สามีตีตรา ตอนที่ 8
กะรัตขับรถอย่างเร็วด้วยความกังวลสุดๆ และพยายามโทรหา พิศุทธิ์แต่ไม่ติด
“มือถือคุณพิศุทธิ์ไม่มีสัญญาณอะไรตอนนี้เนี่ย”
กะรัตเหยียบความเร็วเต็มที่ นวลจับสายคาดเข็มขัดแน่นด้วยความกลัว
“คุณกั้งเบาค่ะ”
กะรัตขับรถปาดซ้าย ปาดขวา นวลกลัวมากร้องลั่น
“คุณกั้ง ระวัง”
“นั่งเงียบๆได้ไหม แค่นี้ฉันก็ขับรถด้วยเครียดพออยู่แล้ว”
นวลลหุบปากแต่สายตาแทบจะร้องไห้ด้วยความอึดอัด กะรัตมองไปทางข้างหน้า
“แล้วเราไปทางไหนต่อ”
“ทางโน้นค่ะ” นวลชี้ไปด้านหลัง
“แล้วทำไมเธอไม่รีบบอก”
“นวลจะบอก แต่คุณกั้งให้นวลหุบปาก”
กะรัตหมุนพวงมาลัยเหวี่ยงรถยูเทิร์นกะทันหัน นวลแทบกลิ้ง
สายน้ำผึ้งยืนคุยกับพนักงานต้อนรับที่ล็อบบี้ พร้อมกับคอยเหลียวไปมองพิศุทธิ์กลัวว่าเขาจะเห็นว่าตัวเองมาแล้ว
“ขอเปิดห้องพักหนึ่งห้องค่ะ ลงชื่อว่าพิศุทธิ์นะคะ”
พนักงานพยักหน้าเข้าใจ แล้วรีบจัดการให้ สายน้ำผึ้งทำตามแผนต่อ
“ขอยืมโทรศัพท์หน่อยได้ไหมคะ”
“ได้ค่ะ”
พนักยื่นเครื่องโทรศัพท์ให้ สายน้ำผึ้งหยิบมากดเบอร์กะรัต
กะรัตรีบขับรถด้วยใจกระวนกระวาย หันไปทางนวล
“โทรหาคุณพิศุทธิ์ติดรึยัง”
“ยังโทรไม่ติดเลยค่ะ”
มือถือกะรัตดัง นวลมองหมายเลขที่หน้าจอมือถือ
“คุณกั้งคะ นี่มันรหัสเบอร์ต่างจังหวัดนี่คะ”
กะรัตคิดว่าเป็นพิศุทธิ์ รีบคว้ามือถือจากนวลไปกดรับสาย
“คุณพิศุทธิ์เหรอคะ กั้งกำลังโทรบอกคุณเลยว่า กั้งจะไปหาคุณที่โคราช”
“ฉันคิดอยู่แล้วว่าเธอต้องมา...ตอนนี้อยู่ไหนแล้วจ้ะเพื่อนรีบๆหน่อยนะ...บรรยากาศคันทรี่แบบนี้ มันช่างสร้างความเหงาให้กับ ผู้หญิงร้างผัวอย่างฉัน กับผู้ชายเบื่อเมีย อย่างคุณพิศุทธิ์จริงๆ”
“แกอย่าบังอาจแตะต้องคุณพิศุทธิ์ของฉันแม้แต่ปลายนิ้วเลยนะนังผึ้งไม่อย่างนั้น...ฉันจะฆ่าแก” กะรัตแทบบ้าคลั่ง
“เธอเคยได้ยินคำนี้ไหม...ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ...เอ๊ะ...ฉันจะเริ่มยั่ว ผัวเธอแผนไหนก่อนดีนะ แกล้งใช้มุกห้องเต็ม ทำให้ต้องนอนห้องเดียวกัน เตียงเดียวกัน หรือจะเอาแบบ ฉันอาบน้ำอยู่ ฝักบัวเสีย เลยต้องโทรให้คุณพิศุทธิ์มาซ่อม แล้วฉันก็ทำผ้าขนหนูหลุด”
“นังผึ้ง” กะรัตจินตนาการตามก็ยิ่งสติแตก
“คุณกั้งไม่ต้องไปคุยกับคนบ้าแล้วค่ะ” นวลแย่งมือถือจากกะรัต
กะรัตแย่งมือถือจากนวล โวยต่อ
“คุณพิศุทธิ์เขาไม่โง่หลงกลแกหรอก”
“คนที่กำลังจิตใจอ่อนแอเพราะโดนโครตเหง้าเมียเอาเงินซื้อจะทำอะไร...มันก็ไม่ยากหรอก จริงไหมกั้ง” สายน้ำผึ้งหัวเราะ
“แกรู้เรื่องนั้นได้ยังไง นังผึ้ง”
สายน้ำผึ้งวางโทรศัพท์ลงทันทีแล้วยิ้มสะใจ กะรัตเขวี้ยงมือถือไปที่นวลอย่างเครียด ๆ
“มันรู้เรื่องนั้นได้ยังไง”
“ใจเย็นๆนะคะคุณกั้ง”
“ไม่จริง คุณพิศุทธิ์ ต้องไม่บอกมันเรื่องนั้น มันไม่มีวันสนิทกับคุณพิศุทธิ์ขนาดนั้น”
กะรัตเครียดเหยียบคันเร่งจนแทบมิด
สายน้ำผึ้งคุยกับพนักงาน
“เดี๋ยวจะมีเพื่อนฉันมาตามหาฉันกับคุณพิศุทธิ์ คุณพาเขาไปที่ห้องพักฉันเลยนะคะ แต่ถ้าไม่เจอฉันที่ห้อง ก็พาเขาไปที่สนามไดร์ฟกอล์ฟเลย”
“ได้ค่ะ...นี่ค่ะกุญแจห้อง ห้องอยู่ทางด้านโน้นเลยนะคะ”
พนักงานส่งกุญแจห้องให้
สายน้ำผึ้งเข้าไปในห้อง ดึงผ้าคลุมเตียงขึ้น แล้วทำสภาพเตียงนอนให้คล้ายคนนอน มาแล้ว แล้วไปหยิบชุดคลุมอาบน้ำ 2 ตัวมาวางพาดบนเตียง ให้ดูเหมือนผ่านการใช้มาแล้ว เธอมองสภาพห้องแล้วมองนาฬิกาว่ากะรัตใกล้ถึงแล้ว
ขณะที่พิศุทธิ์คุยงานกับมิสเตอร์ชาล์ล และเล่นกอล์ฟไปด้วย สายน้ำผึ้งวิ่งด้วยท่าทางกระหืดกระหอบเหมือนรีบร้อนมากเข้ามา
“ขอโทษค่ะที่มาช้า”
พิศุทธิ์เห็นสายน้ำผึ้งแล้วรู้สึกโล่งที่จะทำงานให้เสร็จสักที ชาล์ลหันไปหา
“คุณสายน้ำผึ้งมาเหนื่อยๆ ทานอะไรก่อนสิครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ แค่นี้ผึ้งก็ทำให้คุณชาล์ลกับคุณพิศุทธิ์รอนานแล้ว ดูเอกสารเลยก็ได้ค่ะ”
สายน้ำผึ้งเอาเอกสารยื่นให้ พิศุทธิ์รีบจัดการเอาเอกสารอื่นออกมา อธิบายให้มิสเตอร์ชาล์ลฟัง สายน้ำผึ้งเหลือบมองพิศุทธิ์แล้วมองนาฬิกาตัวเองรอกะรัตมา
รถกะรัตพุ่งเข้ามาจอดหน้ารีสอร์ท กะรัตเปิดประตูลงมา นวลรีบวิ่งลงจากรถไปขวางหน้า
“คุณกะ...”
นวลพูดไม่ทันจบ กะรัตดันกระเด็นไป แล้วเดินเข้าไปหาพนักงานต้อนรับ
“คุณพิศุทธิ์อยู่ไหนคะ”
“คุณพิศุทธิ์” พนักงานนึกถึงที่สายน้ำผึ้งสั่งไว้ “อ๋อ...เดี๋ยวพาไปค่ะ”
พนักงานต้อนรับหยิบกุญแจสำรองแล้วเดินนำไปทางห้องพัก กะรัตพุ่งตรงไปที่ห้องพัก นวลรีบวิ่งตามอย่างเครียด
พนักงานต้อนรับเปิดประตูให้ กะรัตมองเข้ามาในห้องด้วยท่าทางเก็บอารมณ์เต็มที่ ค่อยๆย่างก้าวเข้ามาในห้องแล้วมองสภาพเตียงที่ดูยับยู่ยี่ แล้วมองไปที่ชุดคลุมอาบน้ำ ที่วางพาดซ้อนกันแล้วอึ้ง
“คุณกั้งคะ...” นวลเรียกเบาๆ
กะรัตยืนอึ้งแทบล้มทั้งยืน สภาพห้องทำให้เธอคิดภาพบาดใจ ทำให้กะรัตทนดูไม่ไหวเข้าไปดึงทึ้งผ้าคลุมเตียงออกแล้วหยิบเสื้อคลุมปาทิ้งแล้วปัดข้าวของในห้องกระจาย นวลกับพนักงานต้อนรับมองอย่างตกใจ นวลได้สติก่อนรีบเข้าไปห้าม
“คุณกั้งคะ ใจเย็นๆก่อนนะคะ มันอาจจะไม่ได้เป็น...”
กะรัตหันไปหาพนักงานต้อนรับ
“นังผึ้งอยู่ไหน”
“เอ่อ...” พนักงานยังตกใจกลัว
“ฉันถามว่านังผึ้งกับคุณพิศุทธิ์อยู่ไหน” กะรัตตวาด
“ทะ...ทะ...ที่สนามไดร์ฟกอล์ฟค่ะ”
กะรัตพุ่งไปทางสนามไดร์ฟทันที นวลหน้าตื่นตกใจ
“ตายแล้ว แบบนี้ต่อให้ 18 อรหันต์ก็เอาไม่อยู่แล้ว”
“ทำไงดีล่ะคะ” พนักงานร้อนใจ
นวลรีบโกยอ้าวตามกะรัตไป พนักงานคิดว่า ซวยแน่
พิศุทธิ์ มิสเตอร์ชาล์ลและสายน้ำผึ้งยังคุยงานกันอยู่ สายน้ำผึ้งเห็นกะรัตเดินมาไกลๆ จึงแกล้งหาเรื่องลุกขึ้น
“ผึ้งขอสั่งน้ำหน่อยนะคะ”
สายน้ำผึ้งลุกขึ้นเพื่อจะโบกมือเรียกพนักงาน ทันใดนั้นเธอแกล้งทำเป็นหน้ามืดแล้วเอียงตัวล้มไปนั่งตักพิศุทธิ์พอดี กะรัตเดินเข้ามาเห็นก็โกรธ...พิศุทธิ์มองกะรัตด้วยความแปลกใจว่ามาที่นี่ได้ยังไง
“กั้ง คุณมาได้ยังไง”
กะรัตไม่ตอบพิศุทธิ์ เดินพุ่งเข้าไปดึงตัวพิศุทธิ์ออกมาแล้วจะพุ่งเข้าหาสายน้ำผึ้ง พิศุทธิ์กับนวลพุ่งไปจับตัวไว้
“หยุดเดี๋ยวนี้นะกั้ง”
“ปล่อยกั้งนะ” กะรัตชี้หน้าสายน้ำผึ้ง “กั้งจะจัดการนังโรคจิต รู้ว่าเขามีเจ้าของอยู่แล้ว ก็ยังมาแย่ง ฉันไปทำอะไรให้แก แกถึงตาม จองล้างจองผลาญแย่งของของฉัน หา นังผึ้ง”
พิศุทธิ์ชะงักคำว่า ของของฉัน กระทบใจ กะรัตสะบัดตัวออกจากมือพิศุทธิ์ แล้วพุ่งไปผลักสายน้ำผึ้งเซ หัวโขกโต๊ะ โต๊ะล้มข้าวของตกกระจาย พิศุทธิ์เข้าไปจับตัวกะรัต
“หยุดนะกั้ง” เขาเขย่าแขนเธอ “คุณเป็นบ้าอะไรเนี่ย มีสติหน่อยสิ”
พิศุทธิ์เหวี่ยงให้นวลจับตัวกะรัตไว้ แล้วไปดูสายน้ำผึ้ง
“คุณผึ้ง เป็นยังไงบ้าง”
พิศุทธิ์ดูที่หัวของเธอ สายน้ำผึ้งมึนหัวจึงเอียงหัวมาซบเขา กะรัตมองภาพนั้นแล้วทนไม่ไหว
“แกกับฉันอย่าอยู่ร่วมโลกกันอีกเลย”
กะรัตเหวี่ยงนวลกระเด็นไปทางแล้วคว้าไม้กอล์ฟของมิสเตอร์ชาล์ล ที่วางอยู่ข้างโต๊ะมาง้าง จะตีสายน้ำผึ้ง
“กั้งอย่า”
พิศุทธิ์เข้าไปดึงไม้กอล์ฟจากกะรัต เธอไม่ยอมปล่อยพยายามจะแย่ง
“ปล่อยนะ”
“กั้ง หยุด”
กะรัตพยายามดึงไม้กอล์ฟจากพิศุทธิ์สุดแรง นวลกับชาล์ลเข้าไปช่วยจับ แต่กะรัตเหวี่ยงไม้กอล์ฟเฉียดนวลกับ ชาล์ล เฉียดไปเฉียดมาทั้งสองคอยหลบ พิศุทธิ์พยายามดึง กะรัตดึงสุดแรงทำให้ไม้กอล์ฟเหวี่ยงไปโดนหัวชาล์ล
“โอ้ย”
ชาล์ลล้มลงเอามือกุมหัว เห็นเลือดไหลในมือ นวลร้องออกมา
“เลือด”
พิศุทธิ์รีบพุ่งเข้าไปหามิสเตอร์ชาล์ล
“คุณชาล์”
กะรัตมองเลือดที่ไหลเต็มหัวชาล์ลอย่างตกใจ ช็อคจนทำอะไรไม่ถูก
ค่ำนั้น กุนตีคุยโทรศัพท์กับนวลอยู่ในห้องนอน กันตาที่อยู่ด้วย มองพี่สาวอย่างตกใจ
“อะไรนะ”
“นวลโทรมาบอกว่ากั้งตามไปหาอาละวาดสายน้ำผึ้งที่โคราช แล้วเผลอทำไม้กอล์ฟ ไปโดนหัวลูกค้าคุณพิศุทธิ์”
“แล้วลูกค้าเป็นอะไรมากไหมคะ”
“คุณพิศุทธิ์พาไปโรงพยาบาล เห็นว่าเย็บไป 7 เข็ม ชีวิตกั้งกับคุณพิศุทธ์เหมือนอยู่ บนเส้นด้ายจริงๆ ไม่รู้ป่านนี้คุณพิศุทธิ์จะว่ายังไงบ้าง”
กันตาถอนหายใจอย่างหนัก
กะรัตนั่งเครียดอยู่ที่โซฟา ในรีสอร์ทมีนวลนั่งอยู่ข้างๆ พิศุทธิ์เดินหน้าเครียดเข้ามา
“คุณพิศุทธิ์มาแล้วค่ะคุณกั้ง”
กะรัตรีบลุกขึ้นเดินไปหาพิศุทธิ์
“เมื่อกี้พนักงานรีสอร์ทบอกกั้งแล้วว่าตั้งแต่คุณมา คุณไม่ได้เข้าห้องเลย กั้งเข้าใจผิดไปเอง คุณอย่าโกรธกั้งนะคะ”
พิศุทธิ์เดินไปหยิบกระเป๋าและเอกสารของตัวเองไม่พูดอะไรสักคำ กะรัตพยายามง้อ
“ลูกค้าคุณเป็นยังไงบ้างคะ กั้งไม่ได้ตั้งใจ ถ้าเขาจะเรียกร้องค่ารักษาพยาบาล หรือค่าเสียหายอะไรก็ว่า มาเลยนะคะ กั้งขอจ่ายขอรับผิดชอบเอง”
“แล้วของคุณผึ้งล่ะ คุณจะจ่ายให้ด้วยไหม”
“กั้งไม่จ่าย มันสมควรโดน”
“เขาทำอะไร เขาถึงสมควรโดนแบบนั้น”
กะรัตหยิบมือถือออกมาเปิดข้อความที่สายน้ำผึ้งส่งให้มาโชว์
“นี่ไงที่มันทำ”
พิศุทธิ์มองมือถือแล้วไม่พูดอะไร เดินไปหยิบกระเป๋าเอกสารของตัวเอง แล้วเดินนำกะรัตออกไป
“กลับบ้าน” พิศุทธิ์พูดเสียงเข้ม
พิศุทธิ์เดินนำมาที่ลานจอดรถหน้ารีสอร์ท กะรัตกับนวลเดินตามมา
“กั้งยอมรับว่ากั้งผิด แต่ที่กั้งทำไปอย่างนั้น ก็เพราะกั้งรักคุณกั้งขับรถเสี่ยงตายมาที่นี่ ก็เพื่อจะ รักษาคุณไว้จากนังผึ้ง คุณก็รู้ว่ากั้งมันโง่ โง่จนไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมนังผึ้ง เมื่อวานตอนคุณ ออกจากบ้านกั้งกั้งเป็นห่วงคุณแทบบ้า กั้งไปตามคุณกลับบ้าน หวังจะอยู่ข้างๆคุณ
แต่คุณไล่กั้งอย่างไม่มีเยื่อใย แต่วันนี้คุณกลับมาอยู่กับนังผึ้ง แถมมันรู้เรื่องในครอบครัวเรา ไหนคุณว่า เรื่องที่พ่อคุณเอาเงินก๋งไปมัน เป็นเรื่องน่าอายเสื่อมเสียศักดิ์ศรีไง แล้วบอกมันทำไม บอกทำไม”
“ผมไม่เคยบอกอะไรกับสายน้ำผึ้ง”
“ถ้าคุณไม่บอก แล้วมันรู้เรื่องนั้นได้ยังไง บอกกั้งมาตรงๆดีกว่า ว่าคุณกับมันสนิทกัน ถึงขั้นไหน กั้งโดนผัวสวมเขามา 3 คนแล้ว จะโดนอีกสักคน จะเป็นไรไป”
“คุณกั้ง” นวลปรามกะรัต
กะรัตกับพิศุทธิ์สบตากันนิ่ง เขามองเธออย่างระอา
“ถ้าคุณคิดว่าผมเป็นคนอย่างนั้นจริงๆ ผมก็ไม่มีอะไรจะพูด...นวล พาคุณกั้งกลับ บ้านไปก่อน”
“แล้วคุณพิศุทธิ์ล่ะคะ” นวลถามอย่างสงสัย
“เขาก็จะอยู่ดูแลนังผึ้งไง” กะรัตประชด
พิศุทธิ์โกรธ อยากดัดนิสัยกะรัต จึงพูดเออออตาม
“ใช่ ฉันจะอยู่ดูแล สายน้ำผึ้ง”
กะรัตชะงักไม่คิดว่าเขาจะพูดแบบนี้ เธอมองเขาอย่างเจ็บปวดน้ำตาแทบจะไหลแต่กลั้นไว้
“ไปนวล เขาไม่ต้องการเราแล้ว จะอยู่ให้เขาด่าอีกทำไม”
กะรัตเดินขึ้นรถทันที นวลมองกะรัตแล้วมองทางพิศุทธิ์ อยากให้ทั้งสองกลับมาคุยกันดีๆ
“โธ่เอ้ย...วันนี้ จะคืนดีกันแล้วเชียว ทำไมเป็นแบบนี้ไปได้ กลับมาคุยกัน ดีๆก่อนเถอะนะคะ”
กะรัตสตาร์รถพร้อมเหยียบคันเร่งพร้อมจะไป นวลมองพิศุทธิ์อย่างขอร้องให้พูดกับกะรัต แต่เขานิ่ง กะรัตไม่รอ ขับรถไป นวลเห็นก็ตกใจ
“ว้าย คุณกั้งรอนวลด้วยค่า”
นวลรีบวิ่งตามไป พิศุทธิ์มองตามอย่างเหนื่อยหัวใจ
สายน้ำผึ้งนอนใบหน้ามีรอยช้ำจากการโดนกะรัตตบ กอดลูกที่หลับอยู่บนเตียง แล้วมองไปที่หมอนอีกใบ ที่วางเคียงข้างกับหมอนของเธอ
“แม่จะไม่ยอมให้ใครมาล้อว่าลูกเป็นเด็กไม่มีพ่อเหมือนที่แม่เคยโดน แม่รู้ว่ามันเจ็บขนาดไหน” เธอจูบหัวลูก “อีกไม่นาน...ลูกจะมีพ่อมานอนกล่อมเราข้างๆ ไม่นาน”
สายน้ำผึ้งเอื้อมมือไปลูบหมอนข้างๆที่ว่างเปล่าด้วยสายตาหมายมั่นว่า ไม่นานหมอนนั้น จะไม่ว่างอีกแล้ว
เช้าวันใหม่...เนื้อแพรเปิดประตูบ้านพร้อมกับเด็กรับใช้ที่ถือโถใส่ข้าวและถาดใส่ถุงอาหาร และดอกไม้เพื่อไปใส่บาตรออกมาจากบ้าน เธอกำลังจะเดินไปประตูหน้าบ้านแล้วหันไปเห็น พิศุทธิ์นั่งด้วยท่าทางเหนื่อยอ่อนอยู่ที่เก้าอี้กลางสนามหญ้า จึงรีบเดินไปหาลูกชายอย่าง แปลกใจ เนื้อแพรมองลูกชายที่ใส่ชุดทำงานโทรมๆดูก็รู้ว่าไม่น่าเป็นชุดที่เพิ่งใส่
“ชายมานั่งอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะลูก”
“ตี 3 ครับแม่”
เนื้อแพรได้กลิ่นเหล้ายิ่งแปลกใจ
“นี่ชายดื่มเหล้าเหรอลูก”
“นิดหน่อยน่ะครับ”
“เกิดอะไรขึ้น คนอย่างชาย ถ้ามันไม่หนักสาหัส ไม่มีทางไปแตะต้องเหล้าเด็ดขาด ไหนบอกแม่มาสิว่ามีเรื่องอะไร”
พิศุทธิ์นั่งเหม่อนิ่ง ไม่ตอบ
กะรัตเมาหลับอยู่บนโซฟา นวลรายงานสภาพกะรัตให้ กฤช กันตา กุนตีฟัง ทั้ง 3 คนมองอย่างเป็นห่วง
“เรื่องก็อย่างที่บอกล่ะค่ะ ยิ่งเมื่อคืนคุณพิศุทธิ์ไม่กลับบ้าน คุณกั้งก็อาละวาด กลัวว่าคุณพิศุทธิ์จะไปดูแลคุณผึ้ง จะขับรถออกไปตาม นวลห้ามไว้ เลยซัดน้ำหมักแก้เครียด ไปสี่ขวด”
กุนตีสงสารน้อง
“โถ...กั้งเอ้ย เรื่องเงินนั่นยังไม่ทันเคลียร์ ก็มีเรื่องใหม่อีกเวรกรรมอะไรกันเนี่ย”
กันตาโมโหสายน้ำผึ้ง
“ไม่ใช่เวรกรรมหรอกค่ะพี่กุ้ง เป็นเรื่องของคนขี้อิจฉา”
กฤชเดินไปนั่งข้างๆกะรัต มองสภาพลูกด้วยความสงสาร เอามือลูบหัวอย่างปลอบประโลม
“แต่เขาก็เป็นแค่คนนอก บ้านนั้นสร้างด้วยความรัก มีความไว้ใจเป็นรั้วปกป้องบ้าน ถ้ารั้วแข็งแรง คนนอกก็เข้ามาพังบ้านเราไม่ได้หรอกลูก กั้งต้องเรียนรู้การไว้ใจพิศุทธิ์ มากกว่านี้ ไม่อย่างนั้นบ้านของกั้งก็คงมีสภาพไม่ต่างจากบ้านของพ่อ”
กุนตีกับกันตามองหน้ากันว่าพ่อพูดถูก
“ถึงยังไง ก้อยก็ไม่เข้าใจ ทำไมพี่ผึ้งอยากได้คุณพิศุทธิ์นักหนา ผู้ชายคนอื่นก็มี ทำไมไม่ไปเอา” กันตายกมือไหว้ “เจ้าประคุณ ขอให้สวรรค์ส่งผู้ชายที่สมกับพี่ผึ้ง อย่างผีเน่ากับโลงผุมาด้วยเถิด จะได้เลิกยุ่งกับครอบครัวพี่กั้งสักที เพี้ยง”
กันตารเปิดประตูห้องตรวจเห็นศิวายืนยิ้ม รอรับไปท่านข้าวด้วย กันตาดูหงุดหงิด ศิวาเหลือบมองอาการ
“นี่พักเที่ยงทานข้าวแล้วนะครับ ยังหงุดหงิดเรื่องงานอยู่อีกเหรอ”
“ฉันไม่ได้หงุดหงิดเรื่องงาน ฉันหงุดหงิดเรื่องคน”
“ใครกล้ามีปัญหากับแฟนนายศิวา บอกผมมา เดี๋ยวผมไปจัดการให้”
“คุณจะทำอะไรได้”
“ลืมไปแล้วเหรอว่าพ่อผมเป็นใคร คุณอยากให้ผมทำอะไร บอกมาเลยดีกว่า”
“ฉันอยากให้คุณฆ่าคน”
“หา” ศิวาตกใจ
ศิวากับกันตาเดินมาที่จอดรถของโรงพยาบาล เขาเปิดประตูรถให้มองเธออย่างเกรงๆ
“เวลาคุณโกรธนี่ น่ากลัวเหมือนกันนะ”
“ใช่ น่ากลัวมาก เพราะฉะนั้น คุณอย่าทำอะไรให้ฉันโกรธ”
ศิวาชะงักนิดนึงแล้วรีบหัวเราะให้บรรยากาศผ่อนคลายขึ้นเอื้อมมือไปจับมือของเธอ
“กว่าผมจะชนะใจคุณได้ขนาดนี้ ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะฉะนั้น ผมไม่มีทางทำให้คุณ โกรธผมหรอกครับ”
ศิวายิ้มอย่างมั่นใจ แล้วเดินไปขึ้นรถ กันตามองอย่างหมั่นไส้ แล้วรู้สึกว่าเบาะมันเลื่อนเยอะไป จึงใช้มือล้วงไปข้างๆเบาะเพื่อกดปุ่มเลื่อนเบาะ ทันใดนั้นเธอล้วงไปโดนแท่งลิปสติกเสียบคาอยู่จึงหยิบขึ้นมา
“แต่ฉันว่าคุณทำให้ฉันโกรธแล้วล่ะ”
ศิวาที่กำลังจะสตาร์ทรถ ฟังอย่าง งงๆ กันตาชูลิปสติกโชว์ ศิวาหันไปเห็นแล้วชะงัก กันตาเอาลิปสติกวางใส่มือเขาแล้วหยิบกระเป๋าพร้อมกับปลดเข็ดขัดนิรภัยทันที
“คุณก้อย...” ศิวาหน้าเสีย
กันตาเปิดประตูลงจากรถทันที ศิวารีบลงมาหา
“คุณก้อย ฟังผมก่อน มันไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิดนะครับ คือเมื่อวานผมไปรับเพื่อนไปกินข้าวกัน แล้วมันพาแฟนไปด้วย ลิปสติกนั่นเป็นของแฟนมันแน่ๆ ไม่เกี่ยวอะไรกับผมเลยนะครับ”
“ฉันไม่รู้ว่าสิ่งที่คุณพูด มันโกหกหรือเรื่องจริง แต่ฉันขอย้ำว่าที่ฉันเคยบอกคุณ มันเป็นความจริงทุกคำ ถ้าคุณจริงใจกับฉัน ฉันก็จริงใจกับคุณ แต่ถ้าคุณไม่จริงใจ ฉันก็ไม่ขอเสียเวลากับคุณ” กันตาเดินไปทันที
“คุณก้อย คุณก้อยฟังผมก่อน คุณก้อย”
รถแท็กซี่ที่มาส่งคนว่างพอดี กันตาขึ้นรถไป ศิวาห้ามไม่ได้ หงุดหงิดว่าทำไมเป็นแบบนี้
“โธ่เว้ย”
ศิวามองลิปสติกในมือด้วยสีหน้าโกรธมาก ต้องจัดการเจ้าของลิปติก
สายน้ำผึ้งเดินมาที่หน้าห้องพิศุทธิ์ ฟองดาวเดินมาดักหน้าไว้
“น้องผึ้งค่ะ พี่ได้ข่าวลือเรื่องภรรยาคุณพิศุทธิ์ ตกลงเขาตามไปอาละวาด หึงน้องผึ้งจริงๆเหรอคะ”
สายน้ำผึ้งทำหน้าจ๋อย
“ผึ้งผิดเองล่ะค่ะ รู้ว่ากั้งไม่ชอบให้ผึ้งอยู่ใกล้คุณพิศุทธิ์ ผึ้งก็ดันไปต่างจังหวัดกับเขา”
ฟองดาวรีบพูด
“น้องผึ้งไปเรื่องงาน จะผิดได้ยังไง คุณกั้งต่างหากที่ผิดหึงไม่เข้าเรื่อง ดูสิ เดือดร้อนกันไปหมด นี่คุณพิศุทธิ์ก็โดนเจ้านาย เรียกไปคุย เห็นว่ามิสเตอร์ชาล์ลโกรธมาก ไม่ยอมเรื่องง่ายๆ”
สายน้ำผึ้งแอบดีใจแต่ทำหน้าเครียด
“จริงเหรอคะ”
เจ้านายคุยกับพิศุทธิ์อย่างเครียดอยู่ในห้องทำงาน
“จริง…มิสเตอร์ชาล์ลจะยกเลิกสัญญาทุกอย่างที่เคยคุยไว้กับเรา”
“ผมขอโทษครับที่ทำให้เกิดเรื่องนี้ขึ้น” พิศุทธิ์เครียด
เจ้านายมองพิศุทธิ์อย่างเห็นใจ
“ตอนที่ภรรยาคุณมาอาละวาดใส่คุณสายน้ำผึ้งที่บริษัทครั้งนั้น ผมก็บอกคุณแล้วว่า ให้เคลียร์กับภรรยาคุณให้ดี ครั้งนี้มันไม่ได้เสียหายแค่คุณ แต่มันทั้งบริษัท”
“ผมขอโทษครับ ผมจะพยายามขอร้องมิสเตอร์ชาล์ล ให้พิจาณาการเซ็นต์สัญญากับเราอีกที”
“ถ้าคุณทำได้...ก็ดี แต่ถ้าไม่ได้ อย่าหาว่าผมใจร้ายเลยนะคุณพิศุทธิ์ คุณเป็นคนเก่ง แต่เรื่องนี้มันเรื่องใหญ่ ถ้าคุณจัดการไม่ได้ ผมก็คงช่วยอะไรคุณไม่ได้เหมือนกัน”
พิศุทธิ์เครียด
ชายนี่ ยี่หวาจับกลุ่มคุยกับพนักงานคนอื่นๆด้วยสีหน้าเซ็งๆ พิศุทธิ์เดินผ่าน แล้วได้ยินที่ชายนี่พูดจึงชะงักแอบฟัง
“เจ๊กะว่าปีนี้เราได้ลูกค้าอย่างมิสเตอร์ชาล์ล เราคงได้โบนัสบานเบอะ เลยบอกแม่ว่าจะพาแม่ไปไหว้พระรอบเกาะฮ่องกง แบบไม่แย...เศรษฐกิจประเทศชาติ”
“นั่นสิ ฉันก็บอกพ่อไปแล้วว่าจะเอาเงินโบนัสไปซ่อมบ้าน ถ้าพ่อรู้ว่าไม่มีเงินอย่างที่คุย พ่อบ่นหูแฉะแน่” ยี่หวาเสริม
พนักงานอีกคนถอนใจ
“เป็นเพราะเมียคุณพิศุทธิ์แท้ๆ ทำให้มิสเตอร์ชาล์ล ไม่ยอมเซ็นสัญญากับบริษัทเรา แต่ก็สงสารคุณพิศุทธ์เนอะ มีเมียใจร้อนแบบนี้”
ชายนี่ ยี่หวาบ่นกับพนักงานระงม พิศุทธิ์เครียดที่เป็นสาเหตุทำให้คนในบริษัทเดือดร้อน สายน้ำผึ้งเดินมาเห็นพิศุทธิ์แอบฟังอยู่ จึงเข้าไป พูดสร้างภาพกับกลุ่มชายนี่
“อย่าพูดกันอย่างนี้สิคะ มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด ถ้ากั้งรู้ว่าจะเป็นแบบนี้ กั้งคงไม่ทำหรอก”
พิศุทธิ์ชะงักที่สายน้ำผึ้งพูดปกป้องกะรัต ชายนี่เบ้หน้าใส่สายน้ำผึ้ง
“โถ...แม่ชะนีนางฟ้ามาจุติ เขาซัดน้องผึ้งจนหน้าม่วงเป็นมะเขือม่วงขนาดนี้ ยังจะไปปกป้องเขาอีก ถ้าเจ๊มีเพื่อนอย่างนี้ เจ๊ตบฟันร่วงตั้งแต่ศึกตบตกบันไดแล้ว เพื่อนคนเดี๋ยว ...เจ๊ไม่แย...”
สายน้ำผึ้งใสซื่อต่อ
“เจ๊ไม่รู้จักกั้ง เจ๊ไม่เข้าใจหรอก กั้งเป็นคนมีปมเรื่องความรัก ผึ้งสงสารเขา ผึ้งไม่โกรธเขาหรอก”
ชายนี่ ยี่หวา พนักงานมองสายน้ำผึ้งอย่างชื่นชม
“น้องผึ้งรู้ตัวไหมว่า น้องผึ้งไม่ควรมาทำงานการตลาด แต่ควรเป็นนางงาม จิตใจประเสริฐเว่อร์”
สายน้ำผึ้งยิ้มๆแล้วมองไปทางพิศุทธิ์ สายตาปะทะกัน พิศุทธิ์ตัดสินใจเดินหลบไป
พิศุทธิ์ยืนโทรศัพท์อยู่มุมหนึ่งของบริษัท
“ฮัลโหล มิสเตอร์ชาล์ลครับ ผมพิศุทธิ์”
มิสเตอร์ชาล์ลกดวางสายใส่ พิศุทธิ์ชะงัก ถอนใจอย่างเหนื่อยใจ สายน้ำผึ้งเดินเข้ามาหาพิศุทธิ์
“เจ้านายว่ายังไงบ้างคะคุณพิศุทธิ์”
พิศุทธิ์ได้ยินเสียงสายน้ำผึ้งแล้วถอนใจ ไม่อยากอยู่ลำพังกับเธอ
“ก็ไม่มีอะไรครับ” พิศุทธิ์มองใบหน้าสายน้ำผึ้งที่เป็นรอยเขียวช้ำ “แล้วคุณเป็น
ยังไงบ้าง”
“อ๋อ...ไม่เท่าไหร่หรอกค่ะ ฉันชินแล้ว”
พิศุทธิ์ชะงัก คำพูดของสายน้ำผึ้งทำให้เขารู้สึกไม่ดี
“ผมขอโทษแทนกั้งอีกครั้ง”
สายน้ำผึ้งไม่พอใจนิดๆที่เห็นพิศุทธิ์ออกรับแทนกะรัต แต่ปั้นหน้ายิ้มซื่อๆไว้
“ฉันบอกแล้วไงคะว่าไม่เป็นไร ฉันผิดเองที่ส่งข้อความไปหากั้งแบบนั้น ฉันก็แค่พยายามให้กั้งสบายใจว่าฉัน บอกตรงๆทุกอย่างว่าฉันไปกับคุณ ไม่ได้ลับๆล่อๆ ให้เขามาระแวงทีหลัง แต่มันกลับทำให้แย่กว่าเดิม”
“ถ้าคุณแน่ใจว่าคุณหวังดี ผมก็ต้องขอบคุณ แต่คราวหลังอย่าทำแบบนั้นอีกเลยครับ เพราะคุณกับภรรยาผมอยู่ในกรณีที่ต่างคนต่างอยู่จะดีกว่า”
สายน้ำผึ้งตากร้าวขึ้นมา
“แหม กั้งนี่โชคดีจังเลยนะคะ ขนาดตกเป็นจำเลยยังมีสามีดีดีคอยปกป้องทั้งๆที่เขากำลังจะทำให้คุณเดือดร้อน...”
สามีตีตรา ตอนที่ 8 (ต่อ)
พิศุทธิ์มองสายน้ำผึ้ง แล้วคิดถึงคำพูดกะรัต
“ไหนคุณว่า เรื่องที่พ่อคุณเอาเงินก๋งไปมันเป็นเรื่องน่าอาย เสื่อมเสียศักดิ์ศรีไง แล้วบอกมันทำไม บอกทำไม”
“ผมขอถามคุณหน่อยว่าคุณรู้เรื่องพ่อผมเอาเงินจากเจ้าสัวได้ยังไง”
สายน้ำผึ้งชะงักแล้วคิดบางอย่างได้
“ใครบอกคุณ” พิศุทธิ์ถามย้ำ
สายน้ำผึ้งมองนิ่งไม่กลัว
“กั้ง...ภรรยาของคุณไงคะ”
“เป็นไปไม่ได้” พิศุทธิ์ไม่เชื่อ
“อย่าบอกนะว่าคุณไม่เคยเห็นเวลาภรรยาคุณคลั่ง โดยเฉพาะกับฉัน กั้งทำและพูดได้ทุกอย่างที่จะทำให้ฉันสำนึกว่าคุณเป็นของเขา กั้งประกาศชัดเจนว่าจะไม่ยอมเสียคุณไปถึงแม้ว่ากั้งจะรู้ว่าพ่อคุณหวังจะเคลมสมบัติของเขา เงินแค่นั้นที่เสียให้พ่อของคุณ กั้งไม่สะเทือนหรอกค่ะ กับภูกั้งเสียมากกว่านั้นอีก สำหรับกั้งมันเป็นเกม เกมที่กั้งจะต้องเอาชนะฉัน ยิ่งเขารู้ว่าฉันรู้สึกยังไงกับคุณ คุณยิ่งมีราคา”
สายน้ำผึ้งขยับเข้าไปจับมือพิศุทธิ์ในจังหวะที่เขากำลังสับสน ในสิ่งที่เธอพูดถึงกะรัตมันเป็นความรู้สึกที่เขากำลังสัมผัส
“คุณพิศุทธิ์คะ ฉันเป็นห่วงคุณ ฉันไม่อยากเห็นคุณโดนกั้งทำร้ายไปมากกว่านี้...ถ้าเป็นฉัน ฉันจะดูแลคุณให้ดีที่สุด”
พิศุทธิ์ถอนมือออกจากสายน้ำผึ้ง
“กั้งคือคนที่ผมเลือก และเราจะดูแลกันและกันให้ดีที่สุด อย่าเสียเวลาทำอะไรแบบนี้เลยครับ ตบมือข้างเดียวมันไม่มีวันดัง...ผมขอตัวนะครับ”
พิศุทธิ์ดึงมือออกจากมือสายน้ำผึ้ง แล้วเดินผ่านไป สายน้ำผึ้งยืนนิ่งด้วยความเจ็บใน หัวใจจนชาไปทั้งตัว จากความเจ็บกลายเป็นโกรธและ แค้นขึ้นมาอีกครั้ง
“ฉันจะทำให้คุณเห็นว่าตบมือข้างเดียวมันดัง”
สายน้ำผึ้งมาดมั่นว่าเธอทำให้พิศุทธิ์เล่นกับตัวเองได้
ศิวานัดสายน้ำผึ้งที่คอนโด เขาตบโต๊ะอย่างโมโห แล้ววางลิปสติกลงตรงหน้าเธอด้วยใบหน้านิ่งสงบ
“ลิปสติกนี้อยู่บนรถผมได้ยังไง”
“ก็คงมีคนทำตกไว้”
“คุณอย่ามาเล่นลิ้นกับผมนะ อย่าคิดว่าผมตามผู้หญิงอย่างคุณไม่ทัน คิดจะตุกติก กับผมใช่ไหม”
“โธ่...คุณศิวาคะ ถ้าฉันคิดตุกติกทิ้งลิปสติกนี่ไว้ในรถคุณ เพื่อให้คุณหมอคนสวยสงสัย ฉันก็โง่มากแล้วล่ะค่ะที่ทุบหม้อข้าวตัวเองทิ้ง ลิปสติกนี่ ไม่ใช่ของฉันค่ะ” สายน้ำผึ้งอ้อน
“ถ้าไม่ใช่ของคุณแล้วจะเป็นของใคร”
“แล้วคุณพาใครขึ้นรถบ้างล่ะคะ อย่าบอกนะคะว่ามีแค่ฉันคนเดียว”
ศิวาชะงักเพราะสายน้ำผึ้งพูดตรงจุด เขาไม่ได้มีสายน้ำผึ้งคนเดียว
“เอาล่ะ ไม่ใช่ของคุณก็แล้วไป แต่ผมขอย้ำให้คุณรู้ไว้ว่าคุณก้อยสำคัญกับผม ถ้าคุณยังอยากสบาย ก็อย่าอาจเอื้อมไปยุ่งกับเขา”
ศิวากลับออกไปทันที สายน้ำผึ้งยิ้มสะใจที่ป่วนคู่กะรัตและคู่กันตาได้
“นี่ฉันร้ายไปรึเปล่าเนี่ย...ทำทั้งพี่ทั้งน้อง...ต้องเจ็บพร้อมกัน”
ค่ำนั้น กะรัตตื่นมางัวเงีย โดยมีทุกคนเฝ้าดูอยู่
“คุณพิศุทธิ์...คุณพิศุทธิ์ไม่กลับมาหากั้งแล้ว กั้งไม่อยากอยู่ที่นี่ กั้งจะอยู่ได้อย่างไง”
“พี่กั้งต้องอยู่ให้ได้สิคะ พี่กั้งเป็นคนเข้มแข็ง ผู้ชายมันก็เหมือนกันหมด อยู่ใกล้ใครก็เผลอใจไปกับคนๆนั้น”กันตาปลอบ
“ยายก้อย ทำไมพูดแบบนี้ พี่สาวเธอกำลังเสียใจนะ” กุนตีปราม
“ก็ก้อยพูดจริงๆนี่” กันตาเดินออกจากห้องไป
“โอ๊ย...กั้งปวดหัว” กะรัตร้องลั่น
กุนตีกับนวลรีบเข้ามาดู กุนตีมองตามกันตาที่มีอาการแปลกๆ
กุนตีเดินลงมาเห็นกันตานั่งเหม่อๆเหมือนมีอะไรในใจ กุนตีรู้สึกได้ว่าน้องมีอะไร
“ก้อย...มีอะไรในใจรึเปล่า ท่าทางแบบนี้ดูไม่ปกตินะเรา”
กันตาหันมองเห็นพี่สาวแล้วหาทางเลี่ยง
“ไม่มีอะไรหรอกพี่กุ้ง...ก้อยไปนอนก่อนนะ”
กันตาเลี่ยงที่จะเดินหนี กุนตีได้แต่ถอนหายใจที่น้องสาวแต่ละคนท่าจะติดกับดักของความรักเข้าซะแล้ว
เนื้อแพรมองพิศุทธิ์ที่นั่งเคร่งเครียดกับกองเอกสาร ไม่แตะอาหารที่เตรียมไว้ให้
“ชายควรจะทานอะไรบ้างนะ ทำแต่งานแบบนี้มันจะเสียสุขภาพ”
“ผมไม่เป็นไรครับแม่ ผมต้องรีบแก้ไขงานของมิสเตอร์ชาลล์ให้เร็วที่สุด มันเป็นความรับผิดชอบของผม”
พิศุทธิ์หันไปสนใจงานต่อ เนื่อแพรตัดสินใจพูด
“แยกกันอยู่แบบนนี้ มันไม่ทำอะไรให้ดีขึ้นหรอกนะลูก”
พิศุทธิ์ชะงักกับงานตรงหน้า
“แต่มันอาจจะดีกว่าถ้าต้องเห็นหน้า แล้วทะเลาะกันทุกวันนะครับแม่”
เนื้อแพรรู้ได้ว่าลูกชายกำลังเจ็บปวดมาก เธอมองแล้วสงสารลูกเหลือเกิน เพราะไม่เคยเห็นลูกไม่มีความสุขขนาดนี้มาก่อน
เช้าวันใหม่ เสียงเพลงดังลั่นบ้าน กะรัตเดินถือแก้วไวน์พร้อมเต้นเมาๆลงบันไดมา นวลมองอย่างระอาพยายามจะดึงแก้วไวน์
“พอเถอะค่ะคุณกั้ง ดื่มมันไปก็ไม่ช่วยอะไร”
“ช่วยให้ฉันหายเครียดไง”
“ทานอาหารเช้าดีกว่านะคะ นวลทำขนมปัง ปิ้งใหม่ๆกลับไป...กลับมา”
นวลทำมือพลิกไปพลิกมาตรงหน้า ทำให้กะรัตมี อาการมึนอยากอ๊วก
“กรอบทั้งสองด้าน หรือว่าจะเอาข้าวต้มกุ้ง กุ้งตัวโตๆ มันหย๋องเยิ้ม”
กะรัตนึกถึงของมันแล้วจะยิ่งอยากอ๊วก
“หรือว่าจะเอานมดีคะ”
“ฉันอยาก...”
“อยากทานอะไรคะ”
“อ๊วก”
“อยากทานอ๊วก...เฮ้ย”
นวลคิดได้ รีบวิ่งไปหยิบกระโถนมาจ่อให้ กะรัตนั่งลงกับบันไดแล้วอ๊วกอย่างหมดแรง พวงหยกเดินเข้ามาแล้วเต้นตามจังหวะเพลงอย่างอารมณ์ดี แล้วมองอาการเมาของกะรัต อย่างมีความสุข
“นี่แหละน้า...คนโบราณเขาบอกไว้ เวลาผู้ใหญ่พูดอะไรให้ฟัง เพราะผู้ใหญ่อาบน้ำร้อนมาก่อน ฉันบอกแกแล้วว่าไอ้ผัวแกมันไม่ได้รักแก มันแค่อยากได้เงินแก. ..ตอนนี้มันได้ไปปรนเปรอทั้งแม่ ทั้งเครือญาติพ่อ มันจนอิ่ม ทีนี้มันก็ทิ้งๆขว้างๆแกแล้ว”
นวลไม่อยากให้กะรัตเครียดไปอีก เลยพยายามหาอะไรปิดปาก พวงหยกเผลอยื่นกระโถนให้
“คุณนายดื่มอะไรไหมคะ”
“นังนวล” พวงหยกตวาด
นวลนึกได้รีบเอากระโถนวางกับพื้น
“นวลหมายถึงน้ำน่ะค่ะ นวลจะไปเอามาให้”
“ไม่ล่ะ...แค่เห็นสภาพยายกั้ง ฉันก็ดีใจจน ความสุขมันล้นคอหอยแล้ว ตกลงแกจะหย่าเมื่อไหร่” พวงหยกยิ้มเยาะ
“กั้งไม่เคยบอกว่ากั้งจะหย่า”
“ผัวแกมันทิ้งแกไปแล้ว เลิกหลอกตัวเองสักที จัดการหย่าให้มันจบ ๆ ฉันจะได้สบายใจสักทีว่าสมบัติฉันจะไม่มีปลิงมาดูดไป”
“กั้งไม่หย่า คุณพิศุทธิ์ยังรักกั้งเหมือนเดิม แต่คุณพิศุทธิ์โดนนังผึ้งปั่นหัว” กะรัตคิดถึงสายน้ำผึ้งแล้วแค้น “ถ้าไม่มีนังผึ้งสักคน กั้งกับคุณพิศุทธิ์ ก็มีความสุขไปแล้ว”
กะรัตสติแตก เดินไปหยิบมีดปอกผลไม้ที่วางในตะกร้าผลไม้บนโต๊ะ พวงหยกกับนวลตกใจ
“คุณกั้ง อย่าเล่นมีดค่ะ”
“ฉันไม่ได้เล่น ฉันจะเอาไปฆ่านังผึ้ง”
กะรัตเดินถือมีดเดินเซๆเมาๆออกจากบ้านไป พวงหยกกับนวลตกใจ รีบวิ่งตาม
กะรัตถือมีดเดินเซๆเมาๆจะไปขึ้นรถ พวงหยกกับนวลรีบวิ่งตามมา
“แกไปห้ามยายกั้งเร็ว” พวงหยกผลักนวล
นวลโผเข้าไปหา กะรัตเดินเซแถมีดมา นวลรีบถอยกลับไปยืนหลังพวงหยก
“เป็นแค่ขี้ข้า คุณกั้งไม่ฟังนวลหรอกค่ะ ต้องให้แม่อย่างคุณนายไปเตือน”
“ยายกั้ง...” พวงหยกใจดีสู้เสือ
กะรัตเดินเซๆแถมีดมา พวงหยกรีบวิ่งหนี
“ว้าย ยายกั้ง แกจะฆ่าฉันรึไง แกทิ้งมีดเดี๋ยวนี้เลยนะ แกอยากติดคุกรึไง”
“กั้งมีเงินเยอะแยะ กั้งประกันตัวออกมาได้”
กะรัตจะเดินออกไปที่รถ เนื้อแพรเดินเข้ามา เอากระเป๋าสะพายตบมือที่ถือมีด กะรัตเจ็บจึงเผลอปล่อยมีด เนื้อแพรเตะมีดให้ห่างจากกะรัต พวงหยกกับนวลชะงัก กับเหตุการ์ที่เกิดขึ้นอย่างเร็ว
“นังเนื้อแพร”
เนื้อแพรไม่สนใจพวงหยก พูดใส่กะรัตอย่างเอาเรื่อง
“คุณคิดว่ากำจัดสายน้ำผึ้ง แล้วจะทำให้คุณกับพิศุทธิ์มีความสุขได้เหรอ ไม่ใช่เลย คนที่ควรถูก กำจัดไม่สายน้ำผึ้ง แต่เป็นคุณ...”
เนื้อแพรดึงมือกะรัตไปทางสระว่ายน้ำทันที พวงหยกตกใจ
“นังเนื้อแพร แกจะทำอะไรลูกฉัน”
กะรัตถูกเนื้อแพรผลักลงสระว่ายน้ำ พวงหยกกับนวลวิ่งเข้ามาเห็นแล้วตกใจ พวงหยกโวยวาย
“นังเนื้อแพร แกกล้าดียังไงมาผลักลูกฉันตกน้ำ นังผีบ้า แก…”
เนื้อแพรรีบพูดตัดบทใส่ด้วยเสียงจริงจัง
“คุณอย่าเพิ่งพูด ขอให้ฉันพูดกับหนูกั้งก่อน”
พวงหยกอ้าปากจะพูดเนื้อแพรสวน
“ถ้าคุณไม่อยากให้หนูกั้งเป็นฆาตกรฆ่าคน”
พวงหยกอยากแหกปากแต่จำใจยอมเงียบ เนื้อแพรหันไปมองกะรัต
“ได้สติขึ้นบ้างรึยัง”
“คุณทำบ้าอะไรกับฉันเนี่ย”
กะรัตจะปีนขึ้นจากสระ เนื้อแพรผลักลงสระน้ำอีก พวงหยกกรี๊ด
“มากไปแล้วนะ”
“ไม่มากไปหรอก ถ้าเทียบกับที่ลูกสาวคุณทำกับลูกชายฉัน...ในชีวิตฉันกับลูก เราไม่เคยทะเลาะกันเลยสักครั้งเดียว จนกระทั่ง ฉันบอกเขาว่าคุณไม่มีทางทำให้เขา มีความสุขได้แต่เขาไม่เชื่อ เขายอมทะเลาะกับฉันเพื่อจะแต่งงานกับคุณ แล้วตอนนี้เป็น ยังไง...ไหนคุณเคยอวดไว้ว่าคุณเปลี่ยนตัวเองได้ คุณจะทำให้ พิศุทธิ์มีความสุขได้...ไหนล่ะ ความสุขของ ลูกฉันอยู่ตรงไหน”
เนื้อแพรพูดถูกจุด กะรัตร้องไห้เจ็บปวด
“ฉันก็พยายามเปลี่ยนตัวเองแล้วไง แต่คุณไม่เป็นฉัน คุณไม่เข้าใจหรอก”
“ถ้าฉันเป็นคุณ สายน้ำผึ้งไม่มีทางได้แตะต้องฉันได้แม้แต่เงาของฉัน คุณยังต้องการลูกฉันอยู่ไหม”
กะรัตรีบตอบ
“ต้องการสิคะ กั้งรักคุณพิศุทธิ์มาก...ฉันไม่ได้อยากเป็นอย่างนี้ แต่ฉันไม่รู้ จะทำยังไง”
“ใช้หัวใจคิด อย่าใช้สมอง อะไรที่จะทำให้คุณและลูกชายของฉันมีความสุข ถ้าคุณยังไม่รู้ ก็ไม่มีใครช่วยคุณได้ คุณจะยอมเสียเขาให้กับเพื่อนอสรพิษของคุณ หรือจะลุกขึ้นมาทำอะไรดีดีเพื่อรักษาสามีของคุณเอาไว้ เลือกเอา”
เนื้อแพรจะเดินไปแล้วชะงักหันมาพูดกับกะรัต
“แล้วอย่าลืมคำว่าไว้ใจ มันสำคัญมาก ต่อให้รักกันมากขนาดไหนแต่ถ้าไม่ไว้ใจ” เนื้อแพรเหลือบมองไปทางพวงหยก “ก็เห็นแล้วว่าผลมัน เป็นยังไง”
เนื้อแพรใส่แว่นตาดำแล้วเดินออกไปอย่างสง่า พวงหยกมองอย่างโมโห นวลกระโดดหนี
“แกจะไปไหนนังเนื้อแพร แกกับฉันยังไม่ได้เคลียร์กันเลยนะ”
กะรัตมองพวงหยกแล้วคิดถึงคำพูดเนื้อแพร
เย็นนั้น พวงหยกโวยวายใส่กฤช กันตากับกุนตีนั่งฟังอยู่ด้วยสีหน้าทึ่งกับวีรกรรม ของเนื้อแพร
“เป็นยังไงล่ะ นังเนื้อแพรมันมาด่าฉันถึงสองครั้ง พะเน้าพะนอ จนมันได้ใจอีกหน่อยมันคงจะหอบเสื้อผ้ามานอนกระดิกขาบนหัวฉัน”
“คุณก็พูดเกินไป ทุกอย่างที่เนื้อแพรทำ เขาทำเพื่อลูก” กฤชถอนใจ
“เหรอ ฉันรู้แล้วว่ายายกั้งมันได้เชื้อโง่มาจากใคร ฉันอยากรู้จริงๆว่าสองแม่ลูกนี่มันมีอะไรดี ทั้งผัวทั้งลูกฉันถึงหลงจนโง หัวไม่ขึ้น” พวงหยกหันไปทางกันตา “แกเป็นความหวังเดียวของแม่แล้วนะ ยายก้อย แกต้องแต่งกับคุณศิวาให้ได้ อย่างน้อยก็กอบกู้ชื่อเสียงกับเงิน ที่เราต้องเสียไปเพราะพี่กับพ่อแก”
กันตานิ่งไม่ตอบอะไร กุนตีมองกันตาว่าต้องมีอะไรแน่ๆ
ค่ำนั้นเมื่อได้คุยกันในห้องนอน กุนตีมองหน้ากันตาอย่างอึ้ง คาดไม่ถึง
“ได้ทุนไปเรียนต่อเมืองนอก”
กันตายื่นเอกสารให้ดู
“ก้อยไปสอบชิงทุนไว้ระยะนึงแล้วล่ะ ตอนแรกก็ไม่คิดว่าจะได้”
“ตอนนี้ได้ แล้วคิดจะไปไหม”
“มันก็น่าสนใจไม่ใช่เหรอพี่กุ้ง”
“น่าสนใจเพราะวิชาเรียน หรือน่าสนใจเพราะตอนนี้มีเรื่องกับคุณศิวากันแน่”
“แหม...วันนี้คาราคมคายนะพี่กุ้ง” กันตาแกล้งหยอก
“อย่าคิดว่าพี่ไม่เห็นอาการของเรานะ ปัญหาใหญ่มากใช่ไหม ถึงกับต้องหาเรื่องหนีไปเมืองนอก”
“ก้อยไม่ใช่คนหนีปัญหานะพี่กุ้ง”
“พี่รู้ว่าก้อยไม่ใช่คนหนีปัญหา แต่ปัญหาบางเรื่อง คนเราก็ไม่อยากเผชิญ”
“แล้วจะให้ก้อยไปฉกชิงเขาจากผู้หญิงคนอื่นอย่างที่พี่กั้งทำน่ะเหรอ ก้อยไม่ทำหรอก ชีวิตคนเรามันง่ายกว่านั้น แค่อยู่กับใครแล้วเรามี ความสุข เราก็อยู่ แต่ถ้าอยู่แล้วทุกข์ เราก็ไป”
“แปลว่าก้อยจะไป แล้วคิดว่าคุณศิวาจะยอมเหรอ”
กันตานิ่ง
สายวันใหม่...ศิวายืนหน้าเครียดอยู่กับกันตาที่มุมหนึ่งในโรงพยาบาล
“ผมไม่ยอมให้คุณไปหรอก”
“คุณมีสิทธิ์อะไรมาห้ามฉัน คุณกลับไปได้แล้ว ฉันจะทำงาน”
กันตาจะเดินไป ศิวารีบยืนขวางไว้
“โธ่...คุณก้อย ผมรู้ว่าคุณโกรธผมเรื่องลิปสติกนั่นอยู่ ผมบอกแล้วไงว่ามันไม่เกี่ยวกับผม ไม่รู้ล่ะ คุณไปเรียนที่ไหน ผมก็จะตามไปด้วย”
“คุณจะมาตามฉันทำไม คุณไปใช้ชีวิตของคุณสิ ฉันเป็นคนแฟร์ๆ ใครยังไม่พร้อมจะหยุดเพื่อฉัน ฉันก็ไม่บังคับ ต่างคนก็ต่างไปใช้ชีวิตตัวเองต่อไป”
“อย่างนี้ไม่เรียกว่าแฟร์ เรียกว่าประชด”
“ฉันไม่ได้ประชด”
“แล้วทำไมอยู่ๆคุณถึงจะไปเมืองนอก”
“เพราะฉันอยากไปไง”
“ผมไม่ให้คุณไป”
“ไม่มีใครห้ามฉันได้” กันตาบอกอย่างมุ่งมั่น
พวงหยกยืนตรงหน้าโต๊ะทำงานของกันตา
“แกยังไปเรียนต่อที่ไหนไม่ได้ทั้งนั้น”
“นี่อย่าบอกนะว่าคุณศิวาไปบอกให้แม่มาห้ามก้อย” กันตาถอนใจ
“ไม่ใช่คุณศิวา แต่เป็นป๊าของคุณศิวาต่างหากที่โทรมาหาฉัน”
“ป๊าของคุณศิวา”
“ใช่” พวงหยกพูดพร้อมยิ้มอย่างมีความสุข “ป๊าของคุณศิวาโทรมาบอกว่าได้ข่าว แกจะไปเรียนเมืองนอก เขาไม่อยากเสียว่าที่ลูกสะใภ้สุดแสนเพอร์เฟค อย่างแกไป เขาเลยทาบทามขอแกกับฉัน ให้แต่งงานกับคุณศิวา”
กันตาชะงัก
สายน้ำผึ้งกับศิวาคุยกันอยู่ในคอนโด สายน้ำผึ้งมองหน้าเขาอย่างอึ้งๆคาดไม่ถึง
“แต่งงาน”
“ใช่” ศิวาหัวเราะมีความสุข “ต้องขอบคุณไอ้ลิปสติกบ้านั่น ทำให้คุณก้อยคิดจะไปเรียน ต่อเมืองนอก ผมเลยขอให้ป๊าใช้วิธีรวบรัดคุณก้อยได้”
สายน้ำผึ้งหงุดหงิดแต่เก็บอารมณ์ไว้
“แล้วคุณหมอสุดสวยของคุณยอมแต่ง รึเปล่าคะ ได้ข่าวว่าเป็นผู้หญิงหวงชีวิตโสด เอาการ”
“คุณก้อยยอมรึเปล่าไม่รู้ แต่แม่เขารับปากป๊าผมแล้ว พรุ่งนี้นัดไปคุยเรื่องสินสอด...” ศิวายื่นเช็คเงินสดให้สายน้ำผึ้ง “เก็บไว้...พักนี้เราคงไม่ได้พบกัน ผมไม่อยากพลาดอีก”
สายน้ำผึ้งมองเช็คที่เขายื่นมาใบหน้านิ่งสงบคล้ายภูเขาไฟรอระเบิด
รถแท็กซี่มาจอดหน้าบริษัท C.F สายน้ำผึ้งปิดประตูรถแท็กซี่เสียงดัง ปังด้วยความหงุดหงิด
“มันเป็นอย่างนี้ได้ยังไง พวกแกมันเป็นมารชีวิตฉันจริงๆ ฉันลงทุนมาถึงขนาดนี้แล้ว ฉันไม่มีวันยอมให้แกสองคนพี่น้องมีความสุขได้ หรอก”
พิศุทธิ์เดินถือแฟ้มงานผ่านมา สายน้ำผึ้งมองแล้วรีบปั้นหน้าให้ใสซื่อ เหมือนไม่ได้หงุดหงิดใครมาก่อน แล้วเข้าไปหา
“ฉันช่วยนะคะ”
พิศุทธิ์จงใจเบี่ยงตัวออก
“ไม่เป็นไรครับ” พิศุทธิ์หันไปเห็นชายนี่เดินมาพอดี “ชายนี่ ช่วยผมถือเอกสารหน่อยได้ไหมครับ”
ชายนี่รีบวิ่งเข้าไปรับแฟ้มจากพิศุทธิ์ สายน้ำผึ้งมองพิศุทธิ์ที่เดินผ่านตัวเองไป หาชายนี่แล้วเดินออกไปพร้อมกัน เหมือนตัวเองไม่มีตัวตนด้วยความเจ็บจี๊ดในใจ
กะรัตแอบยืนมองพิศุทธิ์กับสายน้ำผึ้งอยู่มุมหนึ่งของลานจอดรถหน้าบริษัท เห็นท่าทางพิศุทธิ์ที่ดูไม่มีเยื่อใย กับสายน้ำผึ้ง แล้วเริ่มสะท้อนใจตัวเองที่ไม่เคยไว้ใจเขา
เย็นนั้น พิศุทธิ์นั่งอย่างหมดแรงอยู่ที่สนามหญ้าหน้าบ้านเนื้อแพร เขาหน้าอมทุกข์นั่งก้มหน้าก้มตาทำงาน เนื้อแพรยืนมองอยู่มุม หนึ่งหน้าบ้าน อย่างเป็นห่วงเหลือเกิน
กะรัตแอบยืนมองพิศุทธิ์อยู่เห็นนอกรั้ว เห็นเขานั่งดื่มเหล้าด้วยสีหน้าเป็นทุกข์
แล้วนึกถึงคำพูดของเนื้อแพร
“ในชีวิตฉันกับลูก เราไม่เคยทะเลาะกันเลยสักครั้งเดียว จนกระทั่งเขามาขอฉันแต่งงาน กับคุณ ฉันบอกเขาเลยว่าคุณไม่มีทาง ทำให้เขามีความสุขได้ แต่เขาไม่เชื่อ เขายอมทะเลาะกับแม่ เพื่อผู้หญิงอย่างคุณ คุณจำได้ไหม...วันแรกที่คุณไปบ้านฉันใน ฐานะแฟนของพิศุทธิ์ ฉันไม่ยอมรับคุณ แต่คุณขอโอกาสจากฉัน คุณสัญญาว่าคุณสามารถเปลี่ยนตัวเอง เพื่อทำให้พิศุทธิ์มีความสุขได้...ไหนล่ะ ความสุขของลูกฉันอยู่ตรงไหน”
กะรัตมองพิศุทธิ์ที่นั่งด้วยความทุกข์อย่างปวดร้าวในหัวใจว่า ตัวเองที่ทำให้เขาเป็นทุกข์
ค่ำนั้น กะรัตเดินเข้าบ้านมาด้วยท่าทางเหนื่อยอ่อน นวลวิ่งเข้ามาหาด้วยความเป็นห่วง
“คุณกั้งไปไหนมาคะ นวลโทรไปตั้งหลายรอบ คุณกั้งก็ไม่ยอมรับ”
กะรัตนั่งลงบนโซฟาแล้วเอามือปิดหน้าแทบร้องไห้
“ฉันก็ไปดูว่าฉันมันโง่ขนาดไหนไงนวล”
“คุณกั้งหมายความว่ายังไงคะ” นวลงง
“ฉันนี่มันควายจริงๆนะนวล สมควรแล้วที่จะโดนนังผึ้งมันสวมสะพาย เกิดเรื่องกี่ครั้ง ฉันก็ยังจะเอาแต่ฟังมัน แต่ไม่เคยเปิดตาเปิดใจมองคน ใกล้ตัวเลยว่าเขาเป็นยังไง ฉันทำให้คนที่เขารักฉันมากที่สุด มีความทุกข์ ที่สุด...ฉันจะทำยังไงดีนวล”
“ก็ทำอย่างที่คุณเนื้อแพรบอกไงคะ”
กะรัตฟังที่นวลแนะนำ นวลพยักหน้าให้ความมั่นใจ กะรัตรู้สึกว่าต้องทำอะไรบางอย่าง
กะรัตโทรหากุนตี ซึ่งนั่งทำงานอยู่ที่บริษัท
“มิสเตอร์ชาลล์ก็เป็นลูกค้ารายใหญ่ของบริษัทCf. เหมือนกัน เขาเป็นคนช่างเลือกโดยเฉพาะรสชาดอาหาร เขาจะต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุด น่าเสียดายนะถ้าสูตรอาหารของคุณพิศุทธิ์ต้องถูกยกเลิกสัญญา...กั้งนะกั้ง ทำอะไรไม่รู้จักคิดซะก่อน” กุนตีบ่น
“อย่าเพิ่งตอกย้ำกันตอนนี้สิพี่กุ้ง เอาเป็นว่าพี่กุ้งช่วยเช็คให้กั้งหน่อยแล้วกันว่ามิสเตอร์ชาลล์ จะบินกลับวันไหน ยังไงกั้งก็ต้องแก้ไขปัญหานี่ให้ได้”
“แล้วกั้งจะทำยังไง”
“มันต้องมีสักทาง แต่ตอนนี้ยังคิดไม่ออก แค่นี้ก่อนนะพี่กุ้ง”
กะรัตกดวางสาย กะรัตคิดไม่ตก เดินไปมาใช้ความคิด แล้วคิดถึงที่เนื้อแพรบอกให้ใช้หัวใจคิด อย่าใช้สมอง และสิ่งที่กุนตีบอก
“เขาเป็นคนช่างเลือกโดยเฉพาะรสชาดอาหาร เขาจะต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุด”
กะรัตถึงทางสว่าง นึกอะไรบางอย่างได้ เธอตรงไปเปิดที่ลิ้นชักโต๊ะ รื้อค้นบางอย่างในนั้น จนเจอกล่องใบเล็กๆ จึงหยิบขึ้นมาเปิดดู สิ่งนั้นคือห่อขนม "รสพิศุทธิ์" ที่พิศุทธิ์ให้ไว้
เช้าวันใหม่ สายน้ำผึ้งคุยมือถือพร้อมเดินลงบันไดอย่างรีบร้อน
“ผึ้งขอไปทำงานสายหน่อยนะคะ มีธุระนิดหน่อยค่ะ ขอบคุณค่ะพี่” เธอกดวางสายแล้วหันมาถามรสสุคนธ์ “น้ารส ..กระเช้าผลไม้ ที่ผึ้งฝากซื้อน่ะ อยู่ไหน”
รสสุคนธ์ชี้ไปทางโต๊ะ
“อยู่บนโต๊ะนั่นไง เอาไปเยี่ยมใครเหรอ”
“ลูกค้าคนสำคัญ ผึ้งต้องหาทางทำคะแนน”
“อ๋อ อยากเอาใจลูกค้า”
“เปล่า ผึ้งจะทำคะแนนกับคุณพิศุทธิ์ต่างหาก”
“นี่ตกลงผึ้งจะไม่เลิกยุ่งกับเขาจริงๆใช่ไหม”
“ตอนนี้เสาบ้านกั้งกำลังสั่นคลอน ขืนเลิกก็โง่สิน้ารส”
สายน้ำผึ้งคว้ากระเช้าผลไม้แล้วรีบออกไป รสสุคนธ์ได้แต่มองตามอย่างหนักใจ
สามีตีตรา ตอนที่ 8 (ต่อ)
กะรัต กับนวลเดินถือกล่องบางอย่างมาที่ประตูหน้าบริษัท ชายนี่ ยี่หวา และพนักงานบริษัทหันไปมองกะรัตเป็นตาเดียวกัน ชายนี่ตกใจจนเผลอพูดเสียงเข้มเป็นผู้ชาย
“เฮ้ย ! เมียคุณพิศุทธิ์มาอีกแล้วว่ะ!”
บรรยากาศการประชุมเคร่งเครียด มิสเตอร์ชาล์ลลุกขึ้นยืนอย่างเอาเรื่อง
“สัญญาซื้อขายสูตรรสชาติอาหารที่ผมเคยคุย ตกลงผมจะ...”
ทันใดนั้นฟองดาวเปิดประตูห้องประชุมพรวดเข้ามา
“คุณพิศุทธิ์คะ”
พิศุทธิ์มองหน้าฟองดาวอย่างแปลกใจว่ามีเรื่องอะไร
พิศุทธิ์กับหัวหน้า รีบเดินออกมาจากห้องประชุมเพื่อมาดูกะรัต ทุกคนมองลนลาน กลัวเธอจะมาแผงฤทธ์อีก ทุกคนแอบอยู่หลังพิศุทธ์กลัวโดนลูกหลง หัวหน้าพูดกับพิศุทธิ์ด้วยความแหยง
“คุณพิศุทธ์ เอาไงกันดี”
ทันใดนั้นกะรัตเดินเข้ามาวางกล่องบนโต๊ะดัง ปัง หัวหน้าสะดุ้งโหยงหลีกทางให้พิศุทธิ์เคลียร์
“คุณมาทำไมกั้ง” พิศุทธิ์รีบถาม
“มิสเตอร์ชาล์ลมาประชุมใช่ไหมคะ”
“คุณรู้ได้ยังไง”
“กั้งรู้แล้วกันค่ะ” กะรัตมองไปที่ห้องประชุม “อยู่ในห้องประชุมใช่ไหมคะ”
พิศุทธิ์จะตอบ แต่กะรัตไม่ฟังหอบกล่องเดินเข้าห้องประชุมไป นวลรออยู่ ข้างนอก พิศุทธิ์จะเข้าห้องประชุมไปห้าม
“กั้ง”
กะรัตหันมา
“กั้งขอคุยกับมิสเตอร์ชาล์ลตามลำพังนะคะ”
กะรัตปิดประตูใส่หน้าพิศุทธิ์ดัง ปัง กดล็อคประตู มิสเตอร์ชาล์ลเห็นกะรัตแล้วสะดุ้งลุกขึ้นจากเก้าอี้ พร้อมถอยห่างด้วยอาการผวา รีบไปหลบหลังเก้าอี้
“คุณเข้ามาทำไม อย่าทำอะไรผมเลยนะ ผมกลัวแล้ว”
พิศุทธิ์พยายามเคาะประตูเรียกกะรัตให้เปิดประตู ชายนี่ ยี่หวา พนักงานคนอื่นๆต่างมามุงดู
“หรือว่าคุณกั้งจะมาวางระเบิด” ชายนี่ออกความเห็น
พนักงานทุกคนสะดุ้งตกใจพร้อมกัน ยี่หวาหวาดๆ
“จะบ้าเหรอเจ๊”
“เอ้า จะไปรู้เหรอ ตอนนี้คุณกั้งกำลังเครียดเรื่องคุณพิศุทธิ์เพราะมิสเตอร์ชาล์ล คุณกั้งอาจคิดทำอะไรบ้าๆกับมิสเตอร์ชาล์ลก็ได้”
พิศุทธิ์กับหัวหน้าพยายามเคาะประตู และเปิดประตูห้องประชุม หัวหน้าตะโกนสั่งพนักงาน
“ใครไปเรียกแม่บ้านเอากุญแจมาเปิดประตูห้องสิ”
พิศุทธิ์เคาะประตู
“กั้ง เปิดประตู” เขาหันไปหานวล “นี่มันอะไรกันน่ะนวล กั้งคิดทำอะไร”
นวลอึดอัดพูดไม่ได้
“คุณกั้งไม่ให้บอกน่ะค่ะ”
“นวล” พิศุทธิ์เครียด
นวลสะดุ้งคิดหาทาง
“คุณกั้งห้ามไม่ให้บอก แต่ไม่ได้ห้าม ไม่ให้ดูนี่นา” นวลหันไปพูดกับพิศุทธิ์ “ในห้องประชุมมีกล้องวงจรปิดไหมคะ”
ทุกคนมาในนห้องควบคุมกล้องวงจรปิด หน้าจอทีวีเป็นภาพในห้องประชุมเห็นภาพกะรัตเปิด กล่องแล้วหยิบถุงใส่ขนมขึ้นมายื่นให้มิสเตอร์ชาล์ล ชายนี่เพ่งมอง
“นั่นซองขนมอะไรน่ะ”
มิสเตอร์ชาล์ลแกะถุงขนมที่กะรัตยื่นให้กิน แล้วทำหน้าทึ่ง
“อร่อยไหมคะ”
“อร่อยมาก นี่มันรสอะไร”
กะรัตเมื่อคิดถึงที่มาของรสแล้วเผลอยิ้ม
“รสพิศุทธิ์ค่ะ”
มิสเตอร์ชาล์ลชะงัก
“อะไรนะ”
“เป็นรสชาติที่คุณพิศุทธิ์คิดให้ฉันคนเดียว เป็นรสเดียวในโลกมันเป็นรสชาติที่คุณพิศุทธิ์ผสมด้วยความรักของเราสองคน ฉันถึงให้คนที่โรงงานของก๋งฉันลองทำมาให้คุณชิม ถ้าคุณชอบ ฉันจะยกสูตรนี้ให้ฟรีๆ เพื่อแลกกับให้คุณยอมเซ็นต์สัญญาทำธุรกิจกับ ที่นี่เหมือนเดิม”
“ทำไมผมต้องทำตามที่คุณบอกด้วย”
“เพราะว่าเรื่องทั้งหมดคุณพิศุทธิ์ไม่ผิด ฉันเป็นคนก่อเรื่องเอง ถ้าคุณจะเอาเรื่อง ก็ขอให้เอาเรื่องที่ฉัน” กะรัตยกมือไหว้มิสเตอร์ชาล์ล “ฉันขอโทษ”
พิศุทธิ์มองที่จอทีวีเห็นกะรัตยกมือไหว้ขอโทษมิสเตอร์ชาล์ลแล้วอึ้ง ทุกคนต่างตะลึงแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง ว่าคนอย่างกะรัตจะยอมทำอะไรแบบนี้...กะรัตมองมิสเตอร์ชาล์ลด้วยความอ้อนวอนมิสเตอร์ชาล์ลมอง แล้วยื่นถุงขนมคืน
“เอาขนมคุณคืนไป”
กะรัตร้อนใจ
“ทำไมล่ะคะ ก็ไหนคุณบอกว่าอร่อย ฉันยอมให้คุณฟรีๆเลยค่ะ แต่ขอแค่คุณอย่าโกรธคุณพิศุทธิ์ ถ้าคำขอโทษฉันยังไม่พอ คุณจะแจ้งตำรวจจับฉันเข้าคุกก็ได้ ฉันยอม”
“ที่ผมรับไม่ได้ เพราะรสชาตินี้มันเป็นความรักของคุณ”
กะรัตยื่นถุงขนมให้มิสเตอร์ชาล์ล
“รับไปเถอะค่ะ ฉันยอมแลกความรักของฉัน เพื่อความสุขของคุณพิศุทธิ์”
มิสเตอร์ชาล์ลมองกะรัตนิ่งๆ ยังไม่ให้คำตอบ พิศุทธิ์ได้ยินกะรัตพูดแล้วอึ้ง พนักงานคนหนึ่งเดินเข้ามา
“แม่บ้านเอากุญแจมาเปิดประตูห้องประชุมแล้วค่ะ”
พิศุทธิ์รีบเดินออกไปคนแรก ทุกคนวิ่งตามไป
แม่บ้านกำลังจะไขกุญแจประตูห้องประชุม กะรัตเปิดประตูออกมาก่อน พิศุทธิ์มองเธอนิ่ง ในใจหายโกรธไปเยอะ แต่นิ่งข่มไว้ก่อน
“มิสเตอร์ชาล์ลเรียกคุณพิศุทธิ์กับหัวหน้าเข้าไปคุยน่ะค่ะ”
พิศุทธิ์กับหัวหน้ารีบเดินนำเข้าห้องประชุมไป นวลเข้ามาถาม
“ตกลงมิสเตอร์ชาล์ลว่ายังไงคะคุณกั้ง”
ชายนี่ ยี่หวา พนักงานคนอื่นๆเสนอหน้าอยากฟังคำตอบจากกะรัต
หัวหน้าพูดกับพิศุทธิ์อย่างอารมณ์ดี
“คุณกั้งช่วยพูดกับมิสเตอร์ชาล์ลให้เราก็จริง แต่มิสเตอร์ชาล์ลก็บอกแล้วว่าเขาเปลี่ยนใจจะเซ็นต์สัญญากับเราอยู่แล้ว ดังนั้นคุณไม่ต้องกลัวว่า ใครจะพูดว่าเรื่องนี้จบด้วยดีเพราะเพราะภรรยาคุณช่วยหรอกนะ ทุกอย่างเพราะความสามารถคุณล้วนๆ”
“ขอบคุณครับ” พิศุทธิ์ยิ้มออก
“ยังไงผมก็ฝากขอบคุณภรรยาคุณด้วย ถึงเขาไม่มีส่วนเรื่องสัญญาแต่เขามีส่วนทำให้มิสเตอร์ชาล์ลอยากให้คุณและบริษัทคิดรสชาติใหม่ให้ด้วย”
“รสชาติใหม่”
“แล้วเขาก็ตั้งชื่อรสใหม่แล้วด้วย”
“รสอะไรครับ”
“รสความรัก อยากให้ทุกคนกินแล้วรู้สึกถึงความรัก และรักษารสชาติความรักนี้ไว้เหมือนที่คุณกั้งทำวันนี้”
พิศุทธิ์นิ่งคิดถึงเรื่องที่กะรัตยอมทำเพื่อเขาในวันนี้
กะรัตแจกขนมให้กับพนักงาน ทุกคนดีใจ ยิ้มแย้มรับขนม
“กั้งต้องขอโทษทุกคนด้วยนะคะ ที่ทำให้เดือดร้อนมาตลอด” กะรัตเดินมาหาฟองดาวแล้วยื่นขนมให้ “นี่ค่ะ ขนมเล็กๆน้อยๆ กั้งขอโทษด้วย นะคะ สำหรับที่ผ่าน ที่กั้งเอาแต่ก่อเรื่องให้วุ่นวายกัน”
ฟองดาวรีบรับขนม
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ สามีภรรยากัน เรื่องหวงกัน เป็นเรื่องธรรมชาติ” ฟองดาวชะงักปวดท้อง “อุ้ย ขอตัวก่อนนะคะ ยำปูดองเมื่อวาน ทำพิษตั้งแต่เช้าแล้ว” ฟองดาวรีบเดินไปห้องน้ำ
นวลมองฟองดาวแล้วรู้สึกปวดท้องอยู่บ้าง
“นวลขอไปทำตามสุภาษิตไทยก่อนนะคะ...เห็นเขาขี้ ขี้ตามเขา” นวลวิ่งตามฟองดาวไป
กะรัตพูดไล่หลังนวล
“เร็วๆนะ จะได้กลับบ้านกัน” กะรัตหันไปทางประตูห้องทำงานพิศุทธิ์แล้วพูดเสียงน้อยใจ “ขืนอยู่นาน เขาจะเหม็นขี้หน้า มากกว่านี้...ทำขนาดนี้ จะพูดดีๆสักคำก็ไม่มี...หรือเข้าไปคุยเองเลยดีนะ”
กะรัตหันไปทางห้องทำงานพิศุทธิ์ แล้วเห็นเขายืนอยู่นานแล้ว เธอชะงัก
“คุณพิศุทธ์”
พิศุทธ์คว้ากะรัตเข้าห้องทำงานไป
กะรัตนั่งหน้าจ๋อยอยู่ในห้อง พิศุทธิ์ยืนหันหลังให้
“บริษัทผมไม่ใช่สนามเด็กเล่นนะ ที่คุณจะเข้ามาทำอะไรก็ได้แบบนี้”
กะรัตหน้าเสียกลัวๆ
“ก็กั้งแค่อยากรับผิดชอบในสิ่งที่กั้งทำเท่านั้นเอง แต่ถ้ามันจะยิ่งทำให้คุณไม่พอใจ กั้งก็ขอโทษค่ะ”
กะรัตก้มหน้าจ๋อย พิศุทธิ์หันมามองแล้วใจอ่อนลง แต่ยังปั้นหน้าดุอยู่
“ใช่ ผมไม่พอใจ”
“มิสเตอร์ชาล์ลยอมเซ็นต์สัญญาแล้ว คุณจะยังไม่พอใจอะไรอีก”
“ก็ไม่พอใจที่คุณเอาสูตรที่ผมทำให้คุณคนเดียว มาแจกให้คนอื่นชิมน่ะสิ คุณคิดบ้างไหมว่าผมรู้สึกยังไง”
กะรัตหน้าเสียกว่าเดิมคิดว่าเขาไม่พอใจจริงๆ
“กั้งไม่ทันคิดว่าคุณจะหวง รสนี้”
“ใช่ ผมหวง เพราะผมทำรสนั้นเพื่อผู้หญิงที่ผมรักคนเดียวเท่านั้น”
“คุณพิศุทธิ์” กะรัตชะงัก
“คุณเอามาแจกทุกคนแบบนี้...ผมอาย” พิศุทธิ์เขินๆ
กะรัตเห็นแววตาของเขามีรอยยิ้ม ทำให้รู้ว่าเขาไม่ได้โกรธจริง
“นี่คุณแกล้งโกรธกั้งเหรอ” เธอเข้าไปตีเขาอย่างโมโห “คุณทำอย่างนี้ได้ยังไง คุณรู้ไหมว่ากั้งกลัวคุณโกรธกั้งจนจะเป็นบ้าอยู่แล้ว”
กะรัตทุบอกพิศุทธิ์แทบจะร้องไห้ด้วยความรู้สึกอัดอั้น
“กั้งขอโทษนะคะกับเรื่องที่ผ่านมา กั้งวู่วามไปเพราะรักคุณมากเหลือเกิน กั้งเจอการสูญเสียมามาก จนกั้งกลัวจะเสียคุณไปอีก” กะรัตโผเข้ากอดอ้อนพิศุทธิ์ “เราดีกันนะคะ ลืมเรื่องทุกอย่างให้หมด ทั้งเรื่องเงินนั่น และเรื่องที่โคราช”
“เรื่องของพ่อ ผมคงลืมไม่ได้ ยังไงต้องให้พ่อหาทางสะสางหนี้ให้หมด”
“เรื่องนั้นกั้งเข้าใจ แต่เราจะไม่เอาเรื่องนี้มาเป็นปัญหากันอีกนะคะ”
“และผมก็จะไม่ลาออกจากที่นี่นะ”
กะรัตถอนใจ
“กั้งรู้อยู่แล้ว มันทำใจยากจริงๆที่ต้องเห็นคุณอยู่ใกล้นัง...”
กะรัตชะงักปากตัวเอง แล้วถอนใจเพราะทำใจให้เย็นลง
“ช่างเถอะ กั้งจะไม่ คิดอะไรที่มันมาบั่นทอนความสุข กั้งอีก เรื่องราวที่เกิดขึ้นมากมาย มันสอนให้กั้งรู้แล้วว่า จะทุกข์ หรือจะสุข ตัวเราเองเป็นต้นเหตุ กั้งมาวันนี้...เพื่อจะตั้งต้นใหม่ ลืมอดีตทุกอย่าง”
“คุณจะทำได้เหรอ”
“แล้วคุณจะให้โอกาสกั้งไหมล่ะคะ”
กะรัตมองพิศุทธิ์ เขามองเธอแล้วยิ้ม
สายน้ำผึ้งเดินถือกระเช้าผลไม้เข้ามาด้วยใบหน้าเซ็งๆไปหามิสเตอร์ชาล์ลที่ คอนโดแต่ไม่เจอ ชายนี่กับยี่หวาเดินเบิกบานมาจากลิฟท์
“ทำไมวันนี้มาสายจัง ลูกไม่สบายเหรอ” ชายนี่ทุก
“เปล่าค่ะ ผึ้งเอากระเช้าผลไม้ไปเยี่ยมมิสเตอร์ชาล์ลที่คอนโดมาน่ะค่ะ อยากขอร้องเรื่องเซ็นต์สัญญากับเรา”
ยี่หวาแทรกขึ้น
“ไม่ต้องไปขอร้องแล้วล่ะน้องผึ้ง คุณกะรัตเคลียร์ทุกอย่างแล้ว”
“อะไรนะคะ” สายน้ำผึ้งชะงัก
พิศุทธิ์กับกะรัตเดินออกมาจากห้องพนักงาน
“กั้งต้องไปขอบคุณแม่คุณสักหน่อย ที่เตือนสติให้กั้งเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาได้” กะรัตกอดแขนพิศุทธิ์ “เพื่อปกป้องของรักของกั้ง”
พิศุทธิ์แกล้งหยอก
“คุณเป็นแบบนี้ก็ดีนะ ผมจะได้ไปต่างจังหวัดได้สบายใจ”
กะรัตหูผึ่ง
“คุณจะไปต่างจังหวัดเหรอค่ะ ไปที่ไหน ไปกี่วัน...แล้วไปกับใคร”
กะรัตชะงักรู้สติ แล้วเอามือตบหน้าตัวเอง
“ไม่ได้ กะรัตคนใหม่ต้องไม่เป็นแบบเดิมอีก”
“ผมแค่พูดลองใจคุณ ดูสิว่าคุณจะของขึ้นอีกไหม” พิศุทธิ์ขำ
“คุณเห็นแล้วว่ากั้งข่มอารมณ์ตัวเองได้”
“งั้นก็ต้องให้รางวัลด้วยการพาไปเที่ยวต่างจังหวัด ถือว่าชดเชยที่เรายังไม่ได้ไปฮันนีมูนกัน”
“จริงเหรอค่ะ”
กะรัตกระโดดกอดคอพิศุทธิ์พร้อมจูบแก้มซ้ายแก้มขวา พิศุทธิ์อาย รีบมองพนักงานคนอื่นๆที่มองดูอยู่ พิศุทธิ์รีบดึงตัวกะรัตออก
“ผมว่านอกจากคุณข่มอารมณ์โมโหของคุณได้แล้ว คุณควรข่มอารมณ์ดีใจไว้บ้างก็ดี”
“ข่มทำไมล่ะคะ ความรักเป็นเรื่องดีที่ควรแสดงออก ไม่อย่างนั้น มิสเตอร์ชาล์ลจะให้คุณคิดขนมรสความรัก ให้อร่อยเหมือนความรักเรา เหรอคะ” กะรัตอ้อน
พิศุทธิ์เห็นพนักงานคนอื่นๆยังมองก็เขิน
“ผมทำงานต่อล่ะ”
พิศุทธิ์รีบเข้าห้องไปด้วยใบหน้าเขินอาย กะรัตมองแล้วยิ้มขำอย่างมีความสุข หันตัวกลับแล้วมองที่โต๊ะฟองดาว แต่ไม่เห็น มองหานวล ก็ยังไม่มา
“นวลมันตกส้วมไปแล้วรึไง”
กะรัตหันจะเดินไปแล้วชะงัก สายน้ำผึ้งยืนมองอยู่นานแล้ว
“เงินมันซื้อคนได้จริงๆ เมื่อวานคนที่นี่ยังเกลียดเธออยู่เลย แต่พอวันนี้เธอทำให้ทุกคนได้เงิน ก็เปลี่ยนเป็นชื่นชมเธอกันแซ่ด”
กะรัตมองสายน้ำผึ้งโดยไม่พูดตอบโต้อะไร แล้วเดินไปเข้าห้องน้ำหญิง สายน้ำผึ้งรีบเดินตามไปด้วยอารมณ์โมโหรอจังหวะระเบิด
กะรัตเดินเข้ามาในห้องน้ำพยายามควบคุมอารมณ์ตัวเองมาก สายน้ำผึ้งตามมายิ้มเยาะ
“ได้ข่าวว่ายอมลงทุนยกมือไหว้ขอโทษมิสเตอร์ชาล์ลเลยเหรอ ไม่น่าเชื่อว่าคนอย่างกะรัตผู้เย่อหยิ่ง ไม่เคยมีคำว่าขอโทษในสมอง จะยอมก้มหัวให้คนอื่นเพราะกลัวผู้ชายทิ้ง”
“ฉันไม่เหมือนแก ที่ยอมตลบตะแลงคนอื่นว่าตัวเองเป็นนางเอก โดนฉันรังแก เพื่อแย่งผัวฉันไง ฉันขอเตือนแกเป็นครั้งสุดท้าย อย่ายุ่งกับคุณพิศุทธิ์”
นวลอยู่ในห้องน้ำหน้าดำหน้าแดง พยายามทำเสียงข้างในให้เบาที่สุดอีกมือก็ปิดจมูกเพราะไม่กล้ากดชักโครก ในห้องน้ำอีกห้อง ฟองดาวกำลังเกร็ง เพราะอาการท้องเสีย แต่กลัวตัวเองจะทำเสียงดัง
“อย่ามาออกคำสั่งกับฉัน เพราะฉันจะทำทุกอย่างที่ฉันต้องการ อะไรก็ตามที่ทำให้แกไม่มีความสุขฉันจะทำ” สายน้ำผึ้งเสียงแข็ง
ฟองดาวตาโตพูดเบาๆ
“เฮ้ย...นี่น้องผึ้งตัวจริงเหรอเนี้ย...”
สายน้ำผึ้งยังรุกต่อ
“อีกไม่นานหรอกกั้ง คุณพิศุทธิ์เขาต้องเป็นของฉัน เหมือนกับที่ภูเคยเป็นของฉันมาก่อน”
กะรัตง้างมือขึ้นมาจะตบ แต่พยายามข่มใจตัวเองให้มีสติอย่างที่สุด สายน้ำผึ้งท้าทาย
“ตบฉันเลยสิกั้ง ตบเลย คนอย่างเธอ สร้างภาพไปก็ไม่มีใครเชื่อ”
ทันใดนั้นเสียงคนกดชักโครกดัง สายน้ำผึ้งชะงักเพราะไม่ทันคิดว่ามีคนอยู่ในห้องน้ำ เธอหันไปมองประตูห้องน้ำ นวลเปิดประตูห้องน้ำมายืนข้างกะรัต สายน้ำผึ้งถอนใจ
“ขี้ข้าแกนี่เอง ฉันก็นึกว่า...”
เสียงคนกดชักโครกดังอีกห้อง สายน้ำผึ้งชะงักแล้วหันไปมองที่ประตูห้องน้ำ ฟองดาวเปิดประตูห้องน้ำมา
“พี่ฟองดาว” สายน้ำผึ้งชะงัก
ฟองดาวมองสายน้ำผึ้งด้วยสายตาผิดหวังไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นแบบนี้ ฟองดาวรีบออกไป สายน้ำผึ้งหน้าเสีย
“พี่ฟองดาวคะ”
นวลหัวเราะชอบใจ สายน้ำผึ้งเสียหน้ามากหันขวับมาทางกะรัตอย่างเอาเรื่อง กะรัตยิ้มแล้วส่ายหน้าปราม
“อ๊ะ...อ๊ะ...เธอว่าฉันไม่ได้นะ เพราะฉันไม่ได้ทำอะไร เธอทำตัวเธอเอง ก๋งฉันสอนไว้ว่า กรรมก็เหมือนต้นไม้ ปลูกอะไร ก็ได้อย่างนั้น...แกปลูกต้นดอกหน้าวัวไว้ แต่ไปหลอกคนอื่น ว่าเป็นดอกทานตะวันสุดท้ายคนอื่น ก็ต้องดูออกว่าแกมันแค่ดอกหน้าวัว”
กะรัตเดินผ่านสายน้ำผึ้งออกจากห้องน้ำด้วยมาดผู้ชนะ สายน้ำผึ้งทุบกระจกอย่างโกรธแค้น
สายน้ำผึ้งเดินหงุดหงิดโมโหมาจากทางห้องน้ำ แล้วมองไปเห็นยี่หวา ชายนี่สุมหัวเม้าท์เรื่องสายน้ำผึ้งที่โต๊ะทำงานฟองดาว สายน้ำผึ้งชะงัก ชายนี่เห็นจึงรีบสะกิดยี่หวาให้เลิกเม้าท์ ยี่หวาทำเป็นคุยเรื่องงานกับฟองดาว
“รายงานการประชุมเป็นอย่างที่หนูบอกนะคะพี่ฟองดาว” ยี่หวาหันไปหาชายนี่ “กลับไปทำงานต่อกันเถอะเจ๊”
ชายนี่หันไปทางสายน้ำผึ้ง
“น้องผึ้งได้ชิมขนมที่คุณกะรัตเอามาแจกรึยังจ๊ะ”
“ยังค่ะ” สายน้ำผึ้งพูดนิ่งๆ
ชายนี่ยื่นถุงขนมให้
“งั้นน้องผึ้งก็ควรจะชิม แล้วจะรู้สึกถึงความรักที่คุณพิศุทธิ์ มีให้กับคุณกะรัต ยิ่งตัวขนมนี่มันมีทั้งความเหนียวและแน่น เหมือนจะบอกให้รู้ว่าใครที่คิดจะมาแทรก มันทำยาก”
“เจ๊” ยี่หวาสะกิดปรามชายนี่
“ฉันขอเตือนหน่อยน่า เพราะรัก ถึงต้องเตือน ไม่อย่างนั้น...เจ๊ไม่แย”
ชายนี่เดินนำยี่หวากลับแผนกไป สายน้ำผึ้งพยายามเก็บปากสงบไว้ คิดว่าสถานการณ์แบบนี้ อย่าต่อความ จะดีที่สุด ฟองดาวพูดลอยๆ
“คนเราเนี้ย...รู้หน้าไม่รู้ใจจริงๆนะคะ แหม โลกนี้มันอยู่ยากขึ้นทุกวัน”
ฟองดาวถือแฟ้มงานเดินออกไปทางที่ถ่ายเอกสาร สายน้ำผึ้งเครียดที่ตัวเองเป็นฝ่ายเพลี้ยงพล้ำแต่เธอไม่ยอมแพ้ง่ายๆ พิศุทธิ์เดินออกจากห้องมา มองๆแล้วเดินไปด้านนอก สายน้ำผึ้งเห็นอาการเฉยชาของเขาแล้วยิ่งพลุ่งพล่าน รีบเดินตามไป
สายน้ำผึ้งเดินมาคุยกับพิศุทธิ์
“กั้งเขาเก่งนะคะ เขาพยายามหาทางล่อหลอกคุณให้กลับไปตายรังของเขาจนได้”
พิศุทธิ์ถอนใจ แล้วหันมาพูดอย่างจริงจัง
“สิบสองปีที่คุณคบกับกั้ง คุณเคยเห็นกั้งเป็นเพื่อนบ้างรึเปล่า”
สายน้ำผึ้งชะงัก
“เป็นสิคะ แต่กั้งต่างหาก ที่เคยเห็นฉันเป็นเพื่อนบ้างรึเปล่า”
ในใจสายน้ำผึ้งยิ่งเดือดเมื่อโดนเขาตอกใส่เพื่อปกป้องกะรัต
“คุณเป็นสามีกั้ง คุณก็ต้องเข้าข้างกั้ง คุณไม่รู้หรอกว่าฉันถูกทำร้ายมาแค่ไหน”
“ถ้าเรื่องคุณภูเบศร์ ผมไม่อาจออกความเห็นได้ว่าใครถูกหรือผิด แต่มันจบลงไปแล้ว ผมไม่ได้เข้าข้างกั้ง ผมแค่อยากให้คุณปล่อยวาง แล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่ เหมือนที่กั้งเขาทำ”
สายน้ำผึ้งปรี๊ดมากแต่ข่มอาการไว้ แล้วพูดนิ่งๆ
“กั้งเขาเก่งจริงๆที่ทำให้คุณเชื่อ จนคุณตายใจอย่างนี้ แต่ยังไงฉันก็ยังขอเตือนคุณให้เผื่อใจไว้บ้าง ถ้ากั้งไม่หวังผลเอาไว้มาก เขาคงไม่ลงทุนทำขนาดนี้”
สายน้ำผึ้งเดินแยกไป พิศุทธิ์ได้แต่ถอนใจระอาที่สายน้ำผึ้งไม่ยอมหยุดสักที
สายน้ำผึ้งเดินเข้ามาในห้องทำงานด้วยความโกรธ เดือดดาล หันไปเห็นถุงขนม ของกะรัตที่พนักงานทิ้งใส่ถังขยะ เธอตรงเข้าไปเตะถังขยะ จนถุงขนมตก เธอตรงเข้าไปกระทืบถุงขนมระบายความแค้น
“นังกั้ง อย่าหวังว่าจะได้อยู่อย่างสงบเลย”
พวงหยกเดินนำศรัทธา กุนตี ศิวาด้วยอาการเริงร่ามีความสุขมากเข้ามาในบ้าน
“คุณพวงหยกหาฤกษ์มาได้เลยนะครับ เรื่องการจัดงานแต่ง ทางผมจัดการให้หมดทุกอย่าง ขอแค่บอกมาว่าต้องการอะไร แต่งลูกสะใภ้ทั้งคน ผมทุ่มไม่อั้น” ศรัทธาบอกอย่างอารมณ์ดี
“กุ้งว่าเราน่าจะรอถามความเห็นของยัยก้อยก่อนดีกว่านะคะ” กุนตีขัดขึ้น
ศิวาชะงักเพราะในใจก็หวั่นว่ากันตาจะปฏิเสธ ถึงได้รีบรวบรัดโดยไม่รอกันตากลับจากงาน
“จะไปถามทำไม เรื่องแบบนี้ มันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ตกลงกัน ถ้าฉัน say yes ทุกอย่างก็ไม่มีปัญหา” พวงหยกโวยใส่กุนตีทันที
กุนตีปรามเบาๆ
“แต่เรื่องแต่งงาน มันต้องเป็นการยินยอมพร้อมใจของคนสองคนเป็นหลักนะคะแม่”
กันตาเดินเข้ามาเพิ่งกลับจากการเข้าเวร
“พี่กุ้งพูดถูก ก้อยยังไม่บอกสักคำว่าก้อยตกลง”
พวงหยกหันไปยิ้มแหยๆกับศรัทธา แล้วหันมาพูดปรามกันตา
“ยายก้อย”
กันตาไม่รอฟังพวงหยกพูด หันไปทางศิวา
“เรามีเรื่องต้องคุยกัน”
กันตาเดินนำออกไปทางสนามหญ้า ศิวาหน้าเครียดรีบเดินตามไป ศิวารีบพูดด้วยเสียงอ้อนวอนให้กันตาเห็นใจ
“คุณก้อย...”
กันตาพูดสวนใส่ทันที
“ดีนะที่ฉันกลับมาเอางานที่ลืมไว้ ไม่อย่างนั้นฉันคง ไม่รู้ว่าฉันกำลังจะโดนบังคับ ทำอะไรในสิ่งที่ฉันไม่เต็มใจ”
“ผมขอโทษ แต่ถ้าผมไม่ทำแบบนี้ ผมกลัวจะเสียคุณไป” ศิวาเสียงอ่อน
“ถ้าคุณดีพอ คุณจะเสียฉันไปได้ยังไง”
ศิวาพูดจากความรู้สึกจริงๆ
“ก็เพราะผมรู้ว่าสำหรับคุณ ผมยังดีไม่พอ ผมก็แค่เด็กใจแตก บ้านไม่อบอุ่น ก็ออกไปหาความสุขจากคนข้างนอก เพราะในชีวิตผม ผมไม่รู้ ว่าผมจะเป็นคนดีไปเพื่อใคร แต่วันนี้ผมรู้แล้ว...อดีตของผม อาจทำให้ ผมเป็นผู้ชายที่ไม่ดีพอสำหรับคุณ แต่ความรักของผม มันไม่น้อยไปกว่าใคร”
“คุณรักใครเป็นด้วยเหรอ”
ศิวามองกันตาอย่างจริงจัง
“คุณคือคนที่ผมไม่อยากวางสายโทรศัพท์ก่อน คุณคือคนที่ผมมาส่งบ้าน แล้วผมยังจอดรถรออยู่หน้าบ้าน ไม่อยาก ไปไหน คุณคือคนที่ผมอยากมาหา โดยที่คุณไม่ต้องร้องขอ คุณคือคนที่ ผมอยากนั่งมองหน้าทั้งวันทั้งคืน...อย่างนี้มันเรียกว่าความรักรึเปล่า”
กันตายืนชะงักตัวเย็นวาบ ในใจสั่นไหวกับการสารภาพความรู้สึกของเขา ศิวานั่งคุกเข่าลงตรงหน้า แล้วหยิบแหวน แล้วหยิบกล่องแหวนออกจากกระเป๋ากางเกงมาเปิดออก
“นี่เป็นแหวนของแม่ผม ท่านให้ผมไว้ก่อนท่านเสีย มันเป็นสิ่งมีค่าที่ผมใส่ไว้ตลอดเพื่อคิดถึงแม่ ผมขอใช้แหวนนี้ขอคุณแต่งงาน”
“คุณศิวา”
“ผมอยากให้คุณรู้ว่า คุณเป็นผู้หญิงที่สำคัญที่สุดในชีวิตผม”
ศิวาเอื้อมมือไปจับมือกันตามา เธอมองเขาด้วยความรู้สึกคาดไม่ถึงว่าจะทำ ขนาดนี้ ศิวาจะสวมแหวน กันตาดึงมือกลับ
“อย่าสวมเลยค่ะ”
ศิวาชะงัก มองด้วยแววตาผิดหวัง
“คุณปฏิเสธผม”
กันตามองนิ่งไปสักพัก ในใจแค่เงียบแกล้งศิวาให้ผิดหวังเล่นๆ แอบแก้แค้นนิสัยเจ้าชู้ สุดท้ายเธอก็ยิ้มออกมา
“เปล่า...ฉันจะบอกให้คุณเก็บแหวนวงนี้ไว้ใส่ให้ฉันในวันงานต่างหาก”
ศิวาลุกขึ้นมากอดกันตาอย่างดีใจ เธอดันตัวเขาออกห่าง
“แต่จำไว้นะ ฉันยังยืนยันคำเดิม ถ้าคุณจริงใจกับฉัน ฉันก็จริงใจกับคุณแต่ถ้ามีอะไรทำให้ฉันรู้ว่าฉันไม่ใช่คนสำคัญอย่างที่คุณพูด ทุกอย่างก็จบ”
“รับรองครับ ว่าคุณเป็นที่หนึ่งของผม” ศิวายิ้ม
สามีตีตรา ตอนที่ 8 (ต่อ)
มือถือศิวาดัง เขาหยิบมือถือมาดูเป็น ชื่อ”เจษฏา 2” นั่นคือสายน้ำผึ้งศิวารีบบอกกันตา
“เพื่อนผมน่ะครับ สงสัยจะโทรมานัดคุยเรื่องโครงการคอนโดที่ ผมจะทำกับมัน”
“คุณรับสายเถอะค่ะ ก้อยจะไปหยิบงาน”
“งั้นเดี๋ยวผมไปส่งคุณก้อยที่โรงพยาบาลนะครับ”
กันตายิ้มแล้วเดินไป ศิวากดรับสายด้วยเสียงไม่พอใจ
“โทรมาทำไม”
สายน้ำผึ้งคุยมือถือด้วยสีหน้าเครียดอยู่มุมหนึ่งในบริษัท
“คุณศิวา คุณอยู่ไหนคะ คืนนี้ผึ้งอยากดื่ม เราไปหาที่ดื่มกันนะคะแล้วหลังจากนั้นคุณจะไปที่ไหนผึ้งตามใจคุณทุกอย่าง”
ศิวาคุยมือถืออย่างหงุดหงิด กลัวกันตาจะมาได้ยิน
“นี่...อย่าทำอะไรไร้สาระนี้อีกนะ ผมไม่มีเวลามาเล่นกับคุณตอนนี้ ผมอยู่บ้านคุณก้อย ป๊ามาสู่ขอคุณก้อยแล้ว ตอนนี้ผมต้องทำหน้าที่ว่าที่สามีที่ดีก่อน...วันหลังไม่ต้องโทรมานะ ผู้หญิงของผมทุกคนต้องเป็นฝ่ายรอ ผมโทรไปไม่ใช่อยากโทรมาก็โทรแบบนี้” ศิวากดวางสายทันที
สายน้ำผึ้งกำมือถือแน่น โกรธแค้นไม่ยอมให้กะรัตกับกันตาได้สุข ในขณะที่ตัวเองเป็นทุกข์
“ฉันจะไม่ยอมให้เป็นแบบนี้”
ค่ำนั้น กะรัตยกมือไหว้ขอบคุณเนื้อแพร
“กั้งต้องขอบคุณคุณมากนะค่ะ ที่ดึงกั้งขึ้นมาจากความมืด นี้ถ้าไม่ได้คุณนะค่ะ กั้งคงตรอมใจตายไปกับนวลสองคนแน่”
“ไม่เป็นไรหรอก ที่ฉันทำ ก็เพราะฉันอยากให้เธอกับลูกฉันมีความสุขยังไงฉันก็รับเธอมาเป็นลูกสะใภ้ ก็เหมือนเป็นลูกสาวของฉันอีกคน เธอทำได้ดีแล้ว”
“แต่ไม่รู้จะดีได้นานเท่าไร” พิศุทธิ์แกล้งแซว
กะรัตค้อนพิศุทธิ์
“คอยดูแล้วกัน NEW กั้ง จะทำให้คุณอึ้ง ทึ่ง เสียว”
เนื้อแพรเห็นพิศุทธิ์กับกะรัตกลับมามีความสุขกันได้ ก็ดีใจ
“แล้วพรุ่งนี้จะไปบ้านริมทะเลกันเหรอ อุตส่าห์ลางานไปเที่ยวทั้งที น่าจะไปไกลกว่านั้น”
“ไปที่นั่นแหละค่ะดีแล้ว” กะรัตมองตาพิศุทธิ์ “เพราะที่นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของความรักเรา เราอยากไปเติมเต็มความรักต่อที่นั่น”
เนื้อแพรจับมือพิศุทธิ์กับกะรัตมาวางซ้อนกัน
“งั้นก็ไปตักตวงความสุขให้เต็มที่ พายุลูกใหญ่มันทำให้บ้านของลูกสองคนตรงไหนชำรุด ก็ไปต่อเติม มันให้เต็ม เพื่อตั้งรับพายุลูกต่อไป”
กะรัตกับพิศุทธิ์ยกมือไหว้ขอบคุณเนื้อแพร
เช้าวันใหม่...กันตากับกุนตีนั่งกินอาหารเช้าอยู่ที่โต๊ะโดยมีเด็กรับใช้คอยดูแล
“ชีวิตพี่กั้งนี่ จริงๆแล้วก็มีสีสันดีนะคะ เมื่อวานยังเครียด โลกเป็นสีดำมาวันนี้ไปฮันนีมูนโลกเป็นสีชมพูแล้ว ดี...ไม่น่าเบื่อ”
“ดีอะไร กว่าจะสุขได้ ก็ต้องมานั่งทุกข์แทบตาย” กุนตีแย้ง
“เอ้า...ก็อย่างที่เขาบอกไงคะ ถ้าไม่ทุกข์ จะรู้รสความสุขได้อย่างไร”
มือถือกันตาดังขึ้น เธอตามองเบอร์ที่โทรมาเป็นเบอร์แปลกๆ กันตากดรับอย่างสงสัย
“ฮัลโหล...กันตาพูดค่ะ ใครคะ”
สายน้ำผึ้งโทรศัพท์สาธารณะที่ตู้ริมถนน
“รู้ไหมว่าผู้ชายที่หล่อนจะแต่งงานด้วย เขาเป็นของฉัน”
กันตาคุยมือถืออย่างแปลกใจ
“คุณว่าไงนะ”
กุนตีมองกันตารู้สึกมีสิ่งผิดปกติแน่ๆ
“คุณศิวา เขาเป็นของฉัน ได้ยินชัดเจนพอมั้ย ถ้ายังไม่ชัด จะให้ฉันลงข่าวหน้าหนึ่งมั้ยว่าคนสวยมีรสนิยมอย่างคุณกันตาชอบแย่งผัวชาวบ้าน”
“ทำไมฉันต้องเชื่อในสิ่งที่คุณพูดทั้งๆที่ฉันไม่รู้จักคุณ นี่มันชีวิตจริงนะคะ ไม่ใช่ละครน้ำเน่า ฉันไม่ใช่นางเอกเจ้าน้ำตาที่แค่มีโทรศัพท์ปริศนาของผู้หญิงโรคจิตมาขู่แล้วฉันจะกลัว ทำแบบนี้เสียเวลาคุณเปล่าๆ”
“ปากดีอย่างนี้ให้ตลอดนะคะ ไม่ใช่ทำปากเก่งตรงนี้ แต่ลับหลังน้ำตาร่วงเผาะ”
“แค่นี้ใช่ไหม”
“ฉันขอเตือนนะว่าอย่ายุ่งกับคุณศิวาอีก ไม่อย่างนั้น...หน้าสวยๆของคุณ ต้องมีอันเป็นไปแน่”
สายน้ำผึ้งวางสายแล้วยิ้มสะใจ
“ขอโทษด้วยนะคุณศิวา เพื่อรักษาความฝันของฉันไว้ ความฝันคุณต้องพัง”
กุนตีสงสัย
“เกิดอะไรขึ้น”
“ผู้หญิงของคุณศิวาน่ะค่ะ”
กุนตีชะงัก
“อะไรกัน ยังไม่ทันเข้าพิธีอะไรเลย ก็มีหางโผล่มาแล้ว พี่ว่าก้อยน่าจะเคลียร์กับคุณศิวาให้รู้เรื่อง”
กันตานิ่งเงียบไม่ตอบว่าคิดจะทำอะไร
กะรัตกับพิศุทธิ์เดินกอดกันเลียบชายหาดอย่างมีความสุข
“กั้งอยากหยุดเวลานี้ไว้จัง ไม่อยากกลับกรุงเทพ ไม่อยากไปเจอใครอยากมีแค่เราสองคน กั้งรักคุณที่สุดเลย รักจนอยากตะโกนให้ทุกคนรู้ว่ากั้งรักคุณมาก” กะรัตหันไปตะโกนบอกฟ้า “สวรรค์ได้ยิน ไหม ว่ากั้งรักคุณพิศุทธิ์ที่สุด ในชีวิตนี้กั้งจะไม่รักใครอีกแล้ว ได้ยินไหม ถ้าได้ยิน...ส่งสัญญาณมาหน่อยสิค๊า”
ทันใดนั้นลูกบอลพุ่งมาโดนหัวกะรัต
“โอ้ย”
พิศุทธิ์เข้ามาประคองแล้วขำ
“สวรรค์ส่งสัญญาณมาแล้วล่ะ”
กะรัตเซ็ง
“ยังจะมาพูดเล่นอีก กั้งเจ็บนะ...ใครเตะมาเนี่ย”
กะรัตมองหา ธัญญะกับสีมุกเดินจูงน้องเกอด้าเข้ามาขอโทษกะรัต
“ขอโทษครับ ผมเตะเล่นกับลูกเองน่ะครับ”ธัญญะเห็นพิศุทธิ์แล้วชะงัก “เฮ้ย พิศุทธิ์”
พิศุทธิ์มอง
“อ้าว ธัญ...”
กะรัตมองพิศุทธิ์กับธัญญะงงๆ
กะรัต พิศุทธิ์ ธัญญะ และสีมุกนั่งคุยกันอยู่ หน้าบ้านพักริมทะเล นวลนั่งเล่นทรายกับน้องเกอด้า
“ธัญกับสีมุกเป็นเพื่อนผมตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย พอเรียนจบ ธัญก็ไปทำงานต่อที่เมืองนอก...” พิศุทธิ์เล่าให้กะรัตฟัง แล้วหันไปถามธัญญะ
“กลับมา เยี่ยมบ้านเหรอ...”
พิสุทธิ์หันมาบอกกะรัต
“บ้านธัญญะอยู่ที่นี่น่ะครับ”
ธัญญะพยักหน้า
“ใช่ พอดีแม่เข้าโรงพยาบาล เลยกลับมาดู”
“จริงเหรอ เป็นอะไรมากรึเปล่า”
“ไม่เป็นอะไรมาก โรคคนแก่ พอดีพี่สาวเราไม่อยู่ เราต้องไปเฝ้าแม่แทน เลยพาลูกมาฝากป้าแถวนี้ไม่อยากเอาไปด้วย กลัวเชื้อโรค” ธัญญะมองกะรัตยิ้มๆ “เมื่อวานเจอกิตติบอกว่านายแต่งงาน มันบอกว่าเจ้าสาวนายสวยมาก สวยจริงๆด้วย”
“ฉันนั่งอยู่ตรงนี้นะคะ” สีมุกกระแอมแหย่ๆ
“นี่คุณ แซวแบบนี้ คุณกะรัตจะหาว่าผมเจ้าชู้นะ” ธัญญธขำๆ
“หรือมันไม่จริง” สีมุกค้อน
“พูดไป เดี๋ยวก็ชวนทะเลาะ” ธัญญะหันไปชวนพิศุทธิ์ “ไปหาอะไรดื่มกันดีกว่า”
ธัญญะกับพิศุทธิ์ลุกไปเทเครื่องดื่มที่โต๊ะข้างๆ และพิศุทธิ์เข้าไปเล่นกับเกอด้าดูเขามีความสุขอบอุ่น กะรัตหันไปมองพิศุทธิเล่นกับเด็ก สีมุกมองตาม
“ท่าทางคุณพิศุทธิ์จะรักเด็กนะคะ คุณกั้งน่าจะมีสักคนนะคะ มุกว่าคุณพิศุทธิ์ต้องหลงลูกจนลืมโลกแน่ๆเลยค่ะ”
“การมีลูก ทำให้ผู้ชายเปลี่ยนไปได้ขนาดนั้นเลยเหรอคะ” กะรัตถามอย่างแปลกใจ
สีมุกยิ้มๆ
“ผู้ชายจะภูมิใจที่เขาได้เป็นพ่อคนค่ะ มุกคอนเฟิร์มว่าลูกนี่แหละคือโซ่ทองคล้องใจขนานแท้ มันเป็นความรู้สึกของคนที่ได้เป็นพ่อแม่เท่านั้นที่รู้ว่ามันมีความสุขแค่ไหน”
กะรัตหันไปมองพิศุทธิ์ที่กำลังเล่นทรายกับน้องเกอด้าอยู่ เกิดความคิดขึ้นมาว่า...หรือการมีลูกจะช่วยทำให้ชีวิตคู่มั่นคงขึ้น
เย็นนั้น กะรัตนั่งมองพิศุทธิ์เล่นเตะบอลกับน้องเกอด้าอยู่ริมหาด พิศุทธิ์ให้น้องเกอด้าเตะบอล แล้วแกล้งกระโดดรับบอลอย่างสนุกสนาน จากนั้นก็พากันไปเล่นน้ำ ก่อนที่พิศุทธิ์จะให้น้องเกอด้าขี่คอเดินกลับบ้าน กะรัตเดินข้างๆ มองเงาที่ทอดลงที่พื้นทราย เห็นเงาเหมือนสามคน พ่อ แม่ ลูกอยู่ร่วมกัน เธอรู้สึกความสุขที่มันเต็มอิ่ม สมบูรณ์อย่างไม่เคยรู้สึกมาก่อน
ค่ำนั้น พิศุทธิ์กับกะรัตปูผ้านอนกอดกันมองดูดาวกันอย่างโรแมนติก
“เมื่อกี้คุณพูดว่าอะไรนะ” พิศุทธิ์แปลกใจ
“แหม...ตกใจทำไมคะ กั้งแค่บอกว่ากั้งอยากมีลูกเท่านั้นเอง”
“คุณเนี่ยนะ อยากมีลูก”
“ทำไมคะ ผู้หญิงทุกคนก็ต้องอยากมีลูก กั้งก็อยากมี ไม่เห็นจะแปลกตรงไหน”
“มันไม่แปลกหรอก แต่ผมแค่คิดว่า...”
“คิดว่าอะไรคะ”
“คิดว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะมีลูก เพราะมันไม่ใช่แค่คลอดเขาออกมา แต่มันหมายถึงเราต้องพร้อมที่จะเลี้ยงเขาทั้งชีวิต มันยากมากโดยเฉพาะกับคุณ”
“คุณรู้ได้ยังไงว่ามันยากสำหรับกั้ง กั้งยังไม่เคยมีลูกสักหน่อย”
“ก็เพราะคุณไม่รักเด็กไง แถมคุณเองก็มีความอดทนต่ำ ผมบอกตรงๆว่าคุณยังไม่พร้อมที่จะรับมือกับเด็กไหว อย่าเพิ่งคิดเรื่องเลยนะ”
พิศุทธิ์นอนกอดกะรัตต่อ เพราะเข้าใจว่าพูดแบบนี้แล้วเธอจะเข้าใจ แต่กะรัตกลับคิดบางอย่าง
ในร้านอาหาร...ศิวายื่นกระเป๋าแบรนด์เนมมาตรงหน้ากันตา เธอเงยหน้ามองเขา สายตามีคำถาม ศิวายิ้มภูมิใจ
“ของขวัญสำหรับว่าที่เจ้าสาวของผม”
แต่กันตากลับไม่มีอาการชื่นชมใดๆ
“ทำไมต้องให้ของแพงขนาดนี้ด้วย หรือใช้เงินเลี้ยงสาวๆจนชิน เลยคิดว่าวิธีนี่จะทำให้ฉันปลื้ม...คิดผิดนะคะ ของแพงพวกนี้ใช้กับฉันไม่ได้”
“ทำไมวันนี้คุณดูเข้มจัง” ศิวาสะอึก
กันตามองศิวานิ่งๆ
“ฉันก็แค่อยากให้คุณรู้จักตัวตนของฉัน คุณล่ะมีอะไรที่ซ่อนไว้ที่ฉันยังไม่รู้อีกมั้ย”
ศิวาเข้าใจความหมายของกันตาแล้ว
“โอเค้...พูดกันแบบเปิดๆ ผมไม่ปฏิเสธว่าผมเคยมีสาวๆในสต็อค แต่นั่นมันก่อนที่ผมจะเจอคุณ แล้วตอนนี้ผมก็กำลังพยายามเคลียร์ตัวเองอยู่”
กันตานิ่งไม่นึกว่าเขาจะยอมรับ ศิวาสังเกตอาการของเธอก็กลัวว่าจะโกรธ
“คุณโกรธผมเหรอ”
“คุณศิวา ฉันไม่เอาเรื่องแค่นั้นมาบั่นทอนจิตใจตัวเองหรอกนะ ในเมื่อคุณเปิดมา ฉันก็จะไม่ปิด ถ้าคุณกำลังแก้ไขตามที่คุณบอกฉันมันก็โอเค แต่ถ้าไม่...ฉันก็แค่เดินจากไปก็แค่นั้น”
ศิวารีบกุมมือกันตา
“คุณก้อยครับ ผมสัญญาว่าตั้งแต่นี้ไปคุณจะเป็นผู้หญิงคนเดียวในชีวิตของผม” แววตาศิวาจริงจัง
“ไม่ต้องสัญญาหรอกค่ะ แค่คุณพูดความจริงกับฉันก็พอ”
ศิวารู้สึกตัวว่ารักกันตามากขึ้นเรื่อยๆ
สายน้ำผึ้งนั่งรอศิวาโดยคาดหวังว่าเขาต้องหงุดหงิดทะเลาะกับกันตา มาแน่ๆ ศิวาเปิดประตูห้องเข้ามาด้วยอารมณ์ดี สายน้ำผึ้งมองอาการว่ามีความร้อนใจเรื่องกันตาบ้างไหม
“หิวไหมคะ เดี๋ยวฉันสั่งอาหารให้”
“ไม่ล่ะ ผมไปทานมากับคุณก้อยแล้ว”
สายน้ำผึ้งชะงัก
“เชื่อไหม...ผมทานไม่ถึง 3 คำ แต่รู้สึกอิ่มเป็นบ้า ที่เขาบอกว่า อดข้าวดอกนะเจ้าชีวาวาย ไม่ตายดอกเพราะอดเสน่หา แต่สำหรับผม ถ้าอดชมเสน่ห์ คุณก้อย ผมคงตาย”
สายน้ำผึ้งมองอาการศิวาที่ดูอารมณ์ดีอย่างแปลกใจ
“คุณไปทานอาหารกับคุณหมอสุดสวยมาเหรอคะ”
“ใช่”
“แล้วคุณกับคุณก้อยคุยกันดีใช่ไหม”
ศิวามองสายน้ำผึ้งอย่างสงสัย
“คุณหมายความว่ายังไง”
สายน้ำผึ้งรีบแถ
“หมายถึงคุณก้อยไม่โกรธเรื่องลิปสติกที่ตกในรถคุณแล้ว ใช่ไหมคะ”
“นี่แหละ เป็นข้อดีของคุณก้อย เขารู้ว่าตัวเองมีค่า เขาฉลาดพอที่จะไม่ลดค่าตัวเองมาคิดจุกจิกกับเรื่องไม่เป็นเรื่องอย่างนี้หรอก คุณพูดเรื่องนี้ก็ดีแล้ว ต่อไปนี้ผมจะไม่ไปรับ ไปส่งคุณอีกแล้วนะ ผมไม่อยากเสี่ยงให้ คุณก้อยเห็น ถ้าผมอยากเจอคุณ จะโทรให้คุณนั่งแท็กซี่มาหา”
ศิวาเดินไปหาเครื่องดื่ม สายน้ำผึ้งรู้สึกเจ็บที่กันตาเป็นสาเหตุทำให้ศิวาลดค่าตัวเองเหมือนผู้หญิงเช่าค้างคืน เธอไม่ยอมให้ตัวเองด้อยค่าไปกว่านี้พึมพำเบาๆ
“ที่มันยังโวย เพราะมันยังไม่เจอของจริงน่ะสิ”
เช้าวันใหม่...นวลมองกะรัตที่พาน้องเกอด้าเข้าบ้านอย่างตกใจ
“คุณกั้งพาน้องเกอด้ามาทำไมคะ”
“ก็เอามาเลี้ยงน่ะสิ พ่อแม่เขาไปเฝ้าย่า ป้าเขาก็มีงาน ฉันเลยพามาเลี้ยงซะเอง”
นวลตกใจมาก เอามือแตะที่หน้าผากกะรัต
“อุ๊ตะ คุณกั้งก็ตัวไม่ร้อน ทำไมถึงเพี้ยน...”
“นวล...แค่เลี้ยงเด็ก ทำไมต้องโวยวายอะไรนักหนานะนวล”
“ก็ตรงที่คุณกั้งเกลียดเด็กน่ะสิคะ เวลาคุณกั้งเจอเด็ก อย่างกับเจอหมาเน่า แค่เด็กเดินผ่าน คุณกั้งก็แทบเอาทุเรียนปาไล่เด็กแล้ว”
“เว่อร์ ฉันไม่ได้เกลียดเด็ก แค่รำคาญเฉยๆย่ะ แต่ตอนนี้ฉันเปลี่ยนไปแล้ว ฉันจะทำให้คุณพิศุทธิ์เห็นว่าฉันรักเด็ก ฉันพร้อมจะมีลูก”
กะรัตจูงน้องเกอด้าผ่านหน้าพิศุทธิ์กับนวล เพื่อพาไปเล่นว่าวริมทะเล กะรัตตั้งใจทำให้พิศุทธิ์กับนวลเห็นว่ารักเด็ก พิศุทธิ์มองออกว่ากะรัตต้องการให้เขาเห็นว่าเธอรักเด็กได้...กะรัตเป็นคนวิ่งชักเชือกให้ว่าวขึ้น โดยให้น้องเกอด้าปล่อยว่าว กะรัตวิ่งชักเชือกว่าว 5- 6 รอบ แต่ว่าวไม่ขึ้นสักที เธอล้มตัวลงนั่ง น้องเกอด้าถือว่าวเครื่องบินโฟมมาร่อนลงโดนหัวกะรัตดัง โป๊ก กะรัตชะงัก พยายามยิ้มโชว์ว่า รักเด็ก
กะรัตจูงน้องเกอด้าผ่านหน้าพิศุทธิ์กับนวลเพื่อพากันไปเตะบอลริมหาด กะรัตเป็นฝ่ายรับ ให้น้องเกอด้าเตะ เธอขยิบตาให้พิศุทธิ์ดูว่าเข้ากับเด็กได้...กะรัตโดนน้องเกอด้าเตะบอลอัดใส่ท้อง ใส่หน้า ใส่หัวล้มหน้าคมำทราย เธอแทบกรี๊ด แต่ลุกขึ้นมาฉีกยิ้มว่าฉันรักเด็ก
กะรัตจูงน้องเกอด้าผ่านหน้าพิศุทธิ์กับนวลเพื่อพาลงไปเล่นน้ำทะเล เธอจูงน้องเกอด้าลงน้ำ น้องเกอด้าเห็นคลื่นมา รีบดึงมือออก แล้วผลักก้นเธอล้มหัวทิ่มลงน้ำทะเลตัวเปียกพิศุทธิ์หัวเราะ
พิศุทธิ์กับนวลช่วยกันเตรียมอาหารเย็น พิศุทธิ์มองหากะรัต
“กั้งพาน้องเกอด้าไปไหนเนี่ย”
“เห็นบอกจะพาไปนั่งชิงช้าตรงโน้นกันน่ะค่ะ” นวลนึกถึงความพยายามของกะรัตแล้วก็อดชื่นชมไม่ได้ “ท่าทางคุณกั้งจะกลายเป็นคนรักเด็กไปซะ แล้วนะคะ”
“เธอเชื่ออย่างนั้นจริงๆเหรอ”
“อย่างน้อยวันนี้คุณกั้งก็อยู่กับเด็กได้เกิน 5 นาทีล่ะค่ะ” นวลแอบเหลือบมองพิศุทธิ์ “ความจริงคุณพิศุทธิ์กับคุณกั้งน่าจะมีลูกนะคะ คุณกั้งน่ะไม่ใช่คน จิตใจหยาบกระด้าง เพียงแต่ถูกเลี้ยงมาในครอบครัวที่ไม่ค่อยอบอุ่น เท่าไรนัก การมีครอบครัวที่สมบูรณ์คือความฝันของคุณกั้ง ถ้ามีลูก...คง จะเติมเต็มหัวใจของคำว่าครอบครัวจะได้อย่างสมบูรณ์ จริงไหมคะ”
พิศุทธิ์นิ่งคิดบางอย่าง
พิศุทธิ์เดินมาที่เปล่ชิงช้าที่ผูกไว้กับต้นไม้ริมหาด กะรัตกับน้องเกอด้าหลับอยู่ในเปล เขายืนมองอย่างรู้ว่าเธอใช้ความพยายามให้เขาเห็นว่า พร้อมมีลูก แต่ตัวเขาเองต่างหากที่ยังไม่พร้อม เพราะปัญหามากมายยังไม่จบสิ้น พิศุทธิ์จะหันหลังเดินกลับ แต่อดหันมามองภาพกะรัตกับน้องเกอด้าแล้วอดเอ็นดูไม่ได้ เขาจึงค่อยๆลงเปล่แล้วนอนข้างเอื้อมมือกอดเอวกะรัตและน้องเกอด้า เป็นภาพพ่อแม่ลูกที่นอนกอดกัน กะรัตลืมตาขึ้นมามองพิศุทธิ์กอดตัวเอง แล้วยิ้มอย่างมีความสุขว่านี่คือคำว่าครอบครัวที่ ตัวเองโหยหา
ค่ำนั้น ในห้องน้ำบ้านพักริมหาด...กะรัตยืนมองตัวเองอยู่ตรงหน้ากระจกแล้วคิดถึงความอบอุ่นที่นอนในอ้อมกอดของพิศุทธิ์และน้องเกอด้า มันเป็นการเติมเต็มหัวใจที่เธอเฝ้ารอคอยมาตลอด กะรัตหยิบแผงยาคุมในกระเป๋าออกมามอง แล้วตัดสินใจแกะยาในแผงทิ้งลงโถส้วม แล้วกด ชักโครกมองหน้าตัวเองในกระจกแล้วยิ้มให้กับความสุขที่รออยู่ข้างหน้า
พิศุทธิ์นั่งอ่านหนังสืออยู่ที่เตียง กะรัตเปิดประตูห้องน้ำออกมาในชุดคล้ายบาเทนเดอร์แบบเซ็กซี่
“คืนนี้เราดื่มอะไรก่อนนอนกันนะคะ”
พิศุทธิ์เงยหน้าเห็นกะรัตแต่งตัวแล้วชะงัก
“ผมไม่อยากดื่ม”
“อย่าเพิ่งปฏิเสธสิคะ เครื่องดื่มของกั้งเป็นสูตรเฉพาะ คุณคิดสูตรขนมให้กั้งได้ กั้งก็คิดสูตรเครื่องดื่มให้คุณเหมือนกัน มันชื่อว่า...คึกไม่รู้ล้ม”
พิศุทธิ์ถึงกับสำลักน้ำลาย ไอออกมา กะรัตหัวเราะ
“คิดอะไรน่ะ กั้งหมายถึงดื่มแล้วเราเต้นกันคึกคักทั้งคืน”
พิศุทธิ์รีบพูดด้วยใบหน้าเขิน
“ผมก็คิดอย่างนั้นแหละ”
กะรัตเดินไปที่เคาเตอร์เครื่องดื่มแล้วจัดการผสมเครื่องดื่มแล้วเขย่าด้วยท่าทางยั่วยวนเซ็กซี่ พิศุทธิ์มองอึ้งๆ แล้วเก็บอาการก้มลงอ่านหนังสือต่อ กะรัตเดินไปเขย่ายั่วยวนตรงหน้า พิศุทธิ์หันไปอ่านหนังสือทางขวา กะรัตเดินตามไปเขย่ายั่วนวยทางขวา พิศุทธิ์หันไปอ่าน หนังสือทางซ้าย กะรัตเดินไปเขย่าทางซ้าย พิศุทธิ์ทนไม่ไหว
“ถ้าคุณยังไม่เลิกเขย่า ผมจะ...”
กะรัตยื่นหน้าเข้าไปถามใกล้ๆ
“คุณจะทำไมคะ”
พิศุทธิ์วางหนังสือลงทันที แล้วอุ้มกะรัตไปปิดไฟพรึ่บ
วันใหม่...สายน้ำผึ้งนั่งทำงานอยู่แล้วมองไปทางห้องทำงานพิศุทธิ์ ฟองดาวเดินเข้ามายื่นแฟ้มงานให้พูดกับสายน้ำผึ้งอย่างหมางเมิน
“นี่เป็นรายละเอียดของมิสเตอร์โฮลล์ ลูกค้ารายใหม่ของเรา คุณพิศุทธิ์ฝากให้คุณดูแลแทนระหว่างที่เขาไม่อยู่”
“คุณพิศุทธิ์ไปไหน”
ชายนี่แทรกขึ้น
“ลาไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์กับเมีย”
“แหม สงสัยจะหวานจนน้ำตาลเรียกพี่” ยี่หวาเสริม
ฟองดาวมองสายน้ำผึ้ง
“หวังว่าน้องผึ้งจะทำงานอย่างเต็มที่ ไม่ใช่มัวแต่เอาเวลาไปคิดเรื่องพรากผัวพรากเมียใครเขานะคะ”
ฟองดาวพูดแล้วสะบัดก้นออกไป สายน้ำผึ้งชักสีหน้าใส่ ชายนี่สะใจ
“เจ้ฟอง...แรงส์”
ยี่หวายิ้มเยาะ
“มันใช่อ่ะ”
ยี่หวากับชายนี่ตีมือกัน give me five สะใจที่สายน้ำผึ้งโดนแดกดัน สายน้ำผึ้งไม่พอใจแต่เวลานี้ยังทำอะไรไม่ได้ ช่วงชีวิตตกต่ำ หันไปทางไหนก็ไม่มีใครสนใจอยากคบ
จบตอนที่ 8