xs
xsm
sm
md
lg

ดงดอกงิ้ว ตอนที่ 23

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ดงดอกงิ้ว ตอนที่ 23

ชโยดมกับปองฤทัย ถือของเยี่ยม เดินเข้ามาในห้องพักของสู่ขวัญ

“พี่ขวัญ เป็นยังไงบ้าง ผมกับคุณปองเอาของมาเยี่ยม”
เสียงชโยดมร่าเริง ที่เห็นพี่สาวปลอดภัย ปองฤทัยยกไหว้สู่ขวัญ สู่ขวัญรับไหว้ สีหน้าเศร้า
“ผมดีใจมากเลยนะตอนพยาบาลโทรบอกว่าพี่ขวัญฟื้นแล้ว”
“ลูก เขาไม่อยู่กับพี่แล้ว”
สู่ขวัญพูดจบ ก็ร้องไห้ออกมา ชโยดมจับมือสู่ขวัญ ให้กำลังใจ ปองฤทัยยืนมองเศร้าๆ
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร”
“พี่ไม่รู้เลยว่าที่ป่วยๆ เพราะว่าพี่ท้อง ถ้าพี่รู้พี่คงจะดูแลเขาให้ดีๆ จะได้ไม่เสียเขาไปแบบนี้”
“ผมรู้พี่เสียใจ แต่พี่ขวัญต้องทำตัวเองให้แข็งแรง เดี๋ยวเขาก็จะกลับมาเกิดกับเราอีกแน่ๆ นะ”
สู่ขวัญน้ำตาคลอ “ถ้ารบไม่ทำอย่างนั้น พี่คงไม่”
พลางปรายตาไปมองปองฤทัย ด้วยแววตาโกรธ ชโยดมรีบอธิบาย
“พี่ขวัญ ฟังผมนะ พี่ขวัญกำลังเข้าใจผิด”
สู่ขวัญทำหน้าไม่เข้าใจ ปองฤทัยเดินเข้ามาอธิบาย
“คุณรบมาหาปอง เพราะเรื่องดอกไม้ที่จะเอาไปให้คุณขวัญค่ะ”
สู่ขวัญ ได้ฟังแล้วก็อึ้งไป
“ถ้าคุณขวัญไม่เชื่อ ปองมีหลักฐาน ปองจะจดบันทึกทุกออเดอร์ของลูกค้าเอาไว้ มีวันที่ เวลากำกับ คุณขวัญสามารถดูได้เลย ปองยืนยันว่าปองบริสุทธิ์ใจ”
“แล้ววันนั้นก็มีเรื่องแปลกมากด้วยครับ ทั้งที่ออเดอร์มาจากพี่รบ แต่พอพี่รบไปที่ร้าน เขากลับบอกว่า ไม่ได้สั่งดอกไม้ไว้ คนที่โทรมาเป็นผู้หญิง บอกว่าเป็นคนใช้ที่บ้าน แต่พอถามใคร ก็ไม่รู้เรื่อง”
“มีคนจงใจจะให้พี่เข้าใจผิดงั้นเหรอ”
ปองฤทัยพยักหน้า “คิดว่าอย่างนั้นค่ะ”
สู่ขวัญหน้าเศร้าลงทันที พลางหันไปทางปองฤทัย
“คุณปอง ฉันไม่รู้จริงๆ ฉันขอโทษนะคะ”
ปองฤทัยเข้าไปจับมือสู่ขวัญ
“ไม่เป็นไรค่ะ แค่คุณขวัญไม่โกรธอะไรปองแล้ว ปองก็สบายใจ”
สู่ขวัญ หันมาทางชโยดม “โย แล้วรบล่ะ รบเป็นยังไงบ้าง”
ปองฤทัยกับชโยดมมองหน้ากัน ปองฤทัยขยับจะพูด แต่ชโยดมรีบแทรกขึ้น
“เขาทำแผลแล้วก็กลับไปพักที่บ้านแล้วครับ”
“ไม่เป็นอะไรมากใช่ไหม” สู่ขวัญถามด้วยความเป็นห่วง
“ครับ ไว้ผมจะให้พี่รบมาเยี่ยมพี่ขวัญนะ”
สู่ขวัญพยักหน้า เริ่มยิ้มออก ในขณะที่ปองฤทัยกลับรู้สึกกังวล

“คุณหมอไม่น่าบอกคุณขวัญแบบนั้”
ปองฤทัยหันมาบอกชโยดม หลังจากที่ทั้งคู่ออกมาจากห้องพักของสู่ขวัญแล้ว
“เรื่องพี่รบ?”
“ใช่ค่ะ”
ชโยดม ถอนหายใจ “คุณต้องเข้าใจผมนะ ถ้าพี่ขวัญรู้ เขาจะต้องไม่อยู่เฉยๆ แน่”
“แต่ซักวันพี่สาวคุณหมอก็จะรู้อยู่ดี”
“ผมรู้ครับ”
“คุณหมอรู้ คุณหมอก็น่าจะให้เขาไปเยี่ยมกันบ้างนะคะ เราคงรู้สึกไม่ดี ถ้าสามีนอนป่วยอาการปางตาย แต่เราไม่รู้เรื่องอะไรเลย”
ชโยดม ฝืนยิ้ม
“พี่ขวัญต้องรักษาตัว ถ้าจิตใจแย่ไปอีกคน อาจจะมีผลกับร่างกาย ผมยอมให้ใครเป็นอะไรมากกว่านี้ไม่ได้ ไว้ถึงเวลาผมจะบอกเอง นะครับ”
ชโยดมพูดสีหน้าจริงจัง จนปองฤทัยเห็นใจ พลางยิ้มให้กำลังใจ จนชโยดมรู้สึกดีขึ้น

แสงดาวยืนร้องไห้อยู่หน้าห้องไอซียู เป็นห่วงศึกรบ
“คุณรบ ดาวไม่ตั้งใจ ดาวไม่อยากให้คุณเป็นแบบนี้เลย ถ้าคุณเป็นอะไรไป ดาวจะทำยังไง “
แสงดาวร้องไห้ท่าทางเศร้าสร้อยหมดอาลัยตายอยาก แต่จู่ๆสีหน้าก็เปลี่ยน กำมือแน่น
“ไม่ ดาวไม่ได้ทำอะไรผิด ดาวไม่ได้ทำอะไรคุณ นังขวัญ นังขวัญคนเดียวถ้ามันไม่โง่ไม่โมโหร้ายถึงขนาดจะขับรถชนคุณ คุณก็ไม่เป็นแบบนี้”
แสงดาวมองไปที่ร่างของศึกรบ ที่นอนแน่นิ่ง สีหน้าเคียดแค้น
“ฉันจะแก้แค้นให้คุณเอง”

แสงดาวเปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้ม แววตาลอยๆ เหมือนคนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

ระรินกำลังออกจากองถ่ายละคร พอจะเดินไปรถ ธันวาที่ดักอยู่ก็โผล่ออกมา

“สวัสดีครับ”
ระรินผงะ ด้วยความตกใจ
“แกมาที่นี่ทำไม”
“ถามแปลก ผมก็มาหาคุณไง”
“ทำไมไม่โทรมาก่อน ไปเจอกันที่เดิมก็ได้นี่”
“ไม่ได้ ถ้าผมโทรมา คุณจะยอมเจอผมรึไง”
ระริน เบ้ปาก “รู้ก็ดีแล้ว จะไปไหนก็ไป”
พลางขยับตัวจะเดินหนี ธันวาดึงแขนไว้ ระรินรีบสะบัดออก
“รังเกียจ? ไม่กี่วันก่อนเห็นยังพูดจาหวานๆให้ผมฟังอยู่เลยนี่ คุณนี่มันเปลี่ยนเร็วดีนะ หึ”
“ไม่ต้องประชด อยากได้อะไรก็ว่ามา เงินฉันก็ให้ไปแล้วนี่”
“ผมไม่ได้มาเรื่องนั้น แต่ผมมาเรื่องนายศึกรบอะไรนั่น”
ระรินชะงัก
“ทำไม”
“ผมเห็นข่าว เขาเจออุบัติเหตุ ยังนอนโคม่าไม่ฟื้น จะลุกขึ้นมาได้วันไหนก็ไม่รู้ เป็นยังไงล่ะ ว่าที่พ่อของลูกคุณน่ะ ยังจะเอาอยู่ไหม สภาพนั้น”
“ฉันมีวิธีจัดการของฉันแล้วกัน”
ระรินเดินหนี ธันวารีบเดินตาม
“คุณจะทำอะไร?”
“มันเกิดได้ ฉันก็เอาออกได้เหมือนกัน”
ระรินยิ้มแบบสะใจ ก่อนที่จะก้าวฉับๆไปที่รถ ธันวาตกใจ ตะโกนตามไป
“คุณจะทำบ้าอะไร เพี้ยนไปแล้วเหรอ ลูกทั้งคนนะ ถึงคุณไม่รักเขา คุณก็ไม่ควรฆ่าเขาด้วยวิธีแบบนั้น ฟังผมสิ อย่าทำอะไรแบบนั้นเด็ดขาดเลยนะ”
ระรินไม่ฟังเสียง รีบขึ้นรถแล้วขับออกไปทันที

ในขณะที่ไอวี่ยังคงนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล โดยมีป้อมคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง ไอวี่มองป้อมเงียบๆ
“ป้อม ถามอะไรหน่อยได้ไหม”
“ได้สิ”
“ได้ไปดูคุณรบมารึเปล่า เขาเป็นยังไงบ้าง ฟื้นรึยัง”
“ยังเลย แต่เท่าที่ถามพี่ปอง ดูเหมือนจะยังทรงๆ ดูอาการวันต่อวันไป”
ไอวี่หน้าเศร้า “ฉันอยากไปเยี่ยมเขา”
ป้อมเดินมานั่งตรงหน้าไอวี่
“อย่าห่วงคุณรบเขาเลย แฟนเขากับคุณหมอคอยดูแลอย่างดี ตอนนี้เธอต้องรักษาตัวเองก่อนนะ ไว้ถ้าทุกอย่างมันดีขึ้น ฉันจะพาไป”
ไอวี่พยักหน้า ป้อมจับมือให้กำลังใจ

แสงดาว ค่อยๆ เปิดประตูห้องพักของสู่ขวัญ แล้วเดินเข้ามาอย่างเงียบเชียบ พลางไปหยุดอยู่ข้างเตียง สู่ขวัญสลึมสลือตื่นขึ้นมามองเห็นภาพเบลอๆ อยู่ในมุมมืด เป็นใครที่ไม่คุ้น เลยสะดุ้งตกใจลุกพรวดขึ้น
“ใครน่ะ ฉันถามว่าใคร”
แสงดาวเดินออกมาจากมุมมืด
“ดาวเองค่ะ”
“มาแบบนี้ตกใจหมดรู้ไหม”
แสงดาว แสร้งทำหน้าเศร้า
“ขอโทษที่ทำให้ตกใจค่ะ แต่ดาวไม่อยากรบกวน ว่าจะแค่แวะมาดูคุณสองคนแล้วก็ไป”
“งั้นเหรอ เอ๊ะ เธอไปดูคุณรบมาเหรอ เขาเป็นยังไงบ้าง อยู่ห้องไหน น้องชายฉันเขาบอกว่ากลับบ้านไปแล้ว”
แสงดาวตีหน้าเศร้ายิ่งกว่าเดิม
“คุณขวัญยังไม่รู้เหรอคะ”
“รู้อะไร” สู่ขวัญเริ่มสังหรณ์ใจ
“คุณสองคนเป็นเจ้านายที่ดาวทั้งรักทั้งเคารพ ดาวไม่อยากเห็นทุกคนเป็นแบบนี้เลยค่ะ”
“เธอพูดอะไรแสงดาว ฉันไม่เข้าใจ”
“ก็คุณขวัญต้องเจ็บหนัก แถมคุณรบ ตอนนี้ก็โคม่า นอนไม่รู้เรื่อง ไม่รู้เมื่อไหร่จะฟื้นอีก ดาว”
สู่ขวัญตกใจ “ว่าไงนะ คุณรบเป็นอะไร”
“คุณรบอยู่ที่ห้องไอซียู อาการโคม่า ไม่แน่ว่าจะเป็นหรือตายค่ะ”
สู่ขวัญได้ยินก็ร้อนรน ทนไม่ได้
“รบ”

สู่ขวัญกระชากสายน้ำเกลือออก แล้วรีบลุกวิ่งไปทางไอซียูทันที แสงดาวมอง พลางกระหยิ่มยิ้ม พอใจ
 
อ่านต่อหน้า 2

ดงดอกงิ้ว ตอนที่ 23 (ต่อ)

สู่ขวัญวิ่งมาหยุดที่หน้าห้องพักศึกรบ พลางมองร่างสามีที่นอนโคม่าอยู่ ด้วยความเสียใจ

“รบ ไม่จริง ไม่จริงใช่ไหม”
“จริงสิคะ จริงทุกอย่าง”
สู่ขวัญหันไปเจอไอวี่ เห็นผ้าพันแผลที่หน้า ก็ตกใจ
“ไอวี่ เธอ”
“ฉันจะยังไงมันไม่สำคัญ แต่คุณรบคือคนเดียวที่จะหยุดเรื่องทุกอย่างได้ แล้วดูสิ่งที่คุณทำลงไปสิคะ ดูให้เต็มตา”
“ฉัน ไม่ได้ตั้งใจ” สู่ขวัญน้ำตาคลอ
“เพราะคุณคนเดียว คุณรบถึงต้องไปนอนอยู่แบบนั้น เพราะคุณ”
สู่ขวัญเบือนหน้าหนี หันไปร้องไห้อีกทาง
“ฉันไม่รู้ ฉันไม่รู้ “
“ถ้าคุณรบเป็นอะไรไป ฉันจะไม่วันให้อภัยคุณเด็ดขาด คอยดู”
สู่ขวัญร้องไห้หนักขึ้น พยาบาลวิ่งตามหาสู่ขวัญมาถึงหน้าห้องพอดี
“คุณสู่ขวัญคะ มาอยู่นี่เอง คุณยังลุกไม่ได้นะคะ กลับห้องก่อนค่ะ”
พยาบาลรีบจับตัวสู่ขวัญไว้ ดึงจะพากลับห้อง สู่ขวัญดิ้นไม่ยอมไป
“ไม่ ฉันไม่กลับ ฉันจะดูแลคุณรบ”
“ไม่ได้นะคะ คุณสู่ขวัญ”
แสงดาวที่ซุ่มอยู่ไม่ไกลแอบยิ้มสะใจ
“ดี โทษกันเข้าไป ฉันจะได้ทำอะไรง่ายๆ”

ไอวี่ กำลังยืนล้างมือที่อ่างล้างหน้า ในห้องน้ำ แสงดาว เดินมาข้างหลัง พลางพูดเสียงเยาะเย้ย
“โอ๊ะ นี่ใครเนี่ย หน้าคุ้นๆ นะ”
ไอวี่หันไป ก็เห็นแสงดาวยืนยิ้มเยาะอยู่
“แก นังแสงดาว”
“ตายแล้วน้องไอวี่ ได้ข่าวเข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่นเลยนี่ ไปโดนอะไรมาเหรอจ๊ะ”
“อย่ามายุ่ง”
แสงดาว เบ้ปากเหยียดๆ
“ไม่ยุ่งไม่ได้สิ ฉันน่ะ เห็นใจ คนที่มีแต่หน้าตา เป็นอุปกรณ์ทำมาหากิน จู่ๆ เกิดใช้งานไม่ได้ งานก็ไม่มี เงินก็ไม่มี น่าเห็นใจนะ”
“แกเยาะเย้ยฉันแบบนี้ต้องการอะไร”
แสงดาว เชิดหน้า พลางยิ้มสะใจ
“ถามได้ ต้องการความสะใจไง”
“นังแสงดาว แกอยากโดนมากใช่ไหม ได้ จะสงเคราะห์ให้”
ไอวี่โกรธจัด พุ่งเข้าไปตบแสงดาว แสงดาวหลบทัน ไอวี่ตามไปดึงเสื้อไว้ ดึงจะมาตบให้ได้ แสงดาวอาศัยว่าแข็งแรงกว่ายื้อไอวี่ไว้ และฉวยจังหวะนั้น จับคอไอวี่ไว้แล้วเอื้อมมือไปกระชากผ้าพันแผลออก
ไอวี่ หันไปมองในกระจกเห็นหน้าตัวเองเละ ก็กรีดร้องลั่น
“อ๊าย”
“ใครกันแน่ที่ควรจะโดนสงเคราะห์ ดูตัวเองซะก่อนไป๊ หน้าตาทุเรศ นังหน้าผี”
ไอวี่เอามือปิดหน้าตัวเอง ร้องไห้ วิ่งหนีออกไป ชนคนอื่นไปทั่ว ป้อมเดินมา เห็นไอวี่ ก็รีบเข้าไปจับตัวไว้
“ปล่อย อย่ามาจับตัวฉัน ปล่อย”
ไอวี่กรีดร้องเหมือนคนเสียสติ
“ไอวี่ นี่ฉันเอง”
ไอวี่ยอมเปิดหน้าออก พอเห็นหน้าป้อม ก็ร้องไห้ออกมา
“ช่วยด้วย ป้อม ช่วยฉันด้วย ฉันไม่อยากมีสภาพแบบนี้”
ป้อมถอดเสื้อแจ็คเกตมาคลุมไอวี่ไว้ แล้วรีบพาเดินหลบไป แสงดาวตามมา เขม็งตามองด้วยความไม่พอใจ แต่ก็รีบหลบกลัวมีคนเห็น

ชโยดมมาเยี่ยมสู่ขวัญ ที่นั่งหมดอาลัยตายอยากอยู่บนเตียง
“พี่ขวัญดื้อไม่เปลี่ยน พิเรนทร์นะ ถอดสายน้ำเกลือวิ่งไปดูพี่รบเนี่ย ดูซิ พยาบาลเลยขอให้ผมมาช่วยดู”
“โยเบื่อ จะไปดูคนไข้อื่นก็ได้นะ”
“โยออกเวรแล้วครับ”
สู่ขวัญนั่งพิงขอบเตียง พลางถอนหายใจ
“โธ่พี่ขวัญ จะซังกะตายไปถึงไหน ผมรู้พี่ขวัญเป็นห่วงพี่รบ”
“ใช่”
ชโยดมเห็นสู่ขวัญเครียด เลยพยายามพูดตลกกลบเกลื่อน
“จะว่าไป พี่รบเป็นแบบนี้ก็ดีนะ ไปเจ้าชู้ ไปมีกิ๊กไม่ได้ ชีวิตพี่ขวัญจะสงบ จนมีเวลามานั่งถอนหายใจทิ้ง”
“โย ไม่ตลกนะ”
สู่ขวัญทำเสียงดุใส่
“ครับ รู้ๆ แค่ไม่อยากให้พี่ขวัญเครียดเอง”
“ต้องเครียดสิ ก็ที่เขาเป็นแบบนี้มันก็เพราะพี่ ถ้าวันนั้นพี่ไม่ใจร้อน อุบัติเหตุมันคงไม่เกิด เขาก็ไม่ต้องมาอยู่สภาพนี้ มันเป็นความผิดของพี่ ของพี่คนเดียว พี่ต้องชดใช้ให้เขา”

สู่ขวัญพูดพลางทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อีก ชโยดมมองพี่สาวด้วยความเห็นใจ

ป้อมเดินจูงมือไอวี่ที่ทำแผลใหม่เรียบร้อยแล้ว จะพากลับบ้าน

“ทำไมทำหน้าแบบนั้น ยิ้มหน่อยสิ นะ”
เห็นไอวี่เดินหมดอาลัยตายอยาก ป้อมเลยพยายามพูดปลอบ
“ถ้าป้อมเป็นแบบวี่ จะยิ้มออกงั้นเหรอ ส่องกระจกทีไร ก็เห็นใครไม่รู้หน้าตาน่าเกลียด มีแต่คนเรียกยัยหน้าผี ป้อมจะทนได้เหรอ”
“ทนไม่ได้ แต่ในเมื่อมันเป็นแบบนี้แล้วก็ต้องทน”
“ทำไมล่ะป้อม ทำไมวี่ต้องเจออะไรแบบนี้ด้วย”
ไอวี่น้ำตารื้น
“ไม่มีใครรู้หรอกว่าชีวิตวันนึงจะเจออะไรบ้าง เราก็แค่ใช้ชีวิตที่เกิดมาให้ดีที่สุด วี่ก็เหมือนกัน ขั้นแรกต้องยอมรับที่เป็นให้ได้ก่อน”
“แล้วมันจะดีงั้นเหรอ”
“ดีสิ ถ้าจิตใจเราดี ทุกอย่างก็จะดี แผลภายนอกที่ว่าแย่ ไม่ร้ายกาจเท่าแผลในใจหรอก รักษาข้างในก่อน เดี๋ยวข้างนอกหายเอง”
ไอวี่ ส่ายหน้า รับไมได้
“โลกสวยนะ ยังไงคนหน้าตาดีก็ได้เปรียบคนอื่นอยู่แล้ว ไม่งั้นเขาจะทำศัลยกรรมกันทำไม”
“พูดจริงๆ ไม่ได้สร้างความหวัง เคยเห็นไหม บางคนไม่ได้สวยหล่อ แต่พอเราคุยกับเขาแล้ว กลับรู้สึกดีอยากอยู่ใกล้ๆ เขา หน้าตามันไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตหรอก”
ป้อมยิ้มให้ด้วยความจริงใจ ทำเอาไอวี่พลอยยิ้มออกได้บ้าง

ธันวากำลังนั่งแต่งหน้าจะเข้าฉากละคร ทันใดนั้นตำรวจก็เดินเข้ามา คนในกองส่งเสียงฮือฮากันใหญ่
ธันวาลุกขึ้นไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น เห็นตำรวจยืนคุยกับคนในกอง ก่อนที่จะชี้มือมาทางเขา ตำรวจรีบเดินเข้ามาแล้วจับตัวธันวาไว้
ธันวาตกใจ โวยวาย คนในกองหันมามองกันหมด
“เฮ้ย จะทำอะไร ปล่อยสิวะ มาจับผมทำไม”
ตำรวจชูหมายจับให้ธันวาดู
“คุณธันวา เรามีหลักฐานว่าคุณสาดน้ำกรดคุณไอวิกา จากภาพในกล้องวงจรปิด ขอเชิญไปสอบปากคำที่สถานีตำรวจด้วยครับ”
ธันวาอึ้งไปสักพัก ก่อนจะโวยวายหนักกว่าเดิม
“ผมไม่ได้ทำ ผมโดนใส่ร้าย ไหนล่ะหลักฐาน จะมาพูดลอยๆ แล้วจับไปแบบนี้ไม่ได้นะ ปล่อยสิวะ”
ธันวาขืนตัวไม่ยอมไป แต่ตำรวจ ก็ลากออกไปจนได้

ระรินใส่หมวกปิดหน้าตา สวมแว่นดำอำพรางตัว เดินกล้าๆกลัวๆ เข้ามาในคลินิกทำแท้งเถื่อน คนที่นั่งรออยู่ หันมามองเป็นตาเดียว ระรินเอาผ้ามาปิดหน้าเดินไปเคาน์เตอร์เงียบๆ
“ฉัน”
พยาบาลเหลือบตามอง “รอคิวก่อนนะคะ ไม่นานหรอก”
“เธอรู้เหรอ ว่าฉันมาทำอะไร”
“คนมาที่แบบนี้เป้าหมายก็อย่างเดียวแหละค่ะ เชิญคุณระรินนั่งรอตรงนั้นนะคะ”
“ฉันไม่ใช่”
“ไม่ใช่ก็ไม่ใช่ค่ะ เชิญ”
พยาบาลผายมือไป ระรินเดินไปนั่ง คนที่นั่งรอหันมามองมากขึ้น เพราะจำระรินได้ ระรินก้มหน้า ด้วยความอาย
ครู่หนึ่งพยาบาล ก็เดินนำระรินเข้ามาด้านไหน พลางบอกให้นอนรอบนเตียง
“เดี๋ยวจะฉีดยานะคะ”
พยาบาลในชุดสีเขียวปิดหน้าตา เข้ามากับอีกหมออีกคนหนึ่ง ซุบซิบบางอย่างก่อนเตรียมอุปกรณ์
ระรินมือสั่น ตัวสั่นไปหมด หมอหยิบเข็มฉีดยาขึ้นมา ระรินมองเห็นเข็ม ก็หลับตาปี๋ ด้วยความกลัว
ระรินลืมตาขึ้น กำลังจะพูดให้หมอหยุด แต่จู่ๆ ประตูคลินิกก็เปิดออก ตำรวจบุกเข้ามาด้านใน
“ตำรวจ หนีเร็ว”
หมอกับพยาบาลจะวิ่งหนีออกหลังคลินิก แต่ตำรวจตามมารวบตัวไว้ทัน ระรินยังช็อกอยู่ ตำรวจหันมาบอกกับระริน
“ผมคงต้องรบกวนให้คุณไปให้ปากคำที่สน.ด้วยครับ”

ตำรวจเข้ามาจับตัวระริน ดึงให้ออกไปรวมกับคนในคลินิก ระรินทำอะไรไม่ถูก
 
อ่านต่อหน้า 3

ดงดอกงิ้ว ตอนที่ 23 (ต่อ)

ไอวี่นั่งเล่นอยู่ในห้อง ที่หอพัก ในขณะที่ป้อมออกไปข้างนอกคุยโทรศัพท์อยู่ สักพักก็เปิดประตูเข้ามา สีหน้าดีใจ

“ไอวี่”
“อะไรเหรอ”
“ตำรวจจับคนที่สาดน้ำกรดเธอได้แล้วนะ”
“จริงเหรอ” ไอวี่ตื่นเต้น
“ไปสถานีตำรวจกันเถอะ ตำรวจต้องการให้เธอไปดูตัว”
“ได้ รอฉันแป๊บนะ”
ไอวี่รีบแต่งตัวทันที ครู่หนึ่งทั้งคู่ก็มาถึงสถานีตำรวจ
“เชิญคุณชี้ตัวได้เลยครับ”
ไอวี่มองผ่านกระจก เห็นธันวานั่งปนอยู่กับชายอีก 4 คน ไอวี่กวาดสายตามอง แล้วกลับมามองธันวาอย่างพิจารณา แล้วชี้ไปที่เขา
“คนนี้แหละค่ะที่สาดน้ำกรดฉัน ตอนนั้นมันใส่หมวกกันน็อกก็จริง แต่ฉันจำแววตามันได้ค่ะ”
ตำรวจคุมตัวธันวาออกมา พอเห็นไอวี่ก็มองอย่างตกตะลึง ไอวี่ถามธันวาอย่างแค้นใจ
“แกทำฉันทำไม ไอ้เลว”
ไอวี่ปราดเข้าไปตบธันวา ตำรวจรีบเข้ามากันไว้ ป้อมเข้ามาจับตัวไอวี่
“วี่ อย่าวี่”
ธันวาพูดเสียงเลิ่กลั่ก
“ผม ผม ไม่ได้ตั้งใจ มีคนสั่งให้ผมทำ มีคนสั่งผม เชื่อผมนะ”
ตำรวจมองหน้าธันวา
“พอจะบอกได้ไหมว่าใคร”
ธันวาพยักหน้า ไอวี่กับป้อมหันมามองหน้ากัน อย่างมีความหวัง

ทางดานระรินก็ถูกคุมตัวขึ้นโรงพัก นักข่าวมาออกันเต็มโรงพัก รุมถ่ายรูป พลางยื่นไมค์จ่อปาก พร้อมกับยิงคำถามเป็นชุด
“คุณระรินไปคลินิกนั้นเพื่อทำแท้งใช่ไหมคะ”
“ที่ทำแท้งนี่เพราะพ่อของเด็กไม่ยอมรับรึเปล่า”
“ทำไมต้องการจะเอาเด็กออกคะ เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของคุณกับไฮโซที่เป็นข่าวใช่ไหม”
ระรินพยายามปิดหน้าปิดตา เดินหลบหลังตำรวจ
“รินขอไม่ตอบ ทุกเรื่องตอนนี้นะคะ ขอโทษด้วยค่ะ”
นักข่าวยังตามมารุมถ่ายรูปกับตะโดนถาม ตำรวจกันตัวเข้าไปด้านใน ระรินหันไปบอกตำรวจ
“ฉันจะติดต่อทนาย”
“เดี๋ยวจัดการให้ครับ”
“ฉันอยากคุยเอง คุณเอาโทรศัพท์ให้ฉันก็พอ”
“ตอนนี้ยังไม่ได้ครับ”
ระริน เริ่มไม่พอใจ “อะไร ไอ้นั่นก็ไม่ได้ ไอ้นี่ก็ไม่ได้ จะรังแกประชาชนรึไง”
ตำรวจอีกคนเดินเข้ามาได้ยิน ก็รีบพูดสวนทันที
“เราไม่ได้รังแกประชาชนครับ แต่คุณระริน จำเป็นต้องอยู่เพื่อรับทราบอีกข้อกล่าวหาต่างหาก”
ระริน หันขวับไปทันที “เรื่องอะไร”
ตำรวจหยิบมือถือที่ถ่ายรูปธันวาตอนโดนจับให้ระรินดู ระรินถึงกับอึ้ง
“ผมว่าคุณคงรู้จักคนคนนี้ดี เขาให้การซัดทอดว่าคุณเป็นคนจ้างวานให้เอาน้ำกรดไปสาดเพื่อทำร้ายคุณไอวิกา”
“ไม่จริง” ระรินโวยวายเสียงดัง
“รบกวนคุณระรินให้ปากคำกับทางตำรวจด้วยครับ”
ระรินหมดแรง ยืนเซ จนตำรวจต้องช่วยกันพยุง

สู่ขวัญนั่งซึมอยู่บนเตียงคนไข้ ปองฤทัยเดินเอากระเป๋าเสื้อผ้าของสู่ขวัญมาวางไว้
“ปองจัดการเก็บเสื้อผ้าให้คุณขวัญแล้วนะคะ”
“ขอบคุณมากค่ะคุณปอง”
ปองฤทัย ยิ้มจริงใจ
“คุณหมออนุญาตให้กลับบ้านแล้วก็ดีนะคะ นอนโรงพยาบาลนานๆ คุณขวัญคงเบื่อ”
“จริงๆ พี่สมควรจะไปนอนแทนรบด้วยซ้ำ แต่รบเขาโชคร้าย เขาเลยต้องรับเคราะห์แทน”
“อย่าพูดแบบนี้เลยค่ะ เราไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว จะได้มาดูแลคนอื่นได้ไงคะ”
สู่ขวัญไม่พูดตอบ พลางนั่งคิดอะไรบางอย่าง ชโยดมเดินเข้ามาในห้อง ยิ้มให้ทั้งคู่
“ผมจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายเรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวขนของขึ้นรถแล้วกลับบ้านกันนะครับพี่ขวัญ”
ชโยดมช่วยยกกระเป๋าของสู่ขวัญจะเดินออกไป ปองฤทัยช่วยขนของเล็กๆน้อยๆ เดินตาม แต่สู่ขวัญไม่ยอมลุก
“โย”
ชโยดมหันมา “ครับ?”
“พี่ยังไม่อยากกลับ”

ชโยดมกับปองฤทัย หันมามองหน้ากัน แปลกใจในท่าทีของสู่ขวัญ

สู่ขวัญมาเฝ้าศึกรบ ที่ห้องไอซียู พลางมองสามี ด้วยความเสียใจมาก

“รบ ฟื้นขึ้นมาเถอะนะ มาคุยกับขวัญ มาอยู่กับขวัญ ขวัญให้อภัยคุณ ขวัญขอโทษสำหรับทุกอย่าง จะปาฏิหาริย์หรืออะไรก็ได้ แค่คุณฟื้นขึ้นมา ขวัญยอมทุกอย่าง”
สู่ขวัญพูดไปร้องไห้ไป ชโยดมเข้าไปหาพี่สาว พลางพูดอ้อนวอน
“พี่ขวัญ กลับบ้านเราก่อนเถอะนะ ผมจะคุยกับหมอให้ เราจะทำทุกอย่างให้พี่รบฟื้น”
ปองฤทัยพยายามช่วยพูดด้วย
“คุณขวัญต้องพักผ่อนนะคะ ถ้าคุณไม่แข็งแรง คุณจะดูแลคุณรบยังไง”
“ไม่ ฉันไม่กลับ ฉันจะอยู่จนกว่ารบจะฟื้น”
ชโยดม ถอนหายใจ “พี่ขวัญ ทำไมไม่เชื่อผมบ้าง”
“โยอย่าห้ามพี่เลยนะ พี่ขอร้อง”
สู่ขวัญร้องไห้หนักขึ้น จนชโยดมเริ่มอ่อนใจ

นักข่าวยังคงปักหลักเฝ้าระรินอยู่ที่โรงพักเต็มไปหมด ระรินหน้าเครียด ก่อนที่จะตัดสินใจกดโทรศัพท์หาแจ๊ส พลางเดินวนไปมา แล้วบ่นอย่างร้อนใจ
“ทำไมไม่รับนะ แจ๊ส”
แจ๊สตัดสายระรินทิ้ง ระรินพยายามโทรกลับ แต่แจ๊สปิดเครื่องหนี
“ปิดเครื่องเหรอ นังแจ๊ส นังคนทรยศ เวลาทำเงินก็รักจะเป็นจะตาย พอทำอะไรไม่ได้ก็ถีบหัวส่ง“
ระรินกรีดร้องออกมาอย่างเหลืออด ทั้งโกรธ ทั้งเจ็บใจ

หมอเดินเข้ามาหาไอวี่ในห้องตรวจ ไอวี่ตื่นเต้น ป้อมนั่งอยู่ข้างๆ คอยให้กำลังใจ
“เดี๋ยวหมอจะแกะผ้าพันแผลเพื่อดูแผลนะครับ”
ไอวี่พยักหน้า หมอค่อยๆ ดึงผ้าพันแผลออก ไอวี่หลับตาปี๋
“แผลสมานดีแล้วนะครับ เดี๋ยวหมอจะให้ยาทาไปเพิ่ม จะได้เป็นแผลเป็นน้อยที่สุด”
ไอวี่ ลืมตา
“ อะไรนะคะ เป็นแผลเป็นด้วยเหรอคะ หนูขอกระจกหน่อยค่ะ”
หมอเอากระจกมายื่นให้ดู ไอวี่มองหน้าตัวเองในกระจก เห็นเป็นแผลเหวอหวะ ก็รับไม่ได้ กรีดร้องออกมา
“ ไม่ ไม่ ไม่”
ไอวี่เขวี้ยงกระจกทิ้งลงพื้น วิ่งเตลิดออกจากห้อง ป้อมตกใจ หันไปบอกหมอ
“ผมตามเองครับ”
ไอวี่วิ่งไปตามทางเดินในโรงพยาบาล ป้อมวิ่งตามมา แต่ไอวี่ก็หายไปแล้ว
“ไอวี่ ไอวี่”
ป้อมก็เห็นไอวี่ รีบเดินออกไปข้างนอกโรงพยาบาลแล้ว ก็รีบวิ่งตามไป

ไอวี่มายืนบนดาดฟ้าของตึกสูง พลางมองลงไปเบื้องล่าง แล้วก็ร้องไห้อย่างหนัก ก่อนที่จะค่อยๆปีนขึ้นไปยืนบนระเบียง ยืนเหม่อมองไปข้างหน้า อย่างหมดอาลัยตายอยาก
ป้อมวิ่งหาไอวี่มาตามถนน มองซ้ายขวาแต่ก็ไม่เจอ จนเริ่มเหนื่อย แต่ยังไม่ถอดใจ พลางเดินเข้าไปถามชายคนหนึ่ง
“พี่ครับ เห็นผู้หญิงวิ่งมาทางนี้ไหมครับ เขาเป็นแผลที่หน้า ผมตามหาเขาอยู่”
“คุ้นๆ นะ เหมือนเห็นวิ่งไปบนตึกนั้น”
ป้อมตกใจรีบวิ่งไปทันที
ไอวี่กลั้นใจ หลับตาจะกระโดดจากระเบียง แต่จู่ๆก็มีคนมาคว้าตัวไอวี่ลงมาได้ทันเวลา ทั้งคู่กลิ้งไปบนพื้นดาดฟ้า ไอวี่รีบลุกขึ้นมา โวยวาย
“ปล่อยฉันนะ ปล่อย” ไอสี่โวยวาย พลางหันไปเห็น “ป้อม”
“อย่าคิดสั้นนะไอวี่”
ไอวี่ ร้องไห้โฮ
“จะตามวี่มาทำไม วี่อยากตาย ได้ยินไหม วี่อยากตาย”
“ทำไมพูดแบบนั้น เธอจะตายไม่ได้นะ”
“หน้าเหมือนผีแบบนี้อยู่ไปก็อายเปล่า ปล่อยฉัน”
ไอวี่สลัดออกจากป้อม แล้วลุกขึ้นจะไปทางระเบียงอีก ป้อมตามไปยื้อไว้ ไอวี่ดิ้น จนป้อมต้องกอดแน่นไม่ให้หลุดไปได้
“ตั้งสติซะทีไอวี่ อย่าทำอะไรโง่ๆ”
ไอวี่หยุดดิ้น แต่ยังร้องไห้ โวยวาย
“ปล่อย ฉันไม่เหลืออะไรแล้ว หน้าฉัน น่าเกลียดแบบนี้คงไม่มีคนจ้างฉันแล้ว ฉันจะทำยังไง อยู่ไปก็ไม่มีความหมายหรอก”
“ทำไมจะไม่มีล่ะ”
“คนน่าเกลียดแบบฉัน ไม่มีใครอยากอยู่ใกล้หรอก ไปไหนเขาก็รังเกียจ”
ป้อม มองหน้าไอวี่ แววตาจริงใจ
“ไม่จริง ฉันไงที่ไม่เกลียดเธอ ต่อให้เธอน่าเกลียดกว่านี้ฉันก็จะอยู่กับเธอ ฉันไม่ทิ้งเธอเด็ดขาด ชีวิตมันมีค่ามากนะไอวี่ กลับไปกับฉัน ไปเรียนให้จบ ถ้าเธอเรียน เธอจะทำอย่างอื่นได้มากกว่าอาศัยแค่หน้าตาที่มันไม่ใช่สิ่งจีรัง มันยาก แต่ฉันจะช่วย ขออย่างเดียวอย่าตายเลยนะ อย่างน้อยอยู่เพื่อฉันนะวี่”

ไอวี่มองหน้าป้อม แล้วก็ปล่อยโฮออกมา ก่อนที่จะโผเข้ากอดป้อม ป้อมกอดตอบ พลางลูบหัวปลอบใจ
 
อ่านต่อหน้า 4

ดงดอกงิ้ว ตอนที่ 23 (ต่อ)

แสงดาวนั่งดูข่าวในโทรทัศน์ เห็นข่าวระรินโดนจับที่คลินิกทำแท้ง กับจ้างวานสาดน้ำกรดพริตตี้ ก็ยิ้มพอใจ

“นังโง่ระริน อยากเรียกร้องมากนัก ดูซิ ว่าแกเหลืออะไรบ้าง สมควรแล้ว ที่จะไม่เหลืออะไรเลย นังเด็กไอวี่นั่นก็หน้าเละไปแล้ว เหลือก็แต่”
แสงดาวเปิดรูปศึกรบที่ถ่ายคู่กับสู่ขวัญในมือถือขึ้นมาดู
“สู่ขวัญ ถ้าไม่มีแกอีกคน”
แสงดาวยิ้มร้าย คิดแผนกำจัดสู่ขวัญ

สู่ขวัญนั่งเฝ้าศึกรบอยู่ในห้อง พลางจับมือสามีไว้แน่น แล้วพูดเสียงเศร้าๆ
“รบ คุณหลับไปนานแล้วนะ กำลังฝันอะไรอยู่เหรอ ถ้าคุณฟื้นขึ้นมาคุณต้องมาเล่าให้ขวัญฟังนะ”
สู่ขวัญเอามือศึกรบแนบหน้าตัวเอง
“ขวัญก็มีความฝันนะ จำตอนที่เราจะไปฮันนีมูนยุโรปกันได้ไหม ไว้คุณตื่น ขวัญว่าจะลางานซักเดือน แล้วเราไปเที่ยวยุโรปด้วยกันดีไหม คุณชอบยุโรปนี่นา เราก็ไปซื้อของ เที่ยวด้วยกัน เราจะอยู่ด้วยกัน มีลูกอีกหลายๆคนเลยดีไหม”
สู่ขวัญหลับไปข้างเตียงศึกรบ ในขณะที่ยังจับมือสามีแน่น

สู่ขวัญมานั่งดูแลกับศึกรบทุกวัน พลางจับมือสามีไว้แน่นทุกครั้ง จนมือศึกรบค่อยๆเริ่มขยับ สู่ขวัญรู้สึกตัว ตื่นขึ้นมาดู มองเห็นศึกรบลืมตาตื่นขึ้นมา พลางพยายามเอื้อมมือไปหาสู่ขวัญ
“รบ คุณฟื้นแล้ว”
สู่ขวัญโผเข้ากอดศึกรบ พลางร้องไห้ด้วยความดีใจ ศึกรบมองหน้าสู่ขวัญ น้ำตาไหลด้วยความดีใจเหมือนกัน

ปองฤทัยจัดดอกไม้เสร็จ หยิบขึ้นมาดูด้วยความพอใจ ชโยดมเข้ามาในร้านพอดี ปองฤทัยหันไปต้อนรับ
“คุณหมอ มาพอดี ปองจัดดอกไม้เยี่ยมคุณรบเสร็จแล้วค่ะ”
ชโยดมพูดยิ้มๆ
“งั้นคงเป็นของรับขวัญคนป่วยที่เพิ่งฟื้นได้ดีเลยล่ะครับ”
“ค่ะ แต่เอ๊ะ เพิ่งฟื้นเหรอคะ?”
“พี่ขวัญเพิ่งโทรหาบอกผม ว่าพี่รบฟื้นแล้วครับ”
ปองฤทัย ยิ้มดีใจ “จริงเหรอคะ”
“ครับ ไปโรงพยาบาลเลยดีไหม”
“ไปสิคะ”
ปองฤทัยหยิบช่อดอกไม้ แล้วรีบตามชโยดมไปขึ้นรถทันที

หมอเข้ามาตรวจอาการศึกรบในห้อง โดยมีสู่ขวัญนั่งอยู่ข้างๆ
“หลังจากนี้ร่างกายของคนไข้จะค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้นนะครับ คงต้องใช้เวลารักษา บวกกับกายภาพบำบัดอีกสักสองสามเดือน แต่ถ้าคนไข้ดูแลตัวเองดีก็มีโอกาสฟื้นตัวเร็วกว่านี้”
สู่ขวัญจับมือศึกรบ ยิ้มให้กำลังใจ ศึกรบจะพลิกตัวไปทางสู่ขวัญ แต่ขยับขาไม่ได้ ศึกรบตกใจมาก
“รบ เป็นอะไรไปคะ”
“ขวัญ ขา ทำไมผมขยับขาไม่ได้”
สู่ขวัญตกใจ พลางจับขาศึกรบดู
“ชาเหรอ เป็นอะไรน่ะรบ”
“ทำไมขาผมไม่รู้สึกอะไรเลย หมอ ผมเป็นอะไร บอกผมสิ”
หมอหยุดคิดนิดหนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจพูด
“เราตรวจพบว่าไขสันหลังฉีกขาด อาจจะทำให้มีผลต่อระบบประสาท ถือว่ายังโชคดีนะครับ ที่มีผลแค่ช่วงล่าง ตอนนี้ยังเดินไม่ได้”
“แล้วเมื่อไรผมจะเดินได้”
หมอส่ายหน้าช้าๆ “หมอยังบอกไม่ได้ครับ”
ศึกรบอึ้งไป พลางเอามือทุบขาตัวเอง
“ทำไม ทำไมไม่รู้สึกเล่า โว้ย”
สู่ขวัญกอดศึกรบไว้ พลางลูบหลังปลอบใจ
“รบ ใจเย็น คุณจะหาย คุณจะไม่เป็นอะไร”
“นี่ผมต้องพิการตลอดชีวิตเหรอขวัญ”
สู่ขวัญหันไปทางหมอ
“หมอคะ ฉันไม่เกี่ยงเรื่องค่ารักษา จะเท่าไหร่ก็ได้ ขอแค่เขาหาย หมอช่วยด้วยนะคะ”
สู่ขวัญมองหมออย่างมีความหวัง ในขณะที่หมอได้แต่สายหน้า

ไอวี่ใส่หมวก แว่นดำ เอาผ้าคลุมหน้า เดินออกจากห้องลงมาชั้นล่าง กำลังจะไปเรียน คนที่ผ่านไปมาด้านล่างมองไอวี่แปลกๆ เหมือนเป็นตัวประหลาด ไอวี่หงุดหงิด
“มองอะไร ไม่เคยเห็นคนรึไง”
คนแถวนั้นเดินหลบๆ ไอวี่ออกไป เปรี้ยวที่กลับจากเที่ยวต่างประเทศ เดินหิ้วกระเป๋าเดินทางเข้ามาพอดี ไอวี่จะหลบ แต่เปรี้ยวเรียกก่อน
“ไอวี่ ไอวี่ใช่ไหม”
เปรี้ยวเดินจับตัวไอวี่ให้หันมาหาตัวเอง
“แกไปโดนอะไรมา ทำไมต้องปิดหน้าปิดตาด้วย”
“อย่ายุ่งกับฉัน”
ไอวี่จะหนี เปรี้ยวดึงไว้ ไอวี่ยื้ออีก เปรี้ยวเลยกระชากผ้าคลุมหน้าออก ไอวี่ช็อก ในขณะที่เปรี้ยวยืนอึ้ง
“วี่ หน้าแก”
ไอวี่อายมากรีบเอาผ้ามาปิดหน้า
“เห็นแล้วใช่ไหม หน้าฉันมันเป็นแบบนี้ไปแล้ว แกคงรังเกียจฉันใช่ไหม”
“วี่ คือ ฉันเห็นข่าวอยู่ แต่ไม่คิดว่ามันจะ”
ไอวี่ หน้าเศร้า “มันจะเละขนาดนี้ใช่ไหม”
“เอ้ย ไม่ใช่แบบนั้น อย่าคิดมาก สมัยนี้เก็บเงินหน่อยก็ศัลยกรรมได้ ไม่เป็นไรหรอกนะ”

ไอวี่หลบตาเปรี้ยว เปรี้ยวมองหน้าไอวี่แบบแหยงๆ แต่พยายามยิ้มกลบเกลื่อน

ปองฤทัยกับชโยดมเดินมา ที่ห้องไอซียู พร้อมช่อดอกไม้เยี่ยม เจอสู่ขวัญนั่งเศร้าอยู่ ชโยดมรีบเข้าไปหาสู่พี่สาวทันที

“พี่ขวัญ พี่รบเป็นไงบ้าง”
สู่ขวัญร้องไห้โฮ ชโยดมสงสัย
“มีเรื่องไม่ดีงั้นเหรอ”
สู่ขวัญพยักหน้า “โย พี่ทำผิด ผิดกับรบมากๆ เพราะว่าพี่ใจร้อน พี่เลยทำให้เขา ต้องเป็นแบบนี้”
“เป็นอะไรคะคุณขวัญ” ปองฤทัยถามอย่างเป็นห่วง
“รบ รบอาจจะเดินไม่ได้อีกแล้ว”
ปองฤทัยกับชโยดมตกใจ
“มีปัญหาเรื่องไขสันหลังเหรอพี่ขวัญ”
“ใช่ ถ้าพี่ไม่ขับชนเขา เขาต้องไม่เป็นอะไร แต่นี่”
ชโยดมพยายามพูดปลอบใจพี่สาว
“ไม่เป็นไรนะพี่ มันเป็นอุบัติเหตุ พี่ขวัญหักหลบแล้ว ใครจะไปคิดว่า มันจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น”
“ใช่ค่ะ อย่าโทษตัวเองเลยนะคะ”
“พี่อยากชดเชยให้เขา”
ปองฤทัย มองหน้าสู่ขวัญอย่างงงๆ “ยังไงคะ”
“ฉันทำให้เขาเดินไม่ได้ ฉันทำให้เขาเสียลูกไป ถ้ามีลูกคงพอจะปลอบใจเขาได้บ้าง”
“สมัยนี้เราทำกิฟต์ได้พี่ขวัญ โอกาสยังมี ไม่ต้องเสียใจ ผมจะช่วยหาข้อมูลให้นะ”
“โยต้องช่วยพี่นะ”
-สู่ขวัญเริ่มมีความหวัง ชโยดมพยักหน้า ส่วนปองฤทัยแอบมองด้วยความเศร้าใจ

ป้อมเข้ามาหาไอวี่กับเปรี้ยวที่ยืนคุยกันอยู่
“ป้อม”
ป้อม ยิ้ม พลางหันไปทักเปรี้ยว “อ้าว กลับจากฮ่องกงแล้วเหรอเปรี้ยว”
“ใช่ สนุกมากเลย เอ่อ แต่ก็เป็นห่วงวี่มัน ไม่นึกเลย” พูดพลางมองหน้าไอวี่
“ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวก็หาย ไปเรียนกันเถอะ”
ไอวี่ยิ้มให้ป้อม ซึ้งใจจนเหมือนจะร้องไห้ เปรี้ยวรีบถาม
“มารับวี่เหรอ”
“ใช่ วี่เพิ่งออกจากโรงพยาบาล ต้องดูแลตัวเอง ให้นั่งรถเมล์ไปคงไม่ดี เราเลยมารับ”
“เสมอต้นเสมอปลายจริงนะป้อม ฝากเพื่อนฉันด้วย”
“ได้ ไม่ต้องฝาก ฉันก็ดูแลมาตลอดอยู่แล้วน่า แค่อาจจะไม่เห็น”
ป้อมยิ้มเขินๆ เปรี้ยวพูดล้อๆป้อม
“แหม คนดีจริงใจขนาดนี้ ทำไมเพื่อนฉันเมินลงนะ”
ไอวี่ยืนเงียบ แอบซึ้งใจ ที่ป้อมคอยช่วย แต่พยายามกลบเกลื่อน
“จะคุยอีกนานไหม ไม่ไปเรียนเหรอ จะสายแล้วนะ”
“เอ้อ จริงด้วย ไป”

ป้อมเดินนำไปที่รถ ไอวี่รีบเดินตามไป เปรี้ยวโบกมือให้ทั้งคู่ แล้วยิ้มอย่างมีความสุข
 
อ่านต่อตอนที่ 24
กำลังโหลดความคิดเห็น