริ้วรวบรวมความกล้าเดินเข้ามาในโรงละครร้าง ณ ที่เกิดเหตุยังมีร่องรอยเลือดเลอะอยู่บ้าง พริ้วมองหาช่อเอื้อง
"เธอ....จำฉันได้ไหม เธออยู่ที่นี่ใช่ไหม ออกมาคุยกับฉันหน่อย"
ไม่มีสัญญาณใดๆตอบกลับมา
"คุณไทตายเพราะเธอใช่ไหม เธอทำร้ายคุณไทใช่ไหม" พริ้วถาม
ยังไม่มีเสียงตอบ พริ้วเดินไปใกล้เวทีเพราะจำได้ว่าเจอแสงสาดกลางเวทีในคราวนั้น แต่ก็ไม่มีร่างช่อเอื้อง
"อย่าทำแบบนี้อีกนะคะ มันจะเป็นบาปติดตัวเธอไปตลอดชีวิต ทำไมเธอไม่ออกมาหาฉันล่ะ อยากให้ฉันช่วยอะไรก็บอก เธอจะได้ไม่ต้องทำร้ายใครอีก ออกมาเถอะ"
ยังไม่มีวี่แววว่าผีตัวไหนจะออกมา พริ้วถอนหายใจและเริ่มท้อ
"ออกมาเถอะ ฉันยินดีจะช่วยเธอจริงๆนะ"
พริ้วหมดหวังจึงถอนใจ หมุนตัวกลับ
ทันใดนั้นช่อเอื้องก็ปรากฎร่างตรงหน้าพริ้วในระยะประชิด ช่อเอื้องหน้าขาวตาแดงก่ำจ้องตาพริ้ว ทำให้พริ้วตกใจจนหงายหลังลงไป
"เธอ"
ช่อเอื้องจ้องพริ้วด้วยสีหน้าเครียดเหมือนไม่เชื่อง่ายๆ
"อย่าแส่เรื่องคนอื่น ถ้าไม่อยากตาย"
"ฉันแค่อยากจะช่วย ฉันไม่อยากให้เธอสร้างบาปอีก"
"หึ พูดไปอย่างงั้น คนใจคด คิดทรยศทุกราย"
"แต่ฉันไม่ใช่คนแบบนั้น ฉันไม่ได้เห็นเธอเป็นศัตรูคู่อาฆาต ฉันเต็มใจจะช่วยเธอจริงๆ มีอะไรก็บอกมาเถอะ"
"กูไม่เชื่อ ไม่มีใครรักกูจริง ทุกคนแย่งของๆของกู มึงจะแย่งอะไรจากกู"
"ฉันมาให้ ฉันมาดี ถ้าเธอไม่เชื่อล่ะก็"
พริ้วลุกขึ้นมาเผชิญหน้าช่อเอื้อง
"ใช้ร่างฉันสิ เข้ามาอยู่ในร่างฉัน คนอื่นไม่เห็นเธอ มีแต่ฉันเห็นเธอคนเดียว ถ้าเธอไม่เชื่อใจ ลองสิงร่างฉันแล้วบอกสิ่งที่เธอต้องการ"
ช่อเอื้องมองหน้าพริ้วแล้วตัดสินใจ
ประตูโรงละครเปิดออก ณราเดินเข้ามาเห็นพริ้วยืนอยู่หน้าเวทีนิ่งๆ ไม่หันหน้ามา
"คุณพริ้ว หายมาตั้งนาน เป็นอะไรหรือเปล่า ผมเป็นห่วงคุณรู้ไหม"
พริ้วพูดโดยยังไม่หันมา "มันฆ่าฉัน พวกมันฆ่าฉัน"
ณราเริ่มเอะใจ เขาเดินเข้ามาใกล้แล้วจับไหล่พริ้วให้หันกลับมา ณราผงะที่เห็นพริ้วดวงตาแดงก่ำ จ้องหน้าณราด้วยสายตาของความเจ็บปวด รันทดใจและเคียดแค้นปะปนกัน
"คุณ.........คุณไม่ใช่พริ้ว"
ช่อเอื้องในร่างพริ้วพูด "พาฉันไปหาคุณกรณ์ บอกคุณกรณ์ว่าฉันถูกฆ่า"
พริ้วตากลับจนเหลือกขึ้นกลายเป็นตาขาว ในที่สุดก็กลับกลายเป็นพริ้วตัวจริงที่สำลัก
"พริ้ว ! คุณเป็นใคร อย่าทำอะไรพริ้ว อยากได้อะไร บอกมาเถอะ"
พริ้วตากลับเหลือกลง ตาขาวหายไป ตาแดงกลับมาอีกกลับกลายเป็นช่อเอื้องที่สิงร่างพริ้ว
"บอกคุณกรณ์ว่าฉันถูกฆ่า ช่วยฉันด้วย ฉันถูกฆ่า"
"กรณ์ ? ทำไมถึงเกี่ยวกับคุณกรณ์" ณราถาม
ช่อเอื้องในร่างพริ้วสำลักออกมาเป็นเลือด
"โอเค ผมรู้แล้ว แต่อย่าทำร้าย พริ้ว อย่า"
พริ้วตากลับเหลือกขึ้นไปตาแดงหายไป ตาขาวกลับมากลับกลายเป็นพริ้ว พริ้วหมดสติทรุดลงไป ณราโอบประคองแนบอก
"คุณพริ้ว"
ณราเหลียวซ้ายแลขวามองหาวิญญาณที่สิงพริ้ว แต่ก็ไม่เจอ ตอนนี้ณราห่วงพริ้วมากที่สุด
อ่านต่อหน้า 4
สาปสาง ตอนที่ 23 (ต่อ)
อนงค์ใช้ผ้าคลุมโปงกอดพระไว้ด้วยตัวสั่นงันงกเพราะกลัวผี เสียงเปิดประตูหน้าบ้านดังขึ้น อนงค์กรี๊ด
"แอ๊...ผีหลอกๆๆ ช่วยด้วย ชั้นกลัวแล้ว อย่ามาหลอกมาหลอนกันเลย กลัวแล้วๆ"
แพรวเดินเข้ามาเห็นอนงค์เป็นเอามากก็รำคาญ แพรวเดินมาจับไหล่
"แม่"
อนงค์หลับตาปี๋แล้วปัดมือแพรวออก
"ออกไปอีผีบ้า ออกไป"
"แม่! นี่ฉันเอง"
อนงค์ได้สติก็ลืมตาขึ้นทีละข้าง เห็นแพรวถือขวดน้ำมาด้วย อนงค์ตาโตทันที
"น้ำมนต์ ? เอาน้ำมนต์มาให้แม่"
อนงค์จะแย่งขวดน้ำราคะของแพรวไป แพรวไม่ให้ อนงค์ดึงแรงจนขวดน้ำราคะหลุดมือตกพื้น
"แม่ !”
แพรวตวาดแว๊ดแล้วผลักอนงค์ออก เธอรีบไปประคองขวดน้ำราคะด้วยความทะนุถนอม
"นี่มันน้ำอะไรของแก แค่นี้ทำไมต้องหวง" อนงค์ว่า
"โชคดีนะที่ไม่แตก ถ้าแตกขึ้นมา ฉันเอาเรื่องแม่...คอยดู" แพรวว่า
แพรวอุ้มขวดน้ำขึ้นข้างบน อนงค์มองตามไปแล้วก็รู้สึกประหวั่นใจอีกว่าลูกกำลังทำเรื่องไม่ดีไม่งามอีกหรือไม่
"นังแพรว แกกำลังทำอะไรของแก"
แพรวปิดล็อคประตูห้องนอน เธอประคองขวดน้ำราคะมานั่งมองด้วยสีหน้ามีความหวัง
"ต่อให้ฉันต้องทำอะไรฉันก็จะทำ คุณจะต้องเป็นของฉัน คุณกรณ์"
แพรวจ้องน้ำราคะที่มีตะกอนวนไปวนมา
กรณ์นอนหลับอยู่ ช่อเอื้องในสภาพสวยงามปรากฎร่างขึ้นแล้วทรุดตัวลงข้างกรณ์ เธอโอบกอดกรณ์เพื่อถ่ายทอดความรัก พลางลูบใบหน้ากรณ์ด้วยความรัก
"คุณกรณ์คะ...ช่อคิดถึงคุณ"
ช่อเอื้องยิ้มหวานได้มองกรณ์เธอก็มีความสุข กรณ์เริ่มรับรู้สัมผัสของช่อเอื้องก็ลืมตาตื่นมาด้วยความดีใจ
"ช่อ....ช่อเอื้อง"
"คุณกรณ์ ในที่สุดเราก็ได้พบกัน"
ช่อเอื้องและกรณ์โผเข้ากอดกันด้วยความดีใจ
"ช่อจ๋า รู้ไหม ฉันคิดถึงช่อมากแค่ไหน"
กรณ์พร่ำเพ้อถึงความรักและความคิดถึงที่มีต่อช่อเอื้อง กรณ์กอดช่อเอื้องไว้แล้วลูบผม
"คุณไปอยู่ที่ไหน ลืมความรักของเราแล้วหรือ ช่อเอื้อง"
กรณ์จับตัวช่อออกเพื่อจะได้มองหน้า ทันใดนั้นกรณ์ก็ผงะเพราะตกใจ
"ช่อ !”
ช่อเอื้องกลายเป็นร่างอาบเลือด ใบหน้าผุดผ่องกลายเป็นขาวเผือด นัยน์ตาแดงก่ำ
"คุณกรณ์ขา.....”
กรณ์กระสับกระส่ายแล้วสะดุ้งตื่น
"ช่อเอื้อง"
กรณ์เหลียวมองรอบตัวแต่ก็ไม่มีร่างช่อเอื้องอยู่รอบตัว กรณ์รู้ว่าฝันไป เขาแปลกใจที่เห็นช่อเอื้องในร่างนั้น
"ทำไมเราถึงฝันเห็นช่อเอื้องในสภาพแบบนั้น"
กรณ์ลุกขึ้นจากเตียง
กรณ์ล้างหน้า เขามองในกระจกแล้วพูดปลอบใจตัวเอง
"สงสัยเพิ่งจะกลับจากงานศพเลยฝันอะไรเลอะเทอะนะเรา"
กรณ์ก้มหน้าลงล้างหน้าอีกที ช่อเอื้องปรากฎร่างในกระจกแต่กรณ์ไม่เห็น ช่อเอื้องร้องไห้เพราะอยากให้กรณ์เห็น
พริ้วงัวเงียบิดขี้เกียจ พอลืมตาขึ้นเต็มตาแล้วหันมาเธอก็ตกใจ
"ป๊า ! โอ๊ย ตกใจหมดเลย"
เฟยนั่งจ้องอยู่ข้างเตียง
"เมื่อคืนลื้อไปทำอะไรมา"
"ป๊ารู้ ?”
"ก็ไม่รู้"
"ตกลงรู้หรือไม่รู้"
"เอาเป็นว่า ลื้อไม่ได้แค่ไปงานศพ ลื้อไปที่อื่นมาด้วย บอกมา ลื้อไปทำอะไรมา"
"ฉัน...เอ่อ"
พริ้วหลบตาแล้วอึกอัก เฟยรู้ทัน
"ลื้อไปโรงละครร้างนั่นมา อั๊วสั่งแล้วใช่ไหม ว่าไม่ให้ไป"
"แต่ฉันก็ไม่เป็นอะไรนี่ป๊า ฉันหวังดี อยากช่วยวิญญาณผู้หญิงคนนั้น"
"ไม่ได้ บ่วงกรรมของใครก็ของมัน ห้ามลื้อเข้าไปยุ่ง"
"แต่เป็นเพราะชะตาพัดมาไม่ใช่เหรอป๊า ฉันถึงได้รับรู้วิญญาณผู้หญิงคนนั้น ฉันหวังดีนี่แหละ ถึงได้ต้องยุ่ง แสดงว่าฉันต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย"
"บ๊ะ ทำไมลื้อมันยุ่งอย่างนี้...ก็ล่าย ก็ล่าย อั๊วจะตรวจดวงชะตาให้ลื้อเอง แต่บอกไว้ก่อน ถ้าชะตาลื้อไม่ได้พ้องกับวิญญาณผู้หญิงคนนี้หรือโรงละครนี่ ป๊าสั่งลื้อห้ามยุ่งกับเรื่องหลังความตายพวกนี้เด็ดขาด"
พริ้วพยักหน้ารับคำ เฟยลูบหัวพริ้วอย่างรักใคร่และเป็นห่วง
ณรารอพริ้วอยู่ที่มุมเลขาฯ อย่างกระวนกระวาย
"จะเป็นอะไรมากหรือเปล่านะ"
พริ้วเดินเข้ามาอย่างสบายใจ เธอเห็นณราเดินเป็นเสือติดจั่นก็นึกแปลกใจ
"ท่านบอสเดินจงกรมแต่เช้าเหรอคะ"
"พริ้ว...คุณเป็นยังไงบ้าง"
"อะไร เป็นยังไง แล้วทำไมเจ้านายต้องทำหน้าอย่างนั้นด้วยคะ"
"ผมต่างหากที่ต้องถามคุณ"
"ถามเรื่องอะไรคะ"
"พริ้ว อย่าบอกนะว่าคุณลืมเรื่องเมื่อคืนไปแล้ว"
พริ้วนิ่งคิดเพราะนึกได้ว่าเป็นเรื่องที่ยอมให้ช่อเอื้องสิงร่างแต่ไม่ยอมบอกณรา พริ้วทำเป็นลืมต่อไป
"เมื่อคืน มีอะไรเหรอคะ ฉันเป็นพวกความจำสั้น"
"พริ้ว"
ณรากระแอมครั้งที่หนึ่ง พริ้วยังเฉไฉ
"ถ้าคืนไหนที่นอนดึก รุ่งขึ้นจะจำอะไรไม่ค่อยได้เลยค่ะ"
"พริ้ว !”
"คำรามอยู่นั่น จะกัดจะดุก็เอาเลย คุณเล่ามาเลยดีกว่าว่าเมื่อคืนฉันพูดอะไร"
ณราจะเล่าแต่ก็มองซ้ายมองขวา เขาตัดสินใจดึงพริ้วเข้าไปในห้อง
ณราคุยกับพริ้วโดยที่สีหน้าของณราประหลาดใจมาก
"คุณให้ผมบอกคุณกรณ์ว่าคุณตายแล้ว"
"ฉัน ? ตายแล้ว" พริ้วทวน
"นี่มันอะไรกันพริ้ว เมื่อคืนคุณพูดกับผมอย่างนี้"
พริ้วอึกอักแล้วหันหน้าหนี ณราเดินอ้อมมาดัก พริ้วหนีอีก ณรามาดักอีก สุดท้ายพริ้วก็หนีไปติดผนัง ณราคร่อมแขนทั้งสองข้างกันไม่ให้พริ้วหลบไปได้อีก
"พริ้ว ที่คุณพูดเมื่อคืน หมายความว่ายังไง"
"คุณสัญญาได้ไหม"
"สัญญาอะไรอีกล่ะพริ้ว"
"ถ้าฉันบอกอะไรคุณ คุณจะเชื่อฉัน คุณสัญญาได้ไหมคะ"
"มันสำคัญขนาดนั้นเชียวเหรอพริ้ว"
"สัญญาก่อน แล้วฉันจะบอกคุณ"
ณราครุ่นคิดพลางมองหน้าพริ้วอย่างตัดสินใจ
ณรารู้เรื่องพริ้วถูกช่อเอื้องสิงร่างเขาก็มองพริ้วอยู่นานด้วยความตกใจ ณราพิจารณาถึงเหตุผลและวิทยาศาสตร์ล้านแปด
"คุณ....ถูกวิญญาณผู้หญิงคนนั้นเข้าสิง....มันเป็นไปได้เหรอ"
"คุณสัญญาแล้วนะว่าจะเชื่อฉัน" พริ้วว่า
"ผมเชื่อคุณและถ้ามันเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเพื่อนร่วมงานของผมก็ต้องเชื่อ และหาทางช่วยด้วย...ไปกัน"
"ไปไหนคะ"
"ก็ไปทำตามที่วิญญาณนั้นบอกให้ทำยังไงล่ะ คุณกรณ์จะต้องรู้เรื่องนี้"
ณราดึงมือพริ้วออกไป พริ้วมองณราด้วยความตื้นตัน พริ้วบีบมือณรากลับ ณราหันมามองพริ้ว"ฉันขอบคุณที่คุณเชื่อฉัน"
"รีบไปกัน ถ้าเราช่วยให้วิญญาณที่ติดอยู่ในบ่วงทุกข์ได้หลุดพ้นก็เป็นเรื่องดีและควรทำ"
ช่อเอื้องเงยหน้าขึ้นมองด้านบนด้วยสีหน้าที่ดูมีความหวังขึ้นมานิดหน่อย
"คุณกรณ์ขา....ช่ออยู่ตรงนี้"
อ่านต่อตอนที่ 24