คิวบิก ตอนที่ 7
ฤทัยนาคตัดสินใจพามีนามาที่ห้องพักตัวเองที่คอนเทนเนอร์ในไซต์งานก่อสร้าง และกำลังบิดผ้าขนหนูชุบน้ำส่งให้มีนา
“เอา เช็ดหน้าซะ”
มีนาตื้นตันและซาบซึ้งใจคว้ามือฤทัยนาคหมับ มือยังมีผ้าพันปิดแผลอยู่
“ขอบคุณพี่มากๆ นะ ถ้าไม่ได้พี่ชั้นต้องแย่แน่”
ฤทัยนาคมองหน้ามีนาด้วยความสงสาร “อย่ามาเรียกชั้นพี่เลย เธอน่าจะแก่กว่าชั้นหรือไม่ก็เท่ากัน ไหนเล่าให้ชั้นฟังซิว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมผู้ชายคนนั้นต้องตามจับตัวเธอ”
“พ่อชั้นเป็นหนี้การพนันเค้า เค้าก็เลยจับชั้นมาเป็นตัวประกัน” มีนาเล่าหน้าเศร้า
ฤทัยนาคตกใจ “หา นี่เธอก็ถูกพ่อส่งมาขัดดอกเหมือนกับชั้นหรือ”
“เธอหมายความว่าไง”
“พ่อชั้นก็เป็นหนี้มาเฟียที่นี่ ชั้นเลยต้องมาทำงานใช้หนี้แทน”
“เธอยังดีที่มันให้ทำงานใช้หนี้ แต่ชั้นสิ มันจะขืนใจชั้น”
“ไอ้คนที่มันตามเธอเนี่ยหรือ”
“ใช่”
“แล้วมันชื่ออะไรรู้มั้ย”
“หลินเพ่ยอิง”
ฤทัยนาคมองหน้ามีนา
ขณะเดียวกันหลินเพ่ยอิงกลับมาบ้านแค้นสุดขีด ตบหน้าลูกน้องที่ยืนเรียงแถวหน้ากระดานสามคนระบายอารมณ์ มีป้าเหมยยืนปิดท้าย เพ่ยอิงลืมตัวเงื้อมือจะตบป้าเหมยอีกคน
“นี้ป้านะคะ”
เพ่ยอิงชะงักมือ “ฮึ่ย เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนเดียว ยังปล่อยให้หนีไปได้ เราไม่น่าเป็นเจ้าพ่อเลย” มาฟัยเลือดร้อนหันมาบอกลูกน้อง “พวกเอ็งออกไปตามหาเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่ได้ตัวมีนา ไม่ต้องกลับมาให้กูเห็นหน้า”
“ครับ”
อาจงและลูกน้องอีก 2 คนแยกออกไป
“แล้วจะให้ป้าออกไปด้วยรึเปล่าคะ” ป้าเหมยประชด
“ไม่ต้อง ป้าจะไปไหนก็ไปเถอะ ผมอยากอยู่คนเดียว”
ป้าเหมยออกไป เพ่ยอิงทุบโต๊ะ นัยน์ตาวาวโรจน์
“มีนา ชั้นจะไม่ยอมเสียเธอไปฟรีๆ หรอก”
ฝ่ายมีนาอ้อนวอนขอร้องฤทัยนาคให้ช่วยอีก
“เธอต้องช่วยชั้นนะ พาชั้นกลับเมืองไทยนะ”
“เดี๋ยวนะ เธอใจเย็นก่อน ลำพังตัวชั้นน่ะ ชั้นไม่สามารถพาเธอกลับไปเมืองไทยได้หรอก”
มีนาหน้าม่อย “หมายความว่าเธอจะไม่ช่วยชั้น
“ไม่ใช่ไม่ช่วย เธอฟังก่อนนะ ถ้าเธอบอกว่าไอ้หลินเพ่ยอิงมันเป็นมาเฟียล่ะก็ เธอไม่มีทางออกไปจากมาเก๊าได้หรอก”
“ทำไมล่ะ แค่เราไปสนามบินตีตั๋วเครื่องบินก็กลับไปได้แล้ว”
“แต่ชั้นว่าตอนนี้ลูกน้องมันไปดักเธอที่สนามบินหรือไม่ก็ท่าเรือเฟอรี่แล้ว” ฤทัยนาคบอก
“แล้วชั้นจะทำยังไงดี”
ฤทัยนาคถอนใจเฮือกใหญ่ “เอาอย่างนี้ ตอนนี้เธอหลบซ่อนอยู่ที่นี่ก่อน”
“ที่นี่หรือ”
“ใช่ ที่นี่ปลอดภัย ไม่มีใครกล้ามาทำอะไรเธอหรอก ถ้ามีใครมาถามอะไร เธอบอกว่าเธอเป็นเด็กของหลินหลานเซ่อ”
มีนาทวนชื่อ “หลินหลานเซ่อ”
“ใช่ จะไม่มีใครกล้ายุ่งกับเธอเด็ดขาด เอาละ เธอนอนพักก่อนแล้วกัน ชั้นต้องออกไปทำงานแล้ว” ฤทัยนาคจะออกไป “อ้อ เธอชื่ออะไรชั้นยังไม่รู้เลย”
“ชั้นชื่อมีนา”
“ชั้นฤทัยนาคนะ เรียกว่านาคก็ได้ เดี๋ยวชั้นจะเอาข้าวเย็นมาให้กิน”
ฤทัยนาคเดินออกไป เปิดประตู เจอหลินหลานเซ่อยืนมองเข้ามาจากหน้าประตู ฤทัยนาคผงะตกใจ
“หลินหลานเซ่อ”
มีนาลุกมองท่าทีตกใจ หลินหลานเซ่อมองมีนาเขม็ง
“นั่นใคร”
ฤทัยนาคอึกอัก “เอ่อ...คือ...”
“เธอเป็นใคร” หลานเซ่อถามเด็กสาว
“ชั้น...ชั้นเป็นเด็กของหลินหลานเซ่อค่ะ” มีนาบอก
“อะไรนะ” มาเฟียหนุ่มเง็ง
“ชั้นเป็นเด็กของหลินหลานเซ่อ” มีนาย้ำ
ฤทัยนาคมองมีนาแล้วส่ายหน้าพึมพำกับตัวเองเซ็งๆ
“ไม่ใช่พูดกับคนนี้”
สองคนอยู่บนเนินเขาใกล้ๆ ไซต์งานก่อสร้าง หลินหลานเซ่อเดินเข้ามาถามอย่างฉุนฉียว
“ใครอนุญาตให้เธอพาเด็กนั่นเข้ามา”
“ก็...ชั้นกำลังจะไปบอกนายอยู่พอดี แต่นายมาซะก่อน”
หลานเซ่อมองจ้องหน้า ฤทัยนาคหลบตาวูบ
“แล้วพ่อเด็กผู้หญิงนั่นติดหนี้ใคร”
“เห็นบอกว่าชื่อหลินเพ่ยอิง”
“เพ่ยอิงงั้นหรือ”
“ใช่ นายรู้จักมั้ย” หลินหลานเซ่อนิ่งไม่ตอบ “ชั้นไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมไอ้พวกมาเฟียถึงชอบจับผู้หญิงสาวๆมาเป็นตัวประกัน ไอ้พวกนี้มันบ้ากามจริงๆ”
มาเฟียหนุ่มมองจ้องหน้า ฤทัยนาคชะงัก
“เอ่อ...ขอโทษ ชั้นไม่ได้หมายถึงนายนะ ชั้นหมายถึงคนชื่อหลินเพ่ยอิง”
“พรุ่งนี้ชั้นจะโทร.บอกเพ่ยอิงให้มาเอาผู้หญิงคนนี้กลับไป”
“หา...ไม่ได้นะ นายทำอย่างงั้นไม่ได้ หลินเพ่ยอิงจะเอาเธอไปเป็นนางบำเรอ”
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับชั้น แล้วก็ไม่เกี่ยวกับเธอด้วย”
“เดี๋ยวก่อน หลินหลานเซ่อ ชั้นขอร้องล่ะนะ อย่าส่งเธอกลับไปให้หลินเพ่ยอิงเลย ชั้นคงกินไม่ได้นอนไม่หลับ ที่เธอจะต้องถูกขืนใจไปเป็นนางบำเรอมาเฟีย มันตกนรกทั้งเป็นนะ”
หลินหลานเซ่อฟังแล้วนึกละอายใจ เมินหน้าหนีไปทางอื่น
“เอาละ เราเลิกพูดเรื่องนี้ได้แล้ว พรุ่งนี้เช้าชั้นจะให้เพ่ยอิงมาเอาตัวผู้หญิงกลับไป”
หลินหลานเซ่อเดินออกไป ฤทัยนาคโกรธบ่นบ้าตามประสา
“ใช่สิ นายเองก็ไม่ต่างจากไอ้หลินเพ่ยอิงหรอก” มาเฟียหนุ่มชะงัก “นายต้องการพี่สาวชั้นมาเป็นนางบำเรอ เหมือนกับไอ้หลินเพ่ยอิง ใช่มั้ย”
หลินหลานเซ่อไม่ตอบเดินออกไปเลย ฤทัยนาคทรุดตัวลงนั่งอย่างโกรธ
“รู้อย่างนี้ปล่อยให้ถูกมือปืนฆ่าตายซะก็ดี ฮึ่ย...ทำไงดีวะเรา”
ขณะที่มีนานอนหันหลังอยู่ในห้อง เสียงประตูเปิดเข้ามา มีนาขยับตัว
“เค้าว่าไง นาค”
มีนาชะงักตาโตอ้าปากค้าง เห็นเพ่ยอิงมองจ้องตาวาว โกรธจัด
“ใครจะว่าไง ชั้นไม่สนหรอก ตอนนี้เธอต้องกลับไปกับชั้น”
“ไม่นะ”
มีนาหันไปจะคว้าไม้ใกล้มือมาตี เพ่ยอิงจับบิดมือ
“โอ๊ย ชั้นเจ็บนะ”
“เธอนี่ฤทธิ์เยอะนักนะ” เพ่ยอิงกอดมีนาไว้ทั้งตัว “ชั้นบอกเธอแล้วใช่มั้ยว่าเธอไม่มีวันหนีชั้นพ้นหรอก”
เพ่ยอิงหอมแก้มไปฟอดหนึ่งชำระแค้น
“อย่านะ ปล่อยชั้น ใครก็ได้ช่วยชั้นที นาคช่วยชั้นด้วย”
ฤทัยนาคโผล่เข้ามากระชากแขนเพ่ยอิงเต็มแรง
“เฮ้ย ปล่อยนะ”
เพ่ยอิงเสียจังหวะจึงต้องปล่อยมีนา ฤทัยนาคก้าวเข้ามาขวางบังมีนาไว้ คว้าเกียงปาดปูนขึ้นมาเป็นอาวุธ
“อ้อ เธอนี่เอง ที่หลอกชั้น”
เพ่ยอิงจำฤทัยนาคได้ เดินเข้าไปหา
“อย่าเข้ามานะ ชั้นแทงจริงๆ”
อาจงลูกน้องเพ่ยอิงแหลมเข้ามา
“ให้ผมยิงทิ้งเลยมั้ย”
“ไม่ต้อง แค่ผู้หญิงสองคนกูจัดการเอง”
ลูกน้องออกไป เพ่ยอิงเดินเข้าหา
“ชั้นไม่ได้ขู่นะ ถ้าคุณเข้ามาชั้นแทงคุณจริงๆ นะ”
มีนาตกใจกลัว “นาคระวังนะ”
ฤทัยนาคปลอบ “ไม่ต้องกลัว”
เพ่ยอิงกระชากปืนออกมาขู่
“ไม่กลัวงั้นหรือ ทิ้งเกียงในมือ ถ้าไม่อยากตาย”
มีนาตกใจ “นาค”
“ไม่ต้องกลัว เค้าไม่กล้ายิงหรอก เค้าแค่ขู่”
“ชั้นจะนับถึงสาม ถ้าเธอไม่ทิ้ง ชั้นจะยิงแสกหน้าเธอเดี๋ยวนี้...หนึ่ง”
มีนากลัวจับจิต “นาค”
เพ่ยอิงนับ “สอง”
ฤทัยนาคมองปืนแล้วมองหน้าเพ่ยอิง
“นาค ทิ้งไปเถอะ”
“ไม่”
“ไม่งั้นหรือ สาม”
ขาดคำเพ่ยอิงเหนี่ยวไกปืนเปรี้ยง ร่างฤทัยนาคผงะ เกียงหลุดจากมือตกพื้นดังเคล้ง ฤทัยนาคหงายหน้าตาค้าง มีนาปิดหู
ร่างฤทัยนาคลอยไปตกลงเตียง มีนาเบิกตามองเห็นเหมือนฤทัยนาคตายแล้ว ก็หวีดร้องสุดเสียง
“นาค...”
ประตูเปิดผัวะเข้ามา หลินหลานเซ่อก้าวเข้ามาหยุดมองตกใจสุดขีด เมื่อเห็นฤทัยนาคนอนหงายอยู่บนเตียงเหมือนคนตาย
เพ่ยอิงหันขวับมาทางหลินหลานเซ่อ พร้อมยกปืนจ่อ หลานเซ่อจับมือเพ่ยอิงข้างที่ถือปืนหักลงกับเข่าปืนตกลงพื้น
จากนั้นหลินหลานเซ่อกำหมัดต่อยเพ่ยอิงจนหน้าสะบัดไป ก่อนจะต่อยซ้ำขวาอีกหมัด เพ่ยอิงเซไปชนโต๊ะล้มโครมคราม ลูกน้องโผล่พรวดเข้ามา
หลินหลานเซ่อตามเข้าไปกระชากตัวเพ่ยอิงขึ้นมา สองหนุ่มระเบิดอารมณ์ใส่กันอย่างรุนแรง
“แกทำอะไรลงไป ทำไมต้องฆ่าเธอด้วย”
“ปล่อยชั้น ชั้นจะฆ่าหรือไม่ฆ่าไม่เกี่ยวกับนาย นี่มันเรื่องของชั้น”
หลินหลานเซ่อตะเบ็งเสียงใส่ “แต่เด็กคนนี้เป็นคนของชั้น”
“แต่มันมายุ่งกับผู้หญิงของชั้น”
หลินกระชากปืนจ่อใส่เพ่ยอิง
“หลินหลานเซ่อ นี่นายเป็นบ้าไปแล้วหรือ เด็กผู้หญิงนั่นเป็นอะไรกับนาย นายถึงต้องโกรธถึงขั้นจ่อปืนใส่หน้าชั้น”
“ชั้นจะยิงแสกหน้าแกด้วยซ้ำไป”
เพ่ยอิงตกใจ
“อย่านะหลินหลานเซ่อ”
ฤทัยนาคลืมตาสะดุ้งตื่น ได้ยินว่าเขาจะยิงเพ่ยอิง
“หลินหลานเซ่อ นายนี่มันใจร้ายจริงๆ”
หลินหลานเซ่อหันขวับมองมา เช่นเดียวกับเพ่ยอิงและมีนา
“นาค นี่เธอยังไม่ตายหรือ”
มีนาวิ่งเข้าไปหา ฤทัยนาคมองไปรอบตัวอย่างงวยงง
“นี่มันอะไรกัน เมื่อกี้นี้...” เด็กสาวพยายามลำดับเรื่อง “อ้อ เมื่อกี้นายยิงชั้นนี่”
“ชั้นยิงเธอที่ไหน ชั้นแค่ยิงขู่ไปที่เพดาน”
“เออใช่ ชั้นตกใจ นึกว่ามันเข้าแสกหน้าไปแล้ว ชั้นคงช็อกหมดสติไป”
หลินหลานเซ่อมองฤทัยนาคแล้วถอนใจโล่งอก
“นาค ชั้นขอโทษนะ ชั้นไม่น่าทำเรื่องให้เธอเลย”
เพ่ยอิงเอามือปัดปืนออก “เลิกจ่อปืนชั้นได้แล้ว” แล้วไปคว้าแขนมีนา “ไปได้แล้วมีนา”
“ชั้นไม่ไป ปล่อยชั้น นาคช่วยด้วย”
“ไม่มีใครช่วยได้หรอก มานี่” เพ่ยอิงกระชากตัวมีนาขึ้นมา
“ไม่ ชั้นไม่ไป”
“ปล่อยเธอซะ” หลานเซ่อเอ่ยขึ้น
“นายพูดอะไรนะ ผู้หญิงคนนี้เป็นลูกหนี้ชั้นนะ”
“ชั้นบอกให้แกปล่อยเธอ”
“นายหูแตกหรือไง เธอเป็นลูกหนี้ชั้น เธอเป็นของของชั้น”
“แกลืมไปแล้วหรือ ชั้นเป็นประธานฉายหงส์กรุ๊ป ชั้นมีอำนาจสูงสุด คนของแกก็ถือว่าเป็นคนของชั้น แม้แต่ตัวแกเองก็เป็นคนของชั้น ปล่อยเธอ”
“อ้อ ใช่สิ เพราะผู้หญิงคนนี้สวยถูกใจนายใช่มั้ย นายถึงอยากจะเป็นเจ้าของเธอ” เพ่ยอิงพาล
“ชั้นจะทำอะไรก็ได้ ไม่เกี่ยวอะไรกับแก กลับไปได้แล้ว”
“ชั้นจะไปต่อเมื่อมีผู้หญิงคนนี้ไปด้วย”
“ชั้นจะคืนผู้หญิงคนนี้ให้แกก็ต่อเมื่อชั้นเห็นว่าสมควร”
“แล้วมันเมื่อไหร่ล่ะ”
“เมื่อแกสงบ แล้วมีสติมากกว่านี้”
“ก็ได้ แต่ชั้นจะบอกนายอย่างนะ ถ้าชั้นรู้ว่านายทำมิดีมิร้ายกับเธอ ชั้นจะฆ่านายด้วยมือชั้นเองหลินหลานเซ่อ”
“แกไม่ต้องห่วง ชั้นไม่มีวันแตะต้องผู้หญิงคนนี้หรอก”
“ให้มันจริงเถอะ”
เพ่ยอิงหันมองมีนา
“อย่าให้หลินหลานเซ่อทำอะไรเธอนะ เข้าใจมั้ยมีนา”
“คุณนี่มันบ้าจริง ๆ” มีนาด่า
เพ่ยอิงมองหน้าหลินหลานเซ่อกะฤทัยนาคอย่างแค้นใจ
“เมื่อกี้ชั้นน่าจะยิงเธอจริงๆ กลับ”
เพ่ยอิงตะโกนบอกลูกน้องแล้วเดินนำออกไป หลินหลานเซ่อหันมามองหน้าฤทัยนาค
“ขอบคุณมากนะที่มาทันเวลา”
“ขอบคุณมากค่ะ คุณหลินหลานเซ่อ”
“ชั้นไม่ได้มาช่วยเธอ”
พูดแล้วหลินหลานเซ่อก็เดินออกไป ฤทัยนาคหันมาบอกมีนา
“เธออยู่นี่ก่อนนะ”
ฤทัยนาควิ่งตามออกไป มีนามองตามถอนใจอย่างเหนื่อยล้ากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
หลินหลานเซ่อเดินออกมาหน้าคอนเทนเนอร์ ฤทัยนาควิ่งตามมาจนทัน
“เดี๋ยวค่ะ”
หลินชะงักหันมามอง
“ชั้นอยากขอบคุณที่นายไม่ปล่อยให้มีนากลับไปกับหลินเพ่ยอิง”
“ชั้นช่วยได้แค่ยืดเวลาให้เด็กคนนั้น เพราะอีกไม่กี่วันเพ่ยอิงก็ต้องกลับมาเอาตัวเธอคืนอยู่ดี”
“แต่นายช่วยส่งเธอกลับเมืองไทยได้มั้ย”
“ชั้นทำแบบนั้นไม่ได้ มันผิดกฎของเรา”
หลินหันจะเดินออกแล้วหันกลับมามองหน้านาค
“แล้วชั้นก็อยากจะบอกเธอว่าอย่าเอาชั้นไปเปรียบกับหลินเพ่ยอิง”
หลินหลานเซ่อหันตัวเดินออกไป ฤทัยนาคมองตามอย่างงวยงง นึกถึงคำพูดเขา
“อย่าเอาชั้นไปเปรียบกับหลินเพ่ยอิง”
ฤทัยนาคงงเป็นไก่ตาแตกอยู่นั่นพึมพำออกมา “หมายความว่าไง”
ฝ่ายหลินหลานเซ่อนั่งในรถนึกถึงคำพูดที่ฤทัยนาคด่าว่า
“ใช่สิ คุณเองก็ไม่ต่างจากไอ้หลินเพ่ยอิงหรอก คุณต้องการพี่สาวชั้นมาเป็นนางบำเรอ เหมือนกับไอ้หลินเพ่ยอิง ใช่มั้ย”
หลินหลานเซ่อคิดแล้วยิ่งหงุดหงิด
“ปากจัดจริงๆ”
คิวบิก ตอนที่ 7 (ต่อ)
ฤทัยนาคทรุดตัวลงนั่งพลางตำหนิมีนา
“เธอนี่นะ ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ดันไปบอกเค้าว่าเป็นเด็กหลินหลานเซ่อ”
มีนาจ๋อยไปถนัดตา “ชั้นขอโทษ ก็ใครจะไปรู้ล่ะว่าเค้าคือหลินหลานเซ่อ แล้วเธอกับเค้าเป็นแฟนกันหรือ”
“เธอจะบ้าเหรอ” ฤทัยนาคโมโห
“แต่เค้าตกใจมากนะตอนที่เค้าเข้ามา แล้วเห็นเธอนอนสลบไป เค้าเกือบจะฆ่าหลินเพ่ยอิงจริงๆแล้วนะ ชั้นว่าเค้าโกรธแล้วก็หวงเธอมาก”
“หวงชั้นหรือ”
“ก็ใช่สิ ชั้นถึงนึกว่าเธอกับเค้าเป็นแฟนกัน”
“เธออย่าพูดอย่างนี้ให้ใครได้ยินนะ คนเค้าจะหัวเราะเยาะชั้น” ฤทัยนาคร้อยไม่เชื่อพันไม่เชื่อ
“ถ้าไม่ได้เป็นแฟน แล้วทำไมเค้าถึงต้องห่วงเธอขนาดนั้น” มีนาไม่วายตั้งข้อสังเกตอีก
“เค้าคงกลัวว่าถ้าชั้นตายเค้าก็จะสูญหนี้น่ะสิ”
“อย่างงั้นเหรอ”
“ก็ใช่สิ เค้างกจะตาย ที่เค้าให้ชั้นมาอยู่นี่ ไม่ใช่ว่าเค้าพิศวาสชั้น หรอกนะ เค้าให้ชั้นมาทำงานใช้หนี้ เอาละ เธอไปกินข้าวซะ”
“แล้วเรื่องชั้นจะว่ายังไง ชั้นว่าหลินเพ่ยอิงต้องกลับมาเอาตัวชั้นอีกแน่ๆ”
ฤทัยนาคถอนใจ “แต่คงไม่ใช่คืนนี้หรอก” แล้วล้มตัวนอนขอชั้นนอนคิดซะหน่อยว่าจะช่วยเธอยังไง”
มีนาพยักหน้ารับรู้ลุกไปหยิบกล่องข้าวบนโต๊ะ พอจะกิน ได้ยินเสียงกรน หันไปมองเห็นฤทัยนาคนอนกรนเสียงดัง
“ท่าทางจะเพลียน่าดู”
ตอนเช้าวันต่อมาหลินหลานเซ่อจิบกาแฟทอดอารมณ์อยู่ในห้องทำงาน จงซินเดินเข้ามา
“คุณหลินครับ”
“ว่าไง”
“เรารู้ตัวไอ้มือปืนที่ตามมาฆ่าคุณแล้วครับ”
“มันเป็นใคร” หลินหลานเซ่อตาวาววับ
“หลี่ฉินฝูครับ”
“หลี่ฉินฝู แล้วมันเป็นคนของใคร”
“ตอนนี้ผมยังสืบไม่ถึง มันเคยเป็นมือปืนคุ้มกันให้กับแต้ซินตึ้งในอดีต แล้วก็หายหน้าไปอยู่ที่แผ่นดินใหญ่เพิ่งกลับมาที่มาเก๊าได้หกเดือน”
“แล้วรู้ที่อยู่มันรึยัง”
“เมื่อสองวันก่อนมันไปหลบอยู่ที่โรงน้ำชาเก่า ผมให้คนตามไปเอาตัวมัน มันดันรู้ตัวหนีไปได้ทัน”
“หรือว่ามันข้ามกลับไปแผ่นดินใหญ่แล้ว”
“ยังครับ ผมให้คนของเราที่สาขาชายแดนเฝ้ามันไว้”
“ดี หาตัวมันให้เจอเราจะได้รู้ว่าใครที่มันต้องการโค่นอำนาจชั้น”
ขณะเดียวกันที่บ้านซานกุ้ย ไป่หลิงกำลังนับเงินในตู้เซฟ ก่อนจะหันมาหาซานกุ้ย
“คุณลุงคะ”
“ว่าไงลูก”
“คุณลุงได้เอาเงินในเซฟไปบ้างมั้ยคะ”
“เปล่า ทำไมหรือ”
“เมื่อต้นเดือนที่แล้ว หนูจดไว้ว่ามีเงินอยู่ในเซฟห้าล้าน แต่ทำไมตอนนี้มันเหลือสี่ล้านแปดก็ไม่รู้”
“นับดีรึเปล่าไป่หลิง”
“หนูนับสองรอบแล้วค่ะ”
“แล้วมันจะหายไปได้ยังไง เซฟนี่ก็มีแค่หลาน ลุงแล้วก็หย่งเหวินที่เปิดได้”
ไป่หลิงเอ่ยขึ้น “หรือว่าพี่หย่งเหวินจะเอาไป”
ซานกุ้ยไม่เชื่อดุเอา “อย่าพูดอย่างนี้นะ เดี๋ยวหย่งเหวินได้ยินจะไม่ดี”
“ก็ในเมื่อหนูกับคุณลุงไม่ได้เอาไป มันก็ต้องเป็นพี่หย่งเหวิน”
ซานกุ้ยตัดบท “ลุงว่าอย่าพูดเรื่องนี้เลย บางทีลุงอาจจะหยิบไปแล้วจำไม่ได้ เอาอย่างนี้ ครั้งนี้หลานจดไว้ว่าเหลือสี่ล้านแปด คราวนี้ถ้ามันหายอีกเราค่อยมาไล่เบี้ยกัน”
“ก็ได้ค่ะ”
ไป่หลิงนับเงินอีกรอบ ลูกน้องซานกุ้ยเดินเข้ามา
“ท่านซานครับ”
“ว่าไงหลี่หมิง”
“ตอนนี้เรารู้แล้วครับว่ามือปืนที่พยายามฆ่าท่านหลินหลานเซ่อเป็นใคร”
“มันเป็นใคร”
“มันชื่อหลี่ฉินฝูครับ”
ไป่หลิงหันขวับมามองชะงักกึก คุ้นหูชื่อนี้นัก เพราะได้ยินที่หย่งเหวินพูดโทรศัพท์สั่งให้ตามเก็บคนชื่อฉินฝู
ไป่หลิงพึมพำกับตัวเอง “ฉินฝู”
“แล้วได้ตัวมันรึยัง”
“ยังครับ เรากำลังควานหาตัวมันอยู่”
“จับตัวมันให้ได้เราจะได้รู้ว่าใครบงการฆ่าหลินหลานเซ่อ” ซานกุ้ยบอก
“ครับ”
ลูกน้องคำนับรับคำแล้วออกไป ไป่หลิงอึ้งนึกถึงหลางหย่งเหวิน ซานกุ้ยหันมาถาม
“เอ๊ะ วันก่อนหลานพูดถึงคนชื่อฉินฝูใช่มั้ย”
“ใช่ค่ะ แต่นั่นเค้าโทร.ผิดน่ะค่ะ”
“ช่างบังเอิญจริงๆ ฉินฝู”
ซานกุ้ยพึมพำนึกถึงฉินฝู ขณะที่ไป่หลิงนึกถึงหย่งเหวิน
คืนนั้นไป่หลิงนั่งหวีผมอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งในห้องนอนครุ่นคิดเรื่องสามี หย่งเหวินออกจากห้องน้ำ เดินเข้ามากอด จะหอมแก้ม ไป่หลิงเบี่ยงหลบ
“เดี๋ยวค่ะ”
“ทำไม”
“วันนี้ไป่หลิงไม่ค่อยสบาย”
หย่งเหวินแตะแก้ม อังหน้าผากดู
“เป็นไข้หรือ กินยารึยัง”
“กินแล้วค่ะ”
หย่งเหวินเดินมานั่งข้างเตียงล้มตัวลงนอน ไป่หลิงมองครุ่นคิดชั่งใจหนัก
“พี่หย่งเหวิน”
“หือม์ ว่าไง”
“คนชื่อฉินฝูเป็นใครคะ”
หย่งเหวินกำลังหลับตา ถึงกับลืมตาโพลงขึ้นมามอง
“เธอถามทำไม”
“พี่ให้คนชื่อฉินฝูไปฆ่าคุณหลินหลานเซ่อใช่มั้ย”
หย่งเหวินอึ้ง ก่อนสีหน้าจะกลายเป็นดุดัน
“นี่เธอพูดเรื่องอะไรของเธอ”
“วันนี้หลี่หมิงมาบอกคุณลุงว่าฉินฝูคือมือปืนที่ตามฆ่าคุณหลิน”
หย่งเหวินมองอึ้งหนักกว่าเก่า
“แล้วชั้นก็ได้ยินพี่พูดโทรศัพท์ว่าให้ฆ่าปิดปากฉินฝู”
หย่งเหวินโกรธ “นี่เธอแอบฟังชั้นงั้นหรือ”
“พี่ตอบชั้นมาก่อนดีกว่าพี่เป็นคนบงการเรื่องนี้ใช่มั้ย”
หย่งเหวินตาวาววับ
“ทำไมพี่ไม่พูด บอกความจริงชั้นมา” ไปหลิงจ้องหน้าคาดคั้น
หย่งเหวินยอมรับหน้าตาเฉย “ใช่ พี่เป็นคนสั่ง”
“ทำไมพี่ถึงทำอย่างงั้น คุณหลินเค้าเป็นหัวหน้าพี่นะ คุณลุงยังให้ความเคารพเค้า แต่พี่กลับคิดไม่ซื่อคิดทำลายเค้า”
หย่งเหวินพยายามโน้มน้าว “ที่พี่ทำก็เพื่อคุณพ่อนะ เธอคิดดูถ้าไม่มีหลินหลานเซ่อคุณพ่อก็ต้องขึ้นเป็นประธานฉายหงส์กรุ๊ป”
“ไม่จริง พี่ไมได้ทำเพื่อคุณลุง ชั้นว่าพี่ทำเพื่อตัวพี่เองมากกว่า”
“ไม่ใช่นะไป่หลิง พี่ทำเพื่อคุณพ่อจริงๆ”
“พี่อย่ามาโกหก ชั้นรู้ว่าพี่อยากจะขึ้นมาเป็นหัวหน้าฉายหงส์กรุ๊ป ใช่มั้ย”
“พี่ทำไปเพราะคุณพ่อจริงๆ นะไป่หลิง”
“พอที พี่หยุดเล่นละครได้แล้ว ชั้นจะไปบอกคุณลุง”
ไป่หลิงขึ้นเสียง ลุกขยับจะเดินไป
หลางหย่งเหวินใช้ไม้อ่อน “อย่านะไป่หลิง ได้โปรดเถอะ พี่ผิดไปแล้ว อย่าบอกคุณพ่อนะ”
“ก็ได้ แต่พี่ต้องไปสารภาพกับคุณลุง”
“แต่ถ้าพี่บอกเรื่องนี้ไปคุณลุงต้องไม่ให้อภัยพี่แน่ นะ ไป่หลิงช่วยพี่สักครั้ง พี่สัญญาพี่จะกลับตัวกลับใจเป็นคนดี ลืมเรื่องนี้ซะ อย่าบอกคุณลุงนะ พี่รักไป่หลิงนะ”
“ไม่ ถึงยังไงชั้นก็ต้องบอกคุณลุง”
ไป่หลิงหันตัวจะเดินออกแล้ว
“เดี๋ยวไป่หลิง”
ไป่หลิงชะงักหยุดหันหน้ากลับมา เห็นหย่งเหวินยกปืนเล็งจ่อตรงหน้าก็ตกใจ
“ถ้าเธอยังดื้อชั้นจำเป็นต้องยิงเธอจริงๆ”
ไป่หลิงผิดหวัง “นี่ พี่กล้ายิงชั้นซึ่งเป็นเมียพี่งั้นหรือ”
หย่งเหวินเดินเข้ามาหา “ชั้นทำได้ ถ้าเธอไม่เชื่อชั้น”
ไป่หลิงมองหย่งเหวินน้ำตาไหลด้วยความผิดหวัง
“ถ้าเธอบอกเรื่องนี้กับคุณพ่อ ชั้นจะฆ่าเธอแล้วก็ฆ่าคุณพ่อด้วย”
“ชั้นไม่คิดเลยว่าพี่จะเป็นคนเลวอย่างนี้ คุณลุงเลี้ยงพี่มาตั้งแต่เด็กรักพี่เหมือนลูกแท้ๆ แต่พี่กลับอกตัญญู คิดจะฆ่าแม้กระทั่งผู้มีพระคุณ”
“ชั้นฆ่าได้ทุกคนที่ขวางทางชั้น”
“ก็ลองดู”
ไป่หลิงบอกมองจ้อง หย่งเหวินมองมาตาวาวโรจน์
กลางดึก ซานกุ้ยนั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องนอน มีเสียงปืนดังเปรี้ยงลั่นบ้าน ซานกุ้ยสะดุ้ง ลูกน้องยืนอยู่ด้านนอกหันมอง
“เสียงปืนครับ”
“ไปดูซิ”
ลูกน้องวิ่งขึ้นบันไดไป ซานกุ้ยเดินตามไปอย่างเร็วรี่
หย่งเหวินนั่งกอดศพไป่หลิง ร้องไห้สะอึกสะอื้น เห็นที่หน้าอกไป่หลิงมีรอยเลือดแดงฉานน่ากลัวลูกน้องซานกุ้ยวิ่งนำเข้ามา
“มีอะไรครับคุณหย่งเหวิน” ลูกน้องถาม
ซานกุ้ยตามเข้ามาชะงักตะลึงตาค้าง
“ไป่หลิง! นี่มันเรื่องอะไรกันหย่งเหวิน”
“ไป่หลิงครับ เธอยิงตัวตาย”
“ยิงตัวตาย ยิงตัวตายเรื่องอะไร”
ชายชั่วในคราบคนดีหย่งเหวินเตรียมข้ออ้างไว้แล้ว “ไป่หลิงเค้าโกรธที่มีผู้หญิงโทร.มาหาผมเมื่อวานนี้ ผมก็บอกแล้วว่าไม่มีอะไรเป็นเพื่อนนักเรียน แต่เค้าไม่เชื่อหาว่าผมโกหก เราก็เลยทะเลาะกัน”
ซานกุ้ยแปลกใจ “แล้วทำไมไป่หลิงถึงต้องยิงตัวตาย”
“ไป่หลิงเค้าโกรธแล้วก็หึงหวงผมมาก เค้าไปคว้าปืนใต้หมอนแล้วมาขู่ให้ผมยอมรับความจริงว่าผมมีอะไรกับผู้หญิง เค้าบอกว่าถ้าไม่ยอมรับ เค้าจะยิงตัวตาย ผมก็บอกว่าไม่มีอะไรจริงๆ แต่เค้าคาดคั้นให้ผมยอมรับให้ได้ แล้วเค้าคงโกรธมาก มือก็เลยไปกดไกปืนทำให้ปืนลั่น”
“โธ่ ไป่หลิง ไป่หลิงหลานรักของลุงทำไมถึงคิดสั้นอย่างนี้”
มาเฟียชรากอดศพไป่หลิงร้องไห้ หย่งเหวินร้องไห้เหลือบมองอย่างโล่งอก ที่หลอกซานกุ้ยสำเร็จอีกครั้ง
ศพไป่หลิงถูกนำมาประกอบพิธีในสุสาน วันต่อมา ทุกคนอยู่ในชุดสีดำยืนเรียงหน้าหลุมศพ ใบหน้าเศร้าสลด ในแถวหน้ามี ซานกุ้ย หย่งเหวิน หลินหลานเซ่อ เพ่ยอิง จงซินและเหม่ยจิง ยินไว้อาลัยส่งวิญญาณอยู่ด้วยกัน
ซานกุ้ยนัยน์ตาแดงก่ำ กำดินโยนใส่กล้อง ก่อนจะหันหลังเดินออก
หลางหย่งเหวินเล่นละครอย่างสมบทบาท ร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างรุนแรง เดินเข้ามาโปรยดินส่งวิญญาณ หลินหลานเซ่อยืนอยู่ด้านข้างตบไหล่ปลอบใจ หย่งเหวินหันมามองน้ำตาท่วมตา
“ชั้นรู้ว่านายเสียใจ แต่ไป่หลิงเค้าไปสวรรค์แล้ว”
หย่งเหวินถอนสะอื้น มองหลินหลานเซ่อเป็นเชิงขอบคุณ
“ครับคุณหลิน”
เพ่ยอิงมองหย่งเหวินแล้วส่ายหน้าสบถกับตัวเอง
“ขี้แย ชิบ”
หย่งเหวินเดินออก หลินหลานเซ่อเดินเข้ามากำดินโยนลงหลุมแล้วเดินออก
เพ่ยอิงเดินเข้ามาโยนดินหันเดินออกตาม
จงซินกำดินแล้วโยนโปรยลงหลุม ก่อนจะหันตัวเดินออกไป เหม่ยจิงเดินเข้ามาหยุดมองน้ำตาไหลริน
“ไป่หลิง พี่เสียใจนะ ไม่คิดว่าน้องจะมาด่วนจากไป ขอให้เธอไปสู่สุคติเถอะนะ”
เหม่ยจิงกำดินโยนโปรยแล้วออกไป คนอื่นๆ เดินเข้าไปทำพิธีต่อกัน
ไม่นานต่อมา หลินหลานเซ่อเดินก้าวลงบันไดสุสานมา มีเหม่ยจิงกับจงซินเดินตาม หย่งเหวินลอบมองมาจากมุมหนึ่ง เห็นหลินหลานเซ่อเดินไปท่ามกลางบอดี้การ์ดคุ้มกันแน่นหนาเกือบสิบคน
หลางหย่งเหวินมองตามหลานเซ่อไม่วางตา เห็นแต่ความเกลียดชังในแววตาคู่นั้น
คิวบิก ตอนที่ 7 (ต่อ)
ยามบ่าย ฟางเหม่ยจิงนั่งจิบชาอยู่กับหลินหลานเซ่อในร้านกาแฟกลางสวนสวย บอดี้การ์ดยืนอารักขาห่างออกไป เหม่ยจิงวางแก้วลงถอนใจ
“ไม่น่าเชื่อเลยนะคะว่าน้องไป่หลิงจะคิดสั้นฆ่าตัวตาย”
หลินหลานเซ่อจิบกาแฟนิ่งฟัง
“เมื่อสองวันที่แล้วน้องไป่หลิงยังเพิ่งโทรคุยกับเหม่ยจิงอยู่เลย ว่ากำลังเตรียมตัวจะมีลูก”
หลินหลานเซ่อฟังไป พลางหยิบแซนด์วิชขึ้นกัดกิน
“แล้วอยู่ๆ จะมาฆ่าตัวตาย แค่เรื่องมีโทรศัพท์ผู้หญิงมาคุยกับหย่งเหวินหรือ”
หลินหลานเซ่อชักสนใจ “ทำไม”
“ก็น้องไป่หลิงเค้าดูเป็นคนมีเหตุผล ไม่น่าจะเป็นคนวู่วาม เอาแต่ใจ ถึงขั้นลงไม้ลงมือ”
มาเฟียหนุ่มบอก “หึ ผู้หญิงถ้าเรื่องหึงหวงคงทำได้ทุกอย่าง”
“คุณนี่ก็...” เหม่ยจิงมองค้อนขณะยกชาจิบ “คุณว่าเป็นไปได้มั้ยคะว่าเธออาจจะไม่ได้ฆ่าตัวตาย”
“ถ้าเค้าไม่ฆ่าตัวตายแล้วใครจะฆ่าเค้า”
“หย่งเหวินไง”
หลินหลานเซ่อชะงักนิดเดียว วางแซนด์วิชหยิบกระดาษเช็ดปาก
“แล้วหย่งเหวินจะฆ่าไป่หลิงเรื่องอะไร”
“อืมม์ ก็จริง ไม่มีเหตุผลอะไรที่หย่งเหวินเค้าจะฆ่าไป่หลิง เพราะหย่งเหวินเค้าก็ดูรักไป่หลิงมาก” ซุปตาร์สาวถอนใจ “เดี๋ยวรอให้หย่งเหวินหายเศร้าก่อน เหม่ยจิงจะถามว่าผู้หญิงที่โทร.มาคุยนั่นเป็นใครแล้วชอบเค้ารึเปล่า”
หลินหลานเซ่อไม่ตอบอะไร ยกกาแฟจิบ จงซินเข้ามา
“คุณหลินครับ ผมมีเรื่องจะคุยด้วย”
“เหม่ยจิง เธอไปห้องน้ำก่อน”
เหม่ยจิงมองค้อนจงซินอย่างเซ็งๆ
“ชั้นล่ะเบื่อเธอจริงๆ จงซิน ชอบมาขัดจังหวะคนรักเค้าจะจู๋จี๋กันอยู่เรื่อย จงซินผู้เย็นชา”
เหม่ยจิงแซว โยนผ้าเช็ดปากลงบนโต๊ะ ลุกเดินไป จงซินมองตามก่อนจะลงนั่ง
“ผมได้รับข่าวจากข้างนอกมาว่า ตอนนี้มีคนกำลังควานหาตัวว่าใครเป็นคิวบิก”
“นายกำลังคิดว่าฤทัยนาคไม่ปลอดภัย”
“ครับ ผมว่าคุณหลินควรจะบอกเรื่องคิวบิกให้เธอรับรู้”
“ชั้นกลัวว่ามันจะยุ่งเกินไปรึเปล่า เพราะฤทัยนาคไม่เหมือนคนอื่นซะด้วย”
“แต่ถ้าไม่บอกแล้วมีคนมาถามเธอเกี่ยวกับเรื่องคิวบิก เธอจะพูดไปคนล่ะทางกับเรานะครับ”
“ก็ได้ งั้นเย็นนี้นายเรียกเธอไปพบชั้นแล้วกัน”
“ครับ”
หลินหลานเซ่อขยับลุกยืน “เดี๋ยวนายไปส่งเหม่ยจิงให้หน่อย”
“แล้วคุณหลินล่ะครับ”
“ชั้นจะขึ้นไปทำงานที่ออฟฟิศเลย นายไปส่งเธอให้ที”
“เอ่อ...”
“มีอะไรหรือ” หลินหลานเซ่อมองหน้า
“เปล่าครับ”
หลานเซ่อเดินออกไป บอดี้การ์ดตามประกบ จงซินถอนใจอึดอัดกับภารกิจนี้นัก
“ทำไมต้องเป็นเรา”
สองคนอยู่ในลิฟต์อพาร์ทเมนท์ เหม่ยจิงยืนหน้านิ่ง จงซินยืนนิ่งอยู่ข้างๆ เหม่ยจิงหันมามอง จงซินรู้ตัวพยายามไม่สนใจมองนิ่งตรงไปข้างหน้า เหม่ยจิงอมยิ้มขำกับท่าทางของจงซิน
สักครู่ จงซินหันหน้ามามองต้องสะดุ้ง เมื่อพบว่าเหม่ยจิงขยับเข้ามายืนจ้องหน้าใกล้แค่ข้างใบหู
“คุณเหม่ยจิง”
“เป็นอะไร”
“ทำไมมายืนจ้องหน้าผม”
“ชั้นก็อยากจะรู้นายกำลังคิดอะไรอยู่ ไหน บอกชั้นหน่อยซิ”
“ผมไม่ได้คิดอะไร”
“ไม่จริง ชั้นว่านายต้องคิดถึงชั้น”
“ผมจะคิดถึงคุณเรื่องอะไร”
“อ้าว ก็อาจจะคิดว่าเหม่ยจิงเค้าอยู่คนเดียว เค้าจะเหงามั้ยนะ”
“ผมว่าคุณพูดเรื่องอื่นเถอะ ผมไม่เคยมีความคิดอย่างนั้น”
จงซินบอก น้ำเสียงคล้ายไม่พอใจ
“ชั้นก็แค่ล้อเล่น ชั้นรู้น่ะว่านายต้องมีผู้หญิงอยู่ในใจ บอกชั้นได้มั้ยว่าใคร ชั้นอยากเห็นหน้าแฟนนายจังเลย”
“ผมไม่มีใคร”
“ไม่จริง อายุขนาดนี้ ถ้าไม่มีผู้หญิงก็ต้องเป็นเกย์แล้ว ไหน ขอดูมือถือหน่อยมีรูปแฟนใช่มั้ย”
เหม่ยจิงคว้าโทรศัพท์มือถือจากมือจงซิน
“คุณเหม่ยจิง นั่นมือถือผมนะครับ”
“ก็ใช่สิ ชั้นจะดู” จงซินจะเข้ามาแย่งคืน “อย่าเข้ามานะ ถ้าเข้ามาชั้นกอดนายจริงๆ”
จงซินชะงัก ลิฟต์เปิดออก เหม่ยจิงวิ่งออกไป จงซินตามไป
เหม่ยจิงวิ่งมาที่ห้อง จงซินตามติด
“คุณเหม่ยจิงเอาโทรศัพท์ผมคืนมานะครับ”
“ชั้นไม่คืน”
เหม่ยจิงเปิดประตูเข้าไป จงซินผลักประตูตามเข้าไปในห้อง
เหม่ยจิงวิ่งเข้าห้องนอนปิดล็อคประตู จงซินเคาะเรียก
“คุณเหม่ยจิง เปิดประตูเดี๋ยวนี้”
เหม่ยจิงพิงประตูห้องนอนกดเปิดโทรศัพท์
“ชั้นต้องรู้ให้ได้ว่าแฟนนายหน้าตาเป็นยังไง”
เหม่ยจิงกดเปิดอัลบั้มรูป เห็นเป็นรูปตัวเองในนั้นก็ชะงัก
จงซินเคาะประตูซ้ำ
“คุณเหม่ยจิง คุณเหม่ยจิง”
เหม่ยจิงสไลด์ดูรูป เห็นรูปตัวเอง ทั้งรูปที่เคยถ่ายแบบ สัมภาษณ์ลงในนิตยสาร บางรูปแอบถ่าย บางรูปถ่ายจากสตูดิโอ
จงซินเคาะประตูอย่างร้อนใจ
สีหน้าเหม่ยจิงมองรูปตัวเองอึ้งอยู่อย่างนั้น
จงซินจะเคาะประตูซ้ำ ประตูเปิดออก จงซินมองมาอย่างละอายใจ เหม่ยจิงมองจ้อง
“ทำไมในมือถือคุณมีแต่รูปชั้น”
“เอ่อ...”
“อย่าบอกนะว่าคุณแอบชอบชั้น”
จงซินนิ่งงันไปครู่หนึ่ง
“ไม่ใช่นะ ผมไม่ได้แอบชอบคุณ”
“ถ้าไม่ชอบ แล้วถ่ายรูปชั้นทำไมเยอะแยะ บอกชั้นมาว่าคุณแอบชอบชั้นใช่มั้ยจงซิน”
“ผมไม่ได้ชอบคุณ”
“แล้วคุณเก็บรูปชั้นไว้ทำไม”
“เป็นหน้าที่ผม คุณเป็นคนของคุณหลิน คุณทำอะไรที่ไหนผมต้องรายงานให้คุณหลินรับรู้”
เหม่ยจิงอึ้งกับคำตอบ
“อ้อ งั้นหรือ” จงซินถอนใจโล่งอก “ชั้นอุตส่าห์ดีใจนึกว่ามีคนแอบชอบชั้นซะอีก”
จงซินชะงักกับคำพูดของเหม่ยจิง
“เอาล่ะครับ ขอโทรศัพท์ผมคืนด้วย”
เหม่ยจิงส่งโทรศัพท์มือถือคืนให้ จงซินยื่นมือมารับ เหม่ยจิงดึงกลับ
“เดี๋ยว” จงซินชะงักมอง “หวังว่าคุณคงไม่แอบถ่ายรูปตอนที่ชั้นแก้ผ้าหรอกนะ”
จงซินนิ่ง เหม่ยจิงปล่อยมือ จงซินหันกลับเดินออกอย่างเร็วรี่ เหม่ยจิงมองตามอย่างหมั่นไส้
“จงซินผู้เย็นชืด กับหลินหลานเซ่อผู้เย็นชา”
เหม่ยจิงเบ้หน้า พร้อมกับปิดประตูลง
จงซินเดินเข้ามาในลิฟต์ด้วยความรู้สึกละอายใจ เปิดดูรูปเหม่ยจิงในโทรศัพท์
“เราควรจะลบรูปทิ้งให้หมด ถ้าคุณหลินเห็นเข้าจะไม่ดี”
จงซินกดดีลีทภาพเหม่ยจิงลงถังขยะจนหมด
ที่ห้องทำงานหลินหลานเซ่อ ตึกฉายหงส์ กรุ๊ป ฤทัยนาคลงนั่งอยู่ข้ามหลินหลานเซ่อ ฟังเขาเล่าจบแล้ว
“คิวบิก ชั้นคือคิวบิกอย่างงั้นหรือ”
“ใช่ ที่ชั้นต้องอุปโลกคิวบิกขึ้นมา เพื่อกันไม่ให้คนตามหาเธอ ซึ่งเป็นคนช่วยชั้น”
“โอ้โห นี่ชั้นมีความสำคัญขนาดนั้นเลยหรือ”
“เอาละ เธอรู้ไว้แค่นี้ไม่ว่าใครจะถามอะไร เธอบอกไม่รู้เรื่องทั้งนั้น”
“ชั้นรู้แล้วน่า แต่ขอถามหน่อย คนที่เป็นเงาจริงๆ เค้าต้องใหญ่มากใช่มั้ย เค้าถึงสั่งการและให้คำแนะนำคนอย่างนายได้”
“ถูกต้อง”
“ถ้าอย่างงั้นชั้นก็จะขอสั่งการนายเรื่องนึง”
“สั่งการอะไร”
“ให้นายช่วยเหลือมีนา โดยบอกหลินเพ่ยอิงว่ามีนาเป็นผู้หญิงของคิวบิก แค่นี้หลินเพ่ยอิงก็ทำอะไรไม่ได้แล้วใช่มั้ย”
“แล้วทำไมชั้นต้องทำอย่างงั้นด้วย”
“อ้าว นายเอาชั้นไปอ้างอิงเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายนะ แล้วเรื่องแค่นี้คิวบิกจะขอร้องให้นายช่วยเหลือหน่อยไม่ได้หรือไง”
“เธอนี่มันสุดยอดกระล่อนเลยนะ”
“เค้าไม่เรียกกระล่อน เค้าเรียกว่าฉลาดล้ำลึก ว่าไง นายอย่าพูดนอกเรื่อง” หลินหลานเซ่อมองจ้อง “นะ ชั้นขอร้องล่ะ ช่วยมีนาเค้าหน่อยเถอะ อย่าให้เค้าต้องตกนรกทั้งเป็นเลย”
“แล้วถ้าชั้นบอกว่าไม่ล่ะ”
ฤทัยนาคมองตาขวางขุ่น ไม่พอใจ
“นั่นก็แสดงว่าคุณกับหลินเพ่ยอิงเป็นคนประเภทเดียวกันคือบ้ากาม ชั้นรับไม่ได้”
ฤทัยนาคโกรธ หันหลังกอดอก หลินหลานเซ่อมองแล้วยิ้มพลางส่ายหน้า
ไม่นานต่อมา หลินเพ่ยอิงถูกเรียกมาพบประธานฉายหงส์กรุ๊ป เวลานี้เขาเท้าแขนลงบนโต๊ะทำงาน ตรงหน้าเขาเป็นหลินหลานเซ่อที่มองอยู่
“อะไรนะ มีนาเป็นผู้หญิงของคิวบิก”
“ใช่”
เพ่ยอิงไม่เชื่อ “เป็นไปไม่ได้ ชั้นว่านายมั่วมากไปแล้วหลินหลานเซ่อ นายอยากจะเก็บเด็กของชั้นไว้ซั่มใช่มั้ย”
“นี่ อย่าพูดจาถ่อยๆ ชั้นกำลังพูดเป็นเรื่องเป็นราวกับแกอยู่นะ”
“แต่ถึงยังไง ชั้นก็ไม่มีวันยอมยกมีนาให้ใครหรอก”
“นี่นายกล้าขัดคำสั่งคิวบิกงั้นหรือ”
“เออ เพราะชั้นยังไม่รู้เลยว่าจริงๆ แล้วคิวบิกมันมีตัวตนรึเปล่า แล้วที่สำคัญพ่อมีนาเอาเงินชั้นไปยี่สิบล้าน ถ้าไอ้คิวบิกอยากได้ก็ต้องเอาเงินมาไถ่ตัวให้ชั้น ชั้นถึงจะยอมให้มีนาไป”
“ใช่ คิวบิกเค้าเตรียมเงินไว้ให้นายแล้ว”
หลินหลานเซ่อเปิดกระเป๋าเงินบนโต๊ะ เห็นปึกเงินวางเต็มกระเป๋า เพ่ยอิงมองเงินแล้วมองหน้าหลานเซ่อตาวาว
“ชั้นรู้ว่านี่มันเป็นเงินของแก นี่แกอยากได้ผู้หญิงคนนี้จริงๆ ถึงกับยอมเสียเงินยี่สิบล้านหรือ”
“ชั้นว่านายเอาเงินนี่ไปซะทุกอย่างจะได้จบ”
“ไม่ แสดงว่ามีนาต้องมีทีเด็ดมากกว่ายี่สิบล้าน ถ้านายอยากได้เธอชั้นขอร้อยล้าน หรือไม่ก็ให้คิวบิกมาคุยกับชั้น แล้วชั้นจะให้มีนาไปฟรีๆ”
เพ่ยอิงขยับตัวจะออกไป
“กลับมาก่อนหลินเพ่ยอิง”
หลินเพ่ยอิงหันมาบอก “ไม่ นายไม่มีสิทธิ์บังคับชั้น คิวบิกเท่านั้นที่ชั้นจะคุยด้วย แล้วอีกสามวันถ้าไม่ได้ตามเงื่อนไข นายต้องคืนมีนาให้กับชั้น
เพ่ยอิงเดินออกไปเลย หลินหลานเซ่อมองตามถอนใจ
“ไอ้บ้านี่ ไม่ได้โง่อย่างที่เราคิด”
เพ่ยอิงเดินออกมาจากห้องหลินหลานเซ่อ เจอซุ่นลี่กำลังนั่งทำงาน
“ซุ่นลี่”
"คะ คุณเพ่ยอิง"
"เธอเคยเจอคิวบิกมั้ย"
ซุ่นลี่บอกทันที "ไม่เคยค่ะ"
"ก็นั่นน่ะสิ คิวบิกมันไม่มีตัวตน หลินหลานเซ่อมันคิดว่าชั้นโง่ หลอกได้ง่ายๆ"
เพ่ยอิงเดินออก ลูกน้องที่รออยู่หน้าห้องขยับตาม ซุ่นลี่มองตามอย่างแปลกใจ
คิวบิก ตอนที่ 7 (ต่อ)
ภายในตู้คอนเทนเนอร์ของฤทัยนาค มีนาลงนั่งหน้าเศร้าหลังรู้เรื่องจากฤทัยนาคแล้ว
“เค้าไม่ยอมจริงหรือ”
“ใช่ หลินเพ่ยอิงบอกว่าต้องการเงินร้อยล้าน”
“ร้อยล้าน บ้ากันไปใหญ่แล้ว ใครจะมีเงินตั้งร้อยล้านมาแลก”
ฤทัยนาคมองแล้วถอนใจ มีนาลุกเดินไปมา
“นี่ชั้นจะทำยังไงดี ชั้นต้องตกเป็นเมียเก็บของหลินเพ่ยอิงจริงๆ หรือเนี่ย”
“เธออย่าเพิ่งท้อนะ ชั้นว่ามันต้องมีซักทางที่จะช่วยเธอ”
“แต่ชั้นไม่เห็นหนทางไหนเลยนะนาค” มีนาร้องไห้ออกมา
“ไม่เอาน่า อย่าร้องไห้ ชั้นสัญญาชั้นจะไม่ยอมให้เธอต้องตกนรกทั้งเป็นหรอก”
“ขอบใจเธอมากนะ”
มีนาโผเข้ากอดฤทัยนาคอย่างตื้นตัน อีกฝ่ายมองอย่างหนักใจ
เช้าวันต่อมา แดนนี่เดินมาตามถนนกับฤทัยนาค ทั้งสองอยู่ในชุดนักเรียน
“ชั้นว่าเธอกำลังหาเหาใส่หัวนะ นี่มันไม่ใช่เรื่องของเธอ”
“แต่มีนาเค้าเป็นผู้หญิงเหมือนกับชั้นนะ นายคิดดูนะถ้าเป็นพี่นัน พี่สาวชั้นต้องตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ เค้าจะทำยังไง ถ้าเราไม่ช่วยเค้า”
“แต่ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่พี่สาวเธอ”
“แต่เค้าก็เป็นผู้หญิงนะ แถมเป็นคนไทยเหมือนชั้นด้วย ช่วยคิดหน่อยสิแดนนี่ ว่าจะทำไงดี ถึงจะช่วยมีนาได้”
“ชั้นคิดไม่ออกหรอก เพราะชั้นไม่มีเงินร้อยล้าน เธอเป็นคิวบิกไม่ใช่หรือ เธอก็ลองใช้สมองอันชาญฉลาดของเธอดูสิ”
แดนนี่ประชดก่อนจะผละเดินข้ามถนนไป
“เฮ้ย เดี๋ยวสิแดน รอชั้นด้วย”
ฤทัยนาควิ่งตามไป
หลังเลิกเรียนฤทัยนาคทำงานอยู่ในไซต์ก่อสร้าง สีหน้าหมกมุ่นครุ่นคิดหาวิธีช่วยมีนา นึกถึงคำพูดของแดนนี่
“เธอเป็นคิวบิกไม่ใช่หรือ เธอก็ลองใช้สมองอันชาญฉลาดของเธอดูสิ”
ฤทัยนาคคิดแล้วถอนใจเฮือก “เราเป็นคิวบิกงั้นหรือ”
คืนนั้นฤทัยนาคในชุดคนงานก่อสร้าง เดินมาตามทางในอาคารฉายหงส์กรุ๊ป ด้วยแววตามุ่งมั่น
เป้าหมายคือห้องทำงานเจ้าหนี้ของเธอ
ไม่นานต่อมาเห็นหลินหลานเซ่อหมุนเก้าอี้หันหน้ามาหา
“มีอะไรว่ามา”
“ชั้นว่านายบอกความจริงกับหลินเพ่ยอิงไปเถอะว่าชั้นคือคิวบิก ทุกอย่างก็จะจบ”
“ชั้นทำอย่างงั้นไม่ได้หรอก ชั้นบอกแล้วไงเรื่องของคิวบิกกับเธอต้องเป็นความลับ”
“ถ้างั้นเราก็ช่วยเหลือมีนาไม่ได้นะ”
“ใครบอกเธอ”
“หา นี่นายจะเอาเงินร้อยล้านให้หลินเพ่ยอิงจริงหรือ”
“ชั้นไม่โง่ขนาดนั้นหรอก”
“อ้าว แล้วนายจะทำยังไง”
“ชั้นมีแผนของชั้นอยู่แล้ว”
“แผนหรือ บอกหน่อยซิแผนอะไร”
หลินหลานเซ่อมองจ้อง ฤทัยนาคมองตอบอย่างใสซื่อ
“เข้ามาใกล้ๆ ชั้นจะกระซิบบอกให้”
“ทำไมต้องกระซิบด้วย เราอยู่กันแค่สองคน”
“ไม่ได้หรอก ตอนนี้ทุกอย่างมันดูไม่ปลอดภัย”
“ในห้องนายเนี่ยนะ ไม่ปลอดภัย”
“เธอไม่เคยได้ยินหรือ หน้าต่างมีหูประตูมีช่อง แต่ถ้าเธอไม่อยากรู้ ไม่เป็นไร”
ฤทัยนาคเอียงหน้าเข้าไปหา
“เข้ามาอีก” หลานเซ่อบอก
ฤทัยนาคเอียงหน้าใกล้เข้ามาอีก
“เข้ามาอีก”
ฤทัยนาคต้องเอียงเข้ามาอีก แต่ไม่พอ
“เข้ามาอีก ใกล้ๆ เดี๋ยวคนอื่นได้ยิน”
ฤทัยนาคหลับตาเอียงหน้าเข้ามาใกล้ จนแก้มมาชนกับจมูกหลินหลานเซ่อ
“อุ๊ย”
“ขอโทษ จมูกชั้นโด่งไปหน่อย”
“เอา บอกซะทีสิ”
หลินหลานเซ่อเคลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ แอบสูดหายใจแล้วพูดเบาๆ ฤทัยนาคพยักหน้ารับรู้เป็นระยะ จนหลินหลานเซ่อพูดจบ ฤทัยนาคยิ้มดีใจ หันมามอง ทั้งสองมองสบตากันซึ้งๆ
หลินหลานเซ่อมองจ้อง จนฤทัยนาคสะเทิ้น จู่ๆ หลานเซ่อเอื้อมมือจับไหล่ ฤทัยนาคสะดุ้ง
“เธอยังไม่บอกเลยว่าแผนของชั้นดีมั้ย”
“เอ่อ ดีค่ะ”
หลินหลานเซ่อมองจ้อง ขยับหน้าเข้ามาใกล้ ฤทัยนาคจะถอยมาเฟียหนุ่มขยับเข้ามาฤทัยนาคเมินหน้าหนี
“นายจะบอกอะไรอีกหรือ”
“ชั้นจะถามว่า เธอมาหาชั้นเนี่ยยังไม่อาบน้ำใช่มั้ย”
ฤทัยนาคอาย “ก็ใช่สิ ชั้นเพิ่งเสร็จงานก่อสร้างนี่ ตัวเหม็นใช่มั้ย”
หลินหลานเซ่อมองไม่ตอบ ลอบอมยิ้ม
“ชั้นไปล่ะ” เด็กสาวหันเดินลิ่วไปที่ประตูแล้วหันมาบอก “วันหลังชั้นจะอาบน้ำก่อนมา”
ฤทัยนาคมองค้อนเดินออกปิดประตู หลินหลานเซ่อมองตามยิ้มขำ
“หึ ชั้นจะบอกว่าเธอตัวหอมต่างหาก”
ฤทัยนาคเดินออกมายกแขนดมรักแร้ตัวเองสองข้าง
“ไม่เหม็นซะหน่อย ผู้ชายอะไรบ้าจริงๆ” ฤทัยนาคออกเดินไป
คืนนั้น แดนนี่อยู่ในห้องพัก พูดโทรศัพท์อยู่
“ว่าไงนะ ให้ชั้นเล่นละครเป็นคิวบิกงั้นหรือ”
หลินหลานเซ่อนั่นเองที่เป็นคนโทรหาและพูดโทรศัพท์กับเด็กหนุ่มอยู่
“ใช่ งานนี้ชั้นต้องการความช่วยเหลือจากนาย”
“หมายความว่านายจะขอร้องชั้นงั้นหรือ”
“ชั้นไม่ได้ขอร้องแต่ชั้นจะจ่ายเงินค่าจ้างให้นาย ถ้างานนี้นายไม่ช่วยชั้น ฤทัยนาคจะเดือดร้อน”
“ดูนายจะเป็นห่วงลูกหนี้ของนายมากนะ”
“อย่าพูดมาก ชั้นต้องการคำตอบจากนาย”
“ถ้าคนอย่างหลินหลานเซ่อกล้าขอร้องด้วยตัวเอง ชั้นก็คงไม่กล้าปฏิเสธแล้วล่ะ”
แดนนี่กดปิดโทรศัพท์ ยิ้มเยาะ
ส่วนหลินหลานเซ่อปิดโทรศัพท์ส่ายหน้า
“ถ้าไม่ใช่เรื่องฤทัยนาคล่ะก็ ชั้นไม่มีวันยกหูหาแกหรอก ไอ้แดนนี่”
ภสยในร้านอาหารของอาคารฉายหงส์กรุ๊ป พนักงานถือของเสิร์ฟผ่านไป จงซินหยิบผ้าเช็ดปากพูดสีหน้าเครียด
“จะดีหรือครับ ผมว่าเรื่องนี้จะทำให้คุณหลินกับคุณเพ่ยอิงบาดหมางกันมากขึ้นนะครับ”
“ที่ชั้นทำลงไปก็แค่ต้องการตอบแทนที่ฤทัยนาคช่วยชีวิตชั้น”
“ถ้าคุณหลินอยากจะตอบแทนเธอ ก็ยกหนี้ให้เธอแล้วปล่อยเธอกลับเมืองไทยไปไม่ดีกว่าหรือครับ”
หลินหลานเซ่ออึ้ง สีหน้าบอกว่าไม่พอใจ
“แต่เงินตั้งยี่สิบล้านไม่ใช่น้อยนะจงซิน”
มาเฟียหนุ่มบ่ายเบี่ยงหลบตาพี่เลี้ยงคู่หู จิ้มสเต็กกินต่อ
“ผมรู้ว่าคนอย่างคุณหลินไม่ได้เสียดายเงินหรอกครับ คุณหลินเพียงแต่เสียดายฤทัยนาค ใช่มั้ยครับ”
มือหลินหลานเซ่อที่หั่นสเต็กกดมีดลงชะงัก วางส้อมวางมีด หยิบน้ำดื่มพูดกลบเกลื่อน
“ชั้นจะเสียดายเธอเรื่องอะไร เธอเป็นลูกหนี้ชั้นนะ แล้วผู้หญิงหน้าตาอย่างงั้น นายคิดว่าชั้นชอบเธองั้นหรือ”
มาเฟียรูปงามจอมขี้เก๊กทำเสียงเข้มปฏิเสธ จงซินมองอย่างรู้ทันแต่ไม่แสดงออกมาให้รู้
“เอาล่ะครับ ถ้าคุณหลินไม่ได้ชอบฤทัยนาคแล้วก็ไม่ได้เสียดายเธอ ผมก็ไม่ว่าอะไร ผมแค่ติงไม่อยากให้คุณหลินมีปัญหากับคุณเพ่ยอิงเท่านั้น”
“ก็อย่างที่ชั้นบอกนาย ที่ชั้นทำไปก็แค่อยากจะช่วยเด็กนั่นบ้างตอบแทนที่เค้าช่วยชีวิตชั้นเท่านั้นเอง”
หลานเซ่อยังพยายามอ้างหาเหตุผลมารองรับด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“เอาล่ะครับ ผมเข้าใจแล้ว ผมขอโทษด้วยที่ไม่น่าเอาเรื่องนี้มาพูดกับคุณ”
จงซินพูดจบหันมากินอาหารต่อ หลินหลานเซ่อเหลือบมองรู้สึกละอายแก่ใจที่ตำหนิจงซิน
“ชั้นเข้าใจที่นายเตือนเพราะหวังดีกับชั้น แต่ถ้าชั้นไม่ทำอะไรลงไป ชั้นกลัวว่าจะกลายเป็นคนเห็นแก่ตัวเกินไปรึเปล่า ในขณะที่เด็กนั่นยอมเอาชีวิตเข้าเสี่ยงช่วยชั้น นายเข้าใจที่ชั้นพูดใช่มั้ย”
“ผมบอกแล้วไงครับว่าผมเข้าใจ”
“ถ้านายเข้าใจชั้นค่อยโล่งอกหน่อย”
“โล่งอกทำไมหรือครับ”
“ก็...ชั้นกลัวว่านายจะคิดว่าที่ชั้นทำไป เพราะชั้นชอบเด็กฤทัยนาคนั่น”
“ก็คุณหลินบอกผมแล้วไงครับว่าไม่ได้ชอบ”
จงซินแกล้งย้อนกลับ หลานเซ่อจำใจพยักหน้า
“อืมม์ เอาล่ะ นายสั่งกาแฟให้ชั้นหน่อยนะ ชั้นจะเข้าห้องน้ำ”
หลินหลานเซ่อลุกออกไป จงซินมองตามอมยิ้ม
“ปากแข็งจริงๆ”
ซานกุ้ยอยู่ที่บ้านยืนมองรูปไป่หลิงนิ่ง นึกถึงวันเวลาที่ไป่หลิงคอยปรนนิบัติดูแลตัวเองอย่างดีตลอดมา คิดแล้วซานกุ้ยทอดถอนใจ
“ไป่หลิง ทำไมหลานถึงได้อายุสั้นอย่างนี้”
หย่งเหวินเดินเข้ามาหยุดมอง เห็นซานกุ้ยยืนซึม
“หลานไม่น่ารีบจากลุงไปเลย”
“คุณพ่อครับ”
ซานกุ้ยหันไปมองทัก “ว่าไงหย่งเหวิน”
“ผมจะบอกว่าพรุ่งนี้มีประชุมเก้าโมงที่ฉายหงส์กรุ๊ปนะครับ”
“แกไปประชุมแทนพ่อเถอะ”
“แต่พรุ่งนี้เป็นวันประชุมใหญ่ หัวหน้าสาขามากันเยอะนะครับ”
“เดี๋ยวพ่อจะโทร.บอกจงซินว่าให้แกไปแทน”
“อย่างงั้นก็ได้ครับ คุณพ่อรักษาสุขภาพด้วยนะครับ”
ซานกุ้ยพยักหน้า
“ผมเองก็เสียใจไม่น้อยไปกว่าคุณพ่อที่ไป่หลิงมาด่วนจากไป ยิ่งผมคิดถึงเธอมากเท่าไหร่ ผมก็ไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไป”
“หย่งเหวิน พ่อเข้าใจความรู้สึกลูกดี แต่ลูกต้องเข้มแข็ง เพราะไป่หลิงคงไม่อยากเห็นลูกท้อแท้และทำอย่างงั้น และที่สำคัญลูกคือความหวังเดียวที่พ่อเหลืออยู่ ถ้าลูกเป็นอะไรไป ตระกูลของเราจะหมดสิ้น”
“ครับ คุณพ่อ ผมให้สัญญาผมจะทำทุกอย่างเพื่อคุณพ่อและไป่หลิง”
ซานกุ้ยมองหย่งเหวินอย่างซาบซึ้งใจ เสียงโทรศัพท์มือถือของหย่งเหวินดังเขากดรับ
“ขอโทษครับ” หย่งเหวินพูดโทรศัพท์ “ฮัลโหล”
ลูกน้องหย่งเหวินโทร.มาจากโกดังร้าง และพูดโทรศัพท์ด้วย
“นายครับ เราเจอตัวคิวบิกแล้วครับ”
ซานกุ้ยมองอย่างสนใจ
“ขอบใจมาก” หย่งเหวินวางสาย
“ใครหรือลูก”
“เมื่อเช้าผมสั่งดอกไม้ที่ไป่หลิงชอบไปให้เค้า ที่ร้านโทร.มาบอกว่าเอาไปไว้ที่หลุมศพเรียบร้อยแล้ว”
“ขอบใจที่ลูกยังรักไป่หลิงไม่เสื่อมคลาย”
ซานกุ้ยดึงเหย่งเหวินมากอด สีหน้าหย่งเหวินที่เหลือบมองซานกุ้ยเห็นแต่ความชั่วช้าในแววตาคู่นั้น
ไม่นานต่อมาประตูโกดังเปิดออก หย่งเหวินก้าวเข้ามาเห็นแสงจากภายนอกสาดเข้ามา หย่งเหวินเดินมากลางโกดัง เห็นลูกน้องสามคนยืนล้อมใครคนนึงที่ถูกมัดกับเก้าอี้ มีถุงคลุมหน้า
หย่งเหวินเดินมาหยุดมองจ้อง
“นี่ครับนาย ไอ้คิวบิกที่เราตามหา” ลูกน้อง 1 บอก
“เอาผ้าคลุมหน้ามันออก”
ลูกน้องดึงผ้าคลุมหน้าออก เผยให้เห็นชายคนหนึ่งแต่งตัวหล่อ เจ้าสำอางสุดๆ
“แกหรือคือคิวบก” หย่งเหวินถาม
“ใช่ ชั้นนี่แหละคือคิวบิกผู้เป็นเงาของหลินหลานเซ่อ ถ้าพวกแกไม่อยากตายรีบแก้มัดชั้นเดี๋ยวนี้”
ลูกน้องหันมามองหน้าหย่งเหวิน
“ชั้นจะเชื่อได้ไงว่าแกคือคิวบิกตัวจริง”
“ชั้นนี่แหละตัวจริงเสียงจริง ถ้าแกไม่เชื่อ แกก็ไปถามหลินหลานเซ่อดู”
หย่งเหวินหันไปถามลูกน้อง “ไปเจอตัวมันที่ไหน”
“มันอยู่ในผับครับ มันคุยกับผู้หญิงหากินว่ามันเป็นคิวบิก มันสามารถช่วยเหลือผู้หญิงได้ทุกเรื่อง”
ชายที่สมอ้างเป็นคิวบิกรีบเสริม “ใช่ คิวบิกสามารถบันดาลอะไรได้ทั้งนั้น พวกแกรีบปล่อยชั้น แล้วชั้นจะไม่เอาเรื่องพวกแก จะไม่บอกหลินหลานเซ่อว่าพวกแกจับชั้นมา”
หย่งเหวินกระชากปืนออก ยิงใส่ชายผู้อ้างตัวว่าเป็นคิวบิกเปรี้ยง ชายคนนั้นหงายหลังกระเด็นไป ลูกน้องตกตะลึง หย่งเหวินหันมาตบหน้าคนเป็นหัวหน้า
“มึงฟังเรื่องมัน มึงยังไม่รู้อีกหรือว่ามันเป็นพวกปากพล่อยหลอกฟันผู้หญิง”
หย่งเหวินเดินออกไปอย่างโกรธเกรี้ยว
ลูกน้อง 1 บ่น “ผมบอกเฮียแล้วว่าไม่ใช่หรอก เฮียไม่เชื่อ”
ลูกน้อง2 ด่า “หุบปาก เอาศพมันไปทิ้ง”
ลูกน้องวงแตกแยกกันเก็บศพออกไป
เพ่ยอิงเดินมาในตึกฉายหงส์กรุ๊ป แววตาดุดันเอาเรื่อง ส่วนมีนานั่งอยู่ในห้องนัดพบ หน้าเครียดจัด
ครู่หนึ่งเพ่ยอิงเดินมาหยุดหน้าห้องนัดหมาย บอดี้การ์ดหลินหลานเซ่อหน้าห้องเรียกไว้
“เดี๋ยวครับคุณเพ่ยอิง”
“ถอย ชั้นมีนัดกับหลินหลานเซ่อ”
เพ่ยอิงผลักบอดี้การ์ดออก แล้วเปิดประตูเดินเข้าไปในห้องทันที
พอเพ่ยอิงเปิดประตูห้องเข้ามา เห็นมีนานั่งหันหลังให้ประตู หลินหลานเซ่อมองจ้องเพ่ยอิงที่เดินก้าวเข้ามาหยุดหลังมีนา เห็นมีนาเอาแต่นั่งก้มหน้า หลินหลานเซ่อยังมองเพ่ยอิงนิ่งๆ
เพ่ยอิงมองด้านหลังมีนา แล้วเหลือบมองหลินหลานเซ่อ
“ตกลงว่าไง หลินหลานเซ่อ”
มีนาอึ้ง ท่าทีหวาดกลัวหนัก หลินหลานเซ่อยังคงนิ่ง เพ่ยอิงมองบนโต๊ะพบว่าไม่มีเงินมองรอบห้องไม่มีใคร เพ่ยอิงเข้ามากระชากมือมีนา
“ไป มีนา”
มีนาสะบัด “ชั้นไม่ไป”
“เธอต้องไป เพราะเธอเป็นสมบัติของชั้น”
เพ่ยอิงดึงแขน มีนาดิ้นรนร้องโวยวาย
“ไม่ ชั้นไม่ไป ปล่อยชั้น”
“ไม่ได้ เธอยังไม่ใช้หนี้ชั้นเลย”
เพ่ยอิงดึงมีนาออกไป
“ช่วยชั้นด้วยค่ะ คุณหลินหลานเซ่อ”
หลินหลานเซ่อมองเหตุการณ์นิ่ง
“ช่วยด้วยค่ะ อย่าให้เค้าพาชั้นไป”
หลินหลานเซ่อยังนิ่งมอง จนเพ่ยอิงลากมีนามาถึงหน้าประตู
“ไม่มีใครช่วยเธอได้หรอก เค้าไม่มีเงินร้อยล้านมาไถ่ตัวเธอ”
“ช่วยด้วยค่ะ ช่วยชั้นด้วย” มีนาร้องอย่าน่าเวทนา
เสียงใครคนหนึ่งดังขึ้น “หยุดนะ หลินเพ่ยอิง”
เพ่ยอิงชะงัก มีนาชะงักตาม
“เสียงใครวะ” เพ่ยอิงหันมองรอบตัวหาต้นเสียง
“เมื่อกี้ใครตะโกนบอกให้ชั้นหยุด ไม่ใช่เสียงนายแน่หลินหลานเซ่อ ใคร”
ขาใครคนนึงเดินก้าวออกมาจากหลังห้อง มีนามองเบิ่งตาสงสัย เพ่ยอิงมองอย่างแปลกใจ
ชายลึกลับก้าวมาหยุดด้านหลังหลินหลานเซ่อ เอ่ยขึ้น
“ชั้นเอง คิวบิก”
อ่านต่อตอนที่ 8