คือหัตถาครองพิภพ ตอนที่ 23
ในห้องโถงบ้านไร่ชา...แพรวพรรณรายยังหมดสติ พอลเช็ดหน้าเช็ดตาให้ อลิซาเบธยืนตาขวาง
“พอลโกหกอลิซาเบธทำไม”
“บอกแล้วว่าไม่ได้โกหก”
“แล้วยัยนี่มาได้อย่างไร”
แพรวพรรณรายลืมตาเสียงแหวใส่ ลุกมานั่งทันที
“ทำไมฉันจะมาไม่ได้ในเมื่อฉันคือลูกของพี่ชาย เลดี้ รอนดอน พ่อฉันตายแล้วฉันจะมาดูแลไร่ที่นี่แทนคุณป๋า ฉันต้องการพบลูกจ้างที่ชื่อพอลเขาอยู่ที่ไหน ไปตามมาเดี๋ยวนี้”
พอลสะอึก ไม่พอใจแพรวพรรณรายมาก
“ผมเอง ผมคือพอลลูกจ้างของคุณ คุณมาแล้วนี่...ผมขอลาออก และจะไปจากที่นี่ทันที”
พอลรำพึงในใจ
“ยัยนี่อวดดีมาก”
พอลสีหน้าสู้ตายใส่ แพรวพรรณรายเองถึงสะอึก อุทานในใจ
“นี่หรือพอล นี่หรือพอล มันสู้เรา ไม่ได้ ยอมไม่ได้”
“ยังไปไม่ได้จนกว่านายจะมอบงานที่คั่งค้างให้ฉันก่อน”
“เอ๊ะ” อลิซาเบธไม่พอใจ
“Please ได้โปรด”
แพรวพรรณรายครุ่นคิดในใจ
“ต้องใช้ไม้อ่อนกำราบนายนี่ แฟนมันก็ดูนิสัยไม่ดีเอาเสียเลย”
แพรวพรรณรายยิ้มหวานให้พอล
“ฉันมั่นใจว่าคุณคงมีความรับผิดชอบพอที่จะสอนงานที่ยังไม่เสร็จ และสอนให้ฉันเรียนรู้งานก่อน ขอขอบคุณล่วงหน้าในความเป็นสุภาพบุรุษของคุณ”
แพรวปรายตามองอลิซาเบธพลางยื่นมือให้พอลจับ อลิซาเบธรีบห้าม
“ไม่นะพอล”
แต่พอลก็โน้มตัวลงไปยื่นมือไปจับมือแพรวพรรณราย แล้วแพรวพรรณรายยืนแก้มให้เขาหอมตามธรรมเนียม อลิซาเบธไม่พอใจ
“OH NO”
“YES ถึงแม่ฉันจะเป็นคนไทย แต่คุณป๋าสอนให้พวกเราเป็นฝรั่งมาตั้งแต่เกิด” แพรวพรรณรายบอก
พอลหอมแก้มแพรวพรรณราย แล้วยืนแก้มให้เธอหอมบ้าง
“ยินดีที่ได้รู้จัก”
“เช่นกันค่ะ”
อลิซาเบธหันกลับออกไปทันที
“เพื่อนสาวของคุณไม่พอใจ”
“เพื่อนบ้านต่างหาก ไม่ใช่เพื่อนสาว”
แพรวพรรณรายยิ้ม รำพึงในใจ
“ดีจังเลย”
เก้าเดือนต่อมา...ศีลอุ้มลูกสาวในอ้อมกอดแบบแสนรักแสนถนอม เมขลานั่งหน้านิ่งเฉยไม่ใยดี
“เมจ้ะ เรามาตั้งชื่อลูกสาวกันเถิดจ้ะ”
“อยากตั้งชื่อมัน ว่าอะไรก็ตั้งไปเถิดน่า”
“โธ่ เม นี่ลูกของเรานะเม”
“เมไม่มีเวลาคิดเรื่องเล็กน้อยเรื่องน้อยมาตั้งชื่อเด็ก เรียกว่าหนูก็แล้วกัน หนูๆ”
“เม...เมไม่มีเวลาคิดเรื่องลูกแล้วเมคิดเรื่องอะไรกันอีก”
“ไปเรียนต่อทำปริญญาโท”
“เม นี่เมยังจะ...” ศีลอึ้งไป
“ใช่ค่ะ เมยังจะไปเรียนต่อให้ได้ ใครก็อย่ามาห้าม ถ้าได้ทุนต่อไปอีกก็จะทำ doctor”
“แล้วน้องหนู”
“คุณก็เลี้ยงไปสิคะ”
“เมใจร้ายอีกแล้วนะ”
“แล้วคุณเล่าคะ ใจดีกับเมไหม ทำไมกล้าขอหย่ากับเม”
“ถ้าเมไม่ต้องการเลี้ยงลูก ดันทุรังจะไปเรียนต่อให้ได้ เราต้องหย่ากัน”
เมขลาอึ้งไปรำพึงในใจ
“หย่ากับฉันไปหานังพราวพิลาส”
“ได้สิคะ แต่คุณต้องรอให้เมกลับมาก่อน เมไม่อยากให้ลูกของเมมีแม่เลี้ยง”
“ตกลง หวังว่าเมคงไม่ผิดสัญญา ผมจะเลี้ยงลูกหนูให้ดีที่สุด และรอเมกลับมาหย่ากับผม”
ศีลอุ้มลูกน้ำตาคลอ
พราวพิลาสเดินเล่นอยู่หน้าบ้าน ศีลอุ้มน้องหนูเดินมาพอดี
“คุณศีล...นั่น...”
“น้องหนูครับ แกชื่อน้องหนู”
“มาพบนายแม่หรือคะ”
“ครับ ผมมาพบท่านเพื่อรายงานผลงาน และรายละเอียดของห้างประจำเดือนครับ”
พราวพิลาสมองศีลแปลกใจว่าทำไมอุ้มลูกมาด้วย
“แม่เขาไปเรียนต่อเมืองนอกครับ ผมเลยต้องเลี้ยงแกเอง นี่กำลังหาพยาบาลมาช่วยดูแลแกอยู่ครับ”
พราวพิลาสสะอึกกับการไปนอกของเมขลา มองเด็กให้สงสารมากยื่นมือไปขออุ้ม
“ให้พราวอุ้มนะคะ”
“ขอบคุณมากครับ”
พราวพิลาสยื่นมือไป ศีลส่งลูกให้
เดือนกับดาอยู่ที่เรือนของตน แปลกใจมากที่เห็นพราวพิลาสอุ้มเด็กมาหา
“ไฮ้ คุณพราวขา ไปเอาลูกใครมาอุ้มคะนั่น” เดือนถามอย่างสงสัย
“หน้าตาน่าเอ็นดูแท้ๆ โอ๋โอ๋ หนูชื่ออะไรคะ”
“น้องหนูค่ะ” พราวพิลาสยิ้ม
“น้องหนูลูกใครเอ่ย” เดือนมองเด็กอย่างเอ็นดู
“ลูกสาวคุณศีลค่ะ”
“ลูกสาวคุณศีล” เดือนกับดาวตกใจ
“คุณพราวเอาลูกงูเห่ามาอุ้มชู” ดาเริ่มตาขวาง
“แหมพี่ดาจ๋า ครึ่งหนึ่งของแกน่ะลูกคุณศีลนะจ้ะ” เดือนขัดขึ้น
“นั่นแหละ มีเลือดงูเห่าตั้งครึ่งหนึ่ง เด็กมากับใครคะ”
“คุณศีลค่ะ”
“แล้ว เออ...แม่แกไปไหนคะ” เดือนแปลกใจ
“ไปเรียนต่อเมืองนอกแล้วค่ะ”
“ไฮ้” สองคนตะลึง
พราวพิลาสยิ้มประจบสองคนพี่น้อง
“เด็กไม่รู้เรื่องอะไรด้วยหรอกค่ะ พ่อเขามาพบนายแม่ไม่มีใครดูแลลูกต้อง หอบมาด้วยค่ะ น่ารักจะตายไป ฝากแม่เดือนแม่ดาเลี้ยงสักแป๊บนะคะ”
“อ้าว” สองคนหน้าเหวอ
พูดจบพราวพิลาสก็หยอกเด็กเล่นแล้วเดินออกไป สองพี่น้องมองตามพราวพิลาสอ่อนใจ
“ดูคุณพราวของเราทำสิ หัวใจสลายเพราะยัยหน้ามะเหงกนั่น ยังมีแก่ใจห่วงใยลูกเขา” ดาบ่น
“คุณพราวเธอน้ำใจงามเหมือนคุณหญิงแม่ของเธอ ทำไมคนใจงามต้องพบแต่ความขมขื่นเสมอนะพี่ดา” เดือนถอนใจเฮือก
เดือนอุ้มเด็กมาหา คุณหญิงศรีตบเข่าฉาดมองเด็กในมือเดือน
“ต๊าย นี่มันคลอดลูกไม่ถึงเดือนถลกก้นเปิดหนีไปเมืองนอก ทิ้งให้ผัวกระเตงเลี้ยงลูกอ่อน เวรกรรมของตาศีล”
“คุณพราวก็ช่างกระไร ดีใจที่เห็นลูกศัตรู เอามาอุ้มชูดูแล” เมี้ยนถอนใจ
“นิสัยแม่ไม่มีผิด ใจดีผิดที่ผิดทาง”
“เอ หรือว่าคุณศีลจะฉวยโอกาสที่เมียไม่อยู่ จะมาต่อไมตรีกับคุณพราวคะ” เดือนคิดๆ
“เฮ้ย” เมี้ยนกับคุณหญิงศรีหน้าตื่น
“ไม่ได้นะ คนของเราจะกลายเป็นแมวขโมยผัวเขาเอาน่ะสิ” คุณหญิงศรีเสียงดังขึ้น
“คุณพราวเธอไม่ทำเช่นนั้นหรอกค่ะคุณท่าน” เดือนยิ้มๆ
“ยัยพราวไม่ทำ แต่คุณศีลน่ะสิจะทำให้ยัยพราวใจอ่อนสักวัน สันดานผู้ชายมันห่างหายเสน่หาได้ไม่นานหรอก นี่นังเมียไปถึงเมืองนอกนานเป็นปี โฮ้ย ฟังแล้วปวดเศียรเวียนเกล้า”
คุณหญิงศรีว่าไป ตาก็มองเด็กแหย่เล่นไปด้วย
ในตึกเจ้าคุณ...คุณหญิงสะบันงามองหน้าศีลถอนใจ
“น่าสงสารเด็กแท้ๆ ให้เขาเกิดมาแล้วไม่ดูไม่แล เวรกรรม”
“เขาไม่ได้คิดว่าลูกหนูจะมาเกิดขอรับ เขาตั้งใจว่าแต่งงานแล้วจะไปทำปริญญาโทต่อทันที แต่เกิดท้องขึ้นมา”
“งานก็ต้องทำ ลูกก็ต้องเลี้ยง นายแม่เห็นใจเธอนะ”
“ขอบพระคุณมากขอรับ กระผมกำลังหาพยาบาลใจดีรักเด็กมาดูแลลูกหนูครับ”
“แม้ดีเพียงใดเมตาตาแค่ไหน ใครจะดีสำหรับลูกเท่าแม่และพ่อ”
ศีลหน้าหมอง
“กระผมพยายามทำให้ดีที่สุดใกล้ชิดแกมากที่สุดขอรับ แต่บางครั้งไม่อาจเอาแกติดไปได้ทุกแห่ง”
“นายแม่เอาใจช่วยศีลนะ ถ้ามันนักหนานักก็เอามาฝากที่นี่ไว้ได้ ที่นี่มีน้ำใจเหลือหลายสำหรับทุกคน”
“ลูกหนูไม่ใช่ลูกกระผมคนเดียวแต่แกเป็นลูกของ เออ...”
“ลูกใครไม่สำคัญ ฉันมั่นใจในการผูกมิตรแม้แต่กับศัตรู เมขลาก็แค่คนหลงทาง และลูกของศีลคือเด็กคนหนึ่งที่ต้องการความรักและสิ่งที่ดีงามจากโลกใบนี้ และเขาสมควรได้รับ ดังนั้นนายแม่และทุกคนที่นี่ ยินดีให้เด็กคนนี้ในสิ่งที่เขาสมควรได้รับ”
ศีลน้ำตาไหล สะอื้นไห้ ก้มลงกราบแทบเท้า คุณหญิงสะบันงาเอามือลูบหัว
“มนุษย์ทุกคนมีสิทธิ์ได้รับความสุขโดยเท่าเทียมกัน”
ศีลก้มหน้าสะอื้นอยู่ครู่ใหญ่ จึงพูดขึ้นมา
“ชีวิตกระผมเป็นตัวเป็นตนอย่างทุกวันนี้เพรามีท่านเจ้าคุณ คุณหญิงแม่และนายแม่ รวมถึงพี่เมี้ยนช่วยกันผลักดันประคับประคอง สิ่งใดที่ตอบแทนพระคุณได้กระผมจะทำเต็มที่ขอรับ”
“ขอบใจมาก ที่ช่วยดูแลกิจการของครอบครัวให้รุ่งเรืองไม่ตกต่ำก็เท่ากับได้ทดแทนกันไปแล้ว ไหนว่ามีหลายเรื่องจะมาบอกกัน เรื่องแรกจบไปแล้วอีกสองเรื่องเล่าว่ากระไร”
“ขอรับ ยังมีอีกประการที่อยากจะเรียนให้ทราบด้วยแม้เป็นเรื่องส่วนตัวของกระผม กระผมกับเมขลาจะหย่าขาดกันทันทีที่เขาเรียนจบกลับมา”
คือหัตถาครองพิภพ ตอนที่ 23 (ต่อ)
คุณหญิงสะบันงาตกใจ
“อกจะแตกตาย ประเดี๋ยวแต่ง ประเดี๋ยวหย่า มันช่างง่ายกันเสียแท้ๆ”
“คือเป็นความต้องการของเราทั้งสองฝ่ายขอรับ อยู่ด้วยกันไม่ได้ไปด้วยกันไม่รอดก็ต้องแยกกัน ลูกหนูผมขอรับผิดชอบเองขอรับ”
“นี่แหละชีวิต แล้วประการสุดท้ายเล่า”
“ท่านผู้หญิง ท่านให้กระผมเป็นตัวแทนมาขอนายแม่เรื่องอยากให้คุณพราวไปเล่นเปียโนในงานของเจ้านายขอรับ ท่านทราบว่าคุณพราวเล่นเปียโนเก่งขอรับ”
“คุณพราวไม่เคยไปแสดงที่ไหนนอกจากเล่นอยู่ในบ้าน”
“ท่านเชิญให้ไปแสดงเปียโนในฐานะนักดนตรีกิตติมศักดิ์ครับ ไม่ได้ถือเป็นจริงจัง”
“ไปเล่นที่วังไหนหรือ”
“โรงแรมที่ร้านอาหาร และคลับของกระผมขอรับ”
“ตายจริง นี่อะไรกันทำไมจึงไปเลี้ยงกันตามโรงแรม ลูกสาวฉันต้องไปเดินป้วนเปี้ยนตามโรงแรม”
“เออ...กระผมแล้วแต่นายแม่จะกรุณาขอรับ”
“ถ้าไปที่วังละก็ไม่ขัดข้อง นี่ไปตามโรงแรมมิถูกมองว่าเป็นพวกเต้นกินรำกินหรือ”
“เออ...กระผมกราบขอโทษขอรับที่มาเสนอเรื่องไม่เหมาะสม”
“นายแม่จะไปปรึกษาคุณท่าน และถามความสมัครใจของคุณพราวก่อนจึงจะให้คำตอบ คุณท่านมีทางออกที่ดีเสมอ”
“ขอบพระคุณขอรับ” ศีลก้มลงกราบ
ไร่ชาดาจิลิ่ง...แพรวพรรณรายกับพอลมายืนมองไร่ชาด้วยกัน
“ขอบคุณมากที่อยู่สอนให้ฉันเรียนรู้เรื่องการทำไร่ชาจนฉันเข้าใจดีพอสมควร”
“ดังนั้นจึงถึงเวลาที่ผมจะต้องขอลาไปตามทางของผมเสียที”
“ว่าอะไรนะ นี่คุณจะลาออก”
“แน่นอน ผมลั่นวาจาไว้กับตนเองแล้วว่า ผมจะลาออกทันทีที่เจ้าของไร่ชาคนใหม่มาปรากฏตัว นี่ผมก็กลืนคำพูดตนเองมาเกือบจะปีแล้ว”
“ไปตามทางที่คุณว่าคือทางไหนไม่ทราบ”
“ทำไมต้องอยากทราบเรื่องราวของผม ผมมันก็แค่คนไม่มีอะไรเป็นของตัวเอง เป็นแค่ลูกจ้างของคุณ ไม่มีความหมาย ไม่มีความสำคัญ”
“แต่ฉัน...”
แพรวพรรณรายรำพึงในใจ
“ไม่ได้คิดเช่นนั้นเพราะ”
แล้วแพรวพรรณรายก็พูดออกมา
“ได้โปรด Please อยู่ทำงานกับฉันต่อไปนะ”
“ไม่...ผมไม่อาจผิดสัญญากับตนเอง”
“ทำไมคะ”
พอลรำพึงในใจ
“ใครจะทนดูไร่ชาของอาแท้ๆที่ตนสร้างมากับมือตั้งแต่หัวเท่ากำปั้น กลับกลายเป็นของคนอื่นต่อหน้าต่อตา มันช่างเจ็บปวดนัก”
อลิซาเบธเดินมาโอบเอวพอล
“มามองของฉันเชิญให้ไปดินเนอร์ด้วยกันที่บ้านนะพอล”
แพรวพรรณรายมองแล้วใจหาย พอลยืนนิ่งไม่อยากรับคำของอลิซาเบธ
“thank you แต่เออ...ได้โปรดเชิญเจ้านายผมไปด้วยนะ”
อลิซาเบธมองแพรวพรรณรายด้วยสายตาดูแคลน
“มามองไม่ชอบคนลูกผสม”
“ลิซทำไมพูดเช่นนั้น” พอลไม่พอใจ
แพรวพรรณรายฉุนกึก
“เชิญคุณไปเถิดค่ะ ฉันไม่อยากไปดินเนอร์บ้านใคร ฉันอยากไปขี่ม้าเล่น สนุกจะตายไป”
“คนไทยขี่ม้าเป็นด้วยหรือ” อลิซาเบธมองหยัน
แพรวพรรณรายยิ้มเชิด
“คนไทยขี่ม้าเป็นกันมากมายขี่ควายก็เก่ง รู้จักไหมควาย Buffalo น่ะ ที่บ้านของฉันในเมืองไทยเราเลี้ยงม้า เลี้ยงควาย เลี้ยงวัวไว้ขี่เล่นกันเยอะแยะ บางทีก็เลี้ยงช้าง”
“Impossible” อลิซาเบธไม่เชื่อ
แพรวพรรณรายเดินมาจูบแก้มพอล ปรายตาไปมองอลิซาเบธแบบไม่เกรงกลัว
“ที่เมืองไทยอะไรอะไรก็ possible ได้ทั้งสิ้น แบบนี้ไงคะ See you ค่ะพอล คนไทยไม่จูบผู้ชายแต่ฉันจูบ”
แพรวพรรณรายเดินออกไป พอลยืนอึ้งกับการจูบของแพรวพรรณรายแม้จะรู้ว่าจงใจประชดอลิซาเบธ
“ผู้หญิงคนนี้ Terrible ทุเรศมากๆ” อลิซาเบธโกรธสุดๆ
“เธอน่ารักจริงใจไม่เสแสร้งต่างหาก ปากเธอตรงกับใจเสมอ”
อลิซาเบธหงุดหงิดมาก
ในห้องโถงบ้านเจ้าคุณ...คุณหญิงสะบันงา คุณหญิงศรี เมี้ยน ปรึกษากันเรื่องที่ศีลมาบอก ซึ่งคุณหญิงศรีเห็นด้วยทันที
“คุณพี่ขา นั่นมันโรงแรมนะคะ”
“ก็โรงแรมน่ะสิ สมัยนี้ใครไปทำอะไรที่โรงแรมถือว่าโก้เก๋ทันสมัย”
“ใช่ค่ะคุณหญิง มันไม่ใช่โรงแรมที่มีไว้เปิดให้เป็นที่ขายตัวอย่างที่ คุณหญิงเข้าใจนะคะ” เมี้ยนเสริม
คุณหญิงสะบันงายังแย้ง
“แต่...แหมมันก็คือโรงแรม”
“เธอไม่ยอมออกไปนอกบ้าน ฉันสิไม่ออกเช่นกันยังรู้ว่าโรงแรมหรูๆริมแม่น้ำน่ะฝรั่งมหาเศรษฐียินดีจ่ายค่าที่พักคืนละเป็นหลายหมื่น”
“โอ้โห” คุณหญิงสะบันงาตาโต
“นั่นสิ ลองถามลูกสาวตัวเองบ้างหรือยังว่ายินดีไปไหม”
“เออ...” คุณหญิงสะบันงาชะงัก
เสียงเปียโนดังแว่วมา คุณหญิงศรียิ้ม
“มีลูกสาวเอาไว้แอบซ่อน รู้ได้อย่างไรว่ายัยพราวแกไม่อยากไปแสดงเปียโน”
“นั่นสิคะ ลองถามเธอดูเถิดค่ะ” เมี้ยนเห็นด้วย
คุณหญิงสะบันงาจำใจพยักหน้า แล้วนึกมาได้จึงบอกคุณหญิงศรีกับเมี้ยน
“คุณพี่ขา ศีลกับเมขลาตกลงว่าจะหย่ากัน หลังจากที่เมขลาเรียนจบกลับมาค่ะ”
“อกฉันจะแตกตาย” คุณหญิงศรีตกใจ
“อกเมี้ยนก็โล่งไปเลยค่ะ”
คุณหญิงศรีหันมาจ้องหน้าเมี้ยน
“อย่าคิดไกลไปทีเดียวนะว่าศีลกับยัยพราว...”
“แล้วมันผิดตรงไหนคะ ถ้าเธอทั้งสองจะลมพัดหวน”
คุณหญิงสะบันงาส่ายหน้า
“ขอให้อย่าเป็นเช่นนั้นเลยมันตะขิดตะขวงใจ อย่างไรเสียก็ได้ชื่อว่านั่นสามีคนอื่น”
คุณหญิงศรีสบตาเมี้ยน แอบส่ายหน้า
“หัวโบราณ”
ไร่ชาดาจิลิ่ง...แพรวพรรณรายขี่ม้าเล่นตามลำพัง พลางบ่นไปด้วย
“เฮ้อ...นายแม่คงอกแตกตายถ้ารู้ว่าเราไปจูบแก้มฝรั่งประชดแฟนเขาถึงสองครั้ง ก็ยัยนั่นมันดูแคลนคนไทย ช่างปะไร ฝรั่งไหนๆก็หอมแก้มกันทั้งนั้น พอลช่างใจร้ายไม่ยอมอยู่ทำงานกับเราต่อ เฮ้ย จริงสิ เขาจะไปอยู่กับยัยนั่น จะแต่งงานกัน”
แพรวพรรณรายคิดแล้วเกิดอารมณ์พลุ่งพล่าน กระตุกม้าแล่นไปโดยแรง ม้าพุ่งออกไป
ในห้องเปียโน...พราวพิลาสมองหน้าคุณหญิงสะบันงา และคุณหญิงศรี แล้วยิ้มออกมา
“พราวอยากไปแสดงเปียโนที่โรงแรมริมแม่น้ำนั่นให้เจ้านายฟังค่ะ นายแม่”
คุณหญิงสะบันงามองหน้าคุณหญิงศรี
“บอกแล้วอย่างไร ว่ายัยพราวไม่ใช่คนปวกเปียกอ่อนแอ” คุณหญิงศรีกระซิบ
คุณหญิงสะบันงาหันไปหาลูกสาว
“แน่ใจหรือคุณพราวว่าจะไปแสดงจริงๆ”
“ค่ะ”
“แล้วจะไปตามลำพังหรือลูกมันจะไม่งาม”
“นายแม่จะไปส่งพราวหรือคะ”
“นายแม่ไม่ชอบออกนอกบ้านถ้าไม่จำเป็น”
“เมี้ยนอย่างไรเล่า ขนาดแก่แล้วมันชอบออกไปตะลอนนอกบ้าน” คุณหญิงศรีเอ่ยขึ้น
“แล้วแต่คุณป้ากับนายแม่เถิดค่ะ ให้ใครไปกับพราวก็ได้ค่ะ”
คุณหญิงศรีกระซิบคุณหญิงสะบันงา
“นายหน้าผู้มาเจ้ากี้เจ้าการงานนี้คงได้ไปห้าศอกกระมัง”
คุณหญิงสะบันงามองหน้าพราวพิลาสอย่างห่วงใยมาก
แขกชรากำลังเดินงกๆเงิ่นๆแถวหน้าผาในไร่ที่พอลสั่งทำสะพานขาดเอาไว้ ได้ยินเสียงควบม้าผ่านมาเงยหน้ามองแล้วตกใจ
“นายหญิง...แย่แล้ว”
แขกชราออกวิ่งพยายามตะโกนเรียก
“นายหญิงอย่าไปทางหน้าผาขอรับ สะพานชำรุดขอรับ”
แต่แพรวพรรณรายไม่เห็นแขกชรา ไม่รู้ว่าสะพานชำรุดควบม้าพุ่งต่อไป แขกชราตกใจมาก เสียงกรีดร้องของทั้งม้าและแพรวพรรณรายดังลั่นไปทั่วหุบเขา
“นายหญิง”
แขกชราผวาไปดูทันที ขณะที่ร่างแพรวพรรณรายนอนจมกองเลือดอยู่ก้นเหว
คือหัตถาครองพิภพ ตอนที่ 23 (ต่อ)
ในห้องเปียโน...พราวพิลาสดีดเปียโน ศีลเข้ามา
“ผมมาขอบคุณที่คุณพราวเมตตาไปแสดงเปียโนต่อหน้าพระพักตร์”
“ค่ะ พราวสองจิตสองใจอยู่ไม่น้อย แล้วพราวก็เลยเออ...”
“ตัดสินใจถูกแล้วครับ พรสวรรค์ของคุณพราวสมควรได้ปรากฏต่อสายตาคนอื่นครับ”
“แหม...ชมเกินไปแล้วค่ะ เออ...น้องหนูเป็นอย่างไรบ้างคะ”
“รู้อยู่ครับ แกไม่ดื้อไม่งอแง แต่มีบ้างตามปกติของเด็ก ต้องขอบคุณเรื่องนี้ด้วยเช่นกันครับ คุณพราวเอาแกไปโชว์ทั่วบ้านวันก่อน แกเลยมีพี่เลี้ยงเต็มบ้าน ขอบคุณอีกครั้งครับ”
“พราวยินดีค่ะ”
ศีลมองหน้าพราวพิลาส สองคนมองหน้ากัน ธรรม์เข้ามาเงียบมาก ไม่รู้ว่าสองคนเคยเอ่ยปากรักกัน
“คุณพราว”
พราวพิลาสกับศีลเห็นธรรม์ต่างตกใจ
“พี่ธรรม์”
“คุณธรรม์” ศีลพยายามทำสงบ “เออ...กลับมาเมื่อไหร่ครับ”
“ลงมาจากเครื่องบินเดี๋ยวนี้ ตรงรี่มาที่นี่ก่อน มาหาคุณพราว เออ...ขอประทานโทษ...ไม่คิดว่าจะมีแขก”
“ผมมาพบนายแม่ครับ ขอตัวก่อน” ศีลถอยออกมาใจแป้ว
“คุณศีลเธอไม่ใช่แขกค่ะ” พราวพิลาสพูดขึ้น
“คุณพราว...พี่ขอโทษ ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นพี่ทำลายมันเอง” ธรรม์หน้าสลดลง
พราวพิลาสนิ่งเฉยได้มากกว่าที่ธรรม์คิดว่าพราวพิลาสจะโวยวาย
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“คุณพราว นี่คุณพราวเข้าใจพี่หรือครับ”
“ค่ะ พราวพยายามเข้าใจทุกคนค่ะ”
“พี่ทำไปเพราะจำเป็น เพราะเห็นแก่ชีวิตเล็กๆของลูกโจแอล เธอเป็นเพื่อนของพี่ มันเป็นเรื่องของคุณธรรม”
“พี่ธรรม์ทำถูกต้องแล้วค่ะ เออ...กลับมาเยี่ยมบ้านหรือคะ”
“พี่เป็นอิสระแล้ว แดเนียลขอกลับมาคืนดีกับโจแอล พี่จึงหมดหน้าที่”
“อ้อ”
“คุณพราวไม่ยินดีในอิสระของพี่หรือ”
“เออ...ค่ะยินดีด้วยค่ะ”
“คุณพราวท่าทีเปลี่ยนไปไม่สนิทกับพี่เหมือนเมื่อก่อน”
“พราวโตขึ้นมากแล้วกระมังคะ พราวเปลี่ยนไป แต่พี่ธรรม์ต่างหากที่เปลี่ยนไปเองก่อนพราวเป็นไหนๆ”
“พี่เสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น พี่เข้าใจว่าคุณพราวคงหวาดระแวงพี่ แต่พี่ไม่อาจเข้าใจบางเรื่องที่คุณพราวก็ดูเปลี่ยนไป”
“คะ”
“คุณพราวดูสนิทสนมกับคุณศีลมากขึ้น”
“เช่นนั้นหรือคะ เขาเป็นคนในครอบครัวพราวนะคะ พี่ธรรม์ควรจะไปพบนายแม่กับคุณป้านะคะ”
ธรรม์พยักหน้ารู้สึกซึมเซา ไม่สดชื่นที่ได้มาพบพราวพิลาสอีกครั้งเพราะเธอไม่ดีใจเท่าที่ควร
พอลหน้าซีดตกใจอุ้มร่างของแพรวพรรณรายที่โชกเลือด มีแขกชราหน้าซีดไม่แพ้กันเดินตามมา อลิซาเบธตามติดมาข้างๆ พอลวางแพรวพรรณรายบนโซฟาใหญ่
“ไอ แอม ซอรี่ โซ ซอรี อิส มาย ฟอล์ท(I’m sorry so sorry It’s my fault)”
อลิซาเบธขัดขึ้น
“โทษตัวเองทำไมพอล ก็ยัยลูกครึ่งนี่เองต่างหากอวดเก่งว่าขี่ม้าเป็น ก็คงแค่นั่งบนหลังม้าพอได้”
“เธอขี่ม้าเก่ง เธอขี่ม้ากับผมไปทั่วไร่มาเก้าเดือน แต่วันนี้ เรื่องที่มันเกิดขึ้นมัน...”
“มันเป็นอุบัติเหตุขอรับ” แขกชราส่ายหน้า
“มันเป็นความผิดของผมคนเดียวที่...”
“ที่อะไรคะ” อลิซาเบธมองหน้าเขาอย่างสงสัย
“ลิซ คุณกลับเถิด พลีส ได้โปรด แพรวพรรณรายต้องได้รับการดูแลอย่างที่สุด และไม่ต้องการการรบกวน”
“พอลไล่ฉัน” อลิซาเบธอึ้ง
“ขอร้องต่างหาก อย่าตามเข้าไปในห้องนะ” พอลหันมาถามแขกชรา “มีคนไปรับหมอมาหรือยัง”
“ตามแล้วขอรับเข้าใจว่ากำลังมา”
เสียงแพรวพรรณรายครางเบาๆ
“พอล ทำไมต้องทิ้งฉันไป ทำไมต้องลาออก”
อลิซาเบธหยุดฟังทันที พอลส่ายหน้า
“โน ผมจะไม่ลาออก ผมจะไม่ทิ้งคุณแพรวพรรณราย”
“ทำไมคุณจึงไม่รังเกียจคนลูกผสม” อลิซาเบธไม่พอใจ
“ฟังนะลิซ ผมคือลูกครึ่ง ที่เกิดจากน้องชายของท่านลอร์ดแรนดอนอาผม กับผู้หญิงพื้นเมืองที่เป็นลูกจ้างที่นี่ สะใจไหมที่อยากให้ผมรังเกียจลูกผสม รังเกียจนักจงไปให้ห่างผม”
พอลจ้องหน้า อลิซาเบธตะลึง
“โกหก พอลโกหก”
“ยอมรับความจริงเถิด แล้วไม่ต้องมาที่นี่อีก”
อลิซาเบธร้องไห้โฮวิ่งหนีออกไป
“ฉันไม่เข้าใจคุณเลยว่า ทำไม ทำไม”
“ว่าทำไมผมไม่รักคุณ เราคิดต่างกันเสมอ เรารักกันไม่สำเร็จหรอกอลิซาเบธ” พอลพึมพำ
พอลมองหน้าแพรวพรรณรายก้มลงไปอุ้มกอดไว้แล้วเดินเข้าห้อง
ในห้องนั่งเล่นวันใหม่...พราวพิลาสแต่งตัวสวยมาก คุณหญิงสะบันงามองชื่นชม
“แม่เปลี่ยนใจแล้ว”
“นายแม่จะไม่ให้พราวไปแสดงเปียโนหรือคะ” พราวพิลาสตกใจ
เมี้ยนโผล่หน้ามาดูน่าขันแต่งตัวประหลาด
“มาแล้วเจ้าค่ะ ผู้ติดตามนักเปียโนเอก”
คุณหญิงสะบันงามองไปที่เมี้ยนแล้วส่ายหน้า
“เมี้ยน นี่แหละที่ทำให้แม่เปลี่ยนใจ”
“อ้าว ทำไมหรือคะ เมี้ยนทำอะไรผิดหรือคะ”
“ไม่ผิดแต่ดูประหลาด ไม่อยากให้ใครมองเมี้ยนว่าประหลาด”
“พราวเลยอดไปแสดงเปียโน” พราวพิลาสเสียงอ่อย
“ไม่ใช่หรอกจ้ะ แม่จะให้คุณพราวฉายเดี่ยว” คุณหญิงสะบันงายิ้ม
“ไปกับนายบุญหรือคะ”
ธรรม์เดินเข้ามาไหว้
“ได้ข่าวว่าคุณพราวจะไปแสดงเปียโน พี่อาสาไปส่งให้นะครับ คุณหญิงป้า ผมอาสานะครับ”
ศีลเดินเข้ามา ไหว้คุณหญิงสะบันงา สายตาปรายไปมองพราวพิลาสชื่นชม แต่พอเห็นธรรม์ก็ชะงัก
“เออ...ผมมาดูความเรียบร้อยความพร้อมของคุณพราวขอรับนายแม่”
“พร้อมแล้วจ้ะศีล” คุณหญิงสะบันงายิ้มแย้ม
“แต่ท่านไม่ยอมให้เมี้ยนไปส่ง ท่านว่าเมี้ยนแปลกประหลาดค่ะ”
“ผมกำลังเสนอตัวไปส่งให้ครับ ผมก็ได้รับเชิญไปเล่นดนตรีที่นั่นเช่นกัน” ธรรม์แทรกขึ้น
“ยินดีด้วยครับ ถ้าเช่นนั้น ผมขอตัว”
คุณหญิงศรีเขยกเข้ามา
“เดี๋ยว ในเมื่อศีล เป็นคนเชิญยัยพราว ยัยพราวก็ควรไปกับศีลสิ”
“เอ้อ...” ศีลชะงัก
ธรรม์หน้าเสีย คุณหญิงศรีหันมาหาคุณหญิงสะบันงา
“สะบันงาไว้ใจศีลใช่ไหม ยัยเมี้ยนก็จะทำขายหน้าขายตายัยพราว”
“ค่ะ ศีล แม่ไว้ใจเธอให้พาคุณพราวไป ธรรม์ นายแม่ขอโทษด้วย”
“ไม่เป็นไรมิได้ครับ” ธรรม์ฝืนยิ้ม
“เรียบร้อยกันแล้วก็ไปกันเถิด ดูแลยัยพราวดีๆนะศีล”
“ขอรับ”
พราวพิลาสออกไปกับศีลที่ไหว้ลา ธรรม์เดินตามออกไปด้วย สามคนมองตาม
“คุณพี่ให้คุณพราวไปกับคุณศีล คนเขามินินทาเอาหรือคะว่า คุณพราว เอ้อ...”
“ให้เขานินทาไปเถิดค่ะ คุณหญิงเองก็โดนมาเท่าไรแล้วคะ” เมี้ยนแย้ง
คุณหญิงศรีมองธรรม์ที่เดินออกไปแล้วส่ายหน้า
“ตาธรรม์นี่ก็ช่างกระไร นึกอยากจะทิ้งขว้างก็ทำหน้าตาเฉย นึกอยากจะมาขอคืนดีก็มา เอาดื้อๆ ใจคอรวนเร มันน่ายกให้ไปเป็นผัวยัยเมขลามันนัก”
เมี้ยนหัวเราะ คุณหญิงสะบันงาทำหน้าบอกไม่ถูก
“ไหนว่าจะหย่ากัน ทำไมไม่หย่ากันตั้งแต่ก่อนไปนอก จะรอไว้ให้เหลือเยื่อใยทำไมกันคะ หรือจะมีแผนการเลวร้ายลำดับต่อไปอีก” เมี้ยนพูดถึงเมขลาอย่างเกลียดชัง
“พอทีพี่เมี้ยน อย่านินทาเขา” คุณหญิงสะบันงาปราม
“ขอประทานโทษค่ะ ก็มันน่านี่คะ”
คุณหญิงสะบันงาถอนใจอีกรอบ ห่วงใยพราวพิลาสไม่น้อย
รถศีลแล่นมาตามถนน ร่มรื่น พราวพิลาสหน้าตาไม่สบายใจนัก ศีลรำพึงในใจ
“คุณธรรม์กำลังมาทวงสิทธิ์เดิมๆของตนเอง”
พราวพิลาสมองหน้าศีลคิดไปอีกทาง
“คุณศีลดูไม่ค่อยสบายใจ พราวรบกวนแท้ๆ พราวนั่งรถไปกับนายบุญก็ได้ค่ะ”
“เอ้อ คุณพราวไม่สบายใจเองหรือเปล่าครับ ที่ต้องมานั่งรถกับผม”
“ไม่มีค่ะ ใจพราวจดจ่ออยู่กับเพลงที่จะเล่นค่ะ อย่ากังวลกับพราวเลยค่ะ”
“ขอบคุณมากครับ ทำให้ดีที่สุดผมมั่นใจว่าคุณพราวทำได้และต้องได้รับคำชมล้นหลาม”
“ขอให้เป็นเช่นนั้นเถิดค่ะ”
พราวพิลาสยังคงลอบสังเกตอาการของศีล สองคนต่างแอบสังเกตกันเอง
ในงานเลี้ยง...พราวพิลาสเล่นเปียโน ร้องเพลงไปด้วย ธรรม์สีไวโอลินคลอ ศีลกับเพื่อนนั่งดู ศีลถอนใจเฮือกๆ เพื่อนชื่นชม
“ยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา รีบติดต่อมาร้องเพลงที่นี่ทันทีนะ”
“ลำบากแน่ๆ แค่ไปเชิญมางานวันนี้ยังแสนเข็ญ”
“ลูกผู้ดีก็เช่นนี้แหละ แต่ถ้านายไม่พยายาม จะรู้ได้อย่างไรว่าไม่ได้...มีคนรักหรือยังหนอ”
“คนที่กำลังสีไวโอลินนั่นอย่างไร”
“ไฮ้หน้าตาดีอยู่หรอกมีคนรักสวยปานนางฟ้า แต่ทำไมแววตาจึงหม่นหมองราวกับคนอกหัก”
ศีลไม่ฟังเพื่อนต่อ ลุกหนีไป...บนเวทีพราวพิลาสร้องและเล่นเปียโนจบ ลุกมายืนถอนสายบัว ธรรม์โค้ง ท่ามกลางเสียงปรบมือ ศีลเดินไปหาพราวพิลาส โค้งก่อนขึ้นไปบอกพราวพิลาสเบาๆ
“เสด็จมีดำรัสให้คุณพราวเข้าเฝ้า ครับ”
“ตายจริง พราวไม่เคยเข้าเฝ้าเจ้านาย” พราวพิลาสตื่นเต้น
“ไม่เป็นไรหรอกครับ เสด็จท่านน้ำพระทันดี มีเมตตา”
พราวพิลาสทำอะไรไม่ถูก ศีลยื่นแขนให้เกาะ เธอจึงเกาะแขนเขาแล้วเดินไปด้วยกัน ธรรม์มองแล้วไม่สบายใจ
“เราจะปล่อยให้คุณพราว หลุดมือไปได้ง่ายๆเช่นนี้หรือ” ธรรม์มองตามตาละห้อย
ศีลพาพราวพิลาสมาที่ประทับหน้าพระพักตร์เสด็จ พราวพิลาสก้มลงกราบ
“ถวายบังคมเพคะ”
“ลูกสาว เจ้าพระยา สมิติภูมิ นี่น่ารักแท้ๆ เล่นเปียโนเก่งมากนะหนู”
“ขอบพระทัยมากเพคะ”
เสด็จหันมาบอกศีล
“ทำไมไม่ลองเชิญเธอมาเป็นนักร้องที่นี่ สมัยนี้เขาไม่ถือว่าเต้นกินรำกินกันหรอก ฉันไปต่างประเทศ ที่นั่นถือเป็นอาชีพที่มีเกียรติมีคนชื่นชมไม่น้อยเลย”
“เพคะ” พราวพิลาสรับคำ
“ฉันชอบเธอมาก นี่รางวัล”
ท่านผู้หญิงส่งกล่องของขวัญใส่พานให้ เสด็จหยิบมายื่นต่อให้พราวพิลาสที่ก้มลงกราบแล้วยื่นมือรับแล้วก้มลงกราบ ศีลยิ้มย่องมาก
คือหัตถาครองพิภพ ตอนที่ 23 (ต่อ)
ศีลพาพราวพิลาสเดินออกมาผ่านลอบบี้ออกมา เธอมองไปรอบๆชื่นชม
“ที่นี่สวยมากนะคะ”
“ครับ สวยมาก คุณพราวจะแวะดื่มนำส้มที่ลอบบี้สักแก้วๆไหมครับ”
“ไม่ค่ะ ขอบคุณค่ะ”
ธรรม์เดินเข้ามาเมาเล็กน้อย
“ยินดีด้วยนะครับ คุณพราว มีแต่คนชื่นชมยินดีในฝีมือของคุณพราว”
“พี่ธรรม์ก็เช่นกันนะคะ ทุกคนยินดีก็กับฝีมือของพี่ธรรม์ทั้งนั้นค่ะ”
“แต่คงไม่ยินดีถึงกับ เชิญมาเล่นดนตรีที่นี่อย่างที่เชิญคุณพราวหรอก”
“ยังไม่มีใครบอกพราวเรื่องนี้สักหน่อย”
“บอกสิบอกในใจ บอกด้วยสายตา”
“พี่ธรรม์ ดื่มมากแล้วค่ะ พราวขอตัวกลับก่อน”
พราวพิลาสหันกลับจะเดินออก ธรรม์ลืมตัวกระชากแขนพราวพิลาส แต่ไม่แรงมาก
“อย่าเดินหนีพี่สิ”
ศีลสะอึกมองอย่างเดียวไม่ยุ่ง
“พราวไม่ได้เดินหนีค่ะ แต่พี่ธรรม์ เมา พราวจะรอไว้พูดกันตอนที่พี่ธรรม์ไม่เมา”
“พี่เมา ตรงนี้ ไม่ได้เมาที่สมอง อ้อ คุณศีล ได้ยินมาว่าภรรยาไม่อยู่” ธรรม์ชี้ที่อก
“ครับ เธอไปทำปริญญาโทครับ”
“เหงาแย่สินะครับ”
“ผมอยู่กับลูกสาว ไม่มีเวลาเหงาหรอกครับ”
“เห็นลูกสาวคุณแว่บๆ ที่บ้านนายแม่ มีคนในบ้าอุ้มชูดูแล โชคดีแท้ๆ”
“ครับ ผมโชคดี ผมขอตัวพาคุณพราวกลับไปส่งให้นายแม่ นานเกินควรท่านจะตำหนิผม”
“เชิญ” ธรรม์มองสองคนเจ็บปวด
ศีลกับพราวพิลาสพากันเดินออกไป ธรรม์มองตาม เจ็บปวด จะขว้างแก้วทิ้ง แต่ก็ชะงักไว้วางลงบนโต๊ะหันไปเรียกบริกร
“ขอเพิ่มอีกห้าแก้วเอามาพร้อมกัน”
ในห้องนอนแพรวพรรณรายที่ไร่ชาวันใหม่...พอลนั่งเฝ้าแพรวพรรณรายไม่ห่าง ตลอดเวลา แม้แต่จะกินยังกินแค่แซนด์วิชเพราะไม่ต้องการทิ้งเธอไว้ลำพัง
“แพรวพรรณราย ผมขอโทษ ผมทำร้ายคุณโดยเจตนา แท้ๆ”
อายาห์ สาวใช้เข้ามาถาม
“นายไม่ออกไปรับประทานอาหาร ข้างนอกมาเป็นอาทิตย์แล้วนะคะ”
“เพราะฉันเป็นห่วงนายหญิงของอายาห์มาก ฉันไม่กล้าทิ้งเธอ ให้ห่างจากสายตา ฉันต้องการให้เธอฟื้นขึ้นมาแล้วเจอหน้าฉันเป็นคนแรกน่ะสิ”
แพรวพรรณรายฟื้นมามองหน้าพอล
“เพราะอะไรหรือคะพอล”
พอลตกตะลึงดีใจ ผวาก้มลงไปกอดแพรวพรรณรายแบบลืมตัว
“แพรวพรรณราย เธอฟื้นแล้ว”
“โอย เจ็บไปหมดทั้งตัว แบลคการ์ดเป็นอย่างไรบ้างคะ”
พอลหน้าเสีย ส่ายหน้า แพรวพรรณรายหน้าสลดลง
“ซอรี่ฉันทำม้าแสนรักของคุณตาย”
“ผมก็เสียใจมาก แต่ผมคงจะตายตามไปด้วย ถ้าแพรวพรรณรายตาย”
“พูดอะไรน่ะ พอล”
“ฟังนะ ผมเลวมาก ผมเลวที่สุด ผมต้องการเป็นเจ้าของไร่ชา ผมคิดว่าคนที่มารับมรดกจะเป็นพ่อของคุณ ผมต้องการให้เขาผ่านสะพานนั่นสักวันจึงปล่อยให้คนงานทิ้งสะพานให้ขาดโดยไม่ยอมซ่อม แต่แล้ว คนที่มารับเคราะห์คือคุณ ไล่ผม แจ้งตำรวจจับผมสิ แพรวพรรณราย”
แพรวพรรณรายมองหน้าพอล น้ำตาไหล ส่ายหน้า
“ฉันไม่อาจโกรธหรือแจ้งความจับคนที่ฉันรักมากที่สุดได้หรอก พอล ไอ เลิฟ ยู ได้ยินไหม”
“แพรวพรรณราย” พอลตื่นเต้นมากดีใจมากด้วย
“บอกมาสิ ตอบมาสิ ว่าพอลไม่รักฉัน พอลจะไปแต่งานกับอลิซาเบธ”
พอลส่ายหน้ากอดแพรวพรรณรายไว้แนบอก
“ไอเลิฟ ยู ทู แต่ ผมไม่ต้องการเกาะผู้หญิงกิน ผมจึงต้องจากไป ไม่ใช่ไปแต่งงานกับเขา ผมไม่ได้รักเขา”
“พอลไม่ได้รักเขา”
“ไอเลิฟยู ตั้งแต่แรกพบ ตอนที่ยูอาเจียนใส่ แต่ แต่ ไอเสียใจน้อยใจไอต้องปิดบังความรักที่มีต่อยูมาตลอด”
“ทำไม”
“เพราะยูเป็นนายของไอ”
“พูดอีกทีว่า ยูเลิฟมี”
“เยส ไอเลิฟยู”
“วาย ดอนท์ ยู แมรี่ มี”
“เยส” สองคนกอดกันหอมกันมีความสุข
คุณหญิงศรี มานั่งคุยกับคุณหญิงสะบันงา มีเมี้ยนประกบอยู่ด้วย
“นี่หายเงียบเชียบกันไปหมด ยัยพริ้มก็แสวงบุญจนบรรลุโสดาแล้วกระมัง”
“คุณพริ้มฝากหมออุดรมาบอกว่าเธอแสวงหาความพอเพียงด้วยการพักอยู่ในป่าปฏิบัติธรรม กับแม่ชีชื่ออบเชยสักพักค่ะ”
“ตายจริง ขืนปล่อยไว้นานเธอบวชตามแม่ชีอบเชยแน่ค่ะ” เมี้ยนบอก
สามคนพากันหนักใจ
กระท่อมที่พักของแม่ชีอบเชยในป่า...พริ้มเพราใส่ชุดขาว นั่งยิ้มหน้าสงบมาก
“หนูพริ้มกินข้าวเหนียวจิ้มน้ำพริกทุกวัน ไม่อยากกินของอื่นบ้างหรือคะ” แม่ชีอบเชยถามอย่างเป็นห่วง
“ไม่หรอกค่ะ แม่ชีขาตอนนี้พริ้มกำลังคิดว่า จะอดมื้อเย็นค่ะ แล้วก็ถือศีล แปดด้วยค่ะ”
“เอาจริงหรือคะ ไหวนะคะ”
“ไหวค่ะ”
“ดีมาก แล้วบอกให้คุณแม่ท่านทราบหรือยังคะ ได้เวลากลับบ้านแล้วไม่ใช่หรือคะ”
“พริ้มฝากคุณหมออุดรไปบอกนายแม่แล้วค่ะ”
“อายุแค่นี้ยังรู้จักธรรมะขนาดนี้ ต่อไปหนูคงก้าวหน้าไปถึงขั้นสูงได้ไม่ยาก” แม่ชียิ้มให้มองอย่างชื่นชม
คุณหญิงศรี คุณหญิงสะบันงาและ เมี้ยนยังคุยกันต่อเรื่อง พริ้มเพรา
“ถ้าคุณพริ้มเธอต้องการเช่นนั้นจริง ฉันจะไปขวางทางบรรลุของเธอได้อย่างไรกัน” คุณหญิงสะบันงาบอก
“ทุกคนโตพอที่จะเลือกทางชีวิตของตัวเองได้แล้ว” คุณหญิงศรีเข้าใจ
“เธอยังฝากบอกมาว่าถ้าเมื่อใดที่เราต้องการเธอ เธอก็จะกลับมาดูแล”
“ที่เคยหวังว่าจะได้หลานจากรายนี้”
“ได้บุญแทนได้หลานอย่างไรคะ” เมี้ยนแทรกขึ้น
“เฮ้อ ยัยแพรวก็หายจ้อย ไม่ส่งข่าวคราว” คุณหญิงศรีถอนใจ
เดือนเข้ามา พร้อมด้วยจดหมาย
“จดหมายจากอินเดียค่ะ คุณหญิง”
“จดหมายคุณแพรว”
คุณหญิงสะบันงาดีใจรับมา มือไม้สั่นรีบเปิดอ่านแล้วตะลึง คุณหญิงศรีมองอย่างสงสัย
“ทำไมทำหน้าราวกับผีหลอก”
“ยิ่งกว่าผีหลอกอีกค่ะ คุณแพรวบอกกำลังจะแต่งงานกับพอล หลานชายของลอร์ดแรนดอน”
“ต๊าย นั่นปะไรใช้ให้ดูแลไร่กลับไปดูแลผู้ชายมาเป็นผัว” คุณหญิงศรีหน้าตื่น
“กว่าจดหมายจะมาถึงนี่ ป่านนี้เธอแต่งไปแล้วกระมังคะ” เมี้ยนถอนใจ
“ก่อนคิดจะแต่งไม่บอกกล่าวปรึกษาแม่ แต่งแล้วค่อยมาบอก” คุณหญิงสะบันงาไม่ชอบใจ
“ก็ดีไปอีกแบบ มีผัวเอาไว้ทำงานให้ นายนั่นเป็นผู้จัดการไร่อยู่นี่นาและคงจะเป็นคนเอางานเอาการอยู่หรอกหาไม่ยัยแพรวคงไม่มีใจให้ปุบปับหรอก” คุณหญิงศรีออกความเห็น
“ขอให้เป็นเช่นนั้น ค่ะ เฮ้อ ไม่พ้นฝรั่งกันแท้ๆ” คุณหญิงสะบันงาปลงๆ
ทุกคน อ่อนใจกับแพรวพรรณราย
พอลอุ้มแพรวพรรณรายข้ามธรณีประตูเข้ามาในห้องนอนยิ้มแย้ม ทั้งสองคนมีความสุขมาก
“เราจะมีลูกกันหลายๆคนนะจ้ะ ที่รัก”
“ค่ะ เราจะมีลูกหลายๆคนแล้วส่งไปให้นายแม่ของฉันเลี้ยงนายแม่รักเด็ก รักทุกคนในโลกนี้”
สองคนหัวเราะมีความสุข
คุณหญิงศรี คุณหญิงสะบันงา เมี้ยน ระอาแพรวพรรณรายมาก
“คุณแพรวช่างร้ายกาจยังเขียนมาบอกต่ออีกนะคะ ว่ามีลูกจะส่งมาให้ นายแม่เลี้ยง” คุณหญิงสะบันงาบ่นๆ
“เถอะน่า เขาอายุยี่สิบสี่แล้ว สมัยเธอมีผัวแค่สิบเจ็ด เด็กคนนี้เอาตัวรอดแน่นอน เธอไม่ต้องห่วง รอเลี้ยงลูกยัยแพรวเถิด” คุณหญิงศรียิ้มๆ
“คุณพจน์เล่าคะ เงียบหายเหมือนกัน”เมี้ยนนึกได้
“ไม่เงียบหรอกค่ะ นี่ก็มีจดหมายมาค่ะ ว่าที่เงียบหายไปเพราะกำลังเตรียมตัวสอบ อยู่เมืองไทยเอาแต่เล่นหัว สนุกเป็นลูกฝรั่งแต่ ไม่เก่งภาษาฝรั่งไปถึงนั่นเลยต้องมุมานะยกใหญ่ กลัวอายฝรั่งค่ะ” เดือนเล่า
“แล้วคนที่อยู่นี่เล่า ยัยพราวน่ะ เห็นตาธรรม์มานั่งมองหน้ามองตาทำท่าหม่นหมอง ประเดี๋ยวก็จะใจอ่อนใจสลายไปอีกครั้ง” คุณหญิงศรีหนักใจ
“ทำอย่างไรได้เล่าคะเราสั่งใจลูกก็ไม่ได้” คุณหญิงสะบันงาเหนื่อยใจ
“นั่งขลุกกับเปียโน ไม่เบื่อแย่หรือคะ เธอน่าจะไปหาอะไรที่สนุกสนานทำบ้างเธอยังสาวยังอายุในวัยที่ควรร่าเริง” เมี้ยนแนะ
“นี่ก็เปรยให้ฟังเสมอเรื่องร้องเพลงที่โรงแรม” คุณหญิงสะบันงาบอก
“เธอคงติดใจวันที่ไปเล่นไปร้องงานของเสด็จมังคะ” เดือนออกความเห็น
คุณหญิงศรีหันมาหาคุณหญิงสะบันงา
“ถ้าแกมาขอเธอจะว่าอย่างไรสะบันงา”
คุณหญิงสะบันงาพูดไม่ออก ได้แต่หนักใจ