xs
xsm
sm
md
lg

อย่าลืมฉัน ตอนที่ 23

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


อย่าลืมฉัน ตอนที่ 23

สมคิดและวิบูลย์ยืนอยู่หน้าห้องนอนของเขมชาติ ทั้งคู่มองหน้ากัน ต่างก็ตัดสวินใจว่าจะต้องคุยกันเด็ดขาดได้วันนี้วิบูลย์เคาะประตูห้องเขมชาติ
 

“คุณเขมครับ คุณเขม”
เสียงเขมชาติ ดังออกมาจากในห้อง ”หนวกหู”
วิบูลย์สะดุ้งแต่จำเป็นต้องพูดต่อ
“คุณเขมครับ โปรเจ็กต์ที่สวิสฯ ทางโน้นต้องการความคืบหน้าครับ”
ทว่าเขมชาติยังเงียบ สมคิดรีบ่ชวยพูดเสริม
“คุณเขม งานครั้งนี้เราเซ็นสัญญากับทางโน้น มันมีเดตไลน์ ถ้าเราช้า ค่าปรับมันไม่น้อยเลยนะครับ”
เขมชาติตะโกนออกมาจากในห้อง “ พวกคุณจัดการไปเลย”
สมคิดรีบอธิบาย “แต่มีรายละเอียดบางอย่างที่เราต้องการการตัดสินใจของคุณ”
“คุณสมคิด ผมให้คุณตัดสินใจทุกอย่างแทนผม ถ้ายังมีปัญหา ผมจะแต่งตั้งให้คุณขึ้นมาบริหารแทนผม “
สมคิดอึกอัก “แต่”
ทันใดนั้นเขมชาติเปิดประตูออกมา
“ผมจะโอนบริษัท โอนหุ้นทั้งหมดให้กับคุณ จบมั้ย?”
สมคิดตะลึง
“คุณเขม คุณสร้างบริษัทนี้มาด้วยความยากลำบากแค่ไหน คุณจำได้ไหม คุณจะทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างง่ายๆ แบบนี้น่ะเหรอครับ”
เขมชาติตอบเสียงเข้ม “ใช่” จากนั้นก็หมุนตัวเดินเข้าห้อง พร้อมทั้งปิดประตูปัง เป็นการจบการสนทนา
สมคิดกับวิบูลย์มองหน้ากันอย่างกลุ้มใจ

สุริยงนอนซมอยู่บนเตียง โดยมีนภานั่งข้างๆ ห่มผ้าให้และมองด้วยความเป็นห่วง
ในขณะที่ชนะนั่งคุยอยู่กับอาทิตย์ในห้องรับแขก
“อาการคุณสุยังไม่ดีขึ้นเหรอครับ?”
“ใช่ เห็นบ่นปวดหัว คลื่นไส้ นอนซมทั้งวัน แต่เขาเป็นอย่างนี้ประจำเวลาเริ่มงานใหม่ พวกเพอร์
เฟคชั่นนิส ทุกอย่างต้องเป๊ะ เครียดลงกระเพาะ”
ชนะพยักหน้ารับรู้
“งั้นผมให้คุณสุพักต่อนะครับ ไม่ต้องรีบกลับไปทำงาน”
“ต้องขอโทษคุณชนะด้วยนะครับ ที่ทำให้เสียงาน”
ชนะรีบออกตัว
“ไม่เป็นไรเลยครับ ช่วงนี้โลว์ซีซั่นพอดีแล้วเรื่องเจ็บป่วยก็ห้ามกันไม่ได้ ไว้อาการดีขึ้นแล้วค่อยว่ากัน
ช่วงนี้ผมจะอยู่ที่กรุงเทพฯ ถ้ามีอะไรให้ผมช่วย คุณพ่อเรียกใช้ได้นะครับ ผมยินดีมาดูแลคุณสุและทุกคนในครอบครัว
ครับ”
อาทิตย์ยิ้มให้ชนะ “ขอบคุณมากครับ”
ชนะนึกได้จึงค่อยๆ ตะล่อมถาม
“เอ่อ แล้วช่วงนี้คุณเอื้อกับคุณเขมชาติแวะมาที่นี่บ้างหรือเปล่าครับ”
“คุณเอื้อมาบ่อย มาหาไก่ไข่ ยิ่งหนูเล็กไม่อยู่ ยิ่งหาเวลามาเยี่ยม แต่คุณเขมชาติ เจ้านายเก่าหนูเล็ก
ใช่มั้ย”
ชนะพยักหน้า “ครับ”
“เขาไม่เคยมา เมื่อก่อนก็มีบ้าง มาส่งหนูเล็กหน้าบ้าน แต่ยังไม่เคยเข้ามาในบ้านนะ มีอะไรหรือเปล่า”
“อ๋อ มะไม่มีครับ ผมแค่กลัวว่าจะมาแอบชวนคุณสุกลับไปทำงานด้วยนะครับ ก็เลยถามๆ ดู “
ชนะหัวเราะกลบเกลื่อน รู้สึกโล่งอกที่เขมชาติไม่มา ในขณะที่อาทิตย์มองชนะอย่างแปลกใจ

เกนหลงเดินผ่าน Coffee Shop ภายในโรงแรม ลูกค้าที่นั่งอยู่ในร้าน สะกิดกันมองแล้วซุบซิบ จนเธอรู้สึกตัว และหันกลับไปมอง ลูกค้ารีบทำเฉไฉ มองโน่นมองนี่ไป เกนหลงหันหนีอย่างพยายามทำใจ
“คุณเกนหลงคะ มีแขกชื่อคุณสมคิดมาขอพบค่ะ”
เลขาสาวเดินเข้ามาบอก เกนหลงแปลกใจ
“คุณสมคิด?”
“ผมทราบครับว่าไม่ควรจะมารบกวนคุณเกน”
สมคิดรีบออกตัวกับเกนหลง สีหน้าลำบากใจสุดๆ
“แต่ผมจนปัญญา ตั้งแต่เกิดเรื่องคุณเขมหันหลังให้กับทุกอย่าง ตอนนี้ที่บริษัทมีหลายโปรเจ็กต์ที่รอ
การตัดสินใจของคุณเขม แต่คุณเขมไม่ยอมรับรู้ พอตื๊อมาก ๆ ก็จะยกบริษัทให้ผมกับวิบูลย์บริหาร ถ้าปล่อยไว้แบบนี้
อีกไม่นาน บริษัทก็คงอยู่ไม่ได้จริงๆ”
เกนหลงมองด้วยความเป็นห่วงแต่พยายามอธิบาย
“ระหว่างเกนกับเขมมันจบไปแล้วค่ะ เกนไม่อยากเกี่ยวข้องกับเขมอีก”
สมคิดรีบบอก
“ผมทราบ ผมถึงลำบากใจที่จะมาพูดกับคุณ แต่คุณเกนครับ ผมขอร้องนะครับ คุณเท่านั้นที่จะช่วย
คุณเขมได้”
เกนหลงทำหน้านิ่ง
“คุณสมคิดขอร้องผิดคนแล้วล่ะค่ะ น่าจะไปหาอีกคนมากกว่า”
สมคิด ตัดสิอนใจพูดตรงๆ
“ถ้าคุณเกนหมายถึงแฟนเก่า คุณสุริยง ผมบอกได้เลยว่าไม่มีประโยชน์ ผมรู้เรื่องระหว่างคุณสุริยงกับ
คุณเขมชาติหมดแล้วครับ”
เกนหลงรีบถาม
“รู้นานหรือยังคะ? ก่อนหน้างานหมั้นหรือเปล่า”
สมคิดพยักหน้าอย่างหนักใจ
“แล้วทำไมคุณสมคิดไม่บอกเกน”
สมคิดรีบอธิบาย
“พูดตอนนั้นไม่มีประโยชน์หรอกครับ ยิ่งพูดยิ่งบานปลาย เพราะเจ้าของเรื่องยังสับสน แต่ตอนนี้ผม
พูดได้เพราะหลายอย่างเริ่มคลี่คลาย คุณเขมรู้สึกผิดกับคุณเกนมาก แต่เพราะเหตุการณ์ในอดีต ความเสียใจทำให้คุณ
เขมต้องการแก้แค้น แต่เขาไม่เคยมีความสุขกับสิ่งที่เขาทำเลยสักนิด”
เกนหลงฟังแล้วคิดตามแววตาเริ่มอ่อนลง
“คุณเขมไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายคุณ เขาทำไปเพราะไม่รู้ตัว และไม่รู้ใจตัวเอง”
เกนหลงครุ่นคิด
“คุณเกน ผมขอร้อง ช่วยคุณเขมสักครั้ง ให้เขากลับมายืนให้ได้อีกครั้ง ช่วยผมและทุกคนในบริษัท
ด้วยเถอะครับ ผมขอร้อง”
สมคิดลุกขึ้น และคุกเข่าลงตรงหน้า เกนหลงตกใจรีบลุกขึ้น
“คุณสมคิด ลุกขึ้นค่ะ ลุกขึ้นก่อน ไม่ต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้ค่ะ”
สมคิดน้ำตาซึมๆ
“ ผม ผมไม่รู้จะยังไงแล้วจริงๆ ผมเป็นห่วงคุณเขม เป็นห่วงทุกคนในบริษัท ผมขอร้องหล่ะครับ ได้
โปรดช่วยพวกเรา ช่วยคุณเขมด้วยนะครับ”

เกนหลงเห็นแล้วถึงกับใจอ่อนยวบ พลางเริ่มคิดหนัก

เกนหลงเก็บคำพูดของสมคิดกลับมาครุ่นคิดต่อที่บ้าน คุณนพจน์เดินมาหา แล้วถามด้วยความเป็นห่วง
“คิดอะไรอยู่ลูก?”
“กำลังสงสัยค่ะ ตั้งแต่เกิดเรื่อง เกนรู้ว่าเขมคิดอะไรอยู่ แต่เกนไม่เคยรู้เลยว่าคุณสุคิดอะไร วันนี้คุณ
สมคิดมาขอร้องให้เกนทำอะไรบางอย่าง แต่ก่อนที่เกนจะตัดสินใจทำ หรือ ไม่ทำ เกนอยากรู้ความคิด และความรู้สึก
ของคุณสุบ้าง เพื่อใช้เป็นเหตุผลในการตัดสินใจ”
คุณพจน์โอบไหล่ และตอบแบบกลับไปเหมือนเป็นเรื่องง่าย
“ลูกอยากรู้ ก็ไปถามสิ ไม่เห็นยากเลย”
เกนหลงหันมามองหน้าบิดา คุณพจน์ยิ้มให้ เกนหลงนิ่งคิด แอบกังวลในใจ
“ตอนนี้ลูกพร้อมที่จะเผชิญปัญหาแล้ว ลูกพร้อมที่จะเผชิญหน้าหรือยัง ? ถ้าพร้อม ก็ลุย”
คุณพจน์ชี้ทาง เกนหลงนิ่งคิด นั่นสิ พร้อมหรือยัง ?

สุริยง ที่ยังคงนอนซมอยู่บนเตียง ถึงกับชะงักไปในทันที เมื่อชื่นเดินมารายงานในห้องนอน
“คุณเกนหลงมาขอพบคุณหนูเล็กค่ะ”
สีหน้าสุริยงมีแววตระหนก ชื่นเห็นเงียบก็ถามขึ้น
“จะให้ชื่นเรียนว่าคุณหนูเล็กไม่สบายมั้ยคะ ?”
สุริยงรีบปฏิเสธ “ไม่เป็นไร เเดี๋ยวฉันลงไปเอง”
สุริยงตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ได้เวลาเผชิญหน้า หลังจากได้รู้ความจริงสักที

ในที่สุดสุริยง ก็ลงมายืนเผชิญหน้ากับเกนหลง ชื่นวางจานขนมและน้ำไว้บนโต๊ะ กำลังจะถอยออกไป.. “น้ำอัญชัญ กับขนมชั้น คุณแม่เพิ่งทำเมื่อเช้าค่ะ”
สุริยงเชื้อเชิญอย่างสุภาพ หากเกนหลงปรายตามองหน้าสุริยง และมองขนมแล้วก็ปัดทั้งจานและแก้วลงพื้น ชื่นตกใจร้องเสียงหลง
“ว้าย”
สุริยงสะดุ้ง เกนหลงปรายตามองแววตาเอาเรื่อง
“ขอบคุณแต่ไม่ค่ะ “
สุริยงเห็นสถานการณ์ไม่ค่อยดี หันมาบอกชื่นที่กำลังก้มเก็บเศษจาน
“ชื่น ไม่เป็นไร เดี๋ยวค่อยมาเก็บ”
ชื่นค่อยๆถอยออกไปด้วยความงุนงง คล้อยหลังชื่นไปแล้ว เกนหลงก็เริ่มเปิดฉากสนทนา ด้วยน้ำเสียงที่เกรี้ยวกราด
“ตั้งแต่เกิดมา เกนไม่เคยเกลียดใคร และไม่ชอบที่จะต้องเกลียด คิดว่าแต่ละคนมีเหตุผลของตัวเอง
แต่ตอนนี้เกนเกลียดคุณสุกับเขมมากที่สุดเกนไม่ชอบความรู้สึกนี้ ช่วยพูดอะไรก็ได้ ให้เกนเข้าใจและเลิกเกลียดคุณทั้งสองคนหน่อยสิคะ?”
เกนหลงกอดอก รอฟังคำตอบ สุริยงคิด ก่อนจะตอบอย่างจริงใจ
“สำหรับสุ ไม่มีเหตุผลที่จะอธิบาย คุณเกนหลงเกลียดสุได้อย่างเต็มที่ แต่กับเขมชาติ อย่าไปเกลียด
เขาเลยค่ะ ไม่ว่าเขาจะทำเรื่องงี่เง่ามากแค่ไหน แต่เขาก็รักคุณมาก รักมากจริงๆ เขาไม่เคยคิดจะทำร้ายคุณ และเรื่อง
ของเรา มันก็จบไปแล้ว ทุกครั้งที่คุณเกนถามถึงผู้หญิงคนอื่น..คำตอบก็คือ ไม่มีใครแทนที่คุณได้..และวันนี้ก็
ยังเป็นคำตอบเดิม”
เกนหลงที่จับสังเกตสุริยงมาตลอด รีบท้วงขึ้น ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวาน เหมือนเกนหลงคนเดิม
“ไม่จริงค่ะ คุณสุต่างหากที่เขมรักมาก และไม่มีใครแทนที่คุณได้ แม้แต่เกน”
สุริยงหันมามองหน้าเกนหลง เกนหลงคลายมือออกจากการกอดอกแล้วก็ยิ้ม
“เกนไม่ได้เกลียดคุณหรอกค่ะ เมื่อกี๊ก็แค่..เล่นละครนิดๆหน่อยๆ เพราะรู้ว่าถ้าถามตรงๆ ผู้หญิง
ปากแข็งอย่างคุณสุก็คงไม่ตอบ”
สุริยงงง เกนหลงเก็บขนมใส่จาน แล้วก็วางไว้บนโต๊ะ พร้อมกับรอยยิ้ม
“ในวันหมั้น เกนเห็นคุณกับเขมทะเลาะกัน เกนถึงรู้เรื่องทุกอย่าง และเขมก็มาคุกเข่าสารภาพ
ทั้งน้ำตา มันทำให้เกนรู้ว่า ผู้หญิงที่อยู่ในใจเขมมาตลอดก็คือคุณ ที่เกนมาวันนี้ก็แค่อยากรู้ว่าคุณสุคิดยังไงกับเขม และ
ตอนนี้ เกนก็ได้คำตอบแล้วค่ะ”
สุริยงขมวดคิ้ว “คำตอบ อะไรคะ?”
“คุณสุยอมให้เกนเกลียดคุณ แต่ไม่ยอมให้เกนเกลียดเขม แค่นี้เกนก็รู้แล้วค่ะว่าคุณคิดยังไง”
สุริยงรีบแก้ตัว “เอ่อ คุณเกนอาจจะตีความผิดก็ได้นะคะ”
“มันจะผิด หรือถูก เกนขอเป็นคนตัดสินเองนะคะ ที่ผ่านมาเกนเหมือนคนโง่ ที่ไม่รู้อะไรเลย ตอนนี้
เกนจะไม่ยอมอยู่สถานะนั้นอีกแล้ว เกนจะไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น หรือได้ยิน แต่จะเชื่อสัญชาตญาณของตัวเอง ขอบคุณ
นะคะ ที่ทำให้เกนไม่ต้องแต่งงานกับเขม และไม่ต้องรู้สึกผิดกับอะไรทั้งสิ้น เพราะเกนไม่ได้เกลียดคุณ
ขอโทษสำหรับขนม วันหลังเกนจะทานเป็นการชดเชยนะคะ”
เกนหลงยิ้มๆ แล้วก็เดินกลับออก ทิ้งให้สุริยงยืนงงอยู่ที่เดิม

วิบูลย์ ยืนมองรูปคู่ระหว่างเขมชาติกับสุริยง บนผนังห้องของเขมชาติอย่างงงงวย
“คุณเขม คุณสุ นะ นี่มันอะไรกัน หรือว่าทั้งสองคนเคยเป็นแฟนกัน ชัวร์ ว่าแล้ว ทำไมตอนเราพูดถึง
ไม่มีใครเชื่อ แล้วตอนนี้พอมันเป็นจริงไม่เห็นมีใครบอกเราสักคำ”
ทันใดนั้นเขมชาติก็โผล่ออกมาจากห้องน้ำ ในสภาพที่โทรม ผมเผ้ายาวรุงรัง หนวดเคราครึ้ม
“เข้ามาทำไม?”
วิบูลย์ตกใจ
“ คุณเขม หายไปไหนมาครับเนี่ย ผมเรียกหาตั้งนานไม่เห็น เลยเดินเข้ามาตามในห้อง แล้วก็หะ
เห็นรูปพวกนี้มันคือ”
เขมชาติไม่ตอบ แต่กลับออกคำสั่ง “ออกไปได้แล้ว”
“ออกไปไหนครับ? ผมเพิ่งมาเอง มีเอกสารสำคัญจะมาให้คุณเขมเซ็นด้วยนะครับ แล้วตกลงว่ารูป
พวกนี้ คือว่ามัน”
เขมชาติถามย้ำ “ตกลงจะออกไปมั้ย?”
วิบูลย์ รีบหยิบแฟ้มมากอดไว้
“ไม่ไปครับ วันนี้ผมจะไม่ไปไหน จนกว่าคุณเขมจะยอมเซ็นเอกสารทั้งหมด”
เขมชาติเสียงเข้ม
“ตกลงไม่ไป”
วิบูลย์ส่ายหน้าหนักแน่น
“ไม่ไป”
เขมชาติส่ายหน้าเซ็ง แล้วก็เดินออกไปเลย วิบูลย์หน้าเหวอ
“อ้าว เดี๋ยวสิครับคุณเขม คุณเขม”
วิบูลย์รีบเรียกไว้ แต่ไม่วายหันกลับมาดูรูปอีกที ด้วยความคาใจ

เขมชาติเดินมาที่ห้องนั่งเล่น พลางทิ้งตัวลงนอนเหมือนไม่ใส่ใจอะไรทั้งสิ้น เสียงวิบูลย์ดังไล่หลัง
ตามมาติดๆ
“คุณเขมครับ คุณเขม ลุกมาคุยกันก่อนครับ”
“ไม่ ออกไป ไม่มีอะไรต้องคุย”
เขมชาติตวาดเสียงดัง
“ไม่คุยไปอาบน้ำก็ยังดีนะครับ แม่บ้านบอกว่าคุณเขมไม่ได้อาบน้ำไม่ได้กินอะไรมาหลายวันแล้วนี่
ครับ”
“อย่ามายุ่งกับฉัน จะไปไหนก็ไป ไป”
เสียงวิบูลย์เงียบไปแล้ว เขมชาตินอนคว่ำหน้า แต่ไม่วายแอบหรี่ตาขึ้นมาเล็กน้อย พลางเงี่ยหูฟัง เมื่อ
ไม่มีอะไรตอบรับ ก็หลับตาจะนอนต่อ
ทันใดนั้น ก็มีมวลน้ำก้อนหนึ่งสาดใส่เข้ามาอย่างจัง เขมชาติร้องลั่น พลางลุกพรวดขึ้นมาทันที
“เฮ้ย จะบ้าหรือไงหะ? ไอ้วิ”
หากเมื่อหันกลับมา ก็ถึงกับอ้าปากค้าง “คุ...คุณเกน”
เกนหลงยืนถือถังน้ำมือหนึ่ง ในขณะที่อีกมือเท้าเอว ท่าทางเอาเรื่อง ห่างออกไปเห็นวิบูลย์ยืนหน้า
เจื่อน ยังถือแฟ้มอยู่
“คุณเกนไม่ให้ผมบอกน่ะครับ” วิบูลย์พูดเสียงอ่อยๆ
“จะรับอีกสักถังมั้ยคะ เผื่อจะตั้งสติได้”
สีหน้าเกนหลงจริงจัง
เขมชาติถึงกับพูดไม่ออก “เอ่อ”
วิบูลย์เห็นท่าไม่ดี รีบชิงเอาตัวรอด “ ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ เดี๋ยวค่อยมาใหม่”
วิบูลย์ตั้งท่าจะออกไป เกนหลงรีบสั่งเสียงแข็ง

“ไม่ต้องไปค่ะ อยู่เป็นพยาน ถ้าเกนพลั้งมือฆ่าคนตายจะได้ให้ปากคำว่า ทำเพราะบันดาลโทสะไม่ได้
ฆ่าโดยเจตนา”

อย่าลืมฉัน ตอนที่ 23 (ต่อ)

เขมชาติสะอึก วิบูลย์หน้าเสียไม่รู้ว่าเกนหลงพูดเล่นหรือพูดจริง
“คุณ คุณเกน ค่อยๆพูดกันดีกว่าครับ อย่าให้ถึงกับต้องฆ่าต้องแกงกันเลยครับ”
เขมชาติหน้าซีด ยอมจำนน
“ไม่เป็นไร ถ้าคุณอยากจะฆ่าผม ก็ฆ่าเลย อยากจะทำอะไรก็ทำ”
เกนหลงปาถังน้ำทิ้ง แล้วก็ตบหน้าเขมชาติหนึ่งที
“ตบเพื่อเตือนสติ”
แล้วก็ตบอีกที “ตบเพื่อเรียกสติ”
เขมชาติหน้าชา วิบูลย์เห็นแล้วเจ็บแทน
เกนหลงพูดต่อ
“มีสติจะได้มีปัญญา มีปัญญาแล้วจะได้เรียกสติกลับมาได้ ไม่ต้องมาทำหน้างง ไม่ว่าจะอะไรมาก่อน
ก็ขอให้มันมีทั้งสองอย่าง จะได้ไม่ปล่อยตัวให้เป็นภาระสังคม นอนเน่าเป็นซากแบบนี้ “
เขมชาติระบายออกมาซื่อๆ ตรงๆ ”ผมเสียใจ”
“เกนก็เสียใจ คุณสมคิดก็เสียใจ คุณวิบูลย์ก็เสียใจคุณสุก็เสียใจ” เขมชาติชะงัก ”ทุกคนก็เสียใจกัน
ทั้งนั้น แล้วการที่เขมมานอนอยู่แบบนี้ มันทำให้ความเสียใจหายไปหรือเปล่า?”
เขมเงียบ เกนหลงย้ำ “ตอบ”
เขมชาติสะดุ้งนิดๆ “ไม่ครับ”
“รู้แล้วทำไมไม่ลุกขึ้นมาทำอะไรให้มันดีขึ้น”
เขมชาติมองหน้าเกนหลง แววตาเต็มไปด้วยความเสียใจ เกนหลงตัดสินใจพูดออกมาอย่างหนักแน่น
“เกนมาเพื่อยกโทษให้คุณ ยกโทษให้ที่คุณโกหก หลอกลวง ทำให้เสียใจ เสียความรู้สึก เสียเซลฟ์
เกนยกโทษให้ เขมไม่ต้องมาลงโทษตัวเองเลิกรู้สึกผิดได้แล้ว เราต่างคนต่างไปไม่มีอะไรติดค้าง คุณวิบูลย์เป็นพยาน”
วิบูลย์ รับคำอย่างงงๆ “ครับ”
เกนหลงพูดต่อ
“คุณอยากทำอะไรก็ทำ ไม่ต้องห่วงเกน เกนดูแลตัวเองได้ ได้ดีกว่าที่คุณดูแลตัวเองซะอีก ถึงเวลาที่
คุณจะต้องลุกขึ้นมาแก้ไขสิ่งผิดพลาดที่คุณทำไว้ เรียนผูก ก็ต้องเรียนแก้ด้วยตัวเอง ที่ผ่านมาคุณเห็นแก่ตัวมามากแล้ว
ถ้ายังมานอนทดท้อชีวิต ไม่ใช่แค่คุณ แต่คนอื่นๆ ที่อยู่รอบข้างคุณจะลำบากกันไปหมด ตอนนี้คนทั้งบริษัทเขารอคุณ
อยู่เกนพูดแค่นี้ เขมคงคิดเองได้ว่าต้องทำอะไรต่อไป”
เกนหลงพูดจบก็เดินออกไปเลย วิบูลย์ยืนเหวอ ในขณะที่เขมชาติอึ้ง ครั้นพอได้สติก็รีบเรียกขึ้น
“คุณเกนครับ คุณเกน”
จากนั้นก็รีบเดินตามออกไปทันที
“คุณเกนครับ เดี๋ยวครับ”
เกนหลงหยุดเดินหันมา สองคนเผชิญหน้ากัน
“ผม ขอบคุณมาก”
เกนหลงยิ้มอย่างจริงใจ
เกนหลงจ้องหน้าเขมชาติ
“คนที่คุณควรจะไปขอบคุณ คือคุณสมคิดค่ะ ที่เกนมาวันนี้เพราะคุณสมคิดขอร้อง และอีกคนที่
คุณควรจะไปขอบคุณ คือ คุณสุ เธอทำให้เกนไม่เกลียดคุณ และยังเป็นเพื่อนกับคุณได้ สองคนนี้คือคนที่สมควรจะ
ได้รับการขอบคุณ ไม่ใช่เกน”
เกนหลงพูดยิ้มๆ แล้วก็เดินออกไป อย่างคนที่หลุดพ้นจากปัญหาอย่างสิ้นเชิง
เขมชาติอึ้งไป ทั้งดีใจ ทั้งตื่นเต้น ทั้งหวั่นไหว และหวาดกลัวอยู่ลึกๆในใจ กับสิ่งที่ได้ยินเกี่ยวกับสุริยง

เขมชาติเดินย้อนกลับมาในบ้าน เห็นวิบูลย์กำลังเก็บถังน้ำ และหาผ้าจะมาเช็ดพื้น ก็พูดขึ้นเสียงดัง
“วิบูลย์”
วิบูลย์ลุกพรวดหันขวับมา
“ครับ คุณเขม คือ ผม ผมขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจจะอยู่เป็นส่วนเกิน หรือมารับรู้เรื่องส่วนตัว
ผม.. “
วิบูลย์ยังพูดไม่ทันจบประโยค เขมชาติก็รีบพูดแทรกขึ้นมา
“พอได้แล้ว จะแก้ตัวอะไรนักหนา ฉันไม่ได้จะดุว่าอะไรสักหน่อย ที่เรียกจะบอกว่า เอาเอกสารที่จะ
ให้ฉันเซ็นไปวางไว้ที่โต๊ะทำงาน ฉันอาบน้ำเสร็จแล้วจะไปเซ็นให้ แล้วเตรียมรายงานสถานการณ์ในบริษัทช่วงที่ฉัน
ไม่ได้เข้าให้ฉันฟังด้วย เล่าอย่างละเอียดนะ เดี๋ยวฉันมา”
“คะ ครับ ได้ครับ ได้เลยครับ เดี๋ยวผมรีบจัดให้เลยครับ”
เขมชาติพยักหน้ารับรู้ แล้วก็เดินไปอาบน้ำ วิบูลย์ยังอึ้งเหวออยู่
“คุณ คุณเขมกลับมาทำงานได้แล้ว เย้ๆ คุณเขมกลับมาทำงานได้แล้วเว้ย”
วิบูลย์โห่ร้องด้วยความยินดี

เขมชาติยืนมองสภาพตัวเองที่ผมยาวยุ่งเหยิง หนวดเคราครึ้ม แล้วก็หันหยิบที่โกนหนวดมา จัดการ
โกนหนวด ล้างหน้า และจัดแต่งทรงผม
จากสภาพโทรมๆ ก็ค่อยๆ กลับมาเป็นเขมชาติที่หล่อ และสมาร์ทเหมือนเดิม เขมชาติมองตัวเองในกระจกด้วยความพอใจ แล้วก็นึกถึงคำพูดของเกนหลง
“คนที่คุณควรจะขอบคุณ คือ คุณสมคิด เกนมาวันนี้เพราะคุณสมคิดขอร้อง”
เขมชาตินึกถึงสมคิด พลางรีบออกมายกโทรศัพท์โทร.หาสมคิดทันที
“คุณเขม คุณเขมฟื้นแล้วใช่มั้ยครับ”
สมคิดรับโทรศัพท์ด้วยความตื่นเต้น เขมชาติยิ้มขำๆ
“ผมไม่ได้สลบ หมดสติสักหน่อย โอเค อาจจะขาดสติไปบ้าง แต่ก็ครับ ผมได้สติแล้ว ผมขอโทษ
ที่ทำให้เป็นห่วง แล้วก็ขอบคุณมาก ผมไม่รู้ว่าคุณไปพูดอะไรกับคุณเกน เธอถึงได้หายโกรธ และยอมเป็นเพื่อนกับผม
เธอบอกว่าเพราะคุณ”
สมคิดถึงกับน้ำตาซึม เสียงเขมชาติยังดังออกมาทางปลายสาย
“ขอบคุณที่ดูแลกันมาตลอด”
สมคิดพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“เพื่อให้คุณเขมกลับมาเป็นเหมือนเดิม ผมยอมทำทุกอย่างครับ”
เขมชาติซึ้งใจ “ขอบคุณมาก”
สมคิดรีบสรุป “คุณเขมกลับมาเป็นเหมือนเดิมก็ดีแล้วครับ เพราะนอกจากเรื่องงาน ยังมีอีกเรื่องที่ผม
คิดว่าถึงเวลาที่คุณจะต้องจัดการให้เรียบร้อย”
เขมชาติคิดถึงสุริยงขึ้นมาทันที คำพูดของเกนหลงแว่วเข้ามา
“ และอีกคนที่คุณควรจะไปขอบคุณ คือ คุณสุ ทำให้เกนไม่เกลียดคุณ และยังเป็นเพื่อนกับคุณได้
สองคนนี้คือคนที่สมควรจะได้รับการขอบคุณ ไม่ใช่เกน”

เขมชาติคิดถึงสุริยงขึ้นมาจับใจ

สุริยงถามด้วยความแปลกใจ
“คุณอัมพิกาเชิญหนูเล็กไปพบเหรอคะ?”
สุริยงนั่งอยู่ที่ห้องรับแขก มีนภากับอาทิตย์นั่งอยู่ด้วย อาทิตยบ์รีบบอก
“ใช่ ทนายธีระศักดิ์เพิ่งโทร.มาบอกเมื่อกี๊”
นภาถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง
“แล้วเราไปไหวหรือเปล่า ?”
สุริยง นิ่งคิด ก่อนตอบ
“ไหวค่ะ วันนี้อาการดีขึ้นมากแล้ว ไม่เวียนหัว เมื่อเช้าก็กินข้าวได้ปกติ แล้วพ่อกับแม่ทราบมั้ยคะว่า
คุณอัมเรียกหนูเล็กไปคุยเรื่องอะไร ?”
นภากับอาทิตย์ส่ายหน้า สุริยงขมวดคิ้ว คิดด้วยความแปลกใจ

ในขณะที่เขมชาติมาหยุดยืนอยู่ที่หน้าบ้านสุริยง พลางคิดอย่างชั่งใจว่าจะเข้าไป หรือ ไม่เข้าไปดี เดินหน้า แล้วก็ถอยหลังกลับมาที่รถ แล้วก็รวบรวมกำลังใจอีกทีหันกลับไปที่ประตู ก่อนที่จะตัดสินใจกดออด

สุริยงเปิดประตูห้องพักของอัมพิกาที่โรงพยาบาล ก่อนที่จะสาวเท้าก้าวเข้ามา พลางยกมือสวัสดีอัมพิกาที่ยืนอยู่ที่ริมหน้าต่าง
“สวัสดีค่ะ “
แม้จะยังอยูในชุดคนป่วย แต่อาการของอัมพิกาก็ดูดีขึ้นมาก
“ทนายธีระศักดิ์บอกว่าคุณต้องการพบดิฉัน”
อัมพิกายังคงหน้าเชิด วางท่าอยู่เหมือนเดิม
“เรื่องโอนหุ้น ทำไมเธอถึงไม่เซ็นเอกสาร อย่าบอกว่าเป็นห่วงฉันเพราะฉันไม่เชื่อ”
“ถ้าคุณไม่เชื่อ ฉันก็ไม่มีเหตุผลอื่นที่จะตอบ เพราะมันเป็นเหตุผลเดียวที่ดิฉันมี”
อัมพิกาชะงัก แต่ยังทำใจแข็ง
“แต่ก่อนหน้านี้เธอดิ้นรนทุกอย่างเพื่อจะเอาหุ้น แล้วจะให้ฉันเชื่อได้ยังไงว่าเธอจะเป็นห่วงฉัน
มากกว่าอยากได้หุ้น”
สุริยงพูดนิ่งๆ
“ดิฉันไม่อยากได้หุ้น แต่ดิฉันต้องการทำตามคำสั่งของเจ้าสัวให้เรียบร้อย ถ้าท่านสั่งไม่ให้แตะกับ
สมบัติของครอบครัวรัตนชาติฉันก็จะทำ แต่ท่านสั่งให้ดิฉันดูแลไก่กับไข่ และมรดกของเด็กทั้ง 2 คน ดิฉันก็ต้องทำตาม
ให้สำเร็จ”
“ทำไม เธอจะมาจริงจังอะไรกับคำสั่งของพ่อฉันนักหนา”
“เพื่อตอบแทนบุญคุณที่เจ้าสัวช่วยเหลือครอบครัวเราไว้ บุญคุณที่ทดแทนเท่าไหร่ก็ไม่หมด ถ้าท่าน
สั่งให้ฉันไปตาย ฉันก็พร้อม”
สุริยงตอบอย่างจริงใจ อัมพิกาเห็นความจริงใจตอนสุริยงพูดถึงพ่อ แล้วก็ถึงกับอึ้งไปเล็กน้อย
“ที่ดิฉันชะลอการเซ็นรับหุ้นเพราะดิฉันมั่นใจว่าท่านเจ้าสัว “รักลูกทุกคน” ไม่ใช่แค่ ไก่ ไข่”
อัมพิกาสะอึก เพราะโดนจี้ใจดำอย่างแรง
“ถ้าท่านยังมีชีวิตอยู่ ท่านก็คงสั่งให้ทำในสิ่งที่ฉันทำ สำหรับท่านเจ้าสัว ชีวิตของลูกทุกคนมี
ความสำคัญเท่ากันหมด”
“พอ หยุดพูดได้แล้ว”
อัมพิกาโพล่งออกมาด้วยความอ่อนไหว พยายามใช้ความก้าวร้าวปิดบังความอ่อนแอ
“ออกไป” สุริยงยืนงง อัมพิกาพูดย้ำ “ฉันบอกให้ออกไป”
สุริยงแปลกใจแต่ก็ยอมออกไปแต่โดยดี แต่เมื่อนึกขึ้นได้ ก็รีบหันมาพูดต่อ
“เอ่อ คุณพ่อ คุณแม่ทำอาหารมาให้คุณ แต่ถ้าคุณไม่รับ ทิ้งมันไปได้นะคะ แต่คุณห้ามพวกเราดูแล
คุณไม่ได้ สวัสดีค่ะ”
สุริยงยกมือไหว้แล้วเดินออกไป อัมพิกาอึ้ง กำแพงทิฐิถูกกระเทาะจนเริ่มมีช่องว่าง
เมื่อสุริยงเดินออกไป พยาบาลก็เข็นอาหารเข้ามา เป็นอาหารอย่างดี ที่จัดไว้อย่างสวยงาม คล้อย
หลังที่พยาบาลเดินออกไป น้ำตาของอัมพิกาก็ไหลออกมา

“ดิฉันมั่นใจว่าท่านเจ้าสัวรักลูกทุกคน สำหรับท่านเจ้าสัว ชีวิตลูกทุกคนมีค่า มีความสำคัญเท่ากัน
หมด”
คำพูดของสุริยง ยังก้องในหู อัมพิกาคิดถึงพ่อจับใจ ปมในใจแอบถูกคลายลงทีละนิด

เขมชาติยืนอยู่ในบ้านของสุริยง พลางกวาดตามองไปรอบๆ บ้าน สัมผัสได้ถึงบรรยากาศของความรัก
ความอบอุ่นอบอวลอยู่ทั่วบ้าน เขมชาติมองรูปของไก่ กับไข่ ที่ถ่ายร่วมกับสุริยงแล้วก็ยิ้ม เรื่อยมาจนสถึงรูปของ
อาทิตย์ กับ นภา เสียงอัมพิกา ที่พูดถึงครอบครัวสุริยงในแง่ร้ายสะท้อนกลับมาก้องในหู
“พ่อของสุริยงเป็นเพื่อนกับคุณพ่อ เมื่อก่อนทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แล้วก็เจ๊ง ไม่มีเงินจ่ายหนี้ให้
ธนาคารด้วยความสงสารคุณพ่อเลยยื่นข้อเสนอขอลูกสาวมาเป็นนางบำเรอ ทางโน้นก็ระริกระรี้เอาลูกสาวใส่พานมา
ให้ เพื่อแลกกับหนี้สองร้อยล้าน”
เขมชาติมองดูรูปของอาทิตย์ที่ยิ้มอย่างใจดี ทันใดนั้นเสียงอาทิตย์ก็ดังขึ้น
“สวัสดีครับ คุณเขม”
เขมชาติสะดุ้งนิดๆ หันมาเห็นอาทิตย์ และนภายืนอยู่ ชื่นถือจานขนมอยู่ข้างหลัง
เขมชาติยกมือไหว้
“สวัสดีครับ”
นภา อาทิตย์ รับไหว้ และนั่งลง เขมชาตินั่งตาม นภารีบพูดขึ้นทันที
“ได้ยินชื่อมานานทั้งหนูเล็ก ไก่ ไข่ แล้วก็แม่ชื่น พูดถึงคุณอยู่บ่อยๆ เพิ่งได้เจอกันวันนี้เอง”
“แล้วเขาพูดถึงว่ายังไงบ้างครับ” เขมชาติถามด้วยความอยากรู้
นภาเล่าต่อ
“หนูเล็กก็เล่าเรื่องทำงาน ตาไก่ ตาไข่ ก็เล่าว่าพี่เขมใจดี ชวนเล่นสนุก ส่วนแม่ชื่นชอบชมว่าเจ้านาย
หนูเล็กหล่อยังกะดารา”
ชื่นอายม้วน รีบวางจานขนมกับแก้วน้ำไว้ข้างหน้าแล้วก็เดินออกไป ในขณะที่เขมชาติปั้นหน้าไม่ถูก
หากก็ไม่ปฏิเสธว่า รู้สึกเป็นกันเองกับครอบครัวของสุริยงได้อย่างรวดเร็ว
“เชิญครับทองม้วนนิ่มเพิ่งทำยังอุ่นๆอยู่เลย แล้วก็น้ำตะไคร้ไม่ใส่น้ำตาล ทานคู่กันกำลังดี”
อาทีตย์เชื้อเชิญ นภารีบเสริม
“เราทำกันเองนะคะ พอดีเราสองคนอยู่บ้านเฉยๆ ไม่ได้ทำงานอะไรก็เลยทำขนม กับน้ำสมุนไพรส่ง
ขายตามตลาด พอมีรายได้เล็กๆน้อยๆ มาช่วยหนูเล็กจ่ายค่าน้ำค่าไฟ”
เขมชาติชะงักกึกยิ่งตอกย้ำว่าคิดผิดมาตลอด
“ขยันจังครับ ไม่เหมือนกับที่เคยได้ยิน”
นภากับอาทิตย์ได้ยินไม่ชัด พลางขมวดคิ้วแปลกใจ เขมชาติรีบเสเปลี่ยนเรื่อง
“วดีไม่อยู่เหรอครับ?”
นภากับอาทิตย์ทำหน้างงๆ เขมชาติรีบอธิบาย “วดี คือ หนูเล็ก หรือ สุริยงน่ะครับ”
“ไม่อยู่ ออกไปธุระตั้งแต่เช้าแล้ว อีกสักพักคงกลับ” อาทิตย์ตอบตามความจริง ใขณะที่นภาข้องใจ
“ทำไมถึงเรียกหนูเล็กว่าวดี ปกติมีแต่เพื่อนมหาวิทยาลัยเรียก คุณรู้จักชื่อนี้ได้ยังไง?”
เขมชาติชะงัก พลางนิ่งคิด ก่อนจะตัดสินใจ ที่จะบอกความจริงสักที ทันใดนั้นเขมชาติก็ทรุดลงมานั่ง
ที่พื้น แล้วก้มลงกราบบุพการีของสุริยง
“ผมขอโทษครับ”
นภา อาทิตย์ ตกใจ ร้องขึ้นเสียงดัง
“ เอ้ย คุณๆๆๆ ลุกก่อน ลุกขึ้น”
นภารีบเข้ามาประคองเขมชาติขึ้นจากพื้น
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นมาขอโทษขอโพยอะไรกัน?”
เขมชาติ พูดอย่างคนที่สำนึกผิดจริงๆ “ผมกราบขอโทษสำหรับทุกอย่างที่ผมทำไม่ดีต่อวดี ผมขอโทษ
ครับ”
นภากับอาทิตย์มองหน้ากัน ยิ่งงงหนัก
“ถึงกับต้องมากราบขอโทษกันแบบนี้ระหว่างคุณกับหนูเล็กมันมีอะไรกันแน่?”

นภา กับ อาทิตย์ รอฟังหน้าเครียด

อย่าลืมฉัน ตอนที่ 23 (ต่อ)

ในขณะที่สุริยง ที่กำลังขับรถอยู่ กำลังคุยโทรศัพท์ผ่านสมอลล์ทอล์คกับชื่น และเมื่อชื่นรายงานสถานการณ์ที่บ้าน สุริยงก็ถึงกับตกใจ
“คุณพ่อคุณแม่คุยกับใครนะ?”
ชื่น รีบตอบด้วยความตื่นเต้น
“คุยกับคุณเขมชาติเจ้านายเก่าคุณหนูเล็กค่ะ คุณเขามาได้สักพักแล้วค่ะ คุยกันไม่ยอมออกจาก
ห้องรับแขกเลยค่ะ สงสัยจะคุยกันถูกคอ”
สุริยงหน้าเครียดขึ้งทันที “คุยอะไรกัน ?”

“ไม่อยากเชื่อเลย คุณเคยเป็นแฟนกับหนูเล็กเหรอเนี่ย ? แม่ไม่เคยรู้เลย ก่อนแต่งงานเราก็ถาม แต่หนูเล็กไม่ได้บอกอะไร”
นภาอึ้งไปในทันที ที่เขมชาติบอกถึงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับสุริยง หากประโยคท้ายนั้น ทำเอา เขมชาติถึงกับหน้าเสีย จนอาทิตย์ต้องรีบปลอบใจ
“ไม่ต้องเสียใจที่เขาไม่ได้บอก หนูเล็กเป็นคนมีโลกส่วนตัวสูง ไม่ค่อยพูด ถามก็ไม่ค่อยบอก”
คราวนี้เขมชาติเห็นด้วย
“ไม่ใช่แค่เรื่องตัวเองหรอกครับ ความลับของเพื่อนก็เหมือนกัน ถ้าเล่าให้เขาฟัง ไม่มีทางจะหลุดออก
จากปาก ผมกับเพื่อนๆตั้งฉายาให้วดีว่าเครื่องเก็บความลับขั้นสุดยอด”
นภาคิดตาม
“ก็จริงนะ แม่เล่าอะไรให้เขาฟัง แล้วบอกว่าอย่าบอกพ่อ เขาก็ไม่เคยบอก อ๋อ รู้แล้ว รู้จักกันมาตั้งแต่
อยู่มหาวิทยาลัยนี่เอง ถึงได้เรียกว่าวดี”
“ผมว่าชื่อนี้เพราะดีครับ “สุริยาวดี” ผมชอบเรียกว่า “วดี” เพราะมันเก๋ดี น่ารัก”
อาทิตย์อมยิ้มอย่างภูมิใจ “พ่อตั้งให้เองแหละ”
เขมชาติได้ทีรีบพูดต่อ
“เหรอครับ เพราะมาก ผมไม่ชอบชื่อ “สุริยง” เลย มันดูแข็งๆเหมือนชื่อผู้ชาย”
นภา อาทิตย์ รีบสนับสนุน “ใช่ๆ พ่อกับแม่ก็ไม่ชอบ”
เขมชาติยิ้มโล่งใจกับท่าทีของนภากับอาทิตย์
“แล้วนี่ยังไม่บอกเลย มาขอโทษที่ทำไม่ดีกับหนูเล็ก คุณทำอะไรเหรอ?”
อาทิตย์ยังไม่หายข้องใจ เขมชาติถึงกับหุบยิ้มแทบไม่ทัน
“ตั้งแต่กลับมาเจอกัน ผมทำไม่ดีกับวดีไว้มาก ทั้งเรื่องงานเรื่องส่วนตัว ถ้าสิ่งที่ผมทำกับวดี สร้าง
ความไม่สบายใจให้คุณพ่อคุณแม่ไปด้วยผมต้องขอโทษนะครับ”
นภารีบอธิบาย
“ตอนทำงานหนูเล็กก็มีเครียดบ้าง ยิ่งกลับจากสวิส ยิ่งเครียดหนักแต่แม่ไม่ถือหรอก ตอนนี้ไม่ได้
ทำงานกันแล้วนี่ คงไม่มีอะไรแล้วมั้ง ส่วนเรื่องที่เคยเป็นแฟนกัน มันเป็นแค่อดีตตอนนี้ก็โตๆกันแล้ว คุณเองก็มีคุณ
เกนหลง”
เขมชาติอึกอักๆ แล้วก็ตัดสินใจพูดตรงๆ
“ คือตอนนี้ผมกับคุณเกน เราเป็นเพื่อนกันแล้วครับ”
นภากับอาทิตย์มองหน้ากัน ด้วยความหนักใจ นภาถามตรงๆ
“เพราะหนูเล็กหรือเปล่า? เห็นชื่นบอกว่าวันก่อนคุณเกนหลงมาที่บ้าน ท่าทางโกรธมาก”
เขมชาติรีบบอก
“ไม่ใช่ครับ เพราะผมเอง ที่ทำให้คุณเกนขอเลิก ส่วนเรื่องวดี คุณเกนเป็นคนบอกให้ผมมาขอบคุณ
เขา ที่ทำให้เธอไม่โกรธผม และกลับมาเป็นเพื่อนกันได้ คุณเกนไม่ได้โกรธวดีเลยครับ”
นภากับอาทิตย์ ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขมชาติรีบพูดต่อ
“ผมขอบคุณที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ถือสาเรื่องที่ผ่านมา ตอนนี้ก็เหลือแต่วดี ผมยอมรับ ที่สวิส ผมทำไม่ดี
กับวดีไว้มาก กลับมาเขาถึงได้เป็นแบบนั้น ผมมาเพื่ออยากจะขอโทษ หลายเรื่องก็คลี่คลายแล้ว รวมทั้งเรื่องผมกับ
คุณเกนผมก็ได้แต่หวังว่า วดีจะเห็นใจ และ ยกโทษให้ผม”
เขมชาติพูดอย่างมีหวัง ทันใดนั้นชื่นก็วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา
“คุณเขมชาติคะ คุณเขมชาติ ปะ ไปดูหน้าบ้านหน่อยค่ะ เกิดเรื่องแล้วค่ะ”
เขมชาติรีบหันขวับไปทันที

เมื่อเขมชาติ อาทิตย์ นภา ชื่น ออกมาที่หน้าประตูบ้าน ก็เห็นรถลาก กำลังจัดการพ่วงรถเขมชาติ เตรียมลากไป เขมชาติหน้า เหวอ รีบวิ่งพรวดตามไปทันที
“หยุดก่อน รถผม พวกคุณจะทำอะไร?”
พนักงานลากรถหยุดกึก เสียงสุริยงดังขึ้น
“ฉันเป็นคนโทร.เรียกให้เขามาลากไปเอง”
ทุกคนหันมาตามเสียง เห็นสุริยงเดินมา หน้าตาเอาเรื่อง จนเขมชาติ นภา อาทิตย์ และชื่น หน้าซีดไปตามๆ กัน
“วดี คุณทำแบบนี้ทำไม?”
“เพราะมันเป็นหน้าบ้านฉัน และฉันไม่ต้อนรับคุณ”
เขมชาติหน้าเสีย นภารีบปรามด้วยความสงสาร
“หนูเล็ก พูดกันดีๆ ดีกว่านะลูกนะ”
“คนแบบนี้พูดดีๆด้วยไม่ได้ค่ะแม่ ยิ่งเราดี เขายิ่งเลวใส่”
นภา อาทิตย์ ชื่น ถึงกับผงะ แต่ไหนแต่ไรมา ไม่เคยเห็นสุริยงพูดจากระโชกโฮกฮากแบบนี้ หากสุริยงไม่แคร์หันมาสั่งคนลากรถ
“ลากไปเลย ลากไปทิ้งที่ไหนก็ได้ ทิ้งให้ไกลๆ เลย”
เขมชาติสวนกลับทันที
“ได้ คุณอยากจะลากรถผมไปทิ้ง ก็ได้ ผมไม่ว่า คราวหน้าผมให้คนรถมาส่ง หรือมาแท็กซี่ก็ได้แต่ไม่
ว่ายังไง ผมก็ต้องมาหาคุณ”
“คุณจะมาหาฉันอีกทำไมหะ?” สุริยงย้อนถาม “จะมาสร้างความเดือดร้อนอะไรให้ฉันอีก ที่ผ่านมายัง
ไม่พอหรือไง?”
เขมชาติ รีบบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ผมรู้ว่า ผมไม่ดีกับคุณ ผมจะมาเพื่อขอโทษ ขอโทษสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง ขอโทษที่ทำร้ายจิตใจคุณ
แล้วก็ขอโทษที่ไม่ดีกับคุณที่สวิส”
เขมชาติพูดยังไม่ทันจบประโยคดี สุริยงก็พูดแทรกเสียงดัง
“หยุดพูดเดี๋ยวนี้นะ ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ฉันไม่อยากฟัง ไม่ต้องมาที่นี่อีก เพราะฉันไม่รับคำขอโทษ
กลับไปเลยนะ และไม่ต้องมาที่นี่อีก ไป ฉันบอกให้ไป ไปสิ”
สุริยงอารมณ์ขึ้น จนควบคุมไม่ได้ เล่นเอาคนรอบข้างถึงกับตะลึง
ชื่น รีบเอียงหน้ามากระซิบกับนภา ”ไม่เคยเห็นคุณหนูเล็กเป็นแบบนี้เลยนะคะเนี่ย”
เขมชาติยังไม่ละความพยายาม
“วดี”
สุริยงตวาดลั่น
“จะมา วดง วดี อะไรอีกหะ ไปสิ ไป ไป ไม่ต้องมาปั้นหน้าสำนึกผิด เพราะฉันไม่เชื่อ กลับไป ไปสิ ไป ฉันบอกให้ไป”
สุริยงฟาดกระเป๋าใส่เขมชาติอย่างแรง ด้วยอารมณ์ที่ขึ้นสุดๆ เหมือนรถเบรคแตก
“โอ๊ย วดี นี่ตีจริงเหรอเนี่ย โอ้ย”
สุริยงไม่ยอมรามือ
“ตีจริงๆสิ จะมาตีเล่นทำไม นี่ยังน้อยไปด้วยซ้ำ ถ้าเทียบกับสิ่งที่ทำกับฉัน กลับไป ไป”
นภา อาทิตย์ ชื่น แม้กระทั่งคนลากรถ ตกใจ
“หนูเล็กๆ ใจเย็นๆๆ เบาๆลูก เบาๆ ชื่นช่วยกันจับหน่อยเร็ว” นภารีบหันมาบอกกับชื่น
“ค่ะๆ”
จากนั้นนภากับชื่นรีบเข้าไปจับสุริยง ที่ยังใช้กระเป๋าตีเขมชาติไม่หยุด
“กลับไปเลยนะ ไม่ต้องมาให้เห็นหน้าอีก ไป”
“หนูเล็กๆ พอแล้วลูก พอแล้ว” นภาร้องห้าม พลางรีบลากมาอย่างยากลำบาก
อาทิตย์รีบหันมาบอกกับเขมชาติ
“กลับไปก่อนเถอะคุณ วันหลังค่อยคุยกันใหม่ วันนี้คงคุยไม่รู้เรื่อง”
สุริยงรีบสวน
“ไม่ต้องค่ะ จะวันนี้หรือ วันไหนก็ไม่ต้องมา ไม่คุยอะไรทั้งนั้น”
เขมชาติไม่ยอมแพ้
“ไม่ ผมไม่ยอมรับ และไม่ทำตามผมจะกลับมา และคุยกับคุณให้รู้เรื่อง”
“หน้าด้าน” นภากับชื่นถึงกับผงะ เป็นครั้งแรกที่ได้ยินสุริยงพูดจาหยาบคายเช่นนี้
“ใช่ ผมยอมรับว่าผมหน้าด้าน และจะด้านให้ถึงที่สุด จนกว่าคุณจะยกโทษให้ผม”
สุริยงแทบกรี๊ด “ไอ้บ้า พูดจาไม่รู้เรื่อง”
เขมชาติพยักหน้ารับ
“ผมยอมบ้า ยอมเป็นทุกอย่าง ถ้าเป็นแล้ว เรากลับมาเป็นเหมือนเดิม ผมยอม”
นภา อาทิตย์ เริ่มจะเข้าใจในความต้องการของเขมชาติ
“ฝันไปเถอะ มันไม่มีวันจะเป็นเหมือนเดิม ไม่มีทาง”
สุริยงย้ำ หน้าตาจริงจัง
“มี ผมรู้ว่าจริงๆแล้ว คุณไม่ได้เกลียดผม คุณพูดให้คุณเกนเข้าใจผม ผมรู้ว่าคุณเป็นห่วงผม”
พลันกระเป๋าของสุริยงลอยมาปะทะเข้ากับหน้าของเขมชาติจังๆ เขมชาติร้องเสียงหลง
“โอ๊ย”
“ตื่นจากฝัน แล้วก็เลิกคิดไปเองได้แล้ว ฉันไม่มีวันจะยกโทษ หรือ ลืมสิ่งที่คุณทำกับฉัน อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก เรื่องระหว่างเรา มันจบไปนานแล้ว”
จากนั้นสุริยงสะบัดหน้าแล้วก็เดินเข้าบ้านไปเลย เขมชาติมองตามตาละห้อย นภากับอาทิตย์หันมามองเขมชาติด้วยความเห็นใจ แล้วก็เดินตามสุริยงเข้าไป พร้อมๆ กับชื่น ที่รีบวิ่งมาเก็บกระเป๋า ทั้งที่ยังงงอยู่ แล้วก็ตามไปอีกคน

เขมชาติค่อยทรุดลงนั่งที่พื้นหมดแรง ที่ความพยายามครั้งแรก พังอย่างไม่เป็นท่า

สุริยงเข้ามาในบ้าน ก็รีบต่อโทรศัพท์ถึงเอื้อทันที

“ผมไม่รู้เรื่อง ผมไม่ได้บอกให้เขมชาติทำอะไรทั้งนั้น แล้วทำไมผมต้องทำแบบนั้น ?”
เอื้อปฎิเสธอย่างงงๆ ที่จู่ๆ ก็โดนสุริยงตั้งข้อกล่าวหาให้
สุริยงคุยโทรศัพท์ด้วยท่าทางหงุดหงิด นภา อาทิตย์ ชื่น ได้แต่ยืนแอบดูอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ
“ก็เขาบอกว่า คุณเกนบอกให้เขามา คุณเอื้ออาจจะไปบอกคุณเกน ให้คุณเกนไปบอกเขาก็ได้”
นภากับอาทิตย์หันมามองหน้ากันด้วยความแปลกใจ อาทิตย์บ่นเบาๆ
“หนูเล็กนี่ จะพาลใหญ่แล้ว ไปกินอะไรผิดมานะ”
นภาหันมาทางชื่น
“วันนี้หนูเล็กท่าทางแปลกๆจริงๆ ด้วยนะชื่น”
ชื่นเห็นด้วย
“ใช่ค่ะ แปลกมากๆ แล้วเมื่อกี๊ที่คุณเขมชาติบอกว่าเหมือนเดิม มันคืออะไรคะ? อะไรเหมือนเดิม”
นภาหันมากระซิบ เล่าให้ฟัง ชื่นถึงกับอึ้ง แล้วโพล่งออกมาเสียงดัง
“หะ? คุณเขมกับคุณหนูเล็กเคยเป็นแฟนกันจริงเหรอคะ ?”
สุริยงหันขวับมาทางนภา อาทิตย์ ชื่น ทั้งสามคนผงะแล้วรีบแยกย้ายวงแตกทันที ในขณะที่เอื้อ
ยิ่งงงหนัก
“เดี๋ยวๆ ผมไม่รู้เรื่องจริงๆ ผมไม่ได้บอกอะไรใครทั้งนั้น”
เอื้อพยายามใช้ความสงบสยบอารมณ์เหวี่ยงของสุริยง

อดไม่ได้ เอื้อจึงต้องรีบมาสืบหาความจริงจากเกนหลง ที่ตอบคำถามแบบสบายๆ เหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่
“เกนเป็นคนบอกเองค่ะ เกนไปหาเขมที่บ้าน ไปปลดปล่อยเขาจากความรู้สึกผิด จากนี้ไปเราก็ยังเป็น
เพื่อนที่ดีต่อกัน และก็บอกให้เขาแก้ไขสิ่งที่ทำผิด ให้เขาทำในสิ่งที่ควรทำ และทำในสิ่งที่ต้องการทำ ไม่ต้องห่วงเกน”
เกนหลงตอบพลางบีบครีมใส่แป้งคัพเค้ก ที่เพิ่งอบเสร็จหมาดๆ ทีละอัน มีหนังสือคู่มือทำอาหารกางอยู่ข้างๆ ตัว เอื้อกอดอกตั้งใจฟัง
“มันเป็นอย่างนี้นี่เอง แล้วเกนแน่ใจเหรอว่าไม่ต้องห่วง”
เกนหลงเงยหน้า แล้วตอบยิ้มๆ
“แน่ใจสิคะ เกนไม่ใช่คนปากอย่างใจอย่างสักหน่อย จะว่าไปเกนโล่งอกด้วยซ้ำที่ได้รู้ความจริงสักที
ตลอดเวลาที่คบกันเกนรู้สึกว่าเขมมีใครบางคนอยู่ในใจ แต่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นคนใกล้ตัวขนาดนี้ จะว่าไปชีวิตคนเรามันก็
ตลกดีนะคะ คนตั้งมากมาย ทำไมต้องเป็นคุณสุ”
“ใช่ คนตั้งมากมาย ทำไมต้องมาเป็นเขมชาติ”
เกนหลงหันขวับ และเริ่มมองเอื้อด้วยแววตาเป็นห่วง เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา มัวแต่คิดถึงเรื่อง
ของตัวเอง จนลืมคิดถึงความรู้สึกเอื้อไปเลย
“พี่เอื้อ ไม่โกรธเกนใช่มั้ยคะ ที่ทำให้เขมลุกขึ้นง้อคุณสุ”
“เกนทำในสิ่งที่ถูกต้องพี่ไม่มีสิทธิ์โกรธ ที่จริงพี่ก็ชินกับการที่มีคนมาจีบหนูเล็ก เพราะตั้งแต่รู้จักกันก็
มีมาเรื่อยๆ”
“แต่เขมไม่เหมือนผู้ชายคนอื่นนะคะ พี่เอื้อก็รู้ว่าเขาสองคนมีอดีตกันมา ถ้าคุณสุเกิดใจอ่อน ถ่านไฟ
เก่าลุกขึ้นมาอีกครั้ง พี่เอื้อจะทำยังไง”
เอื้ออึ้งอย่างใช้ความคิด
“ก็คงมาให้เกนสอนทำคัพเค้กมั้ง”
“งั้นก็” เกนหลงพูดพลางส่งที่ตะแกรงให้ “หัดร่อนแป้งเลยค่ะ ได้มาทำคัพเค้กกับเกนแน่ๆ”
เอื้อยิ้มขำ “โห ไม่ให้กำลังใจเลยหรือไง”
“ก็จริงนี่คะ พอเกนรู้ความจริง ก็เริ่มรู้สึกถึงอะไรบางอย่างของสองคนนี้ มันไม่ใช่แค่ป๊อบปี้เลิฟหรือ
ชีวิตรักนักศึกษา แต่มันมีอะไรที่มากกว่านั้น เขมถึงฝังใจมาก นานขนาดนี้ก็ยังไม่ลืม เกนขอพูดด้วยความเป็นห่วง
ทำใจไว้บ้างก็ดีนะคะ”
เอื้อชะงัก แต่ยังไม่ยอมตัดใจง่ายๆ
“พี่ว่าคนที่ต้องทำใจไม่ใช่พี่ แต่เป็นเขมชาติมากกว่า เอาชนะใจหนูเล็กไม่ใช่เรื่องง่าย ที่ผ่านมา
เขมชาติคงทำอะไรบางอย่าง ที่ทำให้หนูเล็กเสียใจมาก และถ้าหนูเล็กฝังใจแล้ว ต่อให้เขาพยายามขอโทษตลอดชีวิต
อาจจะไม่สำเร็จก็ได้”
เอื้อพูดอย่างมีความหวัง ลึกๆแล้วแม้จะรู้สึกดีกับเกนหลงมากมาย แต่ในความผูกพันก็ยังตัดสุริยงไม่
ขาด เกนหลงได้แต่มองเอื้อด้วยความเป็นห่วง

เขมชาติ สมคิด วิบูลย์ กำลังนั่งคุยกันอยู่มุมหนึ่งของบ้านเขมชาติ บรรยากาศสบายๆ กันเอง
“คุณเขมให้เราช่วยคิดวิธีทำให้คุณสุหายโกรธ” วิบูลย์ถามย้ำอย่างจะให้แน่ใจ
“ใช่ ไหนๆก็รู้เรื่องกันหมดแล้ว มาช่วยคิดหน่อยว่าจะทำยังไง ให้วดีของผม หรือคุณสุของพวกคุณ
หายโกรธ”
“แล้วคุณเขมไปทำอะไรให้คุณสุเขาโกรธครับ เราต้องรู้ต้นเหตุปัญหาก่อนแล้วถึงจะแก้ถูก”
เขมชาติสะอึก เพราะไม่สามารถเล่าเรื่องจริงให้ใครฟังได้
“ไม่ต้องรู้หรอกน่า เรื่องมันผ่านไปแล้วฉันไม่อยากพูด เอาเป็นว่า ลองเสนอมาแบบกว้างๆก็ได้ แบบที่
คุณสมคิดง้อเมีย หรือคุณใช้ง้อสาวอะไรแบบนั้น”
วิบูลย์รีบเสนอ
“ส่วนมาก พอหญิงงอนๆ ผมก็ใช้วิธีทุ่ม อยากได้อะไรจัดให้ จัดเต็ม สักพักก็หาย”
เขมชาติส่ายหน้า
“วดีไม่ใช่คนแบบนั้น ขืนทุ่มใส่มีหวังโดนถีบออกจากบ้านแทบไม่ทัน”
สมคิด กับวิบูลย์พยักหน้าพยักหน้าตามเห็นด้วย สมคิดรีบเสนออีกหนึ่งทางเลือก
“งั้นก็ระลึกความหลังไงครับ” เขมชาติสะอึก ”คุณเขมกับคุณสุเคยเป็นแฟนเก่ากัน ต้องเคยมี
ความหลังหวานๆด้วยกัน ขุดขึ้นมาเลยครับ เอามาเรียกความรู้สึกเก่าๆให้กลับมา รับรอง”
หากยังไม่พูดจบประโคดี เขมชาติ ก็สวนขึ้นมาทันที
“รับรองโดนฆ่าแน่ วิธีนี้ มันใช้ไม่ได้ผลหรอก เพราะผมใช้ไปแล้ว คือเอาวิธีอื่น คิดต่อสิ”
จากนั้นวิบูลย์ ก็เสนออีกหลายวิธี หากเขมชาติปฎิเสธทุกวิธี สมคิดตัดบท
“พอๆๆ ผมว่าที่ผ่านมาคุณเขมพยายามจะวางแผนซับซ้อนมาตลอด ตอนนี้ถึงเวลาที่จะต้องทำทุก
อย่างด้วยความจริงใจและเรียบง่ายมากที่สุด พูดตรงๆนะครับ มันเป็นช่วงแห่งการชดใช้กรรม คุณทำไม่ดีกับเขาไว้ ถ้า
เขาจะทำไม่ดีกลับมาก็ต้องก้มหน้ารับ ความอดทนและความจริงใจเท่านั้นถึงจะเอาชนะใจคุณสุได้”
สมคิดสรุปปิดท้ายด้วยความหนักแน่น เขมชาติฟังแล้วก็คิดตาม

ในขณะที่ไก่กับไข่กำลังเล่นต่อเลโก้อยู่ที่ห้องรับแขกกลางบ้าน พลันเสียงของสุริยงก็ดังขึ้นมา ทำเอาคู่
แฝดถึงกับตกใจ
“จะเรื่องอะไรก็ไม่ต้องไปสนใจ ไม่ต้องไปฟัง แล้วก็ไม่ต้องเชื่อ”
ไก่ กับไข่ หันไปตามเสียงสุริยง ด้วยความแปลกใจ แล้วก็เห็นสุริยง ที่นั่งกินผลไม้ไป โวยวายเสียงดัง
ไปด้วยความหงุดหงิด นภา อาทิตย์ นั่งตรงข้าม ชื่นยืนห่างออกไป ทุกคนมองด้วยความแปลกใจ
“คำพูดของผู้ชายคนนี้เชื่อไม่ได้ เขาพูดได้สารพัด แต่เชื่อไม่ได้สักอย่าง ทั้งโกหก เสแสร้ง แกล้งเล่น
ละครตบตาสารพัด คุณพ่อ คุณแม่ไม่มีทางตามทัน”
“แล้วลูกไปโดนเขาหลอกอะไรมา ทำไมถึงได้โกรธมากมายขนาดนี้ แม่ถามเขาก็ไม่บอก”
สุริยงชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะเริ่มโวยวายต่อ
“หลายอย่างค่ะ เอาเป็นว่าไม่อยากพูดถึง ไม่อยากเข้าใกล้ ไม่อยากยุ่ง ถ้าคุณพ่อคุณแม่ยังรักหนูเล็ก
เป็นห่วงหนูเล็ก อย่าไปเชื่อเขา เขาถามอะไรก็ไม่ต้องบอก และอยู่ให้ไกลเขามากที่สุด อย่าให้เขาเข้าบ้านได้ยิ่งดี”

สุริยงพูดไปกินไป ชื่นมองตามมือที่หยิบกินไม่หยุดปากด้วยความงุนงง สุริยงพูดไปกินไปจนผลไม้
หมดจาน
“หมด ชื่น ยังมีผลไม้อีกหรือเปล่า?”
“มะ มี เอ้ย ไม่มีค่ะ”
สุริยงเริ่มหงุดหงิด
“ตกลงว่ามีหรือไม่มี”
“คือ ผลไม้สดมีค่ะ แต่ที่หั่นแล้วไม่มี ถ้าคุณหนูเล็กอยากทานเดี๋ยวชื่นไปปลอกมาให้ค่ะ”
“ไม่ต้อง ชักช้า ไม่ทันใจ เดี๋ยวฉันทำเอง”
พูดจบ สุริยงก็ถือจานเดินออกไปที่ครัวเลย นภา อาทิตย์ ไก่ ไข่ ชื่น มองตามไปด้วยความงุนงง กับท่าทีของสุริยง
เด็กแฝด รีบวิ่งมาหา นภากับอาทิตย์
“แม่หนูเล็กเป็นอะไรครับคุณตา”
“แม่หนูเล็กโกรธใครครับ?”
อาทิตย์ไม่รู้จะตอบหลานยังไง ได้แต่ตอบเลี่ยงๆ ไป
“เอ่อ แม่หนูเล็กเขาหิวน่ะครับก็เลยหงุดหงิด พอได้ทานแล้วเดี๋ยวก็หายครับ”
นภารีบเสริม
“หนูเล็กแปลกๆ ไปจริงๆด้วย เหมือนที่ชื่นบอกเลย ทำไมดูหงุดหงิด ฉุนเฉียว เหมือนคนเลือดจะไป
ลมจะมา ปกติไม่เคยเป็นแบบนี้เลย ต้องมีอะไรผิดปกติแน่ๆ”
ชื่นคิดๆ พลางพึมพำออกมาเบาๆ
“อาการแบบนี้มันคุ้นๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหนน้า นึกไม่ออก”
นภาคิดแล้วก็หันมาถาม
“พ่อดูจากรูปการณ์แล้ว เหมือนเขมชาติจะมาขอคืนดี มากกว่าขอโทษนะ แล้วอย่างนี้ถ้าเขามาอีก เรา
จะทำยังไง”
สิ้นประโยตของนภา เสียงออดก็ดังขึ้นที่หน้าบ้าน นภา อาทิตย์ หันขวับไปพร้อมๆ กัน

“อย่าบอกนะว่า”

อย่าลืมฉัน ตอนที่ 23 (ต่อ)

เหมือนที่อาทิตย์ กันภาคาดการณ์ไว้ไม่มีผิด เขมชาติยืนอยู่หน้าบ้านจริงๆ ในมือถือกล่องของที่สุริยง
ทิ้งไว้

                                 “อดทนและจริงใจ” 
                                เขมชาติเงยหน้าด้วยความตั้งใจแล้วก็กดออดอีกที
 
                                สุริยงปากล่องลงที่พื้นอย่างแรง จนของในกล่องกระจาย  รูปที่เขมชาติพยายามจะต่อกลับมา
เหมือนเดิม ตกเกลื่อนเต็มพื้น เขมชาติยืนเหวออยู่ที่หน้าบ้าน สุริยงด่าใส่
                                “ออกไป   แล้วก็เอาของพวกนี้ออกไปด้วย ฉันทิ้งไปแล้ว ฉันไม่ต้องการเห็นมันอีก แล้วฉันก็บอกแล้ว
ไง อย่ากลับมาให้ฉันเห็นหน้าอีก”
                                เขมชาติหน้าเสีย สุริยงหันมาลงที่ชื่น
                                “ชื่น หนูเล็กบอกแล้วไงว่าอย่าให้เขาเข้ามาในบ้าน”
                                ชื่นหน้าเสียตามไปอีกคน  “เอ่อคือ”
                                “อย่าว่าชื่นเลย ชื่นบอกแล้ว แต่ผมไม่เชื่อเขาเอง ผมขอเข้ามาเพื่อขอโทษคุณ”
                                สุริยงสวนขวับ
                                “ฉันบอกไปแล้วไงว่าไม่ต้องมาขอโทษ ฉันไม่ยกโทษให้  ไล่ไปรอบนึงยังจะมีหน้ามาอีก”
                                เขมชาติหน้าตาจริงจัง       
                                “ถึงคุณไม่ยกโทษให้ ผมก็ต้องขอโทษคุณ ผมรู้คุณทิ้งของพวกนี้แล้วเพราะคุณไม่ต้องการ แต่ผม
พยายามจะแก้ไขให้มันกลับมาเป็นเหมือนเดิม เหมือนความรักของคุณ ที่ผมทำลายไป ผมจะพยายามทำให้มัน
กลับมาเป็นเหมือนเดิม”
                                สุริยงสะอึก หากยังไม่ยอมใจอ่อน เขมชาติรุกต่อ
                                “วดี”
                                พูดพลางเขมชาติก็แล้วก็ทรุดลงคุกเข่า
                                “ผมจะคุกเข่าอยู่ตรงนี้ เพื่อขอโทษคุณ ถ้าคุณไม่ยกโทษผมก็จะนั่งอยู่ตรงนี้ไปตลอดชีวิต”
                                ชื่นหน้าเหวอ ตรงกันข้ามกับสุริยง ที่เชิดหน้า อย่างไม่สน
                                “ได้ อยากนั่งใช่มั้ย ? อย่าลุกนะ”
                                สุริยงหันไปที่สายยางรดน้ำต้นไม้ พลางรีบเดินพุ่งไป ชื่น เขมชาติ มองตามงงๆ แล้วสุริยงก็หยิบสาย
ยาง หันฝักบัวมาทางเขมชาติ  ก่อนที่จะเปิดน้ำ จนสายน้ำก็พุ่งเข้าที่หน้าเขมชาติอย่างแรง
                                 เขมชาติหลับตารับไปเต็มๆ
                                “ดูสิ จะทนได้ถึงไหน”
                                ชื่นร้องเสียงหลง
                                “ว้าย คุณหนูเล็กคะ ปะ เปียกหมดแล้วค่ะ “
                                เขมชาติยังยืนทน
                                “ช่างเขาเถอะชื่น แค่นี้ทำอะไรฉันไม่ได้”
                                 สุริยงหมั่นไส้ หันฝักบัวพุ่งเข้าที่หน้าเต็มๆ จน เขมชาติสำลัก “ฉันทนได้”
                                เขมชาติหลับหู หลับตา นั่งสู้กับสายน้ำอย่างอดทน สุริยงเห็นว่าทนก็ยิ่งแค้น หันมาเร่งน้ำแรงขึ้นอีก
แล้วก็ฉีดน้ำ กระหน่ำใส่ อย่างแรง จนเขมชาติเปียกไปทั้งตัว แต่ก็ยังคุกเข่าอยู่เหมือนเดิม
                                ชื่นหน้าเสีย                                                                                                                                                                         
                                ในขณะที่ไก่กับไข่ รีบวิ่งมาหยุดมองที่หน้าต่างอย่างงงๆ  ก่อนที่นภา อาทิตย์  จะเดินมาสมทบ
                                ไก่ หันมาทางนภา อาทิตย์
                                “ทำไมแม่หนูเล็กต้องอาบน้ำให้พี่เขมด้วยครับ” 
                                นภา อาทิตย์  ได้แต่อึกอักๆ พูดอะไรไม่ออก
 
                                ทางด้านเขมชาติ ที่เปียกไปทั้งตัว แต่กระนั้นก็ยังไม่ยอมแพ้
                                “ต่อให้คุณฉีดน้ำให้หมดคลองประปา ผมก็ไม่ไป จะคุกเข่าให้ตัวเปื่อย ปอดบวมตายอยู่ตรงนี้ เพื่อ
พิสูจน์ว่าผมเสียใจกับสิ่งที่ผมทำลงไป ถึงคุณจะไม่ยกโทษให้ผมก็จะขอโทษไปเรื่อยๆ ขอโทษทุกวิธี จนกว่าจะตายกัน
ไปข้างนึง”
                                สุริยงยิ่งฟังยิ่งแค้น กระหน่ำน้ำใส่ แต่เขมชาติก็ยังทน จนสุดท้ายสุริยงก็ปาฝักบัวใส่หัวดังโป้ก
                                “โอ้ย”
                                “ตกลงจะไม่ไปจริงๆใช่มั้ย?”
                                สุริยงเริ่มทนไม่ไหว
                                “ตกลงจะไม่ยกโทษให้ผมจริงๆใช่มั้ย?”
                                “ใช่” สุริยงยืนยันเสียงแข็ง
                                “งั้นผมก็ไม่ไป”
                                สุริยง ใจเต้นตึ้กๆ ด้วยความโกรธ
                                “อย่าลุกไปไหนนะ อย่าขยับแม้แต่นิดเดียว”
                                สุริยงชี้หน้าสั่ง แล้วก็เดินไป  เขมชาติมองตาม

                จากนั้นสุริยงรีบเดินเข้ามาในบ้าน ด้วยท่าทีที่ทำให้ทั้งนภา อาทิตย์ และลูกแฝดทั้งสองคน มองตามอย่างงงๆ

ทางด้านเขมชาติ ก็มองตัวเองที่เปียกชุ่ม แล้วก็เงยหน้าขึ้นเพราะได้ยินเสียงรถยนต์สตาร์ท 

                                “เอ้ย”
                                สุริยงนั่งอยู่ในรถ เร่งเครื่องขู่ใส่เขมชาติที่นั่งคุกเข่าอยู่ พลางเหยียบแบบไม่ปรานี เขมชาติตกใจอย่างแรง ร้องลั่น
                                “วดี เอ้ย เอาจริงเหรอเนี่ย”
                                ชื่นตกใจ
                                “คุณเขม หลบเถอะค่ะ”
                                ยิ่งเขมชาติร้องโวยวาย สุริยงก็ยิ่งเร่งเครื่องอย่างฉุนเฉียว  จนนภา กับอาทิตย์  ที่เฝ้ามองเหตุการณ์อยู่
ในบ้าน พากันตกใจ
                                “ว้าย คุณพระ พ่อรีบไปห้ามหนูเล็กเร็ว”
                                “ได้ๆ” อาทิตย์รีบออกไปอย่างรวดเร็ว
                                “แม่หนูเล็กจะขับรถไปไหนครับ?”
                                ไข่ถามอย่าซื่อๆ
                                “คะ คงจะไปตลาดมั้งลูก ไก่ ไข่ไปเล่นต่อดีกว่าครับ ไปๆ”
                                นภารีบต้อนไก่กับไข่ ไปหลังบ้าน เพราะไม่อยากให้หลานตกใจ
 
                                สุริยงยังเบิ้ลเครื่องขู่อย่างดุเดือด  ในขณะที่เขมชาติคุกเข่าอยู่ที่เดิม
                                “คุณ คุณเขมท่าทางคุณหนูเล็กจะเอาจริงนะคะ หลบมาเถอะค่ะ”
                                ชื่นพยายามร้องเรียกเขมชาติ อาทิตย์วิ่งมาสมทบ
                                “คุณ ลุกขึ้นเถอะ ลุกมาก่อน แล้วค่อยว่ากัน”
                                เขมชาติ นั่งคุกเข่า มองสุริยงที่นั่งอยู่ในรถ  ต่างคนต่างสู้ตากัน ไม่มีใครถอย
                                “ไม่ครับ ผมไม่ลุก ถ้ามันคือสิ่งที่วดีต้องการ ผมก็พร้อมจะยอมรับ”
                                พูดจบเขมชาติก็ค่อยๆ หลับตา หากคุกเข่าอยู่ที่เดิม อย่างคนที่พร้อมยอมตาย สุริยงยิ่งแค้นที่เขมชาติไม่ยอมหนี
                                และทันใดนั้น สุริยงก็เข้าเกียร์เดินหน้า และเร่งเครื่องขับรถพุ่งเข้ามาหาเขมชาติทันที
                                เขมชาติหลับตานิ่งพร้อมตาย สุริยงเหยียบไม่หยุด
                                อาทิตย์หน้าซีด  ชื่นยกมือปิดหน้า

                                นี่คือวินาทีวัดใจระหว่างเขมชาติ กับสุริยง

จบตอนที่ 23 
กำลังโหลดความคิดเห็น