อย่าลืมฉัน ตอนที่ 9
วิบูลย์จอดรถที่หน้าบริษัท ก่อนที่จะเดินนำสุริยงลงจากรถ แล้วเดินคุยกันไปตามทาง
“อีก 2 วันจะได้รถนะครับ ผมจะให้เขาเอามาส่งที่บริษัท”
“ขอบคุณมากค่ะ ได้รถสักทีก็ดีค่ะ จะได้ไม่ต้องลำบากคุณวิบูลย์มารับมาส่ง”
วิบูลย์พูดอย่างจริงใจ
“บ้านเราไม่ไกลกันไม่ได้ลำบากเลยครับ ถ้าผมไม่รับส่งแล้วโดนคุณเขมด่านี่สิครับ ลำบากแน่”
สุริยง ยิ้มรับนิดๆนึกได้
“อ้อ..ธุระด่วนที่ต้องไปทำเมื่อวันเสาร์เรียบร้อยดีมั้ยคะ?”
“ธุระด่วนอะไรครับ” วิบูลย์แปลกใจ
“ผู้อำนวยการบอกว่า วันเสาร์ที่คุณวิบูลย์ไม่ได้ไปซื้อของด้วยกัน เพราะติดธุระด่วน”
วิบูลย์หน้าเหวอ แต่ก็รีบรับมุกไปก่อน
“อ๋อ ใช่ครับ ติดธุระด่วนมาก แต่ตอนนี้เรียบร้อยแล้วครับ” พลางหัวเราะกลบเกลื่อนก่อนจะ
ถามกลับ “แล้วคุณสุหล่ะครับ ซื้อเฟอร์นิเจอร์กับผู้อำนวยการเป็นยังไงบ้างครั ? โอเคหรือเปล่า?”
“ก็โอเคนะคะ กำลังจะขึ้นไปดูว่าจัดออกมาแล้วเป็นยังไง สุขอตัวก่อนนะคะ”
“ครับๆ เชิญครับ”
เมื่อสุริยงเดินคล้อยหลังไป วิบูลย์มองตามแล้วก็บ่นกับตัวเองงงๆ
“ทำไมคุณเขมต้องโกหกว่าเราติดธุระด้วย”
วิบูลย์ค้างคาใจอย่างแรง
ห้องทำงานของเกนหลง ได้รับการตกแต่งอย่างดูดี สุริยงกำลังจัดดอกไม้ เพิ่มความสดชื่น
พลางดูความเรียบร้อยภายในห้อง
ทันใดนั้นเขมชาติก็เดินเข้ามาทางด้านหลังและมองสุริยงที่กำลังจัดดอกไม้อย่างอ่อนโยน แต่
คำพูดของอัมพิกา ที่ดังก้องในหัวกลับแตกต่างกันอย่างสุดขั้ว
“เขาเป็นได้อย่างมากก็แค่ “นางบำเรอ” ที่มีทะเบียนสมรสของคุณพ่อพี่ ผู้หญิงไร้ศักดิ์ศรี
แต่งงานกับเพื่อนพ่อเพื่อแลกกับเงินสองร้อยล้านจะรักใครเป็น นอกจากรักตัวเอง”
เขมชาติเหยียดริมฝีปากอย่างดูถูก จงเกลียดจงชัง
สุริยงรู้สึกตัวเหมือนมีคนยืนอยู่ จึงหันมา เขมชาติรีบเปลี่ยนจากเหยียดเป็นยิ้มทันที
“สวัสดีค่ะผู้อำนวยการ ดิฉันจัดห้องคุณเกนหลงตามที่ผู้อำนวยการต้องการเรียบร้อยแล้ว ขอ
ตัวไปเตรียมงานที่จะสอนก่อนนะคะ”
สุริยงหันหลังจะเดินไป เขมชาติเรียกขึ้น เสียงเข้ม แววตากระด้างกว่าเดิม ความรู้สึกเบื้องลึกถูก
ปล่อยออกมาอีกครั้ง
“เดี๋ยว ในฐานะที่ตอนนี้เราก็เป็น “เพื่อน” กัน ผมมีหนึ่งเรื่องที่อยากจะบอก”
สุริยงหันกลับมามารอฟัง เขมชาติพยายามปั้นหน้าและพูดด้วยความห่วงใย
“ต่อไป ถ้ามีปัญหาเรื่องเงิน อยากให้ผมช่วยก็บอก เมื่อก่อนผมช่วยคุณไม่ได้ เพราะผมจน แต่
ตอนนี้ผม “รวย” แล้ว ถ้าต้องการเงินก็บอก ในฐานะคนเคยใกล้ชิด ผมให้โดยไม่เรียกร้องว่าคุณจะต้องมา
แต่งงานหรือทำอะไรทั้งสิ้น ผมยินดีให้เพราะ...” ในใจอยากจะพูดคำว่า “สมเพช” แต่คำที่ออกจากปาก กลับ
กลายเป็น
“สงสาร”
สุริยงอึ้งไป มองหน้าเขมชาติด้วยความแปลกใจ เขมชาติตัดบทอย่างตั้งใจให้ค้างคา
“เรื่องที่ผมอยากจะบอกก็มีแค่นี้ คุณเกนใกล้จะมาถึงแล้ว คุณรอต้อนรับเธออยู่ในห้องนี้ ผมลง
ไปรับเธอเอง”
เขมชาติพูดจบก็เดินออกจากห้องไปเลย ทิ้งให้สุริยงยืนอยู่คนเดียวในห้อง ในใจยังครุ่นคิด
สงสัยในสิ่งที่เขมชาติพูด
“คุณน่ะคิดมาก คุณเขมเขาพูดแบบนั้นก็เพราะไม่อยากจะอธิบาย บอกว่าติดธุระง่ายที่สุด พูด
แล้วจบเลย”
สมคิด ตอบวิบูลย์ ที่ยังคงค้างคาใจไม่หาย จนต้องเก็บมาปรึกษาสมคิด
“แต่ผมไม่ได้ติดธุระ คุณเขมนั่นแหละเป็นคนใช้ให้ผมทำงานจนดึก แล้วก็โทร.มาบอกว่าผมไม่
ต้องไป ผมว่ามันทะแม่งๆไงไม่รู้ ตั้งแต่จับมือ กอดกัน แล้วครั้งนี้ ผมรู้สึกเหมือนคุณเขมวางแผนจะไปกับคุณสุ
สองต่อสอง หรือว่า” พลางลดเสียงลง “คุณเขมจะแอบกิ๊กกับคุณสุ”
สมคิดสะดุ้งนิดๆ “เฮ้ย”
ทันใดนั้นเขมชาติก็เดินออกมา
สมคิด กับ วิบูลย์ ตกใจหนักกว่าเดิม “เฮ้ย”
เขมชาติหยุดยืนมองหน้าสองคน สมคิดรีบยิ้มกลบเกลื่อน
“คุณเขมวันนี้มาเช้าจังเลยนะครับ มีอะไรหรือเปล่าครับ?”
สมคิด กับวิบูลย์ ยิ้มแห้งๆ พลางพบาบามกลบเกลื่อน ทำเหมือนไม่ได้พูดถึงเขมชาติเมื่อครู่ที่
ผ่านมา
สุริยงถามย้ำอีกครั้งด้วยความแปลกใจ หลังจากที่ได้ฟังสมคิดเล่า โดยมีวิบูลย์ยืนอยู่ห่างๆ
สำรวจดอกไม้ที่วางอยู่ในห้องทำงานของเกนหลง
“คุณอัมพิกาไปหาผู้อำนวยการที่บ้านเหรอคะ?”
“ครับเธอติดต่อมาทางผม บอกว่ามีเรื่องสำคัญจะคุยกับคุณเขม”
“ดิฉันพอจะทราบแล้วค่ะว่าเรื่องอะไร”
ถึงไม่รู้ แต่สุริยงก็พอจะเดาหัวข้อการสนทนาออก สมคิดมองหน้าสุริยง เห็นความหนักใจ
ที่ฉายชัดออกมาทางแววตา จึงพยายามปลอบใจ
“คุณเขมเป็นคนที่แยกเรื่องงานออกจากเรื่องส่วนตัวคุณสุไม่ต้องห่วง ไม่ว่าคุณอัมพิกาจะมา
พูดไม่ดีเกี่ยวกับคุณ ผมว่าคุณเขมแยกแยะได้ เชื่อผม”
สมคิดยิ้มให้กำลังใจ ทันใดนั้นวิบูลย์ก็พูดขึ้น
“ไม่อยากจะเชื่อเลย”
สมคิดหันขวับมาทางวิบูลย์ที่ยืนชื่นชมดอกไม้อยู่
“คุณเขมสั่งดอกไม้เข้าบริษัท เพื่อมาต้อนรับคุณเกน นี่เป็นวันแรกนับจากเริ่มก่อตั้งบริษัทที่
ดอกไม้ได้รับอนุญาตให้มาเสนออยู่ในนี้ ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ” พลางหันมาทางสมคิด “คุณสมคิดดู ดู
อะเมซิ่งสุดๆ”
สมคิดส่ายหน้า นึกว่าคุยเรื่องเดียวกัน ที่แท้วิบูลย์ยืนชื่นชมดอกไม้ไม่รู้เรื่องรู้ราว สุริยงยิ้มนิดๆ แต่ในรอยยิ้มเห็นความกังวลเรื่องอัมพิกาแฝงอยู่
รถตู้เกนหลงมาจอดเทียบที่ด้านหน้าบริษัทของเขมชาติ เกนหลงลงจากรถในชุดทำงานเก๋ๆ เท่ๆ
เขมชาติรอรับพร้อมรอยยิ้ม
“สวัสดีค่ะ คุณเจ้านาย ให้เกียรติมารอรับเลขาถึงหน้าบริษัทเลยเหรอคะ”
เกนหลงทำเสียงล้อๆ
“เฉพาะเลขาที่ชื่อเกนหลงคนเดียวเท่านั้น เลขาคนอื่นอย่าหวัง เชิญครับ”
เขมชาติผายมือเชิญ เกนหลงยิ้ม แล้วก็เดินเข้าไปอย่างอารมณ์ดี
ประตูห้องทำงานเกนหลงถูกเปิดออก เกนหลงเดินเข้ามา มองไปรอบๆห้อง ด้วยความถูกใจ
“โห สวยจัง”
เขมชาติเดินตามมา สมคิด วิบูลย์ และ สุริยงยืนรอ ต้อนรับอยู่ภายในห้อง
เขมชาติรีบเสนอหน้า
“ถูกใจมั้ยครับ?”
“ถูกใจมากค่ะ”
เขมชาติเข้ามาจับมือ ทำเสียงอ้อนๆ “ผมตั้งใจเลือกอย่างสุดฝีมือเลยนะ เลือกแต่ของที่คุณเกน
ชอบ”
“จริงเหรอ เลือกเองจริงเหรอ?”
เกนหลงทำเสียงเหมือนไม่เชื่อ
“จริงๆสิ ผมเลือกเองกับมือเลยนะ ไม่เชื่อไปถามที่ร้านได้เลย เลือกตั้งแต่เช้าจนเย็น พิถีพิถัน
สุดๆ เพื่อคุณเกนคนเดียว”
วิบูลย์มองเขมชาติแล้วก็มองสุริยง ที่ยืนนิ่ง ในใจแอบหมั่นไส้นิดๆ ในขณะที่สมคิดมองวิบูลย์ที่
กำลังจับผิดเจ้านายอย่างรู้ทัน พลางรีบแทรกขึ้นอย่างสุภาพ
“คุณเกนหลงครับผมขออนุญาตเป็นตัวแทนพนักงานในบริษัท ต้อนรับคุณเกนหลงอย่างเป็น
ทางการ ถ้าต้องการให้ผมกับวิบูลย์” พลางดันวิบูลย์ขึ้นมา “ช่วยเหลืออะไรก็บอกมาได้เลยนะครับ วิบูลย์เป็น
ผู้จัดการทั่วไปครับ”
“เอ้อ ครับได้เลยครับ ถือซะว่าเราเป็นทีมเดียวกันนะครับ”
เกนหลงยิ้มอย่างสุภาพ
“ขอบคุณมากค่ะ เกนไม่แน่ใจว่าจะช่วยงานที่นี่ได้มากแค่ไหน แต่จะพยายามทำอย่างเต็มที่ เกน
ว่า..เราเริ่มงานกันเลยดีกว่านะคะ”
“ดีครับ”
เขมชาติพูด พลาง ปรายตามาทางสุริยง ก่อนจะออกคำสั่ง
“สุริยง! ฝากดูแลคุณเกนด้วย”
“ได้ค่ะ เชิญคุณเกนทางนี้เลยค่ะ”
“ผมไปด้วยครับ พอดีมีประชุมกับฝ่ายการตลาด”
สมคิดพูดพลางรีบเดินตามออกไปสุริยง และเกนหลงออกไป เขมชาติมองแล้วก็ยิ้มด้วยความ
พอใจ
วิบูลย์ลอบมองเขมชาติอย่างจับผิด เขมชาติหันมา วิบูลย์สะดุ้ง
“มองอะไร?”
“เอ่อ ไม่ได้มองอะไรครับ”
“ไม่ได้มองก็ไปทำงานสิ มายืนอึ้งๆทำไม” เขมชาติออกคำสั่ง
“ครับๆ ไปทำงานครับ..ไปก่อนนะครับ”
เขมชาติรอจังหวะที่ทุกคนเดินออกไปหมดแล้วก็ค่อยๆแอบเดินตามออกไปอย่างมีเลศนัย
ในขณะที่วิบูลย์ยังคงค้างคาใจไม่หาย
สุริยงกับเกนหลงยืนอยู่ที่หน้าชั้นวางของ ที่มีแฟ้มวางเรียงอยู่มากมาย
“งานหลักๆในแต่ละวันจะคล้ายๆกัน ปกติสุจะมาก่อนผู้อำนวยการประมาณ 1 ชั่วโมง มาเช็ค
เมลล์ เช็คเอกสารที่ต้องเสนอเซ็น แล้วก็จัดเรียงไว้ในแฟ้ม”
สุริยงยกแฟ้มขึ้น แล้วก็วางไว้
“สุจะเรียงเอกสารตามความเร่งด่วน ถ้าด่วนมาก จะแยกไว้อีกแฟ้ม แล้วเสนอไปพร้อมกันตอนที่
ผู้อำนวยการมาถึง”
“ปกติเขมจะมาถึงกี่โมงคะ?”
“ประมาณ 8 โมงค่ะ” สุริยงตอบยิ้มๆ
เกนหลง ทำตาโต
“คุณสุต้องมาตั้งแต่ 7 โมงเลยเหรอคะ ?”
สุริยงยิ้มรับ “ค่ะ”
ทั้งคู่ไม่ทันสังเกตเห็นเขมชาติ ที่ค่อยๆย่องออกมาแอบฟัง
“โห เช้าจังเลย แล้วเกนต้องมาเช้าแบบนี้ด้วยหรือเปล่าคะ เนี่ย?”
“ช่วงแรกๆที่สุยังทำอยู่ สุจะมาดูแลให้ค่ะ แต่ถ้า”
ยังไม่ทันพูดจบ เกนหลงก็รีบแทรกขึ้น
“ไม่ได้นะคะ ห้ามบอกว่า “ถ้าคุณสุลาออก” เพราะเกนไม่ให้ออก”
เขมชาติแอบอมยิ้มสะใจ
เกนหลง ทำท่าเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้
“อ้อ อีกอย่างต้องขอบคุณคุณสุมากนะคะเรื่องห้องทำงาน ถูกใจมากๆเลยค่ะ เกนรู้ว่าจริงๆคุณ
สุเป็นคนเลือก ไม่ใช่เขม”
เขมชาติชะงักหุบยิ้ม
“คุณเกนทราบได้ยังไงคะ?” สุริยงย้อนถาม
“พี่เอื้อบอกค่ะ เราเจอกันโดยบังเอิญเมื่อวันเสาร์ พี่เอื้อพาไก่ กับ ไข่มาเรียนว่ายน้ำ เพราะคุณสุ
ต้องไปซื้อของแต่งห้องให้เกน แต่พี่เอื้อให้เกนทำเนียนไม่รู้เรื่อง และทำให้เป็นเซอร์ไพรส์ตอนเห็นห้อง เขมจะได้ไม่
ดุคุณสุ”
เขมชาติชักสีหน้า ด้วยความหมั่นไส้ ในชณะที่สุริยงยิ้มรับนิดๆ
“คุณเอื้อเป็นคนดีแบบนี้หล่ะค่ะ แล้วก็ดีกับทุกๆคน เดี๋ยวสุจะพาไปแนะนำส่วนต่างๆของบริษัท
เชิญค่ะ”
สุริยงเดินนำไป เกนหลงเดินตามไป เขมชาติค่อยๆโผล่หน้าออกมามองด้วยความไม่พอใจ
“เอื้อ”
สุริยงพาเกนหลงเดินสำรวจมุมต่างๆของบริษัท ทั้งแผนกการเงิน การตลาด ห้องเก็บของ พลาง
อธิบายรายละเอียดของงานในแต่ละแผนกให้เกนหลง ที่ฟังอย่างตั้งใจ พนักงานมองตามเป็นทางด้วยความชื่นชม
จากนั้นสุริยง ก็นำเกนหลงมาที่มุมเตรียมกาแฟ พลางสอนวิธีเตรียมกาแฟ
“ปกติตอนเช้าผู้อำนวยการจะทานอาหารเบาๆมาจากที่บ้าน เราไม่ต้องเตรียมอะไรให้ พอสายๆสัก
10 โมงจะเป็นกาแฟ” พูดพลางหยิบกล่องมะนาวฝานออกมาจากตู้เย็น “ ผู้อำนวยการจะดื่มกาแฟดำใส่มะนาวฝาน
ต้องฝานด้วยมีดคมๆ จะไม่ขม และมะนาวต้องใช้วันต่อวัน เพื่อความหอม”
เกนหลง มองอย่างทึ่ง
“ โห บางมากเลยค่ะ คุณสุต้องเตรียมอย่างนี้ทุกวันเลยเหรอคะ”
“แต่คุณเกนไม่ต้องเตรียมเองนะคะ สุสอนแม่บ้านไว้แล้ว ส่วนกาแฟ หนึ่งช้อนพูน น้ำสองในสาม
ของแก้ว มะนาววางไว้ข้างๆ ถ้าหงุดหงิด แสดงว่าไม่ได้ทานอาหารเช้า อาจจะมีขนมหรือคุ๊กกี้ชิ้นเล็กๆวางไว้ให้”
เกนหลงพยักหน้ารับ แล้วก็มองชุดกาแฟที่สุริยงจัดให้ดูเป็นตัวอย่าง
“คุณสุรู้ใจเขมมากเลยนะคะ เกนรู้จักกันมาตั้งนานยังไม่รู้ละเอียดเท่านี้ เกนขอลองชงดูนะคะ
อยากรู้ว่าจะถูกปากเขมหรือเปล่า?”
เกนหลงพูดขึ้นด้วยความกระตือรือร้น
อย่าลืมฉัน ตอนที่ 9 (ต่อ)
กาแฟแก้วแรกจากฝีมือการชงของเกนหลง ถูกยกมาเสิร์ฟให้เขมชาติในเวลาอันรวดเร็ว เขมชาติยก
แก้วขึ้นมาดื่ม เกนหลงลุ้น ในขณะที่สุริยงยืนห่างออกมา
“กลมกล่อม ถูกใจผมมากครับ”
เกนหลง ถอนหายใจอย่างโล่งอก
“พอจะสู้ฝีมือคุณสุได้นะคะ”
เขมชาติ ตวัดสายตาไปทางสุริยงหนึ่งแว่บแล้วตอบอย่างตั้งใจ
“ สู้ได้สิครับ สู้ได้สบายมาก สำหรับผมฝีมือชงกาแฟของคุณเกนชนะขาดลอยอยู่แล้ว”
“อ้าวเขมพูดแบบนี้ คุณสุเสียใจแย่ ระวังจะไม่มีคนฝานมะนาวมาให้นะคะ”
เกนหลงพูดล้อๆ
“สุริยงไม่เสียใจหรอกครับ เขารู้ดี สำหรับผมคุณเกนต้องเหนือกว่าผู้หญิงทุกคนเสมอ” พลางหันมา
ทางสุริยง แล้วถามยิ้มๆ “จริงมั้ย?”
สุริยง มองกลับอย่างไม่หวั่นไหว
“จริงค่ะ”
เกนหลงส่ายหน้า
“ยิ่งพูดยิ่งไปกันใหญ่ เกนไปทำงานต่อก่อนนะคะ ต้องการอะไรเรียกได้เลยนะคะคุณเจ้านาย”
เขมชาติยิ้มตาหวาน “ได้เลยครับ คุณเลขา”
เกนหลงยิ้มรับแล้วเดินออกไป คล้อยหลังเกนหลงเขมชาติหุบยิ้มทันที แล้วก็เดินแซงสุริยง ที่กำลังจะเดินตามเกนหลง พลางปิดประตู เอาตัวแทรกกันไม่ให้สุริยงเดินออกไป
“เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งไป”
สุริยงชะงักกึก เกือบจะชนกับเขมชาติที่ยืนขวางประตูอยู่
ในขณะที่เกนหลงเดินออกมาจากห้องเขม แล้วก็เดินเข้าห้องตัวเอง ไม่ทันสังเกตว่าสุริยงไม่ได้
ออกมาด้วย
สุริยงรีบผงะ ถอยออกมาห่างเขมชาติในระยะปลอดภัย พลางถามอย่างไม่ค่อยเต็มเสียง
“มีอะไรคะ?”
เขมชาติ ทำเป็นหรี่เสียง
“คุณเกนเป็นยังไงบ้าง? หลังจากพาดูงานแล้ว มีอะไรไม่พอใจอะไรหรือเปล่า”
“ไม่มีค่ะ”
เขมชาติถอนหายใจ
“เฮ่อ โล่งอก ผมกังวลมากๆ กลัวว่าคุณเกนจะไม่พอใจ พาลยกเลิกไม่มาทำงานกับผมวดี”
สุริยงเชิดหน้า เขมชาติจำต้องรีบเปลี่ยน “สุริยง ผมขอบคุณคุณมากนะที่อยู่ดูแลคุณเกนให้ผม ขอบคุณมาก”
พูดพลางยื่นมือมาจะจับมือสุริยง หากฝ่ายหลังรู้ตัวทัน จึงรีบดึงมือหลบทำเป็นจับมือ เขมชาติ
ชะงัก รู้จักขัดใจ
สุริยง รีบพูดตัดบท
“ที่จริงผู้อำนวยการไม่ต้องขอบคุณดิฉันก็ได้นะคะ มันเป็นหน้าที่ที่ดิฉันต้องทำ และต้องทำอย่างดี
ที่สุด เพราะคุณเกนหลงเรียนรู้งานได้เร็วเท่าไหร่ ดิฉันก็ยิ่งลาออกได้เร็วเท่านั้น”
สุริยงพูดจบก็เดินเบี่ยงตัว หลบอ้อมเขมชาติ และเปิดประตูเดินออกไปเลย เขมชาติกำหมัดแน่น
ไม่ยอม
“เขมชาติไม่ชอบนังสุริยงเหรอคะ ?
อรทัยถามเสียงแจ๋น อย่างสะใจ 2 คนพี่-น้องนั่งคุยในห้องออกกำลังกายภายในบ้าน
“ใช่ เขาบอกว่าไม่ถูกชะตาตั้งแต่แรก ไม่อยากรับเข้าทำงานด้วยซ้ำ แต่คุณสมคิดผู้ช่วยขอร้องไว้
พอทำๆไปได้มารู้จักกับเกนหลง ก็ใช้มารยาออดอ้อนจนเกนหลงเห็นใจ สั่งห้ามไม่ให้เขมชาติไล่ออก ตอนนี้ก็เลย
จำใจต้องจ้างไว้ ทั้งที่ไม่ถูกชะตา”
“ต๊าย ร้ายที่สุด นังสุริยงที่มันร้ายไม่มีติ หลอกใช้ทั้งผู้ชายผู้หญิง เกนหลงก็โง่หลงเชื่อมันไปได้ยังไง
พี่เอื้ออีกคน ไม่รู้จะหลงอะไรนักหนา ขนาดเห็นรูปมันนั่งตักเขมก็ยังปกป้องมันอยู่ได้ ไม่คิดอะไรบ้างหรือไง”
อรทัยไพล่พาดพิงไปถึงพีชาย
“พี่ไม่เชื่อว่าเอื้อจะไม่คิดอะไร แต่คงไม่กล้าแสดงออกกลัวว่าเราจะยิ่งซ้ำเติม”
อัมพิกาสันนิษฐาน อรทัยเริ่มคล้อยตามพี่สาว
“รู้จักกันมาตั้งแต่เกิด พี่รู้ดีว่าน้องชายเป็นคนยังไง เชื่อสิ ภาพมันฟ้องออกขนาดนั้น ต่อให้
หนักแน่น ก็ต้องหวั่นไหว จะมากหรือน้อยก็เท่านั้นเอง”
อัมพิกาสรุปความเองอย่างมั่นใจ พลางพูดต่อ
“ส่วนเรื่องเอื้อกับเกนหลง พี่มีวิธีที่จะทำให้สองคนได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น”
“ทำยังไงคะ?”
“ทำวิธีเดียวกับเขมชาติ ในเมื่อเกนหลงไปทำงานกับเขมชาติได้ ทำไมเกนหลงจะมาทำงานกับเอื้อ
บ้างไม่ได้”
อัมพิกายิ้มร้ายอย่างเจ้าเล่ห์ ในขณะที่อรทัยฟังแล้วก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี
เกนหลงในชุดเตรียมซ้อม ยืนคุยกับพนักงานประจำฟิตเนส
“ไม่มีเทรนเนอร์ว่างเลยเหรอคะ?”
“ครับ วันนี้คนมาเยอะมาก ไม่มีใครว่างเลยครับ ต้องขอโทษด้วย”
เกนหลง ยิ้มอย่างอ่อนหวาน
“ไม่เป็นไรค่ะ เกนพลาดเองที่ไม่ได้โทร.มาจอง ขอบคุณค่ะ”
พลางหันหลังเตรียมจะกลับ แล้วก็ชะงักกึก เมื่อเพ่งมองไปข้างหน้า
“พี่เอื้อ”
เอื้อเดินมาในชุดสูท ดูขัดกับสถานที่ ที่เต็มไปด้วยเหล่าสมาชิกที่แต่งตัวด้วยชุดออกกำลังกาย เอื้อ
หันมาเห็นเกนหลงก็ยิ้มให้
“พี่เอื้อมาได้ยังไงคะ?” เกนหลงถามด้วยความแปลกใจ
เอื้อ ชูโทรศัพท์ ที่เปิดหน้าเฟซบุ๊กของเกนหลง
“พี่เห็นเกนเช็คอินที่นี่ ก็เลยตามมา” เกนหลงทำหน้าสงสัย เอื้อรีบพูดต่อ “คือพี่มีคำถาม
อยากจะถามนิดหน่อย”
เกนหลง ยิ้มเจ้าเล่ห์
“ต้องเป็นคำถามสำคัญแน่ๆ แต่ก่อนที่เกนจะตอบ ต้องมีของแลกเปลี่ยนค่ะ”
เอื้อ เลิกคิ้ว ด้วยความสงสัย
“อะไร?”
เอื้อถอดสูท ปลดเนคไท ใส่เครื่องป้องกัน ยืนอยู่บนเวทีมวย ในขณะที่เกนหลงใส่นวมพร้อมลุย
“พร้อมนะคะ”
เอื้อพยักหน้า
“ไหวแน่นะคะ” เกนหลงถามน้ำเพื่อความแน่ใจ
“สบายมาก”
สิ้นคำเอื้อ เกนหลงก็เตะป๊าบเข้าให้ พลั่ก! เอื้อจุกเล็กๆ เซน้อยๆ
“ไหวนะคะพี่เอื้อ” เกนหลงถามซ้ำอีกครั้ง
เอื้อตอบทั้งจุกๆ “สบายมาก”
เกนหลงจึงจัดอีกหนึ่งชุดใหญ่
“ไหวมั้ยคะ ?”
เอื้อพยักหน้าแต่แอบทรุด จุก เกนหลงตกใจรีบเข้ามาดู
“พี่เอื้อ”
เอื้อนอนเอาตัวพาดเวที ห้อยขาลงมาข้างล่าง หน้าแดงก่ำ ในขณะที่เกนหลงเดินขึ้นมาพร้อมกับผ้า
เย็น
“ผ้าเย็นค่ะ”
เอื้อลุกขึ้น รับผ้ามาเช็ดหน้าตัวเอง “ขอบใจมาก อายจัง แอบเสียฟอร์ม”
เกนหลงขำ
“ไม่ต้องห่วงค่ะ เกนไม่แฉโดยเฉพาะกับคุณสุ “พลางทำท่ารูดซิปปาก
เอื้อยิ้มกว้าง “รู้ใจจริงๆ”
“พี่เอื้อบอกว่ามีเรื่องจะถามเรื่องอะไรเหรอคะ?”
เกนหลงเพิ่งนึกขึ้นได้ เอื้อนิ่งลงคิดแล้วก็ถามเสียงจริงจัง
“คือ พี่อยากรู้ว่า เขมชาติเป็นคนเจ้าชู้หรือเปล่า?”
เกนหลง นิ่งคิดชั่วเสี้ยววินาที ก่อนตอบ
“เท่าที่รู้จักก็ไม่นะคะ ค่อนข้างจะเป็นคนถือตัวด้วยซ้ำ มีผู้หญิงหลายคนพยายามจะจับ ก็ไม่เห็น
เขมจะเล่นด้วย อย่าบอกนะคะว่า หึงเขมกับคุณสุ”
เอื้อ มองหน้า แล้วย้อนถามกลับ
“แล้วพี่ควรหรือเปล่า ?”
“ไม่ควรค่ะ”
“ทำไม?”
เอื้อไม่ยอมลดละ
“เพราะคุณสุมีผู้ชายแสนดีอย่างพี่เอื้ออยู่ทั้งคน เธอไม่มีทางหวั่นไหวกับเขมแน่ๆ”
เอื้อ ถึงกับขำ “โห เหตุผลนี้เนี่ยนะ ไหวเหรอ?”
“จริงๆนะ ถึงเกนจะเพิ่งรู้จัก แต่มองออกว่าคุณสุเป็นคนหนักแน่น ต่อให้เขมเป็นคนเจ้าชู้ เธอก็ดู
ออก และเธอไม่มีวันจะยุ่งเกี่ยวด้วยเด็ดขาด คุณสุมีผู้ชายอย่างพี่เอื้ออยู่ข้างๆ ไม่มีทางสนใจผู้ชายคนอื่นแน่ๆ มั่นใจ
ในตัวเองค่ะ”
เกนหลงส่งยิ้มให้กำลังใจ เอื้อคิด แล้วก็ยิ้มออกมาด้วยความสบายใจ
“ถ้าอย่างนั้นก็มีอีกเหตุผลที่ทำให้พี่ไม่ควรหึง เขมชาติมีผู้หญิงเพอร์เฟคอย่างเกนอยู่ทั้งคน เขาก็คง
จะไม่สนใจผู้หญิงอื่นเหมือนกัน”
เกนหลงขำ “สรุป เราสองคนดีเลิศ ประเสริฐมาก อวยกันเอง เพื่อความสบายใจ”
เอื้อหัวเราะตาม เกนหลงมองเอื้อ ด้วยแววตาชื่นชม และรู้สึกดีที่เอื้อแคร์สุริยงขนาดนี้พลางพูดต่อว่า
“บางทีเกนก็แอบคิดนะคะ ถ้าพี่เอื้อได้เจอกับคุณสุก่อนเจ้าสัวก็คงดี บางทีคนที่ได้แต่งงานกับคุณ
สุ อาจจะเป็นพี่เอื้อก็ได้”
เอื้อสะอึก จุก จนพูดไม่ออก
ภาพความหลังย้อนเข้ามาในความทรงจำ เป็นความจริงที่คนนอกไม่มีใครรู้
“พ่อจะให้ผมแต่งงานกับลูกสาวเพื่อนพ่อ”
เอื้อเห็นภาพตัวเองนั่งอยู่ต่อหน้าคุณชวลิต และเมื่อได้ยินประกาศิตจากผู้เป็นบิดา เอื้อก็หน้าตึง
ขึ้นมาทันที
“ผมไม่ยอม ผมไม่มีวันแต่งงานกับผู้หญิงที่ผมไม่ได้รัก โดยเฉพาะผู้หญิงเห็นแก่เงิน”
“อัม กับ อร คงจะเป่าหูแกมาหล่ะสิ”
“ถึงสองคนนั้นไม่บอก ผมก็มีปัญญารู้เอง ผู้หญิงดีๆที่ไหนจะยอมแต่งงานกับผู้ชายที่ไม่เคยเห็น
หน้า ถ้าไม่ใช่เพราะอยากได้เงิน เขาก็คงไม่ยอมเหมือนกัน มันหมดยุคคลุมถุงชนแล้วนะครับพ่อ”
เอื้อพุดอย่างเหยียดๆ
“ฉันรู้ แต่เพราะเราเอาแต่ควงดารา นางแบบ ไม่ซ้ำหน้า ฉันก็เลยต้องหาผู้หญิงดีๆมาให้ ถึงขาจะมี
ปัญหาเรื่องการเงิน และเขาก็เป็นคนกตัญญู เสียสละตัวเอง เพื่อใช้หนี้แทนบุพการี ผู้หญิงดีๆแบบนี้หาไม่ได้อีกแล้ว”
คุณชวลิตพยายามโน้มน้าว หากเอื้อส่าหน้า อย่างไม่ยอมรับ
“พ่อครับ หนี้ของพ่อแม่เขาสองร้อยล้านนะครับ ไม่ใช่น้อยๆ และแต่งเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ
ครอบครัวเรา เขาก็อยู่อย่างสุขสบาย สิ่งที่เขาต้องเสีย เมื่อเทียบกับสิ่งที่จะได้ มันห่างไกลคำว่าเสียสละมาก พ่อ
รู้ตัวหรือเปล่าว่าพ่อกำลังโดนเพื่อนหลอกขายลูกสาว”
“ไม่ใช่ ครอบครัวนั้นเขาไม่ได้เป็นฝ่ายเสนอ แต่พ่อเป็นคนไปขอลูกสาวเขามาเอง”
คุณชวลิตอธิบายตามความจริง
“ถ้าอย่างนั้น พ่อก็แต่งเองแล้วกัน เพราะไม่ว่ายังไง ผมก็ไม่แต่ง”
เอื้อประกาศก้องต่อหน้าบิดา
อ่านต่อเวลา 17.00น.
อย่าลืมฉัน ตอนที่ 9 (ต่อ)
หลังจากนั้นไม่นาน เอื้อก็ได้รับทราบข่าวการแต่งงานของบิดา กับผู้หญิงที่ชื่อสุริยง จากคำบอกเล่า
ของพี่สาว
“พ่อแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้นจริงๆเหรอ” เอื้อยืน คุยโทรศัพท์ด้วยความหงุดหงิด “ไม่อยากจะเชื่อ
เลย”
อัมพิกา ตอบมาทางปลายสาย
“พี่กับอรก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกัน พอเอื้อยืนกรานว่าไม่แต่ง แล้วเก็บของไปสวิส พ่อก็หายเงียบ
ไปสองสามวัน พอกลับเข้ามาที่บ้านก็บอกว่าจดทะเบียนกับนังเด็กนั่นแล้ว”
เอื้อส่ายหน้า อย่างสุดจะทน “บ้าที่สุด”
“มันจะบ้ามากกว่านั้น เพราะตอนนี้พ่อกำลังจะพานังเด็กนั่นไปหาเราที่สวิส”
เอื้ออึ้งไป เสียงอัมพิกาทางปลายสายรีบพูดต่อ
“พอเอื้อเห็นหน้ามัน ก็จะรู้เองว่าทำไมพ่อถึงได้หลงมันนัก”
เอื้อฟัง ในขณะที่ในใจเต็มไปด้วยอคติ
เอื้อย้อนนึกถึงภาพความประทับใจ และเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างเขา และสุริยง ที ยิ่งอยู่
ใกล้กันมากขึ้นเท่าใด แววตาที่เอื้อมองสุริยงก็ค่อยๆ อ่อนลงๆ และเริ่มเห็นประกายความพึงพอใจอย่างเต็มเปี่ยม
ในขณะที่สุริยงเอง ก็ดูแลชวลิตอย่างดี และไม่คิดรังเกียจ ยิ่งทำให้เอื้อมองเห็นความเป็นธรรมชาติ
อ่อนโยน และแสนดีของสุริยงมากขึ้นเรื่อยๆ
เอื้อมองสุริยงด้วยความเสียดายอย่างแรง พลางรำพึงกับตัวเองเบาๆ
“ถ้าเราได้เจอกันก่อน เรื่องคงไม่เป็นแบบนี้”
อาทิตย์เปิดกล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินหรูในมือ พลันแหวนคู่รูปทรงสวย ก็ปรากฏแก่สายตา อาทิตย์
และนภา มองแหวนในกล่องหรูด้วยความประหลาดใจ
“สุขสันต์วันครบรอบแต่งงานค่ะคุณพ่อคุณแม่”
สุริยงยิ้มให้ผู้ให้กำเนิด อาทิตย์กับนภา ถึงกับอึ้ง
“โธ่ หนูเล็ก” นภาน้ำตาซึม “ยังอุตส่าห์จำได้ ขอบใจมากนะลูก” พลางโผเข้ากอดลูกสาว
อาทิตย์เอง ก็น้ำตาซึมไม่ต่างกัน
สุริยงคลายกอดนภา หันมาทางอาทิตย์
“หนูเล็กสั่งทำแหวนคู่ให้ค่ะ”
“น่ารักมากๆเลยลูก” ผู้เป็นบิดาเสียงสั่น ด้วยความตื้นตันใจ “ขอบใจมากๆ ขอบใจมากนะลูก
นะ”
สุริยงเห็นพ่อแม่มีความสุขก็ยิ้ม น้ำตาคลอดีใจไปด้วย
“หนูเล็กจำได้ว่าตอนที่ครอบครัวลำบาก คุณพ่อคุณแม่เอาแหวนแต่งงานไปขาย เอาเงินมาใช้หนี้
หนูเล็กก็เลยอยากซื้อแหวนแต่งงานวงใหม่ให้ค่ะ”
อาทิตย์กับนภามองหน้าสุริยงด้วยความซาบซึ้ง ระคนสะท้อนใจ
“พ่อขอโทษนะลูก ขอโทษที่ทำให้ลูกลำบาก พ่อขอโทษจริงๆ ถ้าพ่อไม่มีหนี้สิน ไม่ทำธุรกิจ
ผิดพลาด ชีวิตลูกก็ไม่ต้องเป็นแบบนี้ ลูกเสียสละให้พ่อกับแม่มากเหลือเกิน มากจริงๆ”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ผู้เป็นบิดาก็ถึงแก่น้ำตาร่วง
สุริยงรีบเข้ามาจับมือพ่อ
“พ่ออย่าพูดแบบนั้นสิคะ ทุกอย่างที่เกิดขึ้น ไม่ใช่ความผิดของใครทั้งนั้น หนูเล็กเลือกเองด้วย
ความเต็มใจ”
“ถึงจะเต็มใจ แต่พ่อรู้ว่าลูก ไม่มีความสุข ลูกแบกครอบครัวไว้บนบ่ามาเป็นเวลานานแล้วพ่อ
อยากให้หนูเล็กวางมันลง และทำเพื่อตัวเองบ้าง”
นภารีบเสริม
“พ่อพูดถูก แม่อยากเห็นหนูเล็กได้สวมแหวนแต่งงานอีกครั้งและครั้งนี้มันจะเป็นแหวนแต่งงาน
ที่มาจากผู้ชายที่หนูเล็กรักอย่างแท้จริง”
สุริยงสะอึก ฉุกคิด ลึกๆในใจเธอก็รู้ดีว่า ผู้ชายคนนั้นคือ ใคร ...
เขมชาตินั่งทานอาหารเช้าอยู่ภายในบ้าน ในขณะเดียวกัน จิตใจกลับล่องลอย ครุ่นคิดถึงแต่ภาพของสุริยง ที่ทำหน้าตาเย็นชาใส่ อย่างไม่รู้สึกเจ็บปวดใดๆ
เขมชาตินิ่ง คิด พยายามหาวิธีที่ทำให้สุริยงเจ็บปวดที่สุด สมคิดเดินเข้ามา พร้อมกับกระดาษแปลนสวนใหม่
“อรุณสวัสดิ์ครับคุณเขม” สมคิดเอ่ยทักทาย พลางมองดูจานไข่ดาวที่ถูกเขมชาติใส้ส้อมจิ้มจนเละ
“จิ้มซะเละหมดเลย คุณเขมครับ วันนี้ผมให้คนเข้ามาจัดสวนให้ใหม่ จะมีย้ายกระถางต้นไม้ โต๊ะ
เก้าอี้ ที่วางอยู่บนสนามหญ้า”
เขมชาติฟังผ่านๆ ภวังค์ความคิดยังวนเวียนอยู่แต่เรื่องของสุริยง สมคิดพูดต่อ
“โดยเฉพาะก้อนหินสลักที่คุณเขมซื้อมาเมื่อเดือนที่แล้ว วางทับหญ้ามาตั้งนาน หญ้าที่อยู่ข้างใต้
จะตายหรือยังก็ไม่รู้ ต้องรีบยกก้อนหินออก ถ้ายังไม่ตายมันจะได้โตเหมือนเดิม”
เขมชาติชะงักกึก แล้วก็โพล่งออกมา
“ก้อนหิน”
สมคิด ถึงกับสะดุ้ง “ครับๆ ก้อนหิน ทำไมเหรอครับ ?”
“ถ้าเราอยากให้หญ้าโตขึ้นอีกครั้งก็ต้องยกก้อนหินออก”
สมคิด งงหนักกว่าเดิม “ คะ...ครับ ใช่ครับ”
เขมชาติหันขวับมาทันที
“ขอบคุณมากนะคุณสมคิด ขอบคุณมาก”
สมคิดรับคำอย่างงงๆ “ครับๆ”
จากนั้นเขมชาติลุกพรวดแล้วก็หยิบสูท พลางรีบเดินออกไปอย่างเร็ว สมคิดมองตามงงๆ
“อ้าว อยู่ๆก็ไปซะงั้น แล้วกะอีแค่ยกหิน ทำไมต้องตื่นเต้นขนาดนั้น เป็นอะไรของเขา ?”
สมคิดมองตามด้วยความสงสัย
เกนหลง ยืนคุยกับคุณพจน์อยู่ที่หน้าบ้าน ในขณะที่กำลังเตรียมตัวจะออกไปที่บริษัทของเขมชาติ
“บ่ายวันนี้มีนัดกับหุ้นส่วนใหม่เหรอคะ”
“ใช่ พอดีพ่อเพิ่งได้รับการติดต่อมา เขาสนใจจะร่วมลงทุนในบูธีคโฮเต็ลที่เกนดูแลอยู่ พ่อก็เลย
อยากให้ลูกไปคุยด้วย ขอลางานสักครึ่งวันบ่ายได้มั้ย?”
“แต่เกนเพิ่งเริ่มงานกับเขมเอง ถ้าขอลามันจะน่าเกลียดนะคะ”
เกนหลงพูดด้วยความเกรงใจ
ในขณะที่เขมชาติรีบบอกด้วยความยินดี
“ไม่น่าเกลียดเลยครับ แหม คุณอาขอมาผมก็ต้องจัดให้ คุณเกนไม่ต้องห่วงงานที่นี่นะครับ”
เขมชาติ จับมือถือแขนเกนหลงอย่างสนิทสนม ในขณะที่สุริยงยืนอยู่ตรงกลางห่างออกไป
และพยายาม ที่จะไม่มองมือที่จับกันอยู่
“แต่ เขมมีประชุมงานกับลูกค้าตอนบ่าย และเกนก็ต้องไปด้วย”
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง ผมจะให้สุริยงไปแทน”
เขมชาติปรายตามาทางสุริยง พร้อมกับยิ้มร้ายอย่างมีเลศนัยนิดๆที่มุมปาก
เขมชาติเดินออกมาหน้าบริษัทพร้อมกับวิบูลย์ โดยมีสุริยงเดินตามมา
“หลังจากประชุมกับลูกค้า ผมไม่กลับมาบริษัทนะ ฝากดูแลทางนี้ด้วย”
วิบูลย์ รับคำ “ครับ”
เขมชาติเดินไปขึ้นรถ ที่อดอยู่ด้านหน้าบริษัท วิบูลย์ยืนอยู่ข้างคนนั่งพอดี รีบเปิดประตูให้สุริยง
พร้อมรอยยิ้ม
“เชิญครับ คุณสุ”
เขมชาติปรายตามาฃมองด้วยอาการเขม่น ๆ ที่เห็นวิบูลย์เทคแคร์สุริยงอย่างออกนอกหน้า วิบูลย์
เหมือนจะสัมผัสรังสีอำมหิตบางอย่างได้ จึงหันไปทางเขมชาติ และทันเห็นสายตานั้นพอดี วิบูลย์ชะงัก เขมชาติรีบ
ใส่แว่นดำอำพรางแล้วเข้ารถไป พร้อมๆ กับที่สุริยงเดินมาถึงรถพอดี
“ขอบคุณค่ะ”
ในขณะที่อีกมุมหนึ่งของบริษัท วนิตากำลังเดินเข้ามา พลางจ้องมองไปข้างหน้า ทันเห็น สุริยงเข้า
รถไป และวิบูลย์ปิดประตู
วนิตาชักสีหน้าอย่างไม่พอ และรีบเดินพุ่งไปหาวิบูลย์ทันที
รถเขมชาติแล่นออกไป ในขณะที่วิบูลย์กำลังจะหันหลังเข้าบริษัท พลันเสียงวนิตาก็ดังขึ้น
“เดี๋ยว” ทว่าวิบูลย์ยังเดินต่อ “หยุดก่อน ฉันบอกให้หยุด ไม่ได้ยินหรือไง หน้าเยิน แล้วยังหูหนวก
อีก”
วิบูลย์ชะงักกึก หันขวับมา
“ไม่ได้หูหนวกครับ แต่ไม่อยากหัน เพราะคนเรียกไม่รู้จักคำว่ามารยาท เรียกเสียงจิกกบาลแบบนั้น
ใครเขาจะอยากหัน หน้าตาก็ดี พูดจาดีๆให้สมกับหน้าหน่อยก็ไม่ได้”
“นี่แกด่าฉันเหรอ”
วิบูลย์ แกล้งมองไปรอบๆ “ก็อยู่กันแค่สองคน ผมไม่ได้ด่าตัวเอง ก็คิดเองแล้วกันว่าหมายถึงใคร”
พูดจบ วิบูลย์ก็หันหลังให้เลย พลางส่ายหน้าเซ็งๆ วนิตาไม่ยอมแพ้ รีบเดินมาดักหน้า วิบูลย์ชะงัก
ตกใจเกือบชน
“อย่ามาหันหลังใส่ฉัน ฉันยังพูดไม่จบ เขมไปไหน? แล้วนังผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร? ทำไมไปกับเขา
สองต่อสอง ?”
วิบูลย์ตอบกวนๆ
“ผม-ไม่-บอก เรื่องส่วนตัวของเจ้านาย..ผมจะไม่ยุ่ง และคุณเองก็ไม่ควรจะยุ่งเช่นกัน ! คำว่า
มารยาทสะกดเป็นมั้ย ถ้าไม่เป็นลองกูเกิ้ลหาเอาเองนะครับ คราวหน้าจะได้มีติดตัวกับขาบ้าง”
วิบูลย์ตอบจบแล้วก็ตั้งใจหันหลังให้ แล้วก็เดินม้วนอีกรอบเพื่อเข้าบริษัท วนิตากำมือแน่น ตวัดหาง
ตา ด้วยความแค้น
เกนหลงเดินเข้ามาในห้องอาหารหรู ซึ่งมีคุณพจน์ พร้อมด้วยเลขานั่งรออยู่ก่อนแล้ว
“สวัสดีค่ะคุณพ่อ “ พลางมองไปรอบๆ “นี่เกนมาช้า เขากลับไปแล้ว หรือยังมาไม่ถึงคะ?”
“ยังๆ เขาโทร.บอกว่าเพิ่งมาถึงเหมือนกัน”
เกนหลง หย่อนตัวลงนั่งข้างๆ บิดา
“ดูท่าทางคุณพ่อจะตื่นเต้นกับหุ้นส่วนคนนี้มากนะคะ คุณพ่อรู้จักพวกเขาได้ยังไงคะ?”
“คุณหญิงขนิษฐาเป็นคนแนะนำ คุณหญิงบอกว่า เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ ไฟแรง พวกเขาสนใจจะร่วม
หุ้นมาก แต่ไม่รู้จะเข้าทางไหน เลยให้คุณหญิงติดต่อให้”
“ปกติคุณหญิงป้าไม่ค่อยจะยุ่งเรื่องธุรกิจ แต่ถึงกับออกหน้าแบบนี้ แสดงว่าไม่ธรรมดา อยากรู้จัง
ว่าเป็นใคร”
เกนหลงถามอย่างสนใจ ในขณะที่คุณพจน์ปรายตาไปเห็นประตูกำลังจะเปิด
“น่าจะมาแล้ว”
คุณพจน์ลุกขึ้นต้อนรับ เกนหลงลุกขึ้นตาม และค่อยๆหันมาที่ประตู
“พี่เอื้อ”
เกนหลงร้องขึ้นอย่างตกใจ เอื้อเองก็อยู่ในอาการไม่ต่างกัน
“เกนหลง”
ประตูห้องอาหารถูกเปิดกว้างขึ้น อัมพิกาและอรทัยยืนประกบอยู่ข้างหลัง สองคนยืนยิ้มอย่างมี
แผนการในใจ
“ตกลงตามนี้นะครับ ถ้าได้แบบผ้าเมื่อไหร่ ผมจะรีบส่งมาให้เลือกทันที”
เขมชาติสรุปในขณะที่ประชุมอยู่ภายในห้องประชุมที่บริษัทของลูกค้ารายใหญ่
“ขอบคุณครับ”
เขมชาติยิ้มรับ และเดินออกจากห้องไป สุริยงยิ้มให้ลูกค้าแล้วก็เก็บอุปกรณ์ทั้งแฟ้มผ้า ไอแพด เดิน
ตามไป
เขมชาติเดินไป พลางคิดแผนร้ายขึ้นมาได้อีก เมื่อสุริยงเดินตามมา เขมชาติจึงหันมาพูดด้วย
“ผมหิว เราไปหาอะไรกินกันก่อนนะแล้วค่อยกลับ”
“ค่ะ ผู้อำนวยการต้องการทานอะไรคะ?”
เขมชาติไม่ตอบแต่ยิ้มนิดๆ ด้วยความเจ้าเล่ห์
อย่าลืมฉัน ตอนที่ 9 (ต่อ)
อาหารจีน ถูกทยอยลำเลียงยกมาวางบนโต๊ะอาหาร เกนหลงนั่งคู่กับเอื้อ ข้างๆ เกนหลง คือคุณ
พจน์ ที่นั่งติดกับอัมพิกา และอรทัยนั่งติดกับเอื้อ
สองพี่น้องยิ้มให้กันอย่างมีความสุข ในขณะที่เอื้อยังคงนิ่ง เงียบ อย่างพยายาม เก็บงำความไม่
พอใจไว้ลึกๆ
“โรงแรมใหม่ที่เรากำลังก่อสร้าง ผมมอบให้เกนเป็นคนดูแลเต็มตัว ถ้ามีทางรัตนชาติมาลงหุ้น และ
ช่วยเกน ผมก็ยินดีที่จะได้ร่วมงานกับคนรุ่นใหม่ ยิ่งรู้ว่าเกนกับคุณเอื้อเป็นเพื่อนกัน ผมยิ่งสบายใจ”
คุณพจน์เอ่ยอย่างเป็นการเป็นงาน
อัมพิการีบเสริม
“ไม่ใช่เพื่อนธรรมดานะคะ แต่เป็นเพื่อนสนิท เท่าที่รู้ เขาสองคนมีอะไรหลายอย่างที่คล้ายกัน”
เกนหลงกับเอื้อปรายตามองอย่างรู้ทัน
เอื้อก้มลงกดข้อความส่งให้เกนหลงจากใต้โต๊ะ ที่หน้าจอของเกนหลงปรากฏคำว่า
“พี่ขอโทษ”
เกนหลงปรายตามามองเอื้อ เอื้อหันมามองอยากขอโทษ เกนหลงยิ้มและเอามือถือลงมา
ใต้โต๊ะ แล้วกดส่งกลับ
เสียงอรทัยพูดแทรกขึ้นบ้าง
“ใช่ค่ะ หายากนะคะ คนที่จะมีรสนิยมดีเหมือนพี่เอื้อ อรพยายามจะหาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ พอเห็น
ว่าคุณเกนเข้ากับพี่เอื้อได้ดี ก็อยากจะร่วมงานด้วยมาก”
อัมพิการีบสนับสนุน
“อัมคิดว่า ถ้าได้ทำงานร่วมกัน รับรองว่าต้องสนุกแน่ๆ ไม่บ่อยนักที่รัตนชาติจะสนใจมาลงทุนใน
กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ รับรองว่าข่าวนี้จะต้องกลายเป็นข่าวดังแน่ๆ “
ที่มือถือเอื้อขึ้นข้อความ เอื้อก้มลงดู เห็นเป็นข้อความของเกนหลง
“โอเคค่ะ เกนยินดีร่วมงานกับ “เพื่อนสนิท” ตกลงว่าตอนนี้..เราสนิทกัน และมีรสนิยมเหมือนกัน
หลายอย่างใช่มั้ยคะ? ไม่รู้ตัวเลย”
อ่านจบ เอื้อก็เผลอหลุดหัวเราะออกมาเสียงดัง ทุกคนหันมามอง เกนหลงกลั้นหัวเราะ พยายามทำ
เป็นไม่รู้เรื่อง เอื้อสะอึก แล้วก็กลบเกลื่อน
“คือ ผมเห็นด้วยครับทุกอย่างเลยครับ”
อัมพิกากับอรทัยยิ้มตามอย่างถูกใจ คุณพจน์เอง ฟังแล้วก็สบายใจ หันมาทางลูกสาว เกนหลง
กับเอื้อหันมามองหน้ากันแล้วก็ยิ้มๆ อย่างรู้กัน
“ผู้อำนวยการอยากทานอาหารที่โรงอาหารนี้จริงๆเหรอคะ”
สุริยงเอ่ยถามเขมชาติ หลังจากที่ทั่งคู่มาหยุดยืนอยู่ภายในโรงอาหารในมหาวิทยาลัย
เขมชาติหันกลับมาตอบ น้ำเสียงจริงจัง
“จริงสิ ผมคิดถึง มานานแล้ว อยากกลับมาตั้งหลายปี แต่ไม่มีใครมาด้วย วันนี้มีคุณอยู่ ผมก็
เลยอยากกลับมา ทบทวนความหลัง”
สองคนสบตากัน เขมชาติพยายามจะมองหาปฎิกิริยาที่เกิดขึ้นกับสุริยง ในขณะที่ฝ่ายหลัง เบือน
หน้าหนี ทำเฉย
“ผู้อำนวยการจะทานอะไรคะ ดิฉันจะไปจัดให้”
“ไม่ต้อง ผมจัดการเอง คุณไปนั่งรอที่ ที่ประจำของเรา ผมรู้ว่าคุณจำได้ “
เขมชาติทิ้งระเบิดแล้วก็เดินไปเลย แต่ก็ยังแอบปรายตามามอง อยากรู้ว่าสุริยงจะทำยังไง
สุริยงนิ่งอึ้ง พลางคิดหาทางออก
สุริยงปรายตาไปมองที่ที่ประจำ ภาพในอดีตผุดขึ้นมาอีกครั้ง เป็นภาพในขณะที่ทั้งคู่เป็นนักศึกษา
และนั่งกินข้าวด้วยกันในบรรยากาศสดใส เขมชาตินั่งกินไปอ่านหนังสือไปอย่างตั้งใจ สุริยงทำหน้าที่แกะเนื้อปลา
แล้ววางไว้ในจานให้
สุริยงดึงสายตากลับแววตาครุ่นคิดทำยังไงดี
เขมชาติถือถาดอาหารมาแล้วก็มาหยุดยืนตรงที่ประจำ หากก็พบแต่ความว่างเปล่า พลางหัน
มองหาสุริยง และเห็นว่าเธอนั่งอีกมุม เขมชาติเบือนหน้ากลับมาพลางชักสีหน้าอย่างไม่พอใจ ก่อนที่จะหัน กลับไป
ยิ้มให้สุริยง พร้อมกับพยักหน้าเรียก
“มานี่ผมอยากนั่งตรงนี้” พลางวางถาดอาหารแล้วก็นั่งเลย สุริยงจำใจต้องตามมานั่งด้วย
เขมชาติวางจานข้าวห่อไข่ไว้หน้าสุริยง
“ของโปรดของคุณผมจำได้”
สุริยงมองข้าวห่อไข่ตรงหน้า แล้วภาพความหลังก็แว่บมาอย่างเลี่ยงไม่ได้
สุริยงมองเห็นภาพตัวเองสมัยเรียน ที่มักจะกินข้าวให้หมดก่อน เหลือไข่ไว้กินสุดท้าย และครั้งนี้
สุริยงกินแบบเดียวกัน .. เหลือไข่ไว้สุดท้าย เขมชาติมองแล้วก็เผลอยิ้ม หากเมื่อนึกได้หุบยิ้ม แล้วถามขึ้น
“รสชาติเหมือนเดิมหรือเปล่า?”
สุริยง ชะงัก พลางคิด ก่อนตอบ
“ไม่ทราบค่ะ เพราะมันนานมาแล้ว ดิฉันจำรสชาติเดิมไม่ได้”
เขมชาติ ย้อนขำๆ
“แปลกดีเนอะ จำรสชาติเดิมไม่ได้ แต่จำวิธีกินแบบเดิมได้” สุริยงชะงักมือ “กินข้าวให้หมดก่อน
แล้วค่อยกินไข่ ตกลงจำไม่ได้ หรือแกล้งลืมกันแน่”
สุริยงสะอึกแล้วก็วางช้อนเลย โดยไม่แตะต้องไข่
“ดิฉันไม่ได้เก็บไว้ทานทีหลัง แต่ดิฉันเหลือไว้เพราะไม่ทานค่ะ”
สุริยงรวบช้อน ไม่ยอมรับ
เขมชาติเชิดหน้านิดๆ ไม่ยอมแพ้เหมือนกัน
คุณพจน์ เกนหลง เอื้อ อัมพิกา อรทัย ยืนร่ำลากันอยู่ที่หน้าร้านอาหาร
“ในเรื่องโครงสร้างการบริหารงาน อัมจะให้ฝ่ายกฎหมายและ PD มาคุยกับคุณพจน์โดยเร็วที่สุด
นะคะ”
อัมพิกาบอกกับคุณพจน์
“ได้เลยครับ มีอะไรติดต่อกับผมได้โดยตรง หรือจะติดต่อทางเกนก็ได้ครับ”
อรทัยเสริมต่อ
“คุณอามีอะไรก็ติดต่อมาทางพี่เอื้อโดยตรงได้เลยนะคะ หรือให้คุณเกนติดต่อกับพี่เอื้อเองก็ได้ เร็ว
ง่าย รู้ใจ ได้ประโยชน์สูงสุด”
อัมพิกายิ้มให้น้องสาว คุณพจน์ยิ้มรับ อย่างคนไม่รู้ตื้นลึกหนาบาง เอื้อยิ้มนิดๆ แอบอาย เกนหลง
เข้าใจพูดแทรกขึ้น
“คุณพ่อคะ เกนแยกกับคุณพ่อที่นี่เลยนะคะ”
อรทัย ได้ที รีบปล่อยหมัด
“คุณเกนจะไปไหนคะ? ให้พี่เอื้อไปส่งมั้ยคะ?”
เอื้อหันขวับมา ในขณะที่เกนหลงปฎิเสธอย่างสุภาพ
“ไม่เป็นไรค่ะ เพราะเกนไม่ได้ไปไหน แต่นัดเขมชาติ ไว้ที่นี่ค่ะ เดี๋ยวเขมจะแวะมารับ”
อรทัยชักสีหน้านิดๆ อย่างหมั่นไส้ อัมพิกาช่วยแทรก
“ฝากความคิดถึงถึงคุณเขมชาติด้วยนะคะ บอกว่าพี่อัมยังมีเรื่องเล่าให้ฟังอีกมาก เอาไว้คราวหน้า
นัดเจอกันใหม่”
เอื้อหันขวับมาทางพี่สาว พลางมองด้วยความไม่พอใจและอยากรู้
เกนหลงยิ้มรับด้วยมารยาท “ได้ค่ะ เกนจะบอกให้”
เอื้อมองอัมพิกาด้วยแววตาไม่พอใจนัก อัมพิกายิ้มรับอย่างหวาน แต่แฝงความร้ายไว้ข้างใน
“พี่อัมไปบอกอะไรกับเขมชาติ”
เอื้อถามพี่สาว ทันทีที่คุณพจน์ และเกนหลงแยกตัวไปแล้ว
“บอกความจริง และทุกสิ่งที่เขมชาติควรรู้เกี่ยวกับนังสุริยง เขาจะได้ระวังตัว”
“คนที่เขมชาติจะต้องระวัง คือ พี่อัม กับ อรมากกว่า”
สองพี่น้องถึงกับผงะ
“ทำไมพี่เอื้อพูดแบบนี้ พี่อัมกับอรออกจะเป็นคนดี รักความยุติธรรม ไม่ชอบเห็นคนโดนหลอก พี่
เอื้อนั่นแหละ เห็นกงจักรเป็นดอกบัว”
“ดอกบัวที่ไหนเที่ยวใส่ร้ายป้ายสีคนอื่นลับหลัง” เอื้อย้อน
“เราไม่ได้ใส่ร้าย แต่อรกับพี่อัมพูดเรื่องจริง”
อรทัยเผลอทำเสียงดัง จน คนแถวนั้นหันมามองด้วยความแปลกใจ อัมพิกาสะกิดให้อรทัยใจเย็นๆ
เอื้อรีบพูดตัดบท
“แต่จะว่าไปทำแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ยิ่งใส่ร้ายหนูเล็กกับเขมชาติมากเท่าไหร่ เขมชาติก็ยิ่งเกลียด
หนูเล็กมากเท่านั้น ผมก็ไม่ต้องกังวลว่าเขาจะมาแย่งหนูเล็กไปจากผม”
อัมพิกากับอรทัยชะงักกึก
“ใส่ร้ายต่อไปนะครับ อย่าหยุด”
เอื้อพูดทิ้งท้ายแล้วก็เดินจากไปเลย อัมพิกากับอรทัยถึงกับสะอึก หันกลับมามองหน้ากัน อย่างคิด
ว่าจะทำอย่างไรต่อดี
เขมชาติพาสุริยง มายืนอยู่ที่ริมสนาม เห็นคนเล่นฟุตบอลอยู่ไกลๆ
เขมชาติถอดสูทออกมาถือไว้ และปลดเนคไทเหลือเพียงเชิ้ตขาวตัวเดียว
“จำที่นี่ได้มั้ย ?”
สุริยงปรายตามองไปรอบๆ ความหลังวูบเข้ามาอีกครั้ง ในสมัยที่สุริยงเป็นเชียร์ลีดเดอร์ตอน
เรียนปีหนึ่ง ขณะกำลังซ้อมเชียร์ บังเอิญมีลูกฟุตบอลลอยมาจากด้านหลังแล้วก็ปะทะเข้าที่ศรีษะของเธออย่างแรง
สุริยงสลบไปทันที ในขณะที่เขมชาติยืนเหวออยู่ด้านหลัง หน้าซีด จนกลายเป็นขาว
เมื่อเห็นสุริยงยังคงยืนเงียบ เขมชาติก็พูดต่อด้วยน้ำเสียงขรึม
“ผมจำได้ เราเจอกันครั้งแรกที่นี่” เขมชาติกวาดตาไปรอบๆ “ผมไม่เคยลืมเจอกันครั้งแรก ผมก็
ทำคุณเจ็บตัวเลย แต่หลังจากนั้นคุณก็เอาคืนอย่างสาสมกับการบอกลาที่ทำให้เจ็บอย่างแสนสาหัส”
สุริยงสะอึกสะท้านไปทั้งใจ จึงพยายามจะตัดบท
“นี่ก็เย็นแล้วเรารีบกลับเถอะค่ะ ดิฉันมีงานอีกมากต้องทำ” พลางทำท่าจะเดินไป หากเขมชาติรีบ
พูดต่อ อย่างตั้งใจจะรั้งไว้
“ทุกอย่างที่เกิดขึ้น มันไม่ใช่ความผิดของคุณอย่าโทษตัวเองอีกเลยนะวดี”
สุริยงชะงักเท้า หยุดกึก พร้อมกับที่สัมผัสได้ถึงน้ำเสียงและคำพูดที่แฝงความเข้าใจอย่างที่เธอไม่
เคยได้ยินมาก่อน
“ผมยอมรับ ว่าผมเกลียด และโกรธ ที่คุณทิ้งผมอย่างไม่มีเยื่อใย ไม่ให้โอกาสแม้แต่จะเจอหน้า
เพื่อบอกลากัน แต่หลังจากที่ผมรู้ว่าคุณแต่งงานเพื่อช่วยเหลือครอบครัว เพื่อปลดหนี้มหาศาลให้พ่อกับแม่ ผมก็
เข้าใจ คุณทำถูกต้องแล้ว คุณตัดสินใจถูกแล้ว อย่ารู้สึกผิดกับผมต่อไปอีกเลย”
คำพูดของเขมชาติกดโดนจุดปม และสิ่งที่ค้างคาในใจของสุริยงมานานแล้ว เขมชาติเดินมาหา
สุริยงสองคนเผชิญหน้ากัน
“ผมรู้ว่าคุณเหนื่อย เหนื่อยที่ต้องแสดงว่าจำอะไรไม่ได้ เสแสร้งแกล้งทำเป็นลืมอดีต ต่อให้ทำได้
แนบเนียนแค่ไหน หัวใจของคุณก็รู้ ว่าคุณไม่เคยลืม”
เขมชาติมองตาสุริยงแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่น
“อย่าหนีต่อไปอีกเลย ถึงคุณจะเปลี่ยนชื่อใหม่สักกี่ชื่อ คุณก็คือ สุริยาวดีของผม”
สุริยงใจเต้นรัว พลางพยายามกลั้นน้ำตาไว้ ไม่ให้ไหลออกมาทั้งที่ในใจนั้นอ่อนยวบ
“ผมเข้าใจ และยกโทษให้คุณทุกอย่าง คุณไม่จำเป็นต้องแสดง หรือเล่นละครหลอกคนอื่น และ
หลอกตัวเองต่อไปอีกแล้ว”
เขมชาติพูดด้วยความเข้าใจ พลางมองสุริยงด้วยแววตาที่เข้าลึกไปถึงหัวใจที่ถูกปิดกั้นมานานสุริยงสะอื้นในใจ เหมือนเขมชาติมายกภูเขาออกจากอกที่กดทับมาเป็นเวลานาน
พูดจบ เขมชาติก็เดินผ่านสุริยงไปช้าๆ มือของเขมชาติเฉียดผ่านมือของสุริยง ปลายนิ้วก้อยแตะกันเบาๆ ดูเหมือนจะไม่ตั้งใจ หากจริงๆ แล้วเขมชาติตั้งใจ สุริยงเริ่มใจสะท้าน
คล้อยหลังเขมชาติ สุริยงค่อยๆเ ผยความอ่อนโยน อ่อนแอ และอ่อนไหว ที่ถูกกดทับไว้ออกมา พร้อมกับพูดขึ้นมาเบาๆ
“ขอบคุณมาก”
เขมชาติหยุดเดิน พลางตั้งใจฟัง
“ขอบคุณที่เข้าใจ”
สุริยงรู้สึกเบา สบายใจ เขมชาติยิ้มร้ายที่มุมปากด้วยความพอใจอย่างที่สุด แล้วก็ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงธรรมดา
“ผมนัดคุณเกนไว้ คุณกลับบริษัทเองนะ ผมต้องรีบไปไม่อยากให้คุณเกนรอ”
“ ค่ะ”
สุริยงยังยืนอยู่ที่เดิม ในขณะที่กำแพงในใจโดนทลายลงไปจนเกือบจะไม่เหลือ
เขมชาติพูดจบก็เดินจากไปพร้อมรอยยิ้มสุดแสนจะสะใจ โดยที่คนพูดไม่มีโอกาสรู้เลยว่า วาจาที่เขาปั้นแต่งเพื่อหลอกลวงสุริยงในวันนี้ จะกลับมาทิ่มแทงเขาอย่างแสนสาหัสในกาลต่อไป
จบตอนที่ 9